Sweet Dilemma - รักวิบัติ #14.2 แตงกวา (Update! 14/01/20)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Sweet Dilemma - รักวิบัติ #14.2 แตงกวา (Update! 14/01/20)  (อ่าน 62455 ครั้ง)

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
นังปอนี่ขยันอ่อนพีพีน้อยนะคะ

ขอบคุณคนเขียนค่า

ออฟไลน์ Sillyfoolstupid

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-0
บ่นว่าสั้นมาหลายตอนแล้ว
กลัวโดนแบน ใช้คำซ้ำบ่อยๆสแปมขึ้นมายุ่งเลย
ขอเปลี่ยนเป็น "ยังยาวไม่จุใจ" แทน
นี่เหมือนอ่านตอนที่ .5 มากกว่า อยากอ่านยาวๆ ไม่เอาเนื้อเพลงอ่ะค่ะ ฮี่ๆ

อย่าว่าแต่ภมิไม่เคย pin ใครเลย
นี่ก็เพิ่งรู้ว่าสามารถทำได้ โอ้ว อะเมซิ่งมาก
ว่าแล้วก็ไปหาชื่อใครมา pin มั่งดีกว่า คริคริ

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
มันพินได้ด้วยหรอ นี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน 5555

นี่ไปถามใครไม่ถาม คู่นั้นเค้าก็ไม่ธรรมดานะจ้ะ

ออฟไลน์ CanonDNattari

  • ☆.•:*´เชื่อในสิ่งที่เห็นและต้องการให้เป็น ¨`*:•☆
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 701
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-1
มีความน่ารัก  ไม่เอาดราม่านะ หุหุ


ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ชอบบบบยบบบบบบบบบบบบบค่าาาา  :hao6:
คนเขียนเขียนนิยายสนุกมาก
สมัครเป็น fc ค่ะ

ออฟไลน์ lykar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +229/-0
#06 อยู่เป็นเพื่อนกูหน่อย


   ยิ่งใกล้งานคเณศ ภาควิชาปรัชญาก็ยิ่งคึกคัก ตอนนี้กลายเป็นว่าคนทำงานไม่ได้มีแค่ปีสามกับปีสี่เท่านั้น แต่น้องๆ ปีอื่นก็มาช่วยงานกันหมด ใครว่างช่วงไหนก็ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาภาค หยิบจับอะไรเล็กๆ น้อยๆ ทำไป ถ้าไม่มีอะไรให้ทำก็ซ้อมร้องเพลงในพิธีแห่กัน กลายเป็นเรื่องสนุกที่มีแต่คนอยากเข้าร่วม

   งานส่วนของปีสามถือว่าเสร็จหมดแล้ว ที่เหลือก็รอแค่เซตอัปก่อนวันงานจริง แต่แก๊ง F4 ก็ยังมาสิงอยู่ที่ห้องภาคกันเหมือนเดิม เหตุผลไม่มีอะไรมาก ก็แค่เด็กผู้หญิงปีหนึ่งปีนี้หน้าตาดีมองเพลินเท่านั้นเอง

   “เอาล้าว เอาล้าววว” ไอ้แก้วสะกิดไอ้ชิงชิงยิกๆ

   “โฮกกกกก”

   “โอ๊ยมึ้งงง หัวใจกูทำงานหนัก”

   ภาคภูมิอ่อนอกอ่อนใจกับไอ้พวกหน้าหม้อที่นั่งทำตาเยิ้มอยู่ข้างๆ เชื่อว่าถ้าน้องหันมาเห็นต้องมีฝันร้ายกันมั่งล่ะ

   “พีพี” คนถูกเรียกหันไปตามเสียงก่อนจะถอนหายใจอย่างเบื่อๆ

   “อะไร”

   ไอ้ห่าขุน รุ่นน้องปีสองมองซ้ายมองขวาก่อนจะยื่นของในมือให้ “ผมซื้อชาลิปตันมาฝาก”

   คนกำลังออกแบบแผ่นบทสวดมนต์พยักหน้าหงึกๆ แล้วบอกขอบคุณเบาๆ

   “ผมนั่งด้วยนะ” คนมาใหม่ว่าพลางทรุดตัวลงนั่งข้างๆ “หือออ พีพีก็มีฝืมือนะเนี่ย”

   “เออ กูเก่ง”

   ผู้ชายในชุดสูทสีดำพร้อมแว่นกันแดดทรงเรย์แบนที่ดูไม่เหมือนนักศึกษาส่งยิ้มหวานมาให้ ซึ่งคนได้รับถึงกับขนลุกซู่ เพราะแม่งไม่ต่างอะไรกับรอยยิ้มมรณะของโจ๊กเกอร์

   “ไม่มีไรทำมึงก็ไปช่วยข้างนอกเค้าพ่นสีไป” จะว่าไล่ก็ถูก แต่เขาขี้เกียจมีปัญหาอีก

   “พีพีรังเกียจผมเหรอ”

   พอได้ยินเสียงอ่อยๆ เอ่ยถาม คนฟังก็ต้องถอนใจต่ออีกรอบ “กูอะไม่ แต่เพื่อนกูอะใช่”

   “สัดขุน!! ไปเลยมึง!!” เสียงโวยวายดังมาตั้งแต่หน้าประตู ก่อนขายาวจะก้าวพรวดๆ เข้ามาตรงที่เพื่อนสนิทกับไอ้เด็กปีสองนั่งอยู่

   ภูมิถึงกับกุมขมับ ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา เขาต้องแยกมวยระหว่างไอ้ปอกับรุ่นน้องข้างๆ นี่วันเว้นวัน กัดกันจนคนอื่นเห็นเป็นเรื่องปกติ มีแต่เขาที่รำคาญจนบางทีไม่อยากจะเข้ามาภาค ขณะกำลังจะเอ่ยห้าม ไอ้ท่านขุนกลับลุกขึ้นแล้วเดินออกไปเงียบๆ ไม่ต่อปากต่อคำเหมือนที่แล้วๆ มา

   ปรนัยมองตามไอ้รุ่นน้องลุคเจมส์บอนด์ถึงประตู วันนี้มันมาแปลก แต่ก็ดีที่ยอมไปง่ายๆ หากแล้วร่างสูงก็แทบจะกระโจนไปกระชากคอมันกลับ เมื่อไอ้เด็กเปรตตะโกนออกมาเสียงดัง

   “พีพีตั้งใจทำงานนะครับ แถวนี้หมาดุ ผมไปก่อนดีกว่า”

   “เชี่ยขุน!!” ภาคภูมิรีบคว้าแขนคนกำลังเดือดให้ทรุดนั่ง กลัวเพื่อนจะตามไปถีบไอ้เด็กนั่นเหมือนวันก่อน

   “น้องมันก็กวนตีนมึงเล่นแค่นั้นแหละ มึงก็อย่าไปวิปตามมันดิวะ” พยายามปลอบให้อีกฝ่ายใจเย็น จึงได้ผลลัพธ์เป็นตารีเล็กที่ตวัดมองอย่างไม่พอใจ

   “มันจะจีบมึง”

   คนได้ฟังกลอกตาไปมา “ตลกละ บอกเป็นร้อยครั้งแล้วว่ามันแค่กวนประสาท”

   “ใครๆ ก็ดูออก ยิ่งมึงดีกับมัน มันก็ยิ่งเข้าใจผิด” เสียงทุ้มดุกว่าที่เคย

   ภูมิเสตาหลบ อยากจะบอกกับคนพูดถึงประโยคเดียวกันนี้เหมือนกัน ...ยิ่งมึงทำดีกับกู กูก็ยิ่งเข้าใจผิด

   พออีกฝ่ายเงียบ ปรนัยจึงพยายามระงับอารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่ในใจลง ช่วงนี้ไอ้ขุนมาป้วนเปี้ยนกับไอ้ภูมิทุกวัน ซื้อนู่นซื้อนี่มาให้กินตลอด มองมาจากเชียงใหม่ยังรู้เลยว่ามันจะมาจีบ จะมีก็แค่ไอ้คนถูกจีบนี่แหละที่ไม่รู้ตัว ยังจะทำตาแป๋วๆ คุยกับมันอีก ไม่ได้หวงเพื่อน แต่ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่โรคจิตเหมือนไอ้ขุนเขาก็คงไม่ห้ามหรอก

   ...มั้ง

   “เป็นไร ทำหน้าประหลาด” คนที่สนใจกับอาร์ตเวิร์กหน้าจอหันมาถามเพื่อนสนิท หลังจากเห็นใบหน้าคมๆ ขมวดคิ้ว แถมยังขบริมฝีปากแน่น

   “เปล่าๆ” คนถูกทักรีบปฏิเสธ แต่ในใจยังสงสัยว่า กูจะเติม ‘มั้ง’ ในประโยคเมื่อกี๊ทำไม

   “มึงว่าพื้นหลังสีส้มเฉดไหนดี” กราฟิกจำเป็นคลิกเมาส์เปลี่ยนสีไปมา

   ปอขยับหน้าเข้าไปใกล้จอโน้ตบุก ก่อนจะเขี่ยมือเพื่อนออกจากเมาส์ แล้วจัดการกดเลือกสีเอง

   “ขาว?” เจ้าของงานถามอย่างสงสัย

   “อือ อ่านง่ายดี”

   “ไม่สวยเลยอ่า” #ทีมสีส้ม

   “บทสวดโคตรยาว ถ้าแบ็กกราวนด์สีเข้มมันปวดตานะ” #ทีมสีขาว

   “โห่ยยย ไม่เข้าใจอาร์ทิสต์เล้ย” ภาคภูมิบ่นพึมพำคนเดียว ในขณะที่คนข้างๆ นั่งมองปากเล็กๆ ที่ยังขมุบขมิบไม่เลิกแล้วก็ขำ เออ...น่ารัก

   หมายถึง...หมายถึงฟอนต์ที่มันใช้น่ะ น่ารักดี

   “มึงไหวนะ?” เสียงบ่นกลายเป็นคำถามอีกรอบ เมื่อเห็นท่าทางเพื่อนดูแปลกไปจริงๆ คราวนี้คนถูกถามรีบกระแอมไอเสียงดัง ก่อนจะขอตัวเดินไปดูงานฝ่ายอื่นๆ แทน

   “เออมึง” ปอเรียกคนที่กำลังจดจ่ออยู่กับงาน

   “หือ?”

   “ถ้าเชี่ยขุนมา...” เสียงทุ้มเบาลงจนแทบกระซิบ “บอกมันว่าอย่าเรียกมึงว่า ‘พีพี’ อีก”

   มือเรียวชะงักค้าง “ทำไมวะ”

   เจ้าของคำสั่งยักไหล่ทำท่ายียวน ก่อนจะพาร่างสูงโปร่งของตัวเองไปก่อกวนฝ่ายอื่นๆ แทน ทิ้งคำถามให้ลอยอยู่ในห้วงความคิดที่แม้แต่ตัวเองก็ยังตอบไม่ได้


--------------------------------


   ปรนัยจอดจักรยานที่หลังหอพัก สี่ทุ่มกว่าแล้วเลยหาที่จอดได้ยากหน่อย อาศัยว่ารถตัวเองเก่าจนไม่ต้องห่วงเรื่องโดยขโมย จะจอดตรงไหนก็ได้ ติดว่าจำที่จอดไม่ค่อยได้นี่แหละ รถไม่หายก็เหมือนหายทุกที ขณะกำลังเดินออกจากหลังตึก เขาก็ได้ยินเสียง โคร่ม! ดังสนั่น เมื่อหันกลับไปมองก็เห็นว่ามีเด็กผู้ชายในชุดนักศึกษานอนกองรวมกับรถจักรยานที่ล้มระเนระนาด

   “นะ...” ปลายเสียงที่กำลังจะตะโกนต้องเงียบลงทันควัน เมื่ออยู่ๆ ก็มีใครไม่รู้พุ่งมากระชากคอเสื้อของคนที่ล้ม

   “ไม่มีมึงก็ต้องไปหามา! เข้าใจมั้ย! ไปหามาให้กู” ผู้ชายคนนั้นยืมคร่อมร่างที่กำลังสั่นงกๆ ตะคอกเสียงดังลั่นจนปรนัยเองยังตกใจ พอได้สติคืนมา ขายาวๆ ก็รีบย่องออกไปด้านหน้าตึกก่อนจะทำทีเดินคุยโทรศัพท์เข้ามาด้านหลังใหม่

   “ตลกละมึง ออกมาเลย กูกำลังไปแล้วเนี่ย...” นิ้วแกร่งแสร้งแกว่งพวงกุญแจไปมาให้เกิดเสียง ซ้ำยังต่อบทคนเดียวอีกนิด “กูกำลังจะถึงจักรยานแล้ว ร้านเดิมนะเว้ย อย่าป๊อด!!”

   เมื่อเงยหน้าขึ้นมา คนแผนสูงก็ไม่เห็นผู้ชายที่ทำร้ายน้องนักศึกษานั่นแล้ว เหลือแต่เด็กคนนั้นที่กำลังพยุงตัวลุกขึ้นจากกองจักรยาน

   “อ้าวน้อง เป็นไร” เสียงทุ้มเอ่ยถามเด็กในชุดนักศึกษาซึ่งน่าจะเป็นปีหนึ่ง ร่างสูงสาวเท้าเข้าไปใกล้อย่างต้องการจะช่วยเหลือ แต่เด็กคนนั้นกลับลุกขึ้นแล้วเดินกะเผลกๆ เกาะกำแพงผ่านหน้าเขาไปเสียอย่างนั้น

   
   หลังขึ้นห้องอาบน้ำเตรียมนอน มือหนาก็คว้าโทรศัพท์มาเล่นอย่างที่ทำประจำทุกคืน เช็กนู่นเช็กนี่ไปเรื่อยเปื่อย ก่อนจะเข้าโปรแกรมแชตไปอ่านย้อนในกลุ่มต่างๆ บ้าง ตอบข้อความของใครต่อใครที่ทักทายมาบ้าง ปรนัยไม่ใช่คนชอบคุยเล่นผ่านแอปพลิเคชัน ถึงจะเป็นคนประเภทร่าเริงจนเข้าขั้นน่าถีบ แต่เขาก็ชอบที่จะสนทนากับมนุษย์ตัวเป็นๆ มากกว่า จนบางครั้งก็ปล่อยให้ไลน์ขึ้นเตือนข้อความมหาศาลอยู่บ่อยๆ หลังๆ มานี่ดีหน่อยที่ไลน์มัน Pin ชื่อคนสำคัญๆ ไว้ได้ ไม่ต้องเลื่อนหาให้ปวดลูกกะตา

   ‘นอนยัง’ พิมพ์ข้อความไปหาเจ้าของชื่อที่ถูกปักหมุดไว้ด้านบนสุด รอสักพัก ‘น้องพีพี’ ชื่อที่เขาเมมไว้ก็ตอบกลับมา

   ‘ยัง’

   ‘ตกลงบทสวดมนต์เสร็จมะ’

   ‘เออ เสร็จละ นี่ๆ’

   ปรนัยกดโหลดรูปที่เพื่อนสนิทส่งมา แล้วจึงได้เห็นว่าสุดท้ายภาคภูมิเลือกพื้นหลังเป็นสีเปลือกไข่ ไม่ใช่ขาวแบบที่เขาบอก แต่ก็ไม่เข้มปวดตาเหมือนทีแรก

   ‘สวยดี อ่านง่าย’

   ‘ส่งร้านพิมพ์ไปละ พรุ่งนี้ไปช่วยแบกด้วยนะ’

   ‘เค’

   ไม่ทันได้พิมพ์อะไรต่อ ภูมิก็ส่งภาพมาอีก พร้อมข้อความว่า

   ‘พานปีนี้ อย่างสวย’

   หากเมื่อกดโหลดดู ร่างสูงบนเตียงก็ต้องสะดุ้งก่อนจะขยับตัวลุกขึ้น พยายามเลื่อนนิ้วซูมภาพให้ชัดๆ เพราะนอกจากรูปพานที่ประดับด้วยด้วยไม้สดสวยงามแล้ว ไอ้คนถือพานภาคมันยังสะกิดต่อมความจำเข้าอย่างจังน่ะสิ ตอนนี้ปอกำลังว้าวุ่นอย่างหนัก จนสุดท้ายต้องกดโทรกลับไปหาคนที่ส่งภาพมา รอไม่นานอีกฝ่ายก็กดรับ

   “เฮ้ย วิดีโอคอลไมวะ”

   คนที่ปรากฏบนจอกำลังโวยวาย ปอจึงรู้ว่าตัวเองกดผิดโหมด แต่ภาพเด็กแว่นหน้าขาวๆ หัวยุ่งๆ ในเสื้อนอนเก่าๆ ที่นอนคว่ำพร้อมหนังสือการ์ตูนในมือ ทำให้คนโทรผิดไม่คิดจะวางสาย ตารีเล็กจ้องไปยังใบหน้าคุ้นตาในมือถือ ก่อนเสียงทุ้มจะหัวเราะชอบใจกับสภาพของเพื่อน จนคนในจอขมวดคิ้วแล้วทำเสียงดุ

   “ขำเชี่ยไรของมึงเนี่ย กูวางเลยดีมะ”

   พอปากเล็กๆ ขยับบ่น ปอเลยต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกลั้นขำไว้แทน “อย่าเพิ่งเว้ยๆ กูมีเรื่องว่ะ”

   คนอีกฝั่งวางการ์ตูนในมือลง ก่อนจะคว้าหมอนมากอดแล้วเกยคางลงกับหมอนนั้น เป็นสัญญาณว่ากำลังเตรียมตัวฟัง ‘เรื่อง’ จากคนที่วิดีโอคอลมาหา

   “เรื่องไร”

   “คือ...อ่า...”

   ปรนัยไม่รู้ว่าทำไมสติสตังตัวเองถึงไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอย ยิ่งเห็นใบหน้าเสี้ยวหนึ่งที่โผล่พ้นหมอนออกมาของภาคภูมิ เขาก็ยิ่งพูดอะไรไม่ถูก

   “ว่างายยย”

   “คืองี้” ตาคมกะพริบปริบๆ ราวกับเรียกสติของตัวเอง “ตอนมาถึงหอ กูเห็นคนโดนซ้อมว่ะ แล้วเหมือนคนคนนั้นจะเป็นเด็กผู้ชายในรูปที่มึงส่งมา”

   “ไอ้กวาอ่านะ”

   “ไม่รู้ชื่อไรเหมือนกัน” ...รู้จักแต่น้องผู้หญิง แฮ่

   “ถ้าผู้ชายที่ถือพานอะ มันชื่อกวา – แตงกวา – เหมือนจะอยู่หอเดียวกับมึงด้วย” ภูมิมองใบหน้าคมที่ดูจะเคร่งเครียดขึ้นมาทันที “แล้วที่มึงเจอ เค้าเป็นอะไรมากมั้ยล่ะ”

   “ก็ล้มใส่จักรยานทั้งแถบอะ น่าจะเจ็บอยู่” เสียงทุ้มตอบ “แต่ที่ห่วงคือกลัวมันจะโดนซ้ำอ่าดิ”

    “เฮ้ย ใครทำมันวะ” คราวนี้คนอีกฝั่งเริ่มตื่นตระหนกบ้าง ร่างโปร่งลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิ ท่าทีเหมือนพร้อมรบ

   ปอมองท่าทางจริงจังนั้นแล้วก็แอบขำ “ไม่รู้ว่ะ มันมืดๆ แต่ดูมีอายุแล้วนะ ไม่ใช่นักศึกษาแน่นอน”

   “กูว่า... มึงควรจะบอกอาจารย์นะ”

   “อาจารย์คนไหนวะ”

   “ก็อาจารย์ที่ปรึกษาไอ้กวาไง ...อาจารย์กฤต”

   “เออ ตอนจะไปพาหุรัด เราก็เจอมันพร้อมจารย์กฤตนี่หว่า” ไอ้เด็กที่เดินตามอาจารย์วันนั้นแน่ๆ ถึงว่าหน้าคุ้นจังวะ

   “ใช่ๆ มึงบอกอาจารย์กฤตนั่นแหละ เค้าคงติดต่อมันได้ ถ้าใช่ไอ้กวาจริง”

   “โอเค” รับปากเพื่อน เพราะคิดว่าคงไม่สามารถทำอะไรได้ดีไปกว่านี้แล้ว “แล้วนี่มึงจะนอนยัง”

   “ยังอะ อ่านการ์ตูนอีกแป๊บ” พูดจบก็นอนคว่ำลงเหมือนเดิม ก่อนจะหยิบหนังสือที่วางไว้ขึ้นมาอ่านต่อ

   “เหรอๆ งั้นอ่านไปเหอะ”

   “เออๆ กูวางแล้วนะ”

   พอเห็นแขนขาวๆ เอื้อมผ่านหน้ากล้อง คนโทรหาก็รีบร้องห้ามทันที “วางไม มึงก็อ่านไปดิ”

   “อะไรของมึงเนี่ย กูจะอ่านการ์ตูนนนน” ภาคภูมิโวยวาย นี่มันจะเที่ยงคืนแล้ว การ์ตูนที่ยืมมายังเหลืออีกตั้งหลายเล่ม
 
   “ใครห้ามมึงล่ะ” อีกคนตอบน้ำเสียงราบเรียบ “แค่ไม่ต้องวางสายเอง”

   มือขาวคว่ำหนังสือลงกับเตียง ก่อนจะขยับแว่นแล้วจ้องหน้าคนในจอ “มึงไหวปะเนี่ย”

   “อยู่เป็นเพื่อนกูหน่อย กูเจอเรื่องสะเทือนขวัญมานะโว้ย”

   “ไร้สาระว่ะ”

   “น่า...”

   หนุ่มแว่นถอนหายใจ “เออๆ”

   สุดท้ายก็ต้องยอมในเหตุผลที่ไม่มีเหตุผลของเพื่อนสนิททุกที



   วันต่อมาสองเพื่อนซี้นัดเจอกันที่ร้านพรินต์งานแถวๆ คณะเภสัช เพื่อรับบทสวดมนต์ที่สั่งพิมพ์ไว้ 500 ชุด

   “การ์ตูนสนุกมั้ย” เจอหน้าเพื่อนสนิทปุ๊บ ปรนัยก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงยียวนทันที ก็ไอ้คนที่ดื้อดึงไม่ยอมนอน ร้องจะอ่านหนังสือการ์ตูน มันดันหลับไปตั้งแต่ยังไม่ทันถึงครึ่งเล่มเลยน่ะสิ

   “กวนตีนละมึง” คนถูกแซวด่ากลับเข้าให้ หลังจากไอ้ห่าปอยืนยันไม่ให้ปิดวิดีโอคอล เขาเลยไม่สนใจมันอีก และกลับมาตั้งใจอ่านการ์ตูนที่เช่ามาแทน แต่ไม่รู้ทำไมอ่านๆ ไปมันถึงง่วงจนเผลอหลับไปได้ ที่ซวยกว่านั้นคือลืมชาร์จโทรศัพท์อีกต่างหาก

   “แล้วมึงกดวางให้กูปะเนี่ย ไอโฟนกูแบตแดงเถือกเลยสัด” เจ้าของโทรศัพท์ที่กำลังไฟเหลือร่อแร่เอ่ยถาม ก่อนคุยก็ว่าชาร์จเต็มนะ ทำไมวิดีโอคอลมันกินแบตจังวะ

   “หาวววววว... วางดิวะ” ร่างสูงบิดขี้เกียจก่อนจะหาวโชว์อีกรอบ หาววววววว

   “แล้วคุยกับจารย์กฤตยัง”

   “คุยละ เดี๋ยวอาจารย์คงเรียกไอ้กวาคุยแหละ”

   ถึงคิวรับงานพอดี ภาคภูมิจึงเดินไปจ่ายเงินก่อนจะส่งถุงใส่เอกสารให้อีกคนถือ น้ำหนักประมาณกระดาษ 1 รีมนั้นไม่ได้มากมายนัก เมื่อเจ้าของผลงานยื่นมือจะมาช่วย ปรนัยจึงปฏิเสธให้อีกฝ่ายเดินสบายๆ ไปแทน

   “ดีมากเจ้าปอ ถือไปให้ถึงภาคเลยนะ” ร่างโปร่งในชุดนักศึกษาเดินตัวปลิวนำหน้า วันนี้ช่วงบ่ายเขามีควิซวิชาโทเลยต้องแต่งตัวเรียบร้อยหน่อย ในขณะที่ไอ้ปอใส่เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์สีซีด ลุคที่ต่างกันทำให้ดูเผินๆ มันเหมือนกับ...

   “เชี่ย ยังกะคุณชายกับเด็กรับใช้ที่บ้าน” คนแบกของนิยามสภาพตัวเองเสร็จสรรพ คุณชายข้างหน้าหัวเราะเสียงดัง แต่ก็ยอมชะลอฝีเท้าเพื่อให้คนข้างหลังเดินไปพร้อมกัน

   ภาควิชาปรัชญาช่วงเช้าเงียบสงบ หลังทักทายพ่อบ้านเรียบร้อย สองเพื่อนซี้ก็เดินเอาเอกสารไปไว้ในห้องประชุม ภาคภูมิเขียนโน้ตแผ่นใหญ่วางทับ ใจความบอกให้น้องปีหนึ่งช่วยตัดครึ่งแนวนอน แล้วพับทบตามรอยประ ในขณะที่ปรนัยทิ้งตัวลงนั่งก่อนจะฟุบลงบนโต๊ะประชุมกลางห้อง

   “อ้าว นอนจริงปะเนี่ย”

   “อือ ขอสิบนาทีดิ ง่วงว่ะ” เสียงอู้อี้ตอบแบบไม่เงยหน้า

   “เออๆ นอนดึกเหรอ” ภูมิดูนาฬิกาแล้วเห็นว่ายังมีเวลาอีกเกือบครึ่งชั่วโมง เลยปล่อยให้เพื่อนนอนไปตามต้องการ

   “อือ ใครจะหลับสบายเหมือนมึงล่ะ แว่นเวิ่นก็ไม่ถอด”

   “ฮะ??” มือเรียวแตะเบาๆ ตรงข้างสันจมูก รอยกดของแว่นยังเหลือทิ้งไว้จางๆ “แล้วก็ไม่ปลุกกู”

   “ไม่ปลุกเชี่ยไร” คนนอนกับโต๊ะเถียงเสียงงัวเงีย “เรียกทุกสิบนาทียันตีหนึ่งมึงยังไม่ตื่นเลย”

   “ตีหนึ่ง!!” พอรู้ความจริง คนขี้เซาถึงกับหน้าตาตื่น “กูว่ากูหลับไปตอนเที่ยงคืนกว่านะ”

   ปรนัยไม่ตอบ ปล่อยให้อีกคนงงงวยต่อไป ใครจะไปบอกว่านั่งมองหน้าแม่งจนดึกล่ะวะ โรคจิตฉิบหาย...



TBC.


มีคนโรคจิตอยู่แถวนี้จ้าาา
ตอนนี้เริ่มเข้าใกล้จิตใจคุณปรนัยมากขึ้นละนะ
สรุปอ้อยทั้งคู่ เอ้า! ป้ายไฟมา!

ปล.กำลังจะบ่นว่าสั้นใช่มั้ย?
อย่าเพิ่งงงงงง เรามีตอนที่ 6.2 แถมให้อีก
แต่รอแพพนะ...มันอยู่ในคอมออฟฟิศ T^T
คือส่งไฟล์ผิดให้ตัวเอง เลยมาแค่ตอนที่ 6 ค่ะ ฮือออออ พรุ่งนี้อัพให้น้า

ไปกรีดร้องที่ไหน ติด #SweetDilemmaFiction ให้ด้วยค่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-08-2017 16:13:55 โดย lykar »

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
แหม่ น่ารักน่าลุ้นจริง ๆ คู่นี้
ว่าแต่น้องกวานี่จะยังไงกะใคร

ออฟไลน์ Starry[Blue]

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
น้องพีพีโสคิ้ววว ชอบความเรื่อยๆมาเรียงๆอย่างนี้มากเลยค่ะะ   :man1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ชอบกันและ แต่จะรู้กันเมื่อไรเนี่ย  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ออฟไลน์ sunshine538

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
จริงๆ ก็ต้องขอบใจท่านขุนด้วยนะ มากระตุ้นต่อมหวงของพี่ปอเขาจนได้เรื่อง แต่ว่าไปท่านขุนก็น่าสงสารเพราะ "รักคนที่รักไม่ได้" นี่เนอะ

น้องพีพีมีความน่ารัก ขวัญใจแม่ยก  :mew1: ถ้าปอจะสับสนใจก็ไม่น่าแปลก แต่อย่ามาทำเล่นๆ กะความรู้สึกของพีพีนะ แม่ยกขอ

รออ่านตอน .2 ต่อนะคะ  :call:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ แมวมุ้งมิ้ง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สัมผัสได้ถึงความน่ารักของปอ แง~เอ็นดูน้องพีพีเข้าแล้ว พีพีก็มิ้งขึ้นทุกตอนเลยอ่า น่ารักดีต่อใจจังเลย  :katai2-1:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
แหนะ เพื่อนกันเค้าทำงี้อ้อ

ไม่เห็นเคยทำเลยยย

หึ่ยย

ออฟไลน์ ลิงภูเขา

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 816
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-4
มารายงานตัวแล้ววววววววว

ทำไมเวลาพีพีอยู่กับนายปอถึงได้น่ารักแบบนี้อะ  :m3:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Sillyfoolstupid

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-0
เพื่อนกันเค้าไม่นั่งมองเพื่อนหลับผ่านคอลค่อนคืนอย่างนี้นะคะ ปอปี้

รอ .2 ค่ะ ฮี่ๆ

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
มีที่ไหนนั่งมองหน้าเค้าจนนอนดึก
เพื่อนเค้าไม่ทำกันนะ อิอิ

ขอบคุณคนเขียนนะคะ

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
หึหึ หลงแล้วก็บอก  :hao6:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ปอหึงพีพี แต่ไม่รู้ตัวสินะ

ออฟไลน์ lykar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +229/-0
#06.2 แตงกวาครับ...


อาจารย์สุกฤตขวัญใจนักศึกษาเป็นอาจารย์หนุ่มไฟแรงอายุเพียง 31 ปี แม้ประสบการณ์สอนจะยังไม่มาก แต่เด็กๆ หลายคนก็ชอบเรียนกับเขา เพราะจะได้ร่วมอภิปรายหัวข้อสนุกๆ ในคลาส และตัวอาจารย์เองก็สามารถถ่ายทอดเนื้อหาหนักๆ ของวิชาปรัชญาได้ดีด้วย ทุกรายวิชาของอาจารย์กฤตจึงมีนักศึกษาแย่งลงกันทุกเทอม เขาทุ่มเทกับการสอน และรู้สึกว่าความงอกงามทางการศึกษาของเด็กทุกคนคือผลตอบแทนที่คุ้มค่า

ตลอด 3 ปีมานี้ เขาไม่เคยมีปัญหากับนักศึกษาคนไหน จนมาถึงเด็กในที่ปรึกษาของตัวเองที่ชื่อ ‘แตงกวา’

ปีนี้มีนักศึกษาสอบเข้าโควตาปรัชญาค่อนข้างเยอะ อาจารย์กฤตจึงพยายามทำความรู้จักกับนักศึกษาของตัวเองให้มากที่สุด ในหนึ่งอาทิตย์เขาจะนัดพบเด็กทุกคน และคอยสอบถามว่าใครมีปัญหาอะไรบ้างมั้ย จนเดี๋ยวนี้ไม่ต้องรอให้ถึงเวลานัด เด็กหลายคนก็เข้ามาขอคำปรึกษาจากอาจารย์กฤตกันแทบทุกเรื่อง กระทั่งเรื่องอกหักรักคุดยังมี ...แต่ไม่ใช่กับแตงกวา

ตอนเปิดเทอมอาทิตย์แรก กองกิจการนักศึกษามีหนังสือแจ้งมาที่ภาควิชาว่า นักศึกษาที่ชื่อ ธันธพัฒน์ ซึ่งก็คือแตงกวา ยังไม่จ่ายค่าลงทะเบียน วันนั้นเป็นวันแรกที่เขาเรียกเด็กในปกครองมาคุยแบบตัวต่อตัว กวาเป็นคนไม่ค่อยพูด แถมถ้าเขาพูดเสียงดังเข้าหน่อยก็กลัวจนตัวสั่น ต้องทั้งขู่ทั้งปลอบถึงจะบอกว่ามีปัญหาทางบ้าน จบท้ายที่อาจารย์กฤตลากกวาไปจ่ายเงินที่ธนาคารโดยใช้เงินของตัวเอง

จากนั้นแตงกวาก็หลบหน้าอาจารย์ที่ปรึกษา เจอกันจังๆ ถึงจะยกมือไหว้เสียทีหนึ่ง อาจารย์คนอื่นเคยพูดเล่นๆ ว่าสงสัยกวากลัวอาจารย์ทวงหนี้ แต่เขาไม่เคยทวงเลย และแตงกวาก็ไม่ได้บอกด้วยว่าจะคืนตอนไหนและยังไง แต่แล้วสองวันก่อนเด็กคนนี้ก็เข้ามาหาพร้อมเงิน 6,000 บาทที่เคยยืมไป

‘เอามาจากไหน’ อาจารย์กฤตถามออกไปในวันนั้น

‘ทำงานพิเศษครับ’ ร่างเล็กๆ นั่นก้มหน้าก้มตาตอบ และทำท่าเหมือนอยากจะออกจากห้องของเขาเต็มทน

‘งานอะไร’

‘เฝ้าร้านคอมครับ’

จริงๆ เขาพอรู้มาบ้าง เพราะในวันที่เลือกตัวแทนถือพาน แตงกวาบอกกับเพื่อนว่าไม่สะดวกนัดซ้อมช่วงเย็นเพราะต้องทำงานพิเศษ

‘จริงเหรอ ทำที่ไหน แล้วทำไมถึงได้เงินเยอะ’

‘ร้าน...ร้านหน้าหอครับ แล้วก็รับพิมพ์งานด้วย รวมกับเงินเก็บที่มีด้วยครับ’

คนอายุมากกว่าถอนหายใจ ดวงตาที่ดูหมองเศร้าต่างจากเด็กในวัยเดียวกันทำให้เขารู้สึกสงสาร ใจเขาไม่อยากรับเงินคืน เพราะดูก็รู้ว่าหาเงินมาได้ยากลำบาก แต่ก็เพราะว่าหาเงินมายาก แตงกวาก็คงอยากคืนเขาให้มันจบๆ ไปเหมือนกัน

‘โอเค ขอบคุณมากนะ’

‘ผม...ผม ต้องขอบคุณอาจารย์ต่างหากครับ ขอบคุณนะครับ’ เป็นครั้งแรกที่มือเล็กยกขึ้นไหว้เขาอย่างอ่อนน้อมและจริงใจ

แต่อาจารย์กฤตไม่คิดว่าเขาจะต้องเรียกแตงกวามาพบส่วนตัวอีกครั้งในวันนี้


ร่างเล็กทรุดนั่งตรงข้ามกับโต๊ะทำงานของอาจารย์ที่ปรึกษา ใบหน้าที่เคยใสสะอาดกลับมีรอยช้ำขึ้นบริเวณแก้ม  อาจารย์กฤตถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะยื่นยาทาแก้ฟกช้ำให้ลูกศิษย์ตัวเอง มือเล็กยกขึ้นไหว้ แต่ยังไม่กล้าสบตาผู้ใหญ่เช่นเคย

“เจ็บตรงไหนอีก” น้ำเสียงนุ่มที่เอ่ยถามทำให้กวาอึกอัก

“ไม่...ไม่มีแล้วครับ”

คราวนี้ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วมายืนอยู่ข้างๆ เด็กในปกครอง ฝ่ามืออุ่นถลกแขนเสื้อกันหนาวที่คลุมแขนเล็กบางนั่นออก จึงได้เห็นรอยแผลบริเวณข้อศอกที่ถูกแปะพลาสเตอร์เอาไว้ลวกๆ

“ตรงไหนอีก!” เผลอตะคอกใส่จนคนเจ็บสะดุ้ง จากที่เคยปิดบังจึงเปลี่ยนเป็นรีบตอบแต่โดยดี

“หัวเข่า ละ..แล้วก็...ข้อเท้าครับ”

แล้วอาจารย์ที่แตงกวาเคยเอาแต่หลบหน้าก็ทำสิ่งที่เด็กหนุ่มไม่คาดคิด เมื่อคนที่เคยมีแต่คนยกมือไหว้ทรุดตัวลงกับพื้น แล้วค่อยๆ หมุนข้อเท้าของเขาออกมาดู ข้อเท้าที่บวมเป่งทำให้ผู้เป็นอาจารย์ต้องกัดฟันกรอด

“ใครทำกวา”

“อาจารย์ครับ ผมไม่เป็นไร” คนเจ็บร้องบอก น้ำเสียงสั่นคล้ายจะร้องไห้

“ผมไม่ได้ถามว่ากวาเป็นยังไง ผมถามว่าใครทำ”

“ฮือ...” คราวนี้น้ำตาที่พยายามเก็บกักไว้พังทลายลงหมดสิ้น ร่างเล็กๆ สะอื้นไห้ตัวโยน จนคนที่เคยดุต้องรีบปรับโหมดอารมณ์ของตัวเองทันควัน

“กวา...กวา แตงกวาครับ...” มือแกร่งแตะเบาๆ ที่ไหล่เล็กเพื่อปลอบคนกำลังร้องไห้ “โอเค...โอเค ไม่ต้องตอบแล้ว ผมไม่ได้จะว่าอะไร แค่กลัวว่าเค้าจะกลับมาทำร้ายกวาอีก...”

นักศึกษาในปกครองพยายามกลั้นเสียงสะอื้น ยกมือปาดน้ำตาตัวเองแล้วตอบอาจารย์ที่ปรึกษา “พ่อ...ฮึก...พ่อ ไม่มาแล้ว...ครับ”

“พ่อ?” อาจารย์กฤตทิ้งตัวนั่งกับขอบโต๊ะ คำตอบจากนักศึกษาเกินคาดคิดไปมาก

“ครับ...”

“พ่อแท้ๆ เหรอ” ถามออกไปแล้วก็ต้องรู้สึกผิดกับท่าทางน่าสงสารของอีกคน “ขอโทษที..”

“พ่อแท้ๆ ครับ...”

“แล้วเค้าต้องการอะไร” ตอนนี้แตงกวาหยุดร้องไห้แล้ว และอาจารย์กฤตคิดว่าต้องตะล่อมให้คนถูกทำร้ายร่างกายเล่าออกมาให้หมด

“...เงินครับ” ตอบจบแล้วก็เอาแต่เงียบ มือเล็กบีบเข้าหากันแน่น ไหล่ซูบผอมลู่ลงอย่างคนหมดแรง ดวงตาที่ซ่อนอยู่ใต้ใบหน้าที่ก้มลงไหวระริก ในขณะที่ขาสองข้างเริ่มสั่น ผู้เป็นอาจารย์สังเกตอาการลูกศิษย์อย่างหวั่นวิตก

“เล่าเรื่องที่บ้านกวาให้ผมฟังได้มั้ย”

“...ครับ” น้ำเสียงอบอุ่นที่ได้ยินทำให้เด็กคนหนึ่งที่ชีวิตกำลังไร้ทางออกยอมเปิดเผยเรื่องราวที่ไม่เคยบอกใคร


แม่คือใคร แตงกวาก็จำไม่ได้เหมือนกัน เกิดมาก็รู้จักแต่พ่อกับย่า สิ่งเดียวที่ผูกโยงเขากับแม่คือชื่อเล่นว่า “แตงกวา”
‘ผักที่แม่มึงเกลียดที่สุดไง...แตงกวาน่ะ’ พ่อชอบบอกเขาแบบนั้น

เขาถูกเลี้ยงดูมาแบบลุ่มๆ ดอนๆ อาศัยว่าเป็นเด็กตัวเล็กๆ หน้าตาจ๋องๆ คนแถวบ้านเลยเอ็นดู คอยให้ข้าวให้น้ำกินจนโต พ่อของเขาไม่ได้ทำงานอะไรเป็นหลักเป็นแหล่ง ใช้แรงงานแบกหามวันต่อวัน ได้เงินมาก็ลงกับขวดเหล้าบ้าง ตีไก่ชนบ้าง ตามประสาครอบครัวชนชั้นล่างที่มีลูกตอนไม่พร้อม กวาจึงไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนที่ดีนัก ตอนป.5 เขาไปขโมยกล่องดินสอของเพื่อนในห้อง เพราะคิดแค่ว่าอยากจะขอยืมใช้ ครูประจำชั้นแจ้งพ่อของเขาถึงพฤติกรรมนี้ และเย็นวันนั้นก็กลายเป็นวันที่เขาไม่เคยลืม

ไม้แขวนเสื้ออันเก่าฟาดลงบนขาของเขาแบบไม่ยั้ง เด็กชายแตงกวาร้องไห้จนตัวงอ เจ็บแสนเจ็บแต่ความทรมานก็ไม่สิ้นสุดเสียที จนร่างน้อยๆ ล้มกองกับพื้น ผู้เป็นพ่อจึงหยุดลงโทษ และเหมือนว่านั่นคือเหตุการณ์ที่ไปจุดความรื่นรมย์ในใจของพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ไม่ว่าจะทำผิดเล็กน้อยแค่ไหน พ่อเขาก็พร้อมจะตีด้วยไม้แขวนเสื้อ ในขณะที่เขาเจ็บแสบทุรนทุราย พ่อของเขากลับดูสงบและมีความสุขขึ้นทุกวัน แตงกวาเคยร้องให้คนแถวบ้านช่วย แต่ชุมชนสลัมแบบนั้น แค่ดูแลปากท้องของตัวเองแต่ละวันก็หนักหนาเกินพอแล้ว ตอนย่าอยู่เขายังพอมีคนปกป้องบ้าง แต่พอย่าตาย บ้านก็กลายเป็นนรกสมบูรณ์แบบ

ยิ่งโตพ่อก็ยิ่งดุด่าเขาด้วยเสียงที่ดังขึ้น และมันดังมากจนบีบสมองให้เต้นตุบๆ ทุกครั้งที่พ่อตะโกนใส่ แตงกวาจะมือไม้เย็นเฉียบ ก่อนร่างกายจะสั่นงกๆ อย่างไม่อาจควบคุม แรกๆ ครูที่โรงเรียนก็พยายามช่วยเหลือ แต่สุดท้ายในชุมชนบ้านนอกแบบนั้น ก็ไม่มีใครอยากหาเรื่องใส่ตัว

พอขึ้นม.ปลาย พ่อก็เลิกตีแตงกวา แต่เปลี่ยนเป็นเตะบ้าง ต่อยบ้าง ใครที่รู้จักเขาก็ได้แต่พูดอย่างเวทนาว่าเป็นเวรเป็นกรรมของเขาเอง เป็นบุญกรรมที่เขาต้องชดใช้ให้หมด ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่ามันจะหมดในชาติไหน ได้แต่ภาวนาให้มันจบสิ้นในชาตินี้

แต่ใช่ว่าพ่อของเขาจะเลวร้ายไปเสียหมด ข้อดีอย่างเดียวของพ่อคือ พ่อไม่เคยขัดขวางเขาเรื่องเรียน พ่อยอมให้เขากลับบ้านดึกได้ ถ้ารู้ว่าต้องไปทำรายงานกับเพื่อน ยอมให้ค้างที่อื่นได้ ถ้ามันเป็นกิจกรรมของโรงเรียน ช่วงก่อนสอบเข้ามหา’ลัยเขาจึงมีความสุขมาก เพราะเขาแทบไม่ได้กลับไปนอนบ้านเลยตลอดเทอม

ในวันที่กวาสอบติดโควต้าคณะอักษรศาสตร์ เอกปรัชญา เขาบอกพ่อเป็นคนแรก แววตาตื่นเต้นดีใจของพ่อสะท้อนออกมาจนเขาน้ำตาซึม แม้พ่อจะบอกว่า

‘ปรัชญานี่วิชาห่าไรวะ มึงจะเรียนรู้เรื่องมั้ยไอ้กวา’

แต่พ่อก็พาเขามาสัมภาษณ์ วันมอบตัวก็มาส่งเขาอีก ค่าใช้จ่ายต่างๆ พ่อก็ยอมจ่ายให้ ติดแค่ค่าลงทะเบียนที่มันไม่พอ พ่อเลยจะจ่ายให้ทีหลัง แต่พ่อก็ไม่จ่ายจนมันขึ้นเตือนในระบบนักศึกษาของเขา ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่อาจารย์กฤตเรียกเขามาพบ และวันต่อมาก็ออกเงินพาเขาไปจ่ายค่าลงทะเบียน

ตั้งแต่วันที่มีหนี้ก้อนแรกในชีวิต แตงกวาก็พยายามหางานทำเท่าที่จะไหว โชคดีที่ร้านคอมแถวๆ หอกำลังหาคนดูแลร้านช่วงเย็นถึงมืด แม้เงินค่าจ้างจะไม่มาก แต่ก็มีงานพิมพ์เอกสารมาให้ทำทุกวัน จนเขาเก็บเงินครบ 6,000 บาทได้ตามที่ตั้งใจ

ทว่าช่วงเวลาที่เหมือนจะดีที่สุด อิสระที่สุดกลับไม่เป็นอย่างนั้น อยู่ๆ พ่อก็มาดักรอเขาที่หน้าหอพักเมื่อคืน กวาพยายามให้พ่อไปนั่งคุยที่ม้านั่งด้านในตึก แต่พ่อกลับลากเขามาคุยแถวลานจอดรถด้านหลัง ใบหน้าซูบซีดกับขอบตาลึกโหลที่จ้องมองมาทำให้เขากลัวพ่อจับใจ

‘มึงทำงานไปด้วยใช่มั้ย!’ เสียงแหบพร่าตวาดลั่น ทีแรกกวาจะโกหกเพราะกลัวว่าพ่อจะไม่พอใจ ที่ผ่านมาพ่อมักจะบอกให้เขาตั้งใจเรียนอย่างเดียว

‘กะ...กวา..’

แต่แล้วคำพูดต่อมาของพ่อกลับทำให้เขาตกใจกว่าเดิม ‘มึงมีเงินมั้ย...กูขอหน่อย’

‘ไม่มี...ฮึก...ไม่มี’

เพียงเท่านั้นพ่อก็ชกเข้าที่ใบหน้าของเขาจนเขาเซล้มอย่างแรง

‘ไม่มีมึงก็ต้องไปหามา! เข้าใจมั้ย! ไปหามาให้กู’ ชั่วเวลานาทีนั้น เสียงของพ่อสร้างความร้าวลึกในหัวสมองไปจนถึงปลายเท้า ความกลัวที่หายไปนานแล่นเข้ามาสู่เขาอีกครั้ง ตัวเขาสั่นสะท้าน แต่ก็ยังยกมือไหว้ขอร้องให้คนเป็นพ่อหยุดทำร้ายตัวเอง

‘พ่อ...พ่อ...กวาขอโทษ...พ่อ’

‘มีเท่าไรก็เอามา เร็ว!’ คนที่ยืนคร่อมเขาอยู่กระชากคอเสื้อนักศึกษาอย่างแรง

สุดท้ายเขาต้องส่งกระเป๋าสตางค์ให้ ก่อนพ่อจะหยิบแบงค์ที่มีไปหมด

‘ฮือ....’

ในความมืด เขาเห็นแววตาของพ่ออ่อนแสงลง ก่อนความปวดร้าวและความรู้สึกผิดจะสะท้อนออกมา

‘กู...ขอแค่นี้ จะไม่มายุ่งกับมึงอีก’


“กวา...” อาจารย์กฤตโอบไหล่บางที่สั่นสะท้านเข้ามากอด ลืมเรื่องความเหมาะสมของสถานะอาจารย์กับลูกศิษย์ไปหมดสิ้น คนในอ้อมกอดเขาเป็นเพียงเด็กคนหนึ่งที่จิตใจแหลกสลายจากการถูกคนที่รักทำร้ายร่างกายมายาวนาน

ฝ่ามืออุ่นข้างหนึ่งพยายามคลายมือเล็กที่บีบเข้าหากันแน่นออก ส่วนอีกข้างก็ลูบศีรษะของแตงกวาอย่างปลอบโยน ความเปียกชื้นตรงอกเสื้อจากใบหน้าที่ซุกอยู่ทำเอาผู้เป็นอาจารย์แทบจะหัวใจสลายตาม

“ไม่เป็นไรนะ...อยู่ตรงนี้กวาจะปลอดภัย”

หัวทุยพยักหน้ารัวๆ คล้ายย้ำกับตัวเองถึงประโยคนั้น แตงกวาผู้ไม่เคยสัมผัสกับความอบอุ่นและปลอดภัย กำลังซึมซับทั้งสองอย่างนี้จากร่างที่โอบกอดตัวเองไว้ให้มากที่สุด

หลังเสียงสะอื้นเงียบลง อาจารย์กฤตก็ปล่อยร่างเล็กให้นั่งบนเก้าอี้ดีๆ เมื่อเห็นว่าสติสตังของเด็กน้อยกลับมาแล้ว เขาจึงเริ่มพูดสิ่งที่ครุ่นคิดมาตลอดที่ฟังเรื่องเล่าของแตงกวา

“แล้วตอนนี้กวามีเงินพอใช้หรือเปล่า”

อาการนิ่งเงียบเป็นคำตอบได้ไม่ยาก อาจารย์หนุ่มหยิบกระเป๋าสตางค์ตัวเองออกมา ก่อนจะยื่นแบงค์พันให้คนตรงหน้า

“ผมไม่...” เสียงสั่นๆ เอ่ยปฏิเสธ ทว่าคนให้เงินพูดขึ้นมาเสียก่อน

“ค่าจ้าง” อาจารย์กฤตอธิบาย “พรุ่งนี้เที่ยงพอกินข้าวเสร็จแล้ว กวามาช่วยเรียงชีทให้ผมหน่อย ปกติผมจ้างเจ้าหน้าที่ชั่วโมงละ 45 บาท ต่อไปนี้กวาก็มาทำให้ผมแล้วกัน ถ้าเลิกเฝ้าร้านคอมได้ก็เลิกเถอะ กลับห้องดึกๆ มันอันตราย”

ดวงตาโศกมองเงินที่ยื่นมาอย่างหนักใจ เงินที่พ่อเอาไปก็คือเงินทั้งหมดที่มีอยู่ เขาก็ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตในวันต่อๆ ไปยังไงเหมือนกัน ถ้าอาจารย์กฤตไม่ยื่นมือเข้ามาช่วย

ร่างเล็กสูดหายใจลึก ก่อนจะยกมือไหว้คนที่หยิบยื่นน้ำใจให้ในวันที่เขาไม่เหลือใคร “ขอบคุณครับ”

ผู้เป็นอาจารย์ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะพูดขึ้นมาอีกเรื่อง

“เรื่องหอพักน่ะ ย้ายไปอยู่หอในดีกว่ามั้ย ผมจะลองถามห้องว่างดู ยังไงก็มีอาจารย์คอยดูแล เปิดปิดเป็นเวลา ปลอดภัยกว่าหอนอกนะ”

แตงกวาก็กำลังคิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน หอพักที่อาศัยอยู่ตอนนี้เขาอยู่รวมกับเพื่อนจากโรงเรียนเก่าถึงสี่คน ตอนแรกคิดแค่ว่าจะประหยัดค่าใช้จ่าย แต่อยู่ได้เพียงเดือนเดียวก็เห็นแววปัญหาระหว่างรูมเมทขึ้นเรื่อยๆ

“ได้ครับ เดี๋ยวผมติดต่อเองก็ได้ครับ”

ตอนแรกอาจารย์กฤตจะขัด แต่คิดว่าแตงกวาคงอยากทำสักเรื่องด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งพาเขา และการติดต่อหอพักก็ไม่ได้ยากอะไร

“เอางั้นก็ได้ แต่ถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกผมแล้วกัน”

ใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้มอบอุ่นจนคนเด็กกว่าต้องเบือนหน้าหนี รอยยิ้มนั้นไม่ได้สั่นสะเทือนประสาทเหมือนเสียงฟ้าผ่าของพ่อ แต่กลับชุ่มชื่นดั่งหยาดฝนที่พรมลงบนพื้นดินแห้งแล้ง

...เย็นฉ่ำ ทว่าอบอุ่นหัวใจ


TBC.




6.2 มาตามสัญญาค่ะ ตอนนี้เป็นพาร์ทของน้องกวากับอาจารย์กฤต
คู่นี้จะมาเป็นพาร์ทพิเศษเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้นะคะ พยายามไม่ไปกวนเนื้อเรื่องหลัก
เนื้อหาอาจจะฮาร์ดคอร์หน่อย เปิดมาแตงกวาก็ระทมเลย
เดี๋ยวคงได้ลุ้นกันต่อไปว่า Dilemma ของความเป็นอาจารย์กับศิษย์จะไปถึงจุดไหน
จังหวะเหมาะๆ จะได้พบกับสองคนนี้อีกแน่นอนค่า

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-08-2017 16:14:16 โดย lykar »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Starry[Blue]

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
พิมพ์ไม่ถูกเลยว่าจะเริ่มจากตรงไหนดีค่ะ

ชอบที่คุณlykarแสดงความรู้สึกของพ่อแตงกวาได้อย่างไม่สุดโต่งนะคะ เรารู้สึกอารมณ์ของมนุษย์จริงๆในงาน
ดูเป็นคู่(?)ที่มีความเป็น อืม จะว่ายังไงดี เหมือนกับทุกอย่างดูเหมาะเจาะกันไปหมดล่ะมั้งคะ กับคนๆนึงที่กำลังจะแตกสลาย โห จริงๆถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้แต่เด็กอย่างกวานี่ไม่เปิดเปิงไปไหนต่อไหนนี่สุดยอดมากๆนะคะ ในขณะเดียวกันเราก็ไม่มีทางรู้จิตใจของเขาได้เลย เหมือนความเจ็บปวดก็จะตอกเอาความรู้สึกของเค้าเข้าไปเรื่อยๆ
ชอบจังค่ะ กลายเป็นว่าเราถือหางคู่นี้ไปแล้วเฉยเลย แฮ่
อาจจะไม่ค่อยเม้นท์เลย แต่อยากบอกว่าเราเป็นแฟนงานคุณlykarอย่างเหนียวแน่นนะคะตามเช็คเฟสบุ๊คบ่อยมาก555 ไม่ค่อยเม้นท์นี่บางทีเราคิดไม่ออกจริงๆว่าควรจะพูดอะไรดีค่ะ   :z3:
 

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
โถ น้องกวาของป้า อยากโอนค่าเทอมไปให้จัง
นั่นสิ ๆ อยากรู้ความสัมพันธ์อาจารย์กับลูกศิษย์จะเป็นยังไง

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ไงล่ะ ดูท่าอาจารย์จะเจอ Dilemma ของตัวเอง (ในอนาคต) เสียแล้ว

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ไงล่ะ ดูท่าอาจารย์จะเจอ Dilemma ของตัวเอง (ในอนาคต) เสียแล้ว
ก็ว่างั้นนะ
ชีวิตแตงกวา น่าสงสาร
พ่อ ดูแปลกๆ ทำร้ายลูกมาตลอด
โกรธแค้นแม่ มาลงลูก หรือเปล่า
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
โธ่น้องแตงกว่าของพี่

มาอยู่กับพี่ไหม ค่าเทมอค่ากินอยู่ออกให้หมดเลย

นี่สายเปย์เลยนะ

ไม่ต้องทำอะไร อยู่เฉยๆ ช่วยทำงานบ้าน เป็นพ่อบ้านพ่อเรือนพอ แล้วตั้งใจเรียนไป :hao7:


อ้อนพี่เล็กๆน้อยพอเป็นกระไสพอและ



55555


รู้สึกตัวเองน่ากลัวว  :mew1:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
แตงกวาน่าสงสาร :hao5: :hao5: :hao5: พ่อนี่โรคจิตแบบทั้งรักทั้งเกลียดลูกหรือเปล่า

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ urmein

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 871
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-2
สงสารแตงกวาาาา ฮือๆๆ ขอให้น้องมีความสุขซะทีนะคะ

ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook


อาจเป็นเพราะเรื่องของแตงกวาหน่วงมากกว่า เลยทำให้เราเผลอรู้สึกไปว่าคู่ปอพีพีนั้นมุ้งมิ้ง...
แต่พอมาคิด ๆ ดูจริง ๆ แล้ว บรรยากาศในเรื่องนี่มันหวานอมขมกลืนกันถ้วนหน้าชัด ๆ
ปอเอ๊ยปอ คิดให้ตกเร็ว ๆ นะลูก ถึงเด็กเอกปรัชญารุ่นหนูจะมีกันแค่สี่คน แต่ถ้าพีพีมันน่าฟัดจริง ๆ
โลกอาจจะเหวี่ยงคนที่สนใจพีพีแถมมีโปรไฟล์ปังกว่าปอเข้ามาก็ได้...
รู้ตัวตอนสายนี่เจ็บหนักเพราะความที่รักไม่ได้นี่แหละเค่อะ จริง ๆ เชื่อป้า (ลูบหัวลูบหางปอเป็นพัลวัน)

รอติดตามตอนต่อไปค่ะ ^^  :กอด1:


ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
สงสารกวาจังค่ะ
เราว่าพ่อกวาคงติดยาด้วย อยากให้พ่อกวาคิดได้จัง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด