ปราบซ่า® ตอนปราบครั้งที่35 ปราบครั้งสุดท้าย [จบบริบูรณ์]:: 7/1/2018 P.24
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ปราบซ่า® ตอนปราบครั้งที่35 ปราบครั้งสุดท้าย [จบบริบูรณ์]:: 7/1/2018 P.24  (อ่าน 194264 ครั้ง)

ออฟไลน์ Babelilong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 304
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • Facebook  เข้ามาขอเป็นเพือนได้เลย
 :katai2-1: :katai2-1:
 :katai5: :katai5: :pig4:

ออฟไลน์ เสพศิลป์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
อิพี่ปราบมันร้ายคะ คุณณณณณณณณณณณณ   พี่ปรายแม่งสายเปย์ ชัดๆๆๆ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
มาเกาะขอบ

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
พี่ปราบเป็นผู้ใหญ่มากอ่ะ ^^

ออฟไลน์ เด็กชายมั่วนิ่ม

  • ------>>>>
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ชอบตอนปราบสอนน้องมากกก สอนได้ดีค่อยๆ บอก ค่อยๆ สอน
เหมือนตอนพี่ครามปราบริชใหม่ๆ เลย ฮ่าๆๆๆๆ ดูๆ ไปนี่ซ่าแอบมีความคล้ายริชอยู่นะ
ปราบอยู่กับครอบครัวใหญ่ที่อบอุ่นมากกกก ๆๆๆๆๆๆ
ส่วนซ่าไม่รู้ว่าครอบครัวซ่านี่คือยังไง เพราะนี่มันเป็นแค่มุมของซ่าของเดียว
เลยดูเหมือนว่าซ่าโดนกระทำ แต่จริงๆ ถ้าซ่ากับครอบครัวเปิดใจคุยกันจริงจังมันอาจจะดีขึ้นก็ได้นะ
พี่ปราบช่วยดูแลซ่าหน่อยน้าาาาาา

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
ชอบพี่ปราบมากๆเลยค่ะ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
รุกแบบมีชั้นเชิง

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ RiRi

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 568
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +595/-8
    • RiRiWorld
ปราบซ่า
ตอนที่6


[ZA]

เลิกเรียนเสร็จผมก็บอกลากับเพื่อนๆก่อนจะแยกตัวจากกลุ่มเพื่อนไปทำงานพิเศษ ช่วงนี้การเงินไม่ค่อยคล่อง เลยต้องขอเงินแม่ใช้ก่อน โดนบ่นโดนด่าบ้างก็ว่ากันไป

ผมเปลี่ยนชุดในห้องน้ำของร้าน อีกยี่สิบนาทีก็ถึงเวลาเข้างาน ผมหยิบโทรศัพท์มากดโทรหาพลอยก่อน เพราะตอนทำงานจะโทรหาไม่ได้

“ซ่า ว่าจะโทรหาพอดี” พลอยรับสายด้วยความร่าเริง ผมเผลอยิ้มไม่รู้ตัว

“มีอะไรเหรอ” ผมถาม รู้สึกมีความสุขเมื่อรู้ว่าพลอยอยากคุยกับผม แทบลืมไปหมดว่าช่วงนี้เราบึ้งตึงใส่กันบ่อยแค่ไหน

“ว่างไหม ว่าจะชวนไปเดินซื้อของแล้วก็ดูหนังอ่ะ ครั้งที่แล้วก็ไม่ได้ดู”

ครั้งที่แล้วก็ตอนที่ผมไปตีกับเด็กต่างสถาบันแล้วโดนพลอยเมินใส่นั่นแหละ ผมรู้สึกดีนะที่พลอยโทรมาชวนผม แต่ว่าวันนี้ผมกลับไม่ว่าง

“วันนี้เหรอ ไม่ได้อ่ะ ทำงาน”

“ลางานไม่ได้เหรอ ช่วงนี้ไม่ได้เจอกันเลยนะ” พลอยทำเสียงงอแง ผมเหลือบตามองดูนาฬิกาก่อนจะมองหัวหน้างานที่เดินเข้ามาหยิบของหลังร้าน

“ไงมึง กว่าจะโผล่หน้ามาทำงานได้ ตัวแดงแล้วนะซ่า” เจอหน้าผมแกก็สวดเลย

“ค้าบๆ ขอโทษค้าบ” ผมพูดติดตลก แต่ในใจไม่ตลกด้วย ปลายสายคงได้ยินสิ่งที่หัวหน้าผมบ่น พลอยเงียบไปเลย

“ไว้วันหลังแล้วกันนะพลอย” ผมบอก วันนี้ผมลางานไม่ได้จริงๆ ยังไงก็ต้องทำงานถ้ายังไม่อยากหางานใหม่ นี่แย่กกว่าการหางานใหม่คือการสัมภาษณ์งาน

“น่าเบื่อ”

“...”

“ไม่ไปวันนี้ วันหลังก็ไม่ต้องไปแล้ว ไม่ได้เรื่อง” กระแทกเสียงใส่ผมจบก็ตัดสายไปเลย ผมได้แต่มองโทรศัพท์ก่อนจะถอนหายใจ พยายามไม่คิดอะไรมากแล้วเริ่มทำงาน

วันนี้ลูกค้าเยอะและผมทำหน้าที่เป็นแคชเชียร์ เป็นงานที่ยุ่งตลอดเวลา ผมทำงานเพลินจนกระทั่งใกล้จะได้เวลาเลิกงาน ลูกค้าก็เริ่มลดน้อยลงมาหน่อย

ตื้อดึง ~

“เซเว่นสวัสดีค่ะ/ครับ”

เมื่อมีลูกค้าเข้ามา ทุกคนก็พูดประโยคเดียวกันอย่างพร้อมเพรียง เพราะเป็นสิ่งที่พนักงานทุกคนจำเป็นต้องพูด จนบางครั้งผมยังรู้สึกว่ามันตลกเลย

“แกๆ ผู้ชายคนนั้นอย่างหล่ออ่ะ สูง หุ่นดี กล้ามแขนเป็นมัดๆเลย” พี่พนักงานสาวในร้าสองคนที่ยืนอยู่ใกล้ผม เริ่มกระซิบกระซาบพูดถึงลูกค้าที่เข้ามา

“ไหน จะมีใครหล่อกว่าผมอีก” ผมหันไปพูดเบ่งใส่

“มีแน่ หันไปดูนู่น” พี่แก้มดันหน้าผมให้หันไปทางบุคคลที่กำลังถูกพูดถึง ผมมองเขาพร้อมกับที่เขาก็หันมาสบตาผมพอดี

...พี่ปราบ…

“เห้ย ยิ้มมาทางนี้ด้วย เขาต้องยิ้มให้ฉันแน่ๆเลยแก” พี่แก้มยังคงเพ้อไม่เลิก ยิ่งพี่ปราบเดินเข้ามาใกล้เธอสองคนยิ่งยิ้มหวาน

“ไง เลิกงานยัง” พี่ปราบถามผม ทำให้พี่แก้มและพี่แจนตวัดหน้ามองผมด้วยความสงสัย ผมกระแอมไอในลำคอนิดนึง

จะว่าไปสองสาวก็พูดไม่ผิดหรอก ไอ้พี่ปราบมันหล่อจริงๆ หุ่นดีน่าตาดี พูดได้คำเดียวว่ากูอิจฉา

“ใกล้แล้วพี่ อีกครึ่งชั่วโมง”

“อืม กูไปรอที่รถนะ” พี่ปราบว่า แล้วก็ส่งขวดน้ำให้ผมคิดเงิน จากนั้นก็เดินออกไป

“ทำไมแกรู้จักกับเขา บอกมาเดี๋ยวนี้” พี่แจนซักถามผมทันที มีการมาจับแขนผมเขย่าด้วยนะ ส่วนพี่แก้มก็คงอยากจะเข้ามาถามเหมือนกันแต่ดันติดลูกค้า

“เขาเป็นรุ่นพี่ผม”

“รุ่นพี่ที่โรงเรียนช่าง!?” พี่แจนถามเสียงหลง ทำไมอ่ะ ถ้าเป็นเด็กช่างแล้วผิดตรงไหน

“ไม่ใช่ พี่แจนทำเสียงงี้หมายความว่าไง หาเรื่องเหรอ” ผมขยับเก้าเดินเข้าไปใกล้ แกล้งทำหน้าเหี้ยม

“ไอ้นี่นิ ถอยไปห่างๆเลย” พี่แจนผลักผมออกห่าง ผมหลุดขำแก

“พี่เขาไม่ได้เรียนช่างหรอก แต่ก็เป็นรุ่นพี่อ่ะ รู้แค่นี้พอล่ะ” ผมยักคิ้วกวนๆให้สองสาวที่ยืนเท้าเอวใส่ผม

“โหย อย่ามากั๊กได้ป่ะ” สาวๆโอดครวญกันใหญ่ ผมส่ายหน้ายิ้มๆ ยักคิ้วให้อีกทีก่อนจะหันไปคิดเงินลูกค้าและทำงานต่อจนกระทั่งเลิก

ที่ผมไม่บอกข้อมูลพี่ปราบมากกว่านี้ไม่ใช่อยากจะกั๊กอะไร คือความจริงแล้วกูไม่รู้ครับ จำได้แค่พี่ปราบเป็นลูกเจ้าของโรงฝึกสอนการต่อสู้ที่ไอ้หวายเคยบอกไว้ นอกจากนั้นผมก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพี่ปราบเลย

ผมเดินมาถึงรถยนต์คันหรู ที่ถ้ามีโอกาสก็อยากจะลองขับสักครั้ง แต่คิดว่าคงไม่มีวันนั้น

ผมเข้าไปนั่งในรถ พี่ปราบที่นอนเอนตัวหลับอยู่ก็ลืมตาขึ้น มองสำรวจผมทั่วทั้งตัว คือผมเปลี่ยนชุดแล้วนะ ตอนนี้กลับมาอยู่ในชุดนักเรียนช่างตามเดิม

“ถ้ากูไปไหนมาไหนกับมึงในชุดนี้ กูจะโดนตีนไปกับมึงไหม” อ้าปากถามเหมือนจะล้อ แต่ผมก็หลุดขำนะ

“ผมว่ามันเห็นหน้าพี่ก็ไม่กล้าแล้วมั้ง” ผมแซวกลับ ไม่โกงครับ

“ฮะๆๆ คิดไว้ยังมึงว่าจะกินอะไร” พี่ปราบถามพร้อมกับออกรถ

“ไม่รู้วะพี่ กินไรก็ได้” ผมคิดไม่ออกว่าจะกินอะไรดี ที่เมื่อคืนบอกไว้ว่าอยากกินของแพง เอาเข้าจริงก็ไม่รู้ว่าของแพงแม่งมีอะไรบ้าง ถ้าไม่ใช่อะไรที่ขายข้างทางผมว่ามันก็แพงหมดแหละ

พี่ปราบเหลือบมองผมแล้วก็เงียบไปสักพักใหญ่

“ครั้งนี้กูจะเป็นคนคิดให้นะ แต่ครั้งหน้าถ้ากูให้มึงเลือก มึงต้องเลือก” น้ำเสียงที่พี่ปราบใช้มันก็ปกตินะ แต่ในความรู้สึกมันเหมือนกำลังถูกดุไงไม่รู้

“จำเป็นต้องเครียดขนาดนี้ไหมพี่” ผมตอบกลับติดหัวเราะเบาๆ

“แล้วปกติเวลาไปกินข้าวกับแฟนมึง ใครเป็นคนเลือก แล้วเคยเจอไหมที่บอกว่ากินอะไรก็ได้อ่ะ มันลำบากคนตามใจเปล่าวะ” พี่ปราบบ่น และผมก็คิดตาม

ซึ่งปกติถ้าผมพาพลอยไปกินข้าว ถ้านับในสิบครั้งก็มีสักแปดครั้งแหละที่พลอยจะพูดว่าอะไรก็ได้ แต่พอชวนกินนั่นกินนี่แม่งก็ไม่เอา โคตรน่าหงุดหงิด

เอาเป็นว่าผมเริ่มเข้าใจความรู้สึกพี่ปราบล่ะ

“โอเค งั้นคราวหน้าผมจะไม่ตอบว่าอะไรก็ได้หรือยังคิดไม่ออกแล้วกัน”

“ดีมาก”

“แล้ววันนี้พี่จะพาผมไปกินที่ไหนล่ะ”

“ร้านอากูล่ะกัน ง่ายดี กูแปะโป้งไว้ให้พ่อกูจ่ายได้”

“โหย หัวหมอนี่หว่า”

“ก็ถ้ากูจ่ายเอง อากูไม่เคยเอาเงินกูอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นเงินพ่อกู อาเก็บทุกเม็ด เดี๋ยวกูโทรไปจองโต๊ะก่อน ป่านนี้คนน่าจะแน่นแล้ว”

ระหว่างทางไปร้านอาหารที่ว่า พี่ปราบก็ถามถึงงานและเรื่องเรียนบ้างเล็กน้อย แต่ส่วนมากจะเงียบมากกว่า ผมอยากจะถามเรื่องพี่ปราบนะ แค่ไม่กล้าเอ่ยปากถามสักที ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง

ร้านอาหารที่พี่ปราบพามา เป็นร้านที่ขายทั้งเหล้าเบียร์และอาหาร ที่สำคัญมีดนตรีสดด้วย คนมานั่งกินกันจนแน่นร้านแทบมองไม่เห็นโต๊ะว่าง

“หวัดดีครับเฮียปราบ” พนักงานในร้านพอเห็นพี่ปราบก็ยกมือไหว้ เอ่ยทักทายกันเป็นแถว

“อืม ได้โต๊ะไหม” พี่ปราบถาม

“ได้สิเฮีย ที่นั่งมุมในที่ประจำ ผมเคลียร์ให้แล้ว”

“ดีมาก”

“ผมทำดีใช่ไหม งั้นคืนนี้ขอทิปหนักๆนะเฮีย แล้วพาเด็กที่ไหนมาเนี่ย เด็กช่างซะด้วย เล่นของเถื่อนเหรอเฮีย”

“กวนตีนละไอ้นี่ ไปๆ อย่าพูดมาก ไปทำงาน” พี่ปราบไล่ ก่อนจะเดินนำไปที่โต๊ะ แต่ทำไมต้องจับมือผมเดินด้วยวะ ไม่ถึงสิบก้าวก็ถึงโต๊ะละ

“ผมเดินเองไน้น่า โตแล้ว ไม่ต้องจูงหรอก” ผมดึงมือกลับ มันแปลกๆนะเว้ย ผู้ชายมาจับมือจูงกันเดิน

“ทำไม กูจับไม่ได้เหรอน้องซ่า”

“พี่อย่ากวนตีนดิ”

สุดท้ายพี่ปราบก็จับข้อมือผมมาที่โต๊ะถึงได้ปล่อย ผมนั่งลงฝั่งตรงข้ามคนพามา ยังคงตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศในร้าน ดูเป็นอิฐๆปูนๆแบบสร้างไม่เสร็จ ตกแต่งด้วยโครงเหล็กสีน้ำตาลและหลอดไฟสีส้มสลับขาว

“ชอบวะพี่ ร้านสวยดี” ผมชม กลุ่มนักดนตรีที่เล่นอยู่เอ่ยลาแล้วก็เดินลงจากเวที เสียงเพลงที่เคยดังก้องร้านก็เหลือเพียงเสียงเพลงเบาๆสบายๆ

“อาหารก็อร่อย อ่ะ มึงเลือกดูว่าอยากกินอะไร คราวนี้มึงต้องเลือกนะ ห้ามบอกว่าอะไรก็ได้” พี่ปราบส่งเล่มเมนูมาให้ผมพร้อมพูดกำชับ

“รู้แล้วน่า ฮู้ว” ผมรับมาเปิดดู อย่างแรกที่ดูคือราคาอาหาร แต่ในเมื่อไม่ใช่คนจ่ายก็เลยเลิกสนใจ เบนสายตามองภาพอาหารที่ตกแต่งอยู่ตรงขอบๆเมนูเอา

อาหารมีเยอะมากถึงมากที่สุด ทั้งอาหารไทยและอาหารต่างชาติ ผมเปิดพลิกหน้าเมนูอยู่หลายครั้งแต่ก็ยังเลือกไม่ได้ เงยหน้ามองพี่ปราบก็เจอสายตาคมๆดุๆจ้องอยู่

กูห้ามพูดว่าอะไรก็ได้ หรือไม่รู้สินะ

งั้นกูสั่งของง่ายๆแล้วกัน

ผมเปิดเมนูกลับไปหน้าแรกที่เป็นของทอด “ผมเอาปลาทอดนิลทอดน้ำปลา”

“เอาเป็นปลากะพงแทนไหม” พี่ปราบเสนอ ดูท่าพี่ปราบคงอยากกิน ผมเลยพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ก็แน่ละ กูไม่ใช่คนจ่ายเงิน

“ปลาอะไรก็ได้ ผมกินได้ไหม”

“แล้วอะไรอีก”

“แกงส้มชะอมไข่ใส่กุ้ง แล้วก็ ไข่เจียวหมูสับ”

“กูเลี้ยงทั้งที มึงสั่งไข่เจียวหมูสับเนี่ยนะ”

“เอ้า แล้วพี่จะเอาอะไรอ่ะ ไหนบอกให้ผมเลือกไง”

“เออๆ ไข่เจียวหมูสับก็ไข่เจียวหมูสับ”

“แค่นี่แหละ” ผมปิดเมนูแล้วส่งคืนให้พนักงาน พี่ปราบนั่งกอดเอาลิ้นเดาะกระพุ้งแก้มเล่น ก่อนจะหันไปสั่งอาหารเพิ่ม

“เอาผัดบล็อกโคลี่กุ้ง ใส่กุ้งเยอะๆมาอีกจาน แล้วก็พล่าทะเล ส่วนข้าวเอาเป็นข้าวผัดปู”

“เยอะไปเปล่าพี่” ผมท้วง แต่อีกใจหนึ่งก็แอบสนใจกับเมนูอาหารที่พี่ปราบเพิ่งพูดไป ท่าทางจะอร่อย ท้องผมก็เริ่มร้องแล้วด้วย

“เออน่า มึงจะเอาน้ำอะไร หรือจะเอาเบียร์”

“เอาเบียร์ดิพี่”

แหม บรรยากาศแบบนี้ มันต้องกินข้าวเคล้าเบียร์และฟังดนตรีสด เป็นบุญกูจริงๆที่ได้รู้จักพี่ปราบ หรือผมต้องขอบคุณไอ้หวายด้วยที่ทำให้ผมเจอพี่เขา

ไม่ใช่ว่าเพราะเขาจ่ายเงินค่าข้าวให้หรอกนะ อันที่จริงก็ส่วนหนึ่ง แต่นอกจากนั้นแล้ว ผมรู้สึกว่าอยู่กับเขาแล้วผมสบายใจอย่างบอกไม่ถูก หรือเพราะเขาดูใจเย็นและพึ่งพาได้

ผมรู้สึกแบบนั้น

ผมโครงหัวตามจังหวะเพลง กวาดสายตามองคนในร้านไปเรื่อยจนมาจบอยู่ที่พี่ปราบ พี่เขามองจ้องหน้าผมอยู่ นั่นทำให้ผมเกิดข้อสงสัยเล็กน้อย

“มองอะไรพี่”

“เปล่า”

อืม เปล่าก็เปล่า

ผมคิดว่า ผมควรทำความรู้จักกับพี่เขาสักหน่อย

“พี่ปราบ ถามอะไรหน่อยสิ” ผมเริ่มต้นง่ายๆ คือผมคิดอะไรที่ดูดีกว่านี้ไม่เป็น

“จะถามอะไร”

“คือผมไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับพี่เลยวะ” หรือแทบจะไม่รู้อะไรเลย ผมท้าวแขนลงกับโต๊ะ โน้มตัวเข้าไปใกล้มองสำรวจใบหน้าคนตรงข้าม ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันจนถึงตอนนี้ผมยังคงรู้สึกหมั่นไส้ในความหล่อไม่เกรงใจใคร

“ทำไม อยากรู้จักกูเหรอ” พี่ปราบแม่งดันยื่นหน้าเขามาใกล้อย่างเร็ว ผมตกใจคิดว่าหน้าเขาจะชนหน้าผมเข้าให้เลยผงะเอนหลังพิงเก้าอี้

“อะไรของพี่เนี่ย ตกใจหมด มันก็ควรต้องรู้บ้างหรือเปล่าวะพี่” ผมโวยกลับเบาๆ รู้สึกตกใจมากกว่าที่จะไม่ชอบใจ

“ฮ่าๆๆ แค่นี้ทำมาเป็นตกใจ ที่จริงกูก็ไม่ค่อยรู้เรื่องของมึงเหมือนกัน” หลังจากหัวเราะขำผมเสร็จพี่ปราบก็กลับเข้าสู่โหมดจริงจัง

แต่ที่พี่เขาพูดมันก็จริง

“ถ้าอยากรู้จักกูมากขึ้น กูมีข้อเสนอให้ไหมล่ะ”

“อะไร” พี่ปราบมันทำหน้าเจ้าเล่ห์พิกล ดูไม่น่าไว้ใจยังไงไม่รู้

“กูจะบอกเรื่องของกู และมึงก็บอกเรื่องของมึง แลกกัน ห้ามปกปิด ห้ามโกหก โอเคไหม”

ผมนิ่งเงียบไปกับข้อเสนอ มันไม่ใช่สิ่งที่ทำยากแต่อย่างได้ แต่ทำไมผมกลับรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก

เวลาที่เราต้องเปิดเผยตัวตนหรือเรื่องราวอะไรก็ตามที่ไม่อยากพูดถึงหรืออยากเล่า มันก็เหมือนการแก้ผ้าให้คนอื่นดู และผมรู้สึกไม่โอเค

“มึงไม่กล้าเหรอซ่า ไม่เห็นมีอะไรยากสักนิด” พี่ปราบยักคิ้วข้างเดียวอย่างคนเป็นต่อ

ผมกลั้นใจก่อนจะตอบตกลง พอโดนท้าหัวสมองก็ไม่คิดห่าอะไรทั้งนั้น “ก็เอาดิพี่ คิดว่ากลัวหรือไง”






ถึงเวลาที่ผมต้องย้ายที่อยู่ และเป็นการย้ายที่ไม่ได้เต็มใจหรือรู้สึกดี ผมใช้ความพยายามและความอดทนขั้นสูงแบบที่ไม่เคยมีตามคำแนะนำของพี่ปราบ เมื่อคืนพี่แกยังส่งข้อความมาปลอบขวัญผมอีกด้วย ฮ่าๆๆ อย่างตลกอ่ะ แต่ผมก็รู้สึกดีมากๆ

‘มึงทำได้ซ่า กูเชื่อว่ามึงจะต้องเข้ากับที่บ้านใหม่ได้ มึงอยู่กับแม่กับพ่อใหม่ได้อยู่แล้ว’

ตอนเห็นประโยคนี้ ผมเผลอหลุดยิ้มออกมาด้วย โคตรบ้าเลย แต่โคตรรู้สึกดีเช่นกัน แม้จะหวั่นๆในใจก็เถอะว่าผลลัพธ์มันจะออกมาตรงกันข้าม

ระหว่างผมและพี่ปราบมีเงื่อนไขหนึ่งที่ตกลงกันไว้วันก่อนที่เขาพาผมไปกินข้าว นั่นคือการทำความรู้จักกันและกัน ทีแรกผมก็คิดว่าจะแค่ถามตอบในสิ่งที่สงสัย แต่ไม่ใช่ คืนนั้นผมถามพี่ปราบได้แค่คำถามเดียว ผมมีสิทธิถามได้วันละหนึ่งคำถาม แรกเริ่มผมรู้สึกสงสัย แต่ผ่านมาสามวันแล้วผมรู้สึกสนุก ผมจะเป็นคนถามก่อน และพี่ปราบจะถามผมกลับบ้าง แต่สามวันแล้วพี่ปราบถามผมแค่คำถามเดียว

สิ่งที่ผมถามก็คือ พี่ปราบทำงานอะไร คำตอบที่ผมได้กลับมาคือโคตรของโคตรทึ่ง พี่ปราบทำงานกลับครอบครัว แต่งานแต่ละอย่างนั้นไม่ธรรมดา พี่ปราบเป็นครูฝึกศิลปะห้องกันตัว และยังทำงานที่อู่ซ่อมรถชื่อดัง เป็นรองประธานของกิจการโรงแรมหลายแห่งในประเทศไทย

ผมไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมพี่ปราบแม่งรวย

ทำงานเยอะขนาดนี้แต่ทำไมดูพี่ปราบมันว่างชอบกล

คำถามที่สองที่ผมถามคืออายุ ตอนนี้พี่ปราบอายุยี่สิบเจ็ดปีแล้ว ห่างกับผมแปดปี

คำถามที่สามที่ผมอยากรู้ก็คือ พี่ปราบมีเมียหรือยัง คืออายุเขาก็ไม่ใช่น้อยๆ แถมหน้าที่การงานดี ผมเลยคิดว่าเขาน่าจะมีครอบครัวมีลูกแล้วหรือเปล่า แต่ปรากฏว่า...

‘กูยังโสด ไม่มีเมียมีลูกอะไรทั้งนั้น’

บอกเลยว่าผมไม่เชื่อ แต่พอพี่ปราบย้ำและผมแอบไปถามเอากับไอ้หวายอีกครั้ง ก็ได้รับการยืนยันกลับมาว่าพี่ปราบแม่งโสดจริงๆ

ไม่น่าเป็นไปได้ แต่เป็นไปแล้ว

ส่วนคำถามที่พี่ปราบถามผมกลับมานั้น ทำผมแปลกใจเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่าเขาจะถามว่าผมอยากเป็นอะไร อยากทำงานอะไร คำถามนี้ผมตอบโดยไม่ต้องคิดเลยว่า ผมอยากทำงานเป็นช่างซ่อมรถ เพราะผมชอบรถ และผมก็กำลังเรื่องสาขาช่างกลอยู่ ความฝันของผมไม่ได้ยิ่งใหญ่หรอก แต่มันเป็นสิ่งที่ผมชอบ

“ซ่า ลงไปเปิดประตู แม่จะเอารถเข้าบ้าน” พี่แนนบอกเมื่อมาถึงบ้านทาวน์เฮ้าส์ของเขา ผมลงไปเปิดรั้วบ้าน แล้วโบกรถให้พี่แนนถอยรถเข้าจอดในที่จอด

ของที่ผมเอามาก็มีแค่เสื้อผ้า หนังสือเรียน และหมอนผ้าห่มที่ผมติดก็ไม่มีอะไรแล้ว พี่แนนพาผมขึ้นไปที่ห้องนอนเล็ก ที่บ้านมีทั้งหมดสามห้อง ห้องนอนใหญ่ที่พี่แนนกับพี่เบิร์ดนอนด้วยกัน อีกห้องเป็นห้องพระ และห้องนี้ที่ไม่ได้ใช้งานอะไร
เอาของเข้าไปเก็บแล้วกัน เดี๋ยวลงมาช่วยแม่ทำกับข้าวเย็นด้วย

“อืม” ผมหันไปพยักหน้าให้พี่แนน ก่อนจะหันกลับมามองสำรวจห้อง มีเตียงนอนกับตู้เสื้อผ้าแค่นั้น แต่เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว เพราะไม่รู้ว่าผมจะทนอยู่ได้นานแค่ไหน

แต่...จะพยายามให้มากที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้

ค่อนข้างประหลาดใจที่ภาพหน้าพี่ปราบลอยขึ้นมาในหัว

ผมใช้เวลาเก็บของไม่นาน นอนเล่นคุยโทรศัพท์กับพลอยอีกครึ่งชั่วโมง ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับพลอยยังไม่ลุ่มๆดอนๆ ดีบ้างแย่ๆบ้าง แต่วันนี้คุยกันไม่ค่อยถูกคอเท่าไหร่ เพราะอีกฝ่ายคอยแต่จะตัดสายทิ้ง สุดท้ายผมก็เลยกดวางให้มันสมใจ

ผมลงมาช่วยพี่แนนทำกับข้าวเย็น พูดง่ายๆคือมาช่วยหยิบของเท่านั้น ผมทำอะไรเป็นที่ไหน

ตอนที่กับข้าวอย่างสุดท้ายใกล้จะเสร็จ พี่เบิร์ดก็กลับมา ผมหันไปเจอก็เลยยกมือไหว้ ผมกับพี่เบิร์ดเจอกันไม่ค่อยบ่อย และไม่ค่อยได้คุยกันด้วย บรรยากาศระหว่างผมกับเขาในตอนนี้ก็เลยน่าอึดอัด

“กลับมาแล้วเหรอ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมากินข้าวเย็น” พี่แนนยกจานยำไข่ดาวออกมาวางบนโต๊ะกินข้าว

“อืม ทำตัวตามสบายนะ แต่อย่าทำบ้านลง ฉันไม่ชอบ” พี่เบิร์ดพูดแล้วก็เดินขึ้นห้องไป ผมหันไปมองหน้าพี่แนนที่ไม่ได้ใส่ใจอะไร

อยู่ที่นี่ก็จะต้องเจออะไรบ้างวะ

วันนี้ผมกินข้าวไปแค่จานเดียวเพราะรู้สึกกินอะไรไม่ลงแม้จะหิวมากก็ตาม เพราะพี่เบิร์ดกับพี่แนนเอาแต่เถียงกัน

“พี่เบิร์ด ค่าไฟยังไม่ได้ไปจ่ายไม่ใช่เหรอ มันจะเลยกำหมดแล้วนะ” พี่แนนบ่นขึ้นมาอีก

“เออน่า เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ไปจ่ายเองอ่ะ นี่ไง ซ่าทำงานอยู่เซเว่นไม่ใช่เหรอ พรุ่งนี้ก็เอาไปจ่ายด้วยแล้วกัน” พี่เบิร์ดหันมาสั่งผม

“ครับ” ไม่อยากมีปัญหาตั้งแต่วันแรก ผมก็เลยตกลงที่จะทำให้  ไม่ได้หนักหนาอะไรอยู่แล้ว “เอาเงินไว้ให้ผมด้วยแล้วกัน” ผมบอก

“เงินพี่หมดแล้ว แนนก็เอาเงินแนนออกไปก่อนแล้วกัน”

“เอ้า แต่มันหน้าที่ที่พี่ต้องจ่ายนิ”

“ก็มันไม่พอ ออกๆไปก่อนเถอะน่า”

“มันจะพอถ้าไม่เลิกซื้อของไร้สาระเข้าบ้าน”

“อย่าบ่นได้ไหม มันน่ารำคาญ”

“ก็มันจริงไหมล่ะ”

“ผมขอตัวก่อนนะ” ผมลุกขึ้นออกจากโต๊ะกินข้าว ไม่อยากฟังคนสองคนที่กำลังทะเลาะกันจนน้ำลายกระเด็นใส่กับข้าว

“มึงจะไปไหนซ่า รอล้างจานด้วย”

เพราะงั้นแทนที่จะขึ้นห้อง ผมก็เลยเดินไปนั่งที่โซฟาในห้องนั่งเล่นแทน ระหว่างนั้นก็ตอบไลน์เพื่อนไปด้วย มันชวนกันออกไปนั่งชิวๆร้านเหล้าใกล้ๆ ผมที่กำลังเซ็งก็เลยตอบตกลง

พอพี่แนนกับพี่เบิร์ดกินข้าวเสร็จผมก็เข้าไปเก็บโต๊ะแล้วก็ล้างจาน จากนั้นก็แยกตัวขึ้นห้องไปอาบน้ำต่างตัวเตรียมออกไปผ่อนคลายอารมณ์

“พี่แนน ผมออกไปข้างนอกนะ” ลงจากบันไดเจอพี่แนนกำลังยกจานแตงโมไปให้พี่เบิร์ดในห้องนั่งเล่น

“จะไปไหนอีก ไม่ต้องไป อยู่ให้ติดบ้านบ้างเถอะ อยู่กับแม่มึงก็ออกจากบ้านทุกวันเลยนะซ่า”

“โหย ออกไปแป๊บเดียว” คือวันไหนที่ไม่ได้ทำงานผมก็อยากออกไปหาเพื่อนบ้าง

“ไม่ต้องเลยมึง เกเรนักอยู่นี่แม่จะดัดสันดานซะให้เข็ด”

ผมอ้อนขอออกจากบ้านอีกสองสามประโยค แต่พี่แนนยังคงไม่ให้ออกไป ส่วนพี่เบิร์ดก็นั่งนิ่งดูทีวีไม่สนใจ ผมทำอะไรไม่ได้ก็เลยเดินกลับขึ้นห้องด้วยความเซ็ง ผมโทรไปหาให้กาน บอกมันว่ามันนี้ผมออกไปไม่ได้ แล้วดูสิ่งที่มันตอบกลับมานะ กวนตีนฉิบหาย

“น้องพัชก็อย่าดื้อกับคุณแม่สิ” หัวเราะเยาะใส่ผมกันซะงั้น สงสัยแม่งเปิดลำโพงด้วย เพราะผมได้ยินเสียงหัวเราะของพวกมันทุกคน

“กูไม่ได้ดื้อ”

“ฮ่าๆๆ งั้นก็เป็นเด็กดีดูดนมแม่ก่อนนอนไปแล้วกันมึง”

“ไอ้เหี้ย แค่นี้แหละ หงุดหงิดฉิบหาย”

ผมโยนโทรศัพท์ไปบนเตียงมั่วซั่ว ถอนหายใจทิ้งเฮือกใหญ่ แล้วหลับตาลง ไม่ได้ทำอะไรแต่ก็รู้สึกเหนื่อย ถ้าเป็นปกติผมคงจะไม่สนใจแล้วก็เดินออกจากบ้านไป แต่ว่านี่ไม่ใช่บ้านผม นี่เพิ่งจะวันแรกที่ผมได้มาอยู่ที่นี่

ครืดๆ

เสียงโทรศัพท์สั่น ผมคว้าหยิบขึ้นมาดู คนที่ส่งมาก็เป็นคนที่สนับสนุนให้ผมมาอยู่ที่นี่



เป็นไงบ้าง วันแรกกับบ้านใหม่ : MuePrab

ผมอ่านและก็ทำได้แค่จ้องข้อความของพี่ปราบอยู่นานสองนานก่อนจะตอบ

Patcharakan :ก็ดีครับ

ซะที่ไหนล่ะ 





Talk:
ขอโทษที่มาลงช้า ติดงานพิเศษที่รับมาทำ เลยยุ่งๆ แต่ตอนนี้เสร็จล่ะ จะพยายามมาให้ได้ทุกวัน หรือทุกๆ วันเว้นวันนะคะ
ตอนนี้สรุปได้สองอย่าง
น้องซ่า = ของเถื่อน
พี่ปราบ = ของหายาก
สำหรับวันนีขอลาแต่เพียงเท่านี้ เจอกันใหม่วันหน้า สวัสดีค่ะ
ป.ล. ใครน่ารักสวยใจดี อ่านแล้วเม้นให้เค้าด้วยนะ จุ๊บๆ  :L2:

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
น้องซ่าท่าทางอึดอัดมากเลยอ่า

ออฟไลน์ krenr

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
น้องซ่าอึดอัดมากเลยย เก็บข้าวของไปอยู่กับพี่ปราบเถอะ... จีบน้องเร็วๆเข้าพี่ปราบ   :impress2:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ chaotic69

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
อย่าโกหกสิเด็กดื้อ เดี๋ยวพี่ปราบนับได้นะ 555

พี่ปราบน่าจะช่วยปูทางว่าที่ศรีภรรยาได้เป็นอย่างดี
แต่จะให้ดีรับมาอบรมดูแลด้วยกันเลยดีกว่า  :laugh:

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
เราเป็นซ่าเราก็อึดอัดนะ เฮ้ออออ...

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
ดูแล้วไม่น่ารอด - -

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
ซ่าจะทนได้นานแค่ไหน...เป็นห่วงจริงๆ

พี่ปราบเอาซ่าไปอยู่ที่บ้านดีกว่านะ

ออฟไลน์ RiRi

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 568
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +595/-8
    • RiRiWorld
ปราบซ่า
ตอนที่7



"อืม...ซ่า เบาๆ"

ไม่มีเบาแล้วครั้งนี้ ไม่ได้นอนกับพลอยมาหลายวัน ผมที่เก็บกดไม่มีที่ระบายอารมณ์ ช่วยตัวเองมันไม่เท่าเอากับเมียหรอก

"พลอย อ่า"

ใกล้แล้วอีกนิดเดียว และผมว่าพลอยเองก็คิดเช่นเดียวกันเพราะสองขาที่เกาะเกี่ยวรัดเอวผมไว้แน่น และแรงเล็บที่จิกลงบนไหล่

ได้เลือดแน่

แต่ไม่เป็นไร ตอนนี้ขอให้ได้น้ำก่อน

จากนั้นก็เสร็จสมอารมณ์หมาย วันนี้ผมเลิกเรียนเร็ว และไม่มีงานต้องไปทำ เลยรอเวลาพลอยเลิกเรียนแล้วไปรับมาที่บ้านพี่แนน ทุกคนในบ้านผมรู้จักพลอยกันหมด และผมก็พาพลอยไปนอนค้างที่บ้างบ้างสองสามครั้ง แต่นี้เป็นครั้งแรกที่ผมพาพลอยมาที่บ้านพี่แนน

ผมนอนกอดพลอยเล่นอยู่สักพักก็เผลอหลับไป สะดุ้งตื่นตกใจกันทั้งคู่เพราะมีคนมาเคาะห้อง ผมลุกขึ้นงงๆ หันซ้ายหันขวามองหาผ้าเช็ดตัวมาพันเอวลวกๆ ส่วนพลอยก็กระโดดลงจากเตียงหาเสื้อผ้ามาใส่ ผมรอจนพลอยแต่งตัวเสร็จถึงได้เปิดประตู

“ทำไรวะซ่า ทำไมเปิดช้า” พี่แนนบ่นหน้านิ่ว

“นอนอยู่ มีอะไรอ่ะ” ผมหาวพลางถาม มือก็เกาพุงแกรกๆ

“เปล่า ตื่นแล้วก็ลงไปข้างล่างด้วย” พี่แนนบอกแล้วก็ลงบันไดไป ผมยืนเกาหัวงงๆ ก่อนจะหันไปหาพลอยที่แต่งตัวเสร็จแล้ว ผมเลยเดินออกจากห้องไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำข้างนอก ก่อนจะพาเดินลงไปข้างล่าง ตอนนี้ทุ่มหนึ่งแล้ว ทั้งพี่แนนและพี่เบิร์ดกลับมาแล้ว ผมยกมือไหว้ เขามองผมก่อนจะไล่ไปมองแนน ดวงตาที่เรียบเฉยก็ฉายแววไม่พอใจ

กูว่าคราวหน้าพาพลอยมานอนเล่นที่บ้านไม่ได้แน่ๆ

มื้อเย็นพลอยนั่งกินข้าวด้วย พี่แนนไม่ได้ว่าอะไรเพราะรู้อยู่แล้ว แต่พี่เบิร์ดแทบไม่พูดไม่จาเลยผมเองก็เงียบ มีเพียงพลอยกับพี่แนนที่คุยกันสองคนตามประสาผู้หญิง ไม่มีเรื่องอะไรมาก กินข้าวเสร็จผมก็ขี้มอเตอร์ไซค์ไปส่งพลอยกลับบ้าน

รถน้ำมันหมดตอนขับเข้ามาได้ครึ่งซอย ก็เลยตองเข็นกลับเข้าบ้าน ก็ได้ยินเสียงพี่เบิร์ดกับพี่แนนกำลังเถียงกัน

“แล้วงานบ้านก็ต้องช่วยกันทำบ้างไหม ต้องช่วยล้างรถ รดน้ำต้นไม้ ซักผ้าบ้าง นี่กลับมาก็พาผู้หญิงมานอนบ้าน มันใช้ได้เหรอวะ”

“จะบ่นอะไรนักหนาวะพี่เบิร์ด”

“บอกลูกแนนด้วย ว่าคราวหลังอย่าพาผู้หญิงมานอนที่บ้าน อย่าทำเหมือนเป็นโรงแรม”

“รู้แล้ว เดี๋ยวบอกเองน่า”

“ไฟเฟยน้ำก็ช่วยกันประหยัด คืนก่อนพี่เห็นเปิดไฟทิ้งไว้ทั้งคืน รู้ไหมมันเปลืองเงิน”

ผมจอดรถในบ้านอย่างเงียบเฉียบ ก่อนจะเดินออกจากบ้านไม่ส่งเสียงให้ใครรู้ เดินไปเรื่อยๆจนกระทั่งถึงหน้าปากซอย ผมโบกรถสองแถมแล้วนั่งรถตรงไปเรื่อยๆ ระหว่างนั้นไอ้นุ๊กโทรมาพอดี ผมก็เลยรับสาย

“ไอ้พัช มึงอยู่ไหนวะ” น้ำเสียงของมันค่อนข้างจริงจังผิดกับนิสัยเฮฮาที่แท้จริง

“ข้างนอก” ผมตอบสั้นๆ

“มึงมาที่ร้านแก้วนมเดี๋ยวนี้เลย ไอ้เหี้ย เมียมึงออกมาแดกนมกับผู้ชายที่ไหนไม่รู้”

ผมนิ่งเมื่อมันพูด มองออกไปนอกรถที่กำลังมุงตรงไปทางร้านที่ว่า ผมพยายามทำใจให้สงบเพราะตอนนี้ผมรู้สึกตื้อไปหมด

“มึงอยู่แถวนั้นเหรอวะ แล้วพลอยไปอยู่ที่นั่นได้ยังไง” ผมถามไอ้นุ๊ก ถามว่าในใจร้อนรนไหม ร้อนมาก แต่ตอนนี้ผมทำอะไรไม่ถูก ผมไปส่งพลอยถึงหน้าประตูบ้าน แล้วทำไมถึงออกมาอยู่ข้างนอกได้

“มึงนี่ถามโง่ๆนะไอ้พัช

“เออ กูออกมาซื้อนมสดให้พี่สาว ก็เจอแจ็คพล็อตเลย มึงรีบมาเลยนะ ก่อนที่เขาจะแดกกันเสร็จ”

“เออ อีกห้านาทีกูถึง” ผมกดวางสาย มือที่กำโทรศัพท์อยู่บีบแน่น

ผมมาช้าไปนิดหน่อยจากที่บอกเพราะรถติดไฟแดงนาน พอถึงรถสองแถวก็มาจอดหน้าร้านนมที่ว่า ผมเห็นไอ้นุ๊กเป็นคนแรก เพราะมันยืนชะเง้อคอมองอยู่นอกร้าน

“ไหนพลอย” ผมเดินไปถามไอนุ๊กประชิดตัว มันสะดุ้งหันมามองผมหน้าตื่น

“ไอเหี้ย ไม่มาให้เร็วกว่านี้วะ เมียมึงขึ้นรถเก๋งออกไปนู่นแล้วแม่ง” ไอ้นุ๊กดูหัวเสียมาก ผมมองไปตามทางที่ว่าแต่ไม่เห็นอะไรแล้ว เลยหันกลับมามองหน้าไอ้นุ๊ก ก่อนจะหยินโทรศัพท์ออกมาโทรหาพลอย แต่โทรไปแล้วพลอยไม่รับ ผมโทรอยู่ประมาณสามสายก็เลิกโทร เลยส่งขอความไปถามแทนว่าทำไมไม่รับโทรศัพท์

“มึงโกหกกูหรือเปล่าไอ้นุ๊ก” เพื่อนๆผมอยากให้ผมเลิกกับพลอยทั้งนั้น แต่ผมยังทำไม่ได้ หรือบางทีอาจเป็นเพราะว่าตัวผมเองไม่คิดจะทำ

ไอ้นุ๊กหน้าบึ้งทันควัน “กูดูเป็นคนชอบโกหกหรือไง”

ไม่ ไอ้นุ๊กเป็นคนที่เล่ห์เหลี่ยมน้อยที่สุดแล้ว แถมมันยังโกหกไม่เนียนด้วย

“ใครจะไปรู้วะ พวกมึงอยากให้กูเลิกกับพลอยจะตาย” ผมไม่กล้าสบตามัน แสร้งเดินเข้าไปหาโต๊ะนั่งในร้าน ไอ้นุ๊กเดินตามหลังมานั่งข้างๆ

“ถึงกูจะไม่ชอบพลอย แต่ก็ไม่คิดจะทำอย่างที่มึงพูดหรอกไอ้พัช ไอ้เหี้ย ขอโทษกูเดี๋ยวนี้”

“อืมกูขอโทษ กูก็ไม่ได้คิดว่ามึงทำแบบนั้นจริงๆหรอก พูดไปงั้นแหละ” ทำผิดก็ยอมรับไป แมนๆครับ

ผมสั่งนมร้อนกับขนมปังปิ้งมากินกันแก้เซ็งนิดหน่อย ผมออกมานานไม่ได้บอกพี่แนนด้วย เขาก็ไม่ได้โทรมาตามผมก็เลยปล่อยเลยตามเลย

“มึงไม่หาเมียใหม่วะ” ไอ้นุ๊กจิ้มขนมปังปิ้งเข้าปาก พออารมณ์ดีขึ้นมาถึงได้อ้าปากพูดอีกครั้ง

“ไม่เอา ขี้เกียจหาใหม่ เนี่ยแหละดีแล้ว” ผมตอบแบบที่พูดทุกครั้ง

“ดียังไงวะ กูเห็นมันไม่ให้เกียรติมึงเลย แถมแอบคุยกับพูดชายคนอื่นลับหลังมึง นี่ก็แอบมากันสองต่อสอง ได้ข่าวว่าเมื่อเย็นก็ไปกลับมึง”

“กูก็ไม่ได้ดี”

“ไอ้พัช มึงจะรักจะหลงอะไรมันนักหนา นี่กูจริงจังนะเว้ยที่พูดน่ะ” ไอ้นุ๊กเริ่มขึ้นเสียงอีกรอบ

“เอ้า แฟนกูนี่”

“ไอ้เหี้ย! กูมีเพื่อนแบบมึงได้ยังไงวะ”

“กูรักมัน พอใจยัง”

“แล้วมันรักมึงไหมละ ลืมตาบ้าง กูเพลียแทน”

“ช่างแม่งเถอะ”

“เออ อย่าให้กูเห็นว่าร้องไห้มาหากูนะมึง จะตบให้คว่ำ”

ถ้ามีวันนั้นจริง ผมก็ยอมให้มันตบอ่ะ เพราะกูจะถือว่าโง่เอง แต่ในวันนี้ผมยังพอใจที่จะอยู่แบบนี้ และอย่างที่บอกว่ายังจับไม่ได้คาหนังคาเขาผมจะยังไม่เอาเรื่อง ไว้จะๆเมื่อไหร่ ต้องมีใครสักคนที่เจ็บตัว




สำหรับผมสอบปฏิบัติไม่ยากเท่าไหร่ ผมชอบอยู่แล้วเรื่องเครื่องยนต์ แต่ข้อสอบเขียนผมขอลาตาย ไม่รอดจริงๆ

“กูกลับล่ะ ไม่ไหว ง่วงเหี้ยๆ” ไอ้นุ๊กพูดในสภาพที่ตาพร้อมจะปิดได้ทุกเมื่อ

“กูด้วย ไปล่ะ” ไอ้หวายก็ยอมแพ้

พวกผมเดินออกไปหน้าวิทยาลัย ตกลงกันว่าต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน แล้วค่อยมาเจอกันพรุ่งนี้เพราะเป็นวันเสาร์ วันจันทร์ยังเหลือสอบอีกวันหนึ่ง ที่มาเจอกันไม่ได้จะมาอ่านหนังสืออะไรหรอกนะ ไม่มีหรอกอะไรพวกนั้น ก็แค่นัดกันที่บ้านไอ้กานกินเหล้าแก้เครียดกันสักหน่อย

“อ้าวเฮีย มาได้ไงอ่ะ” ไอ้หวายทักบุคคลที่ยืนหล่อเท่ดูดีอวดสายตาสายๆอยู่หน้าวิทยาลัย

“หวัดดีครับพี่” พวกผมที่เหลือก็ยกมือไหว้

“สอบเป็นไงบ้างพวกมึง” พี่ปราบถามรวมๆ แต่สายตาเขาจ้องมองอยู่ที่ผม ผมเลยยิ้มให้พี่ปราบนิดๆ

“ทำไมเฮียรู้อ่ะ” ไอ้หวายถาม

“แล้วทำไมกูรู้ไม่ได้อ่ะ” พี่ปราบย้อน

“ก็เปล่า”

“แล้วพี่มาทำอะไรที่นี่อ่ะครับ อย่าบอกนะว่ามาจีบสาวๆโรงเรียนผม” ไอ้กานเข้าไปกระแซะไหล่พี่ปราบทำหน้ากรุ้มกริ่ม หัวมันสูงแค่ไหล่พี่เขาเอง สะเออะมาก

“หึหึ คงงั้นมั้ง” พี่ปราบแม่งก็ดันเล่นด้วย

“หูยๆๆ คนไหนพี่ มีด้วยเหรอวะคนสวยๆอ่ะ ผมอยู่มายังไม่เห็นเจอเลย” ไอ้กานรีบทำหน้าแตกตื่นมองหาคนสวยอย่างที่ปากว่าด้วยท่าทางกวนส้นตีน พี่ปราบหลุดขำไปกับคามตลกของมัน

“กูแวะมาหาไอ้กี่เลยแวะมาที่นี่”

“แล้วแวะมาทำไม” ไอ้หวายยังไม่หยุดซักฟอก ทำตัวเยี่ยงเมียจิกผัว ไอ้นุ๊กกับไอ้ตูนมันเลยขอลากลับไปก่อน เหลือไอ้กาน ที่ยืนทำหน้าสลอนและผมที่ก็ไม่รู้ว่ายืนทำไม แต่ผมรู้สึกว่า...พี่ปราบน่าจะมาหาผม

ก็ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า

แต่เมื่อคืนเขาเป็นคนบอกว่า

‘ตั้งใจสอบให้เต็มที่ ถ้าทำดีจะมีรางวัล’

แต่ไอ้รางวัลอะไรนั้นผมคงไม่ได้หรอก คะแนนสอบในวันนี้อาจจะไม่ผ่านครึ่งด้วยซ้ำมั้ง

“เป็นเมียกูเหรอ” พี่ปราบยื่นหน้าเข้าไปใกล้หน้าไอ้หวาย มันรีบผละออกห่างทันที

“เล่นไรของเฮียเนี่ย แล้วเมียเมออะไร บ้าหรือเปล่า ผมแค่สงสัยเหอะ”

“หึหึ กูมาหาไอ้...พัช จบไหม” พี่ปราบชะงักตอนจะเอ่ยชื่อผม

คราวนี้ไอ้หวายกับไอ้กานหันมามองหน้าผมอย่างรวดเร็ว ผมไม่ได้ตกใจอะไรเพราะคิดไว้อยู่แล้ว

“แหล่วๆๆๆ มึงกิ๊กกั๊กกับเฮียเขาเหรอวะน้องพัช กูจะฟ้องพลอยเมียมึงน้า” ไอ้หวายทำหน้าล้อเลียนผมเต็มที่ พี่ปราบแม่งก็หัวเราะตามด้วย

“กิ๊กกั๊กพ่อมึงสิไอ้กาน ไปไกลๆเลยไป กลับไปเลยมึง” ผมไล่มัน ไม่ชอบถูกแซวเท่าไหร่

“ว๊ายย เขินเหรอจ๊ะน้องพัช”

“ไอ้เหี้ยกาน” ผมด่าแล้วก็ไล่เตะมันให้รีบกระโดดขึ้นรถสองแถวกลับบ้าน มันเกือบจะตกรถเพราะจังหวะก้าวเท้ายาวไม่พอ

“สนิทกันเหรอถึงมาหากันด้วย” ไอ้นี่ก็ไม่ยอมเลิกราง่ายๆ

“แล้วทำไมกูกับพัชจะสนิทกันไม่ได้ครับน้องหวาย ทีมึงกับไอ้กี่ยังสนิทกันถึงขนาดไปนอนข้างอ้างแรมบ้านมันแทบจะคืนเว้นคืนอยู่แล้ว” พี่ปราบสวนหน้าตากวนบาทาเป็นอย่างมาก เป็นตาไอ้หวายที่หน้าแดงแปร๊ด

บอกตามตรงนะ ถ้ามันจะไปนอนค้างบ้านไอ้บีทผมจะไม่คิดอะไรมากเท่ากับมันไปนอนค้างบ้านไอ้กี่ เพราะไอ้หวายกับไอ้บีทมันรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ แต่พอไอ้หวายรู้จักพวกผม ด้วยความที่มันเป็นเด็กร่าเริงเข้ากับคนง่าย ถึงจะกวนตีนไปบ้างแต่ก็เป็นเด็กที่มีสัมมาคารวะรู้จักเข้าหาผู้ใหญ่ดี พวกผมถึงได้เอ็นดูมัน แต่ไม่รู้ว่าไอ้กี่นี่เอ็นดูไปถึงไหนแล้ว

“เฮียกี่บอกเหรอ” หน้ามึงเหรอหราไปนะบางที

“ก็กูเพื่อนกัน”

“จิ๊ ผมไม่พูดกับเฮียแล้ว กลับดีกว่า กูกลับแล้วนะไอ้พัช” ไอ้หวายเหมือนจะลืมเรื่องที่กำลังสงสัยไปเสียสนิท มันยกมือไหว้พี่ปราบแล้วบอกลาผม จากนั้นมันก็เดินไปเรียกวินมอร์เตอร์ไซค์กลับบ้าน

“มาหาผมมีอะไรอ่ะพี่” ผมถามเข้าเรื่องเมื่ออยู่กันสองคน

“ขึ้นรถสิ”

พี่ปราบเปิดประตูรถข้างคนขับให้ผมขึ้นไปนั่ง แปลกๆนิดหน่อยที่มีผู้ชายมาเปิดประตูรถให้ขึ้น แต่อย่าไปคิดอะไรมาก พี่ปราบมันยืนอยู่ใกล้ประตูพอดีก็เลยใจดีเปิดให้

“วันนี้เป็นไง ทำข้อสอบได้ไหม” พี่ปราบหันมาถาม เย็นๆแบบนี้รถติดนิดหน่อย แต่ก็พอไหลๆเคลื่อนๆไปได้

“ได้ทำ”

“ทำไม่ได้สินะ”

“ก็มันยากอ่ะพี่”

“มันยากหรือมึงไม่พยายามซ่า” คราวนี้เสียงดุมาเลยครับ ความจริงที่พี่ปราบพูดทำเอาผมนิ่งไม่รู้จะพูดแก้ตัวอะไรดี

“ช่างมันเถอะพี่ ตกก็ซ่อม ไม่เห็นยาก” ผมพูดปัดๆให้มันจบ แต่พี่ปราบไม่ยอมจบด้วย

“ช่างมันไม่ได้ ไม่ใช่ตกก็ซ่อม มึงต้องทำให้มันไม่ตก มึงควรต้องสอบให้ได้คะแนนดี”

“ก็มันยาก” ผมพยายามเถียงแม้จะรู้ว่ามันไม่เข้าท่า

“มันไม่ยากเกินความพยายามหรอกซ่า”

“เอาน่าพี่”

พี่ปราบถอนหายใจเฮือกใหญ่ใส่ผม ผมรู้ตัวดีว่าผมมันคนดื้อด้านไม่เอาไหน ไม่มีใครอยากจะใส่ใจหรืออะไรกับคนอย่างผมหรอก ชินเสียแล้ว สันดานผมมันเสียแก้ไขไม่ได้

ผมมองออกไปข้างนอกรถเพลินๆ พี่ปราบไม่ได้ขับรถเร็วเพราะรถเยอะ เขาขับชิดซ้ายแล้วไหลไปเรื่อยๆ ตอนเย็นคนเดินเท้าเริ่มเยอะขึ้น ผมมองดูคนนั้นทีคนนี้ทีจนกระทั่งสบเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่งที่คุ้นหน้าคุ้นตาและเป็นคนที่ผมรัก

“พลอย...”

คิ้วผมขมวดเข้าหากันเมื่อสังเกตเห็นว่าข้างๆพลอยคือผู้ชายในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงขายาวสีดำ เป็นคนต่างไว มากกว่านั้นคือมือที่จับกันไว้

ผมเปิดประตูเตรียมจะลงจากรถโดยไม่สนใจว่ารถจะกำลังแล่นอยู่หรือไม่ แต่ประตูถูกล็อคเอาไว้ และเมื่อผมกำลังจะกดปลดพี่ปราบก็กระชากแขนผมอย่างแรง

“มึงจะทำอะไรซ่า!” พี่ปราบตะคอกใส่ผมเสียงดัง

“พี่ปล่อยผม ผมจะลงไปหาพลอย มันอยู่กับผู้ชายคนอื่น!” ผมหันไปตะวาดเสียงใส่พี่ปราบเพราะความร้อนรนใจ

“กูไม่ปล่อย รถยังแล่นอยู่มึงจะลงไปมึงบ้าเหรอไง” พี่ปราบตะคอกกับ มือข้างหนึ่งเอื้อมมากระชากคอผมไว้อย่างแน่น อีกข้างก็บังคับพวงมาลัยด้วยความยากลำบาก แต่ผมไม่ได้สนใจตอนนั้น สายตาผมพยายามที่จะมองดูว่าตอนนี้พลอยกับไอ้ผู้ชายคนนั้นเดินไปที่ไหนแล้ว

“พี่ปราบ จอดรถเดี๋ยวนี้ ผมจะลง”

“กูจอดให้มึงแน่ ผ่านสี่แยกนี้กูจะจอดให้มึงลงเลยซ่า แต่ช่วยอยู่บ้าก่อนไอ้เหี้ยนี้” พี่ปราบด่าผมยกใหญ่ ผมดึงตัวเองกลับมานั่งไม่ยอมถูกล็อคคอเอาไว้ ผมมองไม่เห็นแล้วว่าแฟนผมเดินหายไปไหน พอพ้นสี่แยกได้พี่ปราบก็หักรถเข้าจอดที่ข้างทาง ผมรีบเปิดประตูลงจากรถแล้ววิ่งข้ามถนนฝ่ารถที่ยังคงวิ่งไปมาด้วยความเร่งรีบเพื่อที่จะตามพลอยให้เจอ

แต่ผมก็หาไม่เจอ จุดที่ผมเห็นห่างออกไปอีกเป็นกิโลเมตรผมวิ่งดูจนทั่วแต่ก็ไม่เจอ ผมเหมือนคนบ้าที่ทุกคนพากันขยับตัวออกห่าง หัวใจเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็น ตอนตีกับพวกต่างสถาบันเลือดสาดปางตายผมยังไม่รู้สึกกลัวเช่นนี้เลย

“มึงจะมีคนอื่นไม่ได้ กูไม่ยอม” ผมกัดฟันพูดในขณะที่พยายามมองหาตัวตนเหตุที่ทำให้ผมวิ่งพล่านเป็นหมาบ้า

มากกว่าเงินทองที่ผมจะให้พลอยได้ คือผมให้ใจผมไปทั้งใจ ไม่เคยให้ใครมาสำคัญกว่ามัน เพราะฉะนั้นผมจะไม่ยอมเสียพลอยไป

“ไง หายบ้าหรือยังมึง” ความเย็นแตะที่ข้างแก้ม ผมนั่งพักเหนื่อยที่ป้ายรถเมล์ใกล้ๆจุดที่ผมเห็นพลอย พี่ปราบมายืนหน้าเข้มจ้องผมเอาเป็นเอาตาย

ผมไม่ตอบอะไร รับน้ำขวดมาดื่มรวดเดียวหมดขวดจนเกือบจะสำลัก

“หาเจอไหมแฟนมึงกับชู้อ่ะ”

“ไม่เจอ” ผมตอบเสียงห้วน กำลังอารมณ์ไม่ดี

“ไม่เจอก็กลับไปขึ้นรถ สภาพมึงตอนนี้ดูไม่ได้เลย” พี่ปราบไม่ได้พูดเกินจริง ร่างกายผมเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ เสื้อผ้าหลุดลุ่ยและสีหน้าก็ดูไม่ได้สุดๆ

“ผมไม่ไปกับพี่แล้วนะ ผมจะไปรอพลอยที่บ้าน” ผมบอกกับพี่ปราบเมื่อเขาหมุนตัวจะเดินกลับไปที่รถ พี่ปราบนิ่งไปก่อนจะหันกลับมาหาผมที่ยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม

“กูจะพาไปส่ง ไปขึ้นรถ”

“ไม่เป็นไรพี่ ผมไปเองได้”

“อย่าดื้อกับกู กูไม่ชอบ ไปขึ้นรถ”

ผมนิ่งชั่งใจคิด ถ้าพี่ปราบไปส่งก็ไม่เปลืองเงินดี ผมถอยหายใจแล้วยอมทำตามที่พี่ปราบต้องการ “ก็ได้ครับ”

พี่ปราบเดินนำผมกลับไปที่รถ ที่ย้ายที่จอดไกลไปอีกหน่อย เพราะจุดที่พี่ปราบจอดให้ผมลงมันจอดไม่ได้  ผมก้มหน้ามองรองเท้าเน่าๆของตัวเองแล้วจมจ่ออยู่กับความคิดเรื่องพลอยแบบไม่รู้ตัว จึงเดินชนแผ่นหลังพี่ปราบเข้าอย่างจัง

“มึงนี่อาการหนัก ขึ้นรถไป” พี่ปราบหันมาดุผมน้ำเสียงหงุดหงิด

ผมขึ้นมานั่งในรถ แล้วพี่ปราบก็ตามขึ้นมานั่งฝั่งคนขับ พี่แต่ยังไม่สตาร์ทรถ มือที่จับพวงมาลัยไว้เกร็งแน่น ผมรู้ว่าพี่ปราบกำลังอารมณ์ไม่ดีและต้นเหตุก็คือผม แต่พี่ปราบก็เก็บอารมณ์ได้ดีเมื่อเทียบกับผม วันนี้ผมทำตัวแย่ใส่พี่ปราบหลายครั้ง และผมรู้ว่าผมควรจะต้องขอโทษเขา

“พี่ปราบ ผมขอโทษนะที่เมื่อกี้ทำแบบนั้น”

“อืม” พี่ปราบหันมาสบตาผมแวบหนึ่งก่อนจะดึงหน้ากลับ “มึงแน่ใจว่าจะไปบ้านแฟนมึง”

“อืม ผมจะไปถามว่าผู้ชายที่ผมเห็นมันเป็นใคร”

“ถ้าแฟนมึงมีชู้ มันจะยอมรับกับมึงเหรอ” พี่ปราบย้อนถาม

“ก็ไม่”

“เออ ยังดีที่ฉลาด” พี่ปราบชม แต่ผมรู้สึกว่าถูกด่าอยู่กลายๆ

“แต่ถ้าไม่ไปหาไม่ถามผมก็ข้องใจอ่ะพี่ คืนนี้นอนไม่หลับแน่ๆ ไปเคลียร์เลยดีกว่า”

พี่ปราบถอนหายใจแรงๆใส่ผม เอียงตัวหันมาถามผมทั้งตัว และเขาทำให้ผมตกใจเมื่อมือสองข้างของพี่ปราบประคองแก้มผมเอาไว้ทั้งสองข้าง

ทำบ้าอะไรของพี่เขาวะ ผมกำลังจะดึงมือพี่ปราบออก แต่คำพูดต่อมาของเขาทำให้ผมได้แต่วางมือทับมือเขาเอาไว้

“ทุ่มเทกับอนาคตของมึงให้เท่ากับที่มึงทุ่มเทให้แฟนมึงหน่อยเถอะ แล้วชีวิตมึงจะดีกว่านี้ รักตัวเองให้มากกว่าที่รักคนอื่น ทำได้ไหม”

แววตาพี่ปราบที่จ้องมาเต็มไปด้วยความจริงจัง จ้องลึกอย่างต้องการสำรวจความรู้สึกนึกคิดของผม

“วิ่งตามหาอนาคตที่ดีของมึงให้ได้เท่ากับที่มึงตามหาผู้หญิงคนนั้นอย่างบ้าคลั่ง”

“ผมไม่มีหรอก อนาคตที่ดีน่ะ” ผมหลบสายตาที่แสนจะมุ่งมั่นของพี่ปราบ ผมสู้สายตาเขาไม่ได้ ผมไม่แข็งแกร่งพอในเวลานี้

“มึงมี แต่มึงต้องหา” ทุกคำพูดเสียงดังและฟังชัดทุกถ้อยคำ

“...”

“มึงโตพอที่จะเข้าใจในสิ่งที่กูสอน ไม่ใช่ฟังหูซ้ายทะลุหูขวา ไม่เอาห่าอะไรทั้งนั้น ใครหน้าไหนก็ทนความดื้อด้านของมึงไม่ได้หรอก”

“ทนไม่ได้ก็ไม่ต้องทนสิ” ผมบ่นกับตัวเองเบาๆ ไม่หวังให้ใครอีกคนได้ยิน

“แต่โชคดีของมึงที่กูเป็นคนที่มีความอดทนสูงมาก ดังนั้น กูจะเคี่ยวเข็ญมึงเอง”

“อะไรพี่”

“วันนี้กูจะปล่อยเด็กดื้ออย่างมึงไปก่อน ไปหาแฟนมึง ไปทำห่าอะไรก็ได้ แต่วันพรุ่งนี้ กูจะมารับมึงไปที่คอนโด เตรียมหนังสือเรียนมึงไปให้พร้อมล่ะ ถ้าวิชาที่เหลือมึงไม่ได้คะแนนมากว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นกูจะไม่ยุ่งกับชีวิตมึงอีกเลย”

“จริงจังไปไหมพี่” จากที่เครียดเรื่องพลอย ผมเริ่มจะเครียดให้กับความจริงจังของพี่ปราบที่มีต่อผมแทน

“กูจริงจังได้มากกว่านี้”

“...”

“กูหวังดีกับมึงเพราะกูถูกชะตาด้วย มึงเป็นน้องที่กูชอบและรู้สึกดีด้วย เพราะฉะนั้นอย่างทำให้กูต้องผิดหวัง สัญญาว่าจะเป็นเด็กดีกับกู ฟังในสิ่งที่กูพูดและกูจะฟังในสิ่งที่หัวใจมึงร้องขอ”

พี่ปราบปล่อยหมัดฮุกเข้าหน้าผมอย่างจังด้วยคำพูดของเขา ความจริงใจของพี่ปราบทำให้ผมรู้สึกตื้นตันจนกลัว กลัวว่าผมจะทำให้พี่ชายคนนี้ต้องเสียความรู้สึกหากว่าผมไม่สามารถทำได้อย่างที่เขาหวัง ผมจะทำได้ไหม อย่าให้ผมต้องรับปากตอนนี้เลย ดีไม่ดีผมอาจจะกลายเป็นคนผิดสัญญาเอาได้ ซึ่งผมไม่อยากเป็นแบบนั้น






 :L2:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
คิดถึง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
พี่ปราบ สุดยอด ไม่ว่าพี่ต้องการอะไรจากซ่า
แต่สิ่งที่พี่สอน แนะนำ ตักเตือนซ่า มันยอดมาก
“ทุ่มเทกับอนาคตของมึงให้เท่ากับที่มึงทุ่มเทให้แฟนมึงหน่อยเถอะ
แล้วชีวิตมึงจะดีกว่านี้ รักตัวเองให้มากกว่าที่รักคนอื่น ทำได้ไหม”
“วิ่งตามหาอนาคตที่ดีของมึงให้ได้เท่ากับที่มึงตามหาผู้หญิงคนนั้นอย่างบ้าคลั่ง”
“ผมไม่มีหรอก อนาคตที่ดีน่ะ”
“มึงมี แต่มึงต้องหา"
“กูหวังดีกับมึงเพราะกูถูกชะตาด้วย มึงเป็นน้องที่กูชอบและรู้สึกดีด้วย
เพราะฉะนั้นอย่างทำให้กูต้องผิดหวัง สัญญาว่าจะเป็นเด็กดีกับกู
ฟังในสิ่งที่กูพูดและกูจะฟังในสิ่งที่หัวใจมึงร้องขอ”

นี่แหละ สิ่งที่เหมาะสม คู่ควรกับซ่า
ถ้าซ่าปล่อยไป ยอมแพ้ จะไม่มีวันได้อนาคตที่ดีอีกเลย
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
นึกว่าไม่มาต่อซะแล้ว


ขอบคุณนะ | คิดถึงพี่ปราบ:)

ออฟไลน์ karamailpraleen

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ตาสว่างได้แล้วนะซ่า

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
รักตัวเองให้เยอะๆ

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
พี่ปราบสุดยอด  :a9: :a9: :a9:

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
วิ่งตามผู้หญิงแบบนี้แล้วได้อะไร งง

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ loveromance

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1

ออฟไลน์ RiRi

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 568
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +595/-8
    • RiRiWorld
ปราบซ่า
ตอนที่8



[ปราบ]

เสียงโทรศัพท์มือถือของผมแผดเสียงร้องเป็นครั้งที่สามขณะที่ผมกำลังอาบน้ำอยู่ ผมเปิดน้ำล้างฟองสบู่ออกจากตัวลวกๆ เช็ดมือที่เปียกน้ำกับผ้าเช็ดมือแล้วหยิบโทรศัพท์ที่สั่นอย่างเอาเป็นเอาตายบนเคาน์เตอร์ล้างหน้ามาดูชื่อคนโทรแล้วจึงกดรับสาย

“มีเรื่องอะไรว่ะ โทรถี่เหลือเกิน” ผมถามด้วยความข้องใจ ปกติมันไม่เคยโทรถี่ขนาดนี้

“มีคนใช้ให้กูโทร” ไอ้กี่ตอบกลับมาเสียงเนือย

“ใคร” ผมถาม หมดอารมณ์จะอาบน้ำต่อก็เลยเดินออกจากห้องน้ำ หยิบผ้าขนหนูมานั่งเช็ดผมอยู่ที่ปลายเตียง วันนี้ผมกลับมานอนที่คอนโดแทนที่จะเป็นบ้าน เพราะพรุ่งนี้หมายมาดเอาไว้ว่าจะลากเด็กซ่ามานอนที่นี่ด้วย แต่อย่าหวังว่าจะเกิดเหตุการณ์แสนหวานขึ้น ก็แค่คิดจะพาเด็กมาดัดสันดารเท่านั้น วันนี้มันทำผมปวดหัวมาก

“มึงไปรับใครที่วิทยาลัยมันอ่ะ”

“อ่อ ไอ้หวายอยู่กับมึงหรือไง” ผมแสยะยิ้มเมื่อนึกถึงไอ้เด็กป่วนกับเพื่อนของตัวเอง

“เออ ตรงมาบ้านกูแล้วก็มาสั่งให้กูโทรถามมึงเรื่องเพื่อนมัน”

“เฮียอ่า ไปบอกพี่ปราบเขาทำไม” เสียงไอ้หวายดังแทรกเข้ามา

“มึงส่งโทรศัพท์ให้ไอ้หวายดิ” ผมสั่งไอ้กี่ คิดจะให้เพื่อนผมมาง้างปากผมเหรอ ฝันไปเถอะมึง

“ไม่เอา เฮียกี่คุยเซ่”

“มันจะคุยกับมึง”

“หวายไม่คุย”

“งั้นกูกดวางนะ”

“ไม่เอา เฮียกี่ถามเฮียปราบก่อนสิ”

“ก็มันไม่คุยกับกู มันจะคุยกับมึง”

“เฮียอ่า”

“งั้นกูวาง”

“อย่านะ คุยเองก็ได้”

ผมนั่งฟังมันสองคนเถียงอยู่นาน กะว่าถ้าตกลงกันไม่ได้สักทีผมเนี่ยแหละจะเป็นคนกดวางสายเอง ปล่อยพวกมันเถียงกันให้เสร็จแล้วค่อยโทรมาใหม่

“เฮียปราบ”

“ไงมึง วิ่งโร่ไปหาเพื่อนกูถึงบ้านทำไม บ้านตัวเองไม่มีให้กลับหรือไง” ผมเล่นงานมันก่อนเลย จุ้นจ้านเรื่องผมดีนัก มึงโดนกลับบ้านกูจะเล่นให้ร้องไห้

“ละ แล้วทำไมล่ะ ที่เฮียปราบยังไปหาเพื่อนผมได้เลย”

“กูแค่ไปหามันที่โรงเรียนนะ ไม่ได้ไปนอนบ้านมันเหมือนมึง”

อย่างผมน่ะไม่ไปนอนบ้านไอ้ซ่าหรอก ลากมันมานอนที่คอนโดกับผมง่ายกว่าเยอะ แต่อย่าไปบอกมันครับ เพราะผมจะเล่นงานไอ้หวายคนเดียว

“ไม่เหมือนกันเปล่าวะเฮียปราบ ผมกับพี่กี่รู้จักกันมานานแล้ว แต่เฮียกับไอ้พัชเพิ่งรู้จักกันนะ”

“แล้วไง เพิ่งรู้จักกันแล้วสนิทกัน ไปมาหาสู่กันไม่ได้เหรอ”

“ก็ได้” ทำไมตอบไม่เต็มเสียงล่ะไอ้ตัวป่วน

“เออ แล้วมึงมีปัญหาอะไร หวงเพื่อนเหรอ แล้วพามันมารู้จักพวกกูทำไม” ผมแกล้งหาเรื่องมันครับ น้ำเสียงผมคงฟังดูหงุดหงิด แต่ตอนนี้ผมนอนกระดิกเท้าอยู่บนเตียงสบายใจมาก

“...” คราวนี้ไอ้หวายเงียบครับ

“ว่าไง เงียบทำไม”

“ไม่อยากรู้แล้วก็ได้ ชิ เอาคืนไปเลย” สู้ไม่ได้ก็ถอยหนี อ่อนฉิบหาย

“มึงแกล้งอะไรมัน” ไอ้กี่ถามผม

“เหอะ กระจอกเหอะไอ้หวายอ่ะ ฝีปากแค่นี้ริอาจจะมาสู้กู”

“หึหึ มึงทำมันงอนเดินหน้างอออกจากห้องกูไปล่ะ”

“หาของกินยัดปากมันหน่อยเดี๋ยวก็อารมณ์ดีเหมือนเดิม” ผมเสนอแนะ ไอ้กี่ขำคงเพราะเห็นด้วย

“ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็แค่นี้นะ” ผมพูดตัดสาย

“เดี๋ยวไอ้ปราบ” ไอ้กี่รั้งผมไว้ “ความจริงกูก็กะโทรถามมึงเพราะไอ้หวายอยากรู้ แต่ตอนนี้ก็อยากรู้เองแล้ววะ”

“รู้อะไร”

“มึงชอบไอ้พัชเหรอ”

“...”

“ไม่ตอบแบบนี้ กูเดาว่าใช่”

“เออ กูชอบ”

ผมกับเพื่อนไม่มีอะไรต้องปิดบังอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าจะอยากพูดหรือเปล่าแค่นั้น ถ้าถามก็ตอบ ถ้าไม่ถามแล้วขี้เกียจบอกก็เก็บเงียบ

“อยากให้กูบอกไอ้หวายไหม นี่คือสิ่งที่มันอยากรู้ที่สุด”

“ยังไม่ต้องบอก กูจะเอาไว้แกล้งมัน”

“ตามใจ”

“แล้วมึงกับไอ้หวายล่ะ เป็นอะไรกัน” มันถามผมได้ ผมก็ถามมันได้ เรียกว่าต่างคนต่างเสือก ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ

“ยังไม่ได้เป็นอะไรกัน” ไอ้กี่ตอบแบบเรียบง่าย

“มึงชอบมัน” ผมถามอีก

“ก็ป่วนประสาทดี”

“หึหึ ของชอบมึงเลยนิ”

“เออ ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็แค่นี้ แม่งหิวแล้วก็ตะโกนเรียกกูเลยไอ้เด็กนี่” ตอนท้ายมันคงจะบ่นถึงไอ้หวาย

“เออๆ รีบไปให้ข้าวให้เด็กมึงเถอะก่อนที่มันจะอาละวาด”

“ไอ้สัด แค่นี้”ไอ้กี่กดวางสายไปแล้ว ผมหัวเราะทิ้งท้าย

เรื่องไอ้กี่กับไอ้หวายมีนอกมีใน ถึงจะเพิ่งรู้แต่ทว่าก็ไม่ได้ทำให้ตกใจอะไรนัก ไอ้กี่น่ะได้ทั้งชายและหญิง ไม่แปลกถ้ามันจะคบกับไอ้หวายในอนาคตอันใกล้นี้ ถ้าไอ้หวายเก่งพอจะง้างปากไอ้กี่ให้บอกชอบหรือขอมันคบได้นะ

ส่วนผมตอนเด็กๆก็เคยมีแฟนเป็นผู้หญิงน่ะ แต่พอโตมารู้ความรู้อะไรมากขึ้น ยิ่งพ่อกับป๊ามีแฟนเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ คือพี่เค้กกับพี่ริช ผมก็เหมือนจะเคยชินกับความรักแบบนี้ไปซะแล้ว ไม่มีใครในครอบครัวบังคับหรือแนะนำให้ผมรักชอบผู้ชายด้วยกัน แต่มุมมองเรื่องความรักกับเพศมันเปิดกว้างมาตั้งแต่เด็ก ซึมซับจนไม่คิดว่านี่คือความผิดแปลกอะไร ดังนั้นผมก็เลยคบได้ทั้งหญิงและชาย แต่ที่ผ่านมาคบผู้ชายมากกว่า ส่วนผู้หญิงส่วนมากจะชอบมองมากกว่าที่จะอยากครอบครอง

ก่อนนอนผมส่งข้อความไปหาซ่าทางไลน์ ให้มันเก็บของมาห้องผมในวันพรุ่งนี้

ซ่า พรุ่งนี้สิบโมงเช้ากูจะไปรับมึงที่บ้าน : MuePrab
ส่งโลเคชั่นมาให้ด้วย : MuePrab
[/b]

รออยู่เกือบครึ่งชั่วโมง ซ่าถึงจะตอบไลน์ผมกลับมา

Patcharakan : พี่ปราบเอาจริงเหรอ
เออ กูเอาจริง : MuePrab

เอาจริงเรื่องเรียนของมัน และผมจะ ‘เอา’ มันด้วย

Patcharakan : แต่ผมอยากกลับบ้านอ่ะ
Patcharakan : ไม่ไปได้ไหม ผมจะอ่านหนังสือที่บ้านก็ได้
คิดว่ากูควรเชื่อมึงไหม : MuePrab
Patcharakan : โหย ผมไม่หลอกพี่หรอก
เสียใจ กูไม่เชื่อ: MuePrab

มันส่งสติกเกอร์รูปเด็กผู้ชายร้องไห้มาให้ แต่ผมไม่สงสารมันหรอก

ต้องให้กูโทรไปขออนุญาตบ้านมึงให้ไหม : MuePrab
Patcharakan : ไม่ต้องครับไม่ต้อง
สิบโมงนะซ่า พรุ่งนี้เจอกัน : MuePrab
Patcharakan : คร้าบผม

“เฮ้อ” ผมถอนหายใจส่งท้ายสำหรับวันนี้ “เด็กอย่างมึงมันมีดีตรงไหนวะ ทำไมกูถึงรู้สึกถูกตาถูกใจด้วย”



สิบโมงตรงผมมาถึงบ้านแม่ของซ่าตามโลเคชันที่มันส่งมาให้ผมทางไลน์ ผมโทรออกไปหามัน ซ่ารับสายแล้วตอบรับว่ากำลังจะออกมา ผมคิดว่าควรเข้าไปทักทายแม่มันสักหน่อยก็เลยลงจากรถ

“จะออกไปไหนอีกล่ะห๊ะ! วันหยุดมึงไม่เคยอยู่ติดบ้านเลยนะซ่า กำลังสอบอยู่ก็เอาแต่เที่ยวเล่นแทนที่จะอ่านหนังสือ” เสียงแหลมของผู้หญิงดังเล็ดลอดตามไล่หลังซ่าที่กำลังเดินหน้ายุ่งออกมา พอเจอหน้าผมที่ยืนอยู่หน้าบ้านมันก็ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก

“อ่านไม่อ่านก็มีค่าเท่ากันแหละพี่แนน ผมไปแล้วนะ คืนนี้ไม่กลับ” แทนที่มันจะบอกกับแม่มันว่าจะไปอ่านหนังสือกับผม มันกลับตอบสิ่งที่ตรงกันข้าม คำพูดคำจาประชดประชันเป็นเด็ก แต่มันก็เด็กจริงๆนั่นแหละ

“อย่าบอกนะว่าจะอยู่กินเหล้ากับเพื่อนอีก มึงเหลวไหลกินไปแล้วนะซ่า”

ซ่าหยุดเดิน แล้วหันไปมองหน้าแม่มัน

“คืนนี้ไม่กินเหล้าหรอกน่า ไม่ต้องห่วง” พูดจบมันก็เดินผ่านหน้าผม ไม่ได้คิดจะแนะนำผมกับแม่มันให้รู้จัก ผมก็เลยทำได้แค่ยกมือไหว้แม่ไอ้ซ่าแล้วเอ่ยแนะนำตัวเบาๆ พร้อมบอกความจริงให้แม่มันรู้ด้วยความวันนี้ลูกชายเขาไม่ได้จะออกไปเกเรที่ไหน จะได้ไม่เข้าใจมันผิดๆ

“สวัสดีค่ะ คือผมเป็นรุ่นพี่จะพาซ่าไปติวหนังสือน่ะครับ คืนนี้ก็คงนอนที่คอนโดผมเลย”

“อ่อ อืม สวัสดี แล้วมันก็ไม่บอกว่าจะไปอ่านหนังสือ ชอบนักให้ด่าเนี่ย”

ผมว่าคงไม่มีใครชอบโดนด่าหรอก

“พี่ปราบ ไปได้ยังอ่ะ” เด็กดื้อมันเลื่อนหน้าต่างรถลงแล้วตะโกนถามผม

“ผมไปก่อนนะครับ” ผมเอ่ยลาพร้อมยกมือไหว้อีกครั้ง

“อืม ฝากมันด้วยแล้วกัน อย่าให้มันไปเกเรหรือเถลไถลที่ไหนให้คนอื่นต้องปวดหัว” ก่อนจะกลับเข้าไปในบ้าน แม่ของซ่ายังคงบ่นไม่หยุด ผมที่ยังยืนอยู่ที่เดิมประมวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ด้วยความว่องไว และก็สรุปได้คร่าวๆว่า

ดูๆซ่าไม่ได้เกิดมาในครอบครัวที่ใช้เหตุผลเป็นหลัก เจอไม่ถึงห้านาทีมีแต่อารมณ์มาเต็ม

คนในครอบครัวดูไม่ให้กำลังใจเท่าไหร่ อย่างน้อยถามไถ่ก็ยังดี แต่นี้คล้ายกับว่ากล่าวโทษก่อนเลย

และตัวของซ่าเองก็เหมือนจะไม่ใช่เด็กชอบอธิบายหรือแก้ตัว ใครคิดยังไงมันก็ปล่อยให้เขาคิดอย่างนั้น หนำซ้ำยังขยี้ให้ตัวเองดูแย่เข้าไปอีก

ผมเดินกลับไปประจำที่คนขับ หันไปมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของซ่า มันนิ่งเหมือนไม่รู้สึกอะไร อย่างรู้จริงๆว่าข้างในจะเฉยชาเหมือนที่แสดงออกมาหรือเปล่า

ก่อนที่จะเริ่มพูดคุยหรือถามอะไร ผมเลือกที่จะขับรถออกจากหมู่บ้านทาวน์เฮ้าส์แห่งนี้ก่อน ทิ้งเวลาสักระยะรอจนกระทั่งเด็กบนรถรู้สึกสบายใจขึ้น

“กินข้าวเช้าหรือยัง” ผมถาม

“ยัง เมื่อเช้าผมตื่นสาย”

“นอนดึกหรือไง”

“อืม ทะเลาะกับพลอย”

ก็ไม่น่าแปลกใจ

“แล้วว่าไงบ้าง”

“ก็ไม่ไง พลอยมันไม่ยอมรับบอกไม่ใช่มัน แต่พี่เข้าใจป่ะว่าผมคบกับมันมาสี่ปีจะเข้าปีที่ห้าแล้ว คิดว่าผมจำหน้าแฟนตัวเองไม่ได้หรือไง แม่ง คิดแล้วโมโห” อารมณ์มันมาเต็มครับ แต่สักพักก็เหมือนจะดีขึ้น

อย่าไปคิดอะไรมาก คนจะอยู่มันก็อยู่ คนจะไปมันก็ไป มึงต้องเข้าใจจุดนี้ แต่กูอยากแนะนำอย่างหนึ่งนะ วันใดที่จับได้คาตาว่าแฟนมึงนอกใจ กูอยากให้มึงเอาความรักที่ให้เขาไปกลับมารักตัวเอง” ขอเพียงมันรู้จักรักตัวเอง ผมเชื่อว่าซ่าจะเป็นเด็กดีกว่าที่เป็นอยู่

“ถ้าผมเจอแบบนั้นน่ะ แตกหักกันไปข้างอ่ะพี่ ไปปล่อยไว้ทำแม่หรอกพูดเลย”

“หึหึ ซ่าเหลือเกินนะมึงน่ะ” ผมยื่นมือไปผลักหัวมันเพราะหมันไส้ในคำพูดคำจาและสีหน้าที่แสนจะเอาจริงเอาจังว่ามันจะทำอย่างที่พูดจริงๆ สมชื่อสุดๆ

ผมพาซ่าไปหาข้าวกินง่ายๆ และแวะซุปเปอร์มาร์เก็ตซื้อของกินเล่นไปติดไว้ในห้องด้วย เพราะเชื่อว่ากระเพาะควายอย่างไอ้ซ่า ของกินในห้องผมตอนนี้คงไม่พอให้มันกิน

มาถึงห้อง ผมก็ให้ซ่าเอาข้าวของมันไปเก็บ ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรมาก หนังสือเสื้อผ้าของใช้เล็กน้อยถูกยัดลงในกระเป๋าเป้ใบเก่าที่ดูก็รู้ว่ามันคงใช้งานมานาน

“เอาหนังสือวิชาที่มึงต้องสอบออกมานั่งอ่านที่โซฟา กูจะเฝ้ามึงอ่านหนังสือทั้งวันเลยวันนี้”

“เอาเลยเหรอพี่”

“เออสิ มึงจะรออะไรล่ะ” ผมย้อนถาม

“ขอพักแปบดิ”

“มึงทำอะไรมาเหนื่อยหรือไงถึงต้องพัก หยิบหนังสือออกมา”

มันทำหน้าเซ็ง แต่ก็ยอมเดินกลับเข้าห้องนอนของผมไปหยิบหนังสือออกมาสองเล่ม กลศาสตร์เครื่องยนต์กับงานไฟฟ้ารถยนต์

“มึงเคยบอกว่าอยากทำงานเกี่ยวกับรถ” ผมพูดเมื่อเห็นหนังสือเรียนของมัน

“ใช่พี่ ผมรถมาก ยิ่งได้ขับรถซิ่งๆนี่ยิ่งชอบเลย”

“มันคนละอย่างกันหรือเปล่ามึง”

“ฮ่าๆๆ ผมถือว่าอย่างเดียวกัน” มันหัวเราะเสียงใสก่อนจะแบมือขอหนังสือกลับไปเปิดอ่าน ผมหยิบนิยายสอบสวนที่อ่านค้างไว้มานั่งอ่านเป็นเพื่อนมัน

แต่ผ่านไปไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ เด็กข้างตัวผมมันเริ่มหยุกหยิก อยู่ไม่เป็นสุข เดี๋ยวถอนหายใจเดี๋ยวหมอบ สักพักก็หยิบมือถือออกมากดเล่น

“ทำอะไร กูบอกให้อ่านหนังสือไม่ใช่เหรอ” ผมลดหนังสือในมือตัวเองลงแล้วหันไปถามเด็กข้างตัวเสียงดุ

“ง่วงอ่ะพี่ อ่านแล้วจะหลับ”

“กาแฟไหม ในครัวมีไปชงเอา”

“ไม่เอาอ่ะ ผมไม่กินกาแฟ”

ผมก็พูดไปอย่างนั้นแหละ ไม่อยากให้มันหาขออ้างนู่นนี่มาปฏิเสธการอ่านหนังสือ

“ไหนมึงบอกว่าชอบไงไอ้เครื่องยนต์นี่”

“ก็ชอบอ่ะ แต่อ่านหนังสือมันน่าเบื่อ”

“ถ้าอ่านในสิ่งที่ชอบแล้วเบื่อ ก็แสดงว่ามึงไม่ได้ชอบจริงๆ”

“ก็...” มันพูดอะไรไม่ออก แต่ผมเข้าใจนะ เวลาอ่านหนังสือสอบอ่ะมันชวนง่วงแค่ไหนต่อให้เป็นสิ่งที่ชอบ พอมีทฤษฎีและตัวหนังสือเข้ามาเกี่ยวข้องมันก็ดูน่าเบื่อได้ทั้งนั้น เพียงแต่ว่าเราต้องพยายามที่จะรับมันเข้าไปแม้ว่ามันจะน่าเบื่อขนาดไหน ตอนผมเรียนผมสอบ บอกเลยวันๆหนึ่งกาแฟไม่ต่ำกว่าสามแก้ว ครอบครัวผมมีกิจการหลายอย่างและผมต้องเรียนรู้ทุกอย่างเพราะพวกเขามีผมเป็นลูกแค่คนเดียว แล้วกิจการเหล่านั้นจะเป็นของใครถ้าไม่ใช่ของผม ผมเรียนปริญญาตรีสองใบพร้อมกัน เรียนวิศวะของมหาลัยรัฐชื่อดังอันดับหนึ่งของประเทศใบและเรียนบริหารของรามฯอีกใบ ก่อนจะต่อปริญญาโทพร้อมกับทำงานไปด้วย ลากเลือดพ่อตัว

“ถ้ามึงไม่พยายามอ่านมัน คะแนนสอบมึงก็จะไม่ดี ในตลาดของการรับสมัครงานเขาไม่เอาหรอกนะคนไม่เอาถ่านอย่างมึงน่ะ มีเด็กที่เรียนดีมีอนาคตไกลอีกมากมายที่ใช้งานได้ เด็กที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยดีๆก็เยอะแยะคิดว่าเขาจะรับมึงเข้าทำงานไหม ถ้ามึงเป็นเจ้าของบริษัทอ่ะจะรับไหมเด็กแบบนี้” ผมพูดให้มันคิดถึงความเป็นจริงของสังคมการทำงานที่แท้จริง

ผมอาจโชคดีนะ วาสนาดีก็ว่าได้ เพราะคนที่เลี้ยงผมไม่ใช่คนไม่มีฐานะทางสังคมหรือฐานะทางการเงิน ผมไม่จำเป็นต้องเร่ไปสมัครงานเพราะมีงานที่บ้านรองรับ แต่ก่อนที่ผมจะกลับมาทำงานของที่บ้าน ป๊ากับพ่อเห็นดีด้วยที่จะยื่นคำขาดให้ผมไปหางานทำที่อื่น ไม่มีหรอกครับที่เรียนจบปุบจะให้ทำงานที่บ้านน่ะ ป๊าครามน่ะเขี้ยวยิ่งกว่าอะไร บอกว่าผมต้องไปลองสมัครงานดู ถ้าผมสามารถทำให้เขาเห็นได้ว่าผมมีดีพอที่คนอื่นจะอยากได้ผมไปทำงานด้วย และผมสามารถทำงานร่วมกับคนอื่นและองค์กรอื่นๆได้ เมื่อนั้นเขาถึงจะยอมรับในตัวผม

“คงไม่อ่ะพี่ เอาไปทำไมวะ” ไอ้ซ่าตอบ ก็ยังดีที่ยังคิดได้ หน้ามันแหยะพอควรเมื่อคิดถึงว่าแม้แต่ตัวมันเองก็ยังไม่อยากได้คนแบบมันเข้าทำงาน

“วันนี้อ่านให้จบเนื้อหาที่มึงต้องสอบ มีทั้งหมดกี่บท” ผมถาม

“สามครับ”

“กูให้เวลาสองชั่วโมงบทหนึ่ง อ่านแล้วจดโน้ตย่อว่าอันไหนที่มึงคิดว่าสำคัญ คิดว่าถ้ามึงเป็นคนออกข้อสอบ มึงจะออกตรงไหนดี ทำเสร็จบทหนึ่งกูจะให้พัก โอเคไหม” ผมหาทางออกให้มัน ต้องเริ่มสอนกันใหม่ตั้งแต่จุดเริ่มต้นว่าควรอ่านหนังสือยังไง เพราะเดาว่ามันคงไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน

“ครับ” ซ่ารับคำเสียงเบา เหมือนไม่มั่นใจว่าตัวเองจะทำได้

ผมวางมือลงบนไหล่ของมันเป็นการให้กำลังใจ ซ่าช้อนตาขึ้นมองผมเพราะมันนั่งต่ำกว่าผม “มึงทำได้ ไม่ยากหรอก เชื่อกู”

“ผม...จะลองดู” เวลามันทำหน้าสงบเสงี่ยมนี่มันน่ารักแปลกตาดี

“พยายามเข้า ถ้ามึงได้คะแนนเกิดเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์กูจะให้มึงขับลูกรักของกู เอาไหม”

ซ่าตาโตทันที แวววาวดูเป็นประกาย แบบนี้สิดีกว่าสายตาที่แสดงออกว่าหงุดหงิดหรือเศร้าหมองตั้งเยอะ

“พี่ปราบพูดจริงเหรอ” มันขยับขึ้นมานั่งบนโซฟา จับแขนผมเขย่าและยื่นหน้าเข้ามาใกล้ เข้ามาแนบชิดแบบนี้ คิดถึงใจคนคิดไม่ซื่อแบบกูบ้างไหมเนี่ยไอ้เด็กแสบ

“เออ ทำให้ได้แล้วกัน ลูกรักกูจะจอดรอให้มึงมาขับมันออกไปโลดแล่นบนถนน”

“พูดแล้วอย่าคืนคำน่ะพี่”

“มึงก็เหมือนกัน อย่าทำให้ผิดหวัง”

“วางใจได้เลยพี่ปราบ คนอย่างซ่า ถ้าคิดจะทำ ทำได้แน่นอน”

“กูจะรอดู”




วันนี้ทั้งวันซ่าดูทุ่มเทกับการอ่านหนังสืออย่างไม่น่าเชื่อ ผมยึดโทรศัพท์มันไว้ มีปล่อยให้ใช้เมื่อถึงเวลาพักของมัน ซึ่งมันก็ไม่ได้ใช้อะไรนอกจากทักคุยกับพวกเพื่อนมันและคุยโทรศัพท์กับแฟน

กระทั่งถึงเวลานอน ซ่าอาบน้ำทีหลังผม จัดการตัวเองเสร็จมันก็มาล้มตัวนอนลงข้างๆ ผมปิดไฟบนเพดานห้อง เปิดไว้แต่โคมไฟหัวเตียงเท่านั้น

“วันนี้ไม่มีอะไรอยากถามกูเหรอ”

ผมให้ซ่าถามผมทุกวัน วันละคำถามเพราะมันเป็นคนที่บอกว่าอยากรู้จักผมให้มากขึ้น แต่เมื่อวานเห็นมันเครียดผมกับมันเลยไม่ได้คุยอะไรกันมาก

“อืม ถามอะไรดีอ่ะ” มันหันมาถามผม หน้าตามันง่วงเต็มแก่

“แล้วอะไรที่มึงอยากรู้อีกอ่ะ”

มันคิดอยู่เกือบห้านาที ผมคิดว่ามันหลับไปแล้ว แต่พอหันไปมองก็เห็นมันนอนจ้องเพดานนิ่งๆ

“ครอบครัวพี่เป็นยังไงเหรอ เล่าให้ฟังหน่อยสิ คิดว่าครอบครัวพี่ต้องอบอุ่นมากแน่ๆ”

“ครอบครับกูเหรอ ไม่เหมือนครอบครัวปกติทั่วไปหรอก แต่มึงคิดถูกอยู่อย่าง ครอบครัวกูอบอุ่นมากๆ”

“เล่าหน่อยสิ ผมอยากฟัง” ซ่าพลิกตัวนอนตะแคงหันเข้าหาผม ดวงตากลมปรือปรอยเล็กน้อยเพราะเจ้าตัวพยายามฝืนเอาไว้ไม่ให้มันปิด

“กูไม่มีพ่อมีแม่ที่แท้จริง ครอบครัวที่กูอยู่ด้วยตอนนี้เขาเอากูมาเลี้ยงตั้งแต่กูเด็กๆเกิดได้ไม่กี่วัน” ผมเริ่มเล่า ซ่านอนมองผมตาใส ดูมันค่อนข้างให้ความสนใจกับสิ่งที่ผมเล่า

“พ่อแม่ใหม่ดีกับพี่ไหม” มันถาม คงจะเอาไปเปรียบเทียบกับตัวเองแหละมั้ง

“ทุกคนดีกับกู แต่กูไม่มีแม่ใหม่หรอกนะ”

“อ้าว” ซ่าทำหน้าฉงน ผมตะแคงไปหามันบ้าง

“กูมีพ่อสองคน มีป๊าครามกับพ่อทราฟ พวกเขาสองคนมีคนรักเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ เพราะพ่อกูทั้งสองคนเป็นเพื่อนรักกันมาก พวกเขาอาศัยอยู่ในบ้านหลังเด็กกัน กูมีพ่อสองคนและกูมีพี่ชายอีกสองคนนั่นก็คือพี่เค้กกับพี่ริช คนรักทั้งสองคนพ่อกู”

ระหว่างเล่าผมก็ลอบสังเกตอาการของซ่าด้วยว่ามันจะตกใจหรือรับได้ไหมที่ครอบครัวผมเป็นเกย์ แต่ดูมันจะไม่ได้ตกใจอะไร พอมันไม่ได้แสดงอาการไม่ใช่หรือมีข้อสงสัยจะถามอะไรผมก็เล่าต่อ

“พวกเขาเลี้ยงดูกูมาให้ความรักความอบอุ่น ให้ที่อยู่ที่อาศัย ให้ความรู้ กูรักพวกเขามากจนไม่รู้ว่าตัวเองต้องการพ่อที่แท้จริง ตอนเด็กๆกูเรียกพี่ริชว่าม๊าและเรียกพี่เค้กว่าแม่ด้วยนะ แต่พอโตมากก็รู้ว่าเรียกแบบนั้นไม่ได้ เลยเลิกเรียก”

“พี่ตกใจไหมเมื่อรู้ว่าพ่อสองคนของตัวเองมีแฟนเป็นผู้ชาย” ซ่าถาม ผมยิ้มบางให้มัน

“แล้วมึงตกใจไหมเมื่อได้ฟัง”

“หึ ไม่” ซ่าส่ายหน้า ผมดีใจนะ เท่ากับว่ามันไม่ได้รังเกียจความรักรูปแบบนี้ แบบนี้เท่ากับผมยังมีหวัง แม้ว่ามันจะเป็นผู้ชายแท้ๆที่รักชอบผู้หญิง แต่ผมก็มั่นใจว่าผมสามารถทำให้มันชอบผมได้ในวันหนึ่ง แต่ต้องหลังจากที่มันเลิกกับแฟนมันน่ะนะ

“กูไม่ตกใจหรอก แต่งงมากกว่า เพราะตอนเด็กๆกูไม่เข้าใจว่าทำไมไม่มีแม่ แต่คนในครอบครัวไม่ได้ปกปิดว่ากูไม่ใช่ลูกเขา เขาเล่าความจริงทุกอย่างเมื่อกูโตพอรู้ความ ตอนนั้นถึงได้เข้าใจว่าทำไมไม่มีแม่ และตอนเด็กๆป๊ากูก็แกล้งให้กูเรียกพี่ริชว่าม๊า ให้เรียกพี่เค้กว่าแม่ กูค่อยๆซึมซับจนชินและเข้าใจว่าความรักของพ่อๆกูไม่ผิด เพราะเขาเผื่อแผ่ความรักนั้นมาให้กูด้วย”

“ดีจัง”

“แล้วครอบครัวมึงล่ะ” ผมถามกลับบ้าง มันถามผมแล้วก็ถึงเวลาที่ผมจะถามกลับบ้าง แต่ซ่ากับเงียบ หน้าเริ่มเครียด ริมฝีปากเม้มแน่น

“ครอบครัวผม ไม่อบอุ่นเหมือนพี่หรอก”

“แล้วไง มันไม่มีช่วงเวลาดีๆเลยเหรอ” มันต้องมีบ้างแหละ ผมไม่มีว่าตั้งแต่เกินจนโตว่าจะไม่มีความทรงจำดีๆกับครอบครัวเลย

“มีมั้ง ไม่รู้สิ ผมจำไม่ได้”

“มึงรักพวกเขาไหม”

ซ่าเงียบอีกแล้ว ผมรู้อีกอย่างก็คือ ถ้ามันโมโหมันจะระบายออกอย่างรุนแรงเหมือนที่มันทะเลาะกับแฟนมัน แต่ถ้ามันเสียใจหรือรู้สึกเศร้า เกิดความอึดอัดในจิตใจมันจะเงียบ และเรื่องของครอบครัวมันเป็นเรื่องที่มันชอบเงียบ

“หรือมึงไม่รักตายายกับแม่” พอผมพูดเหมือนใส่ร้ายมันก็ส่ายหน้า

“เปล่า ผมรักสิ แต่...เขาอาจไม่รักผมเท่าไหร่”

“รู้ได้ไงว่าเขาไม่รัก ไม่รักจะเลี้ยงมาขนาดนี้เหรอ”

“เลี้ยงเพราะทิ้งไม่ได้ต่างหาก” ซ่าพูดแทรกต่อทันที ผมตกใจเล็กน้อยที่มันคิดแบบนั้น

“ทำไมคิดแบบนี้” ผมซักต่อ และคิดว่ามันจะทำไหม เม้มปากแน่นเชียวล่ะ “ว่าไง มึงรู้ได้ไงว่าเขาไม่อยากเลี้ยงมึง มึงถามกูตอบ พอกูถามมึงตองตอบนะซ่า”

“ผมจะรู้ได้ไง ถ้าเขาไม่พูด” เสียงตอบกลับมาแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน

“เพราะเกเรหรือเปล่า เขาเลยเบื่อจะเลี้ยงมึงน่ะ มึงแสบน้อยที่ไหน” ผมพยายามดึงสถานการณ์ให้มันดีขึ้น แต่ค่อนข้างติดใจมากว่าทำไมซ่าถึงบอกว่าพวกเขาพูดว่าไม่อยากเลี้ยงมัน

“คงงั้นมั้ง” ซ่าเองก็คงพยายามที่จะดึงตัวเองออกมาจากความเศร้า มันเริ่มปั้นหน้าปกติและยักคิ้วใส่ผม นั่นยิ่งทำให้ผมเอ็นดูและสงสารมันมากขึ้น

“ทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาน่ะมึงน่ะ” ผมว่าขำๆแต่ยกมือลูบหัวมันเบาๆ

ที่เป็นแบบนี้เพราะเรียกร้องความสนใจสินะ

ไอ้เด็กขาดความอบอุ่นเอ้ย

ผมไม่ได้ถามอะไรต่อ ต่างคนต่างนอนเงียบๆกระทั่งมันค่อยๆเคลิ้มหลับ ผมนอนจ้องมันไปเรื่อยๆ จนคิดว่ามันหลับไปแล้วแต่อยู่ๆมันก็พูดประโยคหนึ่งขึ้นมา

“ผมอิจฉาพี่ ถ้ามีคนรักผมเหมือนพี่ก็คงดี”

เด็กคนนี้โหยหาความรักที่สัมผัสและจับต้องได้ ความรักที่ซับซ้อนที่ผู้ใหญ่แสดงออกคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่ซ่าจะทำความเข้าใจ

 “อยากมีครอบครัวที่อบอุ่นไหมล่ะ”

“...” หลับแล้วเหรอวะ

“ว่าไง อยากมีไหม” ผมถามอีก

“อืม” ไม่รู้ว่าแค่ครางในลำคอหรือตอบตกลง แต่ขอเหมาว่ามาตกลงแล้วกัน

ซ่าหลับไปแล้ว ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ มีเสียงกรนฟี้เบาๆให้ได้ยิน ผมดึงมันเข้ามากอดเบาๆ ถ่ายทอดความร้อนในร่างกายช่วยมันคนเด็กว่ารู้สึกอบอุ่นขึ้น

“หันมามองกูสิ แล้วกูจะหาครอบครัวที่อบอุ่นมาให้”






........................................
ซ่าอาจจะดูเหมือนคนโง่ที่วิ่งตามความรักจากพลอย แต่เพราะซ่าเป็นคนรักใครรักจริง เขาได้รับความรักที่บิดเบี้ยวจากคนในครอบครัว เลยฝากความหวังไว้ที่พลอย รักครั้งแรกและแฟนคนแรก

ด้วยเพราะซ่าเป็นคนยึดมั่นในความรัก รักเดียวใจเดียว รักคนๆหนึ่งโดยไม่จำเป็นต้องใช้เหตุผล ต่อให้เขาไม่ดีก็ยังรัก นั่นทำให้พี่ปราบเกิดความสนใจในน้องซ่า คิดดูว่าถ้าน้องซ่ารักพี่ปราบ ยิ่งพี่ปราบดีขนาดนี้ จะติดพี่ปราบขนาดไหน  :impress2:

สำหรับเรื่องปราบซ่า ริริอยากให้มันแตกต่างจากสิ่งที่มีอยู่ในท้องตลาด เพราะปกติพระเอกจะเลว จะทำตัวมีปัญหา ต้องให้ความรักและความดีของนายเองขัดเกลา คราวนี้กลับกันบ้าง นายเอกของเราที่มีปัญหาสุดๆ ทั้งปัญหาที่สร้างขึ้นเองทำตัวเองและคนอื่นสร้างให้ และแน่นอน สิ่งที่เราต้องการคือพระเอกขี่ม้าขาวค่ะ เรื่องนี้พี่ปราบคือพ่อพระมาโปรดน้องซ่าตัวจริงเสียงจริง ที่วันหนึ่งจะสั่นคลอนความแมนของน้องซ่าได้ในที่สุด (หรือไม่)

หวังว่าจะได้รับอรรธรสแบบใหม่ที่ริริพยายามรังสรรค์ออกมาอย่างดีที่สุดนะคะ

คิดเห็นหรือรู้สึกอย่างไรสามารถบอกกันได้นะคะ
 
ขอบคุณคนที่ติดตามอ่านค่ะ มามะ มากอดที   :กอด1:

  :L2: :pig4:
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-02-2017 23:17:21 โดย RiRi »

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
พี่ปราบคนดี~~

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด