MBK❤lover
ตอนที่ ๒๘ : วันที่รัก เดือนที่รอ พ.ศ.ที่คิดถึง ก่อนจะจบปีสอง ต้นข้าวมีกิจกรรมพิเศษในมหาวิทยาลัยเพิ่มอีกหลายอย่าง ทั้งงานส่งอาจารย์ ทั้งงานของชมรมการแสดง ชมรมถ่ายภาพ ต้องหัวหมุนวิ่งไปนู่นไปนี่ นอนดึก ตื่นแต่เช้ามากๆ มาหลายอาทิตย์ ไม่ค่อยได้เจอตัวกับจิวเท่าไร นอกจากโทรศัพท์ไปคุยด้วยตอนดึกๆ ในบางวัน
บ่ายวันหนึ่ง หลังจากลงมาจากคาบเรียนวิชาการถ่ายภาพเพื่อการประชาสัมพันธ์ อาจารย์ได้สั่งงานสุดท้ายก่อนจบ ให้ส่งผลงานเดี่ยวของแต่ละคนเป็นภาพถ่ายสถานที่ท่องเที่ยวในหัวข้อว่า "โปสการ์ด"
"ดีเหมือนกัน ไปถ่ายรูปด้วย หาเรื่องไปเที่ยวกันด้วยเนอะ" เอกเปรยขึ้นกับเพื่อนๆ ขณะที่นั่งเล่นกันอยู่ในซุ้มประจำด้านหลังอาคารเรียน
"ใครจะไปไหนกันบ้างวะ จะได้ไม่ซ้ำกัน กูไปถ่ายรูปที่สวนสน" สมพลหันไปมองรอบๆ โต๊ะ
"เราจะไปถ่ายที่ตลาดน้ำดำเนินสะดวกอะ แจ๊สอยากไปเที่ยวด้วย" เอกบอกของตัวเองบ้าง
"แจ๊สยังไม่กลับไปเรียนอังกฤษอีกเหรอ" พริกหันไปถาม
"ยังเลยอะ เห็นว่าอยู่ยาวทั้งเทอมเลย ไม่รู้มัน" แล้วเอกถามพริกต่อ "แล้วมึงล่ะ อีงู ไปไหน"
พริกยักไหล่สองข้าง "พอดีจะต้องกลับไปเยี่ยมย่าที่โคราชว่ะ เลยว่าจะไปถ่ายโปสการ์ดที่พิมาย ไม่ก็ไปแถวไทรงาม โคราชบ้านเอง"
"เออดีว่ะ ไม่เหมือนใครดี" เอกบอก แล้วหันไปทางต้นข้าวบ้าง
"แล้วต้นข้าวล่ะ ไปถ่ายที่ไหน ชวนจิวไปด้วยป่ะ"
"ยังไม่รู้เลย ไม่มีโปรแกรมว่าจะไปเที่ยวไหนช่วงนี้อะ เดี๋ยวลองถามๆ จิวดูก่อน เผื่อมีไอเดียว่าจะไปไหน"
.....................
"เฮ้ย ใครมาหาใครวะ ยืนลับๆ ล่อๆ หน้าซุ้มนั่น" สมพลถามเพื่อน
ต้นข้าวหันไปมองนอกซุ้ม นั่นประไร!! พี่เป้อร์!
ตลอดเดือนกว่าที่ผ่านมาหลังจากที่ไปเที่ยวเดอะพาเลซกันในคืนนั้น ต้นข้าวรู้ว่าพี่เป้อร์ยังไม่หยุดความพยายามในเรื่องการเข้าหาต้นข้าว มีทั้งเข้ามาทางคุณนายอ้อม เจ้าของวันเกิดคืนนั้น หรือทางเพื่อนคนอื่นๆ แต่ต้นข้าวก็หาทางหลีกเลี่ยงไปได้ทุกครั้ง หนุ่มน้อยไม่อยากจะเผชิญหน้า บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเพราะอะไร แต่วันนี้พี่เป้อร์ไปกินดีหมีใจเสือที่ไหนมา ถึงกล้ามาหาต้นข้าวถึงที่ซุ้มนี้ได้ด้วยตัวเองเลย
ในเมื่อมาหาถึงที่ และพี่เป้อร์เองก็ไม่รู้จักใครคนอื่นในซุ้มนี้ ต้นข้าวก็รู้สึกสงสารถ้าจะปล่อยให้พี่เป้อร์มายืนเก้ๆ กังๆ อยู่แบบนี้คนเดียว จริงๆ ต้นข้าวก็พึ่งมารู้ตัวว่าโตขึ้นมา กลับเป็นคนขี้สงสารคนอื่นมากขึ้น หนุ่มน้อยใจอ่อนจึงลุกเดินออกจากซุ้มไปหา
"มาหาใครครับพี่เป้อร์" ต้นข้าวแกล้งถามไปงั้น ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจ
พี่เป้อร์ยิ้มอย่างที่คิดว่าหล่อสุดแล้วใส่ต้นข้าว --ซึ่งจริงๆ ก็ดูดีอยู่แหล่ะ-- ต้นข้าวคิด เพียงแต่ในคืนนั้นพี่เป้อร์ออกจะโจ่งแจ้งรวบรัดมากไปหน่อย
"พี่มาหาน้องต้นข้าวแหล่ะครับ"
"เอ่อ...พี่เป้อร์มีธุระอะไรให้ผมช่วยหรือครับ"
พี่เป้อร์คว้ามือข้างหนึ่งของต้นข้าวไปกุมไว้ "เปล่าๆ ไม่มีอะไร พี่คิดถึงเฉยๆ"
หนุ่มน้อยยืนทำหน้าไม่ถูกเมื่อได้ยินคำนั้น จะว่าดีใจก็ไม่เชิง จะว่าอยากหลีกลี้หนีไปไกลก็ไม่ใช่
เป็นธรรมดาของคนเรา มีคนมารัก มีคนมาคิดถึง ก็ย่อมดีกว่ามีคนมาเกลียดอยู่แล้ว แถมคนที่มายืนบอกคิดถึงนี่ก็หน้าตาดีอยู่ไม่หยอก ออกแนวตี๋ๆ อย่างที่ต้นข้าวคุ้นชินมานานแสนนานแล้วด้วย
"พี่เห็นไอ้นี่มันน่ากิน เลยซื้อมาฝากน้องต้นข้าวด้วยครับ" พี่เป้อร์ส่งถุงขนม เป็นถุงกระดาษสีขาวเล็กๆ ใส่มือต้นข้าว
ไอ้นี่ ที่พี่เป้อร์ว่า มันคือขนมไข่นกกระทา สีเหลืองนวลลูกเล็กๆ กลมบ๊อก ดูน่ากิน แต่มันก็ไม่ใช่ของโปรดของต้นข้าวซะหน่อย ดีนะที่ยั้งปากทัน เกือบหลุดปากไปแล้วว่าจริงๆ ต้นข้าวชอบลูกชิ้นชุบแป้งทอดมากกว่า แต่อย่าเลย เดี๋ยวยาว
"ขอบคุณมากครับพี่เป้อร์" ต้นข้าวยิ้มแห้งๆ ให้ "เกรงใจพี่ครับ วันหลังไม่..."
หนุ่มน้อยผู้ได้รับของฝากยังพูดไม่จบ พี่เป้อร์ก็กุมมือต้นข้าวรวบไปทั้งมือและถุงขนมนั่น "ไม่เป็นไรครับน้องต้นข้าว พี่อยากซื้อมาให้จริงๆ" พี่เป้อร์ทำหน้าแบบจริงจังประกอบ ส่วนต้นข้าวเลยต้องก้มตาลงมองต่ำ
"แล้วนี่กำลังคุยกับเพื่อนๆ อยู่หรือครับ พี่เห็นอ้อมเล่าให้ฟังว่าอาจารย์โฟโต้ สั่งงานให้ไปถ่ายรูปท่องเที่ยวกันหรือครับ แล้วต้นข้าวจะไปถ่ายที่ไหน ให้พี่พาไปไหมครับ"
ต้นข้าวได้ยินเลยยิ่งไปต่อไม่ถูก ทำไมพี่เป้อร์นี่รู้เรื่องราวอะไรเร็วจัง แล้วจะยังไงเนี่ย
"พี่แนะนำน้องต้นข้าวให้ไหมครับ บ้านพี่เป็นคนบางไทร เลยอยากพาน้องต้นข้าวไปถ่ายรูปที่อยุธยา ไปที่บางปะอินก็ได้ สวยมากนะครับ มีมุมถ่ายรูปสวยๆ เยอะมาก และไปไม่ไกลจากมหา'ลัยเราด้วย" พี่เป้อร์เห็นต้นข้าวนิ่งไป เลยแนะนำให้เสร็จสรรพ
"ขอบคุณนะครับพี่เป้อร์ ที่แนะนำให้ งั้นเดี๋ยวผมจะไปปรึกษากับ แฟ...เอ่อ...เพื่อนก่อนนะครับ" ต้นข้าวเกือบหลุดปากไป ก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงเปลี่ยนสถานะของจิวไปเป็นคำว่าเพื่อน
"ได้ครับน้องต้นข้าว แล้วยังไงบอกพี่แล้วกัน นี่หมายเลขแพคลิ้งค์พี่" พี่เป้อร์ยัดกระดาษเล็กๆ ใส่มือต้นข้าว "เรียกมาแล้วกันแล้วพี่จะโทรกลับ พี่ไปก่อนนะครับ กลับบ้านดีๆ นะคนเก่ง"
"เอ่อ..." เสียงต้นข้าวดังไม่เกินกระซิบ เมื่อคนพูดจบก็ส่งยิ้มให้ทีหนึ่ง แล้วเดินก้าวยาวๆ จากไปทันที
--จะตั้งตัวทันไหมนี่ตรู-- ต้นข้าวยืนเกาหัวแกรกๆ ยกกระดาษเล็กๆ ขึ้นมาดู มันเขียนด้วยหมึกซึมไว้
"พี่เป้อร์ แพคลิ้งค์ : 573 424"
เป็นชื่อและเบอร์ประจำเครื่องวิทยุติดตามตัวของบริษัทแพคลิ้งค์ ซึ่งเป็นของใหม่ที่เริ่มเข้ามาใช้ในเมืองไทย และมีคนที่ต้นข้าวรู้จัก เริ่มใช้มันหลายคนแล้ว สองสามวันก่อนคุณนายอ้อมก็พึ่งเอาเครื่องแพคลิ้งค์มาอวด
ต้นข้าวยัดกระดาษนั่นเก็บใส่กระเป๋ากางเกง เปิดถุงหยิบขนมไข่นกกระทาลูกหนึ่งขึ้นมามองอย่างไร้ความหมาย แล้วโยนใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆ พร้อมกับเกินกลับมาในซุ้ม วางถุงขนมไปกลางโต๊ะ
"อะไรวะ มีส่งส่วย ส่งขนมนมเนยกันด้วย" พริกเปรยออกมา มือก็ล้วงไปหยิบขนมมาใส่ปากทันทีเหมือนกัน
"พี่เค้าเป็นใคร มีอะไรเหรอต้นข้าว" เอกถาม พร้อมจ้องหน้าต้นข้าว เพราะรู้สึกว่าเรื่องนี้มีอะไรแปลกๆ ล่ะ
"ไม่มีอะไร อยู่ดีๆ ก็ซื้อขนมมาฝาก" ต้นข้าวตอบ เสียงไม่ได้ส่ออารมณ์ใดๆ
"เออ แปลกคนเนาะ" เอกรำพึง พร้อมหันหน้ามองตามไปทางที่พี่เป้อร์เดินไปเมื่อกี้ ทำหน้าครุ่นคิด
...................
หัวค่ำคืนนั้น หลังอาหารเย็น ต้นข้าวกับจิวนั่งคุยกันที่โต๊ะหินอ่อนข้างบ้านแจ้งวัฒนะ
"จิว ที่มหา'ลัยอาจารย์ให้ส่งงานถ่ายรูปโปสการ์ดอะ ไปถ่ายที่ไหนดี ช่วงนี้อยากไปเที่ยวที่ไหนหรือเปล่า"
จิวหันมามองต้นข้าว "ไม่รู้สิ ไม่มีโปรแกรมไปเที่ยวที่ไหนเลย จะถ่ายรูปแบบไหนอะ เป็นสถานที่เที่ยวเหรอ"
"ใช่ ที่เที่ยวอะไรก็ได้ ถ่ายเพื่ออัดรูปออกมาทำเป็นโปสการ์ดส่งอาจารย์น่ะ" ต้นข้าวอธิบาย
จิวแกะถั่วลิสงต้มบนจานข้างหน้าแกะใส่ปาก "เท่าที่นึกออก ไปนครปฐมดีไหม เพราะช่วงนี้จิวต้องไปนครชัยศรีบ่อยๆ ไปดูเครื่องฉีดพื้นรองเท้าแตะ ป๊าจะซื้อเครื่องใหม่มาลงที่โรงงาน แล้วเลยไปถ่ายรูปพระปฐมเจดีย์ก็ได้"
ต้นข้าวเหมือนจู่ๆ คิดอะไรออกขึ้นมา จึงบอกจิวว่า "หรือไปบางปะอินกันดีไหม มันใกล้มหา'ลัยดีนะ เห็นเค้าบอกว่าสวยด้วย และเราก็ยังไม่เคยไปกันนี่"
จิวกำลังง่วนอยู่กับถั่วเม็ดหนึ่งที่แกะยาก พอแกะแล้วจึงพบว่าเม็ดถั่วข้างในมันขึ้นรา จิวเงยหน้าขึ้นจากเปลือกถั่วในมือ มองหน้าต้นข้าวอีกครั้ง
"อ้าว มีคำตอบอยู่แล้ว จะมาถามทำไมล่ะว่าอยากไปไหน ก็ไปตามที่คนเขาบอกว่าดีสิ"
"จะมาเสียงแข็งทำไมล่ะ" ต้นข้าวคิดว่าตัวเองคงพูดอะไรพลาดไปแล้ว "ก็อยากไปด้วยกันไง ที่ไหนก็ได้แต่อยากไปด้วยกัน"
"ก็ตามใจเถอะ งานของต้นข้าวนี่" จิวโยนถั่วเม็ดนั้นลงบนจาน แล้วลุกขึ้นยืน "ไปอาบน้ำก่อนนะ ง่วงแล้ว"
ต้นข้าวมองตามคนงอน ที่พรวดพราดลุกขึ้นเดินไปซะเฉยๆ อย่างงั้น --นี่ตรูพูดผิดหูขนาดนั้นเลยหรือ--
หนุ่มน้อยลุกขึ้นแล้วเดินตามคนหงุดหงิดเข้าไปในบ้าน ทิ้งจานของกินเล่นวางไว้บนโต๊ะแบบนั้น ถั่วเม็ดที่จิวโยนลงไป ยังกลิ้งกระดุกกระดิกข้างจาน
ถั่วลิสงที่เปลือกนอกมีรูแตกเล็กนิดเดียว มองแทบไม่เห็น แต่ก่อให้เกิดเชื้อรากัดกินด้านในได้...
..................
กลางดึกคืนนั้น ต้นข้าวนอนตะแคงข้าง จิวนอนตะแคงกอดต้นข้าวจากด้านหลังอีกที
"โอยยย..." ต้นข้าวครางเบาๆ
"ร้องทำไม" จิวถามเสียงกระเส่าไม่แพ้กัน
"เปล่า...ตกลงไปบางปะอินด้วยกันนะจิว อยากไปด้วยกัน อูยยย~..."
อีกฝ่ายขยับตัวเบาๆ อยู่ด้านหลัง เงียบไปชั่วครู่
"อืม ก็ได้ อยากไปไหนก็ไป ตามใจเถอะ"
รอยยิ้มของคนตะแคงด้านหน้าก็ผุดขึ้นที่มุมปาก
"อย่าพึ่งดึงออก คาเอาไว้แบบนี้นานๆ นะ ชอบ..."
"อืมมมม~" เสียงกระซิบตอบมาเบาๆ และดูเหมือนกำลังหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข
--------------------------------
หลายวันต่อมา เช้าวันนั้นเป็นวันที่อากาศสดใส ท้องฟ้ากระจ่าง มีเมฆลอยเป็นกลุ่มสวย เหมาะกับการถ่ายรูป ต้นข้าวกับจิวขับรถกันมาถึงพระราชวังบางปะอิน พระนครศรีอยุธยา แต่เมื่อจอดรถแล้ว เห็นวัดนิเวศธรรมประวัติ ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะกลางน้ำด้านหน้าทางเข้าพระราชวังสวยแปลกดี จึงพากันนั่งกระเช้าข้ามแม่น้ำไปเที่ยวกันก่อน
วัดนิเวศธรรมประวัติ ตั้งอยู่บนเกาะกลางแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นวัดเดียวในเมืองไทยที่การตกแต่งทั้งวัดเป็นศิลปะแบบยุโรป (โกธิค) ตัวพระอุโบสถมีลักษณะเหมือนโบสถ์ฝรั่งในศาสนาคริสต์ รวมทั้งหมู่กุฏิพระต่างๆ ก็เป็นแบบฝรั่งทั้งหมดเช่นเดียวกัน ต้นข้าวกับจิวสลับกันยืนถ่ายรูปหน้านาฬิกาแดดที่หล่อจากโลหะขนาดใหญ่หลังโบสถ์ด้วยความสนุกสนาน
เมื่อเดินเล่นรอบวัดแล้ว สองหนุ่มก็นั่งกระเช้าข้ามแม่น้ำกลับมาที่ฝั่งหน้าพระราชวัง ก็ได้เจอกับคนที่ไม่คาดคิดตรงนั้นเอง
"น้องต้นข้าว" เสียงพี่เป้อร์ตะโกนเรียกจากร้านขายเครื่องดื่มใกล้ๆ และเจ้าตัวกำลังเริ่มเดินเข้ามาหา
--ตายห่า-- ไม่ต้องสืบเลยว่าพี่เป้อร์รู้ได้ยังไงว่าต้นข้าวจะมาวันนี้ ต้องมาจากคุณนายอ้อมแน่ๆ ที่ไปบอก เพราะอ้อมถามต้นข้าวก่อนมานี่สักสองวันว่าต้นข้าวตกลงจะไปถ่ายรูปที่ไหนและเมื่อไร
"พี่เป้อร์ สวัสดีครับ" ต้นข้าวยกมือไหว้พี่เป้อร์ พร้อมๆ กับที่จิวก็ยกมือไหว้เหมือนกันเพราะจิวคุ้นหน้ามาบ้างแล้วจากการเจอและคุยกันประโยคเดียวที่เดอะพาเลซตอนไปถามหาต้นข้าวที่ไปเข้าห้องน้ำนาน
"ตกลงน้องต้นข้าวมาถ่ายรูปที่นี่จริงๆ" พี่เป้อร์พูดยิ้มๆ แล้วเลยมองไปทางจิว "นี่เพื่อนน้องเหรอครับ"
ต้นข้าวหันไปมองจิว ซึ่งยืนจับต้นชนปลายไม่ถูกอยู่ แล้วตอบพี่เป้อร์เสียงแผ่วลง "ครับ เพื่อนสนิทต้นข้าว"
"ใช่ครับ เราเป็นเพื่อนสนิทกัน" จิวเสริมขึ้นมา คำท้ายๆ ออกเสียงเน้นเป็นพิเศษ แต่ใบหน้าไม่ได้บอกอารมณ์ใดๆ
คราวนี้เป็นต้นข้าวเองที่เริ่มทำตัวไม่ถูกแล้ว นึกไปนึกมาก็ยัง งงตัวเองอยู่ว่าทำไมไม่แนะนำจิวไปเลยว่าเป็นแฟน เรื่องมันจะได้จบๆ หรือจะเป็นต้นข้าวเองนะที่จะซื้อเวลาในเรื่องนี้
"พี่เป้อร์ก็มาเที่ยวเหมือนกันหรือครับ"
"เปล่า พี่มาเยี่ยมแม่ที่บางไทรน่ะ รู้ว่าต้นข้าวจะมาถ่ายรูปวันนี้ เลยจะดักรอเอาของมาให้" พี่เป้อร์พูดยิ้มๆ ตาจ้องแต่หน้าต้นข้าว แล้วส่งกระดาษให้ต้นข้าวปึกเล็กๆ ปึกหนึ่ง
ต้นข้าวยกขึ้นมาดู มันเป็นโปสการ์ดของสถานที่ต่างๆ ในพระราชวังบางปะอินจำนวน ๔ แผ่น แบบที่สำหรับขายให้นักท่องเที่ยว หนุ่มน้อยเงยขึ้นมองหน้าพี่เป้อร์ด้วยความสงสัย
"พี่ซื้อมาจากร้านขายของที่ระลึกหน้าวังนี่ไง เห็นน้องต้นข้าวจะถ่ายแนวโปสการ์ด พี่เลยซื้อเอามาให้เผื่อเป็นตัวอย่างแนวทางการถ่ายน่ะ" พี่เป้อร์พูดไปยิ้มไป
"เอ่อ ขอบคุณมากนะครับ" ต้นข้าวตะกุกตะกัก ทำตัวไม่ถูกไปก้นใหญ่ มันเริ่มเยอะเข้ามาใกล้ทุกทีละนะ
"ไม่เป็นไร วันนี้พี่เห็นน้องต้นข้าวมีเพื่อนมาเดินถ่ายรูปด้วยแล้วๆ งั้นพี่กลับก่อนนะครับ ไม่กวนล่ะ ถ่ายออกมาให้สวยๆ นะครับ"
"ครับพี่เป้อร์ สวัสดีนะครับ" ต้นข้าวยกมือไหว้พี่เป้อร์อีกที อย่างน้อยพี่เขาก็มีน้ำใจล่ะเนาะ
ต้นข้าวกับจิวเดินแยกจากมา จิวทำหน้าขรึมๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร แต่ไม่รู้ว่าด้วยความตั้งใจที่จะทำ หรือเป็นตามความเคยชิน จิวเอามือข้างหนึ่งขึ้นมาแตะโอบหลังต้นข้าวเบาๆ ขณะเดินอย่างทะนุถนอมและแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของอยู่ในที ถ้าใครก็ตามที่ยังยืนมองอยู่ด้านหลัง ควรจะต้องเข้าใจได้ว่า สิ่งล้ำค่าชิ้นนี้มีเจ้าของแล้ว
...................
"บางปะอิน" ถิ่นที่พบปะ ของพระมหากษัตริย์สมัยอยุธยาพระองค์หนึ่ง กับสาวสวยชาวบ้านที่ชื่อ "อิน" และเกิดความรักต่อกัน จนกลายมาเป็นชื่อเรียก "บาง-ปะ-อิน" และมาเป็นที่ตั้งของพระราชวังอันน่ามหัศจรรย์
มีคลองน้ำเล็กๆ ไหลคดเคี้ยวแยกมาจากแม่น้ำเจ้าพระยา มันไหลผ่านไปตลอดทั้งพื้นที่ในพระราชวังบางปะอินที่แสนงดงามแห่งนี้
ต้นข้าวกับจิวยืนอยู่กลางสะพานปูนขนาดยาวที่ทอดผ่านคลองนั้น มันมีชื่อว่า "สะพานตุ๊กตา" สองข้างขอบสะพานประดับด้วยตุ๊กตาปูนปั้นองค์เทพีที่สั่งนำเข้ามาจากยุโรปวางเรียงเป็นระยะๆ ซึ่งสะพานนี้สร้างเลียนแบบสะพานข้ามแม่น้ำไทเบอร์ ที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี น้ำในคลองกระทบแสงแดดบ่าย เต้นระยิบระยับ
ในลำน้ำนั้น มีพระที่นั่งแบบไทยแท้องค์หนึ่ง คือพระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ เป็นพระที่นั่งปราสาทโถงทรงจตุรมุขตั้งอยู่กลางน้ำ เงาสะท้อนประกายของกระจกเกรียบสีทองที่ติดประดับบนยอดหลังคาปราสาทเต้นระริกลงไปในน้ำ มันเข้ากันกับตุ๊กตาปูนปั้นแบบยุโรปบนสะพานด้านนี้อย่างไม่น่าเชื่อ
จิวลืมความขุ่นมัวในใจบางๆ ลงไป ส่วนต้นข้าวก็ได้แต่มองภาพตรงหน้าอย่างชื่นชม เริ่มขยับกล้องจะขึ้นมาถ่าย ทั้งสองมีเรื่องตรงกันในความตื่นตาตื่นใจของความงามแห่งสถาปัตยกรรมโบราณที่เห็น จนลืมเรื่องอื่นๆ ไปชั่วขณะ
ต้นข้าวฝากโปสการ์ดทั้งสี่ใบให้จิวถือไว้ ตัวเองก็ปรับแต่งเลนส์กล้องเพื่อจะถ่ายภาพพระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ตรงหน้า จิวหยิบโปสการ์ดรูปพระที่นั่งนี้ขึ้นมาดู แล้วชูไปตรงหน้าเพื่อเทียบกับองค์จริงที่เห็น
"เดี๋ยวก่อน!"
ต้นข้าวร้องออกมาจากหลังกล้อง จิวตกใจนึกว่าตัวเองชูโปสการ์ดไปบังเกะกะระยะกล้องของต้นข้าวที่กำลังถ่ายรูปอยู่ จึงรีบลดมือลง
"ไม่ใช่ ชูขึ้นมาแบบเมื่อกี้ดีแล้ว" ต้นข้าวหันไปบอกจิว พร้อมกับดึงทั้งมือทั้งตัวจิวเข้ามาใกล้ๆ จนยืนเบียดหลังกัน "ชูรูปเมื่อกี้ออกไปข้างหน้า เอามือจิวยื่นเข้ามาหน้ากล้องเลย ยืนชิดๆ สิ"
จิวแม้จะยังไม่เข้าใจอะไรในตอนนั้น แต่ก็เข้าไปยืนชิดต้นข้าวถึงขนาดแนบซ้อนหลังกัน แล้วยื่นมือโอบผ่านหลังต้นข้าว ชูโปสการ์ดใบนั้นไปที่หน้ากล้องของต้นข้าว
"รูปโปสการ์ดกับภาพของจริงมันซ้อนกันพอดีเลย" ต้นข้าวบอกมาอย่างดีใจ "สวยมากๆ จิวขยับเข้ามาอีก จับให้นิ้วสวยๆ นิ่งๆ นะ"
จิวขยับเข้าไปอีก จนลมหายใจอุ่นรดต้นคอและหลังหูต้นข้าว กลิ่นหนุ่มที่คุ้นเคย --ถ่ายไปนานๆ นะ อยากยืนแบบนี้ด้วยกันไปนานๆ-- จิวคิด
ต้นข้าวขยับซ้ายขยับขวาอีกหลายตลบ จนเหมือนจะได้ภาพที่ถูกใจแล้ว เหลือแต่ตอนไปล้างอัดรูปออกมาอีกทีว่าจะออกมาสวยดังใจคิดไว้หรือไม่
หลังจากบนสะพานนั้นแล้ว ต้นข้าวกับจิวก็พากันเดินถ่ายสถานที่สำคัญในพระราชวังนั้นต่อไปอีก โดยเฉพาะในจุดที่ตรงกับรูปในโปสการ์ดที่เหลืออีก ๓ รูป คือรูปของ "พระที่นั่งวโรภาษพิมาน” เป็นพระที่นั่งทรงตึกชั้นเดียว ศิลปะแบบคอรินเทียนออร์เดอร์ ที่ใช้เป็นท้องพระโรงในสมัยโบราณ
"หอวิทูรย์ทัศนา" ซึ่งเป็นหอสูงสำหรับดูดาว และพระที่นั่ง "เทียน เม่ง เต้ย" หรือในชื่อภาษาไทยว่า "พระที่นั่งเวหาศน์จำรูญ" เป็นพระที่นั่งแบบจีน สีแดง-ทองอร่าม งดงามมากๆ โดยใช้วิธีการถ่ายรูปซ้อนกับโปสการ์ดแบบเดียวกันทั้ง ๔ รูป ซึ่งจิวก็ร่วมมือกับต้นข้าวในการจับโปสการ์ดขึ้นมาชูผ่านหน้ากล้องได้เป็นอย่างดีและเต็มใจ เพราะบางรูปขณะยืนชิดกันถ่ายรูป จิวก็แอบหอม แอบจูบไปที่ต้นคอของต้นข้าวบ่อยๆ ซึ่งต้นข้าวก็ไม่ได้ว่าอะไร หัวเราะคิกคัก บอกจิวให้จับโปสการ์ดดีๆ แล้วหันไปตั้งใจถ่ายรูปต่อ
บนรถที่ต้นข้าวขับตอนกลับบ้าน หนุ่มน้อยสองคนหัวร่อต่อกระซิกกัน และพากันคาดเดาว่ารูปที่ถ่ายเมื่อล้างอัดออกมาแล้วจะเป็นอย่างไร สวยสมกับที่ตั้งใจไหม จิวก็แกล้งดูถูกไปต่างๆ นาๆ ว่ารูปต้องออกมาสว่างไปบ้าง มืดไปบ้าง ไม่งั้นก็มัวๆ ไม่คมชัด หรือถึงขั้นเลวร้ายคือใส่ฟิล์มไม่ตรง
"งั้นพอล้างอัดออกมาแล้วอย่าเอานะ ทีแรกว่าจะส่งเป็นโปสการ์ดไปให้ที่บ้านจิวเลย" ต้นข้าวหัวเราะหึหึ
"อ้าวได้ไง ส่งมาสิ อย่าลืมนะว่ามือในภาพน่ะมือใคร ถ้าไม่ส่งมามีหวังอดไปเลยเดือนนึง" จิวหัวเราะบ้าง
"อดอะไร ห๊ะ...อดอะไร" ต้นข้าวหันมาอมยิ้มถาม
"แล้วบอกให้แช่ไว้นานๆ โรคจิต! หึหึ อดไปเถอะ" เสียงจิวบ่นงึมงึมๆ
--------------------------------
อีกหนึ่งอาทิตย์ต่อมา จิวก็ได้รับโปสการ์ดส่งมาทางไปรษณีย์ถึงบ้านจิวพร้อมกัน ๔ ใบ เป็นรูปสถานที่สำคัญ ๔ อย่างในพระราชวังบางปะอิน เป็นภาพฝีมือการถ่ายของต้นข้าว ที่สวยสดใส คมชัด งดงาม ในทุกภาพมีมือของจิวที่ถือโปสการ์ดทาบทับตำแหน่งของสถานที่จริงในพระราชวังบางปะอินนั้นอย่างน่ามหัศจรรย์
จิวพลิกดูด้านหลัง ต้นข้าวเขียนที่อยู่ และเนื้อความในโปสการ์ดซึ่งเขียนเหมือนกันทั้ง ๔ ใบมาว่า
ไปรษณีย์จ๋ากรุณาส่ง...
สมนึก แซ่จิว
วันที่รัก, เดือนที่รอ, พ.ศ.ที่คิดถึง
ภาพบางภาพมีความหมายในตัวเอง แต่ภาพบางภาพ ความหมายอยู่ที่คนหลังกล้อง กับคนที่ยืนอยู่ข้างๆ คนถ่ายกล้อง
ยืนอยู่ด้วยกันไปนานๆ นะ
จากต้นข้าว