MBK❤lover || ตอนที่ ๔๗ : ความรักชนะทุกสิ่ง || ๑๕ || ๑๗/๑๑/๖๐
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: MBK❤lover || ตอนที่ ๔๗ : ความรักชนะทุกสิ่ง || ๑๕ || ๑๗/๑๑/๖๐  (อ่าน 139464 ครั้ง)

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ไม่มีใครบังคับใจของเราได้
นอกจากบังคับหรือตามใจตัวของเราเอง

อย่าไปคิดโทษคนอื่นเลย
ทุกสิ่งอย่างล้วนขึ้นอยู่กับตัวเรา

คิดจะทำหรือไม่ทำ

ตอนหน้ารู้กัน
ต้นข้าวจะติดหรือไม่ติด
แล้วจิวล่ะ..จะว่ายังไง

ยังหนุกเหมือนเดิม

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
  จะไปเที่ยวเทคครั้งแรกแล้วต้นข้าว พ่อแม่จะให้ไปมั้ย แล้วจะมีแผนร้ายอะไรมั่ย
  รอ รออ่านตอนต่อไปคับ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อ่านแล้วขำก๊ากกก เลย
ที่ต้นข้าว ถูกจิวแขวะในความมั่นหน้าเห่อผลงาน
ผลสุดท้ายมีการทุบถองแผ่นหลังกันอีกสองสามปึ่กใหญ่ๆ
แล้วจบลงด้วยการนอนกอดกันกลมดิกเหมือนทุกที... :ling1: :ling1: :ling1:
สมัยก่อน คนสูบบุหรี่เป็น ถือว่าโตแล้ว /คนอ่านรู้ดี
แต่ต้นข้าวเอาโรคเข้าตัวนะ ตายไวเลยแหละ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Missmu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ กำปงพิราเทวี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-0
ถ้าทำจริง จะจับตีให้ก้นลาย

= สงสัยต้นข้าวจะก้นลายก็งานนี้ล่ะฮะ 555+


เมื่อก่อนก็คิดกันอย่างนั้น
ตอนนี้ควรรู้ว่ามันโง่นะ

 :L2: :pig4:

= ใช่แล้วฮะ ช่วยกันลุ้นให้ต้นข้าวคิดได้เนาะ


ไม่มีใครบังคับใจของเราได้
นอกจากบังคับหรือตามใจตัวของเราเอง

อย่าไปคิดโทษคนอื่นเลย
ทุกสิ่งอย่างล้วนขึ้นอยู่กับตัวเรา

คิดจะทำหรือไม่ทำ

ตอนหน้ารู้กัน
ต้นข้าวจะติดหรือไม่ติด
แล้วจิวล่ะ..จะว่ายังไง

ยังหนุกเหมือนเดิม

= คุณพูดได้ถูกต้องที่สุดเลย //ขอบคุณมากน๊า


  จะไปเที่ยวเทคครั้งแรกแล้วต้นข้าว พ่อแม่จะให้ไปมั้ย แล้วจะมีแผนร้ายอะไรมั่ย
  รอ รออ่านตอนต่อไปคับ

= เมื่อสุราพาไป อะไรก็เกิดขึ้นได้เนอะ


อ่านแล้วขำก๊ากกก เลย
ที่ต้นข้าว ถูกจิวแขวะในความมั่นหน้าเห่อผลงาน
ผลสุดท้ายมีการทุบถองแผ่นหลังกันอีกสองสามปึ่กใหญ่ๆ
แล้วจบลงด้วยการนอนกอดกันกลมดิกเหมือนทุกที... :ling1: :ling1: :ling1:
สมัยก่อน คนสูบบุหรี่เป็น ถือว่าโตแล้ว /คนอ่านรู้ดี
แต่ต้นข้าวเอาโรคเข้าตัวนะ ตายไวเลยแหละ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

= เรามาลุ้นอย่าให้ต้นข้าวทำกันนะ  :ling1:


o13

= ขอบคุณมากนะฮะ


.......................


 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ กำปงพิราเทวี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-0

MBKlover





ตอนที่ ๒๖ : เก็บหยดฝนมาร้อยเป็นสร้อย


         ต้นข้าวตัดสินใจที่จะลองหัดสูบบุหรี่!!

         หนุ่มน้อยวัยกำลังโต วัยที่คิดว่าตัวเองแน่แล้ว วัยที่กำลังเต็มไปด้วยความฝัน กำลังอยากรู้อยากเห็น เคยนึกบอกกับตัวเองว่า วันหนึ่งจะต้องทำในทุกสิ่งด้วยความสามารถของตัวเอง และจะทำให้คนทุกคนยอมรับในความสำเร็จของตนเองให้ได้

         ดังนั้นอย่ามาท้า...

         ต้นข้าวเคาะบุหรี่ Winston ของพ่อออกจากซอง สองมวน เดินเลยไปที่หน้าหิ้งพระหยิบกลักไม้ขีดไฟตราพระยานาคติดมือขึ้นห้องนอนมาด้วย มือกดล็อคประตู เดินไปก้มหยิบที่เขี่ยบุหรี่ใต้ตู้ซึ่งเตรียมไว้ให้จิวตลอดเวลา อดแปลกใจไม่ได้เมื่อพึ่งสังเกตเห็นว่าที่เขี่ยบุหรี่มันดูสะอาดสะอ้าน เหมือนไม่เคยผ่านการใช้งานเลย

         ผู้โดนท้าและต้องการเอาชนะ นั่งบนขอบเตียง วางอุปกรณ์ทุกสิ่งไว้รอบตัว ขีดไม้ขีดไฟฟู่แรกขึ้นมา แต่ยังไม่ทันจุดกับบุหรี่ ความที่เงอะๆ งะๆ ยังไม่ประสา ทำให้ไม้ขีดไฟดับไปก่อน

         ต้นข้าวจุดไม้ขีดอีกครั้ง คราวนี้ติดดีแล้ว เอาไฟไปจ่อกับปลายบุหรี่ที่มือ ท่าเดียวกับจุดเทียนจุดธูป

         --มันไม่ติดนี่หว่า อ้อ ต้องจุดแล้วดูดไปด้วยสินะ--

         คนหัดสูบจึงเอาบุหรี่ขึ้นมาแตะคาบไว้ที่ปากแล้วลนไฟใหม่ ดูดลมเข้าไปสองครั้ง ควันกรุ่นออกมาตามปากและจมูก

         "โคลกๆๆๆ แค่กๆๆ" เสียงไอตามมาสนั่นหวั่นไหว หน้าดำหน้าแดง หนุ่มน้อยน้ำตาไหลพรากเพราะควันบุหรี่เข้าตา รีบวางบุหรี่ลงบนจานเขี่ยบุหรี่ แล้วลุกขึ้นไปยืนข้างหน้าต่าง สะบัดหน้าไล่ความมึนออกไป --จะไหวไหมเนี่ย--

         แต่ความพยายามยังไม่จบ ต้นข้าวเดินกลับไปนั่งใหม่ แล้วหยิบมวนบุหรี่ที่จุดแล้วขึ้นมาอีกครั้ง กลั้นใจดูดลมผ่านมวนบุหรี่เข้าไปลึกๆ ครั้งหนึ่ง แล้วสำลักออกมาเล็กๆ แล้วแหงนหน้าพ่นควันยาวออกมาเหมือนพวกมือโปร หนุ่มน้อยแอบยิ้มเล็กๆ --ทำได้นี่หว่า-- แล้วลองดูดแรงๆ แบบนั้นอีกหลายครั้ง สลับกับการไอโคล่กๆ เป็นระยะ

         อีกสิบนาทีต่อมา ต้นข้าวก็ได้รับผลที่ทำลงไปทั้งหมด คือการแพ้สารนิโคตินในบุหรี่อย่างรุนแรง หรือภาษาขี้ยาเรียกว่า "เมาบุหรี่" เริ่มจากมีอาการมึนหัวอย่างหนัก สาร Dopamine ในสมองถูกนิโคตินไปกระตุ้น ทำให้หัวใจเต้นแรง เหงื่อออกตามซอกคอและฝ่ามือ จมูกและปากแห้งผาก มีอาการคลื่นไส้อยากจะอาเจียน มึนงง สับสน แสบตา ห้องนอนหมุนคว้าง จนต้องลงไปนอนแผ่หลับตาบนเตียง และเพราะความเวียนหัวอย่างรุนแรงจึงผล็อยหลับลึกยาวไปเลยข้ามคืน

         ......................

         เช้าวันรุ่งขึ้น จิวมาหาถึงบ้าน เคาะประตูห้องอยู่นาน ต้นข้าวถึงเดินสะโหลสะเหลไปเปิดประตูห้องนอนให้ จิวทำจมูกฟุดฟิดๆ หันไปมองรอบๆ ห้อง

         "นี่แอบหัดสูบบุหรี่หรือ" จิวหันไปถามต้นข้าว ตาก็มองสำรวจไปทั่วตัว

         "เปล่า ไม่ได้สูบ" ต้นข้าวอ้อมแอ้มบอก ตาหลบลงต่ำ

         "ยังจะปากแข็งอีก แล้วนี่ก้นบุหรี่ใคร ดับแบบหักครึ่งตัวในที่เขี่ยบุหรี่นี่ หืม มันคือคนดับบุหรี่ไม่เป็นนะนี่" จิวหยิบก้นบุหรี่ที่หักครึ่งชูขึ้นมา

         "ไปล้างหน้าแปรงฟันให้สดชื่นก่อนไป๊ แล้วจะบอกอะไรให้ฟัง" จิวจับแขนต้นข้าวให้ลุกขึ้นจากท่านั่งคอตกที่ขอบเตียง

         อีกสิบห้านาทีต่อมา ต้นข้าวหน้าตาสดใสขึ้น แต่ยังหลบสายตาอยู่ มือถือกาแฟร้อนมาด้วยสองถ้วย ส่งให้จิวถ้วยหนึ่ง ส่วนตัวเองถืออีกถ้วยไปนั่งเป่าให้คลายความร้อนโดยหันหลังให้ที่ปลายเตียง

         "ทำผิด คิดว่าอยู่ปลายเตียงแล้วพ้นผิดหรือไง" จิวยักคิ้วข้างหนึ่งให้กับแผ่นหลังของคนที่รู้ความผิดนั่น

         "เปล่า..." เสียงอ่อยๆ จากต้นข้าว

         "หันมานี่ แล้วฟังนะ" จิวพูดกับต้นข้าวด้วยเสียงอ่อนโยน

         "ดูจากสภาพแล้ว คิดว่าคงไม่รอด ใช่ไหม"  คนพูดจับคางต้นข้าวยกขึ้นมามองหน้า  "จิวจะไม่ห้ามต้นข้าวหรอกนะ ว่าควรหรือไม่ควร แต่เดาแล้วต้นข้าวคงมีคำตอบเองกับตัวแล้วล่ะ

         แต่จิวจะบอกอะไรให้อย่างหนึ่งนะ จิวก็เป็นคนหนึ่งที่สูบบุหรี่ตั้งแต่มัธยม แต่ต้นข้าวเคยสังเกตไหมว่าต้นข้าวแทบจะไม่เคยเห็นจิวสูบบุหรี่ต่อหน้าต้นข้าวเลย น้อยมากๆ ที่จะเห็น ดูอย่างที่เขี่ยบุหรี่นี่สิ" จิวยกจานเขี่ยบุหรี่ที่เจ้าตัวทำความสะอาดเมื่อสักครู่แล้วชูขึ้นมา

         "ต้นข้าวเตรียมที่เขี่ยบุหรี่นี้ให้จิวมาตลอดตั้งแต่บ้านเก่าจนถึงบ้านใหม่ที่นี่ แล้วรู้ไหมว่าจิวไม่เคยใช้มันเลย เพราะอะไร เพราะจิวไม่เคยสูบบุหรี่ต่อหน้าต้นข้าวไง ตลอดเวลาใกล้กัน จิวไม่เคยเลยที่ทำร้ายต้นข้าวด้วยบุหรี่"

         ต้นข้าวมองตามที่เขี่ยบุหรี่นั้น จริงสิ ถึงว่ามันสะอาดอยู่เสมอ เหมือนไม่เคยผ่านการใช้มาเลยด้วยซ้ำ

         "จิวรู้ว่าจิวผิดที่สูบบุหรี่ ซึ่งมันไม่ได้เป็นเรื่องดีเลยสำหรับตัวจิวเอง จิวรู้  แต่มันก็ติดมานานแล้วไง ทำไงได้ แต่ไม่ได้แปลว่าจิวอยากให้ต้นข้าวหรือใครๆ รอบตัวจิวต้องสูบบุหรี่ตามไปด้วยหรอกนะ"

         จิวดึงต้นข้าวเข้ามากอดใกล้ๆ กลิ่นหอมอ่อนๆ ของน้ำยารีดผ้าบนเสื้อจิวยังอยู่ กลิ่นหอมอ่อนๆ ของผมที่พึ่งสระมาของจิวยังอยู่ กลิ่นเนื้อหนุ่มของจิวที่ต้นข้าวคุ้นชินมาตลอดสี่ห้าปีนี้ยังอยู่ ทั้งหมดนี้ไม่มีกลิ่นบุหรี่จริงๆ ด้วย

         "จิวไม่อยากให้คนที่จิวรัก ต้องมารับสิ่งแย่ๆ ของบุหรี่ไปด้วย ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม"

         ต้นข้าวจ้องหน้าจิวนิ่ง...

         จิวก้มลงไปจูบต้นข้าวเบาๆ ที่ริมฝีปาก หนุ่มน้อยรับรอยจูบนั้น  หลับตาลง แน่นอนว่ามันไม่มีกลิ่นบุหรี่ปนอยู่ในลมหายใจอุ่นนั้น

         สิ่งแบบนี้สินะที่ต้นข้าวต้องการและโหยหามันมากกว่าบุหรี่ รสสัมผัสแห่งความปรารถนาดีครั้งนี้ นุ่มนวล แผ่วหวาน แช่มชื่น สุขสม เนิ่นนาน ทำให้ทั้งตัวเบาเหมือนลอยอยู่บนอากาศ

         จูบครั้งนี้ย้ำเตือนต้นข้าวว่า ไม่มีสารเสพติดใดที่ทำให้มนุษย์เกิดความต้องการเสพ มากเท่ากับ "ความรัก" และ "ความหวังดี"

         สิ่งเสพติดที่น่าลุ่มหลงที่สุดสำหรับ "มนุษย์" นั่นก็คือ "มนุษย์อีกคน" ต่างหากล่ะ

         จิวถอนปากออก เอามือขยี้หัวต้นข้าว แล้วพูดยิ้มๆ ให้

         "คนเก่งของจิวในวันข้างหน้า ต้องเท่เพราะผลงาน เท่ตอนขึ้นไปรับรางวัลบนเวที ไม่ใช่เท่เพราะบุหรี่"


--------------------------------


THE PALACE DISCOTHEQUE  ถนนวิภาวดี


         วันเกิดอ้อมที่นัดกันไว้ก็มาถึง เพื่อนๆ ที่มหา'ลัย รวมทั้งจิว มาแต่งตัวที่บ้านต้นข้าวพร้อมกัน

         เด็กวัยรุ่นกำลังจะเที่ยวดิสโก้เธคสมัยนั้น ต้องนัดกันมาแต่งตัวบ้านเพื่อน บางคนก็ไม่ได้บอกที่บ้านตรงๆ ว่าไปเที่ยว แต่อ้างว่าไปค้างบ้านเพื่อน บางคนก็ไม่กล้าแต่งตัวออกจากบ้านก็มี ต้องออกมาแต่งพร้อมๆ กัน เข้าเธคพร้อมๆ กัน

         การไปเที่ยวเธคแต่ละครั้ง ต้องพิถีพิถันในการแต่งตัวอย่างมาก เหมือนต้องประชันขันแข่งกัน ไม่มีการไปแบบง่ายๆ เสื้อยืดตัวกางเกงยีนส์ตัว เพราะถ้าแต่งแบบนั้น แทบจะเดิน แทบจะออกไปเต้นไม่ได้ สิ้นสง่า อายผู้อายคนกันเลยทีเดียว

         คืนนี้ต้นข้าวใส่เสื้อเชิร์ตแขนสั้นลินินสีขาว สกรีนตัวหนังสือตัวใหญ่คาดเต็มบ่าหลัง เป็นยี่ห้อดีไซน์เนอร์ชื่อดังของยุค "ชูลาภ - CHULARP" สวมกางเกงลูกฟูกสีขาวยี่ห้อแพคชิโน รองเท้าหนังคัทชูหัวแหลม หวีผมเปิดหน้าเรียบขึ้นไป เผยวงหน้าที่หล่อกระจ่างสมวัย

         ส่วนจิว ใส่เชิร์ตแขนยาวและกางเกงดำ ทั้งชุดเป็นของยี่ห้อ POLICE ผมที่ค่อนข้างยาวปรกคอของจิว วันนี้ใส่เยลหวีเรียบเสยขึ้นหมด ต้นข้าวเห็นแล้วถึงกับแซวว่า คืนนี้จะไม่ปล่อยจิวให้คลาดสายตาเลย เพราะกลัวคนมาจีบ!

         ขาไปต้นข้าวเป็นคนขับ จิวนั่งคู่ด้านหน้า มีอีงู เอก และแจ๊สผู้ซึ่งกลับมาพักร้อนจากอังกฤษ นั่งด้านหลัง ส่วนสมพล เพื่อนที่ท้าต้นข้าวเอาไว้เรื่องบุหรี่ จะตามไปเจอในเธคเลยเพราะบ้านอยู่ใกล้กับที่เที่ยวมากกว่า

         ลานจอดรถด้านหน้าเต็ม เพราะทางเธคสำรองที่จอดรถให้เฉพาะรถที่แต่งโชว์และรถซิ่งมาจอดเท่านั้น ต้นข้าวเลี้ยวเข้าไปจอดด้านหลัง ก่อนดับเครื่องรถ วิทยุที่เปิดค้างอยู่ในรถ พูดสปอตโฆษณาของเดอะพาเลซพอดี

         "เก็บหยดฝนมาร้อยเป็นสร้อย
         ประดิษฐ์ประดอยสายฟ้าเสียบผม
         คลี่เมฆหมอกพันร่างพร่างพรม
         ฝังร่างจมหายไปใน The Palace"


         พอทุกคนได้ยินสปอตวิทยุนี้ ก็ก้มลงไปมองชุดของตัวเองโดยอัตโนมัติ โดยเฉพาะพริก ซึ่งอยู่ในเสื้อหลวมตัวโคร่งที่กำลังเป็นที่นิยมของยี่ห้อ "ไข่ จูเนียร์" ต้องยกมือขึ้นมาแตะบนหัวตัวเอง ว่าแถบผ้าคาดหน้าผากสีเดียวกับเสื้อยังอยู่ดีหรือเปล่า

         "ทำไม จะเช็คดูว่าสายฟ้าที่เสียบผมอยู่หลุดไหมเหรอ" จิวแซวพริก คนถูกแซวหันมาค้อนขวับ

         "แล้วสวยไหมล่ะ"

         จิวหัวเราะเอิ้กอ้าก "สวยมั้ง ดูตอนมืดๆ นะ"

         ...................

         เดอะพาเลซ เป็นดิสโก้เธคขนาดใหญ่ และทันสมัยที่สุดของกรุงเทพฯ เป็นเธคเต็มรูปแบบ ที่มีทั้งฟลอร์เต้นรำ เวที วงดนตรี ดีเจ. และมีวีดีโอวอลล์ (จอฉายภาพมิวสิควีดีโอขนาดใหญ่บนผนัง) เป็นแห่งแรกๆ ของไทย ค่าผ่านประตูซื้อเป็นดื่ม ดื่มละ ๘๐ บาท ถ้าวันศุกร์-เสาร์จะเพิ่มเป็นคนละ ๒ ดื่ม

         "แล้วคุณนายอ้อม นั่งอยู่โต๊ะไหนเหรอต้นข้าว" เอกถาม พร้อมส่งห่อของขวัญสลับให้แจ๊สไปถือไว้แทนก่อน คืนนี้เอกก็ดูสดใสไม่แพ้ใคร คงเพราะมีแจ๊สมาเที่ยวด้วย เห็นเดินจูงมือกันไม่ห่าง

         "อ้อมโทรมาบอกก่อนออกมาว่า จองโซฟาชั้นลอยไว้ ขึ้นทางบันไดวนก็เจอเลย" ต้นข้าวบอก เงยหน้าแหงนขึ้นไปมองชั้นบน แต่มืดมองไม่เห็นอะไร

         ตอนนี้ยังไม่สี่ทุ่มดี คนยังไม่เยอะ และดีเจ. ยังไม่เริ่มเปิดเพลงสำหรับเต้น ยังเป็นเพลงช้าๆ แนวฟังสบายอยู่ กลางเพดานฟลอร์เต้นรำ มีลูกมิลเลอร์บอล หรือลูกบอลกระจกเงาทรงกลมหมุนได้ขนาดใหญ่มากสำหรับสะท้อนแสงไฟ ดูน่าตื่นตาตื่นใจ มันกำลังหมุนช้าๆ สะท้อนแสงเป็นจุดๆ วิบวับไปทั่วทั้งร้าน เหมือนดวงดาวที่พร่างพราวอยู่ในราตรีแห่งจักรวาล กำลังเปล่งแสงพิเศษ ที่ส่องไปโดนใครก็สวยก็หล่อดูดีหมด เหมือนว่าทั้งร้านมีแต่เทพบุตร เทพธิดา สมกับเป็น "กรุงเทพราตรี - เมืองแห่งเทพ" ที่น่าอัศจรรย์จริงๆ

         ...................

         "อ้อม สุขสันต์วันเกิดจ้า" ต้นข้าวยืนอยู่หน้าโซฟาบนชั้นลอยที่อ้อมนั่ง ร้องเรียกอ้อมเข้าไปก่อนตัว

         อ้อมหันหน้ามาแล้วยืนขึ้นต้อนรับ ยิ้มให้กับทุกคน

         "โอ้ย ดีใจจัง นั่งก่อนๆ"

         ความที่เป็นผู้หญิงเหมือนกัน พริกหรืออีงู ก็ไม่พลาดช็อตนี้ ขณะที่อ้อมลุกขึ้นยืนเต็มตัว พริกก็พิจารณาชุดของอ้อมจากหัวจรดเท้าทันที

         คืนนี้อ้อมใส่เสื้อต่วนสีขาวตัวใหญ่โคร่งแบบโอเวอร์ไซส์ ยาวลงมาถึงเข่า ตรงกลางเสื้อสกรีนเป็นใบหน้าของ "มาริลิน มอนโร" ที่ใหญ่มากจนเกือบเต็มส่วนหน้าของเสื้อ มันเป็นเสื้อคอลเลคชั่นใหม่จากร้าน "SODA POP" กางเกงรัดรูปสีดำมันเงา รองเท้าส้นเข็มสีดำแบบคลาสสิคสูงสี่นิ้วจากร้านมณีศิลป์  ผมด้านหน้าตีกระบังโป่งเหมือนอย่างเคย แต่เพิ่มผ้าคาดผมแถบใหญ่สีขาวเข้าไปอีก รวบปลายผ้าขึ้นไปผูกเป็นโบว์ใหญ่อยู่ข้างบนกระบังอีกที

         ที่คอ ใส่สร้อยอะคริลิคสีขาวเป็นรูปเรขาคณิตอันใหญ่ห้อยยาวลงมาถึงใต้อก และใส่ตุ้มหูแบบห้อย เป็นอะคริลิคสีขาวทรงกลม ใหญ่เกือบเท่าฝ่ามือ เวลาหันข้าง ตุ้มหูบังใบหน้าครึ่งล่างมิด มองไม่เห็นปากว่าพูดคุยหรือทำอะไร

         พริกแอบขำ  ใจหวนคิดไปถึงสปอตวิทยุที่โฆษณาพาเลซเมื่อกี้อีกที

         "เก็บหยดฝนมาร้อยเป็นสร้อย
         ประดิษฐ์ประดอยสายฟ้าเสียบผม..."


         --คนคิดสปอตนี้มันอยู่บ้านข้างๆ อ้อมป่าวหว่า-- ทำไมเหมือนถอดแนวออกมาเลย เว่อร์วังดีแท้ๆ

         "พวกเราเอาของขวัญวันเกิดมาให้อ้อมจ้า" เอกบอก พร้อมทั้งยื่นของขวัญให้อ้อม คนอื่นๆ ก็ยื่นตามรวมทั้งต้นข้าวและจิว

         จุ๊บแฟนทอมของอ้อม เตรียมจะหยิบแก้วผสมเหล้าให้

         "ไม่ต้องจ้า จุ๊บ ขอบคุณมาก พวกเราเอาของขวัญมาให้เฉยๆ อะ เพื่อนอีกคนมีโต๊ะอยู่ข้างล่างอ่า เดี๋ยวเราลงไปแจมกับเค้า" เอกหันไปบอกจุ๊บ

         อ้อมนั่งไขว่ห้างท่าเก๋อยู่กลางโซฟา มือกรีดจับก้านแก้วแชมเปญยกขึ้นมาจิบ "เสียดาย น่าจะนั่งสนุกกันตรงนี้เนอะ"

         --สนุกเหรอ?-- อีงูคิดในใจ นั่งเชิ่ดเป็นคุณนายซะขนาดนี้

         "เดี๋ยวเราเดินเวียนขึ้นมาหาอ้อมนะ" ต้นข้าวเสริมอีก

         "โอเค อย่างงั้นก็ได้จ้ะ เดี๋ยวมีเพื่อนตามมาอีกหลายคน มีรุ่นพี่มาด้วย อย่าลืมขึ้นมาตอนเป่าเค้กด้วยนะ" อ้อมย้ำอีกที

         ทั้งหมดก็ขอตัวออกมาจากโต๊ะของอ้อม เดินลงบันไดวนลงมา ตอนนี้ดีเจ. เริ่มเปิดเพลงเร็วสำหรับเต้นแล้ว ลูกค้าข้างล่างหนาตาขึ้นอย่างรวดเร็ว เพลงเปิดฟลอร์เป็นเพลงสากลฮิตติดชาร์ตจากเมืองนอก เปิดสลับกับเพลงไทยแนวแดนซ์ด้วย แล้วแต่ว่าช่วงไหนฮิตเพลงอะไร บางเพลงเปิดคืนละ ๕-๖ รอบก็มี

         ตอนนี้ดีเจ. กำลังเปิดเพลง One Night in Bangkok ของ Murray Head กลางฟลอร์เริ่มมีคนออกไปเต้นกันแล้ว ส่วนลูกบอลกระจกตอนนี้หยุดหมุนและเลื่อนขึ้นไปเก็บสูงติดเพดาน ระบบไฟเปลี่ยนไปเป็นไฟเธคที่รูปทรงเหมือนจานบิน มีก้านยื่นออกไปรอบๆ แปดทิศเหมือนขาแมงมุม ฉายแสงเป็นลำสลับสีวูบวาบลงมาที่กลางฟลอร์ รวมทั้งเสียงเบสจากลำโพงที่กระแทกหูดัง ตุ๊บ ตุ๊บ...ทำให้เกิดความเร้าใจไปทั้งฮอลล์แห่งนี้

         ทุกใบหน้าขณะนี้มีแต่รอยยิ้ม ลืมเรื่องขุ่นข้องหมองใจใดๆ ในชีวิต ลืมเรื่องเรียน ลืมเรื่องสอบ ลืมเรื่องเศร้า  การสูบฉีดของหัวใจในสถานที่แห่งนี้ มีจังหวะของดนตรีเข้าไปแทนที่

         ต้นข้าวกำลังผงกหัวไปมาหงึกหงึก...ตามเสียงเบส ขณะที่จิวลากมือต้นข้าวเพื่อจะเอาคูปองบัตรผ่านประตูไปแลกดริ้งค์ที่เคาเตอร์บาร์

         "เฮ้ย ดารา!"

         ต้นข้าวสะกิดจิว เมื่อเห็นว่าหน้าบาร์ฝั่งใต้บันไดวน มีดาราชายวัยรุ่นที่กำลังโด่งดังตอนนี้ยืนอยู่สองคน กำลังคุยกับสาววัยรุ่นหน้าตาแบบลูกครึ่งคนหนึ่งอยู่ ซึ่งสวยมาก ตาจมูกคิ้วสวยโดยไม่ต้องแต่ง ในมุมมองของเด็กเรียนสาขาการละคร ต้นข้าวคิดว่าหน้าตาแบบนั้นคงจะได้เข้าวงการเร็วๆ นี้

         "หล่อเนอะ" จิวทำหน้าตาคึกคัก ต้นข้าวทุบเบาๆ ไปที่หลัง

         "ไหนว่าจะสั่งเครื่องดื่ม" ปากพูด แต่คนทุบหลังก็ยังไม่ละสายตาจากดาราชายวัยรุ่นสองนั้นเหมือนกัน

         "เอาแบบไหนดี จะให้ต้นข้าวดื่มคนเดียว เพราะต้องขึ้นไปสนุกกับวันเกิดอ้อมด้วย ของจิวจะสั่งน้ำส้ม ขากลับจะได้ขับรถได้" พูดจบจิวหันไปยื่นคูปองสองใบให้บาร์เทนเดอร์พร้อมสั่งเครื่องดื่ม โดยไม่รอฟังคำตอบจากต้นข้าว

         "เอาน้ำส้มแก้วนึง กับลองไอส์แลนด์ไอซ์ที แก้วนึงครับ"

         "ลองไอส์แลนด์ไอซ์ที มันเป็นยังไง ชาเย็นเหรอ แรงป่ะ" ต้นข้าวหันมาถามจิว เพราะตัวเองก็ไม่เคยกินค็อกเทลเหมือนกัน

         "ไม่หรอก เบาๆ" จิวทำหน้าเจ้าเล่ห์ใส่ต้นข้าว "เอ้า ลองดูดดู"

         ต้นข้าวรับเครื่องดื่มแก้วทรงสูงสีเหมือนน้ำชาใส่น้ำแข็ง มีหลอดปักสองหลอดและดอกกล้วยไม้ประดับบนปากแก้ว ชูขึ้นมาดู มันดูเหมือนไม่มีพิษสงอะไร

         "เอ้า ชนแก้ว..." ต้นข้าวยกแก้วขึ้นมาชนกับแก้วน้ำส้มของจิว จิวชนแก้วตอบ กระดกคิ้วข้างนึงให้ต้นข้าวแล้วพูดเบาๆ "ค่อยๆ ดูดนะ อย่าดูดทีเดียวหมด"

         จิวนึกภาพส่วนผสมของลองไอส์แลนด์ไอซ์ที (Long Island Iced Tea) แก้วนี้ ซึ่งมีส่วนผสมเป็นเหล้าตัวแรง ๕ ชนิด คือ วอดก้า เตกีล่า เหล้ารัม เหล้ายิน และทริปเปิล-เชก แล้วขนลุก แต่เพราะอยากให้ต้นข้าวสนุกกับเพื่อนๆ ในคืนนี้ให้เต็มที่สมกับที่เข้าเธคครั้งแรก  และอีกอย่างหนึ่งจิวไม่ได้กินเหล้า จึงดูแลต้นข้าวได้แน่ๆ

         ต้นข้าวดูดเหล้าแก้วนั้นเข้าไปอึกนึง แล้วหลับตาปี๋

         "อี๋...!!!"


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-03-2017 03:17:13 โดย กำปงพิราเทวี »

ออฟไลน์ anandawan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 363
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
มันเหมือนไม่จบตอน หรือจบแล้วคะ ฮ่าา
เค้าไม่ได้ปาดใช่มั้ยนี่

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ลงจบตอนหรือยังนี่
จะต้องรออ่านตอนนี้อีกมั้ย

จิวดูเชี่ยวเน๊อะ
ต่างกับต้นข้าวดูใสใส

ไว้ใจไม่ได้ไอ่ตี๋หล่อ
ก.....ด......หญ่ายยยยยย
อิอิ

ออฟไลน์ กำปงพิราเทวี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-0
มันเหมือนไม่จบตอน หรือจบแล้วคะ ฮ่าา
เค้าไม่ได้ปาดใช่มั้ยนี่

= จบครึ่งแรกในเดอะพาเลซก่อน เรื่องมันยาว //ไม่ได้ปาดจ้ะ สบายใจได้ อิอิ


ลงจบตอนหรือยังนี่
จะต้องรออ่านตอนนี้อีกมั้ย

จิวดูเชี่ยวเน๊อะ
ต่างกับต้นข้าวดูใสใส

ไว้ใจไม่ได้ไอ่ตี๋หล่อ
ก.....ด......หญ่ายยยยยย
อิอิ

= จิวมันมีแผนจะปล้ำต้นข้าวตอนเมาเปลี่ยนบรรยากาศหรือเปล่าไม่รู้ 555+ //พักเบรคในเดอะพาเลซตอนนี้เท่านี้ฮะ เรื่องมันยาว


..............................


 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
แล้วต้นขาว ก็ได้รู้รสนิโคติน  :m31: :sad4: :เฮ้อ:
จิวเอง ก็น่าจะเลิกบุหรี่นะ
ไม่อยากทำร้ายคนอื่น แล้วทำไม ยังทำร้ายตัวเองล่ะ
ร้านดังๆ สมัยนั้นมาเพียบ
จุ๊บแฟนอ้อม คงชอบอ้อมมาดคุณหญิงคุณนายนั่งคอแข็งสินะ
เพลง One Night in Bangkok ดังมากเลยนะ
ไม่ว่าสมัยไหน ความบันเทิงถึงได้อยู่คู่กับคนชอบสนุกสนานเฮฮา
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
  ชอบการบรรยายฉากแฟชั่นการแต่งตัวเข้าเทคสมัยนั้นอะ อยากเห็นรูปคับ
  รออ่านต่อนะคับ

ออฟไลน์ กำปงพิราเทวี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-0
แล้วต้นขาว ก็ได้รู้รสนิโคติน  :m31: :sad4: :เฮ้อ:
จิวเอง ก็น่าจะเลิกบุหรี่นะ
ไม่อยากทำร้ายคนอื่น แล้วทำไม ยังทำร้ายตัวเองล่ะ
ร้านดังๆ สมัยนั้นมาเพียบ
จุ๊บแฟนอ้อม คงชอบอ้อมมาดคุณหญิงคุณนายนั่งคอแข็งสินะ
เพลง One Night in Bangkok ดังมากเลยนะ
ไม่ว่าสมัยไหน ความบันเทิงถึงได้อยู่คู่กับคนชอบสนุกสนานเฮฮา
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

= สงสัยต้องให้ต้นข้าวเป็นคนขอให้จิวเลิกบุหรี่อีกทีเนอะฮะ  :serius2:


  ชอบการบรรยายฉากแฟชั่นการแต่งตัวเข้าเทคสมัยนั้นอะ อยากเห็นรูปคับ
  รออ่านต่อนะคับ

= ภาพประกอบเสื้อผ้าแฟชั่น ช่วงปี ๒๕๒๗-๒๕๓๐ นะฮะ เด็กสยามที่ทันสมัยหน่อยจะแต่งประมาณนี้ นี่ขนาด ตอนกลางวันหน้าสยามเซ็นเตอร์ ยังขนาดนี้ แล้วนึกภาพตอนกลางคืนสิฮะ เวลาเข้าเธค จะจัดเต็มกันขนาดไหน อิอิ

เครดิตภาพ : กระทู้เก่าเก็บในพันทิป http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/2008/03/A6399060/A6399060.html















..................................

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ กำปงพิราเทวี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-0

MBKlover





ตอนที่ ๒๗ : เปลวไฟที่ไม่มีวันมอดดับ


         "อี๋...!!!"

         ต้นข้าวทำหน้าเหยเกเมื่อเครื่องดื่มอึกนั้นผ่านลงคอไป "แหวะ ขม"

         จิวหัวเราะหึหึ ฉวยแก้วจากมือคนคออ่อนขึ้นมาจิบอึกเล็กๆ แล้วก็ทำหน้าขมขื่นไม่แพ้กัน

         "แรงเนอะ แต่กินๆ ไปเถอะ แก้วเดียวจบ ให้แก้วเดียวพอนะ" จิวส่งคืนแก้วกลับ

         "ออกไปดิ้นกันเถอะ" ต้นข้าวมองไปบนฟลอร์เต้นอย่างนึกสนุก "เอาแก้วไปวางที่โต๊ะเราก่อนเนอะ"

         จิวลากมือต้นข้าวฝ่ากลุ่มลูกค้าแถวหน้าบาร์กลับไปที่โต๊ะ แถวหน้าบาร์ใต้บันไดวนนั่นเหมือนทำเลทองของคนดังคนเก๋ มีทั้งดาราวัยรุ่น เด็กหน้าใหม่ที่อยากแจ้งเกิดในวงการ รวมทั้งคนทำเบื้องหลังต่างๆ ในวงการบันเทิง ล้วนยืนทำเท่ พิงขอบบาร์สูบบุหรี่ อวดตนว่ามีดีมีเด่นอยู่โซนนี้ทั้งสิ้น

         ต้นข้าวมาถึงโต๊ะ เห็นสมพลมาแล้ว ยืนสูบบุหรี่พ่นควันขโมงใส่หน้าต้นข้าว แล้วเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเหมือนจะถามว่า --ยังไงมึง เรื่องบุหรี่น่ะ--

         จิวเอามือมาปัดๆ หน้าต้นข้าว เหมือนจะปัดไล่ควันบุหรี่ให้ เวลาเดียวกันกับที่ต้นข้าวซึ่งเริ่มหน้าแดงเรื่อๆ แล้ว ก็มองหน้าสมพลแบบเยาะเย้ยกลับไป พร้อมกับพูดเสียงดังใส่หน้าว่า

         "กู ไม่ สูบ !!!"

         ประโยคนั้นเรียกรอยยิ้มจากจิว เอก และพริก โดยเฉพาะพริกแทบจะตบมือให้

         "เป็นไงล่ะมึง เจอคนใจคอมั่นคงดังหินผา" พริกตอกใส่สมพล

         "เออๆ กูก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย" สมพลทำปากหมุบหมิบ แล้วทำไก๋ ยกแก้วของตัวเองขึ้นมาชูขึ้นกลางวง

         "เอ้า ชนแก้ว วู้ๆ"

         ทุกคนในโต๊ะ ยกแก้วขึ้นมาชนกลางวง ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความสนุก วัยรุ่นก็แบบนี้ ไม่มีติดค้างอะไรนาน มีเรื่องสนุกอื่นๆ รอข้างหน้าอีกเยอะ

         ดีเจ. เปิดเพลง "La Isla Bonita" ของ Madonna ขึ้นมา บนฟลอร์เต้นคนหนาตาขึ้นกว่าเดิม

         พริกทำคอยึกยักๆ ตามเพลง แล้วชวนเพื่อนรอบวง "ออกไปเต้นกันเหอะ"

         "ไปกัน" ต้นข้าวเดินนำเตรียมจะลากมือจิวออกไป "ไปเต้นกันเถอะจิว"

         "ไปเถอะ ไม่ถนัดเพลงแนวนี้ เดี๋ยวยืนเฝ้าโต๊ะให้"

         จิวบอกมายิ้มๆ ขออาสาอยู่โยงเฝ้าโต๊ะที่มีแก้วเครื่องดื่มเพื่อนๆ ตั้งอยู่  แล้วมองตามต้นข้าวที่ออกไปเต้นอยู่ริมๆ ฟลอร์ พอเห็นท่าเต้นก็หัวเราะออกมา เมื่อต้นข้าวที่คงจะเริ่มกรึ่มๆ เหล้าบ้างแล้ว เต้นเลียนแบบท่าเต้นแบบอินเดีย ทำคอยึกยัก ชูมือขึ้นมาส่ายตามจังหวะเพลง คล้ายใน MV. ที่เปิดบนวีดีโอวอลล์

         ไฟกลางฟลอร์กระพริบทุกเทคนิคเท่าที่จะมีลูกเล่นได้ แสงสีทุกอย่างที่มีในโลกเหมือนจะมารวมอยู่ตรงนั้น เสียงเบสที่วิ่งมาตามพื้นดัง ตึบๆๆ กระแทกไปถึงหัวใจ  ต้นข้าวเต้นเพลง "ลา อีสล่า โบนิต้า" ของมาดอนน่าบนฟลอร์อย่างสนุกสนาน หันมาเห็นจิวมองอยู่ ก็กวักมือหยอยๆ เรียกจิวให้ตามออกมา จิวหัวเราะให้แล้วส่ายหัวดิก ชี้มือลงบนโต๊ะ เหมือนจะบอกว่ายืนนี่แหล่ะ

         สักพักหนึ่ง มีมือมาสะกิดข้างเอว จิวจึงหันไปมอง โต๊ะข้างๆ มีวัยรุ่นสาวสวยแต่งตัวแนวบูติคตามสมัยสามคน ส่งยิ้มให้จิวพร้อมชูแก้ว จิวหันซ้ายหันขวาไม่เห็นคนอื่นแสดงว่าหมายถึงตัวเอง จึงยกแก้วน้ำส้มขึ้นเหมือนจะชนตอบ สาวคนหนึ่งขยับเข้ามาใกล้แล้วกระซิบข้างหูจิว

         "เดี๋ยวออกไปกินข้าวต้มด้วยกันต่อไหมคะ"

         --กินข้าวต้ม มันน่าจะแปลว่ากินอย่างอื่นนี่หว่า ไม่ได้หมายถึงกินข้าวต้มจริงๆ ซะหน่อย-- จิวคิดในใจ

         "เอ่อ...ผมมากับแฟนครับ แฟนผมเต้นอยู่นั่น" จิวทำปากบุ้ยใบ้ไปทางริมฟลอร์ "ผู้ชายชุดขาวที่เต้นท่าแขกอยู่นั่นไง"

         สาวคนนั้นมองตาม ทำหน้าปูเลี่ยนๆ แล้วพูดว่า "อ่อค่ะๆๆ" ซ้ำๆ แล้วเดินกลับไปที่โต๊ะ กระซิบกระซาบกับเพื่อน หนึ่งในสองคนทำตาโตเท่าไข่ห่านแล้วมองมาทางจิว "เสียดายของ..." เสียงลอยตามลมมาเข้าหูจิว

         จิวหันกลับมาหัวเราะหึหึ... หันกลับไปทางต้นข้าว ซึ่งฝ่ายนั้นก็จับตามองจิวอยู่ และกวักมือเรียกซ้ำ จิวได้แต่ยกแก้วน้ำส้มขึ้นมาชูแทน ยักคิ้วให้ต้นข้าวข้างหนึ่ง แล้วกรอกน้ำส้มคั้นใส่ปากจนหมดแก้ว

         เพลงจบทุกคนกลับมาที่โต๊ะ พริกหัวเราะคิกคักกับเอกและแจ๊ส สมพลเดินหอบลิ้นห้อย ส่วนต้นข้าวเอามือปาดเหงื่อ หน้าแดงก่ำ ทั้งเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์และความเหนื่อยจากการเต้นเพลงเมื่อกี้

         "สนุกจัง" ต้นข้าวโผไปเกาะบ่าจิว "ไม่ยอมออกไปเต้นด้วยกัน"

         พูดจบก็ยกแก้วเหล้าลองไอส์แลนด์ ขึ้นมากระดกเอื้อกใส่ปากโดยไม่ใช้หลอดดูด จนจิวต้องกดแก้วให้ยั้งๆ มือไว้ "เบาๆ เหล้าแรงนะ ไม่ใช่น้ำชา"

         ดีเจ. เปลี่ยนจังหวะเปิดเพลงใหม่ เป็นเพลงไทย "บังอรเอาแต่นอน" ของ อัสนี-วสันต์ พอจังหวะดนตรีขึ้น แต่ว ตะแหน่ว แน่ว แน่ว...

         จิวแกะมือต้นข้าวออกจากบ่า รีบเดินอย่างไวไปที่ลำโพงริมฟลอร์ กระโดดแผล่วขึ้นไปยืนบนตู้ลำโพง แล้วเริ่มเต้นในจังหวะสามช่าอย่างเมามัน ท่ามกลางการอ้าปากค้างของคนทั้งโต๊ะ โดยเฉพาะต้นข้าวแทบจะสำลักเหล้าที่พึ่งกินเข้าไป

         "แม่จ้าวโวย...อีพี่จิ๊วววววว~" แจ๊สครางออกมาดังๆ แล้วระเบิดเสียงหัวเราะงอหายกันออกมาพร้อมๆ กันทั้งต้นข้าว พริก เอก แจ๊ส และสมพล

         ....................

         ต้นข้าวยืนหัวเราะท่าเต้นของจิวอยู่พักใหญ่ จนเพลงต่อมาคือ "บังเอิญติดดิน" จิวก็ยังเมามันกับการยืนเต้นบนลำโพงนั้นอยู่ หนุ่มน้อยเห็นว่าใกล้เที่ยงคืนแล้ว จึงบอกกับเพื่อนไว้ว่าถ้าจิวกลับมา ให้บอกว่าต้นข้าวจะแวะขึ้นไปที่โต๊ะวันเกิดอ้อมที่ชั้นลอยแป็บนึงก่อน เดี๋ยวทางโน้นจะหาว่าไม่สนใจกัน

         หนุ่มน้อยเดินขึ้นบันไดวนไป มองเห็นว่าที่โซฟาอ้อม มีคนมาเพิ่มหลายคนแล้ว มีทั้งเพื่อนรุ่นเดียวกันที่คุ้นตา และมีรุ่นพี่ด้วยอีกสองสามคนที่ต้นข้าวไม่เคยเห็น

         "ต้นข้าว" อ้อมหันมาเห็น และเรียกต้นข้าวที่ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ "มานั่งนี่สิ มีรุ่นพี่คนนึงอยากรู้จัก ถามหาต้นข้าวตั้งแต่มาถึงล่ะ"

         ต้นข้าวมองไปรอบๆ โซฟา สบตาเข้ากับชายหนุ่มคนหนึ่ง หน้าตาตี๋ๆ ดูรวมๆ ทั้งตัวเท่าที่ต้นข้าวกวาดตามองเห็นในเวลาอันสั้น เป็นคนประเภทสูงยาวเข่าดี ดูลูกคุณหนู ดูรวย จากการแต่งตัวและนาฬิกาที่ใส่ แต่ที่โดดเด่นสุดคือแววตาที่มองขึ้นมาสบตาต้นข้าว ตาเล็กๆ ยิบหยีนั้นเป็นประกายแปลกๆ วาวระยับ

         "ต้นข้าว นี่พี่เป้อร์ รุ่นพี่เรา อยู่ปีสี่ที่มหา'ลัย คณะบริหาร เคยเจอกันไหม" อ้อมแนะนำ เมื่อต้นข้าวนั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้ามพี่เป้อร์อะไรนั่นแล้ว "พี่เป้อร์ นี่ไงต้นข้าวที่พี่ถามถึง"

         ต้นข้าวยกมือขึ้นสวัสดีรุ่นพี่ที่อ้อมแนะนำ นึกในใจว่าไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย จะมาถามถึงทำไมเนี่ย

         พี่เป้อร์ยกมือขึ้นรับไหว้ต้นข้าว สายตายังจ้องเป็นประกายอยู่ "ดื่มอะไรดีครับน้องต้นข้าวสุดหล่อ"

         "ไม่เป็นไรครับพี่เป้อร์ ผมดื่มไม่เก่ง เดี๋ยวเมาครับ" ต้นข้าวตอบไปตามความจริง ก็เครื่องดื่มลองไอส์แลนด์แก้วที่จิวสั่งให้นั้น ยังทำให้มึนๆ อยู่เลย ขนาดออกไปเต้นมาแล้วก็ยังมีฤทธิ์อยู่

         "นิดหน่อยน่า เดี๋ยวเจ้าภาพเสียใจนะครับ"

         พี่เป้อร์ทำหน้ากรุ้มกริ่ม แล้วหันไปผสมเหล้าบนโต๊ะให้ ต้นข้าวมองตาม ไม่ทันจะทักท้วงอะไร เห็นพี่เป้อร์บรรจงรินเหล้าแจ็คแดเนียลลงในแก้วที่มีน้ำแข็งก้อน รินสไปรท์ใส่ตามลงไป ใช้ก้านคนเหล้าคนจนพรายฟองเป็นสีเหลืองอำพันสวย เอากระดาษทิชชู่พันรอบแก้ว เสร็จแล้วส่งมาให้ต้นข้าว "นี่ครับ ของน้องต้นข้าว"

         "เอ้า ชนแก้ว สุขสันต์วันเกิดอ้อมสุดสวย" ใครคนหนึ่งในโต๊ะพูดดังๆ ออกมา ทุกคนชูแก้วขึ้นชนกับเจ้าภาพ รวมทั้งต้นข้าวด้วยที่ต้องเลยตามเลย

         ต้นข้าวกลั้นหายใจเมื่อจิบเหล้าอึกแรกในแก้วนั้น แต่พอมันสัมผัสลิ้น ความหวานของสไปรท์ก็กลบกลิ่นเหล้าหมด และรู้สึกว่ากินได้คล่องคอดีกว่าลองไอส์แลนด์แก้วนั้น เลยจิบเหล้าแก้วนี้ไปเรื่อยๆ จนมีความรู้สึกเริ่มมึนๆ หัวเพิ่มขึ้น และเริ่มปวดท้องฉี่ จึงบอกอ้อมว่าจะไปเข้าห้องน้ำก่อน แล้วลุกออกไปจากโต๊ะ โดยไม่ได้หันมาดูว่าพี่เป้อร์ลุกขึ้นและเดินตามหลังต้นข้าวไป

         "เดี๋ยวครับน้องต้นข้าว" หนุ่มน้อยผู้ต้องกลั้นฉี่หันมามองตามเสียงเรียก จึงเห็นว่าเป็นพี่เป้อร์เดินตามมา มุมที่ต้นข้าวหยุดยืนนี้ เป็นซอกหลังประตูพอดี ใครผ่านไปผ่านมาอาจสังเกตไม่ได้ง่ายนัก

         "คับพี่เป้อร์" ต้นข้าวเริ่มพูดลิ้นพันกันตามฤทธิ์แอลกอฮอล์

         พี่เป้อร์ยืนประจันหน้าต้นข้าว ต้นข้าวยืนติดกำแพง "น้องต้นข้าวไม่เคยเจอพี่เลยหรือครับ"

         "ไม่คับ" ต้นข้าวหน้าเรื่อๆ สีเข้มขึ้น ทั้งพิษของเหล้า และความงงของคนชื่อพี่เป้อร์นี้

         "พี่อยู่ในกลุ่มคนทำงานจัดประกวดดาวเดือนในเวทีที่ผ่านมาด้วย แต่พี่ดูเรื่องงบการเงินของงานน่ะ" พี่เป้อร์ยกมือขึ้นมาเท้าฝาผนังไว้ข้างหนึ่ง ต้นข้าวเลยเหมือนตกอยู่ในวงล้อม

         "ฮะ..." ต้นข้าวงง ไม่รู้จะตอบอะไรดีไปกว่านั้น

         "พี่แอบเห็นต้นข้าวทำงานเก่งนะ และต้นข้าวก็น่ารักมากด้วย พี่ไปแอบถามเพื่อนๆ มา ถึงรู้จักชื่อต้นข้าว" คราวนี้พี่เป้อร์เอาอีกมือขึ้นมาจับต้นแขนของหนุ่มน้อย ผู้ที่ตอนนี้ตกอยู่ในวงล้อมเต็มตัว

         "คับพี่เป้อร์ แต่ตอนนี้ต้นข้าวเมาแล้ว...อุ๊ส์...!!!"

         ต้นข้าวยังไม่ทันพูดจบ พี่เป้อร์ก็ก้มลงมาจูบที่ริมฝีปากต้นข้าว ความที่ต้นข้าวอยู่ท่ามกลางวงล้อมของแขน และด้านหลังก็เป็นผนัง ถอยไปไหนไม่ได้

         พี่เป้อร์จูบอย่างรุนแรงและหนักหน่วง ต้นข้าวพยายามไม่อ้าปาก แต่จะเพราะสุราพาไป หรืออารมณ์พามาก็ไม่ทราบ อีกสองสามวินาทีต่อมาปากของต้นข้าวก็เผยอแง้มออก ลิ้นของพี่เป้อร์ก็จู่โจมเข้าหาต้นข้าวทันที ริมฝีปากของพี่เป้อร์ครอบทับริมฝีปากบนและล่างของต้นข้าวสลับกัน รุนแรง ลึก และนาน กว่าต้นข้าวจะยกมือขึ้นมาดันหน้าอกพี่เป้อร์ออกไป

         ต้นข้าวเอาหลังมือขึ้นมาปาดริมฝีปาก ตามองพี่เป้อร์ และพี่เป้อร์ก็มองต้นข้าว สองคนสบตากัน แต่ด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกัน แววตาของพี่เป้อร์เหมือนกิ้งก่าอีกัวน่าตัวเขียว สีสวย ราคาแพง ชูคอตั้งสง่า พองครีบบนหลัง และกำลังจ้องเหยื่อที่เป็นตั๊กแตนตัวเล็กๆ อันโอชะ

         ส่วนต้นข้าวมองพี่เป้อร์ด้วยแววตาว่างเปล่า

         หลังจากนั้นต้นข้าวก็ดันตัวพี่เป้อร์ออกไป แล้วเบี่ยงตัวเองวิ่งไปเข้าห้องน้ำ ปิดล็อคกลอน ยืนนิ่ง แล้วเอามือขึ้นมาเช็ดริมฝีปากอีกครั้ง

         --บ้าฉิบ! อะไรกันเนี่ย-- มันเกิดอะไรขึ้น

         ต้นข้าวยืนอึ้งอยู่นานในห้องน้ำ ด้วยความเมา มึน งง ตอนนี้หนุ่มน้อยผู้พึ่งโดนจู่โจม กำลังมีความคิดสองเรื่อง เรื่องแรก คืองงก่อน จับต้นชนปลายไม่ถูกที่โดนจูบไม่รู้ตัวแบบนั้น

         ส่วนเรื่องที่สอง ต้นข้าวแอบนึกขออภัยจิวในใจ ที่ดันมีความคิดว่า --รู้สึกดี-- ที่มีคนอื่นมาสนใจตัวเอง จนถึงขนาดมาทำแบบนั้น ต้นข้าวรู้สึกคอยืดสูงขึ้นมานิดหนึ่ง รู้สึกตัวสูงขึ้นมาอีกหน่อย รู้สึกว่าตัวเองเริ่มเป็นคนสำคัญ และรู้สึกถึงอำนาจของรูปร่างหน้าตาตัวเอง รู้สึกถึงเสน่ห์ลึกๆ ที่ตัวเองมี

         ที่ผ่านมา โลกของต้นข้าวมีแต่จิวเท่านั้น ต้นข้าวไม่ต้องคำนึงถึงอะไร รู้ว่ารักจิว จิวเป็นคนเดียวที่ต้นข้าวรัก และจิวก็รักต้นข้าวคนเดียว  แต่เหตุการณ์เมื่อกี้ จากสมองที่กลั่นความคิดออกมาเพราะฤทธิ์สุราครอบงำ ต้นข้าวกลับคิดว่าต้นข้าวก็มีดีในอีกด้านหนึ่งที่เคยมองข้ามตัวเองไป!

         หนุ่มน้อยทำธุระเบาในห้องน้ำเสร็จ จัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ แล้วเปิดประตูห้องน้ำออกมาก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อพบกับจิวยืนรออยู่หน้าประตู...

         จิวยืนหน้าแดง พอเห็นต้นข้าวเปิดประตูออกมา ก็ทำท่าโล่งอก ยิ้มให้ต้นข้าว

         "นึกว่าเป็นอะไรไป เมาหรือเปล่าต้นข้าว เข้าไปในห้องน้ำซะนาน จิวยืนรออยู่เนี่ย เกือบจะเคาะประตูเรียกแล้ว"

         "เอ่อ จิวมารอนานแล้วหรือ" ต้นข้าวอ้อมแอ้มถาม

         "ก็สักครู่อ่ะ เมื่อกี้เดินไปถามที่โต๊ะอ้อม เห็นรุ่นพี่คนหนึ่ง ผู้ชายสูงๆ ตี๋ๆ บอกว่าต้นข้าวอยู่ในห้องน้ำ เขาพึ่งเดินสวนออกมา"

         คราวนี้เป็นต้นข้าวบ้างที่โล่งอก ถอนหายใจดังเฮือก!

         "ไม่เมา" ต้นข้าวเริ่มยิ้มออก "แต่เบื่อข้างบนแล้ว รุ่นพี่ชอบชวนชนแก้วบ่อย จะเมาอีกรอบแล้วเนี่ย ลงไปข้างล่างที่โต๊ะของเรากันดีกว่า"

         ต้นข้าวคิดว่า หลบได้เป็นหลบดีกว่า เรื่องอะไรจะไปนั่งปั้นหน้าที่โต๊ะนั้นประจันหน้ากับพี่เป้อร์อะไรนี่โดยมีจิวอยู่ด้วย

         .....................

         จิวกับต้นข้าวเดินลงมาที่โต๊ะโดยไม่ได้แวะไปบอกอะไรกับทางกลุ่มวันเกิดอ้อม ส่วนเพื่อนๆ ที่โต๊ะด้านล่างเห็นจิวกับต้นข้าวกลับมาแล้ว ก็แล้วกัน ไม่ได้ซักถามอะไร ยืนอึนกันนิ่งๆ คงเมื่อยและกรึ่มๆ เหล้ากันพอสมควรแล้ว

         ตอนนี้ดีเจ. พักเบรคเพลงเต้นรำ เปลี่ยนมาเปิดเพลงช้าในช่วง "สโลว์ซบ" ในเพลง "Nothing's Gonna Change My Love For You" ของ George Benson และพอเพลงขึ้น แจ๊สก็จูงมือเอกออกไปที่ฟลอร์ ซึ่งตอนนี้มีหลายคู่ที่ทำซึ้งซบกันขยับตัวช้าๆ ตามเพลง  เอกกับแจ๊สก็กอดซบกันเหมือนคู่อื่นๆ ไฟบนฟลอร์ค่อนข้างมืดมากกว่าปกติ เหมือนเอื้ออำนวยแก่ทุกคู่รักบนนั้นแบบไม่ต้องอายใคร

         ต้นข้าวมองไปบนฟลอร์ตาประกายวาว แล้วหันมาทางจิว "ออกไปสโลว์ซบกันมะ"

         "ไปสิ" จิวรับคำง่ายๆ แล้วออกตัวจูงมือต้นข้าวกลืนเข้าไปท่ามกลางคู่รักอื่นๆ ในความสลัวบนฟลอร์นั้น

         Nothing's
         gonna change my love for you
         You oughta know by now
         how much I love you 

         ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนความรักที่ฉันมีต่อเธอ
         เธอควรรู้ว่าตอนนี้ฉันรักเธอมากแค่ไหน


         เนื้อเพลงแสนหวาน ไฟสลัวเป็นใจ ทั้งสองโยกตัวไปตามเพลงช้าๆ จิวเอาสองมือโอบไปคอต้นข้าวจ้องตาอยู่เนิ่นนาน ต้นข้าวจ้องตอบ ตาฉ่ำเยิ้มไม่แพ้กัน

         "เดี๋ยวเพลงนี้จบ กลับบ้านเรากันนะ" ต้นข้าวกระซิบจิว

         "อื่อ...กลับสิ..." จิวไม่พูดเปล่า จูบเบาๆ ลงไปที่ริมฝีปากต้นข้าว

         อีกหนึ่งสิ่งที่ต้องมาพร้อมกับฤทธิ์ของสุราคือ เปลวไฟแห่งราคะ มันถูกกระตุ้นด้วยเชื้อเพลิงอารมณ์มาแล้วเมื่อสักครู่ ต้นข้าวจูงมือจิวเพื่อจะกลับบ้าน เพลงช้าสำหรับสโลว์ซบเพลงใหม่เปิดขึ้นมาพอดี "Eternal Flame : เปลวไฟแห่งรักนิรันดร์" ของ The Bangles

         Close your eyes,
         give me your hand, darlin'
         Do you feel my heart beating
         Do you understand

         หลับตาคุณลง
         ให้มือของคุณได้สัมผัสผมสิที่รัก
         คุณรู้สึกถึงหัวใจผม
         ที่มันกำลังเต้นรัวอยู่หรือไม่



--------------------------------


บนห้องนอนที่บ้านต้นข้าว

         จิวและต้นข้าวยืนอยู่กลางห้อง ไฟกลางห้องนอนปิดหมด เหลือแต่ไฟแรงเทียนน้อยเปิดสลัวที่หัวเตียงเพียงดวงเดียว ฉายภาพของจิวและต้นข้าวที่ยืนบังไฟเป็นเงาดำไปที่ผนังห้องนอน

         บนผนังเกิดเงาภาพของชายหนุ่มสองคนในร่างเปลือยยืนกอดกันแน่นอยู่กลางห้อง ริมฝีปากประกบกันรุนแรง เนิ่นนาน เสียงเพลง "Eternal Flame" ยังก้องอยู่ในหู

         Do you feel the same
         Am I only dreaming
         Is this burning an eternal flame

         คุณเข้าใจและรู้สึกเหมือนผมหรือเปล่า
         หรือผมแค่ฝันไป...
         นี่คือไฟรักนิรันดร์ที่ไม่มีวันมอดดับใช่ไหม


         เงาดำพร่าเลือนบนผนังเปลี่ยนไป ฝ่ายหนึ่งยังยืนอยู่ อีกฝ่ายหนึ่งนั่งย่อลงต่ำหันหน้าเข้าไปที่กลางลำตัวของคนยืน  มือคนยืนเคล้าเคลียอยู่ที่เส้นผมอ่อนนุ่มของคนที่นั่งย่อตรงหน้า จังหวะโยกหัวดึงเข้าออกของคนที่นั่งย่อ บางจังหวะแผ่วเบา สลับกับโยกรุนแรงเป็นช่วงๆ บางจังหวะล้ำลึกเข้าไปข้างใต้ คนที่ยืนมีช่วงหนึ่งแหงนเงยหน้าขึ้นไปข้างบน นิ้วสอดเข้าจิกแน่นใต้เส้นผมของคนโยกหัว เห็นในเงาว่าเผยอปากครางชื่ออีกฝ่ายออกมาอย่างเผ็ดร้อน

         Say my name
         Sun shines through the rain
         A whole life so lonely
         And then come and ease the pain
         I don't want to lose this feeling, oh

         เรียกชื่อผมสิ...
         คุณเหมือนดั่งแสงตะวันที่ส่องผ่านม่านฝน
         ตลอดทั้งชีวิตของผมนั้น
         ช่างแสนเดียวดาย แล้วอยู่ๆ ก็มีคุณ
         เข้ามาคลายความเจ็บปวดที่เคยมี
         ผมไม่อยากให้ความรู้สึกนี้หายไปเลย
         ......โอวส์


         เงาดำบนผนังไหววูบเปลี่ยนตามการเคลื่อนที่ เป็นเงาคนหนึ่งนั่งกางขาเหยียดไปบนเตียง เงาของอีกคนนั่งคร่อมทับกลางลำตัวหันหน้าเข้าหากัน คนนั่งล่างเอามือจับเอวของคนนั่งคร่อมด้านบน ยกมือประคองขึ้นลงตามการขยับเอวของอีกคน ส่วนคนที่นั่งคร่อมด้านบน มือทั้งสองเกาะอยู่ที่บ่าของอีกฝ่าย เหมือนเป็นหลักยึดขณะที่บังคับช่วงต้นขาออกแรงยกลำตัวให้โยกขึ้น และ โยกลง ตามจังหวะของไฟอารมณ์

         Do you feel my heart beating
         Do you understand
         Do you feel the same

         คุณรู้สึกถึงจังหวะหัวใจของผม
         ที่มันกำลังเต้นรัวอยู่หรือไม่
         คุณเข้าใจ...คุณรู้สึก...
         เหมือนที่ผมกำลังเป็นอยู่หรือเปล่า


         เงาในผนังกำลังโยกตัวขึ้นและลง รุนแรงขึ้น เร็วแรงขึ้น ร้อนแรงขึ้น ภาพเงาแทบจะปรับโฟกัสตามไม่ทันเปลวแห่งอารมณ์นั้น เงาของใบหน้าทั้งสองโน้มเข้ามาจูบกันรุนแรง แนบแน่น

         Am I only dreaming
         Or is this burning an eternal flame

         นี่ผมแค่ฝันไปหรือเปล่า...
         นี่คือเปลวไฟแห่งรักนิรันดร์
         ที่ไม่มีวันมอดดับใช่หรือไม่


         จนถึงจังหวะสุดท้าย...ในท่านั่งโยกนั้น เงาทั้งสอง แหงนเงยหน้าขึ้นบนเพดานพร้อมกัน เสียงครางชื่อกันและกันของอีกฝ่ายดังประสานออกมา

         " ต้ น ข้  า ว "  " จิ ว "

         แล้วทั้งสองซบหน้าเข้าหากัน กอดแน่น นิ่ง และนาน

         Is this burning an eternal flame?

         ...เปลวไฟอันเป็นนิรันดร์
         คุณเข้าใจหรือเปล่า?


         ...นี่คือเปลวไฟแห่งรักนิรันดร์
         ที่ไม่มีวันมอดดับใช่ไหม...


--------------------------------


https://www.youtube.com/watch?v=oF70stvknQY
*Eternal Flame - Bangles (Lyrics & Thaisub)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-03-2017 03:17:41 โดย กำปงพิราเทวี »

ออฟไลน์ anandawan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 363
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
มาแล้วๆๆ จะต้มน้ำแล้วใช่มั้ยคะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ต้นข้าว โอนเอน อ่อนไหวไปมาตามแรงลม ในทุ่งนา
ต้นข้าวคน ก็เริ่มไหวเอนตามแรงลม แรงจูบ
จิว เข้มแข็งเป็นหลักยึดให้ต้นข้าวดีๆ
พายุพัดมาแรงๆ เดี๋ยวต้นข้าวปลิวไปตามแรงพายุ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

ต้นข้าวเป็นคนอ่อนไหว จริงๆ เฮ้อออ
ได้กลิ่นมาม่า

คุ้ยๆเพลงเก่าๆมาฟัง Eternal flame มีหลายversions มาก

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
คนหนึ่งปฏิเสธคนอื่นที่เข้ามาหา...อย่างหนักแน่นและมั่นคง
แต่อีกคนหนึ่ง
กลับแค่ยืนงงแล้วต้อนรับรอยจูบ...อย่างสับสนปนหวั่นไหว

เฮ้ออออออออ...ขอกอดปลอบใจจิวล่วงหน้าได้ไหมอ่ะ
ไอ่ตี๋หล่อ พ่ออุตส่าห์ให้มาตั้งเยอะ...แต่ช่วยอะไรไม่ได้มากนัก
 :กอด1: จิว

เดาผิดหมดเลยยยยยยยย
เกินความคาดหมายที่เดาไว้ คนที่จะจุดไฟต้มมาม่าให้อร่อยคือจิว
แต่ที่ไหนได้ผิดคาด คนนั้นก็คือต้นข้าวเองเหรอออออ
โอ้ววววว...ม่าย ม่ายจริง ไม่อยากจะเชื่อเลย

ขอร้องไห้ให้แมวหมาที่ตาย แต่จะไม่เสียใจให้กับคนที่ไม่รักดี
 o18 ต้นข้าว
หุหุ

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
ต้นข้าว ทำไมไปจูบกับพี่เปอร์ได้ล่ะ ขอให้เป็นครั้งสุดท้ายนะ  ชอบฉากรักอะ กลมกลืนไปกับสไตล์นิยายดี

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
หนังตะลุง ฟุ้งฟอย คอยเปลี่ยนท่า
พระเอกมา นางเอกไป ใจสร้างสรรค์
ผลัดกันเชิด เกิดรุกรับ นับพัลวัน
แสงไฟส่อง จ้องเงานั้น เอากันเพลิน

เห็นแต่หนังและหลังเนื้อ
เหลือเชื่อจริงๆ
อิอิ

ออฟไลน์ กำปงพิราเทวี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-0

MBKlover





ตอนที่ ๒๘ : วันที่รัก เดือนที่รอ พ.ศ.ที่คิดถึง


         ก่อนจะจบปีสอง ต้นข้าวมีกิจกรรมพิเศษในมหาวิทยาลัยเพิ่มอีกหลายอย่าง ทั้งงานส่งอาจารย์ ทั้งงานของชมรมการแสดง ชมรมถ่ายภาพ ต้องหัวหมุนวิ่งไปนู่นไปนี่ นอนดึก ตื่นแต่เช้ามากๆ มาหลายอาทิตย์ ไม่ค่อยได้เจอตัวกับจิวเท่าไร นอกจากโทรศัพท์ไปคุยด้วยตอนดึกๆ ในบางวัน

         บ่ายวันหนึ่ง หลังจากลงมาจากคาบเรียนวิชาการถ่ายภาพเพื่อการประชาสัมพันธ์ อาจารย์ได้สั่งงานสุดท้ายก่อนจบ ให้ส่งผลงานเดี่ยวของแต่ละคนเป็นภาพถ่ายสถานที่ท่องเที่ยวในหัวข้อว่า "โปสการ์ด"

         "ดีเหมือนกัน ไปถ่ายรูปด้วย หาเรื่องไปเที่ยวกันด้วยเนอะ" เอกเปรยขึ้นกับเพื่อนๆ ขณะที่นั่งเล่นกันอยู่ในซุ้มประจำด้านหลังอาคารเรียน

         "ใครจะไปไหนกันบ้างวะ จะได้ไม่ซ้ำกัน กูไปถ่ายรูปที่สวนสน" สมพลหันไปมองรอบๆ โต๊ะ

         "เราจะไปถ่ายที่ตลาดน้ำดำเนินสะดวกอะ แจ๊สอยากไปเที่ยวด้วย" เอกบอกของตัวเองบ้าง

         "แจ๊สยังไม่กลับไปเรียนอังกฤษอีกเหรอ" พริกหันไปถาม

         "ยังเลยอะ เห็นว่าอยู่ยาวทั้งเทอมเลย ไม่รู้มัน" แล้วเอกถามพริกต่อ "แล้วมึงล่ะ อีงู ไปไหน"

         พริกยักไหล่สองข้าง "พอดีจะต้องกลับไปเยี่ยมย่าที่โคราชว่ะ เลยว่าจะไปถ่ายโปสการ์ดที่พิมาย ไม่ก็ไปแถวไทรงาม โคราชบ้านเอง"

         "เออดีว่ะ ไม่เหมือนใครดี" เอกบอก แล้วหันไปทางต้นข้าวบ้าง

         "แล้วต้นข้าวล่ะ ไปถ่ายที่ไหน ชวนจิวไปด้วยป่ะ"

         "ยังไม่รู้เลย ไม่มีโปรแกรมว่าจะไปเที่ยวไหนช่วงนี้อะ เดี๋ยวลองถามๆ จิวดูก่อน เผื่อมีไอเดียว่าจะไปไหน"

         .....................

         "เฮ้ย ใครมาหาใครวะ ยืนลับๆ ล่อๆ หน้าซุ้มนั่น" สมพลถามเพื่อน

         ต้นข้าวหันไปมองนอกซุ้ม นั่นประไร!! พี่เป้อร์!

         ตลอดเดือนกว่าที่ผ่านมาหลังจากที่ไปเที่ยวเดอะพาเลซกันในคืนนั้น ต้นข้าวรู้ว่าพี่เป้อร์ยังไม่หยุดความพยายามในเรื่องการเข้าหาต้นข้าว มีทั้งเข้ามาทางคุณนายอ้อม เจ้าของวันเกิดคืนนั้น หรือทางเพื่อนคนอื่นๆ แต่ต้นข้าวก็หาทางหลีกเลี่ยงไปได้ทุกครั้ง หนุ่มน้อยไม่อยากจะเผชิญหน้า บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเพราะอะไร  แต่วันนี้พี่เป้อร์ไปกินดีหมีใจเสือที่ไหนมา ถึงกล้ามาหาต้นข้าวถึงที่ซุ้มนี้ได้ด้วยตัวเองเลย

         ในเมื่อมาหาถึงที่ และพี่เป้อร์เองก็ไม่รู้จักใครคนอื่นในซุ้มนี้ ต้นข้าวก็รู้สึกสงสารถ้าจะปล่อยให้พี่เป้อร์มายืนเก้ๆ กังๆ อยู่แบบนี้คนเดียว จริงๆ ต้นข้าวก็พึ่งมารู้ตัวว่าโตขึ้นมา กลับเป็นคนขี้สงสารคนอื่นมากขึ้น  หนุ่มน้อยใจอ่อนจึงลุกเดินออกจากซุ้มไปหา

         "มาหาใครครับพี่เป้อร์" ต้นข้าวแกล้งถามไปงั้น ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจ

         พี่เป้อร์ยิ้มอย่างที่คิดว่าหล่อสุดแล้วใส่ต้นข้าว --ซึ่งจริงๆ ก็ดูดีอยู่แหล่ะ-- ต้นข้าวคิด เพียงแต่ในคืนนั้นพี่เป้อร์ออกจะโจ่งแจ้งรวบรัดมากไปหน่อย

         "พี่มาหาน้องต้นข้าวแหล่ะครับ"

         "เอ่อ...พี่เป้อร์มีธุระอะไรให้ผมช่วยหรือครับ"

         พี่เป้อร์คว้ามือข้างหนึ่งของต้นข้าวไปกุมไว้ "เปล่าๆ ไม่มีอะไร พี่คิดถึงเฉยๆ"

         หนุ่มน้อยยืนทำหน้าไม่ถูกเมื่อได้ยินคำนั้น จะว่าดีใจก็ไม่เชิง จะว่าอยากหลีกลี้หนีไปไกลก็ไม่ใช่

         เป็นธรรมดาของคนเรา มีคนมารัก มีคนมาคิดถึง ก็ย่อมดีกว่ามีคนมาเกลียดอยู่แล้ว แถมคนที่มายืนบอกคิดถึงนี่ก็หน้าตาดีอยู่ไม่หยอก ออกแนวตี๋ๆ อย่างที่ต้นข้าวคุ้นชินมานานแสนนานแล้วด้วย

         "พี่เห็นไอ้นี่มันน่ากิน เลยซื้อมาฝากน้องต้นข้าวด้วยครับ" พี่เป้อร์ส่งถุงขนม เป็นถุงกระดาษสีขาวเล็กๆ ใส่มือต้นข้าว

         ไอ้นี่ ที่พี่เป้อร์ว่า มันคือขนมไข่นกกระทา สีเหลืองนวลลูกเล็กๆ กลมบ๊อก ดูน่ากิน แต่มันก็ไม่ใช่ของโปรดของต้นข้าวซะหน่อย ดีนะที่ยั้งปากทัน เกือบหลุดปากไปแล้วว่าจริงๆ ต้นข้าวชอบลูกชิ้นชุบแป้งทอดมากกว่า แต่อย่าเลย เดี๋ยวยาว

         "ขอบคุณมากครับพี่เป้อร์" ต้นข้าวยิ้มแห้งๆ ให้ "เกรงใจพี่ครับ วันหลังไม่..."

         หนุ่มน้อยผู้ได้รับของฝากยังพูดไม่จบ พี่เป้อร์ก็กุมมือต้นข้าวรวบไปทั้งมือและถุงขนมนั่น "ไม่เป็นไรครับน้องต้นข้าว พี่อยากซื้อมาให้จริงๆ" พี่เป้อร์ทำหน้าแบบจริงจังประกอบ  ส่วนต้นข้าวเลยต้องก้มตาลงมองต่ำ

         "แล้วนี่กำลังคุยกับเพื่อนๆ อยู่หรือครับ พี่เห็นอ้อมเล่าให้ฟังว่าอาจารย์โฟโต้ สั่งงานให้ไปถ่ายรูปท่องเที่ยวกันหรือครับ แล้วต้นข้าวจะไปถ่ายที่ไหน ให้พี่พาไปไหมครับ"

         ต้นข้าวได้ยินเลยยิ่งไปต่อไม่ถูก ทำไมพี่เป้อร์นี่รู้เรื่องราวอะไรเร็วจัง แล้วจะยังไงเนี่ย

         "พี่แนะนำน้องต้นข้าวให้ไหมครับ บ้านพี่เป็นคนบางไทร เลยอยากพาน้องต้นข้าวไปถ่ายรูปที่อยุธยา ไปที่บางปะอินก็ได้ สวยมากนะครับ มีมุมถ่ายรูปสวยๆ เยอะมาก และไปไม่ไกลจากมหา'ลัยเราด้วย" พี่เป้อร์เห็นต้นข้าวนิ่งไป เลยแนะนำให้เสร็จสรรพ

         "ขอบคุณนะครับพี่เป้อร์ ที่แนะนำให้ งั้นเดี๋ยวผมจะไปปรึกษากับ แฟ...เอ่อ...เพื่อนก่อนนะครับ" ต้นข้าวเกือบหลุดปากไป  ก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงเปลี่ยนสถานะของจิวไปเป็นคำว่าเพื่อน

         "ได้ครับน้องต้นข้าว แล้วยังไงบอกพี่แล้วกัน นี่หมายเลขแพคลิ้งค์พี่" พี่เป้อร์ยัดกระดาษเล็กๆ ใส่มือต้นข้าว "เรียกมาแล้วกันแล้วพี่จะโทรกลับ พี่ไปก่อนนะครับ กลับบ้านดีๆ นะคนเก่ง"

         "เอ่อ..." เสียงต้นข้าวดังไม่เกินกระซิบ เมื่อคนพูดจบก็ส่งยิ้มให้ทีหนึ่ง แล้วเดินก้าวยาวๆ จากไปทันที

         --จะตั้งตัวทันไหมนี่ตรู-- ต้นข้าวยืนเกาหัวแกรกๆ ยกกระดาษเล็กๆ ขึ้นมาดู มันเขียนด้วยหมึกซึมไว้

         "พี่เป้อร์ แพคลิ้งค์ : 573 424"

         เป็นชื่อและเบอร์ประจำเครื่องวิทยุติดตามตัวของบริษัทแพคลิ้งค์ ซึ่งเป็นของใหม่ที่เริ่มเข้ามาใช้ในเมืองไทย และมีคนที่ต้นข้าวรู้จัก เริ่มใช้มันหลายคนแล้ว สองสามวันก่อนคุณนายอ้อมก็พึ่งเอาเครื่องแพคลิ้งค์มาอวด

         ต้นข้าวยัดกระดาษนั่นเก็บใส่กระเป๋ากางเกง เปิดถุงหยิบขนมไข่นกกระทาลูกหนึ่งขึ้นมามองอย่างไร้ความหมาย แล้วโยนใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆ พร้อมกับเกินกลับมาในซุ้ม วางถุงขนมไปกลางโต๊ะ

         "อะไรวะ มีส่งส่วย ส่งขนมนมเนยกันด้วย" พริกเปรยออกมา มือก็ล้วงไปหยิบขนมมาใส่ปากทันทีเหมือนกัน

         "พี่เค้าเป็นใคร มีอะไรเหรอต้นข้าว" เอกถาม พร้อมจ้องหน้าต้นข้าว เพราะรู้สึกว่าเรื่องนี้มีอะไรแปลกๆ ล่ะ

         "ไม่มีอะไร อยู่ดีๆ ก็ซื้อขนมมาฝาก" ต้นข้าวตอบ เสียงไม่ได้ส่ออารมณ์ใดๆ

         "เออ แปลกคนเนาะ" เอกรำพึง พร้อมหันหน้ามองตามไปทางที่พี่เป้อร์เดินไปเมื่อกี้ ทำหน้าครุ่นคิด

         ...................

         หัวค่ำคืนนั้น หลังอาหารเย็น ต้นข้าวกับจิวนั่งคุยกันที่โต๊ะหินอ่อนข้างบ้านแจ้งวัฒนะ

         "จิว ที่มหา'ลัยอาจารย์ให้ส่งงานถ่ายรูปโปสการ์ดอะ ไปถ่ายที่ไหนดี ช่วงนี้อยากไปเที่ยวที่ไหนหรือเปล่า"

         จิวหันมามองต้นข้าว "ไม่รู้สิ ไม่มีโปรแกรมไปเที่ยวที่ไหนเลย จะถ่ายรูปแบบไหนอะ เป็นสถานที่เที่ยวเหรอ"

         "ใช่ ที่เที่ยวอะไรก็ได้ ถ่ายเพื่ออัดรูปออกมาทำเป็นโปสการ์ดส่งอาจารย์น่ะ" ต้นข้าวอธิบาย

         จิวแกะถั่วลิสงต้มบนจานข้างหน้าแกะใส่ปาก "เท่าที่นึกออก ไปนครปฐมดีไหม เพราะช่วงนี้จิวต้องไปนครชัยศรีบ่อยๆ ไปดูเครื่องฉีดพื้นรองเท้าแตะ  ป๊าจะซื้อเครื่องใหม่มาลงที่โรงงาน แล้วเลยไปถ่ายรูปพระปฐมเจดีย์ก็ได้"

         ต้นข้าวเหมือนจู่ๆ คิดอะไรออกขึ้นมา จึงบอกจิวว่า "หรือไปบางปะอินกันดีไหม มันใกล้มหา'ลัยดีนะ เห็นเค้าบอกว่าสวยด้วย และเราก็ยังไม่เคยไปกันนี่"

         จิวกำลังง่วนอยู่กับถั่วเม็ดหนึ่งที่แกะยาก พอแกะแล้วจึงพบว่าเม็ดถั่วข้างในมันขึ้นรา จิวเงยหน้าขึ้นจากเปลือกถั่วในมือ มองหน้าต้นข้าวอีกครั้ง

         "อ้าว มีคำตอบอยู่แล้ว จะมาถามทำไมล่ะว่าอยากไปไหน ก็ไปตามที่คนเขาบอกว่าดีสิ"

         "จะมาเสียงแข็งทำไมล่ะ" ต้นข้าวคิดว่าตัวเองคงพูดอะไรพลาดไปแล้ว "ก็อยากไปด้วยกันไง ที่ไหนก็ได้แต่อยากไปด้วยกัน"

         "ก็ตามใจเถอะ งานของต้นข้าวนี่" จิวโยนถั่วเม็ดนั้นลงบนจาน แล้วลุกขึ้นยืน "ไปอาบน้ำก่อนนะ ง่วงแล้ว"

         ต้นข้าวมองตามคนงอน ที่พรวดพราดลุกขึ้นเดินไปซะเฉยๆ อย่างงั้น --นี่ตรูพูดผิดหูขนาดนั้นเลยหรือ--

         หนุ่มน้อยลุกขึ้นแล้วเดินตามคนหงุดหงิดเข้าไปในบ้าน ทิ้งจานของกินเล่นวางไว้บนโต๊ะแบบนั้น ถั่วเม็ดที่จิวโยนลงไป ยังกลิ้งกระดุกกระดิกข้างจาน

         ถั่วลิสงที่เปลือกนอกมีรูแตกเล็กนิดเดียว มองแทบไม่เห็น แต่ก่อให้เกิดเชื้อรากัดกินด้านในได้...

         ..................

         กลางดึกคืนนั้น ต้นข้าวนอนตะแคงข้าง จิวนอนตะแคงกอดต้นข้าวจากด้านหลังอีกที

         "โอยยย..." ต้นข้าวครางเบาๆ

         "ร้องทำไม" จิวถามเสียงกระเส่าไม่แพ้กัน

         "เปล่า...ตกลงไปบางปะอินด้วยกันนะจิว อยากไปด้วยกัน อูยยย~..."

         อีกฝ่ายขยับตัวเบาๆ อยู่ด้านหลัง เงียบไปชั่วครู่

         "อืม ก็ได้ อยากไปไหนก็ไป ตามใจเถอะ"

         รอยยิ้มของคนตะแคงด้านหน้าก็ผุดขึ้นที่มุมปาก

         "อย่าพึ่งดึงออก คาเอาไว้แบบนี้นานๆ นะ ชอบ..."

         "อืมมมม~" เสียงกระซิบตอบมาเบาๆ และดูเหมือนกำลังหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข

--------------------------------

         หลายวันต่อมา เช้าวันนั้นเป็นวันที่อากาศสดใส ท้องฟ้ากระจ่าง มีเมฆลอยเป็นกลุ่มสวย เหมาะกับการถ่ายรูป ต้นข้าวกับจิวขับรถกันมาถึงพระราชวังบางปะอิน พระนครศรีอยุธยา แต่เมื่อจอดรถแล้ว เห็นวัดนิเวศธรรมประวัติ ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะกลางน้ำด้านหน้าทางเข้าพระราชวังสวยแปลกดี จึงพากันนั่งกระเช้าข้ามแม่น้ำไปเที่ยวกันก่อน

         วัดนิเวศธรรมประวัติ ตั้งอยู่บนเกาะกลางแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นวัดเดียวในเมืองไทยที่การตกแต่งทั้งวัดเป็นศิลปะแบบยุโรป (โกธิค) ตัวพระอุโบสถมีลักษณะเหมือนโบสถ์ฝรั่งในศาสนาคริสต์ รวมทั้งหมู่กุฏิพระต่างๆ ก็เป็นแบบฝรั่งทั้งหมดเช่นเดียวกัน ต้นข้าวกับจิวสลับกันยืนถ่ายรูปหน้านาฬิกาแดดที่หล่อจากโลหะขนาดใหญ่หลังโบสถ์ด้วยความสนุกสนาน

         เมื่อเดินเล่นรอบวัดแล้ว สองหนุ่มก็นั่งกระเช้าข้ามแม่น้ำกลับมาที่ฝั่งหน้าพระราชวัง ก็ได้เจอกับคนที่ไม่คาดคิดตรงนั้นเอง

         "น้องต้นข้าว" เสียงพี่เป้อร์ตะโกนเรียกจากร้านขายเครื่องดื่มใกล้ๆ และเจ้าตัวกำลังเริ่มเดินเข้ามาหา

         --ตายห่า-- ไม่ต้องสืบเลยว่าพี่เป้อร์รู้ได้ยังไงว่าต้นข้าวจะมาวันนี้ ต้องมาจากคุณนายอ้อมแน่ๆ ที่ไปบอก เพราะอ้อมถามต้นข้าวก่อนมานี่สักสองวันว่าต้นข้าวตกลงจะไปถ่ายรูปที่ไหนและเมื่อไร

         "พี่เป้อร์ สวัสดีครับ" ต้นข้าวยกมือไหว้พี่เป้อร์ พร้อมๆ กับที่จิวก็ยกมือไหว้เหมือนกันเพราะจิวคุ้นหน้ามาบ้างแล้วจากการเจอและคุยกันประโยคเดียวที่เดอะพาเลซตอนไปถามหาต้นข้าวที่ไปเข้าห้องน้ำนาน

         "ตกลงน้องต้นข้าวมาถ่ายรูปที่นี่จริงๆ" พี่เป้อร์พูดยิ้มๆ แล้วเลยมองไปทางจิว "นี่เพื่อนน้องเหรอครับ"

         ต้นข้าวหันไปมองจิว ซึ่งยืนจับต้นชนปลายไม่ถูกอยู่ แล้วตอบพี่เป้อร์เสียงแผ่วลง "ครับ เพื่อนสนิทต้นข้าว"

         "ใช่ครับ เราเป็นเพื่อนสนิทกัน" จิวเสริมขึ้นมา คำท้ายๆ ออกเสียงเน้นเป็นพิเศษ แต่ใบหน้าไม่ได้บอกอารมณ์ใดๆ

         คราวนี้เป็นต้นข้าวเองที่เริ่มทำตัวไม่ถูกแล้ว นึกไปนึกมาก็ยัง งงตัวเองอยู่ว่าทำไมไม่แนะนำจิวไปเลยว่าเป็นแฟน เรื่องมันจะได้จบๆ หรือจะเป็นต้นข้าวเองนะที่จะซื้อเวลาในเรื่องนี้

         "พี่เป้อร์ก็มาเที่ยวเหมือนกันหรือครับ"

         "เปล่า พี่มาเยี่ยมแม่ที่บางไทรน่ะ รู้ว่าต้นข้าวจะมาถ่ายรูปวันนี้ เลยจะดักรอเอาของมาให้" พี่เป้อร์พูดยิ้มๆ ตาจ้องแต่หน้าต้นข้าว แล้วส่งกระดาษให้ต้นข้าวปึกเล็กๆ ปึกหนึ่ง

         ต้นข้าวยกขึ้นมาดู มันเป็นโปสการ์ดของสถานที่ต่างๆ ในพระราชวังบางปะอินจำนวน ๔ แผ่น แบบที่สำหรับขายให้นักท่องเที่ยว หนุ่มน้อยเงยขึ้นมองหน้าพี่เป้อร์ด้วยความสงสัย

         "พี่ซื้อมาจากร้านขายของที่ระลึกหน้าวังนี่ไง เห็นน้องต้นข้าวจะถ่ายแนวโปสการ์ด พี่เลยซื้อเอามาให้เผื่อเป็นตัวอย่างแนวทางการถ่ายน่ะ" พี่เป้อร์พูดไปยิ้มไป

         "เอ่อ ขอบคุณมากนะครับ" ต้นข้าวตะกุกตะกัก ทำตัวไม่ถูกไปก้นใหญ่ มันเริ่มเยอะเข้ามาใกล้ทุกทีละนะ

         "ไม่เป็นไร วันนี้พี่เห็นน้องต้นข้าวมีเพื่อนมาเดินถ่ายรูปด้วยแล้วๆ งั้นพี่กลับก่อนนะครับ ไม่กวนล่ะ ถ่ายออกมาให้สวยๆ นะครับ"

         "ครับพี่เป้อร์ สวัสดีนะครับ" ต้นข้าวยกมือไหว้พี่เป้อร์อีกที อย่างน้อยพี่เขาก็มีน้ำใจล่ะเนาะ

         ต้นข้าวกับจิวเดินแยกจากมา จิวทำหน้าขรึมๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร แต่ไม่รู้ว่าด้วยความตั้งใจที่จะทำ หรือเป็นตามความเคยชิน จิวเอามือข้างหนึ่งขึ้นมาแตะโอบหลังต้นข้าวเบาๆ ขณะเดินอย่างทะนุถนอมและแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของอยู่ในที ถ้าใครก็ตามที่ยังยืนมองอยู่ด้านหลัง ควรจะต้องเข้าใจได้ว่า สิ่งล้ำค่าชิ้นนี้มีเจ้าของแล้ว

         ...................

         "บางปะอิน" ถิ่นที่พบปะ ของพระมหากษัตริย์สมัยอยุธยาพระองค์หนึ่ง กับสาวสวยชาวบ้านที่ชื่อ "อิน" และเกิดความรักต่อกัน จนกลายมาเป็นชื่อเรียก "บาง-ปะ-อิน" และมาเป็นที่ตั้งของพระราชวังอันน่ามหัศจรรย์

         มีคลองน้ำเล็กๆ ไหลคดเคี้ยวแยกมาจากแม่น้ำเจ้าพระยา มันไหลผ่านไปตลอดทั้งพื้นที่ในพระราชวังบางปะอินที่แสนงดงามแห่งนี้

         ต้นข้าวกับจิวยืนอยู่กลางสะพานปูนขนาดยาวที่ทอดผ่านคลองนั้น มันมีชื่อว่า "สะพานตุ๊กตา" สองข้างขอบสะพานประดับด้วยตุ๊กตาปูนปั้นองค์เทพีที่สั่งนำเข้ามาจากยุโรปวางเรียงเป็นระยะๆ ซึ่งสะพานนี้สร้างเลียนแบบสะพานข้ามแม่น้ำไทเบอร์ ที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี น้ำในคลองกระทบแสงแดดบ่าย เต้นระยิบระยับ

         ในลำน้ำนั้น มีพระที่นั่งแบบไทยแท้องค์หนึ่ง คือพระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ เป็นพระที่นั่งปราสาทโถงทรงจตุรมุขตั้งอยู่กลางน้ำ เงาสะท้อนประกายของกระจกเกรียบสีทองที่ติดประดับบนยอดหลังคาปราสาทเต้นระริกลงไปในน้ำ มันเข้ากันกับตุ๊กตาปูนปั้นแบบยุโรปบนสะพานด้านนี้อย่างไม่น่าเชื่อ

         จิวลืมความขุ่นมัวในใจบางๆ ลงไป ส่วนต้นข้าวก็ได้แต่มองภาพตรงหน้าอย่างชื่นชม เริ่มขยับกล้องจะขึ้นมาถ่าย ทั้งสองมีเรื่องตรงกันในความตื่นตาตื่นใจของความงามแห่งสถาปัตยกรรมโบราณที่เห็น จนลืมเรื่องอื่นๆ ไปชั่วขณะ

         ต้นข้าวฝากโปสการ์ดทั้งสี่ใบให้จิวถือไว้ ตัวเองก็ปรับแต่งเลนส์กล้องเพื่อจะถ่ายภาพพระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ตรงหน้า จิวหยิบโปสการ์ดรูปพระที่นั่งนี้ขึ้นมาดู แล้วชูไปตรงหน้าเพื่อเทียบกับองค์จริงที่เห็น

         "เดี๋ยวก่อน!"

         ต้นข้าวร้องออกมาจากหลังกล้อง จิวตกใจนึกว่าตัวเองชูโปสการ์ดไปบังเกะกะระยะกล้องของต้นข้าวที่กำลังถ่ายรูปอยู่ จึงรีบลดมือลง

         "ไม่ใช่ ชูขึ้นมาแบบเมื่อกี้ดีแล้ว" ต้นข้าวหันไปบอกจิว พร้อมกับดึงทั้งมือทั้งตัวจิวเข้ามาใกล้ๆ จนยืนเบียดหลังกัน "ชูรูปเมื่อกี้ออกไปข้างหน้า เอามือจิวยื่นเข้ามาหน้ากล้องเลย ยืนชิดๆ สิ"

         จิวแม้จะยังไม่เข้าใจอะไรในตอนนั้น แต่ก็เข้าไปยืนชิดต้นข้าวถึงขนาดแนบซ้อนหลังกัน แล้วยื่นมือโอบผ่านหลังต้นข้าว ชูโปสการ์ดใบนั้นไปที่หน้ากล้องของต้นข้าว

         "รูปโปสการ์ดกับภาพของจริงมันซ้อนกันพอดีเลย" ต้นข้าวบอกมาอย่างดีใจ "สวยมากๆ จิวขยับเข้ามาอีก จับให้นิ้วสวยๆ นิ่งๆ นะ"

         จิวขยับเข้าไปอีก จนลมหายใจอุ่นรดต้นคอและหลังหูต้นข้าว กลิ่นหนุ่มที่คุ้นเคย --ถ่ายไปนานๆ นะ อยากยืนแบบนี้ด้วยกันไปนานๆ-- จิวคิด

         ต้นข้าวขยับซ้ายขยับขวาอีกหลายตลบ จนเหมือนจะได้ภาพที่ถูกใจแล้ว เหลือแต่ตอนไปล้างอัดรูปออกมาอีกทีว่าจะออกมาสวยดังใจคิดไว้หรือไม่

         หลังจากบนสะพานนั้นแล้ว ต้นข้าวกับจิวก็พากันเดินถ่ายสถานที่สำคัญในพระราชวังนั้นต่อไปอีก โดยเฉพาะในจุดที่ตรงกับรูปในโปสการ์ดที่เหลืออีก ๓ รูป คือรูปของ "พระที่นั่งวโรภาษพิมาน” เป็นพระที่นั่งทรงตึกชั้นเดียว ศิลปะแบบคอรินเทียนออร์เดอร์ ที่ใช้เป็นท้องพระโรงในสมัยโบราณ

         "หอวิทูรย์ทัศนา" ซึ่งเป็นหอสูงสำหรับดูดาว และพระที่นั่ง "เทียน เม่ง เต้ย" หรือในชื่อภาษาไทยว่า "พระที่นั่งเวหาศน์จำรูญ" เป็นพระที่นั่งแบบจีน สีแดง-ทองอร่าม งดงามมากๆ โดยใช้วิธีการถ่ายรูปซ้อนกับโปสการ์ดแบบเดียวกันทั้ง ๔ รูป ซึ่งจิวก็ร่วมมือกับต้นข้าวในการจับโปสการ์ดขึ้นมาชูผ่านหน้ากล้องได้เป็นอย่างดีและเต็มใจ เพราะบางรูปขณะยืนชิดกันถ่ายรูป จิวก็แอบหอม แอบจูบไปที่ต้นคอของต้นข้าวบ่อยๆ ซึ่งต้นข้าวก็ไม่ได้ว่าอะไร หัวเราะคิกคัก บอกจิวให้จับโปสการ์ดดีๆ แล้วหันไปตั้งใจถ่ายรูปต่อ

         บนรถที่ต้นข้าวขับตอนกลับบ้าน หนุ่มน้อยสองคนหัวร่อต่อกระซิกกัน และพากันคาดเดาว่ารูปที่ถ่ายเมื่อล้างอัดออกมาแล้วจะเป็นอย่างไร สวยสมกับที่ตั้งใจไหม จิวก็แกล้งดูถูกไปต่างๆ นาๆ ว่ารูปต้องออกมาสว่างไปบ้าง มืดไปบ้าง ไม่งั้นก็มัวๆ ไม่คมชัด หรือถึงขั้นเลวร้ายคือใส่ฟิล์มไม่ตรง

         "งั้นพอล้างอัดออกมาแล้วอย่าเอานะ ทีแรกว่าจะส่งเป็นโปสการ์ดไปให้ที่บ้านจิวเลย" ต้นข้าวหัวเราะหึหึ

         "อ้าวได้ไง ส่งมาสิ อย่าลืมนะว่ามือในภาพน่ะมือใคร ถ้าไม่ส่งมามีหวังอดไปเลยเดือนนึง" จิวหัวเราะบ้าง

         "อดอะไร ห๊ะ...อดอะไร" ต้นข้าวหันมาอมยิ้มถาม

         "แล้วบอกให้แช่ไว้นานๆ โรคจิต! หึหึ อดไปเถอะ" เสียงจิวบ่นงึมงึมๆ

--------------------------------

         อีกหนึ่งอาทิตย์ต่อมา จิวก็ได้รับโปสการ์ดส่งมาทางไปรษณีย์ถึงบ้านจิวพร้อมกัน ๔ ใบ เป็นรูปสถานที่สำคัญ ๔ อย่างในพระราชวังบางปะอิน เป็นภาพฝีมือการถ่ายของต้นข้าว ที่สวยสดใส คมชัด งดงาม ในทุกภาพมีมือของจิวที่ถือโปสการ์ดทาบทับตำแหน่งของสถานที่จริงในพระราชวังบางปะอินนั้นอย่างน่ามหัศจรรย์

         จิวพลิกดูด้านหลัง ต้นข้าวเขียนที่อยู่ และเนื้อความในโปสการ์ดซึ่งเขียนเหมือนกันทั้ง ๔ ใบมาว่า

         ไปรษณีย์จ๋ากรุณาส่ง...
         สมนึก แซ่จิว

         วันที่รัก, เดือนที่รอ, พ.ศ.ที่คิดถึง

         ภาพบางภาพมีความหมายในตัวเอง แต่ภาพบางภาพ ความหมายอยู่ที่คนหลังกล้อง กับคนที่ยืนอยู่ข้างๆ คนถ่ายกล้อง

         ยืนอยู่ด้วยกันไปนานๆ นะ

         จากต้นข้าว










« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-03-2017 03:18:21 โดย กำปงพิราเทวี »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เง้ออออ.......เขาแช่อะไรกันนะ แช่นานๆ ด้วย
คงไม่แช่ผ้าที่จะซักเพราะเปรอะ เอ่อ.....
ค้นข้าว เกรงอะไร ถึงไม่แนะนำจิว ว่าแฟน
อย่าใจอ่อนกับพี่เป้อร์ นะ
เข้มแข็งนะต้นข้าว  :mew2:
มีจิว ที่เป็นมากกว่าแฟนไปแล้วด้วย  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ กำปงพิราเทวี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-0
มาแล้วๆๆ จะต้มน้ำแล้วใช่มั้ยคะ

= เริ่มอุ่นเครื่องเบาๆ แระ 555+


ต้นข้าว โอนเอน อ่อนไหวไปมาตามแรงลม ในทุ่งนา
ต้นข้าวคน ก็เริ่มไหวเอนตามแรงลม แรงจูบ
จิว เข้มแข็งเป็นหลักยึดให้ต้นข้าวดีๆ
พายุพัดมาแรงๆ เดี๋ยวต้นข้าวปลิวไปตามแรงพายุ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

= สาธุ ขอให้ไปกันตลอดรอดฝั่งเถอะฮะ อิอิ


หวั่นๆใจ

= มาช่วยกันลุ้นนะฮะ


:L2: :pig4:

ต้นข้าวเป็นคนอ่อนไหว จริงๆ เฮ้อออ
ได้กลิ่นมาม่า

คุ้ยๆเพลงเก่าๆมาฟัง Eternal flame มีหลายversions มาก

= เอาเวอร์ชั่นออริจินอลฮะ เข้ากับเนื้อเรื่องที่สุด ฮี่ๆๆ


คนหนึ่งปฏิเสธคนอื่นที่เข้ามาหา...อย่างหนักแน่นและมั่นคง
แต่อีกคนหนึ่ง
กลับแค่ยืนงงแล้วต้อนรับรอยจูบ...อย่างสับสนปนหวั่นไหว

เฮ้ออออออออ...ขอกอดปลอบใจจิวล่วงหน้าได้ไหมอ่ะ
ไอ่ตี๋หล่อ พ่ออุตส่าห์ให้มาตั้งเยอะ...แต่ช่วยอะไรไม่ได้มากนัก
 :กอด1: จิว

เดาผิดหมดเลยยยยยยยย
เกินความคาดหมายที่เดาไว้ คนที่จะจุดไฟต้มมาม่าให้อร่อยคือจิว
แต่ที่ไหนได้ผิดคาด คนนั้นก็คือต้นข้าวเองเหรอออออ
โอ้ววววว...ม่าย ม่ายจริง ไม่อยากจะเชื่อเลย

ขอร้องไห้ให้แมวหมาที่ตาย แต่จะไม่เสียใจให้กับคนที่ไม่รักดี
 o18 ต้นข้าว
หุหุ

= โปรดสงสารต้นข้าวด้วยเถิด อย่าพึ่งประนามเลย ฮ่าๆๆ เด็กกำลังอยากลองรัก 555+


ต้นข้าว ทำไมไปจูบกับพี่เปอร์ได้ล่ะ ขอให้เป็นครั้งสุดท้ายนะ  ชอบฉากรักอะ กลมกลืนไปกับสไตล์นิยายดี

= ขอบคุณมากฮะที่ชอบ คนอ่านน่ารักที่สุด


หนังตะลุง ฟุ้งฟอย คอยเปลี่ยนท่า
พระเอกมา นางเอกไป ใจสร้างสรรค์
ผลัดกันเชิด เกิดรุกรับ นับพัลวัน
แสงไฟส่อง จ้องเงานั้น เอากันเพลิน

เห็นแต่หนังและหลังเนื้อ
เหลือเชื่อจริงๆ
อิอิ

= เหลือเชื่อเรื่องการฉายหนังตะลุงหรือฮะ 55555+


เง้ออออ.......เขาแช่อะไรกันนะ แช่นานๆ ด้วย
คงไม่แช่ผ้าที่จะซักเพราะเปรอะ เอ่อ.....
ค้นข้าว เกรงอะไร ถึงไม่แนะนำจิว ว่าแฟน
อย่าใจอ่อนกับพี่เป้อร์ นะ
เข้มแข็งนะต้นข้าว  :mew2:
มีจิว ที่เป็นมากกว่าแฟนไปแล้วด้วย  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

= สงสัยไม่จิวก็ต้นข้าวต้องเป็นโรคจิตแน่ๆ ชอบแช่ผ้าตอนกลางคืนฮะ 55555+


.........................


ขอบคุณทุกท่านน๊า สุขสันต์วันแห่งความรักนะฮะ ใครที่มีรัก ขอให้รักษากันไว้ให้ยาวนานน๊า


 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ anandawan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 363
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
อร้ายย ต้นข้าว ไม่ได้แช่ผ้านะ จะได้แช่นานๆ แล้วคราบฝังแน่นจะสลายได้ง่าย
ลามก~~

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

ฟีลของต้นข้าว เป็นแบบที่เราเกลียดที่สุด

Happy V s'Day

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
จะไม่รักต้นข้าวแล้ว
 o18


รักจิวคนเดียว
 :กอด1:

เน๊าะจิวเน๊าะ
 :n1:
อิอิ

ออฟไลน์ zenesty

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
เพิ่งเข้ามา แต่ยังไม่ได้อ่าน ไม่กล้าเปิดอ่านเลยค่ะ คืออ่านแค่เกริ่นนำก็น้ำตาไหลแล้ว เป็นคนเซ็นซิทีฟกับเรื่องแบบนี้ คืออ่านเกริ่นนำก็เหมือนบอกเล่าเรื่องราวทุกอย่างที่ผ่านมา มันทราบซึ้ง มันตรึงใจ กว่าคนสองคนจะรักกันต้องผ่านเรื่องราวต่างๆ มามากมาย ขอทำใจก่อนซักปี 2 ปี หืออออออ 
 :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:

ออฟไลน์ กำปงพิราเทวี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-0
อร้ายย ต้นข้าว ไม่ได้แช่ผ้านะ จะได้แช่นานๆ แล้วคราบฝังแน่นจะสลายได้ง่าย
ลามก~~

= นั่นสิเนอะ 55555+


:L2: :pig4:

ฟีลของต้นข้าว เป็นแบบที่เราเกลียดที่สุด

Happy V s'Day

= โลเล จะอะไรก็ไม่อะไรใช่ไหมฮะ ไม่ชัดเจนสำหรับอีกคน แต่ก็เนอะ บางทีคนทำก็อาจมีเหตุผลลึกๆ ที่เราไม่รู้


:pig4: :pig4: :pig4:

= ขอบคุณมากนะฮะ


จะไม่รักต้นข้าวแล้ว
 o18


รักจิวคนเดียว
 :กอด1:

เน๊าะจิวเน๊าะ
 :n1:
อิอิ

= อย่าพึ่งเกลียดต้นข้าวเลยฮะ น้องอาจจะอยากเรียนรู้อะไรสักอย่างก็ได้


เพิ่งเข้ามา แต่ยังไม่ได้อ่าน ไม่กล้าเปิดอ่านเลยค่ะ คืออ่านแค่เกริ่นนำก็น้ำตาไหลแล้ว เป็นคนเซ็นซิทีฟกับเรื่องแบบนี้ คืออ่านเกริ่นนำก็เหมือนบอกเล่าเรื่องราวทุกอย่างที่ผ่านมา มันทราบซึ้ง มันตรึงใจ กว่าคนสองคนจะรักกันต้องผ่านเรื่องราวต่างๆ มามากมาย ขอทำใจก่อนซักปี 2 ปี หืออออออ 
 :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:

= ขอบคุณมากน๊า แต่ลองอ่านภาคแรกดูก็ได้ฮะ เบาๆ หน่อย เพราะภาคมหาวิทยาลัยนี่เข้าเขตดราม่าไปซะแล้วอ่าฮะ ลองดูเนอะ


.......................


ขอบคุณทุกท่านที่แวะเวียนเข้ามาทักทายกันครับ


 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด