NIGHTMARE GAME { เกมกระตุกขวัญ } ::*แจ้งเรื่องการเปิดจองหนังสือ (07/08/60) P.14
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: NIGHTMARE GAME { เกมกระตุกขวัญ } ::*แจ้งเรื่องการเปิดจองหนังสือ (07/08/60) P.14  (อ่าน 170386 ครั้ง)

ออฟไลน์ Apinnoolek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สนุกมากค่าา รอติดตามผลงานเรื่องต่อๆไปนะคะ

ออฟไลน์ nugnig7

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
จบแล้ววววว แง ดีใจที่เรื่องราวคลี่คลายและภพมิวไม่ต้องพบความยากลำบากอีก แต่อีกใจก็ใจหายที่
ต่อไปจะไม่ได้อ่านภพมิวแล้ว ในเล่มจะมีตอนพิเศษเพิ่มมั้ยคะ
ก่อนอื่นเลยต้องขอขอบคุณคนเขียนมาก้ลยนะคะที่แต่งเรื่องสนุกๆหลอน(มาก)แบบนี้มาให้อ่าน เรานี่ลุ้นแทบทุกตอน
เป็นนิยายที่ทำให้เราติดตามหนักหน่วง ถึงมันจะหลอนผีจะโหดแค่ไหนเราก็อดใจไม่อ่านไม่ได้จริง
รักภพมิวมากรักคนแต่งด้วย เราจะสนับสนุนต่อไป เรื่องนี้ก็จะตามเก็บเป็นเล่ม แล้วถ้ามีแต่งเรื่องใหม่
เราตามติดแน่นอนค่ะ อย่าลืมแจ้งข่าวด้วยเน้อ //ถวายทุเรียนเป็นของกำนัล

ป.ล ภพมิว ในที่สุดก็มีความสุข นี่สิคำว่าร่วมทุกข์ร่วมสุข ฮือออ ประทับจายยย
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
โอยย ยินดีกับภพมิวสำหรับการเริ่มต้นชีวิตใหม่หลังผ่านเรื่องร้ายมาหนักหน่วง   
ขวัญเอ้ยขวัญมานะภพมิว
จะรออุดหนุนหนังสือนะคะ แอบแว๊บเข้าไปเห็นปกมาแล้ว อิอิ

ออฟไลน์ appattap

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เป็นนิยายที่อ่านแล้วหลอนดีมากค่ะ คนเขียนเก่งมากๆที่ทำให้อ่านแล้วรู้สึกกลัวได้ขนาดนี้
ยิ่งกว่าดูหนังผีอีกกก รอติดตามผลงงานเรื่องต่อไปเน้อออ เป็นกำลังใจให้นะคะ

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
ไม่น่าเชื่อว่าจบแล้ว 55555
ตอนจบหวานมากด้วย  :mew1:
ดีใจที่จบแบบแฮปปี้นะคะ แต่ยังมีผีโผล่มาให้ตกใจอีกนิดหน่อย :hao7:

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้นะคะ

ออฟไลน์ ่KEI_jry

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 207
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
จบแล้วจริงๆหรอเนี่ย ฮือๆๆๆ :katai1:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
นี่มิวต้องแยกคนกับผีไม่ออกไปทั้งชีวิตเลยเหรอ ฮือออ แอบใจหายจบแล้ว แล้วเราจะรออ่านอะไรทุกวันอังคารล่ัะ  :hao5:

ออฟไลน์ Pumpkin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
หวานสุดตั้งแต่อ่านมาก็ยกให้ตอนจบนี่แหละ ตอนพิเศษออกมาเมื่อไรค่อยจัดอันดับอีกที 555

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ก้อดีกว่าจากกันจิงๆ

ออฟไลน์ nuchhxk

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เป็นตอนจบที่ดีมากๆเลยค่ะ ประทับใจตั้งแต่ต้นเรื่องยันจบเรื่องเลย รอติดตามเรื่องต่อไปนะคะ  :katai3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
โอ้ยยยจบแล้ววว เอาจริงๆคือทั้งรักทั้งเกลียดเรื่องนี้เลย
เกลียดเพราะมันหลอนมาก จนตอนเริ่มอ่านแรกๆต้องปรับเวลานอนกันเลยทีเดียว
แต่รักเพราะมันสนุกมากกกก ครีเอตสุดๆๆด้วย
เป็นเรื่องที่ใช้เวลาอ่านนานมากกค่ะเทียบกับจำนวนตอนแล้ว เพราะอ่านได้แต่ตอนกลางวันเท่านั้น55555
ชอบภพมิวมากก และเกลียดฉากรพ.ที่สุดแล้วว หลอนแบบอ่านๆแล้วก้สะดุ้งเอง
เวลาอ่านเรื่องนี้ถึงจะอ่านตอนกลางวันก้ยังระแวงต้องมองรอบๆไปด้วย
สุดท้ายแล้วภพมิวก้มีฉากหวานกับเค้าซักที สารภาพว่าตอนแรกๆสวสัยว่าภพจะเป็นผีไปแล้ว5555
จะรอติดตามเรื่องต่อๆไปนะคะ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ
ปล.เรื่องนี้คำผิดน้อยมากกค่ะ อ่านลื่นมาก ชอบจุดนี้มากก

ออฟไลน์ rayaiji

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 817
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
    • ray's deviantart
 :sad4:  ต้อง(เกือบจะ)โบกมือลาเรื่องนี้แล้วหรอเนี่ยยยยย ใจหายแฮะ

ออฟไลน์ ratnalin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
 :pig4: ขอบคถณนะค้า ขอบคุณที่จบอย่างมีความสุข ฮือๆๆๆ เสียใจ จบแล้วอ่า คือเราไม่ไเอ่านอะไรหลอนๆมาขนาดนี้นานละ แต่งดีมากจริงๆ

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะค้า

ออฟไลน์ yoichi21

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :z3: :z3: :z3: :z3:
เสียใจมาก จะจบแล้วเรื่องนี้
ติดตามมาตั้งนาน หลอกหลอนกันมาหลายตอน
ทำใจไม่ได้ถ้าต้องอ่านตอนกลางคืน
เป็นเรื่องโปรดเลยคะ
ขอบคุณมากๆ เลยที่มาเขียนเรื่องๆ ดีๆ และหลอนๆ ให้อ่านกัน
รวมเล่มแล้วบอกด้วยนะคะ หรือมีเรื่องใหม่มาก็จะติดตามอีกเช่นกัน

ปล. เรื่องหน้าเป็นเกี่ยวกับผีอีกมั้ยคะ  :ling3: :call:

ออฟไลน์ plugie

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ในที่สุดพี่ภพก็ได้น้องมิวกลับมา :hao7:
ตลกตรงโทรไปเล่าเรื่องผี มิวเจอมาขนาดนี้คิดว่าน้องมันจะไปเปิดรายการผีฟังหรอแค่นี้ก็เห็นทุกวันแล้ว ดีนะคุณเพื่อนน้องมิวช่วยเหลือไม่งั้นพี่ภพอาจนก ฮาาา

จบแล้วแอบใจหาย :mew6: เป็นนิยายวายที่หลอนที่สุดตั้งแต่อ่านมา แล้วคือบรรยายดีมากจนเราเอาไปหลอนตอนกลางคืน :hao5:
แต่เราชอบนะสนุกมากจริงๆ ถ้าใครชอบแนวผีๆกับแบบพวกตามหาฆาตกรคงชอบเพราะเราอ่านไปก็ลุ้นเป็นว่าใครเป็นคนร้าย

ออฟไลน์ sosi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 246
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
รอตอนพิเศษ

ออฟไลน์ TonyPat

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ขอบคุณมากๆนะครับ ระทึกทุกตอน ตื่นเต้นทุกตอน สุดยอดแห่งนิยายก้อว่าได้ๆๆ

ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
เวลาอ่านเรื่องนี้ทีไร มักจะเป็นตอนเย็นทุกที
นอนหลับสบายมากเลยแต่ละคืน

เรื่องนี้อ่านไป ก็หันซ้ายขวาไป หลอนจริงๆ
โมเม้นต์หวานภพมิวก็บ้าง นิดๆหน่อยๆ โอเคอยู่นะ

และอยากจะทิ้งท้ายไว้อย่างที่หลายๆคนเคยพูดกัน
"ผีที่ว่าน่ากลัว ยังไม่เลวร้ายเท่ากับจิตใจอันดำมืดของมนุษย์"

ออฟไลน์ นอนกินแรง

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
ในที่สุดก็ได้อยู่ด้วยกัน o13

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
จบซะแล้วอ่าาาา มีตอนพิเศษมาลงให้อ่านไหมคะ ฮรืออ
อยากอ่านอีกก อัพเตอร์สตรอรี่ไรงี้ สเปเชียลไรงี้ ; A ; !

เรื่องนี้เป้นแนวสยองที่อ่านเรื่องแรกของปีเลยนะ น่าจะ 5555
ตามมาอ่านจากรีวิว เห็นว่าผีเยอะ น่ากลัว เราก็แบบ... จะน่ากลัวขนาดนั้นเหรอ
พอมาอ่าน เค กลัว อ่านตอนสามสี่ทุ่มด้วย สั่นเลย หลอนขนาด 55555
แต่งดีมากเลยค่ะ น่ากลัวมากก ตื่นเต้นระทึกดี อ่านแล้วอินดี มีฟิลลิ่งร่วม โดยเฉพาะความกลัวความหลอนเนี่ยยย
ตอนเรื่องยังดำเนินอยู่ไม่ค่อยได้เม้นต์เท่าไหร่ แอมซอรี่ ; w ; / ขอบคุณที่แต่งนะคะ!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ P-Rawit

  • The beginner of writing world
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-0
วันครบรอบ

การเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตของทุกคน แรกเริ่ม ย่อมมีปัญหาที่ทำให้หลายคนไม่ชินหรือยังปรับตัวไม่ได้ จนแทบไม่น่าเชื่อว่าบางอย่างที่เปลี่ยนไปในชีวิต จะยังคงมีเรื่องที่ถือได้ว่าเป็นข้อยกเว้น นั่นก็คือสถานะทางความรัก สำหรับคู่อื่นเป็นอย่างไรผมไม่อาจทราบได้ แต่สำหรับผมและไอ้ภพนั้น ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมไม่ต่างไปจากการใช้ชีวิตในบ้านร้างหลังนั้น ที่พอจะมองเห็นการเปลี่ยน ก็มีเพียงแค่ โลกของความจริงได้ทำให้เรามองเห็นแต่ละด้านของกันและกันเพิ่มขึ้น

นิสัยไอ้ภพในบ้านร้างหลังนั้นแสดงออกให้เห็นเพียงท่าทีจริงจังและเป็นคนไม่เปิดเผยความรู้สึกมากนัก นอกจากเวลาที่มันจะกวนผม พอได้ออกมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันจริงๆ ผมถึงได้เห็นว่า แท้จริงแล้วไอ้ภพก็ยังมีมุมอื่นที่ทำให้ผมตกใจด้วย ทั้งอารมณ์ขันที่ชอบปล่อยมุกประหลาดๆออกมาจนทำผมปวดหัว ทั้งอารมณ์หวานที่ชอบแหย่ผมให้เขินอยู่เล่นๆเป็นประจำ และอีกหลายๆอารมณ์ที่ทำให้คนอย่างผมยอมติดตรึงอยู่กับมันโดยไม่คิดจะไปไหนอีก

ชีวิตของเราทั้งคู่ดำเนินมาเรื่อยๆจนใกล้จะจบปี มีทรหดอยู่บ้างเวลาที่ผมต้องไปเจอวิญญาณคุกคามด้านนอก แล้วไอ้ภพไม่รู้วิธีที่จะจัดการอย่างไรกับเรื่องนี้ นอกจากจะใช้วิธีบอกผมให้เคยชินจนปวดหัว แต่กระนั้นมันก็ยังไม่เท่ากับงานที่เพิ่มมากขึ้นหลังจากผมผ่านพ้นช่วงทดลอง  ไอ้ภพหัวเสียอยู่เป็นประจำเพราะผมต้องขนงานกลับมาทำที่บ้าน ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมไม่เข้าใจ เพราะมันก็นั่งทำงานอยู่ข้างๆผมเหมือนกัน 

ความจริงข้อหนึ่งที่ผมรู้ดีอยู่แก่ใจคือไอ้ภพเป็นคนที่มีนิสัยกวนตีนเป็นอย่างมาก เวลาที่ผมทำงานหนักมันจึงมักหงุดหงิดเพราะแกล้งผมไม่ได้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นผลดีต่อผม สำหรับการแกล้งของมันก็ไม่ใช่การเล่นแรงๆจนผมเจ็บตัว มันแค่เดินเข้ามากอดผมไว้แน่นๆแล้วขโมยหอมแก้มผมจนช้ำ แม้จะรู้สึกดีแต่มันก็รำคาญเพราะใช้ชีวิตด้านอื่นไม่ได้ จนกระทั่งวันหนึ่งที่ทำให้ผมรู้ว่าความกวนตีนของไอ้ภพ มันไม่เคยมีที่สิ้นสุด บทจะแกล้งเล่นๆมันก็แทบไม่ทำอะไรผมเลย แต่พอมันจะแกล้งผมอย่างหนัก มันก็เล่นเสียผมต้องจดจำเรื่องนั้นไปจนตาย เฉกเช่นเรื่องนี้


“น้องมิวครับ ต้นเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ว่างไหมครับ?”


ระหว่างการนั่งกินข้าวเย็นในร้านอาหารแห่งหนึ่งใจกลางเมือง ไอ้ภพก็ยื่นมือมาสัมผัสกับข้อมือผม พร้อมกับถามคำถามด้วยน้ำเสียงที่ทำให้ผมผวา คำพูดเพราะๆหวานหูแบบนั้นไม่ใช่เรื่องที่ไอ้ภพจะทำเป็นปกติ อีกทั้งสายตาแพรวพราวของมันยังทำให้ผมต้องรีบชักมือกลับเพราะรู้สึกไม่ไว้ใจ

“มีอะไร? มึงไม่ต้องมาทำเสียงแบบนั้น กูกลัวนะภพ”

“ทำไมเหรอครับ? ภพก็แค่อยากเอาใจมิวบ้างแค่นั้นเอง”

“ไอ้ภพ!! ถ้าไม่พูดดีๆ กูจะลุกออกไปแล้วนะ”

“เออๆ ก็นึกว่าชอบ เห็นยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เวลาคุยกับพี่ที่บริษัท คิดว่าเมื่อเย็นกูไม่เห็นหรือไง?”

ผมถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก ก่อนจะนึกไปถึงเหตุการณ์ก่อนมาที่นี่ แล้วก็พบกับว่าพิษหึงของไอ้ภพกำลังทำให้มันเป็นแบบนี้ เนื่องจากว่าตอนนั้น ผมกำลังนั่งรอไอ้ภพมารับที่บริษัท พี่ที่อยู่ในแผนกเดียวกันเขาก็เดินมาขอความช่วยเหลือจากผม ด้วยเพราะสนิทกันอยู่แล้ว ผมจึงไม่ถือสาอะไรแล้วลุกขึ้นไปช่วย พอช่วงที่ผมกำลังจะกลับ พี่เขาก็เลยขอเดินออกมาพร้อมผมด้วย ก่อนจะแยกจากไปตรงรถของไอ้ภพพอดิบพอดี

“555 หึงเหรอ?? ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ นั่นพี่ที่แผนก เขามาขอความช่วยเหลือเฉยๆ ที่สำคัญเขาพูดดีกับกูก่อน จะให้มาขึ้นมึงขึ้นกูด้วยรึไง มึงนี่คิดมากเนอะ”ผมยิ้มตอบมันไปในขณะที่หน้ามันเริ่มนิ่ง บอกให้รู้ว่าอาการแบบนี้คือมันกำลังงอนผม

“กูก็เป็นแบบนี้แหละ ไม่ชอบก็ไปหาพี่คนนั้นดิ”

“ถ้ากูไปจริงๆแล้วอย่ามาร้องโอดโอย ตามหากูในรายการผีอีกนะ”

“เออๆ เอาจริงๆ  ต้นเดือนธันวานี้ว่างไหม?”ไอ้ภพเลิกทำท่าทางชวนปวดประสาท แล้วเริ่มถามคำถามเดิมอย่างจริงจัง

“ว่างนะ ช่วงนั้นไม่ได้มีงานด่วนอะไรเข้ามาเท่าไร ทำไมเหรอ?”

“ก็อยากพาไปที่ที่หนึ่ง  เลยต้องถามความสมัครใจมึงก่อน”

“ที่ไหน? มึงไปทำอะไร  ถ้าทำงานกูไม่ไปนะ เดี๋ยวจะรบกวนเปล่าๆ”

“ไม่เกี่ยวกับทำงานหรอก แค่อยากพามึงไปหาอะไรสนุกๆทำ”

“งั้นก็ไป กูไม่ติดปัญหาอะไรอยู่แล้ว”

ไอ้ภพไม่ตอบอะไรกลับมานอกจากยิ้มหวานให้ผม ตอนนั้นผมไม่เคยได้รู้เลยว่าการตอบตกลงด้วยความสมัครใจจะทำให้ตนเองหลงเป็นเหยื่อรอยยิ้มอาบยาพิษนั่น  เพราะหลังจากนั้นไม่นานก็เข้าสู่เดือนธันวาคม มันจึงถึงเวลาที่ไอ้ภพจะพาผมไปยังสถานที่ที่มันบอกว่าสนุก ให้การรับรองเป็นอย่างดิบดีว่าผมจะต้องรู้สึกเคยชินและอินไปกับมันแน่นอน


นี่คืออะไร?...

ผมมองภาพความวุ่นวายตรงหน้าหลังลงมาจากรถ ไอ้ภพเดินเข้ามาอยู่ข้างตัวพลางยกยิ้มพร้อมแววตาวาววับให้ผมรู้สึกถึงสัญญาณอันตราย  สถานที่ที่มันพาผมมา ไม่ใช่สวนสนุกหรือว่าร้านอาหารใดๆทั้งสิ้น มันเป็นเพียงแค่โรงงานเก่าๆซึ่งตั้งอยู่บริเวณชานเมือง รอบกายก็มีคนที่คาดว่าจะมาจากกองถ่ายวิ่งกันให้ขวักไขว่ ส่งเสียงตะโกนถามหาพิธีกรและผู้เข้าร่วมเกมอยู่เป็นระยะ  รอบๆนั้นก็มีชาวบ้านมากมายเข้ามายืนมุงดูจนแน่นขนัด อากาศยามเย็นโพล้เพล้เช่นนี้จึงสร้างความหวั่นวิตกให้ผมกลัวได้ไม่น้อย

“มึงพากูมาที่นี่ทำไม?”ผมหันขวับไปมองหน้าไอ้ภพอย่างเอาเรื่อง ก่อนจะเค้นหาความจริงจากมัน

“พามารำลึกความหลัง”

“รำลึกความหลังอะไร?  ไอ้ภพ อย่าแกล้งกูแบบนี้”

“ไม่มีอะไรหรอกมิว แค่พามาดูเฉยๆ”

หลังจากนั้นไอ้ภพก็ดันผมเข้าไปยืนมุงดูกับพวกชาวบ้าน  รายการที่กำลังจะถ่ายทำอยู่นี้เป็นรายการล่าท้าวิญญาณชื่อดังของประเทศ ออกอากาศให้ดูทางช่องฟรีทีวี นั่นจึงทำให้มีผู้คนมายืนเพื่อหวังจะดูพวกพิธีกร หรือพวกดารารับเชิญที่อาจจะเข้ามาเล่น แต่ทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามา ผมก็ยังเห็นแค่พิธีกรรายการ ที่กำลังถูกกำชับหน้าที่พลางแต่งหน้าไปด้วย กับคู่รักชายหญิงคู่หนึ่ง ซึ่งถูกแยกเข้าไปนั่งในโซนรับรองเตรียมถ่ายทำคืนนี้

“ทีมงาน!! ทีมงาน!!! ช่วยตรวจสอบทีครับ ว่าคู่รักที่จะมาเข้าร่วมรายการอีกคู่มาถึงหรือยัง”

“ถ้าตรวจสอบจากใบรายงานตัวนี่ยังไม่มานะครับ เห็นมารายงานแค่คู่เดียว”

“เขาไม่รู้หรือเปล่า ทั้งคู่ชื่ออะไรครับ เดี๋ยวผมจะลองประกาศเรียกอีกที”

“ชื่อคุณภพ กับ คุณมิวครับ”


แค่เพียงเสียงทีมงานตอบกลับมา ผมก็หันตัวกลับไปมองไอ้ภพที่ยืนกอดผมจากด้านหลัง หน้าของมันเจื่อนลงเล็กน้อย ก่อนจะคว้าข้อมือของผมให้เดินตามกันเข้าไปยังสถานที่รายงานตัว  หลังจากนั้นผมก็ถูกพาไปนั่งที่โซนรับรองไม่ต่างจากตอนไปเข้าร่วมรายการ horror house เมื่อปีที่แล้ว แต่ยังไม่ทันที่จะนั่งพักให้หายหงุดหงิด ทีมงานก็วิ่งเข้ามาตามผมและคู่รักอีกคู่ให้เดินออกมารับฟังประวัติโรงงานแห่งนี้พร้อมกับผู้ดำเนินรายการสองคน 

“นี่คือผู้เข้าร่วมรายการในคืนนี้ครับ ผู้ชายสองคนนั้นชื่อมิวกับภพนะครับ ส่วนชายหญิงคู่นี้ชื่อพีกับอาย”

“อ่า สวัสดีทั้งคู่เลยนะครับ ผมทิมครับ ส่วนข้างๆกันนี่พี่เจนนี่ รู้กันอยู่แล้วใช่ไหมครับ?”

“ครับ/ค่ะ”

“งั้นเดี๋ยวมาฟังประวัติโรงงานแห่งนี้พร้อมกันนะ หลังจากฟังเสร็จ พวกคุณจะได้นั่งรออยู่อีกประมาณครึ่งชั่วโมงนะครับ เพราะพี่เจนนี่จะต้องเข้าไปถ่ายทำทั้งสองที่นั้นก่อน”

ผมยืนห่างออกมาจากไอ้ภพขณะรับฟังการบรีฟคำสั่งของทางรายการเพราะยังคงโกรธอยู่ ถามว่าผมกลัวมากมายขนาดนั้นไหม คำตอบคือไม่ เพราะที่แห่งนี้ด้วยสภาพของมันยังดูน่าเข้ามาเล่นเกมมากกว่าในบ้านร้าง ด้วยความที่มันใหญ่และมีพื้นที่มากมาย ผมจึงไม่รู้สึกว่าตนเองจะโดนคุกคามง่ายขนาดนั้น  อีกทั้งเขายังให้เข้าไปเล่นเป็นคู่ผมจึงไม่ค่อยรู้สึกมากเท่าไรนัก

โรงงานร้างแห่งนี้จะถูกแบ่งเข้าไปทำภารกิจในสองโซน คือโซนแรกนั้นจะให้ทีมคุณพีและคุณอายเข้าไปท้าทายในส่วนการผลิต โซนที่สองที่เป็นโกดังเก็บของจะให้ผมและไอ้ภพเป็นฝ่ายเข้าไป ตามตำนานของมัน ที่แห่งนี้มีประวัติอยู่ทั้งโรงงาน เนื่องจากว่าโซนการผลิตนั้นเคยเกิดเหตุเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ระเบิด จนทำให้คนงานเสียชีวิตกันไปเยอะพอสมควร ส่วนในโกดังเก็บของไม่เคยเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้มีคนตาย แต่ทว่าเรื่องเล่ากลับบอกเอาไว้ว่า ที่แห่งนี้ถ้าใครเดินมาตรวจของหรือเดินผ่านยามวิกาล ทุกคนก็จะได้พบกับวิญญาณของเหล่าผู้เสียชีวิตที่ยังคงวนเวียนทำสิ่งที่เขาติดค้างก่อนตาย

“เดี๋ยวพอคุณเจนนี่เดินกลับมา พวกคุณทุกคนจะต้องไปทำพิธีก่อนนะครับแล้วค่อยแยกย้ายกันเข้าไป”ผมพยักหน้ารับคำสั่งสุดท้าย แล้วจึงเดินแยกออกมาจากกลุ่มทันทีโดยไม่สนเสียงทัดทานของไอ้ภพ

“มิว!! จะไปไหน”ไอ้ภพวิ่งตามมาแล้วจับข้อมือผมไว้ หยุดร่างกายของผมให้นิ่งรับฟังมัน

“ไปนั่งรอสิ จะยืนอยู่ทำไมล่ะ”

“แล้วทำไมไม่รอเดินออกมาพร้อมกัน…โกรธเหรอ?”

“ภพ…เล่นอย่างนี้ เป็นใครก็โกรธ ถ้าอยากมาเข้าร่วมเพราะโปรเจคคู่รักของเขาก็ให้บอกกันตรงๆ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่”

“แล้วถ้ากูพูดแบบนั้นตอนแรก มึงจะมากับกูจริงเหรอ?”

“แน่นอนว่าไม่! แต่มึงก็รู้ไม่ใช่หรือไงว่าทุกครั้งที่กูปฏิเสธมึงไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม สุดท้ายกูก็ยอมตามใจทุกอย่าง”

“กูขอโทษนะ คราวหลังจะไม่ทำอีกแล้ว ดีกันนะ”ผมหัวเสียกับมันได้ไม่นาน ก็ต้องใจอ่อนอีกครั้งเพราะท่าทีสำนึกผิดบวกกับน้ำเสียงออดอ้อน ที่นานๆครั้งมันจะทำให้ผมเห็น

“คราวหลังจะไม่ทำ นี่คือจะไม่พากูมาที่แบบนี้อีกใช่ไหม?”

“เปล่า คราวหลัง…กูจะบอกตรงๆ”

ผมส่ายหน้าระอาให้มันยกใหญ่ ความผิดครั้งนี้นอกจากมันจะไม่ได้สำนึกมันยังพร้อมที่จะแหย่ผมด้วยใบหน้านิ่งๆของมันอีก ยอมรับเลยว่าผมค่อนข้างเหนื่อยใจที่จะเถียงกับไอ้ภพเป็นอย่างมาก จึงยอมให้มันเดินจับมือผมไปนั่ง พลางรับฟังเหตุผลที่มันอยากเข้าร่วมรายการนี้ และพอได้ฟังผมก็ต้องยกยิ้มขึ้นมาเพราะไม่ว่าจะดูยังไง คำตอบของเหตุผลนั้นมันก็บ่งบอกความเป็นตัวตนของไอ้ภพชัดเจน

มันยอมรับกับผมโดยตรงว่า เพราะมันรู้ว่าผมจะโกรธเลยไม่ได้บอกก่อนล่วงหน้า แต่การถ่ายทำรายการวันนี้มันอยากจะเข้าร่วมจริงๆ เนื่องจากว่าโปรเจคของรายการที่เผยออกมาในเดือนนี้ เป็นโปรเจคของคู่รักโดยมีข้อแม้เพียงข้อเดียวคือจะต้องมีใครที่สัมผัสสิ่งพวกนี้ได้ อีกอย่างมันก็อยากรู้ด้วยว่ารายการที่เผยแพร่ออกไปนั้น เบื้องหลังของมันจะมีผีจริงๆหรือเป็นแค่การจัดฉากขึ้นมา

ขนมมากมายที่อยู่ในโซนรับรองถูกผมหยิบขึ้นมากินเป็นว่าเล่น ระหว่างรอการกลับมาของคุณเจนนี่ จนเมื่อเวลานั้นมาถึง ผมก็ได้จับสังเกตบางอย่างได้ว่า สายตาของคุณเจนนี่ตอนนี้เหมือนพยายามจะหลบอะไรสักอย่าง ซึ่งเมื่อมองย้อนกลับไปทางนั้น ผมก็เป็นอันต้องหันกลับมา เนื่องจากที่โรงงานส่วนการผลิตนั้น กำลังมีกลุ่มคนยืนทอดสายตาลงมาที่พวกเราอย่างไม่เป็นมิตร

สภาวะร่างกายของคุณเจนนี่แสดงออกมาว่ากลัวอย่างหนัก โดยเฉพาะเวลาอยู่ต่อหน้ากล้องระหว่างการถ่ายทำ นั่นจึงทำให้ผมไม่แน่ใจว่าพฤติกรรมแบบนั้นกำลังแสดงออกเพราะว่ารับรู้ในสิ่งพวกนี้จริงๆ หรือทั้งหมดนั่นเป็นเพียงการแสดงให้รายการโทรทัศน์สนุกขึ้น การถ่ายทำวันนี้ผมจึงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเพราะกลัวว่า หากเกิดอะไรอันตรายขึ้นมาจะไม่สามารถห้ามไว้ได้ทัน

“เอาละครับคุณเจนนี่เดินกลับมาแล้วนะครับ  มาถามกันดีกว่าว่าข้างในเป็นอย่างไรบ้าง”

“น่ากลัวมากเลยค่ะทิม ข้างในนั้นมีวิญญาณผู้เสียชีวิตมากมายไปหมด เขาไม่ได้ตายดีค่ะทิม พวกเขาทรมานกันมาก พูดแล้วก็ยังรู้สึกขนลุกอยู่เลยค่ะ”

“อ่า น่ากลัวมากๆเลยนะครับ เรามาถามความเห็นของผู้ท้าทายดีกว่า เอาที่คุณพีกับคุณอายก่อนแล้วกันนะครับ กลัวไหม?”

“สำหรับพี่พี อายคิดว่าเขาไม่กลัวนะคะ แต่อายกลัวมาก ยิ่งได้ฟังคุณเจนนี่เล่า อายก็ยิ่งรู้สึกกลัวค่ะ นี่ถ้าอายกรี๊ดออกมาได้ อายก็จะทำแล้วค่ะ ไม่ไหวจริงๆ”

ทั้งผมและไอ้ภพ หันไปมองท่าทางแบบนั้นกันตาค้าง ไม่ใช่เพราะชื่นชมความน่ารักหรือหลงใหลใดๆทั้งสิ้น หากแต่เป็นท่าทางกลัวเกินเหตุที่ทำให้ทุกสายตามองไปอย่างสงสาร พิธีกรรายการตอบรับเธอคนนั้นไปอย่างเอ็นดู ก่อนจะผละออกมาทางผมซึ่งยังคงทำใจไม่ได้หากจะต้องทำแบบนั้นออกหน้ากล้องบ้าง

“แล้วคุณภพมิวล่ะครับ กลัวไหม?”

“ไม่ให้คุณอายเขากรี๊ดเสียหน่อยเหรอครับ เดี๋ยวเข้าไปจะเสียสติกันพอดี”ไม่รู้ว่าไอ้ภพมันตื่นกล้องหรือตกใจแววตาพิธีกรที่สื่อมา มันจึงโพล่งประโยคนั้นออกไปอย่างไม่ทันคิด เรียกเอาบรรยากาศรอบกายเงียบลงไปทันที ก่อนที่จะกลับมาเป็นปกติอีกครั้งหลังจากที่ผมแทรกตัวเข้าไปยืนหน้ากล้องแทน

“เอ่อ…ขอโทษแทนแฟนผมด้วยนะครับ มันค่อนข้างตื่นกล้องและยังไม่ชิน จริงๆมันเป็นห่วงคุณอายนะครับ เพราะว่าเราเห็นเธอเป็นผู้หญิงและที่นี่น่ากลัวมากๆเลยครับ พวกผมขนลุกกันไปหมดแล้ว ยังไงฝากทุกคนเอาใจช่วยคู่เราด้วยนะครับ”

“อ๋อ ก็ว่าแหละครับตอนผมออกกล้องครั้งแรกก็เป็นแบบนี้  น่าชื่นชมคุณภพเสียจริงครับ 555”

ไม่นานหลังจากการให้สัมภาษณ์ผมก็ถูกเรียกตัวให้เดินไปที่ศาลพระพรหมหน้าโรงงาน บรรยากาศแบบนี้เล่นเอาทั้งผมและไอ้ภพเสียวสันหลังวาบ เพราะมันพาลให้นึกถึงตอนไปท้าทายในโรงพยาบาลร้าง อีกทั้งเมื่อคุณเจนนี่นำสวดบทบางอย่าง ความน่ากลัวรอบตัวของผมจึงเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ สิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ในตอนนี้จึงหมายถึงผมได้ยอมรับและเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาสิ่งที่พยายามหลีกเลี่ยงมาตลอด

“นี่เราจะต้องทำท่าหวาดกลัวไปจนถึงเมื่อไรเนี่ย? รายการที่มึงเคยไปเล่นปกติต้องทำแบบนี้เหรอ?”

“555 ใช่ มันเป็นกลยุทธ์ไม่รู้หรือไง ยิ่งพวกเรากลัว คนก็ยิ่งอยากดู เหมือนกับไอ้รายการ horror house นั่นแหละ จะต่างกันแค่ที่นั่นไม่มีกล้องมาเดินตามแบบตอนนี้”

“ปกติเขาถ่ายทำกันนานไหม?”

“บางรายการก็นานนะ แต่รายการนี้ไม่นานหรอก กูเคยดู สามพิธีกรรมเขาทำกันจุดละไม่กี่นาทีเอง”

เราทั้งคู่หันหน้าคุยกันด้วยน้ำเสียงที่เบาที่สุดระหว่างพากันเดินไปยังโกดังเก็บของ ทำลายบรรยากาศอันแสนหดหู่ให้มีเพียงการพูดคุยกระหนุงกระหนิงของคนสองคนเท่านั้น ไม่ใช่ว่าพวกผมอยากจะมาทำอะไรแบบนี้ออกกล้องหรอกนะครับ แต่เพราะโดนสั่งมาให้แสดงความรักกันบ้าง ตามโปรเจครายการที่ได้วางเอาไว้  ระหว่างพูดคุยกันอยู่นั้น เสียงพิธีกรจากวิทยุสื่อสารก็ดังร้องถามเป็นระยะ จนมาถึงจุดแรกที่พวกผมทุกคนต้องทำพิธีกรรม

“คุณภพ คุณมิวคะ เห็นเครื่องเซ่นที่พื้นแล้วใช่ไหมคะ?”

“ครับ ผมเห็นแล้วครับ ต้องทำอะไรต่อ?”

“ลองจุดธูปที่วางอยู่ตรงนั้นนะคะ แล้วเชิญให้วิญญาณโดยรอบนี้เข้ามานั่งรวมวงกับคุณค่ะ”

ทันทีคุณเจนนี่พูดจบ ผมและไอ้ภพซึ่งนั่งมองเครื่องไหว้อยู่นั้นก็หันมามองหน้ากันทันที พิธีจุดธูปเรียกผีนี้พวกเราเคยทำกันมาแล้วรอบหนึ่ง เรื่องการอัญเชิญวิญญาณจึงไม่ใช่ปัญหา แต่ทว่าคำสั่งที่ถัดไปหลังจากนั้นกลับทำให้ผมกลัว เนื่องจากว่าอาหารทั้งหมดนี่ถูกวางอยู่ที่พื้น เพราะฉะนั้นถ้าคำสั่งมาบอกให้ผมกิน ผมก็คงต้องขอยอมแพ้เพราะไม่สามารถกินขนมถ้วยฟูเปื้อนเศษดินเศษหินเข้าไปได้จริงๆ

กลิ่นควันธูปโชยผ่านหน้าผมไปขณะที่ไอ้ภพปักมันตรงบริเวณกระทงอาหารหนึ่งอย่าง  พร้อมกันนั้นผมก็ท่องบทเชิญวิญญาณเหมือนอย่างที่เคยทำแต่ไม่ใช่คาถานั่น จนสภาวการณ์รอบกายค่อยๆเปลี่ยนไป เสียงวัตถุที่ตกลงบนพื้นในโกดังส่งสัญญาณมาให้ร่างกายของคนทั้งสามคนตรงนี้สะดุ้ง อีกทั้งลมเย็นๆยังได้พัดเข้ามาจนขนในกายทุกคนลุกชัน แต่นั่นคงไม่เท่ากับมันได้พัดเอาวิญญาณจากโดยรอบ เข้ามานั่งล้อมวงร่วมกับผม พร้อมแย่งกันกินเครื่องเซ่นบนพื้น

“มาแล้ว…ใช่ไหม?”ไอ้ภพถามขึ้นขณะจดจ้องไปยังการมองของผม การโผล่เข้ามาของวิญญาณเหล่านั้นได้ทำให้แววตาของผมเริ่มสั่นไหวและราวกับถูกสะกด จนไม่สามารถจับจ้องไปที่อื่นได้

“อืม มาแล้ว”ผมพยักหน้ารับไอ้ภพไปอย่างช้าๆเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต ไอ้ภพจึงเริ่มขยับตัวเข้ามาใกล้แล้วจับให้ใบหน้าของผมซบเข้ากับอกมันกันการมองเห็นที่ผมไม่ต้องการ

“คุณมิวครับ คุณภพครับ ลองเดินไปที่ประตูหน่อยครับ คุณเจนนี่บอกว่าตรงนั้นมีพลังงานอยู่”

ครู่เดียวหลังจากที่ผมหลับตาอยู่กับอกไอ้ภพ เสียงของคุณทิมก็สั่งให้ผมลุกออกไปยังประตูที่อยู่เยื้องออกไป ตอนนั้นไอ้ภพรีบหันกลับมาถามหาความเห็นของผม และเมื่อผมส่ายหน้ามันจึงถอนหายใจออกมาอย่างรำคาญและพากันลุกขึ้นไปตามที่คุณทิมบอก

“เล่นกูแล้วไงอีเจ๊…ไหนบอกว่าเห็นจริงจังไง”ไอ้ภพบ่นออกมาเบาๆป้องกันตากล้องได้ยิน สร้างรอยยิ้มให้ผมคลายความตึงเครียดได้บ้าง

“ไม่ทราบว่าคุณภพและคุณมิวรู้สึกยังไงบ้างครับตอนนี้”

“น่ากลัวมากๆเลยครับ ตอนนี้บรรยากาศอย่างเย็น ผม…รู้สึกขนลุกมากเลยครับ”ไอ้ภพหันหน้าเข้าหากล้องพร้อมยกมือขึ้นลูบแขนตัวเองไว้ ก่อนจะทำเสียงสั่นๆแกล้งทำเป็นกลัวจนผมต้องหันกลับไปแอบยิ้ม

“อ้าว บรรยากาศเย็นแบบนี้ ไม่ลองขอความอบอุ่นจากแฟนดูล่ะครับ”

“ได้เหรอครับ?”

.
.
.
(ต่อ)

ออฟไลน์ P-Rawit

  • The beginner of writing world
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-0
“ตามสบายเลยครับ 55 แต่อย่าทำเกินนะครับ พวกผมดูอยู่เดี๋ยวจะสำลักความรักเอาครับ”

ระหว่างที่ผมก้มหน้ากลั้นยิ้มอยู่นั้น เสียงของทีมงานก็ทำให้ผมสะดุ้ง แต่ไม่เท่ากับเสียงของไอ้ภพที่ตอบกลับไปแทบจะในทันที เมื่อเงยหน้าขึ้นมา ผมก็ต้องยอมทนต่อการมองด้วยใบหน้านิ่งๆแต่แววตาพราวระยับของมันจนรู้สึกเก้อเขินและทำตัวไม่ถูก

“ทำดิ ทีมงานอนุญาติให้ทำแล้ว”น้ำเสียงยียวนของไอ้ภพบอกให้ผมฟัง ก่อนที่มันจะยักคิ้วยั่วโมโห

“กูไม่ทำ!! อย่ามาเล่นมุกนี้ไอ้ภพ เดี๋ยวกูบอกกล้องว่ามึงโกหกนะ”

“ไม่ทำงั้นหรอ ถ้าอย่างนั้น…เดี๋ยวกูทำเอง”

แววตาของผมเบิกโตขึ้นเมื่อสุดท้ายใบหน้าของไอ้ภพก็เป็นฝ่ายที่เลื่อนเข้ามาหาผม ช่วงชิงเอาความอุ่นร้อนของใบหน้าไปเสียหมด เสียงแก่งแย่งอาหารเซ่นไหว้ที่ดังอยู่ด้านหลัง จึงไม่อาจดังพอจะกลบเสียงหัวใจของผมที่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เคยชินกับการเข้าหาของไอ้ภพแบบนี้

“หวานกันพอแล้วเนอะ ถ้าอย่างนั้นผมจะให้ทำพิธีกรรมต่อไปเลยนะครับ เดินกลับไปที่เครื่องเซ่นไหว้เมื่อกี้นะครับ แล้วก็เหยียบทุกอย่างให้เละที่สุด”

เมื่อได้รับคำสั่งพวกผมก็ค่อยๆเดินกลับมายังจุดเดิม จ้องมองแต่เพียงการแก่งแย่งด้วยท่าทีหิวโหยก่อนที่จะหยุดนิ่งไป เนื่องจากไอ้ภพได้เดินแทรกตัวเข้าไปกลางวงล้อมแล้วจัดการเตะเครื่องเซ่นไหว้พวกนั้นจนทุกอย่างกระจายไปทั่วบริเวณ แววตาของวิญญาณพวกนั้นต่างจับจ้องมาที่ไอ้ภพอย่างอาฆาต จนใจของผมรู้สึกสั่นกลัว เนื่องจากสัญชาตญาณมันกำลังร้องเตือนถึงความไม่ปลอดภัย

“กลัวมากไหม? ไอ้มิว” หลังจากที่ไอ้ภพสั่งให้ผมยืนดูมันทำเท่านั้น มันก็เดินกลับมากอบกุมมือผมไว้เนื่องจากเห็นสีหน้าของผมไม่สู้ดี

“ไม่เท่าไรหรอก เพียงแต่…กูกลัวว่ามึงจะไม่ปลอดภัย”

ผมพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลจนไอ้ภพต้องส่ายหน้ายิ้มๆปลอบใจ ก่อนจะพาเราทั้งคู่เข้าสู่ตัวโกดัง  คำพูดของผมไม่ได้พูดลอยๆอย่างคนคิดไปเอง เนื่องจากว่าวิญญาณกลุ่มนั้นได้ลุกยืนขึ้นและจับจ้องมาที่ไอ้ภพด้วยแววตาแดงกล่ำ ความโกรธที่ผมรู้สึกได้ กำลังให้พิธีกรรมถัดไปไม่เหมือนเดิม

“ครับ มาที่พิธีกรรมจุดที่สอง จุดนี้คือจุดที่มีคนพบเห็นวิญญาณโผล่ออกมาให้เห็นเป็นประจำนะครับ ผมจึงอยากให้คุณทั้งคู่ลองสัมผัสวิญญาณพวกนั้นโดยมองลอดใต้หว่างขาไปนะครับ”

“พี่ มันจะไม่แรงไปเหรอครับ ผมไม่อยากทำเลย”ผมมองรอบกายตรงนี้อย่างเป็นห่วง วิญญาณที่รายล้อมกำลังจดจ้องมาอย่างไม่ละสายตา

“ยังไงก็ต้องทำครับ ถ้าเห็นอะไรก็อยู่นิ่งๆไว้นะ อย่าวิ่ง”

ไอ้ภพจับมือของผมไว้แน่น คลายความกังวลที่มันคิดว่าผมกลัว ยอมรับเลยว่าวิญญาณที่ผมเห็นอยู่นี้ไม่ได้มีท่าทีคุกคามหรือจ้องจะทำร้ายผม นั่นจึงทำให้ผมไม่ได้รู้สึกมากเท่าไรนัก แต่กับไอ้ภพที่ได้ทำการท้าทายเอาไว้ มันจึงต้องแบกรับความอันตรายเอาไว้บนบ่า โดยที่ไม่รู้เลยว่าตนเองกำลังจะแย่

ผมและมันตัดสินใจก้มลงมองลอดหว่างขาไปยังด้านหลัง เผยให้เห็นการยืนถ่ายทำของตากล้องซึ่งอยู่ห่างจากพวกผมพอสมควรและสภาพโกดังเก่ารกร้างที่มีแต่เศษฝุ่นเศษดิน จนทำให้ทุกอย่างในนี้สร้างความหลอนได้เป็นเท่าตัว มือของผมข้างหนึ่งถูกมือของไอ้ภพจับเข้าไว้ พลางบีบรัดเพื่อคลายความเครียดซึ่งก่อตัวอยู่ทุกระยะ ยามที่ได้เห็นปลายเท้าพวกนั้นเดินตรงมาเรื่อยๆ

เสียงฝีเท้าก้าวเข้ามายังพวกผม กลิ่นเหม็นไหม้ปนกลิ่นสาปศพก็ลอยอบอวลมาไม่ต่างกัน ผมจึงต้องบีบมือของไอ้ภพเอาไว้แน่นแล้วปล่อยให้สายตาจดจ้องอยู่แต่ผีพวกนั้น ไม่นานนักปลายเท้าของทุกตนก็มายืนอยู่เลียบหลังผม ก่อนจะนั่งลงมาสบตาแทบจะประชิดหน้า หากแต่ว่าไม่ใช่หน้าผม สายตาของทุกวิญญาณตรงนี้กำลังพุ่งเข้าไปจดจ่ออยู่เพียงใบหน้าของไอ้ภพ ส่งเสียงร้องดังด้วยความโมโหออกมาอย่างอาฆาต

“ลุกขึ้นได้แล้วครับ คุณภพ คุณมิว”เสียงพิธีกรทั้งคู่ ดังแทรกความหลอนหัวเมื่อครู่ จนผมตกใจ

“มาถึงตรงนี้อยากถามทั้งคู่ว่าเป็นไงบ้างครับ?”

“ก็น่ากลัวดีครับ บรรยากาศเย็นๆมันทำให้ผมรู้สึก…เหมือนมีคนจ้องมอง”

น้ำเสียงที่ไอ้ภพสื่อมาไม่ได้แกล้งอย่างครั้งแรก ใบหน้าหวั่นวิตกของมันแสดงออกมาชัดเจน เหงื่อไคลที่ไหลย้อยตามขมับบ่งบอกให้ผมรู้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคงได้ไปกระตุ้นสัญชาตญาณบางอย่างในตัวไอ้ภพ จนมันรู้สึกได้ตามที่ผมเห็น

“เป็นไปอย่างที่คุณเจนได้พูดกับผมไว้เลยนะครับ ว่าตอนที่พวกคุณกำลังก้มหน้า วิญญาณมากมายต่างก็โผล่ออกมาจ้องมองคุณตรงบริเวณลังกระดาษเก่าๆด้านข้างครับ”

“จริงเหรอมิว?”ไอ้ภพไม่สนใจเสียงของคุณทิมที่ส่งออกมาด้วยความตื่นเต้น โดยการหันมาถามผมเสียงเบาแทน

“ถ้าพูดไปอย่ากลัวนะ แต่คำตอบคือไม่”

“แล้วพวกนั้นอยู่ตรงไหน?”

คราวนี้ผมไม่ตอบแต่กลับเคลื่อนตัวมายืนอยู่ตรงหน้าไอ้ภพ จ้องมองวิญญาณที่ยืนอยู่ด้านหลังให้ไอ้ภพเข้าใจสิ่งที่ผมสื่อ ตอนนั้นเป็นจังหวะที่พิธีกรรายการสั่งให้พวกผมเดินไปทำพิธีกรรมสุดท้าย ซึ่งต้องแยกกันไป ผมจึงต้องรีบใช้เวลานี้ในการปลอบใจผู้ชายของผมที่กำลังยืนนิ่งจ้องมองมาด้วยแววตาที่ไม่บอกถึงความรู้สึก

“เดี๋ยวกูต้องแยกไปทำพิธีสุดท้ายแล้วนะ  ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งสิ้น ยังไงเสียมึงก็มองไม่เห็น”

“แล้วมึงล่ะ? กูพามึงมาทรมานหรือเปล่า มึงกลัวหรือเปล่า”

“ไม่ต้องห่วง วิญญาณพวกนั้นยังไม่ได้มีท่าทีคุกคามกูอย่างที่มึงคิด สบายใจได้”

ผมยิ้มสร้างความมั่นใจให้ไอ้ภพอีกครั้ง ก่อนที่ตนเองจะตัดสินใจเลื่อนหน้าเข้าไปหามันและเป็นฝ่ายแลกเปลี่ยนอากาศหายใจของตนเองก่อน ผมยืนจูบกับไอ้ภพเพื่อตัดสินใจปิดสายตาตนเองลงและเก็บเกี่ยวเอาความมั่นใจตรงนี้ไปใช้หลังจากที่ผมถอนจูบออกมา และเลื่อนหน้าเข้าไปที่ใบหูเพื่อบอกอย่างอื่นแทน

“ภพ ถ้าทำทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว ให้วิ่งออกไปด้านหน้า…ไม่ต้องรอกู”


ผมเดินแยกออกมาทันทีก่อนจะมุ่งตรงไปยังห้องที่อยู่ชั้นสองของโกดังโดยที่ไอ้ภพยังคงถูกสั่งให้ทำพิธีกรรมในชั้นแรก  เมื่อผมเดินผ่านความมืดเข้ามา สายตาของผมก็ไปสะดุดเข้ากับตุ๊กตามนุษย์ซึ่งนั่งอยู่ที่พื้น จ้องมองมาที่ผมด้วยรอยยิ้มแสนหวานตามปกติ ก่อนที่ทีมงานจะสั่งให้ผมเคลื่อนกายเข้าไปนั่งข้างๆ

“เห็นตุ๊กตาตัวนั้นไหม ผมอยากให้ทั้งคุณมิวคุณภพ มองเป็นเพื่อนนะครับ แล้วดึงพวกเขาคุณมากอดพร้อมพูดคุยไปด้วย”

ผมตัดสินใจที่จะลูบเอาหัวของตุ๊กตาไว้ แล้วก็พูดคุยเรื่องทั่วไปคล้ายจะบ่นเสียมากกว่า  ก่อนที่สายตาจะสอดส่องไปทั่วทั้งบริเวณเพื่อสังเกตความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น แต่ทว่าท่ามกลางความมืดเหล่านั้นกลับไม่มีวิญญาณหรือใครยืนอยู่เลย ทุกอย่างเงียบสนิท ใจของผมเริ่มพะว้าพะวงถึงไอ้ภพ เลยตัดสินใจพูดให้เสียงดังขึ้นอีกจนมันก้องไปทั่ว กระนั้นมันก็ยังไม่มีท่าทีของวิญญาณ

ใช้เวลาไปประมาณสิบนาทีในห้องนั้น เสียงพิธีกรรายการก็สั่งให้ผมหยุดและเดินออกมาจากตรงนั้นได้ ผมวางตุ๊กตาไว้ที่เดิม ก่อนจะค่อยๆเดินลงมาด้านล่างพลางมองหาไอ้ภพไปด้วย  พื้นที่ชั้นหนึ่งตอนนี้นอกจากตากล้องที่ถ่ายผมอยู่นั้นก็ไม่มีเค้าลางของไอ้ภพเดินออกมาด้วย วิทยุสื่อสารที่รายการให้ก็ได้ไปคนละตัว เหตุใดไอ้ภพถึงยังคงไม่ออกมา

ผมตัดสินใจเดินวกกลับเข้าไปที่ห้องชั้นหนึ่ง ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ห้องปลายสุดตรงนั้น ผมก็ยิ่งได้ยินเสียงของผู้ชายคุ้นหูดังผ่านอากาศขึ้นมา ไอ้ภพยังคงพูดคุยกับตุ๊กตาอยู่อย่างนั้น ไม่มีท่าทีว่าจะเลิกหรือเดินออกมาง่ายๆ ผมจึงต้องเดินเข้าไปเพื่อมองหาสาเหตุที่ยังคงรั้งตัวไอ้ภพเอาไว้

“รู้ไหม? ที่กูพาไอ้มิวมาท้าทายวันนี้ ก็เพราะว่ามันเป็นวันครบรอบครั้งแรกที่กูเจอมัน  เมื่อปีที่แล้วกูเจอมันวันนี้แหละตอนไปถ่ายอีกรายการ ตอนนั้นกูใส่อารมณ์กับมันจนรู้สึกผิดอยู่ตลอด วันนี้กูเลยอยากจะแก้ไขสิ่งที่กูทำพลาดโดยการยอมฝืนใจพามันกลับมาทรมานอีกครั้ง เพื่อจะได้สร้างความรู้สึกใหม่ทับลงไป”

“มันอาจดูเห็นแก่ตัวนะ แต่กูก็ตั้งใจทำเพื่อมัน ไม่อยากให้มันรู้เท่าไร เดี๋ยวแม่งก็ร้องไห้อีก กูไม่อยากเห็นมันร้องไห้ จริงๆวันนี้กูอยากจะพามันไปกินข้าวด้วย แต่ดูสิ่งที่รายการทำกับกูดิ ชุดกูเปื้อน หมดหล่อเลย”


ประโยคมากมายที่ไอ้ภพพร่ำอยู่นั้น มีอยู่ประมาณสองสามอย่างที่ทำให้ผมถึงกับชะงัก ผมลืมไปเสียสนิทว่าวันนี้คือวันที่ผมโดนนัดให้ไปเข้าร่วมรายการ horror house เมื่อปีที่แล้ว ต่างจากไอ้ภพที่จำได้และพยายามจะแก้ไขความผิดพลาดที่มันเคยทำ ยอมรับเลยว่าผมไม่อาจโกรธหรือหงุดหงิดมันได้อีก เหตุผมของมันมีค่ามากพอที่จะทำให้ผมเห็นค่าและยกโทษให้ด้วยรอยยิ้มที่คิดว่าดีที่สุด แต่กระนั้นเมื่อผมโผล่หน้าเข้าไปในห้องทุกอย่างที่ว่ามาก็สูญหายไปพลัน

ไอ้ภพ…กำลังนั่งอยู่ท่ามกลางวิญญาณพวกนั้น ที่มือมันก็จับตุ๊กตาขึ้นมาเล่น เพียงแต่ว่าตุ๊กตาตัวนั้นกำลังหันคอมามองผม

“ภ…ภพ กลับกันได้แล้ว ทีมงานปล่อยแล้วนะ”ผมกลั้นใจสะกดเสียงที่สั่นของตนเอง เรียกให้ภพให้หันกลับมา ไม่สนใจแม้ว่าทุกสายตาจะหันกลับมาด้วย

“อ้าว??  ทำไมกูไม่ได้ยิน วิทยุสื่อสารกูเสียเหรอ”

พูดจบไอ้ภพก็วางตุ๊กตาไว้ที่เดิม แล้วหันไปหยิบวิทยุสื่อสารด้านข้างตัวมาตรวจสอบ เผยให้เห็นว่าตรงนั้นมีวิญญาณที่นั่งทับอยู่มันจึงไม่ได้ยินเสียงประกาศให้หยุด วินาทีนั้นผมต้องรีบวิ่งไปคว้าข้อมือของมันออกมา เพราะวิญญาณพวกนั้นทำท่าจะคุกคามพวกผมจนไม่อาจรีรอต่อไปได้

ความโกลาหลเกิดขึ้นทันทีหลังจากที่ผมตัดสินใจวิ่งหนีกันมาหาคุณทิมและคุณเจนนี่อย่างไม่คิดชีวิต  ทิ้งตากล้องให้ต้องวิ่งตามอย่างเหน็ดเหนื่อย เสียงฮือฮาของชาวบ้านที่มุงดูอยู่ ต่างก็หันมาสนใจพวกผมพร้อมกับหันไปกระซิบนินทา เดาเรื่องที่เกิดขึ้นข้างในเป็นตุเป็นตะ

หลังจากการสัมภาษณ์เสร็จสิ้น พวกเราทุกคนก็ถูกคุณเจนนี่พาไปทำพิธีขอขมาลาโทษ แล้วจึงได้แยกย้ายกันกลับ ซึ่งระหว่างขึ้นรถไอ้ภพไม่พูดอะไรทั้งสิ้น นอกจากการขับไปอย่างเงียบๆ แววตาของมันบ่งบอกออกมาหลายความรู้สึก ทั้งรู้สึกผิด ทั้งหงุดหงิดจนผมต้องยื่นมือไปสัมผัสมันไว้ เพื่อคลายความทุกข์ในใจมันตอนนี้

“ทำไมทางมันเหมือนจะกลับบ้านอย่างนั้นล่ะ”ผมหันมาถามเมื่อเห็นว่ามันกำลังจะขับเข้าสู่ถนนเส้นพากลับบ้าน

“มึงอยากไปไหนเหรอ?”

“กูไม่ได้อยากไปไหนหรอก แต่มึงบอกเองไม่ใช่รึไงว่าจะพากูไปกินข้าว”

“ได้ยินด้วยเหรอ?”

“อืม ทั้งหมดนั่นแหละ”

ไอ้ภพเบี่ยงตัวรถเข้าสู่ถนนอีกเส้นเพื่อนำพาผมไปยังร้านอาหารที่มันบ่นว่าอยากพาไปนานแล้ว  เวลาตอนนี้ถือว่ายังไม่ดึกมากนัก มันจึงเลือกที่จะพาผมไปตามแผนที่วางไว้แม้ชุดจะสกปรกไปบ้างแล้วก็ตาม ร้านที่ไอ้ภพพาไป เป็นร้านอาหารที่ติดอยู่กับแม่น้ำ จนไอเย็นและเสียงไหลของธารน้ำได้นำพาเอาความสดชื่นและความสบายใจเข้าสู่เราทั้งคู่

“ขอโทษนะมิว ที่กูทำอะไรตามใจตนเองแบบนี้”

“ไม่เป็นไรหรอก ก็ถือว่าเรื่องในนั้นเป็นบทเรียนแล้วกัน อีกอย่างกูก็ว่าสนุกดี ที่ได้เห็นมึงโดนอะไรแบบนี้บ้าง”

“สาแก่ใจมึงว่างั้น?”

“ไม่ทั้งหมดหรอก ที่บอกว่าสนุกดีก็เพราะได้รู้ว่ามึงไม่ได้ตั้งใจ มึงแค่อยากจะชดเชยความผิด”

“แล้วพอได้กลับมาทำอะไรกับกูแบบนี้อีก รู้สึกยังไงบ้าง?”

“มันก็…คิดถึง ยิ่งพอมาได้ยินเหตุผล กูยิ่งคิดถึงเข้าไปใหญ่ ไม่คิดด้วยซ้ำว่ามึงจะจำมันได้”

“ถ้าอย่างนั้น กูขอสร้างความทรงจำใหม่แล้วกัน ปีนี้มันคือวันครบรอบครั้งแรกที่เราเจอกัน แต่ปีถัดๆไปกูขอให้มึงจำเป็นวันอย่างอื่นแทนนะ” 

“วันอะไรเหรอ?”

“วันที่แหวนวงนี้…สวมอยู่บนนิ้วของมึง”

แหวนทองคำขาวประกายวาววับสะท้อนเข้าตรึงในหัวใจผม บรรเลงบทเพลงของราตรีกาลให้มีเพียงแต่เสียงหัวใจดังก้อง ประสานเป็นท่วงทำนองเดียวกัน ยามที่แหวงวงนั้นถูกสวมเข้ามาในนิ้วมือของเราทั้งคู่  ตีตราจองให้ใจและกายของเราอยู่เคียงข้างกันและพึงสำนึกเอาไว้เสมอว่า เมื่อใดที่มีใครสักคนพยายามจะเข้ามาเล่นเกมชีวิตกับเราจนทำให้ไขว้เขว เมื่อนั้นก็ให้พันธะสัญญาบนมือวงนี้ได้ดึงเอาหัวใจของเราทั้งคู่กลับมาเกี่ยวกันไว้ตลอดกาล



*********************************Special END***************************************

เอาภพมิวมาทักทายให้หายคิดถึงกันนะครับ
สำหรับตอนนี้เป็นตอนที่ผมตั้งใจไม่เขียนออกมาให้น่ากลัวนะครับ  อยากให้สัมผัสมุมหวานๆของทั้งคู่กันบ้าง หวังว่าจะถูกใจนะ
พอได้กลับเข้าเว็บมาลงภพมิวให้ทุกคนได้อ่าน บรรยากาศเก่าๆมันก็กลับมา ยอมรับเลยว่ายังคงคิดถึงภพมิวอยู่ 555
ถ้ามีโอกาสในวันหน้า ผมจะหาเวลามาลงตอนพิเศษเล็กๆน้อยๆให้อ่านนะครับ
ขอบคุณทุกการติดตาม ทุกการแชร์ นักอ่านทุกคนที่อยู่กับผมมาจนถึงจุดที่เรียกว่าสมบูรณ์อย่างนี้
ขอบคุณมากๆนะครับ  รักนักอ่านทุกคนเลย  ถ้ามีโอกาสเราคงได้เจอกันในเว็บนี้อีกครั้งนะ
P-Rawit



***สำหรับหนังสือ  ภพมิวจะไปอยู่ในการดูแลของ สนพ เพื่อนใจนะครับ ฝากทุกคนซื้ออ่านด้วยเน้อ ในเล่มมีตอนพิเศษด้วยครับ

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
 :-[
ปีก่อนเจอเรื่องน่ากลัว ปีนี้ก็ให้เจอเรื่องหวานๆ มองย้อนกลับมาจะได้อบอุ่นหัวใจ งืออ น่ารักกกกกกกกก
รักกันนานๆน้าาาาา

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เค้าฉลองวันครบรอบกันได้หล่อนจริง

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
เป็นการฉลองครบรอบที่เหี้ยมโหดมากค่าาา  :katai1:

ออฟไลน์ nuchhxk

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เกือบแล้วมั้ยอ่ะภพ ดีนะมิวมาดูก่อน55555555555 คิดอะไรแปลกมากๆเลยนะภพพามาครบรอบแบบนี้ คุณพีเอานิสัยจริงๆมาเขียนใช่มั้ยคะ555555555555555

ออฟไลน์ didididia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
เป็นวันครบรอบที่เหมาะกับคู่นี้สุดๆ :katai1:

ออฟไลน์ นอนกินแรง

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
เหมือนการขอแต่งงานเลย ขอบคุณนะคะ :mew1:

ออฟไลน์ TanyaPuech

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +531/-23
เป็นเรื่องที่สนุกมาก  พล็อตดี  ลุ้นดี ตอนอ่านขนลุกเลยบางตอน

เกือบหยุดอ่านเพราะคาแรกเตอร์มิว แปลกตั้งแต่ต้นเรื่อง ตั้งใจมารายการผี แต่มาเฟลโวยวายซะงั้น งงเลย 555

มิวแปลกๆดีในเรื่อง ช่วงกลัวผีคือแอบรำคาญ555 แต่ก็เข้าใจ ละเท่าที่อ่านมา นี่คงเป็นนิยานที่นายเอกร้องไห้เยอะสุด ทุกตอน 555

พี่ภพก็หล่อ เท่ ไม่กลัวไรเกินพ่อคุณ แบ่งหนูมิวบ้าง

โดยรวมสนุกมากครับ พล็อตเจ๋งมาก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด