..*ขอผมได้รัก*..{ตอน 26.3 ทำวันนี้ให้ดีที่สุด}..|จบแล้ว|.. [12ก.ค.60 ] > P.9
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ..*ขอผมได้รัก*..{ตอน 26.3 ทำวันนี้ให้ดีที่สุด}..|จบแล้ว|.. [12ก.ค.60 ] > P.9  (อ่าน 66118 ครั้ง)

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
Re: ...ขอผมได้รัก...{ตอนที่ 5} UPDATE [12-2-60]
«ตอบ #30 เมื่อ13-02-2017 15:03:58 »

ยัยท็อป เยอะนะเยอะ เปิดใจไปเถอะ ป้ารอ

ออฟไลน์ Pithchayoot

  • พิชญ์ชยุตม์
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
Re: ...ขอผมได้รัก...{ตอนที่ 5} UPDATE [12-2-60]
«ตอบ #31 เมื่อ13-02-2017 19:23:52 »

ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
Re: ...ขอผมได้รัก...{ตอนที่ 5} UPDATE [12-2-60]
«ตอบ #32 เมื่อ13-02-2017 20:13:11 »

ท็อปยั่วแบบนี้ พี่ฆินจัดเลยดีมะ

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
Re: ...ขอผมได้รัก...{ตอนที่ 5.2} UPDATE [14-2-60]
«ตอบ #33 เมื่อ14-02-2017 22:24:07 »

  ตอนที่ 5 เมา (2)

 

        ท็อปเข้าห้องได้ไม่นาน ฆิตสะกิดแขนพี่ชายยิกๆเหมือนส่งสัญญาณ เพราะตอนนี้ กราฟและพลเมามายอยู่ในสภาพนั่งโงนเงนจนจะหลับมิหลับแหล่ คงไม่สนใจเรื่องพี่ฆีนแน่ๆ

“พี่ฆีน กลัวอะไรวะ โอกาสมาขนาดนี้ จะไม่คว้าไว้หรือ? เดี๋ยวผมดูไอ้พล ไอ้กราฟให้เอง” ฆิตพูดเบาๆ

      ฆีนมองหน้าน้องชายนิ่ง มันก็เป็นจริงอย่างที่ฆิตพูดทุกอย่าง

      ในระหว่างนั้นเอง ร่างสูงผุดลุกขึ้น ก่อนเดินเข้าห้องนอน เขาแวะเอาน้ำดื่มในตู้เย็นให้ท็อปสักหน่อย

      มือหนาเปิดประตูก็พบแต่ความมืดมิด เขาสาวเท้ายาวๆไปหย่อนกายนั่งลงริมเตียง และวางขวดน้ำดื่มไว้ที่โต๊ะเล็ก เผื่อท็อปตื่นขึ้นมาจะได้มีน้ำดื่มแก้กระหายกลางดึก

      แม้ความมืดมิดจะปกคลุมทั่วห้องจนไม่สามารถมองเห็นคนตรงหน้าได้ชัดเท่าไหร่นัก แต่ฆีนแค่รู้ว่ามีท็อปอยู่ใกล้ๆแค่นี้ก็ดีมากแล้ว

      จู่ๆรอยยิ้มก็ผุดขึ้นบนใบหน้าคมเข้ม ฆีนยื่นมือลูบไล้ใบหน้าเด็กหนุ่มช้าๆ ก่อนจะไล่ลงมาชะงักค้างยังมุมปากนั้น

 
       คิดจนสมองจะระเบิด ฆีนก็หาคำตอบไม่ได้สักทีว่าเด็กเอาแต่ใจคนนี้มีดีอะไร ถึงทำให้ฆีนเผลอใจรักครั้งแล้ว ครั้งเล่า

       เมื่อไหร่กัน? ที่ท็อปจะยอมรับฆีนให้ก้าวเข้าไปยืนอยู่ในหัวใจดวงนั้นได้สักที...

“แต๊ะอั๋งกูเหรอ?”


!!!

        เสียงแหบพร่าทำลายความเงียบและทำฆีนชะงักกึก เพราะไม่คิดว่าท็อปจะยังไม่หลับ เขาดึงมือกลับไป

“ยังไม่หลับหรือ?”

“กำลังจะหลับได้ยินเสียงเปิดประตูพอดี”

“ถ้าอย่างนั้น ลุกขึ้นดื่มน้ำสักหน่อยไหม? พรุ่งนี้จะได้ไม่เมาค้าง”

 
      ฆีนว่าจบ เขาเอื้อมมือควานหาสวิตซ์ไฟตรงหัวเตียง เมื่อแสงสว่างวาบขึ้นมา เขาเห็นเด็กหนุ่มค่อยๆยันกายขึ้นนั่ง และยกยิ้มมุมปาก

“ป้อนกูหน่อย”

“หืม...”

“ไม่ได้ยินรึไง?”
ท็อปว่าจบ ปรายตามองที่ขวดน้ำ ฟากฆีนพยักหน้า ก่อนจะยกขวดน้ำไปจ่อปากของเด็กหนุ่มเพื่อป้อน

         เด็กหนุ่มดื่มน้ำอยู่หลายอึกและบอกพอ ฆีนจึงวางขวดน้ำไว้ที่โต๊ะเล็กแล้วหันมาหาท็อป

“ทำไมเมาแล้วทำตัวอ้อน ฮึ!" ฆีนพูดอย่างยิ้มๆ เขาคิดในใจอย่างนึกเสียดายที่ท็อปน่าจะเป็นคนๆเดียวกันทั้งตอนเมาและตอนปกติ เขาคงมีความสุขน่าดู

"กูไม่รู้"


"เฮ้อ! ท็อปนี่นะ"

        ฆีนระบายลมหายใจออกมา ก่อนว่าต่อ

"นอนเถอะ พี่ไม่กวนแล้วครับ ฝันดีนะ”


         ขืนอยู่นานกว่านี้ ฆีนได้เผลอทำอะไรท็อปแน่ๆ คนอายุมากกว่ารีบร่ำลา ทิ้งท้ายด้วยการขยี้ผมเด็กหนุ่มอย่างเอ็นดู แต่วินาทีนั้น ท็อปกลับวางมือทาบทับลงบนมือของฆีน จนใบหน้าคมเข้มถึงกับขมวดคิ้วมุ่น

“ฆีนเลิกกับแฟนนานหรือยัง?”


         ฆีนนิ่งไป เขาไม่คิดว่าท็อปจะถามเรื่องนี้

“ถามทำไม?”

“กูอยากรู้”


“ปีกว่า”

“เลิกกันเพราะอะไร”

“เขาไม่ได้รักพี่”

 
     เพราะเหตุการณ์อกหัก ช้ำรักครั้งที่ผ่านมา ทำให้ฆีนไม่ค่อยเชื่อคำหวานหูจากใครอีกเขาถึงรู้สึกเฉยๆหากท็อปจะพูดจาไม่ดีใส่  ซึ่งอดีตคนรักของฆีนที่เลิกรากันไป มีอายุน้อยกว่าเขาห้าปี มีนิสัยขี้อ้อน พูดจาหวาน เอาใจเก่ง

      ช่วงเวลานั้นฆีนทั้งรัก ทั้งหลง เขาอยากได้อะไรฆีนหามาประเคนให้ทุกอย่าง ทั้งค่าใช้จ่ายซื้อเครื่องแต่งกาย กระเป๋า รองเท้า ดาวน์รถให้ รวมไปถึงเช่าคอนโด ด้วยเหตุผลที่น้องเขาอยากมีที่พักอาศัยใกล้ที่ทำงาน 

       ตลอดระยะเวลาที่คบกันมาสิบเดือน ดูเหมือนจะผ่านไปได้ด้วยดี แต่ฆีนเพิ่งรู้ทีหลังว่า ตัวเองเป็นไอ้โง่มาตลอด ด้วยสาเหตุที่ทำให้ตาสว่าง คือ วันหนึ่ง ฆีนตั้งใจไปเซอร์ไพร์สเด็กหนุ่มที่ห้อง แต่กลับเห็นแฟนของตัวเองนัวเนียกับผู้ชายถึงพริกถึงขิง และได้ล่วงรู้ความจริงว่า ผู้ชายที่แฟนตัวเองนัวเนียอยู่นั้น คบกันมาก่อนหน้าฆีนราวสามเดือน

       ใครจะคิดเล่าว่า ตัวเองกลายเป็นชู้ของคนอื่นโดยไม่รู้ตัว...ฆีนไม่รู้มาก่อนว่าเขามีแฟนอยู่แล้ว

        และการจับได้ไม่เจ็บเท่าเหตุผลแสนเจ็บปวดที่อดีตคนรักพูดว่า ช่วยไม่ได้ ฆีนโง่เอง...


        นับตั้งแต่นั้นมา ฆีนหยุดเรื่องรัก เพื่อพักหัวใจก่อน จนกระทั่งมาเจอท็อป กลับทำให้ฆีนลืมความกลัวเจ็บจากรัก เพราะรู้สึกว่าท็อปมีความพิเศษอะไรบางอย่าง เขาถึงรุกหนัก ตามจีบท็อปและตื้อมาจนถึงปัจจุบันนี้

         และเมื่อฆีนตอบคำไปกลับทำให้ความเงียบก่อตัวขึ้นมาอีกครั้ง  แล้วจู่ๆ ท็อปคว้ามือพี่ฆีนที่ยังอยู่บนศรีษะดึงมาวางไว้บนตัก

        ฆีนเอียงคอมองคนตรงหน้าอย่างเดาทางไม่ถูกเลยว่า ท็อปจะมาไม้ไหน? ทันใดนั้น ท็อปโน้มตัวไปหาพี่ฆีนแล้วซบหน้าลงตำแหน่งที่เคยฝากร่องรอยไว้ ก่อนจะกดจมูกลงที่ซอกคอของอีกฝ่าย


"แต๊ะอั๋งพี่หรือ?” คราวนี้ เป็นฆีนที่ยอกย้อนเชิงแซว ส่วนท็อปได้แต่หลุดหัวเราะและเงียบไปอึดใจ ก่อนพูดขึ้นอีกครั้ง

“ฆีน...กู...อยาก...” เสียงเด็กหนุ่มเอื้อนเอ่ยใกล้หูพร้อมลมหายใจอุ่นๆเป่ารดต้นคอ ทำฆีนกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

“ท็อปพูดอะไรออกมา เมามากแล้วเป็นอย่างนี้ทุกทีเลย รู้ตัวไหม?”


      ฆีนไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีก ฆีนฝืนใจดันไหล่ทั้งสองข้างของเด็กหนุ่มออกห่าง และลุกขึ้นจากเตียง แต่ท็อปรั้งแขนฆีนไว้

ฆีนจูบกูหน่อย”

“ท็อปพี่เคยบอกแล้วไง ว่าพี่ไม่จูบมั่ว พี่จะจูบกับแ...ฟ...น...”


      ท็อปไม่ฟังคำพูดของคนที่เปลี่ยนมาจริงจังอย่างเห็นได้ชัด เด็กเอาแต่ใจกลับกระชากคอเสื้อพี่ฆีนมาประกบริมฝีปากบดจูบอย่างหนักหน่วงและร้อนแรง ในขณะที่ท็อปกำลังสอดลิ้นเพื่อรุกล้ำเข้าสู่ภายในโพรงปากของอีกฝ่าย


      จังหวะนั้นเอง...มีเสียงโวยวายสลับกับเสียงเคาะประตูที่ดังถี่และเป็นฆิตที่เปิดประตูเข้ามา

“เอ่อะ พี่ฆีน พวกไอ้พลจะมาเข้ามานอนแล้วนะ” ฆิตพูดและรีบเดินออกไป

      ทั้งสองผละออกจากกันแทบไม่ทัน ตอนนี้ ฆีนจ้องหน้าอีกฝ่ายที่ขึ้นสีระเรื่อ เขาไม่เข้าใจว่าท็อปต้องการอะไร

“ท็อปพี่จริงจังกับคำพูด ถ้าเราทำแบบนี้ พี่จะถือว่าเราตกลงเป็นแฟนกับพี่แล้วนะ”


     ท็อปมองหน้าพี่ฆีนและไถลตัวลงนอน

"ฆีนค่อยคุยได้ไหม กูง่วงแล้ว ฝันดี"

 
     ฆีนมองท็อปที่ดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดใบหน้า ฆีนพ่นลมหายใจพลางส่ายหน้าน้อยๆ สงสัยพรุ่งนี้ ฆีนคงต้องคุยกับท็อปให้รู้เรื่อง

       เมื่อสองเท้าชายหนุ่มก้าวพ้นห้องนอน ฆีนเห็นน้องชายยืนส่งสายตาล้อเลียน

 “ขอโทษทีว่ะพี่ที่ขัดจังหวะ พวกนั้นมันโวยวายจะเข้าห้อง ผมเลยรีบเดินมาตามก่อน"

 
       ฆีนพยักหน้าน้อยๆกลับไป ยอมรับว่ารู้สึกเขินๆที่ต้องมาทำอะไรโดยที่น้องชายก็เห็นและรับรู้ทุกอย่าง เขาขอตัวน้องชายไปที่นอกระเบียงเพราะอยากอยู่คนเดียวสักพัก

       ฆีนยืนลูบไล้ริมฝีปากตัวเอง ร่องรอยแห่งการจูบและสัมผัสอุ่นนั้นยังติดอยู่จางๆ

      ฆีนสับสนกับการกระทำของเด็กหนุ่มจริงๆ เพราะการที่ท็อปมาจูบเขาแบบนี้ คนที่แย่ก็คือฆีนนี่แหละที่จะยิ่งถลำลึกตกหลุมรักท็อปมากกว่าเดิม






.................

 

 
     วันรุ่งขึ้น

 

     ฆิตแปะโพส์อิทไว้ตรงหัวเตียงว่าจะออกไปหาซื้อของมาให้กิน ทำให้ฆีนที่ว่าจะกลับบ้านก่อน จึงอยู่รอน้องชาย

     ร่างสูงอาบน้ำ แต่งตัวเสร็จก็ออกมานั่งดื่มกาแฟอยู่ที่โต๊ะอาหารเพียงลำพัง ส่วนเด็กๆก็ยังหลับใหลกันอยู่

     ในขณะที่ฆีนปล่อยให้สมองคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เขาเห็นท็อปเดินผ่านหน้าไปทางห้องครัว

“ปวดหัวไหม?”

 
     ฆีนถามขณะที่ท็อปเดินมาทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม ท็อปส่ายหน้า

“จำได้ไหม? เมื่อคืนทำอะไรลงไปบ้าง”

 
“กูเมา จำไม่ได้”

 
“แม้แต่ที่ท็อปจูบพี่นะหรือ?”


     ท็อปเงยหน้าขึ้นมาแล้วยิ้มแสยะ

“หึๆ เห็นว่ากูเมาก็อ้างไปเรื่อยหรือเปล่า?”

      ฆีนถอนหายใจ

"แล้วคิดว่าพี่จะทำรอยตัวเองที่คอได้ไหม?" ฆีนเอียงคอให้ท็อปดูหลักฐาน จนอีกฝ่ายชะงักไปนิด

"สงสัยตอนกูทำคงนึกถึงผู้หญิงอยู่ละมั้ง อย่าถือสาคนเมาเลย"
ท็อปพูดออกมาเหมือนว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร

       สีหน้าที่เคยดูผ่อนคลายของฆีน ตอนนี้กลับมาตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด

"ท็อปรู้ไหม? พี่ทำตัวไม่ถูกแล้ว ปากก็เอาแต่พร่ำบอกว่าไม่สนใจพี่ แต่พอเมา การกระทำท็อปแสดงออกเหมือนชอบกัน มันทำให้พี่มีความหวัง แต่พอท็อปหายเมาก็บอกว่าจำอะไรไม่ได้ ท็อปช่วยตอบให้พี่หายข้องใจได้ไหม? ว่าพี่ต้องทำไงกับสถานการณ์ครึ่งๆกลางๆแบบนี้" ฆีนระบายความรู้สึกออกไปทั้งหมด

“จะคาดคั้นเอาอะไรจากกูวะ...ฆีน...กูก็เป็นคนอย่างนี้แหละ ถ้ารับในสิ่งที่กูเป็นไม่ได้ ก็เลิกชอบกูซะ”

 
      ฆีนนั่งมองเด็กหนุ่มเดินหนีเข้าไปในห้องนอนอีกครั้ง สองมือหนากุมขมับอย่างครุ่นคิด ฆีนไม่เคยเจอใครที่เข้าถึงยากและทำตัวได้แปลกประหลาดอย่างท็อปมาก่อน

       ถึงเวลาที่ฆีนต้องจัดการและหาหลักฐานเองว่าท็อปรู้สึกอย่างไร คงดีกว่าที่จะถามจากปากเด็กหนุ่มคนนี้แล้ว   



......................................

แฮร่ ! เพราะรักจึงยอมทุกอย่างงงงง พี่ฆีนได้กล่าวไว้ ฮ่าๆๆๆ

บอกก่อนไว้เลยว่าท็อปเป็นนายเอกที่เอาแต่ใจ นิสัยไม่ดีนะคะ  แต่ไม่ถึงขั้นเลวชั่วช้านะเออ...

ใครไม่ชอบหรือขัดใจต้องขออภัย

แต่เชื่อเถอะ เมื่อ เรารักใครสักคน เขาก็คงยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อปรับเข้าหากันและกันแหละน่า เนอะ!

อันที่จริงๆ น้องนางมีความน่าสงสารอยู่นะ...ดูไปเรื่อยๆเนอะ....

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-02-2017 22:55:21 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
คงต้องอัดคลิปแบล็คเมล ละมั้งเนี๊ยะ???

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
ตอนที่ 6 ใกล้





"เหี้ยเอ้ย!...วันซวยอะไรของกูวะเนี่ย"

 
     กราฟสบถขึ้นพร้อมคลำกางเกงเพื่อหากระเป๋าสตางค์ หลังจากแยกกับพี่ที่ออฟฟิศที่แวะมาส่งและนาทีนี้ กราฟเพิ่งรู้ว่าตัวเองคงลืมกระเป๋าสตางค์ไว้ที่ออฟฟิศแน่ๆ


     เม็ดเหงื่อเริ่มผุดซึมบนใบหน้า กราฟเดินไป เดินมาอย่างร้อนลน เขาจะกลับบ้านอย่างไรดี ในเมื่อจะกลับแท็กซี่ไปเอาเงินที่บ้านก็ไม่ได้ เพราะวันนี้ ครอบครัวเขาไม่มีใครอยู่ที่บ้านด้วย

"ไอ้ท็อปมึงอยู่ไหน?" กราฟตัดสินใจโทรหาเพื่อนสนิทเผื่อจะช่วยเหลือเขาได้

[อยู่ออฟฟิศมีอะไรวะ เสียงตื่นมาเชียว]

"ซวยว่ะ...กูลืมกระเป๋าสตางค์ไว้ที่ออฟฟิศน่ะสิ  กูโทรหาไอ้พลก็ปิดเครื่อง วันนี้พ่อแม่กูก็ไปต่างจังหวัดกันอีก กูไม่มีเงินกลับบ้าน"

[ใจเย็น...ไอ้กราฟ ตอนนี้ มึงอยู่ไหน?]

"บีทีเอสสถานีอโศก"

 
[อ้าวเหรอ? โชคดีของมึงนะเนี่ย โทรหาพี่ฆิตเลย เมื่อกี้ พี่เขาโทรมาชวนกูกินเหล้าอยู่ แกบอกเดินเล่นอยู่ที่ห้างเทอร์มินัล]

     ท็อปคุยกับกราฟไม่ทันเสร็จดี ก็บอกเพื่อนว่าหัวหน้าเรียกคุยงานจึงต้องรีบวางสาย ทิ้งท้ายด้วยการส่งเบอร์พี่ฆิตผ่านทางแอพพลิเคชั่นไลน์มาให้กราฟดูต่างหน้า

      ชายหนุ่มยืนกลืนน้ำลายลงคอสลับกับมองเบอร์โทรศัพท์ที่เพื่อนส่งให้มาด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน นี่มันจะเป็นโชคดีอย่างที่ท็อปบอกหรือ? โชคร้ายของกราฟเสียมากกว่าที่ต้องพึ่งพาคนกวนประสาทอย่างพี่ฆิต

      กราฟกำโทรศัพท์อย่างลังเลใจที่จะโทรหา เพราะอายที่ต้องโทรไปยืมเงินอีกฝ่าย ทั้งๆที่ก่อนหน้ากัดกันแทบตาย

       แต่สุดท้าย เวลานี้ เด็กหนุ่มต้องเอาตัวรอดไปก่อน กราฟตัดสินใจโทรหาพี่ฆิตและบอกสาเหตุของการขอยืมเงิน

       เด็กหนุ่มเบะปาก กลอกตาไปมาเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่นโทรศัพท์ออกมา

      และนั่นคือสิ่งที่กราฟไม่อยากขอความช่วยเหลือ เพราะเป็นอย่างที่กราฟคิดว่าไม่มีผิด พี่ฆิตได้ทีขี่แพะไล่ เขาส่งเสียงหัวเราะเยาะเย้ยอย่างเริงร่าจนน่าปาโทรศัพท์ใส่หน้าให้เสียโฉม


     กราฟถอนหายใจ ก่อนจะเดินคอตกไปหาคนพี่ตามที่นัดหมาย และเมื่อพอเจอหน้ากัน กราฟหน้าเจื่อนแกมหมั่นไสที่เห็นอีกฝ่ายอยู่ในสถานะที่เหนือกว่า พี่ฆิตยืนกอดอกรอด้วยรอยยิ้มยั่วประสาท
 

     กราฟเดินปรี่ไปหาอีกฝ่าย

"ว่าไงครับ น้องกราฟของพี่ฆิต" กราฟชะงักกึก ไม่ใช่แค่สรรพนามที่เรียกเท่านั้น แต่พี่ฆิตล็อคคอแล้วโน้มตัวลงต่ำจนใบหน้าทั้งสองห่างกันแค่คืบ


     มันใกล้เกินไป จนทำให้กราฟเผลอกลั้นหายใจไปครู่หนึ่ง

"ปล่อยคอก่อนสิวะ พี่ฆิต คนแม่งเยอะนะเว้ย"
                                                 
      กราฟหันซ้าย แลขวาทำท่าเลิ่กลั่ก เมื่อเห็นคนที่เดินผ่านไป ผ่านมาชำเลืองมอง

      ยิ่งเวลาเลิกงาน ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้เป็นจุดที่คนแวะเวียนมาเป็นจำนวนมากอย่างไม่ต้องพูดถึง

"ผู้ชายกอดคอกัน มึงจะอายอะไรวะ"

 
"เออๆ นั่นแหละ ปล่อยเหอะ..." กราฟแกะมืออกจากการเกาะกุม แล้วถอยออกห่าง ส่วนฆิตได้แต่หัวเราะ และถามขึ้น
 
"จะเอาเงินเท่าไหร่ว่ามาไอ้น้อง พี่มีให้ไม่อั้น"

 
"โห!...ทำมาพูดดี ผมขอหมื่นนึงเลยแล้วกัน"

 
    กราฟพูด ฟากฆิตหยิบกระเป๋าสตางค์วางใส่มือกราฟที่แบมือรออยู่

"เอาไปเลย" ฆิตยิ้มยียวน

     ทางกราฟเองก็ไม่คิดเกรงใจอีกฝ่าย ถือวิสาสะเปิดกระเป๋าสตางค์แต่แล้วต้องตาโตเมื่อเห็นแบงค์พันเป็นฟ่อน
 

"โห! แล้วบอกไม่รวย พกเงินสดเต็มกระเป๋าขนาดนี้"

 
"ฮ่าๆ กูเอามาจ่ายหนี้ว่ะ"

 
"โธ่!"

 
"สรุปจะเอากี่บาท"

"ผมขอยืมแค่ห้าร้อยก็พอ"


     ฆิตควักแบงค์พันให้สองใบ

"อะไรของพี่วะ ผมขอแค่ห้าร้อย"

"ค่าจ้าง"

"ค้าจ้างอะไรวะ?"

"กินข้าวกับกูหน่อย"


"พี่ฆิต ถ้าเรื่องกินไม่ต้องจ้างหรอก ผมเต็มใจ"

 
"ฮ่าๆ งั้นดีเลย มึงเก็บเงินซะแล้วไปกินข้าวกัน" ฆิตดันมือกราฟที่ถือเงินกลับไป แล้วกอดคอเด็กกวนประสาทเหมือนเดิม แต่กราฟกลับหยุดชะงักเท้าและขืนตัวไม่ยอมเดินตาม

"พี่ปล่อยคอผมก่อนได้ไหมวะ จะเดินอย่างนี้เลยหรือไง?"

"กูชินน่ะ"

"ชิน?"


"กูชอบเดินกอดคอ"

      กราฟมองหน้าคนที่สูงกว่าเขาไม่เท่าไหร่ มองใกล้ๆแบบนี้ ยอมรับว่าพี่ฆิตหน้าตาดีพอสมควร เขาไม่ใช่ผู้ชายที่หล่อสมบูรณ์แบบจนไร้ที่ติ แต่พี่ฆิตดูเป็นผู้ชายที่ดูแลตัวเอง และที่สำคัญ พี่ฆิตเป็นคนมีเสน่ห์มาก โดยเฉพาะเวลายิ้ม ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อไหร่ที่ผู้ชายคนนี้พูดจายียวนหรือปากหวานใส่ เสน่ห์มันก็ไม่รู้มาจากไหน ยิ่งทำให้ลุคเขาดูน่าคุย น่าเข้าไปทำความรู้จักมากขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล

      แต่เดี๋ยวก่อน...ทำไมอยู่ดีๆ กราฟถึงมาคิดชื่นชมคนข้างกายได้ เขาหยุดความคิดเหล่านั้น ก่อนจะดันไหล่ให้อีกฝ่ายเดินนำไป

     จนกระทั่ง ทั้งสองได้ร้านที่ถูกใจ เขาเดินเข้าไปนั่งในร้านไก่ทอดกรอบชื่อดังและเลือกสั่งเมนูที่ชอบเสร็จสรรพ


     ไม่นาน รายการอาหารที่ทั้งคู่สั่งก็ได้ครบถ้วน เวลานี้ ฆิตและกราฟคุยไป กินไปอย่างเอร็ดอร่อย

 
      กราฟยอมรับว่า พี่ฆิตเหมือนเพื่อนและสนิทสนมเร็วที่สุดทั้งๆที่รู้จักกันไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ ถึงแม้ว่าพี่ฆิตจะอายุเยอะกว่าแต่เขาก็ไม่เคยถือตัวและปฏิบัติต่อกราฟอย่างเป็นกันเอง ในขณะเดียวกัน พี่ฆิตก็มีมุมผู้ใหญ่ให้กราฟได้เคารพเหมือนกัน ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลที่พี่ฆิตเป็นอยู่นั้น ทำให้กราฟอยู่ด้วยแล้วสบายใจ


     ในระหว่างนั้น ฆิตได้ทีถามขึ้น

"เออ! กูถามหน่อย มึงรู้เรื่องพี่ฆีนใช่ไหม?"

"เรื่อง?"
กราฟถามกลับ

"อย่าทำเป็นไขสือหน่อยเลย"

"ที่พี่ฆีนชอบไอ้ท็อปน่ะเหรอ?"

"อืม...กูอยากรู้ว่าเพื่อนมึงชอบพี่ฆีนบ้างไหม?"


"ผมไม่รู้จริงๆว่ะพี่ ดูไม่ออกและแม่งไม่ยอมบอกอะไรเลย"

"มึงเข้าใจใช่ไหมว่าพี่ฆีนเป็นพี่ชายกู และก็ไม่อยากเห็นพี่กูเจ็บ"

"เข้าใจดิแต่เรื่องแบบนี้ มันเป็นเรื่องของคนสองคน ผมจะไปพูดบังคับขู่เข็ญให้มันต้องชอบพี่ฆีน มันก็ไม่ใช่เรื่องหรือเปล่า?"

"มึงไม่ได้ด่ากูว่าเสือกอยู่ใช่ไหมวะ"

"ฮ่าๆ ไม่ๆ พี่ฆิต ผมแค่พูดตามจริง"
กราฟว่าจบก็แทะไก่ต่ออย่างเมามันส์

"เฮ้อ! กูแค่อยากให้พี่กูสมหวังเท่านั้นเอง ดูๆแล้ว พี่กูจริงจังกับท็อปมาก"
ฆิตพูดเสียงเครียด

"พี่คงรักพี่ฆีนมากน่าดู"

"แน่นอนสิวะ กูมีพี่ชายแค่คนเดียว พี่ฆีนดูแลกูดีทุกอย่าง กูไม่อยากจะพูดเรื่องในอดีตเลย มึงรู้ไหม? สมัยเด็กกูมีเรื่องชกต่อยกับเพื่อนจนเข้าห้องปกครอง พี่ฆีนช่วยแก้ตัวแทนกู แต่พ่อกูโกรธอยู่ไงเขาไม่ฟัง พี่กูเลยตัดสินใจยอมโดนพ่อตีแทนกูเพื่อจบปัญหา และยิ่งช่วงวัยรุ่น กูสร้างเรื่องบ่อย พ่อกูเล่นบทโหด ตัดเงินค่าขนมจนกูไม่พอใช้ พี่ฆีนรู้เรื่องเขาก็แบ่งเงินของตัวเองให้กู ตอนอายุแค่นั้น กูคิดไม่ได้หรอกเลยไม่ได้ใส่ใจ แต่พอมานั่งนึกย้อนเหตุการณ์ตัวเองหลายๆอย่างในอดีต กูคิดว่าตัวกูเองเหี้ยมากเหมือนกัน เลยอยากตอบแทนและช่วยเหลือพี่กูบ้าง"


"อืม...เหี้ยจริงว่ะ"

"เดี๋ยวเถอะ ...ไอ้กราฟ กูด่าตัวเองได้ แต่มึงห้ามด่า" ฆิตไม่ได้ว่าอย่างเดียว แต่เอานิ้วที่เลอะไก่ทอด จิ้มไปที่หน้าผากอีกฝ่าย

"เฮ้ย! พี่ฆิตมันสกปรกนะเว้ย"

"ช่วยไม่ได้ มึงด่ากู"

"ก็พี่ยอมรับตัวเองนี่หว่า ผมเลยช่วยทับถมไง"


"มึงนี่เลี้ยงเสียข้าวสุกว่ะ กูไม่น่าให้เงินเลย น่าจะให้นั่งขอทานอยู่แถวสะพานลอย" ฆิตว่าอย่างหน่ายๆ

"โห! อะไรวะพี่? แซวนิดแซวหน่อยทำเป็นจริงจังไปได้"

       กราฟหน้างอ คอหัก แต่แล้วคนอายุน้อยกว่าก็เปลี่ยนเรื่องคุย     

"แล้วสรุปตอนนี้พี่ไม่มีแฟนจริงๆเหรอ?" กราฟถามย้ำเพื่อความมั่นใจจากที่เคยถามครั้งก่อน

"ไม่"

"ไม่มี?"

"ไม่เสือกสักเรื่องได้ไหมวะมึง"


      กราฟเบะปากใส่ แล้วบ่นอุบอิบเบาๆ

"กวนตีน"

"กูได้ยินนะไอ้กราฟ" ฆิตจ้องหน้ากราฟ ทำให้เด็กหนุ่มเอ่ยปากขอโทษ จนฆิตต้องด่ากลับให้เด็กมันสำนึกบ้าง

"กูล่ะอยากให้มึงเห็นหน้าตัวเองตอนมึงไม่มีเงินกลับบ้านกับตอนนี้จริงๆ แม่งต่างกันลิบลับเลย"

"หึๆ"


      กราฟหัวเราะในลำคอ ก่อนจะก้มหน้า ก้มตากินไก่ต่อ แต่ในขณะนั้นเอง ฆิตก็พูดโพล่งขึ้นมา

"กูไม่มีแฟน และคิดว่าคงไม่น่าจะมีเร็วๆนี้"

"ทำไมวะพี่?"

"มึงนี่เสือกเต็มขั้นจริงๆ เออ... มึงกล้าถามกูก็กล้าตอบ แฟนเก่ากูมันหักหลังไปคบกับเพื่อนกู"


      กราฟเงยหน้ามองพลางกระพริบตาปริบๆ

"เอ่อ...ผมขอโทษนะพี่ที่ละลาบละล้วง คือ...แค่อยากรู้ว่าเลิกกันทำไม แต่ไม่คิดว่าเหตุผลมันจะ...เอ่อ..."

"ช่างมันเถอะ กูก็ทำใจได้แล้วล่ะ แต่แค่ยังเข็ดๆกับความรักว่ะ"

"ไม่เป็นไรนะพี่ มันต้องมีสักวันที่เป็นวันของเรา ไม่นาน พี่จะต้องเจอผู้หญิงที่ดี"


       ฆิตชะงักกึกกับคำปลอบใจแต่ก็ทำเป็นลื่นไหลไปกับบทสนทนา
 
       เมื่อทั้งคู่จัดการอาหารตรงหน้าจนเสร็จสิ้น ฆิตเรียกเก็บเงินและเป็นฝ่ายเลี้ยงมื้อนี้

       สุดท้าย ไปๆมาๆ กลายเป็นว่าฆิตก็ขับรถมาส่งกราฟถึงที่บ้านจนได้

 
       จนกระทั่ง รถยนต์ได้จอดเทียบหน้าบ้าน ก่อนลงกราฟยื่นเงินให้พี่ฆิต...

"อะไร?"

"พี่มาส่งถึงบ้าน ผมไม่ต้องใช้เงินเแล้วเอาคืนไปเถอะ"


"กูให้แล้ว ไม่เอาคืน"

"อะไรของพี่วะ พี่ฆิต"

"กูอยากให้มึงเป็นหนี้บุญคุณกู"


       กราฟเลิกคิ้วขึ้นนิดๆ ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าอย่างเข้าใจในคำบอกกล่าว

"เลวว่ะ เอาคืนไปเลย"
กราฟแกล้งด่าอย่างไม่จริงจังนัก เขายัดเงินใส่ในมือพี่ฆิต จู่ๆ พี่ฆิตก็โน้มตัวมาทางกราฟ ร่างสูงพาดช่วงกลางลำตัวของเด็กหนุ่มเพื่อเอื้อมไปเปิดประตูฝั่งคนนั่ง

"ลงรถได้แล้ว เบื่อขี้หน้ามึง"

       พี่ฆิตเงยหน้าขึ้นมามอง ในขณะที่ทั้งสองสบประสานสายตากันพอดี และเป็นกราฟที่เบี่ยงหน้าหนี แล้วรีบลงรถ

"เอ่อะ...ขอบคุณพี่ฆิตที่มาส่งและเลี้ยงข้าวผมนะครับ"

"พูดเพราะได้ด้วย?"

"พี่ฆิตแม่ง!"

"ไปได้แล้ว"



         จนกระทั่งกราฟเดินผลุบหายเข้าไปในบ้าน ฟากฆิตยิ้มกว้างและหัวเราะคนเดียวเหมือนคนบ้า ก่อนจะเคลื่อนรถออกไปจากที่แห่งนี้


****1.1****
[/b]

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-02-2017 21:09:29 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
น้องท็อปนี่ยังไง แต่ละคำพูด โอ้ยยย สงสารพี่ฆีนเลย....  :hao5:

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
คู่ท็อปพี่ฆีนต้องตามเชียร์แบบหืดขึ้นคอแน่ ถ้าเป็นแฟนกันแล้วเอาให้หวานกว่าคู่อื่นน่ะ อิอิ

พี่ฆิตกราฟคู่กันชัวร์คู่นี้ต้องแนวกัดแล้วฟัดบนเตียงเยอะๆๆใช่มะ ฮ่าๆๆๆๆ

รอน่ะอับบ่อยๆๆๆ

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ท็อป นายต้องการอะไรแบบไหนกันแน่
สับสนแทนพีฆีนเลยนะนี่ แต่เชียร์อยู่นะ

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
ตอนที่ 6 ใกล้ (2)



      เวลายังคงผ่านไปเรื่อยๆ จนบัดนี้ก็เป็นวันเสาร์ที่ท็อปนอนเปื่อยเฉยๆอยู่ที่บ้าน แค่ได้พักร่างจากการทำงานดึกดื่นมาห้าวันติด มันก็มีความสุขที่สุดแล้ว

     สิบโมงเช้า ที่ท็อปอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย อะไรไม่รู้ดลใจให้เด็กหนุ่มคว้าเสื้อที่พี่ฆีนซื้อให้มาทาบและมองอยู่ตรงหน้ากระจก จากนั้นก็สวมใส่มันและยืนบิดซ้าย บิดขวาเพื่อพินิจพิจารณา ท็อปยอมรับว่า ถูกใจ เพราะมันดูดีและเหมาะกับรูปร่างเขาไม่น้อยเลย

      ก่อนจะเดินลงไปข้างล่าง ท็อปมองโทรศัพท์ตัวเองที่อยู่ในมือเหมือนรออะไรบางอย่าง ซึ่งหลังจากเหตุการณ์ที่ไปนั่งดื่มที่คอนโดของพี่ฆิตคราวนั้น ทั้งฆีนและท็อปไม่ได้มานั่งพูดคุยหรือฟื้นฝอยหาตะเข็บแต่อย่างใด อีกทั้งในช่วงเวลาที่ผ่านมาเป็นช่วงที่พี่ฆีนมีงานข้างนอกเกือบทุกวัน ทำให้เรื่องนี้ถูกเลือนหายในไม่ช้า 

     แล้วทำไมท็อปต้องมานั่งคิดด้วย...เด็กหนุ่มส่ายหน้าซ้ายขวาน้อยๆเหมือนต้องการสลัดความคิดออกจากหัวสมอง พร้อมก้าวเท้ายาวๆลงไปหาอะไรกินที่ห้องครัว


    จนกระทั่ง ท็อปกินข้าวเสร็จเรียบร้อย เขาเดินไปหาแม่ที่นั่งถักโครเชต์อยู่ที่สวนหน้าบ้าน


"พี่ธัญไปไหนล่ะ แม่"

"เห็นว่าออกไปช่วยเพื่อนดูของชำร่วยงานแต่งน่ะ"

"อ่อ...ถ้างั้น ท็อปขอไปนอนต่อนะ"

 
"ขี้เกียจจังเลย ท็อป"


"โห...แม่ ท็อปเพลียสะสมน่ะ" ท็อปไม่สนคำดุด่าของแม่ เขาเดินเข้าไปในบ้านและขึ้นบันไดไปยังห้องนอนของตัวเอง

      เด็กหนุ่มนอนแผ่หราบนเตียงกว้างพร้อมเปิดเพลงฟังคลอเคล้าในระหว่างที่เช็คข่าวคราวผ่านทางโซเชียล มีเดียไปด้วย

      เมื่อเห็นว่าข่าวทางโลกออนไลน์ไม่มีอะไรให้น่าติดตาม ท็อปจึงเดินไปหาแผ่นหนังเก่าๆมาเปิดดู เขาเลือกหนังสงครามเรื่อง Fury เพราะเป็นเรื่องโปรดของพี่แทนที่ดูซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า จนท็อปเคยแซวว่าถ้าคลั่งไคล้ขนาดนี้ ไปเป็นทหารซะเลยดีไหม? แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือคำด่าและการกัดที่หลังต้นคอทุกครั้งที่ท็อปแซวถึงเรื่องนี้

        เพียงแค่นึกถึงการกระทำของพี่แทน ท็อปเผลอลูบหลังต้นคอเบาๆด้วยหัวใจที่วาบหวิว


        เขาถอนหายใจ ก่อนจะเปิดคอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊คแล้วใส่แผ่นซีดีลงไป ท็อปนอนดูหนังอย่างไม่ได้ตั้งใจนัก เพราะเขาดูจนจำได้ทุกฉากว่าเนื้อเรื่องหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง และแล้วความง่วงก็เริ่มเข้าครอบงำทำให้เด็กหนุ่มที่ดูหนังไปเรื่อยๆนั้น ผล็อยหลับไปในที่สุด



        จนกระทั่ง เวลาห้าโมงเย็น เด็กหนุ่มล้างหน้า ล้างตา เดินลงมาข้างล่างพร้อมกับได้กลิ่นหอมของอาหารลอยมาเตะจมูกขณะที่ก้าวเท้าลงมาถึงตีนบันได 

        ท็อปก้าวเท้ายาวๆไปหาแม่ที่มุ่งมั่นกับการทำกับข้าวอย่างจริงจัง ท็อปมองอาหารบางส่วนที่เสร็จแล้ววางอยู่บนโต๊ะอาหาร วันนี้ ดูเยอะเป็นพิเศษ จึงเอ่ยถามแม่และได้เรื่องว่า มีแขกของพี่ธัญจะมากินข้าวมื้อนี้ด้วย

       ท็อปร้องอ๋ออย่างเข้าใจ ก่อนจะเดินไปนั่งรอแม่ที่ส่วนรับแขก ในขณะที่ท็อปนั่งพิมพ์ข้อความโต้ตอบกับกราฟผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์อยู่นั้น ก็มีเสียงตะโกนอยู่หน้าบ้าน ท็อปวางโทรศัพท์และรีบวิ่งไปดูที่ประตูก็เห็นพี่สาวเขานั่นเองที่ยืนปาดเหงื่ออยู่ตรงรั้วหน้าบ้าน

      ท็อปเพิ่งสังเกตเห็นว่าพี่สาวไม่ได้เอารถไปถึงยืนโวยวายแบกของหนักอยู่หน้าบ้าน
 
"ซื้ออะไรมาเยอะแยะ" ท็อปเปิดประตูรั้วถาม

"ก็เพื่อนฉันน่ะสิฝากของที่ซื้อมาไว้กับฉันก่อน เพื่อทิ้งฉันไปเคลียร์กับแฟน เพราะดันทะเลาะอะไรกันไม่รู้ โคตรบ้าเลย...นี่ดีนะที่ฉันมีคนมาช่วยพอดี"

 
      ท็อปพยักหน้าเออออตามน้ำและก้มหยิบถุงใบใหญ่เพื่อช่วยพี่สาวถือ ในขณะที่เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาถึงกับชะงัก เมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่หลังพี่สาวเป็นใคร?

"ฆีน"

"ท...ท็อป อยู่ที่นี่หรือ?"
ฆีนถามอย่างตกใจ เพราะคราวก่อนๆที่มาส่งเด็กหนุ่มก็ส่งแค่เพียงหน้าหมู่บ้านเท่านั้น ซึ่งตอนที่เลี้ยวเข้ามาส่งธัญ ฆีนยังคิดเลยว่าเป็นเรื่องบังเอิญที่ผู้หญิงคนนี้อยู่หมู่บ้านเดียวกับท็อป แต่ไม่คิดว่าคนที่ฆีนช่วยจะเป็นพี่สาวของเด็กหนุ่มเลยด้วยซ้ำ

“รู้จักกันด้วยหรอคะ?” ธัญหันไปถามพี่ฆีนอย่างสงสัยสลับกับมองหน้าน้องชายที่ตอนนี้ยืนช็อค หน้าซีดเผือกเหมือนปลาที่โดนน็อกด้วยการแช่น้ำแข็งหรือโดนความเย็นจัดในฉับพลันอย่างไร อย่างนั้น

“ครับ” เป็นฆีนที่ตอบคำถามนั้น และเหลือบมองหน้าท็อปที่ยังอยู่ในอาการเหวอสุดขีด

"ถ้างั้นเข้าไปคุยในบ้านกันต่อดีกว่าค่ะ" ธัญบอก ฟากฆีนพยักหน้า

      บางครั้ง เรามักเจอเหตุการณ์ที่ทำให้ประหลาดใจได้อยู่เสมอ ในตอนแรกหลังจากมีเรื่องที่ท็อปเมาวันนั้น ฆีนบอกตัวเองอย่างหนักแน่นว่า เขาจะยังไม่คุยและไม่ติดต่อกับท็อปเพื่อทิ้งระยะห่าง วางตัวเป็นเพียงคนรู้จักกันอย่างไม่มีอะไรลึกซึ้ง ไม่ถึงกับเชิงทำใจหรือเลิกชอบ เขาแค่ต้องการให้เวลาเด็กหนุ่มได้คิดและตอบตัวเองว่าลึกๆแล้วเด็กหนุ่มต้องการอะไรกับเรื่องรักของฆีนกันแน่

      ตลอดระยะการทำงาน ฆีนทำได้อย่างที่คิดไว้ แต่ใครจะคิดล่ะว่า จะเจอสถานการณ์ที่ทำให้ความเข้มแข็งของฆีนแปรเปลี่ยนเป็นความอ่อนไหวได้อย่างน่าประหลาด เพียงแค่ได้มายืนอยู่หน้าบ้านของคนที่ชอบแถมยังใส่เสื้อที่ฆีนเคยซื้อให้อยู่ด้วยตอนนี้

      เรื่องที่คนอื่นอาจมองว่าเล็กน้อย แต่สำหรับฆีนได้เท่านี้ก็ดีใจ...

      ไม่นาน รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อจัดก็ค่อยๆปรากฎขึ้น ฆีนยืนอมยิ้มอยู่คนเดียวหลังจากเจ้าของบ้านทั้งสองคนเดินนำหน้าไปแล้ว

      เมื่อเดินเข้ามาในตัวบ้าน ธัญพาแขกไปยังโต๊ะอาหารอันเต็มไปด้วยกับข้าว กับปลา

       ทุกเมนูสดๆร้อนๆถูกจัดวางตรงหน้าอย่างละลานตา ทุกคนเดินไปนั่งที่ของตัวเอง มารดาของท็อปเป็นฝ่ายจัดแจงให้ผู้ชายนั่งฝั่งเดียวกัน ทำให้พี่ฆีนต้องมานั่งข้างท็อปอย่างเลี่ยงไม่ได้

 
       พี่ธัญพยายามพูดคุยเพื่อไม่ให้ผู้มาใหม่เกร็งเกินไป และเป็นคนตักอาหารให้พี่ฆีนอยู่บ้าง

       เด็กหนุ่มมองพี่สาวเงียบๆ ในใจลึกๆ ก็อยากถามว่าเจอพี่ฆีนได้อย่างไร แต่เหมือนมีคนใจตรงกับเด็กหนุ่ม เพราะแม่ของเขาถามออกไปพอดี ซึ่งพี่ธัญเล่าว่า ตอนนั้นพี่ธัญแยกกับเพื่อน ด้วยความที่หญิงสาวเดินถือของพะรุงพะรังจึงไม่ได้ระวังตัวว่าจะมีมิจฉาชีพมาขโมยของ ซึ่งประจวบเหมาะกับพี่ฆีนที่เห็นว่าโจรกำลังจะกรีดกระเป๋าพี่ธัญ พี่ฆีนเดินมาห้ามไว้ได้ทันก่อนที่มันจะทำสำเร็จ แต่เพราะโจรกลัวพี่ฆีนจะจับส่งตำรวจ มันจึงป้องกันตัวด้วยการถีบเข้าที่หน้าท้องของพี่ฆีน และวิ่งหนีด้วยความเร็วแสง


       พี่ธัญเห็นพี่ฆีนโดนทำร้าย จึงถามว่าเป็นอะไรมากหรือเปล่า? ฟากพี่ฆีนส่ายหน้า พี่ธัญจึงขอบคุณซ้ำแล้ว ซ้ำเล่าและในขณะที่พี่ฆีนกำลังขอตัวเดินหนีไป พี่ธัญรั้งไว้เพราะเห็นว่าเขาทำความดีจึงอยากตอบแทนด้วยการเลี้ยงข้าว นั่นเองจึงเป็นสาเหตุที่ ฆีนมาอยู่ที่นี่ตอนนี้...

       ฟากท็อปที่เคี้ยวข้าวตุ้ยๆ มองพี่สาวตัวเองที่ชื่นชมพี่ฆีนอย่างออกนอกหน้าและหันไปส่งยิ้มให้กัน มันทำให้ท็อปรู้สึกว่าความรักที่แท้จริง ก็คือ การที่ผู้หญิงกับผู้ชายต้องคู่กันแบบนี้มันเหมาะสมที่สุดแล้ว ไม่ใช่หรือ?...


       เด็กหนุ่มยังคงครุ่นคิดและวนเวียนเรื่องนี้อยู่ในหัวสมอง จังหวะนั้น พี่ธัญหันมาถามท็อปว่ารู้จักกับพี่ฆีนได้อย่างไร เด็กหนุ่มหลุดออกจากภวังค์และหันไปตอบตามจริงว่าพี่ฆีนคือหัวหน้าของเขานั่นเอง

"พี่ฆีนดูไม่เหมือนหัวหน้าท็อปเลย เหมือนเป็นรุ่นพี่ที่มหาฯลัยมากกว่า" ธัญว่า

"อย่างนั้นหรือครับ"
ฆีนหัวเราะก่อนพูดขึ้นอีกครั้ง

"เวลาทำงานผมก็ทำตัวเหมือนรุ่นพี่มากกว่าหัวหน้าแหละครับ เพราะผมมองท๊อปเหมือนน้องที่ผมรักมากคนหนึ่ง"

"แค่กๆ!" ท็อปที่กินข้าวอยู่ถึงกับสำลัก

      ใครถามแบบนี้ทีไร พี่ฆีนก็ตอบทำนองนี้ทุกที แต่ท็อปไม่ค่อยชินเท่าไหร่ เพราะคำพูดเหล่านั้นมันแฝงความหมายมากกว่าที่พูดอย่างไรไม่รู้

"เอ้า!...ตะกละตะกรามจริงแก" พี่ธัญว่า แต่ขณะที่ดวงตาท็อปหันไปจ้องคนต้นเรื่อง

"พี่ฆีนอิ่มรึยัง...จะได้กลับบ้านไปสักที" ท็อปพูด

เพี้ยะ!!

"โอ้ย!! แม่ตีท็อปทำไม"

"ตายๆ แม่จะเอาหน้าไปไว้ไหนดีนี่ ถ้ามีคนถามว่าเลี้ยงลูกยังไงถึงไม่มีมารยาท เฮ้อ...ท็อปไม่ควรไล่แขกแบบนั้นนะ..."


"ขอโทษด้วยนะคะพี่ฆีน" เป็นธัญที่เอ่ยเสียงแผ่ว

"ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ถือสาหรอกครับ" ฆีนยิ้มจางๆ และนั่นเองที่ทำให้ท็อปโดนทั้งแม่และพี่สาวสวดยาวจนทำให้เด็กหนุ่มไม่พูดอะไรอีก

"แล้วอยู่ที่ทำงานท็อปขี้เกียจมากไหมคะ?" ธัญถามถึงความประพฤติน้องชาย

"ท็อปตอนทำงานก็ขยันมากนะครับ รู้จักเรียนรู้เพิ่มเติม เป็นคนตั้งใจและมีความรับผิดชอบ ถ้าทำจนมีประสบการณ์มากพอ ผมว่าเขาอนาคตไกลทีเดียว"

"จริงหรอคะพี่ฆีน ธัญไม่อยากจะเชื่อ เวลาอยู่บ้านมันนั่งๆนอนๆทั้งวัน"

 
"พี่ธัญ หยุดพูดเลยว่ะ"

"ท็อป เดี๋ยวแม่ตีเลย เถียงพี่ธัญอีกแล้วนะ"


        ฆีนมองหน้าเด็กหนุ่มที่ซึมหลังจากโดนมารดาดุด่าอยู่หลายรอบ จากนั้น ทุกคนก็ชวนคุยเรื่องอื่นแทน และจู่ๆ ฝนก็ตกลงมาห่าใหญ่คล้ายหลงฤดู ทำให้แม่ท็อปบอกฆีนให้นอนที่บ้านนี้ไปโดยปริยาย ซึ่งท็อปรู้ดีว่าฝนตกไม่ใช่ประเด็นในการรั้งคนมาใหม่ให้อยู่ต่อ แต่อาจเป็นเพราะแม่คงคุยถูกคอและถูกชะตามากกว่าถึงไม่อยากให้พี่ฆีนกลับบ้าน

        ส่วนตัวฆีนเองก็ยิ้มกว้างโดยไม่ขัดอะไร โอกาสมาถึงที่มีหรือ? จะปล่อยให้หลุดลอยไป


        ไม่รู้ว่านี่คือโชคชะตาหรือไม่ ถึงมีเหตุการณ์ให้ฆีนได้เข้าใกล้ตัวตนของท็อปมากขึ้น แถมได้รู้ในมุมที่เขาไม่เคยรู้มาก่อน สิ่งสำคัญที่ฆีนเพิ่งรู้จากปากมารดาของคนที่เขาชอบ คือ ท็อปมีพี่ชายที่รักและสนิทมาก แต่แล้วก็เกิดอุบัติเหตุอันน่าสลดใจเมื่อพี่ชายและบิดาไปดูที่ของครอบครัวที่ต่างจังหวัดแต่กลับเจอเรื่องร้ายเมื่อรถบรรทุกสิบล้อเสียหลักพุ่งข้ามเลนมาชนประสานงากับรถของพี่ชายทำให้พ่อและพี่แทนเสียชีวิตคาที่

       การตายของพ่อและพี่ชาย นำมาซึ่งความโศกเศร้าให้ครอบครัว  แต่คนที่น่าจะอาการหนักที่สุดเห็นจะเป็นท็อปที่เขาสูญเสียความเป็นตัวเอง กลายเป็นเด็กนิสัยเสียและเอาแต่ใจตั้งแต่นั้นมา ไม่มีใครหาสาเหตุได้ว่า ทำไมท็อปถึงเปลี่ยนไป

       เมื่อไหร่ก็ตามที่มีชื่อพี่ชายสอดแทรกเข้ามาในเรื่องราวของการสนทนา ฆีนเห็นดวงตาคู่นั้นสั่นไหวและแดงก่ำ

      แม่ท็อปเห็นว่าบรรยากาศบนโต๊ะอาหารกำลังเศร้า จึงเปลี่ยนเรื่องคุย และไม่นานนัก ทุกคนก็จัดการอาหารจนเสร็จสิ้น ท็อปถูกพี่ธัญใช้ให้พาพี่ฆีนมาที่ห้องนอนของพี่แทน

       จนกระทั่ง ท็อปมาส่งพี่ฆีนที่หน้าห้องพี่ชายของตัวเอง


"นอนอย่างเดียว ห้ามแตะของพี่แทนทุกชิ้น เพราะกูหวงและรักมาก"

"ครับ"
ฆีนรับคำอย่างว่าง่าย จังหวะที่ท็อปหมุนตัวกลับไป

"เสื้อที่ใส่อยู่มันเข้ากับท็อปมากๆเลย พี่ว่าน่ารักดี"


       ท็อปหยุดชะงักเท้า เขาลืมไปเสียสนิทว่าตอนนี้เขาใส่เสื้อที่พี่ฆีนให้อยู่นี่หว่า

       เพราะไม่อยากเสียฟอร์ม ท็อปหมุนตัวกลับไป แล้วผลักท้องอีกฝ่ายอย่างแรงด้วยความหมั่นไส้ แต่ทันใดนั้น เสียงสบถดังขึ้นมา

"สำออยว่ะ"

"อะไรกันคะ"
พี่ธัญที่เดินขึ้นมาได้ยินเสียงร้องพอดี เธอเดินชนน้องชายเข้าไปหาพี่ฆีนที่ยืนกุมท้อง และเพิ่งนึกได้ว่าอีกฝ่ายเพิ่งโดนทำร้ายมา ธัญจึงขออนุญาตเปิดเสื้อดูก็เห็นว่า...

"แกทำอะไร ห้ะ...ท็อป"

        ท็อปตาโตเมื่อเห็นรอยช้ำสีแดงม่วง ปรากฎเป็นวงกว้างที่ช่วงหน้าท้อง เด็กหนุ่มยืนอ้ำๆอึ้งๆพูดไม่ออก จนฆีนรีบแก้ต่างให้

"อย่าว่าท็อปเลยครับ น้องไม่ได้ทำอะไรหรอกครับ...ธัญ"


"ยืนบื้อทำไมล่ะ!! ลงไปเอาน้ำแข็ง หรือลองถามแม่ซิว่ามีที่ประคบเย็นไหม?"


     พี่ธัญว่าจบ เด็กหนุ่มวิ่งลงไปถามแม่จนได้ของทุกอย่างครบถ้วน ท็อปขึ้นมาก็โดนพี่สาวต่อว่าอีกครั้งและบอกให้ท็อปดูแลพี่ฆีนด้วย

     ท็อปเอ่ยขอโทษพี่ฆีนที่ทำแบบนั้น ฟากฆีนไม่ติดใจอะไรแต่กลับบอกท็อปว่าจะขออาบน้ำก่อน ทำให้ท็อปแยกไปอาบน้ำยังห้องนอนของตัวเองด้วย

      เด็กหนุ่มทำธุระของตัวเองเสร็จเดินเข้ามาในห้องนอนของพี่แทน ก็เห็นพี่ฆีนนั่งรออยู่ปลายเตียงด้วยผ้าขนหนูที่พันท่อนล่างไว้อย่างหมิ่นเหม่

      สองเท้าหยุดชะงักอยู่ที่หน้าประตู เมื่อเห็นร่างแกร่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามแน่นๆทั้งช่วงหน้าท้อง กล้ามอก กล้ามไหล่ และแขนที่ไม่ได้กำยำหรือล่ำสันจนน่ากลัว แต่กลับดูฟิตและเฟิร์มอย่างคนสุขภาพดีเสียมากกว่า

       ท็อปเผลอไล่สายตามองร่างของคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่ว่าจะมองส่วนใดก็ดูดีไปทุกสัดส่วนจนน่าอิจฉา

"มองนานขนาดนี้ พี่คิดค่ามองนะครับ" ฆีนแกล้งหยอกเอินอีกฝ่าย แต่อันที่จริงแล้ว เขาเองต่างหากที่พูดเพื่อกลบเกลื่อนความเก้อเขินของตัวเองเมื่อเห็นสายตาคนที่ชอบมองตาไม่กระพริบ

"อ...เอ่อ!..ก็แล้วทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าวะ" ท็อปละล่ำละลักบอกด้วยเสียงอ่อยๆ เขาไม่โวยวายอย่างทุกที เพราะหนนี้ ท็อปทำผิดกับอีกฝ่ายมากเหมือนกัน

"พี่เห็นว่าท็อปต้องประคบแผลให้พี่ก็เลยค่อยใส่ทีเดียว"


"ใส่ก่อนเถอะ ไม่งั้นกูไม่ทำแผลให้นะ...ฆีน"

"ก็ได้"


         ฆีนว่าจบลุกขึ้นไปใส่เสื้อผ้าที่ท็อปเตรียมให้ก่อนหน้า ตอนแรกท็อปก็นึกว่าพี่ฆีนจะไปจัดการตัวเองในห้องน้ำ แต่เปล่าเลย พี่ฆีนกลับสวมใส่ทุกอย่างมันซึ่งๆหน้า ทำให้ท็อปเบือนหน้าหนีไปอีกทาง เพื่อรอให้อีกฝ่ายแต่งตัวเสร็จก่อน แต่ไม่ถึงสิบวินาทีเลยที่เด็กหนุ่มอดเบนสายตากลับมามองไม่ได้

         เป็นครั้งแรกที่ท็อปไม่เมาและอยู่ในห้องกับพี่ฆีนในสภาพที่อีกฝ่ายกึ่งเปลือยเปล่า จู่ๆ ท็อปรู้สึกปั่นป่วนในอก  จังหวะของหัวใจเต้นแรงขึ้นกว่าเดิม แถมหน้าร้อนผะผ่าวอย่างไม่มีเหตุผล

         ท็อปรีบหลุบสายตาลงต่ำ รอจนกระทั่งพี่ฆีนหย่อนกายนั่งลงที่ปลายเตียง เขาถึงเงยหน้าขึ้นมาและเริ่มประคบแผลให้

         ฆีนลอบมองท็อปที่ดูเก้ๆกังๆในการปรนนิบัติแต่สิ่งหนึ่งที่แฝงไว้จนฆีนสัมผัสได้ นั่นคือความตั้งใจ

        ไม่นานนัก ฆีนก็เอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ

"น่ารักจัง ขอบคุณนะครับที่ทำแผลให้"

 
"กูเป็นผู้ชาย เลิกชมกูน่ารักได้รึเปล่าวะ ฆีน" ท็อปว่าเสียงแผ่ว แต่สองตายังคงมองรอยช้ำอีกฝ่าย ไม่ใช่ใบหน้าหล่อนั้น

"ก็ท็อปน่ารักในสายตาพี่นี่ครับ"   

       ฆีนพูดเสียงนุ่มพลางมองเด็กหนุ่มที่ระยะห่างกันแค่คืบ ยิ่งใกล้ขนาดนี้ บอกเลยว่า ฆีนสามารถเห็นใบหน้าอีกฝ่ายที่ขึ้นสีระเรื่อจนลามไปถึงใบหูได้อย่างชัดเจน

       ฆีนเห็นเด็กหนุ่มไม่เถียงกลับแถมยังเม้มปากแน่นเหมือนกำลังเก็บงำอะไรบางอย่างไว้  ใบหน้าคมเข้มแต้มด้วยรอยยิ้ม จากนั้น ฆีนถือวิสาสะกุมมือท็อปที่กำลังประคบแผลตรงช่วงท้อง  ทำให้ท็อปชะงักและเงยหน้าขึ้นมาสบประสานสายตากันพอดี

"ท็อปลองเปิดใจคบกับพี่ไหม? พี่จะเป็นทั้งแฟนและพี่ชาย คอยดูแลและอยู่ข้างๆกันทั้งยามสุข ยามทุกข์"


       สิ้นเสียงนั้น ฆีนกระชับมือท็อปแน่นกว่าเดิมให้อีกฝ่ายเห็นถึงความจริงจังและจริงใจ แต่เสี้ยววินาทีนั้น คนพี่แอบเห็นดวงตาเด็กหนุ่มไหวระริกวูบหนึ่ง ก่อนจะกลับมานิ่งขรึมตามเดิม

       ฟากท็อปเมื่อดึงสติกลับมาได้ เขาชักมือกลับและลุกขึ้นยืนทันที

"ทำต่อเองได้ใช่ไหมฆีน กูจะไปนอนแล้ว"

       ท็อปว่าจบเขาโยนผ้าขนหนูผืนเล็กลงบนตัก ทิ้งให้ฆีนนั่งงุนงงกับการกระทำของเด็กหนุ่ม เพราะเชื่อเถอะ! ว่าเจอแบบนี้เข้าไป ฆีนก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน

        ท็อปไม่ปฏิเสธแต่ก็ไม่ตอบรับในคำขอ...

        ฆีนยังคงมึนเบลอและหาคำตอบให้เรื่องนี้ไม่ได้ เพราะเขาไม่รู้เลยจริงๆว่าสิ่งที่ท็อปเป็นอยู่มันเข้าข่ายโรคไบโพลาร์หรือเด็กหนุ่มกำลังสับสนในหัวใจกันแน่!..
 

 
......................................


เจอคนแบบนี้เข้าไป ก็คงเหวอ เอ๋อตามๆกัน มีอะไรในใจก็บอกมาเลย ท็อป.. ^^

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-02-2017 21:11:49 โดย rinyriny »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ...ขอผมได้รัก...{ตอนที่ 6.2} UPDATE [21-2-60] >> P.2
« ตอบ #39 เมื่อ: 21-02-2017 20:42:06 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ความบังเอิญจริงๆ,,,

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1


ตอนที่ 7 เปลี่ยน



"มึงควรกินปลาหรือพวกวิตามินบำรุงสมองบ้างนะ กราฟ" ฆิตกอดคอกราฟทันทีที่เจอ

     เพราะความขี้ลืมทำให้กราฟเจอเหตุการณ์เดิม คือ ลืมกระเป๋าสตางค์ไว้ที่ออฟฟิศ ต่างกันเพียงแค่วัน เวลา กราฟเลยตัดสินใจลองโทรหาพี่ฆิตเผื่อฟลุ๊คว่าอีกฝ่ายอยู่ที่ห้างสรรพสินค้านี้ ซึ่งโชคดีที่พี่ฆิตอยู่ที่นี่จริงๆและเพิ่งมาถึงหมาดๆ เนื่องจากพี่ฆิตนัดเจอเพื่อนที่นี่เช่นเดียวกัน

"โธ่ พี่ฆิต...ผมเพิ่งลืมสองครั้งเองเถอะ" กราฟตอบพลางกลอกตาและเบ้ปากเล็กน้อย


“ฮ่าๆ เออ...กราฟ...วันนี้ วันเกิดเพื่อนกู ไปด้วยกันดิ"

 
"ไม่ดีกว่าพี่ ผมแค่จะมาขอยืมเงิน เดี๋ยวกลับบ้านเลยดีกว่า"

 
"ไปเหอะน่า กลัวอะไรวะ" ฆิตยิ้มกว้างและยักคิ้วหนึ่งข้างเสริมด้วยการกระแซะไหล่รุ่นน้อง

"ผมไม่รู้จักเพื่อนพี่นี่หว่า"

"เดี๋ยวก็รู้จักเองนั่นแหละ"


        สุดท้าย กราฟขี้เกียจหาเรื่องมาอ้างจึงตอบตกลง

        ฆิตและกราฟก้าวเท้ายาวๆเดินขึ้นบันไดเลื่อนหวังจะเดินดูอะไรเรื่อยเปื่อยเพื่อฆ่าเวลา

"ถ้าไม่อยากเดินเล่น จะหาอะไรกินรองท้องหน่อยไหม?"

"ได้นะ แต่คราวนี้ ผมขอเลี้ยงคืนบ้างนะ เกรงใจ"

"มึงมีเงินหรือ?"


"ก็ยืมเงินพี่เพื่อมาเลี้ยงพี่ก่อนไง"
"ฮ่าๆ น่าสงสารจังเลยน้องกราฟ ถ้างั้นไม่ต้องหรอก กูเลี้ยงเอง"
ฆิตหัวเราะร่า ก่อนจะส่ายหน้าขำ สอดส่องสายตามองหาร้านที่อยากกินไปด้วย
"โอ้โห...ใจป๋าขนาดนี้ ไม่น่าโดนหักอกนะ พี่ฆิต"

 
!!!

     เด็กหนุ่มกำลังเข้าใจผิดคิดว่าคำแซวทำให้อีกฝ่ายขุ่นเคือง กราฟหน้าเจื่อน เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าคนที่เคยกวนประสาทหายไป พี่ฆิตเงียบและตีสีหน้ามาเคร่งขรึมภายในไม่กี่วินาที

     กราฟกำลังจะเอ่ยขอโทษที่พูดแรงเกินไป แต่ทันใดนั้น ก็มีเสียงของบุคคลที่สามดังขึ้นเสียก่อน

"พี่ฆิต!"

 
     เสียงนั้น ทำให้กราฟละสายตาจากคนข้างกาย หันไปมองเด็กหนุ่มสวมชุดนักศึกษาผูกเนกไทอันเป็นระเบียบเรียบร้อย หน้าตาละอ่อนแถมมีรูปร่างตัวเล็กกว่ากราฟและพี่ฆิตอยู่พอสมควร

     กราฟมองสองคนที่ยืนประจันหน้ากัน เด็กคนนี้คงมีความสำคัญถึงทำให้พี่ฆิตเปลี่ยนเป็นคนละคน พี่ฆิตยืนเงียบขรึม ส่งสายตาเย็นชาให้อีกฝ่าย โดยที่กราฟไม่เคยเห็นมุมนี้มาก่อน

"พีทมีอะไรหรือเปล่า?"

     กราฟยืนมองเด็กหนุ่มที่ก้มมองมือตัวเองที่ประสานกันแน่นจนบิดเบี้ยว กราฟรู้สึกไม่ดีเพราะเหมือนตัวเองเป็นส่วนเกินของสถานการณ์นี้

"พี่ฆิตคุยธุระก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวผมไปเดินเล่นรอ"


     กราฟหมุนตัวต้องการเดินให้พ้นบรรยากาศอันน่าอึดอัด ทันใดนั้น ฆิตจับข้อแขนกราฟไว้แน่น จนกราฟสะดุ้งตกใจ

"อยู่ตรงนี้แหละ เดี๋ยวเราก็จะไปกันแล้ว"

"พีทอยากคุยกับพี่ฆิตสองคนสักครู่หนึ่งก็ไม่ได้หรอครับ"

"พี่ควรฟังอะไรอีกหรือ? เรื่องจริงหรือเรื่องโกหกดีล่ะพีท"

"พี่...ฆิต...พ...พีทขอโอกาสแก้ตัวได้ไหมครับ"

      หนุ่มน้อย ปากแดงเดินหน้ามาอีกก้าวเพื่อจะได้ใกล้พี่ฆิตและจับมืออีกฝ่ายได้อย่างถนัดถนี่

      ฆิตมองมือตัวเองที่โดนกุมไว้ เขาเงยหน้าและเบือนสายตาหนีไปอีกทาง

"พอเถอะพีท พี่เบื่อแล้วกับคำแก้ตัวให้พี่ไปมีคนที่ดีกว่านี้เถอะว่ะ พี่ไปก่อนนะ"


     ฆิตตอบเสียงแข็งก่อนจะสะบัดมือพีทออก และดันแขนกราฟให้เดินออกจากที่ตรงนี้

"ไปกันกราฟ"

    กราฟไม่ได้เหวอ! ที่พี่ฆิตไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายพูดต่อ แต่สิ่งที่กราฟเหวอคือพี่ฆิตจับมือและสอดประสานนิ้วแนบแน่นเดินออกมา
 
    กราฟคิดว่า ต่อให้เป็นเพื่อนสนิทกันแค่ไหน ผู้ชายด้วยกันคงไม่มีโมเมนต์เดินจับมือกลางที่สาธารณะอย่างนี้หรือเปล่า?

     พี่ฆิตทำให้กราฟสับสนในความรู้สึก แต่สิ่งที่น่าแปลกกว่านั้น คือ กราฟไม่รังเกียจหรืออยากปล่อยมือแต่อย่างใด

     แม้จะเดินออกมาได้หลายก้าว แต่กราฟมิวายหันหลังไปมองเด็กหนุ่มที่ยืนน้ำตาคลอเบ้า

 
     หลังจากที่ทั้งสองปล่อยมือออกจากกัน กราฟเดินเงียบมาตลอดทาง

     จนกระทั่ง พี่ฆิตมาหยุดที่หน้าร้านสเต็ก

"กินร้านนี้ได้ไหม?"

"ได้ แต่ถ้าเรากินกันอยู่ แล้วเพื่อนพี่มาถึงล่ะ"

"ไม่เห็นจะยาก ให้มันมากินด้วยกันแค่นี้ก็จบ"

“ก็ได้ครับ"


      เมื่อเดินเข้ามาในร้านและทั้งสองทิ้งตัวลงนั่งได้แล้ว ต่างฝ่ายต่างก็สั่งอาหารกันอย่างรู้หน้าที่

      คราวนี้ กราฟไม่พูดเล่นหรือแซวอีกฝ่ายแต่อย่างใด เพราะพี่ฆิตมีอาการเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ

     และความเงียบก่อตัวขึ้นอยู่นาน จนกระทั่ง อาหารมาเสิร์ฟถึงโต๊ะ...ฆิตเป็นฝ่ายทำลายความเงียบนั้น

"คนนั้นแหละ แฟนเก่ากู"

 
     กราฟพอจะคาดเดาจากสิ่งที่เห็นได้บ้าง เพียงแค่ไม่แน่ใจเลยอยากได้ความมั่นใจโดยรอให้อีกฝ่ายพูดขึ้นเองคงดีกว่า

"พี่เป็นเกย์เหรอ?" กราฟถามย้ำอีกครั้ง เพื่อต้องการความชัดเจน

"มึงรังเกียจ?"


     กราฟส่ายหน้ารัว เขาไม่รู้สึกแบบนั้นเลย และไม่เคยตะขิดตะขวงใจว่าพี่ฆิตเป็นเกย์ด้วยซ้ำ เพียงแต่การที่พี่ฆิตบอกมาว่าไม่ใช่ชายแท้ มันกลับตอกย้ำความรู้สึกลึกๆที่กราฟกำลังตั้งคำถามกับตัวเองอยู่

"ผม...เอ่อ...ช่างมันเถอะครับ พี่โอเคใช่ไหม?"

"ก็คงอย่างนั้นมั้ง"
น้ำเสียงชาเฉยพร้อมสีหน้าที่ไร้ความรู้สึกทอดสายตามองออกไปยังนอกร้านอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันมาจัดการสเต็กพอร์ค ช็อปเนื้อฉ่ำตรงหน้า

"พี่ฆิต"


    ฆิตเงยหน้ามองกราฟ

"ผมชอบพี่ฆิตคนเดิมมากกว่า กลับมายิ้มและกวนประสาทผมอีกนะ...สู้ๆนะพี่"

 

     ฆิตเลิกคิ้วขึ้นนิดๆ ก่อนจะคลี่ยิ้มอย่างบางเบา

"ขอบใจนะมึง"

 
      ใช้เวลานั่งรับประทานอาหารกันได้สักพักใหญ่ๆ เพื่อนพี่ฆิตก็ส่งข้อความมาบอกว่า เดินทางถึงสตูดิโอแล้ว ไม่ต้องรอ ทำให้พี่ฆิตบ่นอุบอิบนิดหน่อย ก่อนจะรีบจัดการอาหารที่เหลือและบึ่งไปยังสตูดิโอที่อยู่ไม่ไกลจากห้างเท่าไหร่นัก

      เมื่อรถยนต์เคลื่อนถึงที่หมาย ทั้งสองลงรถและเดินผ่านรั้วสีขาว เข้ามายังพื้นที่ตั้งสตูดิโอสีดำ ด้านข้างตกแต่งสวนหย่อมขนาดย่อมพร้อมม้านั่งยาวที่ตอนนี้มีเพื่อนๆพี่ฆิตนั่งจับกลุ่มคุยกันอยู่ 

"โว้ว..!ไอ้ฆิตพาเด็กมาเปิดตัวเว้ยย!" เพื่อนฆิตหนึ่งในหกคนเห็นคนมาใหม่จึงเอ่ยแซวขึ้น ทำให้เพื่อนๆที่เหลือหันมามองเป็นสายตาเดียวตามด้วยเสียงโห่ฮิ้วประหนึ่งว่ามีขบวนแห่นาค

"พวกมึงหยุดกวนตีนสักสองนาทีได้ไหมวะ? มันเป็นน้องกูชื่อกราฟและไม่ใช่แฟนหรือกิ๊กห่าเหวอะไรทั้งนั้น"
ฆิตตอบเสียงขุ่น ส่วนกราฟหน้าเจื่อน ยิ้มแห้ง ได้แค่ยกมือไหว้สวัสดีรอบกลุ่ม

"อูยย...วันนี้ ไอ้ฆิตมาโหมดโหดวะ"


     ฆิตถอนหายใจและดึงไหล่กราฟให้นั่งลงข้างกัน โดยกราฟเหลือที่ว่างเพียงนิดเดียว จึงต้องนั่งเบียดพี่ฆิตอย่างเลี่ยงไม่ได้

     กราฟนั่งตัวลีบและเงียบเพราะไม่รู้จักใคร แต่ยอมรับว่า ความรู้สึกเกร็งได้แปรเปลี่ยนเป็นความผ่อนคลายเมื่อเพื่อนๆพี่ฆิตชวนคุยแบบกันเองพร้อมเล่าเรื่องกันอย่างตลกขบขัน กราฟนั่งมองเพื่อนพี่ฆิตแต่ละคนอย่างนึกขำ หรือเป็นเพราะสายพันธุ์เดียวกันหรือเปล่าไม่แน่ใจ ถึงอยู่ด้วยกันได้

     แม้เพื่อนพี่ฆิตแต่ละคนจะมีสไตล์เป็นของตัวเอง แต่ทุกคนล้วนแฝงด้วยความกวนประสาท ปากคอเลาะร้าย แว้งกัดคนไปทั่วเหมือนๆกัน กราฟจึงเชื่อแล้วว่าการได้เจอพี่ฆิตนี้เล็กน้อยไปเลย...

     ในขณะที่กราฟนั่งขำกับมุกเพื่อนพี่ฆิต เขาเหลือบเห็นอีกฝ่ายไม่พูดอะไรเลย เอาแต่นั่งยกดื่มๆ กราฟจึงเอื้อมมือไปแตะไหล่

"พี่ฆิต...เพลาๆหน่อย พี่เมาแล้วนะ" กราฟเตือนอย่างเป็นห่วง เพราะการอยู่ในวงเหล้าครั้งนี้ กราฟแทบไม่แตะหรือดื่มน้อยกว่าทุกที เนื่องจากเขาเป็นสมาชิกใหม่ยังไม่อยากออกอาการเมาเรื้อนสักเท่าไหร่นัก

      ฆิตหันไปจ้องหน้ากราฟโดยไม่ตอบคำ จังหวะนั้น เขาลุกขึ้นยืนและเดินออกไปจากตรงนี้ ทิ้งให้กราฟนั่งงุนงงว่าพี่ฆิตเป็นอะไร

"ตามไปดูฆิตสิ" เพื่อนพี่ฆิตที่ชื่อเขตหันมาคุยกับกราฟ ทำให้กราฟชี้นิ้วเข้าหาตัวเองอย่างงงๆว่าทำไมต้องเป็นเขา แต่พอเห็นสายตากดดัน สุดท้ายกราฟก็ลุกตามไปหาพี่ฆิต

      ตอนแรกที่พี่เขตบอก กราฟนึกว่า ให้กราฟมาคนเดียว แต่ที่ไหนได้ พี่เขตเดินตามมาด้วย

"มันเจอแฟนเก่าก่อนมาที่นี่ใช่ไหม?" เขตถามทันทีที่เริ่มเดินห่างไกลจากวงเหล้า

      กราฟหันขวับมองอย่างประหลาดใจว่าพี่เขตมีจิตสัมผัสหรือเป็นหมอดูนั่งทางในหรือเปล่าถึงรู้ว่าก่อนหน้านี้พี่ฆิตเจอใครมา จู่ๆกราฟก็รู้สึกขนลุกขนชันทั่วร่าง

"พี่รู้ได้ยังไงครับ”

      เขตหรี่ตามองอีกฝ่ายที่ทำสีหน้าตกใจจนดูออกจึงรีบแก้ตัว

"อย่าคิดว่าพี่เป็นพวกจิตสัมผัสล่ะ แค่รู้ใจเพื่อนเฉยๆ มันเมามากขนาดนี้ มีอยู่ไม่กี่เรื่อง"

"อ่อ...."


      กราฟสบายใจที่พี่เขตไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องราวเร้นลับ

"ไอ้ฆิตมันเป็นคนดีนะ"

"ครับ"

"น้องคงรู้"

"ครับ"


"ไอ้ฆิตมันเป็นคนขี้เหงา เห็นมันยิ้ม หัวเราะ กวนประสาทชาวบ้านเขาไปทั่วน่ะ รู้ไหม? อันที่จริง มันกำลังเอาความร่าเริงกลบเกลื่อนความเหงา ความโดดเดี่ยวที่ติดอยู่ในใจมันนั่นแหละ"

       กราฟมองคนที่ยืนอยู่ข้างกันแท้ๆ แต่สายตากลับไม่ได้มองกราฟสักนิด เอาแต่มองเหม่อไปไหนก็ไม่รู้

"เอ่อ...แล้วพี่มาบอกผมทำไมครับ"


      ทันใดนั้น ดวงตาที่ไม่ได้มองเด็กหนุ่ม กลับหันมาจดจ้องราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ก่อนผุดรอยยิ้มเย็น จนกราฟรู้สึกหวาดกลัวพิลึก

"บอกไว้ เผื่อน้องจะช่วยมันได้ พี่ขอตัวไปคุยโทรศัพท์ก่อน"

       และแล้วพี่เขตเดินหายไปในความมืด ทิ้งให้กราฟยืนรอพี่ฆิตเพียงลำพังอยู่บริเวณหน้าห้องน้ำ


 
****1.1****

 :katai2-1: :katai2-1:







       

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
เอาอีกๆๆๆคู่พี่ฆิตน้องกราฟ มันได้ใจอ่ะ

เชียร์พี่ฆีนพิชิตใจท็อปต่อ อิอิ


ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
กราฟคงต้องช่วยแล้วแหละครับ,,,

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
ตอนที่ 7 เปลี่ยน (2)



      รอไม่นาน เด็กหนุ่มก็เห็นคนพี่เปิดประตูห้องน้ำเดินออกมาด้วยสภาพที่มีหยาดน้ำพราวเกาะทั่วใบหน้าพร้อมดวงตาที่แดงก่ำ

 

"ไหวไหม? พี่ฆิต"

"อืม...มึงมารอกูหรือ?"

"อะ...เอ่อ...ครับ ผมเห็นพี่ดูเมาแล้ว กลัวจะตายคาส้วมน่ะ เลยต้องมาดูสักหน่อย"

 

       กราฟแซวอย่างยิ้มๆโดยยังไม่ก้าวไปไหน เพราะยืนมองคนที่เหมือนผ่านการร้องไห้มา เขาไม่กล้าถามไถ่อะไรอีก แต่ในจังหวะนั้นเอง...

"กราฟ ยืมไหล่หน่อยดิ"


"ห้ะ!!"

         กราฟถามซ้ำเพื่อต้องการความแน่ใจ แต่ไม่ทันได้คำตอบคนพูดก้าวเท้ายาวๆมาซุกหน้าลงบนลาดไหล่และทิ้งน้ำหนักตัวไปหาอีกฝ่ายคล้ายต้องการที่พักพิงทั้งทางร่างกายและหัวใจนั้นทันที


       ไม่มีเสียงสะอื้นและคำพูดออกมาจากปากคนพี่ มีแต่น้ำตาที่ซึมผ่านเสื้อยืดของกราฟจนรู้สึกเป็นห่วง


        เด็กหนุ่มทำได้แต่ยืนนิ่งแข็งเป็นหิน ไม่กระดิกตัวไปไหน เขาไม่รู้จะพูดปลอบใจอย่างไรให้อีกฝ่ายสบายใจ ดังนั้น การได้ยืนเป็นเสาหลักให้พี่ฆิตพักพิงก็คงเพียงพอแล้ว     

"พ...พี่ฆิต"

"อย่าเพิ่งพูดอะไร ขอกูอยู่แบบนี้ก่อนได้ไหม?"

"เอ่อ...ค...ครับ....พี่"

     สักพักใหญ่ๆที่ฆิตผละออกห่างด้วยรอยยิ้มที่ต่อให้มองอย่างไรก็ดูรู้ว่ากำลังฝืน

"ขอบใจนะ"
     
"ไม่เป็นไรครับพี่ เรื่องแค่นี้เอง สบายมาก"

 
     กราฟยิ้มกว้างคล้ายให้กำลังใจ เพราะเขาไม่เคยเห็นพี่ฆิตเศร้าเท่านี้มาก่อน...
 
"เออ...พี่ฆิต นี่ก็ดึกแล้ว เดี๋ยวผมขอกลับบ้านก่อนได้ไหม?"
 
"ได้สิ กูไปส่ง"
 
"ไม่เอาๆ ผมกลับเองได้ วันนี้วันเกิดเพื่อนพี่นะเว้ย...พี่อยู่ต่อเถอะ"

     พี่ฆิตประชิดตัวแล้วล็อคคอจนกราฟได้กลิ่นกายชายหนุ่มผสมกลิ่นแอลกอฮอลล์คละคลุ้งทั่วร่าง

"อย่าเถียง กูพามึงมากูต้องรับผิดชอบ" เสียงแหบพร่าเอ่ยขึ้นใกล้ๆซอกคอเด็กหนุ่ม


   กราฟหยุดชะงักเหมือนมีอาการหัวใจเต้นสะดุดกับสิ่งที่พี่ฆิตทำ เขารีบผละออกห่างและก้าวเดินนำพี่ฆิตไปก่อนโดยไม่พูดอะไร
 
    ตอนนี้ ฆิตและกราฟเดินกลับมานั่งลงตรงที่เดิม โดยเพื่อนๆก็ไม่มีใครถามไถ่ เพราะเขตกำชับไว้อย่างดิบดีว่าห้ามทุกคนถามอะไร ให้คุยกันเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


    กราฟมองซ้าย แลขวา และพบว่าตอนนี้พี่เขตที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามมีสติที่สุดในกลุ่ม จึงลุกไปขอความช่วยเหลือ
 
"พี่เขต ผมรบกวนหน่อยครับ ผมจะกลับบ้านแล้ว แต่พี่ฆิตดื้อจะไปส่ง พี่ช่วยพูดให้หน่อยได้ไหมครับว่าอย่าไป คือ พี่ฆิตเมาแล้ว ผมเป็นห่วงเขา" กราฟกระซิบบอก
 
"เป็นห่วงงั้นเหรอ?"
 
 "ครับ"
กราฟตอบจริงจัง

        ทันใดนั้นเอง...
 
"ไอ้ฆิต น้องมันจะกลับบ้านแล้ว มึงรออะไรวะ ไปส่งกราฟสิ"
 
"อ้าว...เหี้ย!"
กราฟไม่ได้พูดโพล่งออกไป ทำได้แค่อุทานในใจ

        แม่ง...โคตรกวนตีนเลย...ให้ตายเถอะ!
 
        พี่เขตไม่คิดห่วงเพื่อนเลยรึไง เมาขนาดนี้ พี่ฆิตจะขับรถไปส่งกราฟได้อย่างไร...และกราฟยังไม่ทันจะได้อธิบายต่อเลย เสียงเข้มก็ดังขึ้น

"ทำไมไม่บอกกู ไปบอกไอ้เขตทำไม"
กราฟหันไปหาก็เห็นพี่ฆิตจ้องเขม็ง จนเด็กหนุ่มต้องเดินกลับมานั่งข้างๆพี่ฆิตอย่างเดิมด้วยความกลัวดวงตาวาวโรจน์คู่นั้น
 
"อะ...เอ่อ ผ...ผม..." กราฟละล่ำละลักตอบแต่สายตาก็วกกลับไปมองพี่เขตที่เห็นอีกฝ่ายยกยิ้มเจ้าเล่ห์
 
       ยังไม่ทันพูดจบประโยคดี ไม่คิดว่าคนเมาจะมีเรี่ยวแรงมากถึงขนาดกระชากกราฟให้ลุกขึ้นจนเกือบเสียหลัก แล้วบอกเพื่อนทุกคนว่าจะส่งรุ่นน้องไม่กลับมาแล้ว
 
       ทั้งกลุ่มไม่มีใครรั้งอะไร กลับร่ำลาให้พี่ฆิตโชคดี แล้วปล่อยให้กราฟพูดกับพี่ฆิตจนปากจะฉีกถึงรูหูแล้วว่าจะกลับบ้านเอง แต่พี่ฆิตไม่ฟังสักนิด เขาจับข้อแขนกราฟแน่นจนขึ้นรอยแดง จนเด็กหนุ่มทนไม่ไหวร้องโวยวายว่าเจ็บเพียงเท่านั้น พี่ฆิตถึงปล่อยมือ

       กราฟพ่นลมหายใจ ใครจะคิดว่า พี่ฆิตเมาแล้วดื้อด้านขนาดนี้

       พี่ฆิตเดินเมาเซเหมือนปูเสฉวนไปยังรถของตัวเอง กราฟเห็นท่าไม่ดี ตัดสินใจบอกพี่ฆิตขอเป็นฝ่ายขับเอง ขืนให้พี่ฆิตเป็นสารถีขับไปส่งที่บ้าน มีหวังไม่ถึงสวรรค์ก็นรกก่อนแน่ๆ
 
       นับว่าเป็นรอบที่ยี่สิบกว่าๆแล้วที่กราฟถอนหายใจ ตั้งแต่ขับรถมาถึงบ้านของตัวเอง....ก็เพราะกราฟห่วงคนข้างกายพอสมควร พี่ฆิตเมาขนาดนี้จะขับรถกลับคอนโดได้อย่างไรกัน
 
      และเพียงก้าวลงจากรถ ไม่รู้พี่ฆิตสะดุดเท้าตัวเองหรืออย่างไร เขาถึงล้มจนเข่ากระแทกพื้น
 
"เฮ้ย...พี่ฆิต ไหวไหมวะ?"

       กราฟทรุดตัวลงนั่งยองๆเพื่อไปประคองอีกฝ่ายให้ลุกขึ้น
 
"ขอเข้าบ้านมึงไปล้างหน้าล้างตาหน่อยนะ"

"เฮ้อ...คงไม่ต้องล้างหน้าหรอกพี่ นอนนี่เลยแล้วกัน เมาขนาดนี้"

       กราฟถอนหายใจพลางส่ายหน้า รีบพาพี่ฆิตเข้าบ้าน โชคดีที่บ้านกราฟวันนี้ ไม่มีใครอยู่ ไม่งั้นกราฟโดนด่ายับแน่ๆ
 
       ลากสังขารคนเมามาจนถึงห้องนอนกราฟได้ เด็กหนุ่มรีบเปิดแอร์ไล่ความร้อนพร้อมนอนแผ่หราลงไปกับเตียงอย่างเหนื่อยล้า กราฟไม่ได้ไปส่งคนพี่แค่บอกทางไปห้องน้ำแก่พี่ฆิตเท่านั้น

      กว่าสิบห้านาทีที่กราฟนอนรอพี่ฆิต จนเริ่มเอะใจว่าพี่ฆิตไม่น่าจะอาบน้ำนานขนาดนี้หรือเปล่า? กราฟชักใจคอไม่ดี เด้งตัว ลุกพรวดขึ้นจากเตียง เร่งฝีเท้าไปยังห้องน้ำ

       มือหนาบิดลูกบิดประตูก็พบว่าไม่ได้ล็อค กราฟเปิดประตูเข้าไปก็เห็นพี่ฆิตนั่งหลับคอพับคออ่อนอยู่ที่พื้นในขณะที่ฝักบัวถูกเปิดทิ้งไว้จนน้ำไหลออกมาดั่งสายฝน กราฟรีบเดินไปปิดก๊อกน้ำ แล้วทรุดตัวลงนั่งยองๆ
 
      เด็กหนุ่มนั่งไล่สายตามองเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงผ้าสีแดงมารูนของพี่ฆิตเปียกชุ่มจนกราฟได้แต่เก้ๆกังๆทำตัวไม่ถูก เขารีบปลุกให้พี่ฆิตตื่นเพราะกลัวอีกฝ่ายจะเป็นไข้ได้

"พี่ฆิตอย่าหลับทั้งอย่างนี้ดิ ตื่นก่อน"
 
      กราฟมองคนพี่ที่ไม่รู้สึกอะไรในการเขย่าร่างหนานั้นเลยสักนิด กราฟสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะระบายลมหายใจออกมาช้าๆ

"ไม่เป็นไรหรอกไอ้กราฟ ของไอ้พล ไอ้ท็อปก็ยังเคยเห็นมาแล้วเลย"

      กราฟพูดปลอบใจตัวเอง เพราะสิ่งที่ทำให้กราฟต้องลงมือทำคือการถอดเสื้อผ้าทุกชิ้นออกจากร่างกายของผู้ชายตรงหน้า
 
      แค่จะถอดเสื้อผ้าและอาบน้ำให้อีกฝ่าย ทำไมกราฟต้องใจสั่น มือสั่นแบบนี้

      เมื่อเสื้อเชิ้ตถูกถอดออกไปเป็นลำดับแรก กำลังตามด้วยกางเกงขายาว ท็อปรู้สึกปั่นป่วนในอกขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล

"ผู้ชายด้วยกัน กลัวห่าอะไรวะ ก็มีเหมือนๆกัน ทำตัวแต๋วแตกไปได้...ไอ้กราฟ"

       กราฟตบแก้มตัวเองเบาๆราวเรียกสติ จากนั้น ก็จัดการปลดกระดุม รูดซิบ พร้อมดึงกางเกงอีกฝ่ายให้ร่นลงด้วยความทุลักทุเล

        เมื่อสองตาเด็กหนุ่มเห็นอันเดอร์แวร์สีขาวของคนตรงหน้า กราฟก็หน้าร้อนวูบวาบ

        สุดท้ายกราฟก็ทำใจไม่ได้ เขาไม่ถอดอันเดอร์แวร์ เพราะต้องการปกปิดของสงวนพี่ฆิตไว้สักหน่อยแล้วกัน

"ไม่ต้องสะอาดมากแล้วกันนะพี่"

       กราฟบอกทำเหมือนกับว่าอีกฝ่ายจะรู้เรื่องอย่างไร อย่างนั้น กราฟรีบกดสบู่เหลวเพื่อมาลูบไล้ทั่วร่างกายชายหนุ่ม

       ในขณะที่กราฟทำความสะอาดและถูแผ่นหลังของอีกฝ่าย ทำให้ใบหน้าของพี่ฆิตซุกลงตรงซอกคอเด็กหนุ่มอย่างพอเหมาะพอเจาะ

        สายน้ำที่เย็นฉ่ำยังโปรยปรายลงมาทำให้ทั้งกราฟและพี่ฆิตอยู่ในสภาพเปียกปอนทั้งคู่ คราบสบู่ที่กราฟยังถูตัวให้พี่ฆิตทำให้ผิวกายคนตรงหน้าลื่นไหลภายใต้สายน้ำจากฝักบัว เมื่อเนื้อตัวเปียกมาพร้อมลมหายใจอุ่นๆและริมฝีปากที่กดลงตรงซอกคอทำเด็กหนุ่มหน้าร้อนผ่าวและรู้สึกไม่ดีต่อหัวใจ กราฟดันร่างพี่ฆิตให้นั่งพิงผนังแล้วลุกขึ้นไปมองตัวเองที่หน้ากระจกทันที

"ทำไมกูหน้าแดงขนาดนี้"
กราฟหันซ้าย หันขวาน้อยๆ มองหน้าตัวเองที่แดงจัด ไม่เพียงแค่นั้น เด็กหนุ่มกดสายตาลงต่ำมองช่วงล่างที่เกิดปฏิกิริยาตื่นตัวจากการได้สัมผัส แตะต้องตัวของกันและกันเมื่อครู่

        สองมือหนาจับขอบอ่างล้างหน้าพร้อมส่ายหัวไปมาคล้ายไล่ความคิดที่กำลังเข้าสู่โหมดแห่งเพศสัมพันธ์


"เหี้ย!แล้วไง...สงบสติ เดี๋ยวนี้นะ ไอ้กราฟ" กราฟยืนข่มอารมณ์ตัวเองอยู่หน้ากระจกเงา

         ทำไม? การนอนกับเพื่อนผู้ชาย เคยแกล้งจับอวัยวะเพศเล่นกันอย่างขำขัน รวมถึงเคยอาบน้ำด้วยกัน มันไม่เห็นทำให้กราฟรู้สึกวูบหวิว หวามไหว เท่ากับการได้สัมผัสผิวกายของพี่ฆิตตอนนี้

        กราฟยืนชั่งใจอยู่นาน แต่เพราะเขาคิดว่าการอยู่สองต่อสองในห้องน้ำแบบนี้นี่แหละที่จะแย่กว่าเดิม

        สุดท้ายเด็กหนุ่มก็รีบทำความสะอาดร่างกายคนพี่ให้จบๆ เพื่อจะได้พ้นความรู้สึกที่ปั่นป่วนจนแทบบ้านี่เสียที
       

       ใช้เวลานานกว่ากราฟจะอาบน้ำและแต่งตัวให้พี่ฆิตเสร็จสรรพ เมื่อกราฟพาพี่ฆิตเข้าสู่นิทราได้แล้ว ถึงเวลาที่กราฟต้องจัดการธุระของตัวเองบ้าง

        ผ่านไปสักพัก กราฟชำระร่างกายและแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย เขาปีนขึ้นไปนอนบนเตียงกว้าง โดยกราฟทิ้งระยะห่างระหว่างเขากับพี่ฆิตไว้ เพราะภาพที่กราฟลูบไล้เรือนร่างพี่ฆิตและการที่อีกฝ่ายซุกลงซอกคอแบบนั้นมันยังติดตาและทำให้เด็กหนุ่มไม่กล้าเข้าใกล้

       แม้จะปิดไฟทุกดวง และตัวเองอยู่ในสภาพพร้อมนอน แต่จู่ๆ กราฟกลับไม่ง่วง เขายกมือก่ายหน้าผากอย่างเคร่งเครียดพร้อมกับตั้งคำถามในใจ
 
       ผู้ชายด้วยกันไม่ใช่หรือวะ? จะตื่นเต้นและใจสั่นทำไม?
 
       เด็กหนุ่มคิดไม่ตก ในขณะที่กราฟพลิกตัวตะแคงไปทางฝั่งผนัง จู่ๆ แขนแข็งแกร่งของพี่ฆิตก็พาดมากอดจากด้านหลัง
 
"เฮ้ย...พี่ฆิต ปล่อย"
 
     กราฟโวยวายและพยายามแกะมือพี่ฆิตออก แต่กราฟได้ยินเพียงเสียงฮึ่มฮั่มคล้ายรำคาญอยู่ในลำคอ แถมพี่ฆิตกลับดึงร่างกราฟไปกอดกระชับแน่นจนแผ่นหลังของกราฟแนบชิดเข้ากับแผ่นอกกว้าง แถมใบหน้าคนพี่ยังซุกซบอยู่ตรงช่วงบ่าจนรู้สึกได้ถึงไออุ่น ส่งผลให้ร่างกายเด็กหนุ่มร้อนวูบวาบทั่วร่าง หัวใจก็เต้นแรงและเร็วจนกลัวอีกฝ่ายจะจับได้

     ตลอดทั้งวัน กราฟใจแกว่งกับการกระทำทุกอย่างของพี่ฆิตและดันเป็นกับผู้ชายคนนี้คนเดียวเสียด้วย
 
     กราฟเริ่มไม่แน่ใจตัวเอง เพราะที่ผ่านมา กราฟชอบและคบแต่ผู้หญิง แต่ตอนนี้ พี่ฆิตทำให้กราฟรู้ว่าตัวเองกำลังเปลี่ยนไป

     และในขณะที่อีกคนหลับใหลไม่รู้เรื่องรู้ราว หารู้ไม่ว่า...มีใครอีกคนนอนตาค้างเพราะเกิดความรู้สึกในใจไม่เหมือนเดิม....
 


.......................................


พี่ฆิต!! กำลังเปลี่ยนใจคนแล้วนะนี่ รู้ตัวไหม? ^__^ ฮ่าๆ

ขอบคุณที่แวะเวียนเข้ามาอ่านและคอมเมนท์จ้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-02-2017 00:35:28 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
oh!! กราฟกำลังจะเปลี่ยนไป,,,,

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
ตอนที่ 8 เจ็บ


 
 
         ตั้งแต่คืนนั้นก็เป็นเวลาสิบวันแล้วที่ฆิตและกราฟไม่ได้เจอหน้ากัน  ส่งผลให้กราฟได้มีเวลาอยู่กับตัวเองและครุ่นคิดถึงเรื่องที่ผ่านมา
 
         แม้ว่ากราฟจะพยายามไม่นึกถึงคนกวนประสาท แต่มันก็ไม่เป็นไปดั่งใจสักเท่าไหร่ เพราะภาพวันที่พี่ฆิตเมาและท็อปอาบน้ำให้ในวันนั้นยังตามมาหลอกหลอน  กราฟจึงคิดว่าถึงเวลาที่ควรทดสอบหัวใจตัวเองว่า เขารู้สึกอย่างไรกับพี่ฆิตกันแน่...
 
         กราฟตัดสินใจมานั่งดื่มที่คอนโดของพี่ฆิตในวันนี้ เพราะมันเป็นวันเกิดของกราฟ แต่เจ้าของห้องยังไม่รู้
 
 
         ท็อป พล และกราฟมาถึงตั้งแต่หัวค่ำ เมื่อการสังสรรค์ใกล้เริ่มขึ้น กราฟเดินไปห้องครัวเพื่อเทน้ำแข็งใส่กระติก วันนี้มีเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ให้เลือกตามใจชอบหลายประเภททั้ง วอดก้า เบียร์ และเหล้าจากต่างประเทศ แน่นอนว่าวันเกิดกราฟทั้งทีต้องดื่มให้เมากันไปข้าง
 
"ทำไมไม่บอกกูว่าวันนี้ วันเกิดมึงห้ะ...ไอ้กราฟ?"

 
      กราฟสะดุ้ง เมื่ออยู่ดีๆพี่ฆิตเดินมากอดคอถาม กราฟคิดว่าพี่ฆิตคงรู้จากปากเพื่อนของเขาแน่ๆ
 

"บอกแล้วได้อะไร ผมไม่ซีเรียสหรอกก็แค่วันเกิด"

"ไม่อยากได้ของขวัญจากกูหรือไง?"

         ใบหน้าหล่อร้ายขยับเข้าใกล้เด็กหนุ่มจนห่างกันไม่ถึงคืบ ฟากกราฟชะงักเพราะดันใจสั่นกว่าเดิม และยิ่งหวนไปคิดถึงคืนที่ทั้งสองอยู่ด้วยกันภายในห้องน้ำ โดยมีแต่กราฟคนเดียวที่รู้ เพราะพี่ฆิตเมาและจำไม่ได้ ยิ่งทำให้กราฟหน้าร้อนผ่าว
 
"ไม่เป็นไรหรอก ผมรู้พี่ขี้งก เก็บเงินพี่ไว้เถอะ”
กราฟพยายามควบคุมน้ำเสียงไม่ให้สั่น
 
"โห...ไอ้กราฟด่ากูหรือ? เออ...ไม่เอาก็เรื่องของมึง ถ้าอย่างนั้นกูไปนั่งรอข้างนอกนะ"
ฆิตหมุนตัวเดินออกไป แต่กราฟรั้งชายเสื้อพี่ฆิตไว้ได้ทัน
 
"เดี๋ยวก่อน แล้ววันนี้ พี่ฆีนจะมาไหม?"
 
"แน่สิวะ มีโอกาสแล้วกูจะให้พี่กูพลาดได้ยังไง"
 
"ดีๆ…เอ่อ...พี่ฆิต”

“ว่าไง”
 
        เด็กหนุ่มเม้มปากแน่นและยืนเงียบอยู่นาน จนสุดท้ายก็ตัดสินใจถาม
 
 
“สภาพจิตใจพี่ตอนนี้...ดีขึ้นหรือยัง?”

 
       นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่กราฟยังห่วงความรู้สึกของอีกฝ่าย
 
 
       ฆิตเลิกคิ้วขึ้นสูงมองเด็กหนุ่มที่ไม่ยอมสบตาถาม เขายิ้มกว้างทันที
 
“เป็นห่วงกู?”
 
"อ...อืม"

 
“ตอนนี้ จิตใจกูดีขึ้นมาก อยากรู้ไหม? เพราะอะไร”
 
“เพราะอะไรวะ พี่?”
กราฟเงยหน้าพลางเอียงคอถามอย่างอยากรู้
 
“เพราะมึงไง ขอบใจนะที่เป็นห่วงกู”

 
     ฆิตยิ้มและบีบไหล่เด็กหนุ่มเบาๆ ก่อนจะก้าวเดินออกจากโซนห้องครัว ทิ้งให้กราฟยืนนิ่งงัน
 
 
     ยิ่งพี่ฆิตพูดแบบนี้ ก็ยิ่งทำให้หัวใจกราฟทั้งสั่นและหวั่นไหวกว่าเดิม
 
     กราฟสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนจะพ่นลมออกมา เด็กหนุ่มประสานมือตัวเองแน่น ทั้งยังเดินไป เดินมาในห้องครัวด้วยความรู้สึกประหม่า สับสนและกังวลตีกันมั่วไปหมด เพราะตอนนี้ กราฟหาคำตอบให้ตัวเองได้แล้ว
 
     เด็กหนุ่มยืนสงบสติอารมณ์ เพื่อพยายามรักษาอาการไม่ให้มีพิรุธต่อหน้าเพื่อนๆ จากนั้น กราฟก็เดินไปนั่งร่วมวงกับพลและท็อป แต่สายตามิวายมองหาคนพี่จนทั่ว สุดท้าย กราฟตัดสินใจถามเพื่อนว่าพี่ฆิตไปไหนก็ได้คำตอบว่าพี่ฆิตลงไปหยิบของที่รถ ทำให้กราฟเลิกสนใจและประเดิมด้วยการดื่มเบียร์กระป๋องแรก
 
     เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ทั้งสามนั่งดื่มและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน พร้อมเปิดเพลงในโทรศัพท์มือถือคลอเคล้าเพิ่มความบันเทิงเริงใจไปด้วย
 
    สี่สิบห้านาทีที่ฆิตหายไป จนกราฟเริ่มเอะใจว่าพี่ฆิตทำไมหายไปนาน ไม่ทันความคิดจะสิ้นสุด จู่ๆไฟในห้องก็ดับลง ทำให้ทั้งสามคนถึงกับอุทานร้องเสียงหลง
 
 
    แต่เสี้ยววินาทีนั้นเองก็มีเสียงเพลงสุขสันต์วันเกิดดังขึ้น
 
 
“แฮปปี้ เบิร์ทเดย์ ทู ยู….  แฮปปี้ เบิร์ทเดย์ ทู ยู….  แฮปปี้ เบิร์ทเดย์...แฮป....ปี้ เบิร์ท....เดย์ ทู ยู”

   
     จนกระทั่ง แสงไฟกลับมาสว่างทั่วห้องอีกครั้ง เด็กหนุ่มทั้งสามคนก็เห็นพี่ฆิตเดินถือเค้กตามมาด้วยพี่ฆีนที่ช่วยกันประสานเสียงร้องเพลงอวยพรวันเกิด
 
"สุขสันต์วันเกิดนะ กราฟ"
 
"มึงสมรู้ร่วมคิดด้วยรึเปล่าวะ?"
กราฟถามเพื่อน

 

    ท็อปและพลส่ายหน้าพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย เพราะทั้งสองไม่รู้เรื่องที่พี่ฆิตนำเค้กวันเกิดมาเซอร์ไพร์สจริงๆ

     จนกระทั่ง พี่ฆิตยื่นเค้กมาตรงหน้า เด็กหนุ่มจึงหลับตาและอธิษฐาน จากนั้นก็เป่าเทียนวันเกิด

"ขอบคุณนะ พี่"

"ดีนะ ที่พี่ฆีนอยู่ละแวกห้างพอดี ถึงแวะซื้อเค้กมาให้ได้"

"ขอบคุณนะครับพี่ฆีน"

 
"ไม่เป็นไรครับ" ฆีนยิ้มเอ็นดู ก่อนจะเหลือบมองท็อปที่อีกฝ่ายนั่งยิ้มอยู่เช่นกัน แต่พอท็อปเห็นพี่ฆีนหันมาทางนี้ สีหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็นเรียบเฉยในทันที


"ของขวัญ"
ฆิตยื่นถุงพลาสติกใบใหญ่ให้กราฟ มันไม่ใช่กล่องของขวัญที่ห่อหุ้มด้วยกระดาษลวดลายสวยหรู เป็นเพียงถุงพลาสติกสกรีนโลโก้ร้านสะดวกซื้อชื่อดัง

 
     เมื่อกราฟแหวกถุงดูก็พบกล่องถุงยางคละแบบเป็นจำนวนมาก หากนับคร่าวๆก็ประมาณห้าสิบกล่อง

"เหี้ย!...พี่ฆิต เลวว่ะ"

"อะไรวะ?"
ท็อปชะโงกหน้าดูด้วยความอยากรู้ว่ามันคืออะไร ถึงทำให้กราฟหลุดร้องเสียงหลงขนาดนั้น แต่พอท็อปเห็นเท่านั้นแหละ เขายิ้มขำกับความกวนของพี่ฆิตจริงๆ

"มึงควรขอบคุณกูนะที่ต้องบากหน้าไปซื้อ คิดดู กูต้องใช้ความหน้าด้านแค่ไหนเพื่อยืนรอจนกว่าพนักงานจะคิดเงินเสร็จน่ะ" พี่ฆิตว่าอย่างกวนประสาท

"พี่ฆิต แม่ง!"


      พอทุกคนรู้ว่าของขวัญกราฟเป็นอะไรก็ขำกันยกใหญ่ จนกราฟหน้างอเพราะทุกคนกำลังล้อกันอย่างสนุกสนาน

"โอ๋ๆ น้องกราฟอย่างอนดิ พี่ฆิตขอโทษ"

 

!!!


        กราฟไม่เคยเขิน เวลาพี่ฆิตเรียกว่าน้อง ตอนอยู่ด้วยกันสองคน แต่พอมีคนอื่นอยู่ด้วยมันกลับทำให้กราฟรู้สึกอายเหมือน หญิงสาวโดนหนุ่มจีบในวัยแรกแย้มอย่างไรไม่รู้
 
       กราฟหน้าร้อนเห่อกับคำพูดที่มาพร้อมรอยยิ้มเจือด้วยความอบอุ่น ไหนจะมีมือหนามาวางบนศรีษะกราฟและโยกไปมาอย่างเอ็นดู ทำให้กราฟรีบปัดมือพี่ฆิตออกก่อนที่ทุกคนในห้องจะจับพิรุธได้

      ฟากท็อปที่เห็นทุกการกระทำเต็มสองตาถึงกับเลิกคิ้วขึ้นสูงมองสองคนอย่างสงสัยว่าทำไมกราฟและพี่ฆิตดูใกล้ชิดและสนิทสนมกันเร็วเหลือเกิน


"พี่ไม่รู้ว่าวันนี้วันเกิดกราฟ พี่ขอโทษนะครับที่ไม่มีของขวัญให้" ฆีนบอกกราฟ

"ไม่เป็นไรครับพี่ แต่พี่ตามใจผมสักอย่างได้ไหมครับ?"


    กราฟยกยิ้มเจ้าเล่ห์ เหลือบมองพี่ฆิตที่ฝั่งนั้นดูเหมือนจะรู้

"บอกก่อนสิถ้ายากก็กลัวจะทำไม่ได้"


"แค่ดื่มวอดก้าห้าช็อตต่อกันเอง พี่ฆีน"

    ฆิตยิ้มทันที

"เอาเลยๆ เห็นด้วยๆ"

"พี่ว่า...”
ฆีนลังเล

"ตามใจมันหน่อยดิพี่ฆีน เจ้าของวันเกิดเอ่ยปากขอเชียวนะ" พลเสริม

"ถ้าพี่ไม่ไหว ผมโยนให้ไอ้ท็อปนะ” กราฟแกล้งพูด เพราะเขารู้ว่าพี่ฆีนไม่มีทางยอมทำอย่างนั้น

"เกี่ยวอะไรกับกูวะ" ท็อปว่าเสียงแข็ง

"ไม่รู้แหละวันเกิดกู กูใหญ่ กูจะทำอะไรก็ได้เว้ย”
กราฟบอกพร้อมยักคิ้ว

"พี่ดื่มหมดก็ได้ครับ"

 

     เมื่อฆีนรีบรับปาก ทุกคนเฮลั่น พอเป็นเรื่องแกล้งคน ดูเหมือนว่าฆิตและกราฟจะสนุกกันใหญ่ เพราะรีบรินวอดก้าใส่แก้วช็อตจัดเตรียมให้ฆีนทันที

      ฆีนเป่าปาก ก่อนจะรับแก้วแรกไปดื่ม เขากระดกจนหมดแก้วและรีบบีบมะนาวตาม จากนั้นก็ต่อแก้วที่สอง สามจนครบ


      ไม่ถึงนาที ร่างกายภายในของฆีนร้อนวูบวาบคงเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอลล์พลุ่งพล่าน พร้อมทำงานเต็มที่  แม้ตอนนี้ ฆีนยังเป็นปกติ แต่การดื่มติดกันแบบนั้น ฆีนรู้เลยว่าอีกไม่นาน ความเมาคงคืบคลานมาในไม่ช้า

      ผ่านไปสักพัก พลเป็นคนต้นเรื่องที่เริ่มขุดคุ้ยเรื่องราวในอดีตเพื่อนมาเผากันอย่างเมามันส์ จนต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมแพ้ รีบหาเรื่องน่าอายมาเล่ากันยกใหญ่

     ในจังหวะที่พี่ฆีนลุกไปล้างหน้า ล้างตาและทิ้งตัวนั่งลง กราฟยกยิ้มและกระซิบบอกท็อป


"ไอ้ท็อปดูพี่ฆีนดิ พอเมาแล้ว แม่งโคตรแบดเลยว่ะ" กราฟพูดบิ้วท์เพื่อนและบรรยายลักษณะพี่ฆีนซะอย่างละเอียด จนท็อปหันขวับมองพี่ฆีนที่หน้าแดงจัดจนลามไปถึงคอ

 
      ในขณะที่ท็อปจ้องมองพี่ฆีนที่คุยกับพี่ฆิตอย่างออกรส พี่ฆีนพยักหน้าเออออ ก่อนจะยักคิ้วข้างเดียว และหลุดหัวเราะออกมา เพียงการกระทำแค่นั้น ทำไมท็อปถึงมองว่าเท่ได้

 
      ท็อปส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะละสายตาจากพี่ฆิตหันมาให้ความสนใจกับเบียร์ที่อยู่ตรงหน้าแทน

 
     จังหวะนั้น พี่ฆีนลุกออกไปรับโทรศัพท์ ประจวบเหมาะกับเจ้าของวันเกิดนึกอยากดื่มน้ำอัดลมและกับแกล้ม แต่เพราะไม่มีใครอยากลงด้วยความขี้เกียจ กราฟจึงเล่นเกมส์โดยการใช้ช้อนหมุนวนว่าถ้าปลายช้อนหันไปทางใคร คนนั้นต้องเป็นฝ่ายลงไปซื้อ


     เกมส์จบลง คนที่รอดก็หัวเราะอย่างดีใจ ส่วนคนที่นั่งหน้าเซ็งเพราะต้องลงไปคือท็อปนั่นเอง
 

      เด็กหนุ่มถอนหายใจ ก่อนจะเดินออกจากห้องพี่ฆิตไป

      จนกระทั่ง ท็อปเดินลงมาถึงทางเดินด้านล่างของคอนโด และกำลังทะลุผ่านไปยังอีกตึก ก็มีเสียงรองเท้ากระทบกับพื้นปูนดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนเด็กหนุ่มรีบหันหลังไปดู ก็เห็นว่าเป็นพี่ฆีน

 
"ได้ข่าวว่าเล่นเกมส์ แล้วโชคไม่เข้าข้างหรือ?” ฆีนแซวเด็กหนุ่ม

"เออดิ...โคตรซวย"

"สำหรับกราฟอาจคิดว่าซวย แต่สำหรับพี่เรียกว่าโชคดีที่ได้อยู่กับกราฟสองคนแบบนี้"

"ฆีนแดกของหวานเยอะเหรอ? พูดอะไรออกมา กูอยากอ้วก..."



     แวบหนึ่ง ฆีนเห็นท็อปหลุดยิ้ม นั่นจึงทำให้ฆีนได้แต่เดินอมยิ้มไปอย่างเงียบๆ

     เดินได้หลายก้าว ท็อปก็เป็นฝ่ายถามขึ้นอีกครั้ง
 
"รู้ตัวไหม? ว่าหน้าโคตรแดง เมามากล่ะสิ"

 
      อาจเป็นเพราะวันนี้ท็อปยังไม่เมาหรือไม่ก็เป็นเพราะที่พี่ฆีนเมาก่อนเขาถึงสังเกตเห็นรายละเอียดของอีกฝ่ายได้ชัดเจน

"ไม่หรอก ถ้าเมามากพี่จะลงมาเดินกับท็อปไหวได้ยังไง ป่านนี้ คงหาทางกลับห้องไม่ได้แล้วมั้ง"

 
“กวนตีนกูหรอ? ฆีน”

"ฮ่าๆ พี่ไม่กล้าหรอกครับ พี่เกรงใจท็อปจะตาย"   


      จู่ๆ ท็อปใจกระตุกเมื่อเห็นพี่ฆีนพูดจบก็ชะโงกหน้าเข้าใกล้มากจนท็อปผงะ ผละออกห่าง

      และแล้วความเงียบเกิดขึ้น ท็อปเม้มปากแน่นสนิท อยู่ดีๆ หัวใจก็เต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล

       ระยะใบหน้าที่ใกล้กันเมื่อครู่ ทำให้ท็อปเห็นใบหน้าหล่อคมคายนั้นชัดเจน เพราะนอกจากตัวจะแดงแล้ว พี่ฆีนเริ่มมีเม็ดเหงื่อผุดซึมบนใบหน้า

       หรือจะเป็นสารฟีโรโมนของอีกฝ่ายหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจที่ดันกระตุ้นประสาททำให้ท็อปกลายเป็นคนโรคจิตมองสภาพคนตรงหน้าที่ดูแล้วโคตรร้อนแรงและน่าหลงใหล ด้วยเสื้อยืดสีขาวเนื้อบางแนบลำตัวตัดกับผิวที่ตอนนี้แดงจัดจนทั่วร่าง โดยเฉพาะพี่ฆีนเหงื่อออก ราวกับคนที่ออกกำลังกายมาอย่างหนัก ยิ่งเห็นก็ยิ่งมีเสน่ห์และเหมือนมีอะไรบางอย่างดึงดูดจนอยากเข้าใกล้
 

       เด็กหนุ่มสบถในลำคออย่างหงุดหงิด เพราะไม่ชอบใจกับความคิดตัวเองตอนนี้ที่ดันไม่รักดีคิดชื่นชมอีกฝ่ายหลายต่อหลายครั้งแล้ว

"ร้อนหรือไงวะ? เหงื่อออกเต็มหน้า"

"คงน่าจะใช่ หรือไม่ก็ฤทธิ์แอลกอฮอลล์เริ่มออกแน่เลยท็อป พี่ชักร้อนกว่าเดิมแล้วสิ"


      สิ้นเสียงแหบพร่า ชายหนุ่มใช้หลังมือปาดเหงื่อทันที

     ในขณะที่ทั้งสองเดินผ่านมุมอับ ปลอดคน อะไรไม่รู้ดลใจให้ท็อปชะลอความเร็วของฝีเท้าแล้วหยุด ก่อนจะหันไปหาพี่ฆีนและจับไหล่อีกฝ่ายให้หันหน้ามา

     ด้วยความสูงที่ไม่ต่างกันมาก ท็อปจึงไม่ต้องเขย่ง เขาดึงคอเสื้อตัวเองไปซับเหงื่อบนหน้าผากอีกฝ่ายที่กำลังไหลเข้าตา จนฆีนชะงักกับสิ่งที่ท็อปทำให้

 
     เมื่อเห็นสายตาพราวระยับมองมาอย่างมีความนัย ท็อปชักมือกลับก่อนแก้ตัว

"กูเห็นแล้วสมเพช เดินเหงื่อตกขนาดนี้ ขึ้นห้องไปเถอะ...ฆีน"

 
     เด็กหนุ่มอ้างอย่างนั้นและเดินนำหน้าไป ปล่อยให้ฆีนเดินตามหลังด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม



****1.1****
:hao6: :hao6: :hao6: :hao6:

แล้วเจอกันจ้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-03-2017 21:07:13 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
คืบหน้าไปไกลละนะ,,,

ออฟไลน์ Tennyo_Y

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
ชอบกราฟ ดูมีความคิดดี

ส่วนท๊อป ถามจริง สับสนในตัวเอง พ่อแม่ไม่รัก มีปมทางบ้าน หรือ ว่าเป็นเด็กมีปัญหาอะไรหรอ คือ สันดานแต่ละอย่างแลดูประสาท แล้วเราก็สงสัยว่า พี่ฆีนจะทนได้อีกนานแค่ไหน รักมาก ถูกใจมากหรือแค่อยากเอาชนะ คือ เข้าใจอารมณ์ถูกใจ เป็นเราก็ถูกใจวะ เจอแบบท๊อป แถมยั่วอีกต่างหาก แต่ แต่ละคำพูด การกระทำ ประสาทสิ้นดี ถ้าต้องรอให้เสียไปก่อนแล้วค่อยมาเปลี่ยนหรือง้อหรอ

คือสารภาพตอนท๊อปนี่อ่านไปด่าไป กราฟซะอีก ที่มีความคิด ท๊อปนี่เหมือนพวกเหยียบขี้ไก่ไม่ฟ่อ ไม่มีมารยาท ไม่มีอะไรดีเลย นิสัยก็เด็ก ไม่พอใจอยากลาออกจากงาน พอโดนเพื่อนขัดใจ ก็โมโห ส่วนฆีนนี่ ตลก เอาจริงนะ ไปตื้อเขาขนาดนั้นไม่โดนเขาต่อยก็บุญ แต่ ท๊อป มันก็อ่อยเขาไง ย้อนแย้ง รำคาญ นี่ก็รอคุณคนเขียนเฉลย ว่าท๊อปทำไมไร้มารยาทได้ขนาดนี้

กราฟ ฆิตน่ารัก เปลี่ยนอารมณ์อยากด่าท๊อปได้ดีมาก

อีกรอบรำคาญท๊อปโคตร

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1

ตอนที่ 8 เจ็บ (2)





    เมื่อทั้งสองกำลังข้ามถนนไปร้านสะดวกซื้อที่ตั้งอยู่คนละตึกกับพี่ฆิต


    แม้จะไม่มีรถ แต่ด้วยความเคยชิน ฆีนเผลอคว้ามือเด็กหนุ่มมากุมไว้ ฟากท็อปกดสายตาลงต่ำมองมือตัวเอง ก่อนจะเหลือบมองพี่ฆีนพลางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย


"ฆีน"

"เอ่อะ...พี่ขอโทษ ปกติเวลาข้ามถนนกับใครมือมันจะไปโดยอัตโนมัติน่ะ"
ฆีนเห็นหน้าท็อปก็เข้าใจได้ดี เขาปล่อยมือเรียวนั้น

"หึๆ" ท็อปหัวเราะในลำคอ


      เมื่อทั้งสองเข้ามาในร้านเดินดูสินค้าจนทั่วก็ได้ของที่ต้องการ จนกระทั่ง  ฆีนจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อย ท็อปและฆีนก็เดินออกมาในจังหวะที่กำลังข้ามถนนกลับไปยังทางเดิม ฆีนเอ่ยขึ้น

“พี่ช่วยถือ”

“ไม่ต้อง มันไม่ได้หนัก”
ท็อปหันมาตอบพี่ฆีน


      ขณะที่ทั้งสองยื้อแย่งถุงอยู่นั้น มีรถมอเตอร์ไซค์แล่นมาแต่ไม่เปิดไฟหน้ารถ รีบบีบแตรไล่

      เสียงนั้นดึงสติฆีน เงยหน้ามองและรีบกระชากท็อปดึงเข้าหาตัวอย่างแรงจนร่างเด็กหนุ่มปะทะเข้ากับอกแกร่ง

      สภาพทั้งสองที่เป็นอยู่ตอนนี้ คือ ฆีนโอบเอวท็อปอยู่กลางที่สาธารณะ

     และเพราะความสูงไล่เลี่ยกัน ทำให้ใบหน้าท็อปอยู่ในระดับเดียวกับคนพี่ที่ตอนนี้ใบหน้าห่างกันเพียงลมหายใจกั้น ฆีนค่อยๆเคลื่อนใบหน้าเข้าไป

    แต่ในจังหวะนั้น...
 
"ว้าย...แกดูพวกผิดเพศสิ โรคจิต วิตถาร กอดกันไม่อายฟ้า อายดินเลยน่ะ อี๋..." หนึ่งในผู้หญิงสี่คนที่เดินมาจากทางไหนไม่รู้พูดโพล่งเสียงดัง มองฆีนและท็อปราวกับเห็นสัตว์ประหลาดและแสดงท่าทางขยะแขยง


    เรื่องมันคงไม่เกิดขึ้น หากเราไม่ใส่ใจหรือให้ความสำคัญกับคำพูดของคนอื่นที่ไร้ราคา เอาแต่สนุกปากมากเกินไป


     แต่สำหรับท็อปมันไม่ใช่ เขารับไม่ได้กับคำด่าและรู้สึกเสียหน้าที่มีคนว่ากลางที่สาธารณะแบบนี้  ความโมโหและอารมณ์โกรธเดือดดาลราวกับน้ำที่ต้มอยู่ในอุณหภูมิพุ่งสูงถึงจุดเดือด

    เสี้ยววินาทีนั้นเอง ท็อปเหวี่ยงหมัดเข้าซีกแก้มพี่ฆีนอย่างจัง

"เพราะมึง...คนถึงมองกูผิดเพศ จากนี้ ไม่ต้องมายุ่งกับกูอีก"

 
     ท็อปตะคอกใส่พี่ฆีน และเดินหนีไป โดยไม่สนใจคนที่กุมแก้มตัวเองด้วยความเจ็บปวด

     ใช้เวลาไม่นาน เด็กหนุ่มเดินเข้ามาในห้องของพี่ฆิตด้วยอารมณ์คุกรุ่นที่คงคั่งค้างอยู่ ท็อปเดินไปหยิบกระเป๋าสะพาย เพราะรู้ว่าขืนอยู่ต่อไปจะพาลทำให้บรรยากาศแย่ลงกว่าเดิม

     ท็อปเอ่ยปากขอโทษทุกคนที่ไม่ได้ซื้อพวกเครื่องดื่มน้ำอัดลมมาให้ โดยอ้างว่ามีเรื่องนิดหน่อย จากนั้น ท็อปขอตัวทุกๆคนกลับบ้านก่อน

      ฟากกราฟวิ่งไปรั้งท็อปไว้ตรงหน้าประตู ด้วยความอยากรู้สาเหตุว่าทำไมถึงรีบกลับ แต่กราฟยังไม่ทันได้คำตอบก็เห็นพี่ฆีนก้าวเท้าเข้ามาในห้องพอดี

"ท็อป"


       ฆีนก้าวเท้ายาวๆมาจับข้อมือ ฟากท็อปสะบัดมือสุดแรง

"ไม่ต้องพูดอะไรอีก"



       ตอนนี้ ทุกคนวิ่งมาออกันอยู่หน้าประตูห้อง มองทั้งสองบึ้งตึงใส่กัน จากนั้น ท็อปก็สาวเท้าเดินออกจากห้อง ทิ้งให้ฆีนยืนนิ่งด้วยความเครียด ก่อนจะเร่งฝีเท้าเข้าห้องนอนน้องชาย โดยที่ฆิตก็รีบตามพี่ชายไปทันที

      ฆิตยืนเงียบอยู่นาน ลังเลอยู่ว่าจะเริ่มคำถามอะไรก่อนดี เพราะเขาเห็นร่องรอยฟกช้ำบนใบหน้าพี่ชายด้วย

"เกิดอะไรขึ้น พี่ฆีน"


      ฆีนยกสองมือกุมขมับก้มหน้าเหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก

"พี่ทำพังเอง ขอบใจนะฆิตที่คอยช่วย พี่หมดหวังแล้วล่ะ พี่ทำให้ท็อปชอบพี่ไม่ได้"

 
       การโดนต่อยหน้า ไม่รู้สึกเจ็บเท่าคนที่เรารักทำร้าย

        นาทีนี้ ฆีนไม่อายน้องชายกับภาพลักษณ์ที่กลายเป็นผู้ชายอ่อนแอ

        ฆีนถอนหายใจยาวอย่างรู้ตัวเองดีแล้วว่าถึงเวลาที่ต้องทำใจ เพราะต่อให้ทำดีเท่าไหร่หรือไม่ว่าพยายามแค่ไหน... ฆีนไม่เคยชนะใจเด็กหนุ่มได้เลย เพราะท็อปไม่คิดเปิดใจรับฆีนเข้าไปในพื้นที่แห่งนั้นตั้งแต่แรก...






...................




      หลังจากวันเกิดของกราฟผ่านพ้นไป ถัดมาอีกสองสัปดาห์ก็เป็นวันเกิดของน้องสาวที่เกิดเดือนเดียวกันต่างกันแค่คนละปี
 
     น้องสาวของกราฟเรียนอยู่มัธยมศึกษาปีที่ห้า และเพราะกราฟเป็นผู้ชายที่ไม่ค่อยสันทัดในการสรรหาของขวัญให้ผู้หญิงเท่าไหร่ ที่ผ่านมาของขวัญที่กราฟซื้อให้จึงไม่เคยถูกใจน้องสาวเลย แถมยังงอแงต่อว่าพี่ชายว่าไม่เคยใส่ใจรายละเอียดพวกนี้

     ปีนี้ กราฟอยากซื้อของขวัญให้ถูกใจน้องสาวบ้างจึงรบกวนเพื่อนที่ทำงานที่เป็นผู้หญิงมาช่วยดู...
 
"กราฟไม่มีแฟนรึไง ไม่ให้มาช่วยดูล่ะ" แก้วถาม ฟากกราฟยิ้ม
 
"เราโสดน่ะแก้ว คือก่อนหน้าก็เคยมีคุยๆกันบ้าง แต่ตอนนี้เราเลิกติดต่อหมดแล้วล่ะ"
กราฟว่าจบก็หวนไปนึกถึงคนที่ทำให้เขาเลือกหยุดสานสัมพันธ์กับผู้หญิงที่เคยคุยมาทั้งหมด
 
"งั้นเหรอ?" แก้วถามเหมือนไม่เชื่อ
 
"แล้วแก้วล่ะ มากับเราแบบนี้ ต้องขออนุญาตแฟนก่อนไหม?" กราฟถามกลับ เพราะถ้าแก้วมีแฟนและบังเอิญเจอกัน ก็กลัวว่าจะเกิดปัญหาภายหลัง
 
"ฮ่าๆ เราก็โสดเหมือนกัน"
 
    กราฟยิ้มและพยักหน้า ก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับของกิ๊ฟท์ช็อบต่างๆ
 
    เมื่อแก้วช่วยเลือกพร้อมให้คำแนะนำ ทำให้กราฟตัดสินใจซื้อกระเป๋าสะพายข้างสีพาสเทลให้น้องสาวพร้อมพวงกุญแจที่เป็นตัวอัษรย่อตัว จี ที่มาจากชื่อน้องสาวที่ชื่อ 'กิ้ฟท์'
 
"ขอบคุณนะแก้ว ที่มาเป็นเพื่อน" กราฟเอ่ยขอบคุณจากใจหลังจากที่เขาได้ของขวัญให้น้องสาวแล้ว

"เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นอย่างอื่นได้ไหม กราฟ?"
แก้วถามอย่างหยั่งเชิง
 
"หือ!...งั้นเดี๋ยวเราเลี้ยงข้าวตอบแทนละกัน"
กราฟรีบเอ่ยและบอกให้แก้วเป็นคนเลือกร้านเลย ฟากแก้วหน้าเจื่อนเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้าเออออและเดินตามกราฟไป

     เมื่อทั้งสองเดินมาเรื่อยๆ แก้วหยุดอยู่ที่ร้านอาหารญี่ปุ่นและบอกว่าอยากกินร้านนี้ กราฟพยักหน้าและตอบตกลง...
 
     ในขณะที่กราฟและแก้วเลือกเมนูโปรดกันได้ก็สั่งกับพนักงาน จากนั้น ก็รออาหารมา

     ไม่นานที่รายการอาหารมาจนครบถ้วน ทั้งสองเริ่มลงมือกินอย่างไม่รีรอ โดยแก้วก็เป็นฝ่ายชวนกราฟคุยไปด้วย ทั้งสองสนทนากันอย่างไม่รีบร้อนอะไร มีเสียงหัวเราะสลับกับรอยยิ้มบ้างบางครั้งคราว

     จนกระทั่ง ทั้งสองรับผิดชอบอาหารของตนเองเรียบร้อย กราฟก็เป็นคนจ่ายค่าอาหารมื้อนี้
 
"ขอบคุณนะกราฟที่เลี้ยงน่ะ จริงๆเราไม่สบายใจเลย เราไม่ได้หวังจะให้กราฟเลี้ยงสักหน่อย" แก้วบอก ขณะที่เดินออกมาพ้นร้าน
 
"เราเต็มใจน่ะ" กราฟยิ้ม
 
"ตายละ พูดแบบนี้ ขอยืมควงเป็นแฟนวันหนึ่งเลยแล้วกัน”

     แก้วว่าจบก็ทำท่าควงแขนกราฟพร้อมซบลงบนไหล่เสร็จสรรพ จนกราฟยิ้มเจื่อนๆ
 
"แก้ว เดี๋ยวเรตติ้งตกนะ ดี...ไม่ดี ผู้ชายแถวนี้อาจกำลังเดินเข้ามาขอเบอร์แก้วก็ได้นะ ปล่อยเถอะ"

    แก้วยิ้มแหย ก่อนจะยอมปล่อยแขนกราฟไป
 
    ทันใดนั้นเอง...

     กราฟละสายตาจากแก้วเดินมองทางก็ต้องชะงักกึก เมื่อเห็นพี่ฆิตกำลังเดินมาทางนี้
 
"พ...พี่ฆิต มาทำอะไร?"

    ฆิตยิ้มกว้าง ก่อนจะดันถุงขนาดกลางที่ถือมาหลบไปไว้ข้างหลัง
 
"เอ่อะ!...ก...กูมาซื้อของขวัญให้เพื่อนน่ะ"

"อ้าวหรอ? เหมือนกันเลยว่ะพี่ ผมก็มาซื้อให้น้องสาว" กราฟยิ้มอย่างดีใจที่ได้เจอพี่ฆิต เพราะตั้งแต่วันเกิดกราฟ เขาก็ไม่ได้เจอพี่ฆิตเลย และไม่รู้จะหาข้ออ้างอะไรให้ได้เจอพี่ฆิตอีก
 
"อืม"
 
"แล้วนี่พี่จะไปไหนต่อ?" กราฟถามพี่ฆิต โดยลืมแนะนำคนข้างกายไปเสียสนิท
 
"หิว ก็เลยจะมาหาอะไรกินคนเดียวว่ะ"
 
"ให้ผมกินเป็นเพื่อนไหม?"
กราฟเดินก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว แม้กราฟจะกินมาแล้ว แต่เพราะเป็นพี่ฆิต เขาเต็มใจและยินดีที่จะกินเพิ่มอีกมื้อ
 
"ฮ่าๆ...กูโตแล้ว กูกินคนเดียวได้น่ะ มึงไปกับ...แฟน...มึงเถอะ กูไปก่อนนะ"

   ฆิตสรุปจากที่ตาเห็นการกระทำของทั้งสองเมื่อสักครู่จึงทึกทักเอาเองว่าผู้หญิงข้างกายเด็กหนุ่มคงเป็นแฟนแน่ๆ โดยฆิตก็ไม่คิดจะถามกราฟเพิ่มเติมอยู่แล้ว
 
"เราสองคนเหมือนแฟนกันขนาดนั้นเลยหรือเนี่ย!" แก้วถามกราฟ หลังจากที่พี่ฆิตเดินจากไปไม่ไกลนัก
 
"ก็คนส่วนใหญ่เวลาเห็นผู้หญิงกับผู้ชายสองคนเดินด้วยกันก็คงคิดว่าเป็นแฟนกันทั้งนั้นแหละ กลับกันเถอะ"

     กราฟว่าเสียงเรียบแต่สีหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะติดปัญหาตรงที่แก้วอยู่ด้วย เขาจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินไปกับแก้วทั้งๆที่ยังไม่ได้อธิบายให้พี่ฆิตเข้าใจเลย
 
     ในขณะที่อีกคนกำลังเซ็งที่ไม่ได้บอกความจริง ยังมีอีกคนที่เศร้าไม่ต่างกัน

     จากใบหน้าแต้มยิ้มแปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่เจือด้วยความเสียใจ ฆิตเดินไปได้ไม่ถึงสองก้าวก็หันหลังมามองเด็กหนุ่มที่เดินเคียงข้างผู้หญิง โดยเจ้าตัวไม่รู้เลยว่า มือที่ถือถุงอยู่นั้นกำลังไร้เรี่ยวแรงจนถุงแทบหล่นพื้น...
 

.....................................

รอดูกันไปเรื่อยๆนะคะ ตอนต่อๆไปคงจะพอเห็นเฉลยของตัวละครที่ค่อยๆออกมาบ้าง (รึเปล่า?) แฮร่ๆๆๆ

เป็นกำลังใจให้ทั้งคู่ด้วยน้า

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาพื้นที่เล็กๆแห่งนี้ค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-05-2017 23:32:27 โดย rinyriny »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
สงสารฆีน,,,

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
แบบว่า เอาคู่พี่ฆีตกับกราฟมาก่อนเลยได้มะ
ค้างอย่างแรงงงงงงงงงงง
 

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
 

ตอนที่ 9 อึดอัด





      ผ่านมาแล้วหนึ่งสัปดาห์ ที่ความสัมพันธ์ของฆีนและท็อปไม่เหมือนเดิม

      ฆีนวางตัวเฉกเช่นหัวหน้ากับลูกน้อง คุยแต่เฉพาะเรื่องงานอย่างเป็นทางการไม่มีคุยแซวหยอกล้อเหมือนแต่ก่อน


      เมื่อนำตัวเองออกมาจากปัญหาและค่อยๆใช้สติมองดู ทำให้ฆีนรู้ดีว่าที่ผ่านมา เขาเป็นฝ่ายที่วิ่งเข้าหาอยู่ฝ่ายเดียว

      ตามตื้อคนที่เอาแต่หันหลังใส่

      ฆีนคิดว่าควรพอแล้วกับสิ่งที่เคยทุ่มเทตลอดมา

      แม้ได้เจอคนที่ใช่ แต่ถ้าเขาไม่เคยเปิดใจ จะยกภูเขาหรือคว้าดาวและเดือนมาให้ มันก็ไร้ความหมายอยู่ดี...


      ช่วงเวลาระยะเวลาเจ็ดวัน ช่างเป็นช่วงที่ฆีนทำใจได้ยากลำบากเหลือเกิน เพราะทำงานที่เดียวกัน ฆีนถึงเจอท็อปวนเวียนรอบกายอยู่ตลอด

      ตอนนี้ ฆีนยังปวดหน่วงหนึบและเจ็บลึกๆในใจ แต่เพราะฆีนพูดย้ำๆซ้ำๆใส่หัวสมองตัวเองว่าเจ็บทีเดียวดีกว่าเจ็บเรื้อรังไปแสนนาน

      ฆีนเข้าใจสัจธรรมของความจริง ไม่ว่าเจอเรื่องใดมักมีสองสิ่งคู่กันเสมอ นั่นคือ สุขและทุกข์...ถึงเวลาที่ฆีนควรรับกับสิ่งที่เกิดและรีบตัดใจให้ขาดสักที...




       เวลาล่วงเลยมาจนเที่ยงกว่าๆ ฆีนบอกพี่ดลจะไปดูงานนิทรรศการอาจไม่กลับเข้ามาอีก ซึ่งพี่ดลก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ในขณะที่ฆีนก้าวออกจากห้อง เป็นจังหวะที่น้องๆที่แผนกกำลังเดินลงไปรับประทานอาหารกลางวันจึงชวนพี่ฆีนให้ไปด้วยกัน


      ฆีนไม่อยากให้คนอื่นผิดสังเกตเรื่องระหว่างเขากับท็อปจึงตอบตกลง

      เมื่อลิฟต์เคลื่อนตัวสู่ชั้นล่าง ทุกคนกำลังเดินออกมา ในจังหวะนั้น ฆีนเห็นคุณไอริณยืนอยู่หน้าลิฟต์พอดี

      ไอริณหยุดทักทาย ฆีนจึงบอกน้องๆให้เดินล่วงหน้าไปกันก่อน และชั่วขณะหนึ่ง ฆีนเผลอสบตาเด็กหนุ่มก็เห็นเหมือนอีกฝ่ายชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจ แต่ไม่ว่าท็อปจะรู้สึกอย่างไร เขาก็ควรเลิกใส่ใจได้แล้ว

      เมื่อเด็กๆทุกคนเดินลับตาไป คุณไอริณเอ่ยปากชวนกินข้าวเที่ยงด้วยกัน ฆีนไม่อยากขัดใจจึงโทรไปยกเลิกกินข้าวกับพวกน้องๆและไปกับคุณไอริณแทน


     ในการทำงาน การผูกสัมพันธ์ไมตรีกับผู้อื่นอย่างเป็นมิตร คือ สิ่งสำคัญที่ควรกระทำ

      เพราะมีคนรักย่อมดีกว่ามีคนเกลียด

      เวลานี้ ทั้งสองเดินทางมารับประทานอาหารกันที่ห้างสรรพสินค้า ฆีนให้สุภาพสตรีเป็นฝ่ายเลือกร้านอาหาร ไอริณนึกขึ้นได้ว่าที่นี่มีร้านโปรดจึงชวนปราบดิ่งไปร้านอาหารเวียดนามทันที

     เมื่อได้ที่นั่ง สั่งอาหารจนครบ ในระหว่างที่รอ ไอริณพููดขึ้นอย่างไม่อยากให้เสียเวลาและรู้ว่าถ้าคราวนี้ไม่พูดก็คงไม่รู้เมื่อไหร่จะได้บอกความรู้สึกของตัวเองออกไป

 
"คุณฆีนคะ"

"ครับ"


"ไอริณคิดว่าเราก็รู้จักกันมานานแล้ว ถ้าจะพัฒนาความสัมพันธ์มากกว่าเพื่อนร่วมงาน ไอริณพอจะมีโอกาสไหมคะ"


     ฆีนมองหน้าไอริณที่พูดตรงจนเขาเกรงใจจะตอบ เพราะฆีนรู้ใจตัวเองดีว่า มันไม่มีทางเป็นไปได้ที่เขาจะชอบผู้หญิง แต่ถ้าจะปฏิเสธหรือตัดสัมพันธ์อีกฝ่ายอย่างไร้เยื่อใยก็คงใจร้ายเกินไป

    ฆีนพยายามพูดอย่างประนีประนอมที่สุด

"คุณไอริณรู้ไหมครับว่าคุณไอริณทั้งสวยและเก่ง ผมคิดว่าคุณไอริณน่าจะหาได้ดีกว่าผมอีกหลายเท่าเลยนะ"

"คุณฆีนอย่าถ่อมตัวแบบนั้นสิคะ ในสายตาไอริณ คุณฆีนนี่เป็นผู้ชายในฝันของผู้หญิงหลายๆคนเลย ทั้งหล่อ รวย ทำงานก็เก่ง ทำไมคุณฆีนไม่ลองเปิดใจล่ะคะ"

"เอ่อะ...คือ...ผมยังไม่พร้อมมีใครในตอนนี้น่ะครับ ผมเพิ่งอกหักมา"

"จริงหรือคะ? ใครกันคะเนี่ยตาบอดจริงเชียว"

 

        ฆีนหลุดหัวเราะเยาะกึ่งสมเพชตัวเอง เมื่อนึกถึงคนที่ทำให้เขาเสียใจ


"หึๆ ความรักก็อย่างนี้แหละครับ มีผิดหวังบ้าง สมหวังบ้าง ผมชินแล้วล่ะครับ คิดซะว่า มันเป็นประสบการณ์สอนให้เราได้เรียนรู้"

      ปราบเงียบไปอึดใจ แต่เขาไม่อยากเปิดทางให้คุณไอริณวกเข้ามาคุยเรื่องนี้อีก จึงพูดต่อ

"ผมขอบคุณและดีใจนะครับที่คุณไอริณรู้สึกดีกับผม แต่ผมว่า เราเหมาะจะเป็นเพื่อนกันมากกว่า เชื่อผมเถอะครับ...สำหรับคุณไอริณแล้ว ผมเป็นเพื่อนที่ดีได้ แต่ถ้าเป็นแฟน ผมคงดูแลไม่ดีจนกลายเป็นแฟนที่แย่แน่ๆครับ"

 

"แหม...คุณฆีนก็....ไอริณไม่เร่งรัดก็ได้ค่ะ แต่ถ้าไอริณเบื่อหรือเหงา คุณฆีนไปเที่ยวเป็นเพื่อนไอริณบ้างได้ไหมคะ?"

"ยินดีครับ"
 


     ฆีนตอบพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น ฟากไอริณก็ยิ้มกว้าง จากนั้นอาหารก็มาจนเต็มโต๊ะ

     สักพักใหญ่ๆที่ทั้งสองจัดการอาหารกันเสร็จเรียบร้อย คุณไอริณก็ขอตัวกลับไปยังที่ทำงาน ส่วนฆีนมุ่งหน้าไปยังเป้าหมายที่ตั้งไว้ในตอนแรก

 

     แม้จะเดินดูงานเพียงลำพัง แต่หัวสมองก็ยังไม่หยุดคิดถึงคนใจร้าย
 

     ไม่ดีแน่ๆ ถ้ายังอยู่คนเดียวในสภาพจิตใจบอบช้ำแบบนี้ ชายหนุ่มคว้าโทรศัพท์กดโทรหาน้องชายทันที



      ตอนนี้ ฆีนนั่งรอตรงจุดรับรองลูกค้าภายในสตูดิโอของน้องชาย ไม่นานฆิตก็เดินออกมาหา

"ไหวไหมพี่ฆีน?" ฆิตรู้ทันทีว่าพี่ชายมาหาเพราะอะไร แค่เห็นสภาพและสีหน้าที่อิดโรยก็นึกสงสารอยู่เหมือนกัน

"ไม่ไหวก็ต้องไหว ก่อนหน้านี่พี่ก็อกหักมาตลอดอยู่แล้วนี่"

"โธ่...พี่อย่าตัดพ้อชีวิตดิ"

"วันนี้ นอนที่ไหน? กลับคอนโดหรือบ้าน"
ฆีนเปลี่ยนเรื่องคุย

"พูดอย่างนี้ อยากให้ผมกลับบ้านใช่ไหม?"

"อืม"


"ระวังแม่ล้ออีกล่ะ" ฆิตรู้ดีว่าแม่ตัวเองเป็นอย่างไร 

     เพราะสถาบันครอบครัว คือ สิ่งที่ดีที่สุด พ่อและแม่ของทั้งสองก็รับรู้ในเพศสภาพลูกชายตัวเองเป็นอย่างดี ดังนั้น เมื่อถึงเวลาทุกข์ใจ พ่อและแม่ไม่เคยทอดทิ้งลูกๆไว้กลางทาง มีแต่จะคอยยื่นมือไปประคองให้ลูกลุกขึ้นยามล้ม และพร้อมส่งกำลังใจให้อยู่เสมอ
 
"งั้นพี่ฆีนรอก่อน เดี๋ยวผมถ่ายอีกสองช็อตก็เสร็จแล้ว"

"อืม..."

     ในขณะที่ฆิตกำลังก้าวกลับไปยังทางที่มา ฆีนรีบถามน้องชายถึงสิ่งที่สงสัย

"ฆิต"

"อะไรพี่ฆีน?"


"ตอนนี้ มีคนที่ชอบแล้วใช่ไหม?"

     ฆิตชะงัก แต่เพราะเป็นพี่ชายที่รู้ไส้ รู้พุงกันอยู่แล้วจึงไม่ต้องวางฟอร์มหรือโกหกอะไร

"..อืม"

"ใช่คนที่พี่คิดไว้หรือเปล่า?"
ทำไมฆิตจะดูไม่ออกว่าพี่ฆีนหมายถึงใคร?

"เก่งเหมือนเดิมนะพี่ฆีน คนนั้นแหละ"

"พี่ว่าเรามีหวังกว่าพี่นะ น้องดูน่าจะมีใจอยู่บ้าง"


"หึๆ ไม่หรอกว่ะ มันมีแฟนแล้วพี่"

     ฆีนเลิกคิ้วมองอย่างสงสัย แต่ไม่พูดอะไรต่อ ประเดี๋ยวจะเป็นเรื่องบานปลาย กลายเป็นสร้างประเด็นให้น้องชายคิดมากไปอีก


     เมื่อได้เวลาที่ฆิตทำงานเสร็จ ทั้งสองเดินทางกลับบ้านไปหาครอบครัว แต่เพราะนานหลายเดือนแล้วที่ฆิตและฆีนไม่ได้กลับไป เพียงแค่แม่เห็นหน้าก็ทักขึ้นมา

"มีเรื่องทุกข์ใจมาอีกแล้วล่ะสิ สงสัยอกหักแน่ๆ คราวนี้ ฆีนหริอฆิต"


      เพราะความเป็นแม่ที่รู้ใจลูกดีเสียยิ่งกว่าอะไรราวกับว่าอ้าปากก็เห็นลิ้นไก่

      ฟากฆิตหลุดหัวเราะออกมาที่แม่ทายถูกเผง ส่วนฆีนก้มหน้ายอมรับชะตากรรมแต่โดยดี

"ฆีนเองครับแม่"

"เฮ้อ...เจ้าฆีน แม่ว่า แม่กับพ่อก็ตั้งใจทำลูกออกมานะ ดูสิ ทั้งหล่อและนิสัยดี แต่ทำไมโดนทิ้งตลอด....ว่างๆก็ไปทำบุญบ้างนะลูก ชีวิตลูกจะอาภัพรักเกินไปแล้ว..."


     จากที่ฆีนเครียดๆก็มาผ่อนคลายตรงคำแซวของแม่นี่แหละ...


    สิ่งหนึ่งที่สองพี่น้อง รู้ดีว่าเวลาทุกข์ใจ ทำไมต้องมา เพราะคุณอรอนงค์เป็นคนตลก


"แม่ครับ ฆีนหิวข้าว" ฆีนรีบเปลี่ยนเรื่อง เดี๋ยวโดนแม่แซวอีก

"ช่วยไม่ได้ อยากมาไม่ยอมบอกก่อน แม่ก็ทำอาหารแค่พอกินกับพ่อ ไม่ได้สั่งป้านอมให้ทำเผื่อ ถ้าหิว ตอนนี้ได้อย่างมากก็ข้าวสวยกับไข่เจียว"

"ได้แม่ ฆิตเอาไข่เจียวสามฟองขอทอดแบบฟูกรอบนะครับ"

     น้องชายบอกความต้องการของตัวเองเสร็จก็เดินไปหอมแก้มแม่และยิ้มกว้าง

     ต่อให้อาหารการกินมีเพียงไข่ต้มกับข้าวเปล่าก็อร่อยได้ ขอเพียงอยู่กับคนที่รักก็เติมเต็มความอิ่มท้อง และอิ่มอก อิ่มใจได้เป็นอย่างดี

"ฆีนกินแบบไหนก็ได้ครับ แม่"

"ได้ เดี๋ยวแม่เดินไปบอกป้านอมให้ แต่โชคดีนะที่มาวันนี้มีขนมของโปรดลูกด้วยนะ"
คุณอรอนงค์บอกลูกชายคนโต

"ลูกตาลลอยแก้ว" ฆิตตอบ เพราะรู้ของโปรดพี่ชายดี

“ใช่ ไปนั่งรอกันเลย แม่ไปตามพ่อลงมาก่อน จะได้บอกพ่อด้วยว่า ลูกชายเราอกหักอีกแล้ว”


“แม่ครับ อย่าบอกพ่อนะครับ ฆีนขอ...”


"ไม่ได้หรอก โทษฐานไม่ยอมกลับบ้านมาหากัน...รู้อย่างนี้...ไม่น่าบอกพ่อให้ซื้อคอนโดเลย หายต๋อมกันไปทั้งคู่”

    ทั้งสองยืนฟังกันอย่างเงียบๆ จนกระทั่ง แม่บ่นจนพอใจ ก็ไปตามพ่อมารับประทานอาหารมื้อเย็นด้วยกัน


   

 

****1.1*****
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-03-2017 11:56:47 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ดูครอบครัวอบอุ่นดีนะครับ,,,

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
ตอนที่ 9 อึดอัด (2)



       เป็นปกติที่เราจะได้พบเจอความผิดหวัง สมหวัง หัวเราะ ร้องไห้ ที่เข้ามาวนเวียนในชีวิตให้เรียนรู้และยอมรับกับความจริงของสิ่งเหล่านี้อยู่เสมอๆ


       หลังจากที่ฆีนโดนพ่อและแม่ซักไซ้ไล่เลียง ไต่ถามความเป็นมาว่าทำไมถึงอกหัก ฆีนพูดความจริงออกไปแค่บางส่วน แม้เป็นฝ่ายเจ็บปวดแต่เขายังคงไม่วายปกป้องท็อปเหมือนเดิม และโทษตัวเองว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น เป็นความผิดของฆีนเอง
 
      ด้านพ่อและแม่ของฆีนที่ได้รับฟังก็มีบ่นและตักเตือนบ้างเล็กน้อย แต่เหนืออื่นใดก็คือความเป็นห่วงลูกชาย เพราะตบท้ายทั้งคู่ก็เอ่ยให้กำลังใจ และกว่าจะพูดคุยปัญหาหัวใจจบก็กินเวลาร่วมสองชั่วโมง ฆีนถึงเพิ่งจะได้ขึ้นมายังบนห้องได้
 
      ยังไม่ทันจะก้าวขาถึงเตียงนอนก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น ชายหนุ่มหมุนตัวกลับไปเปิดประตูก็พบหน้าคุณอรอนงค์ยืนยิ้มเจือความห่วงใยอยู่
 
"มีอะไรหรือครับแม่?"
ฆีนถามเพราะนึกว่าแม่จะเคลียร์กันจบตั้งแต่ที่นั่งกันที่โต๊ะรับประทานอาหารแล้ว
 
     จู่ๆ แม่ฆีนก็เอื้อมมือมาจับใบหน้าลูกชายก่อนจะเคลื่อนไปลูบกลุ่มผมนั้นช้าๆ
 

"ไม่ว่าฆีนจะโตแค่ไหน? ฆีนก็ยังเป็นเด็กในสายตาของแม่นะ จะทุกข์หรือเหนื่อยใจก็แวะมาบ้านนี้นะลูก"


     ฆีนรู้สึกผิดจับใจ ที่พอสุขกลับหายหน้า แต่เมื่อมีเวลาทุกข์ใจทีไรก็กลับมาตายรังที่บ้านหลังนี้ทุกทีไป


      ฆีนดีใจที่ได้เกิดมาอยู่ในครอบครัวที่ดีและอบอุ่นเหลือเกิน

"ได้ยินแบบนี้ ผมรู้สึกแย่จังเลย ขอโทษนะครับแม่"
 
"ไม่ว่าลูกจะเป็นอย่างไร แม่ก็รักลูกอยู่ดี แม่ภาวนาให้ลูกได้เจอคนที่ดีนะ ถ้ามีรักครั้งใหม่เมื่อไหร่มาบอกแม่นะลูก"


"ครับแม่" ฆีนส่งยิ้มให้มารดาที่พูดจาด้วยน้ำเสียงจริงจังกว่าเดิม
 
     คุณอรอนงค์โอบกอดลูกชายพลางลูบหลังลูบไหล่คล้ายให้กำลังใจ ก่อนจะเดินพ้นสายตาออกจากห้องไป 

     ตอนนี้ ฆีนมีสภาพจิตใจดีขึ้นกว่าแต่ก่อน สิ่งที่ทำให้ฆีนกลับมาเข้มแข็งได้ หลักๆคงมาจากคนในครอบครัวที่คอยเติมกำลังใจให้เขาได้อย่างไม่มีวันขาด...
 
 

 
.........................
 
 
      สำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ไม่ได้ส่งผลกระทบกับฆีนเพียงคนเดียว แต่ยังส่งผลไปยังคนต้นเรื่องอย่างท็อปด้วย เพราะตั้งแต่ที่มีเรื่องจนบัดนี้ก็ผ่านมาแล้วสามสัปดาห์ที่ท็อปอึดอัดใจเหลือเกินที่เห็นอีกฝ่ายนิ่งเฉยใส่
 
      อันที่จริง ท็อปควรดีใจไม่ใช่หรือ? ที่บทสรุปมันเป็นแบบนี้ เพราะท็อปก็เป็นฝ่ายผลักไสฆีนเองแท้ๆ แต่ทำไมเหตุการณ์กลับตาลปัตร ทำให้ท็อปนั่งหน้าเครียดอยู่ตอนนี้
 
     ท็อปตระหนักแล้วว่ายี่สิบเอ็ดวันที่ไม่มีการพูดคุยกัน มันเริ่มไม่ดีต่อหัวใจท็อปเลยจริงๆ

      แม้จะมีเรื่องเครียดแค่ไหน? แต่ท็อปก็ต้องฝืนทำงานให้เสร็จ เพราะสัปดาห์แห่งการกลับบ้านเกือบเช้าก็เวียนมาบรรจบอีกครั้ง

      เที่ยงคืนกว่า ที่ท็อปและพี่กั๊กยังคงนั่งทำงานกันสองคน และกำลังจะมีสมาชิกอย่างพี่ฆีนมาเพิ่ม เนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยที่พี่ฆีนต้องเข้าออฟฟิศมาเซ็นอนุมัติภาพหน้าปกหนังสือแทนพี่ดลซึ่งติดไปดูงานที่ต่างจังหวัด เพราะถ้าไม่มีคนที่ตำแหน่งสูงมายืนยันก็ไม่สามารถส่งงานต่อให้โรงพิมพ์ได้ นั่นจึงเป็นประเด็นที่ต้องรบกวนให้พี่ฆีนมา ทั้งๆที่ชายหนุ่มลางานในวันนี้


      สักพักใหญ่ๆ ที่ร่างสูงก็เดินเข้ามาในห้องถามหางานสำคัญเพื่อรีบทำให้จบ ในระหว่างนั้น กั๊กก็แทรกขึ้น

"ขอโทษนะครับพี่ฆีน มันเป็นความผิดผมเอง"

"ไม่เป็นไรหรอก"

"นี่ไปแฮงก์เอาท์มาหรือครับ กลิ่นเหล้าหึ่งเลย"

"อืม พี่ไปงานวันเกิดเพื่อนมาน่ะ"
ฆีนตอบอย่างยิ้มๆ

 
      ในขณะที่พี่กั๊กคุยกับพี่ฆีน ท็อปเหลือบมองอีกฝ่ายที่หน้าแดงจัดสงสัยคงน่าจะเมาพอสมควร ซึ่งท็อปเองก็ตั้งใจมองให้อีกฝ่ายรู้ตัว แต่พี่ฆีนก็ไม่คิดทักหรือมองมาทางท็อปเลยสักนิดเดียว


      เมื่อจบบทสนทนากับพี่กั๊ก พี่ฆีนก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ท็อปเห็นจังหวะดี เพราะยามดึกแบบนี้ ไม่มีใครเหลืออยู่แล้ว ท็อปจึงลุกขึ้นตามไปทันที
 
      ถัดมา ภายในห้องน้ำ ฟากฆีนที่จัดการธุระเสร็จ เขาเดินมาตรงอ่างล้างหน้าถึงกับชะงักเมื่อเห็นใครอีกคน


"กูขอคุยด้วยหน่อย"
 
     ฆีนล้างมือพลางซับกระดาษทิชชูเสร็จ ก็หันไปหาเด็กหนุ่ม

"พูดมาสิ" ฆีนถามพลางยืนกอดอกพิงอ่างล้างหน้าเพื่อรอฟัง
 
"เป็นอะไร ทำไมต้องทำเหมือนไม่รู้จักกันด้วย"

    ฆีนเอียงคอมองอย่างสงสัย ก่อนจะหัวเราะในลำคอ
 
"หึๆ พี่ก็ทำใจเลิกชอบท็อปอยู่ไงครับ"
 
"แต่เราจะคุยกันบ้างไม่ได้หรือวะ"
 
"ท็อปรู้อะไรไหม? พี่รู้จักคนมาก็มากมาย แต่ท็อปเป็นคนแรกที่พี่รู้สึกว่าแปลกประหลาดที่สุดเลย"

 
     ฆีนเปลี่ยนอิริยาบทมายืนยืดตัวตรง สาวเท้าไปหาเด็กหนุ่มด้วยสีหน้าขึงขังพร้อมพูดต่อ
 
"ท็อปจะเอายังไงกับพี่ ตอนแรกที่พี่ตื้อเพราะพี่มีเซนส์บางอย่างที่รู้สึกได้ว่าท็อปอาจเป็น....ไม่ใช่สิ....อาจรู้สึกดีต่อกัน แต่พอนานไปพี่รู้แล้วว่าพี่เข้าใจผิดไปเอง..เพราะท็อปไม่ชอบพี่ พี่ก็เลยทำใจ แต่มาถึงตอนนี้ ท็อปกลับทำตัวเหมือนสนใจพี่อีก พี่สับสนนะท็อป"

      สิ้นเสียงนั้น ทำไมท็อปรู้สึกไม่ดีไม่รู้ ท็อปพูดสวนไปในเรื่องที่ไม่ได้ปะติดปะต่อกับสิ่งที่ฆีนพูดก่อนหน้า
 
"เมาขนาดนี้ จะขับรถกลับบ้านยังไง ถ้าเจอด่านตรวจล่ะ ให้กูขับรถให้ไหม?"
 

"ไม่ต้องพูดเหมือนห่วงพี่ได้ไหมครับ ท็อปเลิกทำให้พี่เขวสักที"


"อ๋อ...จะบอกว่าพอจีบไม่ติดก็คุยกันไม่ได้แล้วใช่ไหมวะ?" ท็อปเริ่มพาลใส่

"ถ้าท็อปทำได้ก็ค่อยมาบอกพี่แล้วกัน แต่สำหรับตัวพี่ พี่ทำไม่ได้จริงๆ  ท็อปเข้าใจคำว่าเสียใจรึเปล่า? พอเถอะท็อป...พี่เบื่อเรื่องนี้แล้ว เข้าใจนะ"
  ฆีนว่าจบก็เดินออกจากห้องน้ำ ผ่านท็อปไปโดยไม่แล หรือแม้กระทั่งปรายตามอง ทำให้ท็อปยืนนิ่งงันด้วยความชาวาบทั่วร่างกาย

      ตอนนี้ เด็กหนุ่มยืนอยู่ตรงอ่างล้างหน้า สองมือจับขอบอ่างแน่น ก่อนจะเปิดก๊อกให้สายน้ำไหลผ่านและเอามือวักน้ำขึ้นมาล้างหน้าราวกับต้องการเรียกสติ

      ท็อปยืนมองตัวเองอยู่ตรงหน้ากระจกเงาด้วยสภาพที่ท่อนบนเปียกชุ่ม

      นาทีนี้  ความสับสนในหัวใจและความเครียดเข้ามาถาโถมอย่างหนักจนใบหน้าหล่อคิ้วขมวดกันเป็นปม
 
       สองมือเด็กหนุ่มขยุ้ม ขยี้ผมตัวเองจนฟูฟ่องและยุ่งเหยิง ก่อนจะรำพึงออกมา
 

"พี่แทนไม่น่าทิ้งผมไปเลย ผมอยากให้พี่อยู่กับผมตอนนี้"

 
       สิ้นเสียงนั้น เด็กหนุ่มเม้มปากแน่นสนิทพร้อมปิดเปลือกตาลง โดยไม่รู้เลยว่าน้ำตาค่อยๆไหลมาเปื้อนแก้มทั้งสองข้าง...
 
 
 

.........................
 

 

       ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับสัปดาห์แห่งการกลับบ้านดึก เพราะงานสำเร็จลุล่วงได้ด้วยดี และวันนี้เป็นคืนศุกร์หรรษา ท็อปจึงมานั่งดื่มเพื่อคลายเครียดสักหน่อย

 
       ปลายนิ้ววนไล้ขอบแก้วพลางทอดสายตาไปอย่างไร้จุดหมาย ท็อปนั่งดื่มอยู่คนเดียวและมองเหม่ออย่างนี้มาร่วมชั่วโมงแล้ว

 
      สักพักใหญ่ๆ ที่มีคนมาร่วมโต๊ะและทำให้เด็กหนุ่มหลุดออกจากภวังค์ได้บ้าง


"ว่าไงท็อปเรียกพี่มา มีอะไรหรือ?"

 
       ตั้งแต่ที่มาถึงร้าน ท็อปโทรชวนพี่ฆิตให้ออกมานั่งด้วยกันทันที อันที่จริง ก็มีสาเหตุหลักๆ เพราะท็อปอยากรู้เรื่องพี่ฆีน เนื่องจากอยู่ที่ทำงาน พี่ฆีนไม่เปิดโอกาสให้ท็อปได้คุยเรื่องส่วนตัวได้เลย


      แต่ท็อปก็ไม่คิดหรอกว่า พี่ฆิตจะพาใครก็ไม่รู้มาด้วย

 
"เอ่อ...นี่ชื่อ เน เรียนอยู่มหาฯลัยปีสาม เป็น..." ฆิตเห็นท็อปจ้องคนข้างกายเขม็ง ฆิตจึงรีบแนะนำไม่ให้เสียมารยาท แต่พูดยังไม่จบ เนก็พูดโพล่งขึ้นมา


"สวัสดีครับ ผมกับพี่ฆิตคบกันอยู่ครับ"

 

     ท็อปอึ้งไปนิดเพราะเขาเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าพี่ฆิตมีรสนิยมชอบผู้ชายเหมือนพี่ฆีนด้วย แต่ท็อปไม่อยากออกอาการตกใจจึงคงไว้ซึ่งรอยยิ้มการค้า

"ไอ้เน อย่าขี้ตู่ เงียบไปเลยไม่อย่างนั้นกูส่งมึงกลับบ้านแน่ นี่กูเห็นแก่ไอ้เขตมันหรอกนะถึงพาออกมา"


     ฟากฆิตถอนใจทันที เขาไม่น่าหลงกลไอ้เขตเลย ทำไมฆิตจะไม่รู้ว่า เขตพยายามจับเนใส่พานถวายให้

      เพราะ เน คือ น้องชายต่างแม่ของเขต ซึ่งแต่ก่อน ฆิตชอบไปนอนบ้านเขตอยู่บ่อยๆ ทำให้เนเจอฆิตและชอบรุ่นพี่คนนี้ตั้งแต่แรกเจอ หลังจากนั้น เนจึงพยายามตามตื้อและเข้าหาฆิตมาโดยตลอด


      การที่เขตดึงเนเข้ามาเอี่ยว เพราะเขตรู้ดีว่าตอนนี้เพื่อนโสด เขตจึงชอบบอกฆิตว่า ถ้าฆิตมีคนชอบแล้วเมื่อไหร่? เขตจะเลิกยุ่งเรื่องของเพื่อนและจะไม่ยัดเยียดเนให้อีกต่อไป แต่เพราะฆิตยังไม่มีใคร เขตจึงโยนน้องมาให้โดยไม่ถามความรู้สึกเพื่อนสักคำ


      ส่วนสาเหตุที่เนมากับฆิตได้ เพราะฆิตไปหาเขตที่บ้านเพื่อชวนออกมาดื่มด้วยกัน แต่เพื่อนสุดแสบดันอ้างว่าท้องเสียให้ชวนเนไปแทน ฆิตจึงต้องลากเจ้าเด็กนี่มาอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่โชคยังเข้าข้างอยู่บ้างที่ท็อปโทรมาพอดี ทำให้อย่างน้อยฆิตก็มีท็อปเป็นเพื่อนนั่งดื่มด้วย


"พี่ก็โสดนี่ครับรับรักผมเถอะนะ"



    เนทำหน้าสลดและซบไหล่พี่ฆิต ฟากคนพี่กลอกตาไปมาอย่างเหนื่อยหน่ายใจ


    ฆิตแกะแขนเนออกแล้วก้มลงกระซิบริมหูคนข้างๆ


"โอเค วันนี้กูยอมให้มึงเป็นแฟนหนึ่งวันแล้วนั่งเงียบๆซะ ห้ามพูดมาก เพราะกูจะคุยกับน้องกู ท็อปมันเครียด เข้าใจไหม? ไอ้เน..."
ฆิตบอกแบบปัดรำคาญ

 
      เนพยักหน้าหงึกหงักพลางยิ้มกว้างอย่างดีใจ ที่พี่ฆิตอนุมัติให้เป็นแฟนตั้งหนึ่งวัน ฟากฆิตทำหน้าสงสัยว่าเนจะดีใจอะไรขนาดนั้น นี่ก็สองทุ่มแล้วอีกไม่กี่ชั่วโมงก็ขึ้นวันใหม่ เนกับเขาก็ไม่ใช่แฟนกันแล้ว จะเริงร่าอะไรนักหนา...


      ฆิตไม่สนใจคนข้างกาย เขาหันไปถามท็อปที่ตอนนี้มีสีหน้าที่ตึงเครียด

 
"มีเรื่องอะไรรึเปล่า ท็อป"

"ก็...."
ท็อปเงียบ


"ท็อป ถ้ามันอึดอัดมากก็ระบายมาเถอะ เก็บทุกอย่างไว้คนเดียวมันจะเครียดนะ พี่รับฟังได้"


       ท็อปอ้ำๆอึ้งๆ อึกอักๆอยู่นาน จนสุดท้ายเขาตัดสินใจถามไป

 
"พ...พี่ฆีน....ส...สบายดีไหมครับ?"

 

       ฟากฆิตมองหน้าท็อปอย่างไม่เข้าใจ ก็อยู่ออฟฟิศเดียวกันทำไมไม่ถามกันเอง แต่ฆิตไม่อยากถามกลับกลัวจะหาว่ากวนประสาท


"ก็...ถ้าทางกายก็ปกติดี แต่ถ้าใจพี่ว่าคงไม่โอเคมั้ง"

 

       ท็อปนั่งนิ่ง


"พี่ฆิตคงรู้เรื่องผมแล้วใช่ไหม?"

 
"ก็รู้" ฆิตว่าอย่างนั้น ก็ไล่เนให้ไปเข้าห้องน้ำก่อน เพราะฆิตคิดว่าหลังจากนี้เรื่องที่คุยกันค่อนข้างส่วนตัวพอสมควร

"ขอโทษนะครับพี่ที่ผมทำอย่างนั้น"

 
"ไม่เป็นไรหรอก พี่เข้าใจ เรื่องแบบนี้ จะบีบคอหรือเอาปืนมาจี้ให้รักกัน ถ้าทำได้ก็คงได้แค่ตัวแต่คงไม่ได้หัวใจ แต่พี่ขอถามหน่อยเหอะ... ที่ผ่านมาท็อปไม่มีใจให้พี่ฆีนบ้างเลยหรือวะ?"

 
      คำตอบนั้น ทำท็อปนิ่งเงียบไปอยู่นาน แต่ในจังหวะนั้น กราฟโทรแทรกเข้ามายังเครื่องมือสื่อสารของท็อปพอดี ท็อปจึงขอตัวพี่ฆิตออกไปรับโทรศัพท์ข้างนอกก่อน


      เมื่อท็อปคุยธุระเสร็จ เขาเดินกลับมานั่งที่เดิมและบอกพี่ฆิตทันที

 
"พี่ฆิต เดี๋ยวกราฟมาด้วยนะครับ"

"ห้ะ....ห...เหรอ?"

 

       ได้ยินดังนั้น ฆิตรู้สึกดีใจ แต่อีกใจหนึ่งก็วูบโหวงไม่น้อย เพราะฆิตยังไม่พร้อมจะเจอหน้ากราฟในสภาพจิตใจไม่คงที่

 
       ราวครึ่งชั่วโมงที่ฆิตพยายามคาดคั้นเอาคำตอบจากปากท็อปที่เอาแต่นั่งนิ่ง แต่สีหน้ายังเต็มไปด้วยความเครียด ในระหว่างนั้นเอง กราฟก็เดินเข้ามาหาถึงโต๊ะ แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นพี่ฆิตนั่งอยู่ด้วย เพราะท็อปไม่ได้บอกในตอนแรก

"อ้าว....พี่ฆิตมาด้วยหรอวะ"

"อ...อืม"
ฆิตสะดุ้งนิดๆ แต่ก็หันไปฝืนยิ้มให้ เพราะแค่เห็นกราฟก็ดันไปนึกถึงผู้หญิงข้างๆกราฟที่ห้างในวันนั้น


       หลังจากที่กราฟหาที่นั่งพร้อมแก้วเครื่องดื่มของตัวเองมาเป็นที่เรียบร้อย กราฟชวนพี่ฆิตคุยถึงช่วงที่ไม่ได้เจอกันว่าไปทำอะไรมาบ้าง จากนั้น กราฟหาจังหวะอธิบายเรื่องที่คาใจ เพราะเขาจะไม่ปล่อยโอกาสในการที่จะได้แก้ตัวไปแน่ๆ


"เออ...พี่ฆิต เห็นหน้าพี่แล้วผมก็นึกขึ้นได้ พี่จำวันที่เราเจอกันที่ห้างได้ไหม? เพื่อนผมบอกพี่หล่อด้วยว่ะ ผมนี่หมั่นไส้มากเลย"

 
      กราฟพูดติดตลก เขาทำเป็นเหมือนคุยเรื่องทั่วไป แต่สาระสำคัญในเนื้อความต้องการแทรกให้พี่ฆิตรู้ว่า กราฟยังโสด แต่ถ้ากราฟพูดโต้งๆไปเลยว่า ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่แฟนจะดูเหมือนคนร้อนตัวไปสักหน่อย และคงดูไร้เหตุผลว่าทำไมต้องมานั่งบอกกล่าวกัน เขาจึงใช้มุกนี้บอกพี่ฆิตให้รู้ความนัย

"เอ่อะ...ผู้หญิงคนนั้น ไม่ใช่แฟนกราฟหรอกหรือ?"

"เฮ้ย! ไม่ใช่พี่ ก็ผมเคยบอกแล้วไงว่าโสด ทำเป็นจำไม่ได้รึไง นี่แก้วยังย้ำว่าถ้าเจอพี่ฆิต ให้ผมมาขอเบอร์ด้วย ผมเลยมาบอกพี่ก่อน"



      กราฟยิ้มด้วยใจที่โล่งอย่างบอกไม่ถูก เพราะอย่างน้อยก็ได้บอกความจริงแล้ว และการเล่นมุกนี้เขารู้ว่าพี่ฆิตก็ไม่ให้เบอร์หรอก เพราะพี่ฆิตไม่ชอบผู้หญิง


"เอ่อ...กูคงไม่ให้ว่ะ ฝากบอกเพื่อนมึงด้วย กูมีคนที่ชอบแล้ว"


        เหมือนยกภูเขาออกจากอก ฆิตยิ้มกว้างอย่างเบิกบานใจที่ได้รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่แฟนกราฟ

 
"อะไรกันครับพี่ฆิต  คุยธุระเสร็จทำไมไม่บอก เนรอตั้งนานนะ"
เด็กหนุ่มทิ้งตัวลงนั่ง ทั้งยังคล้องแขนพี่ฆิตทันที
 

"เฮ้ย! ไอ้เน กูไม่ตลก ปล่อยแขนกูเลย"
ฆิตพยายามแกะมือเนออก เพราะกลัวกราฟจะเข้าใจผิด

    ฟากกราฟมองหน้าพี่ฆิตสลับกับเด็กที่เพิ่งมาใหม่ด้วยความฉงนใจ

"พี่ฆิตบอกเนเองว่าเป็นแฟน ทำไมจะควงแขนไม่ได้"

   
     ฉิบหายแล้วไง!...ทำไมฆิตถึงได้ซวยขนาดนี้ เขาหันขวับไปหากราฟทันที



...................................


ควรเอาใจช่วยคู่ไหนดี อิอิ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-03-2017 11:57:06 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
งานเข้าแล้วไงพี่ฆิต  ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ กราฟเพิ่งจะย้ำว่าโสดน่ะ อิอิ

เนนี่คงจะเป็นตัวเร่งได้นะ หรือเปล่า ฮ่าๆๆๆ

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
เอาล่ะสิ. วุ่นวายน่าดู,,,

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
 :z1: :z1: :z1: :z1:   สมน้ำหน้าท๊อปอะ สงสารพี่ฆีนมากๆเลย :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
ตอนที่ 10 แฟน



"อ้าว...แฟนพี่ฆิตหรอกเหรอ?" กราฟถามพลางอมยิ้ม ฟากฆิตก็พอดูออกว่าใต้รอยยิ้มนั้นมันมีอีกความรู้สึกซ่อนอยู่

"ม..มะใช่...นะ...กราฟ"

"พี่ฆิต วันนี้สัญญากับเนว่าอะไรครับ"
เนแทรกขึ้นเสียงดังแถมสายตายังบ่งบอกว่าเอาเรื่อง

"พี่ฆิต ผมว่าพี่ออกไปเคลียร์กับแฟนพี่ข้างนอกไหมวะ ผมชักรำคาญเสียงแหลมๆนั้นแล้ว" กราฟว่าเสียงแข็ง อยู่ดีๆก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล

      ฆิตหน้าเจื่อนทันที เขารู้สึกว่าทำพลาดไปอย่างมหันต์ที่พาเนมา ฆิตดึงไหล่เด็กหนุ่มให้ออกไปนอกร้านแต่เนไม่ขยับเขยื้อนกลับนั่งนิ่งไม่ยอมลุกไปไหน

"ทำไมผมต้องไปด้วยครับพี่มาใหม่"

"ไม่ได้ชื่อมาใหม่ กูชื่อกราฟ"

"ก็นั่นแหละ"
เนเบะปากใส่


"ไม่ไปใช่ไหม? กูกลับก่อนนะท็อป" กราฟขี้เกียจต่อความยาว เขาลุกขึ้นยืนและหันไปบอกลาเพื่อน แต่ท็อปยังนั่งหน้ามึนกึ่งงุนงงกับสถานการณ์ตรงหน้า เพราะไม่เข้าใจว่าทั้งสามกำลังทะเลาะด้วยประเด็นอะไรกันแน่...

    ไวกว่าความคิดก็มือฆิตที่รั้งต้นแขนกราฟไว้

"กราฟอยู่นี่แหละ เดี๋ยวกูพาเนออกไปเอง"
 

     ได้ยินดังนั้น เนฮึดฮัด แต่ฆิตก็คว้าแขนและลากถูลู่ถูกังเนออกไปจนได้

     เมื่อทั้งสองเดินพ้นโต๊ะนี้ไปไกล กราฟถอนหายใจด้วยสีหน้าเซื่องซึม เขาไม่คิดว่าเรื่องจะกลายเป็นแบบนี้ ทั้งๆที่อุตส่าห์เคลียร์เรื่องตัวเองได้ แต่กลับมาเจอเรื่องของอีกคนที่ทำร้ายใจยิ่งกว่า

 
      กราฟเก็บเรื่องของตัวเองไว้ในใจ ก่อนที่จะฝืนยิ้มพร้อมหันไปถามไถ่เรื่องเพื่อนเหมือนเป็นปกติ

"เป็นไงบ้างวะ สรุปมึงไม่ได้คุยกับพี่ฆีนจริงๆแล้วใช่ไหม?" กราฟถามย้ำ เพราะตั้งแต่วันนั้น ท็อปไม่ยอมปริปากพูดเรื่องนี้อีก

"อืม..."

"ใจเด็ดว่ะ...จริงๆแล้วกูก็สงสารพี่ฆีนนะ แต่เอาเถอะ มันเรื่องของมึงที่กูไม่ควรยุ่ง แต่บอกตรงๆนะ ตอนแรกกูก็นึกว่ามึงจะมีใจให้พี่ฆีนบ้างซะอีก"



      กราฟพูดจบ ท็อปชะงักและก้มหน้านิ่งไม่พูดอะไรออกมาสักคำ ทำให้กราฟส่ายหน้าน้อยๆพลางถอนหายใจที่ดูรู้ว่าเพื่อนคงอึดอัดใจไม่แพ้กัน

     
      ในขณะที่ทั้งสองนั่งจมทุกข์ได้สักพักใหญ่ๆ พี่ฆิตเดินกลับเข้ามาในร้านและทิ้งตัวลงนั่งข้างกราฟเหลือบมองเด็กหนุ่ม

      ฟากท็อปเงยหน้าขึ้นมาพลันเหลือบเห็นตรงแก้มพี่ฆิตมีรอยแดงปรากฎขึ้นจึงเอ่ยถาม


"พี่ฆิตครับ ไม่ได้มีเรื่องกันมาใช่ไหมครับ?" ท็อปถามเพราะไม่เห็นน้องคนนั้นเดินกลับมาด้วย

      สิ้นเสียงเพื่อน กราฟมองใบหน้าคนพี่ทันทีแต่ไม่คิดว่าพี่ฆิตกำลังจ้องมองกราฟอยู่ เด็กหนุ่มจึงเบนสายตาหนีไปอีกทาง แต่เสี้ยววินาทีนั้น กราฟเห็นแก้มข้างขวาพี่ฆิตแดงเป็นปื้นจริงอย่างที่ท็อปว่า

"มีเรื่องอะไร...ไม่มี...กูแค่เดินไปส่งเนกลับบ้านเท่านั้นเอง" ฆิตยิ้มกว้างกลบเกลื่อน ก่อนจะกระดกเหล้าที่เพิ่งเติมใหม่จนหมดแก้ว

"น่าเกลียดว่ะ ทิ้งแฟนให้กลับบ้านเอง" กราฟพูดลอยๆขึ้นมา

"เอ๊ะ...ไอ้กราฟ กูบอกว่าไม่ใช่"

"ถ้าไม่ใช่แล้วน้องเขาจะพูดแบบนั้นมาได้ไงวะ" กราฟเผลอขึ้นเสียงใส่พี่ฆิต

"กราฟ!"

"ผมว่าเรามาชนแก้วกันหน่อยดีไหมครับ?"


      ท็อปสงบศึกด้วยการยื่นแก้วมากลางวงเพราะเริ่มเห็นเค้าลางแห่งการไม่ลงรอยของทั้งสองฝ่าย แม้ในใจลึกๆท็อปจะสงสัยใคร่รู้ว่าสิ่งที่พี่ฆิตกับกราฟปฏิบัติต่อกัน ช่างดูเหมือนคนงอนกันอย่างไรอย่างนั้น แต่ท็อปเชื่อได้ว่าถ้ามันตรงกับสิ่งที่ท็อปคิดไม่นานกราฟคงบอกเอง


      หลังจากที่ทั้งสามชนแก้วกัน ความเงียบก็ปกคลุมทั่วทั้งโต๊ะ ทางกราฟก็เอาแต่นั่งก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ ส่วนพี่ฆิตก็นั่งจ้องหน้ากราฟไม่ยอมพูดอะไร ขืนปล่อยไว้อย่างนี้ไม่ดีแน่ๆ ท็อปเลยว่าจะชวนกราฟไปห้องน้ำเพื่อหาจังหวะคุยด้วยสักหน่อย แต่ยังไม่ทันเอ่ยปาก อยู่ดีๆ กราฟก็ลุกขึ้นพรวด แต่คงลุกเร็วไปทำให้เสียการทรงตัวและเซ จนฆิตคว้าแขนเด็กหนุ่มไว้ได้ทัน พอกราฟตั้งสติได้กลับสะบัดมือพี่ฆิตออกอย่างแรง


"ไม่ต้องมายุ่ง!!"

 "เฮ้ย!...ไอ้กราฟ"
ท็อปปรามเพื่อน เพราะไม่เคยเห็นกราฟตวาดและทำกิริยาแบบนี้ใส่พี่ฆิต

"มึงคงอารมณ์ไม่ดีอยู่ กูจะทำหรือจะพูดอะไรก็ดูผิดไปซะทุกอย่าง ถ้างั้นกูกลับบ้านก่อนก็ได้"


"โชคดีพี่" กราฟก็ไม่รั้งพี่ฆิตไว้


      วูบหนึ่ง ฆิตแอบเสียความรู้สึกเล็กน้อย เขาหยิบเงินออกมาจากกระเป๋าสตางค์ยื่นให้ท็อป แต่ท็อปไม่เอาเพราะพี่ฆิตแทบไม่ได้ดื่มเลยด้วยซ้ำ แต่พี่ฆิตยืนยันจะให้

      ก่อนไป ฆิตยืนมองกราฟก็เห็นว่าอีกฝ่ายเบือนหน้าหนีไปทางอื่น เขาเลยร่ำลาแต่ท็อปเพียงคนเดียวและเดินออกจากร้านไป


      กราฟรู้ตัวดีว่า นาทีนี้เขางี่เง่าพอสมควร แต่ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน หลังจากที่เห็นพี่ฆิตอยู่กับเด็กคนนั้น เขาก็ควบคุมสติและอารมณ์ของตัวเองไม่ได้เลยจริงๆ


      สุดท้าย ทั้งสองนั่งกันต่ออีกไม่นานก็กลับบ้าน โดยกราฟขอมานอนค้างกับท็อปในคืนนี้



       ตั้งแต่ที่นั่งรถแท็กซี่มาด้วยกัน กราฟเงียบมาตลอดทาง ท็อปก็ไม่ไต่ถามกลับกลายเป็นว่าทั้งรถถูกความเงียบเข้าครอบงำ จนกระทั่ง ถึงบ้านท็อป ทั้งสองต่างก็อาบน้ำ พอแต่งตัวเสร็จก็ไม่มีใครพูดคุยอะไรกัน ได้แต่เตรียมนอนพร้อมเข้าสู่ห้วงแห่งนิทรา


      เป็นระยะเวลาหนึ่งที่ท็อปนอนมองหน้าเพื่อนที่หลับใหล จนได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอ

 "บางทีกูก็อิจฉาชีวิตมึงนะ กราฟ"

      ท็อปพึมพำเบาๆ จากนั้นก็หลับตาลงตามเพื่อนและผล็อยหลับไปในไม่ช้า...
 




.........................
 

      ผ่านพ้นไปหนึ่งอาทิตย์ที่กราฟหงอยและซึมลงอย่างเห็นได้ชัด เพียงได้รู้ว่าพี่ฆิตพาแฟนมาด้วยในวันนั้น และสิ่งสำคัญที่ทำให้ใจห่อเหี่ยวเพิ่มขึ้นไปอีกก็คือพี่ฆิตไม่โทรหาหรือส่งข้อความมาคุยกับกราฟอีกเลย
 
      กราฟเริ่มไม่มีสติ เขาเหม่อลอยบ่อยๆจนพี่ๆที่ทำงานก็ทักเพราะเห็นถึงความเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด จนกราฟต้องแสร้งทำตัวกระตืนรือร้น ยิ้มแย้มตลอดเวลา ทั้งๆที่ในใจไม่เป็นเช่นนั้นเลย


      กราฟไม่คิดว่าพี่ฆิตจะทำให้เขาอาการหนักขนาดนี้ เพียงแค่นึกถึงผู้ชายกวนประสาท กราฟรู้สึกคันยุบยิบเหมือนโดนหมามุ่ยใส่

     ความประทับใจของกราฟที่มีต่อพี่ฆิตมันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ? สงสัยมันคงค่อยๆซึมลึกมาเรื่อยๆจากการได้ใกล้ชิดผู้ชายที่จริงใจ เฟรนด์ลี่และสนุกสนาน คนที่อยู่ด้วยแล้วทำให้กราฟมีความสุข
 

      หรือแม้แต่ช่วงเวลาที่กราฟต้องการคนพึ่งพาหรือมีปัญหาก็จะได้พี่ฆิตคอยช่วยเหลือตลอด แม้จะเป็นคนปากร้ายแต่พี่ฆิตใจดีสุดๆ เพราะกราฟสัมผัสได้ว่า เบื้องหน้าจะด่าจะว่าแค่ไหน แต่เบื้องหลังนั้นมักแฝงด้วยความห่วงใย ใส่ใจซ่อนอยู่เสมอ และทั้งหมดที่กล่าวมามันคือสิ่งที่ทำให้กราฟชอบผู้ชายคนนี้จนถอนตัวไม่ขึ้น

"เฮ้อ!"

     เด็กหนุ่มระบายลมหายใจออกมา

     มีอย่างที่ไหน...อกหัก ตั้งแต่ยังไม่ทันได้จีบ

      และแล้วความอึดอัดมันก็เกิดขึ้น เมื่อเรื่องนี้กราฟเก็บงำไว้เพียงคนเดียว จนกราฟทนไม่ไหวอยากระบายให้ใครสักคนรับฟัง เขาจึงส่งข้อความไปหาท็อปและพลเพื่อนัดกินข้าวในมื้อค่ำนี้

 
      กราฟตั้งใจจะบอกความรู้สึกนี้ให้เพื่อนสนิทอย่างท็อปและพลได้รับรู้

      เมื่อถึงที่หมายคือร้านอาหารเกาหลีปิ้งย่าง ทุกคนมาถึงก็สั่งอาหารเสร็จสรรพรอเสิร์ฟ

       ในระหว่างที่อาหารมาครบถ้วน ทุกคนก็ปิ้งไปกินไปอย่างเอร็ดอร่อย เมื่อสบโอกาส ท็อปก็พูดโพล่งขึ้น

"พวกมึง กูมีอะไรจะบอก"

"อะไร?"
ท็อปถาม

"กูชอบพี่ฆิตว่ะ"

      พลแทบสำลักหนังหมู ส่วนท็อปที่กำลังคีบเนื้อหมูเข้าปากถึงกับชะงัก แต่อันที่จริงก็ไม่ผิดจากที่ท็อปคาดเดาไว้สักเท่าไหร่

"ที่ผ่านมา มึงมีแฟนเป็นผู้หญิงนะ" พลถามย้ำ

"มันก็ใช่ แต่เพราะพี่ฆิตเป็นผู้ชายคนแรกที่กูชอบ กูถึงตัดสินใจและคิดว่าควรบอกพวกมึงให้รู้"

"แค่อารมณ์ชั่ววูบรึเปล่าวะ?" พลถามย้ำไปอีก

"ตอนแรกกูก็คิดแบบนั้น อารมณ์ประมาณรักกันแบบพี่น้อง แต่จากหลายๆเหตุการณ์ที่กูได้อยู่ใกล้ชิดกับพี่ฆิตมันทำให้กูรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก และยิ่งตอนที่กู อ...า...บ" กราฟเงียบไปอึดใจหวนไปนึกถึงตอนที่อาบน้ำให้พี่ฆิต แต่ก็อายที่จะพูดออกไปจึงเบี่ยงประเด็น

"เอ่อะ...ตอนที่กูรู้ว่าพี่ฆิตมีแฟนแล้ว กูเจ็บและรู้สึกเหมือนคนอกหักว่ะมึง"

"เฮ้ย! จิงหรือวะเนี่ย กูไม่อยากจะเชื่อ"
พลบอกตาโต

"เชื่อเถอะ แม่งเป็นไปแล้ว" กราฟว่าด้วยแววตาเศร้า

"แล้วถ้ามองอีกมุม สมมติว่าพี่ฆิตก็ชอบมึงเหมือนกัน มึงคบกันไป ไม่กลัวสายตาคนมองมาบ้างเหรอวะ?" ท็อปถามอย่างหยั่งเชิง เพราะกราฟไม่เคยคบผู้ชายด้วยกันมาก่อน กราฟจะตอบอย่างไร ท็อปก็อยากรู้

"กูไม่กลัว ทำไมวะ...ถ้าคนสองคนรักกันและมันไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน เราต้องแคร์สายตาใครอีกวะ...ไอ้ท็อปกูจะบอกอะไรให้นะ เราไม่มีทางรู้หรอกว่าจะตายวันไหน ตอนที่กูคุยกับพวกมึงอยู่ กูอาจจะเผลอเคี้ยวเนื้อหมูติดคอตายเดี๋ยวนี้เลยก็ได้ กูว่าชีวิตคนเรามันสั้นเกินกว่าจะมานั่งสนใจคนอื่นจนเสียความเป็นตัวเองว่ะ ทำในสิ่งที่ใช่ ที่รัก ที่ดีต่อจิตใจ ไม่ส่งผลร้ายต่อสังคม กูว่าแม่งเจ๋งที่สุดแล้ว"

      ท็อปเงียบและครุ่นคิด พินิจพิเคราะห์ตามเพื่อน...

      บางครั้งบางครา หากใส่ใจคำพูดของคนรอบตัวสักหน่อย เชื่อได้ว่าต้องมีสักประโยคดีๆที่ทำให้ฉุกคิดได้บ้างไม่มากก็น้อย

      ตอนนี้ ท็อปคิดตามมันก็จริงอย่างที่เพื่อนว่า เพราะพอกราฟพูดถึงเรื่องชีวิตมันสั้น มันทำให้ท็อปหวนนึกถึงพี่ชายที่ท็อปรักมากที่สุดก็ยังจากโลกนี้ไปไวกว่าที่คิดเลย

      พี่แทนเสียชีวิตทั้งๆที่อายุไม่ถึงสามสิบเลยด้วยซ้ำ


"แล้วพี่ฆิตรู้รึยังว่ามึงชอบ?" พลถามอย่างอยากรู้

"ยังและกูคงไม่คิดจะบอก เพราะพี่เขามีแฟนแล้ว"

"มึงมาบอกพวกกูแบบนี้ ไม่กลัวพวกกูรังเกียจหรือวะ?"
ท็อปถามบ้าง

"ถ้ามึงจะรังเกียจเพียงเพราะกูชอบผู้ชาย กูก็ห้ามความคิดมึงไม่ได้อยู่ดี แต่มันทำให้กูรู้อย่างหนึ่งว่ามึงแม่งมีทัศนะคติเป็นแบบไหน? อีกอย่าง กูไม่ได้เลวขนาดไปปล้นธนาคารหรือรุมโทรม ข่มขืนใครสักหน่อยที่มึงถึงขั้นจะเลิกคบกูใช่ไหมล่ะ หรือมึงรังเกียจกูวะท็อป ถึงถามแบบนี้"

"ไม่ใช่ๆ นะกราฟ กูไม่เคยรังเกียจมึงเลย กูแค่ถามเฉยๆน่ะ..." อยู่ดีๆ ท็อปรู้สึกตื้นตัน กระอักกระอ่วน ผสมปนไปอย่างแยกไม่ออกจนน้ำตาคลอเบ้า เขาสูดลมหายใจเข้าช้าๆ ก่อนที่จะพูดกับเพื่อนอีกครั้ง

"ไอ้ท็อป ไอ้พล...กูขอพูดตรงๆได้ไหม? กูดีใจจริงๆว่ะที่มีพวกมึงเป็นเพื่อน"


     ท็อปยิ้มกว้างด้วยความปลื้มใจ เพราะตั้งแต่ที่เขาคบเพื่อนมาตั้งแต่สมัยเรียนชั้นประถม มัธยม ตลอดจนมหาวิทยาลัย มีแค่พลกับท็อปเท่านั้นที่ท็อปสัมผัสได้ถึงความเป็นเพื่อนแท้และเป็นเพื่อนที่ทำให้เขาเป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องฝืนสวมหน้ากากแสร้งเป็นใคร และทั้งสองไม่เคยทำให้ท็อปลำบากใจเลยจริงๆ


"มึงอย่ามาซึ้งไอ้ท็อป กูขนลุกซู่เลยเห็นไหมเนี่ย?"
พลแซวและแกล้งชูแขนตัวเองไปตรงหน้าท็อป ก่อนจะลูบแขนตัวเองไปมา
 

      ฝั่งท็อปเองก็หลุดหัวเราะและรู้สึกดี เหมือนว่าตัวเองค่อยๆก้าวเท้าออกมาจากมุมมืดในจิตใจได้ทีละเล็กละน้อย

      การได้ระบายความรู้สึกหรือปรับทุกข์ บางทีก็ทำให้เราได้เห็นมุมมองของแต่ละคนที่แตกต่างกันไปและสามารถนำมาปรับใช้กับชีวิตของตัวเองได้ดีอยู่เหมือนกัน


      เฉกเช่น ท็อปเองที่ได้ข้อคิดหลายอย่างจากบทสนทนาระหว่างมื้ออาหาร และท็อปก็หาคำตอบได้แล้วว่าคืนนี้ เขาควรไปสะสางปัญหากับคู่กรณีสักหน่อยแล้ว


      ในขณะที่เพื่อนๆยังคงปรึกษาปัญหาหัวใจ ประหนึ่งสลับร่างเป็นศิราณีให้แก่กันและกัน ทันใดนั้นเอง ได้มีคนเดินมาสะกิดไหล่กราฟ ทำให้เด็กหนุ่มเงยหน้ามองก็อึ้งไปนิด

"พ...พี่เขต สวัสดีครับ มากินร้านนี้เหมือนกันหรือครับ?" กราฟทักทาย ก่อนที่จะแนะนำเพื่อนๆให้รู้จักว่าเป็นใคร


"ใช่กินร้านนี้ แต่มานานจนกินอิ่มแล้วล่ะ เพราะพี่นั่งอยู่ข้างหลังท็อปนี่ไง สงสัยคงไม่ทันสังเกต"


!!!

      กราฟเบิกตากว้างอย่างตกใจ ถ้าอย่างนั้น พี่เขตจะได้ยินเรื่องที่กราฟพูดถึงพี่ฆิตหรือเปล่าวะ? เฮ้ย!..คงไม่หรอกมั้ง? กราฟก็ไม่ได้พูดเสียงดังสักหน่อย...

       แต่ในจังหวะนั้น เขตโน้มตัวลงต่ำมาใกล้หูเด็กหนุ่ม

"ไม่ต้องเดาว่าพี่จะได้ยินอะไรไหม? ความจริงก็คือพี่ได้ยินหมดแล้วล่ะครับ อยากให้พี่ช่วยเรื่องฆิตไหมล่ะ กราฟ?"


      เหมือนความร้อนกำลังพุ่งมาสู่ใบหน้าตรงจุดเดียว จู่ๆกราฟรู้สึกถึงเหงื่อที่ผุดซึมตามไรผม ใจก็เต้นแรงขึ้นภายในไม่กี่วินาทีที่ได้ยินประโยคนั้น

       กราฟยอมรับเลยว่าอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี ทำไมต้องเป็นพี่เขตที่ได้ยินและแม่งเป็นคนที่เดาอาการคนอื่นเก่งอย่างกับมีจิตสัมผัส


"พ...พี่...เขต ไม่ต้องช่วยผมหรอกครับ พี่ฆิตมีแฟนแล้ว" กราฟพูดเสียงเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้

"หืม...แน่ใจหรือ? พี่ว่ากราฟออกไปคุยข้างนอกกับพี่สักครู่สิ" เขตบอก กราฟพยักหน้า ก่อนจะขอตัวเพื่อนๆลุกตามคนตัวโตที่เดินนำหน้าไป

"แฟนฆิตคือใคร? ไปเอามาจากไหนครับ?" เขตถามทันทีที่เห็นว่าตรงนี้เป็นพื้นที่ปลอดภัย

"ผมเคยเจอที่ร้านเหล้า ได้ยินพี่ฆิตเรียกชื่อว่าเน อะไรนั่นล่ะครับ"

      เขตพยักหน้าเออออแต่สายตาคงไว้ซึ่งความเจ้าเล่ห์ก่อนจะหลุดหัวเราะ

"พี่ว่าช่างเรื่องนั้นก่อนเถอะ แต่พี่อยากมั่นใจอีกครั้งว่าได้ยินไม่ผิด กราฟชอบฆิตใช่ไหม?"

"ค...ครับ...ผ...ผมชอบพี่ฆิต" กราฟตอบอย่างไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย

"เฮ้อ! สงสารเนจัง"

"พี่เขตรู้จักด้วยหรือครับ?"
กราฟยืนเอียงคอมองพี่เขตอย่างสงสัย

"รู้จักสิ ก็เน น้องชายพี่ แต่ไม่ต้องห่วงนะ ฆิตไม่ได้คบกับเนหรอก มันบอกน้องพี่ว่ามีคนชอบแล้วนี่สิ พี่ล่ะเซ็งเลย...พี่ยังเพิ่งคิดเล่นๆว่า ถ้าตอนนี้ไอ้ฆิตยังไม่มีคนชอบ พี่จะบอกให้เนไปขืนใจไอ้ฆิตอยู่" เขตหัวเราะทำเหมือนกับว่าเรื่องที่คุยนั้นตลกนักหนา ซึ่งตรงข้ามกับความรู้สึกกราฟในตอนนี้ ที่ใจห่อเหี่ยวสุดๆ

     ไม่นานเลยที่ใบหน้าคมคายก็ผุดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะยกมือมาบีบไหล่กราฟ

"กราฟรู้ไหม? ตอนแรกพี่อยากจะซัดหน้าไอ้ฆิตนะ โทษฐานที่มันทำน้องพี่อกหักและร้องไห้ แต่พอเนมาบอกชื่อคนที่ไอ้ฆิตชอบเท่านั้นแหละ พี่ต่อยมันไม่ลงจริงๆว่ะ เพราะว่าต่างฝ่ายต่างก็ชอบกันด้วยนี่สิ...เฮ้อ!...อิจฉามันจริงๆ...อืม หมดเรื่องแล้ว พี่ขอตัวก่อนนะ"

"ด...เดี๋ยวครับพี่เขต...พ...พี่ฆิตชอบใครหรือครับ?


       กราฟถามเพื่อต้องการความแน่ใจ แต่พี่เขตเอาแต่มองหน้ากราฟยิ้มๆอย่างมีเลศนัย ก่อนจะเดินหนีห่างออกไป ปล่อยให้กราฟยืนงงพร้อมคำถามที่มีอยู่ในหัวจนแทบสมองจะระเบิด

       พี่ฆิตชอบใครวะ? ขอเข้าข้างว่าเป็นตัวเองได้ไหม?

       เมื่อไม่ได้คำตอบ กราฟเดินเข้ามาเหมือนคนไม่อยู่กับร่องกับรอย จนเพื่อนๆสังเกตเห็นจึงถามว่าเป็นอะไร ถึงทำให้กราฟดึงสติกลับมาอยู่กับปัจจุบัน ก่อนจะส่ายหน้ารัวแทนคำตอบและก้มหน้าก้มตาจัดการอาหารตรงหน้าโดยไม่พูดอะไรออกมาอีก

      ใช้เวลาพอสมควรที่ทุกคนอิ่มหมีพีมัน จากนั้น ทั้งสามก็แยกย้ายกันกลับบ้าน



      จนกระทั่งเวลาผ่านไปได้เวลาเข้านอน ฟากกราฟที่ปิดไฟในห้องทุกดวงพร้อมหลับเต็มที่ แต่สมองไม่รักดี ดันเผลอไปคิดถึงเรื่องที่พี่เขตพูดอยู่ได้

       กราฟพยายามข่มตาหลับ แต่ในระหว่างนั้น ดันมีเสียงข้อความจากแอพพลิเคชั่นไลน์ดังขึ้น


       กราฟคว้าโทรศัพท์มาดูเห็นชื่อพี่ฆิตปรากฎบนหน้าจอ เขาแปลกใจ แต่ก็กดเข้าไปอ่านดู ทันใดนั้นเอง กราฟตาสว่างในบัดดล เมื่อเห็นข้อความ...


Read

22.45

>> ชอบกูทำไมไม่บอก



!!!


      กราฟอึ้งและรู้ได้ในทันทีว่าใครบอก? ก็คนขี้แกล้งอย่างพี่เขตไงล่ะ...เพราะหลังจากข้อความนั้น พี่ฆิตเขียนต่อมาว่า พี่เขตส่งข้อความเสียงที่คุยกับกราฟมาเป็นหลักฐานยืนยัน นั่นแสดงว่าที่กราฟคุยกับพี่เขตทั้งหมดนั้น แม่งแอบอัดเสียงไว้แน่นอน

     เด็กหนุ่มสบถเสียงดังลั่น ทั้งยังนอนดิ้นพล่านอยู่บนเตียง แล้วทีนี้ กราฟจะกล้าเจอหน้าพี่ฆิตได้อย่างไร แต่ก่อนจะเจอหน้าเอาตอนนี้ก่อนดีกว่าไหม? ว่าจะหาถ้อยคำมาตอบอย่างไร ในเมื่อพี่ฆิตรู้เรื่องที่กราฟชอบแบบไม่ทันให้เขาได้ตั้งตัวและเตรียมใจเลยสักนิดเดียว...




****1.1****



ตอนหน้า part พี่ฆีนล้วนๆ

มาเอาใจช่วยกันดีกว่าว่าถ้าเจอกันครั้งนี้

ท็อปจะง้อ? จะอาละวาด? หรือจะทำอะไร? ต้องคอยติดตามจ้า แฮร่ๆๆ...


ขอบคุณคนอ่านและคนที่มาคอมเมนท์ด้วยนะคะ เราว่าการได้แสดงออกทางความคิด มันเป็นสิ่งที่ดีและอิสระสุดๆ อีกอย่างมันทำให้เราได้เห็นมุมมองของแต่ละคนแตกต่างกันไป จะติชมยังไง อ่านแล้วก็สนุกดีและโคตรชอบเลยด้วย ^^

ยิ้มอ่อน

ขอบคุณอีกครั้งที่เข้ามาอ่านค่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-03-2017 23:44:17 โดย rinyriny »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด