MBK❤lover || ตอนที่ ๔๗ : ความรักชนะทุกสิ่ง || ๑๕ || ๑๗/๑๑/๖๐
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: MBK❤lover || ตอนที่ ๔๗ : ความรักชนะทุกสิ่ง || ๑๕ || ๑๗/๑๑/๖๐  (อ่าน 139435 ครั้ง)

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
น้ำตาซึมเลย
แป๊บๆ ขำอีกละ
ีเมลล์ ชื่อพม่า ชื่อคนรักของจิว งี้ข้าวไม่ใจเสียรึ
มิสะโยอู  ตันข่วย อะจ๊ากกกก
จิวมีคนรักเป็นคนพม่า

แต่พออ่านดีๆแล้ว  :hao5:
MiSsYoU_TonKao@thaimail.com

          "คิดถึง ต้นข้าว" !!!!!!
มันสุดยอดดดดดด  :sad4: :heaven
นับถือความรักแท้ มั่นคง จริงใจ ซื่อสัตย์ ของจิวจริงๆ  :pig4: :pig4: :pig4:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-07-2017 15:45:11 โดย ♥►MAGNOLIA◄♥ »

ออฟไลน์ zombi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-5
เริ่มต้นก็เห็นแววหวามมาแต่ไกล
รอกระบวนจีบท่าต่อไปนะจ๊ะ

ออฟไลน์ MyMine104

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
คิดถึงเสี่ยกับต้นข้าวมากกกกกเขินจังเมื่อไหร่เขาจะดีกันหนอ ลุ้นตัวโก่งเลย55555 :katai2-1:
ปล.มารีเฟรชรอทุกวันเลย :katai4: :pig4:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4: :L1:

คิดถึงมาก
อ๋าาาาาาาา ลุ้นเข้าไป
I miss you,too.

ออฟไลน์ kratair

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อยากให้เจอหน้ากันตรงๆเเล้ววว :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
 ซึ้งๆ และขำกับอีเมล อ่านตอนนี้แล้วคิดถึง MSN เอาไว้คุยกัน 555
  รออ่านตอนต่อไป

ออฟไลน์ appattap

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
คิดถึงจิวกับต้นข้าวววว อ่านเรื่องนี้ละรู้สึกดีทุกครั้ง บรรยายไม่ถูก
แต่ชอบมากๆๆ ชอบในความรักของทั้งคู่ ชอบในชื่อเมล์ด้วย
สมัยเรียนเคยทันใช้ไทยเมล์ ชื่อเมล์ขั้นกว่า missyou คือ love...

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
รอ หรอ รอ. รอให้ต้นข้าวได้พบจิวสักกะที

แต่ก้อยังเป็นแอบพบข้างเดียวอยู่ดี

อีกเดือนนึงตอนหน้ามาใหม่ จะได้เจอะเจอหน้ากันทั้งสองฝ่ายไหมนะ

 :katai5:   :katai5:   :katai5:   :katai5:   :katai5: :katai5:

.....
...... :z13:

..


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ซึมซับในความซาบซึ้ง
ความรักของผู้ชายที่ชื่อ "จิว"

หนักแน่นดั่งขุนเขา
มั่นคงปานภูผา
ละเอียดอ่อนเช่นใยไหม

มีเหลืออีกบ้างไหม
จะห่อใส่กลับบ้าน

เอาไปนอนกอดอิงแอบ
อบอุ่นใจเหลือเกิ้นนน

จิว..รักนะ
ด๊วบบบบบ
อิอิ

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
รอ.  รอ.  รอ. รอต้นข้าวได้กวดจิวแน่นๆแบบเล่นใหญ่

รอ.  รอ.   รอ เมื่อไหร่จะมาต่ออ่ะ

ออฟไลน์ กำปงพิราเทวี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-0

MBK❤lover





ตอนที่ ๔๓ : สะพานเชื่อมจากราชา


         เสี่ยจิวยืนส่งแขกอยู่ที่ลานหน้าโรงงาน จนรถปิคอัพไดฮัทสุคันนั้นแล่นออกไปพ้นประตู สองขากำลังจะก้าวหันหลังเดินเข้าบ้าน ตาก็เหลือบไปเห็นกระดาษขาวๆ ใบเล็กๆ ตกอยู่ใกล้บริเวณที่รถจอดเมื่อสักครู่

          "นามบัตรใครมาตกอยู่นี่" ชายหนุ่มรำพึงขึ้นมาเบาๆ ก้มลงไปเก็บนามบัตรนั้นขึ้นมาอ่าน

          อัญชุลี ก่องเพ็ชร
          ผู้ช่วยผู้จัดการ
          บริษัท สมใจนึก จำกัด
          ออร์กาไนซ์ แอนด์ โมเดลลิ่ง
          ๐๒-๕๗๓๔๘๗๗

          เสี่ยจิวยืนขมวดคิ้ว ชื่อ 'อัญชุลี' มันชื่อคนที่มาหาเมื่อกี้นี่ นามบัตรนี้คงจะตกลงมาจากสมุดเล็กๆ ที่อัญชุลีส่งให้เขาตอนจดอีเมลแอดเดรส แต่เอ๊ะ! ทำไมชื่อบริษัทมันแปลกๆ มันไม่เห็นจะเกี่ยวกับชื่อบริษัทรับซื้อของมือสองเลยแม้แต่น้อย

          เสี่ยหล่อหน้าตี๋ พลิกนามบัตรในมือไปมา เขาก้าวยาวๆ เข้าไปในโรงงาน เดินเข้าไปที่โต๊ะทำงานของเขาที่มีคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะวางอยู่ เขาตั้งใจว่าจะต่ออินเทอร์เน็ต และจะทดลองพิมพ์ชื่อบริษัทตามนามบัตรนี้ค้นหาข้อมูลในเวปท่า จำพวกเวป Sanook เวป Kapook เวป Yahoo หรืออาจจะลองค้นหาในเวปท่าน้องใหม่อย่าง Google ที่พึ่งเริ่มเป็นที่รู้จักกัน จะได้สืบรู้ว่าบริษัทของอัญชุลีนี้มันคืออะไร ใครเป็นเจ้าของ เพราะถ้าโทรไปถามตามหมายเลขในนามบัตรตรงๆ มันก็จะง่ายไป เดี๋ยวความจะแตกเสียเปล่าๆ

          ขณะที่ชายหนุ่มนั่งรอโมเด็มอินเทอร์เน็ต 56Kbps กำลังต่อผ่านทางสายโทรศัพท์อย่างอืดอาดนั้น ใจก็นึกอยากให้ระบบใหม่ ADSL เข้ามาถึงพื้นที่แถวที่โรงงานนี้เร็วๆ สักที คนพูดกันว่ามันไวมาก ไม่ต้องมานั่งเชื่อมต่อทุกครั้งแบบนี้แล้ว เปิดเครื่องคอมฯ แล้วเค้าว่าใช้อินเทอร์เน็ตได้ทันทีเลย

          "เสี่ยครับเสี่ย" เสียงจอซูตะโกนมาจากหน้าห้อง

          ชายหนุ่มเงยขึ้นมองอย่างเกียจคร้าน ยังไม่ทันได้ตอบอะไรไป เจ้าจอซูก็โผล่หน้าเข้ามาในห้องพอดี พร้อมกับพูดเสียงตื่นเต้นร้อนรน

          "เสี่ย ไปดูลำไยมันหน่อยซิครับ"

          "ทำไม ลำไยมันเป็นอะไรหรือ" ชายหนุ่มเริ่มทำหน้าตื่นบ้างแล้ว

          "มันว่ามันท้อง!! มันกำลังคลื่นไส้ อ้วกแตกอยู่ที่ห้องมันเลยครับ ไอ้มินเดืองห์ผัวมันกำลังออกไปหาซื้อผลไม้อะไรเปรี้ยวๆ ให้มันกินอยู่"

          "หา! ลำไยท้อง มันท้องได้ยังไง ไปทำอีท่าไหนกัน" ชายหนุ่มอุทานออกมาอย่างไม่รู้จะพูดอะไรให้เข้าท่ากว่านั้น

          จอซูเกาหัวแกรกๆ "นี่เสี่ยอยากรู้จริงๆ หรือครับ ว่าไอ้มินเดืองห์กับลำไยมันทำกันด้วยท่าไหนถึงได้ท้อง?"

          "ไอ้นี่นิ เดี๋ยวปั้ด!! ข้าก็พูดไปงั้น ข้ารู้น่าว่าคนเขาทำกันท่าไหนถึงท้อง ไม่ใช่ว่าข้าเป็นโสดตัวคนเดียวแล้วข้าจะไม่รู้นะโว้ย" ชายหนุ่มพูดขำๆ

          "ไปๆ ไปดูมันกัน"

          เสี่ยจิวเอานามบัตรของอัญชุลีที่ถืออยู่ในมือ วางสอดลงไปใต้คีย์บอร์ดหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเขา แล้วก้าวยาวๆ ตามจอซูไปที่ห้องพักคนงานด้านหลังโรงงาน

          --------------------

          คุณข้าวแยกกันกับพริกและอัญชุลีที่บ้านของเขาเอง เพราะพริกเอารถของเธอมาจอดไว้ที่นี่ และหลังจากส่งรถไดฮัทสุคืนให้เจ้าของแล้ว ชายหนุ่มก็จัดผมจัดเผ้าที่ยุ่งเยิงมาจากการโพกผ้าขาวม้าเมื่อกี้ให้เรียบร้อย แล้วขับรถอัลฟ่าโรมีโอส่วนตัวของเขาออกมาจากบ้านอีกครั้ง เพื่อไปยังสถานที่นัดหมายอีกที่หนึ่ง

          เมื่อตอนสายๆ ก่อนจะออกไปที่โรงงานของเสี่ยจิว คุณข้าวได้สั่งให้อัญชุลีนัดหมายกับคุณ "ราชา" ไว้ให้เขา ใช่แล้ว...ราชา คนนี้เอง คือเพื่อนเก่าแก่สมัยเรียนอยู่ชั้นมัธยมของทั้งจิวและต้นข้าว

          ราชา แขกตี้-ขี้แตก ราชา ผู้เคยถูกอำว่า มีพ่อเป็นหมอผีแขก!! คนนั้นเอง

          บัดนี้เมื่อเวลาผ่านไป ราชาได้สืบทอดบารมีจากพ่อของเขา คือคุณธฤษณุซิงห์ พ่อค้าผู้ร่ำรวยเหลือล้นจากการขายเครื่องทองเหลืองนำเข้าจากประเทศอินเดีย จนได้เข้ามาใหญ่โตใน 'สมาคมผู้ส่งออก' ในไทย และตอนนี้มาถึงรุ่นลูกคือราชา เขาได้เป็นถึงหัวหน้าส่วนกิจกรรมในสมาคมผู้ส่งออกนั้น รวมทั้งราชายังได้แต่งงานแล้วกับคุณเฮลเลน ซึ่งเป็นหญิงตระกูลอินเดียผู้มั่งคั่ง ที่ค้าขายเครื่องเพชรจนร่ำรวยในกรุงเทพฯ จึงนับว่าบ้านนี้มีอิทธิพลทางการค้ามากครอบครัวหนึ่ง

          ชายหนุ่มตั้งใจว่าจะไปขอความช่วยเหลือจากราชา ในเรื่องของการส่งออกรองเท้าฟองน้ำตราสามดาวของจิว อ้อ...ไม่ใช่สินะ ต้องเป็นรองเท้าฟองน้ำตรา T-Star ต่างหาก

          เขาคิดว่าราชาคงช่วยได้ ที่จะผลักดันการส่งออกเรื่องง่ายๆ แบบนี้ แถมตัวราชาเองก็ยังถามถึงจิวจากต้นข้าวอยู่บ่อยๆ เพราะราชาเองก็ไม่เคยเจอหรือติดต่อกับจิวได้เลยตั้งแต่จบมหาวิทยาลัยไป ขนาดงานแต่งงานของราชากับคุณเฮลเลน ซึ่งจัดอย่างใหญ่โตหลายปีก่อน ที่ห้องนภาลัย โรงแรมดุสิตธานี ภายในงานมีทั้งรัฐมนตรี และคนใหญ่คนโตในสังคมมาอวยพรกันอย่างมืดฟ้ามัวดิน รวมทั้งเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ทุกคนเสมือนหนึ่งเป็นงานเลี้ยงรุ่นย่อยๆ แต่ยกเว้นจิวคนเดียวที่ใครก็ติดต่อไม่ได้

          ชายหนุ่มนั่งอมยิ้มคนเดียวหลังพวงมาลัยขณะขับรถมุ่งตรงไปยังบ้านของราชาที่แถวบางนา นึกไปถึงวันแต่งงานของราชา ที่เพื่อนทุกคนในงานต่างถามถึงจิวจากเขา จนเขาอดคิดไม่ได้ว่าในวันนั้น เขาจะมีความสุขมากขนาดไหนถ้าจิวได้เดินควงคู่กับเขาเข้าไปในงานนั้นด้วยกัน แน่นอนว่าเพื่อนๆ ทุกคนรู้ และรับได้ในเรื่องนี้ที่เขาทั้งสองเป็นแฟนกัน

          เขาคงเตรียมตัวกันกับจิว คงใส่สูทสีดำเหมือนกันแบบฝาแฝด ซึ่งน่าจะมาจากต้นข้าวเองล่ะที่จะจัดเสื้อผ้าให้จิว เพราะจิวอ่อนด้อยมากในเรื่องแฟชั่น เขาคงจัดให้ผูกโบว์หูกระต่ายสีเดียวกัน ผ้าเช็ดหน้าที่เสียบแลบออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูทคงจะสีเหมือนกัน น่าจะเป็นสีเข้มๆ หน่อยเช่นสีแดงก่ำ เพราะจิวคงไม่ชอบแต่งตัวสีฉูดฉาดมาก และตอนเดินเข้าโรงแรมดุสิตธานีคงจะจูงมือกันเข้าไปอย่างสวีทหวาน คิดแล้วเขาก็ยิ้มและมีความสุข ถ้าหากว่าเรื่องนี้มันเคยเกิดขึ้นจริง

          --------------------

          "นี่มันเรื่องจริงหรือ?"

          เสี่ยจิวหน้าเข้มเป็นสีชมพู ยิ้มตาหยีมิดจนเป็นขีด หลังจากรู้ชัดแล้วว่าลำไยกับไอ้มินเดืองห์จะมีลูกด้วยกันแน่ๆ เขาถามย้ำๆ อยู่อย่างนั้นด้วยความดีใจ

          อันที่จริง ถึงลำไยจะเป็นคนอื่น แต่อย่างน้อยเจ้ามินเดืองห์พ่อของเด็กมันก็คือคนในบ้านเขา เห็นกันมาแต่เล็กแต่น้อย เห็นกันไปถึงไส้ถึงพุงแล้วตั้งแต่ครั้งวัยเยาว์ไปแก้ผ้าอยู่ที่ริมน้ำนครชัยศรีโน่น ถึงไม่ใช่ญาติก็เป็นเหมือนญาติกันไปแล้ว แถมเขาก็ไม่ได้ปกครองแบบเจ้านายกับลูกน้องด้วย มันเหมือนธุรกิจในครัวเรือนมากกว่า จึงมีความผูกพันกันไม่ใช่น้อย ดังนั้นลูกของมันก็เหมือนลูกหลานบ้านนี้คนหนึ่ง

          และประเด็นสำคัญ คือเขาก็ตัวคนเดียว ป๊าของเขาก็ไม่อยู่แล้ว ลูกหลานรุ่นเล็กในบ้านก็ไม่มี แต่ด้วยสัญชาติญาณของความเป็นพ่อ ถึงไม่สามารถมีลูกเองได้ แต่เขาก็อยากมีลูกมีหลานเหมือนคนทั่วไป อยากได้ยินเสียงเด็กร้อง อยากเห็นลูกหลานวิ่งเล่นกันเจี๊ยวจ๊าวในบ้าน เขาตั้งใจจะขอลูกเจ้ามินเดืองห์คนนี้ให้เป็นบุตรบุญธรรมของเขาเลยด้วยซ้ำ มันคงจะทำให้คำว่า 'บ้าน' สมบูรณ์ขึ้น

          คิดมาถึงตรงนี้ ใบหน้าชายหนุ่มกลับสลดลง จริงสินะ 'บ้าน' มันจะสมบูรณ์ไปได้อย่างไร หากเขายังไร้คนเคียงข้าง ไร้คนที่จะมาร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยในการใช้ชีวิต

          เขายังอยากมีคนมาร่วมรับรู้ความรู้สึกของเขา อยากมีคนมาวุ่นวายใจ อยากมีคนมาคอยตาม คอยหึง คอยถามเขาว่าจะไปไหน หรือคอยตามว่าเมื่อไรจะกลับบ้านเวลาเขาออกไปเที่ยวคาราโอเกะ เขาอยากให้มีคนมาเหวี่ยงใส่เขาบ้างเวลาเขาจู้จี้ใช้ให้ถ่ายรูปสินค้าให้ อยากให้มีคนมาทำตาเขียวใส่เมื่อตอนเขาสูบบุหรี่เหม็นอยู่ในบ้าน

          เขาอยากมีคนมาเลือกเสื้อผ้าให้เขาในยามแต่งตัว และแม้แต่มาร่วมกันยืนยิ้มดีใจอยู่ตรงนี้ เมื่อรู้ว่าคนใน 'บ้านของเรา' กำลังจะมีลูกเล็กๆ ไว้ให้เลี้ยง

          มีแค่ใบหน้าเดียวเท่านั้นที่ลอยเข้ามาในความคำนึงของเขาตอนนี้ นั่นคือใบหน้าของ 'ต้นข้าว'

          มีแค่ต้นข้าวคนเดียวเท่านั้น ที่เป็นรักแรก และรักครั้งเดียวในชีวิตของเขา

          --------------------

          คุณข้าวนั่งมองขึ้นไปที่ช่อไฟแชนเดอเลียร์ขนาดมหึมาบนเพดานห้องรับแขกบ้านของราชา มันจะเรียกบ้านก็คงไม่ถูกนัก น่าจะเรียกว่า 'วังแขก' มากกว่า ดูจากขนาดของตัวบ้านซึ่งตั้งอยู่บนที่ดิน ๔ ไร่ริมถนนบางนานี่แล้ว รวมทั้งของตกแต่งที่นำเข้ามาจากอินเดียแท้ๆ ตามรสนิยมของคุณธฤษณุซิงห์ และมาดามราณี พ่อและแม่ของราชา มันช่างดูมลังมเลืองเกินกว่าคำว่าบ้านธรรมดาไปแล้ว

          นั่งรอไม่นาน ราชาก็เดินลงบันไดแฝดหินอ่อนที่มีราวจับเป็นทองเหลืองกลางบ้านมาจากชั้นสอง โดยมีคนใช้ผู้ติดตามเดินมาด้วยอีกสองคน ราชาซึ่งถ้าย้อนไปตอนในวัยเด็กมัธยม ตามศาสนาห้ามตัดผมตลอดชีวิต จึงไว้จุกกลางหัวแบบเด็กแขก แล้วเอาผ้าขาวๆ คลุมจุกเอาไว้ เหมือนมีซาลาเปาวางอยู่กลางหัว เพื่อนๆ ในห้องเรียนชอบล้อกันเล่นครึกครื้นแต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ถือสา

          มาบัดนี้กลายเป็นหนุ่มใหญ่นักธุรกิจแล้ว เขาก็ยังต้องไว้ผมต่อไป ห้ามตัด แต่เปลี่ยนจากจุกผ้าสีขาว กลายมาเป็นผ้าลินินผืนยาวสีเข้มอย่างดี โพกรอบหัวเอาไว้อย่างเนี๊ยบกริบ หนวดและเคราก็เก็บเรียบในผ้าบางโปร่งสีดำที่รัดเอาไว้รอบใบหน้า และถ้าดูจากการใส่สูทเต็มตัวแบบนี้ในฉากหลังของบ้านที่ใหญ่โตอลังการ ก็ดูน่าเกรงขามไม่ใช่น้อย

          ต้นข้าวเผลอตัวลุกขึ้นจากโซฟาที่นั่งอยู่ ยืนตัวตรงต้อนรับ อารมณ์เหมือนยืนรับเสด็จมหาราชแห่งอินเดียที่กำลังทรงขบวนช้างเข้ามาอย่างไรอย่างนั้น

          "มึงจะยืนต้อนรับทำบ้าอะไรห่ะ! ไอ้ต้นข้าว" เสียงราชาพูดหัวเราะขำๆ พร้อมเดินเข้ามากดไหล่ชายหนุ่มให้นั่งลงที่เดิม "มึงจะมาหาทางแกล้งเปลี่ยนเต้นท์ สลับคนที่กลัวผีหลอกให้มานอนกับกูอีกหรือไง"

          ถึงจะผ่านมาเกือบยี่สิบปี ราชายังคงจำเหตุการณ์ในคืนที่จิวให้ไอ้เกตุไปสลับนอนเต้นท์เดียวกับราชาในค่ายทหารที่เมืองกาญจนบุรีนั้นได้เสมอ และมีวี่แววว่าจะยังคงอำเรื่องนี้ต่อไปอีกหลายปี

          ต้นข้าวหัวเราะขำออกมา เพื่อนยังไงก็คือเพื่อน ถึงในสังคมข้างนอกจะยิ่งใหญ่ยงยศยังไง สำหรับเพื่อนด้วยกันแล้ว หัวโขนทั้งหมดคงต้องถูกถอดวางไว้ก่อน เหลือไว้แต่มิตรภาพเท่านั้น

          หลังจากพากันนั่งลงและทักทายกันแค่นิดหน่อย เพราะทั้งสองได้พบกันบ่อย นอกจากวันงานแต่งของราชาแล้ว ทั้งสองก็พบกันตามงานอีเว้นท์บ้าง งานเลี้ยงบ้าง เพราะต้นข้าวก็ไปจัดงานให้ทางสมาคมฯ อยู่บ่อยๆ ต้นข้าวทำท่าจะเริ่มเรื่องที่เตรียมมาขอร้องราชาในวันนี้เกี่ยวกับเรื่องส่งออกรองเท้าฟองน้ำของจิว แต่ราชากลับเป็นคนเปิดเรื่องใหม่ที่ต้นข้าวไม่รู้ขึ้นมาก่อน

          "เออนี่ต้นข้าว พักนี้งานนายเยอะไหม จะมีงานอีเว้นท์ด่วนให้งานนึง รับทำไหวไหม" ราชาเปิดเรื่อง ขยับนั่งตัวตรงเป็นงานเป็นการขึ้น

          "อ้าว นี่กำลังจะมาคุยเรื่องฝากสินค้าส่งออกอยู่นะเนี่ย ว่าแต่งานอีเว้นท์อะไร งานสมาคมหรือ" ต้นข้าวชะงักในสิ่งที่ตั้งใจจะมาขอให้ช่วย

          "สินค้าอะไรของนายจะส่งออก หึย...อย่าพึ่ง เอาเรื่องของชั้นก่อน งานสำคัญ" ราชาเอามือขึ้นมาโบกห้ามไปมา แล้วพูดต่อ

          "คืองี้ เมื่อสองเดือนที่แล้ว มีแนวคิดจากทางรัฐบาลไทยออกมาเรื่องโครงการใหม่คล้ายๆ โครงการหนึ่งในญี่ปุ่นน่ะ ชื่อ One Village, One Product ของเมืองโออิตะ ประเทศญี่ปุ่น ประมาณว่า ตำบลหนึ่งก็จะให้มีสินค้าของดีเป็นของตัวเองออกมาโปรโมทขาย

          ส่วนของในเมืองไทยน่าจะตั้งชื่อว่า OTOP นะถ้าจำไม่ผิด ชื่อไทยคือ "หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์" ประมาณนี้ จากทั้งหมด ๗,๐๐๐ ตำบลทั่วประเทศ"

          "แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับงานอีเว้นท์เราได้น่ะหืม? เราไม่ได้ทำตลาดสดซะหน่อย" ต้นข้าวถาม

          "เกี่ยวสิ กำลังจะพูดอยู่นี่ไง" ราชาพูดไป ส่ายหัวไปมาด๊อกแด๊ก

          "อีกสองอาทิตย์ นายกของญี่ปุ่นกับพวกนายหน้าตัวแทนสินค้านำเข้าของเขา จะมาเยือนไทย และจะมาขอดูความคืบหน้าของโครงการนี้ ที่เราไปขอเขามาเป็นต้นแบบ แต่ของเรามันยังไม่เป็นรูปเป็นร่างไง นายกเลยขอให้สมาคมส่งออกของเราทำแบบตัวอย่างให้เขาดูก่อน เลยต้องรีบจัดงานด่วนๆ เพื่อโชว์เขานี่ไง"

          "อ้าว แล้วจะโชว์อะไร รูปแบบไหน แล้วผลิตภัณฑ์อะไรที่ว่านี่ มันมีแล้วหรือ" ต้นข้าวซัก

          "ไม่มี!!" คราวนี้ราชาส่ายหัวหนักกว่าเก่า

          "เฮ้ย แล้วจะให้จัดงานอะไรล่ะ บ้าไปแล้ว" ต้นข้าวสะดุ้งจริงๆ

          "เขาให้เราคิดเองเลย นายเป็นครีเอทีฟงานอีเว้นท์ไม่ใช่เหรอ คิดสิ มีงบให้ล้านสอง แต่มีเงื่อนไขว่าต้องจัดที่ MBK HALL ในห้าง MBK นะ เพราะมันมีห้างโตคิวของญี่ปุ่นอยู่ในห้างนั้น เอาใจทางญี่ปุ่นเค้าหน่อย เผื่อเราส่งออกสินค้าให้เขาได้"

          "จะทันหรือนี่ เร็วๆ นี้ห้างกำลังจะทุบ MBK HALL ไปทั้งชั้นเลยนะ เห็นว่าจะเปลี่ยนเป็นโรงหนังแบบสมัยใหม่แทน" ต้นข้าวทำหน้าครุ่นคิด

          "ทันๆๆ" ราชาโบกมือไปมาเหมือนในหนังแขก "ทางสมาคมเราไปคุยกับห้าง MBK ไว้แล้ว งานนี้จะเป็นงานส่งท้ายก่อนทุบ HALL ทิ้ง นายมีหน้าที่คิดก็คิดมาเลย คิดตอนนี้เลยว่าจะเอาสินค้าอะไรไปโชว์ในงาน จะได้อนุมัติเดี๋ยวนี้"

          ต้นข้าวหยิบแก้วน้ำบนโต๊ะขึ้นมาซดหมดแก้ว กลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ หยิบปากกาขึ้นมาขีดๆ เขียนๆ ในสมุดโน้ตที่ถือมา ใจเต้นตุบๆ

          --หรือนี่มันจะเป็นโอกาสของจิวแล้ว--

          "เอางี้" ต้นข้าวเงยหน้าขึ้นมาจากสมุด

          "เราเอาผลิตภัณฑ์ชัวร์ๆ ก่อนสักสี่อย่าง แต่อยู่ในรูปของแฟชั่นโชว์นะ"

          "ว่ามา เอาอะไรบ้าง" ราชากระดกนั่งตัวตรงขึ้นมาตั้งใจฟัง

          "ก็มีผ้าไหม จากอำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ" ต้นข้าวเริ่ม

          "โอเค ผ่าน" ราชาพยักหน้าหงึกๆ

          "แล้วก็เป็นข้าวหอมมะลิ จากทุ่งกุลาร้องไห้"

          "ดี ผ่าน" ราชาพยักหน้าแรงขึ้น

          "ต่อไปก็เป็นเพชร จากบ้านหม้อ ถนนสายอัญมณีในกรุงเทพฯ" ต้นข้าวค่อยๆ ลดเสียงลง "โดยเฉพาะเพชรจากร้านของคุณเฮลเลน"

          คราวนี้ราชาหัวเราะเอิ้กอ้าก "เมียกูเอง ดีๆ ผ่าน"

          "ส่วนอย่างสุดท้าย คือ รองเท้าฟองน้ำ จากนครชัยศรี นครปฐม" ต้นข้าวอ้อมๆ แอ้มๆ

          "เฮ้ยยย!!!" ราชากระดกตัวขึ้นมาจากเก้าอี้ หน้าแทบจะทิ่มใส่ต้นข้าวอยู่แล้ว "มันจะเกี่ยวได้ยังไงกับอย่างอื่น อันนี้ไม่โอเค"

          ...................

          หลังจากนี้อีกสิบนาที ราชาก็ได้รับฟังเรื่องราวทั้งหมดของจิว เรื่องการที่ต้นข้าวได้ตามหาจิวพบแล้ว รวมทั้งเรื่องธุรกิจของจิวที่กำลังจะพังพินาศอยู่รอมร่อ

          ราชานั่งฟังแล้วอึ้งไป ต้นข้าวมองเห็นแววตาราชาที่กำลังคิดหนัก จนผ่านไปสักครู่ ราชาจึงเอ่ยปากถามต้นข้าวว่า

          "นายชัวร์ไหมว่า งานนี้จะทำออกมาให้ดีที่สุด"

          "รับรองว่าเราจะทำงานนี้ให้ด้วยหัวใจของเราเองเลยล่ะ" ต้นข้าวรับปากกับราชาด้วยสายตาที่มุ่งมั่นและความหวัง

          "งั้นตกลงตามนี้ทั้งหมด" ราชาสรุปอย่างคนเป็นผู้นำ พร้อมที่จะรับผิด และรับชอบในสิ่งที่จะเกิดขึ้น

          "ขอบคุณมากนะ เพื่อน" ต้นข้าวยิ้มให้ราชา แล้วพูดต่อ

          "คนเราจะเติบโตขึ้นได้ เพราะได้รับโอกาสจากใครอีกคนหนึ่งเสมอ ขอบคุณมากนะ ที่นายให้โอกาสจิว"

          "ยินดีมากเพื่อน" ราชาเอื้อมมือมาตบไหล่ต้นข้าวเบาๆ แล้วพูดต่อ

          "แต่ชั้นว่า คนที่ดีใจมากกว่าคือนายนั่นแหล่ะ สายตานายมันฟ้อง น่าอิจฉาจิวมันจัง ที่มีคนที่มุ่งมั่นจะทำอะไรให้แบบนี้"

          --------------------

          อีกหนึ่งอาทิตย์ต่อมา เสี่ยจิวได้รับโทรศัพท์จากผู้หญิงคนหนึ่ง แนะนำตัวว่านางเป็นตัวแทนจากบริษัทออร์กาไนซ์แห่งหนึ่ง ที่จะจัดงาน "OTOP Showcase 2001 - เปิดโลก หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ๒๕๔๔" สำหรับแสดงสินค้าประจำตำบลเพื่อการส่งออก ที่ MBK HALL และสินค้าจากโรงงานจิวได้รับเลือกเป็นหนึ่งในโชว์นี้ด้วย ขอให้จิวเตรียมตัว และเตรียมเสื้อผ้าชุดสูทสำหรับใส่ไปออกงานนี้ให้พร้อม เพราะเป็นงานใหญ่ นายกรัฐมนตรีและท่านผู้หญิงภริยานายก จะมาเป็นประธานเปิดงานเอง

          "แล้วอย่างอื่นผมต้องเตรียมอะไรไหมครับ เช่นสินค้าไปออกบูธ"

          เสี่ยจิวถาม ทั้งที่ยังงงๆ กับเรื่องราวอยู่ ในขณะเดียวกันก็เริ่มสงสัยว่าเสียงคนที่พูดในสาย ทำไมมันคุ้นหูจัง

          "ในจุดนี้ ยังไม่ต้องเตรียมอะไรค่ะ ถ้ามีอะไรเพิ่มเติม เดี๋ยวอัญชุลีจะแจ้งคุณอีกทีนะคะ" เสียงผู้หญิงปลายสายตอบ

          "เดี๋ยวๆ คุณชื่ออัญชุลีเหรอ ผมก็ว่าเสียงคุ้นจัง คุณอัญชุลี ก่องเพ็ชร จากบริษัทรับซื้อของมือสองหรือเปล่าครับ"

          "แกร๊ก..." เสียงวางสายจากอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วหลังจากเขาถามจบ

          ชายหนุ่มวางหูโทรศัพท์อย่างงุนงง ใจหนึ่งก็นึกดีใจที่รองเท้าฟองน้ำของเขาจะได้ไปแสดงที่งานสินค้าส่งออก มันอาจช่วยพลิกฐานะของโรงงานตอนนี้ได้เลย ส่วนอีกใจหนึ่งกำลังนึกสงสัยความไม่ชอบมาพากลของผู้ที่ติดต่อมา จริงๆ เขาว่ามันตะหงิดๆ ตั้งแต่วันที่ผู้หญิงชื่ออัญชุลีมาที่โรงงานนี้ครั้งแรกแล้ว มาพร้อมกับใครนะ...นึกไม่ออก คนงานหรือเปล่า ที่นั่งซุ่มคลุมหัวอยู่ในรถอีกสองคน

          ..................

          เสี่ยหนุ่มหน้าตี๋ นั่งลงไปที่เก้าอี้หลังโต๊ะทำงานของเขา ตามองไปที่จอคอมพิวเตอร์ตรงหน้า เขาหยิบนามบัตรที่อยู่ใต้คีย์บอร์ดขึ้นมา แล้วพิมพ์ชื่อ 'บริษัท สมใจนึก จำกัด' ลงในช่องค้นหาข้อมูลในเวป Google แล้วกดปุ่ม Enter

          อินเทอร์เน็ต 56Kbps ก็กำลังแสดงผลอันยืดยาดของมันตามสภาพ นั่นคือ IE หรือ Internet Explorer กำลังขึ้นรูปนาฬิกาทรายหมุนพลิกไปพลิกมากลางจอ

          มันกำลังหมุนติ้ว ติ้ว ติ้ว...

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-07-2017 10:20:39 โดย กำปงพิราเทวี »

ออฟไลน์ กำปงพิราเทวี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-0
อ่านทุกข้อความจากผู้อ่านที่คอมเมนต์มาแล้วนะคะ
และ +1 ให้ทุกคอมเมนต์แล้ว

ผู้อ่านน่ารักที่สุดค่ะ

ขอบคุณมากนะคะ ที่ติดตามกัน ปลื้มมาก

...............

ต้องขออภัยด้วยที่ลงในตอนหลังๆ นี่ช้า
เพราะช่วงนี้มีงานเข้ามาเยอะค่ะ
และมีโปรแกรมแบบไม่ได้ตั้งตัว
ต้องออกต่างจังหวัดด้วย
แต่จะพยายามเขียนให้ไวที่สุดค่ะ

เรื่องดำเนินมาจนเกือบจบแล้วนะคะ
อีก 1 หรือ 2 ตอนก็จะจบภาควัยทำงานนี่แล้ว

และจะมีภาคสุดท้ายอีก 2 ตอน ก็จะจบบริบูรณ์

แล้วพบกันนะคะ ขอบคุณทุกท่านมากๆ อีกครั้ง


 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-07-2017 19:14:04 โดย กำปงพิราเทวี »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อูยยย........ค้างงงงง  :ling1: :ling1: :ling1:
จิว จะได้ออกงาน โอท็อป แล้ว หนึงผลิตภัณฑ์ หนึ่งตำบล

ว่าแต่จิว เหมือนสงสัยชื่ิออัญชุลี อยู่นะ
เพราะมันชื่อเดียวกับคนที่มาซื้อสินค้ามือสอง
 
ราชา ผีแขก ได้ออกโรงแล้ว
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ต้องให้ลุ้นอีกแล้ว ..... (นานไหมจ๊)

ออฟไลน์ appattap

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
คิดถึงต้นข้าวกับเสี่ยจิวคนดี ไม่ว่ายังไงก็ยังรักต้นข้าวเสมออออออ
ชอบความรักแบบนี้ มีอะไรก็คอยช่วยเหลือกัน

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
จะได้เจอหน้ากันแล้วสินะ ดีใจๆ
ฟินสมกับการรอคอย รออ่านตอนต่อไป

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
แล้วก้อหมุนติ้ว หมุนติ้ว รอ รอ ให้ตอนหน้า มนต์รักMBK ได้เจ๊อะกันสักที

เอ้าาาา ขอให้สมหวังนะคร้าบบบบบ

 :n1:  :n1:  :n1:  :n1:  :n1:

....

..

ออฟไลน์ graciej

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 148
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ณ จุดนี้ รู้สึกซาบซึ้งในความมั่นคงของเสี่ยจิวคนดี รอฉากจิวเจอต้นข้าวอีกครั้ง :hao5: :katai2-1:

ออฟไลน์ zombi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-5
ลุ้นกับความเร็ว IE 555

ถ้างานไม่ดี โอกาสที่มีก็ศูนย์ค่า

โอกาสก้าวหน้า โอกาสคืนดี รักษาไว้ดีๆนะคะ

ออฟไลน์ MyMine104

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เสี่ยจิวมาล๊าวววว คิดถึงจังเลย เจอกันไวๆนะสองคนนี้คนอ่านลุ้นกันจะแย่แล้ว5555  :katai2-1: :pig4:

ออฟไลน์ กำปงพิราเทวี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-0

MBK❤lover





ตอนที่ ๔๔ : สายลมแห่งความคิดถึง


          คุณข้าวและอัญชุลี หอบเอกสารหลายปึก พร้อมด้วยแผ่นดิสก์เก็ต หรือ ฟลอบปี้ดิสก์ ที่เซฟข้อมูลในการพรีเซนต์งานในวันนี้ มุ่งตรงไปที่บ้านของราชาที่บางนา ชายหนุ่มได้ตั้งใจอย่างมากในการทำการบ้าน หาข้อมูล และได้เตรียมคอนเส็ปต์การแสดงงาน OTOP นี้ไว้พร้อมแล้ว

          ราชารอเขาอยู่ในห้องทำงานอันโอ่โถงที่บ้านของเขา บ้านที่เพดานสูงลิ่วและพื้นหินอ่อนเป็นมันปลาบ หากแต่วันนี้มีคุณเฮลเลน ภรรยาของเขา และมีเลขาฯ อีกคนหนึ่งนั่งร่วมประชุมด้วย

          "ว่ามาเลยเพื่อน เดี๋ยวชั้นมีประชุมต้องรีบไปต่อ" ราชาพูดยิ้มๆ นั่งตัวตรงพร้อมที่จะรับข้อมูลเต็มที่

          คุณข้าวเริ่มเตรียมการพรีเซนต์ เขาเปิดคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะของราชา เสียบแผ่นฟลอบปี้ดิสก์ลงไป เปิดตารางที่ทำมาและเริ่มการพรีเซนต์ โดยมีราชาและคุณเฮลเลนนั่งฟังอย่างตั้งใจ

          .................

          หลังพรีเซนต์จบ ราชามีสีหน้าพอใจมาก หน้าเขาแดงก่ำ แดงขึ้นไปถึงหน้าผากจนแทบจะเป็นสีเดียวกับผ้าโพกหัวสีแดงเข้มที่โพกไว้ตามศาสนาของเขาแล้ว เขาผิวปากเป็นเพลงอินเดียแบบที่พระเอกในหนังใช้เต้นระบำไปรอบขุนเขาหวือออกมา

          "เฮ้ย นี่มันเยี่ยมมากเลยนะเพื่อน ทั้งทางไทยและทางญี่ปุ่นน่าจะชอบ เอาอันนี้แหล่ะ" ราชาพูดพร้อมกับเอามือตบไหล่คุณข้าวเบาๆ

          "ขอถามอะไรสักนิดนึงนะคะ" คุณเฮลเลนซึ่งนั่งฟังและมีสีหน้าตื่นเต้นเอ่ยถามขึ้น

          "ตรงชื่อคอนเส็ปต์ของงาน 'รอยเท้าที่ก้าวเดินบนแผ่นดินทอง' ที่คุณข้าวเสนอมาเนี่ย มันจะแทนความหมายอะไรของประเทศไทยหรือคะ"

          "คืออย่างนี้ฮะ" คุณข้าวขยับตัวอย่างเป็นงานเป็นการ "คืออีกห้าปีข้างหน้า ใน พ.ศ. ๒๕๔๙ ประเทศไทยเราจะมีสนามบินแห่งใหม่เปิดใช้แล้ว คือสนามบินหนองงูเห่า ซึ่งกำลังก่อสร้างอยู่ที่สมุทรปราการใช่ไหมฮะ"

          "ใช่ แต่มันไม่ได้ใช้ชื่อสนามบินหนองงูเห่านี่" ราชาช่วยขัดขึ้น

          "รู้แล้วไง มันมีชื่อที่เป็นทางการน่ะ คือชื่อสนามบิน 'สุวรรณภูมิ' มันแปลว่า 'แผ่นดินทอง' นี่ไง ตลาดการค้าไทยมันจะยิ่งก้าวไปทั่วโลกได้สะดวกขึ้น และ OTOP นี่จะเป็นก้าวแรกของการส่งออกไทยไงล่ะ" คุณข้าวอธิบายอย่างคนที่ทำการบ้านมาดี

          "เยี่ยมไปเลยนะคะ เราจัดงานนี้ ทางการท่องเที่ยวคงจะชอบด้วย ดีเลยคุณ เราขอสปอนเซอร์การจัดงานเพิ่มได้จาก ททท. ด้วยนะคะ" ประโยคหลังคุณเฮลเลนหันไปบอกกับสามีซึ่งนั่งอมยิ้มอยู่

          แล้วจู่ๆ คุณเฮลเลนก็หันไปหยิบกล่องกำมะหยี่สีแดงข้างๆ ตัวมาวางกลางโต๊ะ ท่ามกลางสายตาที่งงๆ ของคุณข้าว แล้วเจ้าของกล่องก็เอ่ยถามเขาอีกว่า

          "นางแบบที่จะใช้เดินฟินนาเล่ชุดสำคัญชุดสุดท้าย ขอให้ใส่เครื่องประดับอันนี้ได้ไหมคะ คุณข้าวจะใช้นางแบบคนไหนนะคะ"

          "รจนาครับ รจนานางแบบไทยที่ไปดังมากๆ ที่เมืองนอก ได้เคยขึ้นปกหนังสือโวคด้วย ในช่วงการจัดงานของเราเธอกลับมาเมืองไทยพอดี ผมให้เพื่อนติดต่อและล็อคคิวไว้ให้แล้วฮะ" ต้นข้าวตอบยิ้มๆ แอบนึกไปถึงว่าตนเองใช้ให้พริกเพื่อนรัก อาศัยเส้นของบริษัทของเธอบีบขอคิวอันแน่นเอี๊ยดของรจนามาให้จนได้

          "ดีเลย ได้นางแบบดังมากๆ ซะด้วย" คุณเฮลเลนพูดพลางมือก็เปิดกล่องกำมะหยี่สีแดงแล้ววางหันมาให้คุณข้าวดู

          "สร้อยคอทับทิมสยามล้อมเพชร!!!" ชายหนุ่มอุทานออกมา ทำตาโต พร้อมๆ กับเสียงอัญชุลีที่นั่งจดการประชุมนี้ก็ร้องเสียงหลง ว๊าย! อย่างตื่นตาตื่นใจออกมาด้วย

          เสียงราชาหัวเราะออกมาดังๆ "เอาให้งาน OTOP งานแรกนี้ได้ขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ทุกฉบับเลยแล้วกัน สร้อยทับทิมสยามเส้นนี้เส้นเดียวราคาเกือบ ๓๐ ล้านบาทเลยนะ สร้อยจากร้านเพชรของเมียชั้นเอง"

          คุณข้าวทำหน้าเหยเก ตามองจ้องลงไปที่สร้อยคออันงดงามนั้น มันเป็นทับทิมเม็ดเขื่องเรียงกันอยู่บนสร้อยรวม ๙ เม็ด แต่ละเม็ดมีขนาดเท่ากับไข่นกกระทาเบอร์ใหญ่สุด มีสีแดงก่ำแต่ฉายแสงสดใส ล้อมรอบด้วยเพชรเม็ดใหญ่น้ำขาววับไปทั้งเส้น

          "นี้มิต้องจ้างตำรวจมาเฝ้าหลังเวทีด้วยไหมนี่" ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะถามออกไปเล่นๆ

          "จะจ้างทั้งกองร้อยมาเฝ้าหรือจะทำอะไรก็จัดไปเลยเพื่อน เงินมีซะอย่าง นี่ชั้นของบประมาณการจัดงานจากทางสมาคมเพิ่มให้ด้วยนะ จากล้านเดียวกลายเป็นล้านสอง ทำให้เต็มที่เลยนะงานนี้ เอ้านี่เช็คครึ่งนึง เอาไปก่อน"

          ราชาส่งเช็คที่เตรียมมาในกระเป๋าส่งให้ต้นข้าว ชายหนุ่มรับเช็คมูลค่าหกแสนบาทมาถือไว้

          "รับรองงานนี้ไม่มีผิดหวัง" คุณข้าวรับคำหนักแน่น

          อันที่จริง ในใจลึกๆ ของชายหนุ่ม การรับคำหนักแน่นเมื่อสักครู่นี้ ไม่ได้หมายถึงว่าพูดกับราชาเท่านั้นหรอก แต่เขาหมายถึง 'จิว' ผู้ชายคนเดียวในหัวใจของเขาตอนนี้ ที่เขาตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะทำสิ่งนี้ให้จิว...แทบจะให้จิวเพียงคนเดียวเท่านั้น --รับรองงานนี้จิวไม่มีผิดหวัง--

          ก่อนกลับ ราชาบอกเขาว่า เมื่อการพรีเซนต์บนเวทีและการเดินแฟชั่นโชว์สินค้าจบหมดแล้ว ขอให้ต้นข้าวเป็นคนออกมาโค้งขอบคุณหน้าเวทีกับนางแบบในช่วงฟินนาเล่ด้วย ชายหนุ่มทำหน้าเหมือนจะปฏิเสธ แต่ราชาให้เหตุผลว่าคนญี่ปุ่นเคารพในผลงานของคนที่ทำ และจำเป็นต้องแสดงตัวด้วย เขาจึงรับปากแบบขัดเพื่อนไม่ได้

          --------------------

          สองอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ เสี่ยจิวดูวุ่นวายไปหมดในโรงงาน ทั้งเรื่องการแพ้ท้องอย่างหนักของลำไย ทั้งเรื่องการส่งวัตถุดิบต่างๆ เช่นรองเท้าฟองน้ำตั้งแต่รุ่นเก่าไปจนถึงรุ่นใหม่ รวมทั้งเครื่องจักรรุ่นเก่า ที่ทางผู้จัดงานจะขอไปวางโชว์ที่หน้างาน OTOP นี้ด้วย โดยติดต่อรายละเอียดผ่านมาทางจอซู

          เรื่องการติดต่อต่างๆ จากทางออร์กาไนซ์ผู้จัดงานผ่านมาทางจอซูนี่ทำให้เสี่ยจิวเริ่มงงหลายอย่าง เช่นว่า เจ้าจอซูมันไปสนิทหรือรู้จักกันอีท่าไหนกับทีมผู้จัด มันถึงรู้ไปซะทุกเรื่อง แถมทางโน้นยังเลือกที่จะติดต่อผ่านมันเพียงคนเดียว แต่ความวุ่นวายของการเตรียมตัวทำให้เขาไม่มีเวลาถามมันในเรื่องนี้ ได้แต่จัดการให้ไปตามที่ทีมงานร้องขอ

          อย่างวันนี้ก็เหมือนกัน เจ้าจอซูมาบอกว่าให้เขาเตรียมตัวอาบน้ำหวีผมให้ดี จะมีทีมงานเข้ามาถ่ายรูปเขาถึงที่โรงงาน เพื่อเอาไปอัดขยายติดที่หน้างานตรงส่วนนิทรรศการแสดงผลงานของเจ้าของสินค้า OTOP โดยมีทีมงานมาประมาณสี่ห้าคน จับเขาแต่งหน้าหวีผมซะหล่อ แถมให้ใส่สูทสีดำผูกหูกระต่ายเต็มยศอย่างเท่ บนกระเป๋าเสื้อสูทมีผ้าเช็ดหน้าสีแดงก่ำเหน็บโผล่ไว้อย่างเก๋ไก๋ ซึ่งเป็นสีเดียวกันกับหูกระต่ายที่ผูกบนคอเขา

          หลังถ่ายรูปเสร็จซึ่งกินเวลาไปเกือบครึ่งค่อนวัน เขาก็ถอดสูทออกส่งคืนให้ทีมงาน แต่ทีมงานส่ายหน้า

          "ไม่ต้องคืนค่ะ คุณพริกบอกว่าให้คุณเก็บไว้ใส่ไปร่วมงานในวันงานเลย"

          "คุณพริก!" เสี่ยจิวครางชื่อตามมาเบาๆ เขาคุ้นชื่อนี้จัง เหมือนใครสักคนที่เคยรู้จัก

          ทีมงานคงสะดุดใจอะไรขึ้นมา จึงรีบบอกว่า "อ้อ ไม่ใช่คุณพริกค่ะ คุณฟริกซ์ ค่ะ ชื่อคุณฟริกซ์" หลังพูดจบ มีเสียงถอนหายใจเฮือกมาจากกลุ่มทีมงาน มีหลายคนมองหน้ากันไปมาล่อกแล่ก

          "คุณฟริกซ์ให้ชุดนี้คุณเลย ใช้ใส่ไปงานวันจริงได้เลยนะคะ เพราะคุณต้องนั่งเก้าอี้แถวหน้าๆ ในงาน ต้องออกกล้อง ต้องถ่ายรูปค่ะ" ทีมงานสาวย้ำมาอีกที

          เสี่ยจิวไม่มีเวลาคิดมากจึงรับเสื้อมาถือไว้ ดูเหมือนทีมงานออร์กาไนซ์ที่จัดงานนี้เป็นมืออาชีพมากๆ ถึงได้เตรียมความพร้อมไว้ให้ขนาดนี้ แม้กระทั่งเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นชุดที่เขาจะต้องใส่ไปในงาน

          "ดีจังเลย ฝากบอกคุณ...เอ่อ...ฟริกซ์ ด้วยนะครับที่จัดหาชุดไว้ให้ เหมือนรู้เลยว่าผมไม่มีชุดสูทใส่ออกงานใหญ่ ผมไม่ค่อยออกงานฮะ" ชายหนุ่มยิ้มอ่อนๆ ให้ทีมงาน

          "เขารู้ค่ะ เพื่อนคุณฟริกซ์เขาเลือกชุดนี้กับมือเอง...เอ่อ...ไม่ใช่แหล่ะ...เอ่อ ไปดีกว่า พวกเราลานะคะ แล้วเจอกันวันงานจริงนะคะ" ทีมงานรีบขอตัวลากลับ ทำท่าเหมือนถ้าอยู่นานจะพูดผิดพูดถูกมากไปกว่านี้ โดยมีเจ้าจอซูซึ่งทำหน้าเหมือนกลั้นขำอะไรสักอย่าง เป็นผู้เดินออกไปส่ง

          เสี่ยจิวมองตามทีมงานกลุ่มนั้นไป เขาเดินไปพิงที่ปากประตูหน้าโรงงาน แล้วก้มลงมองเสื้อสูทที่พาดอยู่บนแขน เอามือลูบที่ผ้าเช็ดหน้าสีแดงก่ำเกือบดำ บนปากกระเป๋าเสื้อ --ทำไมรู้ใจจัง เพราะถ้าเขาจะเลือกหยิบ ก็คงหยิบหูกระต่ายและผ้าเช็ดหน้าสีนี้ เพราะว่ามันมีสีไม่ฉูดฉาด

          คิดแล้วชายหนุ่มก็รู้สึกอบอุ่นในหัวใจขึ้นมาอย่างประหลาด มันเหมือนกับว่ากำลังมีใครสักคนมาทำอะไรดีๆ ให้เขา เขาหลับตาลง สายลมบ่ายพัดมาจากทุ่งโล่งหน้าโรงงานวูบหนึ่ง ลมอ่อนๆ เหมือนหมุนวนอ้อยอิ่งอยู่รอบตัวเขา มันเหมือนอ้อมกอด

          เสี่ยจิวก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมจู่ๆ ถึงรู้สึกแบบนั้น มันก็แค่เสื้อผ้าชุดหนึ่ง...

          --------------------

          สามทุ่ม คุณข้าวนั่งหน้าเคร่งตรวจสคริปต์พิธีกรงาน OTOP เป็นครั้งสุดท้ายที่ห้องทำงานในบ้าน ก่อนจะยิ้มออกมา แล้วกดปุ่มสั่งปริ้นเป็นเอกสารออกมาหลายชุด เขาถอนหายใจเฮือก แล้วเอามือประสานที่ท้ายทอย หลังพิงพนักเก้าอี้ เหยียดขายาวออกไปข้างหน้าอย่างเกียจคร้าน งานของเขาที่เหน็ดเหนื่อยและหนักหนาที่ผ่านมาสองอาทิตย์ได้สิ้นสุดแล้ว

          เขาเตรียมความพร้อมในทุกด้านของงาน งานเซ็ตอัพสถานที่ได้เข้าไปติดตั้งที่ MBK Hall แล้วตั้งแต่วันนี้ตอนบ่าย เหลือแต่พรุ่งนี้เขาต้องเข้าไปแต่เช้าเพื่อไปประชุมทีมงาน ซ้อมการแสดงต่างๆ แสงสีเสียง รวมทั้งพิธีกร แดนเซอร์ นายแบบและนางแบบ เพื่อให้สมบูรณ์พร้อมในตอนค่ำที่จะเริ่มงาน

          ชายหนุ่มเปิดลิ้นชักข้างตัวออก หยิบซองสีน้ำตาลซองหนึ่งขึ้นมาเปิด หยิบรูปถ่ายขึ้นมาใบหนึ่ง มันเป็นรูปตัวอย่างที่จะนำไปขยายใหญ่ติดที่หน้างาน มันเป็นรูปของชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งในชุดสูทสีดำ ผูกหูกระต่ายและมีผ้าเช็ดหน้าสีแดงเข้มเหน็บที่ปากกระเป๋า ชุดสูทนี้ต้นข้าวเป็นคนไปเลือกซื้อด้วยตัวเอง

          รูปนี้มันเป็นรูปจิว

          ต้นข้าวมองเหม่อไปที่รูปจิว เขายิ้มให้กับรูป...นี่สินะ สิ่งที่เป็นแรงใจในการลุกขึ้นมาทำงานใหญ่ครั้งนี้ และพรุ่งนี้แล้วสินะ ที่เขากับจิวจะต้องเจอหน้ากันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ต้นข้าวก็พร้อมแล้ว พร้อมที่จะเจอหน้าจิวแบบที่ไม่ต้องหลบ แต่มันเหลืออยู่เรื่องเดียวเท่านั้น เรื่องเดียวจริงๆ

          นั่นคือต้นข้าวไม่แน่ใจว่าจิวจะให้อภัยในสิ่งที่เขาทำลงไปกับจิวเมื่อสิบปีก่อนหรือเปล่า เขาไม่ได้คาดหวังหรอกว่ามันจะกลับไปเหมือนเดิมได้  เขาแค่คิดอย่างเดียวว่า นี่เป็นสิ่งที่เขาทำ 'ให้จิว' ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ด้วยความที่รู้สึกติดในคำสัญญาที่เคยรับปากไว้ครั้งหนึ่งนานแสนนานมาแล้ว ส่วนผลมันจะออกมาอย่างไรก็สุดแล้วแต่ ถ้าสิ่งที่เขาทำจะเป็นการช่วยเหลือในธุรกิจที่กำลังจะล้มของจิวได้ เขาก็มีความสุขแล้ว

          เสียงคนเดินเข้ามาในห้อง ชายหนุ่มเงยหน้าจากรูปขึ้นไปมอง เห็นเป็นเจ้ากบทำหน้าระรื่นเข้ามาที่โต๊ะ ถือโทรศัพท์ PCT แนบหูแบบกำลังคุยกับใครสักคนค้างอยู่เข้ามาด้วย

          โทรศัพท์ PCT คือโทรศัพท์ที่กำลังนิยมในตอนนั้น มันเป็นส่วนผสมของโทรศัพท์บ้านกับโทรศัพท์มือถือ คือมันจะถือออกไปโทรได้ในที่ต่างๆ โดยอิสระเหมือนมือถือที่ไร้สาย แต่เครื่องหลักที่ควบคุมมันคือโทรศัพท์บ้าน โดยในหนึ่งเครื่องของเบอร์บ้าน จะมี PCT ย่อยอีกกี่เครื่องก็ได้ เหมือนเบอร์บ้านเป็นเบอร์หลัก แล้วจะต่อไปคุยที่ PCT เครื่องไหนก็ต้องกดเบอร์ภายในต่อไป เช่น กด ๑ กด ๒ แล้วแต่ว่าบ้านไหนจะซื้อ PCT ย่อยไว้กี่เครื่อง แต่ถ้าไม่รู้เบอร์ต่อ ก็กดเลข ๐ มันจะต่อเข้าเครื่องหลักของโทรศัพท์บ้านเลย ซึ่งเครื่องหลักของบ้านนี้ ก็วางอยู่บนโต๊ะคุณข้าวนี่เอง

          เจ้ากบถอน PCT ออกจากหู เอามือปิดที่ด้านไมค์โครโฟนท้ายเครื่อง แล้วบอกกับเขาว่า

          "กบไปนอนก่อนนะฮะคุณข้าว"

          "เออ ไปเถอะ พรุ่งนี้ต้องออกไปทำงานใหญ่แต่เช้า แล้วนี่เอ็งก็เพลาๆ บ้างนะ ที่คุยโทรศัพท์กับแฟนนี่ สายจะไหม้แล้วนะ" คุณข้าวปรามๆ เจ้ากบแบบน้ำเสียงไม่ได้จริงจังอะไรนัก

          "คร้าบ เดี๋ยวกบก็วางหูแล้วครับ จอซูแฟนกบมันก็ง่วงจะวางสายเข้านอนแล้วเหมือนกัน" เจ้ากบหันมายิ้มให้คุณข้าว ก่อนจะคุยโทรศัพท์ต่อแล้วเดินออกไป ปล่อยให้คุณข้าวยังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานนั้นคนเดียว

          ..................

          เสี่ยจิวอาบน้ำเสร็จเตรียมตัวจะขึ้นนอน เขาเดินลงมาตรวจหน้าต่างประตูโรงงานว่าปิดเรียบร้อยดีไหมตามปกติที่เคยทำทุกวัน ชายหนุ่มเห็นเจ้าจอซูกำลังกดวางสายโทรศัพท์ PCT ของเขาพอดี จึงทำตาเขียวใส่

          "คุยอะไรกันนักหนา ดึกดื่นป่านนี้แล้ว"

          จอซูค่อยๆ เดินย่องๆ เอา PCT มาวางคืนที่โต๊ะข้างหน้าเสี่ยจิว แล้วอ้อมๆ แอ้มๆ บอกว่า

          "คุยกับคนทางทีมงานออร์กาไนซ์ครับเสี่ย นัดแนะกันเรื่องของที่ขาด ว่าต้องเอาอะไรไปเพิ่มอีกพรุ่งนี้ เพราะผมต้องไปช่วยเตรียมงานตั้งแต่สายๆ ครับ แล้วเสี่ยค่อยไปตอนค่ำก่อนงานเริ่มได้เลย" เจ้าจอซูธิบายเสี่ยยืดยาว แอบตอบไม่ตรงความจริง แต่อย่างน้อยก็ใกล้ความจริงนิดหน่อยน่า ก็คนบ้านโน้นจริงๆ เนอะที่จัดงาน --เด็กหนุ่มชาวดอยคิด

          เสี่ยจิวจ้องหน้าจอซูนิ่งๆ ไม่ได้ตอบอะไร เหมือนกำลังประเมินในใจว่าเจ้าจอซูมันมีอะไรไม่ชอบมาพากลหรือเปล่า ดึกๆ ดื่นๆ ยังเที่ยวโทรคุยเรื่องงาน มันไม่ใช่เวลาเลยสักนิด แล้วมันไปสนิทอะไรกับทางฝ่ายคนจัดงาน ถึงต้องคุยกันขนาดนั้น

          เขาก้มลงไปมอง PCT แล้วนึกขึ้นมาได้ว่าจะให้จอซูถามคนจัดงานว่าพรุ่งนี้ที่ MBK มันมีที่จอดรถสะดวกหรือเปล่า เพราะเขาเองตั้งแต่ทำโรงงานนี่ ก็ไม่เคยขับรถไป MBK เองเลย จึงไม่รู้ทาง

          คิดแล้วเขาก็ขำตัวเอง จริงสินะ ตั้งแต่โตมาจนอายุสามสิบกว่านี่แล้ว เขายังไม่เคยได้ไปเหยียบ 'มาบุญครอง' หรือ MBK นี่อีกเลย นับตั้งแต่เขาไม่ได้เจอกันกับต้นข้าวเมื่อสิบปีก่อน เพราะเขาไม่รู้จะไปทำไมเมื่อไม่มีต้นข้าว และคนอย่างเขาก็ไม่ใช่คนที่จะไปเดินเล่นในห้างคนเดียวเสียด้วย

          จะว่าไป...แล้วต้นข้าวล่ะ เคยไปเดิน 'มาบุญครอง' กับใครอีกไหมนะ ---ชายหนุ่มเผลอคิด

          พอนึกมาถึงตรงนี้ เขาก็เงยหน้าขึ้นมาจะถามจอซูเรื่องที่จอดรถในห้างที่จัดงาน แต่เจ้าคนดอยตัวดีเดินหายไปหลังโรงงานเสียแล้ว คงกลัวจะโดนถามซักฟอกอะไร

          เสี่ยจิวหยิบ PCT ขึ้นมาถือไว้ ก็เมื่อสักครู่เจ้าจอซูมันพึ่งวางสายกับทีมงานออร์กาไนซ์ตามที่มันว่านี่หว่า แสดงว่าโทรเวลานี้ได้สินะ งั้นโทรถามเองตอนนี้เลยดีกว่า กลัวว่ารอโทรพรุ่งนี้แล้วทุกคนจะยุ่งๆ กัน

          ชายหนุ่มหน้าตี๋ มองไปที่ปุ่ม Last Call หรือปุ่ม 'โทรล่าสุด' บน PCT แล้วกดลงไป เอาโทรศัพท์แนบหู

          "กรุณากดหมายเลข PCT ที่ท่านต้องการติดต่อ หากไม่ทราบกรุณากด ๐" เสียงอัตโนมัตจากเครื่องที่ปลายสายดังมา

          "อ้าว เป็น PCT เหมือนกันนี่หว่า แล้วจะรู้ไหมล่ะว่าต้องกดเบอร์ย่อยเครื่องไหน" เสี่ยจิวบ่นพึมพัมกับตัวเอง แล้วตัดสินใจเอานิ้วจิ้มกดไปที่เลข ๐

          เสียงดังตี๊ดต่อดๆ ยาวๆ สองสามครั้ง ระบบเหมือนจะต่อติดเข้าเบอร์หลักได้แล้ว มีเสียงผู้ชายรับ มันเป็นเสียงที่แสนจะคุ้นหูจิวมานานแสนนาน ต่อให้ผ่านไปอีกยี่สิบปี เสียงนี้ก็ไม่มีวันลืมเลือนไปจากหัวใจเขา

          "ฮัลโหล สวัสดีครับ บริษัทสมใจนึก ออร์กาไนซ์ครับ ผมต้นข้าวพูดสายครับ..."

          ................

          เสี่ยจิวอ้าปากค้าง โทรศัพท์ PCT แทบหล่นจากมือ นี่ไง!! คำตอบสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง เรื่องที่มันเหมือนไกลแสนไกล บางทีมันก็ใกล้จนแทบคาดไม่ถึง

          บางทีความคิดถึงมันก็เพ้อไปไกลยันสุดขอบจักรวาล จนเหมือนไม่มีวันเดินทางไปหาได้ แต่ความเป็นจริงแล้ว คนเดียวกันนั้นกลับเหมือนจะใกล้จนลมหายใจแทบเป่ารดต้นคอ

          หนุ่มหล่อหน้าตี๋ที่ตอนนี้กลับมีเลือดฝาดจนสีหน้าเป็นสีอมชมพูทั้งหน้า ค่อยๆ กดวางสายโทรศัพท์ หัวใจเต้นแรงจนแทบหลุดออกมานอกร่าง

          น่าแปลกที่ประตูและหน้าต่างในโรงงานถูกปิดหมดแล้วทุกบาน แต่กลับเหมือนมีสายลมอ่อนและบางเบามาหมุนรอบตัวเขา

          มันเป็นสายลมแห่งความคิดถึง

          --------------------



ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
จิวมาแล้ว.  จิวอย่าหลบ ต้นข้าวเดินหน้าเต็มที่  คุยกันนะ

ต่างก้อคิดถึง ให้มันเป็น happy ending เถอะ ....แก่กันแล้วนะ 5555

 :katai5:  :katai5:  :katai5:  :katai5:  :katai5: ...

..

..

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด