วันต่อมาพลอยโทรศัพท์มาหาผมแต่ผมไม่ได้รับ ไปเรียนแล้วตอนเย็นก็แวะไปนั่งกินเหล้ากับพวกเพื่อนที่ร้านเฮียบีท ซึ่งพอพี่ปราบรู้แกก็ตามมาด้วย ทั้งๆที่เมื่อเย็นแกส่งข้อความมาบอกว่าเหนื่อย อยากจะนอน
แต่พี่ปราบไม่ได้มานั่งกับผม เข้าไปคุยธุระกับเฮียบีทในห้องทำงาน พวกผมห้าคนก็เลยนั่งดื่มนั่งร้องเพลงไปเรื่อย และไอ้ตูนก็ยังเป็นคนที่ขายได้ดีที่สุด สาวๆแวะเวียนมานั่งที่โต๊ะให้พวกเพื่อนผมเชยชม ส่วนผมก็นั่งมองพวกมันหลีหญิงนิ่งๆ
“ไอ้พัช ไม่คุยกับสาวหน่อยวะ นั่งบื้อเลยนะมึง” ไอ้หวายนั่งทำตาเยิ้มพูดแซะผม
“เห็นใจมันหน่อยเพื่อน น้องพัชของพี่กานกำลังอกหัก ตอนนี้อะไรๆก็เลยเหี่ยว” เจ้าเก่าเจ้าเดิม ไอ้กานจอมกวนตีน
“ฮ่าๆๆ มึงก็ไปว่ามัน”
“ถ้าไอ้พัชมันไม่เอา พี่เอาเบอร์มาให้ผมก็ได้นะ” ไอ้กานขยิบตาใส่พี่ผู้หญิงที่มานั่งข้างผม เมื่อเห็นผมไม่สนใจพี่เขาก็ขอตัวกลับไปที่โต๊ะ ส่วนไอ้ตูนก็แลกเบอร์กับสาวเรียบร้อย ก่อนจะเดินพาสาวไปส่งที่โต๊ะ ไอ้หวายที่ทำเป็นปากดี แต่วันนี้ผมสังเกตเห็นว่ามันไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวผู้หญิงเลยสักนิด ดูแปลกๆ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจ
“ไอ้พัช ตกลงมึงเลิกกับพลอยหรือยัง” ไอ้หวายถาม ผมรู้ว่าที่มันลากผมมากินเหล้าในวันนี้ ก็เพื่อง้างปากผมเรื่องพลอย
“ยัง” ผมตอบตามตรง
“เอ้า มึงรออะไรอยู่เนี่ย จับได้คาหนังคาเขาแล้วไม่ใช่เหรอวะ ทำไมยังไม่เลิกอีก” ไอ้นุ๊กทำหน้าขัดอกขัดใจ
“นั่นดิ หรือมึงรอกูไปเป็นประธานเปิดงานมงคลหย่าร้างของมึงกับพลอยอยู่” ไอ้กานกระแทกแก้วเหล้าลงกับโต๊ะ ตอนนี้เหลือไอ้ตูนคนเดียวที่ยังไม่อ้าปากด่าผม
“แล้วมึงมีอะไรจะด่ากูไหมไอ้ตูน” ผมถามไอ้หล่อที่นั่งจ้องผม
“หึหึ กูขอด่าว่า ไอ้โง่”
นั่นสิ ผมมันคนโง่ โง่มาตลอด
“มึงจะเลิกกับมันไหมไอ้พัช กูขอเหอะมึง เลิกๆไปเถอะ เดี๋ยวกูหาผู้หญิงสวยๆซิงๆให้เลยก็ได้” ไอ้หวายเสนอปนขอร้องผม
“พวกมึงไม่ต้องห่วงหรอก กูจะไม่โง่อีก” ผมบอกพวกมันเสียงหนักแน่น
“มึงแน่ใจ” ไอ้นุ๊กหรี่ตา จ้องจะเอาคำตอบ
“เออ กูคำไหนคำนั้นอยู่แล้ว”
“พวกมึงปล่อยมันไปก่อน อย่าเพิ่งไปเร่งเร้ามัน ส่วนมึงนะไอ้พัช...ผู้หญิงดีๆหาไม่ง่าย แต่ที่ดีกว่าแฟนมึงน่ะถมเถไป หรือไม่อยู่เป็นโสดแบบกูก็ดีกว่า”
“เออ กูขอใจพวกมึง”
“ไม่เป็นไร เพื่อนกัน”
ไอ้ตูนมันกอดไหล่ผม ไอ้กานก็ตบบ่าทำหน้าซึ้งอย่างกวนส้นตีน ผมเลยดีดหน้าผากแม่งเข้าให้ คนที่ยังนั่งทำหน้าเหี้ยก็มีแต่ไอ้หวาย ที่จิ๊ปากจิ๊คอมองค้อนผมเป็นตุ๊ด ผมเลยจัดการจับแก้วเหล้ากรอกปากมันด้วยความรัก คนที่ห่วงผมเรื่องพลอยที่สุดก็ต้องยกให้ไอ้หวายเนี่ยแหละ
จนเวลาเกือบๆจะเที่ยงคืน พี่ปราบกับเฮียบีทก็ลงมานั่งกินเหล้ากับพวกผม พี่ปราบนั่งข้างๆผม พอเห็นว่าบนโต๊ะไม่มีกับแกล้มอะไรนอกจากถั่วลิสง แกก็บ่นแล้วจัดการสั่งกับแกล้มอย่างอื่นมาให้
“มึงกินข้าวเย็นหรือยัง” พี่ปราบถามผม
“ยังเลยพี่”
“ยัง แต่เสือกมานั่งกินเหล้าเนี่ยนะ” พี่ปราบดุผมต่อหน้าเพื่อน ไอ้กานกับไอ้นุ๊กมองผมกับพี่ปราบสลับกันแล้วก็ยิ้มกรุ้มกริ่มใส่ ทำหน้าทำตาอะไรของพวกมันไม่รู้ กวนประสาทชิบหาย
“แต่ผมกินขนมปังไปแล้ว” ผมบอก
“มันพอหรือไงเล่า เอาข้าวผัดมาจานดิ ไข่ดาวด้วย” พี่ปราบหันไปสั่งกับพนักงานร้าน ไม่นานกับแกล้มและข้าวก็ทยอยมาเสิร์ฟ ผมไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ แต่ไม่กินไม่ได้ ไม่งั้นพี่ปราบได้บ่นผมจนหูชาแน่ๆ
กินข้าวเสร็จผมก็ลุกไปเข้าห้องน้ำ ก่อนจะกลับไปที่โต๊ะก็เดินมาสูบบุหรี่แถวๆหน้าร้านติดถนนใหญ่ ผมยืนสูบไปเรื่อยๆพี่ปราบก็ตามออกมา
“ไงมึง มีอะไรเครียดหรือไง” พี่ปราบมักสังเกตอาการผมได้ก่อนใคร
“ก็...เรื่องเดิมๆแหละพี่”
“กูรู้ว่ามันต้องใช้เวลาในการเลิกรักใครสักคน แต่อย่าปล่อยให้ตัวเองต้องเจ็บไปมากกว่านี้ รักตัวเองให้มากๆ กูย้ำหลายรอบแล้วนะ”
“ฮ่าๆๆ หลายรอบจริง” ผมเห็นด้วย แต่ก็รู้สึกดีที่มีคนคอยย้ำเตือนให้ เพราะผมชอบลืมเสมอ
“ความจริงกูอยากให้พวกมึงเพลาๆเรื่องออกมากินเหล้านะ แต่กูก็ไม่รู้จะพูดยังไง เอาเป็นว่าวันนี้กูอนุโลมก็แล้วกัน ถือว่าให้มึงออกมาคลายเครียดบ้าง”
ผมยิ้มให้กับความหวังดีของพี่ปราบ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมชีวิตต้องวนเวียนแถวๆร้านเหล้าหรือวงเหล้า แต่ชีวิตผมก็มีแค่นี้ ไปเรียน ไปทำงาน นอนกิน และเวลาจะมาเจอเพื่อนก็คิดออกอย่างเดียวว่าจะต้องกินเหล้า
ไม่ต้องทำอะไร แค่นั่งดื่ม ฟังเพลงจนเมามาย แล้วก็หลับไปให้มันผ่านไปอีกวันหนึ่ง
ขณะที่ผมปล่อยสายตามองไปเรื่อย ก็สังเกตเห็นมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งที่จอดรอไฟเขียวอยู่หน้าร้าน คนซ้อนคือพลอย และเมื่อเพ่งดูดีๆ ถึงได้รู้ว่าคนขับเป็นไอ้ปาร์ค
“มึงมองอะไรอยู่ซ่า” พี่ปราบวางมือลงบนไหล่ผม ผมถึงได้รู้ตัวว่าตัวเองกำลังจ้องสองคนนั้นด้วยท่าทางเกร็งขึง
“พวกมันสองคน คือไอ้ปาร์คกับพลอย เมื่อวานพลอยมันมาหาผมที่ร้าน ผมคิดว่าพลอยจะมาบอกเลิก แต่มันกลับพูดว่าไม่ได้ยากเลิกกับผม แต่มันก็ไม่เลิกกับไอ้เหี้ยนั่นเหมือนกัน” ผมพูดเล่าเพื่อระบายความในใจ แม้ว่าในตอนแรกผมเลือกจะไม่เล่าก็ตาม
พี่ปราบมองตามสายตาผม ก่อนจะดึงมือผมให้เดินตามไปที่รถของพี่ปราบที่จอดอยู่แถวๆหน้าร้าน
“ไปไหนพี่” ผมถาม หันมองพลอยทีมองพี่ปราบที ขาก็เดินเป๋ๆตามแรงดึง จนกระทั่งเข้ามานั่งในรถ
“พี่จะไปไหน” ผมถามอีก ไฟแดงเปลี่ยนเป็นไฟเขียวแล้ว พี่ปราบมองกระจกข้างรถฝั่งเขา ก่อนจะมองหน้าผม
“พามึงไปพิสูจน์ว่า ถึงเวลาที่มึงจะตัดสินใจได้หรือยัง”
ผมไม่เข้าใจคำพูดของพี่ปราบสักเท่าไหร่ แต่พอพี่ปราบออกรถ แล้วขับตามท้ายรถของไอ้ปาร์คไป ผมก็พอจะเดาได้ว่าพี่ปราบกำลังทำอะไรอยู่
จุดหมายปลายทางที่ไอ้ปาร์คขี่มอเตอร์ไซค์เลี้ยวเข้าไปก็คือโรงแรมม่านรูด พี่ปราบจอดรถที่หน้าโรงแรม ผมกำลังจะหันไปถามว่าพี่ปราบหยุดรถทำไม คำถามของพี่ปราบก็ดังขึ้นมาก่อน
“มึงพร้อมที่จะไปเห็นความจริงไหม”
“...”
“แทบไม่ต้องเดาเลยว่าพวกมันเข้าไปทำอะไรกัน คนที่บอกกับมึงว่าไม่อยากเลิกกับมึง แต่ก็มาเข้าโรงแรมกับผู้ชายอีกคน ถ้ามึงกล้าเข้าไปทุกอย่างมันจะง่ายสำหรับมึง”
ผมคิดตามคำพูดของพี่ปราบ ละสายตาจากคนที่มองผมด้วยความเป็นห่วงเป็นกังวล จับจ้องที่ทางเข้าโรงแรมม่านรูดก่อนจะตัดสินใจ
“ผมจะเข้าไป” สิ้นคำพูดของผม พี่ปราบก็ขับรถตรงเข้าไปข้างในทันที พี่ปราบจะจ่ายเงินค่าเปิดปากให้กับเด็กโบกรถ แต่เด็กโบกรถไม่ยอมบอกว่าพวกมันสองคนอยู่ที่ห้องไหน
“ถ้าไม่บอกกูจะแจ้งตำรวจ” พี่ปราบขู่
“เห้ยพี่ ผมบอกแล้วๆ ห้องโน่นเลยพี่”
“นำไปดิ” พี่ปราบสั่ง ก่อนจะขับรถไปตามแสงไฟฉายที่โบกนำทางไปยังห้องที่พลอยกับไอ้ปาร์คอยู่
พี่ปราบกับผมลงมายืนอยู่ที่หน้าห้อง เด็กโบกรถก็มายืนลุกลี้ลุกลนอยู่ใกล้ๆ
“มึงแน่ใจนะว่าห้องนี้” พี่ปราบหันไปถาม
“ครับๆ แน่ใจครับพี่ ผมพาพี่มาแล้ว พี่ก็อย่าแจ้งตำรวจนะพี่ ถ้านายรู้ว่าผมปล่อยเด็กเข้ามา นายเอาผมตายเลย”
“เออ ถ้าพวกมันอยู่ห้องนี่จริงกูจะไม่บอก ส่วนมึงก็เอาเงินนี่ไป แล้วปิดม่านเฝ้าเอาไว้” พี่ปราบส่งเงินให้มันไปห้าร้อย มันรีบรับเงินแล้วออกไปยืนเฝ้าข้างนอก
พี่ปราบดึงมือผมเอาไว้เมื่อเห็นว่าผมจะเคาะประตูห้อง กระซิบบอกให้ผมรอเวลาและจังหวะที่เหมาะสมกว่านี้ ผมก็ยอมเชื่อฟัง ทั้งๆที่ตอนนี้ผมตัวสั่นไปหมดแล้ว
“พร้อมนะ”
“ครับ”
พี่ปราบเคาะประตูห้อง ยืนรอสักพักก็ยังไม่มีใครมาเปิด พี่ปราบเคาะอีกรอบ แรงขึ้นและนานขึ้น แต่ก็ยังเงียบ คราวนี้ผมเป็นคนเคาะเอง เคาะติดๆกันไม่หยุด จากเคาะก็เปลี่ยนเป็นทุบประตู ในที่สุดคนข้างในก็ทนไม่ไหวออกมาเปิดประตู
“ไอ้เหี้ย กูบอกแล้วไงว่าไม่ให้มากวน...มึง!”
“เออ กูเอง”
ไอ้ปาร์คตกใจอย่างมากที่เจอผม พอตั้งตัวได้มันก็เตรียมจะปิดประตูหนี แต่พี่ปราบไวกว่า ดันประตูเปิดออกกระแทกตัวไอ้ปาร์คจนมันล้มลงกับพื้น เสียงผู้หญิงกรี๊ดดังขึ้น ผมเหลือบตาขึ้นมองก็เจอพลอยที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยอยู่บนเตียง
“ซ่า!!!” พลอยอุทานชื่อผมเสียงดัง
“พวกมึงมาทำไม จะทำอะไรกู!” ไอ้ปาร์คถูกพี่ปราบล็อคแขนกดไว้กับพื้น
“มึงไปจัดการเรื่องของมึงซะ ทางนี้กูจะดูให้เอง” พี่ปราบบอก พร้อมกับออกแรงกดตัวไอ้ปาร์คลงกับพื้นมากขึ้น
“อั้ก! ปล่อยกู”
ผมปล่อยให้พี่ปราบจับตัวไอ้ปาร์คไว้ แล้วเดินเข้าไปหาพลอยที่นั่งร้องไห้อยู่บนเตียง เธอพยายามที่จะดึงผ้าห่มมาปกปิดร่างกาย แต่มันไม่สามารถปกปิดความระยำที่พลอยทำไว้ได้
ผมจับตัวพลอยขึ้นมา มันคงถึงเวลาแล้วที่จะต้องตัดให้ขาดเสียที
“กูว่ากูเคยบอกมึงแล้วนะพลอย ว่าอยากให้กูจับได้แบบคาหนังคาเขา ไม่อย่างนั้นกูไม่ปล่อยมึงไว้แน่ๆ” ผมเลื่อนมือข้างหนึ่งจากไหล่บางมาบีบแก้มที่ผมเคยหอม
“อึก ปล่อย” พลอยพยายามจะดิ้นหนีออกจากมือของผม ผมปล่อยมือที่บีบแก้มเลื่อนลงต่ำมาที่ลำคอ
“ตั้งแต่กูรู้ว่ามึงนอกใจกูนะพลอย กูไม่ได้ต้องการให้มึงรู้สึกกับกูเหมือนเดิมหรอก กูรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ แม้ว่ากูจะอยากให้มันเป็นเหมือนเดิมมากแค่ไหนก็ตาม แค่มึงบอกเลิกกูมาเท่านั้น แล้วหลังจากนั้นมึงจะไปเอากับใครกูจะไม่ว่าเลย แต่มึงไม่พูด แล้วมึงก็มาทำเหี้ยระยำอย่างนี้เนี่ยนะ” ผมพูดเสียงแข็ง สายตาก็มองสำรวจไปทั่วตัวพลอยก่อนจะแสยะยิ้ม ตอนนี้ผมทำให้พลอยกลัวจนตัวสั่น
“ซ่า ปล่อยพลอย พลอยหายใจไม่ออก”
มือที่กำรอบคอพลอยไม่ได้เค้นแรง ผมรู้น้ำหนักมือตัวเอง แต่เพราะความกลัว ทำให้พลอยคิดว่าตัวเองหายใจไม่ออก ทั้งๆที่คนที่หายใจไม่ออกมันคือผมคนนี้
“วันนี้กูรู้แล้วพลอย ว่ากูทนเป็นคนโง่ให้มึงทำร้ายกูต่อไปไม่ได้แล้ว กูจะไม่ทนกับคนอย่างมึงอีกแล้ว”
“มึงจะทำอะไรพลอย ปล่อยกู” ไอ้ปาร์คตะโกนเสียงดัง ผมหันไปหาไอ้ปาร์ค หน้าของมันเอียงข้างแนบติดกับพื้น สายตาของมันเคียดแค้นเหมือนอยากจะพุ่งเข้ามาฆ่าผม
“กูไม่ทำอะไรมันหรอก เพราะมันเคยเป็นเมียกู นอนอ้าขาให้กูมาก่อนมึง และไม่รู้ว่านอกจากกูและมึง มันจะไปนอนให้ใครเอามันอีกบ้าง” ผมพูดให้ไอ้ปาร์คมันรู้สึกเจ็บแค้น ก่อนจะหันมาจ้องหน้าพลอย
“เพราะฉะนั้น มึงพูดออกมาซะ บอกเลิกกูซะ!” ผมสั่ง
“อึก”
“พูด กูบอกให้พูด ไม่อย่างนั้นกูจะบีบคอมึงแรงขึ้น” ผมพูดขู่ ไม่เข้าใจว่าจนป่านนี้พลอยจะยื้อผมไว้ทำไม
ที่ผมต้องการให้พลอยเป็นคนพูด เพราะผมเชื่อว่าคนที่บอกเลิกได้คือคนที่หมดรักแล้ว ในเมื่อผมยังหลงเหลือความรักให้พลอย มันจึงเป็นเรื่องยากสำหรับผมที่จะต้องเป็นฝ่ายพูด
“ฮึก ฮือ” พลอยร้องไห้
“บอกเลิกกู พูดมาเซ่!! กูสั่งให้พูด มึงไม่ได้ยินหรือไงวะ!”
ผมเค้นแรงในมือหนักขึ้นแต่ไม่ถึงขั้นบีบ แล้วตะคอกใส่หน้าพลอยดังลั่น พลอยสะดุ้งแล้วรีบระล่ำระลักพูดในสิ่งที่ผมต้องการออกมา
“ละ เลิก เลิกแล้ว”
“พูดดังๆ!” ผมสั่งอีก ผมต้องการฟังคำบอกเลิกของพลอยชัดๆอีกครั้ง ให้มันฝังลงไปในจิตใจ ให้รู้ว่าคนๆนี้มันไม่ต้องการผมแล้ว หัวใจโง่ๆมันจะได้ไม่ต้องคอยคิดว่าไม่อยากเลิกเพราะพลอยอาจจะยังรักผมอยู่
“เลิก กูเลิกแล้ว พอใจยัง!” คราวนี้พลอยตะโกนใส่หน้าผมด้วยความไม่พอใจ แล้วผลักผมออกจากตัว จ้องหน้าผมด้วยความเกลียดชัง ผมมองพลอยแล้วสั่งให้ตัวเองจำ ต่อแต่นี้ไปอย่าไปรักคนแบบนี้อีก วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ผมจะรักผู้หญิงคนนี้
“ต่อจากนี้ไป มึงกับกูขาดกันพลอย ไม่เกี่ยวข้องกันอีก มึงไม่ใช่แฟนกูแล้ว และกูไม่ใช่แฟนมึง”
เมื่อผมได้ในสิ่งที่ผมต้องการ ผมก็เดินออกมาจากห้อง เดินตัวลอยๆขึ้นไปนั่งรอพี่ปราบในรถ ไม่นานพี่ปราบก็เดินตามออกมา ผมนั่งก้มหน้าซบฝ่ามือ พี่ปราบไม่ได้ถามอะไร สตาร์ทรถแล้วขับออกจากโรงแรมม่านรูด
น้ำตาผมค่อยๆไหลช้าๆ ตามมาด้วยเสียงสะอื้นที่ผมกลั้นไม่อยู่ พี่ปราบขับรถเบี่ยงออกเลนซ้ายเพื่อจอดที่ข้างทาง แล้วตัวผมก็ถูกดึงเข้าไปกอดโดยผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆผม
“พอได้แล้วนะซ่า กูขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่มึงจะร้องไห้ให้ผู้หญิงคนนั้น”
“ฮึก ฮืออ”
“ถือว่ากูขอ ทำให้กูได้ไหม”
ผมไม่ตอบ แต่พยักหน้าแทน ผมก็ไม่ชอบร้องไห้ แต่น้ำตามันไหลลงมาเอง ผมควบคุมมันไม่ได้เลย
“ดีมาก ให้มึงรู้เอาไว้เลยว่ากูไม่ชอบให้มึงร้องไห้ ไม่ชอบมากๆ”
มันจบแล้วจริงๆ ลาก่อนคนหลอกลวง
จากครั้งเราเคยมีกัน อยู่ ๆ ก็พลัน มาทิ้งกันไป
เจ็บช้ำเธอทำกันลงได้ หักอกห้ามใจไม่เคยลืมลง
เจ็บนี้มันแรงเกินตัว เรื่องราวในหัว มันตามมันเตือน
จะพร้อมจะยอมฟั่นเฟือน สติเลอะเลือน ถ้าลืมได้ลง
ไม่อยากรู้ว่าตัวเองเป็นใคร ไม่อยากรู้ว่าเคยรักใคร
ไม่อยากรู้ว่าเคย เคยถูกใคร หลอกจนเสียคนอย่างนี้
ไม่อยากรู้ว่าตัวเองเป็นใคร ไม่อยากรู้ว่าเคยนอนร้องไห้
ไม่อยากรู้ว่าเคย เคยให้ชีวิตใครไป
(เพลง ฟั่นเฟือน)
[/i]
..................................................................................................
สวัสดีค่า ริริมาแล้ว ตอนนี้จำเป็นต้องอึมครึมอีกครั้ง เพื่อให้ความรักแย่ๆของซ่าได้จบลงซะที ปรบมือให้นักแสดงของเราหน่อยค่ะ แต่ละคนเต็มที่กับตอนนี้จริงๆ
ใครจะว่าก่อนหน้านี้น้องซ่าดักดานไม่ยอมเลิกก็ช่าง แหม นิยายบางเรื่องนายเองถูกพระเอกทารุณ ก็ยังไม่ยอมเลิกรักได้เลยจริงไหม ดังนั้นมันก็จะตัดใจยากนิดนึงอ่ะนะ (ไม่ได้จะว่านิยายคนอื่นนะ เพราะพล็อตที่ว่ามานั้น ริริชอบอ่านมากๆๆๆ ฮ่าๆๆ แต่ไม่ถนัดแต่งแนวตบจูบให้พระเอกทำร้ายนายเอกสักเท่าไหร่ เลยต้องหาอ่านของชาวบ้านเอา)
เอาล่ะ เนื้อเรื่องต่อจากนี้ จะดำเนินไปยังจุดโศกจุดที่สอง โศกใหญ่ โศกครั้งสุดท้ายก่อนที่พระนายเขาจะได้สวีทวี้วิวกันซะที
ฉากสุดท้ายในตอนนี้ ทำให้นึกถึงเพลงฟั่นเฟือนเลย (เพลงแก่มากกกกกก ใครทันนี่รู้เลยว่าอายุเท่าไหร่) เลยจับเพลงนี้มาใส่ในเนื้อเรื่องซะ และมันได้อารมณ์หม่นๆเทาๆดีเหลือเกิน #ชอบใจ
ช่วงสุดท้ายของพูดคุย ก็ต้องขอขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นนะคะ ทำให้รู้เลยว่าทุกคนอินมากจริงๆ ฮ่าๆๆ ด่าน้องซ่าได้แต่อย่าแรง น้องซ่าคนแมนใจบางกว่าที่คุณคิด
เจอกันตอนหน้านะคะ
รักนะ จุ๊บๆ