ปราบซ่า® ตอนปราบครั้งที่35 ปราบครั้งสุดท้าย [จบบริบูรณ์]:: 7/1/2018 P.24
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ปราบซ่า® ตอนปราบครั้งที่35 ปราบครั้งสุดท้าย [จบบริบูรณ์]:: 7/1/2018 P.24  (อ่าน 194512 ครั้ง)

ออฟไลน์ RiRi

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 568
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +595/-8
    • RiRiWorld
ปราบซ่า
ตอนที่19


ผมนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นเวลาห้าวัน ก็กลับมาพักที่บ้าน ความจริงอาการผมไม่ได้หนักที่จะต้องนอนนานขนาดนั้น แต่ว่าพี่ปราบไปทำอีท่าไหนไม่รู้ หมอเลยไม่อนุญาตให้ผมกลับ คนที่บ้านผมก็บ่น แต่พอหมอบอกว่าค่าใช้จ่ายมีคนจ่ายให้หมดแล้ว พวกเขาก็สงสัยซักถาม พี่ปราบก็เลยบอกว่าเป็นสวัสดิการพนักงาน ส่วนเกินจะไปหักเอากับเงินเดือนแทน พ่อกับแม่ก็เลยเลิกบ่น

ตั้งแต่เกิดเรื่องผมก็ยังไม่ได้กลับไปที่หอ พี่ปราบให้ผมเลือกระหว่างบ้านกับคอนโดพี่ปราบ แต่ผมไม่อยากรบกวนพี่ปราบมากไปกว่านี้จึงเลือกกลับมาอยู่บ้าน

ผมไปเรียนกลับมาตอนเย็นก็นอนเล่นเกมในบ้าน ในขณะที่คนอื่นๆทำงานอยู่ในโรงโกดัง เมื่อผมทำงานไม่ได้ กระดูกซี่โครงที่ร้าวยังไม่สมานตัวดี คนที่ต้องทำงานหนักขึ้นก็คือน้าตั้ม ดังนั้นผมจึงได้ยินคำด่าทอดังมาเรื่อยๆเมื่อน้าตั้มรู้สึกเหนื่อย สารพัดเรื่องที่เขาจะหยิบยกขึ้นมาด่าและว่า ซ้ำเติมในความผิดของผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า

สิ่งที่ผมทำได้ก็คือทำเป็นหูทวนลม แต่ใจถือทุกคำพูดนั้นไว้ ผมอยากสลัดมันทิ้ง แต่จิตใจกลับทำตรงกันข้าม

ตอนนี้ผมรู้สึกอย่างเดียวว่าผมเหนื่อย เหนื่อยเกินกว่าจะคิดว่าวันพรุ่งนี้ผมควรมีชีวิตยังไง

ห้าโมงเย็นทุกคนก็เลิกทำงาน แม่กับพ่อเดินกลับเข้ามาบ้าน เตรียมเงินจ่ายค่าแรงรายวัน ยายฝนมานั่งคุยกับแม่ตั้งแต่แม่เลิกงานเรื่องที่อยากให้ผมบวชพระ

“มันไม่บวชหรอก คนอย่างไอ้ซ่าน่ะเหรอจะเอาอะไร”

“พี่พิมพ์ก็อย่าไปพูดอย่างนั้น เดี๋ยวฉันคุยกับหลานเอง”

“เออ มึงก็ลองพูดดูแล้วกันฝน เผื่อมันจะฟังคนอื่นบ้าง กูพูดแม่มันพูดมันไม่เคยจะฟังห่าอะไรหรอก” ในขณะที่แม่กำลังบ่นผมอย่างเมามัน ยายพิมพ์ก็กวักมือเรียกผมให้ไปหา

“ซ่าเอ้ย มาหายายสิ มานั่งตรงนี้”

ผมลุกออกไปนั่งขัดสมาธิข้างๆแม่ ก้มหน้าลงเอานิ้วเขี่ยตามร่องกระเบื้องไม่ได้สบตาใคร

“ซ่า อยากบวชไหม วันนี้ยายไปหาหลวงพ่อที่วัด เอาวันเดือนปีเกิดซ่าไปถามท่านมา เขาบอกว่าช่วงนี้ซ่าจะมีเคราะห์หนัก ทั้งเรื่องผู้หญิงและจะไปถึงขั้นเลือดตกยางออก ที่ผ่านมามันแค่เริ่มต้นเท่านั้นนะลูก หลวงพ่อบอกว่าจะมีอีก แต่ถ้าซ่าบวช อยู่ใต้ผ้าเหลือง บุญใหญ่นี้จะช่วยผลักเคราะห์ใหญ่นี้ออกไปได้ ชีวิตซ่าจะได้ดีขึ้น”

ผมเงยหน้ามองตายายฝนแวบนึงแล้วก้มหน้าลงอีกรอบ ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผมรู้สึกไม่กล้าที่จะพูดความต้องการของตัวเองให้คนรอบตัวรับรู้

ถึงแม้ว่าผมจะตัดสินใจที่จะบวช แต่ก็ไม่กล้าที่จะบอกอยู่ดี

“ว่าไงซ่า บวชเนอะ จะได้ไปหาหลวงพ่อดูฤกษ์บวช”

ผมพยักหน้าน้อยๆเป็นการตกลง ยายฝนดูพึงพอใจที่ผมยอมทำตาม ในสายตาทุกคนผมคือเด็กที่ดื้อรั้น ชอบแหกคอก แต่ครั้งนี้ผมตั้งใจจริง ไม่ได้ตัดสินใจบวชเพราะใครบังคับ แม้ว่าจะทำให้คนอื่นรอบข้างโดยเฉพาะพี่แนนเชื่อได้ยากก็ตาม

“ตกลงเอ็งจะบวชใช่ไหมซ่า” พี่แนนถาม ทันทีที่ยายฝนเล่าให้พี่แนนฟังว่าผมยอมบวช และยายฝนได้ไปหาฤกษ์บวชกับหลวงพ่อมาแล้ว

“อืม” ผมตอบในลำคอสั้นๆ ก็ผมไม่มีทางเลือก ยังไงชีวิตผมมันก็ไม่มีอะไรจะเสียไปมากกว่านี้อีกแล้ว แค่ลองดูอีกซักตั้ง ให้มันรู้กันไปว่าชีวิตนี้มันจะหาดีไม่ได้

“มึงคิดดีแล้วแน่นะ” พี่แนนยังคงไม่เชื่อว่าผมจะตัดสินใจแบบนี้ ยังไงในความคิดของพี่แนน ผมก็ยังเป็นเด็กที่ไม่มีหัวคิดอยู่ดี

“เอ็งจะไปเซ้าซี้อะไรมันนักเล่า ให้มันบวชๆไปนั่นน่ะดีแล้ว อยู่ในวัดเผื่อผีห่าซาตานที่ทำให้มันเกเรจะหลุดออกจากตัวมันไปบ้าง” แม่พูดให้พี่แนนเลิกเซ้าซี้ผม แต่ผมกลับไม่ได้รู้สึกดี

“แนนไม่คิดว่ามันจะทำได้หรอกแม่ เดี๋ยวกูจะคอยดูว่ามึงจะบวชได้สักกี่วัน กูว่าไม่เกินสามวันก็ศึกแล้ว”

ผมฟังแล้วก็ได้แต่อึ้ง ที่ผ่านมาผมอาจจะเกเรนะ แต่คนอย่างผมจะทำความดีบ้างไม่ได้เลยหรือไง ถ้าผมไม่เหมาะที่จะเป็นคนดี ทำไมถึงไม่พอใจที่ผมเป็นคนเลวล่ะ

ต้องการอะไรจากผมกันแน่ ทำไมต้องดูถูกกันขนาดนี้

“เอาอีกแล้วนะ มึงนี่ชอบเดินหนีจริงๆเลยเวลาแม่บ่นแม่ด่าเนี่ย”

ไม่เดินหนีออกมาไม่ได้ เพราะผมไม่ต้องการให้พี่แนนเห็นน้ำตาของผม

เพราะอย่างนี้ไง ผมถึงไม่อยากเป็นคนดี สุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครเห็นค่าสักคน

ผมไม่รู้จะไปที่ไหน ก็เลยมาหาไอ้ตูนที่บ้านมัน ที่ผมเลือกมาหาไอ้ตูนมากกว่าคนอื่นๆก็เพราะว่าไอ้ตูนมันไม่พูดมากให้ผมรำคาญ ผมแค่อยากได้ที่สงบๆ โดยที่ไม่ใช่การกลับไปอยู่ที่หอคนเดียว ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงจะไปหาพลอยที่บ้าน แต่วันนี้ผมไม่มีใครคนนั้นที่จะคอยอยู่ข้างๆกันแล้ว

แต่คนที่ผมคิดถึงในเวลานี้ไม่ใช่พลอย แต่กลับเป็นพี่ปราบ ถ้าไม่ติดว่าเมื่อเช้าพี่ปราบส่งข้อความว่าวันนี้เขามีประชุมทั้งวัน ผมคงจะไปหาพี่ปราบแล้ว  แต่ในเมื่อทำไมไม่ได้ ผมเลยมาที่บ้านเพื่อนแทน

“คิดไงวันนี้มาหากูที่บ้านเนี่ย” ไอ้ตูนเปิดประตูบ้านให้ผมเข้าไป

“เบื่อๆวะ” ผมบอก มองสำรวจรอบบ้านไอ้ตูนไปด้วย

“พ่อแม่กูยังไม่กลับ ถ้าหิวก็ไม่มีอะไรให้มึงกินหรอกนะ”

“เออ กูไม่ได้หิว”

ผมทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟา หน้าโทรทัศน์มีเครื่องเล่นเกมต่อทิ้งไว้ ผมกับไอ้ตูนก็เลยประลองฝีมือผ่านเกมต่อสู้นิดหน่อยจนเริ่มรู้สึกเบื่อก็หยุด เลยเปลี่ยนมานั่งดูรายการทีวีแทน ผมนั่งมองหน้าจอโทรทัศน์ แต่ใจไม่ได้จดจ่อในสิ่งที่มองอยู่

“เฮ้ย เป็นเหี้ยอะไร นั่งเหม่อเป็นพระเอกเอ็มวีเลยนะมึง” ไอ้ตูนยกเท้าขึ้นถีบหน้าขาผมให้รู้สึกตัว

“ไอ้ตูน กูมีไรจะบอก” ผมคงจะทำหน้าจริงจังเกินไปกว่าที่เคยเป็น ไอ้ตูนถึงขยับตัวออกห่าง

“อย่าบอกนะว่าจะยืมเงิน”

“กูจะบวช”

“แล้วไป เพราะเดือนนี้กูใช้เงินค่าขนมหมดแล้ว”

“...”

“...!” เหมือนมันจะรู้ตัวแล้วว่า เมื่อตะกี้ผมพูดอะไรออกไป “มึงว่าไงนะ มึงพูดใหม่ดิ”

ผมสูดลมหายใจเข้าออกลึกก่อนจะพูดอีกรอบ “กูบอกว่ากูจะบวช”

“บวช! บวชพระอ่ะนะ”

“เออ บวชพระ”

“มึงล้อเล่นเปล่าเนี่ย ไม่ตลกนะเว้ย เล่นพระเล่นเจ้า มันบาป”

ดูท่าว่าผมคงไม่เหมาะที่จะทำความดีจริงๆ ไม่ว่าใครก็คิดว่าการที่ผมตัดสินใจบวชมันเป็นเรื่องที่น่าตกใจและเป็นไปไม่ได้ แต่จะโทษใครได้ ที่ผ่านมาผมมันแย่เอง

“กูไม่ได้ล้อเล่น ที่บ้านกูอยากให้บวช กูเซ็งกับปัญหาด้วย”

“กะหนีปัญหา”

“เออ”

ผมตอบไปสั้นๆ ขี้เกียจอธิบายว่ามากกว่าบวชให้ปัญหามันจบ นั่นคือการอยากให้ตัวเองมีชีวิตที่ดีขึ้น เพราะรู้ว่าพูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ งั้นก็อย่าพูดเลยดีกว่า

“มึงแน่ใจแล้วใช่ไหมไอ้พัช”

“กูแน่ใจ”

“มึงทำเอากูงงมากๆ แต่กูว่ามึงบวชก็น่าจะดี ได้บุญๆ กูว่าเราควรต้องโทรหาไอ้พวกนั้น ให้มันมาฉลองให้กับมึง แปบนะ กูโทรก่อน”

สุดท้ายผมก็ไม่ได้อยู่แบบเงียบๆ พวกที่เหลือก็ตามมาถล่มบ้านไอ้ตูนอยู่ดี ยิ่งพอพ่อแม่ไอ้ตูนรู้ว่าผมจะบวช ก็อยากจะให้ลูกตัวเองบวชบ้าง บอกว่าจะได้เพลาๆเรื่องผู้หญิงลงซะบ้าง

คืนนี้ก็เมาปลิ้นกันไป ทั้งคนนอนค้างที่บ้านไอ้ตูน อัดๆกันนอนในห้องนอนของมัน ตื่นมาตอนหกโมงเช้า ผมก็ขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้าน ไปอาบน้ำแต่งตัวไปเรียน

ความจริงผมคิดจะหยุดเรียน แต่เมื่อเช้าได้รับข้อความจากพี่ปราบว่าให้ตั้งใจเรียน ผมเลยต้องแบบสังขารไปเรียน ยังไงผมก็จะไม่ทำให้พี่ปราบผิดหวัง






เมื่อผมตัดสินใจดีแล้วว่าจะบวช คนที่บ้านก็เริ่มเตรียมงาน ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไง ก็เลยอยู่เฉยๆ ไว้ใครบอกให้ทำอะไรก็ทำ แต่ที่แน่ๆคือผมต้องไปดรอปเรียน เพราะหลวงพ่ออยากให้ผมบวชให้เร็วที่สุด ท่านว่าผมจะมีเคราะห์หนักในเร็วๆวันนี้ หากผมบวชไม่ทัน อาจถึงแก่ชีวิตได้ คนที่บ้านผมก็เลยเร่งงานกันใหญ่

ทีแรกพี่แนนบอกว่าผมไม่มีความจำเป็นต้องดรอปเรียน เพราะผมคงบวชได้ไม่เกินสามวันก็ต้องศึก ซึ่งมันก็ไม่ต่างอะไรกับผมขาดเรียนธรรมดา ถึงตอนนั้นก็แค่กลับไปเรียน และอาจไม่ถูกตัดสินสอบด้วย เพราะผมคงขาดเรียนไม่นานจริงๆ

ฟังแล้วผมก็โกรธนะ แต่ผมไม่พูดอะไร คนที่ยืนยันให้ผมดรอปเรียนเป็นพี่จี้ที่พูดกับพี่แนน แต่ถึงไม่มีใครพูดให้ ผมก็คิดเองตัดสินใจเองได้แล้ว ไม่คิดจะฟังคำพูดของพี่แนนหรอก

ก็เท่ากับว่าตอนนี้ผมไม่ต้องไปเรียนแล้ว แต่ต้องเตรียมตัวบวชในอีกหนึ่งอาทิตย์ที่จะถึงนี้แทน

เรื่องบวชผมเล่าให้พี่ปราบฟังแล้ว แต่ช่วงนี้พี่ปราบงานยุ่งมาก พี่ริชกับป๊าพี่ปราบดันมาป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่คู่ ทำให้งานที่พี่ปราบต้องทำมีมากขึ้น พี่ปราบเลยไม่ได้โทรคุยหรือมาหาบ่อยเหมือนก่อน แต่ก็จะมีส่งข้อความมาให้เสมอ ถามว่าวันนี้ผมทำอะไร หรือเล่าว่างานเขาเยอะขนาดไหนแค่นั้น

เมื่อเช้าผมไปตระเวนซื้อเครื่องอัฏฐบริขาร ก็มีชุดผ้าไตร บาตรพระ และข้าวของเครื่องใช้ที่ผมจะต้องใช้เมื่อผมบวชเป็นพระอยู่ในวัด กว่าจะได้ของครบก็ต้องเดินหากับยายฝนและพี่จี้อยู่หลายชั่วโมง กลับมาถึงบ้านผมก็เลยนอนงีบตรงโซฟา นอนหลับได้ไม่นานผมก็ตื่นเพราะคนเดินเข้าออกในบ้านตลอดเวลา

“ไอ้ซ่าล่ะแม่”

“นอนอยู่ในบ้าน”

นอนๆอยู่ก็ได้ยินเสียงเสียงพี่แนนที่เพิ่งมาถึงถามถึงผม แต่เพราะผมขี้เกียจฟังเขาบ่นต่อตัว เลยแสร้งนอนหลับอยู่อย่างนั้น

“เอาแต่นอนหรือไงซ่า ไม่ลุกขึ้นมาช่วยคนอื่นเขาทำงานทำการ” พี่แนนเดินเข้ามาปลุกผม แต่ผมก็ยังทำเป็นนิ่ง

“เอ็งปล่อยมันไปเถอะ เมื่อเช้ามันก็ตื่นออกไปซื้อของกับน้าเอ็งแต่เช้า เพิ่งกลับมาเมื่อสักพักนี่เอง” เสียงแม่พูด

“ก็แล้วไป แต่ตอนบวชจะมาทำตัวขี้เกียจเอาแต่นอนไม่ได้นะแม่ บอกมันด้วย”

“ไม่หรอกแนน เดี๋ยวเขาบวชแล้วก็ดีขึ้น” ยายฝนบอก

“สาธุเลยน้าฝน เออแม่ เดี๋ยววันนั้นพี่โอ๊ตจะมาด้วยนะ อย่าพูดว่าไอ้ซ่ามันเป็นลูกหนูนะแม่ หนูไม่ได้บอกพี่โอ๊ตไว้”

“แฟนใหม่เหรอแนน”

“ก็คนนั้นไงน้าฝนที่หนูเล่าให้ฟังอ่ะ”

“อ่อ ที่ว่าคุยตั้งแต่ก่อนเลิกกับเบิร์ดอ่ะนะ”

“อืม เดี๋ยววันงานเขาจะมาด้วย คือหนูหลุดปากบอกไปว่าจะไปติดต่อวัดเรื่องงานบวช พี่เขาเลยบอกว่าอยากมาร่วมงานบุญด้วย แต่คือเขาไม่รู้ว่าหนูมีลูกแล้ว”

“บอกเขาไปก็ได้มั้ง”

“คงก่อนอ่ะน้าฝน ตอนนี้หนูกับพี่โอ๊ตกำลังไปด้วยดี ไม่อยากให้มันสะดุด”

“เดี๋ยวมันก็รู้ มึงจะปิดเขาไปนานเท่าไหร่อ่ะแนน” เสียงแม่ถามขึ้น

“แม่ก็บอกพวกเด็กๆด้วยแล้วกัน ยังไงซ่ามันก็เรียกหนูว่าพี่แนนอยู่แล้ว กะว่าเดี๋ยวให้พี่โอ๊ตมาวันบวชเลยทีเดียว”

“ตามใจมึงแล้วกัน ความแตกขึ้นมามึงก็เคลียร์กันเอาเอง”

ผมนอนฟังแล้วก็ได้แต่คิดว่า...ผมแม่งไม่น่าเกิดมาจริงๆ เหมือนอยู่ผิดที่ผิดทาง เกิดมาแล้วก็ไม่ได้มีใครต้องการ ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดมาทำไม ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตต่อไปเพื่ออะไร

ได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาในบ้าน ผมแสร้งทำเป็นพลิกตัวนอนตะแคง หันหน้าเข้าหาพนักโซฟา เพื่อปกปิดไม่ให้ใครรู้ว่าผมได้ยินเรื่องราวทั้งหมดเมื่อสักครู่ และผมมันก็อ่อนแอที่ควบคุมน้ำตาไม่ได้

บางทีการที่ผมตัดสินใจบวชก็อาจเป็นทางออกที่ดีที่สุด ผมอยากออกไปจากตรงนี้ อยากไปให้ไกลๆจากทุกคน การอยู่อย่างโดดเดี่ยวจริงๆมันคงดีกว่าการที่มีครอบครัวแต่เหมือนไม่มี

ถ้าไม่มีพวกเขาเลย...มันจะดีกว่าไหม

พอใกล้ถึงวันงานบวช ทุกอย่างก็ดูเร่งรีบกันมาก ผมก็ต้องแวะเวียนไปที่วัดทุกวัน เพื่อฟังคำแนะนำของหลวงพ่อ ท่านจะบอกว่าจะต้องทำตัวยังไง ต้องสวดต้องท่องบทสวดไหนให้ได้ก่อนจะถึงวันบวชจริง ผมก็ได้การบ้านมาเป็นการท่องบทสวดต่างๆที่ต้องใช้ ก็ยากสำหรับผมพอสมควร

ถ้ารู้สึกเบื่อผมก็มาช่วยเขาห่อริบบิ้นเหรียญไว้โปรยทาน อันที่ผมทำก็จะไม่ค่อยสวย แต่ก็พอใช้ได้อยู่ ไอ้เพื่อนๆของผมก็แวะมาดูที่บ้านบ้าง เพราะช่วงก่อนบวช ยายฝนขอเอาไว้ว่าให้ผมอยู่แต่บ้านจะดีกว่า ผมที่อยากละจากปัญหาเลยไม่คิดจะออกไปไหน ยกเว้นต้องออกไปซื้อของหรือไปวัดก็ไปกับคนในบ้าน

ก่อนวันสุกดิบ ผมก็ยกพานดอกไม้และธูปเทียนเพื่อขอขมาลาบวชกับพ่อแม่และญาติพี่น้องในบ้าน ซึ่งก็มีแค่พ่อแม่และยายฝนเท่านั้น ส่วนพี่แนนเขาไม่มา เขาจะมาอีกทีก็วันสุกดิบแทนเลย

ตอนกลางคืนที่ผมนอนอยู่ในห้องนอน อยู่ๆก็รู้สึกร้อนรุ่ม จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ผมไม่รู้ว่าผมเป็นอะไร รู้แต่ว่าผมอึดอัดและอยากออกจากบ้าน ช่วงที่ผมกำลังจะทนไม่ไหว โทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น

ผมรีบกดรับสายพี่ปราบ รู้สึกได้เลยว่าเสียงที่เปล่งออกไปสั่นและขาดช่วง

“เป็นอะไร ตื่นเต้นหรือไง เสียงถึงได้สั่นน่ะ” พี่ปราบแซวผมด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ที่พอจะช่วยให้จิตใจผมสงบได้ครึ่งนึง

“พี่ปราบผมเป็นอะไรไม่รู้” ลำคอแห้งผาก อยู่ๆผมก็รู้สึกอยากออกจากบ้าน อยากไปกินเหล้า เหมือนจิตใจฝ่ายชั่วกำลังจะประท้วงหลังจากที่ผมเก็บเนื้อเก็บตัวเตรียมบวชมาร่วมหนึ่งอาทิตย์

“เป็นอะไร ตอนนี้มึงอยู่ไหน” เสียงของพี่ปราบดูเข้มขึ้นและจริงจังขึ้น

“ผมอยู่บ้าน แต่ผมอึดอัด หายใจไม่ออกอ่ะพี่ ใจมันหวิว ตอนนี้ผมอยากออกไปข้างนอก ไม่อยากอยู่บ้านเลย” ผมเล่าให้พี่ปราบฟังอย่างร้อนรน จนเกือบพูดแทบไม่รู้เรื่อง ได้แต่ผุดลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินวนไปวนมารอบห้อง

“ซ่า ใจเย็นๆ หายใจเข้าลึกๆ ตั้งสติให้ดี”

“ผม...พี่ปราบ ผมปวดหัวอ่ะพี่ ผมไม่อยากอยู่บ้าน”

แม่งเอ้ย! ผมเป็นอะไรว่ะ แล้วทำไมในบ้านมันร้อนขนาดนี้วะเนี่ย

“ซ่า ฟังพี่ มันไม่มีอะไร พรุ่งนี้มึงจะปลงผมนาคแล้ว และวันต่อไปคือวันที่มึงจะได้บวช จะได้เข้าไปสู่จุดที่เป็นบุญเป็นกุศลอย่างใหญ่หลวง ที่มึงเป็นอยู่ตอนนี้เขาเรียกว่ามาร มันไม่ใช่ผีห่าซาตานที่ไหน แต่มันคือจิตใจของมึงเอง มึงต้องระงับจิตของตัวเองให้ได้ ต้องมีสติ อย่าให้อุปสรรคแค่นี้มาทำลายความตั้งใจของมึงได้ สิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวมึงและจิตใจของมึงในตอนนี้มันเป็นอุปสรรค เป็นมารที่กำลังรอให้มึงเดินออกนอกเส้นทาง และเมื่อมึงทำตามใจมัน มันจะหัวเราะเยาะมึงที่มึงไม่สามารถไปสู่ธรรมมะได้ ดังนั้นแล้วมึงอยากจะแพ้มันงั้นเหรอ ไหนมึงตอบกูสิ ว่ามึงจะยอมแพ้มันไหม”

“ไม่ ผมไม่ยอมแพ้” ผมตอบไป แม้ว่าทั่วทั้งปากและคอจะแห้งผาก

“ถ้าไม่อยากแพ้ มึงต้องสู้ มึงชนะมันได้ง่ายๆขอแค่มึงชนะใจตัวเองซ่า มึงทำได้ เมื่อบวชเสร็จ มึงจะได้หัวเราะเยาะมัน ที่มันไม่สามารถดึงจิตใจของมึงให้ตกต่ำลงได้ เข้าใจที่กูพูดไหม”

ผมฟังและคิดตามคำพูดของพี่ปราบทุกคำ พี่ปราบค่อยๆพูด ค่อยๆบอก ผมรู้ว่าที่พี่ปราบพูดนั้นไม่ได้หลอก คนที่บ้านผมก็พูดเหมือนกันว่ากลัวผมจะผ่านช่วงเวลาก่อนบวชไปไม่ได้ แต่เพราะที่ผ่านมามันไม่มีอะไรผมเลยย่ามใจ จนกระทั่งคืนนี้ที่ผมรู้สึกควบคุมตัวเองไม่ได้

“ผมรู้สึกไม่ดีเลยพี่”

ผมทิ้งตัวนั่งลงกับเตียงอย่างคนหมดแรง ในหัวปวดตุบๆ มีแต่ภาพของสิ่งแย่ๆในชีวิตผมต่างๆที่ผุดขึ้นมา คำด่าทอของพ่อแม่ การไม่ยอมรับจากแม่แท้ๆของตัวเอง คนรักเก่าที่หักหลัง ทั้งหมดนี้มันอัดแน่นอยู่ในหัวจนแทบจะระเบิด จนเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นว่า ผมไม่ควรบวช เพราะไม่ว่ายังไงชีวิตผมก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงและดีขึ้นได้

“มันจะผ่านไป มึงจะผ่านมันไปได้”

“ผมจะทำได้ใช่ไหมพี่”

“มึงทำได้แน่ๆ กูมั่นใจ และในเมื่อกูยังมั่นใจ มึงก็ต้องเชื่อมั่นในตัวเอง”

ใช่แล้ว ถ้าพี่ปราบยังคงเชื่อในตัวผม แล้วยังจะมีอะไรต้องกลัว

ตลอดทั้งคืนพี่ปราบคอยอยู่เป็นเพื่อนผมผ่านทางสายโทรศัพท์ ไม่ปล่อยให้ผมคิดมากและฟุ้งซ่านไปคนเดียว ความจริงพี่ปราบก็ไม่ใช่คนพูดเก่ง แต่เมื่อคืนพี่ปราบสรรหาเรื่องมาเล่าให้ผมฟัง ตั้งแต่ที่ป๊าพี่ปราบบ่นโวยวายใหญ่ที่ตัวเองมาป่วย แต่ถึงจะป่วยก็ยังต้องดูแลพี่ริชไปด้วย เพราะพี่ริชป่วยหนักกว่า ส่วนพี่เค้กก็ดูแลคนป่วยสองคนไปด้วย ทำงานบ้านหนักขึ้นจนเกือบทำให้ป่วยไปอีกคน และคนที่ได้รับบ่นหนักที่สุดก็เป็นพี่ปราบกับพ่อทราฟ ที่วิ่งหน้าวิ่งหลังวุ่นไปหมด

ในที่สุดผมก็เผลอหลับไปในขณะที่พี่ปราบยังคงพูดอยู่  ในยินแว่วว่าพี่ปราบบอกฝันดี แต่ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นจริงหรือความฝัน แต่ถึงจะเป็นความฝันมันก็เป็นเรื่องราวดีๆ





สิ่งที่ผมไม่เคยจินตนาการว่าจะเกิดขึ้นในชีวิตนี้มาก่อน นั้นคือวันที่ผมอยู่ในชุดผ้าเหลือง ยืนมองญาติโยมหน้าโบสถ์ด้วยความสำรวม เหมือนผมคนเก่าได้ออกจากร่างไป แล้วผมคนใหม่ก็มาอยู่ในร่างๆนี้ ไม่รู้ว่าผมรู้สึกไปเองหรือไม่ แต่ผมรู้สึกว่าโลกที่อยู่เบื้องหน้าผมในตอนนี้ สว่างและชัดเจนมากกว่าที่เคย

ผมมองเห็นแม่ พ่อ พี่แนนและแฟนใหม่ของเขา ยายฝน พี่จี้ มิว น้าตั้ม รวมไปถึงพี่ปราบ เพื่อนๆ และคนอื่นๆอยู่เบื้องหน้า ทุกคนยืนอยู่เบื้องหน้า ผมยิ้มให้กับทุกคนก่อนจะเดินเข้าไปใกล้แม่ ให้แม่ได้ใส่ดอกบัวที่เตรียมมาลงในย่าม

หลังจากเสร็จสิ้นการฉลองพระใหม่ ผมก็ต้องไปรายงานตัวต่อเจ้าอาวาสและพระท่านอื่นๆในวัด ท่านก็สอนและชี้แนะวิถีทางและการวางตัวของพระ ทั้งยังแนะนำว่าช่วงบวชใหม่นี้ หากไม่มีกิจจำเป็นอย่าออกมาเดินเพ่นพ่านในตอนกลางคืน ท่านว่าจะมีสิ่งบางอย่างมากวนหรือทดลองใจในช่วงที่เรียกว่าบุญกำลังแรง และแน่นอนว่าคนที่กลัวผีอย่างผมจึงเชื่อฟังข้อนี้เป็นพิเศษ

ช่วงแรกๆของการเป็นพระค่อนข้างลำบากสำหรับผม ทั้งการต้องตื่นแต่เช้า กฎระเบียบเคร่งครัด จะนั่งจะเดินอะไรก็ต้องสำรวมไม่งั้นจะถูกหลวงพ่อดุ ยากกว่าอะไรที่เคยทำมาในชีวิตก็คือการต้องนั่งสมาธิ แรกๆผมนั่งไม่ได้เลย ฟุ้งซ่านคิดนู่นคิดนี่วุ่นวายไปหมด แต่หลังๆก็พอจะอยู่นิ่งได้บ้าง สิ่งที่ทรมานอีกอย่างก็คือการงดสูบบุหรี่ หลายครั้งที่เกือบลงแดงตาย (อาจดูเวอร์ แต่อาการค่อนข้างใกล้เคียง)

จากที่เคยใช้ชีวิตตามใจตัวเอง จะเรียนไม่เรียน จะตื่นจะนอนกี่โมง หิวเวลาไหนก็กิน อยากเมาเวลาไหนก็เมา ไม่สนใจใคร มาตอนนี้ต้องใช้ชีวิตอยู่ในกรอบ ก็ทำให้ผมเกือบถอดใจอยู่หลายรอบ แต่คนๆเดิมคนเดียวที่คอยให้กำลังใจให้ผมสู้ต่อไปได้ก็คือโยมพี่ปราบ

ในทุกวันพระ โยมพี่ปราบจะมาใส่บาตรและมานั่งพูดคุยกับผมเสมอไม่เคยขาด โยมพี่ปราบยังเป็นโยมพี่ที่ดี

เมื่อวันเวลาผ่านไปเข้าเดือนที่ห้าของการบวชเป็นพระ อะไรที่ไม่เคยชิน อะไรที่เคยกลายเป็นเรื่องยาก ก็ไม่ใช่เรื่องลำบากอีกต่อไป

สำหรับวันแม่ในปีนี้ ผมก็ได้รับมอบหมายให้ขึ้นเทศน์เนื่องในวันแม่ และตรงกับวันพระพอดี ดังนั้นญาติโยมก็จะมาทำบุญตักบาตร และฟังเทศน์ฟังธรรมในวัด

ก่อนจะถึงวันนั้น ผมไปเดินบิณฑบาตที่บ้าน และได้บอกให้โยมแม่มาร่วมงาน รวมไปถึงฝากไปบอกโยมพี่แนนด้วย

เมื่อถึงวันแม่ที่ผมต้องขึ้นให้ธรรมเทศนาโยมแม่กับโยมพ่อก็มาใส่บาตร เมื่อได้เวลาอันสมควรผมถึงเริ่มกล่าวแสดงธรรมเนื่องในวันแม่ ขณะที่กล่าวไปผมก็เห็นโยมพี่ปราบและครอบครัวค่อยๆคลานเข่าเข้ามาร่วมฟังด้วย สีหน้าของทุกคนต่างเบิกบานใจ ผมพูดพร้อมกวาดสายตามองไปรอบๆ จนกระทั่งเทศน์จบผมก็ยังไม่เห็นโยมพี่แนน นั่นหมายความว่าเขาไม่ได้มาร่วมการขึ้นแสดงธรรมเทศนาของผมในวันนี้

ผมจึงได้แต่ก้มหน้าแล้วยิ้มให้ตัวเอง เพราะถึงแม้ว่าโยมพี่แนนจะไม่มา แต่ว่าก็ยังมีคนที่รักและหวังดีกับผมมาร่วมงานในวันนี้ แล้วผมยังจะต้องหวังให้มากมายไปมากกว่านี้ทำไม

จบพิธีการต่างๆในช่วงเช้าแล้ว ผมก็กลับมาที่กุฏิ ก็เจอกับโยมพี่ปราบและครอบครัว ส่วนโยมพ่อโยมแม่กลับไปตั้งแต่ที่ฟังเทศน์จบแล้ว ก็คงจะรีบกลับไปทำงานตามเดิม เพราะถ้าโยมพ่อโยมแม่ไม่เป็นคนเริ่มงาน คนอื่นๆในบ้านก็จะยังไม่ทำอะไร

ครอบครับของโยมพี่ปราบนำอาหารคาวหวานที่ทำเอง รวมไปถึงชุดสังฆทานมาทำบุญต่างหาก ผมก็รับของพร้อมกล่าวบทสวดและบทกรดน้ำจนเสร็จสรรพ

“อาหารนี่โยมพี่ตั้งใจทำมาเลย เพราะเห็นปราบบอกว่าหลวงพี่ชอบ” โยมพี่เค้กบอก

“ขอบคุณโยมพี่มากๆเลย” ผมพูดแล้วยิ้ม ผมไม่ใช่คนคุยเก่ง มาอยู่ต่อหน้ากันแบบนี้ ผมก็ไม่รู้จะคุยอะไร”

“หลวงพี่ยังขาดเหลืออะไรไหม ผมจะได้นำมาถวาย” พี่ปราบถาม

“ไม่เป็นไรโยมพี่ อาตมาไม่ได้ขาดอะไร” ผมบอก การแทนตัวเองว่าอาตมา แรกๆผมก็ไม่ชิน แทนตัวเองว่าผม แต่หลวงพ่อบอกว่าควรต้องเรียกแทนตัวเองว่าอาตมาให้ติดปาก จะได้ถือว่ากระทำตามประเพณีอย่างถูกต้อง

“หลวงพี่บวชมาได้กี่เดือนแล้วครับ” โยมพ่อของพี่ปราบถาม

“เดือนนี้เดือนที่ห้า” ผมตอบ

“นานเหมือนกัน นานกว่าตอนผมบวชอีก” โยมป๊าพูดพลางทำท่านึกถึงอดีตไปด้วย

“จริงเหรอพี่คราม พี่เคยบวชด้วยเหรอ ทำไมริชไม่รู้”

“ไอ้ครามมันบวชได้อาทิตย์เดียวเอง มันเป็นคนบ้างานไง อยู่วัดไม่ได้กลัวเงินทองจะหายถ้าไม่ได้ทำงานเอง”

“มึงก็บวชมากกว่ากูแค่แปบเดียวเถอะไอ้ทราฟ ทำมาเป็นพูด”

ผมนั่งยิ้มมองดูความอบอุ่นของคนในครอบครัวนี้ กว่าครึ่งชั่วโมงที่ครอบครัวของโยมพี่ปราบมานั่งพูดคุยกับผม ก่อนจะขอตัวกลับไปทำงานทำหน้าที่ของตัวเอง ผมเองก็มีหน้าที่ที่ต้องทำเช่นกัน เป็นหน้าที่ที่ต้องทำให้ดีที่สุดในขณะที่ยังครองผ้าเหลือง

จากคำปรามาสของใครต่อใครในวันนั้น วันนี้ผมได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่า ผมไม่ใช่คนที่เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ หกเดือนแล้วที่ผมได้บวชเป็นพระ ได้อยู่ในผ้าเหลืองด้วยความสงบสุขมาครึ่งปี และตอนนี้ผมพร้อมที่จะออกไปใช้ชีวิตปกติอย่างมีสติมากขึ้น

ผมหวังเอาไว้ว่า ชีวิตของผมหลังจากนี้ จะได้พบสิ่งดีๆกับใครเขาสักที

“ไปลาหลวงพ่อมาแล้วเหรอ”

“ครับพี่ปราบ ขอบคุณครับพี่ที่มารับผม”

“ไม่เป็นไร กูเต็มใจ”

และยังคงเป็นพี่ปราบคนเดิม ที่มารับผมออกจากวัดในวันที่ผมสึกจากการเป็นพระ

“จะกลับบ้านเลยไหม” พี่ปราบถามหลังจากที่ขึ้นมาบนรถ

“ผมอยากไปที่โรงเรียน ไปติดต่อเรื่องกลับไปเรียนต่ออ่ะ พี่ปราบพาผมไปได้ป่ะ”

“อืม ได้ เดี๋ยวกูพาไป”

เรื่องเรียนต่อผมคิดไว้ตั้งแต่ตอนยังบวชแล้ว ผมอยากรีบเรียนให้จบๆ จะได้ออกมาหางานทำ แล้วใช้ชีวิตอยู่เอง ผมคิดเอาไว้แล้วว่า หลังจากนี้ผมจะต้องพึ่งพาตัวเองให้ได้แล้ว จะไม่ยอมเป็นภาระของครอบครัวอีกต่อไป





………………………………………
สวัสดีค่ะ
มีคนแวะไปขอให้มาลงต่อ วันนี้เลยมาลงต่อให้นะคะ
หากเนื้อหาส่วนไหนผิดพลาด ข้อมูลไม่ถูกต้อง ก็แนะนำติชมด้วยนะคะ ริริเป็นผู้หญิง ไม่เคยบวช และจำไม่ได้แล้วว่าตอนที่ลูกพี่ลูกน้องตัวเองบวชนั้นทำอะไรบ้าง แต่ก็ถามข้อมูลมาจากผู้ใหญ่เอา ได้มาประมาณนี้นะคะ
ขอบคุณนักอ่านที่น่ารักที่ยังแวะเวียนมาบอกว่าคิดถึงพี่ปราบน้องซ่า จะรีบมาลงตอนหน้าให้ได้อ่านกันนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ :กอด1:
 

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
ขอให้ซ่าเป็นคนใหม่ มีสติในการใช้ชีวิตให้มากขึ้น

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
ซ่าพยายามเป็นผู้เป็นคนดิ้นรนจากการปรามาสของครอบครัวนะเนี่ย ดีแล้ว เริ่มต้าชีวิตใหม่ ^^

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ติดตามอ่านจนกว่าเรื่องจะจบ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ดีใจ ไรท์มา คิดถึงมากกกกกกกกก  :mew1: :mew1: :mew1:

แนน เป็นแม่ที่แย่มาก  :fire: :fire: :fire:
ทำตัวไม่สมกับเป็นแม่ตลอด
เลี้ยงก็ไม่ได้เลี้ยง ดูแลรึก็เปล่า
มีแต่ยายที่เลี้ยง ไม่เคยชมลูก ให้กำลังใจลูก
แต่ยังกล้าด่าลูก แปลกประหลาด ประสาทมาก ไม่เคยมองตัวเอง

ซ่า แข็งนอก อ่อนใน คิดมากกับแม่ที่ทำตัวแย่ๆ
ตัดใจ เรื่องน้อยใจ เรื่องด่าว่าของแม่ ทำตัวห่างๆไปเลย
ไม่ต้องข้องแวะกับแม่ที่ไม่รักลูก หาแต่ผู้ชาย
สึกออกมาตั้งใจเรียน จะได้จบมามีงานทำ
ทำใจ ทำตัวให้เข้มแข็ง เพื่อชีวิตที่ดีของตัวเองดีกว่า
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:         

ออฟไลน์ ceylon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ซ่ามาไกลมากกกกกก แต่พี่ปราบก็ยังคงอยู่ข้างๆ อยากเห็นพัฒนาการของคู่นี้มากเลยเด้อ

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ต้องขอบคุณคนไปทวงมากค่ะ 55555

พี่ปราบงานดี อยู่ในเวลาที่ต้องการ ไม่ห่างหายไปไหน มาได้ถูกจังหวะบ่อยๆ
ทำให้ซ่าเข้มแข็งได้เยอะ

ซ่าก็อดทนนะ สู้มาขนาดนี้ อย่ายอมแพ้ง่ายๆ ยังไงก็มีพี่ปราบ
แล้วใช้ชีวิตให้สมกับที่สร้างสติมา ถึงความจริงจะโหดร้ายและแย่แค่ไหนก็ตาม

ปราบจะพาซ่าไปอยู่ด้วยไหมนะ แบบพาไปเลยน่ะ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เจ็บมากไหมซ่า

ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
แนนเป็นแม่ที่ไม่สมกับการเป็นแม่ ปากนี่เหมือนผีเจาะมาพูด ก็สมควรแล้วที่ซ่าเรียกแค่พี่  แต่นางคงชอบจะได้หลอกผู้ได้

ซ่าจากนี้คงได้พบเจอกับสิ่งที่ดีๆ แล้วนะ โดยมีพี่ปราบอยู่เคียงข้าง หวังว่าจะรู้ใจตัวเองเร็วๆ มีสิ่งมีค่าไว้ในมืออย่าทำหลุดเชียว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
ดีใจที่มาอัพต่อจ้ะ คิดถึงมาก :mew1:ซ่าขอให้ใช้สติให้มากน่ะ มีพี่ปราบเสมอน้า

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ชีวิตของน้องซ่า ต้องดีขึ้นแน่ๆ

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
หวังว่าบวชแล้วอะไรๆมันจะดีขึ้นนะ อย่างน้อยคงมีสติขึ้น รุ้จักปลงอะไรไม่เป็นอย่างใจคงปล่อยวางได้บ้าง
ขอให้ชีวิตจากนี้มีแต่เรื่องดีๆๆเถอะนะ :กอด1:

ออฟไลน์ RiRi

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 568
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +595/-8
    • RiRiWorld
ปราบซ่า
ตอนที่20

[ซ่า]
หลังจากผมสึกจากการเป็นพระ กลับมาเป็นมนุษย์ธรรมดาเดินดินคนหนึ่งแล้ว ผมก็กลับมาเรียนต่อ และยังคงเลือกที่จะอยู่หอพักแทนที่จะกลับไปอยู่บ้าน

การได้บวชเป็นพระ ไม่ได้ทำให้ผมละทางโลก หรือตัดสิ้นซึ่งกิเลสไปได้หมด ก็แค่ผมได้มีช่วงเวลาที่สงบสุขช่วงหนึ่งในชีวิต เป็นช่วงเวลาที่ผมไม่ทุกข์กับสิ่งรอบตัว ดังนั้นแล้ว เมื่อผมกลับมาเป็นไอ้ซ่าคนเดิมที่ไม่ได้อยู่ในผ้าเหลือง ผมก็ยังคงเป็นไอ้ซ่าคนเดิม ที่อาจจะมีสมองมากขึ้น มีความคิดมากขึ้น ที่จะทำให้ชีวิตตัวเองมันดีกว่าที่เคยเป็น

ผมบอกกับแม่ตั้งแต่วันแรกแล้วว่า ผมจะขอย้ายออกไปอยู่เอง ผมจะกลับไปเรียนแล้วตั้งใจทำงานที่ร้านอาหาร เงินเดือนครึ่งหนึ่งผมจะแบ่งให้พ่อกับแม่ใช้ แต่แลกกับการที่ผมจะไม่ได้กลับมาบ้านบ่อยๆ ซึ่งพ่อกับแม่ก็ไม่ได้เห็นด้วย เพราะถ้าผมไม่อยู่บ้าน ก็จะไม่มีคนช่วยงาน แต่ดีที่ยายฝนช่วยพูด และบอกว่าที่บ้านก็มีคนเยอะแยะ แต่ไม่ทำงานกัน ถ้าผมไม่อยู่ ยังไงทุกคนก็จะต้องทำงานเองเพราะไม่มีทางเลือก

ที่อยู่ใหม่ของผมไม่ใช่หอพักธรรมดาๆ แต่เป็นคอนโดห้องหนึ่งที่ดูดีมากเกินไปสำหรับผม แต่ในสายตาพี่ปราบมันไม่ใช่อะไรที่สวยหรูขนาดนั้น

“กูว่ามันก็ไม่ต่างจากห้องพักธรรมดาหรอก แต่มันใกล้โรงเรียนมึง และก็พอจะแบ่งเป็นสัดส่วน แต่ที่ดีคือมันมีรปภ.อยู่เฝ้าตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เพราะฉะนั้นกูว่าที่นี่โอเค กูยอมรับได้”

จะไม่ยอมรับได้ได้ยังไง ในเมื่อพี่ปราบเป็นคนหาคอนโดนี้ และตัดสินใจเอาเองทุกอย่าง

“แต่ผมว่ามันมากเกินไป เอาแค่หอพักเช่ารายเดือนธรรมดาก็พอ ผมยังต้องหาเงินใช้เองนะ”

ถึงผมจะชอบคอนโดนี้ และคิดว่าถ้าได้อยู่คงสบายดี แต่มันก็เกินตัวผมไปหน่อย ผมน่ะอยู่ยังไงก็ได้ แต่ขอให้มีเงินเหลือกินข้าว และห้องพักเล็กๆไว้ซุกหัวนอนก็พอ

“ซ่า” พี่ปราบหันมาทางผมอย่างจริงจัง สายตาที่แน่วแน่สื่อให้ผมรู้ว่าเขาตัดสินใจดีแล้ว “กูจะไม่ถกเถียงเรื่องนี้กับมึง และกูตัดสินใจแล้ว กูจะซื้อคอนโดนี้ แล้วปล่อยให้มึงเช่า กูคิดเดือนละสามพัน โอเคไหม”

ผมได้แต่ฟังแล้วพูดอะไรไม่ออกอยู่สักพัก ก่อนจะมองไปรอบๆห้องที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายไว้อยู่แล้ว โทนห้องเป็นสีเทาน้ำเงิน ก็ดูแมนๆดี

“ถ้าผมไม่เอาอ่ะ” ผมเหลือบตามองพี่ปราบ กระดิกเท้าทำหน้ากวนตีนใส่ เขาทำหน้าหงิกทันที

“กูบังคับ”

“งั้นผมอยู่ก็ได้ สามพันนะ ห้ามขึ้นราคาทีหลัง ไม่จ่ายเงินค่ามัดจำด้วย ตอนออกก็ห้ามหักเงินเด็ดขาด โอเคไหมครับ” ผมกอดอกคำนวณส่วนได้ส่วนเสียของตัวเอง ข้อเสนอนี้แน่นอนว่าผมมีแต่ได้กับได้ แต่ผมไม่คิดว่าพี่ปราบจะตกลงหรอก ผมไม่อยากเอาเปรียบเขาว่ะ

“เออ กูไม่เปลี่ยนใจ ไม่ขึ้นเงิน แถมค่าน้ำค่าไฟให้ด้วย ไม่ต้องจ่าย”

แต่ผิดคาด ผมคิดผิด

“ห๊ะ บ้าหรอพี่ ไม่สบายเปล่าวะ” ผมเดินเข้าไปจับหน้าผากลูบแก้มพี่ปราบใกล้ๆ แต่พี่ปราบปัดมือผมกระตุกยิ้มมุมปาก แล้วยกมือลูบแก้มผมตอบ

“กูสบายดี”

ตกลงกันได้ พี่ปราบก็ไปทำเรื่องติดต่อซื้อคอนโดห้องนี้ ทุกอย่างดูง่ายเพียงปลายนิ้ว คนมีเงินมันดีจริงๆ อยากทำอะไรอยากได้อะไรก็ไม่ต้องคิดให้มากความ แต่ผมรู้ว่าเบื้องหลังความร่ำรวยแบบพี่ปราบได้มันก็ไม่ง่าย ดูได้จากเวลาที่เขามาบ่นเรื่องงานให้ผมฟัง

ก่อนเปิดเทอม ผมยังมีเวลาอีกเกือบสองเดือน เลยขออาเจทำงานที่ร้านอาหารแบบเต็มอัตรา ผมขอทำทุกวันแบบไม่มีวันหยุด แต่ทั้งพี่ปราบและอาเจแย้ง ผมเลยได้หยุดวันอาทิตย์หนึ่งวัน

พี่ปราบก็แวะมาหาผมที่ร้านช่วงค่ำบ่อยแต่ไม่ทุกวัน บางวันที่ไม่มีงานแต่เช้า พี่ปราบก็จะมานอนที่ห้องผม ทีแรกผมก็แปลกใจว่าเขาเปลี่ยนไซส์เตียงนอนเป็นกว้างใหญ่เต็มพื้นที่ทำไม แต่ทุกวันนี้รู้แล้วว่าเพราะอะไร เพราะว่าเตียงห้าฟุตมันจุผู้ชายตัวใหญ่สองคนไม่ได้ยังไงล่ะ

“ได้เวลาแล้ว ยังไม่ไปอาบน้ำแต่งตัวหรือไงซ่า” พี่ปราบเงยหน้าขึ้นจากสิ่งที่กำลังทำอยู่มองนาฬิกาแขวนผนังเรือนใหญ่

“พี่ปราบ ขี้เกียจไปทำงานว่ะ” ผมนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง รอเวลาไปทำงาน ส่วนพี่ปราบที่วันนี้ไม่ได้ออกไปไหน อยู่ที่ห้องผมตั้งแต่เมื่อคืนกำลังนั่งอ่านเอกสารในไอแพด

“งั้นลาหยุดไหมละ วันนี้กูอยากดูหนังด้วย”

“ลาได้ไงเล่า” ถึงผมจะขี้เกียจ แต่ก็ใช่ว่านึกจะไม่อยากไปทำงานแล้วจะไม่ไปได้ตามใจ คนในร้านถึงจะดีกับผม แต่ก็ชอบพูดกันว่าผมเด็กเส้น แม่งโคตรไม่ชอบเลย ถึงจะเด็กเส้นพี่ปราบฝากงานให้ก็จริง แต่ก็ผมทำงานจริงๆเหมือนกัน ไม่เคยอู้งานเลยสักครั้ง

“มึงทำงานมาเดือนกว่าแล้วไม่ได้ลาหยุดเลยสักครั้ง”

ผมเงียบ เพราะไม่เข้าใจว่าพี่ปราบหมายความว่ายังไง เขากดโทรศัพท์โทรหาใครสักคน จนกระทั่งพี่ปราบเรียกชื่อคนๆนั้นที่รับสาย

“อาเจ วันนี้ผมโทรมาลางานให้ซ่าวันนึงนะ”

“เฮ้ย! พี่ปราบ ผมไม่ลานะ”

ผมกระโจนเข้าใส่พี่ปราบทันที กะว่าจะแย่งโทรศัพท์ แต่พี่ปราบเบี่ยงตัวหนี ร่างของผมเลยเกยอยู่บนตักพี่ปราบแทน และตอนที่จะลุกขึ้น พี่ปราบก็ใช้ขาทั้งสองข้างเกี่ยวล็อกช่วงเอวของผมไว้ จะลุกขึ้นก็ลุกไม่ได้ ต้องเป็นเพราะเขาสอนต่อสู้แน่ๆ ขาถึงได้มีกำลังรัดคนตายได้

 “ได้ๆครับ เดี๋ยวผมซื้อมาฝาก งั้นแค่นี้นะครับ อาอย่าลืมแวะไปหาป๊ากับพ่อที่บ้านด้วยนะ ครับ สวัสดีครับ”

“พี่ปราบ จะโทรลางานให้ผมทำไมเนี่ย วู้ว”

อย่าหาว่าผมขยันเลย แต่ถ้าลางานกะทันหันโดยที่ไม่ได้แจ้งล่วงหน้า และไม่มีอะไรสำคัญ จะถูกหักเงินห้าร้อยบาท และผมยังไม่อยากเสียเงินห้าร้อยบาทไป

“พักบ้างดิ อีกสองวันกูต้องไปดูงานที่เขาใหญ่ ถึงตอนนั้นหนังที่กูอยากดูก็ออกพอดี”

“พี่ก็ไปดูกับเพื่อนพี่ดิ ผมจะไปทำงาน ลาแบบนี้ผมโดนหักเงินนะเว้ยพี่”

“ห้าร้อยบาท มากูจ่ายให้” พี่ปราบเอื้อมหยิบกระเป๋าสตางค์แล้วควักแบงก์ห้าร้อยส่งให้ผม ผมมองเงินในมือพี่ปราบอย่างไม่ชอบใจ

“พี่จะเอาเงินฟาดหัวผมเหรอไง” เสียงผมนิ่งมาก และหน้าผมไม่มีแววตลก ผมจริงจัง ถึงผมจะจน แต่ผมก็ไม่คิดจะเอาเปรียบใคร โดยเฉพาะคนที่ดีกับผม

“กูไม่ได้คิดอย่างนั้น” จากที่เล่นๆ พี่ปราบเริ่มรู้สึกรน ดูได้จากสีหน้าที่หลุดกรอบของเขา

“พี่กำลังทำอะไรอยู่ ผมโคตรไม่เข้าใจพี่เลย” ผมไม่อยากจะคิดว่ามันจะเป็นแบบที่ไอ้หวายกับที่ไอ้ตูนว่า เพราะพี่ปราบก็ไม่ได้มีท่าทีล่วงเกิน หรือมีท่าทีจีบผม แต่ที่เขาทำให้ผม ผมว่ามันมากเกินกว่าที่คนรู้จักจะทำให้กัน

“เฮ้อ เอาเถอะ มึงไปอาบน้ำป่ะ เดี๋ยวกูไปส่งที่ร้าน”

พี่ปราบถอนหายใจแล้วตัดบทง่ายๆ กลับไปนั่งไขว่ห้างหยิบไอแพดขึ้นมาดูอีกครั้ง ผมคิดว่าเรายังคุยไม่รู้เรื่อง แต่พี่ปราบเข้าโหมดห้ามกวนอีกครั้ง ผมก็เลยไปอาบน้ำแต่งตัวไปทำงาน

คนที่มาส่งผมที่ร้านอาเจก็พี่ปราบนั่นแหละ ผมโทรหาอาเจตั้งแต่อยู่ที่คอนโดแล้วว่าผมไม่ลางาน อาเจดูจะงงๆแต่ก็ตอบรับว่ารู้เรื่อง

พอมาถึงที่ร้านอาหาร พี่ปราบก็เดินตามผมเข้ามา แต่แยกไปหาอาเจ ส่วนผมก็แยกไปทำงานที่ตัวเองต้องทำ เวลาผ่านไปจนถึงหนึ่งทุ่มโดยที่ผมไม่รู้ตัว พี่ปราบกับอาเจกลับไปตั้งแต่ตอนที่มาส่งผมได้ไม่นาน เห็นว่าที่บ้านนัดรวมพลญาติพี่น้องอะไรสักอย่าง

นอกจากทำงานแล้ว ผมก็ยังอ่านหนังสือเรียนล่วงหน้าเผื่อไว้ด้วย อย่าเพิ่งตกใจแล้วเข้าใจผิดว่าผมคิดจะทำเอง ซ่าคนเดิมไม่ได้หายไปไหน และมันไม่หายไปง่ายๆ ถ้าพี่ปราบไม่ออกคำสั่ง ผมก็ไม่คิดจะทำ เพราะอย่างมากที่ผมจะทำได้ก็คือความตั้งใจที่จะกลับไปเรียนให้จบๆวุฒิการศึกษาระดับปวช.เท่านั้น

ถึงแม้ว่าอ่านไปแล้ววันนี้ พรุ่งนี้ก็ลืม แต่พี่ปราบบอกว่า ถ้าผมได้กลับไปเรียนในเนื้อหาที่ผมได้อ่าน และทำความเข้าใจไปบ้างแล้วจากคำอธิบายของพี่ปราบ เนื้อหาที่ลืมๆก็จะกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง

สารภาพเลยว่า ผมแทบจำไม่ได้แล้วว่าระเบียบวินัยที่มีตอนที่บวชเป็นยังไง สุดท้ายแล้วผมก็ยังเป็นผม อาจมีสติมากขึ้นนิดหน่อย นิดหน่อยจริงๆ เข้าใจโลกมากขึ้น ว่าบ้างอย่างเราให้มันเป็นดั่งใจไม่ได้ ก็ต้องช่างมัน จะพูดว่าปล่อยวางผมก็ทำไม่ได้ถึงขนาดนั้น ถ้าหากเกิดเรื่องแย่ๆขึ้นในชีวิต ก็แค่พูดว่าช่างมันแล้วปล่อยให้มันเป็นไป

เพราะผมเป็นแค่คนธรรมดาที่ไม่สามารถเปลี่ยนโชคชะตาได้ ก็ได้แต่รอดูว่านับจากนี้โชคชะตาจะเล่นสนุกอย่างไรบ้างกับชีวิตของผม





คืนวันเสาร์ที่ผมเลิกงานตอนตีหนึ่ง กูถูกไอ้หวายมาตามถึงร้านอาเจ ลากผมไปนั่งกินเหล้าที่ร้านเฮียบีทซึ่งก็คือร้านเรื่องเหล้า แม้จะงงๆ แต่เหล้าฟรีมีหรือที่คนอย่างผมจะไม่สนใจ

ผมไปถึงร้านเฮียบีทก็เกือบตีสองแล้ว ไม่มีคนอื่นในร้านเพราะได้ปิดร้านเป็นที่เรียบร้อย ป่านนี้แล้วถ้ายังไม่ปิดมีหวังโดนพ่อมาร่วมพูดคุยถึงในร้าน

“เฮียบีท เฮียกี่สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้พี่ทั้งสอง “วันนี้เฮียธีร์ไม่มาเหรอพี่” ผมถามเพราะไม่เห็นแก ส่วนพี่ปราบไม่อยู่ที่นี่อยู่แล้ว เพราะตอนนี้แกอยู่ดูงานที่เขาใหญ่ เห็นว่าต้องปรับปรุงรีสอร์ทกันยกใหญ่ แถมแบบก็ไม่ตรงใจเลยอยู่ยาวกว่าที่คิด

“ไม่มา ไม่รู้ติดแม่หรือติดเมีย” เฮียบีทบอก ไอ้นุ๊กที่มาถึงก่อนจัดแจงที่นั่งให้ผม ไอ้ตูนกับไอ้กานหยิบแก้วเหล้าและถังน้ำแข็งออกมาวาง ไอ้หวายวิ่งออกมาจากเคาน์เตอร์หิ้วเหล้ามาสองขวดเต็มๆ

“หยิบขวดนั้นมามึงจ่ายเองนะไอ้หวาย ไอ้ห่าล่อซะของแพงเลย”

“โหยเฮียบีท ขี้งกว่ะ ผมจะกิน แต่ผมไม่จ่ายหรอก”

“ไอ้กี่ งั้นมึงจ่ายแทนมัน”

“เกี่ยวอะไรกับกู” ไอ้กี่ส่ายหน้า “มึงเอาไปเก็บไอ้หวาย กินของถูกๆก็พอ”

“ไหนพี่กี่สัญญาแล้วไง ว่าวันนี้พามากินเหล้าจะให้กินอะไรก็ได้อ่ะ โคตรขี้โกหกเลย” จากนั้นไอ้หวายก็บ่นใหญ่โต พวกผมได้แต่มองมันแล้วส่ายหัวขำๆ ไอ้ห่านี่แม่งขี้บ่น แต่ไม่มีใครใส่ใจจะโมโหมันหรอก สุดท้ายเฮียกี่ก็ยอมจ่ายค่าเหล้าให้มัน พวกผมที่นั่งสงบเสงี่ยมเจียมตัวก็พลอยลาภปากไปด้วย ไอ้กานกับไอ้หวายมีการแท็คมือกันลับหลัง ที่ไอ้หวายเอาเหล้าแพงมากินได้สำเร็จ

“เป็นไงบ้างวะซ่า ไปบวชมา” เฮียกี่ถาม ตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่าผมชื่อเล่นชื่อซ่า ไอ้เพื่อนผมรู้ตั้งแต่วันที่ผมบวชแล้วและเวลามันไปใส่บาตรกับครอบครัวที่วัด ก็มาถามชื่อเล่นผมอีก ผมที่อยู่ในผ้าเหลืองจะโกหกก็ไม่ได้ เลยต้องบอกความจริงพวกมันไป และพวกมันก็คงจะมาบอกพวกพี่ๆเขานั่นแหละ แต่ผมก็ไม่ได้อะไรกับชื่อเล่นหรอก ตอนเด็กๆแค่รู้สึกว่าชื่อซ่ามันไม่เท่แค่นั้นเอง

“ก็ดีพี่ สบายใจดี”

“ตอนนี้มึงเป็นรุ่นน้องกูแล้วนะไอ้ซ่า เสียดายวะ มึงเลยไม่ได้เรียนปวส.พร้อมพวกกูเลย” ไอ้นุ๊กทำหน้าเสียดาย

“มึงไม่ต้องเสียดายหรอกไอ้นุ๊ก ถ้ามันไม่บวช มันอาจจะตายคาตีนคู่อริแล้วไม่ได้กลับมาเรียนอีกเลยก็ได้” ไอ้ตูนเป็นคนหนึ่งที่เชื่อเรื่องบาปเรื่องเคราะห์กรรม ไอ้นี่ถ้าไปที่บ้านผม ชอบไปคุยเรื่องธรรมะกับยายฝน มันรู้เรื่องพวกศาสนาดีนะ แต่ไม่ค่อยจะปฏิบัติตาม

“ก็จริง งั้นมึงก็ตามพวกกูมาให้ทันก็แล้วกัน” ไอ้หวายตบบ่าผมแปะๆ ตาเริ่มเยิ้มเพราะมันยกแก้วไม่หยุด

“หึหึ เอาไว้มึงขึ้นปวส.ปีแรก กูจะรับน้องมึงให้อ่วมเลยไอ้ซ่า ต้องจัดหนักๆ เตรียมตัวไว้ดีๆนะน้องนะ” ไอ้กานแสยะยิ้มชั่วร้าย ไอ้หวายกับไอ้นุ๊กหันไปพยักหน้าเห็นด้วยกับไอ้กาน

“กวนตีน กูไม่ต่อปวส.แม่ง กูจะไปต่อมหาวิทยาลัยโว้ย” ผมเชิดหน้ายักคิ้วใส่พวกมัน พอได้ยินว่าผมจะต่อมหาวิทยาลัยพวกมันก็ร้องโห่ใส่ผมทันที ไม่เชื่อว่าผมจะเรียนมหาวิทยาลัยได้

คืนนั้นพวกผมเมากับยิ่งกว่าหมา เกือบจะกลับคอนโดไม่ได้ แต่ก็ได้อานิสงค์จากเฮียบีทพาพวกผมทั้งห้าคนมาส่งที่คอนโดผมได้สำเร็จ ผมไม่มีสติจะบอกทางหรอก คนที่บอกทางกลับมาที่คอนโดผมเป็นพี่ปราบ ตอนที่ผมกำลังเมาได้ที่ พี่ปราบก็โทรมาหาผม แต่คุยกันไม่รู้เรื่อง เฮียบีทเลยเอาโทรศัพท์ผมไปคุยแทน จากนั้นก็ยุติการกินเหล้าเดี๋ยวนั้น พร้อมเอาพวกผมมาโยนไว้ที่ข้างล่างคอนโด ปล่อยให้พวกผมคลานขึ้นห้องกันเอง ก็นับว่าพี่เขาใจดีมากแล้ว พวกผมเลยยกมือถวายบังคมให้เฮียบีทก่อนกลับ

“กลับขึ้นห้องไปดีๆเลยพวกมึง ไอ้เหี้ยปราบมาเจอมึงในสภาพนี้กูนี่โดนด่ายับแน่”

เฮียบีทเขาบ่นอะไรไม่รู้ก่อนไป ผมไม่สนใจ ตอนนี้อยากกระโดดขึ้นเตียงนอนมากๆ เลยกอดคอไอ้พวกเพื่อนตัวดีขึ้นห้อง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามาถึงห้องได้ยังไง รู้แต่ว่าหัวถึงหมอนผมก็หลับเป็นตาย

ตื่นอีกทีก็เกือบเที่ยงเพราะความหิว ผลักร่างไอ้กานกับไอ้หวายออกจากตัวได้ก็รีบลุกออกจากเตียง จนเผลอเหยียบไอ้นุ๊กที่นอนกอดผ้าห่มอีกผืนที่พี่ปราบใช้ประจำบนพื้น กวาดตามองก็เจอไอ้ตูนนอนตายอยู่บนโซฟา ซึ่งเป็นคนที่นอนสบายที่สุด เพราะโซฟาในห้องเป็นโซฟาตัวใหญ่ที่พี่ปราบสามารถนอนเอนได้ไม่อึดอัด

ผมล้างหน้าล้างตาอาบน้ำแบบลวกๆแต่คิดเองว่าสะอาดดีแล้ว ก็รีบออกมาเปิดหาอะไรกินในตู้เย็น ที่คิดว่าจะมีของกินกลับมีแต่ความว่างเปล่า หันซ้ายหันขวาไม่เจออะไร ผมก็เลยเดินไปหยิบเงินในลิ้นชักโต๊ะหัวเตียงแล้วลงไปซื้อข้าวข้างล่างคอนโด

ผมสั่งของง่ายๆอย่างกระเพราไก่ไข่ดาวทั้งหมดห้ากล่อง ซื้อมาเผื่อให้พวกข้างบนด้วย เดี๋ยวค่อยไปเก็บเงินกับพวกมันทีหลัง

กลับขึ้นมาบนห้อง ไอ้ตูนกับไอ้นุ๊กก็ตื่นกันแล้ว เหลือแค่ไอ้สองคนบนเตียงที่ยังนอนกรนฟี่ๆไม่สนใจโลก

“มึงไปไหนมาวะ แล้วนี่ห้องมึงเหรอ” ไอ้นุ๊กขยี้ขี้ตาแล้วมองไปรอบๆห้อง

“เออ ห้องกู ลุกขึ้นไปล้างหน้าแล้วมาแดกข้าว”

ผมวางถุงข้าวไว้บนเคาน์เตอร์ครัว ลงมือแกะกล่องข้าวของตัวเองมานั่งกินที่โต๊ะกินข้าว ที่นั่งได้แค่สองคนเท่านั้น มือก็คว้ารีโมตโทรทัศน์กดหาอะไรดู

 “อืม หิวข้าว” เสียงไอ้หวายละเมอมาจากบนเตียง ไอ้ตูนที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำเลยเดินไปปลุก

“ไอ้หวายไอ้กาน ตื่นได้แล้ว แดกข้าวเว้ย”

“หืม ข้าวๆ กูได้กลิ่นผัดกระเพรา แม่จ๋า ขอไข่ดาวด้วย” ไอ้กานสะดุ้งตื่นขึ้นมาก็ร้องโวยวายหาแม่ ป่วนประสาทจริงๆไอ้พวกเหี้ยนี่

“จ่ายกูมาด้วย กล่องละสี่สิบ ใครไม่จ่ายไม่ต้องกิน” ผมตะโกนบอกพวกมัน ไอ้นุ๊กถึงกับสำลักข้าว

“มึงอย่ามาขี้งกได้ไหมไอ้พัช เลี้ยงข้าวเพื่อนแค่นี้ไม่ได้ไง มีเก็บงงเก็บเงิน” ไอ้กานที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำบ่น

“กูไม่เลี้ยงหรอกพวกมึงนะ เงินทองไม่ได้หาได้ง่ายๆนะไอ้สัด”

“แหมๆ ทำเป็นพูดนะมึง บอกกูมาซะดีๆว่ามึงอยู่กับเฮียปราบใช่ไหม” ไอ้หวายยืนเท้าเอวมองไปบนโต๊ะเครื่องแป้ง

ผมลืมไปเลยว่าในห้องผม นอกจากสิ่งของที่เป็นของผมแล้ว ก็ยังมีสมบัติของพี่ปราบกระจายอยู่ทั่วห้อง ตั้งแต่เสื้อผ้า น้ำหอม นาฬิกา รองเท้า และอื่นๆอีกหลายอย่าง

“นั่นแหน่ๆ เดี๋ยวนี้น้องพัชไวไฟนะเรา แอบออกมาอยู่กินกับผู้ชายสองต่อสอง” ไอ้กานทำหน้ากะลิ้มกะเหลี่ย ยกนิ้วชี้สองนิ้วมาจิ้มเข้าหากัน ผมเลยคว้ากุญแจห้องที่อยู่ใกล้มือที่สุดปาใส่หัวมัน แต่ไอ้กานดันหลบได้

“อะไรยังไงวะ กูงง” ไอ้นุ๊กที่ดูจะไม่รู้เรื่องที่สุดพยายามมองคนนั้นทีมองคนนี้ทีเพื่อหาคำตอบ

“พวกมึงอย่าพูดมั่วซั่ว กูไม่ได้อยู่กับพี่ปราบ ห้องนี้พี่เขาหาให้ แต่กูจ่ายค่าเช่าด้วย” ผมไม่ชอบให้พวกมันพูดถึงพี่ปราบในแง่นั้น พี่ปราบเป็นคนดี แม้แต่การถูกนินทาก็ไม่ควรโดนคู่กับคนไม่ดีแบบผม

“แล้วทำไมมีของพี่ปราบอยู่ในห้อง อย่าปฏิเสธนะว่าไม่ใช่ กูจำนาฬิกาเรือนนี้ได้ของพี่ปราบ เสื้อผ้าในตู้ก็ของพี่ปราบ รองเท้าหน้าประตูอีก” ไอ้หวายเดินชี้ข้าวของที่เป็นของพี่ปราบจนทั่วห้อง ไอ้พวกที่เหลือก็ทำตาเหลือกตาโปนเดินไปดูตาม ก่อนจะมองผมด้วยแววตาล้อเลียน

“อุบ๊ะ เอาแหล่วๆๆๆๆ น้องซ่ากูจะออกเรือนแล้วนะเนี่ย มีคนมาดามใจให้แล้ว ได้ดิบได้ดีแล้ว อย่าลืมกูนะน้องซ่า ตายแล้วๆ น้ำตากูจะไหลด้วยความดีใจ” ไอ้กานเล่นใหญ่กว่าใครเพื่อน ทำเป็นเดินมากอดผม แล้วบีบน้ำตา ผมหมั่นไส้เลยถีบขามันเข้าให้

“คราวนี้แม่งเล่นของใหญ่ด้วย เพื่อนกูแม่งเจ๋งโคตร” ไอ้นุ๊กก็มาชูนิ้วโป้งใส่

“กูว่ามึงปฏิเสธยากแล้ววะไอ้ซ่า” ไอ้ตูนขยิบตาเจ้าชู้ใส่ผม

“เออ สรุปยังไงกันแน่วะ พวกกูรับได้นะ มึงอย่าคิดมาก เฮียปราบเป็นคนดี ถ้ามึงกับเฮียรักกัน กูก็ยินดี” ไอ้หวายที่ดูจริงจังกับเรื่องนี้มากที่สุด มากเกินไปจนผมสงสัย

“ทำไมพวกมึงดูอยากจะให้กูกับพี่ปราบได้กันนักวะ มึงดูปากกูนะ พี่ปราบกับกูเราไม่ได้มีอะไรกัน ไม่มีอะไรทั้งนั้น กูเป็นผู้ชายแท้ๆ ที่ไม่มีทางจะคบกับผู้ชาย เพราะกูชอบผู้หญิง” ผมพูดอย่างหนักแน่น ไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้ อึดอัดจนบอกไม่ถูก

“กูไม่ได้พูดมั่ว มึงกล้าพิสูจน์ไหมล่ะ พนันกันสักตั้งว่าเฮียปราบชอบมึงหรือเปล่า” ไอ้หวายยังคงไม่ยอมแพ้

“เออ น่าสน กูเอาด้วย กูว่าเฮียปราบชอบมึง ชัวร์ๆ อับดุลรู้ อับดุลเห็น” ไอ้กานก็เข้าร่วมไปกับไอ้หวาย

“เออ เอาก็เอาดิว่ะ กูบอกเลยว่าพี่ปราบไม่ได้ชอบกู” ผมเองก็ไม่ยอมแพ้เหมือนกัน

การพนันในครั้งนี้ มีผมคนเดียวที่คิดว่าพี่ปราบไม่ได้ชอบผม นอกนั้นพวกมันพนันว่าพี่ปราบชอบผมแน่นอน ถ้าผมชนะ พวกมันจะต้องจ่ายให้ผมคนละพัน แต่ถ้าพวกมันชนะ พวกมันจะได้พันเดียวแล้วเอาไปแบ่งกันสี่คน ผมคิดไว้แล้วว่ายังไงผมก็ต้องชนะ ผมอยู่กับพี่ปราบมากกว่ามัน ไม่มีทางที่จะดูผิดหรอก 

พี่ปราบก็แค่เห็นผมเป็นน้องชายเท่านั้นแหละ ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้





ต่อโพสล่าง

ออฟไลน์ RiRi

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 568
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +595/-8
    • RiRiWorld
คำท้าพนันเรื่องระหว่างผมกับพี่ปราบก่อกวนจิตใจผมอยู่ตลอดเวลาที่ว่าง ผมไม่อยากจะคิดกับพี่ปราบในแง่ที่ไม่ดี แต่บางครั้งก็เผลอคิดไปว่า ถ้าพี่ปราบเป็นเสือไบอย่างที่ไอ้หวายบอก และพี่เขาชอบผม คิดถึงตรงนี้ทีไร ผมพยายามสลัดความคิดว่าพี่ปราบชอบผมทิ้งไปทันที แล้วบอกกับตัวเองว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ถ้าหากมันเป็นเรื่องจริงล่ะ ผมจะทำยังไง

พี่ปราบยังคงทำงานอยู่ที่เขาใหญ่ มีโทรมาบ้างแต่ส่วนมากจะส่งข้อความมา เรื่องที่คุยกันก็ทั่วๆไป ไม่มีทีท่าว่าจะรุกจีบผมอย่างที่เพื่อนๆผมคิด

แต่เพื่อความสบายใจ ผมจะถามกับพี่ปราบตรงๆในวันที่พี่เขากลับมาจากเขาใหญ่ ไอ้พวกเพื่อนผมจะได้รู้กันสักทีว่าใครคิดถูกใครคิดผิด

คืนนี้อาเจให้ผมทำงานอยู่หน้าเคาน์เตอร์เครื่องดื่ม เพื่อเรียนรู้วิธีการผสมค็อกเทลสูตรต่างๆจากพี่บิ๊ก รุ่นพี่ที่ทำงานที่ร้านนี้มาตั้งแต่อาเจเปิดร้านเลย พี่บิ๊กทำได้ทุกอย่างและเก่งมากๆ พนักงานที่นี่ทุกคนก็เลยต้องเกรงใจรวมไปถึงเกรงกลัวพี่บิ๊กเพราะความเนี๊ยบของพี่แก

“พัช ไหนลองหยิบส่วนผสมของเฟรนช์เจ็ดสิบห้ามาสิ”

ช่วงที่ลูกค้าซาลงพอที่จะมีเวลา พี่บิ๊กก็ให้ผมลองทำค็อกเทลเอง ทุกครั้งที่มีลูกค้าสั่งค็อกเทลพี่บิ๊กก็จะเริ่มสอนด้วยการใช้ให้ผมหยิบส่วนผสม บอกสัดส่วนที่ต้องใส่ วิธีการผสม การเลือกทรงแก้ว จนกระทั่งกลายมาเป็นเครื่องดื่มสีสวยพร้อมเสิร์ฟ

ผมเป็นคนหัวช้าอยู่แล้ว แต่เรื่องเหล้าบอกเลยว่าผมจำไวมาก และทำออกมาได้ดีจนพี่บิ๊กยังเอ่ยปากชม

“พัชๆ มีคนมาหาอ่ะ อยู่หน้าร้าน” พี่ในร้านเดินมาบอกผม ก่อนจะรีบปลีกตัวไปรับออร์เดอร์จากลูกค้าที่จะสั่งอาหาร

“พี่บิ๊ก เดี๋ยวผมมานะ”

“อืม แต่อย่านานล่ะ”

ผมเดินออกจากเคาน์เตอร์บาร์ไปที่หน้าร้าน ผมคิดว่าอาจจะเป็นเพื่อนผม หรือไม่ก็พี่ปราบ เพราะมีไม่กี่คนที่รู้ว่าผมทำงานอยู่ที่นี่ แต่ใครจะรู้ว่าคนที่กำลังยืนรอผมอยู่ที่หน้าร้าน กลับเป็นคนที่ผมคิดว่าไม่น่าจะมาเจอผมที่สุด

“ซ่า” พลอยเรียกชื่อผมด้วยความดีใจ ก่อนจะวิ่งเข้ามากอดผม ผมยืนนิ่งด้วยความงงปนไม่เข้าใจ

“มาทำไม” ผมถาม

“พลอยคิดถึงซ่า” พลอยพูดพลางเงยหน้ามองผม สิ่งที่เห็นคือตาทั้งสองข้างของพลอยแดงช้ำ ดูก็รู้ว่าร้องไห้มาอย่างหนัก

“คิดถึง?” ผมทวนคำด้วยความสงสัย

คิดถึงผม คิดถึงทำไม คิดถึงเพื่ออะไร

“ซ่าเลิกงานกี่โมง เดี๋ยวพลอยนั่งรอนะ” พลอยเลิกกอดผม เธอปาดน้ำตาที่กำลังไหลออก

ผมถอนหายใจหนักหน่วง ผมเป็นคนไม่ค่อยชอบใช้หัวสมองคิด และการมาของพลอยผมก็ไม่อยากคิดว่าเพราะอะไร ยังไงก็จบกันไปแล้ว ผมไม่อยากจะเจอพลอยอีก เพราะผมไม่อยากกลับไปคิดถึงความเจ็บปวดที่ผู้หญิงคนนี้เคยทำไว้

“พลอยมีธุระอะไรไหม ถ้าไม่มีก็กลับไปเถอะ เราจะทำงาน”

“พลอยไม่ได้จะกวนนะ พลอยนั่งรอเงียบๆข้างนอกได้”

“ก็แล้วแต่” พูดจบผมก็เดินกลับเข้าร้าน กลับไปทำในสิ่งที่ผมควรทำ นอกจากนั้นผมยังแย่งงานคนอื่นทำไปทั่ว จนทุกคนได้แต่เกาหัวด้วยความงง ผมแค่อยากให้ตัวเองวุ่นวาย จะได้ไม่ต้องคิดว่าทำไมพลอยถึงมาหาผม

หลังเลิกงานผมกลับเกือบทีหลังสุด ออกร้านพร้อมอาเจ และวันนี้ผมขอรบกวนติดรถอาเจไปลงที่รถไฟฟ้า เพื่อที่จะนั่งไปลงที่คอนโด

ตอนออกจากร้านต้องออกทางหลังร้านเพราะที่จอดรถอยู่ด้านหลัง ผมเลยไม่รู้ว่าพลอยยังรอไหม แต่คิดว่าพลอยคงไม่รอ เพราะเวลาผมไปตามนัดช้า พลอยก็มักจะไม่รอผม พลอยไม่เคยทนรออะไรได้นานๆ และครั้งนี้ก็น่าจะเหมือนเดิม

ผมคิดว่าพลอยจะรับรู้ได้ว่าผมไม่พร้อมที่จะเจอหน้าเธอ และเรื่องระหว่างผมกับพลอยมันได้จบไปแล้ว แต่พลอยก็ยังคงมาหาผมที่ร้านในคืนต่อมา

ตอนที่พี่ในร้านมาบอกผมก็แค่พยักหน้ารับรู้ แต่ไม่ได้ออกไปหาพลอย เพราะคิดว่าไม่จำเป็น

แต่ความอดทนของพลอยมีมากกว่าที่ผมคิด รวมไปถึงร่องรอยเขียวช้ำบนใบหน้าพลอยที่ทำให้ผมตกใจอยู่เหมือนกัน

“ซ่า ช่วยพลอยหน่อยได้ไหม” พลอยดึงรั้งชายเสื้อของผมเอาไว้ ไม่ให้ผมได้เดินหนี หลังจากที่พลอยยัดเยียดเล่าที่มาของบาดแผลให้ผมฟัง ว่าคนที่ทำก็คือไอ้ปาร์ค ผมก็รับฟังนะ แล้วก็ปล่อยให้คำพูดพวกนั้นลอยไปกับเสียงรถที่ขับผ่าน

พลอยเลือกไอ้เหี้ยปาร์คเอง ถ้าอยู่กันไม่ได้ก็เลิกกันไปซะ แล้วไปมีคนใหม่ เหมือนที่พลอยเคยทั้งผมไปหาไอ้เหี้ยนั่น

“เราช่วยอะไรพลอยไม่ได้หรอก กลับบ้านไปเถอะ”

“เรากลับบ้านไม่ได้ เราไม่อยากให้พ่อแม่เห็นเราในสภาพนี้ แล้วเราก็ไม่อยากกลับไปหาปาร์คให้โดนตีอีกแล้ว ฮึก”

“งั้นก็ไปหาเพื่อนสิ”

“ซ่า มันดึกแล้ว พลอยไม่อยากรบกวนเพื่อน ซ่าให้พลอยไปนอนด้วยคืนนึงนะ ซ่าออกมาอยู่หอนี่ นะซ่านะ” พลอยปล่อยชายเสื้อเปลี่ยนมาเกาะแขนผมแน่น

ผมดึงมือพลอยที่เกาะแขนผมออก แล้วดึงตัวพลอยให้ออกห่าง

“พลอย ฟังนะ เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว”

พลอยก้มหน้าลงร้องไห้ ผมไม่ใช่ผู้ชายเย็นชาที่จะทนเห็นน้ำตาของผู้หญิงได้ ไหนจะเป็นผู้หญิงที่ผมเคยรักอีก

“แค่คืนเดียวนะซ่านะ คืนนี้พลอยไม่มีที่ไปจริงๆ”

“...”

“ซ่าเพิ่งบวชมาไม่ใช่เหรอ คิดซะว่าทำบุญได้ไหม”

“แค่คืนเดียวเท่านั้น หลังจากนี้พลอยไม่ต้องมาหาซ่าแล้วนะ”

“อืม แค่คืนเดียว”

เพราะระยะเวลามันยังไม่มากพอที่จะทำให้ผมลืมพลอย และเพราะสงสารผมก็เลยให้ที่นอนกับพลอยหนึ่งคืน ผมให้พลอยนอนบนเตียง ถึงแม้จะรู้สึกไม่ชอบนิดหน่อย ภาพพี่ปราบที่นอนอยู่บนเตียงแวบขึ้นมาในหัว เกิดคิดได้ว่าถ้าพี่ปราบรู้เข้าจะว่ายังไง แต่ผมก็ไม่มีทางเลือก ซ้ำยังตัดใจไล่ไม่ลง เลยได้แต่ปล่อยเลยตามเลย

ผมทิ้งตัวนอนบนโซฟา ห้องทั้งห้องมืดสนิท ได้ยินเสียงสะอื้นจากคนที่นอนบนเตียง ถึงแม้ปิดประตูกระจกกั้นระหว่างห้องนอนกับโซนนั่งเล่นก็ยังได้ยิน

ผมนอนไม่หลับเพราะไม่สบายใจ กดโทรศัพท์เข้าหน้าจอที่คุยกับพี่ปราบ พร้อมส่งไปถามว่านอนหรือยัง รอเกือบชั่วโมงพี่ปราบก็ยังไม่อ่านและยังไม่ตอบกลับมา ผมเลยคิดว่าพี่ปราบคงจะนอนแล้ว เพราะพี่ปราบจะกลับมาตอนบ่ายของวันนี้

เมื่อไม่มีอะไรทำ ผมก็นอนหลับตานิ่งจนค่อยๆเคลิ้มหลับ ระหว่างครึ่งหลับครึ่งตื่น ผมรู้สึกได้ว่ามาคนขึ้นมาทับบนตัวผม ทีแรกผมคิดว่าเป็นผีอำ แต่ผ่านไปสักพักและเริ่มรู้สึกตัวมากขึ้น ก็เลยรู้ว่าสิ่งที่กอดรัดลูบไล้ผมอยู่คือพลอย

“ออกไปพลอย อย่าทำแบบนี้” ผมดันตัวพลอยออกจากตัว แต่พลอยก็ยังคงโถมตัวเข้าใส่ผม ผมเบี่ยงตัวหลบแล้วลุกขึ้นยืน

“ซ่า พลอยไม่เหลือใครแล้ว เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม” พลอยเดินร้องไห้ทำท่าจะเข้ามากอดผม แต่ผมถอยหนี แล้วเดินไปเปิดไฟ

“ถ้าจะพูดอะไรเพ้อเจ้อก็กลับไปนอนเถอะพลอย เช้ามาก็กลับบ้านไปซะ” ผมพูดดีๆ ไม่ใช่ไม่โกรธนะ ผมโกรธมากที่พลอยทำแบบนี้ แต่เพราะตอนนี้ผมไม่ใช่ไอ้ซ่าคนเดิม ผมจึงนิ่งได้มากกว่าเก่า

“ไม่เอาอ่ะซ่า พลอยยังรักซ่านะ พลอยขอโทษ พลอยเลิกกับปาร์คแล้ว พลอยสัญญาว่าพลอยจะไม่นอกใจซ่าอีก เรากลับมาคบกันเถอะนะ” ความดื้อรั้นของพลอยผมเจอมาตลอดเวลาหลายปีที่คบกันมา ผมเคยทนได้แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ที่ผมตัดพลอยออกจากชีวิตไปแล้ว

ยังรักแล้วยังไง แต่ความรู้สึกผมเสียไปแล้ว มันไม่มีทางกลับมารักกันได้หรอก

“พลอยจะมายุ่งกับคนไม่มีอนาคตอย่างซ่าทำไม อยากไปไม่ใช่เหรอ ไม่ชอบอยู่กับคนไม่มีอนาคตไม่ใช่เหรอไง” ผมไม่เข้าใจจริงๆว่าพลอยคิดอะไรอยู่

“เปล่านะ พลอยไม่ได้คิดแบบนั้นเลย”

“อย่าหลอกตัวเองเลยวะพลอย ซ่าไม่มีอะไรให้หรอก แค่ที่นอนในคืนนี้เท่านั้นที่ซ่าให้ได้”

“แต่เรารักซ่านะ”

“อย่าพูดว่ารักเลยพลอย ไม่อยากจะฟังวะ เพราะซ่าไม่เชื่อ”

“เราต้องการซ่า”

“แต่เราไม่ต้องการ”

“ซ่า...”

“สำหรับซ่า ตอนนี้พลอยได้เป็นคนอื่นไปแล้ว และซ่าไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับพลอยอีก”

“เพราะว่าซ่าไปนอนกับผู้ชายเพื่อแลกเงินใช่ไหม ถึงกลับมาคบกับพลอยไม่ได้”

“อะไรนะ” ผมถามเสียงเบาหวิว ที่พลอยพูดเมื่อตะกี้มันหมายความว่ายังไง

ผมยังไม่ทันได้คำตอบจากพลอยดี ประตูห้องก็เปิดออก คนมาใหม่เป็นเจ้าของห้องตัวจริง ทันทีที่พี่ปราบเปิดไฟในห้อง และผมได้สบตาคมเข้มของเขา ผมรู้เลยว่าพี่ปราบไม่พอใจ

“โทษที กูไม่คิดว่ามึงจะมีแขก เลยไม่ได้กดออดเรียก”

“พี่ปราบ คือ...” ผมพูดอะไรไม่ออก กังวลไปแล้วว่าพี่ปราบจะเข้าใจผิดหรือไม่ ที่พลอยมาอยู่ในห้องผมตอนกลางคืนดึกดื่น และยังเผลอกลัวไปว่าพี่ปราบจะคิดว่าผมกับพลอยมีอะไรกัน

“งั้นกูกลับละ แค่จะแวะมาดูเฉยๆ” พี่ปราบไม่รอให้ผมพูดอะไร ก็ปิดประตูลงแล้วเดินจากไป ผมยืนนิ่งมองไปที่ประตูอยู่นาน จนกระทั่งพลอยเดินมากอดผมจากด้านหลัง

มือทั้งสองข้างกำแน่นตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่ทันทีที่รู้สึกตัว ผมก็หันกลับไปผลักตัวพลอยออกห่าง จนเธอเซเกือบล้ม ผมรู้ว่าพี่ปราบต้องโกรธแน่ๆ ถึงจะไม่รู้เหตุผล แต่สายตาพี่ปราบว่างเปล่าจนผมใจหาย และคนที่ผิดก็คงเป็นผมที่พาพลอยกลับมานอนที่ห้องในคืนนี้

“กลับเข้าไปนอนในห้อง แล้วพรุ่งนี้เช้าช่วยรีบกลับไปด้วย”

“แต่...”

“ไปนอน!”

“อ่ะ อืมๆ” พลอยรีบพยักหน้าทั้งน้ำตา ก่อนจะรีบกลับไปที่ห้องนอน

ผมหันหลังมองกลับไปที่ประตู ก่อนจะหยิบคีย์การ์ดกับกุญแจเดินออกจากห้อง ลงลิฟต์มาถึงข้างล่างคอนโด สายตากวาดมองหาไปทั่ว แต่ผมรู้ว่าพี่ปราบกลับไปแล้ว ผมเลยตัดสินใจที่จะใช้โซฟาตรงล็อบบี้เป็นที่พักให้ผ่านค่ำคืนนี้ไป

เอาเถอะ ถือซะว่าทำบุญ ผมกับพลอยจะได้หมดเวรหมดกรรมต่อกันไปซะที แม้ว่าผมจะต้องมานั่งตบยุงทั้งคืนก็ตาม


หวังว่าพี่ปราบจะเข้าใจ




...
ก็นะ ต้องมีตัวกระตุ้นอย่างพลอยเข้ามาหน่อย ความสัมพันธ์ระหว่างนุ้งซ่ากับพี่ปราบจะได้ชัดเจนมากขึ้น
ไม่มีดราม่างี่เง่านะคะ พี่ปราบแกโตพอ แต่ก็มีหงุดหงิดบ้าง ออกแนวไปแอบหงุดหงิดคนเดียวมากกว่า ส่วนนุ้งซ่า นางไม่ฉลาดนะ แต่นางไม่โง่ บวชมาแล้ว ก็รักตัวเองมากขึ้น แต่คนมันเคยผูกพัน ก็มีสงสารกันบ้างอะไรบ้าง แต่หัวใจน่ะมีเจ้าของใหม่แล้ว แค่ไม่ยอมรับเท่านั้นเอง
เมื่อวานที่ลงเห็นมีคนรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ วันนี้บินลงมา นอนพักไปงีบก็รีบมานั่งตรวจคำผิดรอบนึงก่อนจะลงให้ได้อ่านกัน ถ้ายังมีคำผิดอยู่ก็ขออภัยด้วยนะคะ
ขอบคุณคนน่ารักที่ยังติดตามอ่านพี่ปราบน้องซ่าค่ะ
ด้วยรัก  :L1:
ริริ
 :กอด1:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-12-2017 22:22:14 โดย RiRi »

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
หวังว่าซ่าจะรู้นะว่าต้องง้อพี่ปราบจริงจังแล้ว งอนแรง 55
แล้วเนี่ย แคร์ความรู้สึกพี่เขาขนาดนี้ ก็ยอมๆรับซะเถอะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
สัมภเวสียังจะมาคอยวุ่นวายกับซ่าอีก สงสัยมารอรับบุญ ซ่าแผ่ส่วนกุศลให้ไปๆ จะได้จบๆ :hao3:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ซ่า ควบคุมอารมณ์ จิตใจได้ดีมาก
ขนาดหนีกลับ ปฏิเสธ พลอยจริงจัง
พลอยยั่วยวน เคยๆกัน ซ่ายังไม่ยอมพลอย เก่งมาก  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

พลอย ก็อะไรของนาง ทำตัวเองเลว
เลือกปาร์ก ทิ้งซ่าเองแท้ๆ
ทำให้ซ่าถูกผัวใหม่รุมทำร้ายจนเจ็บหนักเข้าโรงพยาบาล
ยังกลับมาวอแวกับซ่าอีก
เป็นผู้หญิงที่ใช้ชีวิตร้ายๆ ไม่น่าข้องแวะยุ่งเกี่ยวอีกเลย
พลอยคงรู้แล้วว่า ระหว่างปาร์กกับซ่าใครไม่เคยลงมือลงเท้ากับตัวเอง
พลอยน่ะ ลิิงได้แหวนชัดๆ

ซ่า รีบปรับความเข้าใจกับพี่ปราบเร็วเลย
แคร์พี่ปราบซะอย่างนี้  คราวนี้จะรู้ใจตัวเองได้หรือยัง
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
ซ่า หลังจากนี้ต่อไป ใช้ชีวิตอย่างมีสติ สิ่งที่ได้บวชเรียนมา

นำมาใช้ในชีวิตประจำวัน สู้ ๆนะคะ

ออฟไลน์ ceylon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ดีใจที่มาลงต่อออ เข้าใจซ่านะ แต่ก็เข้าใจพี่ปราบ ปรับความเข้าใจกันเร็วๆนะคู่นี้

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
งงกับผู้หญิงอย่างEพลอย
โลกไม่ได้หมุนรอบตัวเมิงนะ
เกลียด!!!

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ชะนีตัวนี้หน้าคอนกรีตเนอะ ทำอะไรไว้ไม่รู้ตัวอีกด้วย  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ cocoaharry

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
    • cocoaharry_Demmy Chan_Otaku Y Girl
พี่ปราบอย่าเข้าใจน้องผิดน้า

ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ก็พอเข้าใจอ่ะนะ เฮ้อ ปล่อยไปบ้างเถอะพี่ปราบ เราว่าการรักซ่ามันโคตรเหนื่อยเลย เอาจริงๆ เหอๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-12-2017 09:51:13 โดย mareya.no7 »

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
ไม่มีใครเข้าใจหรอกถ้าไม่อธิบาย บัย ซ่า

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด