<<ม่านไหมลายพยัคฆ์>>
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: <<ม่านไหมลายพยัคฆ์>>  (อ่าน 105742 ครั้ง)

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
เครียดกับความสัมพันธ์แบบนี้  :katai1:

ออฟไลน์ NUTSANAN

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1031
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-3
โว้ยยยยย หน่วงไรเบอนี้ หย่งหนานก็เดี๋ยวใกล้เดี๋ยวห่าง นึกว่าไบโพล่าค่ะ

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 847
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
โอ๊ยย ชีวิต อะไรมันยุ่งยากขนาดนี้
มึนงงไปหมด
ยิ่งอ่านเหมือนยิ่งเป็นต้นทางให้เค้าได้เป็นชู้กัน
รู้ว่าผิดแต่โอ๊ยยยยยย   :z3: :z3:

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2

ออฟไลน์ Silvan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-3
โอ้ยขัดใจเหวินเป่าเป็นเจ้าชายนะลูก

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
เหวินเป่าไมทิ้งโอกาสอย่างนั้นอ่ะ นอยเลยอ่ะ

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


                                                                   ม่านไหมลายพยัคฆ์

                                                                          บทที่ 16



               “สิ่งที่ลุงคาดคิดไว้ก่อนสงครามโลกจะเกิดขึ้นนั้นได้เป็นจริงขึ้นมาแล้ว”


               เฉินจิ้งเหอนายกรัฐมนตรีของจีนกล่าวกับเฉินหย่งหนานผู้เป็นหลานชายขณะเดินกลับไปยังห้องทำงานประจำตำแหน่ง ณ

รัฐสภา สีหน้าของจิ้งเหอบอกชัดว่ากำลังครุ่นคิดอย่างหนัก


               “ตอนนี้ประชาชนที่ถูกพรรคสังคมนิยมกล่อมให้เห็นด้วยกับอุดมการณ์แสนสวยของพวกเขามากขึ้นทุกที และถ้าหากนักการ

เมืองฝั่งเรายังไม่ทำอะไร ลุงเกรงว่าพวกเขาจะถือโอกาสนี้โจมตีแน่ๆ”


               “สิ่งที่คุณลุงคาดนั้นมันเริ่มต้นแล้วล่ะครับ ผมได้ข่าวมาว่าพวกเขาเริ่มปราศัยโจมตีพวกเราตามหัวเมืองว่าจัดสรรงบประมาณ

อย่างไม่เป็นธรรมหลังจากสงครามจบลง มันใกล้นานกิงเข้ามาทุกขณะ”


               สีหน้าของผู้นำอย่างเฉินจิ้งเหอยิ่งดูเคร่งขรึมเมื่อเขาก้าวมานั่งบนเก้าอี้ประจำตำแหน่งในห้องทำงาน


               “งานฟื้นฟูเศรษฐกิจก็เป็นงานเร่งด่วน ไหนจะกำลังใจของคนในชาติที่ผ่านพ้นความเลวร้ายที่ต้องเยียวยานั่นก็เป็นงานสำคัญ

ไม่แพ้กัน นี่ยังต้องคอยระวังกับพวกที่หวังจะเหยียบให้จมดินด้วย”


               ไม่บ่อยครั้งนักที่จิ้งเหอจะระบายความรู้สึกอันแสนหนักหน่วงออกมาให้ได้ฟัง หย่งหนานเองก็นึกเห็นใจผู้เป็นลุงอยู่ไม่น้อย

อำนาจนั้นก็เหมือนผลไม้ที่มีกลิ่นหอม มันมักจะล่อลวงให้ผู้คนแสวงหาเพื่อลิ้มลองรสชาติของมัน


               “อย่าเพิ่งนึกถึงเรื่องที่ยังมาไม่ถึงเลยจะดีกว่า” จิ้งเหอเปลี่ยนเรื่อง “ลุงมีความคิดว่าเราควรจะทำอะไรบางอย่างเพื่อสร้างขวัญ

กำลังใจให้กับชาวบ้านที่เพิ่งจะผ่านวิกฤติกันมา เพื่อสร้างความรื่นเริงบันเทิงใจให้พวกเขาบ้าง”


               หย่งหนานนิ่งคิดตามความต้องการของผู้เป็นลุงอยู่ครู่หนึ่งจึงได้เสนอความเห็นออกไป             


               “เราจัดงานวัฒนธรรมกันดีไหมครับ ให้มีการแสดงงิ้วและร้องรำให้ประชาชนได้เข้าชมกันโดยไม่เก็บค่าเข้าชม”


               “เป็นความคิดที่ดี” จิ้งเหอพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของหลานชาย


               “หลานสั่งการได้เลยนะ คณะงิ้วและศิลปินที่อยากจะมาร่วมงานก็ให้มาได้เลย เราจะจัดเป็นงานใหญ่ครั้งแรกหลังจากสิ้นสุด

สงคราม”


               หย่งหนานรับคำสั่งก่อนจะออกไปปฏิบัติตามอย่างรวดเร็ว







               เหวินเป่ารับอาสามาช่วยอาซิ้มแม่ครัวซื้ออาหารสดในวันนี้ เขาลากรถเข็นสำหรับใส่ของมาถึงตลาดในยามเช้า หลังจากวันนั้น

ผ่านมาได้หลายวันแล้วเหวินเป่าก็ยังไม่ได้พบหน้าหย่งหนานอีกราวกับอีกฝ่ายจงใจหลบหน้า หย่งหนานจะกลับถึงบ้านในยามดึกดื่นเมื่อ

มาถึงเขาจะเข้าไปทักทายฟางซินอยู่พักหนึ่งก่อนจะกลับออกมา เขาสั่งให้คนรับใช้จัดเตียงเพิ่มในห้องของเฉินฮุ่ยจงบุตรของเขา หย่ง

หนานเข้าไปพักนอนเพียงไม่กี่ชั่วโมงและตื่นแต่เช้าเพื่อออกไปทำงาน

               แม้จะเจ็บปวดแต่ก็ต้องยอมรับความเป็นจริง เหวินเป่าเข้าใจเหตุผลที่หย่งหนานต้องกระทำเช่นนั้น เยื่อใยที่มีต่อกันล้นเหลือ

และช่างน่ากลัวกับความยั่วยวนในไฟปรารถนา หากพบเจอหน้ากันบ่อยครั้งสักวันความอดทนที่มีอาจจะพ่ายแพ้จนกระทำผิดต่อฟางซินที่

เจ็บป่วยเพราะโรคภัย

               ตกอยู่ในภวังค์จนเผลอถอนหายใจออกมา อาซิ้มหันมาเห็นเข้าพอดีจึงเผลอดุเบาๆด้วยความเอ็นดู


               “อั้ยยะ เหวินเป่า ยังหนุ่มแน่นทำไมถึงถอนหายใจเป็นคนแก่อย่างนี้ล่ะ รออาซิ้มอยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวอาซิ้มจะไปซื้อของตรงฝั่ง

โน้น”


               พูดจบอาซิ้มก็ก้าวเดินไปยังจุดหมายอย่างคล่องแคล่วทิ้งให้เหวินเป่ายืนใจลอยจนกระทั่งได้ยินเสียงทักจากเบื้องหลัง


               “เหวินเป่า!”


               สะดุ้งสุดตัวก่อนจะหันขวับไปมองต้นเสียง เหวินเป่าทำตาโตเมื่อเห็นว่านั่นคือหยางเจี่ยนบุตรชายของหยางซื่อเจ้าของคณะ

งิ้วที่เหวินเป่าเคยอาศัยอยู่นั่นเอง หยางเจี่ยนมีสีหน้าตื่นเต้นดีใจเมื่อเห็นเหวินเป่า เขารีบก้าวเข้ามาและคว้าแขน เหวินเป่าไว้ราวกับกลัว

อีกฝ่ายจะหนีเขาไป


               “ในที่สุดพี่ก็ได้เจอเหวินเป่า หลังจากวันที่เธอหนีพี่ไป”


               น้ำเสียงของรุ่นพี่ในคณะงิ้วสร้างความลำบากใจให้เหวินเป่าไม่น้อย เหวินเป่าค่อยๆดึงแขนออกจากการเกาะกุมโดยไม่ให้

หยางเจี่ยนเสียน้ำใจนัก


               “ผมจำเป็นต้องทำนะพี่เจี่ยน พี่ก็รู้ว่าถ้าผมไม่หนีจะเกิดอะไรขึ้นกับผม”


               “แล้วนี่เธอไปอยู่เสียที่ไหน คงสบายดีกว่าอยู่โรงงิ้วสินะ ดูตอนนี้สิกลายเป็นคุณชายมีสง่าราศีกว่าเมื่ออยู่โรงงิ้วจนเกือบจำไม่

ได้ เธอคงลืมความยากลำบากที่เราเผชิญด้วยกันมาแต่เด็กเสียแล้ว”


               หยางเจี่ยนมองเหวินเป่าตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า  เด็กน้อยมอมแมมในอดีตที่กลายเป็นนางเอกงิ้วเพราะความจำเป็นกลับ

กลายเป็นหนุ่มน้อยที่มีใบหน้าหมดจดงดงามตรึงตาตรึงใจของเขาเสียยิ่งกว่าวันที่เหวินเป่าสวมชุดงิ้วเสียอีก

               ความเสียดายแล่นเข้ามาจุกอก หยางเจี่ยนเห็นเหวินเป่ามาตั้งแต่แปดขวบ เขาถือว่าเขาเป็นผู้มองเห็นความเปลี่ยนแปลงของ

เหวินเป่าเป็นคนแรก หยางเจี่ยนนึกเสียดายวันเวลาที่ผ่านมาหากว่าเขาจะคิดครอบครองหนุ่มน้อยตรงหน้า ป่านนี้เขาก็คงได้ขึ้นสวรรค์ไป

เนิ่นนานแล้ว


                “ที่โรงงิ้วเป็นอย่างไรบ้าง” เหวินเป่าเอ่ยถามทำลายความเงียบ เขาไม่ชอบสายตาที่หยางเจี่ยนจ้องมองมาเลย


               “ทุกคนยังสบายดีกันไหม”


               “คิดว่าทุกคนยังสบายดีงั้นหรือเมื่อเธอและพี่ไป๋ซานหนีไปจากพวกเรา” หยางเจี่ยนพูดด้วยเสียงขุ่นเคือง


               “คณะงิ้วที่ขาดชิงอี่ไปคราวเดียวถึงสองคน คิดว่าพวกเราจะสร้างใครขึ้นมาทดแทนได้รวดเร็วขนาดนั้นล่ะ กว่าจะฝึกสอนให้

คนใหม่เล่นได้พอที่จะออกงานเก็บค่าชมก็ต้องลำบากกันมาก นั่นก็เป็นเพราะเธอทีเดียวที่ทอดทิ้งไป”


               ถือโอกาสโบยแส้ฟาดหัวใจของหนุ่มน้อย เพราะเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กทำไมหยางเจี่ยนจะไม่รู้เล่าว่าเหวินเป่าเป็นคน

ใจอ่อนและรักพวกพ้องมากขนาดไหน และสิ่งที่เขาทำก็ได้ผล เหวินเป่ากำลังรู้สึกผิดจนหน้าเศร้า


               “โธ่ อย่าพูดอย่างนั้นสิพี่เจี่ยน ใช่ว่าผมจะไม่รักทุกคนในโรงงิ้ว หากมีอะไรที่ผมช่วยได้ก็อยากจะช่วย”


               ยามยากลำบากที่อยู่ด้วยกันมาทำให้เหวินเป่าเห็นใจทุกคนใรคณะงิ้วอยู่มาก การที่เขาหนีมากับหย่งหนานอาจจะส่งผลกระ

ทบเมื่อนักการเมืองผู้นั้นอาจจะไม่ได้มอบเงินให้อีกต่อไป หยางเจี่ยนลอบยิ้มอยู่ในใจเมื่อเห็นท่าทีโอนอ่อนของเหวินเป่า


               “จริงเหรอ ถ้าอยากช่วยอย่างที่พูดออกมาจริงๆน่ะ รัฐบาลจะจัดงานวัฒนธรรมในคืนวันพรุ่งนี้ เธอจะไปช่วยแสดงที่เวทีงิ้วของ

เราได้ไหมล่ะเหวินเป่า แค่คืนเดียวเท่านั้น”


               เหวินเป่ายืนอึ้ง สิ่งที่หยางเจี่ยนร้องขอสร้างความลำบากใจไม่น้อย หากแต่สายตาคาดคั้นของหยางเจี่ยนก็ทำให้เขาไม่กล้า

ปฏิเสธเต็มปากนัก


               “ผมคงต้องไปปรึกษากับเจ้านายของผมเสียก่อน หากไปได้ผมก็จะไป”


               “เธอต้องไปให้ได้” หยางเจี่ยนสำทับ


               “นึกถึงบุญคุณที่ต้องทดแทนสิเหวินเป่า เธอโตมากับคณะงิ้วหากไม่มีพ่อ ไม่มีพวกเรา เธอคงตายอยู่ข้างถนนแล้ว อย่าลืมนะ

พี่จะรอเธอที่เวทีงิ้วของเราในคืนพรุ่งนี้”


               ไม่รอคำตอบจากหนุ่มน้อย หยางเจี่ยนหันหลังกลับเดินหนีทันที พอดีกับที่อาซิ้มจับจ่ายข้าวของเดินกลับมา


               “เหวินเป่า คุยกับใครอยู่”


               “เพื่อนเก่าน่ะครับอาซิ้ม ซื้อของเสร็จแล้วหรือครับ ต้องการอะไรอีกไหม”


               “ไม่ล่ะ ได้ของครบแล้วรีบกลับกันเถอะ จะต้องไปต้มยาบำรุงให้ฮูหยินอีก”


               เหวินเป่าพยักหน้ารับพลางลากรถเข็นตามหลังหญิงชรากลับบ้าน ในใจของเขานั้นครุ่นคิดถึงคำพูดที่จะขออนุญาตหย่งหนาน

เพื่อจะไปแสดงงิ้วตลอดทางกลับบ้าน







               หย่งหนานกลับบ้านดึกเช่นเคย เขาสั่งความสาวใช้ไว้นานแล้วว่าไม่ต้องอยู่คอยต้อนรับเขาในเวลาดึกดื่นอีก เมื่อกลับมาแล้ว

หย่งหนานจึงได้เดินเข้าห้องของเขากับฟางซินดั่งเช่นทุกครั้ง เขาเดินเข้าไปหาภรรยาที่นั่งพิงกับหัวเตียงอยู่


               “ยังไม่หลับหรือฟางซิน”


               เขาถามด้วยความห่วงใย ฟางซินขยับกายคลี่ยิ้มรับเมื่อเห็นสามีกลับมา


               “น้องตื่นมาจิบน้ำอุ่นน่ะค่ะ วันนี้ไม่มีไข้ก็เลยไม่แย่เหมือนคืนก่อนๆ”


               “ไม่มีไข้ก็ดีแล้ว ฉันเป็นห่วงเธอนะ”


               หย่งหนานพูดคุยกับฟางซินอยู่พักใหญ่เขาจึงประคองภรรยาให้เอนกายไปกับเตียง


               “นอนพักต่อเถอะ จะได้แข็งแรงไวๆ”


               ดูแลจนฟางซินหลับตาลงแล้วหย่งหนานจึงได้เดินกลับออกไปภายนอก เขาเดินย้อนกลับไปทางห้องโถงกลับพบว่ามีร่าง

โปร่งกำลังนั่งคอยเขาอยู่ หัวใจของชายชาติทหารพลันเต้นแรงเมื่อเห็นว่าเป็นเหวินเป่าเด็กในปกครองของเขานั่นเอง


               “เหวินเป่า มีอะไรหรือเปล่า”


               เหวินเป่ารีบลุกจากเก้าอี้ สีหน้าในวันนี้ดูลำบากใจแต่เขาก็ตัดสินใจพูดออกมาในที่สุด


               “วันนี้ผมได้พบกับพี่เจี่ยนลูกชายเหล่าซือที่ตลาดครับนายท่าน ทราบว่าที่คณะงิ้วกำลังลำบาก พี่เจี่ยนจึงขอให้ผมไปช่วย

แสดงงิ้วที่งานวัฒนธรรมคืนพรุ่งนี้”


               “ไม่ได้!”


               หย่งหนานตอบโดยไม่ต้องหยุดคิด คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันทันที


               “ฉันไม่ไว้ใจคณะงิ้วนั่นอีกแล้ว เธอลืมแล้วหรือว่าต้องพบเจอกับอะไรบ้าง”


               เสียงดุจนเหวินเป่าสะดุ้ง ใบหน้าหวานสลดลงเมื่อได้ยินคำปฏิเสธนั้น เขาเงยหน้าขึ้นและวอนขออีกครั้ง


               “ถึงอย่างไรพวกเขาก็ดูแลผมมาจนโต สมควรที่ผมจะทดแทนบุญคุณให้เขา อนุญาตให้ผมไปเถอะครับ”


               “ฉันบอกแล้วว่าไม่ได้ แม้ว่าเธอจะคุกเข่าอ้อนวอนฉันก็ไม่อนุญาตให้เธอไป หากเธอยังดื้อรั้นฉันจะลงโทษเธอ”


               “นายท่าน!”


               น้ำตาปริ่มด้วยความน้อยใจ  แต่หย่งหนานก็พลันเบือนหน้าหนีเพราะกลัวใจอ่อนเมื่อเห็นน้ำตา เขาผลุนผลันเดินหนีออกไป

ทางบ้านหลังใหญ่ทิ้งให้เหวินเป่าทรุดตัวลงนั่งยกหลังมือเช็ดน้ำตา


               “เกิดอะไรกันขึ้น”


               “นายหญิง เดินออกมาต้องการอะไรหรือเปล่าครับ”


               เหวินเป่ารีบเข้าไปประคองเมื่อเห็นฟางซินเดินมาช้าๆ เขาดูแลให้ฟางซินนั่งบนเก้าอี้ แล้วจึงยืนก้มหน้าซ่อนความน้อยใจเอา

ไว้ ฟางซินโบกมือไปมา


               “อย่าเป็นห่วงนักเลยเหวินเป่า การเจ็บป่วยของฉันยังไม่ร้ายแรงจนต้องนอนอยู่บนเตียงตลอดเวลาหรอก เมื่อสักครู่ฉันได้ยิน

เสียงเธอกับนายท่านของเธอคุยอะไรกันเสียงดังเชียว”


               เหวินเป่ารีบกลั้นน้ำตาและเล่าเรื่องคร่าวๆให้ฟางซินฟัง หญิงสาวรับรู้และมองอย่างเข้าใจ


               “เธออยากจะช่วยพวกเขา แต่นายท่านของเธอเขาเป็นห่วงเธอเพราะเหตุการณ์อันตรายในคราวนั้น เธอควรจะเชื่อฟังนะ

หนทางช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ยังมีอีกหลายวิธี”


               ความช่างสังเกตของฟางซินทำให้หญิงสาวพิจารณาใบหน้าเศร้าของเหวินเป่า ดวงตาอันงดงามแสดงความรู้สึกออกมาอย่าง

ไม่อาจปิดบังได้เพราะความอ่อนเดียงสา ทำให้ฟางซินฉุกใจคิดอะไรบางอย่างขึ้นมา


               “พี่หย่งหนานเขาเป็นห่วงเธอมากๆเลยนะ”


               เหวินเป่าเงยหน้าขึ้นสบตากับฟางซิน หนุ่มน้อยกัดริมฝีปากเมื่อเห็นแววตาครุ่นคิดของฟางซิน ความร้อนใจทำให้เขารีบกล่าว

ชี้แจง


               “นายท่านแค่เมตตาต่อผมเป็นปกติเท่านั้นครับ”


               “งั้นหรือ” ฟางซินเลิกคิ้ว “เท่าที่ฉันเห็น เธอกับนายท่านของเธอผูกพันกันมากมายเหลือเกิน”


               “นายหญิงคงอยากพักผ่อนต่อแล้ว ผมจะพานายหญิงไปที่ห้องนะครับ”


               รีบก้าวเข้าไปและประคองฟางซินเดินกลับไปยังห้อนนอนก่อนจะเดินกลับไปยังห้องของตน เหวินเป่านอนมองเพดานอย่าง

กลัดกลุ้มเมื่อต้องคิดถึงเรื่องการทดแทนบุญคุณที่เขาจำเป็นต้องทำ






มีต่ออีกนิด...








« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-03-2017 00:57:01 โดย Belove »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


ต่อกันตรงนี้...





               “การจัดงานเรียบร้อยดีหรือ”


               เฉินจิ้งเหอผู้เป็นลุงเอ่ยถามหลังจากดวงอาทิตย์ลาลับพื้นโลกไปแล้ว เบื้องหน้าของพวกเขาคือแสงสีเสียงที่ทุกเวทีต่างงัดมา

ประชันเรียกคนดู เบื้องหลังคือนายทหารอารักขานายกรัฐมนตรีอีกสามคน


               “งานเรียบร้อยดีครับ เสียแต่ว่ามีการชุมนุมประท้วงอยู่ไม่ไกลนี่เอง”


               “พรรคสังคมนิยมใช่ไหม”


               “ใช่ครับ” หย่งหนานพยักหน้ารับ “เนื้อหาสำคัญก็มีอยู่ว่า งานที่เราจัดในวันนี้เป็นงานสิ้นเปลืองงบประมาณ พวกเขาคิดว่าการ

แสดงงิ้วรวมถึงการละเล่นต่างๆล้วนแล้วแต่เป็นของเล่นของพวกคนรวย”


               สีหน้าของจิ้งเหอยิ่งขรึมลง


               “แสดงว่าหัวหน้าพรรคนั้นไม่เข้าใจว่าการจัดงานเช่นนี้ถึงเป็นการส่งเสริมทางด้านศิลป อย่าไปสนใจเลย ทำงานของเราให้

เสร็จโดยดีดีกว่า”


               จิ้งเหอตบบ่าให้กำลังใจก่อนจะเดินกลับไปขึ้นรถยนต์ จากนั้นหย่งหนานกับอาไห่ลูกน้องคนสนิทและพลทหารอีกสองคนจึง

เดินตามเขาเพื่อตรวจตราความสงบในงาน ชายหนุ่มเกือบจะเดินผ่านเวทีงิ้วเวทีหนึ่งไปแล้วหากแต่เท้ากลับชะงักเมื่อได้ยินเสียงร้อง

เพลงอันแสนคุ้นเคย จากเวทีงิ้วแห่งหนึ่งที่มีผู้คนรอชทหนาตากว้าคณะอื่น


                ห้ามแล้วไม่ฟังกันเลย!


               จ้องมองไปบนเวทีเพื่อที่จะเห็นร่างโปร่งอยู่ในชุดงิ้วสีสันแสบตากำลังร่ายรำและเอื้อนเอ่ยทำนองเพลงอวดสายตาผู้ชม หย่ง

หนานเคืองไม่น้อยที่เหวินเป่ากล้าฝ่าฝืนคำสั่ง แต่ตอนนี้เขาก็ไม่สามารถไปดึงหนุ่มน้อยมาจากบนเวทีได้แล้ว

               หย่งหนานเดินกลับออกไปอย่างหงุดหงิด เขาทำได้แค่เพียงเดินแวะเวียนไปมาบ่อยๆจนกว่าการแสดงงิ้วจะจบลง
               







               “เห็นหรือเปล่าว่าคนดูเยอะแค่ไหนเมื่อเหวินเป่ากลับมาแสดงงิ้วอีกครั้ง”


               หยางเจี่ยนกล่าวอย่างยินดีเมื่อการแสดงจบลง เหวินเป่าได้แต่ฝืนยิ้มรับ เมื่อช่วงหัวค่ำเขาออกจากบ้านมาโดยไม่ได้บอกใคร

ว่าจะมาสถานที่แห่งนี้ และเมื่อมาถึงเวทีหยางซื่อผู้เป็นเจ้าของคณะงิ้วก็ยิ้มหน้าบานราวกับไม่เคยมีเรื่องขุ่นข้องหมองใจกันมาก่อน เหวิน

เป่าถูกพามาแต่งหน้าแต่งตัวอย่างรวดเร็ว และเขาก็สามารถแสดงได้ทั้งที่ไม่ได้แสดงมานาน


               “ถ้าเธอกลับมาแสดงได้อีกเช่นนี้ คณะงิ้วของเราคงลืมตาอ้าปากได้”


               “คงจะไม่ได้หรอกพี่เจี่ยน” เหวินเป่าชิงปฏิเสธ “เจ้านายของผมไม่อนุญาตให้มาได้ วันนี้ผมยังต้องหนีมาไม่ให้ใครรู้และจะ

ต้องรีบกลับโอ้เอ้ไม่ได้”


               เหวินเป่ารีบถอดชุดงิ้วและสวมเสื้อผ้าของเขากลับคืน เขาใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดเครื่องสำอางออกจนหมดด้วยความรีบร้อน


               “ผมกลับก่อนนะ การแสดงในคืนนี้ถือเป็นการทดแทนบุญคุณของผม”


               “เดี๋ยวสิเหวินเป่า” หยางเจี่ยนรั้งไว้


               “ให้พี่เดินไปเป็นเพื่อนเธอเถอะ งานเลิกดึกขนาดนี้พี่เกรงเธอจะได้รับอันตรายก่อนถึงบ้านเจ้านายของเธอ”


               เพราะเติบโตมาด้วยกันแต่เล็กเหวินเป่าจึงขัดไม่ได้ เขาปล่อยให้หยางเจี่ยนเดินมากับเขาด้วยความไว้ใจ เหวินเป่าจ้ำอ้าวด้วย

ความเป็นกังวลว่าจะต้องรีบกลับถึงบ้านโดยเร็วที่สุด


               “เหวินเป่า”



               ร่างบางชะงักค้างเมื่อท่อนแขนถูกกระชากจนปลิวตามแรง เขามัวแต่เดินโดยไม่ได้มองว่าตอนนี้เดินผ่านถึงบริเวณที่ข้างทาง

เต็มไปด้วยสุมทุมพุ่มไม้ ดวงตาเรียวเบิกกว้างเมื่อหันกลับไปเห็นสายตาวาวโรจน์ของหยางเจี่ยนที่จ้องมองอย่างหิวกระหาย เหวินเป่ารีบ

ฝืนกายหนีทันที


               “พี่เจี่ยนจะทำอะไรปล่อยนะ ผมจะรีบกลับ”


               “ไม่ปล่อย” หยางเจี่ยนกำลังทำให้เหวินเป่านึกหวาดหวั่นกว่าครั้งไหนๆ “พี่ช้ามามากแล้ว หากปล่อยเธอไปนานกว่านี้พี่คงไม่

ได้เชยชมเธอให้สมใจอยาก ทั้งที่พี่เป็นคนแรกที่ได้พบเพชรงามอย่างเธอ”


               “พี่บ้าไปแล้วงั้นรึ เราโตมาด้วยกันเหมือนพี่น้องนะ” เหวินเป่าโวยวายเพื่อยับยั้งเรียกสติคืนให้หยางเจี่ยน แต่ดูท่าไม่ได้ผล

เพราะอีกฝ่ายยิ่งกระชากต้นแขนของเขาเข้ามาหา


               “ใครพี่ใครน้อง พี่ไม่เคยคิดกับเธอเช่นนั้นสักครั้ง ที่พี่ต้องการคือได้ครอบครองเธอต่างหาก นี่ อย่าดิ้นนักเลย อย่าให้พี่ต้องใช้

กำลังกับเธอ”


               “ไม่ ปล่อยผมนะ คนเลว นายท่าน นายท่านช่วยด้วย”


               ดวงตาเรียวเบิกกว้าง ร่างบางดิ้นรนสุดชีวิต หากเหวินเป่าก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อหยางเจี่ยนใช้กำปั้นชกเขาเข้าที่ลิ้นปี่จนสะดุ้ง

ตัวโยน หนุ่มน้อยหมดเรี่ยวแรงทันทีและหยางเจี่ยนก็รีบฉวยโอกาสนั้นรวบกายของเขาเข้าไปในดงพุ่มไม้หนาตาข้างทางเดิน






               หย่งหนานวกกลับมาอีกครั้งเมื่อเห็นว่าผู้ชมหน้าเวทีเริ่มทยอยกันเดินออกมา เขาสั่งให้ลูกน้องไปตรวจงานที่เหลือแทนตัวเอง

ส่วนตัวเขานั้นเดินฝ่าผู้คนไปยังด้านหลังของเวที


               “เหวินเป่า เหวินเป่า อยู่ไหน ออกมานี่เดี๋ยวนี้”


               เสียงดุดันสร้างความแตกตื่นให้คนในคณะงิ้ว หยางซื่อรีบเดินมารับหน้าด้วยความตื่นตระหนก


               “คุณชายเฉิน มีอะไร...”


               “เหวินเป่าอยู่ไหน!”


               ตะคอกด้วยความเป็นห่วงจนจิตใจว้าวุ่น หยางซื่อหน้าซีดและรีบสั่งให้คนที่เหลือตามหาทันที


               “ไม่พบครับ อาเจี่ยนก็หายไปด้วย”


               ราวกับหัวใจถูกกระชากออกจากอก หย่งหนานสบถรุนแรงอย่างลืมตัวก่อนจะผลักอกหยางซื่อให้พ้นทาง เขารีบวิ่งไปตามเส้น

ทางกลับบ้านของเขาอย่างรวดเร็ว สายตาจ้องมองหาคนที่กำลังทำให้หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความระส่ำระสาย


               “เหวินเป่า เธออยู่ที่ไหน อย่าเป็นอะไรนะ จนกว่าฉันจะได้บอกเธอว่ารักเธอแค่ไหน”


               หย่งหนานร่ำร้อง ความหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนทำให้เขายอมรับกับหัวใจของตนเองแล้วว่าเขารักเหวินเป่า

มากมายเพียงใด


                                 

                                       TBC

                                  :katai1: :katai1:




ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
ถอนหายใจแรงๆ ไงละอากุย ผู้ใหญ่เค้าเตือนแล้วไง
ไม่เคยจำเวลาอีคนพวกนี้จับตัวเองใส่พานขายเหรอ
จำไว้เป็นบทเรียนแรงๆเลย
นายท่านจัดการอิพ่อลูกนี่เลยข่ะ :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
นายท่านจะมาช่วยทันไหม

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
นายท่านจะมาช่วยเหวินเป่าทันไหม

ออฟไลน์ NUTSANAN

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1031
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-3
อีพี่เจี่ยน อีผีร้ายยยย :angry2: :z6:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ iNcamisang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :z3: :z3: โมโหแต่ทำอะไรไม่ได้!

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
อิเจี่ยนนี่หื่นตลอด

นายท่านจับอากุยมาตีก้นเลย ดื้อนัก!

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ดื้อนักเหวินเป่า ไม่ฟังผู้ใหญ่  :katai1:

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
สงครามความรักมีกะปิบกะปอยด้วยล่ะ

ออฟไลน์ pinkypromise

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โอ้ยยยย
ร้ายย อีพี่เจี่ยน สุมทุมพุ่มไม้แกก็เอาเลยหรอ
อดอยากปากแห้งอะไรเบอร์นั้นนน
เร็วเลยนายท่าน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ W2P5

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
เต่าน้อยของชั้นไม่นะ  :katai1:

ออฟไลน์ Lovetree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
อากุยทำไมไม่เชื่อฟังนายท่านนะ

รอติดตามตอนต่อไปนะคะ  ขอบคุณมากๆค่ะ :L2:

ออฟไลน์ therappizdrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ซวยซ้ำซ้อนมากอากุย

ไม่น่าดื้อเลยลูกกก

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 847
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
อากุยนะอากุย
จริงๆตอนแรกหย่งหนานเตือนไม่ฟังไม่เท่าไหร่ เพราะอารมณ์ทั้งคู่
แต่ฟางงซินเตือนด้วยนี่น่าจะฟังกันบ้าง เฮ้อ

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


                                                                       ม่านไหมลายพยัคฆ์

                                                                             บทที่ 17


               เรี่ยวแรงทั้งหมดที่พอจะเหลืออยู่ถูกเหวินเป่าเค้นออกมาเพื่อจะขัดขืน หากแต่มันก็มีน้อยนิดเหลือเกินเมื่อเทียบกันคนที่ตก

อยู่ในความหื่นกระหายอย่างที่หยางเจี่ยนเป็นอยู่ในขณะนี้ ยิ่งเห็นร่างที่อยู่ภายใต้ตนดิ้นรนบนพื้นดินแข็งกระด้างหยางเจี่ยนก็เต็มไปด้วย

ความต้องการและพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ตนต้องการ


               “เหวินเป่า ขอร้องล่ะ พี่ไม่อยากจะใช้กำลังกับเธอเลย”


               “ปล่อยผมไปเถอะพี่เจี่ยน ผมขอร้อง”


               น้ำตาของความเจ็บใจไหลจนเปียกหน้าเมื่อรู้ตัวว่ากลายเป็นเหยื่อของความรุนแรง ไหล่บางถูกกดให้ถูไถไปกับก้อนกรวด

ก้อนหินและทันใดนั้นเสื้อของเหวินเป่าก็ถูกฉีกขาดรุ่งริ่งเผยให้เห็นผิวขาวที่ซ่อนอยู่ หยางเจี่ยนถึงกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อเห็นเนื้อ

นวลขาวสะอาดตายิ่งกว่าตอนที่หนุ่มน้อยอาศัยอยู่กับคณะงิ้ว มันทำให้ไฟราคะโหมกระพือจนลืมสิ้นทุกสิ่งอย่าง


               “เป็นของพี่เสียเถอะเหวินเป่า พี่สัญญาว่าจะไม่รุนแรงกับเธอ”


               “ไม่ อย่านะ นายท่าน ผมขอโทษ”


               ขอโทษที่ไม่อาจรักษาสิ่งหวงแหนที่สุดไว้เพื่อคนซึ่งสำคัญที่สุดในชีวิต ทั้งๆที่หย่งหนานตักเตือนให้คิดว่าอันตรายเพียงใด

หากแต่เพราะเขาเองที่ผิดพลาดและบทเรียนครานี้จะทำให้เหวินเป่าโกรธเกลียดตัวเองไปจนวันตาย


               “งามเหลือเกิน ตายไปก็ไม่เสียดายแล้ว”


               หยางเจี่ยนเบิกตากว้างเมื่อเขากระชากกางเกงลงไปจนถึงต้นขา เขาทุบลงไปบนเนื้อขาอ่อนทั้งสองข้างเพื่อให้เหวินเป่าเปิด

ทางให้กว้างเพื่อที่เขาจะได้กระทำดังที่ใจต้องการ เหวินเป่าสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกทำร้ายร่างกายอีกครั้ง และครานี้เขาหมดโอกาสที่จะ

ขัดขืนอีกแล้ว


               “เสร็จกูล่ะ”


               สบถออกมาอย่างต่ำช้าพร้อมกับดึงท่อนเนื้อที่พร้อมอยู่แล้วออกมา หยางเจี่ยนแลบลิ้นไปรอบริมฝีปากและจ่อมันแนบไปกับ

ร่างกายไร้เรี่ยวแรงของเหวินเป่า


               พลักกกก


               “อ๊ากกก”


               โดยที่ไม่ทันตั้งตัวเส้นผมของหยางเจี่ยนถูกกระชากจนร่างของเขาปลิวออกจากสวรรค์ที่เห็นอยู่รำไรไปกองอยู่กับพื้น และยัง

ไม่ทันมองว่าใครไปผู้กระทำหยางเจี่ยนก็ถูกส้นรองเท้าทหารกระทืบลงมาบนลำตัวของเขานับครั้งไม่ถ้วน หยางเจี่ยนทั้งเจ็บและจุกจน

ร้องไม่ออกเมื่อครั้งสุดท้ายนั้นผู้กระทำเตะเข้าใส่ปลายคางของเขา กว่าดวงตาจะทันมองเห็นว่าอสูรร้ายที่ยืนจังก้าอยู่ปลายเท้านั้นคือ

ใคร


               “คุณชายเฉิน!”


               พันตรีเฉินหย่งหนานที่หยางเจี่ยนรู้จักนั้นเป็นบุรุษที่แสนสุขุมชวนมองจนแม้แต่เขาที่เป็นชายด้วยกันยังนึกอิจฉา หากแต่บัดนี้

ความสุขุมเยือกเย็นอันตรธานไปแล้วและทดแทนด้วยความโกรธเกรี้ยวบนใบหน้า โทสะที่ไม่อาจยับยั้งทำให้หย่งหนานพร้อมจะทำทุก

อย่างให้คนอย่างหยางเจี่ยนได้รับสาสมกับสิ่งที่เขาทำ


               “นายท่าน!”


               ราวกับตายไปแล้วและได้น้ำอมฤตมาชุบชีวิตคืนมาอีกครั้ง หัวใจของเหวินเป่าพลันเต้นรัวอย่างยินดีเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่อยู่

เบื้องหน้า หย่งหนานหันขวับมามองเขาด้วยความห่วงใจและเมื่อเห็นสภาพของเขาในตอนนี้หย่งหนานก็พลันสบถพร้อมกับชักปืนที่

เหน็บอยู่ตรงเอวออกมาเล็งไปที่ศีรษะของหยางเจี่ยน


               “คุณชาย ไว้ชีวิตผมเถอะ ได้โปรด”


               หยางเจี่ยนเบิกตากว้างอย่างขลาดเขลา เขารู้ดีว่าหย่งหนานฆ่าเขาได้แน่ๆและจะไม่มีใครกล้าสืบค้นการตายของเขาเสียด้วย

ซ้ำเพราะอีกฝ่ายเป็นนายทหารระดับสูงและยังเป็นหลานของนายกรัฐมนตรี ดวงตาดุแสนคมกล้าจ้องเขม็งราวกับปีศาจร้ายพร้อมจะพา

วิญญาณไปสู่นรก หากแต่หย่งหนานกลับกดยิ้มลึกและลดระดับปืนลงไปจนอยู่เพียงกึ่งกลางกายของ หยางเจี่ยนเท่านั้น


               เปรี้ยง!


               เสียงปืนดังลั่นจนเหวินเป่าสะดุ้งเฮือก ดวงตาหวานจ้องค้างตรงปลายกระบอกปืนที่ยังมีไอร้อนและเขม่าปืนคละคลุ้ง เสียง

ร้องโหยหวนของหยางเจี่ยนเรียกสติคืนมาสู่เหวินเป่า หนุ่มน้อยรีบหันไปมองก็ต้องตกใจที่เห็นหยางเจี่ยนดิ้นพล่านอยู่กับพื้นและมีเลือด

นองแดงฉานอยู่ตรงกลางลำตัว


               “อ๊ากกก”


               หย่งหนานไว้ชีวิตหยางเจี่ยน หากแต่ลงทัณฑ์ด้วยการไม่เปิดโอกาสให้หยางเจี่ยนได้กระทำผิดเช่นนี้ซ้ำสองกับใครอีกแล้ว

เมื่ออุปกรณ์ในการทำผิดถูกยิงจนแหลกเหลวและเจ้าตัวก็เจ็บปวดแสนสาหัสกับบาดแผลที่ได้รับ


               “ถ้ายังไม่รีบไสหัวไป จะไม่เพียงสูญเสียแค่นี้แน่ๆ”


               เสียงของหย่งหนานเยียบเย็นราวกับมัจจุราชรอปลิดชีพ หยางเจี่ยนไม่รอช้าเขาซมซานลุกขึ้นด้วยสภาพอันน่าสังเวชเมื่อต้อง

ใช้มือทั้งสองกดห้ามเลือดบริเวณท้องน้อยไว้และต้องวิ่งหนีจากความตายด้วยความอับอายทุลักทุเล หย่งหนานยืนนิ่งรอจนหยางเจี่ยน

จากไปลับสายตาเขาจึงหันขวับมายังร่างบางที่เพิ่งจะขยับลุกมานั่งตัวสั่นอยู่กับพื้นดิน


               “นายท่าน ผม ผมขอโทษ”


               “เด็กดื้อ!”


               เหวินเป่าสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงตวาดดังลั่น แม้ว่าเมื่อครู่เขาจะหวาดกลัวการกระทำของหยางเจี่ยนหากแต่บัดนี้เขากลับ

กลัวสายตาดุดันของบุรุษในชุดทหารเสียยิ่งกว่าเป็นไหนๆ หย่งหนานเหมือนเสือที่ถูกกระตุกหนวดโดยหนูตัวน้อยและกำลังคำรามลั่นอยู่

กลางพงพี


               “ฉันเตือนแล้วห้ามแล้วแต่เธอก็ยังฝ่าฝืน เธอเห็นฉันเป็นตัวอะไรเหวินเป่า”


               หย่งหนานคุกเข่าลงกับพื้น ใบหน้าคมอยู่เหนือกรอบหน้าหวานที่หรุบต่ำซ่อนน้ำตาไว้ เหวินเป่าสะอึกสะอื้นเพราะสำนึกผิด

สิ่งที่เขากลัวอยู่อย่างเดียวในตอนนี้คือหย่งหนานจะโกรธเกลียดที่เขาหาเรื่องใส่ตัว


               “นายท่าน ผมสำนึกแล้ว ได้โปรดเถอะครับให้อภัยผมนะ”


               ดูเหมือนคำวิงวอนจะไม่ได้ผล ไหล่บางถูกมือใหญ่กระชากและเขย่าจนสั่นคลอนราวกับเหวินเป่าเป็นสิ่งของระบายโทสะ


               “รู้บ้างไหมว่าการกระทำอันโง่เขลาของเธอทำให้ฉันต้องวิตกขนาดไหน” หย่งหนานตะคอกใส่เหวินเป่าจนอีกฝ่ายยิ่งตัวสั่น


               “และเมื่อรู้ว่าเธอหายไปพร้อมกับคนที่ฉันไม่ไว้วางใจจนมาเห็นเธอที่กำลังจะถูกย่ำยีหัวใจของฉันมาเจ็บปวดแค่ไหน”


               “นายท่าน!”


               เหวินเป่าปล่อยโฮออกมาเมื่อในที่สุดหย่งหนานก็กระชากร่างของเขาเข้าหาตัวและตวัดวงแขนกอดรัดไว้แน่นหนาจนเหวิน

เป่าแทบจะหายใจไม่ออก เหวินเป่าได้ยินเสียงหัวใจของหย่งหนานเต้นเร็วกว่าเคยจนแผงอกกระเพื่อมถี่ เหวินเป่าได้แต่ร้องไห้อยู่ใน

อ้อมกอดที่เขาไม่รู้สึกอึดอัดสักนิด หนุ่มน้อยยกมือโอบกอดตอบกลับด้วยความเต็มใจ


               “รู้บ้างไหมว่าฉันเกือบจะขาดใจตายเมื่อเห็นเธออยู่ในสภาพเช่นนี้ รู้บ้างไหมว่าเธอกำลังทำร้ายหัวใจที่รักเธอเท่าชีวิตต้อง

เจ็บปวด หือ อากุย เจ้าลูกเต่าร้ายกาจ”


               คนที่กำลังร้องไห้พลันชะงัก ดวงตาคู่หวานเบิกกว้าง ริมฝีปากกลีบนุ่มอ้าค้างเมื่อได้ยินคำพูดที่หลุดออกมาจากบุรุษที่ยังไม่

ยอมปล่อยเขาจากอ้อมกอด หัวใจของเหวินเป่าหวิวไหวจนเกือบจะเป็นลม


               “นายท่าน พูดอะไรนะครับ”


               ถามทวนเพื่อความมั่นใจว่าหูไม่ฝาด แต่หย่งหนานกลับไม่ยอมกล่าวอะไรอีกจนเหวินเป่าต้องเป็นฝ่ายยกมือดันอกแกร่งให้

ปล่อยเขาออกจากการกอดรัด เหวินเป่าแหงนหน้ามองใบหน้าคมเข้มด้วยแววตาอยากรู้จนดวงตาคมอ่อนแสงลงและทดแทนด้วยความ

ขัดเขินที่เจ้าตัวพยายามซ่อนเร้นไว้


               “ฉันบอกว่าฉันรักเธอ เด็กโง่ แค่นี้ก็ฟังไม่เข้าใจงั้นหรือ”


               น้ำเสียงพยายามจะปั้นให้ดุดันเหมือนชั่วครู่ที่ผ่านมาหากแต่ไม่สำเร็จ เหวินเป่าได้แต่กัดริมฝีปากที่กำลังสั่นระริก เขามอง

สบตาหย่งหนานด้วยความอิ่มเอมใจ


               “นายท่าน นายท่าน ขอบคุณนะครับที่รักผม ฮือ”


               “เมื่อไหร่จะเลิกร้องไห้เสียที เด็กน้อยของฉัน”


               หย่งหนานถอนหายใจ เขาใช้ปลายนิ้วเช็ดคราบน้ำตาเปื้อนแก้มออกจนหมด ดวงตาคมนิ่งงันเมื่อประสานสายตากับเหวินเป่า

คนที่เขายอมรับแล้วว่ารักจนหมดหัวใจ


               “เธอคิดอย่างไรกับฉัน หือ อากุย คิดอย่างไรกับคนที่อายุมากกว่าเธอถึงสิบสี่ปี สำหรับเธอแล้วฉันเป็นตาแก่ขี้บ่นหรือเปล่า”


               “นายท่าน” เหวินเป่าหัวเราะทั้งน้ำตา เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นอีกบุคลิกหนึ่งของหย่งหนานกับสีหน้ายุ่งยากใจนั้น


              “นายท่านไม่แก่เลยสักนิด ส่วนที่ว่าผมคิดกับนายท่านอย่างไรนั้นก็ไม่ควรถาม เพราะผมรักนายท่านมาตลอดตั้งแต่วันแรกที่

ผมได้พบกับนายท่านจนถึงวินาทีนี้ นายท่านคือชีวิตของผม”


               “เด็กแก่แดด”


               หย่งหนานบีบจมูกโด่งด้วยความเอ็นดู เขามองใบหน้าเย้ายวนนั้นอย่างอดใจไม่ไหว หย่งหนานเชยคางมนไว้และประทับริม

ฝีปากลงไปบนกลีบปากนุ่มที่เขารู้แล้วว่าหวานล้ำยิ่งกว่าน้ำผึ้งก่อนจะตักตวงจนเหวินเป่าเกือบจะหมดลมหายใจจึงได้ยอมผละออกอย่าง

เสียดาย


                    “เจ็บมากไหมอากุย”


                    เมื่อได้เปิดเผยความในใจต่อกันจนหมดสิ้นแล้วทั้งคู่จึงได้กลับคืนสู่ความเป็นจริง หย่งหนานกัดฟันมองสภาพของเหวิน

เป่าด้วยความเจ็บใจ เขาถอดเสื้อทหารตัวนอกออกมาคลุมกายบางให้พ้นจากความน่าอับอาจ รอยเขียวเป็นจ้ำที่ปรากฏอยู่บนเนื้อตัวขาว

เนียนยิ่งทำให้หย่งหนานแค้นนัก


                   “เมื่อครู่ฉันน่าจะฆ่ามันเสียให้ตายสมความผิดของมัน”


                   เหวินเป่ายิ้มบางพร้อมกับส่ายหน้าไม่เห็นด้วยกับความเห็นของหย่งหนาน


                 “เรื่องมันเกิดขึ้นเพราะความโง่งมของผมด้วยที่ไม่เชื่อฟังนายท่าน และพี่เจี่ยนก็ได้รับโทษอย่างสาสมแล้วเช่นกัน ต่อจากนี้

เขาคงจะตกนรกทั้งเป็นกับบาดแผลที่ประจานความผิดของเขาไปตลอดชีวิต”


                 หย่งหนานถอนหายใจ เขาช้อนแขนเข้าที่แผ่นหลังและใต้เข่าของเหวินเป่าก่อนจะลุกขึ้นยืนอุ้มร่างบางไว้แนบอก


               “กลับกันเถิดอากุย ขอให้เรื่องนี้เป็นแค่ฝันร้ายและอย่างน้อยมันก็ทำให้เราทั้งคู่เข้าใจกัน”


               “ให้ผมเดินไปดีกว่าครับ นายท่านอย่าลำบากอุ้มผมไปเลย”


               “ไม่ลำบากสักนิด เธอตัวเบาราวกับปุยนุ่น” หย่งหนานคลี่ยิ้มจางๆขณะมองใบหน้าหวานที่เบือนสายตาหนีเพราะความขัดเขิน


                “ต่อให้ฉันต้องอุ้มเธอเดินทั้งวันทั้งคืนฉันก็เต็มใจ”


                 “นายท่าน!”


                  เลือดในกายร้อนซู่จนใบหน้าแดงก่ำเมื่อฟังคำหวานของหย่งหนานอย่างที่ไม่เคยได้ฟังมาก่อน เหวินเป่าทำได้แค่เพียงซุก

หน้าหนีเข้าหาอกอุ่นขณะที่หย่งหนานก้มหน้าลงมาหอมแก้มแดงฟอดใหญ่ก่อนจะก้าวเดินกลับไปบนทางเดินในยามดึกสงัด มีเพียง

แสงจันทร์บนฟากฟ้าเป็นเพื่อนเมื่อทั้งคู่ปล่อยใจไปกับความสุขแม้จะเพียงชั่วคราวเมื่อพวกเขาต้องกลับคืนสู่ความเป็นจริง




มีต่ออีกนิด....


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-03-2017 21:39:05 โดย Belove »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


ต่อกันตรงนี้...





                  หย่งหนานเดินอุ้มเหวินเป่าจนกระทั่งใกล้ถึงรั้วใหญ่ของบ้านสกุลเฉินเขาจึงได้หยุดเดิน สีหน้าแช่มชื่นตลอดทางพลันจาง

หายเหลือทิ้งไว้คือความลำบากใจมาทดแทน


                  “ปล่อยให้ผมลงเดินเถิดครับนายท่าน ผมไม่เจ็บปวดตรงไหนอีกแล้ว”


                   เหวินเป่าเข้าใจดี เขาส่งยิ้มบางให้ขณะที่หย่งหนานค่อยๆปล่อยให้เขาลงไปยืนบนพื้นถนน สีหน้าของชายหนุ่มกลับเจ็บ

ปวดไม่น้อย เมื่อยิ่งเข้าใจกันก็ยิ่งกลายเป็นร้าวรานเพราะไม่อาจกระทำสิ่งใดได้อย่างที่ใจต้องการ


                  “เธอจงเข้าใจฉันด้วยเด็กน้อย บางครั้งความถูกต้องกับความถูกใจก็ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน”


                  “สิ่งนี้คือสิ่งที่ผมภูมิใจในตัวนายท่านที่สุด อย่าได้กังวลไปเลยครับ เรารีบกลับเข้าบ้านดีกว่า นายหญิงคงกังวลเพราะความ

เหลวไหลของผมอยู่ไม่น้อย”


                 เหวินเป่าเองก็รู้สึกเจ็บปวดไม่ต่างกัน ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่ชั่วโมงหัวใจของเขาหวั่นไหวเพราะคิดว่าหลงรักหย่งหนานอยู่

ฝ่ายเดียว หากแต่ตอนนี้เมื่อรู้แล้วว่าหย่งหนานก็รู้สึกเช่นเดียวกับเขา ความเจ็บปวดจึงแปรเปลี่ยนเป็นเพราะความรู้สึกผิดต่อคนกลางที่

แสนดีอย่างฟางซิน


                  เดินเคียงกันไปยังประตูรั้วที่มีทหารยืนเฝ้าประตูอยู่ เหวินเป่าถอนหายใจเมื่อรู้ดีว่าทันทีที่ก้าวผ่านเขตประตูเข้าไปเขาจะ

ต้องพบกับความเป็นจริง แต่เหวินเป่าก็จำเป็นต้องทำ เขาเอื้อมมือไปแตะที่ท่อนแขนของหย่งหนานและกล่าวเสียงเบาหวิว


                  “เข้าไปกันเถอะครับนายท่าน”


                 หย่งหนานพยักหน้าก่อนจะเดินนำเข้าไปในอาณาเขตสกุลเฉิน ทั้งคู่เดินอ้อมบ้านหลังใหญ่กลับเข้าสู่บ้านหลังเล็กของเฉิน

หย่งหนาน


                 “กลับมากันแล้ว”


                ฟางซินลุกขึ้นมานั่งอยู่ขอบเตียงเมื่อหย่งหนานพาเหวินเป่าเข้ามาในห้อง หญิงสาวมองเหวินเป่าด้วยความเป็นห่วง และเมื่อ

เห็นสภาพของเหวินเป่าเธอก็อุทานอย่างตกใจ


                  “นี่เป็นอะไรมากหรือเปล่าเหวินเป่า เล่าให้ฉันฟังเดี๋ยวนี้ว่าเกิดอะไรขึ้น”


                   เหวินเป่ายิ้มเจื่อน เขาจำเป็นต้องเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟางซินฟัง


                   “โชคดีที่นายท่านตามไปช่วยผมไว้ได้ทันครับ มิเช่นนั้นผมคง...”


                     ก้มหน้าสำนึกผิดเมื่อฟางซินถอนหายใจออกมา ความผิดคราวนี้ทำให้เหวินเป่าเสียใจเหลือเกินที่ทำให้ผู้มีพระคุณต้อง

เป็นห่วง


                “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ต่อจากนี้ไปเธอคงเข้าใจในสิ่งที่ผู้ใหญ่ตักเตือน แต่ถึงเธอจะปลอดภัยกลับมาก็ยังถือว่าเธอทำผิดที่ดื้อรั้น

ต่อคำสั่ง ฉันจำเป็นจะต้องลงโทษเธอด้วยกันสั่งกักบริเวณให้อยู่แต่ในเขตรั้วบ้านหนึ่งเดือน”


                     หย่งหนานไม่ได้คัดค้าน สิ่งที่ฟางซินออกคำสั่งลงโทษก็สมควรอยู่กับความผิดของเหวินเป่า และเขาก็มอบอำนาจการ

ดูแลผู้คนในบ้านให้กับภรรยา เหวินเป่าก้มหน้าอย่างสำนึกผิด เขายอมรับโทษอย่างไม่มีเงื่อนไข บทลงโทษนั้นยังเบากว่าที่เขาคาดไว้

ด้วยซ้ำ


                    “ครับนายหญิง”


                    “ดึกแล้ว และเธอก็เพิ่งผ่านพ้นเรื่องเลวร้ายมา  ไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะเหวินเป่า”


                     เหวินเป่ารับคำก่อนจะเดินออกไปจากห้อง เมื่ออยู่เพียงลำพังสามีภรรยาหย่งหนานจึงเดินไปนั่งเคียงข้างฟางซินและ

มองอย่างห่วงใย


                    “มีไข้หรือเปล่าฟางซิน”


                    “ก็แค่ไข้ต่ำน่ารำคาญเท่านั้นเองค่ะ พี่อย่ากังวลไปเลย”


                   “ฉันไม่กังวลไม่ได้ เธอเป็นภรรยาของฉัน”


                    ฟังแล้วฟางซินก็ทอดถอนหายใจ หญิงสาวฝืนยิ้มให้สามีที่ดึงมือของเธอไปกุมไว้


                   “ภรรยาที่ไม่ดี ไม่ได้ดูแลสามีอย่างที่ควรกระทำน่ะสิคะ”


                   “พูดอะไรเช่นนั้น ฉันเองเสียอีกที่เป็นสามีไม่เอาไหน ไม่มีเวลาดูแลภรรยาแม้แต่เวลาเจ็บป่วย”


                    “น้องเข้าใจดีค่ะ”  ฟางซินอิงศีรษะลงกับไหล่ของหย่งหนาน “ทั้งที่เราแต่งงานกันเพราะหน้าที่ แต่พี่ก็ไม่เคยรังเกียจ ซ้ำ

ยังให้เกียรติน้องอย่างที่สุด เพียงแค่นี้น้องก็ซึ้งในน้ำใจแล้ว น้องยังคงยืนยันนะคะหากว่าพี่พบคนที่ถูกใจ น้องจะไม่ว่าเลยถ้าพี่จะรับมา

ดูแล...”


                 “เราจะไม่พูดเรื่องนี้กันอีก” หย่งหนานตัดบท “พักผ่อนเถอะฟางซิน รักษาตัวให้หายดี เธอจะได้ดูแลฉันและลูกอย่างที่เธอ

อยากจะทำ”


                   หย่งหนานประคองให้ฟางซินเอนกายลงไปบนเตียงอีกครั้ง สีหน้าของเขาหนักอึ้งเมื่อมโนธรรมในจิตใจกำลังย้ำเตือนว่า

เขากำลังทำผิดต่อผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นคนสำคัญสำหรับเขา





                     เหตุการณ์วุ่นวายของบ้านเมืองทำให้หย่งหนานไม่มีเวลากลับเข้าบ้านมากนัก การชุมนุมประท้วงของขบวนการเรียกร้อง

ให้มีเปลี่ยนแปลงการปกครองหนักมากขึ้นในทุกๆหัวเมืองใหญ่ ทุกคนในแวดวงการปกครองรู้ดีว่าเบื้องหลังของการชุมนุมเหล่านั้นคือ

พรรคสังคมนิยมที่ปลุกปั่นเรื่องค่าครองชีพขึ้นมาจนประชาชนที่เห็นด้วยพากันลุกฮือเรียกร้องสิทธิ์ กว่าเขาจะมีเวลาหยุดพักให้หายใจ

คล่องก็ผ่านไปเกือบเป็นเดือน


                “วันนี้พี่ไม่ได้ออกไปทำงานแต่เช้าหรือคะ”


                ฟางซินที่ยิ่งบอบบางจนแทบปลิวลมเดินเข้ามาดูแลสามีในยามเช้า หญิงสาวใช้ผ้าเช็ดหน้าผืนใหญ่พันปิดปากรอบลำคอ

เพื่อมิให้วัณโรคแพร่กระจายเชื้อไปสู่ผู้อื่น เมื่อเห็นว่าสามียังไม่ได้ออกจากบ้านเธอจึงสั่งให้สาวใช้ยกสำรับอาหารมาวางบนโต๊ะ


               “รับประทานให้อิ่มก่อนทำงานเถอะค่ะ ตอนนี้เหตุการณ์บ้านเมืองเป็นอย่างไรบ้างคะ น้องมัวแต่นอนอุดอู้อยู่ในห้อง ตกข่าวไป

เสียหลายข่าว”


                “การชุมนุมประท้วงรุนแรงมากขึ้นทุกที่ บางทีก็ต้องใช้กำลังเข้าปราบปราม”


                หย่งหนานใช้ตะเกียบคีบอาหารเข้าปากและพูดคุยกับภรรยาหลังจากที่ไม่ได้ทำเช่นนี้มาเนิ่นนาน


                  “อู๋จินไห่หัวหน้าพรรคสังคมนิคมใช้แนวคิดของสตาลินน์ผู้นำประเทศโซเวียตมาปลุกปั่นให้ประชาชนเชื่อในแนวคิดเรื่อง

ความเท่าเทียมเสมอภาค และตอนนี้มันก็ได้ผล ชาวบ้านต่างก็เชื่อว่าพวกเขาควรได้รบสิทธิเท่าเทียมกันในการทำงาน”


                  “เรื่องอุดมการณ์นั้นน้องไม่เถียงว่าในหลักการแล้วไม่มีอะไรเสียหาย แต่ในความเป็นจริงน้องมองไม่เห็นทางเลยว่าความ

เท่าเทียมกันจะอยู่ตรงไหน ไม่มีมนุษย์คนไหนหรอกที่อยากได้อะไรเท่าๆกับคนอื่น ทุกคนแสวงหาสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองทั้งนั้น”


                 ฟางซินออกความเห็น หย่งหนานพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย แต่ไม่ทันที่หย่งหนานจะรับประทานอาหารเช้าจนอิ่มหนำก็มี

ทหารนายหนึ่งวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก


                 “มีข่าวด่วนครับ มีรายงานมาว่าเกิดการชุมนุมประท้วงจนมีการปะทะกันอย่างรุนแรงพร้อมกันในหัวเมืองหลักหลายเมือง

และมีผู้นำฝ่ายรัฐบาลกลุ่มหนึ่งหันไปเข้าร่วมกับพรรคสังคมนิยมเพื่อสู้กับรัฐบาล”


                 “ใครกัน บังอาจนัก”


                 หย่งหนานถามเสียงเครียด การแปรพักตร์ไปอยู่กับฝ่ายตรงข้ามเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ในเหล่าทหารหรือขุนศึกทั้งหลาย


                “หัวหน้ากลุ่มที่หันไปร่วมมือกับพรรคสังคมนิยมคือหลี่จินซานจากเมืองชานซีครับ”


             ฟางซินได้ฟังแล้วก็ตระหนกจนหน้าซีดเผือด หญิงสาวเป็นลมล้มวูบไปกับพื้นทันทีเมื่อรู้ว่าผู้นำก่อการกบฏคือบิดาของเธอเอง




                                                                   TBC


                                                                    :m17: :m17:





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-03-2017 21:45:15 โดย Belove »

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Silvan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-3
สงสารฟางซิน

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
หวานๆ เทาๆ
สงสารฟางซิน คราวนี้อาการคงจะยิ่งแย่กว่าเดิม

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ยังไงกันเนี่ย สงสารนายหญิง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด