MBK❤lover || ตอนที่ ๔๗ : ความรักชนะทุกสิ่ง || ๑๕ || ๑๗/๑๑/๖๐
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: MBK❤lover || ตอนที่ ๔๗ : ความรักชนะทุกสิ่ง || ๑๕ || ๑๗/๑๑/๖๐  (อ่าน 139421 ครั้ง)

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
ดีใจกลับมาแล้ว จิว-ข้าว จะได้เจอกันแล้ว ห่างกัน10ปี ถ้าเจอหน้ากันจะวิ่งมากอดกัน จะร้องไห้ หรือแค่ยิ้มให้กันแค่คนคุ้นเคยกันรึป่าว รออ่านตอนต่อไปคับ ค้างมาก

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ hibatsumoe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ค้างงง o22
จะได้เจอกันในรอบสิบปี อยากให้ต้นข้าวเป็นฝ่ายง้อจิวบ้าง  :z10:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
อยากเห็นจิวมีเมียใหม่
คนที่ไม่ลืมความรักของจิวง่ายๆ

ส่วนต้นข้าว จะรู้สึกอะไรหรือเปล่า
ไม่กล้าเดา หุหุ

ออฟไลน์ กำปงพิราเทวี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-0

MBK❤lover





ตอนที่ ๓๘ : รักเกิดที่คาราโอเกะ


          รถวอลโว่ 850 สีแดงแปร๊ดพุ่งเข้ามาจอดที่ลานจอดด้านหน้าร้าน "น้อง คาราโอเกะ" ริมถนนบางบัวทอง เด็กโบกรถรีบวิ่งเข้ามากุลีกุจอโบกพร้อมส่องไฟฉายให้ แต่ดูเหมือนไม่ทันการแล้ว เพราะเจ้าของรถเลี้ยวจอดอย่างชำนาญ แถมเบรคเอี๊ยดเกือบชนกระถางต้นไม้แถวนั้นอย่างเฉียดฉิว มันเหลือที่จอดช่องนี้ช่องเดียวพอดี นอกนั้นเต็มไปด้วยรถอื่นๆ และมอเตอร์ไซด์จำนวนมากจอดอยู่ก่อนแล้วเต็มลาน

          จอซู เปิดประตูข้างคนขับวิ่งลงมาอย่างไว แล้ววิ่งอ้อมประตูมาที่ด้านคนขับ ชนกันกับเด็กโบกรถที่กำลังแย่งเปิดประตูให้เจ้าของรถนั้น ยื้อมือกันไปมา จนเจ้าของรถต้องเปิดประตูเอง และออกมายืนมองทั้งสองอย่างขวางๆ

          "อะไรของพวกเอ็งวะ"

          "แห่ะๆๆ เปล่าครับเสี่ย เชิญครับเชิญ" ไอ้เจ้าเด็กโบกรถทำตาวาว มองดูเสี่ยจิวทั้งตัวด้วยความสนใจ

          คืนนี้เสี่ยจิวใส่ชุดที่บอกยี่ห้อว่าเป็น "เสี่ย" เต็มรูปแบบ ตั้งแต่เสื้อเชิร์ตแขนยาวลายพร้อยไปทั้งตัวของเวอร์ซาเช กางเกงผ้าสีดำเข้ารูปแนบตัว รองเท้าหนัง ที่คอมีสร้อยทองเส้นโตเกือบเท่านิ้วก้อยห้อยออกมานอกเสื้อ แขวนพระ 'หลวงพ่อลา' จากวัดแก่งคอย เลี่ยมทองล้อมเพชรอร่าม ที่ซอกแขนข้างหนึ่งหนีบกระเป๋าหนัง 'ชาร์ลจูดอง' แบนๆ และในมือถือโทรศัพท์โนเกีย 8250 รุ่น 'ปีกผีเสื้อ' และตอนนี้หน้าจอมีแสงสีฟ้าสว่างสวยแวบออกมา

          เสี่ยจิวแหงนคอมองหน้าร้าน มันเป็นเหมือนร้านที่สร้างขึ้นง่ายๆ มีโครงหลังคาสูงๆ โปร่งๆ เหมือนโรงยิม กั้นผนังด้วยอิฐแต่ไม่ได้ฉาบเรียบ ทั้งหมดทาสีดำ มีป้ายชื่อร้านเป็นสีสะท้อนแสงโดดเด่นออกมาจากแสงไฟสีม่วงๆ มองเข้าไปข้างใน เป็นกลุ่มโต๊ะที่กระจายรอบห้อง มีลูกค้านั่งอยู่เกือบเต็ม เหมือนโต๊ะร้านอาหารทั่วไป ไฟค่อนข้างมืด ผนังด้านหนึ่งมีจอสีขาวขนาดใหญ่กำลังเปิดคาราโอเกะอยู่ เห็นเป็นภาพนางแบบเดินสโลว์โมชั่นริมทะเล เส้นผมปลิวไปมา ด้านล่างของจอมีเนื้อเพลงวิ่งอยู่

          จอซูพาเสี่ยจิวเดินไปนั่งที่โต๊ะริมผนังด้านหนึ่ง มันค่อนข้างจะหลบมุม แต่สามารถมองเห็นจอฉายภาพชัดเจน เสี่ยจิวลงนั่งแล้วสั่งของกับกัปตันที่ยืนรอรับออเดอร์โดยไม่ได้เปิดเมนู

          "เอารีเจนซีขวดนึง โซดา น้ำแข็ง ผ้าเย็น และแป๊ะซะปลาช่อนทอดที่นึง"

          "ครับเสี่ย" กัปตันรับคำ โค้งให้แล้วเดินไป

          "ร้องเพลงไหมเจ้านาย" จอซูยิงฟันขาวในไฟสลัวๆ ถามมา ท่าทางสนุกที่ได้ออกมาเที่ยวคืนนี้

          "ข้าไม่ร้องเว้ย เอ็งอยากร้องก็เขียนขอไปสิ" ชายหนุ่มส่ายหน้าดิก

          "โหนาย อ่านหนังสือไทยผมยังแทบจะตาย แล้วจะอ่านตัวคาราโอเกะได้หรือ" จอซูเกาหัวแกรกๆ

          "เอ็งก็ร้องดำน้ำมั่วๆ ไปสิ ผิดถูกช่างมัน มีแต่คนเมา ไอ้ห่า หรือไม่ร้องก็ไม่ต้องร้อง ดีซะอีก ข้าขี้เกียจหนกขู"

          เสี่ยจิวพูดไปพร้อมๆ กับบุ้ยปากไปทางโต๊ะๆ หนึ่ง ที่มีคนเมากำลังร้องเพลงเสียงอ้อแอ้ น่าหนวกหู และมันฟังดูไม่เป็นเพลงเลย

          เด็กเสริฟเริ่มเอาอาหารและเครื่องดื่มมาตั้งบนโต๊ะ จานแปลแป๊ะซะพร้อมเตาร้อนถูกยกมาวางกลางโต๊ะ ข้างใต้จุดแอลกอฮอลล์ไฟลุกเป็นเปลวสีน้ำเงิน ส่งกลิ่นแป๊ะซะให้โชยหอมฉุย รีเจนซีน้ำแข็งโซดาที่ผสมแล้วแก้วหนึ่งวางตรงหน้าเสี่ยจิว

          "เอ้า ชนเว้ย แด่ความฉิบหายของโรงงานที่กำลังจะเกิดขึ้น เสียดายไอ้มินเดืองห์ไม่ได้มาด้วยกัน" ชายหนุ่มชูแก้วมาตรงหน้าจอซู

          จอซูชนแก้วตอบกับเจ้านาย ปากกำลังจะอ้าถามว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นกับโรงงานรองเท้าหรือ แต่ยังไม่ทันจะพูด ที่นั่งข้างๆ ก็ถูกนั่งโดนคนๆ หนึ่ง พร้อมกับเสียงแหลมเจื้อยแจ้วทิ่มหู

          "ว๊าย กราบหว่างตักเสี่ยงามๆ คร่า"

          เจ้าของเสียงเป็นหญิงกลางคน หน้าตาดูเจ๊ๆ แต่งหน้าจัด ใส่สูทสีกรมท่ายับๆ เหมือนกัปตันทุกคนในร้านนี้

          "อ้าวเจ๊พร" ชายหนุ่มทัก

          "ไม่ร้องเพลงกันหรือคะนี่ แล้วนี่เสี่ยเมาหรือยังคะ" ไม่พูดเปล่า เจ๊พรขยับเข้ามาใกล้เสี่ยจิว เอามือคล้องแขน เอียงหัวเข้ามาซบ ทำท่าเหมือนสาวแรกรุ่น ใกล้จนเห็นริ้วรอยตีนกาลึกลงไปบนหน้าที่ฉาบรองพื้นหนาเตอะ

          "ร้องเพลงกันไม่เป็นสักคน" ชายหนุ่มตอบ ยิ้มแห้งๆ ทำท่าเริ่มอยากจะปลดมืออีเจ๊พรที่พยายามคล้องแขนแน่นอยู่

          "ต๊าย ไม่ได้นะคะ มาคาราโอเกะต้องร้องเพลงค่ะ เอางี้นะคะ เสี่ยเรียกน้องมานั่งคนนึงนะคะ น้องเค้าจะผสมเหล้าให้ และจะได้ร้องเพลงให้ด้วยไงคะ" เจ๊พรจีบปากจีบคอบอก แถมเอามือขึ้นมาลูบๆ แผงอกของเสี่ยจิวด้วย

          เสี่ยจิวได้ยินดังนั้น ก็อ้าปากหวอ หันไปมองหน้าไอ้จอซูทันที จอซูก็เหมือนรู้ รีบถามเจ๊พรทันที

          "เดี๋ยวๆ เจ๊ ที่นี่มีเด็กนั่งดริ้งค์ด้วยเร๊อะ แล้วมันคือเด็กผู้หญิงหรือผู้ชาย"

          เจ๊พรหัวเราะคิกๆ เอามือตีแขนจอซูดังเพี๊ยะ "น้องผู้หญิงซิคะ ที่นี่มีน้องผู้ชายที่ไหน อุ๊ยตาย อย่าบอกนะคะว่าหนุ่มโต๊ะนี้ชอบเด็กผู้ชายด้วยกัน"

          "เอ่อๆๆ ตามใจเจ๊เถอะ จะเอามาก็เอามา เอามานางเดียว...เอ๊ย คนเดียวนะ" ชายหนุ่มบอกเสียงอ่อยๆ

          "คร่า...ได้คนเดียวแหล่ะค่ะ ตอนนี้เหลือคนเดียวเอง ถ้าช้า เดี๋ยวโต๊ะวัยรุ่นขี้เมาตรงโน้นจะแย่งไปแล้วนะคะ" เจ๊พรบุ้ยปากไปที่โต๊ะชิดผนังด้านโน้น ซึ่งดูเมา และเสียงดังเอะอะวุ่นวายทั้งโต๊ะ

          "เอาเถอะ ไปเอามาแล้วกัน เอ้านี่ติปเจ๊" เสี่ยจิวส่งแบ็งค์ร้อยที่หยิบออกมาจากกระเป๋าแบนที่หนีบมาด้วยส่งให้ ในใจนึกว่าอีเจ๊นี่มันจะได้ไปพ้นๆ สักที

          "ต๊ายยย กราบขอบคุณเสี่ยงามๆ คร่า"

          แล้วอีเจ๊ก็กราบจริงๆ ดังปากพูด คือก้มกราบลงไปที่ตักบริเวณเป้ากางเกงของเสี่ยจิว ชายหนุ่มไม่ทันได้ตั้งตัว สะดุ้งเฮือก!! แล้วรีบเอามือลงไปกุมตรงเป้ากางเกงที่นูนๆ เด่นสง่าของตัวเองทันที

          "คริคริ...เสี่ยนี่มีของดีอยู่กับตัวก็ไม่บอก ใหญ่กว่าหัวปลาช่อนบนโต๊ะนี้อีก"

          เจ๊พรทำตาชมดชม้อยใส่เสี่ยจิว เอามือขึ้นมาปิดปากแบบดัดจริต แล้วเดินส่ายสะโพกออกจากโต๊ะไป

          "เฮือกกกกก!" เสียงถอนหายใจของชายหนุ่มดังยาวมา พร้อมๆ กับยกแก้วกระดกหมดเหมือนจะย้อมใจ

          ...............

          สิบนาทีผ่านไป เสี่ยจิวกินเหล้าเป็นแก้วที่สาม ก็มีหญิงสาวคนหนึ่ง รูปร่างกระทัดรัด ใส่เสื้อผ้ารัดรูป แต่ดูยับเยินเหมือนไม่ได้รีดมา เนื้อผ้าดูราคาถูก รูปทรงเหมือนสาวเชียร์เบียร์เชยๆ ลงมานั่งระหว่างจอซูกับเสี่ยจิว แล้วยกมือขึ้นไหว้

          "สวัสดีค่ะเสี่ย"

          ชายหนุ่มกับไอ้จอซูหันไปมองพร้อมกัน แล้วสะดุ้งเฮือกขึ้นมาพร้อมกัน โดยเฉพาะไอ้จอซูถึงกับร้องออกมาอย่างลืมตัว...

          "เฮ้ยยย!"

          สาวนางนั้น จะว่าไปก็ถือว่าสวยแบบบ้านๆ แต่ที่ต้องตกใจกันนั้น เพราะใบหน้าของเธอ จะเป็นเพราะเธอไปนั่งแต่งหน้าในความมืดหรือเปล่า สีแป้งของเธอจากที่มองตอนนี้ มันคือ 'หน้าเทา' ชัดๆ !!!

          ผิวเดิมเธอคงเป็นคนผิวสองสี แต่เธอใช้แป้งสีขาวจัด มองออกว่าแป้งทาหน้านี้เนื้อหยาบๆ ไม่ใช่ของดีมียี่ห้ออะไร เธอพอกลงไปเต็มหน้า ใช่...เฉพาะหน้าเฉยๆ นะ ทาแล้วหยุดที่หน้า ไม่ได้ลงมาที่คอแม้แต่นิดเดียว ทำให้รอบๆ กรามเธอลงมาถึงคอเป็นสีเนื้อเข้มๆ เดิมๆ มองจากไฟสลัวนี้มันน่ากลัวมาก มันอมเขียวอมเทา แถมเธอใช้ดินสอเขียนคิ้วสีดำจัด ลากเป็นเส้นตรงๆ มองดูเหมือนคนสะดุ้งเลิกคิ้วตกใจตลอดเวลา

          ---ถ้าเทากว่านี้ ก็สีอะลูมิเนียมที่โรงงานกูแล้ว มึงเอ๋ย--- ชายหนุ่มครางออกมาเบาๆ

          "อะไรนะคะเสี่ย" สาวหน้าเทามองตาตื่นๆ เลิ่กลั่ก

          "อ่อ อ่อ เปล่าจ้ะ" ชายหนุ่มไม่กล้ามองหน้าเธอตรงๆ

          สาวหน้าเทาหัวเราะออกมา ความสดใสทำให้ดูดีขึ้นมาในระดับหนึ่ง "เจ๊พรให้หนูมานั่งกับเสี่ยค่ะ หนูชื่อลำไยนะคะ"

          "จ้ะน้องเทา...เอ๊ย โทดๆๆ น้องลำไย ตามสบายนะจ้ะ พี่ชื่อเสี่ยจิว และนี่ลูกน้องพี่ ชื่อจอซูจ้ะ"

          ลำไยส่งยิ้มแบบหน้าเทาๆ คิ้วเข้มกระดกไปกระดกมาให้จอซูอีกครั้ง เด็กหนุ่มก็ยิ้มเหยๆ ตอบ ทำท่าเหมือนพร้อมจะลุกวิ่งเผ่นทันทีถ้าสาวนางนี้แยกเขี้ยวหรือเอามือแหวกหน้าอกล้วงไส้ออกมาแบบในหนัง

          ลำไยคงทำงานเป็นและเชี่ยวชาญ เธอชงเหล้าให้ตัวเองแก้วหนึ่ง แล้วเติมเหล้าให้เสี่ยจิวและจอซูที่พร่องอยู่จนเต็ม เอาทิชชู่พันรอบแก้วให้เนี๊ยบกริบ จัดจานกินข้าวตรงหน้าเสี่ยจิวให้สะอาดเรียบร้อย เรียงช้อนส้อมในจานให้เป็นระเบียบ เก็บเศษอาหารและทิชชู่ใช้แล้วบนโต๊ะจนสะอาดเหมือนตอนพึ่งมานั่งใหม่ๆ ท่ามกลางสายตาของเสี่ยจิวและจอซูที่มองอย่างทึ่งๆ

          พอจัดแจงเสร็จ เงยหน้าขึ้นมาเห็นลูกค้าตัวเองจ้องอยู่ ลำไยก็ยิ้มอ่อนๆ เขินๆ หยิบสมุดรายชื่อเพลงขึ้นมาพร้อมกระดาษและปากกา พร้อมจด

          "พี่สองคนหน้าตาดีทั้งคู่เลยนะคะ ท่าทางจะร้องเพลงเพราะ อยากร้องเพลงอะไรเอ่ย ลำไยจะเขียนขอเพลงให้ค่ะ"

          "พี่ร้องไม่เป็น ส่วนไอ้เจ้านี่ก็อ่านไทยไม่แตก" ชายหนุ่มบุ้ยปากไปทางไอ้จอซู "เธออยากจะร้องเพลงอะไรก็เขียนขอไปแล้วกัน"

          "ค่ะเสี่ย" ลำไยพยักหน้า แล้วจดชื่อเพลงที่จะร้องส่งให้พนักงานเสริฟ

          --เพล้ง!!-- เสียงขวดแตกดังมาจากโต๊ะไกลๆ ทั้งสามคนหันไปชะโงกมองตามเสียง แต่ไม่เห็นมีอะไร จึงหันมาชนแก้วเหล้ากันต่อ เสี่ยจิวควานหาซองบุหรี่ในกระเป๋าก็พบว่ามันเหลือแค่ตัวเดียวแล้ว

          "ลำไย ในร้านมีบุหรี่ขายไหม" ชายหนุ่มถาม

          "ไม่มีบุหรี่นอกค่ะเสี่ย มีแต่กรองทิพย์ แต่ให้เด็กเดินออกไปซื้อได้ค่ะ ข้างนอกถนนมีร้านขายของชำ มีบุหรี่ฝรั่ง"

          ลำไยหันมาบอก มือกำลังง่วนอยู่กับการตักปลาช่อนในจานแป๊ะซะลงมาแกะก้างออก แล้ววางเนื้อปลาบนจานให้เสี่ยจิว

          "งั้นไอ้จอซูออกไปซื้อให้ข้าหน่อยแล้วกัน จะได้แลกแบ็งค์ร้อยมาด้วย เผื่อไว้แจกทิป แลกมาสักพันนึงก็ได้" เสี่ยจิวสั่ง

          "ได้ครับนาย" จอซูรับแบ็งค์พันจากชายหนุ่มมาสองใบ แล้วรีบเดินออกไป

          "เพลงมาพอดี" ลำไยอุทานขึ้นมาเบาๆ เมื่อได้ยินอินโทรเพลงขึ้น พร้อมๆ กับพนักงานเดินไมค์โครโฟนมาให้ที่โต๊ะ

          ชายหนุ่มนั่งฟังลำไยร้องเพลงด้วยความทึ่ง เพลงที่เธอขอไปนั้นคือเพลง 'สุดท้ายที่กรุงเทพ' ของสุนารี ราชสีมา

          ลำไยร้องเพลงนี้ได้ดี สายตาใส่อารมณ์เศร้าสร้อยรันทดชีวิตไปตามเนื้อเพลง ที่พูดถึงการถูกหลอกเข้ามาทำงานหนักและต้องต่อสู้ดิ้นรนในเมืองหลวง ดูแล้วชายหนุ่มก็ซึ้งตาม พร้อมกับเกิดความรู้สึกว่า แป้งหนาหน้าลอยที่เคลือบฉาบอยู่จนออกเทาๆ เหมือนคนกร้านโลกโลกีย์ ไม่สามารถปิดบังตัวตน และความรู้สึกลึกๆ อันละเอียดอ่อนในจิตใจของคนเราได้เลย

          ...............

          "ปิดเพลงได้เแล้วคุณกบ ถึงแล้วนั่น"

          อัญชุลีเตือนกบ เมื่อเริ่มมองเห็นป้ายชื่อร้าน 'น้อง คาราโอเกะ' แล้ว แต่ไอ้กบยังเปิดเพลงวิทยุในรถเสียงดังแล้วแหกปากร้องตามอยู่

          "รู้แล้วน่า หาที่จอดอยู่นี่ ไม่เห็นไง" ไอ้กบตอบ แต่ก็ยอมหรี่ปุ่มเสียงวิทยุลง

          "ทำไมรถเยอะจัง คนเที่ยวเยอะเหรอนี่คืนนี้ ขนาดร้านโทรมมะนังขนาดนี้นะเนี่ย" คุณข้าวเบะปาก ถามมาจากเบาะหลัง

          "เยอะอย่างนี้ทุกวันแหล่ะคุณข้าว" ไอ้กบหันมาบอก "เดี๋ยวลองวนไปจอดไกลๆ โน่น"

          "เดี๋ยวๆๆ" ชายหนุ่มร้องมาจากเบาะหลัง "กบ เอ็งลงไปดูในร้านก่อนสิ คนแน่นไหม มีโต๊ะว่างหรือเปล่า ถ้าเต็มจะได้ไม่ต้องเข้า เสียเวลาหาที่จอด อัญชุลีเธอเปลี่ยนไปนั่งขับแทนสิ"

          "ค่ะคุณ" อัญชุลีรับคำ แล้วลงจากรถเก๋ง 'อัลฟ่าโรมิโอ' เดินอ้อมไปที่ตำแหน่งคนขับแทน ส่วนไอ้กบก็ลงจากรถ จ้องหน้าทำหน้าเชิ่ดใส่กันกับอัญชุลีที่ประตูรถ ต่างคนต่างหัวเราะขำๆ กัน แล้วแยกกันไป

          "ชั้นจะค่อยๆ ขับไปหาที่จอดทางโน้นนะกบ ถ้ามีโต๊ะ เธอเข้าไปนั่งจองเลย" อัญชุลีตะโกนตามหลังกบมา

          "โน่นน่ะ สุดทางโน่น เหมือนจะว่างๆ มีที่จอด" คุณข้าวก้มมองผ่านกระจกหน้า แล้วชี้ให้อัญชุลีดูทางที่จะไปจอดรถ

          ..............

          กบเดินหันซ้ายหันขวามาถึงหน้าร้าน แหงนขึ้นมองป้ายแล้วเดินผ่านประตูเข้าไป แล้วชนพลั๊ว! เข้ากับเด็กหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง

          "อุ๊ปส์ ขอโทษฮะ" กบตกใจ รีบจับมืออีกฝ่ายไว้ กลัวจะล้มลงไป

          "ไม่เป็นไรฮะ เอ่อ อ่า..." อีกฝ่ายจ้องหน้าค้าง ทำหน้าตะลึง "มาเที่ยวเหรอฮะ"

          "ใช่ฮะ คนแน่นจัง" ประโยคหลังเหมือนรำพึงกับตัวเอง

          "ยังไม่มีโต๊ะเหรอฮะ" เด็กหนุ่มผู้โดนชนถาม "มีโต๊ะว่างข้างๆ โต๊ะเราเหลือโต๊ะเดียว ไปนั่งตรงนั้นไหมฮะ"

          กบทำตาโต "ดีเลยฮะ เรามากันหลายคน จะได้ไม่วุ่นวายหา"

          "มาๆ เราพาไป อ้อ เราชื่อจอซูนะ แล้วนายล่ะ" จอซูถือโอกาสไม่ยอมปล่อยมือฝ่ายตรงข้ามนั่น และเดินลากมือไปถึงกลางร้านแล้ว

          "กบฮะ ชื่อกบ" เด็กหนุ่มตัวสูงตอบยิ้มๆ "เฮ้ยยยยยยย!!!!"

          "เฮ้ยยยย!"

          สองคนร้องประสานเสียงออกมาพร้อมกัน พร้อมๆ กับเสียงโวยวายกลางร้าน เสียงโครมคราม ตุ๊บตับ เสียงขวดแตกแก้วแตก และเสียงร้องวี๊ดว๊ายของสาวๆ ในร้าน

          "แขกเมาตีกัน" จอซูร้องออกมา "มานี่ๆๆ"

          จอซูลากมือกบเข้ามาริมผนังด้านหนึ่ง มีเคาเตอร์บาร์เตี้ยๆ อยู่ จอซูดึงมือกบให้นั่งยองๆ หลบลงมา แรงดึงทำให้กบถลาลงไป เบรคตัวไม่ทัน ใบหน้าต่อใบหน้าทั้งสองคนเกือบประกบกัน ห่างกันนิ้วเดียว สองตาจ้องมองกันและกันเป็นประกาย ลมหายใจอุ่นเป่ารดกัน

          "หลบก่อน ระวังลูกหลง" จอซูกระซิบข้างหู

          ...............

          "ว๊าย แขกตีกัน" ลำไยอุทานออกมา คว้ามือชายหนุ่ม "วิ่งออกไปนอกร้านก่อนนะคะเสี่ย"

          "ไม่ต้องๆๆ" เสี่ยจิวสะบัดมือลำไยออกเบาๆ "หลบนี่ๆๆ"

          คำว่า 'หลบนี่' ของชายหนุ่มหน้าตี๋ก็คือนั่งยองๆ หลบลงไปใต้โต๊ะของตัวเองที่นั่งอยู่นี่เอง

          "ขี้เกียจวิ่ง เอาแค่หลบขวดจะปลิวมาก็พอ เสียดายปลาช่อนแป๊ะซะบนโต๊ะ"

          ชายหนุ่มพูดหน้าตาเฉย แล้วทำคอย่นหลบขวดเบียร์ขวดหนึ่ง ที่ลอยปลิวมาแตกเพล้ง! ตรงผนังข้างๆ เศษแก้วกระจายว่อน ลำไยมองตามแล้วกลอกตาเหลือกไปมา

          ...............

          คุณข้าวและอัญชุลีจอดรถเสร็จแล้ว และเห็นว่ากบยังไม่เดินออกมา คิดว่าน่าจะได้โต๊ะแล้ว จึงพากันเดินตามจะเข้าร้าน อัญชุลีกำลังเอามือผลักบานประตู ก็ได้ยินเสียงขวดโซดาลอยมาปะทะกับบานประตูแตกดังสนั่น พร้อมๆ ดับเสียงคนร้องเอะอะวี๊ดว้ายอยู่ข้างใน คุณข้าวก็เดาเหตุการณ์ออกทันที

          "ฉิบหายแล้ว มีตีกันในร้าน" ชายหนุ่มอุทานออกมา อัญชุลีรีบงับประตูปิดทันที

          "เอาไงดีคะคุณ แล้วกบไปไหนนี่ ไม่ใช่ยังอยู่ในร้านนะ" อัญชุลีหน้าตาตื่น

          "เอาเหอะ มันเอาตัวรอดได้น่ะ เราอย่าตามมันเข้าไปเลย มาแอบยืนรอตรงนี้" ชายหนุ่มลากมือผู้ช่วยสาวมาหลบที่หลังรถคันหนึ่งไม่ไกลจากประตู

          ไม่นานนัก มีรถตำรวจเปิดไซเรนมาจอดที่หน้าร้าน นายตำรวจสองคนเปิดประตูวิ่งเข้าไป

          "เดี๋ยวก็เรียบร้อยแล้วล่ะ" ชายหนุ่มมองตามตำรวจเข้าไป แล้วเปรยกับอัญชุลี "ตีกันเฉยๆ ไม่มียิงกันซะหน่อย เฮ้ออ หมดกัน อดกินเหล้าเลย"

          "ออกมาแล้วค่ะ" อัญชุลีร้องออกมา ชี้ให้คุณข้าวดูหน้าประตู

          กบเปิดประตูเดินออกมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีเด็กหนุ่มหน้าตาดีเดินตามออกมาอีกคน แล้วทั้งสองโบกมือลากัน เด็กหนุ่มหล่อๆ นั่นเดินแยกออกไปที่ร้านขายของชำตึกแถวข้างๆ ส่วนกบเดินตรงเข้ามาหา แล้วยิ้มแห้งๆ

          "แขกตีกันครับ ข้างในเปิดไฟแล้ว อดเที่ยวแล้ว"

          "ก็ดี เสียฤกษ์เสียยามล่ะ งั้นก็กลับกันเถอะ" ชายหนุ่มทำหน้าเซ็งๆ แล้วเดินนำกลับไปที่จอดรถ อัญชุลีเดินตาม

          ส่วนกบ หันกลับไปมองข้างหลัง มองตามจอซูที่เดินหายไปในร้านขายของชำ แล้วก้มลงมองเศษกระดาษเล็กๆ ในมือของตัวเอง มันมีหมายเลขโทรศัพท์เขียนอยู่ในนั้น กบพับมันแล้วยัดเก็บลงในกระเป๋า

          ................

          ลำไย ค่อยๆ โผล่หัวขึ้นมาดูเหตุการณ์บนโต๊ะ แล้วผลุบกลับลงไปมองหน้าเสี่ยจิว ซึ่งกำลังนั่งยองๆ ที่พื้น ใช้ไม้จิ้มฟันแคะฟันอยู่อย่างทองไม่รู้ร้อน

          "เหตุการณ์ปกติแล้วค่ะเสี่ย กลับขึ้นมานั่งเถอะค่ะ"

          ชายหนุ่มค่อยๆ ลุกขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ตัวเดิมอย่างเกียจคร้าน ตาชำเลืองมองไปที่จานแป๊ะซะ

          "เธอเอาแป๊ะซะนี่ไปห่อใส่ถุงแล้วกัน ชั้นจะเอากลับไปกินต่อที่บ้าน เอาหัวปลาใส่ลงไปด้วยนะ ห้ามหายล่ะ ชั้นชอบแทะ" ชายหนุ่มพูดหน้าตาเฉย

          "เอ่อ...ค่ะๆๆ" ลำไยแอบขำ นึกในใจว่ามิน่าล่ะ ถึงรวยเป็นเสี่ย

          "แล้วเรียกกัปตันมาเช็คบิลด้วยล่ะ เธอก็ลงดื่มของเธอด้วยนะ ชั้นให้สิบดื่ม แล้ววานแวะไปดูหน้าประตูหน่อย ไอ้จอซูลูกน้องชั้นมันออกไปซื้อบุหรี่นานมาก หรือโดนลูกหลงเค้าตีกันตายห่าไปแล้วก็ไม่รู้"

          ลำไยอ้าปากค้าง แม่จ้าว นั่งแป็บเดียวเสี่ยจิวให้ตั้งสิบดื่ม เรี่ยวแรงเลยมาเต็ม ยกจานแป๊ะซะทั้งร้อนๆ นั่นหิ้วตัวปลิวเข้าไปใส่ถุงให้ที่หลังครัวทันที

          ..............

          อีกสิบนาทีต่อมา เสี่ยจิวก็มานั่งอยู่เบาะหลังรถเพื่อให้จอซูเป็นคนขับขากลับ ท่ามกลางพนักงานที่มายืนโค้งส่ง ตั้งแต่เด็กเสริฟ กัปตัน เด็กสับเยี่ยวในห้องน้ำ เจ๊พร และเด็กรับรถ รวมทั้งลำไยเด็กนั่งดริ้งค์หน้าเทา กำลังพับอะไรสักอย่างยัดลงไปเก็บในซอกนมของเสื้อยกทรง ทุกคนมายืนโค้งส่งเสี่ยจิวหลังจากได้รับทิปไปคนละหนึ่งร้อยบาทอย่างทั่วหน้า

          ก่อนรถจะออก เสี่ยจิวที่นั่งเบาะหลังก็ไม่ทันสังเกต ไอ้จอซูก้มลงไปมองกระดาษเล็กๆ ในมือ ที่เขียนว่า

          ไว้โทรมานะ จาก กบ ๐๒-๕๗๓๔๘๗๗

          จอซูมองแล้วยิ้มกว้าง ถึงอ่านภาษาไทยไม่ออกทุกตัว แต่เขาก็รู้ว่ามันคืออะไร นึกไปถึงตอนที่ตัวเองกับกบ นั่งหลบแขกตีกันในร้านเมื่อกี้ ได้จดเบอร์โทรศัพท์แลกกันไว้ทั้งคู่  เด็กหนุ่มพับกระดาษเก็บใส่กระเป๋าเสื้อ เข้าเกียร์รถ แล้วเคลื่อนรถวอลโว่ 850 ออกไปจากร้าน 'น้อง คาราโอเกะ' นั้น...


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-04-2017 08:35:07 โดย กำปงพิราเทวี »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
กลับมาแล้วววววววววววว
เสียดายเขาไม่ได้เจอกัน

รอนะ

ว่าแต่สบายดีไหม รอบนี้หายนานเลย

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ jum1201

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-5
อีกนิดเดียวก็จะได้เจอกันแล้วววว :ling3: :ling3:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
อ้าววววว..เกิดกับจอซู+กบ
ลูกน้องกับลูกน้อง ไม่ใช่เสี่ยจิวกับคุณข้าว

เหอะๆ ห่างกันมาสิบปีคงจะยังไม่พอ
งั้นไม่เจอกันอีกสักสิบปีคงจะดี เน๊าะ

แก่เจอแก่กันล่ะคราวนี้
หุหุ

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
จิว-ข้าว หายไปนานมากกเลย เสียดายรอบนี้ไม่ได้เจอกัน
  รออ่านตอนต่อไป

ออฟไลน์ appattap

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
พอโตขึ้น เวลาผ่านไปอะไรๆก็เปลี่ยน
อยากให้เค้าได้เจอกันนน คิดถึงงทั้งคู่

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
จิว ข้าว หายไปนานมากล่ะนะ มาเถอะ คิดถึงมมากๆ

ออฟไลน์ MissMay

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อ่านรวดเดียวจบ จะสมน่ำหน้าหรือเสียใจแทนต้นข้าวดี
แต่ที่แน่ๆ เสียดายจิว คิดไว้ซะว่าศีลไม่เสมอกันแล้วกันนะจิว
เพราะต้นข้าวนอกลู่นอกทางบ่อยมาก เอนไปตามลมตลอด
ทั้งๆ ที่จิวหนักแน่น ไม่เคยมองใคร เฮ้อออ  :เฮ้อ:

รอไรท์มาต่อนะคะ  :katai5:

ออฟไลน์ กำปงพิราเทวี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-0
จากผู้เขียน  :hao3:

ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านมากนะคะ
และต้องขออภัยที่ไม่ได้มาต่อเนื่อง

ช่วงก่อนหน้านี้ ผู้เขียนว่างจัด อยู่บ้านเฉยๆ
เลยมีเวลามากที่จะเขียนได้เยอะๆ และต่อเนื่อง
แต่พอบทจะมีงานขึ้นมา ก็มาติดๆ กันเลย
งานจ๊อบลากยาวมาสามอาทิตย์แล้วค่ะ
แต่คาดว่าหมดอาทิตย์นี้คงเบาลงแล้ว

เสี่ยจิว และ คุณข้าว ยังไม่ได้หายไปไหนนะคะ
รอก่อนน๊า...

ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านมากๆ อีกครั้งค่ะ
แล้วจะรีบมาต่อนะคะ

ผู้เขียนก็อยากให้เสี่ยจิวกับคุณข้าว
ลงเอยกันเร็วๆ เสียที ฮ่าๆ

รอพบกันนะคะ

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ กำปงพิราเทวี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-0

MBK❤lover





ตอนที่ ๓๙ : เราสัญญานะจิว เรายังสัญญา


          เสี่ยจิวเงยหน้ามองเหม่อไปที่โทรทัศน์ตรงหน้า ภาพในจอกำลังนำเสนอข่าวซ้ำๆ มาสองสามวันแล้ว ในเหตุการณ์เครื่องบินถูกผู้ก่อการร้ายบังคับเครื่องให้บินไปชนกับตึกแฝดเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ บนเกาะแมนฮัตตั้น นครนิวยอร์ก ในวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๔๔ แล้วทั้งสองตึกนั้นก็ถล่มลงมาต่อหน้าต่อตาคนทั้งโลก

          ใช่ รวมทั้งถล่มใส่ธุรกิจรองเท้าของเสี่ยจิวด้วย เพราะเสี่ยจิวตั้งความหวังเรื่องส่งออกไว้มาก สัญญาครั้งนี้กำลังจะได้เซ็นภายในสองอาทิตย์นี้แล้วเชียว กลับต้องมาพังทลายลงไปพร้อมๆ กับตึกแฝดนั่น

          เสี่ยจิวเริ่มทำตาแดงๆ อันนี้จริงเขาเกือบจะฟื้นตัวได้แล้วจากภาวะ 'ต้มยำกุ้ง' หรือตอนฟองสบู่แตก เมื่อปี ๒๕๔๐ สามปีก่อน เครื่องจักรต่างๆ ในโรงงานนี้ต้องนำเข้ามาทั้งนั้น ดีที่ว่าได้ออเดอร์ลูกค้าจากไต้หวันมาล็อตใหญ่ล็อตหนึ่ง ถึงรอดช่วงนั้นมาได้

          "แล้วตอนนี้ล่ะ...กูตายแน่ โอย" เสี่ยจิวตาแดงๆ เอามือขึ้นขยี้ผมตัวเอง เมื่อนึกถึงภาวะการเงินในตอนนี้ของโรงงานรองเท้า T-Star ของเขา

          ................

          "เสี่ยๆๆ มีคนมาถามหาเสี่ยหน้าโรงงาน" ไอ้มินเดืองห์ชะโงกหน้าเข้ามาตะโกนบอกชายหนุ่มหน้าห้องทำงาน ทำหน้าตื่นๆ

          "ใครวะ ลูกค้าหรือ" ชายหนุ่มถาม หน้าตาดูมีความหวังขึ้นมา

          "ไม่น่าใช่นะเสี่ย เสี่ยลองคุยดูแล้วกัน" ไอ้มินเดืองห์มีประกายตาแปลกๆ

          ชายหนุ่มเดินตามมินเดืองห์ออกมาที่หน้าโรงงาน เห็นหญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะรับแขก มีกระเป๋าเดินทางใบเล็กๆ มาด้วย ฝ่ายหญิงคนนั้นพอมองเห็นเสี่ย ก็รีบลุกขึ้นยืนด้วยความดีใจ

          "สวัสดีค่ะเสี่ย จำหนูได้ไหมคะ"

          "เอ่อ..." เสี่ยจิวเริ่มคลับคล้ายคลับคลา หญิงสาวคนนี้ดูคุ้นๆ --ไม่น่าใช่--

          "หนูไง ลำไยไงคะ ที่เราเจอกันในร้านน้องคาราโอเกะ"

          "เฮ้ยยย" ชายหนุ่มอุทานออกมา มิน่าว่าคุ้นๆ

          แต่เป็นเพราะว่าลำไยในวันนี้ ไม่ได้ทาแป้งขาวหน้าลอยหนาเตอะแบบเมื่อคืนนั้นแล้ว เผยให้เห็นผิวธรรมชาติ ซึ่งค่อนข้างจะดูดีกว่า ไม่ได้ดูเป็นสาวกร้านโลกเริงราตรีแบบตอนนั้น และอยู่ในชุดแต่งตัวแบบหญิงสาวบ้านๆ ทั่วไป จึงดูเป็นหญิงสาวสามัญธรรมดาที่ค่อนข้างจะดูดี เรียบร้อย

          "แล้วไปไงมาไง ทำไมมาถึงนี่ได้" ชายหนุ่มถาม พร้อมทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาข้างๆ กัน

          "ก็หนูโทรหาคุณจอซูไงคะ เขาให้เบอร์หนูไว้คืนนั้นค่ะ"

          "ไอ้จอซู!! ฮึ่มๆ" ชายหนุ่มครางออกมา "แล้วยังไงนี่ เธอมีธุระอะไรหรือเปล่า มาถึงนี่"

          "เอาง่ายๆ เลยนะคะ หนูจะมาขอเสี่ยทำงานที่นี่ค่ะ หนูขนเสื้อผ้ามาแล้ว" ลำไยพูดพร้อมทั้งส่งยิ้มหวาน

          ชายหนุ่มเอามือขึ้นก่ายหน้าผาก ทำตาเหลือกขึ้นข้างบน ลำไยมองตามแล้วแอบอมยิ้มพลางนึกในใจ 'คนหน้าตาดีทำอะไรก็ดูดีไปหมดเนอะ ทำตาเหลือกยังดูดี'

          "โอย จะมาทำงานอะไร โรงงานจะเจ๊งอยู่แล้วนี่ ออเดอร์ก็ไม่มี"

          "ให้หนูทำอะไรก็ได้ค่ะ ทำความสะอาด ทำกับข้าว ซักผ้าอะไรก็ได้ หนูไม่อยากทำงานกลางคืนแล้วค่ะ" ลำไยเขย่าแขนชายหนุ่ม "ช่วงแรกๆ หนูยังไม่เอาเงินเดือนก็ได้ค่ะเสี่ย"

          เสี่ยจิวมองหน้าลำไยอย่างใช้ความคิด ก็ดีเหมือนกันนะ ที่นี่มีแต่ผู้ชายล้วน งานการข้าวของก็ไม่เรียบร้อยตามประสาผู้ชาย ถ้ามีคนงานผู้หญิงมาเป็นแม่บ้านบ้างมันก็น่าจะเรียบร้อยขึ้น

          "นึกซะว่าให้ชีวิตใหม่หนูแล้วกันนะคะเสี่ย หนูเห็นเสี่ยเอาหัวปลาช่อนแป๊ะซะกลับบ้าน หนูก็คิดได้ว่าเสี่ยต้องเป็นคนมีความคิดดี มีหัวคิดทางธุรกิจที่ดี หนูเลยมาขอเป็นที่พึ่งค่ะ"

          "เอา...จะเอางั้นก็ได้ แต่ชั้นจะไม่ใช้งานเธอฟรีๆ หรอกนะ เธอก็พักที่นี่ได้ มีห้องพักคนงานเหลือเฟือ อาหารการกินก็กินด้วยกันที่นี่เป็นกงสี ส่วนเงินเดือนเธอ ช่วงแรกชั้นจะให้เธอครึ่งหนึ่งก่อน ไว้โรงงานดีขึ้นชั้นจะเพิ่มให้นะ ตกลงไหม"

          ลำไยยิ้มกว้างออกมา ผวาเข้ามาพนมมือขอบคุณแทบจะถึงตักของชายหนุ่ม เสี่ยจิวสะดุ้งเฮือกรีบเอามือกุมกลางตักตัวเองไว้อย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายตาของมินเดืองห์ที่ยืนมองขำอยู่

          "เอ้า ไอ้มินเดืองห์ เอ็งพาลำไยไปห้องพักด้านหลังนะ ขาดเหลืออะไรในห้องพักก็ไปหยิบเอามาใช้จากโกดังเก็บของแล้วกัน และไปชี้ให้ลำไยดูด้วยว่าต้องทำอะไรที่นี่บ้าง"

          "ครับเสี่ย" มินเดืองห์รับคำ พร้อมทั้งพาลำไยเดินไปทางด้านหลังโรงงาน

          ชายหนุ่มมองตาม พร้อมทั้งส่ายหัวไปมาน้อยๆ เออเนาะ ชะตาชีวิต... เรื่องไม่ได้คาดคิดมันก็เกิดขึ้นง่ายๆ แต่ไอ้เรื่องที่ตั้งใจคิด มันกลับทำไม่ได้ และเหมือนจะไม่มีวันเกิดขึ้น

          เหมือนเรื่องคนรัก เรื่องแฟน เรื่องคนที่อยากให้มายืนเคียงข้างในวันที่เขาล้มเหลว ผิดหวัง สิ้นสูญ เขาก็อยากให้มีใครสักคนมายืนอยู่ด้วย พร้อมให้คำปรึกษา หรือแม้แต่แค่จับมือเขาเบาๆ พร้อมกับกระซิบว่า ไม่เป็นไร...ไม่เป็นไร...ผมจะอยู่เคียงข้างคุณ

          เสี่ยจิวคิดถึงใบหน้าใครคนหนึ่งเหลือเกิน  คิดถึง  และคิดถึง

          --------------------

          คุณข้าว เดินก้าวยาวๆ ออกมาจากห้องประชุมบนชั้น ๗ ห้าง MBK หลังจากมารับบรีฟงานอีเว้นท์จากทางห้างที่จะมีขึ้นในอีกสองเดือนข้างหน้า ชายหนุ่มได้งานอีเว้นท์หลายงานจากที่นี่มาก่อนแล้ว จนวางใจใช้งานกันเรื่อยๆ งานเล็กบ้างงานใหญ่บ้างแล้วแต่วาระโอกาส

          ห้างนี้พึ่งเปลี่ยนชื่อจาก 'ศูนย์การค้ามาบุญครอง' มาเป็น 'MBK Center' เมื่อไม่กี่เดือนมานี้เอง รวมทั้งเปลี่ยนวัสดุรอบตึก จากหินอ่อนทั้งตึก กลายมาเป็นวัสดุสีเงินแวววาวรอบตึก ดูล้ำสมัยในเวลานั้นมาก มันเป็นส่วนหนึ่งของการปรับปรุงห้างครั้งใหญ่เพื่อต้อนรับ 'ปีมิลเลนเนียม' หรือปี Y2K ค.ศ. 2000 ที่ผ่านมา

          ชายหนุ่มเดินออกมาถึงนอกตึก ตั้งใจว่าจะมาดูลานกว้างด้านข้างศาลพระภูมิของห้าง ที่จะเป็นที่ตั้งของกิจกรรมอีเว้นท์นั้น ซึ่งตอนนี้มีวัยรุ่นมาเล่นเสก็ตบอร์ดกันอยู่เป็นกลุ่มๆ

          เขาเดินวนๆ อยู่แถวนั้นสักครู่ พยายามจะคิดว่าจะมีลูกเล่นอะไรในกิจกรรมนั้นดี แล้วเหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาอย่างหนึ่ง ชายหนุ่มจึงเดินออกไปทางซอยด้านข้าง หลังตึก

          ซอยนี้ ครั้งหนึ่งนานแสนนานมาแล้ว เขาเองแหล่ะที่เป็นคนชวนเด็กหนุ่มอีกคนหนึ่ง มานั่งมองตึกมาบุญครองที่กำลังก่อสร้างเกือบเสร็จตรงนี้ แต่ปัจจุบันนี้มันกลายเป็นถนนเล็กๆ ที่ไว้สำหรับให้รถยนต์ของลูกค้าเลี้ยวเข้ามาเพื่อขึ้นอาคารจอดรถของห้าง

          ชายหนุ่มพยายามมองหาที่ตั้งของม้านั่งยาวที่เคยมานั่งด้วยกัน แต่ด้วยเวลาที่ผ่านมา ๑๗ ปีแล้ว มันจึงไม่เหลือสภาพนั้นโดยสิ้นเชิง มันมีแต่เพิงเล็กๆ ตรงปากซอย ที่มีวินมอเตอร์ไซด์รับจ้างจับจองพื้นที่อยู่หลายคัน

          คุณข้าวแหงนมองตึกขึ้นไปในตำแหน่งที่คิดว่าใกล้เคียงที่สุดกับในอดีต ภาพที่เห็นบนอาคารห้าง มันก็เปลี่ยนไปทั้งหมด 'นครหินอ่อนใจกลางเมือง' มันหายไปหมดแล้ว ในปี พ.ศ. นี้ ใครกันจะมาปูผนังอาคารด้วยหินอ่อนล้วนๆ มันไม่มีแล้ว มันตกยุค พ้นสมัย และไม่ได้รับความนิยมอีกต่อไป

          ภาพที่เห็น มันคือวัสดุสีโลหะเงินเป็นมันวาว เรียงเส้นกราฟฟิคล้อมรอบตึกอย่างล้ำสมัย ส่วนหน้าของตึกด้านสี่แยกปทุมวัน มีตัวอักษรชื่อตึกแบบสมัยใหม่ใหญ่โต เขียนว่า 'MBK' ดูวัยรุ่น ดูเปรี้ยวจี๊ดจ๊าด ไม่ได้ดูสง่าแบบขรึมๆ โบราณ เหมือนครั้งแรกที่สร้างแล้ว

          แต่ถึงภาพจะเปลี่ยนไปเพียงใด  ตัวบุคคลก็ยังเป็นคนๆ เดิม หัวใจดวงเดิม และเมื่อเขากลับมายืนอยู่ที่เดิมตรงนี้ ความทรงจำครั้งเก่าต่างๆ ก็พรั่งพรูออกมา ชายหนุ่มยังนึกถึงรอยจูบที่บริสุทธิ์แรกของชีวิต ณ ตรงนี้ พร้อมๆ กับคำมั่นสัญญาของเด็กหนุ่มสองคนที่นั่งจับเข่าจ้องหน้ากันอยู่...

          ---แว่น สัญญากะกูก่อนนะ มึงกับกูต่างคนก็ไม่เคยกับเรื่องแบบนี้  สัญญาก่อนนะว่าเราจะลองเดินไปด้วยกัน จับมือกันไป ผิดถูกช่างมัน ถ้ามึงมองไม่เห็น กูก็จะจูงมึง และถ้าวันไหนกูล้ม มึงก็ดึงกูขึ้นนะแว่น สัญญานะ---

         "อื่อ สัญญา" คุณข้าวเผลอรับคำออกมาเบาๆ

          "คุณข้าวคะ!! มาอยู่ตรงนี้เอง เดินหาตั้งนาน แล้วนี่คุณข้าวพูดอยู่กับใครคะ"

          เสียงแหลมๆ หนึ่งดังขัดจังหวะขึ้นมา ชายหนุ่มสะดุ้งและหันกลับไปมอง อัญชุลี เลขาฯ ของเขาเองที่ยืนอยู่ข้างหลัง และตอนนี้นางกำลังทำหน้าตื่นเหรอหรา พร้อมทั้งชะโงกหัวไปมามองหาอะไรสักอย่าง

          "เอ่อ อ้อ ปะ เปล่าๆ" ชายหนุ่มทำหน้าเก้อๆ พร้อมเอามือขึ้นเกาหัว "มีอะไรอัญชุลี"

          "เปล่าค่ะ เห็นเดินออกมาจากห้องประชุม ชุลีเลยเดินตามมาที่ลานจัดงาน แต่ไม่ทัน เดินวนหาตั้งนาน จนมาเจอนี่ล่ะค่ะ"

          "อ้อ ดีแล้ว เอาเอกสารมาหมดแล้วใช่ไหม งั้นก็กลับกันเถอะ" ชายหนุ่มพยายามทำหน้าปกติ

          อัญชุลีเดินนำฉับๆ ไปทางอาคารจอดรถ ก่อนหันหลังกลับชายหนุ่มแหงนขึ้นไปมองอาคารห้างอีกครั้ง แสงแดดยามเย็นส่องเฉียงมากระทบวัสดุสีเงินรอบอาคาร MBK สะท้อนแสงแวววาว เขาพูดออกมาเบาๆ

          "ตอนที่เกิดเรื่องรถไฟชนหัวลำโพง เราต้องปิดตา มองอะไรไม่เห็น เธอก็ช่วยจูงช่วยดูแลเราแล้ว แต่เราสิ ยังไม่ได้ทำตามสัญญาของเธอให้ครบเลย เราสัญญานะจิว...เรายังสัญญา"

          --------------------

          ห้องทำงานในโรงงานรองเท้านั้นไม่ได้เปิดแอร์เหมือนอย่างเคย แต่กลับมีพัดลมมาตั้งอยู่แทนที่ ไม่ใช่เพราะอากาศมันเย็นอยู่แล้วหรอก แต่เจ้าของกลัวเปลืองค่าไฟ ถึงแม้จะต้องนั่งเหงื่อแตกซ่ก ต้องถอดเสื้อตัวนอกออก เหลือแต่เสื้อกล้ามสีดำตัวเดียวก็ตาม แต่กล้ามเนื้อที่พ้นเสื้อออกมา มันก็ทำให้เป็นภาพที่น่ามองมากสำหรับลำไย ที่ทำความสะอาดห้องไป แอบชำเลืองมองกล้ามแขนของเสี่ยจิวไป

          ชายหนุ่มนั่งอยู่บนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน ตาเหม่อลอย และเปลี่ยนท่านั่งบ่อย บางทีก็ยกมือขึ้นมาประสานบนหัวบ้าง บางทีก็ปิดหน้าฟุบลงไปบนโต๊ะก็มี ลำไยชักใจคอไม่ค่อยดี คิดเตลิดไปถึงว่าเจ้านายใหม่ตัวเองจะถึงกับลุกขึ้นมาผูกคอตายหรือเปล่า ด้วยสาเหตุจากธุรกิจไม่ดี หรือไม่ก็อยู่ดีๆ จะเปิดลิ้นชักหยิบปืนออกมาจ่อเปรี้ยงเข้าที่หัวเหมือนในหนัง

          "เสี่ยจิวคะ เสี่ยจิว" นางค่อยๆ เรียก

          ชายหนุ่มผงกหัวขึ้นมามอง ทำสีหน้าเหมือนมีคำถามว่าอะไร

          "เสี่ยอยากกินอะไรไหมคะ ลำไยจะออกไปซื้อมาทำให้ หรือจะกินแป๊ะซะปลาช่อนก็ได้ ลำไยทำเป็น เอาไหมคะ"

          เสี่ยจิวยิ้มออกมาที่มุมปาก "จะบ้าเร๊อะ ถึงขนาดจะต้องทำแป๊ะซะปลาช่อนในบ้าน หม้อฟงหม้อไฟอะไรเราก็ไม่มี ไม่เอาเว้ย"

          "แห่ะๆๆ ค่ะเสี่ย"

          คราวนี้ชายหนุ่มเลยนั่งมองค้างอยู่แบบนั้น นั่งมองลำไยเช็ดโซฟาในห้องทำงานเขา ดูหน่วยก้านการทำงานก็ไม่เลว ไม่ได้เช็ดแบบลวกๆ แต่ตั้งอกตั้งใจถูแม้กระทั่งในซอกข้างๆ สักพักเขาก็เห็นไอ้มินเดืองห์เดินถือถังน้ำมาเปลี่ยนให้ลำไย ไอ้มินเดืองห์เห็นเขาจ้องมองอยู่ก็ยิ้มแห้งๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร กลับนั่งยองๆ ลงไปคุยซุบซิบกับลำไยแทน

          'มันชักจะยังไงยังไงวะ คู่นี้' ชายหนุ่มคิดในใจ

          "ไอ้มินเดืองห์" เขาเรียกลูกน้องคนสนิท

          "ครับนาย"

          "ไอ้จอซูมันไปไหน พักนี้ไม่เห็นหน้าเห็นตา"

          "เอ่อ ผมเห็นมันนั่งคุยโทรศัพท์ครับนาย ไม่รู้คุยกับใคร พักนี้คุยเยอะมาก ดึกดื่นยังนอนโทรคุยอยู่เลย"

          "เหอะ!! ญาติบนดอยมันคงมีธุระมากสินะ ถึงต้องคุยขนาดนั้น" ชายหนุ่มประชดเข้าให้

          มินเดืองห์ไม่ได้ตอบอะไรเจ้านาย จนเขาเอ่ยขึ้นมาอีก "เออ แล้วนี่รองเท้าแตะในสต๊อกเราที่เก็บในโกดังเหลืออยู่เท่าไร"

          "ประมาณสักหกพันคู่ครับ" มินเดืองห์ตอบเสียงค่อยๆ

          "หา!!! เหลืออีกหกพันคู่!" ชายหนุ่มทำตาเหลือก

          "ครับ หกพันคู่ ส่วนใหญ่เป็นเบอร์ของผู้หญิง และมันเป็นสีแดงด้วย ขายยากครับ"

          "ก็สีแดงทางฝรั่งอเมริกามันชอบนี่หว่า นี่ทำขึ้นมาเพื่อส่งออก ตายๆๆ ขายไม่ออก เงินข้ากองอยู่ในโกดังครึ่งล้านบาทเลยนะนั่น"

          มินเดืองห์ก็ไม่รู้จะตอบเจ้านายว่าอย่างไร ได้แต่กลอกตาไปมา แถมตัวเจ้านายเอง ก็เอามือเกาหัวแกรกๆ มากขึ้น จนหัวยุ่งไปหมดแล้ว

          "เอ่อ เสี่ยคะ" ลำไยเรียกมาเบาๆ

          "ว่าไง" เสี่ยจิวขานรับโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา

          "ลำไยมีญาติเปิดร้านขายรองเท้าที่ห้างมาบุญครอง เป็นล็อคเล็กๆ ให้ลำไยเอารองเท้าไปฝากเค้าวางขายไหมคะ"

          "เค้าเปลี่ยนชื่อเป็น MBK Center แล้วเธอ ไม่ได้ชื่อห้างมาบุญครองแล้ว โอ้ย แล้วมันจะช่วยอะไรได้เนี่ย จะขายได้กี่คู่กัน" เสี่ยจิวทำหน้าสิ้นหวัง

          ลำไยนิ่งคิดอยู่ครู่ใหญ่ หันไปมองหน้ามินเดืองห์เป็นระยะ แล้วค่อยๆ อ้อมๆ แอ้มๆ บอกกับเสี่ยจิวว่า

          "เสี่ยคะ คืองี้ หนูก็เป็นผู้หญิง รักสวยรักงาม ตามบ้านนอกที่หนูจากมา เค้าก็ชอบแต่งตัวสีแปร๊ดๆ สดๆ กันนะคะ แต่มันต้องออกน่ารักๆ สมกับผู้หญิงหน่อย"

          "แล้วยังไงต่อ" คราวนี้ชายหนุ่มเริ่มสนใจ และเงยหน้าขึ้นมามองลำไยอย่างจริงๆ จังๆ

          "คือว่า คือ...รองเท้าในโกดังนั่นหนูไปเห็นมาแล้ว มันเป็นสีแดงไซส์ผู้หญิงก็จริง แต่มันเป็นแบบสวมหัว ไม่ใช่แบบรองเท้าแตะหนีบ แถมตรงแถบที่สวมมันเป็นลายทางแดง-ขาว อีก มันดูแข็งไปค่ะ คนไทยบ้านนอกๆ อย่างพวกหนูไม่น่าจะชอบ ตอนนี้เค้าฮิตแบบดาราหญิงญี่ปุ่นใส่กันค่ะ"

          เสี่ยจิวและมินเดืองห์มองจ้องไปที่ลำไยอย่างทึ่งๆ ชายหนุ่มถึงกับนึกดีใจที่รับลำไยมาทำงานด้วย เพราะอย่างน้อยที่สุดนางก็ช่วยออกความเห็นบ้าง ไม่เหมือนไอ้สองคนนี่ที่อยู่ด้วยกันมานาน มันทำงานดีก็จริง แต่ไม่ได้มีไอเดียสำหรับช่วยคิดอะไรเลย

          "แล้วจะให้ข้าทำยังไงดี" เสี่ยจิวถามเอาจริงเอาจัง

          "เสี่ยลองเปลี่ยนแค่ตรงแถบที่สวมได้ไหมคะ ส่วนตรงพื้นรองเท้าก็เอาไว้แบบนั้น เปลี่ยนตรงที่สวม เค้าเรียกอะไรหนูก็ไม่รู้ แต่ทำให้มันเป็นลายน่ารักๆ กุ๊กกิ๊ก หวานแหววแบบญี่ปุ่นหน่อย จะขายดีมากนะคะ จะเป็นลายหมูหมากาไก่การ์ตูนอะไรก็ได้ค่ะ"

          ลำไยแนะนำเสร็จก็ยิ้มให้ชายหนุ่ม และพร้อมกันนั้นนางก็ทำความสะอาดห้องทำงานนี้เสร็จพอดี จึงเริ่มเก็บไม้กวาดและผ้าขี้ริ้วมาถือไว้ โดยมีเจ้ามินเดืองห์กุลีกุจอช่วยหิ้วถังน้ำและถุงขยะเดินตามกันออกไปต้อยๆ

          ชายหนุ่มมองตามหลังคนทั้งสองไปอย่างครุ่นคิด คำแนะนำของลำไยก็มีประโยชน์ เขามาคิดๆ แล้วก็จริงอย่างที่นางว่า เพราะแต่เดิมเขาผลิตรองเท้าแตะรุ่นนี้ออกมาก็เพื่อจะส่งออกไปแถบอเมริกา แต่ในเมื่อธุรกิจพังไปพร้อมๆ กับตึกแฝดเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ก็ควรต้องหันมาเปลี่ยนเป็นตลาดเอเซียแทน และตอนนี้เทรนด์นิยมก็เป็นญี่ปุ่นที่กำลังครองโลกอยู่ด้วย

          เสี่ยจิวหมุนเก้าอี้ที่นั่งทำงานไปข้างหลัง ตามองขึ้นไปที่ชั้นวางของติดผนัง บนนั้นประดับไปด้วยกรอบรูปต่างๆ มีหิ้งวางพระพุทธรูปอยู่ตรงกลาง มีโล่ประกาศเกียรติคุณจำพวกผู้ส่งออกยอดเยี่ยมประดับอยู่ รวมทั้งตุ๊กตุ่นตุ๊กตาที่ระลึกต่างๆ

          เสียงลำไยที่แนะนำเมื่อกี้ยังแว่วอยู่ในหู ---ทำให้มันเป็นลายน่ารักๆ กุ๊กกิ๊ก หวานแหววแบบญี่ปุ่นหน่อย จะเป็นลายหมูหมากาไก่การ์ตูนอะไรก็ได้ค่ะ---

          ชายหนุ่มกวาดตามองไปทั่วๆ บนชั้นวางของ แล้วสายตาก็ไปปะทะกับของสิ่งหนึ่งบนนั้น มันถูกวางไว้นานจนลืม แต่ตอนนี้มันโดดเด่นจนเหมือนมีประกายของเรื่องราวอะไรบางอย่างพุ่งออกมา ชายหนุ่มลุกจากเก้าอี้ แล้วเดินไปหยิบมันมาถือไว้ในมือ

          --------------------

          คุณข้าวนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะที่ทำงานแบบสบายๆ มันคือโต๊ะอเนกประสงค์ ที่เป็นทั้งโต๊ะอาหารได้ เป็นโต๊ะประชุมก็ได้ รวมทั้งเป็นโต๊ะนั่งเล่นไพ่ยามว่างก็ได้เช่นกัน เพราะนี่เป็นทั้งออฟฟิต และเป็นบ้านของคุณข้าวไปในตัว

          วันนี้ทางบริษัทของคุณข้าวมีประชุมย่อยๆ กันในหัวข้องานอีเว้นท์ที่จะจัดขึ้นในลานกิจกรรมของห้าง MBK ผู้เข้าประชุมจึงมีคุณข้าวเป็นหัวหน้าประชุม มีอัญชุลี เลขาฯ และผู้ช่วย มีหนุ่มๆ อีกสองคนที่เป็นฟรีแลนซ์ในเรื่องการทำฉากและเวที รวมทั้งอีกคนหนึ่งเป็นแผนกไฟและเครื่องเสียง

          "แล้วนี่กบไปไหน ทำไมยังไม่มาประชุม" คุณข้าวหันซ้ายหันขวา มองหาเจ้าคนที่ว่า

          "เห็นนั่งคุยโทรศัพท์อยู่ค่ะ คุยตั้งนานแล้ว ไม่วางสายสักที สองสามวันนี้คุณกบคงมีงานคุยกับลูกค้าเยอะมั้งคะ" อัญชุลีประเมินเอาจากสิ่งที่เห็น

          "ลูกค้าบ้าอะไรล่ะ กบมันมีหน้าที่คุยกับลูกค้าซะที่ไหนล่ะ เธอก็พูดไปเรื่อยเปื่อย" ชายหนุ่มเอ็ดอัญชุลีแบบไม่จริงจังนัก

          "แต่ช่างมันเถอะ มาๆ เริ่มกันเลย เอาเรื่องงานที่ MBK ก่อนนะ ที่คุยค้างไว้ เราตกลงเป็นงานแนวญี่ปุ่นนะ ในชื่องาน J-Trends in Town 2001 มีออกบูทขายของเกี่ยวกับญี่ปุ่น มีแต่งคลอสเพลย์แบบเด็กญี่ปุ่น มีแฟชั่นโชว์เสื้อผ้าแนวญี่ปุ่นนะ มา...ว่ากันเป็นหัวข้อเลย"

          .................

          หลังจากการประชุมอันยาวนานเกือบสามชั่วโมงจบลง ผู้เข้าประชุมก็แยกย้ายกันกลับบ้าน คุณข้าวเดินออกมาที่ห้องรับแขก เห็นกบกำลังวางสายโทรศัพท์พอดี ชายหนุ่มทำตาขวางขึ้นมาทันที

          "เฮ้ยๆๆ นี่มันยังไงกัน งานการไม่ช่วยทำเลยหรือไงไอ้กบ ห่ะ!!"

          กบเงยขึ้นมองหน้าคุณข้าว แล้วทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยม ก้มหน้างุดลงไปต่อ

          "จะคุยโทรศัพท์อะไรนักหนา งานวุ่นวายมากหรือยังไง โทรหาใครเนี่ย" ชายหนุ่มยังไม่จบ

          "เปล่าครับคุณข้าว" กบตอบตะกุกตะกัก "กบโทรคุยกับเพื่อนครับ"

          ชายหนุ่มหน้าเขียวขึ้นมาทันที "คุยกับเพื่อน!! เอ็งคุยกับเพื่อนสามชั่วโมงตั้งแต่ก่อนข้าเข้าประชุม จนจบสามชั่วโมงเนี่ยนะ ห๊า!!"

          กบหัวเราะแห่ะๆ ไม่ตอบอะไร

          "มานี่ ตามมานี่ มาที่ห้องทำงานข้าหน่อย" พูดจบชายหนุ่มก็เดินนำไปที่ห้องทำงานของตนเอง

          ห้องทำงานของคุณข้าวใน 'บริษัท สมใจนึก ออร์กาไนซ์ แอนด์ โมเดลลิ่ง' ซึ่งตั้งอยู่ในบ้านตัวเอง อยู่ห้องหน้าสุดของบ้าน มีหน้าต่างบานใหญ่มองออกไปเห็นสวนหย่อมน้อยๆ ข้างบ้านได้ ข้าวของในห้องทำงานตกแต่งแบบร่วมสมัย ดูสบายๆ แต่ตอนนี้ค่อนข้างรกไปด้วยแฟ้มเอกสารต่างๆ รวมทั้งโมเดลตัวอย่างรูปแบบเวทีหลากหลายกองสุมอยู่

          "เมื่อกี้ประชุมมา เรื่องรายละเอียดของงานเดี๋ยวเอ็งไปถามเอาจากอัญชุลีแล้วกัน แต่ที่ข้าอยากได้ก่อนตอนนี้ คือช่วงคลอสเพลย์ของเด็กๆ ที่จะให้แต่งตัวแบบญี่ปุ่นนี่ ทางห้างไม่ให้ใส่เกี๊ยะไม้แบบญี่ปุ่น เพราะเค้าว่าจะทำให้พื้นห้างเค้าเป็นรอย" คุณข้าวร่ายยาวเรื่องงานให้กบฟัง ทำตาปริบๆ

          "เอ็งไปเดินหาซื้อตัวอย่างรองเท้าแตะ พื้นเป็นฟองน้ำน่ารักๆ มาหน่อย แบบที่ใส่กับชุดญี่ปุ่นได้น่ะ และพื้นห้างจะได้ไม่เป็นรอยด้วย ทำได้ไหม เรื่องแค่นี้"

          "โอ้ย สบายมากครับคุณข้าว" กบรับคำแทบจะทันที คุณข้าวชะงักเงิบไปชั่วขณะ

          "อะไรของเอ็ง ทำไมรับคำง่ายๆ อย่างนี้ล่ะ ปกติใช้ให้ไปทำอะไร เห็นลีลาโยกโย้อิดออดอยู่นั่นแล้ว นี่กินยาอะไรผิดไปหรือเปล่า"

          กบหัวเราะหน้าใสนำมาก่อน "หายห่วงครับเรื่องรองเท้านี้ เดี๋ยวสายๆ พรุ่งนี้ผมเอาตัวอย่างมาให้ดูเลยหลายๆ แบบ จะเอาสักร้อยคู่ก็ยังได้"

          "เออ ให้มันจริงอย่างปากว่าเถอะ อย่าขี้คุยให้มันมากนัก ปกติไม่เห็นจะได้เรื่องได้ราวอะไร จะมามั่นใจอะไรกับเรื่องรองเท้าแตะเนี่ย พิลึกคนจริงๆ เอ็งนี่ ไปไป๊ ไปได้แล้ว ข้าจะพิมพ์งานต่อ"

          คุณข้าวมองตามกบ ญาติผู้น้องที่เดินผิวปากอารมณ์ดีออกไปจากห้องทำงานตัวเองแล้วส่ายหัวเบาๆ --มันไปเอาความมั่นใจมาจากไหน แต่ก็ดีเหมือนกัน--

          ชายหนุ่มก้มลงไปมองเอกสารที่กำลังร่างอยู่ อ่านชื่อห้าง MBK บนหัวกระดาษนั่น แต่ไม่ได้นึกไปถึงงานที่จะจัดขึ้นที่นั่นหรอก กลับไปนึกถึงเหตุการณ์ที่ตนเองไปยืนระลึกถึงความหลังตรงข้างอาคารของห้างเมื่อเย็นวันก่อน

          เขากำลังคิดถึง...คิดถึงจริงๆ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-06-2017 20:07:12 โดย กำปงพิราเทวี »

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
เราก้อยังตามอ่านมาเรื่อยๆนะ

รอจิวเจอข้าว.   

 :katai2-1:  :katai2-1:   :katai2-1:  :katai2-1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

คิดถึงมากๆเลย คุณคนเขียนสบายดีไหม ขอบคุณกับตอนนี้
ทุกคนก็ดิ้นลนกันไป
ลุ้นเขาจะได้เจอกันในงานไหม กบ นี่จะเป็นกามเทพไหม เราคิดไปแล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-06-2017 20:25:36 โดย Billie »

ออฟไลน์ ajkub

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ติดตามอย่างต่อเนื่อง เรื่องนี้ดีเยี่ยมครับ ^^ o13

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
 มีพนักงานหญิงมาทำงานแล้วต่อไปไม่ต้องห่วงเรื่องอาหารล่ะนะ 555
 จิวกับข้าวจะได้เจอกันแล้ว ลุ้นไปก่อนเลย 555  รออ่านตอนต่อไป
  ดีใจที่ได้อ่านอีก ขอเป็นกำลังใจให้ผู้แต่งผ่านเรื่องต่างๆได้โดยง่ายนะคับ
 

ออฟไลน์ appattap

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
คิดถึงจิวกับต้นข้าววว คิดถึงคนแต่งด้วยย
อีกไม่นานจะได้เจอกันแล้วนะ คิดถึงจริงๆ

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ลืมไปเลยว่าเคยรักกัน
ให้เป็นความฝันที่แค่คุ้นเคย

ยังโกรธแทนจิวไม่หาย
คนอะไรใจโลเล

ชิสสสสสสสส

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด