MBK❤lover || ตอนที่ ๔๗ : ความรักชนะทุกสิ่ง || ๑๕ || ๑๗/๑๑/๖๐
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: MBK❤lover || ตอนที่ ๔๗ : ความรักชนะทุกสิ่ง || ๑๕ || ๑๗/๑๑/๖๐  (อ่าน 139396 ครั้ง)

ออฟไลน์ anandawan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 363
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
เป็น nc ที่ดีจังเลยค่ะ เอ๊ะ หรือไม่ใช่ nc แต่เป็นการบรรยายบรรยากาศตอนกลางคืนของเกาะใช่มั้ยคะ?

จบภาคมัธยมแล้ว จะมีมหาลัย วัยทำงาน จนแก่เฒ่าใช่มั้ยเอ่ย เราติดตามนะ
เติบโตเพื่อเรียนรู้โลกภายนอกกันนะเด็กๆ อุปสรรคทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นต่อไป ก็เพื่อพิสูจน์ตัวเราเอง ยังไงก็มีครอบครัวเราที่เข้าใจเราที่สุดนั่นดีแล้ว

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
กำลังสอบเข้ามหาลัยกันอยู่เหรอ
หายไปหลายวันนะ

จิว+ต้นข้าว
แต่งตัวไปมหาลัยได้แล้ว

รออยู่นะ
อิอิ

ออฟไลน์ กำปงพิราเทวี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-0
จิว ต้นข้าว  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
รอสองหนุ่ม ภาคมหาวิทยาลัย
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

= ขอบคุณมากนะฮะ คนอ่านน่ารักที่สุด


:เฮ้อ:

เราควรจะมีความสุขกับตอนนี้นะ เฮ้อออ
มัวแต่กังวลเรื่องอนาคตที่จะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ก็นะ
เพื่ออนาคต

= สงสัยจะสำลักความสุขจนกระต๊อบแทบพังไป เลยมานั่งเพ้อกันเล็กน้อยมั้งฮะ ฮ่าๆๆๆ //ขอบคุณมากนะฮะ


เป็นคนเข้าใจยากค่ะ ขอคำอธิบายโดยละเอียดของ "เท่าที่เด็กหนุ่มพึ่งหัดเรียนรู้สองคนจะพึงปฏิบัติให้กันได้"  :o8:

เชื่อว่าครอบครัวเป็นปัจจัยสำคัญในการหล่อหลอมเด็นคนหนึ่งให้เติบโต
ครอบครัวที่เข้าใจ และเคารพการตัดสินใจของสมาชิก จะทำให้เด็กมีทักษะและกล้าตัดสินใจ

เราจะโตไปด้วยกันนะ

= ตรงท่อนที่ว่า ขอคำอธิบายโดยละเอียดของ "เท่าที่เด็กหนุ่มพึ่งหัดเรียนรู้สองคนจะพึงปฏิบัติให้กันได้" นี่ ผู้เขียนพยายามเพ่งมองแล้วจริงๆ แต่ห้องที่เสม็ดมืดมากฮะ มองไม่เห็นเลย ได้ยินแต่เสียง อิอิอิอิอิ //ขอบคุณมากน๊า


จุฬาคว้า ปักเป้า เร่งเร้าหนี
เจ้าตัวดี แกล้งถอย หวังสอยหาง
คู่ปรับเผลอ เจอเด้า เอากลางทาง
ทั้งสองร่าง ประสานสอด ตลอดตัว

อิอิ
สนั่นครั่นครื้น..ดีแท้

ดีต่อใจ

= เค้าทำอะไรกันหนอ ถึงครั่นครื้นได้ปานนั้นเนอะ 55555+


ละมุนลไม

= ขอบคุณมากๆ นะฮะ   :mew1:


ห๊ะ!! จบภาคมัธยม ใจหายอ่ะ ชอบความรักแบบบริสุทธ์ใจของจิว ข้าวจริงๆ ผู้แต่งบรรยายดีมากๆ ชอบการบรรยายความรักของทั้งคู่จริงๆ มันโดนใจดี และชอบที่จิว ต้นข้าว มีอะไรกันจนกระต๊อบ สั่นโยกนี่ล่ะคับ นึกภาพตาม ขำดี 555
. ภาคต่อจะรอนานมั้ยคับ อยากอ่านต่อ

= ไม่นานฮะ พรุ่งนี้เช้าลงแล้ว //ขอบคุณมากๆ นะฮะที่ติดตามกันจ้า


ดีที่กระต๊อบไม่พังนะ รอภาคต่อไปค่ะ

= เสียวจะพังอยู่เหมือนกัน ฟังจากเสียงเหมือนเลือดกายวัยหนุ่มจะรุนแรง 555+  //ขอบคุณมากนะฮะ


เป็น nc ที่ดีจังเลยค่ะ เอ๊ะ หรือไม่ใช่ nc แต่เป็นการบรรยายบรรยากาศตอนกลางคืนของเกาะใช่มั้ยคะ?

จบภาคมัธยมแล้ว จะมีมหาลัย วัยทำงาน จนแก่เฒ่าใช่มั้ยเอ่ย เราติดตามนะ
เติบโตเพื่อเรียนรู้โลกภายนอกกันนะเด็กๆ อุปสรรคทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นต่อไป ก็เพื่อพิสูจน์ตัวเราเอง ยังไงก็มีครอบครัวเราที่เข้าใจเราที่สุดนั่นดีแล้ว

= อ่านไปอ่านมา ชักไม่แน่ใจว่าเป็นเสียงธรรมชาติของเกาะจริงๆ หรือเปล่านะ 555+ เสียงมันพิกลอยู่ อิอิอิ  //ขอบคุณที่ติดตามนะฮะ


กำลังสอบเข้ามหาลัยกันอยู่เหรอ
หายไปหลายวันนะ

จิว+ต้นข้าว
แต่งตัวไปมหาลัยได้แล้ว

รออยู่นะ
อิอิ

= แอบมาถามถึงกันด้วย 555+ จิวกับต้นข้าวสบายดีฮะ แต่ที่ไม่ปกติคือคนเขียนดันติดเกมส์ออนไลน์ อิอิ   :katai4:  เลยเรื่อยเปื่อยไปหน่อย แถมดันไปหยิบหนังสือสอบสวน อากาธา มาอ่าน เลยติดงอมแงมเข้าไปอีก

แต่เรียบร้อยฮะ ตอนแรกของภาคมหาวิทยาลัย พร้อมลงพรุ่งนี้เช้าฮะ ขออ่านตรวจสอบคำผิดคืนนี้ก่อนนะฮะ  //ขอบคุณมากๆ น๊าที่คิดถึงกัน


 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-01-2017 07:44:20 โดย กำปงพิราเทวี »

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2:หุยยยดีใจ
จะมาถามอยู่เชียว ว่าหายไปหลายวัน

เจอกันตอนเช้าเลยยยย

ออฟไลน์ กำปงพิราเทวี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-0

MBK❤lover





--- ภาคมหาวิทยาลัย ---


ตอนที่ ๒๒ : นางงามจักรวาล


๒๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๑


         "ต้นข้าว" เสียงแม่ตะโกนเรียกจากข้างล่าง "รับโทรศัพท์ จิวโทรมา"

         "ครับแม่" ต้นข้าวเปิดประตูห้องนอนตะโกนตอบลงไป

         ต้นข้าวตรวจดูความเรียบร้อยหน้ากระจกเงาเป็นครั้งสุดท้ายหลังจากแต่งชุดนักศึกษาเสร็จ คว้ากระเป๋าสะพายหนังใบใหญ่ได้ ก็รีบก้าวยาวๆ ลงมาข้างล่าง

         ต้นข้าวย้ายบ้านจากฝั่งธนบุรี เชิงสะพานพุทธมาอยู่ที่บ้านบนถนนแจ้งวัฒนะนี้ได้เกือบปีแล้ว บ้านเดิมที่เป็นตึกแถวประยุรวงศ์นั้นขายต่อให้ญาติไป เมื่อพ่อของต้นข้าวมาซื้อบ้านเดี่ยวขนาด ๘๔ ตารางวาที่นี่

         "ฮัลโหล" ต้นข้าวกรอกเสียงสดใสลงไป

         "ฮัลโหล" ปลายสายเสียงใสไม่แพ้กัน "รู้ยัง เช้านี้เรามีนางงามจักรวาลใหม่เป็นคนไทยคนที่สองแล้วนะ"

         "เดี๋ยวๆ อะไร นางงามจักรวาลไหนหือ" ต้นข้าวยังเรียบเรียงไม่ทัน จิวมามุกไหนอีกนี่

         "ซา หวัด ดี ค่า มาย เนม อีส โป๋ย มิส ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก ฟอร์ม แบ๊งค๊อก ท๊ายแล้นนนนด์..."

         จิวทำเสียงสูง ลากเสียงยาวเลียนแบบเสียงแนะนำตัวของนางงามจักรวาล ต้นข้าวนึกในใจ --ทำไมวันนี้จิวแรดจัง--

         "หา!!! จริงเหรอ ล้อเล่นน่า" ต้นข้าวยังนึกว่าจิวพูดเล่น

         "จะพูดเล่นอะไรล่ะ วิทยุพึ่งประกาศข่าวด่วนเมื่อกี้นี้ ไม่ได้ฟังเหรอ เขาตื่นเต้นกันทั้งเมือง"

         "โหย ดีจังเลย อยากดูเทปแล้วอะ อยากเห็นพี่ปุ๋ย เขาจะเอาเทปมาฉายไหม"

         "ฉายสิ วิทยุบอกว่าสองทุ่มคืนนี้จะเอาเทปมาออก"

         "ดีๆ คืนนี้จะได้รีบกลับมาดู อยากดูรูปแบบเวที สวยไหมไม่รู้ปีนี้ มานั่งดูด้วยกันไหมจิว" ต้นข้าวสนใจเรื่องเวทีมากเป็นพิเศษ สมกับเป็นเด็กนิเทศฯ

         "อย่าพึ่งพูดเลยเรื่องคืนนี้ เอาตอนนี้ก่อน จะรีบออกไปมหาลัยหรือยัง แวะมารอรับที่สถานีรถไฟหลักสี่ด้วยนะ ไปด้วย"

         "เอาสิ นี่พึ่งแต่งตัวเสร็จ กำลังจะกินข้าวเช้าก่อน คงพอดีกันนะ"

         "พอดีแหล่ะ นี่หยอดตู้โทรจากหัวลำโพง เดี๋ยวนั่งรถไฟไปลงหลักสี่ ก็ยี่สิบนาทีได้มั้ง เท่านี้ก่อนนะ เดี๋ยวเจอกัน สายจะตัดแล้ว" จิวเร่งพูดก่อนเหรียญบาทที่หยอดจะหมด


--------------------------------


         จิวกับต้นข้าว ตอนนี้เรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีสองกันแล้ว แต่เรียนอยู่คนละมหาวิทยาลัยกัน ทั้งคู่เอนทรานซ์เพื่อเข้ามหาวิทยาลัยของรัฐไม่ติดทั้งคู่

         ต้นข้าว เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง คณะนิเทศศาสตร์ ซึ่งปีหนึ่งและสอง ต้องไปเรียนไกลถึงรังสิต ออกนอกเมืองไปไกลมาก ไปเรียนแต่ละครั้งเหมือนออกต่างจังหวัด นี่อาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่พ่อของต้นข้าวมาซื้อบ้านอยู่แจ้งวัฒนะด้วย เพราะแค่บ้านต้นข้าวนี่ ก็ออกนอกเมืองมาแบบกันดารเต็มทีแล้ว

         ส่วนจิว เลือกลงเรียนบริหารธุรกิจที่มหาวิทยาลัยเปิดของรัฐ เพราะไม่ต้องไปเข้าเรียนเช็คชื่อ จะได้มีเวลาช่วยป๊าของจิวทำกิจการที่บ้านด้วย แต่เอาเข้าจริง เจ้าตัวก็แทบมาผูกติดกับต้นข้าวแทบทุกวัน เพราะถึงไม่ได้เข้าห้องเรียนที่มหา'ลัยตัวเอง แต่ก็มาหาต้นข้าวแทบจะวันเว้นวัน และถือโอกาสไปนั่งเนียนเข้าเรียนไปกับต้นข้าวด้วยในวิชาที่เรียนรวมทั้งคณะ ส่วนวิชาที่แยกเฉพาะห้องย่อย จำนวนคนน้อย จิวเข้าไม่ได้ก็จะนั่งอ่านหนังสือรอที่โรงอาหารบ้าง ซุ้มระหว่างตึกบ้าง จนทั้งจิวและต้นข้าวก็แทบจะมีเพื่อนกลุ่มเดียวกัน

         จิวยังอยู่ที่บ้านเดิมแถวสี่แยกบ้านแขก เวลามาหาต้นข้าว ก็จะนั่งรถไฟดีเซลรางจากหัวลำโพงมาลงที่สถานีรถไฟหลักสี่ ซึ่งเป็นหัวถนนแจ้งวัฒนะ แล้วต้นข้าวก็จะไปรับที่สถานี ถ้าวันไหนต้นข้าวขับรถไป ก็แวะจอดรับไปพร้อมกันเลย แต่ก็ไม่ทุกครั้ง ขึ้นอยู่กับว่ารถที่บ้านต้นข้าววันนั้นจะว่าง ไม่มีคนเอาไปใช้หรือเปล่า

         .................

         อย่างเช่นวันนี้รถที่บ้านไม่มีใครใช้ ต้นข้าวจึงขับ Toyota Corolla DX รุ่นปี 1985 สีเหลืองอ๋อย มาจอดรอจิวอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามสถานีรถไฟหลักสี่ และหมุนคลื่นวิทยุในรถฟังรอ ซึ่งผู้ประกาศแต่ละสถานีกำลังคุยเรื่องนางงามจักรวาลคนที่สองของประเทศไทย ที่พึ่งได้ตำแหน่งในเช้าวันนี้ สลับกับเรื่องสถาบันศิลปะนครชิคาโก สหรัฐอเมริกา จะยินยอมให้นำทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์กลับคืนสู่ประเทศไทย เพื่อไปติดคืนที่ปราสาทหินพนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งวิเคราะห์กันอย่างเมามัน

         "ก๊อกๆๆ" เสียงเคาะกระจกจากด้านนอก แล้วประตูรถด้านข้างคนขับก็ถูกเปิดออก คนเปิดก็โผล่หน้ามายิ้มตาหยีใส่ เป็นรอยยิ้มเดิมที่ต้นข้าวไม่เคยเบื่อที่จะมองนานๆ ได้เลยสักครั้ง

         เกือบห้าปีนับตั้งแต่วันที่รู้จักกัน วันนี้จิว ซึ่งเป็นวัยรุ่นหนุ่มอายุ ๑๙ ปี ดูเหมือนตัวจะสูงเพรียวขึ้น สูงพอๆ กับต้นข้าว คือ ๑๘๓ เซนต์ฯ ขายาว ผิวขาว หน้ายังตี๋อยู่ คิ้วเข้ม แต่ที่ดูเปลี่ยนไปคือเหมือนคอจะยาวขึ้น ไม่รู้ทำไม คอคนเรามันยาวขึ้นได้ด้วยหรือนี่ ทำให้ดูแล้วรับกันกับช่วงไหล่ที่ลาดสวย แต่แข็งแกร่ง ทำให้ใบหน้าที่เล็กนั้นดูโดดเด่นชัดขึ้นมากๆ แถมเจ้าตัวในชุดนักศึกษาไม่ติดกระดุมบนสองเม็ด ที่คอใส่เชือกหนังสีดำสั้นติดคอห้อยจี้รูปหัวกระโหลกเงินอันเล็กๆ รับกันกับทรงผมที่ข้างหน้าค่อนข้างยาว พริ้วตรงแสกกลางลงมาปิดหน้าบางส่วน ทำให้จิวดูเป็นหนุ่มวัยรุ่นที่มองแล้วเท่มาก

         "มารอนานแล้วหรือ" จิวเข้ามานั่งข้างในรถ โยนกระเป๋าเป้สีเขียวขี้ม้าที่สะพายมาไปที่เบาะหลัง

         "ไม่นาน พึ่งมาจอดเนี่ย นั่งฟังข่าวอยู่" ต้นข้าวตอบยิ้มๆ ตาจ้องหน้าจิวหวานเชื่อม

         "มีแต่ข่าวพี่ปุ๋ยภรณ์ทิพย์ใช่ไหมล่ะ เห็นไหม บอกแล้วก็ไม่เชื่อ" จิวทำเสียงมั่นใจ

         จริงๆ จิวและต้นข้าว เกิดปีเดียวกับปุ๋ย ภรณ์ทิพย์ นางงามจักรวาลคนที่สองของไทย ดังนั้นจึงอายุเท่ากัน แต่คนไทยเรียกพี่ปุ๋ยๆ ทั้งเมือง ต้นข้าวกับจิวเลยต้องเรียกพี่ปุ๋ยบ้าง

         "ก็เชื่อแล้วไงเนี่ย เพียงแต่ตอนแรกตั้งตัวไม่ทันไง ใครจะไปคาดคิดเนอะ" ต้นข้าวพูดแล้วเริ่มเข้าเกียร์ออกรถ "แล้ววันนี้ว่างเหรอ ถึงมาได้นี่"

         "อื่อ ว่าง แต่คิดถึงมากกว่า" จิวหยอด

         ต้นข้าวหันมาหัวเราะ "อะไรจะมาคิดถึง พึ่งเจอกันวันอาทิตย์ที่แล้วนะ นี่พึ่งวันอังคารเอง"

         "เหอะน่า คิดถึงก็คิดถึงสิ ขับไปดีๆ มองถนนสิ จะหันมาทำไม" จิวแกล้งกลบเกลื่อน

         ................

         ต้นข้าวใช้เวลาบนถนนวิภาวดีประมาณ ๕๐ นาที ก็มาถึงมหาวิทยาลัย โชคดีที่ไม่ใช่เวลาเร่งด่วน เลยหลุดจากรังสิตมาได้เร็ว

         วันนี้ต้นข้าวมีเรียนแค่สองวิชา แต่เป็นคาบใหญ่ทั้งสองวิชา เรียนรวมทั้งคณะ จิวเลยเข้าไปนั่งเรียนกับต้นข้าวได้ตลอดวัน และวันนี้ทั้งคู่ก็แปลกใจ ที่เอก และสมพล ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่มัธยม และเรียนที่มหาวิทยาลัยนี้กับต้นข้าวด้วย ไม่ได้มาเรียนในวันนี้ทั้งคู่

         หลังจากจบคาบสุดท้าย ซึ่งกินเวลานานเกือบสองชั่วโมง ในวิชาการถ่ายภาพเพื่อการโฆษณาเบื้องต้น จิวเอาแต่นั่งขำในคำพูดของอาจารย์ผู้สอน ซึ่งเป็นปรมาจารย์ทางการถ่ายภาพของเมืองไทย ที่เล่นมุกตลกเลียนแบบคำพูดของตากล้องคนจีนตามร้านรับถ่ายรูปติดบัตร ที่ต้องใช้กล้องตัวใหญ่แบบมีผ้าดำคลุมหัวช่างภาพ มีเลนส์ดึงยืดเข้ายืดออกได้ แล้วตะโกนบอกคนที่มานั่งถ่ายรูปบนเก้าอี้หวายหน้าฉากว่า

         "นิ่ง โน่ย... ตา โมง โก้ง"


--------------------------------


         พอไม่มีเพื่อนมาที่มหาวิทยาลัยในวันนี้ ทั้งคู่เลยกลับมาบ้านต้นข้าวได้เร็วสมกับที่ตั้งใจไว้ เพราะจะมารอดูเทปการประกวด "Miss Universe 1988" ตอนสองทุ่ม  หลังจากกินอาหารเย็นพร้อมกับครอบครัวที่บ้านต้นข้าวแล้ว ทั้งสองคนก็ขึ้นมานอนเปิดทีวีรอดูบนห้องนอน

         ปกติทั้งคู่ ไม่ใช่คนที่จะมาติดตามดูการประกวดนางงามอะไรนัก แต่วันนี้ไม่ใช่เหตุการณ์ปกติ เพราะผ่านมา ๒๔ ปีแล้ว สำหรับนางงามจักรวาลคนไทยคนแรกคือคุณอาภัสรา แล้วหลังจากนั้นเรื่องของ Miss Universe ก็เงียบหายไปจากเมืองไทย จนมาถึงคืนนี้ ที่คนไทยตื่นเต้นและรอคอยกันทุกคน

         จิวนอนอย่างสบายอารมณ์ที่กลางเตียง มือหนึ่งเอามาหนุนหัว ส่วนอีกมือหนึ่งพาดทอดยาวไปให้ต้นข้าวนอนหนุนหัวอยู่ข้างๆ ใกล้ริมขอบเตียง ซึ่งทำท่าจะไหลตกเตียงอยู่แล้ว ถึงต้นข้าวจะตีหน้ายักษ์ใส่ หรือเอาศอกดัน หรือจะเขี่ยทุกทางแล้ว พ่อคนอารมณ์ดีที่ครอบครองเตียง ก็ไม่มีทีท่าจะกระเถิบให้ ต้นข้าวเลยต้องเอามือไปกอดจิวแน่นๆ กันตก --หรือนี่จะเป็นแผนมัน-- ต้นข้าวคิดขำๆ

         เวทีนางงามจักรวาลเปิดแล้ว ผู้เข้าประกวดในชุดประจำชาติออกมาแนะนำตัวทีละคน จิวและต้นข้าวตื่นเต้นที่จะรอดูตามลำดับตัวอักษรชื่อประเทศ จนมาถึงหมวด T ไทยแลนด์ พี่ปุ๋ย เดินออกมาในชุดไทยประยุกต์สีม่วงอมน้ำเงินจากห้องเสื้อระพี จิวชักมือออกจากใต้หัวต้นข้าวอย่างเร็ว แล้วเอามือมาผายไปข้างๆ เลียนแบบนางงาม ต้นข้าวหัวตกไปบนที่นอน ขัดใจขึ้นมาก็ทุบกำปั้นลงไปที่หน้าอกจิวดัง ปั่ก!

         "โอ้ย ทุบทำไม" จิวแกล้งโวยวาย

         ต้นข้าวไม่ตอบอะไร แต่ทำปากขมุบขมิบ จิวหันมามองต้นข้าว เลยพลิกตัวต้นข้าวขึ้นมาทับบนตัวจิว

         "ทำไม แค่นี้โกรธเหรอ" จิวกดหน้าต้นข้าวลงมาใกล้ๆ

         "อื่อ อย่า จะดูประกวด" ต้นข้าวยึกยัก

         "อย่าพึ่งดูเลย เรามาประกวดชุดประจำชาติกันเองดีกว่า" จิวยักคิ้วข้างหนึ่งแบบเจ้าเล่ห์

         "อะไร ชุดประจำชาติใคร" ต้นข้าว งง

         "ประจำชาติของเรานี่แหล่ะ ที่เราใส่บ่อยๆ ไง หุหุหุ" มือจิวเริ่มเลี้อยเข้าไปใต้เสื้อยืดต้นข้าว

         "ชุดที่เราใส่บ่อยๆ" ต้นข้าวทวนคำ เริ่มอมยิ้มบ้างแล้ว "ที่เราใส่ หรือ เราถอด เอาดีๆ"

         ต้นข้าวพูดไม่ทันจบ เสื้อต้นข้าวก็ถูกถอดออกไปอย่างเร็ว  จิวพลิกตัวต้นข้าวกลับลงด้านล่าง จิวขึ้นคร่อม แล้วก้มลงไปดูดเม้มอย่างรุนแรงที่อกต้นข้าว ต้นข้าวเอามือดันตัวจิวออก

         "อย่าๆ จะดู เฮ้ย! อุ๊ปส์!"

         จิวประกบปากลงบนปากบางสีเนื้อที่กำลังร้องห้ามอยู่นั้น บดขยี้อย่างเบาๆ แต่แน่นลึกล้ำ มือต้นข้าวเริ่มอ่อนแรงลง แล้วเปลี่ยนมาเป็นเริ่มถอดเสื้อของจิวให้บ้าง เมื่อร่างทั้งคู่เปลือยเปล่า ไฟบนห้องสว่างจ้า เห็นเป็นร่างของเด็กหนุ่มที่สมบูรณ์สองร่างกระจ่างอยู่บนเตียง

         ภาพในทีวีกำลังเป็นการเต้นรวมของผู้เข้าประกวดชุดแฟนซีประจำชาติในเพลง Dancing on the Ceiling ของ Lionel Ritchie

         นอกทีวี ก็กำลังมีการแสดงถ่ายทอดสดประกอบเพลงเดียวกันนี้อยู่เหมือนกัน โดยเสื้อผ้าไม่เกี่ยว

         ถ้านางงามระดับจักรวาลบนเวทีสลับกันเต้นได้แบบมือโปรฯ ขนาดไหน  สองร่างที่นอนสลับหัวสลับหางบนเตียงก็โปรฯ ไม่แพ้กัน จิวกับต้นข้าวส่งต่อความรักความสุขแบบนี้กันมาเกือบปีแล้ว ไม่มีการเขินอาย มันยิ่งทวีความเร่าร้อนขึ้นตามวันเวลาที่ผ่าน โดยใช้เวลากับมันได้นานๆ และบ่อยๆ

         ....................

         บนเวที ผู้เข้าประกวดเต้นจบไปนานแล้ว และกำลังถึงช่วงสัมภาษณ์ แต่ผู้แสดงนอกทีวีพึ่งเสร็จสิ้นกิจกรรม นอนหอบหัวเราะคิกคักกอดกันดูประกวดต่อ

         "ต้นข้าว มึงว่าพี่ปุ๋ยจะตอบดีมะ" จิวลูบหัวต้นข้าวที่นอนหอบอยู่

         "อ้าว ก็ต้องตอบดีสิ ไม่งั้นจะได้เป็นนางงามจักรวาลปีนี้ได้ยังไงล่ะ อ้าวๆ ออกมาแล้ว ฟังสิ" ตาต้นข้าวจ้องเป๋งไปที่เวที ทั้งตื่นเต้นกับพี่ปุ๋ย และใจยังเต้นหลังจากเสร็จภารกิจเมื่อกี้

         การสัมภาษณ์สามคำถามของพี่ปุ๋ยผ่านไป ต้นข้าวกับจิวถึงกับตบมือให้หน้าจอ

         "ตอบได้สุดยอดเลยว่ะ --โป๋ยจะเปลี่ยนเสียงร้องไห้ของเด็ก ให้เป็นเสียงหัวเราะ-- สมควรแล้วเนอะ" ต้นข้าวครางออกมา

         "พี่โป๋ย รักเด็ก พี่จิวก็รักเด็กเหมือนกันนะ" จิวอมยิ้มมองหน้าต้นข้าว

         ต้นข้าวมองตาขวางกลับไป "เด็กอะไรอีกล่ะ เด็กที่ไหน บอกมาดีๆ"

         "เด็กคนนี้ไง เด็กขี้งอน" จิวเอามือขยี้หัวต้นข้าว ที่ยุ่งเหยิงอยู่ก่อนแล้วหลังจากเสร็จกิจกรรมประกอบเพลง "กลับหัวกลับหางบนเพดาน" (Dancing on the Ceiling) ในชุดเปลือยประจำชาติแบบส่วนตัวของทั้งสองเมื่อสักครู่

         "จริงนะ" ต้นข้าวอ้อนใส่จิว กอดซบลงไปที่อกจิว

         "พี่ปุ๋ยมีมงกุฎนางงามจักรวาล พี่จิวก็มีมงกุฎของตัวเองเหมือนกัน ต้นข้าวคือมงกุฎของจิว" จิวกระซิบต้นข้าว

         บนเวที เพลงในรอบผู้เข้าประกวดห้าคนสุดท้ายเปิดขึ้นมา มันเป็นเพลง "You Are My Star" ของวง Little Sisters  ปุ๋ย ภรณ์ทิพย์ เดินนำออกมายืนเรียงห้าคนสุดท้ายอยู่ขวาสุดบนเวที รอฟังประกาศผล

         ต้นข้าวจูบเบาๆ ลงไปที่อกจิว "แล้วไม่ได้เป็นแค่ปีเดียวในตำแหน่งด้วย ต้องเป็นมงกุฎของจิวตลอดไปนะ..."

         You are my star
         You light my way
         You brighten all my nights
         and make my day

         คุณคือแสงดาวส่องทางของฉัน
         คุณคือคนเดียวที่เป็นหนึ่งในจักรวาลของฉัน...



--------------------------------




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-03-2017 03:15:29 โดย กำปงพิราเทวี »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ทีวี ก็ถ่ายทอดไป  บนเตียง ก็กำลังมีการแสดงสด
ประกอบเพลงเดียวกันนี้เหมือนกัน โดยเสื้อผ้าไม่เกี่ยว
สองร่างที่นอนสลับหัวสลับหางบนเตียงก็โปรฯ
อะจ๊ากกกกก ชอบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ต้นข้าวต้องเป็นมงกุฎของจิวตลอดไป
 "You Are My Star" ต้นข้าวเป็นดวงดาวของจิว
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ anandawan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 363
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
สลับหัวสลับหาง >> ขอภาพประกอบค่าาา  :o8:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :mc4:มันคือมิติใหม่ของ NC มีเพลงประกอบด้วย  :o8:
เป็นตอนที่เข้ากับสถานการณ์มากๆ


ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
    จิวกับต้นข้าวใส่ชุดวันเกิดนอนดูเทปการประกวด 555  เสร็จกันกี่ยกอะ
  รออ่านต่อคับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ถามจริง
เรื่องนี้ไม่มีดราม่าใช่ไหม

คู่รักเรื่องนี้หวานกันได้ทุกตอน
แทรกหื่นบ้างประปราย

จิว+ต้นข้าว
มั่นคงกันดีนะ

อิจฉา(อีกแล้ว)
อิอิ

ออฟไลน์ กำปงพิราเทวี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-0
ทีวี ก็ถ่ายทอดไป  บนเตียง ก็กำลังมีการแสดงสด
ประกอบเพลงเดียวกันนี้เหมือนกัน โดยเสื้อผ้าไม่เกี่ยว
สองร่างที่นอนสลับหัวสลับหางบนเตียงก็โปรฯ
อะจ๊ากกกกก ชอบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ต้นข้าวต้องเป็นมงกุฎของจิวตลอดไป
 "You Are My Star" ต้นข้าวเป็นดวงดาวของจิว
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

= ปล้ำกันไม่ดูเวล่ำเวลาเลยเนอะ แทนที่จะตั้งใจดูนางงาม 555+


สลับหัวสลับหาง >> ขอภาพประกอบค่าาา  :o8:

= กลัวจะโดนแจ้งลบกระทู้สิฮะ อิอิอิอิ


:mc4: มันคือมิติใหม่ของ NC มีเพลงประกอบด้วย  :o8:
เป็นตอนที่เข้ากับสถานการณ์มากๆ

= นึกว่าจะมีนางงามจักรวาลของไทยเป็นคนที่สามซะแล้วเมื่อวาน อิอิอิ


    จิวกับต้นข้าวใส่ชุดวันเกิดนอนดูเทปการประกวด 555  เสร็จกันกี่ยกอะ
  รออ่านต่อคับ

= สงสัยจะได้ยกเดียว เพราะต้องรีบดูนางงามประกวดต่อ 555+


ถามจริง
เรื่องนี้ไม่มีดราม่าใช่ไหม

คู่รักเรื่องนี้หวานกันได้ทุกตอน
แทรกหื่นบ้างประปราย

จิว+ต้นข้าว
มั่นคงกันดีนะ

อิจฉา(อีกแล้ว)
อิอิ

= โห ไม่มีชีวิตใครปูด้วยกลีบกุหลาบตลอดไปเนอะฮะ ดราม่ามาแน่ อิอิอิอิ...


..................


 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ กำปงพิราเทวี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-0

MBK❤lover





ตอนที่ ๒๓ : แรงบันดาลใจจากโรงลิเก


         ปราสาทจำลองเล็กๆ อันนั้นเป็นทรงปราสาทนอยส์ชวานสไตน์ หรือที่รู้จักกันไปทั่วโลกว่าเป็นปราสาทเจ้าหญิงดิสนีย์ ทำมาจากเรซินแข็ง ลงสีเหมือนจริง ทั้งลวดลายสีเทาของหินผนังกำแพง สีแดงแก่ของหลังคายอดปราสาท หรือแม้กระทั่งแนวต้นไม้เขียวสดที่เลื้อยลามขึ้นไปตามผนัง ปราสาทเล็กๆ นี้อยู่ในครอบแก้วพลาสติกใส มีน้ำบรรจุอยู่เต็ม เมื่อเขย่า จะมีเกล็ดหิมะเทียมลอยฟุ้งขึ้นมาเหนือยอดปราสาท เมื่อวางมันลง หิมะจะค่อยๆ โปรยปรายลงมาสู่พื้น

         พ่อของต้นข้าวซื้อเป็นของที่ระลึกมาฝากจากสิงคโปร์หลายปีแล้วตั้งแต่สมัยอยู่บ้านเก่า ต้นข้าวเลือกของเล่นชิ้นนี้มาเก็บไว้กับตัวเอง และตอนนี้ มันตั้งสง่าอยู่บนหัวเตียงที่ต้นข้าวกำลังนั่งขัดตะหมาดเหม่อมองมันอยู่

         ในจินตนาการของต้นข้าว กลับไม่ได้มองอย่างที่คนอื่นคิด ซึ่งน่าจะคิดไปถึงเจ้าชายและเจ้าหญิงที่ครองรักกันในปราสาทนี้ แต่ความเป็นจริง ต้นข้าวกลับคิดไปถึงว่า ปราสาทนี้จะต้องตั้งอยู่ทางมุมขวา มีต้นไม้เป็นแผงหน้า มีแสงลอดลงมาจากกลุ่มใบไม้ด้านบน ส่วนแผงหลังเป็นกลุ่มภูเขาสูงต่ำ และเหนือฟ้าไกลออกไป มีกลุ่มนกบินวนไปมา

         และพอเจ้าชายพาเจ้าหญิงขี่ม้าออกไป ต้นไม้แผงข้างหน้า ที่วาดบนแผ่นไม้อัดก็ถูกเลื่อนเก็บออก ภาพภูเขาข้างหลังที่เป็นผ้าใบก็ถูกชักรอกขึ้นไป และปราสาทเจ้าหญิงที่มีล้อเลื่อนก็ถูกหมุนพลิกกลับ เปลี่ยนมาเป็นฉากภายในท้องพระโรงแทน

         ต้นข้าวกำลังจิตนาการถึงปราสาทของเล่นนี้ในฐานะของการเป็น "ฉาก"

         ต้นข้าวพึ่งมารู้ตัวถึงมนต์เสน่ห์ของการจิตนาการไปถึง "ฉาก" ต่างๆ ที่ใดก็ได้ในโลกที่อยากให้เป็น เมื่อตอนใกล้จะเลือกเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยนี้เอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อย้อนคิดไปถึงเหตุการณ์สุดท้าย ที่ทำให้ต้นข้าวตัดสินใจแน่วแน่...


--------------------------------


         ค่ำวันหนึ่งครั้งที่ต้นข้าวยังอยู่บ้านเก่า วัดประยุรวงศาวาสมีงานวัดประจำปีฉลองพระพุทธนาคน้อย เป็นงานใหญ่ที่มีโรงงิ้ว โรงลิเก ชิงช้าสวรรค์ ร้านยิงปืนจุกน้ำปลา หนังกลางแปลงจอเล็ก รวมทั้งร้านรวงต่างๆ

         ต้นข้าวชวนจิวมาเดินงานวัดเล่นกันด้วยความเพลิดเพลิน พาจิวขึ้นไปกราบขอพรหลวงพ่อพระพุทธนาคน้อยได้สมใจอย่างที่เคยตั้งใจไว้ และเลยพากันเดินเข้าไปที่เขาเต่า เพื่อไปเยี่ยมเจ้าเต่าหับที่ต้นข้าวเคยมาปล่อยในวันเกิดตัวนั้น หลังจากเดินหาเกือบ ๑๐ นาที ก็เจอมันกินผักบุ้งอยู่ริมตลิ่งในมุมหนึ่งอย่างสบายอารมณ์ และพอต้นข้าวเห็นข้อความแถวที่สองที่จิวแอบเขียนเพิ่มลงไปบนหลังเต่า ก็หันมาทุบปั่ก! ที่หลังจิว พร้อมกับร้องขำๆ

         "ไอ้บ้า!"

         "ทุบอีกแล้ว ขยันทุบจริงๆ นะ ตั้งกะคบกันมานี่ ทั้งทุบทั้งถอง จะช้ำในตายก่อนไหม" จิวหลิ่วตาให้

         "ก็ดูเขียนเข้าสิ ใครมาเห็นจะอายเขาไหมนี่" ต้นข้าวหน้าแดงเรื่อๆ ก้มลงไปอ่านข้อความที่หลังเต่าอีกรอบ

-- ต้ น ข้ า ว --
และ จิวจะอยู่ด้วยกันตลอดไป

         "ช่างคนมาเห็นมันสิ กลัวอะไรล่ะ เรื่องจริงนี่"

         "ป่าว ไม่ได้อายว่าเรื่องจริงหรือไม่จริง" ต้นข้าวทำหน้านิ่งๆ

         "อ้าว แล้วอายอะไรล่ะ" จิวเริ่มงง

         "อายที่ลายมือจิวที่เขียนด้านล่างไม่สวยอะดิ เขียนหวัดทุเรศทุรังขนาดนั้น มันต้องอยู่บนหลังเต่านี้ไปอีกเป็นร้อยปีนะ" แล้วต้นข้าวก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

         "แอ่ก!!" เสียงกำปั้นปะทะแผ่นหลังต้นข้าวดังสนั่นบ้าง

         "โอ้ย เจ็บนะโว้ย" ต้นข้าวหลังแอ่น สูดปากซี๊ด

         "เจ็บเป็นซะมั่ง" จิวบ่นหมุบหมิบ

         หลังจากทุบถองแลกเปลี่ยนกันอย่างสะใจไปข้างหนึ่งแล้ว จิวก็ปลอบใจต้นข้าวด้วยการพาเดินในงานวัด แล้วซื้อลูกชิ้นชุบแป้งทอดสี่ไม้ให้ และต้นข้าวก็ซื้ออ้อยควั่น ที่หั่นเป็นแว่นหนาๆ เสียบบนปลายไม้ตอก แผ่บานออกเป็นพุ่มดอกไม้ให้จิวไม้หนึ่ง แล้วมายืนสลับกันชวนชิม สลับกันป้อนของตัวเองให้ ใต้แสงเทียนที่คนมาจุดบูชาเป็นแถวระยิบระยับบนกำแพงวิหารหลวงพ่อพุทธนาคน้อย

         "ขึ้นชิงช้าสวรรค์กันไหม" จิวแหงนมองขึ้นไปบนชิงช้าสวรรค์ที่กำลังหมุนช้าๆ หลอดนีออนประดับเป็นแท่งหลากสีหมุนพราวตามเป็นวง ได้ยินเสียงเพลงลูกทุ่งจังหวะสามช่าเปิดดังสนั่น ลมตอนค่ำพัดมาเป็นระยะ ธงราวสามเหลี่ยมหลากสีที่แขวนระโยงเป็นสายทั่วงานวัดปลิวสะบัด

         "ไม่อ่ะ น่าเบื่อ ไม่เห็นมีอะไรเลย ไปโน่นดีกว่า อยากไปยิงปืนจุกน้ำปลา"

         ต้นข้าวเบือนหน้าพยักเพยิดไปทางแนวร้านยิงปืนกระสุนจุกน้ำปลาที่เรียงกันเป็นแถวสามสี่ร้าน รวมทั้งร้านสาวน้อยตกน้ำ ที่เปิดเพลงเสียงดัง เปิดไฟนีออนสว่างจ้า เหมือนไฟล่อให้ฝูงแมงเม่าหนุ่มๆ บินเข้ามารุม

         "ป่ะ ยิงปืนแข่งกัน" จิวโยนพวงอ้อยควั่นที่หมดแล้วทิ้งในเข่งขยะข้างๆ แล้วจูงแขนต้นข้าวไปอย่างสนุกเต็มที่

         .................

         "ฉับ ฉับ ฉับ..."

         เสียงลิงตีฉาบพร้อมกับเอียงคอไปมา เมื่อเวลาคนยิงกระสุนจุกน้ำปลาไปโดนแป้น ดังขึ้นเป็นระยะๆ สลับกับเสียงระเบิดหัวเราะของจิว ที่ยิงเข้าเป้าได้เกือบทั้งหมด โดยไม่ได้ใส่ใจกับดวงตาเขียวปั๊ดของคนข้างๆ แม้แต่น้อยที่ยิงเท่าไรก็ไม่โดนเป้าสักลูก

         ต้นข้าวหันซ้ายหันขวา แหย่ตัวยื่นเข้าไปในร้าน อาศัยความสูงและช่วงมือยาว จับด้ามปืนแหย่ไปที่เป้า จนปลายกระบอกห่างจากเป้าแค่คืบเดียว แล้วกดยิง โป้ง! เข้าไป ตุ๊กตาลิงตีฉาบก็เริ่มตีบ้าง

         "เฮ้ยๆๆ อย่าโกงดิ ใครใช้ให้แหย่ปืนเข้าไปจ่อแป้นขนาดนั้น โอย..." จิวโวยวายลั่น

         เสียงระเบิดหัวเราะจากต้นข้าวดังมาบ้าง "กฏของใครล่ะ ไม่มีกฏอะไรทั้งนั้น" เป็นคำเย้ยมาจากต้นข้าวผู้จะเอาชนะให้ได้

         "เหรอ น่าภูมิใจไหมล่ะ โกงเค้าเนี่ย" จิวไม่หยุดโวย "พอๆ เลิกๆ"

         "เอาน่า นิดๆ หน่อย คนเราต้องทำทุกอย่างเพื่อชัยชนะ" ต้นข้าวยืดตัวขึ้น ทำเป็นไม่มองตาที่ขวางๆ ของจิว "ไปที่อื่นเหอะ เบื่อแล้ว"

         ต้นข้าวกึ่งจูงกึ่งลากจิวมาถึงหน้าโรงลิเก โรงลิเกในงานนี้หันหลังชนกันกับโรงงิ้วใหญ่ แยกฝั่งใครฝั่งมันไปเลยว่าใครชอบดูแบบไหน ตอนนี้ทั้งลิเกและงิ้ว ยังไม่ออกโรงทั้งคู่ เพราะกว่าจะแสดงก็ต้องดึกหน่อย ให้งานพิธีหลักทางวัดจบเรียบร้อยก่อน แต่มีคนมาปูเสื่อจองที่นั่งบ้างแล้วประปราย

         "ยังไม่แสดงเลยอะ เอาไงดี จะรอไหม" จิวหันซ้ายหันขวา เตรียมจะหาที่นั่ง ท่าทางเมื่อยเต็มแก่

         "เมื่อยยังล่ะ นั่งรอนี่ก่อนละกันเนอะ เดี๋ยวมานะ จะเดินไปซื้อขนมถังแตกกับข้าวเกรียบว่าวตรงโน้นมาให้กิน" ต้นข้าวกดไหล่จิวให้นั่งลงไปตรงมุมๆ หนึ่งหน้าโรงลิเก

         ต้นข้าวเดินออกมาจากตรงนั้น หมายใจจะเดินไปซื้อขนมที่หาบเร่ของแม่ค้าใกล้ๆ จอหนังกลางแปลง แต่เมื่อเดินผ่านหลังโรงลิเก รวมทั้งหลังโรงงิ้วด้วย ซึ่งใช้พื้นที่เดียวกัน เห็นนักแสดงทั้งงิ้วและลิเก นั่งบ้าง ยืนสูบบุหรี่บ้าง แต่งหน้าบ้าง ต้นข้าวเลยไปยืนดูข้างๆ รั้วที่กั้น

         ภาพที่ต้นข้าวเห็น คือนักแสดงลิเกชายคนหนึ่ง ซึ่งแต่งหน้าเสร็จแล้ว แต่ยังไม่ได้แต่งตัว กำลังนั่งยองๆ เอาข้าวเหนียวปั้นจกส้มตำปูปลาร้าในถาดสังกะสีลายดอกไม้ขึ้นใส่ปาก แล้วหักถั่วฝักยาวส่งตามเข้าไป เคี้ยวกร๊อบๆ แล้วสูดปากแบบคนเผ็ด

         ส่วนลิเกชายอีกคน ซึ่งแต่งตัวแต่งหน้าเสร็จแล้ว ลิเกคนนั้นกำลังป่องแก้ม อมลมไว้ในปากจนหน้ากลมป็อก มือหนึ่งกำลังเอาแหนบดึงขนจมูกอยู่หน้ากระจกเงาที่กรอบด้านหลังเป็นรูปดารา เพชรา ชาวราษฎร์ และลิเกหญิงอีกคน ยังนุ่งผ้าถุงกระโจมอก  กำลังพยายามตัดสก็อตเทปให้เป็นแถบเล็กๆ แล้วเอาขึ้นไปแปะที่เปลือกตา ทำให้ตาดูเป็นสองชั้นสวย ซึ่งแปะหลายครั้งยังไม่ลงตัวเสียที ดึงเข้าดึงออกอยู่นั่น

         ต้นข้าวหันไปอีกข้าง เป็นนักแสดงงิ้ว ซึ่งทั้งหมดแต่งตัวเสร็จแล้ว เพราะน่าจะขึ้นแสดงก่อนลิเก นักแสดงทาแป้งขาว ลงสีแดงสีดำที่หน้าจนเดาไม่ได้ว่าหน้าเดิมเป็นอย่างไร รวมทั้งชุดทรงเครื่องเต็มที่ ซึ่งดูจากด้านล่างระยะใกล้นี้ ก็มีเก่าบ้าง ขาดบ้าง บางจุดเห็นเอาหนังยางมัดไว้เป็นปมก็มี ขนนกบนหัวบางเส้นแหว่งหลุดหายไป และไข่มุกบนชุด เห็นได้ชัดว่าเป็นเม็ดพลาสติก และเริ่มสีลอกหลายเม็ด

         ต้นข้าวมองทะลุจากหลังเวทีเลยไปหน้าเวที เห็นจากมุมนี้มันเป็นโครงไม้ไผ่ปล้องใหญ่มามัดประกอบกัน และตอนนี้มีม่านสีดำปิดอยู่ มองไปไม่เห็นที่นั่งคนดู โรงงิ้วมีระบบฉากที่ดีกว่าลิเก อย่างน้อยก็มีม่านปิดเปิดเวลาแสดง ซึ่งโรงลิเกไม่มี

         ต้นข้าวได้ยินเสียงคนแสดงงิ้วผู้หญิงสองคนคุยกันใกล้ๆ เลยหันหน้าตามไปดู เป็นนักแสดงตัวรองๆ เพราะดูจากชุดที่ใส่ไม่ได้จัดเต็มเท่าตัวเอก กำลังผลัดกันสูบมวนยาสูบ ที่มวนจากกระดาษหนังสือพิมพ์  มองไปมองมา ได้ยินเสียงพูด ต้นข้าวแทบไม่เชื่อหูตัวเองว่านักแสดงหญิงงิ้วที่เห็นนี่ เป็นคนไทย! และพูดคุยกันด้วยสำเนียงอีสานขนานแท้ในคราบของงิ้ว!!!

         ต้นข้าวเดินออกมาจากหลังโรงด้วยความประหลาดใจ คิดในใจว่าพลาดมาตลอดที่คิดว่านักแสดงงิ้วจะต้องเป็นคนจีนเท่านั้น ถ้าไม่มาได้ยินกับหูจะไม่เชื่อตัวเองเลย

         กว่าต้นข้าวจะเดินหาซื้อข้าวเกรียบว่าวและขนมถังแตกได้ ก็ร่วมเข้าไปเกือบสิบห้านาที ต้นข้าวเดินกลับมาทางเดิม แต่ตอนนี้โรงงิ้วเปิดม่านแสดงแล้ว และมันทำให้ต้นข้าวประหลาดใจอีกรอบ

         โครงไม้ไผ่ที่มัดขึ้นเป็นโรงงิ้วหยาบๆ เมื่อเปิดม่านเปิดไฟสว่างแล้วตอนนี้ กลายเป็นฉากหลังรูปป่าเขาลำเนาไพรงดงาม ส่วนด้านหน้าเวที มีกลไกง่ายๆ ในการใช้มอเตอร์หมุนผ้าจากฝั่งหนึ่งเวียนไปอีกฝั่งหนึ่งยาวตลอดช่วงล่างของหน้าเวที ผ้านั้นเขียนเป็นรูปสายน้ำ และตอนนี้มันหมุน จึงดูเหมือนสายน้ำจริงๆ กำลังไหลรินอยู่กลางป่า และนักแสดงงิ้วคนไทยอิสานสองคนเมื่อสักครู่ กำลังร้องเพลงงิ้วภาษาจีนเสียงแหลม กรีดนิ้วพร้อมผ้าเช็ดหน้าสีแดงพริ้วในมือชี้ชวนกันเดินชมดงพงไพรในฉากนั้น

         ความแตกต่างกันของหลังเวทีและภาพหน้าเวทีนี้ ต้นข้าวถึงกับคิดในใจ --มายา มันเป็นโลกมายาชัดๆ--

         .................

         "ทำไมช้าจัง ลิเกกำลังเริ่มแล้ว เมื่อกี้ออกแขกจบไปแล้วล่ะ"

         จิวหมายถึงการแสดงเปิดหน้าม่านของลิเกก่อนที่จะเริ่มเรื่อง ที่มีคนแต่งตัวเป็นแขก ออกมาร้องว่า "ฮัดช้าซาลามมาน้า ฮัดช้าละหล่า ฮัลเลวังกา...เอ้าเร่เข้ามา...มาดูลิเก..." เป็นการโหมโรงเรียกคนดู

         ต้นข้าวยิ้มๆ ไม่ได้ตอบว่าอะไร ทรุดลงนั่งข้างจิว แล้วหักข้าวเกรียบว่าวส่งให้จิวไปครึ่งแผ่น ตัวเองก็นั่งกัดอีกครึ่งหนึ่งเคี้ยวกร้วมๆ ตาก็จ้องที่โรงลิเก

         ตลอดการแสดงลิเกในคืนนั้น ซึ่งเล่นเรื่อง "แก้วหน้าม้า" ต้นข้าวดูไปพร้อมกับสิ่งหนึ่งที่ก่อตัวขึ้นในใจ

         ความมหัศจรรย์ของเวทีและแสงสี ทำให้ชายผู้หนึ่งที่เมื่อกี้นี้พึ่งจะนั่งป่องแก้มถอนขนจมูกอย่างเมามันหลังเวที กลายมาเป็นท้าวภูดล กษัตริย์แห่งเมืองมิถิลา ผู้ทรงอำนาจและเกียรติยศ เป็นบิดาแห่งพระปิ่นทอง พระเอกของเรื่อง

         ส่วนชายผู้ซึ่งนั่งยองๆ แหกขา โซ้ยส้มตำปูปลาร้าเผ็ดจนปากเจ่อหุบไม่ลงเมื่อกี้ กลายมาเป็นพระโอรสปิ่นทอง พระเอกสุดหล่อของเรื่อง เท่ อกเอวรูปร่างเหมือนองค์อินทร์ ได้มเหสีหลายคนซึ่งตบตีแย่งกันทั้งเรื่อง และเป็นผู้ได้ครองเมืองการะเกด

         ส่วนหญิงสาวผู้ซึ่งง่วนอยู่กับการติดสก็อตเทปให้ตาเป็นสองชั้น ดึงเข้าดึงออกแปะแล้วแปะอีก จนขนตาและขนคิ้วจริงแทบจะหลุดตามสก็อตเทปออกไปแล้วทั้งแผง เหลือแต่หน้าโล้นๆ เกลี้ยงๆ

         ตอนนี้กลายมาเป็นพระนางมณีรัตนา ร่างสวยของนางม้าแก้วมณี เป็นนางเอกอยู่ในเมืองโรมวิถี ใส่มงกุฎเพชรสวยใหญ่เบ้อเร่อ ท่ารำอ่อนหวาน หน้าสวยใสซื่อ กระพริบตาปริบๆ ขนตาปลอมหนาทั้งบนและล่างกระพือขึ้นลงเป็นแผงเหมือนปีกผีเสื้อกำลังโบยบิน ประหนึ่งตื่นขึ้นมาแล้วสวยเองเลยแบบนี้ โดยไม่ต้องพึ่งมนตราจากพระฤๅษีตนใด...

         "มายา มันเป็นโลกแห่งมายาชัดๆ" ต้นข้าวครางออกมาเบาๆ คราวนี้ออกเสียง ไม่ใช่คิดในใจแบบเมื่อกี้

         "อะไรนะต้นข้าว พูดว่าอะไรนะ" จิวได้ยินแว่วๆ

         ต้นข้าวหันไปยิ้มให้จิว "เปล่าๆ ไม่มีอะไร พระฤๅษีกำลังจะออกโรงแล้ว"


         ................


         ต้นข้าวตัดสินใจในคืนนั้น ว่าวันหนึ่งข้างหน้า ต้นข้าวนี่แหล่ะ จะเป็นเหมือนฤๅษีวิเศษ ที่จะบันดาลให้อะไรก็เกิดขึ้นได้บนเวทีการแสดงทุกชนิด

         ในเมื่อเอนทรานซ์ไม่ติด ต้นข้าวไม่มีความเสียใจ เพราะคณะที่รอคอย ไม่ได้มีในมหาวิทยาลัยของรัฐ  แต่กำลังจะเปิดสอนเป็นปีแรกๆ ในมหาวิทยาลัยเอกชนที่ต้นข้าวกำลังเรียนอยู่นี้

         "คณะนิเทศศาสตร์ วิชาเอกสาขาการละคร"



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-03-2017 03:15:56 โดย กำปงพิราเทวี »

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ต้นข้าว ได้เรียนตามความสนใจจริง
จากความรู้สึกท่ได้รับรู้ โลกแห่งมายา
คณะนิเทศศาสตร์ เอกสาขาการละคร
ดีจริง ที่ได้รู้ความชอบ ความสนใจของตัวเอง  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
น้อยคนที่ทำได้ เพราะส่วนใหญ่ทำไม่ได้
ต้องเรียนตามความต้องการของผู้ปกครอง
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ศิลปะการแสดง
ซาร่ามันจอร์จมาก
อิอิ

ฉันหรือเธอ
ที่เปลี่ยนไป
ซิก..ซิก

ดราม่าเรื่องอะไร
ต้นข้าวกับจิว ไม่น่าจะมีอะไรอีก
เรื่องหนักหนาที่สุดก็ผ่านด่านอรหันต์ครอบครัวได้แล้ว
เดาไม่ออกจริงๆ นอกเสียจากว่า.....โอ้ววววว ม่ายยย
มันเลวร้ายแสนสาหัส เบอร์แรงงงงงง

อย่ามีเลย....ภาวนารัวๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
+1 ติดสินบน

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
   ขำต้นข่าว ทั้งงิ้ว ทั้งลิเกเป็นแรงบันดาลใจนี่เอง ชอบตอนโรงงิ้วมากๆ คิดว่าคนจีนแล่นงิ้วที่ไหนได้คนไทยชัดๆ 555
  รออ่านตอนต่อไปคับ

ออฟไลน์ anandawan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 363
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
รอดราม่านะคะ
โรคจิต ชอบอ่านบทโศก

ออฟไลน์ กำปงพิราเทวี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-0
:pig4: :pig4: :pig4:

= ขอบคุณมากนะฮะ


ต้นข้าว ได้เรียนตามความสนใจจริง
จากความรู้สึกท่ได้รับรู้ โลกแห่งมายา
คณะนิเทศศาสตร์ เอกสาขาการละคร
ดีจริง ที่ได้รู้ความชอบ ความสนใจของตัวเอง  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
น้อยคนที่ทำได้ เพราะส่วนใหญ่ทำไม่ได้
ต้องเรียนตามความต้องการของผู้ปกครอง
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

= เป็นความโชคดีจริงๆ ฮะ ที่ได้ทำอะไรดังใจปรารถนา


ศิลปะการแสดง
ซาร่ามันจอร์จมาก
อิอิ

ฉันหรือเธอ
ที่เปลี่ยนไป
ซิก..ซิก

ดราม่าเรื่องอะไร
ต้นข้าวกับจิว ไม่น่าจะมีอะไรอีก
เรื่องหนักหนาที่สุดก็ผ่านด่านอรหันต์ครอบครัวได้แล้ว
เดาไม่ออกจริงๆ นอกเสียจากว่า.....โอ้ววววว ม่ายยย
มันเลวร้ายแสนสาหัส เบอร์แรงงงงงง

อย่ามีเลย....ภาวนารัวๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
+1 ติดสินบน

= ชะตา และฟ้าลิขิต ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว แงๆๆๆ   :hao5:


   ขำต้นข่าว ทั้งงิ้ว ทั้งลิเกเป็นแรงบันดาลใจนี่เอง ชอบตอนโรงงิ้วมากๆ คิดว่าคนจีนแล่นงิ้วที่ไหนได้คนไทยชัดๆ 555
  รออ่านตอนต่อไปคับ

= นั่นสิฮะ น่าประหลาดใจจริงๆ อิอิอิอิ


รอดราม่านะคะ
โรคจิต ชอบอ่านบทโศก

= ไม่ผิดหวังแน่ รับรองสาแก่ใจฮะ 555+


.................


และขอบคุณทุกท่านนะ ที่เข้ามาอ่านกัน ขอให้มีความสุขนะฮะ


 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ กำปงพิราเทวี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-0

MBKlover





ตอนที่ ๒๔ : อีงูคำคม!!!


         ต้นข้าวกำลังตั้งใจฟังอาจารย์สั่งงานการพรีเซนต์หน้าห้อง โดยให้จับกลุ่มกันกลุ่มละสิบคน ยกตัวอย่างของผลิตภัณฑ์ หรืออาหารอะไรก็ได้ที่ไม่มีในท้องตลาด และต้องมีคุณสมบัติพิเศษมากกว่าสองอย่างขึ้นไป หลังพูดจบเสียงจอแจก็ดังขึ้นระงมในห้องทันที

         "อะไรวะ สิ่งของที่มีคุณสมบัติพิเศษสองอย่างขึ้นไป" เอกหันมาถามต้นข้าว

         "ไม่รู้ว่ะ เดี๋ยวตอนพักเที่ยงก็เรียกกลุ่มเรากันมาคุยกันดูสิ"

         "ช่วยกันนึกหลายๆ คนเดี๋ยวก็นึกออกเองล่ะน่า" สมพล เพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งเสริม

         "เอาล่ะค่ะนักศึกษาค่อยไปคุยกันข้างนอก แล้วเอาหัวข้อมาเสนออาจารย์วันพุธนะคะ วันนี้เท่านี้ก่อน"

         ....................

         หลังจบคลาสต้นข้าวก็เดินดุ่มๆ ออกมาจากห้องเรียนทันที ยังไม่ได้สนใจที่จะคุยกับเพื่อนๆ ก่อนในเรื่องการพรีเซนต์เพราะใจยังพะวงเรื่องจิว เพราะเมื่อวานและวันนี้จิวเงียบหายไป โทรไปที่บ้านจิวก็ไม่เจอ ป๊าบอกว่าไม่รู้ไปไหน

         ต้นข้าวเดินออกมาที่ข้างโรงอาหาร ควานหาเหรียญบาทขึ้นมาสองสามเหรียญ หยอดใส่ตู้โทรศัพท์สาธารณะ หมุนกลับเบอร์บ้านตัวเอง

         ในช่วงเวลานั้น ต้นข้าวและจิวได้ตกลงกันว่า จะใช้โทรศัพท์บ้านต้นข้าวเป็นเหมือนเซ็นเตอร์ของการติดต่อ เพราะบ้านต้นข้าวค่อนข้างจะมีคนอยู่ตลอดเวลา ทั้งแม่ของต้นข้าวเอง หรือพี่อ้อย เป็นแม่บ้านที่บ้าน จะสามารถรับโทรศัพท์ได้ตลอดเวลา โดยทุกเย็นต้นข้าวจะโทรไปเช็คกับที่บ้านว่าจิวโทรเข้ามาฝากข้อความอะไรไว้ให้หรือเปล่า

         และวันนี้ก็มีจริงๆ พี่อ้อยบอกว่าจิวโทรมาบอกไว้แล้ว ว่าเย็นนี้จะเข้ามาหาที่บ้านและจะค้างกับต้นข้าวที่นี่ ให้ต้นข้าวกลับมากินข้าวเย็นพร้อมจิวที่บ้านด้วย

         ได้ฟังแบบนั้นแล้วต้นข้าวค่อยอารมณ์ดีขึ้น วางสายโทรศัพท์แล้วเดินกลับเข้าโรงอาหาร มองหากลุ่มเพื่อนที่จะประชุมเรื่องการพรีเซนต์กัน เมื่อเห็นแล้วก็เดินเข้าไปนั่งรวมกลุ่มด้วย

         โรงอาหารของมหาวิทยาลัยนี้กว้างขวาง ใหม่เอี่ยม สูงโปร่งโล่ง ทุกอย่างสะอาด มีโต๊ะและเก้าอี้ให้นักศึกษานั่งทานอาหารอย่างเพียงพอ สมกับที่พึ่งเปิดเป็นวิทยาเขตใหม่ได้สามปีนี้เอง

         "คุยกันถึงไหนแล้ววะ" ต้นข้าวหันไปถาม ไม่เจาะจงว่าใคร

         บนโต๊ะในโรงอาหารนั้นมีเพื่อนๆ ร่วมห้องนั่งอยู่ประมาณ ๗-๘ คน ทั้งชายและหญิง ซึ่งมีเอกและสมพล เพื่อนเก่าที่สนิทของต้นข้าวและจิวรวมอยู่ด้วย บนโต๊ะมีจานส้มตำวางอยู่สองจาน มันเหลือแต่น้ำขลุกขลิกก้นจาน มีสภาพเหมือนพึ่งโดนรุมจ้วงกินไปแล้วจนหมด

         "ยังไม่ได้คุยอะไรกัน พึ่งชิมส้มตำร้านใหม่กันอยู่เนี่ย" เอกตอบ พร้อมๆ กับเอาไม้จิ้มฟันแคะฟันไปด้วย

         "รอมึง กับ อีงู ด้วย รอพร้อมๆ กันค่อยคุยทีเดียว" สมพลเสริมขึ้นมา

         "อีงู" ที่สมพลพูดถึง คือเพื่อนใหม่ของต้นข้าวอีกคนที่เป็นผู้หญิง พึ่งมารู้จักและสนิทกันตั้งแต่ตอนเข้าปีหนึ่ง จริงๆ อีงู มีชื่อเล่นจริงๆ ว่า "พริก" แต่ความที่พริกเป็นผู้หญิงห้าวๆ เซอร์ๆ หน่อย ไว้ผมยาวฟูหยิก ไม่กลัวผู้ชาย และชอบใส่รองเท้าที่มีสายรัดข้อเท้าขึ้นมาสูงถึงกลางหน้าแข้งเป็นลายงู มองเผินๆ เหมือนมีงูตัวเล็กๆ มาพันขา ใส่ซ้ำแทบทุกวัน เพื่อนๆ เลยพร้อมใจกันเรียกว่า "อีงู" แทนชื่อเล่นจริงๆ ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้ว่าอะไร เรียกกันมาเป็นปีก็หันกลับมาตามเสียงเรียกทุกครั้งไป

         แถมมีสมญาห้อยท้ายอีกนิดนึงด้วยว่า "อีงูคำคม" เพราะนางชอบพูดประโยคต่างๆ ที่เจือไปด้วยคำคม หรือสุภาษิต ซึ่งก็คมบ้างไม่คมบ้าง แต่มักจะพูดบ่อยๆ จนเพื่อนๆ ชอบเอามาล้อลับหลัง

         "อ้าว แล้วอีงูไปไหนล่ะ ยังไม่มาหรือ" ต้นข้าวหันไปมองรอบๆ

         "มาแล้ว มันไปแปรงฟัน เมื่อกี้ยังนั่งกินส้มตำอยู่ด้วยกันนี่เลย นั่นไง พูดถึงก็มา" ใครคนหนึ่งตอบมา

         พริกเดินเข้ามาที่กลุ่ม หัวฟูรุ่ยร่ายตกลงมาปิดหน้าครึ่งหนึ่ง พอถึงโต๊ะแล้วก็แหวกตัวเพื่อนสองคนแล้วนั่งแทรกลงไป นางเงยหน้าเสยผมขึ้นมามองเห็นต้นข้าว ก็ยิ้มให้แล้วทัก

         "อ้าว ข้าว ไปไหนมา"

         ตอนนี้สายตาของเพื่อนๆ ทุกคนไม่ได้สนใจคำถามของพริก แต่พร้อมใจกันจ้องไปที่หน้าของพริกแทน โดยโฟกัสตรงกันที่บริเวณปาก

         "มึงไปแปรงฟัน หรือไปกินยาสีฟันมาวะอีงู" สมพลถามขำๆ

         "อะไรวะ" พริกเอามือขึ้นมาแตะๆ รอบปาก

         "ฟองยาสีฟันสิมึง รอบปากมึงเนี่ย" ต้นข้าวเสริมให้ เจือเสียงหัวเราะ

         คราวนี้พริกเอาปลายแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดรอบปากจนฟองหายหมด ทำปากขมุบขมิบเหมือนให้พรคนรอบข้าง

         "อีห่า กุหลาบงามย่อมมีหนามแหลมเว้ย คนงามก็ต้องมีฟองบ้างเป็นธรรมดา" พริกพูดแก้เกี้ยว

         "มึงนี่นะงาม แล้วกุหลาบกับฟองมันมาเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้วะ" เอกขำ

         "กูมัวแต่บ้วนปากอะดิ เกลียดกลิ่นปูเค็มในส้มตำนี่ฉิบ เลยไม่ได้ส่องกระจก" พริกอธิบายอ้อมแอ้ม

         "กุหลาบเน่าอะดิ กูว่า" เอกพูดลอยๆ "มาๆ มาเริ่มกันเลยดีกว่า จะพรีเซนต์เรื่องอะไรดี"

         "มีวิกฤตที่ใดย่อมมีโอกาสที่นั่นเสมอ" อีงูคำคมสมชื่อ เปรยขึ้น "เอาผลิตภัณฑ์ยาสีฟันนี่แหล่ะ ดีมะ"

         "น่าสนใจ ยังไงดี" เอก ผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มถาม

         "ก็พรีเซนต์ผลิตภัณฑ์หลักเป็นยาสีฟันนี่ล่ะ แต่คุณสมบัติที่สองมันจะเป็นอะไรได้ล่ะ" ใครอีกคนหนึ่งเสริมขึ้น เพื่อนๆ มองตากันไปมา

         "เป็นน้ำยาบ้วนปากไปด้วยในตัวไง" ต้นข้าวโพล่งขึ้นมา

         "คิดไม่ใช้สมอง ยาสีฟันเป็นครีมข้น แล้วมันจะกลายมาเป็นน้ำยาบ้วนปากได้ยังไงล่ะ" อีงูคำคมแย้ง

         "ก็ในสภาพเดิมๆ ไว้แปรงฟัน แต่มันมีตัวยาพิเศษผสมอยู่ไง ถ้าละลายลงในน้ำเปล่าจะแตกตัวออกมาใสๆ กลายเป็นน้ำยาบ้วนปาก แต่จะไม่ทำปฏิกิริยากับน้ำลาย ดังนั้นตอนแปรงฟัน ก็ใช้ตามปกติ" ต้นข้าวอธิบายเป็นคุ้งเป็นแคว "เอาไว้ให้คนอย่างอีงูมันบ้วนปาก ฟองจะได้ไม่ติดปากให้ขายขี้หน้าคนอื่นแบบเมื่อกี้"

         "มีปากเหมือนมีตูด แต่ช่วงหูรูดใช้ไม่ได้" พริกเปรยๆ พูดลอยๆ กับลมกับแล้ง เพื่อนในกลุ่มหัวเราะกันพรืดๆ

         "มึงด่าใครเหรอ อีงู" ต้นข้าวหันไปถาม

         "เปล่า ไม่มีอะไร"

         "อ่ะๆๆ พอๆ เอางี้นะ แบ่งกันไป เราจะพรีเซนต์แบบรายการทีวีนะ คือให้มีโฆษกคนหนึ่งมาอธิบายคุณสมบัติมัน แล้วมีอีกคนหนึ่งเป็นคนสาธิตมันพร้อมผู้ช่วยอีกคน และมีอีกกลุ่มเป็นพวกเรียกร้องความสนใจในสินค้าผลิตภัณฑ์ จะออกมาเต้นหรืออะไรก็ได้ให้คนจดจำ ดีไหม" เอกสรุปการประชุม

         "ดี" หลายคนเห็นด้วย

         "ว่าแต่มันจะใช้ชื่อสินค้าว่าอะไรอะ" พริกถามเรื่องสำคัญที่เกือบลืม

         "กุหลาบ... มันต้องชื่อกุหลาบ" ต้นข้าวมั่นใจ "ใช้ชื่อ กรีนโรเสส (Green Roses) กุหลาบเขียวแล้วกันนะ สีเขียวควรเป็นสีของน้ำยาบ้วนปาก"

         "ผ่าน เห็นด้วย" เอกฟันธง หลายคนพยักหน้ารับ

         "กูจะเป็นโฆษกอธิบายตอนเปิดหัวเอง ส่วนสมพลคุมเรื่องบันเทิง มึงไปหาคนซ้อมเต้นมา ส่วนต้นข้าวกับอีงู เป็นคนพรีเซนต์ผลิตภัณฑ์นะ มึงเป็นคนเสนอนี่ ไปหาทางทำให้ได้ ว่าครีมยาสีฟันจะกลายเป็นน้ำยาบ้วนปากได้ยังไง คนที่เหลือไปออกแบบป้ายโฆษณาและวาดมา เอาโลโก้เป็นรูปกุหลาบสีเขียว ตามนี้นะ" เอกปิดประชุม

         ..................

         "มึงจะรีบเดินไปไหนนี่  มะเทิ่งเดินนำหน้า เม้ยเจิงภรรยาเดินตามตูด กูเดินตามไม่ทันแล้วนะ"

         พริกร้องโหวกเวก พูดเป็นกลอนจากในเรื่อง "ราชาธิราช" ตอน "พระยาน้อยชมตลาด" ที่มีมะเทิ่งกับนางเม้ยเจิงเป็นผัวเมียกัน  นางเดินซอยเท้าตามต้นข้าวมายิกๆ หลังจากแยกย้ายกับกลุ่มเพื่อนออกมาจากโรงอาหารแล้ว

         "กูจะรีบกลับบ้าน จิวรออยู่ที่บ้านน่ะ" ต้นข้าวไม่หยุดเดิน

         "โอ้ย มีผัวเหมือนมีทองก้อนเท่าหัว ห่างผัวไม่ได้เลยนะมึง" พริกร้องตามหลังมา เริ่มมีเสียงเหนื่อยหอบ

         ต้นข้าวหันขวับมาทันที "ใครเป็นผัวกู หืมส์...อีงู กูไม่เคยมีผัวเว้ย แล้วมึงก็ไม่ใช่เม้ยเจิงอะไรนั่นที่เป็นเมียกูด้วย"

         พริกปล่อยเสียงหัวเราะออกมา "เออๆ กูลืมไป พวกมึงเป่ายิงฉุบกันนี่เนอะ ตอนดึกๆ บนเตียง"

         "ทะลึ่งแล้วมึง แล้วนี่ยังไง ยังจะเดินตามมาอีก"

         "ไปด้วย กูติดรถไปลงแถวหลักสี่แล้วกัน ใกล้บ้านขึ้นมาหน่อยดีกว่ารอคอยใครโดยไร้ความหวัง"

         "ประสาท...!!"

         ต้นข้าวพ่นลมออกมาเบาๆ ส่ายหัวดิกๆ แล้วเปิดประตูรถโตโยต้าสีเหลืองของตัวเองให้พริกขึ้นไปนั่ง


--------------------------------


         หลังอาหารเย็นที่บ้านต้นข้าว จิวกับต้นข้าวก็นอนเอาขาก่ายกันดูทีวี คุยกันหงุงหงิง

         "ไปไหนมาหลายวัน คิดถึง" ต้นข้าวเปิดก่อน เอามือขึ้นไปโอบเอวจิว

         "ทำรายงานส่งที่มหาลัยไง วันนี้พึ่งไปส่งอาจารย์มา" จิวยิ้มอารมณ์ดี มองหน้าต้นข้าวตาหวานเชื่อม "แล้ววันนี้ที่มหาลัยเป็นไงบ้าง"

         "ก็ดี มีงานพรีเซนต์ใหม่เข้ามาด้วย กำลังทำกันอยู่"

         แล้วเหมือนต้นข้าวจะนึกขึ้นมาได้ จึงเล่าเรื่องที่ประชุมวันนี้ให้จิวฟัง รวมทั้งกึ่งๆ ปรึกษาด้วยว่าควรจะพรีเซนต์อย่างไรดี กับการที่จะทำให้ครีมยาสีฟันกลายเป็นน้ำยาบ้วนปากได้

         จิวคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วยิ้มออกมา "จำเต่าตัวนั้นได้ไหม"

         ต้นข้าวงง จู่ๆ ทำไมจิวพูดถึงเต่าขึ้นมา "เต่าวันเกิดตัวนั้นอ่ะเหรอ"

         "อือ ที่จิวแอบเขียนข้อความเพิ่มเข้าไป จำได้ไหม"

         "จำได้สิ แล้วยังไงต่อ"

         "มันต้องใช้ช่วงเนียน ช่วงทีเผลอ ช่วงสับสนไง นึกออกป่ะ" จิวพยายามบอกใบ้

         ต้นข้าวพอนึกอะไรออกได้ลางๆ ช่วงเนียน ช่วงทีเผลอ ช่วงสับสน พู่กัน สีเขียนหลังเต่า...

         จริงด้วยสินะ ต้นข้าวคิดออกแล้ว!


--------------------------------


         วันพรีเซนต์งานหน้าห้อง กลุ่มแล้วกลุ่มเล่าถูกเรียกออกไปหน้าห้อง ต่างก็พรีเซนต์ผลิตภัณฑ์ของตัวเองที่ใช้เป็นของสองสิ่งได้ เช่น กระทะที่ใช้ทอดอาหาร พอคว่ำหน้าลง กลายเป็นที่ปิ้งอาหารได้ หรืออีกกลุ่มหนึ่งเป็นหม้อหุงข้าวที่ไม่ใช้วิธีการดงข้าว (หุงข้าวด้วยเตาถ่าน แบบต้องเทน้ำข้าวออก แล้วรุมไฟอ่อนๆ ให้ข้าวระอุ) แต่สามารถวางถ่านที่ติดไฟร้อนบนฝาหม้อแล้วกลายเป็นหม้ออบอาหารได้ เป็นต้น

         จนมาถึงกลุ่มของต้นข้าว คนในกลุ่มต่างก็ออกมาจัดของหน้าห้องเตรียมพรีเซนต์ จิวซึ่งวันนี้มานั่งเนียนฟังการพรีเซนต์ในห้องด้วย เพราะวันนี้เรียนรวมคณะ ห้องใหญ่ จึงเข้ามาได้ ได้ส่งยิ้มให้ต้นข้าวพร้อมยักคิ้วข้างหนึ่งส่งกำลังใจให้

         ระหว่างที่เอกกำลังพรีเซนต์ที่มาที่ไปของ ยาสีฟัน "กรีนโรเสส" ว่ามีคุณสมบัติพิเศษ ละลายน้ำกลายเป็นน้ำยาบ้วนปากแบบใสๆ ได้อยู่นั้น ต้นข้าวและพริกก็ช่วยกันจัดของบนโต๊ะหน้าห้องไปพลางๆ ซึ่งบนโต๊ะนั้นรกและเต็มไปด้วยอุปกรณ์เกี่ยวกับห้องแลปที่ต้นข้าวเตรียมมา วางระเกะระกะไปหมด

         จนเอก พูดมาถึงว่าต่อไปจะเป็นการสาธิตให้เห็นจริงว่าทำได้อย่างไร เชิญคุณต้นข้าวและคุณพริกขึ้นมาพรีเซนต์ครับ

         ต้นข้าวกล่าวสวัสดีเพื่อนๆ แล้วยกชูหลอดยาสีฟันขึ้นมาให้ดู ซึ่งก็เป็นหลอดยาสีฟันของจริงนี่แหล่ะ แต่เอาสติกเกอร์ชื่อ "กรีนโรเสส" แปะทับยี่ห้อจริงไว้

         หลังจากนั้น พริกก็ส่งแปรงสีฟันใหม่ๆ ให้ต้นข้าวห้าหกอัน ต้นข้าวบีบเนื้อยาสีฟันลงไปในทุกแปรง พริกก็เดินเอาตัวอย่างแปรงที่มียาสีฟันนั้นไปส่งให้อาจารย์และเพื่อนในห้องเวียนกันดู ว่าเป็นครีมยาสีฟันของจริง บางคนก็ลองแตะดู บางคนก็ขยี้แล้วเอาขึ้นมาลองดม

         เสร็จแล้วพริกส่งแปรงอีกอันให้ต้นข้าว ต้นข้าวก็บีบยาจากหลอดเดียวกันป้ายลงไป พริกหรืออีงูคำคม ก็เอาแปรงนั้นถูเบาๆ ไปที่ฟันตัวเอง แล้วบ้วนน้ำทิ้งให้ดูว่าเป็นยาสีฟันปกติ ไม่ทำปฏิกิริยาใดๆ กับน้ำลาย

         ต่อมาพริกก็เตรียมรินน้ำเปล่าใส่แก้วใสให้ต้นข้าวแก้วหนึ่ง พร้อมกับที่ต้นข้าวกำลังบีบเนื้อยาสีฟันในหลอดเดิม ซึ่งมีเนื้อยาข้นสีขาว บีบลงบนไม้คนแก้ว ชูให้ทุกคนเห็นว่าใช้เนื้อยาสีฟันนี้จริงๆ แล้วรับแก้วน้ำเปล่าจากพริกมายกขึ้นดู

         "ใส่น้ำน้อยไปหน่อย" ต้นข้าวพูดดังๆ "ใส่น้ำสักครึ่งแก้ว จะบ้วนปากได้พอดีนะครับ"

         ต้นข้าววางไม้คนแก้วลงบนโต๊ะ หยิบขวดน้ำโพลาริสเทเติมลงไปในแก้วจนได้ระดับน้ำที่เหมาะสม ชูให้ทุกคนดูอีกครั้งว่าเป็นน้ำใสบริสุทธิ์ หยิบไม้คนขึ้นมาจ่อที่ปากแก้ว แล้วพูดดังๆ อีกว่า

         "นับหนึ่งถึงสามพร้อมกันนะครับ ๑ - ๒ - ๓"

         พูดจบต้นข้าวก็เอาไม้คนจุ่มลงไปในน้ำ คนเบาๆ สิ่งที่เกิดขึ้นทันทีคือน้ำบริสุทธิ์ในแก้ว เปลี่ยนเป็นน้ำสีเขียวใส สะท้อนไฟนีออนในห้องแพรวพราวสวยงามทั้งแก้ว ไม่มีตะกอนใดๆ ตกค้างก้นแก้ว เสียงฮือฮาอื้ออึงจากเพื่อนในห้องและอาจารย์ดังระงม

         "และเราจะมาลองให้คุณพริกบ้วนปากกันนะครับ"

         ต้นข้าววางแก้วบนโต๊ะที่รกไปด้วยของต่างๆ หยิบผ้ากันเปื้อนช่วยใส่ให้พริก แล้วหยิบแก้วน้ำสีเขียวใสส่งให้ พริกรับไปแล้วกรอกใส่ปากทีเดียวเกือบหมดแก้ว อมไว้จนแก้มตุ่ย หันไปอมยิ้มให้เพื่อนในห้อง ขยับปากไปมา ดูจากลูกกระเดือกที่ขยับขึ้นลง เหมือนนางแอบกลืนลงท้องไปบ้างหลายอึก แล้วหลังจากนั้นก็บ้วนช้าๆ ทิ้งลงในถังที่เตรียมไว้ อ้าปาก ทำเสียง "อ่าห์!!!" เป็นทำนองว่าปากสะอาดแล้วนะจ้ะ แล้วทั้งสองก็โค้งลงขอบคุณให้เพื่อนในห้อง พร้อมกับเสียงตบมือสนั่นหวั่นไหว

         ต้นข้าวแอบผายมือให้จิวหนึ่งที พร้อมกับหลิ่วตาให้ ประมาณว่าความสำเร็จในผลงานครั้งนี้เป็นของจิวนะ

         หลังจากนั้นเป็นการเต้นประกอบเพลงของผลิตภัณฑ์เพื่อการโปรโมทโดยสมพลและเพื่อนอีกสองคน คนในห้องตบมือตาม

         .......................

         หลังโต๊ะวางของหน้าห้อง ต้นข้าวกับพริกช่วยกันรีบเก็บของบนโต๊ะ พริกหยิบไม้คน อันแรกที่มียาสีฟันป้ายอยู่แต่ไม่ได้ใช้ โยนลงในถังขยะแล้วแอบหัวเราะกับต้นข้าวคิกคัก ต้นข้าวหยิบไม้คน อันที่สอง ที่ยังเปื้อนสีโปสเตอร์สีเขียว ที่ป้ายสีไว้สำหรับหยิบสลับเอาลงไปคนแก้วน้ำให้น้ำเปลี่ยนสี ทิ้งตามลงไปในถังขยะ ปิดฝากระปุกสีโปสเตอร์เขียวเล็กๆ เก็บลงถุง

         พริกหยิบแก้วน้ำสีเขียวใส ที่เกิดจากสีโปสเตอร์เขียวที่เอาลงไปคน เททิ้งลงถัง ปิดฝาขวดเล็กๆ ที่ใส่น้ำหวานเฮลซ์บลูบอยสีเขียวเพื่อไว้ผสมน้ำในอีกแก้ว สำหรับสลับเอามากรอกใส่ปากให้พริกอมลงไปจริงๆ เก็บลงถุง แล้วกระซิบกับต้นข้าวว่า

         "มึงนี่มันมือไวจริงๆ แอบสลับเปลี่ยนไม้คน กับสลับแก้วเฮลซ์บลูบอยให้กูได้ ไวมาก อีวอก มึงนี่ไวปานวอก ปัญญากับกิริยาไปด้วยกันจริงๆ ใครสอนมึงวะเนี่ย"

         "มะเทิ่ง พระสวามีกูไง มึงอยากให้กูมีผัวไม่ใช่เหรอ ห๊ะ!...อีเม้ยเจิง! อีงู!" ต้นข้าวพูด พร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคักๆ กันสองคน ดีที่เสียงเพลงที่พวกสมพลกำลังเต้นโชว์อยู่ดังกลบ ไม่มีใครได้ยินเสียงพูดหลังโต๊ะนี้

         …………………..

         และแน่นอน กลุ่มต้นข้าวได้คะแนนสูงสุดของวันนี้ ได้รับคำชมทั้งจากเพื่อนและอาจารย์ถึงความสมจริงของผลิตภัณฑ์ โดยไม่มีใครจับได้ว่ามันคือมายากลแบบเบสิค แถมกลับไปบ้านตอนดึก โดนมะเทิ่งจิว ผู้เป็นสวามี (หรือภรรยา?) ทวงรางวัลสำหรับการชี้แนะไอเดียครั้งนี้ไปอีกหลายรอบแท่งรางวัล...

         ต้นข้าวได้รางวัลทั้งขึ้นทั้งล่อง!


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-03-2017 03:16:17 โดย กำปงพิราเทวี »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
จิวนี่เขาเป็นคู่คิด คู่ชีวิตต้นข้าวจริงๆนะ แล้วหลายรอบแท่งรางวัลคืออะไรอะ 555 ฮ่าๆ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

เอ้ยย ไอ้ตอนท้ายนี่เรา หรือจิวที่ทะลึ่ง เนี่ย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-02-2017 13:42:32 โดย Billie »

ออฟไลน์ anandawan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 363
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
ช่วยกันทำมาหากินมาก
ว่าแต่ รางวัลเป็นแท่งๆ นี่มันอาราย

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
รางวัลอะไรเป็นแท่งๆ
กินไอติมกัน ก่อนนอนเหรอ
..ฟันจะผุเอานะ..

ว่าแต่..กินกันไป
คนละกี่แท่งอ่ะ

เหลือเผื่อเราบ้างซักแท่งสองแท่งมั้ย
กินด้วยคนดิ  :z1:

อยากกินอ๊าาาาาาาาาาาา
 :ling1:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ฉลาดมาก เก่งมาก
จิวได้เครดิต เสนอไอเดียเขียนหลังเต่า
ต้นข้าวนำแสดง ฝีมือว่องไว เนียน จนจับไม่ได้
แถมพรีเซนต์ได้คะแนนสูงสุด
กลับบ้าน จิวได้รางวัล
สำหรับการชี้แนะไอเดียครั้งนี้ไปอีกหลายรอบแท่งรางวัล...
แต่ต้นข้าว ได้รางวัลทั้งขึ้นทั้งล่อง!   :pighaun: :haun4::jul1:
คนอ่าน ก็อยากเห็นการให้รางวัลด้วย  :z3: :z3: :z3:
ไรท์ ลงรูปแท่งรางวัลด้วยสิ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ยิ่งหลายรอบแท่งรางวัล อะจ๊ากกกก  :pighaun: :haun4::jul1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-02-2017 21:51:32 โดย ♥►MAGNOLIA◄♥ »

ออฟไลน์ กำปงพิราเทวี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-0
จิวนี่เขาเป็นคู่คิด คู่ชีวิตต้นข้าวจริงๆนะ แล้วหลายรอบแท่งรางวัลคืออะไรอะ 555 ฮ่าๆ

= เกิดมาคู่กันจริงๆ เนาะ //ส่วนแท่งรางวัล น่าจะเหมือนโล่มั้งฮะ แต่ยาวๆ หน่อย 555+


:L2: :pig4:

เอ้ยย ไอ้ตอนท้ายนี่เรา หรือจิวที่ทะลึ่ง เนี่ย

= เรานี่แหล่ะฮะ ทะลึ่งกันเอง 555+  :hao6:


ช่วยกันทำมาหากินมาก
ว่าแต่ รางวัลเป็นแท่งๆ นี่มันอาราย

= มันต้องเป็นแท่งรางวัลที่สุดแสนประทับใจมากแน่ๆ เลยอ่า  :hao6:


รางวัลอะไรเป็นแท่งๆ
กินไอติมกัน ก่อนนอนเหรอ
..ฟันจะผุเอานะ..

ว่าแต่..กินกันไป
คนละกี่แท่งอ่ะ

เหลือเผื่อเราบ้างซักแท่งสองแท่งมั้ย
กินด้วยคนดิ  :z1:

อยากกินอ๊าาาาาาาาาาาา
 :ling1:

= ทางนี้ก็อยากเหมือนกันฮะ น่าอิจฉาเค้า อิอิอิอิ   :hao7:


:pig4: :pig4: :pig4:

= ขอบคุณมากนะฮะ  o13


ฉลาดมาก เก่งมาก
จิวได้เครดิต เสนอไอเดียเขียนหลังเต่า
ต้นข้าวนำแสดง ฝีมือว่องไว เนียน จนจับไม่ได้
แถมพรีเซนต์ได้คะแนนสูงสุด
กลับบ้าน จิวได้รางวัล
สำหรับการชี้แนะไอเดียครั้งนี้ไปอีกหลายรอบแท่งรางวัล...
แต่ต้นข้าว ได้รางวัลทั้งขึ้นทั้งล่อง!   :pighaun: :haun4::jul1:
คนอ่าน ก็อยากเห็นการให้รางวัลด้วย  :z3: :z3: :z3:
ไรท์ ลงรูปแท่งรางวัลด้วยสิ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ยิ่งหลายรอบแท่งรางวัล อะจ๊ากกกก  :pighaun: :haun4::jul1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

= มันต้องเป็นรางวัลลึกลับที่เห็นกันสองคนแน่ๆ เลย อิอิอิอิ


.......................


และขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะฮะ


 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ กำปงพิราเทวี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-0

MBKlover





ตอนที่ ๒๕ : ปลาร้าพันห่อด้วยใบคา


         บ่ายวันนี้คาบเรียนของต้นข้าวทิ้งช่วงพักนาน แต่ด้วยแดดอันร้อนแรงของที่ตั้งมหาวิทยาลัยซึ่งอยู่กลางที่โล่ง  รอบบริเวณยังไม่มีอาคารใหญ่ใดๆ รวมทั้งห้างสรรพสินค้าที่ใกล้ที่สุดคือเซ็นทรัลลาดพร้าว นั่นก็แปลว่าไกลจนกลับเข้าเมืองไปแล้ว ทำให้ช่วงพักสองชั่วโมงครึ่งนี้ไม่มีใครคิดจะฝ่าเปลวแดดแวะออกไปไหนนอกมหาวิทยาลัย

         ต้นข้าวนั่งคุยเล่นสลับกับซื้อของมากินรอเวลาเรียนอยู่กับเพื่อนในคณะกลุ่มย่อยๆ สี่ห้าคนที่ซุ้มด้านหลังอาคารเรียน แถวนี้ค่อยสบายหน่อย เพราะเป็นซุ้มที่นั่งเดี่ยวๆ แยกห่างๆ กัน และมีแนวต้นไม้ใหญ่ช่วยบรรเทาความร้อนอบอ้าวลงไปได้มาก หน้าซุ้มเป็นทางเดินไปลานจอดรถกลางแจ้งด้านหลัง มีนักศึกษาเดินผ่านไปผ่านมาเป็นกลุ่มๆ

         "ต้นข้าว" เสียงใสของนักศึกษาหญิงที่คุ้นหูเรียกต้นข้าว

         ต้นข้าวเงยหน้าขึ้นไปมอง เห็นเพื่อนนักศึกษาหญิงในคณะเดียวกันมายืนกวักมือเรียกต้นข้าวอยู่หน้าซุ้ม แต่ไม่ได้เดินเข้ามา มีผู้ชายที่ไม่ได้เป็นนักศึกษาเพราะใส่ชุดไปรเวทยืนอยู่ข้างๆ ด้วย

         "อ้าว อ้อม" ต้นข้าวทัก แล้วลุกออกจากซุ้มเดินไปหา

         อ้อม เป็นสาวผิวขาวจัดเหมือนไม่ค่อยโดนแดดโดนลม หน้าตาสวยแบบผู้ดี ไม่ได้สวยแบบฉาบฉวยเหมือนวัยรุ่นทั่วไปในมหาวิทยาลัยเอกชนราคาแพงแบบที่นี่ บุคลิกของอ้อมเหมือนเป็นคุณนายคุณหญิงมากกว่าเป็นนักศึกษา ผมดกดำยาวหนา หวีเสยเปิดหน้าผากขึ้นตีโป่งด้านบนแล้วเบี่ยงผมทั้งหมดมาไว้ที่บ่าด้านเดียว เหมือนดาราในยุคเพชรา ชาวราษฎร์ ชุดนักศึกษาเรียบกริบ เข็มตรามหา'ลัยและตุ้งติ้งห้อยปกเสื้อวาวแวว กระโปรงทรงสอบแคบยาวถึงหน้าแข้ง รองเท้าคัทชูสีดำส้นเข็มสูงสามนิ้วครึ่ง

         อ้อมเป็นลูกสาวเจ้าของร้านอาหารไทยขนาดใหญ่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ใช้ของแพง ทั้งกระเป๋าถือ นาฬิกาที่ใส่ ขับรถจากัวร์สปอร์ตสองประตู แต่เจ้าตัวเองค่อนข้างจะเรียบร้อย ไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใคร นั่งเรียนหลังห้องเงียบๆ คนเดียว ที่แปลกก็คือ อ้อมเป็นดาวของคณะในตอนปีหนึ่งด้วย แต่กลับทำตัวเงียบสงบมาก คบเพื่อนน้อย ผิดกับตำแหน่งที่ได้รับ

         และเมื่อต้นข้าวเดินออกไปหา จึงเห็นว่าคนที่ไม่ได้แต่งชุดนักศึกษาที่ยืนอยู่ข้างๆ อ้อม เป็นทอม ไม่ใช่ผู้ชายอย่างที่ต้นข้าวนึกทีแรก

         "อ้อมกับจุ๊บแฟนอ้อม" อ้อมพยักหน้าไปทางทอมที่ยืนข้างๆ "จะชวนต้นข้าวไปเที่ยวปาร์ตี้วันเกิดของอ้อมจ้ะ จะขอบคุณต้นข้าวด้วยที่เคยช่วยแต่งตัวให้อ้อมเมื่อตอนประกวด เพราะเราไม่ค่อยคุยกันหลังจากนั้นเลย"

         --แม่จ้าว ประกวดตั้งเกือบจะปีนึงมาแล้ว-- ต้นข้าวนึกขำในใจ ความที่ไม่ค่อยคุยกันนาน ขนาดเรียนห้องรวมคณะเดียวกันแท้ๆ


--------------------------------


         ครั้งนั้น ต้นข้าวยังอยู่ปีหนึ่ง ซึ่งเป็นธรรมดาที่นักศึกษาใหม่จะได้รู้จักเพื่อนร่วมคณะ ซึ่งก็อาจจะได้ทำกิจกรรมร่วมกัน แล้วคบหาเป็นเพื่อนสนิทในวันข้างหน้ากันต่อไปได้ แต่สำหรับอ้อม ทีแรกต้นข้าวคิดว่าจะสนิทด้วย ได้ทำกิจกรรมร่วมกันหลายอย่าง จนค่อยๆ เรียนรู้กันมากขึ้น

         ตอนอ้อมถูกเพื่อนๆ คัดเลือกให้ขึ้นประกวดดาวคณะในปี ๑ ตอนนั้นต้นข้าวยังพึ่งเริ่มคบเป็นเพื่อนกับอ้อมใหม่ๆ อ้อมพาต้นข้าวตระเวนไปตามร้านตัดเสื้อชื่อดังในกรุงเทพหลายที่ เพื่อตัดชุดนักศึกษามาขึ้นเวทีประกวด ทั้งๆ ที่ตัดออกมาก็ไม่ได้ต่างกับชุดนักศึกษาที่ขายสำเร็จรูปเลย

         เมื่อได้เป็นดาวคณะ ต้องเป็นตัวแทนขึ้นประกวดดาวของมหาวิทยาลัยต่อ และเพื่อนๆ ในคณะก็เห็นแล้วว่าต้นข้าว เป็นคนที่แต่งตัวเก่ง ติดตามเรื่องแฟชั่น และสนใจในกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแสดงบนเวที จึงมอบหมายให้ต้นข้าวเหมือนเป็นพี่เลี้ยง "ดาวและเดือน" ของคณะนิเทศฯ ให้เข้าไปจัดการในทุกเรื่องของขั้นตอนประกวดระดับมหาวิทยาลัย

         ช่วงประกวดดาว-เดือนมหา'ลัย ต้นข้าวจัดหาเสื้อผ้าของเดือนได้ไม่ยาก เดือนคณะนิเทศฯ ปีนั้นชื่ออาร์ม หล่อเข้ม สูง รูปร่างดี ต้นข้าวทำจดหมายในนามคณะนิเทศฯ ขอสปอนเซอร์ยืมชุดสูทจากร้าน POLICE ที่สยามเซ็นเตอร์ ซึ่งก็ได้สมดังใจ แต่แอบทะเลาะกับจิวเล็กน้อย ที่จิวหมั่นไส้ว่าต้นข้าวดิ้นรนหาเสื้อผ้าให้เดือนคณะที่หน้าตาหล่อจนออกนอกหน้ามากไปหรือเปล่า กว่าต้นข้าวจะง้อจิวกลับคืนมาได้ ก็งอนกันไปหลายวัน

         แต่สำหรับอ้อมซึ่งเป็นดาว ต้นข้าวแทบไม่ได้มีส่วนตัดสินใจเรื่องเสื้อผ้าเลย เพราะอ้อมเป็นคนพาต้นข้าวไปเป็นเพื่อนเฉยๆ และต้นข้าวต้องตื่นตะลึง ที่เห็นอ้อมซื้อชุดราตรีกระโปรงทรงบอลลูนสั้นสำหรับใส่ประกวดจากห้องเสื้อ "ดวงใจบีส" ที่ตึกชาญอิสสระ ในราคาชุดเดียว -หนึ่งหมื่นแปดพันบาท- ซึ่งใน พ.ศ. ๒๕๓๑ ที่ราคาทองคำบาทละสี่พัน นั่นถือว่าแพงมหาศาล แต่อ้อมดึงมันออกมาจากไม้แขวนบนราวในร้านและจ่ายเงินสดซื้อง่ายๆ พร้อมกับพาไปเช่าเครื่องประดับที่ห้องเสื้อ "กาลวิน" อีกสี่พันบาท และวันงานประกวดอ้อมเกือบมาขึ้นเวทีไม่ทัน เพราะอ้อมมัวแต่ไปเสียเวลาแต่งหน้าทำผมที่สถาบันเสริมสวยเกตุวดี-แกนดินี่! ไฮโซสุด...

         ผลสรุปของการประกวด คณะนิเทศฯ ไม่ได้ตำแหน่ง คนที่ได้เดือนและดาวประจำมหาวิทยาลัยในปีนั้น มาจากคณะบริหารธุรกิจทั้งคู่ และต่อมากลายเป็นนายแบบ และดาราชื่อดัง

         ถึงแม้ว่าคณะของต้นข้าวจะไม่ได้รางวัลในระดับมหา'ลัย แต่ต้นข้าวก็จัดการเรื่องประกวดครั้งนั้นได้อย่างสมบูรณ์ ประสานงานกับคณะอื่นๆ ในการประกวดได้เป็นอย่างดี เป็นที่ชื่นชอบของบรรดาผู้เข้าประกวดและรุ่นพี่ที่เป็นผู้จัดงาน ทุกคนเห็นแววการเป็นนักกิจกรรมบนเวทีของต้นข้าว จนถึงกับออกปากชวนต้นข้าวให้มาสืบทอดร่วมเป็นผู้จัดงานในปีต่อไป

         เมื่อต้นข้าวเอาความดีใจนี้ไปเล่าให้จิวฟัง ก็ถูกจิวแขวะในความมั่นหน้าเห่อผลงานว่า ทำไมไม่ขึ้นประกวดเดือนเองซะด้วยเลยล่ะ ขึ้นประกวดเดือนเองและเป็นผู้จัดประกวดเอง จะได้รับรางวัลเองด้วยไง --ผลสุดท้ายมีการทุบถองแผ่นหลังกันอีกสองสามปึ่กใหญ่ๆ แล้วจบลงด้วยการนอนกอดกันกลมดิกเหมือนทุกที...

         หลังจากการประกวดครั้งนั้น ต้นข้าวกับอ้อมก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันอยู่ แต่ไม่ได้สนิทกันมากอย่างที่คิด  เพราะความแตกต่างของการใช้ชีวิตมันคนละเรื่องโดยสิ้นเชิง


--------------------------------


         "วันเกิดอ้อมเหรอ จะไปจัดปาร์ตี้ที่ไหนอะ" ต้นข้าวทวนคำอีกครั้ง และเลยไปมองทอมข้างๆ ที่กำลังกางร่มผ้าลูกไม้สีขาว ยกขึ้นมากันแดดให้อ้อมในขณะที่ยืนคุยกันอยู่

         "จุ๊บเค้าอยากไปเที่ยว The Palace วิภาวดี อยากรอดูแข่งรถซิ่งหน้าถนนวิภาฯ ตอนเลิกด้วย เราเลยจะชวนต้นข้าวไปด้วยกันจ้ะ  จุ๊บจะไปเปิดโต๊ะวีไอพี  มีแชมเปญและเป่าเค้กด้วยนะ งานจะมีอีกสองอาทิตย์ข้างหน้าโน่น" อ้อมสาธยาย

         "จริงๆ เราตั้งใจจะไปเที่ยวดิสโก้เธคบับเบิ้ล ที่โรงแรมดุสิตธานี หรือไม่ก็โรมคลับ ที่สีลมซอย ๔  แต่เรากลัวว่าเพื่อนๆ จะเข้าไม่ได้เพราะดูหน้าตาเป็นเด็กๆ แล้วมันต้องแต่งตัวดีมากๆ ด้วย" จุ๊บเก๊กเสียงหล่อเสริมขึ้นมา

         อ้อมหันไปยิ้มให้จุ๊บ ที่กำลังเอียงร่มให้ได้มุมเพื่อบังแดด เงาแดดที่ลอดทะลุลายลูกไม้จากร่มลงมาเป็นแสงจุดๆ พราวกระจายอยู่บนทรงผมตีโป่งของอ้อม

         "เดอะพาเลซ ดิสโก้เธคน่ะเหรอ เรายังไม่เคยไปเลย เราไม่เคยเที่ยวกลางคืน" ต้นข้าวบอกอ้อมไปตามตรง และคิดในใจว่าจิวก็ไม่ชอบเที่ยวกลางคืนเหมือนกัน

         "ลองไปดูเนอะ สนุกดีจ้ะ อ้อมก็ไม่ค่อยไปบ่อยหรอก แต่จุ๊บไปบ่อย ตกลงตามนี้นะจ้ะ" อ้อมพูดยิ้มๆ แล้วยกมือขึ้นโบก

         "อ้อมไปก่อนนะ แล้วเจอกันนะจ้ะต้นข้าว อ้อ...เกือบลืม อย่าลืมชวนจิวไปด้วยนะจ้ะ จิวสบายดีนะ พักนี้ไม่ค่อยเห็นมาหา"

         "ช่วงนี้จิวมีทำรายงานที่มหา'ลัยโน่น เดี๋ยวเราชวนจิวให้นะอ้อม"

         ต้นข้าวนึกดีใจที่อ้อมซึ่งเป็นคุณนาย เอ๊ย...ผิดๆ เป็นคนนิ่งๆ ไม่ยุ่งกับใคร แต่ยังอุตส่าห์จำจิวได้แม้ว่าไม่ได้เรียนที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน

         "จ้า อ้อมไปก่อนนะจ้ะ"

         อ้อมยิ้มให้ต้นข้าว แล้วเดินนวยนาดช้าๆ ตรงไปทางลานจอดรถพร้อมกับทอมสุดหล่อที่กางร่มลูกไม้บังแดดให้เดินตามไปติดๆ

         ...................

         "เดินย่างเยื้องเป็นนางหงส์เหมราชเลย มีข้าทาสคอยกางฉัตรบังเงาให้อีก แม่คุณเอ๋ย... อ้อมมาหามึงทำไมวะต้นข้าว" พริกถามหลังจากต้นข้าวเดินกลับมาในซุ้มแล้ว ปากพริกกำลังแทะข้าวโพดปิ้งอยู่

         ต้นข้าวทรุดตัวลงนั่ง ปาดเหงื่อที่ยืนตากแดดคุยอยู่กลางแจ้งซะนาน "มาชวนกูไปเที่ยวปาร์ตี้วันเกิดอ้อมที่เดอะพาเลซว่ะ"

         "อ้อมเนี่ยนะจะไปเที่ยวเดอะพาเลซ กูนึกภาพไม่ออกเลยว่าคุณนายขนาดนั้น เข้าเธคแล้วมันจะสนุกยังไง" พริกรำพึงขึ้นมา

         "ไม่สนุกหรอกไปกับคุณนายแบบนั้น ไปด้วยกันดีกว่าไหมต้นข้าว ชวนจิวไปด้วย นี่แจ๊สจะกลับมาจากอังกฤษตอนซัมเมอร์นี้แล้ว จะได้ไปเที่ยวด้วยกัน สนุกกว่านะ" เอกเสริมขึ้นมา

         "ก็น่าจะดีนะ" สมพลเห็นด้วย  "ไม่งั้นเอางี้ เราก็ไปวันเดียวกับอ้อมนั่นแหล่ะ ให้ต้นข้าวมันไปพร้อมอ้อม จะได้ไม่เสียเพื่อนที่อุตส่าห์ชวน แต่พวกเราก็ไปอีกโต๊ะนึง ต้นข้าวได้เดินมาหาเราได้ จะได้ปีนขึ้นไปเต้นบนลำโพงด้วยกัน สนุกกว่าน่า" สมพลเสนออีกไอเดียหนึ่ง

         "ดีเหมือนกันนะมึง ต้นข้าว ไปด้วยกันมาด้วยกันเพื่อนไม่เคยทิ้งกัน" พริกสนับสนุนอีกหนึ่งเสียง

         "กูจะเป็นตัวตั้งตัวตีพามึงไปเอง จะให้เลี้ยงดริ้งค์ด้วยก็ได้ แต่มีข้อแม้เล็กน้อยว่ะ เอาไหม" สมพลยื่นข้อเสนอให้ต้นข้าว

         "ข้อแม้อะไรวะ" พริกรีบถามแทนต้นข้าว ตอนนี้พริกหยุดแทะข้าวโพดแล้ว กำลังหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ

         "เออ อะไรของมึงวะ" เอกถามต่ออีกคน

         "ง่ายๆ เลยนะ ต้นข้าว มึงต้องหัดสูบบุหรี่ให้เป็นภายในอาทิตย์นี้ แล้วกูจะพามึงไปเปิดหูเปิดตา แถมเลี้ยงดริ้งค์มึงด้วยที่เดอะพาเลซ" สมพลโพล่งออกมา

         "................"

         ความเงียบปกคลุมซุ้มนั้นขึ้นมาชั่วคราว ไม่มีใครพูดอะไร สมพลมองหน้าต้นข้าวเหมือนรอคำตอบ  เอกจ้องหน้าสมพลอีกที  เพื่อนอีกคนที่ไม่สูบบุหรี่ ยกแก้วน้ำขึ้นมาดูดจนไม่เหลือน้ำติดก้นแก้ว ส่วนอีกคนที่นั่งอยู่สุดโต๊ะ จู่ๆ ก็ยกหนังสือขึ้นมาอ่านซะอย่างนั้น...

         มีเสียงดัง "ฟู่!!" พร้อมกับกลิ่นฟอสฟอรัสโชยมาที่หัวโต๊ะ ทุกคนหันไปตามกลิ่นและเสียง

         พริก กำลังจุดบุหรี่ด้วยไม้ขีดไฟตราพระยานาค นางเอาสองมือป้องลม จ่อเปลวไฟจุดที่ปลายมวนบุหรี่  พอติดแล้วก็แหงนหน้าขึ้นพ่นควันบุหรี่ยาวต่อเนื่องเป็นสายขึ้นไปบนอากาศ เอานิ้วดีดก้านไม้ขีดหวือผ่านหน้าต้นข้าวไป พร้อมกับเอ่ยลอยๆ เป็นโคลงโลกนิติว่า...

         "ปลาร้าพันห่อด้วย    ใบคา
         ใบก็เหม็นคาวปลา     คละคลุ้ง
         คือคนหมู่ไปหา         คบเพื่อน พาลนา
         ได้แต่รายร้ายฟุ้ง       เฟื่องให้เสียพงศ์"

         "ตั้งกะกูคบมึงมาเนี่ย มีวันนี้แหล่ะที่มึงพูดคำคมได้ดีที่สุด ถูกเวลาที่สุด และไม่น่ารำคาญที่สุด อีงู" เอกหันไปบอกพริกยิ้มๆ แล้วพูดกับสมพลต่อ

         "ไหน มึงลองบอกเหตุผลซิ ไอ้สมพล ทำไมมึงถึงจะให้ต้นข้าวหัดสูบบุหรี่ มันเป็นคนดีอย่างนี้ก็ดีแล้วนะโว้ย ไหนจะไอ้จิวอีก มันรู้เรื่องนี้ มันเอามึงตายแน่"

         "ไม่มีอะไร" สมพลหัวเราะหึหึ "กูลองใจมันเล่นขำๆ เผื่อมันอยากโตขึ้นมาอีกขั้นเว้ย เวลาไปเที่ยวเธคหรูๆ แต่งตัวดีๆ กินเหล้า สูบบุหรี่ มีรถแต่งสวยๆ เท่ฉิบ ใครก็มอง สูบบุหรี่แค่นี้เป็นไรว้า พวกมึงนี่ โตแล้วนะมึง"

         "กวนนะมึงไอ้สมพล ชวนบ้าๆ บอๆ เรื่องดีๆ มีไม่ชวน ต้นข้าวไม่ต้องไปฟังมันนะ" พริกหันไปบอกต้นข้าว

         ต้นข้าวได้แต่หันไปมองคนโน้นคนนี้ ไม่ได้พูดอะไร ปล่อยให้เพื่อนสามคนนั่นพูดกระแทกกันเรื่องบุหรี่สักพักใหญ่ และหัวข้อคุยก็เปลี่ยนไปเป็นเรื่องอื่น จนกระทั่งได้เวลาขึ้นเรียน


--------------------------------


         ดึกคืนนั้นที่บ้านต้นข้าว จิวไม่ได้มาค้างด้วยเพราะมีงานที่บ้าน ต้นข้าวยืนอยู่หน้าชั้นวางของข้างล่าง บนนั้นมีกระเป๋าทำงานของพ่อ เอกสารเล็กๆ น้อยๆ รวมทั้งซองบุหรี่วินสตันและไฟแช็คซิปโป้วางอยู่

         ตาต้นข้าวมองไปที่ซองบุหรี่นั้น คำพูดจากเพื่อนเมื่อตอนบ่ายยังลอยอยู่ในหัว

         --เผื่อมันอยากโตขึ้นมาอีกขั้น--
         --เผื่อมันอยากโตขึ้นมาอีกขั้น--
         --เผื่อมันอยากโตขึ้นมาอีกขั้น--

         ต้นข้าวกำมือแน่นอยู่ข้างตัว ฝ่ายดีและฝ่ายมารกำลังตีกันในร่างกาย ข้างหนึ่งก็บอกกับตัวเองว่า อย่าลองเลย ไม่ดีหรอก และอีกข้างก็กระซิบแว่วมาว่าไม่อยากโตขึ้นอีกขั้นเหรอ เก่งแล้ว ทำงานหลายชิ้นสำเร็จ คนชมหลายเรื่อง โตพอล่ะ

         มือที่กำแน่นเริ่มคลายออก ต้นข้าวตัดสินใจแล้ว...


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-03-2017 03:16:40 โดย กำปงพิราเทวี »

ออฟไลน์ anandawan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 363
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
ถ้าทำจริง จะจับตีให้ก้นลาย

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
เมื่อก่อนก็คิดกันอย่างนั้น
ตอนนี้ควรรู้ว่ามันโง่นะ

 :L2: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด