[เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)  (อ่าน 97888 ครั้ง)

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
กลิ่นอายความเป็นลอนดอน มาเต็ม100เลย

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
เอาจริงๆนี่ชอบเลดี้อเล็กซี่นะ นางก็มีมุมน่ารักของนางถ้าเป็นสมัยนี้นางคงเป็นเพื่อนที่ดีมากๆของจอห์นอีกคน

ออฟไลน์ imymild

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ไม่อยากจะคิดว่าถ้ากอร์ดอนรู้เรื่อง :katai1:

ออฟไลน์ Tipin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
    • https://twitter.com/Tipin_pin
ทำไมเราไม่คิดว่านางน่ารักเลย
นางเอาแต่ใจแบบทำให้คนอื่นลำบาก
 :z3: :z3:

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
Dear, My customer.

ตอนที่32 เส้นทางความรัก

                กอร์ดอนประหลาดใจมากที่มีคนมากดกริ่งเรียกในช่วงเวลาอาหารเย็น เขาสั่งให้เดวิดไปเปิดประตู ก่อนจะลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ เมื่อลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินเข้ามาในห้องอาหาร

                “คุณกำลังกินมื้อเย็นอยู่หรือ ผมมารบกวนรึเปล่า”

                “?!”

                เดวิดถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อนายจ้างของเขาโผเข้ากอดเอิร์ลหนุ่มคนนั้น ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบโบกมือไล่เขาออกไปทันที

                “โอ... ผมคิดถึงคุณเหลือเกิน” กอร์ดอนพูด เขาช้อนตามองฝ่ายนั้นอย่างรักใคร่ ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงดึงใบหน้าของคนรักขึ้นมาแล้วแนบริมฝีปากลงไป

                “อุ๊ย ตาเถร!” มิสซิสมาร์ธาที่เดินเข้ามาพร้อมกับถาดใส่หมูย่างอุทานด้วยความตกใจ เธอทำถาดหลุดมือ ทั้งกอร์ดอนและลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบผละออกจากกันทันที เสียงแตกของจานทำให้เดวิดรีบวิ่งกลับเข้ามาทันที

                “เกิดอะไรขึ้นครับ!”

                “โอ้ ฉันไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น!” มิสซิสมาร์ธาร้อง ก่อนจะรีบเดินกลับไปในครัว กอร์ดอนหน้าแดงจัดด้วยความอับอาย เขาทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้

                “พระเจ้า... นี่ผมทำอะไรลงไป”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์จับไหล่ของเขาแล้วบีบเบาๆ “ใจเย็นๆ นะกอร์ดอน ผมคุยกับมิสซิสมาร์ธาเอง คุณไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น มันจะต้องไม่มีอะไรเกิดขึ้น เชื่อผมนะ ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย”

                “โอ...” กอร์ดอนซบหน้าลงกับฝ่ามือ ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปหาเดวิด

                “ดูเขาไว้นะ อย่าให้เขาทำอะไรบ้าๆ เด็ดขาด”

                เด็กหนุ่มพยักหน้าอย่างงงๆ เขามองลอร์ดหนุ่มที่เดินหายเข้าไปในห้องครัว ก่อนจะหันมามองนายจ้างของเขา

                “มิสเตอร์โอเดนเบิร์ก เกิดอะไรขึ้นครับ?”

                กอร์ดอนเอาแต่สั่นศีรษะ ใบหน้าของเขากลับกลายเป็นขาวซีดอย่างรวดเร็ว เดวิดมองอย่างเป็นกังวล

                “หน้าคุณซีดน่ากลัวมาก ผมจะเอาบรั่นดีให้นะครับ”

                “ไม่ ไม่ต้อง” เขาดึงแขนของเด็กหนุ่มเอาไว้ และบีบแน่น “เดวิด... ถ้ามีใครมาถามอะไรเรื่องระหว่างฉันกับลอร์ดโทรว์บริดจ์ บอกว่าทั้งหมดเป็นเพราะฉันนะ เขาไม่ได้มีส่วนผิดอะไรเลย ฉันเป็นสาเหตุทั้งหมด”

                “โอ... ผมไม่รู้หรอกครับว่าคุณพูดเรื่องอะไร” เดวิดว่า “แต่คุณอย่าทำหน้าน่ากลัวแบบนี้เลยครับ ผมแน่ใจว่าทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย ท่านลอร์ดต้องจัดการให้คุณได้อย่างแน่นอน”

                กอร์ดอนมีสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ เขาซบหน้าลงกับฝ่ามืออีกครั้ง “พระเจ้า ทั้งหมดเป็นความผิดฉันเอง...”

-------------------------------------

                มิสซิสมาร์ธาหน้าซีดเผือดตอนที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินเข้าไปหาเธอในห้องครัว เธอรีบพูดขึ้นทันที

                “โอ้ ท่านลอร์ด ดิฉันสาบานค่ะว่าจะไม่พูดอะไรทั้งนั้น ดิฉันไม่รู้ไม่เห็นอะไรกับเรื่องที่เกิดขึ้นเลย”

                “เอาล่ะ คุณนาย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยายามพูดจาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลที่สุด เขาเว้นระยะห่างจากเธอเล็กน้อย

                “ผมรู้ว่าคุณเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อบังคับข่มขู่คุณ ผมมาเพื่ออธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นให้คุณฟัง”

                “โอ...” มิสซิสมาร์ธาคราง เธอหันกลับมาเผชิญหน้ากับเขา “ดิฉันไม่กล้าแม้แต่จะคิดค่ะ นี่มันเป็น... เป็นเรื่องที่ผิดมาก”

                “ใช่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดออกมา เขาเดินเข้ามาหาเธอ “ผมจะไม่พยายามแก้ตัวหรืออะไรทั้งนั้น ผมเพียงอยากจะอธิบายให้คุณเข้าใจ เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเขา”

                “อา...”

                “ผมต้องการแน่ใจว่าคุณจะเต็มใจอยากฟังคำอธิบายของผม”

                มิสซิสมาร์ธาเม้มริมฝีปากด้วยความกลัดกลุ้ม เธอขมวดคิ้ว และนิ่งเงียบไปอยู่นาน สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมา “เอาล่ะค่ะ ดิฉันจะฟังคำอธิบายของคุณ”

                “ขอบใจที่รับฟังผม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า เขากัดริมฝีปากก่อนจะเริ่มพูด “ผมเชื่อว่าพระเจ้าประธานความรักให้พวกเราทุกคน พระองค์มอบมันมาเพื่อให้เรามอบต่อให้กับใครสักคน”

                “....”

                “กอร์ดอนคือคนที่ผมตัดสินใจมอบสิ่งมีค่าที่สุดที่พระเจ้าให้มากับเขา ระหว่างเรามันคือความรัก มิใช่แค่เพียงความใคร่ที่น่ารังเกียจ”

                “โอ... แต่ท่านลอร์ดค่ะ มันผิดกฎหมาย พวกคุณจะต้องถูกลงโทษอย่างรุนแรง โดยเฉพาะมิสเตอร์โอเดนเบิร์ก ดิฉันไม่กล้าคิดเลย...”

                “จะไม่มีใครรู้เรื่องนี้ถ้าคุณไม่พูด” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า และดึงมือของมิสซิสมาร์ธามาจับไว้ “ผมขอร้องต่อคุณ คุณนาย ผมขอให้คุณช่วยพวกเราเรื่องนี้ คุณคงไม่อยากเห็นผมกับเขาจบลงแบบโศกนาฏกรรมหรอก ใช่ไหม?”

                “โอ ไม่หรอกค่ะ ดิฉันไม่คิดแบบนั้นเลย” มิสซิสมาร์ธาว่า แม้กระนั้นสีหน้าของเธอยังคงดูเป็นกังวล ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนกว่าเดิม

                “ผมรู้ว่าคุณรู้สึกว่ามันผิด ผมเข้าใจว่าด้วยกฎหมายแล้วมันผิด แต่กฎหมายเป็นสิ่งที่แก้ไขได้ ไม่แน่ว่าในอนาคต สักวันหนึ่ง เรื่องแบบนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมายอีกต่อไป มันอาจจะเกิดขึ้นในช่วงชีวิตของผมหรือคุณ หรืออาจจะไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้” เขาเว้นจังหวะเล็กน้อย “มีเรื่องหนึ่งที่ผมขอให้คุณรู้เอาไว้ ว่าพวกเราจะไม่ผิดต่อพระเจ้า พวกเราจะไม่ละเมิดข้อห้ามด้านร่างกาย ผมขอยืนยันอีกครั้ง ว่าระหว่างผมกับเขาคือความรัก มิใช่ความใคร่ที่น่ารังเกียจ”

                “โอ... ดิฉันคงต้องใช้เวลาทำใจสักระยะ” มิสซิสมาร์ธาว่า “มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกะทันหันและน่าตกใจมาก... แต่วางใจเถอะค่ะ ดิฉันจะไม่ปริปากบอกเรื่องนี้กับใคร”

                “ผมหวังว่าคุณจะทำใจได้ในเร็ววัน และหวังว่าคุณจะไม่รังเกียจพวกเรา”

                มิสซิสมาร์ธามองเขาอึดใจ “ดิฉันจะพยายามค่ะ ท่านลอร์ด”

---------------------------------

                กอร์ดอนเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะ ในตอนที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินกลับมาที่ห้องอาหาร ใบหน้าของเขาซีดจนน่ากลัว ดวงตาสีฟ้ามองมาอย่างสิ้นเรี่ยวแรง

                “เป็นอย่างไรบ้างครับ? เธอว่าอะไรบ้าง?”

                เขาพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ลอร์ดโทรว์บริดจ์รู้สึกปวดไปทั้งหัวใจ เขาเดินไปหาช่างตัดเสื้อ “เราจะไปคุยเรื่องนี้กันในห้องคุณ คุณลุกไหวไหม?”

                อีกฝ่ายพยักหน้า เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ และใช้ความพยายามอย่างมากในการเดินขึ้นบันได เดวิดมองนายจ้างของเขาด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะหันมามองลอร์ดหนุ่ม

                “ท่านลอร์ดครับ...”

                “ฉันจะอธิบายเรื่องนี้ให้เธอฟังทีหลัง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ฉันต้องจัดการเรื่องกอร์ดอนก่อน”

                “ตกลงครับ”

                ทันทีที่ประตูห้องปิดลง กอร์ดอนร้องไห้ออกมาทันที “โอ... จอห์น ความผิดผมทั้งหมด ผมจะรับผิดเอง คุณอย่ามาเสียคนเพราะผมเลย”

                “ใจเย็นๆ ก่อน กอร์ดอน” ลอร์ดหนุ่มปลอบฝ่ายนั้น “ผมคุยกับมิสซิสมาร์ธาแล้ว เธอเข้าใจเรื่องของพวกเรา”

                “โอ... จริงหรือครับ?” กอร์ดอนมองเขาอย่างไม่อยากเชื่อ ลอร์ดหนุ่มพยักหน้า

                “อืม อย่างน้อยๆ เธอก็สัญญาว่าจะไม่บอกใคร”

                “อา...”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์จับไหล่ฝ่ายนั้นไว้ “อย่ากังวลไปเลยกอร์ดอน ผมจะพาคุณไปคุยกับมิสซิสมาร์ธา คุณจะได้สบายใจ เธอไม่มีเหตุผลอะไรที่จะเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้คนอื่นฟัง เว้นเสียแต่ว่าเธอเกลียดผมหรือคุณมาก แต่ผมแน่ใจว่าเธอไม่ได้รู้สึกกับเราแบบนั้น”

                “แต่เธอคงจะรังเกียจ” กอร์ดอนว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์ใช้มือเช็ดน้ำตาบนแก้มเขา

                “ไม่หรอก คุณต้องเชื่อผม ผมคิดว่าเธอจะรับเรื่องของเราได้ อย่าร้องไห้เลยนะยอดรักของผม ผมไม่มาที่นี่เพื่อจะทำให้คุณทุกข์ใจแบบนี้”

                “เป็นความผิดของผมเอง” กอร์ดอนว่า “ผมควรจะรู้จักยับยั้งชั่งใจกว่านี้ ผมควรจะคิดมากกว่านี้”

                “ไม่ใช่สักหน่อย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดพลางยิ้ม “ผมเป็นฝ่ายจูบคุณก่อนนะ แต่ผมดีใจมากที่คุณโผเข้ากอดผมในทันที มันทำให้ผมมีความสุขมาก คุณคิดถึงผมมากใช่ไหม?”

                กอร์ดอนพยักหน้า

                “ผมก็คิดถึงคุณ คิดถึงคุณอยู่ตลอดเวลา” ลอร์ดโทรว์บริดจ์กระซิบ เขาประคองใบหน้าของช่างตัดเสื้อไว้ด้วยสองมือ และแนบริมฝีปากลงไปอีกครั้ง กอร์ดอนจูบตอบฝ่ายนั้น เขายกสองมือขึ้นประคองศีรษะของลอร์ดโทรว์บริดจ์เอาไว้ พวกเขาประโลมจูบให้กันและกันเป็นเวลานาน แม้จูบจะไม่ได้มีมนต์วิเศษอย่างที่ใครบรรยายเอาไว้ แต่ความรู้สึกที่ส่งผ่านกันก็ทำให้สีหน้าของกอร์ดอนดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มให้เขาหลังจากผละริมฝีปากออก ช่างตัดเสื้อยิ้มตอบ ก่อนจะหัวเราะออกมา

                “ผมนี่บ้าจัง”

                “ทำไมหรือ?”

                คนถูกถามหน้าแดงจนถึงใบหู “ไม่รู้สิครับ จู่ๆ ผมก็รู้สึกว่า ผมไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรอีกแล้ว เพราะผมมีคุณอยู่ตรงนี้”

                “ใช่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “คุณไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น เพราะผมจะอยู่กับคุณ เราจะอยู่เคียงข้างกันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะไม่ปล่อยมือจากกัน ผมสัญญา”

                “ครับ ผมสัญญา”

                พวกเขาจูบกันอีกครั้ง ก่อนที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์จะพูดขึ้นต่อ “มาเถอะ ผมจะพาคุณไปหามิสซิสมาร์ธา คุณจะได้สบายใจเรื่องเธอ”

------------------------------------------------

                มิสซิสมาร์ธายังคงอยู่ในห้องครัว เธอกำลังย่างหมูอยู่ตอนที่ชายหนุ่มทั้งคู่เดินเข้าไป

                “โอ้ ท่านลอร์ด ดิฉันกำลังเตรียมมื้อค่ำให้คุณอยู่ค่ะ ดิฉันคิดว่าคุณคงยังไม่ได้กินมา”

                “โอ...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ มิสซิสมาร์ธาเดินเข้ามาหาพวกเขา

                “จะว่าอะไรไหมคะ ถ้าดิฉันขอเวลาพูดกับมิสเตอร์โอเดนเบิร์กสักเล็กน้อย”

                “อ๋อ ได้สิ ผมจะไปรอที่ห้องอาหาร” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า เขาโค้งให้อีกฝ่าย แล้วเดินออกไปทันที กอร์ดอนมองหน้ามิสซิสมาร์ธาอย่างเป็นกังวล

                “มิสซิสมาร์ธา... ผม...”

                “อย่าทำหน้าแบบนั้นเลยค่ะ คุณโอเดนเบิร์ก” เธอพูด แล้วยิ้มให้เขา “ฉันยอมรับว่าค่อนข้างตกใจมาก มันเป็นเรื่องกะทันหัน และคาดไม่ถึง แต่ฉันไม่ว่าอะไรคุณหรอก” เธอสูดหายใจ ก่อนจะพูดต่อ

                “ฉันเห็นคุณมาตั้งแต่คุณยังเป็นเด็กหนุ่มอายุสิบหกสิบเจ็ด ฉันรู้สึกเหมือนคุณเป็นคนในครอบครัวคนหนึ่ง ถึงฉันจะตกใจมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ฉันก็ดีใจ... ดีใจที่คุณได้พบกับคนที่รักคุณมาก”

                กอร์ดอนน้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ มิสซิสมาร์ธาดึงตัวเขาเข้ามากอด “โอ... ที่รัก อย่าร้องไห้เลย มันไม่มีเรื่องอะไรน่าเสียใจสำหรับคุณสักหน่อย”

                ช่างตัดเสื้อพยักหน้า เขากอดมิสซิสมาร์ธาเอาไว้ “ขอบคุณมาก ขอบคุณ”

---------------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์กลับมานั่งที่โต๊ะอาหาร เขาสั่งให้เดวิดไปบอกโอลิเวอร์ว่าเขาจะอยู่กินมื้อเย็น พอเด็กหนุ่มกลับมาอีกครั้ง เขาก็ชี้นิ้วสั่งให้นั่งลง

                “เดวิด เธอเห็นตอนที่กอร์ดอนกอดฉันใช่ไหม?”

                เด็กหนุ่มพยักหน้า เขาเงยหน้าขึ้นมองลอร์ดหนุ่มอย่างตั้งคำถาม ฝ่ายนั้นมองตอบเขา ก่อนจะพูดต่อ

                “จำเรื่องที่เธอเคยหลุดปากล้อฉันได้ไหม?”

                “โอ...”

                “เรื่องที่เธอคิดว่าฉันจะขอนายจ้างของเธอแต่งงานน่ะ”

                “คะ... ครับ”

                “ฉันตั้งใจจะทำแบบนั้นจริงๆ เสียแต่ไม่มีใครรับรองการแต่งงานระหว่างฉันกับเขาได้”

                เดวิดอ้าปากค้าง ลอร์ดโทรว์บริดจ์จ้องเขา ก่อนจะเน้นคำพูดทีละคำ “ฉันรักอยู่กับนายจ้างของเธอ เรื่องนี้เป็นความลับมาก”

                เด็กหนุ่มกะพริบตามองอีกฝ่ายอยู่เป็นนาน ท้ายที่สุดก็ครางออกมา “โอ้ ให้ตาย... นี่คุณไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหมครับ?”

                “ฉันดูเหมือนล้อเล่นหรือ?”

                “อา...” เดวิดคราง ก่อนจะสั่นศีรษะ “แต่... แต่มันผิดมากนี่ครับ”

                “ใช่ ผิดกฎหมายร้ายแรงมาก” ลอร์ดหนุ่มว่า “เธอจะเล่าเรื่องนี้ให้คนอื่นฟังใช่ไหม?”

                “ผมไม่เล่าหรอกครับ คงไม่มีใครเชื่อผม”

                “ถ้ามีคนเชื่อล่ะ ถ้ามีคนให้ผลประโยชน์กับเธอ ให้เงินเธอสักหลายร้อยหลายพันปอนด์ เพื่อให้เธอเล่าเรื่องนี้ เธอจะไม่เล่าให้เขาฟังเชียวหรือ?”

                “ผมไม่ใช่คนเห็นแก่เงินแบบนั้นหรอกครับ” เดวิดหน้าเครียดขึ้นมา “ผมรู้ว่าถ้าเล่าไป มิสเตอร์โอเดนเบิร์กจะโดนลงโทษสถานหนัก ผมไม่มีเหตุผลที่จะต้องทำกับเขาแบบนั้น เขาช่วยครอบครัวผมไว้ เขาเป็นนายจ้างที่ดีมาก”

                “แน่ใจหรือ?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ย้ำ “วันหนึ่งเธออาจจะเข้าตาจนขึ้นมา ถึงตอนนั้นเธอจะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เงินมาใช้ เงินน่ะมันไม่เข้าใครออกใครหรอกนะ”

                “ไม่มีทางหรอกครับ” เดวิดว่า “ให้ตาย คุณล้อเล่นแรงเกินไปแล้ว ผมไม่ขำนะครับ เรื่องนี้มันคอขาดบาดตายมากเลยนะ”

                “ใช่ ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องคอขาดบาดตายมาก และฉันก็ไม่ได้ล้อเล่นเลยแม้แต่นิดเดียว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดเสียงเครียด “ฉันไม่จำเป็นต้องบอกเธอเรื่องนี้ เดวิด แต่ฉันตัดสินใจบอกเธอ ฉันอยากแน่ใจว่าเธอจะไม่ทรยศต่อนายจ้างของเธอ ฉันไม่อยากให้เขาถูกโดดเดี่ยวจากคนใกล้ชิด เรื่องที่ฉันบอกเธอเป็นเรื่องจริง และฉันจะบอกเธออีกครั้งว่าฉันกับกอร์ดอนเป็นคนรักกัน พวกเราเป็นคู่รัก”

                เดวิดอ้าปากกว้างกว่าเดิม ขณะที่ลอร์ดหนุ่มพูดต่อ “เพราะงั้นเธอไม่ต้องสงสัยว่าทำไมฉันถึงเทียวเวียนมาที่นี่แทบทุกวัน ชวนเขาไปนั่นไปนี่แทบตลอดเวลา ไม่มีผู้ชายคนไหนที่อยากอยู่ห่างจากคนรักของเขาหรอก”

                “โอ... ให้ตาย” เดวิดครางออกมาอีกครั้ง เขาขบริมฝีปาก ก่อนจะโพล่งออกมา “ผมก็สงสัยอยู่แล้วเชียว ว่ามันไม่ปกติ”

                “ใช่ และเธอจะเล่าเรื่องนี้ให้แม่เธอฟัง ให้เพื่อนเธอฟังใช่ไหม? มันน่าเล่าไม่น้อยเลยนี่”

                “โอ้! คุณดูถูกผมเกินไปแล้วนะครับ” เด็กหนุ่มพูดฉุนๆ “ผมรู้หรอกน่าว่าอะไรควรพูดไม่ควรพูด”

                “งั้น... แสดงว่าเธอจะไม่เล่า”

                “แน่นอนครับ”

                “แล้วเธอจะรังเกียจฉันกับกอร์ดอนไหม?”

                “ผมไม่มีเหตุผลที่จะรังเกียจอะไรพวกคุณนี่”

                “จริงหรือ?”

                เดวิดมองเขาอึดใจ “ผมรู้หรอกครับว่ามิสเตอร์โอเดนเบิร์กเป็นคนสวยมาก อันที่จริงถ้าเขาเป็นผู้หญิง ผมคงแอบหลงอยู่เหมือนกัน คุณอาจจะ... เอ่อ... คิดนอกกรอบกว่าผมหน่อย ผมหมายถึง มันก็ไม่แปลกอะไรที่คุณจะ... จะนึกชอบเขา”

                “ฉันรักเขา” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “และฉันจะดีใจมากถ้าเธอจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับอย่างที่สุด เพราะถ้าเกิดมีใครรู้เข้า ระหว่างฉันกับเขามันจะกลายเป็นโศกนาฏกรรมทันที”

                “ผมรับรองว่าจะหุบปากให้สนิทเลยครับ”

                “แน่นะ”

                “แน่นอนที่สุดครับ”

                “จะไม่บอกใครแม้แต่แม่ของเธอใช่ไหม?”

                “ครับ ผมจะไม่บอกใครแม้แต่คนเดียว”

                “ดีมาก”

                เดวิดมองฝ่ายนั้น ก่อนจะค่อยๆ พูดออกมา “ผมชอบให้คุณมาที่นี่นะครับ เพราะตั้งแต่คุณมา ทุกอย่างเปลี่ยนไปเยอะมาก”

                “งั้นหรือ เธอคงชอบใจชุดน้ำชา”

                “โอ ผมไม่ใช่มิสซิสมาร์ธาหรอกครับ” เด็กหนุ่มรีบปฏิเสธ “ผมชอบเพราะคุณเท่ และคุณโอเดนเบิร์กก็ดูมีความสุขขึ้นด้วย เขาอารมณ์ดีมากทีเดียว ผมไม่เคยเห็นเขาอารมณ์ดีแบบนี้มาก่อน”

                “คนมีความรักต้องอารมณ์ดีทุกคนอยู่แล้ว”

                เดวิดหัวเราะออกมา “คุณเปิดเผยมากนะครับ เป็นคนอื่นคงฆ่าผมแน่”

                “มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเธอปากโป้งแค่ไหนน่ะนะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “แต่โดยปกติฉันเป็นคนเปิดเผยมากอยู่แล้ว”

                “วางใจเถอะครับ ผมจะหุบปากให้สนิท ผมชอบให้คุณอยู่กับมิสเตอร์โอเดนเบิร์ก ผมชอบพวกคุณทั้งคู่เลย”

------------------------------------


ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
                กอร์ดอนกลับมานั่งกินมื้อค่ำกับลอร์ดโทรว์บริดจ์ในห้องอาหารเล็กๆ ของเขา สีหน้าของช่างตัดเสื้อดูดีขึ้นมาก เขาเล่าเรื่องมิสซิสมาร์ธาให้ลอร์ดหนุ่มฟัง อีกฝ่ายจึงตอบแทนเขาด้วยการเล่าเรื่องที่เพิ่งพูดกับเดวิดเมื่อครู่

                “โอ้ ให้ตาย... คุณเล่าให้เดวิดฟังแบบนั้นเลยหรือครับ” กอร์ดอนมองเขาด้วยความประหลาดใจระคนตกใจ ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า

                “ใช่ ไหนๆ เขาก็คงต้องรู้สักวันอยู่แล้วนี่ อีกอย่างเขาก็ตกใจมากตอนเห็นคุณโผเข้ากอดผม ถึงผมไม่เล่า เขาก็ต้องสงสัยอยู่ดี”

                กอร์ดอนหน้าแดงอีกครั้ง “ผมนี่โง่ชะมัดเลย”

                “ไม่เอาน่า ก็คุณรักผมนี่ คนรักกันต้องคิดถึงกันมากเป็นธรรมดาอยู่แล้ว”

                “คุณพูดเหมือนมันเป็นเรื่องปกติเลยนะครับ”

                “ก็มันเป็นเรื่องปกติ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ “บอกคุณตรงๆ นะ ผมรู้สึกโล่งใจมากที่ได้บอกพวกเขาทั้งสองคนให้รู้เรื่องนี้ มันทำให้ผมรู้สึกว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้มากขึ้น”

                กอร์ดอนถอนหายใจเฮือก “ผมเองก็รู้สึกโล่งใจอยู่เหมือนกันครับ พวกเขาก็มีปฏิกิริยาต่อเรื่องนี้ต่างจากที่ผมคิดเอาไว้เยอะเลย”

                 ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มให้ฝ่ายนั้น “นั่นเพราะพวกเขารักคุณไงล่ะ ผมบอกแล้วว่าเราไม่ควรให้ความกลัวมาอยู่เหนือความรัก ผมเชื่อในรัก และผมเชื่อว่าคุณเป็นคนที่เต็มไปด้วยความรัก พระเจ้าไม่ทอดทิ้งคนอย่างคุณหรอก”

                กอร์ดอนมองเขายิ้มๆ “คุณช่างเป็นคนที่มีความเชื่อมั่นอย่างเหลือเชื่อเลยครับ คุณทำให้ผมรู้สึกว่าเรื่องทุกอย่างจะต้องเป็นไปได้”

                “แน่นอน”

                “แล้ว... คุณไปทำอะไรที่มิลตันครับ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้ว “จอร์จยังไม่ได้บอกคุณหรือ?”

                “บอกแล้วครับ แต่ผมอยากฟังจากปากคุณมากกว่า”

                “ท่านดยุกเชิญผมไปงานวันเกิด อันที่จริงแล้วผมโดนหลอก เพราะพ่อบอกผมว่าจะส่งผมไปเป็นตัวแทน แต่ปรากฏว่าท่านดยุกระบุว่าเชิญผมแต่แรก”

                “โอ...” กอร์ดอนคราง “ทำไมท่านมาร์ควิสถึงไม่บอกคุณล่ะครับว่าท่านดยุกเชิญคุณ”

                “เพราะเขารู้ว่าผมจะต้องปฏิเสธน่ะสิ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ปกติแล้วงานแบบนี้จะเป็นงานสังสรรค์ของพวกผู้ใหญ่ บางคนอาจจะพาลูกสาวไปไปด้วย ถ้าอีกฝ่ายมีลูกชาย ในทางกลับกัน บางคนอาจจะพาลูกชายของเขาไป ถ้าอีกฝ่ายมีลูกสาว ผมน่ะปฏิเสธที่จะไปงานพวกนี้มาหลายครั้งแล้ว พ่อคงรู้แกว คราวนี้เลยต้มผมเสียเปื่อย แต่ถึงเขาทำแบบนี้อีกผมก็คงต้องไปอยู่ดี เพราะไม่แน่ว่ามันอาจจะเป็นเรื่องฉุกเฉินจริงๆ ก็ได้”

                กอร์ดอนพยักหน้า “ได้ยินว่าบุตรีของท่านดยุกเป็นสาวสวยมาก”

                “ใช่ และเธอซนมาก ถ้าผมมีน้องสาวก็คงจะซนแบบนี้นี่แหละ”

                “แล้วเธอเป็นอย่างไรบ้างครับ ผมหมายถึง.... ในสายตาคุณน่ะ”

                “ผมรู้สึกกับเธอเหมือนน้องสาว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะถอนหายใจ “ผมบอกคุณตรงๆ เลยนะกอร์ดอน ว่ามีเรื่องหลายอย่างเกิดขึ้นระหว่างผมกับเธอ ในช่วงที่ผมอยู่ที่นั่น ผมไม่อาจเล่าได้ทั้งหมดเพราะมันอาจจะเป็นการหมิ่นเกียรติของเธอ แต่ผมยืนยันว่าผมไม่มีความรู้สึกอะไรให้เธอมากไปกว่าความเป็นพี่น้อง ซึ่งมันทำให้เธอผิดหวังมาก”

                กอร์ดอนพยักหน้า ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขา “เธอถามถึงคุณด้วย”

                “หา?!”

                “เธอถามว่าคนรักของผมสวยมากไหม? คุณรู้ไหมผมตอบว่าไง”

                “โอ... คุณคงไม่บอกเธอไปใช่ไหมครับว่าผมเป็นผู้ชาย”

                “ไม่ ผมยังไม่บ้าขนาดนั้น” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “แต่ผมบอกเธอไปว่าคนรักของผมสวยมาก สวยที่สุดในสายตาผม ทุกอย่างที่ผมควรรักอยู่ในตัวคุณ”

                “ให้ตาย...” กอร์ดอนหน้าแดงด้วยความเขิน “เธอไม่เสียใจแย่หรือครับ”

                “แน่นอน ผมว่าเธอผิดหวังมาก ช่วยไม่ได้ เพราะตั้งแต่เห็นคุณครั้งแรก ผมก็ให้หัวใจคุณไปทั้งดวงแล้ว”

                กอร์ดอนหน้าแดงกว่าเดิม ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขยับมาจับมือเขาเอาไว้ “ผมรักคุณมากนะ กอร์ดอน ผมแทบจะหายใจเข้าออกเป็นคุณอยู่แล้ว วันจันทร์ผมจะมารับคุณไปที่สนามแบตเตอร์ซี พอซ้อมรักบี้เสร็จแล้วผมจะพาคุณไปกินมื้อเย็น และผมอยากจะแวะที่ห้องคุณสักพักเพื่อแสดงความรักกับคุณสักเล็กน้อย ผมว่ารถม้ามันแคบไป”

                กอร์ดอนหน้าแดงจนถึงใบหู ก่อนจะอุทานอย่างนึกขึ้นได้ “โอ้!”

                “มีอะไรหรือ?”

                “อ๋อ เปล่าครับ” ช่างตัดเสื้อรีบปฏิเสธ “ผมแค่เพิ่งนึกได้ว่าคุณมีซ้อมรักบี้วันจันทร์”

                “ใช่ แต่คนคงไม่เยอะนักหรอก ผมว่าเผลอๆ อาจจะมีแค่จอร์จกับแมกซ์ แล้วก็เอ็ดดี้ คนอื่นๆ ไม่น่าจะว่างกัน”

                กอร์ดอนพยักหน้า “ครับ งั้นผมจะรอคุณ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขยับมาจูบแก้มของช่างตัดเสื้อ “ผมรักคุณ ยอดรัก”

                “ผมก็รักคุณเหมือนกันครับ”

---------------------------------------------

                เลดี้บาธสวมเสื้อคลุมและเดินมายังโถงทางเดิน ก่อนจะเอ่ยทักลูกชายคนเดียวของเธอด้วยความดีใจระคนประหลาดใจ

                “โอ... จอห์น ทำไมลูกไม่โทรเลขมาบอกว่าจะกลับล่ะจ๊ะ แม่คิดว่าลูกยังติดอยู่ที่มิลตัน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์คลี่ยิ้มให้แม่ของเขา “ผมอยากทำให้แม่แปลกใจครับ”

                เลดี้บาธดึงตัวลูกชายมากอดอย่างรักใคร่ ก่อนจะจูงมือเขาเดินไปตามทางเดิน

                “ไหนเล่าให้แม่ฟังสิจ้ะ ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น ทำไมลูกถึงต้องเลื่อนวันกลับไปตั้งหลายวัน เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์เป็นสาวสวยมากใช่ไหมจ๊ะ?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ แล้วจึงเล่าเรื่องระหว่างเขาและเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ให้แม่ของเขาฟัง

                “เธอเป็นผู้หญิงที่หัวสมัยใหม่มาก ผมว่าแม่อาจจะไม่ค่อยชอบเธอ แต่ถ้าเธอเป็นน้องสาวของผม ผมจะชอบเธอมาก”

                “โอ้... แม่เคยอยากได้ลูกสาวจ้ะ” เลดี้บาธว่า “เสียดายที่แม่มีลูกแค่คนเดียว”

                “พ่อนอนหรือยังครับ?”

                “ยังจ้ะ เขาอยู่ในห้องหนังสือ เขาคงดีใจถ้าลูกเข้าไปตอนนี้”

                “ครับ”

                ลอร์ดบาธกำลังเขียนจดหมายอยู่ ตอนที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์เปิดประตูเข้าไป เขาถอดแว่นสายตาออก แล้วเอ่ยทักลูกชาย

                “ไง จอห์น โผล่มาเสียดึกเลยนะ กะจะย่องเข้าบ้านไม่ให้พ่อกับแม่รู้ตัวหรือไง?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ ก่อนจะลากเก้าอี้มานั่ง “ผมตั้งใจมาทำเซอร์ไพรส์พ่อกับแม่ครับ”

                “อืม... แต่รถไฟเที่ยวสุดท้ายจากมิลตันเข้าตั้งแต่ทุ่มหนึ่งนี่ ทำไมแกถึงมาเอาป่านนี้ล่ะ? พ่อว่าแกตั้งใจไปแวะที่ไหนก่อนมากกว่า” ลอร์ดบาธหรี่ตามองลูกชายอย่างรู้ทัน ลอร์ดโทรว์บริดจ์เม้มปากเล็กน้อย

                “แหม... พ่อครับ ก็ผมเป็นผู้ชาย”

                ผู้เป็นพ่อมองเขาก่อนจะถอนใจ “เป็นไงบ้างล่ะ ที่มิลตันน่ะ ทำไมถึงกลับช้ากว่ากำหนดตั้งหลายวัน มีเรื่องเกิดขึ้นหรือ?”

                “มีเรื่องนิดหน่อยครับ” ลอร์ดหนุ่มตอบ ก่อนจะเล่าเรื่องระหว่างเขากับเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ให้พ่อของเขาฟัง พอฟังจบ ลอร์ดบาธก็ยิ้มออกมา

                “ดูเธอปราบพยศแกอยู่เลยนะ”

                “โอ... เพราะเธอเป็นผู้หญิงหรอกครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ถ้าเธอไม่ใช่ผมคงจะรีบกลับมาแล้ว”

                “อ้าว ก็ถูกแล้วไง เธอเป็นผู้หญิง” ลอร์ดบาธว่า “เป็นผู้หญิงคนแรกเสียด้วยที่รั้งแกเอาไว้ได้ตั้งหลายวัน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทำหน้าบอกบุญไม่รับ “ผมไม่คิดจะแต่งงานกับเธอหรอกครับ ผมคงปวดหัวตาย”

                “งั้นหรือ พ่อคิดว่าแกน่าจะเข้ากับเธอได้ดีเสียอีก ไม่ชอบผู้หญิงที่ชอบเล่นกีฬาหรือไง?”

                “ไม่ครับ ถ้าผมต้องเลือกระหว่างเธอกับแคทเธอรีน ผมเลือกแคทเธอรีนดีกว่า”

                “งั้นหรือ...” ลอร์ดบาธพยักหน้า เขามองลอร์ดลูกชายอีกพัก ก็ถามต่อ “แล้วคนรักลับๆ ที่แกคิดว่าไม่คู่ควรกับตำแหน่งของแก เป็นผู้หญิงแบบไหนล่ะ?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์อึ้งไปนาน “โอ... ผมไม่คิดว่าพ่อจะถาม”

                “ที่จริงพ่อควรจะถามถึงเธอมาตั้งนานแล้ว” ลอร์ดบาธว่า “เธอเป็นผู้หญิงแบบไหน นิสัยยังไง เล่าให้พ่อฟังได้ไหม?”

                “เธอ... น่ารักมากครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดเขินๆ “เธอค่อนข้างสงวนท่าที พูดจาสุภาพ เธอไม่เคยเข้าโรงเรียน แต่เขียนหนังสือสวยมาก”

                “งั้นหรือ แกชอบเธอตรงไหนล่ะ?”

                “ทุกที่เลยครับ” ลอร์ดหนุ่มตอบ “ผมไม่มีเหตุผลอะไรให้ไม่ชอบเธอ”

                “อ้อ... เธอเล่นกีฬาไหม? เล่นดนตรีเป็นไหม? ทำกับข้าวเก่งรึเปล่า?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “ข้อหลังไม่ใช่คุณสมบัติของเลดี้นี่ครับ”

                “มันเป็นคุณสมบัติทั่วไปที่สาวชาวบ้านควรมี” ลอร์ดบาธว่า “เธอน่าจะทำกับข้าวเก่ง”

                “โอ... ผมไม่ทราบหรอกครับ แต่คิดว่าเธอคงทำไม่เป็น เธอไม่เล่นกีฬา ไม่เล่นดนตรี เธอไม่มีคุณสมบัติของเลดี้หรือที่สาวชาวบ้านควรมีเลย ถ้าพ่อคิดว่าอย่างนั้น แต่ผมก็ยังชอบเธอ”

                ลอร์ดบาธถอนหายใจเฮือก “พ่อเข้าใจ บางทีเวลาเรารักใครสักคน มันไม่มีเหตุผลหรอก”

                “ครับ มันไม่มีเหตุผลเลย”

                “แต่เมื่อเราต้องใช้ชีวิตร่วมกับคนคนนั้น เราต้องมีเหตุผลมากมายทีเดียว”

                “.....”

                “พ่อเคยพบรักกับสาวคนหนึ่ง ก่อนหน้าจะเจอกับแม่ของแก เธอเป็นผู้หญิงผมดำ ตาโตสีเทา ดวงตาของเธอมีเสน่ห์แบบลึกลับ เธอเป็นลูกสาวของช่างทำหมวก พ่อบังเอิญพบเธอในตอนที่ไปสั่งทำหมวก แน่นอนว่าพ่อจีบเธออย่างไม่ลังเล ตอนนั้นพ่อรู้สึกว่าเธอคือทั้งชีวิตของพ่อ”

                “โอ...”

                “แต่พอเราเริ่มรู้จักกันมากขึ้น พ่อก็พบว่าระหว่างพ่อกับเธอ มันไม่ใช่ความรัก มันเป็นแค่ความหลง มันเหมือนภาพลวงตา ที่วันหนึ่งเราก็ค้นพบว่ามันไม่ใช่ความจริง มากกว่าความต้องการด้านร่างกาย พ่อต้องการผู้หญิงที่พร้อมจะเป็นภรรยาที่ดี และเป็นแม่ที่ดีของลูก สุดท้ายพ่อก็เลิกกับเธอ และพ่อก็ได้เจอกับแม่ของแก ผู้หญิงที่ดีพร้อมสำหรับพ่อ พ่อไม่เคยนึกเสียใจเลยที่แต่งงานกับเธอ สำหรับพ่อ แม่ของแกเป็นยิ่งกว่ายอดรัก เธอเป็นยอดดวงใจ เป็นทุกอย่างที่ทำให้พ่อมีทุกวันนี้”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มออกมา “ถ้าแม่มาได้ยิน แม่คงต้องปลื้มใจมากแน่ๆ”

                “พ่อบอกแม่แกทุกคืน ว่าเธอคือยอดดวงใจ ยอดหญิงที่พ่อขาดไม่ได้” ลอร์ดบาธพูดยิ้มๆ “ความรักที่พ่อมีให้แม่ของแกมันยิ่งลึกซึ้งไปตามเวลา พ่อรักเธอยิ่งกว่าวันแรกที่เจอกัน และพ่อแน่ใจว่าวันพรุ่งนี้พ่อจะรักเธอยิ่งกว่าเดิม”

                “อา...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองพ่อของเขาอย่างประทับใจ ลอร์ดบาธยกมือตบไหล่ลูกชาย

                “ไม่ต้องรีบหรอกจอห์น ให้เวลาพิสูจน์ความรัก สักวันแกจะรู้ว่าใครที่เหมาะสมกับแก”

-----------------------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เปลี่ยนเสื้อผ้าและทิ้งตัวลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะเขียนหนังสือในห้องนอน เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าของกอร์ดอนออกมาแล้วคลี่มันออก ตัวอักษร G.O. มองดูเด่นชัดใต้แสงตะเกียง เขาลูบมือลงไปบนอักษรด้ายปักนั้นเบาๆ พลางนึกถึงผู้เป็นเจ้าของ

                ภาพของกอร์ดอนที่นั่งขะมักเขม้นอยู่หน้าจักรปรากฏขึ้นในห้วงสำนึกของเขา ภาพที่ฝ่ายนั้นกำลังตั้งอกตั้งใจเย็บกระดุมเสื้อสูทให้เขา ภาพมือของช่างตัดเสื้อที่มีทั้งร่องและไตเนื้อแข็งๆ ที่เกิดจากการเสียดสีกับกรรไกร ที่เขาได้เห็นในวันที่พบกันวันแรก ลอร์ดโทรว์บริดจ์แน่ใจว่านั่นไม่ใช่มือที่จะสวมแหวนได้อย่างสวยงาม แต่มันคือมือที่มีคุณค่า

                เขานึกทบทวนคำพูดของผู้เป็นพ่อ ที่เขามีให้กอร์ดอนคือความรักหรือความหลงกันแน่นะ?

                เขาหลงรักฝ่ายนั้นตั้งแต่แรกเห็น รักทั้งๆ ที่รู้ว่าฝ่ายนั้นเป็นผู้ชาย รักโดยที่รู้ว่าความรักที่เกิดขึ้นนั้นไม่มีทางจะดำเนินต่อไปได้ แต่เขาก็ยังดึงดัน และสุดท้าย เขาก็ได้ความรักตอบแทนกลับมา

                เขาเกิดและเติบโตมาในตระกูลขุนนางชั้นสูง ถูกสั่งสอนอบรมมาอย่างดี ทั้งกิริยามารยาท หน้าที่และความเคารพต่อเกียรติแห่งตระกูลและประเทศชาติ ชีวิตของเขาถูกขีดเส้นกำหนดเอาไว้แล้วตั้งแต่วินาทีแรกที่เขาลืมตาขึ้นมาดูโลก ในสายตาของคนทั่วไป เขาอาจจะดูน่าอิจฉา มีทุกอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ในชีวิต ทั้งเกียรติยศ ทรัพย์สินเงินทอง รูปโฉม แต่ใครจะรู้เล่าว่าน้ำหนักของสิ่งเหล่านี้มันมากมายมหาศาลเพียงไหน เขาต้องแบกรับภาระนี้ตั้งแต่ยังแบเบาะ และจะต้องแบกมันไปจนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต

                แต่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ไม่เคยรู้สึกว่าภาระนี้หนักจนเขาไม่อาจแบกรับไหว มีผู้ชายในตระกูลคาเว็นดิชหลายคนก่อนหน้าเขาที่ต้องแบกรับภาระเหล่านี้ และทั้งหมดก็สามารถแบกมันมาได้จนถึงรุ่นเขา ไม่ว่าจะเป็นปู่ของเขา หรือแม้แต่พ่อของเขา ไม่มีเหตุผลอื่นใดที่ตัวเขาจะไม่อาจแบกภาระนี้ต่อไปได้ เขาเต็มใจและรู้ดีถึงน้ำหนักและราคาของสิ่งที่ต้องแบกรับ

                เขาอาจจะไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างเป็นแบบแผนนัก แต่ทุกอย่างไม่อยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์ที่ถูกกำหนดเอาไว้แต่แรก

                สำหรับชีวิตรัก ลอร์ดโทรว์บริดจ์ไม่เคยมองว่ามันเป็นเรื่องยาก ที่เขาต้องทำคือแต่งงานกับผู้หญิงสักคน และมีลูกกับเธอ ด้วยความเป็นลูกคนเดียว แม้ว่าผู้หญิงที่เขารักจะเป็นเพียงคนชั้นสามัญ แต่หากเขาต้องการเธอมาเป็นภรรยาจริงๆ ก็ไม่มีใครสามารถห้ามเขาได้ เขาไม่เคยกังวลเรื่องนี้ จนกระทั่งได้พบกับกอร์ดอน

                เขาเห็นฝ่ายนั้นตั้งแต่เจ้าตัวเดินออกมาที่ถนน ซึ่งเขากำลังยืนรอรถม้าอยู่ เสื้อโค้ทเก่าๆ กับหมวกที่ดูเก่าพอกันไม่น่าจะเป็นที่สะดุดตาใครได้เลย แต่กลับสะดุดสายตาของเขาเข้าอย่างจัง ภายใต้หมวกแก๊ปใบเก่าๆ ใบหน้าที่งดงามที่สุดซ่อนอยู่ แว้บแรกลอร์ดโทรว์บริดจ์คิดว่าเขาได้เห็นทูตสวรรค์ หากสวรรค์คือสิ่งสวยงาม ทูตสวรรค์ก็คงต้องเป็นสิ่งที่สวยงาม และผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็สวยงามอย่างที่เขาไม่คิดว่าจะได้เห็นบนโลก

                เขาจ้องมองผู้ชายคนนั้นอย่างพิศวง ด้วยความสงสัยว่าสิ่งที่เขาเห็นเป็นความจริงหรือภาพลวงตากันแน่ เขาจึงเดินเข้าไปหาฝ่ายนั้นเพื่อจะทักทาย แต่ทว่ารถม้าคันนั้นก็พุ่งเข้ามา ด้วยสัญชาตญาณ เขาดึงตัวฝ่ายนั้นที่ไม่ได้มีท่าทีว่าจะรู้เรื่องอะไรที่เกิดขึ้นรอบตัวเข้ามากอดไว้ และหลังจากนั้นเขาก็ได้รู้ว่า สิ่งที่เขาเห็นคือมนุษย์ผู้มีเลือดเนื้อและลมหายใจ ผู้ชายที่มีชื่อว่ากอร์ดอน โอเดนเบิร์ก

                ความรักอุบัติขึ้นในทันที แม้สมองจะบอกเขาว่าฝ่ายนั้นเป็นผู้ชาย แค่เหตุผลข้อนี้ข้อเดียวก็มีน้ำหนักมากและรุนแรงพอที่จะทำให้เขา ‘ไม่รัก’ แต่หัวใจของเขากลับเต้นอย่างรุนแรงอยู่ในอก ความรู้สึกท่วมท้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่อาจใช้เหตุผลหรือหลักตรรกะใดมาหักห้ามได้เลย

                หลังการพบกันครั้งแรก ลอร์ดโทรว์บริดจ์เฝ้าถามตัวเองอยู่ตลอดเวลา ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขา ฉับพลันที่เขาเห็นหน้าผู้ชายคนนั้น เขากลับกลายเป็นคนวิกลจริตอย่างนั้นหรือ? เมื่อเห็นหน้าผู้ชายคนนั้น เขากลับกลายเป็นคนบาปแห่งเมืองโสดมผู้ถูกพระเจ้าสาปส่งอย่างนั้นหรือ? พระเจ้าส่งผู้ชายที่สวยงามราวกับเทวทูตมาให้เขาเห็นเพื่อที่พระองค์จะได้สาปส่งเขาอย่างนั้นหรือ? หรือซาตานส่งผู้ชายคนนั้นมาเพื่อที่จะทดสอบศรัทธาที่เขามีต่อพระเจ้ากันแน่?

                วันรุ่งขึ้น เขาหาหนทางเพื่อพบกับผู้ชายคนนั้นอีกครั้ง เขาค้นพบว่ากอร์ดอนเป็นเพียงช่างตัดเสื้อธรรมดา ที่ทำงานหนักจนแทบจะไม่ได้เงยหน้ามองใครเลย นี่หรือสิ่งที่ซาตานส่งมาล่อลวงเขา ผู้ชายหน้าตาสะสวยที่ก้มหน้าก้มตาทำงานตลอดเวลา และมีสีหน้าเบื่อหน่ายต่อทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต นอกจากเค้าหน้าแล้ว ไม่มีส่วนใดในตัวของผู้ชายคนนี้ที่น่าดึงดูดใจสักอย่าง แต่เขากลับไม่อาจละความสนใจที่มีต่อช่างตัดเสื้อคนนี้ได้

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ค้นพบว่าเขามีความปรารถนาอันแรงกล้า ที่จะเป็นคนซึ่งเติมรอยยิ้มที่ขาดหายให้กับกอร์ดอน เขาเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจ ว่านี่ไม่ใช่การล่อลวงจากซาตาน แต่เป็นการทดสอบจากพระผู้เป็นเจ้า พระองค์คงต้องการทดสอบความรักของเขา และเขาก็ตอบตกลงที่จะรับการทดสอบนั้นอย่างเต็มใจ

                รอยยิ้มแรกของกอร์ดอนสร้างความสุขให้กับเขาอย่างล้นเหลือ หัวใจของเขาเต็มปรี่ไปด้วยความปลาบปลื้ม เขารู้ทันทีว่าหัวใจของเขาเป็นของกอร์ดอนไปทั้งหมดแล้ว ความสุขของฝ่ายนั้นคือความสุขอย่างยิ่งของเขา และเขาปรารถนาที่จะได้อยู่ใกล้ชิดกับหัวใจของตัวเองตลอดเวลา และเมื่ออีกฝ่ายตอบรับความรู้สึกของเขาด้วยความรู้สึกแบบเดียวกัน ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็ไม่คิดที่จะปล่อยมืออีก

                 เขาแน่ใจว่ากอร์ดอนคือรักแท้ของเขา แม้เขาจะไม่ค่อยแน่ใจนักว่าสิ่งที่เขาทำลงไปหลังจากนั้นจะถูกต้องทั้งหมดหรือไม่ แต่เขาจะไม่ยอมวางมืออย่างเด็ดขาด เขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้เขากับกอร์ดอนได้ให้และมอบความรักต่อกันไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงวันที่พระเจ้าจะพิพากษาพวกเขา

                เขาอาจจะผิดต่อตระกูลที่ไม่ยอมแต่งงานและมีลูก แต่ตระกูลคาเว็นดิชก็ยังมีผู้รับช่วงต่ออีกมากมาย ต่างจากกอร์ดอน ไม่มีใครรับช่วงต่อความรักจากเขาได้

                การแต่งงานของเขาไม่ใช่เรื่องจำเป็นอย่างยิ่งยวดของตระกูลคาเว็นดิช แต่มันจะเป็นความเจ็บปวดอย่างเหลือแสนของกอร์ดอน โอเดนเบิร์ก

                และลอร์ดโทรว์บริดจ์ตกลงกับตัวเองว่าเขาจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด

------------------------------------------
(จบตอน)
*** เราไม่แน่ใจว่าท่านผู้อ่านคิดเหมือนเรามั้ย แต่เราชอบโมเม้นต์เวลาจอห์นอยู่กับกอร์ดอน เพราะมันจะเป็นช่วงเวลาที่รู้สึกว่า ผู้ชายอย่างจอห์นจะนำเราผ่านทุกอย่างไปได้ จะทำให้เรื่องที่ไม่มีทางเป็นจริง เป็นจริงได้ เป็นคนที่อยู่ด้วยแล้ววางใจได้ ฮ่าๆๆ เป็นคนรักของจอห์นนี่มันดีจริงๆ เลย (ไม่ใช่แค่จับไม้จับมือมองตานะจ๊ะ อเล็กซี่ เวลาเขารักนี่เขาทุ่มให้ทั้งชีวิตและจิตวิญญาณเลย)
.
ตอนนี้เป็นตอนที่ต้มมาม่ามาราดกันตั้งแต่5บรรทัดแรก อันที่จริงตอนเริ่มเขียนเราก็แอบคิดเหมือนกันว่ามันจะไปรอดมั้ย มาม่าลงอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่พอเขียนไปก็ค้นพบว่า เออ มันก็ไปได้นะ
.
ผู้หญิงเป็นเพศที่ยอมรับเรื่องบางอย่างง่ายกว่าผู้ชาย และมีความใจกว้างในโมเม้นต์ของความเป็นแม่อยู่นะเราว่า (อ้างอิงมาให้มิสซิสมาร์ธาที่ทำใจรับเรื่องนี้ได้อย่างรวดเร็ว คือก็ไม่เชิงว่ารับได้ทั้งหมด แต่ก็เอ็นดูและสงสารกอร์ดอนมากกว่าจะรังเกียจ อันที่จริงแล้วตัวกอร์ดอนเองก็เป็นที่น่าสงสารในสายตาคนอื่นอยู่แล้ว เพราะคนสวยมักอาพับ อายุตั้ง36แล้วไม่แต่งงานแต่งการ (สวยกว่าสาวไม่รู้จะทำไง))
.
ตอนหน้าเตรียมรับมือแผนของลอร์ดจอร์จที่จะทำเซอร์ไพรส์เพื่อน 555+ แน่นอนว่าขึ้นชื่อว่าจอร์จจะต้องไม่ธรรมดา (โอ๊ย แค่คิดก็ตลกตายชัก)
.
ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่า :hao7:

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ชอบที่จอห์นคิดนะว่านี่คือบททดสอบที่พระเจ้ามอบให้ คิดอีกทีความรักนั่นแหละคือพระเจ้า

คนเขียนสู้ๆ รอจอร์จจี้อยู่นะ

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
                กอร์ดอนน้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ มิสซิสมาร์ธาดึงตัวเขาเข้ามากอด “โอ... ที่รัก อย่าร้องไห้เลย มันไม่มีเรื่องอะไรน่าเสียใจสำหรับคุณสักหน่อย”

อยากบอกว่า อ่านถึงตรง  "มิสซิสมาร์ธาดึงตัวเขาเข้ามากอด"  เราน้ำตาไหลออกมาเองโดยไม่รู้ตัว
เป็นเอามากเหมือนกัน ดีนะอยู่คนเดียว / ชอบทุกตอนเลยนะ
 :กอด1:

ออฟไลน์ ciaiwpot

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1098
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
อดใจรอไม่ไหวแล้ว
ขนาดไม่แต่งหญิงยังสวยขนาดนี้
แต่งหญิงมาจะอดใจได้ไหม

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
จอห์นกับกอร์ดอนโชคดีมากที่คนข้างๆ เข้าใจ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
คนรักกัน จากกันไปนานๆ
พอเจอปั๊บ ก็ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง
ก็เลยทำแบบกอร์ดอน เจอจอห์นนี่แหละ

ดีที่มิสซิสมาธาร์ เดวิด รักกอร์ดอน
เลยทำให้ความรู้สึกเลวร้ายผ่านไป   o22 o22 o22

มันยากมากสำหรับจอห์น  :katai1: :katai1: :katai1:
ที่เป็นความหวังของพ่อแม่ที่ลุ้นให้แต่งงาน
จะห้ามว่าพอได้แล้ว หยุดได้แล้ว ก็พูดไม่ออก ห้ามไม่ได้  :z3: :z3: :z3:
        :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ต่างจากกอร์ดอน ไม่มีใครรับช่วงต่อความรักจากเขาได้

หลงรักจอห์นซ้ำ ๆ
เขาอาจจะยโส อหังการ์กับคนทั้งโลก
แต่เขาอ่อนโยนกับกอร์ดอนเสมอ

รอชมความซนของจอร์จ

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
Dear, My customer.

ตอนที่33 สาวงาม


                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันและลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ นั่งรถม้ามาที่ร้านของกอร์ดอนในช่วงบ่ายวันจันทร์ โชคดีที่ลูกค้าท่านหนึ่งเพิ่งออกไป และไม่มีลูกค้ารอคิวต่อ กอร์ดอนจึงมีเวลาพอจะเชิญทั้งคู่ไปนั่งดื่มชาในห้องอาหาร

                “จอห์นนี่กลับมาแล้ว เราเจอเขาที่โบสถ์” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “อันที่จริงถึงเขาไม่เล่า ฉันก็รู้อยู่แล้วว่าเขาจะต้องแวะมาหานายก่อน เขานัดกับนายเย็นนี้ใช่ไหม?”

                กอร์ดอนพยักหน้า “คุณรู้ได้ไงครับ?”

                “ก็เรามีนัดซ้อมรักบี้เย็นนี้ เขาต้องนัดนายต่ออยู่แล้ว ถ้าเป็นฉันฉันก็ต้องนัดเหมือนกัน” ลอร์ดหนุ่มพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “พวกนายสองคนเป็นคนรักกันนะ ทำอะไรฉันเดาออกหมดแหละ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หัวเราะหึๆ “นายอย่าแปลกใจเลยกอร์ดอน จอร์จน่ะมีประสบการณ์รักมามากกว่าพวกนายหลายเท่านัก”

                “อ้อ...” กอร์ดอนพยักหน้า ลอร์ดจอร์จ เฟลตันจึงพูดต่อ

                “นายยังจำเรื่องที่เราคุยกันเมื่อสัปดาห์ก่อนได้มั้ย? เรื่องที่เราจะทำให้จอห์นนี่แปลกใจตอนที่เขากลับมาน่ะ”

                “โอ้ ครับ ผมจำได้ ผมอยากคุยกับคุณเรื่องนี้เหมือนกัน”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยิ้มอย่างผู้ชนะ “แปลว่านายตกลง ดีมาก งั้นเดี๋ยวสี่โมงฉันจะมารับตัวนาย พวกเราจะทำให้จอห์นนี่แปลกใจเย็นนี้”

                “เดี๋ยวสิครับ เย็นนี้พวกคุณมีซ้อมรักบี้กันไม่ใช่หรือ?”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันสั่นศีรษะ “ฉันบอกยกเลิกแล้ว เพราะคนที่ว่างพอมาได้ก็มีแต่เอ็ดดี้ และฉันบอกเขาแล้วเมื่อวานว่าไม่ต้องมา แน่นอนว่าจอห์นนี่ยังไม่รู้เรื่องนี้ เย็นนี้เขาจะต้องแปลกใจมากแน่”

                “คุณจะให้เขาไปรอที่สนามแบตเตอร์ซีคนเดียวหรือครับ?” กอร์ดอนถามอย่างเป็นกังวล ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยักไหล่

                “เขาจะไม่ไปสนามแบตเตอร์ซีหรอก เพราะเขาจะต้องมาหานายที่นี่ก่อน และเขาจะต้องวุ่นวายใจมากที่นายไม่อยู่ที่ร้าน”

                “โอ้...”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันกวักมือเรียกกอร์ดอนเข้ามาแล้วกระซิบที่ข้างหู ช่างตัดเสื้อเบิ่งตากว้าง

                “จะทำแบบนั้นจริงๆ หรือครับ?”

                “ใช่” อีกฝ่ายพยักหน้า “ฉันแน่ใจว่ามันจะต้องสนุกมากแน่ นายไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ยิ่งทำให้เรื่องมันตื่นเต้นมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแปลกใจมากเท่านั้น”

                “งั้น...”

                “สี่โมงฉันจะมารับนาย”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้นมาระหว่างนั้น “กอร์ดอน นายจะตอบตกลงก็ได้นะ แต่ฉันอยากให้นายแน่ใจว่าจอร์จจะไม่ทิ้งนายกลางคันในเรื่องนี้”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันชายตามองเพื่อนรัก “นายไม่ต้องกังวลแทนกอร์ดอนไป ฉันหาชุดที่เหมาะกับตัวเองไว้แล้ว ทางที่ดีนายควรจะเตรียมตัวให้พร้อม สำหรับการเป็นคู่ควงสุภาพสตรีที่สง่างามที่สุดในลอนดอนจะดีกว่า”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยักไหล่ “แน่นอนจอร์จ หวังว่านายจะเป็นสุภาพสตรีที่สง่างามอย่างที่ว่าจริงๆ แล้วกัน”

                “นายคอยดูไว้เถอะ” ลอร์ดหนุ่มเชิดหน้าพูด ก่อนจะหันไปหาช่างตัดเสื้อ

                “เป็นอันว่าตกลงตามนี้นะกอร์ดอน”

                “ครับ”

--------------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์แทบจะอดทนรอไม่ไหวที่จะได้พบกับคนรัก พอใกล้เวลาสี่โมง เขาก็นั่งรถม้าออกจากคฤหาสน์ทันที ลอร์ดหนุ่มเตรียมเสื้อผ้าชุดที่ดีที่สุดไปเพื่อเปลี่ยนหลังจากซ้อมรักบี้เสร็จ เขาวางแผนจะเปิดห้องในภัตตาคารเดียวกับที่เคยจัดเลี้ยงเจ้าตัวเมื่อครั้งที่ได้รู้จักกันใหม่ๆ คราวนี้จะมีเพียงแค่พวกเขาสองคนบนโต๊ะเท่านั้น พอนึกภาพที่จะได้นั่งกินมื้อค่ำท่ามกลางแสงเทียน ได้มองดูฝ่ายนั้นค่อยๆ ละเลียดคาร์เวียสีทอง แค่คิดเขาก็อยากจะข้ามช่วงเวลาที่ใช้ซ้อมรักบี้ไปเป็นเวลามื้อเย็นเลย ชายหนุ่มเตรียมข้ออ้างกับเพื่อนๆ ไว้หลายอย่าง เขาแน่ใจว่าลอร์ดจอร์จ เฟลตันจะช่วยเขาจัดการในเรื่องนี้

                แต่ทว่าเมื่อถึงร้านของกอร์ดอน เขากลับพบลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยืนหน้าเครียดอยู่ในร้าน ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบเดินเข้าไปหาเพื่อนรัก

                “แมกซ์ มีอะไร ทำไมนายถึงอยู่ที่นี่แล้วทำหน้าแบบนั้น”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หันมามองเพื่อนด้วยสีหน้าหนักอกหนักใจเป็นอย่างมาก “ดูเหมือนว่ากอร์ดอนจะหายตัวไป”

                “อะไรนะ!” ลอร์ดโทรว์บริดจ์อุทานด้วยความตกใจ “นายหมายความว่าไง”

                “ฉันกำลังจะบอกนายว่า...” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดอย่างระมัดระวัง “กอร์ดอนอาจจะหายตัวไป”

                “นายรู้ได้ยังไง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขาอย่างคาดคั้น “นายโผล่มาที่ร้านเขาเพื่อที่จะบอกฉันว่าเขาหายตัวไปงั้นหรือ?”

                “โอ... ฉันแวะมาธุระเรื่องเสื้อของพ่อฉัน ฉันมาถึงตั้งแต่บ่ายสองโมง” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า ก่อนจะพูดต่อ “เด็กรับใช้บอกว่าเขานั่งรถม้าออกไปตั้งแต่เที่ยง เห็นว่าจะออกไปเลือกด้ายม้วนกับผ้าซับในที่ขาดไป แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่กลับเลย”

                ลอร์ดโทรว์บริจด์ขมวดคิ้วมุ่น “เป็นไปได้ยังไง ของแบบนั้นเขาใช้คนอื่นไปซื้อก็ได้นี่ นายกำลังหลอกแกล้งอะไรฉันใช่ไหม?”

                “ฉันจะหลอกนายไปทำไม” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์แสร้งทำหน้าเครียด “นายเห็นฉันว่างนักหรือ?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขาอึดใจ ก่อนจะเรียกเดวิดออกมาถาม

                “กอร์ดอนออกไปซื้อของเองจริงๆ หรือ? ทำไมเขาถึงไม่ใช้เธอไปซื้อล่ะ?”

                “โอ ผ้าซับในเขาต้องเลือกเองครับ” เดวิดตอบ “เพราะบางทีม้วนที่เข้ามาใหม่ก็มีเนื้อผ้าไม่เหมือนเดิม”

                “แล้วปกติเขาไปเลือกนานไหม?”

                “ไม่นานหรอกครับ งานที่ร้านเร่งมาก”

                ลอร์ดหนุ่มเริ่มมีสีหน้าเคร่งเครียด ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หันมาคุยกับเขา “เอาไงจอห์นนี่ ฉันว่าเราควรจะออกไปตามหาเขา บางทีเขาอาจจะประสบเหตุไม่คาดฝัน”

                “ใช้คนของนาย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ฉันจะไปหาผู้บัญชาการสก็อตแลนด์ยาร์ด สั่งตำรวจให้ค้นหาเขา”

                “เดี๋ยวๆ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์รีบพูดขึ้นทันที “นายอย่าเพิ่งทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ บางทีเหตุไม่คาดฝันที่ว่าอาจจะหมายถึงเขาถูกคนรู้จักชวนไปดื่มน้ำชาก็ได้”

                “โอ้ ให้ตาย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดออกมาอย่างหงุดหงิด “แล้วนายคิดว่าเราควรจะทำยังไง รอเขากลับมาเองงั้นหรือ?”

                “เราจะออกไปตามหาเขา” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “กอร์ดอนอาจจะอยากให้นายออกตามหาเขาก็ได้”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์จ้องหน้าเพื่อนอยู่อึดใจใหญ่ สุดท้ายก็พยักหน้า “เอางั้นก็ได้ แต่ฉันต้องไปบอกคนอื่นๆ ให้ยุติการซ้อมวันนี้ก่อน”

                “ไม่เป็นไร เรื่องนั้นจอร์จจัดการแล้ว”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้วขึ้นสูงทันที ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์รู้ตัวว่าหลุดปาก เลยรีบพูดขึ้นต่อ “ตะกี้ฉันให้คนไปบอกจอร์จแล้ว ฉันคิดอยู่ว่านายจะต้องยกเลิกการซ้อม เลยให้เขาช่วยบอกคนอื่นๆ ให้ไง”

                “งั้นหรือ... อย่างนั้นนายจะนั่งรถม้าไปกับฉันใช่ไหม?”

                “แน่นอน ก็ฉันไม่ได้เอารถม้ามานี่”

----------------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขึ้นรถม้าแล้วปล่อยให้ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตะโกนบอกโอลิเวอร์ว่าพวกเขาจะไปค้นหากอร์ดอนที่ไหน ทั้งสองคนนั่งรถม้าเวียนไปทั่วลอนดอน ผ่านทั้งย่านที่หรูหราที่สุด และย่านที่แออัดและยากจนที่สุด แต่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์กลับไม่สั่งให้แวะจอดลงรถม้าที่ไหนเลย หลังเวลาผ่านมาราวชั่วโมงครึ่ง ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็ทนไม่ไหวต้องถามขึ้นมา

                “แมกซ์ ตกลงแล้วนายจะพาฉันไปที่ไหนกันแน่?”

                “หืม?” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์แสร้งทำหน้าสงสัย “ฉันก็กำลังพานายไปตามหากอร์ดอนไง”

                “แต่นายไม่ยอมแวะลงที่ไหนเลย เรานั่งรถม้าเวียนกันมาแบบนี้ตั้งเป็นชั่วโมงแล้วนะ ตกลงแล้วนายตั้งใจจะตามหากอร์ดอนจริงๆ รึเปล่า”

                “ฉันตั้งใจจริงๆ นะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดหน้าซื่อ “อันที่จริงแล้วยังมีอีกที่หนึ่งที่เรายังไม่ได้ไป”

                “....” ลอร์ดโทรว์บริดจ์จ้องหน้าเพื่อน ก่อนจะถอนหายใจ “เอาล่ะ รีบพาฉันไปเลยแมกซ์ ที่ไหนก็ได้ ให้ฉันได้พบกอร์ดอน ไม่อย่างนั้นล่ะก็...”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์รีบพยักหน้า แล้วไขหน้าต่างตะโกนบอกโอลิเวอร์ให้ขับไปยังที่ที่เขากับลอร์ดจอร์จ เฟลตันวางแผนไว้

                ไม่นานนักทั้งสองหนุ่มก็มาถึงหน้าตรอกเล็กๆ แห่งหนึ่งที่จอแจไปด้วยผู้คน ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์บอกให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์ลงจากรถม้า พวกเขาเดินเข้าไปภายในตรอก ทั้งสองข้างทางเรียงรายด้วยบ้านที่แออัดยัดเยียดกันเหมือนต้นไม้ที่ขึ้นเบียดกันอยู่ในป่า ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พาลอร์ดโทรว์บริดจ์มาหยุดอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง เขาหันไปมองเพื่อนรัก

                “จอห์นนี่ ในนี้มีผู้หญิงคนหนึ่งที่รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องที่นายอยากรู้ ฉันอยากให้นายระวังคำพูดกับเธอสักเล็กน้อย ไม่อย่างนั้นนายอาจจะพลาดสิ่งที่นายตั้งใจ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะตีสีหน้าหงุดหงิด หรือหัวเราะออกมาดี เขารีบพยักหน้าแล้วบอกให้ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เปิดประตู ฝ่ายนั้นเคาะประตูเป็นสัญญาณสามครั้ง ก่อนจะผลักเข้าไป

                ด้านในบ้านหลังนั้นค่อนข้างมืด เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นถูกคลุมผ้าเอาไว้ มีแค่โต๊ะตัวหนึ่งที่ไม่มีผ้าคลุม ด้านหลังโต๊ะมีผู้หญิงนั่งอยู่คนหนึ่ง แว้บแรกลอร์ดโทรว์บริดจ์ถึงกับขนลุกซู่ เนื่องจากผู้หญิงที่นั่งอยู่นั้นสวมชุดสีม่วงดำ และใส่ผ้าคลุมหน้า เมื่อประกอบกับแสงสลัวทำให้เขารู้สึกว่ามีบรรยากาศลึกลับบางอย่างแผ่ออกมาจากตัวผู้หญิงคนนั้น

                “เธอเป็นใคร?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันมาถามลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ ฝ่ายนั้นตีสีหน้าจริงจัง

                “เธอคือมาดามเชลต้า”

                “แค่นั้น?”

                “ใช่ ฉันอธิบายกับนายได้แค่นั้น ที่เหลือนายต้องถามเธอเอง”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปมองผู้หญิงลึกลับคนนั้น เธอกวักมือให้เขาเข้าไปใกล้ๆ “มานี่สิ”

                เสียงแหบพร่าจนแทบฟังไม่รู้เรื่องยิ่งทำให้ลอร์ดหนุ่มรู้สึกเป็นกังวล เขาหันไปมองลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ “แมกซ์ นายกำลังแกล้งอะไรฉันกันแน่”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยักไหล่ “เปล่า จอห์นนี่ ฉันไม่ได้แกล้งอะไรนาย ไปตามที่เธอเรียกเถอะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองหน้าเพื่อนรักอย่างไม่ไว้ใจ แต่เขาก็ยอมที่จะเดินเข้าไปหาหญิงสาวลึกลับคนดังกล่าว

                “ผมมาที่นี่เพื่อจะพบกับเพื่อนคนหนึ่งซึ่งหายตัวไป คุณรู้ใช่ไหมว่าเขาหายไปไหน?”

                หญิงสาวคนนั้นเอียงคอมองเขา ก่อนจะสั่นศีรษะ “ไม่ ฉันไม่รู้”

                “โอ้ ให้ตาย!” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ร้องออกมาอย่างเหลือทน “บอกผมหน่อยเถอะว่านี่มันเรื่องบ้าอะไร คุณกับแมกซ์ ร่วมมือกันทำอะไรกันแน่ ผมรู้ว่ากอร์ดอนอยู่ที่นี่ และถ้าคุณยังไม่ยอมปล่อยเขาออกมาล่ะก็...”

                “คุณใจร้อนนะ” เธอว่า ก่อนจะถอนหายใจ “ที่นี่ไม่มีผู้ชายที่คุณตามหาหรอก แต่มีผู้หญิงคนหนึ่ง ถ้าคุณอยากจะเจอ...”

                “ไม่ ผมต้องการเจอเขา แค่เขาเท่านั้น” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ผมไม่ต้องการพบผู้หญิงคนไหน”

                “แต่คุณต้องพบเธอ” หญิงลึกลับคนนั้นพูด ก่อนจะชี้มือขึ้นไปยังบันได “เธออยู่ชั้นบน ห้องที่มีประตูสีฟ้า”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์สูดหายใจอย่างอดทน เขาจ้องผู้หญิงคนนั้นเขม็ง “ผมจะทำตามที่คุณบอก แต่รู้เอาไว้เลยว่าพวกคุณจะได้รับการตอบแทนที่สาสม กับการทำให้ผมเสียเวลาแบบนี้”

                ผู้หญิงคนนั้นคลี่ยิ้ม “ตามนั้น”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินขึ้นบันไดไปทันที การย่างก้าวของเขาแสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวอยู่ในภาวะไม่สบอารมณ์อย่างมาก บนชั้นสองมีห้องอยู่เพียงสองห้อง และทั้งสองห้องก็ไม่มีประตูสีฟ้า ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงต้องขั้นบันไดไปอีกชั้น คราวนี้ห้องที่มีประตูสีฟ้าอยู่ริมซ้ายสุด เขาเกือบจะผลักประตูเข้าไปด้วยอารมณ์หงุดหงิดอยู่แล้ว แต่เผอิญนึกได้ว่าคนที่อยู่ข้างในเป็นผู้หญิง ลอร์ดหนุ่มจึงเคาะประตูตามมารยาท แล้วรออยู่พักหนึ่ง ก่อนจะผลักเข้าไป

                ด้านในห้องสว่างจนลอร์ดโทรว์บริดจ์ต้องหรี่ตาลงเล็กน้อย อันเนื่องมาจากแสงแดดที่ส่องผ่านหน้าต่างบานใหญ่ซึ่งม่านถูกเปิดไว้ เขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้นวมในห้อง เธอหันหลังให้เขา หมวกใบใหญ่ทำให้เขามองลักษณะด้านหลังของเธอไม่ชัด ลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินเข้าไปหาเธอ

                “เอ่อ... คุณครับ ผมมาถามหาคน”

                ผู้หญิงคนนั้นยังคงนั่งนิ่ง ลอร์ดหนุ่มจึงเดินเข้าไปใกล้อีก “คุณครับ... ได้ยินผมรึเปล่า?”

                ผู้หญิงคนนั้นขยับตัว ก่อนจะผุดลุกขึ้น จากท่าทางเธอเป็นผู้หญิงที่ตัวใหญ่ทีเดียว อย่างน้อยๆ ก็ไม่ได้มีเอวคอดกิ่วอย่างผู้หญิงทั่วไป ลอร์ดโทรว์บริดจ์จ้องเธอด้วยความแปลกใจ ก่อนจะขยับไปดึงแขนเธอเอาไว้อย่างลืมตัว เมื่อเห็นว่าเธอทำท่าจะเดินหนีเขาไป

                “คุณจะไปไหน?”

                ผู้หญิงคนนั้นนิ่งไปอีก ลอร์ดโทรว์บริดจ์รู้สึกว่าแขนของเธอค่อนข้างแข็งเอาเรื่อง ทันใดนั้นเขาก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ ลอร์ดหนุ่มรีบดึงตัวเธอเข้ามาทันที

                “กอร์ดอน คุณคือกอร์ดอนใช่ไหม?”

                “โอ้... จอห์น” กอร์ดอนคราง เขาเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงมองไม่เห็นอะไรเพราะถูกหมวกที่ฝ่ายนั้นสวมบังไปหมด ถึงอย่างนั้นหัวใจของเขาก็เต้นแรงด้วยความตื่นเต้น

                “ยอดรัก คุณทำไมถึงเบือนหน้าหนีผมแบบนี้ล่ะ ไม่อยากพบผมหรือ?”

                “อา...” กอร์ดอนคราง แต่ก็ยังไม่ยอมหันหน้ากลับมา “ผมกลัวครับ... กลัวว่ามันจะดูแย่ กลัวว่าคุณจะไม่ชอบ”

                “โอ... คุณหันมาเถอะ ผมเชื่อว่าคุณไม่มีทางดูแย่หรอก” เขาก้มหน้าลงเล็กน้อย และพยายามจะใช้มือเชยคางของอีกฝ่ายให้เงยขึ้น

                กอร์ดอนแสดงท่าทางลังเลอยู่อีกพัก แต่สุดท้ายก็ยอมที่จะหันมาสบตากับเขา

                “.....”

                “.....”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์จ้องหน้าของคนรักอยู่เป็นนาน ก่อนจะใช้มือไล้ใบหน้าของเขาเบาๆ “โอ... คุณต้องไม่เชื่อแน่กอร์ดอน ผมยังไม่อยากจะเชื่อเลย...”

                กอร์ดอนมีสีหน้าลำบากใจ “ทำไมหรือครับ? มันแย่มากเลยใช่ไหมครับ?”

                “อืม...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ส่งเสียง ก่อนจะก้มลงกระซิบที่ข้างหูของเขา “ผมตกหลุมรักคุณอีกครั้งแล้ว ผมตกหลุมรักคนคนเดียวซ้ำกันถึงสองรอบ คุณจะเชื่อไหมล่ะ?”

                กอร์ดอนหน้าแดงจนถึงใบหู เขาหันไปสบตากับลอร์ดหนุ่ม ใบหน้าของฝ่ายนั้นอยู่ใกล้เสียจนปลายจมูกของทั้งคู่เกือบจะชนกัน

                “พูดจริงๆ หรือครับ?”

                “แน่นอน ไม่มีใครทำให้ผมรู้สึกถึงความรักได้มากเท่าคุณอีกแล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดพลางยิ้ม ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้ริมฝีปากของคนรัก

                “.....”

                “.....”

                แต่ยังไม่ทันที่ริมฝีปากของทั้งคู่จะได้สัมผัสกัน จู่ๆ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็ผละออก ก่อนจะหันไปมองที่ประตู “แมกซ์ จอร์จ ฉันรู้นะว่าพวกนายแอบดูอยู่ ฉันอนุญาตให้พวกนายเปิดประตูเข้ามา ไม่อย่างนั้นก็รีบไปให้พ้นจากหน้าประตูเดี๋ยวนี้เลย”

                “แหม... จอห์นนี่ นายรู้ได้ยังไงว่าพวกเราแอบดูอยู่” เสียงของลอร์ดจอร์จ เฟลตันดังขึ้นมาจากด้านหลังประตู ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอนหายใจ

                “เพราะกลิ่นน้ำหอมน่ะสิ ที่จริงฉันน่าจะรู้ตัวแต่แรกว่าเป็นนาย ผู้หญิงที่ไหนจะใส่น้ำหอมกลิ่นแบบนี้กัน ออกมาเลยนะจอร์จ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหัวเราะคิกคัก ก่อนจะเปิดประตูเข้ามา ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า

                “ทำไมจอห์นนี่ นายตกตะลึงในความงามของฉันล่ะสิ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดพลางเลิกผ้าคลุมหน้าขึ้น ลอร์ดโทรว์บริดจ์นิ่งไปพัก ก่อนจะพยักหน้า

                “แน่นอน ฉันไม่เคยเห็นผู้หญิงตัวยักษ์และหน้าตาน่ากลัวขนาดนี้มาก่อนเลยขนาดนี้มาก่อนเลย”

                “นายพูดผิดพูดใหม่ได้นะจอห์นนี่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “ฉันรู้สึกว่าตัวเองออกจะสวย”

                “งั้นหรือ...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเพื่อนยิ้มๆ “แต่เรื่องตัวใหญ่มากนี่ฉันว่าจริง”

                “โอ นายควรจะลองใส่คอร์เซ็ตดูบ้าง” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “นี่มันเป็นเครื่องทรมานดีๆ นี่เอง ฉันจะต้องไปบอกมาร์กาเร็ตให้เลิกใส่ที่มันรัดๆ มันไม่ได้ทำให้รู้สึกดีเลย มันอึดอัดมาก”

                “มาร์กาเร็ตคงดีใจที่ในที่สุดนายก็เข้าใจเธอเพิ่มขึ้นอีกเรื่องหนึ่งแล้ว” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า เพื่อนของเขายักไหล่ แล้วขยับไปคล้องแขนเพื่อนรัก

                “เอาล่ะ จอห์นนี่ ไหนบอกซิ นายจะตอบแทนพวกเรายังไง ตะกี้ก่อนขึ้นมานี่นายบอกฉันไม่ใช่หรือ ว่านายจะตอบแทนเรื่องนี้อย่างสมน้ำสมเนื้อ นายหน้าบานขนาดนี้ จะตอบแทนอะไรพวกเราดีล่ะ”

                “โอ้ จอร์จ นายร้ายกาจมาก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ใช้ความพยายามอย่างมากที่จะลบรอยยิ้มบนใบหน้า แต่ก็ทำไม่สำเร็จ สุดท้ายเขาก็ยอมแพ้

                “เอาล่ะ พวกนายอยากได้อะไรบอกฉันมาได้เลย”

                “ว้าว!”

                “แต่ก่อนอื่น ฉันต้องพากอร์ดอนไปกินมื้อเย็นก่อน เรื่องตอบแทนไว้วันหลังก็แล้วกัน” พูดจบเขาก็หันไปหาคนรัก พร้อมกับยื่นแขนให้ “ไปกันเถอะ”

                กอร์ดอนมองฝ่ายนั้นเขินๆ ก่อนจะเกี่ยวแขนไว้ แต่ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้เดินออกไปไหน ลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็ดึงตัวลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มาขวางเอาไว้

                “เดี๋ยวก่อน นายจะพากอร์ดอนไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”

                “ทำไม?”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมองหน้าอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง “นายคิดว่าฉันต้องใช้อะไรแลกกับการเนรมิตให้กอร์ดอนสวยขนาดนี้ล่ะ?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ “เรื่องของนายสิ ฉันจะไปรู้ได้ยังไง หลีกทางให้ฉันเลยจอร์จ”

                “ไม่” เพื่อนของเขายืนยัน “นายจะพากอร์ดอนไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น เพราะเรารับปากเจนนี่ไว้แล้วว่าจะไปที่พาเรลตันเป็นเพื่อนเธอ”

                “หา? เจนนี่?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้ว “เจนนี่พี่สาวนายน่ะนะ”

                “ใช่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตอบด้วยสีหน้าจริงจัง “นายคิดว่าฉันไปเอาเสื้อผ้าพวกนี้มาจากไหนกัน ตอนแรกฉันคิดง่ายๆ ว่าจะให้เพื่อนที่โอเปร่าเป็นคนจัดการให้ แต่ฉันก็มาคิดอีกทีว่า ถ้าใช้ชุดที่ใช้กันในคณะโอเปร่า กอร์ดอนของนายคงได้กลายเป็นนางละคร พอดีเจนนี่แวะมาพักที่บ้านเพราะพี่เขยของฉันมาทำธุระที่ลอนดอน ฉันเลยขอยืมเสื้อผ้าของเธอ เธอเลยอาสาที่จะจัดการให้พวกเราทั้งหมด แลกกับการที่เราจะต้องไปพาเรลตันเป็นเพื่อนเธอคืนนี้ เพราะฉะนั้น กอร์ดอนต้องไปพาเรลตัน ส่วนนายจะตามไปด้วยไหมมันก็เรื่องของนาย”

                “เดี๋ยวนะ แล้วเจนนี่รู้เรื่องระหว่างพวกเรารึเปล่า?”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันสั่นศีรษะ “ไม่ เธอคิดว่าฉันต้องการเล่นสนุกแกล้งนายเฉยๆ และเธอก็รู้สึกสนุกกับเรื่องนี้มาก เธอชอบกอร์ดอนเอามากๆ เลยล่ะ ใช่ไหม?”

                เขาหันไปถามช่างตัดเสื้อ คนถูกถามพยักหน้า “ครับ... เธอดูสนุกมาก”

                “เพราะงั้น...” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดพลางยกมืออีกข้างเท้าสะเอว “กอร์ดอนจะต้องไปพาเรลตันกับเรา”

                “เอาล่ะ...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดออกมาในที่สุด “ฉันจะไปพาเรลตันด้วย แต่ฉันจะไม่ยอมให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้กอร์ดอนเด็ดขาด ฉันไม่อยากให้ความแตก”

                “ฉันว่านายหวงเขามากกว่า” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดยิ้มๆ ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขาแล้วตัดสินใจเปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่น

                “ว่าแต่นายเถอะจอร์จ นึกไงถึงแต่งเป็นผู้หญิงด้วย ฉันว่านายคงไม่จู่ๆ นึกอยากใส่คอร์เซ็ตขึ้นมาหรอก”

                “เพราะฉันเป็นเพื่อนที่แสนดีไง” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตอบ “ฉันไม่อยากให้กอร์ดอนต้องลำบากคนเดียว ก็เลยแต่งตัวเป็นเพื่อนเขา นายควรเห็นความดีของฉันนะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปมองลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ “เขาพูดจริงๆ หรือ?”

                “ใช่” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “หลังจากฉันบอกให้กอร์ดอนต่อรองกับเขาน่ะนะ”

                “โธ่ แมกซ์ ถ้านายไม่พูดฉันจะดูดีอยู่แล้วเชียว” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้องและทำท่าขยี้ส้นเท้า เพื่อนๆ ของเขารวมถึงกอร์ดอนพากันหัวเราะ

                “นายเลียนแบบผู้หญิงได้ใกล้เคียงแล้ว ฉันว่าถ้านายบีบเสียงได้เล็กกว่านี้อีกนิดล่ะก็... ต้องมีผู้ชายสนใจนายแน่ๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขำๆ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถลึงตาใส่เขา ก่อนจะดึงแขนลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มากอดแน่นกว่าเดิม

                “ฉันจะไม่ควงกับผู้ชายคนไหนทั้งนั้น เพราะตอนนี้มีผู้ชายที่ดีที่สุดในลอนดอนมาเป็นคู่ควงของฉันแล้ว” เขาว่า ก่อนจะหันไปมองหน้าลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์อย่างคาดคั้น “ใช่ไหมแมกซ์ นายจะไม่ทิ้งฉันเอาไว้คนเดียวตอนที่เราไปถึงพาเรลตันใช่ไหม?”

                “แน่นอนจอร์จ ฉันจะดูแลนายอย่างดีเลย”

-----------------------------------------


ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
                พาเรลตันเป็นสโมสรสังสรรค์ขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในอาคารหรูสูงสามชั้นริมฝั่งแม่น้ำเทมส์ ชั้นล่างเป็นภัตตาคาร ส่วนชั้นสองเป็นสโมสรบิลเลียด และชั้นสามเป็นสโมสรไพ่ เป็นแหล่งรวมตัวของบรรดาสุภาพสตรีชั้นสูงและบรรดาสุภาพบุรุษที่กระเป๋าหนักพอ

                เลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อต นั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหารแล้ว ในตอนที่ทั้งสี่หนุ่มเดินตามบริกรเข้าไป เธอยิ้มกว่าทันทีที่เห็นพวกเขา

                “โอ้ สายัณห์สวัสดิ์จอห์นนี่ ฉันไม่เจอเธอนานมาก รู้สึกยังไงบ้างกับแผนของน้องชายฉัน?” เธอพูดพลางประสานมือไว้ตรงหน้า รอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มให้เธอ

                “สายัณห์สวัสดิ์เจนนี่ จอร์จทำให้ผมประหลาดใจมากทีเดียว ผมไม่คิดว่าเขาจะกล้าเล่นขนาดนี้”

                เลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตหัวเราะ “น่าเสียดายที่จอร์จจี้ไม่ยอมให้ฉันไปดูตอนที่เขาแกล้งเธอด้วย มันคงจะสนุกมาก อย่างกอร์ดอนนี่ฉันว่าแทบดูไม่ออกเลย นอกจากเอวเขาใหญ่ไปหน่อย”

                “โอ... ท่านหญิงครับ แค่นี้ผมก็รู้สึกว่าตัวเองเกือบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว” กอร์ดอนว่า พี่สาวของลอร์ดจอร์จ เฟลตันยิ้มพลางสั่นศีรษะ

                “ถ้าคุณใส่บ่อยๆ เดี๋ยวก็ชินไปเองนั่นแหละ”

                สีหน้าของกอร์ดอนบอกให้รู้โต้งๆ ว่าเขาจะไม่ยอมทำความเคยชินกับมันแน่ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดขึ้นต่อ “เดี๋ยวจบจากมื้อเย็นที่นี่ เราก็จะไปถอดออกล่ะ ฉันคิดว่าตัวเองต้องเป็นลมจริงๆ แน่ ถ้ายังขืนใส่เจ้าคอร์เซ็ตนี่ต่อไป”

                “ไม่เอาน่า จอร์เจียน่าน้องรัก” เลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตว่า “เธออุตส่าห์แต่งตัวสวยขนาดนี้แล้ว จะถอดออกง่ายๆ ได้ยังไง เธอจะต้องอยู่เป็นเพื่อนพี่ที่นี่จนกว่าพี่จะพอใจ พี่อยากรู้จริงๆ ว่าหนุ่มๆ จะมีปฏิกิริยายังไงตอนเห็นเธอ”

                “ผมว่าพวกเขาคงรีบเบือนหน้าหนี” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้นมา “จอร์จเป็นผู้หญิงที่ดูล่ำสันมาก”

                เลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตมองเขา “เรียกเธอว่าจอร์เจียน่า แมกซ์ ตอนนี้เธอเป็นผู้หญิงแล้ว”

                “ผมลืมไป” อีกฝ่ายตอบ ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “จอร์เจียน่า... เข้าท่าดีนี่”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันชายตามองเขา “ทำไม รู้สึกติดใจฉันเพราะชื่อแล้วล่ะสิ”

                เพื่อนของเขารีบสั่นศีรษะ เลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตมองพวกเขา ก่อนจะหันไปมองกอร์ดอนที่นั่งเงียบอยู่ “ส่วนโอเดนเบิร์ก คือกลอเรีย”

                “โอ...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์คราง “กลอเรียหรือ?”

                “ใช่ ฉันว่าคล้ายกับชื่อเดิม เราควรจะเรียกสาวๆ พวกนี้ด้วยชื่อที่มันสมกับตัวของพวกเธอหน่อย เอาล่ะ พวกเธอกินกันให้อิ่ม ฉันว่าพอเราไปที่สโมสรบิลเลียด ต้องมีเรื่องสนุกแน่”

--------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ออกอาการกระวนกระวายเป็นอย่างมาก เขาไม่ต้องการที่จะให้กอร์ดอนไปที่สโมสรบิลเลียดพร้อมกับเลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อต และคนอื่นๆ นอกจากกลัวความจะแตกแล้ว ลอร์ดโทรว์บริดจ์คิดว่าเขาคงจะหงุดหงิดมาก ถ้ามีชายอื่นเข้ามาและเล็มคนรักของเขา

                “เจนนี่” ในที่สุดเขาก็พูดออกมาหลังจบมื้ออาหาร เลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตมองเขา

                “มีอะไรหรือจอห์นนี่”

                “คือ... ผมมีข้อเสนอ”

                “ว่า?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองกอร์ดอน และมองลอร์ดจอร์จ เฟลตัน “พวกเขา... เอ่อ... พวกเธอสองคนเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างพิเศษ ผมคิดว่าผมกับแมกซ์ ควรจะจับคู่กับพวกเธอ เพื่อกันไม่ให้ชายอื่นเข้ามายุ่มย่าม”

                “แหม... แต่ถ้าทำแบบนั้นก็ไม่สนุกน่ะสิ” เลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตว่า “ไม่ต้องกังวลไปหรอกน่า จอร์จจี้เป็นน้องชายฉัน กอร์ดอนเองก็เป็นเพื่อนสนิทของพวกเธอสามคน ฉันประกันได้ว่างานนี้จะปลอดภัย อย่างน้อยๆ ถึงความแตก ก็ไม่มีใครรู้หรอกว่าสองคนนี้เป็นใคร แต่ฉันคิดว่าสุภาพบุรุษที่นี่คงไม่มีใครสงสัยหรอก” พูดจบเธอก็หัวเราะ ก่อนจะผุดลุกขึ้น

                “เอาล่ะ ไปกันเถอะสาวๆ ฉันอยากเล่นบิลเลียดจะแย่แล้ว” เธอยื่นมือให้กับลอร์ดจอร์จ เฟลตัน และกอร์ดอน ทั้งสองคนเลยต้องจับมือและเดินตามเธอไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์รีบขยับมากระซิบกับลอร์ดโทรว์บริดจ์

                “ในเย็นๆ ไว้จอห์นนี่ ฉันรู้ว่านายอาจจะไม่สบอารมณ์นัก แต่อย่าลืมว่าเลดี้เจนนิเฟอร์ไม่รู้เรื่องของพวกนาย”

                “โอ แมกซ์ ฉันจะทนได้ไงถ้าเกิดมีผู้ชายมาเกาะแกะเขา ทั้งๆ ที่ฉันควรจะได้ควงคู่กับเขาไปดูโอเปร่าสักเรื่องหนึ่ง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตบไหล่เขา

                “เอาน่ะ อย่างน้อยๆ เลดี้เจนนิเฟอร์ก็ทำให้กอร์ดอนกลายเป็นสาวสวยมาก ฉันแน่ใจว่าพวกที่โรงโอเปร่าทำไม่ได้ขนาดนี้แน่”

                “แต่เขาต้องเป็นที่หมายตาของผู้ชายแน่ โอ... ฉันแน่ใจเลยว่าแค่เรื่องเอวใหญ่เกินไปไม่ทำให้ผู้ชายเมินเขาได้หรอก”

                “งั้นก็เอางี้” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เสนอ “เวลามีผู้ชายทำท่าเหมือนมาก้อร่อก้อติกเขา นายก็ค่อยเข้าไปแล้วกัน จะได้ไม่ผิดสังเกตมาก ทำเหมือนเข้าไปช่วยแก้สถานการณ์ให้เพื่อนเฉยๆ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ตกลงแมกซ์ ฉันจะทำตามที่นายว่า”

------------------------------------

                สโมสรบิลเลียดที่ชั้นสองมีผู้คนพอสมควร ส่วนใหญ่เป็นขุนนางเก่า หรือเศรษฐีที่เพิ่งร่ำรวยใหม่ๆ ซึ่งหวังจะมาสร้างความสัมพันธ์กับเหล่าบรรดาทายาทขุนนางทั้งหลาย

                เลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตพาน้องชายและช่างตัดเสื้อไปยังโต๊ะบิลเลียดตัวหนึ่งซึ่งว่างอยู่ เธอหันไปหากอร์ดอน

                “กลอเรีย เธอเล่นบิลเลียดเป็นมั้ย?”

                กอร์ดอนพยายามอย่างยิ่งที่จะบีบเสียงให้เล็กเพื่อไม่ให้ความแตก ซึ่งอันที่จริงโดยปกติเขาก็ไม่ใช่คนเสียงใหญ่อยู่แล้ว

                “ไม่เป็นค่ะ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถึงกับหันมามองเขาอย่างพิศวง “ไหนนายพูดอีกทีซิ”

                “หา?”

                “โอ้ เอาเสียงแบบตะกี้น่ะ”

                “จอร์จจี้ เสียงเธอดูไม่เป็นกุลสตรีเลย” เลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตเอ็ดน้องชาย ลอร์ดจอร์จ เฟลตันขมวดคิ้ว เขาพยายามบีบเสียงลง ซึ่งผลที่ได้คือเขาเหมือนผู้หญิงเสียงใหญ่ที่เป็นหวัดอีกที

                “ไม่มีอะไร ฉันแค่ถามว่าเธอเล่นบิลเลียดไม่เป็นหรือ?”

                “ค่ะ ฉันไม่เคยเล่นหรอก”

                “งั้น... เดี๋ยวฉันสอนให้แล้วกัน” เขาขยับเข้าไปหากอร์ดอนแล้วกระซิบ “ให้ตาย กล่องเสียงฉันต้องพินาศแน่ๆ งานนี้”

                ช่างตัดเสื้อหัวเราะ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหยิบไม้คิวมาให้กอร์ดอน และเริ่มสอนเขาเล่น ลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่ยืนถือแก้ววิสกี้อยู่ตรงเคาน์เตอร์บาร์จ้องพวกเขาเขม็ง จนลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ต้องหันไปมองตาม ก่อนจะหันมาหาเพื่อนรัก

                “จอห์นนี่ นายใจเย็นๆ หน่อยน่า นั่นเพื่อนเรานะ เขาไม่คิดอะไรกับคนรักของนายหรอก”

                “โอ้ แต่นั่นคือจอร์จนะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “เขาคือผู้ชายที่ไม่น่าไว้วางใจที่สุดในอังกฤษเลย”

                “เอาน่า แต่วันนี้เขาไม่ใช่ผู้ชายเสียหน่อย”

                ระหว่างที่ทั้งสองหนุ่มพูดคุยกัน หญิงสาวคนหนึ่งก็เดินเข้ามาทักพวกเขา

                “โอ... สายัณห์สวัสดิ์ค่ะลอร์ดโทรว์บริดจ์ ดิฉันดีใจเหลือเกินที่ได้พบคุณวันนี้”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบคลี่ยิ้มให้เธอ “สายัณห์สวัสดิ์”

                “ดิฉันแอนเจลิก้าค่ะ” เธอแนะนำตัว “เราเคยเจอกันในงานเลี้ยงต้อนรับคุณ ดิฉันไปชมการชกมวยของคุณด้วยค่ะ ช่างน่าประทับใจมาก”

                “อย่างนั้นหรือ เป็นเกียรติกับผมมาก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดพลางเค้นสมองอย่างหนักว่าเธอคนนี้เป็นลูกหลานขุนนางคนไหนกันแน่

                ในตอนที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปคุยกับสาวคนอื่น ที่โต๊ะบิลเลียดก็มีชายหนุ่มสามคนเดินเข้าไป ทั้งหมดแต่งตัวดีดูมีฐานะ หนึ่งในนั้นถือไม้เท้าที่มีทองคำประดับอยู่ที่หัว

                “สายัณห์สวัสดิ์ครับ ไม่ทราบว่ายังพอมีที่ว่างให้พวกผมร่วมเล่นบิลเลียดรึเปล่า?”

                “โอ้ ได้สิคะ ตามสบายเลย เรากำลังลำบากอยู่พอดี เพื่อนเราคนหนึ่ง เธอเล่นบิลเลียดไม่เป็นค่ะ” เลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตเชิญทั้งสามหนุ่มด้วยความยินดี ทั้งสามคนคลี่ยิ้ม คนที่ดูมีฐานะดีที่สุดแนะนำตัว

                “ผมแอนโธนี่ ส่วนนี่ออสติน กับลูเซียส”

                “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ฉันเจนนิเฟอร์ ส่วนนั่นน้องสาวฉันกับเพื่อนของเธอ จอร์เจียน่ากับกลอเรียค่ะ”

                ทั้งสามคนหันไปทักทายลอร์ดจอร์จ เฟลตันกับกอร์ดอน มิสเตอร์แอนโทนี่แสดงอาการสนอกสนใจช่างตัดเสื้ออย่างเห็นได้ชัด

                “คุณคงเป็นมิสกลอเรีย ให้ผมช่วยสอนคุณเล่นบิลเลียดจะได้ไหมครับ?”

                กอร์ดอนรีบหลบหลังลอร์ดจอร์จ เฟลตัน แล้วสั่นศีรษะ อีกฝ่ายเลยช่วยตอบแทนเขา “กลอเรียค่อนข้างขี้อายค่ะ อย่าถือสาเธอเลย”

                “โอ... ผมเข้าใจครับ” ชายหนุ่มมองเขาอย่างสนใจกว่าเดิม “เธอคงไม่ค่อยได้ออกมาข้างนอกบ่อยๆ ใช่ไหมครับ”

                “ทำไมคิดแบบนั้นล่ะคะ?” เลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตแสร้งถาม แอนโธนี่ยิ้ม

                “ผมว่าสาวสวยขี้อายขนาดนี้ คงออกจากบ้านไม่บ่อยนักหรอกครับ”

                เลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตยกยิ้มที่มุมปาก “เธอสวยมากเลยใช่ไหมคะ?”

                “แน่นอนครับ เป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดเท่าที่ผมเคยพบมาเลย”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันกระแอมไอขึ้น “มิสเตอร์แอนโธนี่คะ ถ้าคุณอยากจะหาเพื่อนเล่นบิลเลียด ฉันเล่นเป็นเพื่อนได้นะคะ”

                “เอ่อ... เป็นเกียรติอย่างมากครับ แต่...”

                เพื่อนๆ ที่เหลืออีกสองคนของแอนโธนี่รีบเข้ามารับหน้าแทนทันที “พวกเราจะเล่นเป็นเพื่อนคุณเองครับ คุณผู้หญิง”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถูกแยกออกไปอย่างรวดเร็ว กอร์ดอนมองเขาด้วยสายตาอ้อนวอน ขณะที่เลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตยืนมองด้วยความสนุกสนาน

                มิสเตอร์แอนโธนี่ขยับมายืนตรงหน้าเขา แล้วยิ้ม “ให้ผมสอนคุณนะครับ”

                ช่างตัดเสื้อไม่มีทางเลือก เขาจึงจำต้องพยักหน้า ชายหนุ่มขยับมายืนข้างเขา แล้วหยิบไม้คิวมาแสดงท่าทางการวางไม้ให้เขาดู กอร์ดอนพยายามที่จะแสดงให้ฝ่ายนั้นเห็นว่าเขาตั้งใจดูอยู่ แต่ทว่าความกลัวว่าจะถูกจับได้ทำให้เขาแทบจะดูเหมือนก้มหน้าอยู่ตลอดเวลา แอนโธนี่เหลือบมองเขาแล้วยิ้ม พลางถอนหายใจ

                “ท่าทางคุณคงไม่อยากเล่นบิลเลียดนะครับ เรามาคุยกันถึงเรื่องทั่วๆ ไปดีกว่า”

                กอร์ดอนก้มหน้างุด “ฉันคุยไม่เก่งหรอกค่ะ”

                “ครับ ผมเข้าใจ แต่ถ้าคุณจะกรุณาเงยหน้าขึ้นมาสักนิด ผมจะรู้สึกเป็นเกียรติมาก คุณไม่ควรก้มหน้าสนทนากับคนอื่นแบบนี้นะครับ”

                “ฉันขอโทษค่ะ” กอร์ดอนพูด เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองฝ่ายตรงข้ามอย่างกล้าๆ กลัวๆ มิสเตอร์แอนโธนี่ยิ้มให้เขา

                “คุณเป็นคนสวยมากนะครับ น่าเสียดายถ้าคุณจะเอาแต่ก้มหน้า เราไปหาอะไรดื่มกันดีกว่า” เขายื่นมือให้ช่างตัดเสื้อ กอร์ดอนมองอย่างอึ้งๆ ขณะที่กำลังคิดว่าจะปฏิเสธอย่างไรดี ใครคนหนึ่งก็เดินเข้ามา

                “ผมไม่อนุญาตให้เธอไปดื่มกับคุณ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดด้วยสีหน้าบึ้งตึง เขาสลัดแม่สาวแอนเจลิก้ามาช่วยกอร์ดอนได้ทันเวลา มิสเตอร์แอนโธนี่มองเขาอึ้งๆ

                “คุณเป็นใครครับ?”

                “คนรักของเธอ” เขาตอบสั้นๆ อีกฝ่ายมีสีหน้างุนงงกว่าเดิม เขากวาดตามองลอร์ดหนุ่มตั้งแต่หัวจรดเท้า แม้จะดูออกจากเครื่องแต่งกายว่าอีกฝ่ายต้องไม่ใช่คนสามัญธรรมดา แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่ยอมแพ้ เขาพูดขึ้นต่อ

                “โอ... แต่ผมไม่เห็นคุณอยู่กับเธอ”

                “ผมกำลังคุยธุระ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ “รับรองได้ว่าถ้าผมไม่ติดธุระล่ะก็ คุณคงไม่ได้คุยกับเธอแม้สักประโยคเดียว”

                อีกฝ่ายชักฉุน “ผมไม่ยักรู้สึกว่าคุณเป็นคนรักของเธอเลย เธอไม่แสดงออกว่ามากับคุณด้วยซ้ำ”

                “ฉันมากับเขาค่ะ” กอร์ดอนรีบพูดขึ้น ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยื่นแขนให้เขา ช่างตัดเสื้อเลยรีบคล้องไว้ทันที แอนโธนี่มองทั้งคู่อย่างพิศวง

                “พวกคุณเป็นคู่รักกันจริงๆ หรือ?”

                “แน่นอน” ลอร์ดหนุ่มตอบเขา “พวกเรารักกันมาก ใช่ไหมกลอเรีย”

                กอร์ดอนหน้าแดงด้วยความเขินอาย เขาขยับไปแอบด้านหลังลอร์ดหนุ่ม “ฉันเขินนะคะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์คลี่ยิ้มละไม “คุณไม่ต้องเขินหรอก เป็นคนรักของผมไม่เห็นจะต้องเขินเลย คุณเงยหน้าขึ้นหน่อยสิ คนอื่นจะได้เห็นว่าพวกเรามีความสุขกันขนาดไหน”

                “โอ...” แก้มทั้งสองข้างของกอร์ดอนยิ่งแดงเรื่อกว่าเดิม เขาแทบจะซุกหน้าลงกับไหล่ของลอร์ดหนุ่มด้วยความขัดเขิน มิสเตอร์แอนโธนี่มองอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา เขาสั่นศีรษะซ้ำๆ

                “ผมไม่อยากเชื่อ”

                “เชื่อเขาเถอะ เพราะเขาไม่มีเหตุผลอะไรจะโกหกคุณ” ใครอีกคนเดินเข้ามาแล้วพูดแทรกขึ้น ลอร์ดโทรว์บริดจ์และมิสเตอร์แอนโธนี่หันไปมองเขาเป็นตาเดียว

                “สายัณห์สวัสดิ์ครับ ท่านลอร์ด” มิสเตอร์จอห์นสัน เวล็อค ทักทายฝ่ายนั้นตามมารยาท พร้อมกับคลี่ยิ้ม “ผมไม่คาดคิดเลยว่าจะได้พบคุณที่นี่ พร้อมกับคนรักของคุณ เธอเป็นผู้หญิงที่งดงามมากทีเดียว”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เขม้นตามองเขา “สายัณห์สวัสดิ์จอห์นสัน ขอบใจที่ช่วยยืนยันแทนฉัน แต่ฉันคิดว่าลำพังคำพูดของฉันคงไม่ต้องขอร้องให้ใครมายืนยันอยู่แล้ว”

                มิสเตอร์แอนโธนี่มองลอร์ดโทรว์บริดจ์ด้วยสีหน้าอึ้งงันกว่าเดิม “อะไรนะ? ท่านลอร์ด?”

                “อ้อ ใช่ ผมลืมแนะนำตัวเองไป” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ผมคือลอร์ดจอห์น โทรว์บริดจ์”

                ฝ่ายนั้นเลิกคิ้วขึ้นสูง “ลอร์ดโทรว์บริดจ์....” เขาทวนคำ ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น จากนั้นก็เดินออกไปโดยไม่พูดไม่จา เพื่อนๆ ของเขาอีกสองคนก็เลยรีบเดินตามออกไปด้วย มิสเตอร์เวล็อคหัวเราะ

                “เขาไม่น่าพลาดที่จำคุณไม่ได้เลย อันที่จริงแล้วคุณเป็นคนดังของที่นี่มาก ผมเดาว่าเขาคงเพิ่งจะมาจากเมืองอื่น”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มีสีหน้ากึ่งยิ้มกึ่งบึ้ง เขาไม่เหลือบตามองมิสเตอร์เวล็อคเลยแม้แต่แว้บเดียว อีกฝ่ายแสดงสีหน้าเหมือนพยายามอดกลั้นอย่างเต็มที่ เขายิ้มให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์อีกครั้ง

                “งั้นผมคงต้องขอลาล่ะครับ ขอให้พระเจ้าคุ้มครองคุณ รวมถึงสาวน้อยคนนั้นด้วย” พูดจบเขาก็รีบเดินออกไปทันที ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ที่เดินเข้ามาได้พักหนึ่งแล้วจึงพูดขึ้น

                “จอห์นสันคงเกลียดขี้หน้านายน่าดู พฤติกรรมของนายค่อนข้างจะเหยียดหยามเขาเอามากๆ เลยนะจอห์นนี่”

                “ฉันไม่ชอบเขา” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ฉันพยายามแสดงปฏิเสธการเข้ามาตีสนิทของเขาอย่างสุภาพมาหลายปีแล้ว นายก็รู้ ฉันมีแต่จะต้องทำเมินเขาแบบนี้เท่านั้น เขาถึงจะยอมไป”

                “แต่ก็น่าแปลกนะ ทำไมเขาถึงไม่ยอมไปตีสนิทกับคนอื่น ทำไมต้องเป็นนาย”

                “ฉันไม่รู้เหมือนกัน” อีกฝ่ายตอบ “เขาอาจจะคิดว่าฉันดูเข้าถึงง่ายกว่าลอร์ดที่ดูมีอำนาจคนอื่นล่ะมั้ง บางทีเขาคงมาที่นี่เพื่อมองหาเลดี้ที่มีชื่อเสียงสักคน ฉันคิดว่าเขาคงทำสำเร็จสักวันหรอก”

                “โอ... หนุ่มๆ งานนี้พวกเธอแสดงได้ดีมากเลย” เลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตเดินเข้ามาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เธอหันไปมองลอร์ดโทรว์บริดจ์กับกอร์ดอน

                “โดยเฉพาะพวกเธอสองคน นี่ถ้าฉันไม่รู้ความจริงมาก่อนล่ะก็ คงเข้าใจว่าพวกเธอเป็นคู่รักกันจริงๆ แน่ โดยเฉพาะกลอเรีย เธอช่างตีบทแตกเหลือเกิน”

                กอร์ดอนยิ้มเขินๆ ก่อนจะพูดออกมา “ผมดีใจที่คุณชอบครับ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเดินกระย่องกระแย่งเข้ามา เขากระชากแขนลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ “แมกซ์ ทำไมนายถึงไม่ยอมมาช่วยฉัน เห็นไหมว่าฉันถูกผู้ชายสองคนรุมอยู่”

                “นายควรจะดีใจนะจอร์จ อย่างน้อยๆ นายก็มีผู้ชายถึงสองคนสนใจ”

                “โอ... พวกเขาพยายามหนีบฉันออกมาให้พ้นจากกอร์ดอนต่างหาก หน็อย เจ้าผู้ชายพวกนี้” ลอร์ดหนุ่มทำท่าเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน พี่สาวของเขาหัวเราะขึ้นอีก

                “โอ้ จอร์จจี้ที่รักของพี่ เธอทำท่าเลียนแบบผู้หญิงได้แนบเนียนมาก พี่ว่าเราควรจะไปต่อที่บาร์ พี่อยากจะดื่มอีกสักหน่อยก่อนกลับ”

                ทั้งสี่คนจึงเดินตามเลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน  - แอ็บบ็อตไปที่บาร์เครื่องดื่ม ที่นั่นมีคนยืนอยู่แล้วสองสามคน ลอร์ดโทรว์บริดจ์และลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ทำหน้าที่เป็นสุภาพบุรุษที่ดีด้วยการเดินไปสั่งเครื่องดื่มให้สุภาพสตรี(?)ทั้งสาม ระหว่างนั้นสายตาของลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็เหลือบไปเห็นใครคนหนึ่ง เขารีบหลบหลังกอร์ดอนทันที

                “โอ้ ไงคะจอห์นนี่ ไงคะแมกซ์” เลดี้มาร์กาเร็ต สจ็วตเดินเข้ามาด้วยสีหน้าแปลกใจระคนดีใจ เธอทักลอร์ดหนุ่มทั้งสอง ก่อนจะหันไปเห็นเลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อต

                “โอ้ เจนนี่! ฉันกำลังอยากพบเธออยู่พอดีเลย”

                เลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตเดินเข้ามาแล้วสวมกอดเลดี้มาร์กาเร็ต สจวตด้วยความดีใจ “โอ้ มาร์กี้ที่รัก เราไม่ได้เจอกันกี่ปีแล้ว”

                “สองปีได้แล้วล่ะมั้ง” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตว่า “จอร์จจี้เล่าให้ฉันฟังแล้วว่าเธอมาพักที่บ้าน ลูกๆ เธอเป็นไงบ้าง ฉันอยากเห็นพวกเขาเหลือเกิน ฉันวางแผนจะไปเยี่ยมเธอพรุ่งนี้พอดีเลย”

                “ทั้งสองคนน่ารักมาก พวกเขาต้องดีใจที่ได้เจอเธอแน่ๆ”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตยิ้ม ก่อนจะถามขึ้นต่อ “ว่าแต่จอร์จจี้ไม่มาด้วยกันกับพวกเธอหรือ แล้วสองคนข้างหลังนั่นใครกัน”

                “อ้อ เพื่อนๆ ของฉันเอง” เลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตว่า ก่อนจะแนะนำกอร์ดอนและลอร์ดจอร์จ เฟลตันให้เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตได้รู้จักแบบแทบกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่

                “นี่กลอเรีย ส่วนที่อยู่ด้านหลังเธอคือจอร์เจียน่า... นี่ จอร์เจียน่า ทำไมเธอต้องไปยืนหลบหลังกลอเรียแบบนั้น”

                “โอ้... คือฉันเพิ่งนึกได้ว่าปวดท้องมากค่ะ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรีบพูด แล้วก้มหน้างุด “ฉันคิดว่าคงต้องขอตัว”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตมองเขายิ้มๆ “โอ จอร์เจียน่า ฉันมาร์กาเร็ต มาเถอะ ฉันจะพาเธอไปพักเอง”

                “ไม่ๆ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรีบปฏิเสธ ก่อนจะสะกิดกอร์ดอน ช่างตัดเสื้อจึงรีบพูดขึ้น

                “เดี๋ยวฉันจะพาเธอไปเอง”

                พูดจบเขาก็รีบพาตัวลอร์ดจอร์จ เฟลตันไปนั่งพักที่เก้าอี้ซึ่งวางอยู่ใกล้กับมุมหนึ่งของห้องโถง ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถอนหายใจเฮือก ขณะมองเลดี้มาร์กาเร็ต สจวตคุยกับพี่สาวของเขา

                “บ้าจริง ทำไมมาร์กาเร็ตถึงมาอยู่ที่นี่ได้” ลอร์ดหนุ่มบ่น “ถ้าเธอรู้จะต้องหัวเราะตายแน่ กอร์ดอน นายต้องช่วยฉัน เจนนี่จะต้องสนุกมากกับเรื่องนี้”

                กอร์ดอนพยักหน้าอย่างจริงจัง “จะให้ผมทำอะไรบ้างครับ?”

                “เราต้องพยายามหลบออกไป เราอาจจะขึ้นไปที่สโมสรไพ่ หรือไม่ก็ลงไปนั่งที่ภัตตาคารด้านล่าง ไม่ๆ เราจะต้องออกไปข้างนอกเลย ไปรออยู่กับโอลิเวอร์ก็ได้”

                “แต่แบบนั้นมันจะไม่ดูผิดสังเกตหรือครับ?” ช่างตัดเสื้อแย้ง “ผู้หญิงสองคนไปอยู่กับคนขับรถม้า”

                “โอ้ ฉันกับนายไม่ใช่ผู้หญิงจริงๆ สักหน่อย ใครจะสงสัยก็สงสัยไปซี่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดอย่างหงุดหงิด “มาเถอะ ระหว่างที่มาร์กาเร็ตกำลังคุยกับพี่สาวฉันอยู่ เรารีบหลบออกไปกัน”

                แต่ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้เดินออกไปไหน ลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็เหลือบไปเห็นว่าเลดี้มาร์กาเร็ต สจวตเดินเข้าไปทักทายชายหนุ่มคนหนึ่งอย่างสนิทสนม ลอร์ดหนุ่มชะงักตัวกึกทันที

                “นั่นมันเซบาสเตียนนี่ เธอสนิทกับไอ้หมอนั่นตั้งแต่เมื่อไหร่?”


ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
                ยังไม่ทันที่กอร์ดอนจะได้พูดอะไรตอบเขา ลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็พรวดพราดเดินกลับไปทันที ช่างตัดเสื้อรีบเดินตามไป แต่กลับถูกใครคนหนึ่งเดินมาดักหน้าไว้

                “กรุณาให้อภัยกับความเสียมารยาทของผมด้วย” มิสเตอร์แอนโธนี่พูดด้วยสีหน้าพลุ่งพล่านอย่างยากจะระงับ “ผมอยากจะสนทนากับคุณเป็นการส่วนตัวสักครู่ กรุณาให้เกียรติผมด้วย”

                “โอ...” กอร์ดอนคราง เขาพยายามหาทางบ่ายเบี่ยงอีกฝ่าย “ฉันคงไม่สะดวก”

                “ได้โปรดเถอะครับ” ฝ่ายนั้นอ้อนวอน “ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อนเลย มันอธิบายเป็นคำพูดได้ยากมาก ผมชื่อแอนโธนี่ ปาร์กเกอร์สัน ถ้าคุณจะกรุณาบอกชื่อเต็มกับผม มิสกลอเรีย”

                ยังไม่ทันที่กอร์ดอนจะได้อ้าปากโต้ตอบอะไร ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าถมึงทึง เขาจ้องมิสเตอร์ปาร์กเกอร์สันปานจะกินเลือดกินเนื้อ

                “มิสเตอร์ปาร์กเกอร์สัน คุณกระทำการหมิ่นเกียรติผมมาก คุณกล้าดียังไงถึงพยายามเข้าหาคนรักของผมเป็นครั้งที่สอง ถ้าคุณยังกล้าพูดอีกแม้แต่คำเดียว ผมจะเรียกผู้ดูแลให้มาลากตัวคุณออกไป”

                มิสเตอร์ปาร์กเกอร์สันอับอายจนหน้าแดง เขารีบหันหน้าเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรอีก ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันมาพูดกับกอร์ดอน

                “โอ... ยอดรัก ผมจะไม่ปล่อยให้คุณไปไหนกับใครอีกแล้ว ถ้าเจนนี่อยากให้คุณอยู่นี่ ผมก็จะอยู่ข้างๆ คุณ ผมจะไม่สนเรื่องเล่นสนุกของเธออีกแล้ว มันไม่สนุกเลยสำหรับผม”

                กอร์ดอนมองลอร์ดโทรว์บริดจ์แล้วคลี่ยิ้ม “ใจเย็นๆ เถอะครับ ผมจะตามคุณกลับไปรวมกลุ่ม เราอย่าทำให้เรื่องมันใหญ่โตเลยครับ”

                “ก็ได้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกแขนขึ้นมาข้างหนึ่ง กอร์ดอนจึงใช้มือเกี่ยวไว้ ทั้งคู่เดินกลับไปรวมกลุ่มกับเลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตอีกครั้ง

--------------------------------

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตกำลังสนทนาอยู่กับ เซบาสเตียน ครอวส์ ในตอนที่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเดินกลับเข้าไป เมื่อเดินเข้าไปในระยะใกล้พอ ลอร์ดหนุ่มก็แสร้งทำเป็นกระแอมไอออกมา “โอ... พวกคุณคุยกันท่าทางน่าสนุกจังเลยนะคะ”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตหันมามองเขาอย่างแปลกใจ ก่อนจะคลี่ยิ้ม “คุณรู้สึกดีขึ้นแล้วหรือคะ? มิสจอร์เจียน่า”

                “อ๋อค่ะ ดิฉันรู้สึกดีขึ้นแล้ว” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ที่ยืนอยู่ใกล้กันทำท่าขยับปากอยากจะพูดอะไร แต่ถูกเลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตสะกิดไว้

                “ปล่อยพวกเขาเถอะ” เธอว่า ขณะมองลอร์ดน้องชาย ที่พยายามอย่างยิ่งที่จะเข้าไปคั่นกลางการสนทนาของคู่หมั้นของเขากับชายคนอื่น แล้วอมยิ้ม “ดูสิว่าจอร์จจี้จะทำยังไง”

                “โอ... คุณผู้หญิงคนนี้คือ?”

                “อ๋อ ฉันชื่อจอร์เจียน่า เป็นเพื่อนกับเลดี้เจนนิเฟอร์ค่ะ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า ก่อนจะรีบพูดขึ้นต่อ “อันที่จริงแล้วฉันกำลังตั้งใจจะชวนมาร์กาเร็ตไปเล่นบิลเลียดด้วยกัน เสียแต่ว่าเมื่อตะกี้ฉันรู้สึกไม่สบายนิดหน่อย”

                “โอ... งั้นหรือครับ งั้นผมคงต้องขอตัวก่อน” มิสเตอร์ครอวส์ยิ้มแล้วโค้งให้เขา ก่อนจะเดินจากไป ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถอนหายใจเฮือก เขาเตรียมจะเดินไปสมทบกับพี่สาว แต่ถูกเลดี้มาร์กาเร็ต สจวตรั้งตัวไว้

                “เดียวสิจอร์เจียน่า ทางนั้นไม่ใช่ทางไปโต๊ะบิลเลียดสักหน่อย”

                “อ๋อ ฉันกำลังจะไปบอกเลดี้เจนนิเฟอร์น่ะ ว่าพวกเราจะไปเล่นบิลเลียดกัน” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรีบแก้ตัว ก่อนจะเดินฉับๆ เข้าไปหาพี่สาวของเขา แล้วก้มลงกระซิบที่ข้างหู

                “พี่เจนนี่ พี่ต้องช่วยผมนะ พี่ทำยังไงก็ได้ให้มาร์กี้กลับบ้านไป ผมเพิ่งเผลอหลุดปากชวนเธอไปเล่นบิลเลียด”

                “แหม... ทำไมเธอถึงอยากจะไล่ให้คู่หมั้นตัวเองกลับบ้านขนาดนั้น” เลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตพูดยิ้มๆ “ไม่ชอบที่เธอออกมาเที่ยวนอกบ้านหรือ? ผู้ชายนี่ใจแคบจัง”

                “โธ่... พี่ครับ ผมไม่ใช่คนใจแคบ แต่เธอจะคิดยังไงถ้ารู้ว่าคู่หมั้นของเธอมาแต่งตัวเป็นผู้หญิงแบบนี้ ผมไม่อยากอับอายต่อหน้าคู่หมั้นตัวเอง พี่ต้องช่วยผมนะ”

                “ไม่ จอร์จจี้ พี่ว่าเธอต้องเรียนรู้ที่จะแก้สถานการณ์ด้วยตัวเอง”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันนิ่วหน้า ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไรต่อ เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตก็เดินเข้ามา

                “มิสจอร์เจียน่า ฉันเห็นว่าเราไปเล่นด้วยกันสองคนอาจจะไม่สนุกเท่าที่ควร เราน่าจะชวนคนอื่นๆ ไปด้วย โอ... จอห์นนี่ เธอดูสนิทสนมกับมิสกลอเรียจังเลย”

                “อ๋อ แน่นอน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “เธอเป็นคนรักของผม”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตเบิ่งตากว้างอย่างแปลกใจ “โอ้ จริงหรือ? ฉันคิดว่าเธอกำลังคบหาอยู่กับแคทเธอรีนเสียอีก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ “ระหว่างเธอกับผมมีเพียงความเป็นเพื่อนเท่านั้น”

                “ว้าว” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตคราง เธอเบนความสนใจมายังทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว “มิสกลอเรียช่างเป็นหญิงสาวที่สวยมาก แต่ฉันรู้สึกคุ้นหน้าเธอจังเลย”

                กอร์ดอนรีบหลบหลังลอร์ดโทรว์บริดจ์ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเลยรีบพูดขึ้น “มาร์กาเร็ต เราไปโต๊ะบิลเลียดกันเถอะ เธออยากจะเล่นบิลเลียดไม่ใช่หรือ?”

                “อ๋อ แน่นอนจ้ะ เธอต้องไปกับฉันด้วยนะ” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตว่า “พวกคุณก็ไปด้วยกันกับเราสิคะ”

                ทั้งหมดจึงเดินกลับมาที่โต๊ะบิลเลียดอีกครั้ง ลอร์ดจอร์จ เฟลตันจำใจจะต้องเล่นบิลเลียดกับเลดี้มาร์กาเร็ต สจวต เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้ฝ่ายนั้นสังเกตใบหน้าได้อย่างชัดเจน แต่หลังจากเล่นกันไปได้สักพัก เขาก็อดรนทนไม่ได้กับวิธีการเล่นบิลเลียดของคู่หมั้น

                “ฉันว่าเธอควรจะเล็งลูกสีแดงด้านขวานะ มุมมันอาจจะยากหน่อย แต่มันจะทำให้เธอแทงลูกต่อไปได้ง่ายขึ้น”

                “โอ... อย่างนั้นหรือ” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตพยักหน้า “แบบนี้ใช่ไหม?”

                “นั่นแหละ ไม่ต้องแทงแรงมากนะ เอากลางๆ”

                กอร์ดอนหันไปคุยกับลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่ยืนขนาบข้างเขาตลอดเวลา “บิลเลียดนี่ดูท่าทางจะเล่นยากนะครับ”

                “ไม่เลย มันเป็นเกมที่เล่นง่ายมาก ผมว่าง่ายกว่าหมากรุกอีก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “และจอร์จก็เป็นคนที่เล่นบิลเลียดเก่งมาก อันที่จริงเจนนี่ก็เล่นเก่ง บ้านเขาเล่นบิลเลียดเก่งทุกคน”

                “อย่างนั้นหรือครับ?” กอร์ดอนพยักหน้า “แล้วคุณล่ะครับ?”

                “อืม... ผมพอจะแทงให้มันลงหลุมได้เป็นลูกๆ ไป”

                “แหม... จอห์นนี่ เกมนี้มันก็ต้องแทงลูกให้ลงหลุมทั้งนั้นแหละ” เลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตว่า “ไหนเธอลองแทงแข่งกับจอร์จจี้ดูหน่อยสิ ฉันอยากรู้ว่าใครจะชนะ”

                “โอ... ไม่เอาหรอกครับ ผมไม่แข่งกับผู้หญิงหรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดยิ้มๆ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเผอิญได้ยินคำพูดของเขาพอดี

                “โอ้ นี่คุณกล้าดูถูกผู้หญิงอย่างฉันหรือ?”

                “ผมเปล่า” ลอร์ดหนุ่มตอบหน้าตาย “ผมไม่กล้าแข่งกับคุณหรอกครับ คุณผู้หญิง ดูก็รู้ว่าคุณต้องแทงบิลเลียดเก่งมาก ผมไม่อยากแพ้น่ะ”

                “คุณต้องมาแข่ง เดี๋ยวนี้เลย”

                “แต่คุณกำลังเล่นกับเลดี้มาร์กาเร็ตอยู่นะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า เลดี้มาร์กาเร็ตรีบพูดขึ้น

                “ไม่เป็นไรหรอกค่ะจอห์นนี่ ฉันเองก็อยากเห็นคุณแข่งกับมิสจอร์เจียน่าเหมือนกัน ท่าทางเธอจะเล่นบิลเลียดเก่งน่าดู”

                “ก็ได้ๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า เขาเดินไปหยิบไม้คิวเพื่อมาดวลบิลเลียดกับลอร์ดจอร์จ เฟลตัน ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เลยขยับไปขนาบกอร์ดอนเอาไว้แทน

                “บอกเลยนะว่าฉันทำเพื่อไม่ให้จอห์นนี่สติแตก” ลอร์ดหนุ่มกระซิบบอกเขา กอร์ดอนพยักหน้า

                “ขอบคุณมากนะครับ”

                ปรากฏว่าลอร์ดจอร์จ เฟลตันเล่นบิลเลียดเก่งจริงๆ แม้ว่าเขาจะสวมกระโปรงและสวมหมวกที่มีผ้าคลุมหน้าซึ่งค่อนข้างเกะกะสำหรับคนที่ไม่เคยสวมมาก่อน แต่เขาก็สามารถเอาชนะลอร์ดโทรว์บริดจ์ไปได้อย่างสบาย

                “หึๆ ฉันบอกคุณแล้วว่าอย่าดูถูกผู้หญิง” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหัวเราะชอบใจ หลังจากแทงลูกสุดท้ายลงหลุม ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะในคอ

                “ครับๆ ผมยอมแพ้คุณแล้ว”

                “โอ... เธอช่างเล่นบิลเลียดได้น่าประทับใจเหลือเกิน” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตมองเขาอย่างชื่นชม “เหมือนกับคู่หมั้นของฉันเลย เขาเล่นบิลเลียดเก่งเหมือนกัน และเขาก็เจ้าชู้มากด้วย”

                “ฉันว่าไม่หรอก” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรีบแก้ตัวให้ตัวเอง “ผู้ชายบางคนอาจจะชอบมองผู้หญิงไปทั่วก็จริง แต่เขาจะรักผู้หญิงจริงๆ แค่คนเดียวเท่านั้น”

                “อย่างนั้นหรือ” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตว่า “แสดงว่าเธอไม่ถือเรื่องที่ผู้ชายของเธอจะเที่ยวมีผู้หญิงไปทั่วสินะ งั้นเธอคงเห็นด้วยถ้าผู้หญิงจะเที่ยวไปเจ๊าะแจ๊ะกับผู้ชายคนนั้นคนนี้บ้าง”

                “ไม่!” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดขึ้นทันที เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตรีบพูดขึ้นต่อ

                “ทำไมล่ะ? ในเมื่อผู้ชายยังทำได้ ทำไมผู้หญิงจะทำบ้างไม่ได้ อย่างน้อยๆ เธอก็มีผู้ชายที่เธอรักแค่คนเดียว บางทีฉันก็คิดนะ ว่าถ้าฉันแอบไปคุยกับผู้ชายคนอื่น คู่หมั้นฉันจะว่ายังไง เขาคงไม่หึงหรอกเนอะ”

                “ไม่ เขาจะหึงมาก” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรีบพูด “ไม่มีผู้ชายคนไหนชอบให้คนรักของตัวเองไปเจ๊าะแจ๊ะกับชายอื่นหรอก”

                “อืม... ผู้หญิงก็เหมือนกันนั่นแหละ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบเดินเข้ามาแก้สถานการณ์ ก่อนที่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันจะเผลอตัวตอบโต้ไป

                “พวกคุณสองคนเลิกคุยเรื่องคู่หมั้นเถอะ มันทำให้คนไม่มีคู่ปวดใจรู้ไหม?”

                “นายหมายถึงฉันหรือ?” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดออกมาทันที ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบแก้ตัว

                “เปล่าแมกซ์ ฉันไม่ได้พาดพิงนาย”

                “ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่ถือ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ฉันแน่ใจว่าตอนนี้ฉันไม่ได้รู้สึกอิจฉาหรืออะไรพวกนายอีกแล้ว ฉันคิดว่าตัวเองเฉยๆ แล้วล่ะ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันอยากจะเดินไปปลอบใจเพื่อน แต่ก็ติดว่าตัวเองปลอมเป็นผู้หญิงอยู่ เขาเลยหันไปหาพี่สาวแทน

                “เจนนี่ ฉันคิดว่าเราควรจะกลับกันได้แล้วล่ะ เธอน่าจะสนุกพอแล้ว”

                เลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตมองน้องชายอยู่อึดใจ ก่อนจะพยักหน้า “ก็ได้ พี่ว่าพวกเธอน่าจะเหนื่อยมากแล้วเหมือนกัน”

                ทั้งกอร์ดอนและลอร์ดจอร์จ เฟลตันมีสีหน้าดีใจชนิดที่ว่าไม่อาจห้ามรอยยิ้มได้ พวกเขารีบหันไปมองหน้ากันด้วยความดีใจ เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตจึงพูดขึ้นต่อ

                “งั้นก็คงได้เวลาฉันต้องกลับแล้วเหมือนกัน”

                “ให้มิสจอร์เจียน่าไปส่งเธอสิ” เลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตว่า ก่อนจะหันมาหาน้องชาย “ไปส่งเธอ”

                “โอ...” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้ เขาหันไปมองลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ เจ้าตัวจึงรีบพูดขึ้น

                “เดี๋ยวผมจะไปเป็นเพื่อนพวกเธอ” พูดจบเขาก็หันไปหาทั้งสองคน ทั้งคู่จึงเดินคล้องแขนเขาออกไป ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงหันไปพูดกับเลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อต

                “งั้นผมจะไปส่งพวกคุณเอง”

                ทั้งกอร์ดอนและเลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตจึงเดินคล้องแขนเขาออกมา

-----------------------------------------

                “โอ กลอเรียของเราช่างเสน่ห์แรงมาก” เลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตพูดขึ้น “มิสเตอร์ปาร์กเกอร์สันเป็นลูกชายของเศรษฐีอเมริกัน เขาเพิ่งมาถึงลอนดอนเมื่อสองสัปดาห์ก่อนนี่เอง ฉันคิดว่าเขาคงตกหลุมรักมิสกอลเรียเข้าอย่างจัง” พูดจบเธอก็หัวเราะ ก่อนจะหันไปหาลอร์ดโทรว์บริดจ์

                “ส่วนเธอ จอห์นนี่ ฉันแน่ใจเลยว่าต่อไปทั้งลอนดอนจะร่ำลือถึงเรื่องคนรักของเธอ” เลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เธอต้องเห็นสีหน้าบรรดาสาวๆ ตอนที่เธอประกาศว่ามิสเตอร์โอเดนเบิร์กเป็นคนรัก พวกเธอคงผิดหวังมาก นี่ มิสเตอร์โอเดนเบิร์ก คุณโชคดีมากนะที่ได้เป็นคนรักของลอร์ดโทรว์บริดจ์น่ะ สาวๆ ทั้งลอนดอนจะต้องอิจฉาคุณ”

                กอร์ดอนหัวเราะแหะๆ “แต่มันจะเป็นแค่เรื่องเล่นแกล้งกันใช่ไหมครับ? คงไม่มีใครถือเป็นจริงเป็นจังว่าผมคือคนรักของเขา?”

                “ไม่หรอก เพราะทุกคนเข้าใจว่าคุณคือมิสกลอเรีย หญิงสาวปริศนาที่เป็นคนรักของลอร์ดโทรว์บริดจ์ ซึ่งต่อให้ค้นหาทั้งเกาะอังกฤษ ก็จะไม่เจอเธออีกแล้ว เพราะเธอไม่มีตัวตนจริงๆ ไง”

                กอร์ดอนถอนหายใจ ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทำหน้าเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง

                “เจนนี่”

                “หืม?”

                “ผม... เอ่อ... อยากจะขอซื้อชุดทั้งสองชุดที่คุณให้กอร์ดอนกับจอร์จยืมใส่ ผมเกรงใจที่คุณต้องมาลำบากกับการเล่นสนุกของจอร์จ”

                “โอ้ ไม่เป็นไรหรอกจอห์นนี่ ฉันเบื่อสองชุดนี้แล้ว ตั้งใจจะให้จะให้เพนนี่อยู่พอดี เธอคงไม่ถือหรอกที่มีผู้ชายเคยใส่มาก่อน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มีสีหน้าผิดหวัง เขาตั้งใจจะซื้อชุดที่กอร์ดอนสวมเก็บไว้เป็นที่ระลึก แต่ถ้ายังตื๊ออยู่ก็เกรงว่าเลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตจะสงสัยเอาได้

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันกับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตามมาสมบทหลังจากนั้นไม่นาน พอมาถึงฝ่ายแรกก็บ่นทันที “โอ้ เจนนี่ พี่ต้องรู้ว่าผมเกือบจะต้องอับอายต่อหน้าคู่หมั้น ทำไมมาร์กี้ถึงโผล่มาที่นี่ได้ พี่ไม่ได้นัดเธอมาใช่ไหม?”

                “แหม... มันก็สนุกดีออกนี่นา มาร์กี้หลงเธอออกจะตาย พี่ว่าถ้าเธอรู้ว่าน้องแต่งตัวแบบนี้ เธอคงอยากให้แต่งอีก เธอบอกน้องว่าน้องเป็นสาวสวยเลยนะ”

                “โอ...” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันคราง “ผมจะไม่ยอมทำแบบนี้อีกแล้ว นี่มันบ้าชัดๆ” พูดจบเขาก็ชวนพี่สาวขึ้นรถม้ากลับ ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงอาสาจะพากอร์ดอนตามไปส่ง ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จึงขอแยกตัวออกไป

------------------------------

                พอปิดประตูรถม้าเรียบร้อย ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็ขยับมานั่งข้างคนรักทันที เขาอาศัยแสงไฟจากตะเกียงข้างรถพิศดูใบหน้าของฝ่ายนั้น

                “โอ... ทำไมคืนนี้ผมถึงไม่ได้ไปดูโอเปร่ากับคุณนะ” ลอร์ดหนุ่มคร่ำครวญพลางใช้มือปัดปอยผมของอีกฝ่าย “คุณช่างงามเหลือเกิน ผมหงุดหงิดมากที่ต้องพาคุณมาให้ชายคนอื่นใช้สายตาแทะโลม จอร์จไปตกลงแบบนั้นกับพี่สาวเขาได้ไง”

                “ถ้าเขาไม่ตกลงแบบนั้น คุณคงไม่ได้เห็นผมในสภาพนี้ เธอใจดีมากนะครับ” กอร์ดอนว่า “เธอเป็นพี่สาวที่น่ารักมาก”

                “ก็ใช่ แต่ผมหงุดหงิดนี่นา ผมควรจะเป็นคนที่ได้ควงคู่กับคุณ ตอนนี้เราควรจะนั่งดูโอเปร่าอยู่ที่โรงโอเปร่าเล็กๆ ที่ไหนสักแห่ง ผมอยากแสดงความรักต่อคุณอย่างเปิดเผยมานานแล้ว ผมเกลียดเหลือเกินที่เราต้องทำแบบหลบๆ ซ่อนๆ”

                กอร์ดอนยิ้มให้ฝ่ายนั้น “ไว้คราวอื่นก็ได้นี่ครับ”

                “หืม?”

                อีกฝ่ายยิ้มอายๆ “ผมว่าจะไปหาซื้อชุดชั้นในกับผ้าสำหรับตัดชุดสักตัว เอ่อ... ถ้าคุณชอบนะครับ”

                “ชอบสิ ผมชอบ” ลอร์ดหนุ่มรีบตอบ “แต่มันจะไม่ลำบากคุณหรือ? ผู้ชายไปซื้อชุดชั้นในของผู้หญิงมันกระไรอยู่นะ”

                “ผมอาจจะขอร้องมิสซิสมาร์ธา ถ้าเธอไม่รังเกียจ” ช่างตัดเสื้อพูดพลางหน้าแดง “ผมรู้ว่ามันเป็นเรื่องน่าอับอายมาก ผมไม่เคยมีความคิดแบบนี้มาก่อนเลยจอห์น ผมไม่เคยชอบตัวเองที่หน้าเหมือนผู้หญิง จนกระทั่งคุณกระซิบบอกผม” เสียงของเขาเบาลงจนแทบจะกลายเป็นกระซิบ “ผมรู้สึกว่าผมอยากเป็นผู้หญิงเพื่อคุณ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์รวบตัวคนรักของเขามากอดไว้แน่น ก่อนจะจูบริมฝีปากของฝ่ายนั้น พอผละออกกอร์ดอนก็หัวเราะออกมา

                “ปากคุณเลอะลิปสติกแล้ว เดี๋ยวผมเช็ดให้นะครับ”

                อีกฝ่ายคลี่ยิ้ม “ปากคุณก็เลอะแน่ะ”

                ยังไม่ทันที่กอร์ดอนจะได้หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็จูบเขาอีกครั้ง

                “จอห์น ผมว่านี่ไม่ใช่วิธีเช็ดลิปสติกนะครับ” กอร์ดอนพูดระหว่างที่ทั้งคู่ผละริมฝีปากออกจากกัน ลอร์ดโทรว์บริดจ์ส่งเสียงในคอ และจูบเขาซ้ำอีกถึงสองครั้ง

                “โอ... จอห์น ปากคุณเลอะมาก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “คุณเช็ดให้ผมสิ เดี๋ยวผมจะช่วยเช็ดให้คุณ”

                “เช็ดจริงๆ นะครับ ไม่ใช่แบบตะกี้นะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์จูบเขาอีกครั้ง ก่อนจะยอมให้เขาเช็ดริมฝีปากให้

                “แบบนี้ทุกคนต้องสงสัยแน่” กอร์ดอนพูดหลังจากลอร์ดโทรว์บริดจ์เช็ดริมฝีปากให้เขาเรียบร้อยแล้ว ลอร์ดหนุ่มยักไหล่

                “บอกเจนนี่ไปว่าคุณรำคาญลิปสติกเลยเช็ดมันออก ผมว่ามันน่าจะฟังขึ้นอยู่นะ”

                “โอ... นั่นสินะครับ ผมเองก็รำคาญจริงๆ นะ” กอร์ดอนว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์จับมือเขามากุมเอาไว้

                “คราวหน้าถ้าคุณจะแต่งเป็นผู้หญิงอีก บอกผมล่วงหน้านะ ผมจะซื้อเครื่องเพชรเตรียมไว้ให้คุณ”

                “อย่าเลยครับ พ่อแม่คุณจะสงสัยเอาเปล่าๆ ยังไงใช้เครื่องเพชรของย่าผมก็ได้ แต่ผมไม่ได้เจาะหู คงใส่ตุ้มหูไม่ได้หรอกครับ”

                “โอ... ผมแค่อยากจะซื้อของให้คนที่ผมรักน่ะ” ลอร์ดหนุ่มว่า ก่อนจะขยับไปจูบแก้มช่างตัดเสื้อ “ไม่เป็นไรหรอกกอร์ดอน ผมไม่อยากให้คุณกดดันตัวเองมาก พรุ่งนี้ผมจะแวะเข้าไปที่ร้านคุณตอนบ่าย แล้ววันพุธเราก็จะไปกินข้าวกันเหมือนเดิม ถึงผมจะต้องพลอดรักกับคุณบนรถม้า แต่มันก็ยังดีกว่าที่เราจะไม่ได้เจอกันเลย”

                กอร์ดอนยิ้มให้ลอร์ดหนุ่ม ก่อนที่ทั้งคู่จะจูบกันอีกครั้ง

------------------------------------
(จบตอน)
****ตอนนี้เป็นตอนที่เรารู้สึกว่าทุกอย่างมันขัดๆ เหมือนมันขาดๆ ยังไงไม่รู้ แต่หาที่แทรกไม่ลงล่ะ (พยายามอ่านหลายรอบแล้วก็ยังไม่รู้ว่าจะแทรกหรือแก้อะไรตรงไหนมากกว่านี้ดี เหมือนมันเยอะจนเต็มเอี๊ยดแล้ว แต่มันยังขาดๆ ยังไงชอบกล :mew5:)
.
จอร์จจี้ผู้น่าสงสาร (?) และกอร์ดอนผู้ควรจะเกิดเป็นผู้หญิง ฮ่าๆๆๆ
.
ใครสงสัยไม่สงสัย แต่จอร์จกับแมกซ์ย่อมรู้แน่ๆ ว่าลงไปล่ะปากเกลี้ยงทั้งสองคน ทำอะไรกันในรถม้า 5555+
.
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ :pig4:
.
ปล. เราแอบจิ้นว่ามิสเตอร์จอห์นสันแอบชอบจอห์น โอย มโนไป ฮ่าๆๆ ข้องใจนางตามตื๊อจอห์นจริงๆ

ออฟไลน์ Natsuki-ChaN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
กอร์ดอนน่ารักก  :-[
คู่นี้จะลงเอยยังไงนะ จะจบเศร้าไหม
รู้อย่างเดียวตอนนี้ฮามากก55555  :hao7:

ออฟไลน์ แม่มดน้อย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1049
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
ใช่ค่ะๆแอบคิดว่ามิสเตอร์จอห์นสันอาจจะแอบชอบจอห์น(คิดได้เนอะ)

แววว่าเรื่องจะชักยุ่งๆวุ่นๆซะแล้ว
ต้องมีปัญหาตามมาแน่ๆเลยเรื่องมิสกลอเรียสุดสวยเนี่ย
จอห์นขี้หึงน่าดูเลยนะเหมือนกระทิงเลยใครเข้าใกล้กอร์ดอนก็วิ่งเข้าขวิดลูกเดียว

มาอ่านสามตอนรวดเลยค่ะ อิ่มมากจุใจสุดๆ
เป็นนิยายที่ยาวมากอ่านสามตอนเหมือนอ่านมาครึ่งเล่ม
แอบสงสารคนเขียนนิ้วมือยังใช้การได้ดีอยู่ไหมคะเนี่ย5555555555555

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
สงสัยว่า จอห์นสันจะนำพาปัญหามาให้ท่านลอร์ดและกอร์ดอน


ขำจอร์จกับแมกซ์มาก ไม่เนียนเลยทั้งคู่ ฮ่า ๆ ๆ ๆ
นี่แสดงว่า จอร์จต้ิงหน้าตาสะสวยพอสมควร ถึงได้แต่งหญิงแล้วไม่ขัดหูขัดตาเลย

ส่วนกอร์ดอนคงไม่ต้องสงสัย ขนาดแต่งตัวตามปกติทั้งจอห์นและไมครอฟยังหลงรักตั้งแต่แรกเห็น
เจนนี่ดูสนุกมากกกกกก

อ่านไปถึงตอนที่กอร์ดอนบอกว่าอยากเป็นผู้หญิงแล้วน้ำตาจะไหล

ขอบคุณนะคะ ยาวจุใจมาก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6

ออฟไลน์ ciaiwpot

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1098
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ได้อ่านยาวจุใจจริงๆ ชอบบบบบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

เคยนึกว่าต้องมีสักวันที่กอร์ดอนแต่งหญิง
แต่ไม่คิดว่าจะพ่วงจอร์เจียน่า มาด้วย ฮามากกกก

เสน่ห์กอร์ดอน ตอนเป็นชายก็เห็นมาแล้ว
พอเป็นหญิง ผู้ชายก็พุ่งพรวดมาเลย  จนจอห์น หึงแหลก

แต่ข่าวลอร์ดโทรว์บริดจ์ มีแฟนจะไม่กระจายแพร่ไปทั่วรึ  :laugh:
นาจะถึงพ่อของจอห์น ด้วยน่ะสิจอห์นเตรีมที่อุดหูเลย  :katai1: :katai1: :katai1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1049
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
อย่าหายไปนานใจคอไม่ค่อยดี :hao5:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
คิดถึงกอร์ดอนกับจอห์นนี่และผองเพื่อน

ออฟไลน์ ciaiwpot

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1098
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3

ออฟไลน์ แม่มดน้อย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
คิดถึงกอร์ดอนแล้วเน้อออ อ่านซ้ำรอบที่สามแล้ววว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด