[Rewrite] •HANDSOME GHOST• ตอนที่[19][END] Up 8/6/60
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Rewrite] •HANDSOME GHOST• ตอนที่[19][END] Up 8/6/60  (อ่าน 15017 ครั้ง)

ออฟไลน์ niightziiz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           
****************************************************************************************

นิยายเรื่องนี้เป็นการรีไรท์
เพราะฉะนั้น จะมาลงให้ทุกวันตอนเย็น วันละสองตอนจนกว่าจะทันอีกสองเว็บที่กำลังลงอยู่
และลงวันละตอนเมื่อทันอีกสองเว็บแล้ว

ใครที่กำลังคิดว่านี่เป็นนิยายแนวน่ากลัวหรือเปล่า อ่านแล้วหลอนหรือเปล่า
คุณกำลังคิดผิดครับ ลองอ่านไปซักสองสามตอนจะรู้ว่านิยายเรื่องนี้มันฮา นายเอกมันเกรียน คนแต่งมันบ้า ฮ่าๆ :hao7:

ยังไงฝากติดตามผลงานของไนท์ด้วยนะครับ ลงทุกวันขนาดนี้ ยังไงก็ขอคอมเมนท์เป็นกำลังใจให้คนแต่งด้วยนะครับ

ใครไม่มีแอคเคาท์ในนี้ แต่อยากคอมเมนท์มาก

สกรีมในทวิต #HsGผีหล่อ

ตามทวงนิยายได้ที่ twitter : @Niightziiz
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-06-2017 18:41:30 โดย niightziiz »

ออฟไลน์ niightziiz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-0


•HANDSOME GHOST•
[intro]


     เกิดมา19ปีผมไม่เคยมองเห็นผีเลย ไม่เคยรู้ว่าผีหน้าตาเป็นยังไง ไม่เคยคิดด้วยว่ามันน่ากลัวขนาดไหน แต่จากที่เคยได้ยินหรือเคยเห็นผ่านทางโทรทัศน์ ผมคิดว่ามันก็คงไม่น่ากลัวมากเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะผมไม่เคยเห็นกับตาตัวเองด้วยหละมั้ง ผมเลยไม่คิดว่าผีมันน่ากลัว
     

     แต่ตอนนี้ผมคงต้องคิดซะใหม่แล้วหละครับว่า ’ผี’ มันน่ากลัวขนาดไหน ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผล เลือดสีแดงเข้มเปรอะไปทั่วทั้งตัว ดวงตาขาวโพลนทั้งดวงที่กำลังมองผมอยู่ตรงหน้า ......อ่า ผมไม่รู้หรอกครับ ว่าตอนนี้กำลังถูกมองอยู่หรือเปล่า เพราะผมกำลังหลับตาให้แน่นที่สุดแล้วยกมือขึ้นมาพนมไว้กลางอก พยายามนึกท่องบทสวดอยู่ในใจ แต่มันชั่งยากเย็นสำหรับผมเสียจริงๆ


     .....ผมคงจะกำลังตื่นเต้นมากไปสินะ นี่มันเป็นการมองเห็นผีครั้งแรกในชีวิตของผม ไม่เคยคิดเลยว่าผีจะหน้าตาดีได้ขนาดนี้นะ แต่นั่นก็เป็นตอนก่อนหน้านี้หนะ เพราะตอนนี้หน้าหล่อๆ นั่นถูกกลบด้วยรอยเลือดสีแดงเข้มและรอยแผลราวกับถูกของมีคมเฉือน


     หลังของผมกำลังชิดกับประตูห้อง..... ก่อนหน้านี้ผมพยายามจะเปิดประตูแล้วหนีออกไป แต่ผมกลับทำไม่ได้ เรี่ยวแรงหายไปหมด จนต้องนั่งคุดคู้อยู่ตรงประตูห้อง ......ผมไม่เคยกลัวเท่านี้มาก่อนเลยจริงๆ


     “ช่วยอยู่ที่นี่กับฉันได้ไหม”


     อะไรนะ ผีตัวนั้นเป็นคนพูดใช่ไหม แล้วจะให้อยู่กับผีอย่างนั้นหรอ ถึงหอที่ผมอยู่นี้ราคามันจะถูกโคตรๆสำหรับผมก็เถอะ แต่ผมพึ่งจะเข้าอยู่ได้แค่วันเดียวเองนะ เข้ามาวันแรกก็ดันเจอผีเลยอย่างนั้นหรอ แล้วจะให้ผมอยู่กับมันด้วย



     ผมจะทำยังไงดีหละทีนี้ ?!?




ออฟไลน์ niightziiz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-0


•HANDSOME GHOST•
[1]-วันโคตรซวย


     ตอนนี้ผมโคตรร้อนเลย !! ร้อนชิบหายด้วย นี่แดดประเทศไทยหรือไอร้อนจากนรก ทำไมมันถึงได้ร้อนเหมือนตกนรกขนาดนี้ ! การเดินแบกกระเป๋าสามใบใหญ่ๆบนถนนในเมืองหลวงตอนบ่ายโมงแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องตลกเลยจริงๆ ทำไมผมถึงมาลำบากแบบนี้หนะหรอ....หึๆ

     วันนี้ผมเข้ากรุงเทพฯอีกครั้งเพื่อที่จะเข้ามายืนยันสิทธิ์การเข้าพักหอในของทางมหาวิทยาลัย  ผมควรจะถึงที่นี้ตอนเช้าตรู่ แต่มันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย ผมไม่ตลกเลยจริงๆ นะ !! ฮือ


     ตอนเช้าตรู่ของวันนี้ ผมกำลังออกจากบ้านเพื่อไปขึ้นรถทัวร์และตรงมายังกรุงเทพฯ แต่พอถึงช่วงจังหวัดฉะเชิงเทรารถทัวร์ที่ค่อนไปทางเก่าก็เริ่มแสดงอาการติดๆ ดับๆ จนคนขับต้องจอดรถเพื่อลงไปดูเครื่องยนต์ แต่พอคนขับมาสตาร์ทเครื่องอีกครั้ง..... มันกลับสตาร์ทไม่ติดซะแล้ว โอ้วชิท ! ผู้โดยสารที่อยู่บนรถก็เริ่มเดือดร้อนกันทีละคนจนคนขับรถต้องออกมาบอกว่าจะเอารถมาเปลี่ยนให้ ต้องใช้เวลาสองชั่วโมงกว่าๆ แต่ผมรอนานขนาดนั้นไม่ได้ ถ้ารอนานขนาดนั้นผมก็พลาดการยืนยันสิทธิ์เข้าพักหอพักในมหาวิทยาลัยหนะสิ

     ผมตัดสินใจลงจากรถทัวร์แล้ววิ่งลงมารอรถทัวร์หรือรถเมล์คันอื่นดีกว่า ผู้โดยสารหลายคนก็ตามผมมาเช่นกัน พวกเรายืนรอจนเวลาผ่านไปชั่วโมงกว่าๆ รถเมล์สาย54 ฉะเชิงเทรา-กรุงเทพฯ ก็มาจอดอยู่ตรงหน้า ผมหันหลังไปเพื่อยกกระเป๋าใบใหญ่ทั้งสามใบขึ้นมาแล้วขึ้นไปบนรถ กะว่าจะหาที่นั่งนั่งให้สบายเสียหน่อย แต่วันนี้ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเป็นใจให้ผมเลยจริงๆ เพราะทันทีที่ก้าวขาขึ้นมาบนรถก็ต้องพบว่าที่นั่งเต็ม ผมเลยต้องยืนโหนรถเมล์แทนการนั่งอันแสนสบาย

     ผมยืนตลอดสองชั่วโมงของการเดินทางเข้ากรุงเทพฯ และพอทันทีที่ถึงหน้ามหาวิทยาลัยผมก็รีบวิ่งไปยังหอพักในของมหาวิทยาลัยโดยมีกระเป๋าใบใหญ่ๆ สามใบอยู่กับตัว ผมคิดว่าหลายสายตากำลังจ้องมองผมอยู่ คงจะคิดว่าใครปล่อยไอ้บ้านี่เข้ามาในมหาลัยได้ แต่ผมก็ไม่ได้แคร์กับสายตาเหล่านั้น พุ่งตรงไปที่ฝ่ายธุรการของหอพักในทันที แต่พอไปถึงกลับกลายเป็นว่า ผมพลาดการยืนยันสิทธิ์การเข้าพักไปแล้ว Oh my god! วันนี้มันวันอะไรของมึงวะ ทำไมมึงซวยอะไรได้ขนาดนี้ไอ้ปาร์คเอ้ย !!

     
     นั่นแหละครับ ตอนนี้ผมเลยมาตระเวนอยู่แถมซอยหลังมหาลัยแทน การจะหาหอพักตอนใกล้เปิดเทอมแบบนี้ไม่ใช่เรื่องตลกอีกเช่นกัน เพราะทุกที่ที่ผมเข้าไปถาม คำตอบที่ได้คือ

     “เต็มครับน้อง”

     “หอป้าเต็มแล้วลูก ลองถามหอตรงข้ามนี่ดูสิ”

     “ขอโทษทีค่ะ พอดีตอนนี้ไม่มีห้องว่างเหลือแล้วค่ะ”

     และ “เต็มหวะน้อง มาหาหออะไรเอาป่านนี้ อีกสองวันก็จะเปิดเทอมแบบนี้หอที่ไหนมันจะว่างหละน้อง” ครับ............

     ฟรรค !! อะไรมันจะซวยขนาดนี้ ! เหนื่อยโว้ย !


     ผมเดินแบกกระเป๋าสามใบจนมาถึงตึกสุดท้ายที่ผมเห็นแล้ว ผมเดินตรงเข้าไปพยายามทำสีหน้ามีความหวังที่สุด แล้วตรงไปยังห้องที่เขียนว่า ติดต่อห้องพัก เห็นเป็นพี่ผู้หญิงท่าทางใจดี เธอส่งยิ้มให้ผมด้วย ผมยิ้มตอบและรีบเดินเข้าไปหาเธอ หอนี้ต้องว่างแน่ๆ มันต้องมีห้องให้ผมอยู่แน่ๆ

     “ติดต่อห้องพักหรือเปล่าค่ะ ?” พี่เขายิ้มท่าทางใจดีมาให้ผม ผมเริ่มยิ้มกว้างขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกมีความหวังขึ้นมาทันที
     
     “ใช่ครับ ยังวะ....”

     “เต็มแล้วค่า”ผมยังไม่ทันพูดจบประโยคเลย เธอก็ดับความหวังของผมลงทันที เธอยิ้มให้ผมอีกครั้ง....... ยิ้ม...ทำไม ! นังมารร้าย !

     “แต่หอท้ายซอยน่าจะว่างนะคะ เพราะไม่กี่วันก่อนพึ่งมีคนย้ายจากหอนั้นมาอยู่หอนี้ น้องลองไปถามดูนะคะ”เธอส่งยิ้มครั้งสุดท้ายมาให้ผม

     “ขอบคุณครับ”ผมพยักหน้าแล้วเดินออกมาจากหอนั้น

     เอาวะ ผมยังมีความหวัง ผมจะต้องไม่ท้อ สู้ดิไอ้ปาร์ค ! ผมแบกกระเป๋าใบใหญ่ตรงไปยังท้ายซอยตามที่เธอบอก


     สุดซอย.... สุดซอย....ฟรรค !! แล้วเมื่อไหร่มันจะสุดซอยวะ ผมเดินมาซักระยะจนตึกสูงรอบๆ กลายเป็นที่โล่งๆ ที่มีแต่ขยะเต็มไปหมด... มันมีที่แบบนี้ในกรุงเทพฯด้วยหรอวะ ผมคิดว่าจะกรุงเทพฯจะมีแต่ตึกรามบ้านช่องเสียอีก .....จนในที่สุด ผมก็มองเห็นตึกสูงสีขาว...เอ่อ ค่อนข้างจะไม่ขาวเท่าไหร่ออกจะค่อนไปทางขาวขุ่นๆ ตะไคร่น้ำสีเขียวเข้มเกาะอยู่ตามผนังตึก ผมเดินมาจนถึงรั้วของหอพัก หันหน้าเข้าไปแล้วรู้สึกถึงลมเย็นๆ ที่เข้ามาปะทะหน้า... รู้สึกขนลุกขึ้นมาเบาๆ อาคารรูปตัวยูสูงประมานหกชั้นตรงหน้าดูจะร่มรื่นทั้งๆ ที่อากาศรอบๆ ร้อนชิบหาย

     ผมเดินเข้ามาภายในร่มเงาของอาคาร ความเย็นปกคลุมไปทั่วทั้งร่างกาย .....อ้า.... นี่แหละความสดชื่นที่ตามหามานาน ผมเดินตรงไปยังห้องที่เขียนว่า ติดต่อห้องพัก เห็นลุงคนนึงนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ในห้องที่เปิดประตูกว้าง....เอ่อ... คงไม่ใช่ลุงหรอกมั้ง เพราะดูท่าทางก็ไม่น่าจะเกินสี่สิบ

     “พี่ หอว่างปะ” ผมถามออกไป พี่ชายเงยหน้าจากหนังสือพิมพ์แล้วมองหน้าผม เขาดูมีสีหน้าลำบากใจนิดนึง ก่อนจะเอ่ยออกมาว่า

     “ไม่ว่างหรอกน้อง” แล้วก้มลงอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ

     เปรี้ยง !! เหมือนเสียงฟ้าผ่า ที่ผ่าลงมากลางหน้าผม ผมทรุดลงตรงนั้นด้วยความเหนื่อยอ่อน ความเหนื่อยสะสมจากทั้งวัน ทำให้ผมหมดแรงจะลุกขึ้นสู้ต่อไป ฮือ

      “ไม่ว่างจริงหรอพี่ ผมเดินมาทั้งวันเลยนะ หามากี่หอก็เต็มหมด หอพี่สุดซอยแล้วนะ ถ้าไม่อยู่หอนี้จะให้ผมไปหาหอที่ไหนอีก พี่ดูของผมสิ พี่คิดว่ามันหนักกี่กิโลวะ กว่าผมจะ.....” ก่อนที่ผมจะบ่นออกมาหมด พี่ชายก็เบรกผมด้วยคำพูดที่ทำให้ผมลุกขึ้นยืน !!

     “ที่จริงว่างอยู่ห้องหนึ่ง แต่มันมีปัญหาอยู่นิดหน่อย...”

     “โอเค ผมอยู่ ค่ามัดจำเท่าไหร่ จ่ายล่วงหน้ากี่เดือน เดือนละเท่าไหร่” รู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที อ้าห์ สวรรค์ ยังไม่ถึงเวลาลงโทษผมใช่ไหมครับ ผมมัวแต่ดีใจ... จนลืมสังเกตสีหน้าของพี่ชายคนนั้น เขาดูมีท่าทีอึกอักและลำบากใจไม่น้อย

     “แต่ว่านะน้อง....พี่ว่า.....”

     “โอเคเนอะพี่ ทำสัญญาเช่าเลยดีกว่า มา !!” ผมล้วงปากกาออกมาจากกระเป๋า โดยไม่สนใจคำพูดของพี่ชายเลย ผมจะไม่เดินไปหาหออื่นอีกแล้ว ผมจะเอาหอนี้ !!

     “เอ่อ.......คือพี่ว่า...” พี่ชายยังมีสีหน้าลำบากใจ..... พี่ลำบากใจ แต่ผมลำบากทั้งกายทั้งใจเลยนะพี่ !!
ผมไม่พูดอะไร แต่เริ่มทำหน้าสลดแทน พยายามบีบน้ำตา !! แต่ไม่ไหลครับ แค่คลอเบ้านิดๆ คงพอเรียกคะแนนสงสารได้ พี่ชายถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วก้มลงไปหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาแล้วยื่นให้ผม ผมรับกระดาษแผ่นนั้นมา มันคือสัญญาเช่า  อ่า ปริ่มจริงๆ ผมกำลังจะกรอกข้อมูลอยู่แล้วเชียว แต่พี่ชายทักขึ้นมาก่อน

     “เดี๋ยวน้อง...” เขาหยิบกระดาษไปแล้วขีดฆ่าอะไรซักอย่าง ผมมองตามปลายปากกา พบว่ามันคือค่าเช่าต่อเดือน พี่เขาขีดฆ่า2000บาทออก เหลือ1500พร้อมกับขีดฆ่าค่าประกันของ ค่ามัดจำ ค่าเช่าล่วงหน้าก็ไม่ต้องจ่าย โอ้โห ไอ้เหี้ย !! นี่มันบุญอะไรของผมกัน ถึงเจอหอถูกขนาดนี้กลางเมืองกรุงเทพ พี่ชายยื่นกระดาษแผ่นเดิมมาให้ผมเขียนต่อ ผมกรอกข้อมูลอย่างไม่ลังเลเลย กรอกเสร็จผมก็จ่ายเงิน1500ให้พี่ชายไป พี่เขายื่นกุญแจห้องให้ ผมดูเลขที่เขียนติดกุญแจห้องไว้...



     “613”



     ฮ่าๆ เลขสวยซะด้วย ผมชอบเลขห้องนะเนี่ย


ออฟไลน์ niightziiz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-0


•HANDSOME GHOST•
[2]-ผีหน้าหล่อ



     หลังจากที่ได้กุญแจห้องจากพี่คนดูแลหอมา ผมก็แบกกระเป๋าสามใบใหญ่ๆ ขึ้นมาบนชั้นหก โดยการขึ้นชั้นหกครั้งนี้ไม่มีลิฟท์ ย้ำ !! ไม่มีลิฟท์ !! ความเหนื่อยทั้งวันนี่ยังไม่มากพอใช่ไหม ต้องมาเดินขึ้นบันไดหกชั้นพร้อมกระเป๋าใบใหญ่ๆ สามใบ ฮึ้ย เหนื่อยโว้ย !

     และในที่สุดผมก็มาถึงชั้นหก ผมก้าวเท้าไปเรื่อยๆ ตามระเบียงหน้าห้อง เงยหน้ามองเลขห้องที่ติดตรงประตูไปเรื่อยๆ

     609….610….611 …..6…12…….แฮ่กๆ ……..6…1….3 !!  ถึงแล้วโว้ย !!

     ผมเงยหน้ามองประตูไม้บานสีเขียว กลางเก่ากลางใหม่ แม่กุญแจสีเงินสนิมเขลอะ ผมใช้กุญแจที่อยู่ในมือไขแม่กุญแจออก และใช้อีกดอกหนึ่งไขลูกบิด
     
     แกร้ก ! แอ้ด ...พรึ้ม !! ผมยกมือขึ้นบีบจมูกทันที กลิ่นเหม็นอับราวกับว่าไม่ได้เปิดห้องนี้มานานเข้ามาปะทะหน้าผม เหม็นโคตรๆ นี่คนดูแลหอไม่คิดจะเปิดหน้าต่างให้มันระบายอากาศเลยหรือไง !! ถึงได้มีกลิ่นอับขนาดนี้เนี่ย
     
     ผมดันประตูไปจนบานประตูชนผนัง ภาพตรงหน้าผมคือห้องมืดๆ อับๆ ซ้ายมือเป็นผนังสีเขียวอ่อนที่ทอดยาวไปจนถึงประตูหลังห้อง ขวามือคือผนังที่ติดกับระเบียงหน้าห้องมีหน้าต่างบานเกล็ดอยู่สองบาน ผ้าม่านสีน้ำตาลเก่าๆ อีกผืนหนึ่ง ถัดจากหน้าต่างเป็นเตียงขนาดหกฟุตหันหัวเข้าหาบานเกล็ด ตู้เสื้อผ้าสีน้ำตาลอยู่ตรงข้ามกับเตียงติดผนังด้านหลังห้อง ข้างๆ ตู้เสื้อผ้าคือประตูสีขาวที่คาดว่าน่าจะเป็นห้องน้ำ แต่ก่อนที่ผมจะก้าวเข้าไปภายในห้อง ประตูจากห้อง612ก็เปิดออกมา
     
     “เห้ยน้อง ย้ายมาอยู่ใหม่หรอ” ผู้ชายหน้าตาดูเถื่อนๆ ยื่นหน้ามาจากประตูห้อง612 เขาดูหน้าตาตื่นๆ ราวกับกลัวอะไรซักอย่าง ผมพยักหน้าตอบไป
     
     “พึ่งเข้าอยู่ครับ ทำไมหรอพี่ ?” อีกฝ่ายมีท่าทีอึกอักทันที เขาพึมพำเสียงเบาประมานว่า ทำไมถึงยังเปิดให้เช่า ผมเริ่มจะรู้สึกสงสัยแปลกๆ
     
     “เอ่อไม่มีอะไรหรอกน้อง ระวังตัวหน่อยก็ดีนะ”
     
     “ระวังตัวอะไรวะพี่”
     
     “ไม่มีอะไร........น้องมีปัญหาอะไรก็อย่ามาเรียกห้องพี่นะเว้ย พี่จะไม่ยุ่ง” ปั้ง !! แล้วประตูห้อง612ก็ปิดลง ทิ้งไว้แต่ความงงและความสงสัย
     
     ปัญหาที่ว่ามันคืออะไรวะครับ ถ้าเป็นโจรหรือขโมยผมสู้ตายเลยนะ ยิ่งเมืองกรุงแบบนี้ ต้องมีแต่พวกขโมยขโจรแน่ๆ ลองก้าวเข้ามาในห้องดูสิ พ่อจะถีบให้ แต่ถ้าเป็นเรื่องผี ผมบอกเลยว่า เกิดมาสิบเก้าปี ผมไม่เคยเจอผีซักครั้งเดียวในชีวิต ไม่เคยรู้ว่าผีหน้าตาเป็นยังไง กลิ่นแบบไหน แต่ถ้าถามว่ากลัวไหม บอกเลยว่า กลัวมาก ........ใครบ้างไม่กลัวผีวะ !!
     
     ผมส่ายหัวสะบัดความคิดนั้นทิ้ง แล้วก้าวเข้ามาในห้องตัวเอง โยนกระเป๋าที่แบกมาตั้งแต่เช้าไว้บนพื้นห้อง จัดการดึงผ้าปูเตียง ผ้าม่าน และปลอกหมอนที่ต่างก็ฝุ่นเขลอะออกมากองไว้ เอาวะ เดี๋ยวซักเองก็ได้ ผมสำรวจตู้เสื้อผ้าเก่าๆ ที่โคตรจะเหม็นอับ แอบเห็นเชื้อราสีขาวๆ ขึ้นเป็นดวงๆ แต่เมื่อผมเปิดประตูห้องน้ำดูกลับสะอาดกว่าที่คิดเสียอีก จะมีก็แต่เม็ดสีดำๆ เป็นหย่อมๆ คาดว่าน่าจะเป็นขี้แมลงสาบ เปิดประตูหลังห้อง แล้วก็พบกับระเบียงกว้างซึ่งมีราวสำหรับตากผ้าพาดอยู่สูงกว่าหัวผมนิดหน่อย  วิวตรงหน้าผมเป็นต้นไม้สูงที่หาได้ยากในเมืองกรุง สูงจนปลายยอดสามารถให้ร่มเงากับระเบียงห้องผมได้ ถึงว่าอากาศถึงได้เย็นสบาย....เย็น..........ยะเยือกแปลกๆ

     ผมจัดการทำความสะอาดห้องครั้งใหญ่ ทั้งซักผ้าปูเตียง ผ้าม่าน ปลอกหมอน ล้างห้องน้ำ กวาดห้อง เช็ดตู้เสื้อผ้า...เสร็จแล้วค่อยจัดของเข้าตู้เสื้อผ้า กว่าจะทำเสร็จพระอาทิตย์ก็ตกดินซะแล้ว พอเริ่มมืด อากาศที่เย็นอยู่แล้วก็เย็นเข้าไปอีก เย็นจนผมกลายเป็นเจนไปเลยครับ อ้า... เจนขนลุกไปหมดเลยค่ะ...... ผมจัดการอาบน้ำก่อน เพราะที่นี่ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น พออาบน้ำเสร็จผมก็ล้มตัวลงนอนบนฟูกเปล่าๆ ทั้งๆ ที่เป็นแค่หัวค่ำ แต่ความเหนื่อยอ่อนทั้งหมดที่สะสมมาทั้งวัน ก็ทำให้ผมผล็อยหลับไปในที่สุด




     “หนาว....” ผมซะลึมซะลือขึ้นมากลางดึก ด้วยอากาศที่เย็นเกินไป ทำให้ผมรู้สึกหนาวขึ้นมา รู้สึกได้ถึงความเย็นราวกับผมอยู่บนยอดเขาเอเวอร์เรส ผมพยายามควานหาผ้าห่ม แต่ผมคงลืมไปว่าผมไม่มีผ้าห่ม และแม้แต่ผ้าปูที่นอนเองก็ยังตากอยู่หลังห้อง แล้วแบบนี้ผมจะเอาผ้าที่ไหนห่มกันหละ แต่ความหนาวก็ทำให้ผมกวาดมือไปมาเพื่อหาผ้าซักผืนมาห่มให้ได้ แล้วมือผมก็ไปโดนกับผ้าผืนหนึ่ง..... ผมแน่ใจว่าไม่ใช่ปลอกหมอน ผ้าม่าน หรือผ้าปูเตียงแน่นอนเพราะผ้าพวกนั้นตากอยู่หลังห้อง ผมค่อยๆลืมตามอง...ปล่อยสายตาให้ชินกับความมืด ภาพห้องมืดๆ ค่อยๆ ชัดขึ้นมาทีละนิด... ผมมองมือตัวเองที่กำลังคว้าเสื้อของใครบางคน....

     ผมเห็นคนบางคนนั่งอยู่ตรงริมเตียง เสื้อสีขาวที่ผมกำลังกำชายเสื้ออยู่... เสื้อยืดสีขาวธรรมดาๆ แผ่นหลังกว้างที่ดูสั่นๆ ผมทรงอันเดอร์คัท... และผิวซีดขาว.....
ใครวะ ?? หรือว่าจะเป็น......

     “โดนแล้วไงกู....” ผมไม่ได้โง่ขนาดไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเจอกับอะไร เกิดมาไม่เคยเจอครับ มากันจะๆ แบบนี้.... คงคิดว่าผมหลับสนิทสินะ ขนผมลุกไปทั้งตัวด้วยความตื่นเต้น นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นจะๆ กับตาแบบนี้

     ผมค่อยลุกขึ้นช้าๆ

     ค่อยๆยกเท้าของตัวเองขึ้นมา

     แล้วก็เล็งไปที่แผ่นหลังกว้างๆ นั่น

     1…2…….โครม !!

     “มึงเข้ามาในห้องกูทำไม”  ผมถีบไอ้โจรโง่ที่บังอาจเข้ามาในห้องผม ไอ้โจรหน้าคว่ำลงพื้น เสียงร้องโอดโอยรู้เลยว่าเจ็บแน่ๆ ผมกำลังจะลงไปซ้ำ แต่ไอ้โจรก็ค่อยๆ ลุกขึ้นแล้ววิ่งไปทางระเบียงหลังห้อง

     “มึงจะหนีหรอ ?!”ผมเห็นไอ้โจรกำลังจะ... กระโดด

     แต่นี่มันชั้นหกนะ !

     “เห้ย อย่าโดด นี่มันชั้นหกนะเว้ย !!” ผมวิ่งไปอย่างเร็วที่สุด มือของผมกำลังจะคว้าชายเสื้อไว้ แต่ไม่ทันแล้ว ผมเห็นไอ้โจรมันกระโดดลงไปซะแล้ว

      จุดๆ นี้ผมพูดคำเดียวเลยว่า ตายแน่นอน
ผมหันหลังกลับ กะว่าจะลงไปบอกพี่คนดูแลหอ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อในห้องผมมีผู้ชายร่างสูงอีกคนที่ยืนอยู่กลางห้อง เขาหันข้างให้ผม ก้มหน้าก้มตา เสื้อยืดสีขาวกับทรงผมอันเดอร์คัต... คุ้นๆเนอะ ว่าไหม ?....

     ไอ้โจรมีแฝด !! คนที่ยืนอยู่กลางห้องต้องเป็นฝาแฝดกับไอ้คนตะกี้แน่ๆ ! ฝาแฝดไอ้โจรมันเงยหน้าขึ้นมาช้าๆ ใบหน้าคมคายนั่นกำลังหันมาทางผม

     เผยให้เห็นใบหน้าอีกครึ่งซีก....

     ที่มีสีแดงของเลือดเปรอะทั้งซีก

     รอยยิ้มจากริมฝีปากหนาค่อยๆยกยิ้มช้าๆ

     นัยน์ตาดำค่อยๆเลื่อนขึ้นจนกลายเป็ยดวงตาสีขาวทั้งดวง

     .....

     นี่ผมกำลังเจอกับอะไรวะเนี่ย....

     ผมรีบก้าวเข้าไปหาร่างสูงนั้นอย่างรวดเร็ว แล้วยกมือขึ้นมา...

     เพี้ย !!

     “มึงไม่ต้องมาแกล้งทำผีหลอกกู ไอ้โจรปัญญาอ่อน” ผมโบกหัวทรงอันเดอร์คัต มันยกมือขึ้นมาลูบหัวตัวเองแล้วหันมามองหน้าผมงงๆ คิดว่าผมจะเชื่อมุกปัญญาอ่อนของโจรสมัยนี้หรอ หึ !! รู้จักกูน้อยไป ไอ้โจร !!

     “ทำไมมึงถึงทำแบบนี้หะ มือตีนมึงก็อยู่ครบทำไมไม่หัดทำมาหากิน ริอาจเป็นโจรขโมยของชาวบ้านเขา หน้าตาก็ดีไม่น่าทำแบบนี้เลย ครั้งนี้กูจะไม่เอาเรื่องมึงนะ ออกไปจากห้องกูได้แล้ว” ผมพูดจบก็เดินไปเปิดประตูหน้าห้องให้มันออกไป ผมจะไม่เอาเรื่องก็ได้ เพราะเห็นแก่ความพยายามของไอ้โจรปัญญาอ่อน ยุคที่เศรษฐกิจกำลังตกต่ำแบบนี้ ใครๆก็หน้ามืดตามัวทำผิดกันได้

     “ฉันไปจากห้องนี้ไม่ได้” เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินเสียงทุ้มเย็นออกมาจากริมฝีปากหนา ดวงตาสีขาวทั้งดวงทีแรก กลับปรากฏเป็นนัยน์ตาสีดำสนิทแทน ผมรู้สึกถึงแรงดึงดูดบางอย่างจากนัยน์ตาสีดำนั้น รู้สึกได้ถึงความเหงาและความเศร้าจากดวงตาดำสนิทคู่นั้น

     ปั้ง !! อยู่ๆประตูห้องก็ปิดลง ผมหันไปมองร่างสูงตรงกลางห้อง ใบหน้าที่บัดนี้ไร้รอยเลือดอยู่บนหน้าแล้ว เผยให้ใบหน้าคมคาย คิ้วหนารับกับดวงตาเรียวสวย นัยน์ตาสีดำสนิทดูเศร้าหมอง กับความเย็นที่ยังคงปกคลุมไปทั่วทั้งห้อง

     “เชี่ย !! ของจริงนี่หว่า !!” ผมยกมือขึ้นชี้หน้าร่างสูง เกิดมาผมไม่เคยพบเคยเห็นอะไรแบบนี้เลยครับ

     “มึงนี่แสดงมายากลได้เจ๋งจริงๆ ทำไงให้ประตูปิดเองวะ” ผมเดินไปตบหลังร่างสูงดังตุ๊บ ! มันแฟนทาสติกมากๆสำหรับผม ไม่เคยเห็นมายากลกับตาแบบนี้เลย เคยเห็นแต่ในทีวี พอมาเห็นกับตานี่อึ้งจริงๆครับ

     จากใบหน้าขาวซีดเรียบเฉย ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทีละนิด ...สงสัยผมจะตบหลังมันแรงไป

     “โทษๆที่ตบหลังมึงแรงไป.....”
   
     “...........”

     “ขอโทษที่ตบหัวมึงด้วย ......ถีบหลังด้วยอะ กูนึกว่ามึงเป็นโจร” มันพยักหน้าช้าๆ ผมเดินไปนั่งลงที่เตียง มือตบข้างๆตัวเองเพื่อบอกให้ไอ้ตัวสูงนี่นั่งลงข้างๆผม

     “มึงเป็นใครเนี่ย ทำไมมาอยู่ห้องนี้”

     “........... ฉัน......จำไม่ได้... แล้วนายชื่ออะไร” คนอะไรจำชื่อตัวเองไม่ได้วะ !!

     “กูชื่อปาร์ค แล้วมึงมาอยู่ห้องนี้ได้ไงเนี่ย”

     “ฉัน........ไม่รู้..........ฉันอยู่ที่นี่มาเจ็ดปีแล้ว” เสียงเย็นๆพูดช้าๆ พาให้ขนลุก เจ็ดปี โอ้โห นี่มันหอพักนักศึกษานะ เจ็ดปีนี่แปลว่ายังเรียนไม่จบอีกหรอ

     “ถ้าปีหน้ามึงยังเรียนไม่จบเขาก็ไม่ให้มึงเรียนต่อแล้วดิ เปอร์8ปีเลยนะเว้ย”(เปอร์คือเรียนไม่จบภายในเวลาที่มหาลัยกำหนดครับ ซึ่งก็คือ8ปี จำเป็นต้องออกอย่างเดียว)

     “ฉันหมายถึงห้องนี้”

     “อ้าว แล้วทำไมคนดูแลหอยังให้ฉันเช่าหละ ในเมื่อมีคนอยู่ก่อนแล้ว” พอผมพูดจบ คนที่นั่งอยู่ข้างๆผมก็เงียบไป ก่อนจะก้มหน้าลงมองพื้นแล้วพูดประโยคที่ชวนให้ผมขนลุก

     “ฉัน.....ไม่ใช่คน...”

     "................."ใบหน้าคมพูดคำพูดนั้นออกมาด้วยใบหน้านิ่งๆ ดวงตาสีดำสนิทหันมามองผมอีกครั้ง ทำให้ผมรู้สึกเย็นไปทั้งตัว รูขุมขนเปิดขนลุกตั้งชัน

     “มึง..... มึงนี่ตลกเนอะ ฮ่าๆๆๆ ” ผมใช้มือตบเข่าตัวเองดังแปะๆ ตลกกับมุกของคนข้างๆ

     “ฉัน’ตาย’ที่ห้องนี้มา7ปีแล้ว” พอพูดจบ ผิวซีดขาวก็เริ่มแตกระแหง ใบหน้าคมคายเริ่มมีเลือดไหลอาบ บาดแผลราวกับถูกมีดกรีดปรากฏขึ้นมาตามใบหน้าและแขนทีละแผล ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงในคอ....... นี่คงไม่ใช่มายากลแน่ๆ....... ทำไมผมโง่นั่งคุยกับมันได้ตั้งนานวะ

     ตาย = เป็นวิญญาณ = เป็นผี

     “เชี้ย ผีจริงนี่หว่า !!”ผมรีบทรุดวิ่งตรงไปที่ประตูพยายามจะบิดลูกบิด แต่กลับบิดไม่ได้ ความรู้สึกกดดันมากมายถาโถมเข้ามาหาผม ปากที่พยายามจะเปล่งเสียงออกมาเพื่อขอความช่วยเหลือ ตอนนี้กลับไม่ขยับ  ผมยกมือขึ้นแล้วท่องบทสวดที่จำได้ในชีวิต !! ครั้งแรกในชีวิตที่ผมเห็นสิ่งที่เรียกว่าผี !! ผีแน่นอน !! ผีแน่ๆ
โอ้วไม่นะ กูตบหัวผี กูถีบผี กูตายแน่ๆ กูโดนผีบีบคอแน่ๆ ฮือ พ่อจ๋าแม่จ๋าช่วยลูกด้วย พุธโทธรรมโมสังโฆ ฮือ

     “ฉันแค่เหงา.....” เสียงทุ้มยังคงเอ่ยออกมาอีกครั้ง
ผมรู้สึกได้ถึงสัมผัสเย็นเยือกที่วางลงบนไหล่ คงจะเป็นมือขาวซีดนั่นแน่ๆที่จับไหล่ผมอยู่ ผมค่อยลืมตามอง ภาพที่ผมเห็นคือใบหน้าหล่อเหลาแต่เปรอะไปด้วยเลือดกำลังมองหน้าผมอยู่

     “อย่าทำอะไรกูเลย กูกลัวแล้ว ฮือ”ผมคร่ำครวญด้วยความกลัว แต่ผีตรงหน้ากลับพูดประโยคที่ทำผมอึ้ง



     “ช่วยอยู่ที่นี่กับฉันได้ไหม”


ออฟไลน์ niightziiz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-0


•HANDSOME GHOST•
[3]-สิ่งที่อยู่หลังประตูห้อง613



     ผมรู้สึกได้ถึงสัมผัสเย็นเยือกที่วางลงบนไหล่ คงจะเป็นมือขาวซีดนั่นแน่ๆ ที่จับไหล่ผมอยู่ ผมค่อยหรี่ตามอง ภาพที่ผมเห็นคือใบหน้าหล่อเหลาแต่เปรอะไปด้วยเลือดกำลังมองหน้าผมอยู่

     “อย่าทำอะไรกูเลย กูกลัวแล้ว ฮือ”ผมคร่ำครวญด้วยความกลัว แต่ผีตรงหน้ากลับพูดประโยคที่ทำผมอึ้ง

     “ช่วยอยู่ที่นี่กับฉันได้ไหม"

     “ม่าย กูจะออกไปจากหอวันพรุ่งนี้ !!”

     “..........” มันเงียบ...... แล้วผมจะไปโต้ตอบมันทำไมเนี่ย มันเป็นผี ไอ้ปาร์ค มันเป็นผี !!

     “มึงไม่ต้องมาชวนกูคุยเลย ฮือ”

     “นายก็คงจะเหมือนคนอื่นๆ ที่พอเจอฉันก็รีบขนข้าวของย้ายออกทันที” เสียงทุ้มเย็นเอ่ยออกมาเรียบๆ

      จึ้ก.... ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าผมไม่ใช่คนชอบตามกระแส เพราะฉะนั้น สิ่งไหนที่คนอื่นทำกัน ผมจะไม่ทำ !! ผมอินดี้ !!

     “งะ...งั้นกูไม่ไปก็ได้ !!” ผมหลับหูหลับตาตอบไป....... แต่เอ่ะ ถ้าผมไม่ไป ผมก็ต้องอยู่ห้องที่มีผีหรอ?? ม่าย แม่จ๋า หนูกลัวผี ฮือ

     “จริงหรอ?” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาจากผีตรงหน้า ผมรู้สึกได้ว่ามันเจือไปด้วยความดีใจเล็กๆ ที่ผมสังเกตได้ทันทีก็เพราะน้ำเสียงประโยคนี้ มันแตกต่างกับประโยคที่ผ่านๆ มาก่อนหน้านี้

     แต่ผมยังไม่กล้าลืมตาไปมองภาพเบื้องหน้า มันน่ากลัวเกินกว่าผมจะรับได้ในตอนนี้

     7ปีอย่างนั้นหรอ เท่ากับตอนที่ผมต้องเสียคนที่ผมรักที่สุดในชีวิตไปสองคน 7ปีที่ผมต้องเหงา อยู่คนเดียวในบ้านของพ่อกับแม่โดยไม่มีท่านทั้งสอง จะมีก็แต่ลุงกับป้าที่แวะมาหาผมทุกเทศกาลวันหยุด ส่งเงินมาให้ผมใช้ทุกเดือนไม่เคยขาด.... แต่เงินซื้อทุกอย่างไม่ได้ ผมไม่เคยมีความสุขเลยนับตั้งแต่วันที่เสียคนที่ผมรักไป ตอนนั้นผมกลายเป็นคนโหวกเหวกโวยวาย เอะอะเสียงดัง เพื่อกลบเกลื่อนความเหงาในจิตใจตัวเอง ใช้ความร่าเริงกึ่งๆ บ้า เพื่อกลบเกลื่อนรอยแผลในจิตใจของตัวเอง....

     นี่ผมดราม่าอะไรอยู่ วู้ว พอๆ ผมสะบัดหัวไล่ความคิดพวกนั้นออก และผมก็ตัดสินใจลืมตาออกมาเพื่อพบกับความจริงที่ว่า....

     ผมนั่งอยู่คนเดียวในห้อง... ไม่มีผี...ไม่มีโจร....

     ผมลุกขึ้นไปปิดประตูหลังห้อง แล้วกลับมานอนที่เตียงเหมือนเดิม... บางทีผีตนเมื่อกี้อาจจะเป็นแค่จินตนาการของผมก็ได้ ผมอาจจะแค่เหงามากไปจนคิดไปเอง...แล้วความง่วงก็ทำให้ผมหลับลงอีกครั้ง.....




     เช้าอันสดใสที่รู้สึกว่าแสงแดดจะแรงเป็นอย่างมาก วันนี้เป็นวันก่อนวันเปิดเทอมสองวัน อากาศตอนบ่ายกำลังร้อนได้ที่ พอดีจะย่างไก่ให้สุกหรือทอดไข่โดยใช้เพียงแค่แดดแบบที่เห็นในคลิปตามเฟสบุ๊ค วันนี้ผมมีแพลนจะไปหาซื้อผ้าห่มไว้สำหรับห่มตอนกลางคืน เพราะยิ่งดึกก็ยิ่งหนาว กับพัดลมเอาไว้เปิดตอนกลางวันเพราะแม่งร้อนเหี้ยๆ แล้วก็ของใช้ส่วนตัวอีกนิดหน่อย ผมอาบน้ำแต่งตัว หยิบกระเป๋าเป้ที่อยู่หลังตู้ขึ้นมาสะพายที่หลังแล้วหันตัวกลับไปทางหน้าห้อง แต่ผมกลับต้องชาวาบทั้งตัว......

     ไอ้ผีตัวเมื่อคืนมันนั่งมองผมอยู่ตรงปลายเตียง !!
   
     “เชี้ย !! กูตกใจหมด !! ”

     “ขอโทษที่ทำให้ตกใจ...นายจะไปไหนหรอ?” ผีขอโทษคน.... เอ้อ เอากับมันสิ แต่เห้ย นี่มันตอนกลางวันนะ กลางวันแสกๆ ทำไมผีมันมาให้ผมเห็นได้หละ !?

     “มึงมาได้ไง นี่มันกลางวันนะเว้ย !!”

     “ฉันก็ไม่รู้..... ว่านายเห็นฉันตอนนี้ได้ยังไง....” ผีทำหน้างงใส่คน ...เอากับมันสิ !!

     “มึงไม่รู้แล้วกูจะรู้ไหมเล่า !!” ผมตอบกลับไป ยกมือขึ้นกระชับสายกระเป๋าแล้วเดินไปที่ประตูหน้าห้อง มือกำลังหมุนลูกบิดแล้วประตูก็เปิดออก แต่...สัมผัสเย็นเฉียบกลับมาคว้าหมับเข้าที่แขนผม ความเย็นแล่นไปถึงก้านสมองเลย แม่ง ตกใจโคตร !!

     “นายจะไปไหน....”  เหมือนผมจะได้ยินน้ำเสียงหงอยๆ แต่ความตกใจก็ทำให้ผมรีบสะบัดมือมันแล้วเปิดประตูวิ่งออกมายืนอยู่หน้าห้อง

     “กูจะไปซื้อของ  เดี๋ยวกลับมาโว้ย ! ” ผมตะโกนกลับเข้าไปในห้องอย่างอารมณ์เสีย...... เอะ.. นี่ผมกำลังตะโกนใส่ผีอยู่ใช่ไหม

     แต่สีหน้าของผีตนนั้นไม่ได้มีความโกรธหรือความเสียใจเลย กลายเป็นยิ้มน้อยๆ ให้ผมแทน

     “รีบๆกลับมานะ............ ฉันเหงา” พูดเหมือนเมียรอผัวกลับบ้านเลยครับ แต่ไอ้ผีข้างหน้าผมนี่ ไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่าเมียใครเลยจริงๆ

     “เออ !”

     ปั้ง !! แล้วผมก็จัดการปิดประตูแล้วล็อคเรียบร้อย กำลังจะก้าวขาเดิน ก็ต้องหันไปเห็นผู้ชายจากห้อง612มองผมอย่างอึ้งๆ

     “………..”มันเงียบ

     “.............”ผมก็เงียบ ไม่มีคำพูดหลุดออกมาจากทั้งปากผมและไอ้คนข้างห้อง มันเอาแต่จ้องผมอย่างอึ้งๆ แล้วปิดประตูห้องใส่ผมเสียงดังปั้ง ! เห้ย คนหอนี้เป็นไรกันวะ ทำไมชอบกระแทกประตูกันจัง... คราวหลังผมจะไม่กระแทกประตูละ ผมไม่ชอบตามกระแส !

     ผมเดินลงมาข้างล่างแล้วก็ต้องเจอกับพี่คนดูแลหอ เขามีสีหน้าวิตกกังวลแปลกๆ ผมเลยส่งยิ้มไปให้เขาแทน

     “เป็นไงน้อง  ล...ละ...หลับสบายไหม ?” ท่าทีอึกอักทำให้ผมแปลกใจ... คงจะรู้อยู่แล้วว่าห้องนั้นมีผี แต่ก็ยังเปิดให้ผมเช่า.... แต่ผมก็โทษเขาไม่ได้หรอก เป็นผมเองที่รบเร้า ขอให้เขาเปิดให้ผมเช่า

     “หลับสบายครับพี่ ^^ ”ผมส่งยิ้มจริงใจไปให้พี่คนดูแลหอ เป็นการบอกว่า...หลับสบาย...... สบายกับผีหนะสิวะ !!

     “เออ...  ดะ ...ดีแล้ว มีไรก็เรียกพี่ได้เลยนะ เอ้ย... ดึกๆ ไม่ต้องเรียกนะ”แล้วพี่ก็ก้มหน้าอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ


     ผมเดินออกมาจากหอพัก แถวนี้ไม่มีวินมอ’ไซต์ ต้องเดินไปกลางๆ ซอยแล้วจะเจอวินมอ’ไซต์ที่นั่งไปปากซอยได้ ผมเดินเรื่อยๆ ชมต้นไม้ ซึมซับบรรยากาศอ้าวๆ แล้วก็สูดกลิ่นหอมสดชื่นของกองขยะสองฝั่งทาง จนมาถึงกลางซอย ผมโบกมือเรียกพี่วินแล้วนั่งออกมาปากซอย

     ผมจำได้ว่าแถวๆ ถนนเส้นนี้มีร้านขายของเยอะมาก ทั้งของกินของใช้ ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้ายังมีเลย ผมเลยหาซื้อตั้งแต่พัดลม ผ้าห่ม โต๊ะญี่ปุ่น ของใช้ ยันจานชามเอาไว้ใส่ข้าวกินเลยครับ

     แต่กว่าจะเสร็จหมดก็เย็นย่ำแล้ว... ด้วยความที่เดินมาไกล แถมยังแบกของเยอะ ผมเลยต้องแวะซื้อน้ำอัดลมแก้กระหาย.... รู้สึกหิวข้าวขึ้นมานิดๆ ก็เลยซื้อแกงถุงแถวนั้นกะว่าจะกลับไปกินที่ห้องด้วย

     ผมเดินกลับมาแถวๆ ปากซอยผมโดยมีของพะรุงพะรัง โบกวินแถวนั้นแล้ววางของไว้ตรงกลางระหว่างตัวผมกับพี่วิน มันออกจะเยอะไปนิด แต่พี่วินก็ไม่ว่าอะไร แถมยังช่วยถือด้วย ผมบอกจุดหมายปลายทางให้พี่วินรู้ แล้วพี่วินก็ขับเข้ามาส่งผม ตอนแกจอดรถหน้าหอแกดูมีท่าทางหวาดๆ ผมเลยถามแกว่าเป็นอะไรรึเปล่า แต่สิ่งที่แกตอบกลับมานี่ตอกย้ำความจริงกับผมมาก

     “น้องรู้ป่าว เขาลือกันว่าหอนี้มีผี”

     จึ้ก... ไม่ต้องลือ กูเจอมาแล้ว...

     “จริงหรอพี่ !! ห้องไหนวะพี่” ผมแกล้งทำเสียงตกใจ ขนของลงวางไว้ที่พื้น มือก็ควักตังออกมาสิบบาท นั่งวินบ่อยๆ คงจะต้องเปลืองตังค์อีกเยอะ เห็นทีคงต้องหาซื้อจักรยานไว้ใช้ซะแล้ว

     “ห้อง613ไงน้อง.....” จึ้ก !!........พูดจบพี่แกก็เงยหน้าขึ้นไปมองบนชั้นหก แล้วเหงื่อแกก็ไหลท่วมหน้า ผมยื่นเงินไปให้พี่วิน แต่พี่แกก็ไม่รับ แถมยังเงยหน้ามองที่เดิมตาตั้ง แกกลืนน้ำลายดังเอื้อก ผมมองตามสายตาพี่วินก็ต้อง....

     ช็อค !!

     “เห้ย !!” ผมตะโกนออกมาอย่างตกใจ ก็ไอ้ผีตนนั้นมันจ้องผมจากบานเกล็ดห้องผม ใบหน้าบึ้งตึงราวกับโกรธใครมาทั้งชาติ
บรื้น !!  ผมหันไปทางพี่วินที่ตอนนี้บิดมอไซต์อย่างเร็ว คาดว่าฟาสแปดนี่ต้องติดต่อพี่วินไปถ่ายหนังแน่ๆ พี่แม่งดริฟล้อหมุนซะฝุ่นตลบ

     “เห้ยพี่ ไม่เอาตังก่อนหรอวะ !!” ผมตะโกนตามหลัง แต่...... มือเก็บเงินเข้ากระเป๋าเรียบร้อยละครับ ไม่เอาก็ดี จะได้ไม่เปลืองตังค์ผม ฮ่าๆ

     ผมเงยหน้าขึ้นไปมองยังห้องตัวเองอีกครั้ง แต่ก็มองไม่เห็นผีตนนั้นแล้ว ผมเลยขนของขึ้นห้อง......ชั้นหก....และเหมือนเดิม.......มันไม่มีลิฟท์...ฟรรค!! คอยดูเถอะ ถ้าผมรวยผมจะซื้อลิฟท์มาไว้หอนี้ซักเครื่อง ผมแบกทั้งโต๊ะญี่ปุ่น ทั้งลังพัดลม ทั้งผ้าห่ม นี่มันไม่ใช่ของเบาๆเลยซักชิ้น มันหนักกว่าเมื่อวานที่ผมขนกระเป๋าสามใบขึ้นมาเสียอีก  ฮือ !! ผมเดินมาจนถึงหน้าห้องตัวเอง วางของลงแล้วล้วงกระเป๋ากางเกงเพื่อหากุญแจ พอเปิดประตูได้ผมก็ต้องช็อคอีกรอบ
 
     ก็ไอ้ผีตนนั้นมันโผล่มาด้วยหน้าตาน่ากลัวๆ ดวงตาขาวโพลนไร้นัยน์ตาดำ เลือดเปรอะไปทั่วทั้งหน้า !!

     ปั้ง !! แล้วประตูห้องผมก็ปิดลง ทั้งๆ ที่ผมยังไม่ทันจะเข้าห้อง

     “เห้ย นี่ห้องกูนะ เปิดประตูเดี๋ยวนี้ !!” ผมวิ่งไปเปิดประตู แต่แล้ว

     ปั้ง !! ประตูปิดลงอีกครั้งโดยฝีมือของไอ้ผีที่อยู่ในห้อง ผมพยายามใช้แรงเปิดประตูห้องออกมาสุดแรง กำลังอ้าปากจะด่า ประตูห้องก็ปิดลงอย่างแรงอีกครั้ง

     ปั้ง !! แอ๊ด..... แต่คราวนี้ประตูเปิดออกอีกครั้ง โดยที่ผมไม่ได้เป็นคนเปิด ผมถอนหายใจโล่งอก กำลังจะก้าวประตูเข้าห้อง แต่.....

     ปั้งๆๆๆๆๆๆ !!

     “ไอ้ผีเหี้ย !”ประตูห้องยังคงถูกเปิดและปิดอย่างแรงโดยฝีมือผีที่อยู่ในห้องของผม

     ปั้งๆๆๆๆๆๆ !!

     “โว้ยยยย ถ้ามึงไม่เลิกทำแบบนี้ ก็จะย้ายไปอยู่ที่อื่น !!”

     แอ๊ด.......
   
     ปั้งๆๆๆๆๆๆๆๆ !!

     ฟรรคคคคคคคคค !

     มันยังไม่ยอมหยุด เสียงดังของประตูที่กระทบยังดังเรื่อยๆ ดังจนลั่นไปทั่วทั้งตึก แต่แปลกใจที่ไม่มีใครออกมาดูเหตุการณ์นี้เลย หรือคนทั้งหอจะรู้อยู่แล้วว่าห้องนี้มีผี เลยไม่มีใครกล้ามาดู

     แต่ผมเองก็ไม่ได้คิดจะย้ายไปไหนหรอก ถึงผมจะมีเงินเก็บเยอะ แต่ใช่ว่าผมจะใช้มันอย่างสิ้นเปลืองได้ ที่นี่ถูกมากสำหรับหอพักกลางเมืองกรุงแบบนี้ ทำไมผมต้องย้ายหละ !!

     และในจังหวะที่ประตูเปิดออกกว้าง ผมก็ตัดสินใจเอาเท้ายื่นเข้าไปบังไว้ แต่คงคำนวณแรงไอ้ผีนั่นผิดไปจริงๆ

     กึ้ก !!

     “โอ้ย ตีนกู !!” ผมก้มลงไปกุมเท้าตัวเองไว้ ตอนนี้มันคั่นอยู่ระหว่างประตูกับกรอบประตู คาดว่ากระดูกคงจะร้าวซักที่หนึ่งแน่ๆ นี่กูต้องใช้เดินอีกเยอะนะเว้ย แต่พลันสายตาก็ไปเห็นผ้าสีแดงผืนหนึ่งที่โผล่ออกมาจากแผ่นไม้ของประตู...........


     สงสัยแรงกระแทกจากประตูเมื่อครู่มันทำให้แผ่นไม้ตรงมุมล่างของประตูแตก ผ้าผืนนั่นเลยโผล่ออกมาให้เห็น ผมใช้มือหยิบผ้าผืนนั้นออกมา มันเขียนตัวหนังสือยึกยือที่ผมไม่รู้ว่าคือภาษาอะไรไว้ แต่พอผมเงยหน้าเพื่อจะถามไอ้ผีหน้าหล่อนั่น มันก็หายไปแล้ว

     ผมก้มลงมองผ้าผืนสีแดงท่าทางไร้ประโยชน์ในมืออีกครั้ง.......มันควรจะเอาไว้ใช้ทำอะไรวะครับ ? ผ้าผืนสีแดงมีตัวหนังสือสีดำเขียนอยู่ทั้งแผ่น ผมไม่รู้ว่ามันคือภาษาอะไร เพราะผมอ่านไม่ออก
ผมขนของเข้าห้องแล้วจ้องมองผ้าสีแดงในมืออีกครั้ง จะทิ้งไปดีไหมนะ เพราะมันออกจะแปลกๆ แต่แล้วความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว


     เอาไว้.............

     
     ..........เช็ดโต๊ะละกัน ฮ่าๆ



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่เข้ามาอ่านนะครับ คอมเม้นท์บอกกันได้นะ เป็นกำลังใจให้ไนท์ด้วยนะครับ

สกรีมในทวิต #HsGผีหล่อ

ออฟไลน์ Biwty...

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 985
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
ยันต์มั้ยปารืค 5555555555555555 โอ้ย
เป็นนายเอกที่ จะว่าไงดี ซื่อบื้อมาก 5555555
รอจ้าาา :ling1:

ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1

ออฟไลน์ niightziiz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-0


•HANDSOME GHOST•
[4]-ไอ้ผีลามก !



ผมเดินเข้ามาในห้องแล้วโยนผ้าผืนนั้นไว้บนเตียง แล้วไอ้ผีหน้าหล่อมันก็โผล่มาอีกรอบ

“สัส ! กูตกใจ !” มันทำหน้าเหมือนหงุดหงิดอะไรซักอย่างใส่ผม ผมหรี่ตามองแล้วก็ตัดสินใจถามมันไป

“มึงหงุดหงิดเหี้ยไรเนี่ย” พูดจบก็เอาข้าวของที่ซื้อมาวันนี้วางกองไว้บนพื้น

“นายกลับมาช้า.......” น้ำเสียงทุ้มดูเศร้าสร้อย

“........”

“ฉันนึกว่า... นายจะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้ว” ผมเงยหน้ามองมัน มันทำหน้าหงอยๆ แล้วก็หายตัวไปเลย

สงสัยจะเป็นผีขี้งอน !

“กูไม่ไปไหนหรอก จะอยู่กับมึงที่นี่แหละ” ผมพูดขึ้นมาลอยๆ ตอนแรกผมอาจจะคิดว่าจะหาหอใหม่ แต่ตอนนี้ผมคงไม่ไปที่อื่นแล้วหละครับ อยู่ที่นี่กับไอ้ผีหน้าหล่อนี่ก็ดีเหมือนกัน ไม่ต้องเหงา แถมยังมีเพื่อนคุยด้วย

ผมจัดการแกะลังพัดลมแล้วเอาออกมาประกอบ..... ถามว่าผมมีความรู้เรื่องการประกอบพัดลมไหม ??

ไม่เลย !

ผมประกอบแล้วแกะ ประกอบแล้วแกะ ลองเปิดดูจนในที่สุดใบพัดก็หมุน ผมเอาพัดลมเป่าหน้า อ้า... ชั่งเย็นสบายจริงๆ เลย

“นาย...”

“เหี้ย !!” อยู่ๆ ไอ้ผีหน้าหล่อก็โผล่หน้ามาอยู่ข้างๆ ผม ผมตกใจเลยเผลอปล่อยสัตว์ออกไปตัวนึง

“ไม่ใช่เหี้ย นี่ผี”

“- - กวนตีน” ผมไม่สนใจใบหน้าหล่อซีดขาวข้างๆ หันหน้าเข้าหาพัดลมต่อ มือซีดสะกิดผมอีกรอบ

“ช่วย..........!@#%#”  เพราะพัดลมเป่าหน้าผมอยู่ ทำให้ผมไม่ได้ยินเสียงอันเบาหวิวของไอ้ผี

“หะอะไรนะ”

“ช่วย.....ยัน.....ฉัน.....หน่อย”

“ขยับมาใกล้ๆ” ผมพูดจบไอ้ผีก็ขยับเข้ามาใกล้ผมอีก ผมเลยจัดการยกเท้าขึ้นมาแล้วยันมันไปเต็มแรง ไอ้ผีกระเด็นไปชนตู้เสื้อผ้าดังโครม !

“โอ้ย นายถีบฉันทำไมเนี่ย”

“มึงบอกให้กูยันมึง !!” มันทำหน้าอารมณ์เสีย ก่อนจะพุ่งเข้ามาปิดพัดลมผม

“ฉันบอกว่า นายช่วยเอาผ้ายันต์ผืนนั้นไปทิ้งให้ฉันหน่อย” มันบอกแล้วชี้ไปที่เตียงผม ผมมองตามนิ้วที่มันชี้ไปก็เห็นผ้าผืนแดงๆ ที่อยู่บนเตียง

“มันคือผ้ายันต์หรอ !! ที่เขาเอาไว้ใช้กันผีอะหรอ !!” ผมลุกขึ้นไป กำลังจะหยิบแล้วเชียว แต่เสียงทุ้มนั่นก็รีบห้ามผมก่อน

“อย่าจับนะ ถ้าจับนายจะมองไม่เห็นฉัน” เหมือนจะเป็นประโยคที่ไม่ดีนะ แต่ผมกลับยิ้มร้ายใส่ไอ้ผีหน้าหล่อ

“หึหึหึหึ มองไม่เห็นมึงใช่ไหม” ผมจัดการหยิบผ้ายันต์ผืนนั้นขึ้นมา

ฟรึ่บ !! ไอ้ผีหน้าหล่อหายไปกับตาเลยครับ โอ้ว ไม่น่าเชื่อจริงๆนะครับ ว่าผมจะมองไม่เห็นมันจริงๆ วันนี้เราขอเสนอขาย ผ้ายันต์กันผี

เรื่องอะไรจะขาย !! ในที่สุด ห้องนี้ก็ต้องเป็นของผมแต่เพียงผู้เดียว ฮ่าๆๆๆๆๆ  ฮ้าๆๆๆๆ

แกร๊ก..... ฟู้ววววววว

อยู่ๆพัดลมก็เปิด แถมลมยังพัดแรงซะด้วย ยังไม่พอ อากาศในห้องตอนนี้กลับเย็นเฉียบ ผมรู้สึกขนลุกขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้

อากาศในห้องเย็นลงเรื่อยๆ ผมเองก็ไม่รู้จะทำไง เลยตัดสินใจปล่อยผ้ายันต์ออกจากมือซะ แล้วอากาศในห้องก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง ไอ้ผีก็โผล่หน้าหล่อๆมาให้ผมเห็นอีกครั้ง มันดูอารมณ์เสีย ที่ผมไม่ยอมเอาผ้ายันต์ไปทิ้ง แต่แค่แป้บเดียวมันก็ปั้นหน้าหงอยๆ ใส่ผมแทน....

“ผีห่าไร ขี้หงุดหงิดชิบหาย ตอนปิดประตูใส่กูก็รอบหนึ่งละนะ” ถึงผมจะบ่น แต่ผมก็เอาผ้ายันต์ผืนนั้นไปทิ้งลงระเบียงหลังห้อง ผ้ายันต์ผืนสีแดงค่อยๆ ปลิวลงไปยันชั้นล่าง แล้วค้างอยู่บนกิ่งไม้กิ่งหนึ่ง

ผมหันกลับเข้ามาในห้องก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อผีมันยิ้มให้ผมแบบระยะประชิด

แล้วผมก็ต้องช็อคอีกรอบเมื่อมันกอดผมเต็มแรง !

“นายใจดีจัง” มันกอดผมแน่น แต่ผมกลับไม่รู้สึกอึดอัดเลย  อาจจะเพราะว่ามันเป็นแค่วิญญาณละมั้ง ผมถึงไม่รู้สึกถึงความอึดอัดเวลามันกอดผม

“เออๆ สงสารมึงหรอก” มือหนาเย็นเฉียบดันผมออกแล้วก็เดินเข้าไปในห้อง นอนลงบนเตียงของผม...ที่อาจจะเคยเป็นเตียงของมันมาก่อน...

ผมชักจะเริ่มหิวแล้วสิ เสียแรงไปเยอะกับการประกอบพัดลม ผมจัดการเอาโต๊ะญี่ปุ่นสีน้ำตาลมากลางที่พื้นห้อง เอาแกงใส่ถ้วย เทข้าวใส่จาน แต่ตอนที่ผมกำลังจะตักข้าวใส่ปาก

อรึก !

ผมเงยหน้าขึ้นไปมองไอ้ผีหน้าหล่อที่ตอนนี้มันนั่งอยู่ตรงข้ามผม กำลังกลืนน้ำลายอรึกใหญ่ลงคอ....... เอ่อ ผีหิวข้าวได้ด้วยหรอครับ ??

“จ้องกูทำไมเนี่ย”

“คือ.....” มันหลบตาผม

“หิวหรอ?”

“ครับ หิวนิดหน่อย แหะๆ” แหะๆ พ่อง

“มากินด้วยกันสิ”

“ฉันกินแบบนี้ไม่ได้” มันทำหน้าสลด.... โอ้ย น่าสงสารที่สุดเลยพ่อคุณ

“งั้นก็ไม่ต้องแดก !”

“แต่ฉันหิวนะ.....” ผมไม่สนใจไอ้ผีตรงหน้า แล้วตั้งหน้าตั้งตากินข้าวแทน

“นาย....”

“นาย... ฉันหิว”

“ปาร์ค....”

“เออ ! โอเค ! กูต้องทำยังไงมึงถึงจะกินได้” ผมวางช้อนลงในจานข้าวดังแกร้ก จะว่าสงสารก็สงสารครับ แต่ตอนที่มันเรียกชื่อผมนี่ สุดๆไปเลย สงสารจับใจ

“นายก็ตักแยก... ใส่จานหรือถ้วยใบเล็กๆก็ได้” ผมลุกไปหาถ้วยใบเล็กๆมาตามที่มันบอก ตักข้าวจากจานของผมให้มัน เสร็จแล้วก็ตักแกงราดให้

“อะ กินได้ยัง” ผมวางถ้วยไว้ตรงหน้ามัน

“นายต้องอธิษฐานก่อน พูดตามฉันนะ กับข้าวตรงหน้านี้”ผมยกมือขึ้นพนมแล้วพูดตามมัน

“กับข้าวตรงหน้านี้”

“ข้าพเจ้าขอมอบให้วิญญาณเร่ร่อนที่อยู่ในห้องนี้”

“ข้าพเจ้าขอมอบให้วิญญาณเร่ร่อนที่อยู่ในห้องนี้”

“ขอบคุณมากนะ” มันยิ้มดีใจให้ผม แล้วมันก็

ฟืดดดดดด

“...........”

ฟืดดดดดด

“ไม่แดกหละสัส เอาแต่ดมทำเหี้ยอะไร แล้วมันจะอิ่มไหมหะ !!” มันเอาแต่ดมอะ ทำไมมันไม่กินหละ แบ่งก็แบ่งให้แล้ว

“อิ่มแล้ว ขอบคุณมาก” มันไหว้ถ้วยข้าวตรงหน้ามัน........ มันยังไม่ได้กินซักคำเลยไม่ใช่หรอ แค่ดมก็อิ่มแล้วหรอ แปลก ! แต่ใบหน้าที่ยิ้มกว้างของมันดูมีความสุขดี.... ผมก็พลอยดีใจไปด้วย มีความสุขที่ได้ให้คนอื่น.... นี่แหละคือสิ่งที่พ่อแม่ผมสอนผมเสมอ

แล้วมันก็หายตัวไปต่อหน้าต่อตาผม  ผมชักจะเริ่มชินกับการแว่บไปแว่บมาของมันซะแล้วสิ ผมไม่สนใจการหายตัวไปมาของไอ้ผีหน้าตาดี ก้มหน้าลงจัดการข้าวตรงหน้าจนหมด แต่ก็ยังไม่อิ่ม เลยไปหยิบถ้วยของไอ้ผีนั่นมากินด้วย แต่รสชาติตอนเคี้ยว ทำไมมันจืดแบบนี้วะ !!


กินข้าวเสร็จผมก็เอาถ้วยจานไปล้างในห้องน้ำ เสร็จแล้วจึงถอดเสื้อผ้าจนล่อนจ้อนเพื่อเตรียมตัวอาบน้ำ....... การอาบน้ำตอนค่ำๆแบบนี้ทำให้ความเหนื่อยทั้งวันพลันหายไปจริงๆ มันสดชื่นไปหมด ผมอาบไปร้องเพลงไปพลาง

“ไม่อยากจะขัดใจตัวเอง ที่มันชอบเธอ ไม่ให้ชอบเธอ ก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะใจมันคิดไปไกล ยากที่จะดึงกลับแล้วจำเป็นต้องขัดใจตัวเอง ข่มตาลงแล้วหันหลังกลับ ปลอบใจว่าไม่เป็นไร คิดว่าเป็นความสุขเล็กๆ น้อยๆ ไป”

ร้องเพลงไปกลับเริ่มรู้สึกว่ากำลังถูกจ้องมอง... จากใครบางคน...

......หรืออาจจะไม่ใช่คน !!

“นายร้องเสียงเพี้ยนมากๆ เลย รู้ตัวไหม ?”

ผมกำลังอึ้งๆ กับการปรากฏตัวภายในห้องน้ำของไอ้ผีหน้าหล่อ....ยิ่งไปกว่านั้นคือผมกำลังโป้........และยิ่งไปกว่านั้น....... มันกำลังจ้องไอ้จ้อนผม !!

ฟรรค !!

“ไอ้ผีเชี้ย มึงเข้ามาดูกูอาบน้ำทำไมเนี่ย !!” ผมหันหลังไปหยิบสายชำระมา กะว่าจะฉีดเข้าหน้าหล่อๆของไอ้ผีลามกนั่น แต่มันกลับหัวเราะเสียงดังลั่นห้องน้ำแล้วหายตัวไป

“ไอ้ผีเหี้ย ! ไอ้ผีลามก ! ไอ้ผีโรคจิต !” ผมก่นด่าแล้วรีบอาบน้ำให้เสร็จ อารมณ์สุนทรีในการอาบน้ำของผมหายไปหมด ออกจากห้องน้ำมาได้ก็รีบแต่งตัวทันที
แต่ในขณะที่ผมกำลังยกขาจะใส่กางเกงบ็อกเซอร์ ผ้าเช็ดตัวของผมก็หลุดออกจากเอว พร้อมกับเสียงหัวเราะที่ดังมาจากด้านหลัง

“ฮ่าๆๆ” ผมไม่สนใจผ้าเช็ดตัวแล้วรีบใส่บ็อกเซอร์ให้เสร็จ หันไปชี้ใบหน้าหล่อๆนั่น

“มึง !! ตากผ้าเช็ดตัวให้กูด้วย !”

พูดจบผมก็เดินไปล้มตัวลงนอนบนเตียงทันที แอบเหล่มองไปทางผีหน้าหล่อที่ตอนนี้มันกำลังเอาผ้าเช็ดตัวผมไปตากไว้ที่ระเบียงหลังห้อง แล้วความเหนื่อยจากทั้งวันก็ทำให้ผมหลับไป



“นาย... ตื่น...” ผมรู้สึกเหมือนมีใครกำลังเรียกผม แต่ความง่วงทำให้ผมไม่สามารถลืมตาได้

“ปาร์ค”

“คร่อก.......”

“ปาร์คครับ”

“….......”

“ถ้ายังไม่ตื่น ฉันจะจับจู๋นายนะ”

“ขอ5นาทีครับ คร่อก....” แล้วผมก็เริ่มรู้สึกแปลกๆตรงส่วนกลางลำตัว... ไม่ได้แปลกที่ตอนเช้าๆแบบนี้ผู้ชายทุกคนต้องแข็ง... แต่แปลกที่มีสัมผัสเย็นๆมาลูบๆคลำๆของผมอยู่

“อื้อ....” ผมเผลอครางออกมาด้วยความเสียว สัมผัสเย็นเฉียบกำลังรูดรั้งส่วนกลางลำตัวของผม แต่ผมไม่มีแรงจะลืมตาจริงๆ ผมยังนอนไม่อิ่มเลย !

“ถ้ายังไม่ตื่น ฉันจะชักให้แตกเลย”

ผมเริ่มทนไม่ไหวกับอาการเสียวตรงท้องน้อย รู้สึกเหมือนใกล้จะถึงฝั่งฝัน

“อ้า... จะแตกแล้ว อื้อ... อะ..อะ แตกแล้ว” แล้วผมก็เสร็จ.......

ผมกำลังโดนผีชักว่าวให้หรอ......

.....ใช่ๆ ผีกำลังชักให้มึงอยู่

แล้วมึงก็น้ำแตกแล้วด้วยนะไอ้ปาร์ค

...เออๆสบายตัวชะมัดเลย

ชิบ !!

“…………..”

“ไอ้เหี้ย !! ไอ้ผีลามกกกกกกกกกกกกกก !! ” ผมกระเด้งตัวลุกขึ้นมา ภาพตรงหน้าทำผมสมองตื้อไปเลย ใบหน้าหล่อเหลาของไอ้ผีลามกกำลังจ้องมองของเหลวสีขาวขุ่นที่ติดอยู่บนมือมัน

“นี่ ต้องเป็นเพราะยันต์นั่นแน่ๆเลย” อยู่ๆมันก็พูดขึ้น สีหน้าดูระรื่น

“ใช่ ต้องเป็นเพราะยันต์มันหลุดแน่ๆ มึงถึงเฮี้ยนแบบนี้”เฮี้ยนนี่รวมถึงลามกด้วยรึเปล่า มันเอานิ้วมาละเลงน้ำที่อยู่บนท้องน้อยผมด้วยอะ ฮึ้ยยยย

“ไม่ใช่ ฉันหมายถึงเมื่อคืนฉันออกไปข้างนอกมา”

“มึงไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง..เอ๊ะ มึงออกไปข้างนอกได้ด้วยหรอ?”

“ใช่ ฉันมีเรื่องอยากจะรบกวนนายหน่อย ..นาย...ช่วยฉันหน่อยได้ไหม”

มันต้องอยากให้ผมชักให้มันบ้างแน่ๆ หนอย ไอ้ผีลามก !

“มึงมีมือมึงก็ชักเองสิไอ้เหี้ย !”

“ไม่ใช่เรื่องนั้น ...ฉันหมายถึง...ฉันอยากรู้ว่าฉันตายยังไง” มันบอกสีหน้าดูสลด แต่นิ้วมือมันกำลังละเลงของเหลวบนท้องน้อยผมไปมา

“อยากชิมจัง”

“ได้ !! งั้นมึงเอาไปแดก” พูดจบผมก็โกยเอาน้ำที่อยู่บนท้องน้อยผมขึ้นมา แล้วโปะลงไปบนใบหน้าหล่อๆนั่น  ละเลงไปให้ทั่วทั้งปากแล้วหัวเราะด้วยความสะใจ


“ฮ่าๆๆๆๆ !!”




ออฟไลน์ niightziiz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-0


•HANDSOME GHOST•
[5]-ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว



เช้าวันนี้อากาศอบอ้าวกว่าปกติ... แม้แต่พัดลมยังช่วยอะไรไม่ได้ ผมกำลังเล่นโน้ตบุ๊ก ดูวิธีการเรียนอย่างไรให้ไม่เปอร์  ผมอยากจบในภายในสี่ปี รับปริญญาแล้วไปทำตามความฝันของตัวเอง โดยที่ไม่ต้องกลายเป็นผีเฝ้าห้องแบบไอ้ผีหน้าหล่อนั่น โชคยังดีที่หอนี้มีWifiให้ ซึ่งมันเป็นสิ่งสำคัญมากๆสำหรับยุคนี้ เรียกได้ว่าแทบจะเป็นปัจจัยที่5เลยด้วยซ้ำ


“โอ้ย ร้อนโว้ยยยยย” ผมบ่น มือก็ยังพิมพ์หาข้อมูลไปเรื่อยๆ รู้สึกได้ถึงไอความร้อนออกมาจากโน้ตบุ๊กตัวเอง

ตรึ้ง ! เสียงแจ้งเตือนว่าโน้ตบุ๊กของผมร้อนเกินไป..... และจากประสบการณ์ของผม ผมรู้เลยว่าไม่นานโน้ตบุ๊กผมก็จะดับลง

พรึ้บ !

“เหี้ย คอมดับ !” ผมรีบลุกไปเอาพัดลมเครื่องเดียวที่มีในห้องมาจ่อโน้ตบุ๊กแทน กดเปิดโน้ตบุ๊กอีกครั้ง และมันก็ติดขึ้นมาแต่มีแจ้งเตือนว่าโน้ตบุ๊กมีอาการโอเวอร์ฮีทเป็นตัวหนังสือแดงเถือกอยู่บนหน้าจอ 


อากาศไม่มีท่าทีว่าจะเย็นขึ้น แถมพัดลมยังพัดลมร้อนที่มาจากโน้ตบุ๊กเข้าหน้าผมด้วย เหงื่อผมไหลออกมาเป็นหยด ผมเริ่มถอดเสื้อกล้ามออก แล้วไม่นานบ็อกเซอร์ก็หลุดออกจากตัวตามเสื้อกล้ามไป

ตอนนี้ผมกำลังเปลือย แต่ผมไม่สน เคยได้ยินไหมครับ .....ความร้อนทำให้คนเป็นบ้า
พรึ่บ ! และคอมผมก็ดับอีกครั้ง

“ฟรรค !” กูเกลียดอากาศร้อนโว้ย !

“ร้อนใช่ไหมหละ ?” อยู่ๆไอ้ผีหน้าหล่อมันก็โผล่หน้ามานั่งข้างๆผม ผมชักรู้สึกตะงิดๆแล้วว่าที่ร้อนขนาดนี้เป็นเพราะมันหรือเปล่า

“ฝีมือมึงใช่ไหม มึงทำเพื่ออะไรเนี่ยหะ !” ผมโวยวายใส่ผีข้างๆ ไร้ซึ่งความกลัวใดๆ มันเริ่มตีหน้าเศร้า

“ก็นายไม่ยอมช่วยฉัน” พูดเสร็จก็ก้มหน้าก้มตา โอ้ย น่าสงสารจริงพ่อคุณ

เพี้ย !

ผมโบกหัวที่มีทรงผมอันเดอร์คัทนั่นไปที

“พ่อกูไม่ใช่โคนันนะ กูจะไปสืบเรื่องการตายเมื่อ7ปีที่แล้วของคนที่กูไม่รู้แม้กระทั่งชื่อได้ยังไง” ผมพูดจบก็ต้องปาดเหงื่อที่ไหลไปทั่วตัวของตัวเอง

เดี๋ยวนะ .....ผมกำลังโป้อยู่ใช่ไหม

อ้อใช่แล้วหละ มึงโป้อยู่ไอ้ปาร์ค

ชิบ !!

ผมรีบเอื้อมตัวไปหยิบบ็อกเซอร์มาใส่แล้วจ้องร่างกายขาวซีดนั่นต่อ คนที่ตายโดยไม่รู้แม้กระทั่งว่าตัวเองตายยังไงนี่มันคงจะทรมานน่าดู แต่ผมมาที่นี่เพื่อเรียนหนังสือ ถ้ามัวแต่เอาเวลาไปสืบเรื่องของไอ้ผีนี่ มีหวังเปอร์8ปีแน่ๆ !

“ถ้านายยอมช่วยฉัน..... ฉันจะทำให้ห้องนายเย็นทุกวัน”ไอ้ผีหน้าหล่อยื่นข้อเสนอสุดกากมาให้ผม หึ คิดหรอว่าผมจะตกลงหนะ

“โอเค กูยอมช่วยก็ได้ เห็นว่ามึงน่าสงสารหรอกนะ”

“จริงหรอ ขอบคุณนายมากนะ นายใจดีจริงๆ” พูดจบมันก็ดึงตัวผมไปกอด

“ปล่อย กูร้อน !” แล้วมันก็ปล่อยผม ผมหันไปมองหน้ามัน แต่ใบหน้าหล่อๆนั่นกลับยิ้มแย้มมีความสุข

เฮ้อ ผมคิดถูกใช่ไหมที่ช่วยมันเนี่ย

ผมหันมาเปิดโน้ตบุ๊กอีกรอบ และคราวนี้ได้แต่ภาวนาว่ามันจะไม่ดับลงไปอีก แต่อยู่ๆห้องผมก็เย็นขึ้นเย็นจนผมต้องปิดพัดลม ต้องเป็นฝีมือไอ้ผีหน้าหล่อแน่ๆ สะดวกจริงๆ นี่ผีหรือเครื่องปรับอากาศ ! โน้ตบุ๊กผมก็ไม่ออกอาการติดๆดับๆอีก ผมเลยนั่งเย็นๆอยู่ในห้องตัวเองจนถึงตอนเย็น


ตกเย็นท้องก็เริ่มร้อง ผมเลยอาบน้ำแต่งตัว อาบไปก็ระแวงไปว่าจะถูกมองไหม แต่งตัวก็ต้องเอาผ้าเช็ดตัวมาพันไว้ ราวกับว่าผมไม่ได้อยู่ห้องนี้คนเดียว....

เออ ก็ไม่ได้อยู่คนเดียวจริงๆแหละ มีผีอยู่ด้วยอีกตนหนึ่ง

พอเสร็จผมก็วิ่งลงบันไดอย่างร่าเริง เจอไอ้พี่คนดูแลหอกำลังนั่งกินข้าวอยู่ในห้องของเขาพอดี

“พี่ !” ผมเรียกเสียงดัง

“อ้าวว่าไงน้อง จะย้ายแล้วหรอ”โห ไอ้พี่ มึงทักคนในหอแบบนี้ทุกคนหรือเปล่า ผมหรี่ตามองพี่คนดูแลหอแล้วแอบยกยิ้มมุมปากเบาๆ

“พี่ควรจะบอกได้แล้วว่าห้องผมมีอะไรกันแน่” ผมเข้าประเด็นทันทีแบบไม่มีอ้อมค้อม

“ไม่มีอะไรหนิ ไม่มีอะไรเลยน้อง ฮะๆ” ไม่มีเหี้ยไร กูโดนมาหมดละ ทั้งหลอก ทั้งชัก...ว่าว

“งั้นเปลี่ยนคำถามนะพี่.......”

“คำถามอะไรน้อง ห้องน้องไม๋มี้อ๋ะไร้เล้ยยย” โอ้โห ไม๋มี้เล้ย พี่ แม่งเสียงสูงทั้งประโยค

“ผีที่อยู่ในห้อง613 ตายยังไงครับ” ผมยิงคำถามตรงๆเข้าไป พี่คนดูแลหอถึงกับหน้าถอดสี

“คือ..... คือพี่ว่า....”

ปั้ง ! เคร้ง ! เสียงแรกผมตบโต๊ะกินข้าวจนช้อนในจานมันลอยขึ้นมา เสียงเคร้งคือเสียงช้อนที่ตกลงบนจานกระเบื้อง พี่คนดูแลหอถึงกับเหงื่อตก หน้าซีด .... นี่ผมเล่นแรงไปรึเปล่าเนี่ย

“ถ้าพี่ไม่ยอมเล่าให้ผมฟัง ผมจะให้ผีตนนั้นไปหลอกคนทั้งหอ” ผมพูดเสียงเย็น ทำเป็นเข้ม

“น้องทำ..แบบนั้น...ไม่ได้หรอก... ก็ยังมี...ยะ...” เสียงตะกุกตะกักของพี่คนดูแลหอชักทำให้ผมสงสาร........

.........ซะเมื่อไหร่หละ !

“ยันต์นั่นผมโยนทิ้งไปแล้ว เอาหละบอกผมมาได้ละ....ผมรีบไปกินข้าว” ผมมองกับข้าวบนโต๊ะของพี่คนดูแลหอแล้วก็ต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ปีกไก่ทอดราดซอสแม่งโคตรน่ากินเลย !

“พี่ก็ไม่รู้ แต่คนดูแลหอคนก่อนเล่าว่า.....เป็นคู่เกย์ฆ่ากันตาย”

“....................”

ผมกำลังอึ้ง..... คู่เกย์หรอ.....

ภาพตอนอาบน้ำแล้วไอ้ผีหน้าหล่อนั่นจ้องไอ้จ้อนผม .....ภาพตอนที่มันกอดผม....แล้วก็ภาพที่ผมเสร็จคามือมัน.....

โอ้วม่ายยยยยยยยยยย นี่ผมโดนเกย์ลวมลามมมมม ผมหันหลังกลับทันที เตรียมพุ่งขึ้นห้องเพื่อจะไปเตะไอ้ผีหน้าหล่อนั่นซักป้าบ...... แต่ความคิดเรื่องอากาศอันเย็นสบายตลอดทั้งปีดุจอยู่บนดอยก็เข้ามาอยู่ในหัวผมแทน ผมจึงต้องข่มใจหันหลังกลับไปหาพี่คนดูแลหออีกรอบ

“ขอรายละเอียดด้วยพี่ เช่น ใครฆ่า แล้วไอ้คนที่ตายชื่ออะไร”

“พี่ก็ไม่รู้อะไรมาก รู้แค่ว่ามหาวิทยาลัยพยายามให้ปิดข่าวเพราะกลัวจะเสียหาย ส่วนคนร้ายก็แฟนของไอ้คนที่ตายนั่นแหละ เรื่องนอกใจอะไรนี่แหละมั้ง”

ผมพยักหน้าแล้วเดินออกมาจากห้องของพี่คนดูแลหอ ผมเดินไปเรื่อยๆ จุดหมายคือร้านข้าวแถวๆกลางซอย เดินไปก็คิดไปด้วย ว่าจะไปสืบจากใครอีก....

“วินไหมน้อง” แล้วเบาะแสก็ลอยมาหาผมถึงที่ ผมรีบตรงเข้าไปหาพี่วินทันที มือล้วงเอาเงิน20บาทให้พี่วินคนที่ไปส่งผมถึงหอเมื่อวานนี้

“เมื่อวานพี่ไม่ได้เก็บตังค์ผมอะครับ” พี่วินทำหน้างงๆก่อนจะร้องอ๋อขึ้นมา

“ขอบใจมากนะน้อง แหม่ ตอนนั้นคนมันตกใจนี่หว่า” แอบเสียดายเงิน20เบาๆ แต่ก็นะ คนหาเช้ากินค่ำอย่างวินมอ’ไซต์ ผมไม่อยากโกงเขาหรอก อีกอย่าง ผมต้องการตีสนิทเพื่อหาข้อมูลด้วย

....สู้เว้ยไอ้ปาร์ค ! เพื่อห้องที่เย็นสบาย !

ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว ! ถึงตัวจะเป็นผู้ใหญ่ แต่สมองยังเป็นเด็ก

ชื่อของเขาคือ !!

.....โคนวย !! เพลงมา ! แต่ด แต่ด แต่ แต้แด่แด้ แต้ด แต่.....

“พี่พอจะรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องผีที่หอผมบ้างปะ” พี่วินมีสีหน้าวิตกกังวลทันทีที่ผมพูดถึงเรื่องผี ก็พี่แม่งไปเจอมากับตัวนี่เนอะ ก็ต้องกลัวเป็นธรรมดา..... เอ๊ะ ผมนี่อยู่กับมันเลยไม่ใช่หรอ ทำไมไม่กลัวเลยวะ

“เขาลือกันว่าผีที่ห้องนั้นเป็นคู่เกย์ฆ่ากันตาย ไอ้คนที่ตายโดนเหล็กฟาดหัว คัตเตอร์กรีดแขนขาเต็มไปหมด ฮึ้ย พูดแล้วขนลุก” พี่วินพูดไปก็ลูบแขนไป พี่วินต้องชื่อเจนแน่ๆ เจนขนลุกไปหมดเลยค่ะ

“เฮี้ยนปะพี่”

เฮี้ยนมาก ! เหี้ยด้วย ! ลามกโคตรๆ ! อะ อันนี้ถามเองตอบเองเลย

“เฮี้ยนดิน้อง วันแรกๆเสียงเปิดปิดประดูดังลั่นหอเลย พวกพี่ไปส่งเด็กหอนั้นทีไรต้องรีบขับกลับแทบไม่ทัน แต่จะว่าไปก็ไม่เจอนานแล้วเนอะ เป็นปีแล้วแหละ มีล่าสุดที่ไปส่งน้องเมื่อวานนี่แหละที่เจอมา” พี่วินคนอื่นๆ อือออตามพี่วิน ผมพยักหน้าขอบคุณแล้วเดินไปร้านข้าวมันไก่ข้างๆ

“ข้าวมันไก่จานนึงครับ..” ไอ้ผีมันจะหิวข้าวไหมนะ “ป้าใส่ห่อให้ผมอีกห่อหนึ่งด้วยครับ” รู้ตัวอีกทีผมก็หันไปสั่งป้าซะแล้ว... อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าผีอย่างมันจะหิวข้าวเหมือนคนอย่างผมไหม

ผมกำลังลังเล ว่าผมจะบอกความจริงมันดีไหม....

ไม่ได้นะ ถ้าบอกความจริงกับมัน......มันก็รู้ตัวสิว่ามันเป็นเกย์

ใช่ๆ แล้วมึงก็จะโดนมันลวนลามทุกวันนะ..........

โอ้วชิท !

แต่ถ้าไม่บอกความจริงไป จะให้บอกมันว่าอะไรหละ...ในเมื่อ....

แต่ด แต่ด แต่ แต้แด่แด้ แต้ด แต่.....

ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว ถึงตัวจะเป็นเด็ก แต่กระจู๋เป็นผู้ใหญ่ ชื่อของเขาคือ ! โคนวย !!

สัส ! ปัญญาอ่อน !

ผมนั่งกินข้าวมันไก่จนหมดจาน เดินไปจ่ายตังให้ป้าพร้อมหยิบถุงข้าวมันไก่อีกห่อหนึ่งไว้ในมือ แล้วเดินออกมาหน้าร้าน คิดอยู่ว่าจะให้พี่วินไปส่งดีไหม.. ให้ไปส่งดีกว่า จะได้ถามเรื่องอื่นๆด้วย ผมเดินตรงไปหาพี่ วินคนเดิม

“พี่ไปส่งผมหน่อย”

“พี่ไม่ไปอะ พี่ยังกลัวไม่หายเลย เห้ยพวกเอ็ง ใครก็ได้ไปส่งน้องมันหอท้ายซอยหน่อย” พี่วินหันไปถามพี่วินคนอื่นๆ แต่ละคนต่างก็ผวาส่ายหน้ากันหมด

“ข้าไปส่งน้องมันเอง” แล้วก็มีพี่วินคนหนึ่งใส่แว่นวงกลมเป็นเอกลักษณ์ เหมือนแฮรี่พ็อตเตอร์เลย  แต่หน้าคมๆหล่อๆอย่างพี่นี่ไม่ควรจะมาขับวินเลยจริงๆ....... ไปขับแท็กซี่น่าจะดีกว่านะ ฮ่าๆ

“ขึ้นรถเลยน้อง” ผมพาดขาขึ้นมอ’ไซต์พี่วินแฮรี่ แล้วพี่แกก็บิดเครื่องออกไปทันที

“พี่ไม่เชื่อนะ ว่าสองคนนั้นจะฆ่ากันตาย” อยู่ๆพี่วินก็พูดสวนกับสายลมขึ้นมา ผมเงี่ยหูฟังแทบจะไม่ทัน

“พี่รู้ไรเกี่ยวกับสองคนนั้นบ้าง”

“เหมือนคนที่ตายจะชื่อ....... คิด...น่าจะใช่นะ ไอ้คิด มันให้พี่ไปส่งที่หอแฟนมันบ่อยๆ” โอ้วมายก้อดดดดดดดด

“อ้าว มันไม่ได้อยู่หอนั้นอยู่แล้วหรอ”

“นั่นห้องแฟนไอ้คิดมัน... อ้าวถึงแล้ว” แล้วพี่วินก็มาจอดอยู่หน้าหอผม ผมวาดขาลง ล้วงเงินจ่ายพี่เขาไป10บาทเพราะนั่งมาจากกลางซอย

“แล้วพี่รู้อะไรอีกปะ” ผมถามก่อนที่พี่วินจะกลับรถ พี่วินพยักหน้าแล้วพูดต่อ

“พี่เห็นไอ้คิดกับแฟนมันก็รักกันดีนะ อีกอย่างแฟนมันก็เป็นคนดี นิสัยก็ดี ไม่มีทางที่แฟนมันจะฆ่าไอ้คิดได้หรอก” ผมพยักหน้ารับคำตอบของพี่วิน แล้วพี่แกก็บิดรถออกไป

โอ้โห กูจะเชื่อใครดีวะเนี่ย...

แต่คำพูดของพี่แฮรี่พ็อตเตอร์ดูมีน้ำหนักมากที่สุด เพราะเหมือนจะรู้จักกับสองคนนั้นดี แต่จะปักใจเชื่อไปเลยก็ไม่ได้ ในเมื่อคนอื่นๆบอกว่าเขาฆ่ากันตาย

.....อืมมมม

..........อืมมมมม

...............อืมมมมมม

นี่กูกลายเป็นคนคิดมากแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย

ผมตัดสินใจว่าจะเชื่อพี่แฮรี่พ็อตเตอร์เป็นหลัก เพราะพี่แกเป็นคนเดียวที่พูดต่างออกไปจากที่คนอื่นพูด....พี่แม่งต้องอินดี้เหมือนผมแน่ๆ !


ผมกำลังเดินขึ้นห้อง แต่คิดไม่ตกจริงๆว่าควรจะบอกความจริงกับไอ้ผีตนนั้นดีไหม...... มันมีชื่อแล้วหนิ มันชื่อไอ้คิดสินะ.... เอาวะบอกมันแค่ชื่อก็ได้

.......แล้วถ้ามันถามว่ามันตายยังไงหละวะ จะบอกมันว่าอะไรดี

อ้อ... นึกออกแล้ว !

แกร๊ก แอ้ดดด....

“นาย !! รู้อะไรมาบ้าง !!”

“เชี้ย !!” ผมตกใจสุดขีด เพราะทันทีที่ประตูเปิดออก ผีไอ้คิดมันก็โผล่หน้ามาทันที ผมดันมันให้หลีกทางแล้วเดินเข้าห้อง

“ว่าไงๆ ได้อะไรมาบ้าง” มันระริกระรี้ทันที หน้าตาดูระรื่นมาก ทั้งๆที่มึงกำลังจะรู้ว่าตัวเองตายยังไงเนี่ยนะ

“อะ ได้ข้าวมันไก่มาห่อหนึ่ง เอาไปแดก” ผมโยนถุงข้าวมันไก่ให้

“ไว้ก่อน นายรู้อะไรมาบ้าง” แล้วมันก็โยนถุงข้าวมันไก่ไว้บนพื้น ไอ้สัส! กูอุตส่าห์ซื้อให้

“มึงชื่อคิด”

“......อ๋อๆคุ้นๆ แล้วฉันตายยังไง”

“มึง.............................”

“................” มันทำสีหน้าลุ้นสุดๆ 

มึงโดนแฟนมึงฆ่าตาย .....ถ้าผมพูดแบบนี้มันจะต้องเป็นบ้าแน่ๆ.ผมไม่รู้ว่าผมจะโกหกมันด้วยวิธีไหน ...แต่เอาวะ ในเมื่อมันจำเป็นที่จะต้องโกหก


“มึงดูหนังโป้แล้วช็อคตาย”

ออฟไลน์ Biwty...

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 985
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
555555555555555555555555555  :ling2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ niightziiz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-0


•HANDSOME GHOST•
[6]-ชายผู้มากับผมทรงเปิดข้าง



“มึงดูหนังโป้แล้วช็อคตาย”

“ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่ใช่คนแบบนั้น” มันยังไม่เชื่อผมอีก... เอาไงดีวะ

“คือ...... คะ...คือมึงดูหนังโป้ไง แล้วมึงก็ชักว่าวตามใช่ปะ พอมึงตื่นเต้นหัวใจมึงก็เต้นแรง แล้วพอมึงแตก มึงก็ช็อคตายเลย ชาวบ้านบอกมึงตายคาน้ำว่าวเลยนะเว้ย” ผมยังแถ สีหน้าผมคงจะแสดงความวิตกกังวลออกไปมาก....

แต่ก็คงจะไม่เท่าหน้าซีดที่เริ่มมีเลือดไหลออกมาจากหน้าผาก รอยเหมือนถูกของมีคมเฉือนค่อยๆปรากฏขึ้นมาตามแขนขา เลือดสีแดงสดค่อยๆซึมออกมาจากแผลเหล่านั้น.... ทำให้นึกถึงคำพูดของพี่วินที่บอกว่า มันโดนเหล็กฟาดหัว แล้วก็เอาคัตเตอร์กรีด

“แล้วแผลพวกนี้ .... มันมาจากไหน !” น้ำเสียงอันโกรธเกรี้ยวถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากที่แตกระแหงตรงหน้า

“อรึก !” ผมเผลอกลืนน้ำลายลงคอ ตอนนี้ไอ้คิดน่ากลัวที่สุดเท่าที่ผมเคยรู้จักมันมาเลยครับ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มันตะคอกผม

....ทำไมผมต้องโกหกมันด้วยนะ ผมไม่เข้าใจตัวเองเลย... ทำไมผมถึงไม่อยากให้มันรู้ความจริง...

“นาย...จะบอกฉัน...ได้รึยัง... ว่าแผลพวกนี้มันมาจากไหน !” มันตะคอกผมอีกครั้ง ผมถึงกับต้องหลับตาหันหน้าหนีภาพน่ากลัวๆตรงหน้า

“ไม่ !! กูไม่บอกมึงหรอก !!” น้ำตาผมเริ่มคลอเบ้า เกิดมาผมเคยร้องไห้อยู่สองครั้ง คือตอนเกิดกับตอนที่เสียพ่อแม่ไป ผมจะไม่ยอมให้ครั้งนี้เป็นครั้งที่สาม ผมพยายามกลั้นน้ำตา..... แต่มันก็กลั้นไว้ไม่ไหวเมื่อสัมผัสเย็นเฉียบจากมือหนาบีบลงบนไหล่ผม

“ทำไมถึงไม่บอกฉัน หะ !!”

“..............”

“เงียบทำไม !!”มันยังคงตะคอกใส่ผมไม่หยุด

“ก็กูกลัวว่ามึงจะเสียใจไงวะ !”

“...................”

“มึงรู้ปะ ว่าความจริงที่กูได้ยินมาคืออะไร แล้วมึงมองดูตัวเองดิ ผีกากๆอย่างมึงจะรับได้หรอ มึงคิดว่าน่าสนุกหรอวะที่มึงจะรู้ว่าตัวเองตายยังไง กูจะไม่บอกมึงจนกว่ากูจะสืบเรื่องจนแน่ใจ” ผมเข้าโหมดจริงจัง น้ำตาไหลออกมาเรื่อยๆ จากทั้งความกลัวและความอึดอัด ทั้งเย็นนี้ผมต้องเก็บเรื่องที่ผมไม่เกี่ยวเหี้ยอะไรเลยมาคิด สมองผมมีแต่เรื่องของไอ้ผีตรงหน้าผมนี่ ทำไมวะ ทำไมผมจะต้องใส่ใจความรู้สึกของคนที่ตายไปแล้วขนาดนี้

“ฉัน......ขอโทษ... บอกฉันเถอะ... การที่ลืมแม้กระทั่งว่าตัวเองตายยังไงมันทรมานนะ” มันพูดน้ำเสียงอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด รอยแผลและเลือดเองก็ค่อยๆจางหายไป

“มึงแน่ใจว่ารับได้” ผมยกแขนขึ้นเช็ดน้ำตาตัวเอง ใบหน้าคมพยักขึ้นลงช้าๆ

“ฉัน..จะพยายาม”


แล้วผมก็เล่าเรื่องทั้งหมดที่ผมได้ฟังมา ทั้งจากปากพี่คนดูแลหอและจากปากของพี่วินแล้วก็พี่แฮรี่พ็อตเตอร์ด้วย ไอ้คิดไม่ทำไรมากแค่ก้มหน้าก้มตาฟังผมเล่า พยักหน้าบ้างในบางครั้ง แล้วพอผมเล่าจบมันก็เงยหน้าขึ้นมามองผม ริมฝีปากหนายกยิ้ม

“ขอบคุณนายมากนะ แล้วก็.....” มันเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาบนแก้มผม

“ขอโทษที่ทำให้กลัว”

ฟู่ว ! แล้วมันก็หายตัวไปต่อหน้าผม ไม่บอกผมซักคำว่าจำอะไรได้บ้าง ไม่บอกผมด้วยว่าอันไหนเรื่องจริงอันไหนข่าวลือ ไอ้สัส กลับมาอีกทีกูจะถีบเข้าหน้าหล่อๆนั่นให้

ผมลุกขึ้นถอดเสื้อผ้าแล้วเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ พอได้รับความสดชื่นของน้ำเย็นๆก็ช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง ผมรู้ว่าตัวเองกำลังยิ้ม..... ผมยิ้มเพราะน้ำมันเย็นสบายหรอก ไม่ได้ยิ้มเพราะรู้สึกอบอุ่นเมื่อนึกถึงสัมผัสเย็นๆจากมือหนานั่นหรอกนะ


อาบน้ำแต่งตัวเสร็จผมก็ค้นเตารีดที่พกมาจากบ้านด้วย เอามารีดชุดนักศึกษาสีขาว กับกางเกงสแล็คสีดำสนิท เตรียมของให้พร้อมสำหรับเข้ามหาลัยวันพรุ่งนี้


กว่าจะทำอะไรเสร็จก็เริ่มดึกแล้ว อากาศเริ่มเย็นลงๆ แต่ผมชอบอากาศเย็นๆแบบนี้แหละ ถอดเสื้อแล้วใส่แต่บ็อกเซอร์นอนเหมือนเดิม.....แต่ทำไมตอนที่สติเริ่มเลือนรางกลับรู้สึกเหมือนมีคนห่มผ้าให้กันนะ.....

“ห่มทำเหี้ยอะไร ! กูร้อน !” ผมถีบผ้าห่มออก แล้วหันไปโวยไอ้ผีคิดคงกะจะทำซึ้ง ไม่ซึ้งเหี้ยอะไรทั้งนั้น มีแต่ร้อนอย่างเดียว

“หึหึ ขอโทษที นายหลับเถอะ ....ถ้านายหนาวฉันจะห่มผ้าให้นะ” สติผมเริ่มเลือนรางอีกครั้ง ใกล้จะหลับเต็มที

“อื้ม......”


“นายตื่นได้แล้ว”

“ปาร์คตื่นได้แล้ว เดี๋ยวไปมหาลัยสายนะ”

“ขออีก5นาทีค้าบ แจ้บๆ ”

“ถ้านายไม่ตื่น ฉันจะ...”

“ตื่นแล้วค้าบ !” ผมรีบผงกหัวขึ้นมาทันที หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา .....5:59 ผมจำได้ว่าตั้งนาฬิกาปลุกไว้6:00 เพราะพี่ๆที่คณะนัดไว้ตอน7:30 จ้องโทรศัพท์ได้แป้บเดียวเสียงนาฬิกาปลุกก็ดังขึ้น ผมหันหน้าไปมองไอ้คิดที่ตอนนี้ยิ้มระรื่นอยู่ข้างๆผม

“ขี้ตาก้อนเบอเริ่ม” พูดจบมันก็เอื้อมมือมาแคะขี้ตาให้ผม สัมผัสอ่อนโยนนั้นแทบจะทำให้ผมเคลิ้ม

“เสือกอะไรกับขี้ตากู ! หรือมึงอยากแดก !?” รู้สึกร้อนๆหน้าแปลกๆ ไม่เคยมีใครแคะขี้ตาให้ผมเลยนอกจากพ่อแม่
มันส่ายหน้าแล้วอมยิ้มมุมปาก

“รีบไปเอาน้ำออก เอ้ย อาบน้ำเถอะ” พูดจบมันก็จ้องที่ไอ้จ้อนผม... ผมมองตามสายตามันก็ต้องพบกับไอ้จ้อนของตัวเองที่กำลังผงาดเป็นเจ้าโลกอยู่ ผมรีบกุมเป้าแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำทันที


พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จคว้ากระเป๋าก็เตรียมออกจากห้อง แต่พอหันไปเห็นไอ้คิดที่อยู่ในชุดนักศึกษาเหมือนกับผม... เห้ยทำไมมันหล่อขนาดนี้วะ... เดี๋ยว มันเอาชุดใครมาใส่

“มึงเอาชุดใครมาใส่เนี่ย”

“ชุดฉันเอง”

“แล้วมึงไปเอามาจากไหน”

“บ้านฉันไง” บ้านมึงเนี่ยนะ แล้วมึงกลับบ้านตัวเองถูกได้ไงเนี่ย

“มึงจำได้แล้วหรอว่าบ้านมึงอยู่ไหน”

“จำได้เป็นบางเรื่องหนะ... รีบไปกันเถอะ เดี๋ยวจะสายนะ” ผมมองเวลาในโทรศัพท์ตัวเอง 6:50 น. ยังพอมีเวลาให้เดินเล่นอีกเยอะ


ผมกับมันเดินออกมาจากหอ..... อากาศไม่ได้ร้อนอะไร เลยเดินไปเรื่อยๆ คุยไปเรื่อยๆ

“มึงรู้ไหมว่ามึงเป็นใคร”

“รู้”

“งั้นมึงเล่ามาให้หมดเท่าที่มึงรู้เลย”

“ฉันชื่อคริส....ไม่ใช่คิด   ....บ้านฉันอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรซอยข้างๆนี่แหละ... แล้วฉันก็มี....” ก่อนที่มันจะพูดจบ เสียงใครบางคนก็ขัดขึ้นมาซะก่อน

“วินไหมน้อง” โถ่พี่วิน ! ผมโบกมือรับพี่วิน แล้วแกก็ขับรถตรงมาทางผม ผมหันไปหาผีตนข้างๆที่ตอนนี้รู้ชื่อจริงๆมันแล้ว ชื่อคริส ไฮโซกว่าไอ้คิดเยอะเลย พี่วินแฮรี่แม่งบอกผมผิดอะ

“เจอกันที่มหาลัยนะครับ”

ฟุ้บ ! แล้วมันก็หายไปต่อหน้าผม.... พอดีกับที่พี่วินขับมาถึงผมพอดี ผมขึ้นซ้อนท้ายพี่วินแล้วบอกจุดหมายปลายทางให้แก

พี่วินขับรถมาถึงที่คณะผมพอดีกับที่พี่ๆปีสองเรียกรวมน้องปีหนึ่ง ผมรีบวิ่งไปเข้าแถว เอาจริงๆผมยังไม่รู้จักใครเลย คนส่วนใหญ่ก็รู้จักกันหมดแล้วจากไลน์กลุ่ม แต่ถามว่าผมอยู่ในกลุ่มนั้นไหม หึ....อินดี้อย่างผม หนะหรอจะมีไลน์กลุ่ม ตอนนี้ผมก็เลยนั่งอยู่ท้ายแถวอย่างโดดเดี่ยว มองเพื่อนๆคุยกันอย่างออกรสออกชาติ

“มากันครบแล้วนะคะน้องๆ เดี๋ยวพี่จะพาไปเข้าเรียนนะคะ แยกเป็นสาขาๆไป อย่าลืมเรื่องมารยาทนะคะ ถ้าเจออาจารย์หรือรุ่นพี่ก็ไหว้ด้วยนะคะ อย่าลืมว่าเย็นนี้เรามีนัดกันที่นี่เหมือนเดิมนะคะ เลิกเรียนเสร็จก็ให้รีบมาเข้าแถวรอเลยนะ” เสียงพี่ผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนแข่งกับเสียงที่เพื่อนๆคุยกัน ไม่นานแต่ละสาขาก็แยกออกไปตามห้องเรียนของตัวเองโดยมีรุ่นพี่ปีสองเป็นคนพาไป


ผมแยกไปตามสาขาของตัวเอง เข้าห้องเรียนเสร็จนั่งรอไม่นานอาจารย์ก็เข้าสอน ผมก็นั่งเรียนไปโดยไม่สนว่าคนรอบตัวจะคุยกันเสียงดังไหม ใครจะมีเพื่อนเยอะหรือน้อย แล้วก็คงจะไม่มีใครสนใจจะคบคนหน้าตาธรรมดาๆ อย่างผมเป็นเพื่อนด้วย แต่ผมก็หาได้แคร์ไม่  การไม่มีเพื่อนมันดีอย่างหนึ่ง คือเราไม่ต้องเสียเวลาไปแคร์ใครนอกจากตัวเอง

นั่งเรียนคนเดียว ซื้อข้าวกินคนเดียว กินข้าวคนเดียว กลับไปนั่งเรียนคนเดียวอีกรอบ แล้วก็รอเลิกเรียน พอเลิกเรียนผมก็เดินตามเพื่อนๆในสาขาไปที่ๆ พี่ๆ ปีสองนัดไว้ นั่งเข้าแถวรอรุ่นพี่มา

“นาย” ผมหันไปมองตามเสียงเรียกก็พบกับผีหน้าหล่อตนเดิม ตอนนี้มันนั่งอยู่ข้างๆผม หน้าคมมีสีหน้าระรื่นดูอารมณ์ดี ผิดกับผมที่ตอนนี้เริ่มจะหน้าบูดนิดๆเพราะเบื่อมาทั้งวัน

“มึงหายไปไหนมา”

“ไปตามหาคนมา”

“ใครวะ” แล้วผมก็เริ่มรู้สึกสายตาหลายคู่ที่มองมา.............. คงจะมองว่าผมบ้า นั่งพูดคนเดียวอยู่ได้ ......กูไม่ได้บ้า กูคุยกับผีอยู่

“นั่นไงมาแล้ว” แล้วมันก็ชี้ไปที่กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินมา ทางพวกผม ท่าทางน่าเกรงขาม ทั้งกลุ่มเป็นผู้ชายล้วน แต่มีคนเดียวที่ดูเด่นออกมาจากทุกคนในกลุ่ม

หน้าตาคมคาย คิ้วเข้มกับตาเรียวสวย แล้วก็ริมฝีปากหนา ผมชักจะคุ้นๆ พอหันมามองผีคริสก็ต้องหันไปดูคนที่กำลังเดินมาอีกรอบ

“เห้ย ! นั่นมึงหนิ” มันส่ายหน้ายิ้มๆไม่พูดอะไร ผมมองหนึ่งคนกับหนึ่งผีสลับกันไปมา มันแตกต่างกันแค่ทรงผมกับสีผิว คริสไว้ผมทรงอันเดอร์คัทกับมีผิวขาวซีด แต่คนที่กำลังเดินมาไว้ผมทรงเปิดข้าง ถึงจะคล้ายๆกับของคริส แต่ผมด้านบนยาวกว่ามาก แถมยังมีสีผิวแทนไม่ถึงกับคล้ำ

“นั่น.....” มันกำลังจะบอกอะไรผมซักอย่าง แต่เสียงดังของรุ่นพี่พวกนั้นดังขัดขึ้นมาเสียก่อน

“พวกคุณมาทำอะไรที่คณะของผม ! เสียงดัง ! โหวกเหวกโวยวาย ! ตะโกนกันไปมา พวกคุณไม่คิดหรือไงว่าพวกผมกำลังเรียนอยู่ !” อ้า ตะคอกกูทุกประโยคเลย ผมทำหน้าเอือม มองไปยังคนที่หน้าตาเด่นกว่าเพื่อนฝูงมาก

เขายังคงตีหน้านิ่ง ยืนตามระเบียบพักอยู่ด้านหลังพี่คนที่กำลังพูดอยู่ ....ไม่ใช่พูดหรอก มันตะโกนเพื่อแข่งกับเสียงของปีหนึ่งที่ตอนแรกเสียงดังแต่ตอนนี้เงียบกริบ ...พี่มันตะคอกมาอีกสองสามประโยคก็เปลี่ยนคนพูด เป็นคนที่หน้าตาเหมือนไอ้ผีข้างๆผมแทน

“พวกคุณกลับไปได้แล้ว ผมขอสั่งให้ปีสองยกเลิกกิจกรรมในวันนี้ ในเมื่อพวกคุณคุมน้องของพวกคุณให้เงียบไม่ได้ คุมให้พวกเขาอยู่ในระเบียบไม่ได้ ผมจะไม่ให้พวกคุณทำกิจกรรมอะไรใต้ตึกคณะทั้งนั้น” เสียงทุ้มพูดออกมาโดยไร้การตะคอก แต่กลับทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่เงียบฟังได้

ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา ทุกคนยังคงนั่งเงียบ ไม่เว้นแม้แต่พี่ปีสองที่กำลังทำอะไรไม่ถูกเพราะถูกยกเลิกกิจกรรม

“พี่คะ คือว่า...” พี่ปีสองคนนึงยกมือขึ้น แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไร เสียงทุ้มก็เปลี่ยนเป็นเสียงแข็งกร้าวแทน

“กลับไปได้แล้วครับ !” สิ้นเสียงตะคอกนั่นพี่ปีสองก็รีบมาพาพวกเราให้ลุกออกไป บางคนถึงกับตัวสั่นเพราะความกลัว ส่วนผมหนะเหรอ คงจะทำหน้าแบบ -_- อะไรของพวกมึง

“ปาร์ค” ผมหันไปทางคริส ที่อยู่ๆมันก็เรียกผม ตอนนี้มันกำลังเดินมากับผม และผมกำลังจะเดินผ่านรุ่นพี่ปีสามกลุ่มนั้น และถ้าไม่มี    ผีคริสบังอยู่ ผมว่า สายตาผมคงสบกับสายตาคมๆของรุ่นพี่คนนั้นพอดีแน่ๆ

แต่เอะ ผมลืมอะไรไปรึเปล่า..... พวกนั้นมองไม่เห็นคริสหนิ ก็แปลว่าผมกำลังมองหน้ารุ่นพี่พวกนั้นอยู่งั้นหรอ

“นั่นน้องชายฉัน”



“คุณมองหน้าผมทำไม !


ออฟไลน์ niightziiz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-0


•HANDSOME GHOST•
[7]-น้องชายผู้ใจดีของผีคริส




“คุณมองหน้าผมทำไม !” เสียงแข็งกร้าวดังลั่นตึก ทุกสายตาจับจ้องไปที่รุ่นพี่คนนั้น ก่อนจะมองหาว่าใครที่บังอาจไปมองรุ่นพี่ปีสาม

“ผู้ชายคนสุดท้ายของแถว....คุณหนะแหละ มองหน้าผมทำไม !” มือหนาชี้มาที่ผม ทุกสายตาจากแทบทุกชั้นปีหันมามองผม.....
กูไม่ได้มองมึงงงงงง กูคุยกับพี่มึงอยู่ไหมหละ ไอ้สาสสสสส

เกิดเสียงซุบซิบนินทาดังระงมไปทั่ว ผมกะว่าจะไม่ตอบอะไรแล้ววิ่งตามเพื่อนไป แต่ร่างสูงนั่นกำลังเดินมาทางผมแล้วเข้ามายืนดักหน้าผมเอาไว้ ผมเบรกไม่อยู่ จึงยกมือขึ้นมาบังตัวเองเอาไว้

ปึ้ก !

“คุณผลักผมทำไม !” มันตะโกนลั่นใส่หน้าผม กูไม่ได้ผลักมึงงงงงงงงง มึงมาขวางกูเองงงงง ไอ้ส้าสสสสส

“ตามผมมาด้วย....” ผมยืนนิ่ง กูไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะ ผมกำลังจะเดินหนี แต่มันก็ตะโกนลั่นตึกอีกครั้ง “ผมบอกให้ตามผมมา !” พี่ปีสองพยายามส่งซิกให้ผมตามมันไป ผมหันไปหาไอ้ผีตัวต้นเหตุที่ตอนนี้ยืนนิ่งๆมองน้องชายตัวเอง พอผมเดินตามมันไป ไอ้คริสมันก็ตามมาด้วย

“น้องฉันเปลี่ยนไปมาก....” คริสพูดขึ้น ผมกับคริสเดินตามหลังอยู่ห่างๆ แต่เพื่อความแน่ใจ ผมจึงใช้เสียงกระซิบตอบกลับมันไป

“น้องมึงชื่ออะไร”

“ฟาน” น้ำเสียงอ่อนโยนของคนเป็นพี่ ชั่งแตกต่างกับคนน้องจริงๆ น้ำเสียงของคริสเต็มไปด้วยความรักและความคิดถึง

“รีบเดินไปสิคุณ !” ผมหันหลังไปมองต้นเสียง มีรุ่นพี่ปีสามอีกสองคนเดินตามมาด้วย


ตอนนี้ไอ้ฟานมันกำลังพาผมเดินขึ้นตึกคณะ โดยมีเพื่อนมันอีกสองคนเดินตามมาข้างหลัง พอขึ้นบันไดมาถึงชั้นสองมันก็เลี้ยวไปยังห้องๆหนึ่ง คาดว่าน่าจะเป็นห้องบรรยายอะไรซักอย่างที่ไม่มีใครอยู่ มันเปิดประตูให้ผม

“เข้าไปรอผมข้างใน.... เข้าไปสิคุณ !” แล้วผมก็เดินเข้าไปในห้องที่มีเพียงแสงสว่างอันน้อยนิดที่ลอดจากผ้าม่านสีเข้มเข้ามา มีเพียงมือเย็นๆคอยจับมือผมไว้ตลอดเวลา  แล้วประตูห้องก็ปิดลง

“มึงออกไปฟังดิ ว่าพวกนั้นพูดอะไรกัน” คริสพยักหน้าแล้วหายตัวไป เพียงครู่เดียวมันก็กลับเข้ามา ใบหน้าคมไม่ได้มีความวิตกกังวลอะไรเลย

“ฟานบอกให้เพื่อนเขาสแตนด์บายรอ เผื่อว่านายจะเป็นอะไรขึ้นมาหนะ”

“ทำไมกูต้องเป็นอะไรด้วยหละ” เสียงหมุนลูกบิดประตูดังขึ้น ประตูกำลังค่อยๆถูกเปิดออก โดยคนที่อยู่ด้านนอก

“เพราะนี้คือการว้ากเดี่ยวไงหละ”

ปั้ง !

แล้วประตูก็ปิดลงอีกครั้ง โดยมีร่างสูงของฟานยืนอยู่หน้าประตู ใบหน้าคมนั่นกำลังเก้กขรึม ถ้าเป็นจริงอย่างที่คริสบอกผม คนตรงหน้าผมก็คงจะเป็นคนที่มีจิตใจดีอยู่บ้าง

“คุณชื่ออะไร” เสียงทุ้มนิ่งเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบทั้งหมด ความกดดันไหลมาจากไหนไม่รู้ มันกำลังกองอยู่บนอกผม

“ผะ...ผมชื่อ...ปาร์คครับ” ไอ้ฟานพยักหน้าหนึ่งที มันเดินวนไปรอบๆห้อง ปล่อยให้ทั้งห้องอยู่ในความเงียบ เหงื่อชื้นไหลออกมาตามฝ่ามือของผม

แต่แล้วมือเย็นก็เอื้อมมาบีบมือผมไว้ พร้อมกับใบหน้าหล่อๆนั่นกำลังส่งยิ้มให้ผม

“คุณมองหน้าผมทำไม ?”

“ไม่ต้องกลัวนะ....น้องชายฉันใจดี” คริสพูดพร้อมกับกระชับมือผมให้แน่นขึ้น

“............อืม”

แต้ก ! จู่ๆไฟในห้องก็สว่างขึ้น ผมเงยหน้ามองใบหน้าคมของฟานที่ตอนนี้คิ้วกำลังขมวดเรื่อยๆ

“ผมถาม ....ทำไมคุณไม่ตอบ !”

ใจดีพ่อมึงสิ ตะคอกเอาๆ

ผมแอบด่าสองพี่น้องในใจ แล้วผมก็เงียบ ไม่รู้จะตอบไอ้ฟานว่ายังไง ตอนนั้นกูกำลังคุยกับผีพี่มึงอยู่งี้หรอ มันจะเชื่อกูไหมหละ

“ผมไม่ได้มองครับ” ผมรีบตอบ ก้มหน้าหนีสายตาคมที่กำลังจ้องมองผมอยู่

“งั้นตอนนี้คุณก็มองผมสิ ! ”

“...........” ผมยังคงก้มหน้าหลับตาปี๋ นึกโกรธแค้นไอ้คริสในใจ เนี่ยนะ น้องชายผู้ใจดีของมึง !

“ผมสั่งให้คุณมองหน้าผม !!” ไอ้ฟานตะคอกผมอีกรอบ ผมเริ่มรู้สึกแน่นอกขึ้นมานิดๆ แต่ผมคงจะยังไม่ยกออกตอนนี้

“แกล้งเป็นลมสิ ชักก็ได้ ” เสียงทุ้มนุ่มกระซิบบอกผม ผมลังเลอยู่เพียงครู่เดียวก็ตัดสินใจจะทำตามที่คริสบอก

อย่างแรกก็ต้องแกล้งสำลักอากาศ “แค่กๆ” แล้วยกมือขึ้นกุมหัวตัวเอง หน้านิ่วคิ้วขมวด ผมแอบลอบมองสีหน้าของไอ้ฟาน มันดูตกใจนิดๆกับอาการของผม แต่ก็ยังเก๊กขรึมใส่อยู่

“คุณ...... คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” น้ำเสียงของฟานแสดงถึงความกังวลอย่างเห็นได้ชัด เอาสิ ผมยังคงเดินหน้าทำแผนแกล้งชักต่อ

“ผะ...ผมโอเค” แล้วผมก็ค่อยๆเกร็งมือ ทำขาอ่อนๆ ตาเหล่เข้าหากัน เกร็งจนแขนสองข้างบิดงอ

“เห้ยน้อง ! ” แล้วก่อนที่ผมจะล้มลง ไอ้ฟานก็เข้ามาประคองผมทันที

“เห้ยพวกมึง น้องชัก ! เข้ามาช่วยกูหน่อย” แล้วพี่อีกสองคนก็รีบเปิดประตูเข้ามาในห้อง รีบพยุงผมขึ้น แต่ผมยังแกล้งดิ้นอยู่จนพี่อีกสองคนพยุงผมไม่ได้

เอาเซ่ ! ตุ๊กตาทองปีนี้ต้องเป็นของกู ! ฮ่าๆๆๆๆ !

“กูแบกน้องเอง พวกมึงไปบอกอาจารย์ในห้องพยาบาลให้หน่อย” แล้วพี่สองคนก็ออกจากห้องไป มือหนาที่กำลังประคองผมอยู่ค่อยๆลูบหัวผมอย่างอ่อนโยน

“ชู่วววว หายใจเข้าลึกๆนะครับน้อง ค่อยๆหายใจนะ...ฮึ้บ” แล้วเขาก็แบกผมขึ้นในท่าเจ้าสาว...... เจ้าสาวหรอ.....ไม่เอาๆ ท่าเจ้าบ่าวละกัน

ฟานแบกผมลงมายังชั้นหนึ่ง แล้ววิ่งตรงไปยังห้องพยาบาลอย่างรวดเร็ว ผมได้ยินเสียงเหมือนอาจารย์กำลังดุพี่ปีสามสองคนที่วิ่งมาก่อนหน้านี้ดังลั่นตึก ฮ่าๆ สมน้ำหน้า แล้วผมก็คิดว่าไม่นานคนที่มันกำลังอุ้มผมอยู่ต้องโดนด้วยแน่ๆ

“นายภาวิทย์ ! ยังไม่ถึงวันรับน้องไม่ใช่หรอค่ะ ทำไมถึงแอบรับก่อนคะ !”

อู้วววว ดุมันแรงๆเลยครับอาจารย์

“ช่วยน้องก่อนได้ไหมครับ แล้วจารย์ค่อยด่าผมทีหลังนะ” น้ำเสียงชั่งต่างกับไอ้พี่ว้ากขี้เก๊กคนก่อนหน้าจริงๆ มันรีบแบกผมไปวางไว้ที่เตียง แกะกระดุมเม็ดบนสุดผมออกแล้วหยิบหนังสือเล่มหนึ่งมาพัดให้ผม เพียงครู่เดียวอาจารย์ก็เอาแอมโมเนียมาให้ผมดม บอกเลยว่าโคตรเหม็น แต่ต้องทำเป็นสูดหายใจเข้าลึกๆแทน

อ้ากกก แสบจมูกกกกกก

“หึหึ” แอบได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ คิดว่าน่าจะเป็นเสียงของไอ้ คริสที่ยืนดูผมอยู่ข้างเตียง ถ้าเกิดว่าผมเหม็นแอมโมเนียตายผมจะไปถีบมันคนแรกเลยคอยดู แผนมันแท้ๆเลย

“ดีขึ้นหรือยังคะลูก” อาจารย์ถามขึ้นด้วยสีหน้าเป็นห่วง ผมเลยพยักหน้าให้ช้าๆ รุ่นพี่ปีสามคนอื่นๆถูกไล่ออกไปนอกห้องพยาบาลเพราะกลัวว่าจะแย่งอากาศผมหายใจ ยกเว้นตัวต้นเหตุที่ทำให้ผมชัก(แบบปลอมๆ)

สีหน้าของฟานดูมีความกังวลอย่างเห็นได้ชัด ผมเลิกแกล้งชักมาได้ซักพักแล้วนอนนิ่งๆแทน แอบฟังบทสนทนาที่ฟานกำลังโดนอาจารย์ด่า

“ทำไมไม่ถามน้องก่อน ว่าน้องมีโรคประจำตัวหรือเปล่า ก่อนที่เธอจะไปว้ากใส่น้อง”

“ผมขอโทษครับจารย์” ใบหน้าคมคายนั่นได้แต่ก้มหน้ารับความผิด แอบสะใจนิดๆที่มันโดนอาจารย์ด่าชุดใหญ่ ส่วนผมนอนตากแอร์อยู่บนเตียงนุ่มๆ โดยมีคริสยืนหัวเราะเสียงเบาอยู่ข้างๆ

“เห็นไหม บอกแล้วว่าน้องชายฉันหนะใจดี” คริสนั่งลงข้างๆเตียง ผมเลยพลิกตัวนอนหันหน้าไปทางคริสแล้วหันหลังใส่อาจารย์กับฟานแทน

“ทำไมน้องชายมึงหน้าเหมือนมึงอย่างกับฝาแฝด” ผมบอกสิ่งที่ผมสงสัยมาตั้งแต่ต้นไป

“อาจจะเป็นเพราะน้องชายฉันโตขึ้นหละมั้ง ตอนที่ฉันตาย.. ฉันอยู่ปีสามพอดี ส่วนน้องชายฉันก็คงจะอยู่ม.3ตอนนั้นก็ยังหน้าไม่เหมือนกันเท่านี้หรอก แต่พอน้องชายฉันโตขึ้น ไม่รู้ทำไมถึงหน้าเหมือนฉันขนาดนี้เหมือนกัน” น้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความรักและความคิดถึงของผีตรงหน้า ทำให้ผมรู้ได้เลยว่าคริสรักน้องชายของมันมากแค่ไหน

“มึงนี่รักน้องมึงมากเนอะ” คริสพยักหน้ายิ้มๆ

“อาจารย์กำลังเดินมาทางนี้” คริสบอกให้ผมรู้ตัว

“หนู อาจารย์มีธุระด่วนต้องไปทำนะคะ นอนพักห้องนี้ก่อน แล้วถ้าดีขึ้นค่อยกลับบ้าน” ผมพลิกตัวกลับมามองอาจารย์ แกล้งทำหน้าเหมือนคนป่วยแล้วพยักหน้าเบาๆ

“ครับ”

“ตายละ ดูสิ แบบนี้จะกลับบ้านไหวไหมเนี่ย นายภาวิทย์ ไปส่งน้องด้วยนะคะ” อาจารย์หันไปบอกกับไอ้ฟาน มันพยักหน้ารับแล้วอาจารย์ก็หยิบกระเป๋าเดินออกจากห้องไป

“น้องปาร์คครับ พี่ขอโทษนะครับ พี่ไม่รู้ว่าน้องมีโรคประจำตัว” ฟานเดินมาอยู่ข้างๆเตียงผม มือหนาถูกส่งมาลูบหัวผมอย่างอ่อนโยน

“มะ..ไม่เป็น..ไรครับ...” ผมแกล้งทำเสียงอ่อน ทำสีหน้าป่วย เนียนไป้อี้กกกก ตุ๊กตาทองไปอี้กกก

“คือว่า... ปาร์คอย่าบอกเพื่อนได้ไหมว่าพี่ใจดีแบบนี้ ช่วยแกล้งทำเป็นกลัวพี่แบบเดิมได้ไหม” ฟานดูมีท่าทีกังวลเล็กน้อย คงกลัวว่าผมจะไปบอกเพื่อนๆว่ามันช่างแตกต่างกับไอ้คนที่ไล่คนทั้งชั้นปีออกจากตึกคณะ

“ได้..ครับ”

“โอเคเลย ขอบคุณมากครับ” แล้วใบหน้าคมก็ส่งยิ้มหล่อมาให้ผม ถ้าผมเป็นผู้หญิงนี่คงกรี้ดแตกตรงนี้ไปแล้ว ติดแต่ว่าผมเป็นผู้ชาย ผมเลยไม่ได้รู้สึกอะไร รู้สึกแค่ว่ามันก็ดูหล่อเหมือนพี่มันหนะแหละ


ผมแกล้งนอนอยู่ในห้องพยาบาลอีกซักพัก โดยมีฟานนั่งกดโทรศัพท์รออยู่ข้างๆ แล้วก็มีผีคริสที่ยืนมองน้องชายมันอยู่ ตอนนี้ข้างนอกคงจะมืดค่ำแล้ว คงได้เวลากลับหอซักที

ผมลุกขึ้นจากเตียง ฟานรีบพุ่งเข้ามาพยุงผม ผมแกล้งทำเป็นยกมือขึ้นมากุมหัวไว้ ไม่ได้ปวดหัวอะไรหรอก ...ผมพึ่งตื่น แล้วฟานก็พยุงผมให้เดินออกมาจากห้องพยาบาล ตอนนี้ตึกคณะเงียบเชียบ มีเพียงอาจารย์ไม่กี่คนที่นั่งอยู่ในห้องธุรการ

“ไม่ต้องพยุงผมแล้วครับ ผมเดินไหว”

“ไหวแน่นะ”

“ก็ต้องไหวสิฟาน ปาร์คมันแกล้ง ฮ่าๆ” เสียงของคริสหัวเราะออกมา ฟานคงไม่ได้ยินเสียงของคริส เลยไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมา


ตอนนี้เราสามคน......ไม่ใช่ดิ ต้องสองคนหนึ่งผี กำลังเดินไปทางประตูของมหาลัย เราเดินกันไปเงียบๆ คริสที่เดินข้างน้องชายของมันกำลังลูบหัวน้องชายที่ตัวสูงเท่าๆกับมัน ดวงตาแสดงความรักความคิดถึงออกมาอย่างล้นเหลือ เวลา7ปีที่มันติดอยู่ที่ห้องนั้น มันคงจะคิดถึงครอบครัวมันมาก

ผมมองใบหน้ายิ้มแย้มมีความสุขของไอ้คริสก็รู้สึกว่าผมคงทำถูกแล้วแหละที่ตัดสินใจช่วยมัน ไม่รู้ทำไมตอนที่มันยิ้มผมถึงได้มีความสุขตามมันไปด้วย หลายคนอาจจะเคยได้ยินประโยคที่ว่า ที่สุดของความสุข คือความสุขจากการให้ ถึงแม้เราจะไม่ได้อะไร แต่เราก็ได้ความสุขใจกลับมา หลายคนคงจะไม่เคยได้ยินกัน เพราะผมพึ่งคิดเองตะกี้เลย ฮ่าๆ


“น้องอยู่หอไหนครับ” ฟานพูดทำลายความเงียบ เราเดินมาเรื่อยๆจนถึงซอยหลังมหาลัย

“หอท้ายซอยครับ” ผมหันไปดูฟานที่ตอนนี้มีสีหน้าแปลกๆ เหมือนกำลังแปลกใจแล้วก็เหมือนกับว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่มันก็ไม่ได้พูดอะไร เราเดินผ่านที่โล่งๆแล้วก็ป่ารกๆจนเริ่มมองเห็นตึกรูปตัวยูอยู่ข้างหน้า คิ้วหนาของฟานขมวดมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนคริสกำลังยกมือขึ้นมาพาดไหล่น้องชายของมัน ใบหน้ายิ้มแย้มแลดูมีความสุข ผมเลยตัดสินใจว่าควรจะถามเรื่องที่ผมควรจะถามซักที

“พี่ครับ... พี่มีพี่ชายหรือเปล่าครับ” ผมลองถามหยั่งเชิง ฟานหยุดเดินแล้วมองหน้าผมด้วยสีหน้าแปลกๆ มันทำสีหน้าแบบว่า ผมอาจจะเป็นคนที่ฆ่าพี่มัน

“น้องถามทำไมครับ” น้ำเสียงขุ่นเคืองถูกส่งมาจากริมฝีปากหนา ผมชักจะสงสัยกับอาการของไอ้ฟานซะแล้วสิ หรือว่าจะเป็นพี่ฟานที่ฆ่าไอ้คริส หลังจากนั้นก็ศัลยกรรมหน้าตาให้เหมือนคริสเพื่อเหตุผลบางอย่าง และแล้ว ปริศนาก็ได้รับการไขให้กระจ่าง ถึงตัวจะเป็นเด็กแต่สมอ......

รำค้าญ !

“ผมแค่สงสัยอะครับ สรุปแล้ว พี่มี...” แล้วก่อนที่ผมจะพูดจบประโยค ฟานก็พูดประโยคที่ทำให้ทั้งผมและคริสต้องยืนตะลึง


“ฉันไม่เคยมีพี่ชาย”

ออฟไลน์ benzdekba

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 503
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
 :ling1:ถ

ออฟไลน์ Biwty...

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 985
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
แอ่ะ :ling2:
ต่อๆๆ งึยยยยยยย กำลังเพลินนเบยยยค่ะ :ling1:

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
ผมเคยอ่านแบบเดิมแล้ว อ่านเวอรชั่นนี้ก็สนุกมากๆ ยังตลกเหมือนเดิมคับ
  รออ่านตอนต่อไปคับ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
รอบนี้จะยาวขึ้นไหมคะเนี่ย. ช่วงแรกๆยังเหมือนเดิมเลยนะ
เราขอให้แก้ช่วงหลังๆได้ไหมคะ. เพราะว่าช่วงแรกเราผูกพันกับคริสมากเลยก้อเลยเชียร์ฟานไม่ค่อยลง

ออฟไลน์ niightziiz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-0


•HANDSOME GHOST•
[8]- ถูกหรือผิด ?



“ฉันไม่เคยมีพี่ชาย” พูดจบไอ้พี่ฟานมันก็หันหลังเดินกลับทันที ผมหันไปมองผีตนข้างๆ มันกำลังอึ้งๆที่ได้ยินคำพูดนั้นจากน้องชายตัวเองแล้วผมก็หันไปทางคนที่เดินกลับไปทางเดิม แผ่นหลังกว้างนั่นกำลังสั่นเทา

“กูไปพูดอะไรสะกิดต่อมน้องมึงหรือเปล่าวะ”

“ฉันคิดว่าฟานคงจะยังทำใจเรื่องฉันไม่ได้” มันพูดกับผม แต่ตายังมองไปทางน้องชายตัวเองที่ตอนนี้เดินจนลับตาไปแล้ว คริสมันกำลังจะตามน้องมันไปแน่ๆ แต่ผมรีบคว้ามือเย็นๆนั่นไว้ก่อน

“มึงอย่าพึ่งไปตอนนี้เลย มึงไปมึงก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี น้องมึงมองไม่เห็นมึงนะ” มันพยักหน้าช้าๆแล้วเดินตามผมขึ้นห้องแทน


หลังจากขึ้นมาบนห้อง ไอ้คริสก็เอาแต่นั่งเหม่อ มันเงียบลงไปอย่างเห็นได้ชัด นี่ขนาดผมแก้ผ้าต่อหน้ามัน มันก็ยังไม่สนใจ กลับนั่งนิ่งเหม่อมองฝาผนัง ผมมองหน้ามันสลับกับผนังตรงหน้า แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรน่าสนใจอยู่บนผนังเลย ที่น่าสนใจนี่มันต้องตัวผมต่างหาก

“มึงอย่าพึ่งคิดมากตอนนี้เลยน่า น้องมึงอาจจะรับไม่ได้กับการตายของมึงแบบที่มึงบอกก็ได้นะ”ผมตบบ่ามันแล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่อยู่หลังห้อง เดินเข้าห้องน้ำ และในตอนที่ผมกำลังจะปิดประตูห้องน้ำ ไอ้คริสก็ดันประตูเข้ามาก่อน

“ฉัน....สระผมให้”ยังไม่ทันที่ผมจะอนุญาต มันก็เข้ามาในห้องน้ำแล้วล็อคประตูเรียบร้อย ผมปล่อยให้มันราดน้ำผมตั้งแต่หัวจรดเท้า มันบีบแชมพูใส่มือแล้วแล้วค่อยๆขยี้เบาๆบนผมของผม

มือเย็นที่ขยี้หัวผมอยู่ทำเอาผมแทบเคลิ้ม มันสบายซะจนผมอยากจะซื้อเตียงสระผมแล้วให้มันสระให้ผมเช้าเย็น ติดแค่ผมไม่มีตังค์เท่านั้นเอง

“มึงก็อาบน้ำด้วยกันก็ได้นะ กูไม่ถือ”ผมตัดสินใจบอกมันไปแบบนั้น เพราะคิดว่ามันคงจะสบายใจขึ้นถ้าหากอาบน้ำให้สดชื่นซะหน่อย

“จะดีหรอ?”

“มึงจะถามทำไมถ้ามึงจะถอดชุดออกหมดขนาดนั้นอะ” ผมมองมันที่ตอนนี้เหลือเพียงชั้นในสีขาวเพียงตัวเดียว ยอมรับและยอมแพ้แบบลูกผู้ชายเลยว่า มันหุ่นดีกว่าผมมาก กล้ามเนื้อพอประมาณ แต่สวยได้รูป ผิวซีดขาวนั่นก็ไม่สามารถบดบังผิวเนียนนั่นได้เลย มันส่งยิ้มน้อยๆพร้อมกับเอื้อมไปด้านหลังผม หยิบฝักบัวมาราดฟองสบู่บนหัวผมออก

“ไอ้คริส น้ำเย็น !” ผมรีบโดดหลบฝักบัวนั้นแล้วเอื้อมตัวลงไปตักน้ำในถังน้ำที่ผมมั่นใจว่ามันต้องเย็นก็ฝักบัวแน่ๆ แล้วเทศกาลสงกรานต์ก็เริ่มขึ้นในห้องน้ำของผม

“ฮ่าๆๆๆ พอแล้วๆ” มันยกมือยอมแพ้ แล้วเราก็เริ่มอาบน้ำกันได้ซักที แต่อาบได้เพียงแค่แป้บเดียวผมก็ต้องรีบอาบให้เสร็จโดยไว เพราะรู้สึกว่าอะไรบางอย่างที่อยู่ภายใต้กางเกงในสีขาวของไอ้คริสมันกำลังเริ่มแข็ง  ผมสาบานว่าไม่ได้มอง แต่มันใหญ่จนแทบจะแทงตาผมอยู่แล้ว !

คิดผิดจริงๆที่อาบน้ำกับมึงเนี่ย ไอ้ผีลามก !


ผมออกจากห้องน้ำไม่นาน ไอ้ผีลามกก็เดินออกมาจากห้องน้ำตาม

“เสื้อผ้าฉันเปียกหมดแล้ว”มันชูชุดนักศึกษาที่ชุมน้ำขึ้นมาให้ผมดู ผมพยักหน้าแล้วค้นเสื้อผ้าในตู้ให้มันใส่

“ฉันใส่เสื้อผ้านายไม่ได้”

“กูไม่เป็นสังคังหรอกน่า ใส่ๆไปเหอะ”

“ไม่ได้กลัวนายเป็นสังคัง แต่เสื้อผ้าที่วิญญาณอย่างฉันจะใส่ได้มันต้องให้พระทำพิธีให้ อย่างเสื้อผ้าฉันที่อยู่ที่บ้าน ฟานคงให้พระทำพิธีมาให้”

“มึงจะให้กูบวชเป็นพระเลยหรอ ?”อันนี้ผมถามเอาฮา

“เฮ้อ เอาเป็นว่า เดี๋ยวฉันมาละกัน”แล้วมันก็หายตัวไป ทิ้งไว้แต่รอยน้ำบนพื้นกระเบื้องหน้าห้องน้ำ
ผมจัดการใส่เสื้อผ้าและเตรียมตัวนอน กำลังจะเอื้อมไปปิดไฟบนหัวเตียง แต่มือซีดขาวก็กดปิดสวิซไฟให้ผมก่อน ผมล้มตัวลงนอนแล้วดึงหมอนใบข้างๆมากอด

“อ้าว แล้วฉันจะหนุนหมอนใบไหนหละ” มันเดือดร้อน ผมคืนหมอนให้มันแล้วนอนกอดอกแทน


ผมเป็นคนติดหมอนข้างมากๆ เพราะงั้นผมจึงนอนไม่หลับถ้าไม่ได้กอดหมอนข้าง ผมนอนหมุนตัวไปมา เพราะเตียงก็ไม่ได้ใหญ่มาก แถมยังมีผีตัวใหญ่ๆมานอนข้างๆอีก

“นายนอนไม่ได้หรอ ?”

“กูติดหมอนข้าง”ผมพูดทั้งๆที่ยังหลับตาอยู่

“งั้นก็กอดฉันสิ ฉันไม่ถือ”มันว่างั้นแล้วมันก็ขยับเข้ามาใกล้ๆผมให้ผมกอดได้ถนัดขึ้น

เอาวะ คืนเดียว ไม่เสียหายหรอก

ผมดึงร่างกายเย็นเข้ามากอด คิดซะว่ามันเป็นหมอนข้างแบบเย็น เหมาะกับอากาศร้อนๆในคืนนี้เป็นอย่างยิ่ง


และผมก็คงคิดผิดเพราะตอนเช้าที่ผมตื่นมา คนที่ถูกกอดก็กลายเป็นผม แถมยังมีอะไรบางอย่างที่โคตรแข็งเบียดอยู่ตรงก้นผม

“ไอ้ผีลามก !! ฟรรคคค !!”ผมตื่นทันที แกะแขนที่กอดผมออก แล้วยกเท้าขึ้นถีบจนไอ้ผีตัวข้างๆกระเด็นไปติดผนังห้อง

“โอ้ย ! นายถีบฉันทำไมเนี่ย”

“ก็มึงเอาของมึงมาจิ้มก้นกูทำไมหละ” ผมชี้ไปที่ส่วนกลางลำตัวของมัน มันมองตามมือผมแล้วยักไหล่

ยักไหล่หาพ่องงงง

“มันก็เรื่องธรรมดาของผู้ชาย ของนายก็แข็งไม่ใช่รึไง”มันชี้มาที่ของผมบ้าง ผมหยิบหมอนปาใส่มันไปใบหนึ่ง

“กูไม่ได้เอาของกูไปจิ้มตูดมึงหนิวะ !”

“หึหึ โทษทีๆ” มันยกมือยอมแพ้แบบที่ชอบทำ

“แล้วนี่กี่โมงแล้วหละ ฟ้าสว่างขนาดนี้ ต้องสายแล้วแน่ๆ”ผมหยิบโทรศัพท์ที่วางไว้ข้างหมอนขึ้นมาดูเวลา

“ไอ้เชี้ย ! เจ็ดโมงแล้ว !” ผมรีบกระโดดลงจากเตียง คว้าผ้าเช็ดตัว เข้าห้องน้ำแล้วรีบอาบน้ำให้เร็วที่สุด ผมมีเวลาอีกครึ่งชั่วโมงในการรีบไปมหาวิทยาลัย เพราะพี่ๆนัดไว้เจ็ดโมงครึ่ง เพื่อที่จะไปส่งปีหนึ่งเข้าเรียนเหมือนเมื่อวาน

ผมอาบน้ำเสร็จก็รีบพุ่งตัวออกจากห้องน้ำ ไอ้คริสถือชุดนักศึกษา ไว้ให้ผมเรียบร้อยแล้ว ผมหยิบมาใส่ รีบจัดของใส่กระเป๋าเสร็จแล้วก็รีบวิ่งออกมาจากห้อง

“ล็อคห้องให้กูด้วย เจอกันที่มหา’ลัยนะ”มันพยักหน้าแล้วผมก็ออกตัววิ่งลงมาจากตึกรูปตัวยู วิ่งออกมาจนถึงกลางซอย กะว่าจะขึ้นวินเพราะมันเร็วดี แต่ตอนนี้กลับมีนักศึกษายืนต่อแถวเพื่อรอขึ้นวิน
ถ้าต่อแถวรอขึ้นต้องไม่ทันแน่ๆ เอาวะ วิ่งก็วิ่ง


ผมตัดสินใจวิ่งออกมาจากซอย กว่าจะมาถึงปากซอยได้ก็เล่นเอาหอบแฮ่ก แต่แล้วก็เหมือนสวรรค์เป็นใจ ตอนที่ผมกำลังวิ่งตรงไปยังทางมหาลัย รถเก๋งสีดำก็ชะลอรถชิดฟุตบาท

“น้องปาร์ค ขึ้นมาสิ เดี๋ยวไปม.ไม่ทันนะครับ”เป็นพี่ฟานที่เปิดกระจกรถแล้วเรียกให้ผมขึ้นไปบนรถคันนั้น ผมยิ้มอย่างดีใจแล้วรีบวิ่งไปขึ้นรถอีกด้าน พอประตูรถถูกปิดพี่ฟานก็ถามผมทันที

“ปีสองนัดกี่โมงครับ?”

“เจ็ดโมงครึ่งครับ อีกห้านาทีจะทันป่าวพี่” ผมมองนาฬิกาที่คอนโซลหน้ารถ เจ็ดโมงยี่สิบห้า ห้านาทีกับระยะทางอีกเป็นกิโล แถมรถยังไปได้ช้าๆแบบนี้ คงไม่ทันแน่ๆ

“ไม่ทันหรอกครับ แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ไปส่งหน้าห้องเรียน น้องปาร์คเรียนวิชาอะไรหละ”ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูตารางเรียน

“อินฟอเมชั่นมีเดียครับ ห้องเรียน LH1-332 LH1นี่ใช่ศูนย์เรียนรวม1หรือเปล่าครับ”

“ใช่ครับ เดี๋ยวพี่ไปส่งหน้าห้องละกัน”

ไม่นานเราก็มาถึงมหาวิทยาลัย พี่ฟานขับรถมาจอดที่ลานจอดรถของตึกที่ผมเรียน

“เดี๋ยวผมขึ้นห้องเองก็ได้ครับ ขอบคุณมากครับ” ผมยกมือไหว้ขอบคุณแล้วรีบวิ่งขึ้นไปข้างบนตึกเรียน พอมาถึงหน้าห้องก็เจอกับเพื่อนๆที่นั่งอยู่ในห้องเรียนก่อนแล้ว และมีบางส่วนที่ยืนคุยกันอยู่หน้าห้องก็มีเพราะอาจารย์ยังไม่เข้า

ผมเปิดประตูเข้าไปแล้วหาที่นั่งแถวๆหลังห้อง ถอนหายใจด้วยความเหนื่อย ที่ต้องรีบมาแต่เช้าแบบนี้ก็เพราะผมยังไม่รู้จักที่ทางในมหาวิทยาลัย จึงต้องให้พี่ปีสองเป็นคนพามา ถ้าวันนี้ให้วิ่งมาตึกนี้เองผมก็คงมาไม่ถูก โชคดีโคตรๆที่พี่ฟานมารับซะก่อน

“โชคดีจังที่มาทัน”เสียงไอ้คริสดังขึ้นข้างตัว พร้อมๆกับการปรากฏตัวของมันในชุดนักศึกษา ผมหันไปมองหน้ามันที่กำลังยิ้มๆให้ผมอยู่ ถ้ามันเป็นคนมันคงหล่อมากอะ ผมอิจฉามันจริงๆ

“น้องมึงให้กูติดรถมาด้วย”

“เห็นไหมหละ น้องชายฉันหนะใจดี”

“แต่หน้าน้องมึงแปลกๆนะวันนี้ ตาบวมหน่อยๆ แถมยังเหมือนคนไม่ได้นอนอีกต่างหาก”ผมบอกเล่าถึงใบหน้าน้องชายของมันที่ดูโทรมๆให้มันฟัง

“เมื่อคืนฟานนอนร้องไห้ทั้งคืน ฉันคิดว่าคำพูดของนายคงจะไปกระทบแผลในใจของน้องชายฉันเข้า”มันพูดน้ำเสียงเศร้าจนผมรู้สึกผิด แต่ไอ้นิสัยปากไวของผมนี่มันห้ามไม่ได้จริงๆ

“กูขอโทษด้วยละกัน”ผมพูดจบก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินตรงมาทางผม หล่อนนั่งลงที่เก้าอี้ข้างตัวผม

“นี่ๆ นายชื่ออะไรหรอ”เธอเอ่ยน้ำเสียงหวาน

“ปาร์ค เธอหละ ?”ผมถามกลับตามมารยาท

“เราชื่อทราย นี่ๆ เราขอถามอะไรหน่อยสิ” ผมพยักหน้าให้เธอ เธอยิ้มดีใจก่อนจะถามผม “เมื่อตะกี้ มีคนเห็นพี่ฟานมาส่งนายที่หน้าตึกด้วยอะ ทำไมพี่ฟานถึงมาส่งนายได้หละ”

เอาหละสิ ผมจะตอบหล่อนว่ายังไงดีเนี่ย

“เมื่อวานเราเข้าโรงพยาบาลหนะ”

“เอ๋.. แล้วพี่ฟานเกี่ยวอะไรอะ”เธอทำหน้าสงสัย ผมเลยแกล้งทำสีหน้าเหมือนจะร้องไห้

“มะ...เมื่อวาน...ที่เราโดนว้ากเดี่ยว... เราชักหนะ ต้องเข้าโรงพยาบาล แล้วเช้านี้พะ...พี่ฟานเลยไปเช็คว่าเรายัง...โอเคหรือเปล่า...แล้ว...เขาก็บังคับให้เรามามหาลัยเพราะไม่อยากให้ปีหนึ่งขาดเรียนหนะ”ผมแสร้งหลบสายตาเธอ แอบได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆมาจากไอ้ผีที่นั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่ง

“อุ้ย~~ หล่อแถมยังใจดีด้วย” เธอทำสีหน้าปลื้มปริ่มสุดฤทธิ์

“ถ้า....ถ้าเธอเจอแบบที่เราเจอ... เธอจะไม่คิดว่าเขาใจดีแน่ๆ”แล้วผมก็แกล้งร้องไห้และสั่นด้วยความกลัว

“เนียนมาก”ไอ้ผีตัวข้างๆพูดขึ้น

“เงียบน่า !”

“น่ากลัวจัง.... แต่ฉันก็ยังชอบเขาอยู่ดีแหละ คนอะไรก็ไม่รู้ หน้าตาเหมือนพ่อของลูก” ผมส่ายหน้าให้กับความเพ้อฝันของผู้หญิง เธอลุกขึ้นและเดินกลับไปที่กลุ่มเพื่อนของเธอ และเริ่มเล่าเรื่องราวอย่างออกรถออกชาติ เพื่อนของเธอหันมามองผมเป็นระยะๆ พร้อมกับทำหน้าตาที่แสดงออกว่าอึ้งกันสุดๆ

“น้องมึงกลายเป็นคนโหดร้ายขึ้นมาทันตาเห็นเลยหวะ”

“นายก็รู้อยู่แก่ใจนี่ ว่าน้องชายฉันหนะใจดีขนาดไหน”

“น้องชายมึงหนะอ่อนโยน” หรือไม่การกระทำนั่นก็เป็นแค่หน้ากากที่น้องมึงสร้างขึ้นมาเพื่อปิดบังความโหดร้ายของตัวเองหละมั้ง
ผมได้แค่คิดในใจ ไม่กล้าพูดออกไปตรงๆแบบนั้น บอกตรงๆว่าตอนนี้ผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งที่ผมสงสัยก็คือน้องชายของมันนี่แหละ


การเรียนของผมยังคงเป็นปกติดี ผมเริ่มมีคนเข้ามาทำความรู้จักมากขึ้น ส่วนใหญ่ก็ถามถึงเรื่องราวที่ผมโดนว้ากเดี่ยวจนชักนั่นแหละ ไม่มีใครคิดอยากจะสนิทกับผมหรอก เพียงแค่เข้ามาคุยเพื่อหาข่าวไว้ไปนินทากันสนุกปาก แต่ผมก็หาได้แคร์ไม่

ตกเย็นก็มีกิจกรรมเหมือนเมื่อวาน พี่ปีสองสอนปีหนึ่งร้องเพลงของมหาวิทยาลัยบ้าง ตอบคำถามเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยบ้าง จนเวลาล่วงเลยมาถึงค่ำแล้ว ก็ได้เวลาปล่อยให้พวกผมกลับที่พักกันเสียที

แต่ก่อนที่พวกผมจะได้แยกย้ายกันกลับ ไอ้คนที่อยู่ในหัวผมทั้งวันก็เดินผ่านใต้ตึกคณะ แต่แปลกที่วันนี้มันเดินคนเดียว ใบหน้านั่นเหม่อลอย รุ่นน้องหลายคนยกมือไหว้มันแต่มันก็ไม่สน แม้แต่เพื่อนทักมัน มันยังทำเพียงแค่หันไปยิ้มน้อยๆเท่านั้น ก่อนจะโบกมือลาแล้วเดินออกจากตึกคณะไป พอรุ่นพี่ปล่อยให้เราแยกย้ายกันกลับได้ผมก็รีบเดินตามไปทันที

พี่ฟานเดินผ่านตึกของคณะต่างๆมาจนถึงประตูมหาวิทยาลัย มันเดินแบบไม่มองทางด้วยซ้ำ เอาแต่ก้มหน้าก้มตาแล้วเดินไปเรื่อยๆ...แล้วรถมันหละ มันขับมาไม่ใช่หรอ ?

ผมเดินตามพี่ฟานไปเรื่อยๆ ที่แปลกกว่าการที่มันเดินกลับคือมันเลี้ยวเข้าซอยหอของผม มันเดินผ่านร้านขายอาหาร วินมอไซต์ ผ่านกองขยะข้างทาง ผ่านที่โล่งกว้าง แล้วก็หยุดยืนอยู่หน้าตึกรูปตัวยู

หอพักที่ผมอยู่.....

......หอพักที่พี่มันตาย

พี่ฟานเงยหน้ามองตึกตรงหน้า ถอนหายใจหนึ่งครั้งแล้วเดินเข้าไปภายในตัวตึก ผมขมวดคิ้วแน่น ความสงสัยมากมายก่อตัวขึ้นในหัวผม

“ไอ้คริส ! มึงอยู่ไหนเนี่ย”ผมพูดขึ้นมา มองไปรอบๆตัว หวังว่าให้ไอ้ผีตัวข้างๆมาให้คำตอบกับผม แต่มันก็ไม่มา

ผมตัดสินใจเดินเข้าไปภายในหอพักของผม เสียงเดินขึ้นบันไดช้าๆดังตามทางขึ้น เสียงฝีเท้าราวกับคนที่เหมือนกับลังจะหมดแรง เหมือนกลัวอะไรบางอย่าง

ผมเดินตามขึ้นมาจนถึงชั้นหก ที่น่าตกใจคือพี่ฟานกำลังยืนอยู่หน้าห้องผม มันจ้องตัวเลขบนบานประตู มือหนาค่อยๆลูบที่แม่กุญแจที่ล็อคอยู่หน้าห้อง สีหน้านั่นดูโคตรเหนื่อย อ่อนล้า แววตาโคตรเศร้า แล้วเขาก็พูดกับประตูนั่นด้วยเสียงเบา แต่ผมกลับได้ยินเต็มสองหัว



“ฟานคิดถูกหรือเปล่านะ ที่ปล่อยให้เรื่องนี้มันเกิดขึ้น...”


ออฟไลน์ niightziiz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-0

•HANDSOME GHOST•
[9]-น้องชายผู้อ่อนโยน



“ฟานคิดถูกหรือเปล่านะ ที่ปล่อยให้เรื่องนี้มันเกิดขึ้น...”

“พี่มาทำอะไรที่นี่หรอครับ?”ผมเดินเข้าไปถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ปกปิดความอยากรู้และความสงสัยของผมทั้งหมดไว้

“เอ่อ...คือ...พี่...เอ่อ...”น้ำเสียงตะกุกตะกัก แววตาที่ลอกแลกมองไปมา ไม่ยอมสบตากับผม

“แล้วพี่มาที่ห้องผมทำไมครับ ?” ใบหน้าคมมีสีหน้าแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด

“นี่ห้องน้องปาร์คหรอครับ”

“ใช่ครับ”

“แล้ว...แล้ว...น้องปาร์ค...เคยเจออะไรหรือเปล่าครับ...?”น้ำเสียงเหนื่อยอ่อนนั่นเอ่ยออกมาเบาๆ แต่แววตากลับดูเหมือนมีความหวังแปลกๆ...

“เจอครับ แมลงสาบตัวเบ่อเร่อ”พี่ฟานหน้านิ่งไป

มึง.... มึงไม่ควรตลกเวลานี้นะไอ้ปาร์ค

“ฮะๆ แล้ว....ไม่...ไม่เจออย่างอื่น...บ้างหรอครับ ?”

“เจออะไรครับ ในห้องนี้มีอะไรงั้นหรอครับ ?”ผมพูดราวกับไม่เคยโดนผีพี่มันหลอก ทั้งๆที่ในใจตะโกนบอกเสียงดังว่า กูเจอพี่มึงไงงงง

“นั่นสิ... ฮะๆ จะไปเจออะไรได้ยังไงกัน...”เสียงหัวเราะดังออกมาจากร่างสูงตรงหน้า... ผมแทบจะไม่รู้สึกเลยว่าพี่ฟานกำลังตลกกับสิ่งที่ผมพูดไป กลับกัน... ทำไมผมถึงรู้สึกเศร้ากับน้ำเสียงของคนตรงหน้ากัน

“พี่ลืมรถไว้ที่มหาลัยนะครับ”พี่ฟานทำหน้าคิดตาม

“อ่า จริงด้วย... งั้นพี่ขอตัวไปเอารถก่อนนะครับ”แล้วพี่ฟานก็เดินกลับไปทางเดิม ผมมองตามหลังกว้างนั่นจนสุดสายตา

“น่าสงสารใช่ไหมหละ น้องชายฉันหนะ”ผมไม่ตกใจกับเสียงของไอ้คริสเลย มันเดินไปที่ระเบียงหน้าห้อง ยืนมองน้องชายมันเดินออกไปจากหอพักจนสุดสายตา

“อืม” มันหันกลับมา มือหนาลูบหัวผมก่อนจะจูงมือผมเข้าห้องของเรา


“วันนี้น้องชายฉันมาที่นี่สองรอบแล้ว ตอนเช้าหลังจากที่ไปส่งนายเขาก็มาที่นี่ ยืนอยู่หน้าห้องแบบที่นายเห็น แล้วก็ถามกับตัวเองว่าเขาคิดถูกหรือคิดผิดที่ปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้น”คริสพูดขึ้น หลังจากผมอาบน้ำเสร็จแล้ว

“แล้วมึงคิดไหมว่าน้องมึงมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของมึง”

“น้องชายฉันคงไม่ทำแบบนั้นแน่ๆ.... แต่เขาคงจะรู้สึกผิดอะไรบางอย่าง.... ฉันอยากถามเขาให้แน่ใจซักหน่อย”มันมองหน้าผม แล้วก็นั่งก้มหน้า เหม่อมองไปข้างหน้า ผมเลิกสนใจมันแล้วหาอะไรกินแทน เพราะตอนนี้ผมหิวจนใส้จะขาดกระเพาะจะทะลุแล้ว
ผมได้มาม่ามาห่อหนึ่ง จัดการต้มน้ำร้อนจากกาต้มน้ำ รอให้น้ำร้อน ระหว่างที่กำลังรอให้กาน้ำร้อนเดือด ผมก็หันไปคุยกับไอ้ผีที่กำลังนั่งเหม่อ สงสัยมันกำลังคิดมากอยู่แน่ๆ ว่าทำไมน้องชายมันถึงมีท่าทีซึมเศร้าขนาดนั้น

แล้วในขณะที่ผมกำลังเทน้ำร้อนลงในถ้วยที่มีมาม่าอยู่ รู้สึกถึงสติที่เริ่มเลือนราง ราวกับว่ากำลังจะหลับ..... มองไปรอบตัวไม่เห็นไอ้คริส แต่กลับได้ยินเสียงลอยมาในหัวแทน

“ขอโทษนะที่ต้องทำแบบนี้ แต่ขอยืมร่างนายหน่อย”

“เดี๋ยว.....กูยัง....ไม่ได้แดกมาม่าเลยสัส” แล้วสติผมก็ดับวูบไปในที่สุด


.............................................

.............................

......................

“น้องปาร์ค !”

“..............”

“น้องปาร์คครับ !” เสียงเรียกชื่อของผมดังขึ้นข้างๆหู ผมค่อยๆลืมตาที่หนักอึ้งขึ้น ความรู้สึกบางอย่างค่อยๆไหลมาจากไหนไม่รู้ เป็นความรู้สึกที่ทรมานที่สุดในชีวิตผมก็ว่าได้

โคร้ก~

เสียงท้องร้องผมดังขึ้น ผมกำลังหิว ภาพสุดท้ายก่อนที่สติผมจะดับวูบคือภาพมาม่าแสนอร่อยเต็มถ้วย แล้วนี่ผมอยู่ที่ไหนเนี่ย
ผมมองไปรอบๆ ผมกำลังนอนอยู่บนโซฟาสีน้ำตาลเข้ม แล้วก็ต้องพบกับฟาน น้องชายของคริส ที่ตอนนี้ยืนอยู่ข้างๆโซฟา ถัดไปที่โซฟาอีกตัวมีไอ้ผีคริสนั่งอยู่

“ไอ้เหี้ยคริส มึงสิงกูหรอ !” ผมโวยวายได้แค่นิดเดียว ความปวดหัวก็เล่นงานผม ผมรีบกุมหัวตัวเองแล้วล้มตัวลงนอน

โคร้ก ~~

โอ้ยยยย หิวข้าวก็หิวโว้ยยย กูจะปวดหัวหรือหิวข้าวก่อนดีเนี่ย

“ขอโทษนะ ที่ฉันต้องทำแบบนี้”

“กูไม่ยกโทษให้มึงแน่ ! มึงทำให้กูอดแดกมาม่า !”

“น้องหิวข้าวหรอ เดี๋ยวพี่ทำกับข้าวให้กิน” ผมอาจจะลืมไปว่ายังมีอีกคนนั่งอยู่ตรงนี้ ผมพยักหน้าให้ฟานไปหนึ่งที แล้วก็ล้มตัวลงนอนต่อ ช่วงเวลาที่ผมไม่ได้สติไปผมไม่รู้เรื่องอะไรเลย รู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ที่นี่ซะแล้ว

.... แล้วที่นี่มันที่ไหนฟะ

“นี่กูอยู่ไหนเนี่ย”

“บ้านฉันเอง” คริสตอบก่อนจะลุกมานั่งข้างๆผมแทน มือเย็นค่อยๆลูบหัวผมอย่างแผ่วเบา สีหน้ามันรูสึกผิดไม่น้อยที่ทำให้ผมอดแดกมาม่า

“แล้วน้องมึงจะไม่หาว่ากูบ้าหรอ พูดอยู่คนเดียวเงี้ย” เออหวะ พูดคนเดียวไปตั้งหลายประโยค....

“ไม่หรอก น้องฉันเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว” เออ เข้าใจอะไรง่ายดี ผมไม่อยากคิดอะไรมาก ตอนที่คริสมันสิงผมอยู่มันคงพูดเคลียกับน้องมันไปแล้ว ตอนนี้ผมไม่อยากคิดอะไรนอกจากกลิ่นหอมที่ลอยออกมาจากห้องครัวที่ฟานกำลังทำกับข้าวอยู่

โคร้ก ~~~~

เร็วๆโว้ยยยยย หิวข้าวววว

“แต่ฟานก็ยังมองไม่เห็นฉันเหมือนเดิม ถ้าสมมติว่าฉันอยากจะคุยกับน้องชายฉัน... ฉันขอ...” อยู่ๆคริสมันก็พูดขึ้น ผมเดาได้เลยว่ามันจะขออะไรจากผม

“ไม่ !” พอจบประโยคที่ผมพูด ฟานก็เดินกลับเข้ามาในห้องนี้พร้อมกับจานข้าวผัดที่มีข้าวผัดสีเหลืองอร่ามอยู่พูนจาน ผมรีบลุกขึ้นไปรับจานข้าวผัดทันที ลืมอาการปวดหัวไปชั่วขณะ


พอได้ข้าวผัดมาผมก็ตักกินอย่างไม่ลืมหูลืมตา มันอร่อยเสียจนต้องอุทานออกมาว่า โอ้มายก้อด แต่ติดที่ว่าปากผมกำลังเคี้ยวข้าวอยู่ ทำให้ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้

“อยากกินบ้างจัง” อยู่ๆคริสก็พูดขึ้นทำลายความเงียบทั้งหมด ผมหันไปมองหน้ามันที่กำลังมองจานข้าวผัดกับมองหน้าน้องชายมันแล้วยิ้มน้อยๆ

“ขอถ้วยเล็กๆซักใบนึงได้ไหมครับพี่ฟาน” ถึงผมจะโกรธมันอยู่แต่ผมก็อดสงสารมันไม่ได้ ฟานพยักหน้าแล้วลุกเข้าไปในห้องครัว

“เมื่อก่อนฉันต้องทำกับข้าวให้ฟานกินนะ เดี๋ยวนี้ทำกับข้าวกินเองเป็นแล้ว หมดห่วงไปอีกเรื่อง” พูดจบฟานก็กลับเข้ามาพร้อมกับถ้วยใบเล็กในมือ เขายื่นถ้วยใบนั้นให้พร้อมกับพูดขึ้นมา

“เอาถ้วยมาทำไมหรอครับน้องปาร์ค”

“เอาให้คริสกินครับ มันบอกว่าอยากกิน”

“จริงหรอ อยากกินหรอคริส เอาเลยคริส กินให้อิ่มเลยนะ” ผมยิ้มกับท่าทางดีใจของฟาน มันคงจะมีความสุขไม่น้อยที่มันรู้ว่าพี่มันยังอยู่ข้างๆมัน ผมกำลังจะตักข้าวผัดในจานตัวเองแบ่งใส่ถ้วย แต่ก็ต้องชะงักมือตัวเอง..

.....แล้วเปลี่ยนเป้าหมายเป็นจานของฟานแทน ฮ่าๆ ก็ผมกลัวไม่อิ่มหนิ ฟานไม่ว่าอะไร แถมยังยิ้มดีใจให้ผมอีกต่างหาก พอผมแบ่งใส่ถ้วยแล้วก็ไปวางไว้ตรงหน้าคริส อธิษฐานแบบที่เคยทำครั้งที่แล้ว แล้วมันสูดกลิ่นเข้าจมูกเหมือนเดิมกับที่มันเคยทำเช่นกัน

ฟืดดดด

“โห อร่อยมาก !”

ฟืดดดดด !!

“คริสบอกว่าอร่อยมาก”

“จริงหรอ” ผมพยักหน้าแล้วมองสองพี่น้องที่หน้าเหมือนกัน    ชิบหายสลับกันไปมา ทั้งคู่กำลังยิ้มมีความสุข ผมเองพอเห็นคนอื่นมีความสุขก็อดยิ้มตามไม่ได้ แต่ยิ้มไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่เพราะตอนนี้ข้าวเต็มปากอยู่


“คืนนี้นอนที่นี่ก็ได้นะน้องปาร์ค คือ...พี่.....พี่อยากคุยกับคริส” ฟานพูดขึ้นหลังจากที่เรากินข้าวกันเสร็จหมดแล้ว ผมยังไม่ได้อาบน้ำเลย ชุดอะไรก็ไม่ได้เอามา

“ฉันก็อยากคุยกับฟานเหมือนกัน นายนอนที่นี่นะ” คริสพูดอีกคน ผมเริ่มจะลังเล

“แต่กูไม่มีชุดเปลี่ยน....เอ่อ ผมคุยกับคริสอะครับ” ผมหันไปแก้ตัวกับฟานเพราะกลัวมันจะหาว่าผมขึ้นกูมึงกับรุ่นพี่ ส่วนไอ้คริสไม่นับ เพราะเจอกันวันแรกก็กูมึงเลย

“ไม่เป็นไร นายใส่ชุดฉันก็ได้”

“ชุดมึงเนี่ยนะ กูว่ามันจะหลวมไปรึเปล่า ”

“เออจริงด้วย น้องปาร์คก็ใส่ชุดของคริสก็ได้ครับ พี่ซักเก็บไว้ในตู้อย่างดีเลย” ฟานช่วยพูดอีกคน
นี่ขนาดพวกมึงคุยกันไม่ได้นะ เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย

“ก็ได้ครับ” แล้วผมก็ตอบตกลงไป


ฟานให้ผมขึ้นไปอาบน้ำบนห้องของคริส ของทุกอย่างของคริสถูกดูแลอย่างดีไม่ว่าจะเป็นเตียงหมอนผ้าห่ม เสื้อผ้า โน้ตบุ๊ค ไม่เว้นแม้แต่ของใช้ในห้องอาบน้ำเองก็เช่นกัน ตลอดเวลาที่ผ่านมาฟานคงจะคิดถึงพี่ของเขาและรอให้พี่มันกลับมาตลอด

พออาบน้ำเสร็จผมก็มายืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าของคริส กำลังคิดอยู่ว่าจะใส่บ็อกเซอร์ของมันดีมั้ย ผมย่อตัวลงค้นบ็อกเซอร์ในตู้เสื้อผ้าของมัน ผ้าเช็ดตัวหลุดจากเอวเพราะปมมันหลวม แต่ผมก็ไม่ได้ในสนใจ ในเมื่อผมอยู่ในห้องนี้คนเดียว....

“ก้นนายสวยนะ” ผมรีบหันไปตามเสียงน่ากลัวนั่นทันที ไอ้คริสนั่งอยู่ปลายเตียง มันกำลังจ้องก้นผม !!

“ไอ้เชี้ยคริส ! มึงเข้ามาได้ไงเนี่ย !?” ผมด่ามันแล้วรีบโกยผ้าเช็ดตัวบนพื้นมาบังก้นตัวเองไว้

“ก็นี่มันห้องฉัน ฉันจะเข้าจะออกยังไงก็ได้ หึหึ”มันลุกออกจากปลายเตียงแล้วตรงมาทางผม ผมรีบถอยจนชิดตู้เสื้อผ้า มันกางสองแขนคร่อมผมไว้ ผมหลับตาปี๋ด้วยความกลัว

มันต้องจูบผมแน่ๆ ! เห้ย !

..........แต่มันก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากค้นเสื้อผ้าในตู้มัน

“อะ ตัวนี้ยังไม่เคยใส่” คริสยื่นกางเกงในของมันมาให้ผม... ผมลังเลว่าจะใส่ดีไหม ใจนึงก็ไม่อยากโป้ อีกใจนึงก็กลัวมันจะเป็นสังคัง       แต่แล้วก็ตัดสินใจว่า ตอนนี้ไม่โป้คงจะดีที่สุด ผมคว้ากางเกงในแล้ววิ่งไปทางประตูห้อง

“มึงหันหลังไปเลย” ผมสั่งคริสให้หันหลังไป มันยอมทำตามแต่ก่อนจะหันไปมันก็หัวเราะเบาๆ ผมหันหน้าไปมองมัน กลัวว่ามันจะแอบมองผม ผมหันหลังให้ประตูแล้วจ้องมันไว้ไม่ให้คลาดสายตา

จังหวะที่ผมกำลังยกขาใส่กางเกงใน ประตูห้องคริสก็เปิดออก โดยมีอีกคนยืนอยู่หน้าห้อง
แกร้ก.....

“น้องปาร์ค.......”

“!??!?!?”

“....ก้นน้องปาร์คสวยดีนะ” แล้วไอ้ฟานก็จ้องก้นผมเขม็ง ผมรีบดึงกางเกงในขึ้นมาจนสุดทันที รู้สึกอายมากกว่าไอ้คริสมองซะอีก
ผมรีบเดินไปค้นเอากางเกงกับเสื้อในตู้เสื้อผ้าของคริส ได้มาเป็นชุดบอลสีน้ำเงิน ผมรีบใส่ให้เสร็จทันที ก่อนที่สายตาของจากสองพี่น้องนี่มันจะทำผมไหม้ไปซะก่อน

“พี่ฟานอาบน้ำแล้วหรอครับ” ผมทำเป็นว่าไม่มีเหตุการณ์เมื่อกี้เกิดขึ้น แล้วเดินไปนั่งปลายเตียง ข้างผมมีคริสนั่งอยู่ ส่วนฟานเดินไปนั่งตรงเก้าอี้หน้าโต๊ะคอม

“อาบแล้วครับ น้องปาร์คช่วยเล่าเรื่องคริสให้พี่ฟังหน่อยได้ไหม เอาตั้งแต่เจอกันเลยก็ได้” ฟานดูมีท่าทีดีใจเล็กๆกับการที่จะได้ฟังเรื่องราวของพี่ชายตัวเอง ผมเลยเล่าตั้งแต่เจอกับมันให้ฟานฟัง ฟานเองก็หัวเราะกับความเกรียนของผม ผมหันไปมองคริสที่กำลังมองน้องมันด้วยสายตามีความสุข มุมปากหนายิ้มน้อยๆ มันคงจะดีใจที่เห็นน้องชายมันมีความสุขดี

“คริสมันกำลังยิ้มอยู่ด้วยนะ”

“จริงหรอ...ละแล้ว คริส..พูดอะไร..อีกบ้างไหม” ฟานกำลังร้องไห้ แต่เป็นการร้องไห้จากความดีใจ ผมมองคริสที่ตอนนี้ลุกขึ้นไปกอดน้องมันแล้วให้น้องมันซุกอกร้องไห้.. แต่ภาพนั้นมีแค่ผมที่มองเห็น

“คริสกำลังกอดพี่ฟานครับ”

“ฮึก ! คริส !” แล้วฟานก็ยกสองมือขึ้นมาปิดหน้า มันร้องไห้ออกมาแบบไม่อายใครเลย ฟานคงจะคิดถึงพี่มันมาก

“นายช่วยกอดน้องฉันแทนได้ไหม ฉันกอดแบบนี้แล้วเขาไม่รู้สึกอะไรหรอก” คริสหันมาบอกผม สายตาดูเศร้าสร้อยแต่ก็ดูมีความสุขปนกันไปด้วย ผมชี้นิ้วมาที่ตัวเองแล้วทำปากพูดว่า กูหรอ คริสพยักหน้าอีกครั้ง

ผมลุกจากปลายเตียงแล้วตรงไปหาฟาน ยกมือขึ้นมาดึงหัวของฟานให้หันมาซบอกผม ทำตามที่ผมเห็นคริสทำ ฟานร้องไห้ออกมาหนักกว่าเดิม คริสที่ยืนอยู่ข้างๆผมก็คอยลูบหัวน้องชายตัวเองไปมา


ผมยืนกอดฟานจนมันหยุดร้องไห้ คริสบอกให้ผมบอกน้องมันว่าไปล้างหน้าล้างตาก่อน ผมเลยบอกฟานว่าคริสบอกให้ผมบอกฟานว่าให้เข้าไปล้างหน้าล้างตาก่อนแล้วค่อยออกมาคุยกันต่อ โอ้ยอะไรมึงเนี่ยไอ้ปาร์ค งงไหมสัส !

“เข้าเรื่องเลยดีกว่า” พอฟานออกจากห้องน้ำมาก็พูดขึ้นทันที เขานั่งลงที่เดิมก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่เครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

“เข้าเรื่องอะไรครับ”

“อีกสองปีก็ครบกำหนดปล่อยตัวพี่โฬมแล้ว”

“พี่โฬมคือใครครับ ?”

“แฟนของคริสหนะ” ผมขมวดคิ้วทันที ปล่อยตัวแฟนของคริส ก็แปลว่าตอนนี้เขาอยู่ในคุกสินะ แต่ทำไมคดีฆ่าคนถึงจำคุกแค่9ปีเองหละ

“ทำไมจำคุกแค่9ปีเองหละครับ มันเป็นคดีฆ่าคนไม่ใช่หรอ” ผมหันไปมองคริสที่ตอนนี้คิ้วหนาขมวดมุ่น แล้วฟานก็พูดต่อ

“ตอนขึ้นศาล พี่โฬมยอมรับต่อศาลว่าเป็นคนฆ่าคริส ศาลเห็นว่าพี่โฬมไม่เคยก่อคดีอะไร เลยลดโทษให้กึ่งหนึ่ง จาก18ปีเหลือ9ปี” ผมกับ คริสคิ้วขมวดยิ่งกว่าเดิม

“คนที่ฆ่าฉันเป็นผู้หญิงนะ”คริสพูดขึ้น

“คริสบอกว่าคนที่ฆ่ามันเป็นผู้หญิง” ผมพูดประโยคของคริสให้ฟานฟัง ฟานพยักหน้าและไม่มีสีหน้าแปลกใจอะไรเลย ฟานพูดต่อ

“ฉันเองก็แปลกใจเหมือนกัน ที่ตอนนั้นพี่โฬมยอมรับว่าเป็นคนฆ่าคริส แล้วบอกเหตุผลว่าเกิดจากการนอกใจ ทั้งๆที่ตอนนั้นคริสเองก็คบกับแฟนอยู่แค่คนเดียว แล้วสองคนนั้นก็รักกันมาก พี่เองก็ไม่คิดว่าพี่โฬมจะฆ่าคริสได้ลงหรอก”

“แล้วพี่รู้ไหมว่าใครเป็นคนฆ่าคริส”



“พี่คิดว่าพี่รู้นะ”


++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ก่อนอื่นต้องขออภัยที่หายไปสองวันเต็มๆ คือป่วยหนักมาก เรียนหนักมาก กิจกรรมเยอะมาก เยอะซะจนตั้งแต่พรุ่งนี้ไปจนถึงกลางเดือนหน้า ไนท์ไม่มีวันหยุดเลยซักวัน ยังไงก็ขอคอมเมนท์เป็นกำลังใจให้ไนท์ด้วยนะครับ ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์เลยครับ  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ wnkth

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2
แวะมาติดตาม อันนี้เอามาลงอีกรอบหรอครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
อยากอ่านต่ออะ ฉบับเขียนใหม่ก็สนุกคับ  ขอเป็นกำลังใจให้ผู้แต่งนะคับ สู้ๆ ดูแลสุขภาพตัวเองด้วยคับ
  รออ่านตอนใหม่คับ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :L2:   ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ Biwty...

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 985
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1

ออฟไลน์ niightziiz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-0


•HANDSOME GHOST•
[10]-คนที่ไม่ควรจะอยู่ตรงนี้



“ขอโทษนะที่ต้องทำแบบนี้ แต่ขอยืมร่างนายหน่อย” แล้วผมก็พุ่งเข้าใส่ร่างตรงหน้า ...ร่างของปาร์คเซไปด้านหลังเล็กน้อย ผมค่อนข้างจะลำบากในการควบควมจิตของปาร์ค เพราะไม่รู้ว่าจิตของปาร์คมันแข็งมากหรือมันทื่อมากกันแน่

“เดี๋ยว.....กูยัง....ไม่ได้แดกมาม่าเลยสัส” ปาร์คบ่นออกมา ก่อนที่เสียงของเขาจะหายไป
และในที่สุดผมก็อยู่ในร่างของปาร์คได้สำเร็จ ผมรีบออกจากห้อง วิ่งลงมาจากหอ แล้วตรงไปที่ซอยข้างๆทันที ซอยที่น้องผมอาศัยอยู่ เขายังอยู่บ้านหลังนั้น แล้วก็อยู่คนเดียวมากว่า7ปี ผมไม่รู้ว่าเขาจะต้องเหงาแค่ไหนกับการอยู่อย่างโดดเดี่ยวมาตลอด7ปี

ไม่นานผมก็วิ่งมาถึงหน้าบ้านของตัวเอง ไฟในบ้านเปิดไว้แค่บางห้อง บ้านหลังนี้ช่างเงียบสงัด ถ้าผมมาด้วยตัวเอง ผมคงจะหายตัวเข้าไปดูแล้วว่าน้องชายผมกำลังทำอะไรอยู่ แต่นี่ผมมาโดยอาศัยร่างของปาร์ค ผมกำลังลังเลว่าควรจะพูดในฐานะพี่ชายหรือในฐานะของปาร์คดี..... ถ้าพูดในฐานะตัวผมเอง คงจะตอกย้ำแผลในใจของน้องชายตัวเองมากเกินไป แต่ในเมื่อผมต้องการที่จะเคลีย ต้องการที่จะพูดกับน้องชายตัวเองให้รู้เรื่อง ผมคงต้องจำใจพูดความจริง แต่น้องชายผมจะเชื่อไหมผมไม่รู้ ผมรู้แค่ว่าผมจะทำให้ดีที่สุด ผมไม่อยากให้น้องชายผมเสียใจอีกแล้ว
ผมกดออดเพื่อเรียกคนในบ้านให้มองมาเปิดประตูให้ผม ฟานเปิดผ้าม่านเผื่อดูว่าใครมา พอเห็นว่าเป็นปาร์คก็คงจะสงสัยว่าปาร์คมาหาถึงบ้านได้ยังไง ไม่นานฟานก็เดินออกมา เขาคงกำลังจะถามว่าผมมาทำไม แต่ผมรีบตัดหน้าพูดเสียก่อน

“ฟาน เปิดประตูให้พี่หน่อย” ฟานทำหน้าแปลกใจขึ้นมาทันที

“พี่? ตลกละน้องปาร์ค” น้ำเสียงสั่นๆนั่นทำให้ผมเริ่มลังเล แต่ในเมื่อผมต้องการเคลีย ผมไม่ต้องการเห็นน้องชายผมเป็นทุกข์ ผมจึงพูดคำพูดที่คิดว่าอาจจะทำร้ายจิตใจเขามากที่สุดตอนนี้

“พี่เอง คริสไง ฟานให้พี่เข้าไปคุยกับฟานก่อนได้ไหม” ฟานมองผมอึ้งๆ คงจะยังไม่เชื่อ เขาอาจจะกำลังคิดว่าทำไมปาร์คถึงรู้ว่าเขามีพี่ชายชื่อคริส ฟานกำลังจะหันกลับเข้าไปในบ้าน แต่ผมรีบเอื้อมมือข้ามรั้วเหล็กตรงหน้าไปคว้ามือของน้องชายไว้

“น้องกลับบ้านไปเถอะ พี่ไม่อยากคุยอะไรไร้สาระ”

“เรื่องที่พี่ตายไปมันไร้สาระสำหรับฟานหรอ พี่คิดมากแค่ไหนรู้ไหม พี่กังวลที่ต้องทนเห็นน้องชายของตัวเองทำหน้าเศร้าจนพี่ต้องยืมร่างของปาร์คเพื่อมาหาฟาน”

“……………..”

ฟานเหมือนจะสะดุดกับคำพูดของผม เขาเหมือนกำลังนิ่งคิดอะไรซักอย่าง

“พี่ขอโทษ ที่เมื่อ7ปีก่อนพี่ทิ้งให้ฟานอยู่คนเดียว พี่ขอโทษนะครับ ขอให้พี่เข้าไปพูดกับฟานนะครับ”ฟานพยักหน้า พยายามกลั้นน้ำตาไว้ ไหล่เล็กที่ตอนนี้กว้างขึ้นมากกำลังสั่น ฟานรีบร้อนเปิดประตูแล้วพุ่งเข้ามากอดผมเต็มแรง ตอนนี้ฟานกลั้นน้ำตาไม่อยู่แล้ว เขาพูดรัวจนฟังไม่รู้เรื่อง ผมเลยดันให้เขาเข้าไปในบ้าน

“ฮือ คริส ฟานเหงามากเลย ฟานอยู่คนเดียวมา7ปี ฟานคิดถึงคริส ฮือ ” น้องชายผมกำลังร้องไห้โฮ ผมกอดปลอบแล้วปล่อยให้เขาร้องไห้ให้พอ แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าเขาจะหยุดร้องไห้ซักที น้องชายผมก็ยังคงเป็นเด็กน้อยที่ผมต้องดูแลเหมือนเมื่อก่อน

“หยุดร้องไห้ได้แล้วฟาน”

“ก็ได้ครับ ฮึก” ผมผละออกแล้วนั่งลงบนโซฟา เริ่มรู้สึกเหมือนจะหมดสติ อาจจะเป็นเพราะผมยืมร่างของปาร์คมานานเกินไป

“ฟาน พี่ต้องออกจากร่างของปาร์คแล้ว แล้วฟานก็จะมองไม่เห็นพี่ แต่ถ้าอยากถามอะไรให้รอปาร์คตื่นแล้วถามเขาแล้วกันนะ” การอยู่ในร่างของคนอื่นนานๆมันจะไม่ดีต่อเจ้าของร่าง เพราะวิญญาณกับจิตของเขาจะออกห่างจากกันเรื่อยๆ ผมจึงรีบออกจากร่างของปาร์คก่อนที่ปาร์คจะมีอันตรายอะไร

พอผมออกจากร่างปาร์คสำเร็จ ร่างของปาร์คก็ล้มตุ้บลงบนโซฟา ฟานค่อยๆเข้าไปจัดท่าทางให้ปาร์คนอนพักอย่างสบายๆ ผมมองน้องชายตัวเองที่กำลังดูแลปาร์คอย่างดี ถ้าผมยังอยู่ น้องชายผมอาจจะดูแลคนอื่นไม่เป็น ต้องคอยให้ผมดูแลอยู่เสมอ

ผมนั่งมองน้องชายที่กำลังดูแลปาร์คอย่างดีไปเรื่อยๆ เหมือนเขากำลังจะเฝ้ารอให้ปาร์คตื่นเพื่อที่จะได้คุยกับผมต่อ แต่เหมือนเขาจะรอไม่ไหวซะแล้ว

“น้องปาร์ค”

“..............”

“น้องปาร์คครับ !” สิ้นเสียงเรียกของน้องชายผม ปาร์คก็ค่อยๆลืมตาแล้วลุกขึ้น มองไปรอบๆ

โคร้ก~

เสียงท้องของปาร์คร้อง เพราะก่อนออกมาเขาคงจะหิวสุดๆ ไม่นานผมต้องโดนปาร์คดุแน่ๆ
เขายกมือหนึ่งขึ้นกุมหัว อีกมือหนึ่งก็กุมท้อง ปาร์คหันมองไปมาจนเจอเข้ากับผม คิ้วเรียวขมวดมุ่นทันที

“ไอ้เหี้ยคริส มึงสิงกูหรอ !” สิ้นเสียงโวยวายปาร์คก็ล้มตัวลงนอน สงสัยจะปวดหัว

โคร้ก ~~

และดูท่าว่าจะทรมานจากความหิวด้วย

“ขอโทษนะ ที่ฉันต้องทำแบบนี้”

“กูไม่ยกโทษให้มึงแน่ ! มึงทำให้กูอดแดกมาม่า !” ฮ่าๆๆ ผมนึกว่าเขาจะโกรธที่ผมสิงเขาซะอีก


........................................


“คืนนี้นอนที่นี่ก็ได้นะน้องปาร์ค คือ...พี่.....พี่อยากคุยกับคริส” ฟานพูดขึ้นหลังจากที่เรากินข้าวกันเสร็จหมดแล้ว 

“ฉันก็อยากคุยกับฟานเหมือนกัน นายนอนที่นี่นะ” ผมหันไปสมทบอีกคน ปาร์คเริ่มมีสีหน้าลังเล

“แต่กูไม่มีชุดเปลี่ยน....เอ่อ ผมคุยกับคริสอะครับ” ประโยคแรกปาร์คพูดกับผม แต่คงจะกลัวฟานว่าเขาขึ้นกูมึงกับรุ่นพี่ แต่ทำไมกับผมเขาก็ยังกูมึงอยู่กันนะ

“ไม่เป็นไร นายใส่ชุดฉันก็ได้”

“ชุดมึงเนี่ยนะ กูว่ามันจะหลวมไปรึเปล่า ”

“เออจริงด้วย น้องปาร์คก็ใส่ชุดของคริสก็ได้ครับ พี่ซักเก็บไว้ในตู้อย่างดีเลย” ฟานช่วยพูดอีกคน

“ก็ได้ครับ” แล้วในที่สุดปาร์คก็ตอบตกลง


ตอนนี้ผมกำลังนั่งมองปาร์คที่ค้นตู้เสื้อผ้าผมอยู่ เขามีท่าทีลังเลว่าจะใส่เสื้อผ้าตัวไหนดี แล้วซักพักผ้าเช็ดตัวของเขาก็หลุด เผยให้เห็นบั้นท้ายกลมสวยแบบผู้ชาย

“ก้นนายสวยนะ” ทันทีที่ผมพูดจบ ปาร์คก็รีบหันมามองทันที

“ไอ้เชี้ยคริส ! มึงเข้ามาได้ไงเนี่ย !?” ปาร์คด่าผมแล้วรีบโกยผ้าเช็ดตัวบนพื้นมาบังก้นตัวเองไว้

“ก็นี่มันห้องฉัน ฉันจะเข้าจะออกยังไงก็ได้ หึหึ”” ผมลุกขึ้นจากเตียงแล้วตรงไปที่ปาร์คนั่งอยู่ เขากำลังหลับตาปี๋ ผมเองก็ไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่าค้นตู้เสื้อผ้าเพื่อหากางเกงที่ซื้อมาแล้วแต่ไม่เคยใส่ให้เขา

“อะ ตัวนี้ยังไม่เคยใส่” ผมยื่นกางเกงในให้ปาร์คแล้วมองเขาใส่ แต่เขาก็บอกผมว่าให้หันหน้าหนี

.....แต่แล้วประตูห้องก็เปิดออก

แกร้ก.....

เป็นน้องชายผมนั่นเองที่เปิดเข้ามา

“น้องปาร์ค.......ก้นน้องปาร์คสวยดีนะ”ปาร์คตกใจมาก ใบหน้าน่ารักนั่นซับสีเลือดอย่างเห็นได้ชัด เขารีบเดินไปค้นเอากางเกงกับเสื้อในตู้เสื้อผ้าของผม ได้มาเป็นชุดบอลสีน้ำเงิน เขารีบใส่ให้เสร็จทันที คงจะกลัวว่าจะถูกทั้งผมและฟานมองจนพรุนไปซะก่อน

“พี่ฟานอาบน้ำแล้วหรอครับ” ปาร์คเดินมานั่งที่ปลายเตียง ข้างๆผม ส่วนฟานเดินไปนั่งตรงเก้าอี้หน้าโต๊ะคอม

“อาบแล้วครับ น้องปาร์คช่วยเล่าเรื่องคริสให้พี่ฟังอีกได้ไหม เอาตั้งแต่เจอกันเลยก็ได้” ฟานดูมีท่าทีดีใจเล็กๆกับการที่จะได้ฟังเรื่องราวของผม ปาร์คเล่าตั้งแต่เจอกับผมให้ฟานฟัง ฟานเองก็หัวเราะกับความเกรียนของปาร์ค ผมเองพอเห็นน้องชายยิ้มได้หัวเราะได้ ผมก็พลอยมีความสุขไปด้วย

“คริสมันกำลังยิ้มอยู่ด้วยนะ”

“จริงหรอ...ละแล้ว คริส..พูดอะไร..อีกบ้างไหม” ฟานกำลังร้องไห้ แต่เป็นการร้องไห้จากความดีใจ ผมลุกขึ้นไปกอดน้องชายตัวเองแล้วให้น้องซุกอกร้องไห้.. แต่ภาพนั้น...น้องชายผมไม่มีวันมองเห็น

“คริสกำลังกอดพี่ฟานครับ”

“ฮึก ! คริส !” แล้วฟานก็ยกสองมือขึ้นมาปิดหน้า เขาร้องไห้ออกมาแบบไม่อายใครเลย ฟานคงจะคิดถึงผมมากตลอดเวลาที่ผ่านมา

“นายช่วยกอดน้องฉันแทนได้ไหม ฉันกอดแบบนี้แล้วเขาไม่รู้สึกอะไรหรอก” ผมหันไปบอกปาร์ค

ปาร์คลุกจากปลายเตียงแล้วตรงมาหาฟาน ยกมือขึ้นมาดึงหัวของฟานให้หันมาซบอกของตัวเอง ทำตามที่เห็นผมทำ ฟานร้องไห้ออกมาหนักกว่าเดิม ผมก็คอยลูบหัวน้องชายตัวเองไปมา

ผมบอกให้ปาร์คบอกน้องผมว่าให้ไปล้างหน้าล้างตาก่อน แล้วค่อยออกมาคุยกันต่อ 


“เข้าเรื่องเลยดีกว่า” พอฟานออกจากห้องน้ำมาก็พูดขึ้นทันที เขานั่งลงที่เดิมก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่เครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

“เข้าเรื่องอะไรครับ”

“อีกสองปีก็ครบกำหนดปล่อยตัวพี่โฬมแล้ว”

“ใครคือพี่โฬมครับ?”ปาร์คสงสัย ผมเองก็สงสัย ทำไมผมถึงรู้สึกคุ้นชื่อนี้จัง

“แฟนของคริสหนะ”ผมขมวดคิ้วทันที ผมรู้ตัวมาซักพักแล้วว่าผมมีแฟนเป็นผู้ชาย ผมจำหน้าของเขาได้ แต่ผมจำชื่อหรืออะไรเกี่ยวกับตัวเขาไม่ได้เลย

“ทำไมจำคุกแค่9ปีเองหละครับ มันเป็นคดีฆ่าคนไม่ใช่หรอ”

“ตอนขึ้นศาล พี่โฬมยอมรับต่อศาลว่าเป็นคนฆ่าคริส ศาลเห็นว่าพี่โฬมไม่เคยก่อคดีอะไร เลยลดโทษให้กึ่งหนึ่ง จาก18ปีเหลือ9ปี” ผมคิ้วขมวดแน่นกว่าเดิม ความจริงคือผมจำได้มาซักพักแล้วว่าคนที่ฆ่าผมเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ผมจำไม่ได้ ว่าเขาคือใคร เกี่ยวข้องอะไร

“คนที่ฆ่าฉันเป็นผู้หญิงนะ” ผมรีบบอกปาร์คทันที

“คริสบอกว่าคนที่ฆ่ามันเป็นผู้หญิง”  ฟานพยักหน้าแต่ไม่มีสีหน้าแปลกใจอะไรเลย แล้วฟานก็พูดต่อ

“พี่เองก็แปลกใจเหมือนกัน ที่ตอนนั้นพี่โฬมยอมรับว่าเป็นคนฆ่าคริส แล้วบอกเหตุผลว่าเกิดจากการนอกใจ ทั้งๆที่ตอนนั้นคริสเองก็คบกับแฟนอยู่แค่คนเดียว แล้วสองคนนั้นก็รักกันมาก พี่เองก็ไม่คิดว่าพี่โฬมจะฆ่าคริสได้ลงหรอก”

“แล้วพี่รู้ไหมว่าใครเป็นคนฆ่าคริส”

“พี่คิดว่าพี่รู้นะว่าคนที่ฆ่าคริสคือ.... แม่ของพี่โฬม”

หลังจากที่ฟานพูดจบ ทั้งผมและปาร์คต่างก็เงียบด้วยกันทั้งคู่ ความทรงจำเริ่มไหลเข้ามาในหัวผม เป็นภาพของผู้หญิงท่าทางมีอายุคนหนึ่ง ใช้เหล็กฟาดหัวผม โดยมีโฬม แฟนของผมพยายามจะเข้ามาห้าม เขาเองก็ได้รับบาดเจ็บจากการถูกเหล็กฟาดจนสลบไป ส่วนผมสติเริ่มเลือนราง รู้สึกเหมือนถูกของมีคมกรีดตามร่างกาย จนในที่สุดผมก็สิ้นใจไป

“ผมว่า มันก็ดึกแล้วนะครับ พรุ่งนี้ต้องเข้าม.กันอีก เรารีบนอนกันดีกว่านะครับ” ปาร์คพูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ ผมพยักหน้าเห็นด้วย

“โอเคครับ น้องปาร์คนอนคนเดียวได้นะ”

“ได้ครับ”

“งั้น ฝันดีนะครับน้องปาร์ค” แล้วฟานก็ออกจากห้องไป ปาร์คค่อยๆล้มตัวลงนอนบนเตียงของผม ความจริงผมเองก็ไม่จำเป็นต้องนอนหรอก ผมเลยใช้ช่วงเวลาที่ปาร์คหลับแอบมองเขาตลอด เพราะตอนที่เขาหลับมันดูน่ารัก ไร้ความเกรียนใดๆทั้งสิ้น

ผมเฝ้ามองปาร์คหลับไปเรื่อยๆ ตอนนอนเขาชอบถีบผ้าห่มออกทั้งๆที่มันหนาว ผมหยิบรีโมทแอร์มาปรับให้อุณหภูมิเหมาะสม ไม่หนาวมากจนเกินไป คอยห่มผ้าห่มกลับให้ วนไปอย่างนี้จนถึงเช้า


“นายตื่นได้แล้ว ถ้าไม่ตื่นฉันจะ.....”

“ตื่นแล้วค้าบ” เป็นแบบนี้ทุกที ต้องให้ขู่ตลอด ปาร์คจัดการธุระส่วนตัวของเขาจนเสร็จ ผมออกจากห้องไปดูว่าน้องชายว่ากำลังทำอะไรอยู่ ปรากฏว่าน้องผมก็ทำอะไรเสร็จหมดแล้วเช่นกัน กำลังอยู่ในชุดนักศึกษา หล่อเหมือนผมไม่มีผิดเพี้ยน


แล้วปาร์คกับน้องชายผมก็ไปที่มหาลัยเพื่อเรียน สองคนนี้เรียนกันคนละคลาส ผมจึงแอบหายตัวไปมาเพื่อเฝ้าทั้งสองคน ปาร์คเองก็ดูจะตั้งใจกับการเรียนมาก จนแทบจะไม่สนใจผมเลย ส่วนน้องผมกำลังปรึกษากันเรื่องวางพล็อตรับน้อง ยิ่งข่าวที่ว่าปาร์คถูกน้องผมว้ากเดี่ยวจนชัก ลามไปทั่วทั้งมหาลัย ความน่ากลัวของเด็กปีสามเลยเพิ่มขึ้นอีกมาก น้องปีหนึ่งต่างกลัวปีสามกันจนหัวหด ยกเว้นไอ้เกรียนอยู่คนเดียว ที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับเพื่อน


ปาร์คเริ่มมีเพื่อนเข้ามาคุยมากขึ้น เพราะแต่ละคนคงจะอยากถามว่าน้องชายผมโหดมากแค่ไหน ปาร์คเองก็สาธยายจนน้องผมแทบจะเป็นปีศาจ ใส่สีตีไข่จนน้องผมจะกลายเป็นซาตานอยู่รอมร่อ เด็กปีหนึ่งต่างกลัวน้องชายผมเป็นแถบ เหมือนกับผมตอนก่อนตายที่เด็กปีหนึ่งทั้งมหาลัยกลัวผม น้องชายผมเชื้อไม่ทิ้งแถวจริงๆ

ตกเย็นปีหนึ่งก็เข้าประชุมเชียร์ เป็นลมล้มพับกันก็หลายคน แต่ปาร์คถูกแยกออกไปนั่งกินขนมอย่างเอร็ดอร่อย เพราะปีสองปีสามกลัวปาร์คจะชัก ผมนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ ได้กินขนมบ้าง แต่ก็ไม่อร่อยเท่าไหร่ พอกิจกรรมเลิก นักศึกษาต่างก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ใจเสียกันเป็นแถบ ยกเว้นแต่ปาร์คที่หยิบขนมติดมือกลับไปกินที่หอด้วย


ปาร์คกับผมเดินกลับหอกันเงียบๆ อาจจะเพราะปาร์คยังกินขนมไม่ยอมหยุด ส่วนผมก็ไม่มีอะไรจะพูด ใจยังกังวลถึงเรื่องของโฬม ที่ยังอยู่ในคุก ผมรู้ว่าเขาเป็นคนดี เขาเพียงต้องการจะปกป้องแม่ของตัวเอง ส่วนตัวเขาจะเป็นยังไงเขาก็ไม่สน ผมยังจำใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาก่อนที่ผมจะสิ้นใจได้อยู่เลย

ไม่นานเราก็เดินมาถึงหอพัก ผมได้ยินเสียงเอะอะโวยวายมาจากห้องติดต่อที่พักที่คนดูแลหออยู่ เขากำลังยืนเถียงกับใครซักคนอยู่ อาจจะไม่ใช่เถียงหรอก เขากำลังยืนด่าใครบางคนอยู่

“ก็บอกว่าไม่ได้ไง ห้องนั้นมีคนอยู่แล้ว ทำไมน้องพูดไม่รู้เรื่องหละ”

“แล้วเจ้าของห้องไปไหนหละครับ ผมขอคุยกับเขาหน่อยได้ไหม” เสียงนุ่มเปล่งออกมาอย่างต้องการจะขอร้อง

“มานั่นพอดี น้องมานี่หน่อยสิ”ผมหันไปมองปาร์คที่กำลังชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง คนดูแลหอพยักหน้าให้ปาร์คเข้าไปหาเขา ผมรีบเดินตามไปทันที


แล้วผมก็ต้องชะงัก เมื่อคนที่หันหน้ามากลับเป็นคนเดียวกับที่มีภาพอยู่ในหัวของผมตลอดทั้งวัน ผมรีบสะกิดเพื่อเรียกคนข้างๆทันที แต่เหมือนปาร์คจะไม่ได้สนใจผม

“ปาร์ค......”

“มีอะไรหรือเปล่าครับ” ปาร์คยังคงไม่สนใจผม หันไปคุยกับอีกคนแทน

“น้องอยู่ห้อง613ใช่ไหม พี่ขอเข้าไปในห้องน้องแป้บหนึ่งได้ไหมครับ”เขาพูดพร้อมกับเขย่าแขนของปาร์ค

“พี่มีธุระอะไรที่ห้องผมหละครับ”พูดไปก็เคี้ยวขนมไป ไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลยนะปาร์ค

“พี่เคยอยู่ห้องนั้นครับ พี่ขอเข้าไปหาของหน่อยนะ”โฬมพูดด้วยสีหน้าเว้าวอน

“ตอนทำความสะอาดห้องก็ไม่เจออะไรหนิครับ”

“พี่ซ่อนมันไว้หนะครับ นะน้องนะ ให้พี่ไปหาเถอะ ขอร้องหละ”โฬมยังคงรบเร้าปาร์ค ปาร์คหันมามองหน้าผมเพื่อขอความคิดเห็น


“นี่โฬม แฟนฉันเอง”



ออฟไลน์ niightziiz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-0

•HANDSOME GHOST•
[11]-แค่คนที่ตายไปแล้ว



“นี่โฬม แฟนฉันเอง” สิ้นเสียงคริสผมก็หันไปมองคนตรงหน้าทันที งั้นก็แปลว่าคนที่กำลังคุยกับผมอยู่คือ แฟนเก่า มันงั้นหรอ ?
ผมคิดหนัก ไม่คิดว่าคนที่ควรอยู่ในคุกจะออกมาอยู่ตรงนี้ได้ คนตรงหน้ายังคงพูดรบเร้าขอเข้าไปในห้องของผม ผมไม่รู้ว่าเขาต้องการจะทำอะไร ใจนึงผมอยากปฏิเสธ แต่ใจนึงก็อยากรู้ ว่าเขามาเพื่ออะไร

คิดไปคิดมาผมก็ตัดสินใจปฏิเสธเขาไป ถ้าเขาอยากเข้าไปที่ห้องผมจริงๆ เขาก็ต้องกลับมาอีกครั้งแน่ๆ เขามีสีหน้าเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด ผมเกือบจะสงสารแล้วเชียว แต่ติดที่ว่าผมอินดี้ ผมเลยไม่กลับคำที่ปฏิเสธเขาไป แต่ถ้ามาพรุ่งนี้ก็ไม่แน่ บางทีความอยากรู้....หรือความเสือกของผมนั่นแหละ มันอาจจะชนะเหตุผลอื่นๆไปหมดก็ได้

เขาเดินคอตกออกไปจากหอ ผมค่อนข้างแปลกใจกับท่าทีแบบนั้น เขาคงกำลังกังวลอะไรซักอย่าง แล้วผมก็เดินขึ้นบันไดเพื่อตรงไปยังห้องของตัวเอง โดยมีผีคริสที่เดินตามมาด้วยสายตาเศร้าปนสงสัย


“ปาร์ค....ฉันสงสัย....ว่าเขาออกจากคุกมาได้ยังไง” ทันทีที่ผมปิดประตูห้อง คริสก็พูดขึ้น เขาดูมีสีหน้าเศร้าอย่างเห็นได้ชัด

“อาจจะทำตัวดีจนได้ลดโทษมั้ง” คริสเงียบไป ส่วนผมก็เข้าห้องน้ำอาบน้ำ อาบเสร็จก็กินข้าวที่ซื้อมาจากโรงอาหารในมหาลัย กำลังจะแบ่งใส่ถ้วยให้คริส แต่หันไปมองมันที่เอาแต่นั่งเงียบๆ มันคงไม่หิวละมั้ง

ดี ! กูจะได้แดกคนเดียว !

พอกินเสร็จผมก็เข้านอนทันที วันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน เพราะกิจกรรมมันเยอะเหลือเกิน พรุ่งนี้ก็ต้องเรียนอีก แล้วไหนตอนเย็นจะต้องโดนประชุมเชียร์อีก ถึงมันจะไม่หนักหนาสำหรับผมก็เถอะ แต่ผมก็เหนื่อยที่ต้องไซโคเพื่อนตัวเองว่าไอ้ฟานมันโหดขนาดไหน ทั้งๆที่ตัวจริงขี้แยชิบหาย หันไปมองคริส มันก็นั่งอยู่ที่ปลายเตียงเหมือนเดิม ไม่ขยับไปไหน ผมปิดไฟแล้วหลับตาลง ความเหนื่อยจากทั้งวันทำให้ผมหลับลงไปแทบจะในทันที.....

...............................................


“ฮึก...ฮึก..” ผมสะลึมสะลือตื่นเพราะได้ยินเสียงเหมือนคนร้องไห้ ความจริงอาจจะไม่ใช่คนหรอก แต่คงเป็นไอ้คริสที่กำลังก้มหน้าร้องไห้อยู่ที่เดิม ผมมองตัวเองที่มีผ้าห่มห่มจนถึงคอ คืนนี้อากาศเย็นเป็นพิเศษ ผมจึงไม่ได้ถีบผ้าห่มออกอย่างเคย คุณรู้ไหมว่าใครห่มผ้าให้ผม......

ผมถามนี่ไงว่าใครห่ม - - รู้ก็บอกผมสิ !

อาจจะเป็นไอ้คริสก็ได้ที่ห่มผ้าให้ผม เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ผมจะละเมอแล้วดึงผ้าห่มที่พับไว้อย่างดีมาห่มตัวเองซะเรียบร้อยแบบนี้

ผมหันไปมองคริสที่ยังคงร้องไห้อยู่เงียบๆ มันอาจจะดูเหมือนคน....เอ่อ......ที่จริงเป็นผี.....ผีร่าเริง ในวันแรกๆที่เราเจอกัน แต่ผมก็รู้ว่ามันเป็นคน...โว้ยเป็นผีโว้ยยยยย มันเป็นผีที่เก็บความรู้สึกเก่ง

ผมค่อยๆลุกขึ้น ขยับไปใกล้ๆคริสที่อยู่ปลายเตียง..........

เพี๊ย !

“ร้องไห้ทำห่าอะไร” ผมตบหัวมันเสียงดังเพี้ย ผมทรงอันเดอร์คัทนี่ตบมันส์มือจริงๆครับ มันหันหน้ามามองผมด้วยสายตาเศร้าๆ คงจะคิดว่าทำไมผมถึงได้ซ้ำเติมมันแบบนี้...

ก็นะ.... นี่ไอ้ปาร์ค ปลอบใครไม่เป็น ดีแต่ปากหมาไปวันๆ

“ฮึก !”

“เห้ย !” แล้วไอ้คริสมันก็พุ่งเข้ามากอดผมจนเราล้มลงไปทั้งคู่ ผมนึกถึงตอนที่มันพุ่งเข้าใส่ผมเพื่อจะสิง ยังจำความรู้สึกการอดกินมาม่าครั้งนั้นได้อยู่เลย พูดแล้วก็เสียบวาบ ดีนะที่ตอนนี้กินข้าวมาแล้ว

“ฮึก !” ไอ้คริสไม่ได้ทำอะไรนอกจากการร้องไห้อยู่บนอกผม ผมค่อยๆยกมือหนึ่งขึ้นลูบหัวมันช้าๆ ปล่อยให้มันได้ร้องไห้ออกมาให้พอ บางทีการเก็บความรู้สึกมากไป มันอาจจะรู้สึกแย่ที่สุดตอนเราระเบิดมันออกมาก็ได้

เห้ยไอ้ปาร์ค คมมาก ! ง้อวววว

ง้อวพ่อง ! ผมกอดปลอบมันจนมันเริ่มสงบลง ผมเองก็เริ่มง่วงอีกรอบ จนหลับไปในที่สุด หลับไปทั้งๆที่กอดกับไอ้คริสนั่นแหละ


แสงแดดยามเช้าที่ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามามันช่างสดใสเหลือเกิน. กี่โมงแล้วนะ..... อื้ออออ ผมเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่วางข้างๆหมอนขึ้นมา 8:10 น. อ้า แปดโมงแล้วหรอเนี่ย มีเรียนกี่โมงนะ แปดครึ่งหรือเปล่า

อืมมมม เรียนอะไรนะ เคมีใช่ไหม

อืมมมม ใช่ๆ เช็คชื่อด้วยหนิ

“ฟรรคคคคคคคค !!  ไอ้คริสสสสสส ทำไมมึงไม่ปลุกกู !!”ผมมองรอบห้อง แต่ก็พบว่าผมอยู่ในห้องคนเดียว แต่ผมไม่มีเวลามาคิดว่าไอ้คริสมันไปไหนของมันเพราะผมสายแล้ว

ผมรีบพุ่งเข้าห้องน้ำจัดการทำธุระส่วนตัวให้เสร็จภายใน5นาที อาบเสร็จผมก็รีบแต่งตัวอีก5นาที ดีนะที่รีดชุดนักศึกษาไว้แล้วเมื่อวันก่อน พอทำอะไรเสร็จหมดผมก็รีบออกจากห้องทันที แต่ก็ไม่ลืมจะล็อคห้องให้เรียบร้อยซะก่อน


ผมวิ่งมาจนถึงกลางซอย รีบนั่งวินแล้วบอกให้พี่วินใช้โหมดพาวเวอร์ฟูลทันที  พอมาถึงตึกเรียน ผมก็มองเวลาในโทรศัพท์ พบว่าเลยคาบมา 5นาทีแล้ว แต่ก็ยังเหลือเวลาอีก10นาที ก่อนที่อาจารย์จะเช็คชื่อ พอผมเข้าห้องเรียนมาได้ นักศึกษาทั้งห้องก็หันมามองผมเพราะผมดันเปิดประตูเสียงดัง อาจารย์เองก็หันมามองผมเช่นกัน แต่อาจารย์ก็หันไปสอนต่อ นักศึกษาเองก็หันไปตั้งใจเรียนต่อโดยไม่มีใครสนใจผม

ผมเดินมานั่งตรงเก้าอี้ว่างหลังห้อง หยิบสมุดขึ้นมาแล้วรีบจดตามโปรเจ็คเตอร์ รีบแทบตายก็จดไม่ทันครับ ถ้าผมเรียนวิชานี้ไม่รู้เรื่องนะ ผมจะโทษไอ้คริสคนเดียวเลย

แต่ความจริงแล้วผมจะโทษมันคนเดียวก็ไม่ได้ ในเมื่อผมไม่ได้ตั้งนาฬิกาปลุกเอง แล้วไอ้คริสมันไปไหน ทำไมมันไม่มาปลุกผม เป็นห่วงมันเหมือนกันนะ ถ้าเกิดว่าไม่มีมันอยู่ด้วยผมคงเหงาแย่



การเรียนของผมผ่านไปเหมือนเดิม ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ผมก็ยังไม่มีเพื่อนสนิทเหมือนเดิม ก็จะมีแต่เพื่อนที่เข้ามาถามผมในวิชาแล็ป เพราะผมโคตรถนัดการใช้แล็ปเลย เพื่อนเลยลงความเห็นว่าผมเทพแล้วก็เข้ามาถามคำตอบจากผมแทบจะทุกกลุ่ม แต่ถ้าถามหาเพื่อนสนิท ก็คงไม่มีเหมือนเดิม


จนมาถึงตอนเย็นที่ทุกคนต้องเข้าประชุมเชียร์ วันนี้ไอ้ฟานก็โหดเหมือนเดิม เพื่อนๆต่างนั่งเงียบ ฟังมันดุด่า เรื่องที่ด่าผมก็ไม่ใช่เรื่องอะไร แค่มีคนร้องเพลงมหาลัยผิด ใครร้องผิดก็ต้องยกมือ แต่เพื่อนดันยกมือกันเยอะไปหน่อย เลยโดนจัดชุดใหญ่ ส่วนผมหนะหรอ ถึงจะนั่งอยู่โซนคนป่วยก็ต้องร้องเพลง  แต่ผมไม่ได้ยกกับเขาหรอก.... เพราะผมอินดี้ไง ฮ่าๆ  กูร้องผิด แต่ไม่ยก มีไรไหมมมมม

“พวกคุณทำให้ผมผิดหวัง ! ทำไมพวกคุณถึงยังร้องเพลงไม่ได้ !” อู้ว ตะคอกซะด้วย น่ากลัวจริงๆเลยพี่ฟาน~
มึงดูที่พวกกูต้องเรียนสิไอ้พี่ฟาน จะเอาเวลาที่ไหนไปหัดร้องเพลงกันหละจ๊ะ แล้วมหาลัยมีเพลงตั้งกี่เพลง โอ้โหหหห ไม่อยากจะพูด !

“........”

“เงียบทำไม ! ผมถามทำไมไม่ตอบ !” อ้า ฟินนนน ตะคอกน้องปาร์คแรงๆเลยพี่ฟาน

“พวกเราขอโอกาสร้องเพลงอีกรอบครับ” ประธานรุ่นลุกยกมือขึ้นแล้วพูดเสียงแข็งกร้าว ไอ้ฟานมีท่าทีตกใจเล็กน้อย แต่ปีหนึ่งไม่มีใครมองเห็นเพราะถูกสั่งห้ามสบตารุ่นพี่

“คุณถามเพื่อนคุณหรือยัง ประธานรุ่น !” จึ้ก !

“.....” ประธานถึงกับอ้ำอึ้งไป ...คือมันตอกกลับง่ายมากเลยนะเว้ย อยู่ที่ว่าจะกล้าหรือเปล่า

“เงียบทำไม !” แล้วทุกคนก็เงียบ ไม่มีใครกล้าตอบ ผมไม่อยากตามกระแส จึงยกมือขึ้นแล้วขออนุญาต พอสิ้นสุดคำว่าเชิญของรุ่นพี่ผมก็พูดขึ้นทันที

“พวกเราปรึกษากันไว้ก่อนหน้านี้ครับ ว่าถ้าผิดพลาด จะให้ประธานรุ่นเป็นคนขอโอกาสอีกครั้งครับ !” เอาเส่ ไอ้ฟานเจอแบบนี้เข้าไป หน้าหงายแน่ๆ  ถึงมันจะไม่ใช่เรื่องจริง แต่ก็ดีกว่าเพื่อนๆนั่งเงียบไปเรื่อยๆ ผมมองหน้าไอ้ฟานไม่ยอมก้มหน้า มันเองก็ทำหน้าประมาณว่า น้องหักหน้าพี่ทำไม ฮ่าๆ สะใจจริงๆ คิดจะดุ ต้องเจอคนเกรียน !

“ดี ! จริงใจดี ! ผมจะให้โอกาสพวกคุณอีกรอบ ถ้าทำไม่ได้ ไม่ต้องมาเป็นรุ่นน้องผม” โอ้โห ดุโคตร !

พวกปีหนึ่งเริ่มร้องเพลงมหาลัยอีกครั้ง ครั้งนี้ดีกว่าครั้งก่อนมาก แต่ถ้าผมคิดไม่ผิด ไอ้ฟานมันจะต้องตะโกนออกมาว่า แย่ !

“แย่ !”

นั่นไง ซื้อหวยไม่ถูกแบบนี้บ้างวะ


สุดท้ายพวกผมก็โดนไล่ออกจากตึกคณะเช่นเคย โดยมีพี่ปีสองช่วยกันพาพวกผมออกมา ส่วนรุ่นก็คงจะยังไม่ได้เร็วๆนี้ พี่ปีสองบอกให้พวกผมไปซ้อมมาให้หนักกว่าเดิม เพื่อครั้งหน้าจะได้ไม่ถูกไล่ออกมาจากตึกคณะแบบนี้อีก แล้วพวกเราก็แยกย้ายกันกลับ
ผมเห็นไอ้ฟานเดินอยู่บนฟุตบาทข้างมหาลัย สงสัยกำลังจะเดินกลับบ้านมัน.... ผมจำได้ว่ามันก็มีรถ ทำไมไม่ใช้วะ จะเดินทำไม ...ผมรีบวิ่งเข้าไปหามันทันที

“พี่ฟาน !” มันหันมามองผม แล้วก็หันหน้าหนีทำหน้าเหมือนงอนผม โอ้โห ตุ๊ดมาก งอนแบบนี้คิดว่าน่ารักหรอ.... ไม่น่ารักหรอก แต่ผมว่ามันก็หล่อดีนะ หล่อเหมือนพี่มันเลย

“ผมไม่ง้อหรอกนะ ฮ่าๆ” แล้วผมก็เดินนำหน้าพี่ฟาน ขายาวๆของฟานรีบวิ่งเข้ามาก่อนจะดึงแขนผมไว้ โอ้ว ทำอย่างกับในละครแหนะ

“เดี๋ยวสิน้องปาร์ค......ไป....กินข้าวบ้านพี่ไหม”

“ไปครับ !” ตอบแบบไม่ต้องคิดกันเลยทีเดียว ฟานเดินเอาแขนมาพาดไหล่ผมแล้วเราก็เดินคุยกันไปเรื่อยๆ เรื่องการเรียนบ้าง เรื่องรับน้องบ้าง ผมแอบล้วงความลับมาได้อย่างหนึ่ง คือ วันที่มันบอกว่าจะให้รุ่นพวกผม ปีสามจะแกล้งปีหนึ่งโดยการไม่ให้รุ่น เป็นการหักหน้าปีหนึ่งดีๆนี่เอง

นี่ถามจริง มึงอยากมีน้องไหมไอ้พวกปีสาม !

เราเดินมาจนถึงบ้านของฟาน เข้าไปถึงบ้านผมก็เห็นไอ้คริสนั่งอยู่บนโซฟากลางห้องนั่งเล่น แหม่ หายไปทั้งวันมาอยู่นี่นี่เอง ทำกูเกือบไม่ได้เช็คชื่อนะ

“ไอ้คริส มึงมาอยู่นี่ทั้งวันเลยหรอ ตอนเช้าก็ไม่ยอมปลุกกู กูเกือบเช็คชื่อวิชาเคมีไม่ทันละนะเว้ย !”

“อืม ขอโทษที”มันพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ แล้วก็หันไปมองน้องชายของมันแทน

“คริสอยู่นี่หรอ” ฟานหันมาถามผมแล้วมองไปรอบๆ ผมเลยชี้ให้มันดูว่าพี่มันนั่งอยู่ตรงโซฟา ฟานรีบกระโดดลงไปนอนบนโซฟาแล้วหยิบหมอนมากอด

“คิดถึงนะคริส” ฟานพูดคนเดียวแล้วยิ้ม ใบหน้าดูมีความสุขที่ได้รู้ว่าพี่มันอยู่กับมันที่นี่ คริสเองก็ยิ้มได้หลังจากที่ทำหน้าเศร้ามาตั้งแต่เมื่อวาน ผมมองภาพตรงหน้าแล้วก็มีความสุขตามไปด้วย แต่มันก็มีความเศร้าปะปนเต็มไปหมด

โครกกกก~~

แล้วเสียงท้องร้องของผมก็ทำลายทุกความสุขและความเศร้าลง ฟานหันมามองผมแล้วยิ้ม ก่อนจะเดินเข้าครัวไปทำกับข้าว ส่วนผมก็เดินไปนั่งลงที่โซฟา ตบที่ตรงข้างตัวเป็นสัญญาณให้คริสนั่งลงข้างๆผม

“วันนี้เขามาที่นี่สองครั้ง ฉันคิดว่าเดี๋ยวเขาต้องมาอีก” คริสพูดขึ้น

“ใครวะ พี่โฬมหรอ”

“ใช่”ผมพยักหน้ารับรู้ ที่มันหายไปทั้งวันนี่ก็คงจะมาเฝ้าน้องชายของมัน


พอฟานทำกับข้าวเสร็จ เราก็นั่งกินข้าวแล้วคุยกันสองคนหนึ่งผี พอกินเสร็จสิ่งที่คริสคิดไว้ก็เป็นจริงๆ พี่โฬมมากดออดที่หน้าบ้าน ฟานชะเง้อคอมองว่าใครมา

“พี่โฬมมา วันนี้เขามาสองครั้งแล้วครับ” พอผมพูดจบฟานก็มองผมอึ้งๆ

“น้องปาร์ครู้ได้ไงครับ แล้วเขาออกจากคุกมาได้ยังไง”

“คริสบอกครับ แต่ผมไม่รู้ว่าเขาออกมาจากคุกได้ยังไง”

“ฟาน !! อยู่ไหม !!” เสียงตะโกนดังออกมาจากนอกบ้าน ฟานรีบวิ่งออกไปทันที ผมไม่ได้เดินตามไป เลยได้แต่นั่งมองหน้าคริสที่ตอนนี้คิ้วเข้มขมวดมุ่น สีหน้าวิตกกังวลอย่างมาก

ไม่นานสองคนนั้นก็เดินเข้ามาในบ้าน ฟานมีสีหน้ายิ้มแย้มดี ผิดกับคริสและผมที่ตอนนี้คิ้วแทบจะผูกเป็นปมแล้ว ทำไมฟานถึงพาพี่โฬมเข้ามาในบ้านนะ เขาดูไม่น่าไว้ใจเลยซักนิด

“น้องปาร์ค นี่พี่โฬม... พี่โฬมครับ นี่น้องปาร์ค น้องที่คณะ” ฟานแนะนำผมกับแฟนของคริส เขายิ้มให้ผมแบบเป็นมิตร แต่คนอย่างผมคงจะไม่ยิ้มตอบ หน้าผมตอนนี้คงจะมีแต่คำถามมากมาย ไม่ต่างจากใบหน้าหล่อๆของผีตัวข้างๆผมด้วย

“นายถามสิปาร์ค” ผมหันไปหาไอ้คริสทันที เห้ยคือ ถึงกูจะหน้าด้านแต่กูก็คงไม่ด้านถึงขนาดถามว่า พี่ๆ ออกจากคุกมาได้ไงงี้หรอกนะ

“ทำไมต้องกูหละสัส” ผมกระซิบกระซาบ แต่ก็ไม่วายกระแทกเสียงไปให้ไอ้ผีหน้าหล่อตัวข้างๆ

“ก็ฉันคุยกับใครได้ที่ไหน..” พูดจบแล้วก็ทำหน้าเศร้าๆใส่ผม ไอ้ผมก็ใจอ่อนไง เอาวะ ถามก็ถาม เขาพึ่งออกจากคุกมา คงไม่ฆ่ากูหรอก

“พี่โฬม ออกจากคุกมาได้ไงครับ ในเมื่อพี่จำคุก9ปี แต่นี่พึ่งผ่านมา7ปี” ทันทีที่ผมพูดจบ พี่โฬมก็มองหน้าผมแบบอึ้งๆคงจะคิดในใจว่าผมรู้เรื่องทั้งหมดได้ไง หึหึ *ยิ้มอ่อน*

“คือ พี่ได้รับการลดโทษครับ เลยออกมาก่อน แล้วน้องรู้ได้ไงว่า.....”

“ผมรู้ทุกเรื่องครับ ไม่ต้องถามว่าผมรู้ได้ยังไง” หึหึ ผมนี่เทพซ่า007 ครับ *ยิ้มมุมปาก*

“งั้นน้องก็ต้องรู้เรื่องของที่อยู่ในห้องน้องหนะสิ ให้พี่เข้าไปหาได้ไหมครับ ขอร้องหละ พี่ไม่สบายใจเลยจริงๆ” เขาแทบจะคุกเข่าอ้อนวอนผม สีหน้ามีความวิตกกังวลมากจริงๆ ผมเองก็ไม่รู้ว่าของที่ว่านั้นคืออะไร คริสเองก็พยักหน้าบอกให้ผมอนุญาตให้เขาเข้าไปหาของในห้อง

เดี๋ยว ! ห้องกูไหมหละ

“ก็ได้ครับ”


..........................................


แล้วเราสามคนหนึ่งผีก็มาอยู่ในห้อง613แล้ว ทันทีที่ผมปิดประตูห้อง พี่โฬมก็เดินไปทั่วทั้งห้อง มองหาของที่เขาว่า ค้นทุกซอกทุกมุม ไม่เว้นแม้แต่ตู้เสื้อผ้าของผมที่อาจจะมีกางเกงในอยู่ด้วย

“พี่หาอะไรอยู่วะ” พี่เขาหาอยู่นานมาก ไม่เจอซักที ผมเลยโพล่งถามออกไป

“เอ่อ คือ....” เขามีท่าทีอึกอัก... บางทีสิ่งที่เขาหาอาจจะเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญในคดีก็ได้ ผมเลยต้องมองเขาไม่ให้คลาดสายตา

“ผ้าสีแดง.....น้องเห็นบ้างไหม” แล้วเขาก็มองไปรอบๆเพื่อมองหาผ้าผืนสีแดงที่ว่า หรือว่าจะเป็นยันต์ที่สะกดไอ้คริสเอาไว้วะ

“โยนทิ้งไปแล้ว” พอผมพูดประโยคนี้จบ เขาก็มองผมอย่างอึ้งๆ ก่อนสายตานั่นจะค่อยๆหมองลง เขาค่อยๆนั่งลงบนพื้น สายตาเศร้าๆมองไปรอบห้อง

“ดีแล้วหละ นายเป็นอิสระแล้วนะ....คริส” เขาพึมพำเบาจนผมแทบจะไม่ได้ยิน แต่ก็พอจะจับใจความได้ว่าไอ้คริสคงเป็นอิสระแล้ว

เออหวะ เป็นอิสระแล้วทำไมยังไม่ไปไหนอีกวะ

“ไปสู่สุขตินะคริส” ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรีบร้อนมาหาผ้ายันต์นั่น เขาไม่อยากให้ไอ้คริสถูกสะกดไว้ที่นี่งั้นหรอ งั้นก็แปลว่าเขารักคริสจริงๆ .....หรอวะ ?

คริสกับฟานที่นั่งเงียบมานานก็ยังไม่มีคำพูดใดหลุดออกมา แต่สิ่งที่ผมสงสัยที่สุดตอนนี้มันกำลังจุกอกผมอยู่ นั่นคือทำไมพี่โฬมถึงบอกว่าตัวเองเป็นคนฆ่าคริส ความจริงแล้วเขาฆ่าคริสจริงๆหรือคนที่ฆ่าคริสคือแม่ของเขากันแน่ ถ้าเขาฆ่าคริส ทำไมต้องห่วงคริสมากมายขนาดนั้นทั้งๆที่  คริสมันก็ตายไปแล้ว



ห้องทั้งห้องยังคงเงียบเหมือนเดิม คริสกับฟานเองก็คงสงสัยไม่ต่างกับผม ทั้งสองคนก็คงจะอยากถามหาความจริงจากอีกคน แต่ติดที่ว่าไม่กล้า.... ในเมื่อเป็นแบบนี้ น้องปาร์คผู้อินดี้ ไม่ตามกระแสคนส่วนมาก ก็ต้องเป็นคนถามสินะ

“วันนั้นใครฆ่าคริสกันแน่ครับ ถ้าพี่ไม่ใช่คนที่ฆ่าคริส พี่จะปกป้องคนผิดทำไม”เขามองผมอย่างอึ้งๆ ฟานกับคริสเองก็มองผมแบบอึ้งๆเช่นกัน คงไม่คิดว่าผมจะกล้าถามออกไป

นี่ใคร !! นี่ปาร์คไงจะใครหละ !!




“ถ้าเป็นน้อง.....น้องจะเลือกปกป้องคนที่ตายไปแล้ว หรือคนที่ยังอยู่หละ”

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
สงสารโฬมมากๆ

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
  เห็นใจโฬม คนหนึ่งแฟนคนหนึ่งแม่
  พี่ฟานกับน้องปาร์คจีบกันเลยสิ

ออฟไลน์ Biwty...

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 985
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1

ออฟไลน์ niightziiz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-0


•HANDSOME GHOST•
[12]-ดูแล



“ถ้าเป็นน้อง.....น้องจะเลือกปกป้องคนที่ตายไปแล้ว หรือคนที่ยังอยู่หละ” พูดจบก็เดินออกไปจากห้องของผม ทิ้งให้ทั้งผมคริสและพี่ฟานอึ้งไปตามๆกัน งั้นก็แปลว่า โฬมต้องปกป้องคนที่ฆ่าคริส ซึ่งก็คือแม่ของเขา โดยการยอมรับว่าเขาเป็นคนฆ่าคริสและทนอยู่ในคุกมา7ปีงั้นสิ

“เอาไงต่อหละทีนี้” ทั้งคริสและฟานต่างก็ส่ายหัว ทั้งคู่มีสีหน้ากังวลๆ หมองๆ ไม่เฟี้ยวฟ้าวเลย

“.........” ทั้งคู่เงียบ ต่างตกอยู่ในความคิดของตัวเอง ผมเองก็กังวล แต่คงไม่เท่ามันสองคน 

เอาไงต่อดีวะ ผมเองก็ไม่รู้จะทำยังไงต่อ ถ้าไอ้พี่โฬมมันมาแค่เรื่องยันต์ก็ดีไปสิ เรื่องทั้งหมดมันจะได้จบลงไปซักที ถึงแม้คนที่ฆ่าคริสจริงๆจะยังลอยนวนอยู่ แต่เราก็ไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว เพราะผู้ต้องหาในคดีได้รับโทษครบแล้ว คงจะไม่สามารถขุดคดีขึ้นมาแล้วเอาผิดอะไรแม่ของพี่โฬมได้

แต่ถ้าเขายังไม่จบหละ ถ้าเขายังมาวนเวียนกับไอ้ฟานแบบวันนี้จะทำไงวะ แล้วถ้าแม่ของไอ้พี่โลมมันมาเห็น แม่มันจะไม่ฆ่าพี่ฟานอีกคนด้วยเลยหรือเปล่า

“ทำไมคริสถึงยังไม่ไปไหน คริสห่วงอะไรหรือเปล่า น้องปาร์คช่วยถามให้พี่หน่อยได้ไหมครับ” อยู่ๆฟานก็พูดขึ้น ผมหันไปมองหน้าขาวๆของคริส

“ฉันไม่รู้” มันส่ายหัว

“เอ้าไอ้สัส”

“แต่ที่ฉันรู้สึกเป็นห่วงที่สุดตอนนี้ก็คงเป็นฟาน....กับนาย” พูดจบพร้อมกับหันไปมองน้องชายมัน แววตาคมมีความเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัดก่อนจะหันมามองด้วยสายตาแบบเดียวกับ สายตาที่บอกว่ามันห่วงผมแบบพี่ชายห่วงน้อง

“ว่าไงครับน้องปาร์ค คริสว่าไงบ้าง”

“มันบอกว่าเป็นห่วงพี่อะครับ” ผมตอบฟานไป ฟานชะงัก ก่อนจะพูดประโยคที่ผมต้องกุมขมับ

“คริสมีแต่น้องชายนะ เรามีกันแค่สองพี่น้อง คริสไม่มีพี่”

กูขอโทษได้ไหมหละ แหม่

แปะ ! ผมตบเข้าที่หน้าผากตัวเอง อันที่จริงถ้าไม่กลัวไอ้คริสมันจะบีบคอผมคงตบไอ้คนตรงหน้าผมไปแล้ว ผมโคตรเกลียดการกวนตีนด้วยหน้าตายมากๆ แต่ไอ้ฟานมันกวนตีนหรือมันซื่อวะ.... บางทีมันอาจจะแค่ซื่อก็ได้ ดังนั้นผมจึงทำใจเย็นแล้วอธิบายให้ไอ้ฟานฟัง

“พี่ที่ผมหมายถึงก็คือพี่ไงพี่ฟาน คริสมันเป็นห่วงพี่ฟานอะ” พอผมพูดจบ ฟานก็พยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรต่อ ผมก็ไม่รู้ว่าคริสมันห่วงเรื่องอะไร ห่วงน้องมันจะอยู่ไม่สบายหรอ หรือว่ากลัวว่าน้องมันจะอยู่คนเดียวอย่างเหงาๆงี้หรอ แล้วมันห่วงอะไรผม ...ใช่เรื่องเดียวกันกับน้องชายมันหรือเปล่า ?

“มึงห่วงเรื่องอะไรวะคริส”

“หลายๆเรื่อง ฉันกลัวว่าน้องฉันจะอยู่คนเดียวไม่ได้ กลัวว่าน้องฉันจะลำบาก กลัวว่าเขาจะเหงา แล้วก็กลัวว่า....”  ยังไม่ทันที่คริสจะพูดจบ ฟานก็ชิงพูดขึ้นมาซะก่อน ฟานคงไม่รู้ว่าคริสกำลังพูดอยู่

“คริสไม่ต้องห่วงอะไรฟานนะ ฟานอยู่ได้ ไม่ลำบากอะไรเลย ถึงมันจะเหงาไปบ้าง แต่ฟานสบายดี ฟานอยากให้คริสไปสู่สุขติ คริสไม่ต้องเป็นห่วงฟานนะ” ฟานพูดไปยิ้มไป แสดงสีหน้าว่าตัวเองสบายดี ทั้งๆที่ผมเห็นความเหงาในแววตานั้น

ในสายตาของคริส ฟานก็ยังคงเป็นเด็กสินะ เป็นน้องชายที่พี่ชายต้องดูแล ผมรู้ว่าคริสมันต้องปฏิเสธแน่ๆ มันต้องส่ายหัวแบบที่มันชอบทำบ่อยๆ แล้วก็พูดว่า ฉันยังไปไหนไม่ได้

“ฉันยังไปไหนไม่ได้ ฉันยังรู้สึกติดค้างอยู่” นั่นไง...

ไอ้เหี้ย ผีห่าอะไร ดื้อชิบหาย !

“คริสไปแล้วใช่ไหมน้องปาร์ค” ฟานหันมาถามผมด้วยหน้ายิ้มๆ

“ยังอะ” และผมก็ตอบกลับมันด้วยสีหน้าเฉยๆ

“อ้าว”ฟานพูดแค่นั้นผมก็ไม่ได้สนใจอีก ไอ้คริสเองก็นั่งอมทุกข์อยู่ที่ปลายเตียง ผมไม่รู้ว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ที่ผมรู้คือผมหิวอีกแล้ว ผมเดินไปค้นมาม่ามา แกะใส่ถ้วย แล้วต้มน้ำร้อน

“พี่ฟานกินมาม่าไหมครับ”

“ไม่เอาดีกว่าครับ น้องปาร์คกินเลย พี่ยังอิ่มอยู่เลย” ผมพยักหน้าแล้วหันมารอให้กาน้ำร้อนเดือด พอน้ำเดือดผมก็เทลงในถ้วยที่มีเส้นมาม่าแข็งๆอยู่ หาจานมาปิดแล้วก็รอให้เส้นมาม่านุ่ม ระหว่างที่รอคริสก็พูดขึ้น

“นายไปส่งฟานกลับได้ไหม”

“ไม่ กูจะแดกมาม่า” และผมก็ตอบแบบไม่ต้องคิด

“อะไรหรอน้องปาร์ค” ฟานถามขึ้น

“คริสมันบอกให้พี่ฟานกลับบ้านไปได้แล้วครับ”

“อ้อ ได้ๆ งั้นพี่กลับบ้านละนะครับน้องปาร์ค ฟานกลับบ้านก่อนนะคริส” ประโยคแรกฟานพูดกับผม อีกประโยคนึงฟานพูดขึ้นเพื่อให้คริสรับรู้

“ปาร์ค.... ตอนนี้คนที่ฉันไว้ใจที่สุดก็คือนายนะ...” คริสพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน ฟานเองก็กำลังจะเดินออกจากห้องไปแล้ว

“แล้ว....... แล้วมาม่ากูหละ...” ผมก้มมองน้องมาม่าอย่างช้ำใจ ครั้งนี้ผมจะไม่ยอมพลาดแน่ๆ


สุดท้ายแล้ว ผมก็ออกมาส่งฟานจนได้ แต่ในมือผมยังมีมาม่าติดมือมาด้วย มือนึงมีถ้วยมาม่า อีกมือนึงก็มีซ้อมมาด้วย เอาสิ ได้มาส่งไอ้ฟาน แล้วยังไม่พลาดมาม่าที่รักอีกด้วย ผมเดินไปกินไป โดยไม่สนสายตาจากคนเดินสวนทางที่มองมาทางผมเลยแม้แต่น้อย ก็คนมันหิว !


พอเดินมาถึงบ้านฟาน ผมก็กินมาม่าหมดถ้วยพอดี เลยฝากไว้ที่บ้านฟานก่อน เพราะขี้เกียจเอากลับไปล้างที่ห้อง ระหว่างที่ผมเดินกลับหอของผม คริสก็ตามผมมาด้วย ถึงมันจะบอกว่าห่วง แต่มันคงจะมีเรื่องสำคัญจะคุยกับผมมากว่า เลยไม่ไปเฝ้าน้องมัน

“ฉันมีเรื่องยากจะให้นายช่วย”

“กูก็ช่วยมึงหลายเรื่องแล้วนะ”

“ขอร้องหละ นายช่วยฉันอีกซักเรื่องได้ไหม”

สุดท้ายผมก็ยอมใจอ่อน พยักหน้าให้มันไป เรื่องที่มันต้องการก็เป็นไปตามที่ผมคิดไว้ทีแรก นั่นก็คือเรื่องที่อยากให้ฟานมีคนดูแล หรือเรียกง่ายๆว่าแฟนหนะแหละ

แล้วกูจะไปหาแฟนให้น้องมึงจากที่ไหนวะเนี่ยย !


“นาย”

“นาย .............. ปาร์ค ตื่นได้แล้ว 8 โมงครึ่งแล้วนะ”

ผมรีบเด้งตัวขึ้นมาทันที 8โมงครึ่งงั้นก็ไม่มีเวลาแล้วดิ ผมต้องรีบไปมหาวิทยาลัย ไม่งั้นพลาดเช็คชื่อแน่ๆ ผมรีบวิ่งเข้าห้องน้ำทันที วันก่อนผมใช้เวลาในการอาบน้ำ5นาที แต่วันนี้ผมใช้เวลาแค่1นาทีเท่านั้น แต่งตัวเสร็จอีก1นาที แต่ก่อนจะก้าวขาออกจากห้อง ผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อดูเวลา

6:15 น.

“ไอ้เหี้ยคริส 8โมงครึ่งพ่อมึงสิ !” ผมเดินกลับเข้าห้องทันที จัดการตั้งนาฬิกาปลุกซะให้รู้แล้วรู้รอด แล้วหลับต่อทั้งชุดนศ. ความง่วงจากการตื่นเช้าเกินไปทำให้ผมหลับลงในเวลาอันรวดเร็ว

“อืม”ผมลืมตาขึ้นแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อดูนาฬิกา

8:15 น.

“ไอ้เหี้ยคริส !! ทำไมมึงไม่ปลุกกู !!”ผมโวยวายใส่ไอ้ผีที่นั่งหน้าหงอยๆอยู่ปลายเตียงทันที

“ก็ฉันกลัวโดนนายด่าหนิ”

เออ ก็เลยไม่ปลุกกูงั้นสิ !!

“โว้ยยย สายจริงแล้วไอ้ห่า !”


ผมวิ่งเข้าห้องเรียนทันอาจารย์เช็คชื่อพอดี นั่งพักให้หายเหนื่อย พอหายเหนื่อยแล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ผมจำได้ว่าตั้งนาฬิกาไว้ที่8โมงตรง.... แต่ผมคงลืมตั้งวันปลุกไป ผมไปตั้งเป็นวันอาทิตย์ทำไมฟะ !


วันนี้การเรียนไม่มีอะไรเพิ่มเติมเลย เหมือนเดิมทุกอย่าง จะมีก็แต่การรับน้อง ที่วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะมีการรับน้อง หรือวันได้รุ่นหนะแหละ แต่ที่พี่ฟานบอกผมมา วันนี้ยังไม่ได้รุ่นแน่นอน แน่นอนว่าปีหนึ่งต่างก็พยายามร้องเพลงกันเต็มที่ พยายามให้ผิดกันน้อยที่สุด แต่ผิดน้อยยังไง ไอ้ปีสามมันก็ไม่ให้ผ่านอยู่ดี

สุดท้ายพวกผมก็ถูกไล่ออกจากตึกคณะเช่นเคย ปีหนึ่งหลายคนร้องไห้เพราะคิดว่าจะไม่ได้รุ่นกันจริงๆ แต่ที่ผมเห็นกำหนดการรับน้อง มันยังเหลืออีกวันหนึ่ง ซึ่งถ้าสังเกตกันซักนิดจะเห็นในใบกำหนดการว่า วันนั้นมันไม่มีกิจกรรมใดเลยทั้งๆที่เขียนไว้ว่าเป็นวันรับน้อง เดาไม่ยากเลย ว่าเราสามารถมาขอรุ่นวันนั้นได้แน่นอน

ผมไม่ได้ฉลาดอะไรหรอก พี่ฟานมันบอกมาแบบนี้

ผมไล่เดินปลอบใจเพื่อนไปเรื่อยๆ แล้วเดินไปหาประธานรุ่นที่ตอนนี้คงจะกำลังกลั้นน้ำตาไว้ คนที่เหนื่อยมาตลอดก็คือมัน คนที่เสียสละมาตลอดก็คือมัน ผมเดินไปบอกเรื่องโอกาสครั้งหน้า ประธานรุ่นพยักหน้าตาม แล้วเขาก็เรียกเพื่อนๆในคณะให้ฟังในสิ่งที่เขาจะพูด

“ทุกคนอย่าพึ่งเสียใจไป ปาร์คบอกเราว่า.... วันที่15เพื่อนๆสังเกตไหม ว่าตารางกิจกรรมมันว่าง พวกเราไปขอรุ่นกับรุ่นพี่ปีสามวันนั้นกันเถอะ” พอสิ้นเสียงประธาน ทุกคนก็หันไปคุยกันแล้วก็มีเสียงจริงด้วยๆตามมา รุ่นพี่ปีสองต่างพยักหน้าเห็นด้วย ประธานรุ่นยิ้มให้ผมก่อนจะโผเข้ากอดผม ผมก็ได้แต่กอดตอบเบาๆ หันหน้าไปทางตึกคณะก็เห็นว่าพวกพี่ปีสามกำลังมองอยู่ ผมเห็นผู้ชายร่างสูงกับผมทรงเปิดข้าง.... พี่ฟานนะแหละ มันกำลังยืนคุยกับใครบางคน


“ปาร์ค ! โฬมมาหาฟานอีกแล้ว นายช่วยดูฟานหน่อยนะ ตามไปให้ถึงบ้านเลยนะ” อยู่ๆไอ้คริสที่หายไปทั้งวันก็โผล่มาอยู่ตรงหน้าผม สีหน้ามันกำลังทุกข์ใจมาก ผมพยักหน้ารับแล้วรีบเดินออกมาตอนพี่ปีสองสั่งแยกย้าย พี่ฟานมันยังอยู่ที่ตึกคณะ คุยกับพี่โฬม รอบๆมันก็มีพี่ปีสามอยู่หลายคน จะให้ผมเข้าไปหามันตอนนี้เลยก็ใช่เรื่อง ผมเลยรออยู่ตรงทางออกตรงป้ายคณะ
ผมรออยู่นานมาก ก็ไม่เห็นว่าฟานจะออกมาซักที คริสเองก็มีท่าทีร้อนใจมากกว่าผมหลายเท่า มันคงจะเป็นห่วงน้องมันมาก เพราะไม่รู้ว่าไอ้พี่โฬมมันจะมาไม้ไหน มาหาประโยชน์อะไรจากน้องมันหรือเปล่า


“มึงไปฟังสิว่าสองคนนั้นคุยอะไรกัน” คริสพยักหน้าแล้วก็หายตัวไป

ผมยืนรออยู่ซักครู่คริสก็กลับมาพร้อมกับสีหน้าไม่สู้ดี

“ว่าไงบ้าง”

“โฬมกำลังจะไปส่งฟานที่บ้าน นายต้องติดรถสองคนนั้นไปให้ได้นะปาร์ค นั่นไง รถคันนั้น” คริสพูดจบรถเก๋งสีดำก็เลี้ยวออกมาจากตึกคณะ ผมรีบเดินเข้าไปเฉียดทันที แอบเสียวหน้าแข้งเหมือนกัน ถ้าชนก็คิดว่าหักอะ แต่ยังดีที่รถคันนั้นเบรกทัน

เอี้ยด !

“อ้าวน้อง” เสียงแรกเป็นคนขับ นั่นก็คือไอ้พี่โฬม

“อ้าวน้องปาร์ค ยังไม่กลับหรอ” เสียงต่อมาจึงเป็นคนฟานที่นั่งอยู่ข้างๆคนขับ

“อะ...อ้าวพี่ฟาน แหม่ พอดีเลยพี่ ผมว่าจะไปหาไรกินที่บ้านพี่พอดีเลยครับ ผมขอติดรถไปด้วยเนอะ แหะๆ”

แหะๆ พ่อง ! ผมเกลียดความหน้าด้านของตัวเองจริงๆเลย

พูดจบผมก็รีบเปิดประตูขึ้นไปนั่งโดยไม่รอให้เจ้าของรถหรือใครอนุญาตทั้งนั้น เรียกว่าหน้าด้านแบบเต็มรูปแบบเลยทีเดียว

พอผมนั่งลงที่หลังรถปุ้บ ไอ้คริสก็โผล่มาข้างๆด้วยสีหน้ากังวลหนัก ผมจะคุยกับมันก็ไม่ได้ เลยได้แต่นั่งเงียบ ปล่อยให้พี่โฬมพูดอยู่คนเดียว

“พี่ก็ไม่รู้นะครับ ว่าน้องปาร์ครู้เรื่องของพี่กับคริสมากแค่ไหน แต่คงจะรู้มาไม่น้อยใช่ไหม ถ้าพี่จะพูดอะไรซักหน่อยคงไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ” ไอ้พี่โฬมพูดขึ้น ผมยิ้มแหยๆแล้วพยักหน้าไป มันจะพูดอะไรวะ

“น้องฟาน พี่ขอโทษกับเรื่องที่ผ่านมา"

“ไม่เป็นไรครับ ผมรู้ว่าไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้”ฟานพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน มันไม่หันหน้าไปมองอีกคนด้วยซ้ำ กลับมองแค่กระจกมองหลังแล้วมองหน้าผม

“ไม่เป็นไรไม่ได้ครับ 7ปีที่แล้วพี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ฟานต้องสูญเสียพี่ชายไป พี่รู้สึกผิดมาก”น้ำเสียงของพี่โฬมราวกับว่าเขาเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ

“พี่ไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดอะไรเลยครับ”

"แต่พี่ยังรู้สึกติดค้างอยู่ พี่อยากชดใช้ ต่อจากนี้ไปขอให้พี่ได้ชดใช้ได้ไหม... ให้พี่ได้ดูแลฟานนะครับ”


อ้าว.... นั่งฟังมาตั้งนาน ไม่มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับกูเลยไหมหละ


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด