MBK❤lover
ตอนที่ ๒๔ : อีงูคำคม!!! ต้นข้าวกำลังตั้งใจฟังอาจารย์สั่งงานการพรีเซนต์หน้าห้อง โดยให้จับกลุ่มกันกลุ่มละสิบคน ยกตัวอย่างของผลิตภัณฑ์ หรืออาหารอะไรก็ได้ที่ไม่มีในท้องตลาด และต้องมีคุณสมบัติพิเศษมากกว่าสองอย่างขึ้นไป หลังพูดจบเสียงจอแจก็ดังขึ้นระงมในห้องทันที
"อะไรวะ สิ่งของที่มีคุณสมบัติพิเศษสองอย่างขึ้นไป" เอกหันมาถามต้นข้าว
"ไม่รู้ว่ะ เดี๋ยวตอนพักเที่ยงก็เรียกกลุ่มเรากันมาคุยกันดูสิ"
"ช่วยกันนึกหลายๆ คนเดี๋ยวก็นึกออกเองล่ะน่า" สมพล เพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งเสริม
"เอาล่ะค่ะนักศึกษาค่อยไปคุยกันข้างนอก แล้วเอาหัวข้อมาเสนออาจารย์วันพุธนะคะ วันนี้เท่านี้ก่อน"
....................
หลังจบคลาสต้นข้าวก็เดินดุ่มๆ ออกมาจากห้องเรียนทันที ยังไม่ได้สนใจที่จะคุยกับเพื่อนๆ ก่อนในเรื่องการพรีเซนต์เพราะใจยังพะวงเรื่องจิว เพราะเมื่อวานและวันนี้จิวเงียบหายไป โทรไปที่บ้านจิวก็ไม่เจอ ป๊าบอกว่าไม่รู้ไปไหน
ต้นข้าวเดินออกมาที่ข้างโรงอาหาร ควานหาเหรียญบาทขึ้นมาสองสามเหรียญ หยอดใส่ตู้โทรศัพท์สาธารณะ หมุนกลับเบอร์บ้านตัวเอง
ในช่วงเวลานั้น ต้นข้าวและจิวได้ตกลงกันว่า จะใช้โทรศัพท์บ้านต้นข้าวเป็นเหมือนเซ็นเตอร์ของการติดต่อ เพราะบ้านต้นข้าวค่อนข้างจะมีคนอยู่ตลอดเวลา ทั้งแม่ของต้นข้าวเอง หรือพี่อ้อย เป็นแม่บ้านที่บ้าน จะสามารถรับโทรศัพท์ได้ตลอดเวลา โดยทุกเย็นต้นข้าวจะโทรไปเช็คกับที่บ้านว่าจิวโทรเข้ามาฝากข้อความอะไรไว้ให้หรือเปล่า
และวันนี้ก็มีจริงๆ พี่อ้อยบอกว่าจิวโทรมาบอกไว้แล้ว ว่าเย็นนี้จะเข้ามาหาที่บ้านและจะค้างกับต้นข้าวที่นี่ ให้ต้นข้าวกลับมากินข้าวเย็นพร้อมจิวที่บ้านด้วย
ได้ฟังแบบนั้นแล้วต้นข้าวค่อยอารมณ์ดีขึ้น วางสายโทรศัพท์แล้วเดินกลับเข้าโรงอาหาร มองหากลุ่มเพื่อนที่จะประชุมเรื่องการพรีเซนต์กัน เมื่อเห็นแล้วก็เดินเข้าไปนั่งรวมกลุ่มด้วย
โรงอาหารของมหาวิทยาลัยนี้กว้างขวาง ใหม่เอี่ยม สูงโปร่งโล่ง ทุกอย่างสะอาด มีโต๊ะและเก้าอี้ให้นักศึกษานั่งทานอาหารอย่างเพียงพอ สมกับที่พึ่งเปิดเป็นวิทยาเขตใหม่ได้สามปีนี้เอง
"คุยกันถึงไหนแล้ววะ" ต้นข้าวหันไปถาม ไม่เจาะจงว่าใคร
บนโต๊ะในโรงอาหารนั้นมีเพื่อนๆ ร่วมห้องนั่งอยู่ประมาณ ๗-๘ คน ทั้งชายและหญิง ซึ่งมีเอกและสมพล เพื่อนเก่าที่สนิทของต้นข้าวและจิวรวมอยู่ด้วย บนโต๊ะมีจานส้มตำวางอยู่สองจาน มันเหลือแต่น้ำขลุกขลิกก้นจาน มีสภาพเหมือนพึ่งโดนรุมจ้วงกินไปแล้วจนหมด
"ยังไม่ได้คุยอะไรกัน พึ่งชิมส้มตำร้านใหม่กันอยู่เนี่ย" เอกตอบ พร้อมๆ กับเอาไม้จิ้มฟันแคะฟันไปด้วย
"รอมึง กับ อีงู ด้วย รอพร้อมๆ กันค่อยคุยทีเดียว" สมพลเสริมขึ้นมา
"อีงู" ที่สมพลพูดถึง คือเพื่อนใหม่ของต้นข้าวอีกคนที่เป็นผู้หญิง พึ่งมารู้จักและสนิทกันตั้งแต่ตอนเข้าปีหนึ่ง จริงๆ อีงู มีชื่อเล่นจริงๆ ว่า "พริก" แต่ความที่พริกเป็นผู้หญิงห้าวๆ เซอร์ๆ หน่อย ไว้ผมยาวฟูหยิก ไม่กลัวผู้ชาย และชอบใส่รองเท้าที่มีสายรัดข้อเท้าขึ้นมาสูงถึงกลางหน้าแข้งเป็นลายงู มองเผินๆ เหมือนมีงูตัวเล็กๆ มาพันขา ใส่ซ้ำแทบทุกวัน เพื่อนๆ เลยพร้อมใจกันเรียกว่า "อีงู" แทนชื่อเล่นจริงๆ ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้ว่าอะไร เรียกกันมาเป็นปีก็หันกลับมาตามเสียงเรียกทุกครั้งไป
แถมมีสมญาห้อยท้ายอีกนิดนึงด้วยว่า "อีงูคำคม" เพราะนางชอบพูดประโยคต่างๆ ที่เจือไปด้วยคำคม หรือสุภาษิต ซึ่งก็คมบ้างไม่คมบ้าง แต่มักจะพูดบ่อยๆ จนเพื่อนๆ ชอบเอามาล้อลับหลัง
"อ้าว แล้วอีงูไปไหนล่ะ ยังไม่มาหรือ" ต้นข้าวหันไปมองรอบๆ
"มาแล้ว มันไปแปรงฟัน เมื่อกี้ยังนั่งกินส้มตำอยู่ด้วยกันนี่เลย นั่นไง พูดถึงก็มา" ใครคนหนึ่งตอบมา
พริกเดินเข้ามาที่กลุ่ม หัวฟูรุ่ยร่ายตกลงมาปิดหน้าครึ่งหนึ่ง พอถึงโต๊ะแล้วก็แหวกตัวเพื่อนสองคนแล้วนั่งแทรกลงไป นางเงยหน้าเสยผมขึ้นมามองเห็นต้นข้าว ก็ยิ้มให้แล้วทัก
"อ้าว ข้าว ไปไหนมา"
ตอนนี้สายตาของเพื่อนๆ ทุกคนไม่ได้สนใจคำถามของพริก แต่พร้อมใจกันจ้องไปที่หน้าของพริกแทน โดยโฟกัสตรงกันที่บริเวณปาก
"มึงไปแปรงฟัน หรือไปกินยาสีฟันมาวะอีงู" สมพลถามขำๆ
"อะไรวะ" พริกเอามือขึ้นมาแตะๆ รอบปาก
"ฟองยาสีฟันสิมึง รอบปากมึงเนี่ย" ต้นข้าวเสริมให้ เจือเสียงหัวเราะ
คราวนี้พริกเอาปลายแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดรอบปากจนฟองหายหมด ทำปากขมุบขมิบเหมือนให้พรคนรอบข้าง
"อีห่า กุหลาบงามย่อมมีหนามแหลมเว้ย คนงามก็ต้องมีฟองบ้างเป็นธรรมดา" พริกพูดแก้เกี้ยว
"มึงนี่นะงาม แล้วกุหลาบกับฟองมันมาเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้วะ" เอกขำ
"กูมัวแต่บ้วนปากอะดิ เกลียดกลิ่นปูเค็มในส้มตำนี่ฉิบ เลยไม่ได้ส่องกระจก" พริกอธิบายอ้อมแอ้ม
"กุหลาบเน่าอะดิ กูว่า" เอกพูดลอยๆ "มาๆ มาเริ่มกันเลยดีกว่า จะพรีเซนต์เรื่องอะไรดี"
"มีวิกฤตที่ใดย่อมมีโอกาสที่นั่นเสมอ" อีงูคำคมสมชื่อ เปรยขึ้น "เอาผลิตภัณฑ์ยาสีฟันนี่แหล่ะ ดีมะ"
"น่าสนใจ ยังไงดี" เอก ผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มถาม
"ก็พรีเซนต์ผลิตภัณฑ์หลักเป็นยาสีฟันนี่ล่ะ แต่คุณสมบัติที่สองมันจะเป็นอะไรได้ล่ะ" ใครอีกคนหนึ่งเสริมขึ้น เพื่อนๆ มองตากันไปมา
"เป็นน้ำยาบ้วนปากไปด้วยในตัวไง" ต้นข้าวโพล่งขึ้นมา
"คิดไม่ใช้สมอง ยาสีฟันเป็นครีมข้น แล้วมันจะกลายมาเป็นน้ำยาบ้วนปากได้ยังไงล่ะ" อีงูคำคมแย้ง
"ก็ในสภาพเดิมๆ ไว้แปรงฟัน แต่มันมีตัวยาพิเศษผสมอยู่ไง ถ้าละลายลงในน้ำเปล่าจะแตกตัวออกมาใสๆ กลายเป็นน้ำยาบ้วนปาก แต่จะไม่ทำปฏิกิริยากับน้ำลาย ดังนั้นตอนแปรงฟัน ก็ใช้ตามปกติ" ต้นข้าวอธิบายเป็นคุ้งเป็นแคว "เอาไว้ให้คนอย่างอีงูมันบ้วนปาก ฟองจะได้ไม่ติดปากให้ขายขี้หน้าคนอื่นแบบเมื่อกี้"
"มีปากเหมือนมีตูด แต่ช่วงหูรูดใช้ไม่ได้" พริกเปรยๆ พูดลอยๆ กับลมกับแล้ง เพื่อนในกลุ่มหัวเราะกันพรืดๆ
"มึงด่าใครเหรอ อีงู" ต้นข้าวหันไปถาม
"เปล่า ไม่มีอะไร"
"อ่ะๆๆ พอๆ เอางี้นะ แบ่งกันไป เราจะพรีเซนต์แบบรายการทีวีนะ คือให้มีโฆษกคนหนึ่งมาอธิบายคุณสมบัติมัน แล้วมีอีกคนหนึ่งเป็นคนสาธิตมันพร้อมผู้ช่วยอีกคน และมีอีกกลุ่มเป็นพวกเรียกร้องความสนใจในสินค้าผลิตภัณฑ์ จะออกมาเต้นหรืออะไรก็ได้ให้คนจดจำ ดีไหม" เอกสรุปการประชุม
"ดี" หลายคนเห็นด้วย
"ว่าแต่มันจะใช้ชื่อสินค้าว่าอะไรอะ" พริกถามเรื่องสำคัญที่เกือบลืม
"กุหลาบ... มันต้องชื่อกุหลาบ" ต้นข้าวมั่นใจ "ใช้ชื่อ กรีนโรเสส (Green Roses) กุหลาบเขียวแล้วกันนะ สีเขียวควรเป็นสีของน้ำยาบ้วนปาก"
"ผ่าน เห็นด้วย" เอกฟันธง หลายคนพยักหน้ารับ
"กูจะเป็นโฆษกอธิบายตอนเปิดหัวเอง ส่วนสมพลคุมเรื่องบันเทิง มึงไปหาคนซ้อมเต้นมา ส่วนต้นข้าวกับอีงู เป็นคนพรีเซนต์ผลิตภัณฑ์นะ มึงเป็นคนเสนอนี่ ไปหาทางทำให้ได้ ว่าครีมยาสีฟันจะกลายเป็นน้ำยาบ้วนปากได้ยังไง คนที่เหลือไปออกแบบป้ายโฆษณาและวาดมา เอาโลโก้เป็นรูปกุหลาบสีเขียว ตามนี้นะ" เอกปิดประชุม
..................
"มึงจะรีบเดินไปไหนนี่ มะเทิ่งเดินนำหน้า เม้ยเจิงภรรยาเดินตามตูด กูเดินตามไม่ทันแล้วนะ"
พริกร้องโหวกเวก พูดเป็นกลอนจากในเรื่อง "ราชาธิราช" ตอน "พระยาน้อยชมตลาด" ที่มีมะเทิ่งกับนางเม้ยเจิงเป็นผัวเมียกัน นางเดินซอยเท้าตามต้นข้าวมายิกๆ หลังจากแยกย้ายกับกลุ่มเพื่อนออกมาจากโรงอาหารแล้ว
"กูจะรีบกลับบ้าน จิวรออยู่ที่บ้านน่ะ" ต้นข้าวไม่หยุดเดิน
"โอ้ย มีผัวเหมือนมีทองก้อนเท่าหัว ห่างผัวไม่ได้เลยนะมึง" พริกร้องตามหลังมา เริ่มมีเสียงเหนื่อยหอบ
ต้นข้าวหันขวับมาทันที "ใครเป็นผัวกู หืมส์...อีงู กูไม่เคยมีผัวเว้ย แล้วมึงก็ไม่ใช่เม้ยเจิงอะไรนั่นที่เป็นเมียกูด้วย"
พริกปล่อยเสียงหัวเราะออกมา "เออๆ กูลืมไป พวกมึงเป่ายิงฉุบกันนี่เนอะ ตอนดึกๆ บนเตียง"
"ทะลึ่งแล้วมึง แล้วนี่ยังไง ยังจะเดินตามมาอีก"
"ไปด้วย กูติดรถไปลงแถวหลักสี่แล้วกัน ใกล้บ้านขึ้นมาหน่อยดีกว่ารอคอยใครโดยไร้ความหวัง"
"ประสาท...!!"
ต้นข้าวพ่นลมออกมาเบาๆ ส่ายหัวดิกๆ แล้วเปิดประตูรถโตโยต้าสีเหลืองของตัวเองให้พริกขึ้นไปนั่ง
--------------------------------
หลังอาหารเย็นที่บ้านต้นข้าว จิวกับต้นข้าวก็นอนเอาขาก่ายกันดูทีวี คุยกันหงุงหงิง
"ไปไหนมาหลายวัน คิดถึง" ต้นข้าวเปิดก่อน เอามือขึ้นไปโอบเอวจิว
"ทำรายงานส่งที่มหาลัยไง วันนี้พึ่งไปส่งอาจารย์มา" จิวยิ้มอารมณ์ดี มองหน้าต้นข้าวตาหวานเชื่อม "แล้ววันนี้ที่มหาลัยเป็นไงบ้าง"
"ก็ดี มีงานพรีเซนต์ใหม่เข้ามาด้วย กำลังทำกันอยู่"
แล้วเหมือนต้นข้าวจะนึกขึ้นมาได้ จึงเล่าเรื่องที่ประชุมวันนี้ให้จิวฟัง รวมทั้งกึ่งๆ ปรึกษาด้วยว่าควรจะพรีเซนต์อย่างไรดี กับการที่จะทำให้ครีมยาสีฟันกลายเป็นน้ำยาบ้วนปากได้
จิวคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วยิ้มออกมา "จำเต่าตัวนั้นได้ไหม"
ต้นข้าวงง จู่ๆ ทำไมจิวพูดถึงเต่าขึ้นมา "เต่าวันเกิดตัวนั้นอ่ะเหรอ"
"อือ ที่จิวแอบเขียนข้อความเพิ่มเข้าไป จำได้ไหม"
"จำได้สิ แล้วยังไงต่อ"
"มันต้องใช้ช่วงเนียน ช่วงทีเผลอ ช่วงสับสนไง นึกออกป่ะ" จิวพยายามบอกใบ้
ต้นข้าวพอนึกอะไรออกได้ลางๆ ช่วงเนียน ช่วงทีเผลอ ช่วงสับสน พู่กัน สีเขียนหลังเต่า...
จริงด้วยสินะ ต้นข้าวคิดออกแล้ว!
--------------------------------
วันพรีเซนต์งานหน้าห้อง กลุ่มแล้วกลุ่มเล่าถูกเรียกออกไปหน้าห้อง ต่างก็พรีเซนต์ผลิตภัณฑ์ของตัวเองที่ใช้เป็นของสองสิ่งได้ เช่น กระทะที่ใช้ทอดอาหาร พอคว่ำหน้าลง กลายเป็นที่ปิ้งอาหารได้ หรืออีกกลุ่มหนึ่งเป็นหม้อหุงข้าวที่ไม่ใช้วิธีการดงข้าว (หุงข้าวด้วยเตาถ่าน แบบต้องเทน้ำข้าวออก แล้วรุมไฟอ่อนๆ ให้ข้าวระอุ) แต่สามารถวางถ่านที่ติดไฟร้อนบนฝาหม้อแล้วกลายเป็นหม้ออบอาหารได้ เป็นต้น
จนมาถึงกลุ่มของต้นข้าว คนในกลุ่มต่างก็ออกมาจัดของหน้าห้องเตรียมพรีเซนต์ จิวซึ่งวันนี้มานั่งเนียนฟังการพรีเซนต์ในห้องด้วย เพราะวันนี้เรียนรวมคณะ ห้องใหญ่ จึงเข้ามาได้ ได้ส่งยิ้มให้ต้นข้าวพร้อมยักคิ้วข้างหนึ่งส่งกำลังใจให้
ระหว่างที่เอกกำลังพรีเซนต์ที่มาที่ไปของ ยาสีฟัน "กรีนโรเสส" ว่ามีคุณสมบัติพิเศษ ละลายน้ำกลายเป็นน้ำยาบ้วนปากแบบใสๆ ได้อยู่นั้น ต้นข้าวและพริกก็ช่วยกันจัดของบนโต๊ะหน้าห้องไปพลางๆ ซึ่งบนโต๊ะนั้นรกและเต็มไปด้วยอุปกรณ์เกี่ยวกับห้องแลปที่ต้นข้าวเตรียมมา วางระเกะระกะไปหมด
จนเอก พูดมาถึงว่าต่อไปจะเป็นการสาธิตให้เห็นจริงว่าทำได้อย่างไร เชิญคุณต้นข้าวและคุณพริกขึ้นมาพรีเซนต์ครับ
ต้นข้าวกล่าวสวัสดีเพื่อนๆ แล้วยกชูหลอดยาสีฟันขึ้นมาให้ดู ซึ่งก็เป็นหลอดยาสีฟันของจริงนี่แหล่ะ แต่เอาสติกเกอร์ชื่อ "กรีนโรเสส" แปะทับยี่ห้อจริงไว้
หลังจากนั้น พริกก็ส่งแปรงสีฟันใหม่ๆ ให้ต้นข้าวห้าหกอัน ต้นข้าวบีบเนื้อยาสีฟันลงไปในทุกแปรง พริกก็เดินเอาตัวอย่างแปรงที่มียาสีฟันนั้นไปส่งให้อาจารย์และเพื่อนในห้องเวียนกันดู ว่าเป็นครีมยาสีฟันของจริง บางคนก็ลองแตะดู บางคนก็ขยี้แล้วเอาขึ้นมาลองดม
เสร็จแล้วพริกส่งแปรงอีกอันให้ต้นข้าว ต้นข้าวก็บีบยาจากหลอดเดียวกันป้ายลงไป พริกหรืออีงูคำคม ก็เอาแปรงนั้นถูเบาๆ ไปที่ฟันตัวเอง แล้วบ้วนน้ำทิ้งให้ดูว่าเป็นยาสีฟันปกติ ไม่ทำปฏิกิริยาใดๆ กับน้ำลาย
ต่อมาพริกก็เตรียมรินน้ำเปล่าใส่แก้วใสให้ต้นข้าวแก้วหนึ่ง พร้อมกับที่ต้นข้าวกำลังบีบเนื้อยาสีฟันในหลอดเดิม ซึ่งมีเนื้อยาข้นสีขาว บีบลงบนไม้คนแก้ว ชูให้ทุกคนเห็นว่าใช้เนื้อยาสีฟันนี้จริงๆ แล้วรับแก้วน้ำเปล่าจากพริกมายกขึ้นดู
"ใส่น้ำน้อยไปหน่อย" ต้นข้าวพูดดังๆ "ใส่น้ำสักครึ่งแก้ว จะบ้วนปากได้พอดีนะครับ"
ต้นข้าววางไม้คนแก้วลงบนโต๊ะ หยิบขวดน้ำโพลาริสเทเติมลงไปในแก้วจนได้ระดับน้ำที่เหมาะสม ชูให้ทุกคนดูอีกครั้งว่าเป็นน้ำใสบริสุทธิ์ หยิบไม้คนขึ้นมาจ่อที่ปากแก้ว แล้วพูดดังๆ อีกว่า
"นับหนึ่งถึงสามพร้อมกันนะครับ ๑ - ๒ - ๓"
พูดจบต้นข้าวก็เอาไม้คนจุ่มลงไปในน้ำ คนเบาๆ สิ่งที่เกิดขึ้นทันทีคือน้ำบริสุทธิ์ในแก้ว เปลี่ยนเป็นน้ำสีเขียวใส สะท้อนไฟนีออนในห้องแพรวพราวสวยงามทั้งแก้ว ไม่มีตะกอนใดๆ ตกค้างก้นแก้ว เสียงฮือฮาอื้ออึงจากเพื่อนในห้องและอาจารย์ดังระงม
"และเราจะมาลองให้คุณพริกบ้วนปากกันนะครับ"
ต้นข้าววางแก้วบนโต๊ะที่รกไปด้วยของต่างๆ หยิบผ้ากันเปื้อนช่วยใส่ให้พริก แล้วหยิบแก้วน้ำสีเขียวใสส่งให้ พริกรับไปแล้วกรอกใส่ปากทีเดียวเกือบหมดแก้ว อมไว้จนแก้มตุ่ย หันไปอมยิ้มให้เพื่อนในห้อง ขยับปากไปมา ดูจากลูกกระเดือกที่ขยับขึ้นลง เหมือนนางแอบกลืนลงท้องไปบ้างหลายอึก แล้วหลังจากนั้นก็บ้วนช้าๆ ทิ้งลงในถังที่เตรียมไว้ อ้าปาก ทำเสียง "อ่าห์!!!" เป็นทำนองว่าปากสะอาดแล้วนะจ้ะ แล้วทั้งสองก็โค้งลงขอบคุณให้เพื่อนในห้อง พร้อมกับเสียงตบมือสนั่นหวั่นไหว
ต้นข้าวแอบผายมือให้จิวหนึ่งที พร้อมกับหลิ่วตาให้ ประมาณว่าความสำเร็จในผลงานครั้งนี้เป็นของจิวนะ
หลังจากนั้นเป็นการเต้นประกอบเพลงของผลิตภัณฑ์เพื่อการโปรโมทโดยสมพลและเพื่อนอีกสองคน คนในห้องตบมือตาม
.......................
หลังโต๊ะวางของหน้าห้อง ต้นข้าวกับพริกช่วยกันรีบเก็บของบนโต๊ะ พริกหยิบไม้คน อันแรกที่มียาสีฟันป้ายอยู่แต่ไม่ได้ใช้ โยนลงในถังขยะแล้วแอบหัวเราะกับต้นข้าวคิกคัก ต้นข้าวหยิบไม้คน อันที่สอง ที่ยังเปื้อนสีโปสเตอร์สีเขียว ที่ป้ายสีไว้สำหรับหยิบสลับเอาลงไปคนแก้วน้ำให้น้ำเปลี่ยนสี ทิ้งตามลงไปในถังขยะ ปิดฝากระปุกสีโปสเตอร์เขียวเล็กๆ เก็บลงถุง
พริกหยิบแก้วน้ำสีเขียวใส ที่เกิดจากสีโปสเตอร์เขียวที่เอาลงไปคน เททิ้งลงถัง ปิดฝาขวดเล็กๆ ที่ใส่น้ำหวานเฮลซ์บลูบอยสีเขียวเพื่อไว้ผสมน้ำในอีกแก้ว สำหรับสลับเอามากรอกใส่ปากให้พริกอมลงไปจริงๆ เก็บลงถุง แล้วกระซิบกับต้นข้าวว่า
"มึงนี่มันมือไวจริงๆ แอบสลับเปลี่ยนไม้คน กับสลับแก้วเฮลซ์บลูบอยให้กูได้ ไวมาก อีวอก มึงนี่ไวปานวอก ปัญญากับกิริยาไปด้วยกันจริงๆ ใครสอนมึงวะเนี่ย"
"มะเทิ่ง พระสวามีกูไง มึงอยากให้กูมีผัวไม่ใช่เหรอ ห๊ะ!...อีเม้ยเจิง! อีงู!" ต้นข้าวพูด พร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคักๆ กันสองคน ดีที่เสียงเพลงที่พวกสมพลกำลังเต้นโชว์อยู่ดังกลบ ไม่มีใครได้ยินเสียงพูดหลังโต๊ะนี้
…………………..
และแน่นอน กลุ่มต้นข้าวได้คะแนนสูงสุดของวันนี้ ได้รับคำชมทั้งจากเพื่อนและอาจารย์ถึงความสมจริงของผลิตภัณฑ์ โดยไม่มีใครจับได้ว่ามันคือมายากลแบบเบสิค แถมกลับไปบ้านตอนดึก โดนมะเทิ่งจิว ผู้เป็นสวามี (หรือภรรยา?) ทวงรางวัลสำหรับการชี้แนะไอเดียครั้งนี้ไปอีกหลายรอบแท่งรางวัล...
ต้นข้าวได้รางวัลทั้งขึ้นทั้งล่อง!