“มาถึงขั้นนี้แล้ว กูเริ่มจะคิดแล้วนะว่าเงินรางวัลสี่แสนที่เกมเตรียมไว้ให้ มันจะพิเศษยังไงกันแน่”
“อย่างน้อยหนึ่งในความพิเศษนั้น มันก็คือการนำเราสองคนเข้ามาล่าท้าวิญญาณในที่ที่เคยเกิดเรื่องราว โดยมีผู้เป็นเจ้าของคือฆาตกรตัวจริง”
“กูไม่นอนแล้วดีไหม? มันปั่นป่วนแบบบอกไม่ถูก กูอยากออกไปที่บ้านหลังนั้นใจแทบขาดแล้วเนี่ย”
“อย่าดีกว่าภพ นอนหลับสักตื่นแล้วกันค่อยออกไปหาความจริง เราสองคนแทบหมดแรงแล้วนะ”
“อืม แล้วแผลมึงเป็นไงบ้างที่หัวเข่าหนะ?”
“นี่เหรอ กูอาบน้ำล้างเศษฝุ่นเศษอะไรไปแล้ว มันไม่ได้ลึกมากหรอก อีกอย่างก็ทายาแล้วด้วย ไม่ต้องห่วง”
“งั้นมึงก็รีบนอนได้แล้ว พักผ่อนเยอะๆ มึงเหนื่อยมามากแล้ว”
“มันมีแค่กูรึไงที่เหนื่อย ไม่ต้องทำตัวเป็นพ่อพระเอก ล้มตัวลงนอนได้ละ เครียดมากๆหน้าแก่ก่อนวัยออกไปหาเมียมีลูกแบบที่มึงต้องการไม่ได้นะ”
การขู่ที่ทำให้ใจผมรู้สึกเจ็บขึ้นมานำให้ไอ้ภพนอนลงได้ แต่สายตาของมันกลับตวัดขึ้นมองผมด้วยความรวดเร็ว กระนั้นผมกับแสร้งหัวเราะและไม่สนใจที่จะเก็บมาคิด ก่อนจะหันหน้าเข้าหน้าอกมันด้วยท่านอนท่าประจำอย่างเคย พลางในหัวก็คิดถึงแต่คำพูดตนเองและรู้สึกผิดที่ต้องพูดความจริงออกไป
ยิ่งเกมถูกเปิดโปงมามากขึ้นเรื่อยๆ นั่นเท่ากับว่าระยะเวลาที่ผมจะได้อยู่ในบ้านหลังนี้เริ่มใกล้จะหมดลง หากผมและไอ้ภพมีชีวิตรอดกลับไป ผมตั้งใจไว้แล้วว่าจะตักตวงความสุขในบ้านนี้ให้เต็มตื้น ก่อนจะปล่อยให้ไอ้ภพไปตามหาทางและอิสระของตนเอง มันเคยบอกผมว่ามันอยากมีลูก มันอยากมีครอบครัวทดแทนสิ่งที่มันเคยเสีย ด้วยใจที่รู้ว่ารักมันมาก ผมจึงไม่อาจรั้งมันไว้ได้ และเตรียมปล่อยให้เรื่องทั้งหมดขึ้นกับโชคชะตาอีกครั้ง
อากาศร้อนอบอ้าวยามบ่าย สอดแทรกทำลายความฝัน ปลุกชายหนุ่มผู้ง่วงงันให้ตื่นจากนิทรา…ผมสะลืมสะลือตื่นขึ้นมาทั้งที่หนังตายังคงปิด อากาศในหน้าหนาวไม่อาจช่วยให้การนอนหลับสบายขึ้นได้เลย ประเทศไทยที่มีแต่ฤดูร้อนเช่นนี้ ทำให้การวาดฝันที่จะนอนยาวๆของผมเป็นอันต้องล้มลง แต่นั่นก็ไม่ใช่ทั้งหมดที่ทำให้ผมตัดสินใจลืมตา ที่ว่างอุ่นร้อนข้างตัวนั่นต่างหากที่เป็นดั่งนาฬิกาปลุกชั้นดี สะกิดให้ความรู้สึกตัวของผมกลับมายังโลกแห่งความเป็นจริง
ผมนอนเกลือกกลิ้งอยู่นานสองนานจนเมื่อสติรับรู้ได้ว่าตนไม่ได้นอนอยู่บนเตียงที่หอ ร่างกายก็ดีดพรวดลุกขึ้นมาด้วยความรวดเร็ว หากแต่แววตายังคงปิดสนิท ก่อนที่จะรีบเช็ดหน้าเช็ดตาแล้วหันไปมองหาไอ้ภพทุกที่ในห้องนอนพลางใช้ประสาทสัมผัสทางหูฟังแว่วเสียงที่อาจเกิดขึ้นด้านล่าง และเมื่อพบว่าทุกอย่างในบ้านนิ่งสนิทเกินไป ผมถึงได้รีบวิ่งลงมาดูความว่างเปล่าที่เกิดขึ้น
ไอ้ภพคงรีบลุกออกจากเตียงไปก่อนผมตื่นไม่นานนัก เพราะไออุ่นของมันยังคงรายล้อมอยู่รอบบ้าน ใจของผมตอนนี้เริ่มเป็นกังวลแบบบอกไม่ถูก แม้จะรู้ว่าไอ้ภพมันเข้าไปในบ้านหลังนั้นได้สองครั้งแล้วโดยไม่มีปัญหาตามมาทั้งๆที่มีกล้องมาติดเพิ่มไว้ หากแต่เรื่องราวที่ผมพึ่งจะได้รับรู้ กลับทำให้พฤติกรรมเดิมๆเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง สถานการณ์ตอนนี้ไม่อาจจะปลอดภัยได้เลยแม้แต่วินาทีเดียวที่ผมยังหายใจ
โต๊ะตัวยาวหน้าตู้หนังสือกลายเป็นแหล่งพักพิงสุดท้ายที่ดึงผมให้เข้าไปนั่งพัก ลางสังหรณ์แปลกๆที่ตื่นขึ้นมาพร้อมผมส่งสัญญาณบางอย่างที่ไม่อาจยอมรับได้ขึ้นมาจนใจกระตุกวูบ มือและเท้าของผมต่างก็อยู่ไม่นิ่ง เดินวนหยิบจับสิ่งของในบ้านไปมาคล้ายกับต้องการให้การกระทำพวกนั้นบรรเทาความคิดในหัวให้เบาลงไปบ้าง จนสุดท้ายเมื่อรู้ว่าตนเองไม่มีทางกลับเป็นปกติได้แน่จนกว่าจะเห็นหน้าไอ้ภพ หนังสืออ่านเล่นจึงถูกหยิบยกขึ้นมาเปิดฆ่าเวลาไปพลางๆแทน
ไม่รู้ว่าเพราะเสียงนาฬิกาที่ตีบอกเวลาครบชั่วโมงมาได้สามครั้งหรือเป็นเพราะเรื่องราวของลุงคำที่ทำให้สมองของผมตอนนี้ต้องทำงานอย่างหนัก หลังจากที่ผมอ่านหนังสือไปด้วยความทรมานใจจนเสร็จสิ้นไปหลายเล่ม ภารกิจที่ผมต้องทำในคืนนี้จึงถูกหยิบยกขึ้นมาอ่านแทน โดยเนื้อความด้านในสามารถทำให้ใจของผมสั่นกลัวไปมากกว่าเดิม ยิ่งกว่าทุกครั้งที่ผมอ่าน ไม่ใช่เพราะมันเป็นการท้าทายที่โหดร้ายทารุณ หากแต่หนังสือเล่มที่อยู่ถัดจากเกมกระดานดำ กลายเป็นหนังสือที่ภายในระบุไว้เพียงเกมๆเดียวทุกเล่ม อย่างกับรู้ว่าเหตุการณ์วันนี้จะเกิดขึ้น และที่สำคัญนั้น เกมที่พวกผมต้องเล่นกันยังเป็นเกมที่พวกผมเคยทำกันมาแล้วครั้งหนึ่งในบ้านนี้
ผมรีบปิดหนังสือและเหวี่ยงมันกลับเข้าตู้แบบเดิมโดยไม่รีรอ ใจของผมตอนนี้รู้สึกสั่นระทึกพาลให้น้ำตาจะไหล หางตาของผมก็เอาแต่จับจ้องไปที่นาฬิกาพร้อมความกังวลที่ตีตื้นขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว อีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงหลังจากนี้จะเป็นเวลาเดดไลน์ที่บังคับให้พวกผมสองคนอาศัยอยู่แต่เพียงในบ้าน นั่นจึงหมายความว่าหากไอ้ภพกลับมาไม่ทัน มันจะถูกบังคับออกทันทีโดยไม่ต้องใช้ข้อแม้สักข้อเดียวอย่างคราวที่ผ่านๆมา
ไอ้ภพ….มึงหายไปอยู่ไหน ผมเดินวนเวียนในบ้านนี้ด้วยความลังเล ใจด้านหนึ่งก็สั่งให้ผมวิ่งออกไปหาไอ้ภพ แต่ใจอีกด้านกลับสั่งให้ผมอยู่นิ่งๆตรงนี้เพราะบางทีไอ้ภพอาจจะกำลังรีบกลับมา และถ้าช่วงที่ผมตัดสินใจปีนออกไปเป็นช่วงที่แขกคนสำคัญมาที่บ้าน นั่นอาจจะทำให้ทุกอย่างยิ่งแย่ลง เพราะนอกจากเราจะหลีกเลี่ยงกล้องไม่ได้แล้วนั้น เราอาจจะต้องมานั่งหาเหตุผลเพื่อปกป้องการกระทำลับหลังของพวกเราโดยมีพยานบุคคลรู้เห็นเพิ่มไปด้วย
เสียงรถมอเตอร์ไซต์คันเก่าที่ร้องดังมาแต่ไกล ยับยั้งทุกความคิดที่กำลังฟุ้ง ก่อนที่สองขาของผมจะวิ่งตรงเข้าครัวเพื่อเสแสร้งทำเป็นหยิบจับอาหารไปเรื่อย เสียงเปิดประตูและฝีเท้าที่เกิด กำลังทำให้ผมลุ้นอย่างใจจดใจจ่อว่าวันนี้ลุงคำจะเข้ามาหาผมด้วยไม้ไหน หรือมีอะไรที่แกเตรียมจะเข้ามาสะสาง
“อ้าว? ไอ้หนุ่มวันนี้เอ็งทำกับข้าวเร็วนะ”เสียงแหบแห้งของคนแก่ดังขึ้นเรียกที่ด้านหลัง นำให้ร่างกายของผมหยุดนิ่งคล้ายคนโดนตีจนชาไปทุกสัดส่วน
“ล…ลุงมั่น วันนี้เวรลุงเข้ามาหรอครับ?”
“เวรอะไร? เอ็งเพ้อเจ้ออะไรเนี่ย 555 ลุงมาทำแทนลุงคำเฉยๆ ไม่ได้จัดวงจัดเวรอะไรทั้งนั้นแหละ”
“หมายความว่าไงครับ ลุงคำยังไม่กลับมาอย่างนั้นเหรอ?”
“หืม ลุงคำแกกลับมาได้ด้วยเหรอ เห็นบอกจะไปหาลูก”
“อ…เอ่อ ผมนึกว่าแกกลับมาแล้วเสียอีก”
ลุงมั่นยิ้มบางๆให้ผมพลางส่ายหัว ก่อนที่แกจะหยิบจับอะไรเข้าตู้เย็นของแกไปอย่างอารมณ์ดี เสียงฮัมเพลงมากมายเกิดขึ้นเพลงแล้วเพลงเล่าขัดกับใบหน้าผมที่ยังคงเต็มเต็งไปด้วยความเครียด ในหัวก็เอาแต่ภาวนาให้ไอ้ภพกลับมาเร็วๆ เนื่องด้วยหากมันช้าไปมากกว่านี้ มันอาจจะไม่ได้กลับเข้าบ้านหลังนี้อีก
“เออ แล้วนี่ไอ้หนุ่มอีกคนไปไหนรึ ลุงยังไม่เห็นหน้าเลย”
“คือว่ามัน….มันกำลัง”
“มันออกไปข้างนอกอีกแล้วหละสิ” ยังไม่ทันที่ผมจะตอบข้ออ้างออกไป เสียงลุงมั่นก็ดังแทรกขึ้นมาเรียบๆราวกับรู้ว่าไอ้ภพมันอยู่ที่ไหน เรียกให้ใบหน้าของผมเงยขึ้นและสบตากับลุงมั่นพร้อมด้วยแววตาสั่นๆ
“ลุงรู้ด้วยเหรอครับ?”
“เขาก้รู้กันหมดนั่นแหละ กล้องที่ติดไว้ด้านหลังมันก็ถ่ายติดนะ แล้วที่ลุงถามก็กะจะถามเผื่อมันกลับเข้ามาแล้ว”
“ยัง…ยังเลยครับลุง ไม่รู้ว่าครั้งนี้มันหายไปไหน ไปนานกว่าทุกๆครั้งเลย”
“เฮ้อ…เวรกรรม ลุงก็เตือนแล้ว ป่านนี้โดนทีมงานลากกลับไปแล้วมั้ง”
“ยังหรอกครับ!!!...ผมเชื่ออย่างนั้น ถ้าทีมงานจะเอากลับเขาจะต้องพามันกลับมาเอาเสื้อผ้าของมันด้วย ผมเป็นห่วงกลัวว่ามันจะโดนสัตว์หรืออะไรเลวร้ายในป่านั่นมากกว่า”
“เอาเถอะๆ เอ็งเอาเวลาไปห่วงเกมคืนนี้ดีกว่า ยังไงซะเรื่องที่มันออกไปนอกบ้านก็ไม่มีใครคิดจะเอาผิดอยู่แล้ว ส่วนเรื่องที่เอ็งกังวลลุงจะโทรไปถามทางรายการให้ว่าจะเอาไง เผื่อจะได้ยืดเวลาเดดไลน์ออกไปได้อีก”
ผมยิ้มขอบคุณน้อยๆให้แก่ลุงมั่น แล้วจึงรีบวิ่งขึ้นห้องไปพร้อมกับขอบตาที่เริ่มร้อนผ่าว หน้าต่างห้องนอนยามนี้ถูกผมยืนนิ่งพลางใช้สายตาสอดส่องไปแต่ป่าด้านหลัง ในใจก็พะว้าพะวงกลัวไปหมด ไอ้ภพไม่เคยเหลวไหลหรือกล้าทิ้งให้ผมอยู่บ้านคนเดียวได้นานขนาดนี้ แม้กระทั่งวันแรกที่มันเข้ามา มันก็ยังรีบกลับเข้ามาหาผม แล้วทำไมวันนี้มันถึงได้ถูกป่ากลืนหายไปเลย ไม่มีวี่แววที่จะบ่งบอกการกลับมาอย่างที่เคยเป็น
ขอบเตียงนอนคือที่พึ่งพิงของผม มือทั้งสองข้างกอบกุมกันไว้ด้วยความเครียด เข็มนาฬิกาเริ่มเดินไปเรื่อยอย่างรวดเร็วไม่ต่างกับใจผมที่รู้สึกถึงความผิดปกติมากขึ้นเรื่อยๆ หางตาของผมนั้นเอาแต่จดจ้องไปที่โทรศัพท์เครื่องหนารุ่นเก่าเก็บ ก่อนจะตัดสินใจเดินไปหยิบมันเอาไว้อย่างชั่ง จวบจนเมื่อท้องฟ้าด้านนอกมืดสนิท ผมถึงได้ตัดสินใจลงมาข้างล่างและเตรียมหาหนทางหนีออกไปจากบ้านนี้
“ไปทำอะไรมานานสองนานเลยหละ เป็นห่วงไอ้ภพเหรอ?”
“ก็ครับ…มันยังไม่กลับบ้านเลย ไม่รู้จะโดนอะไรในป่านั่นหรือเปล่า แล้วนี่ลุงยังไม่กลับอีกเหรอครับ?”
“ฟังดีๆนะ ตอนนี้ภพเพื่อนเอ็ง มันกำลังถูกทีมงานจับตัวและสอบสวน เรื่องที่มันหนีไปที่บ้านด้านหลัง ส่วนเรื่องที่ลุงยังไม่กลับก็อยู่รอเพื่อจะบอกเอ็งนั่นแหละ เห็นเอ็งดูกังวลลุงเลยไม่กล้าเรียก ให้เอ็งลงมาเองดีกว่า”
“บ้านด้านหลัง? ทีมงานเขารู้ได้ไงครับว่าไอ้ภพไปที่นั่น”
“ลุงก็ไม่รู้หรอก ลุงรู้แค่เขาบอกว่าไปเจอไอ้ภพกำลังปีนเข้าบ้านพอดีเลยต้องสอบสวน เพราะบ้านหลังนั้นเป็นบ้านคนอื่นด้วย มันจะเสียมาถึงรายการ”
“แบบนั้นเหรอครับ”ผมยืนหน้าซีดปากสั่น กังวลจนใจหาย ขอบตาของผมตอนนี้เริ่มกลับมาร้อนอีกครั้งเพราะความเป็นห่วงและความกลัวที่เกิดขึ้นท่วนท้นหัวใจผม
“ระหว่างนี้เอ็งอยากกินข้าวหรือทำอะไรก่อนหรือเปล่า? อีกไม่นานเอ็งก็ต้องเล่นเกมแล้ว”
“เกมนี้มันเล่นดึกได้นี่ครับ ผมเคยเล่นกันมาก่อน ลุง…ไม่ต้องห่วงนะ”
“ลุงรู้ แต่ว่าก็อยากให้เอ็งเตรียมพร้อม ไม่อยากให้เอ็งเครียด กลัวจะพาเสียกันหมด”
“เอาอย่างนี้แล้วกันครับ ผมกินอะไรไม่ลงหรอก เปลี่ยนมาเป็นให้ลุงเล่าเรื่องที่เคยเล่าให้ไอ้ภพฟังได้ไหมครับ?”
“อะไรกัน นี่มันยังไม่เล่าให้เอ็งฟังรึ”
“ก็…ยังครับ”
หลังจากนั้นเรื่องราวที่ผมเคยฟังมาแล้วรอบหนึ่งก็ถูกถ่ายทอดออกมาซ้ำอีกรอบ ตั้งแต่เรื่องของบ้านหลังนี้รวมไปถึงเรื่องเด็กชายกับห้องพิมพ์ดีดนั่นด้วย โดยเรื่องแรกที่เป็นประวัติบ้าน เนื้อหาทั้งหมดเล่าเหมือนกับไอ้ภพอย่างไม่มีผิดเพี้ยน แต่ทว่าเรื่องสองกลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อทุกอย่างถูกเพิ่มเติมขึ้นมาจนเนื้อกายของผมสั่นพร่า ขนในกายลุกชันจากความน่ากลัวที่ทวีคูณมากกว่าเดิม อาจจะเพราะผมได้ฟังเนื้อเรื่องเต็มของมันด้วย ผมถึงได้รู้สึกว่าไอ้ภพไม่น่าพลาดเหตุการณ์สำคัญไป ไม่เช่นนั้นผมกับมันอาจจะไม่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในเกมนานถึงเพียงนี้
“น่ากลัวใช่ไหมหละ จะว่าไปก็ทำให้ลุงนึกถึงคำเพื่อนเอ็งเลยนะ มันเคยบอกว่าเด็กนี่ตายเพราะความโง่ของตนเองแล้วเอ็งหละ คิดว่าไง?”
“คิดแบบเดียวกับมันครับ เขาโง่ที่กลัวไปเองทั้งๆที่ผีตนนั้นมันทำอะไรเขาไม่ได้มาตั้งแต่แรก การฆ่าตัวตายไม่น่าใช่คำตอบสุดท้าย”
“นั่นแหละ มันถึงได้มีคำพูดที่ว่า เรื่องไหนที่ไม่เกิดกับตนเอง เราทุกคนก็กล้าหมด แล้วนี่…เอ็งจะเริ่มเกมกี่โมงหละ ลุงจะได้กลับ”
“จริงๆลุงกลับเลยก็ได้นะครับ ผมอยู่เล่นเกมคนเดียวได้ แต่ไหนๆลุงก็รอมาถึงขนาดนี้แล้ว ช่วยอยู่เล่นเกมๆหนึ่งฆ่าเวลากับผมได้ไหม?”
“เกม? เกมอะไรเหรอ”
ลุงมั่นยืนจ้องหน้าผมด้วยความไม่เข้าใจ ริมฝีปากบางของผมจึงต้องยิ้มให้กำลังใจลุงมั่น พร้อมกับที่ขาของผมก็เริ่มเดินไปจัดแจงพิธีกรรมทุกอย่าง ธูปหนึ่งดอกถูกนำขึ้นมาจุดไว้พร้อมเทียนหนึ่งเล่ม ก่อนที่ผมจะดึงแขนลุงมั่นให้มานั่งหน้าเทียนเล่มนั้น แล้วจึงเดินไปปิดไฟในบ้าน ปล่อยให้ความมืดมิดโอบล้อมชะตาชีวิตสุดท้ายของผมไว้ยามที่พิธีกรรมต่อจากนี้จะเป็นการเปิดโปงฆาตกร
ผมยืนหลับตานึกถึงหน้าไอ้ภพ ก่อนที่ตนเองจะก้มลงจนสุดเพื่อหยิบสิ่งของที่อยู่ใต้นั้น กระดานผีถ้วยแก้วคือสิ่งที่ผมนำกลับมาเล่นอีกครั้งเพื่อให้ไม่ผิดสังเกตจนเกินไป แต่ทว่าระหว่างที่มือกำลังดึงรั้งกระดานออกมานั้น ไอเย็นรอบกายก็ก่อตัวห้อมล้อมผม พร้อมมีมือของใครสักคนยื่นไปดันวัตถุที่วางไว้ด้านในสุดออก เผยให้เห็นวัตถุแวววับสีเงินอีกอย่างนอนนิ่งอยู่ในนั้น
ปืนพกขนาดเหมาะมือนอนนิ่งอยู่ข้างกายผม…ใต้ชั้นหนังสือตาของผมเบิกโพลงขึ้นมาด้วยความสั่นกลัว เหงื่อกาฬแตกพล่านออกมาจนเหนอะหนะ ใจของผมเต้นแรงจนคล้ายว่ามันจะหลุดออกมาจากอก แต่กระนั้นผมก็เลือกที่จะสลัดอาการพวกนั้นทิ้งแล้วเดินถือกระดานกลับมาตั้งหน้าลุงมั่น โดยไม่ลืมที่จะท่องคาถาเหมือนอย่างเคยแล้วจึงได้เปิดปากอัญเชิญวิญญาณที่เคยมาเรียกร้องหาความจริงกลับเข้าสู่ตัวบ้านหลังนี้
“วิญญาณที่เคยปรากฏตัวในบ้านหลังนี้ เพื่อเรียกร้องหาความจริงบางอย่าง ได้โปรดกลับเข้ามาในแก้วนี่อีกครั้ง”ทันทีที่เอ่ยจบ เทียนในบ้านก็ดับวูบอย่างเร็วพลัน ลมหอบใหญ่พัดสร้างความปั่นป่วนอยู่รอบนอกบ้านรวมถึงไอเย็นมากมายก็หอบเอาความรู้สึกเก่าๆกลับเข้ามากระทบผม บอกให้รู้ว่านี่อาจเป็นสัญญาณบางอย่างที่บอกได้ว่าวิญญาณเหล่านั้นได้กลับเข้ามาแล้ว ดังนั้นคำถามที่ต้องเอ่ยกับผีถ้วยแก้วจึงไม่เกิดขึ้น นอกเสียจากการข้ามไปทำพิธีกรรมอย่างอื่น
“ลุงครับ ช่วยผลัดกันเล่าเรื่องผีกับผมนะครับ โดยที่เรื่องแรกที่ลุงเล่าขอเป็นเรื่องเด็กชายกับห้องพิมพ์ดีดนะ ผมอยากฟังอีกรอบ”
“อีกแล้วเหรอ? แต่เอาเถอะ ไหนๆเรื่องนี้ลุงก็ไม่เคยเล่าให้ใครฟัง จะเล่าให้เอ็งฟังอีกรอบก็ได้ อย่าเบื่อแล้วกัน”
“เบื่อไม่ได้หรอกครับลุง มัน…ค่อนข้างน่ากลัว แล้วหลังจากผมให้สัญญาณ ลุงก็เริ่มเล่าเลยนะครับ”
สัญญาณที่ผมว่าเกิดขึ้นทันทีหลังผมบอก เสียงแก้วกระทบกำแพงดังบาดหูจนผมกับลุงมั่นสะดุ้ง ผมรีบพยักหน้าหน้าให้ลุงมั่นเล่าเรื่อง ก่อนที่สายตาอันสั่นไหวจะสังเกตเห็นร่างกายจำนวนมากของมนุษย์ที่ต่างก็ย่างกรายเข้ามานั่งเบียดจ้องหน้าผมด้วยแววตาเรียบๆ จ้องมอง…เพื่อรอเวลาที่ผมจะได้บอกความจริงแก่พวกเขา
“สาเหตุที่ทำให้เด็กคนนั้นฆ่าตัวตาย ไม่ใช่แต่เพียงจดหมายที่ระบุวันตายเท่านั้น หากแต่เป็นเพราะจดหมายฉบับสุดท้ายที่เขาได้รับ อาจจะเพราะเพื่อนแกล้งหรืออะไรก็ตาม แต่เนื้อความในนั้นมันก็ทำให้เขาจิตตกจนอยู่บนโลกนี้ต่อไปไม่ได้”
“มัน…เขียนว่าอะไรเหรอครับลุง”
“ยินดีต้อนรับสู่นรกภูมิ”แค่เพียงลุงมั่นเปล่งกระแสเสียงสุดท้ายออกมา หน้าของวิญญาณที่จ้องผมอยู่ต่างก็หันขวับไปทันที เสียงอื้ออึงของวิญญาณเริ่มแสดงอาการอาฆาตออกมาจนแม้แต่ผมยังนั่งนิ่งติดพื้นไม่ได้ ผมรู้สึกกลัวจนต้องค่อยๆถอยหลังออกมาเตรียมหาทางหนี และมองเพียงใบหน้าของลุงมั่นที่จ้องมองผมด้วยความแคลงใจ จนผมเอ่ยประโยคหนึ่งออกมา ปากของแกถึงได้เริ่มเหยียดยิ้มร้ายชนิดที่ทำให้ลมหายใจผมกระตุก
“ร…รู้แล้วใช่ไหม? ว่าใครที่เป็นฆาตกร”******************************************TBC***********************************************
เอาตอนที่27 มาส่งแล้วนะครับ มาดูกันว่าการคาดเดาที่ผ่านๆมาจะมีใครเดาถูกกันบ้าง 
สำหรับในตอนนี้ เราคงต้องมานั่งสวดมนตร์ช่วยลุ้นไปกับมิวและภพด้วยกันนะครับ ใกล้จะถึงฝั่งฝันของเขาละ
ขอบคุณทุกการติดตาม การแชร์ หรือคำติชมต่างๆด้วยนะครับ มันสร้างกำลังใจให้ผมมากๆเลย
เหมือนเดิมครับ ถ้ามีคำผิดหรือประโยคไม่ลื่นไหลบอกผมได้เลยนะครับ
แล้วมาพูดคุนกันได้ทั้งในเล้าแห่งนี้และใน #Nightmaregame นะครับ
เจอกันอาทิตย์หน้า
P-Rawit*คอมเมนต์ที่บอกผมเรื่องช่วงการเปลี่ยนผ่านตัวละคร ผมจะขึ้นบอกให้ในตอนถัดไปนะครับ (ถ้ามี) ส่วนตอนที่ผ่านมาคงต้องรอเคลียร์ให้ทุกอย่างเสร็จสิ้นก่อนนะครับ ผมถึงจะแก้ให้ใหม่ได้