ตอนที่ 5 : พูดออกมาปัณณ์ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง ยกมือลูบใบหน้า เขาคงเป็นบ้าหรือโง่เต็มที ที่เล่าความลับให้นาราซึ่งเป็นเพื่อนกับเอยฟัง ปัณณ์เพิ่งคิดได้ตอนนี้ เขาถอนใจออกมายาวๆ สายตาจับจ้องไปยังประตูห้องน้ำที่พายุหายเข้าไป ปัณณ์คิดว่าบางทีเขาคงอัดอั้นกับเรื่องนี้มากเกินกว่าจะแบกเอาไว้เพียงลำพัง ไม่มีใครเคยถามเขา ไม่มีใครสังเกตเห็น และเขาไม่มีความกล้าพอที่จะพูดถึง แต่เพราะสายตาอ่อนโยน เข้าอกเข้าใจของนารา คำถามที่เหมือนนั่งอยู่กลางใจ ทำให้เขาขาดสติ เผลอพร่างพรูมันออกมา ปัณณ์โล่งอกที่ได้เล่าให้ใครสักคนฟัง แต่ในขณะเดียวกันความกังวลก็เพิ่มมากขึ้น เขาทำมันลงไปแล้วก็ได้แต่รอรับผลที่จะตามมา
“ไหนมึงว่าไม่ชอบนารา” ปัณณ์สบตากับพายุ เมื่ออีกฝ่ายเปิดประตูห้องน้ำออกมา
“ก็ขึ้นอยู่กับว่าคำว่าชอบของมึงหมายถึงอะไร”
“อยู่บนเตียงด้วยกัน มึงว่ากูถามถึงชอบแบบไหน”
“พายุ อย่ากวนตีนกู” ปัณณ์รู้สึกเหนื่อยล้าทั้งกับความรู้สึกของตัวเอง และอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ของเพื่อน
“ทำไม หรือมึงอารมณ์เสียที่กูมาขัดจังหวะ”
“ใครกันแน่วะที่อารมณ์เสีย เข้ามาทำเสียงปึงปัง ป่านนี้นารากลัวหัวหดแล้ว”
“ห่วงมากเหรอ” พายุเดินมาหยุดยืนข้างหน้าเขา ดวงตาที่จ้องมาวาวโรจน์
“อะไรของมึงพายุ” ปัณณ์ไม่เข้าใจอารมณ์ของพายุแม้แต่น้อย “ทะเลาะกับเอยมาหรือไง”
“เปล่า”
“แล้วมึงเป็นอะไร อย่าบอกว่าเอยยังงอนอยู่ ไม่ยอมมีอะไรด้วย” มันอาจฟังเป็นคำพูดห่ามๆ แต่ในกลุ่มเพื่อนสนิท ปัณณ์เชื่อว่าเป็นเรื่องที่พูดถึงได้
“มึงอย่าเปลี่ยนเรื่อง กูกำลังพูดถึงนารากับมึง”
“อย่าบอกว่ามึงโกรธเรื่องนารา” ใจของปัณณ์พองโตขึ้นมา หรือพายุไม่พอใจที่เห็นเขาอยู่กับนารา
“กูแค่ไม่ชอบให้มึงโกหกกู สนใจก็บอกว่าสนใจสิวะ ทำไมบอกกูอีกอย่างทำอีกอย่าง”
“กูไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น กูแค่ขอโทษนารา แล้วเราก็นั่งดูหนังด้วยกันอย่างเพื่อน หรือมึงจะให้กูส่งนารากลับไปขัดจังหวะมึงห้องโน้น”
“ตกลงมึงไม่ได้ชอบนาราใช่ไหม”
“เออ”
“ก็แค่นั้น ถึงมึงชอบกูก็ไม่ได้ว่าอะไร กูแค่อยากให้มึงบอกกู มึงมีอะไรอย่าปิดบังกู กูขอแค่นี้ได้ไหม”
ปัณณ์ไม่ตอบ เพราะเขามาไกลกว่านั้นมากนัก
“ปัณณ์”
“กูจะไม่โกหกมึงเรื่องนารา”
“แบบนี้สิถึงเรียกว่าเพื่อนกัน” พายุทิ้งตัวลงนั่งข้างปัณณ์ เอนหลังลงนอนราบบนเตียง ดูอารมณ์ดีขึ้นทันตา
“แล้วทำไมมึงรีบกลับมา” ปัณณ์เอี้ยวตัวไปมองหน้า พายุสอดมือเข้าใต้คอ สายตาจับจ้องที่ใบหน้าของปัณณ์
“ไม่มีอะไร”
“ทีเรื่องกูมึงอยากรู้ ทีกูถามบ้างเสือกไม่ตอบ”
“ไม่มีอะไร กูก็แค่....”
“แค่?” ปัณณ์ถามเพราะพายุไม่ยอมพูดต่อ
“แค่อยากรู้ว่ามึงเคลียร์กับนาราเรียบร้อยไหม ยังไงนาราก็เพื่อนเอย กูไม่อยากให้ผิดใจกัน มันจะมองหน้ากันไม่ติด”
“แค่นั้น?”
“ใช่ แล้วมึงนึกว่าแค่ไหน”
“แล้วมึงดีกับเอยหรือยัง” เมื่อถูกย้อนถามปัณณ์จึงเปลี่ยนเรื่องเสีย เขาจะบอกได้อย่างไรว่าเขาแอบคาดหวังลึกๆ ว่าพายุจะหวงเพื่อนอย่างเขา
“ไม่รู้ เหมือนจะดีมั้ง”
“แปลว่าอะไรวะ”
“ตอนแรกก็หายงอนแล้ว แต่พอกูบอกว่าจะกลับห้องมาดูมึงกับนารา ว่าเคลียร์กันเรียบร้อยดีไหม ก็งอดแงดใส่กูอีก”
“อ้าว! แล้วมึงจะมาทำไม เห็นอยู่ว่าเอยไม่อยากให้มาก็ดันทะลึ่งมา”
“ช่างเถอะ งอนบ่อยเกินกูเบื่อ”
“มึงควรถามตัวเองมากกว่า ว่ามึงทำอะไรให้เอยรู้สึกแบบนั้น”
“ตกลงมึงเพื่อนกูหรือเพื่อนเอยวะ”
“เพื่อนมึง แต่ถ้ามึงผิดกูก็ควรด่า”
“ด่าได้แต่เอาไว้ทีหลังได้ไหม กูง่วงอยากนอน เดี๋ยวต้องออกไปกินข้าวเย็นข้างนอกอีก พรุ่งนี้ก็กลับแล้วขอกูพักบ้างเถอะ”
“ตามใจมึง”
“มึงจะไปไหน” พายุดึงแขนปัณณ์ไว้ เมื่อเห็นอีกฝ่ายขยับตัว ทำท่าจะลุกขึ้นยืน
“ลงไปหาไอ้ไผ่กับไอ้นนท์”
“ไม่ต้องไป มานอนเป็นเพื่อนกูดีกว่า” แรงฉุดของพายุทำให้ปัณณ์ล้มลงไปนอนข้างๆ
“มึงอยากได้เพื่อนก็ไปห้องโน้น เดี๋ยวกูชวนนาราลงไปข้างล่างเอง”
“กูอยากนอน กูไม่ได้อยากทำอย่างอื่น”
“ไอ้เหี้ย”
“กูหมายถึงกูง่วง ไม่มีอารณ์ง้อแฟน เอาน่าอย่าพูดมาก” พายุขยับตัวขึ้นนอนบนหมอน ดึงปัณณ์ให้ขยับตามขึ้นมาด้วย
“ขอสักชั่วโมงมึงปลุกกูด้วย” แขนแข็งแรงพาดลงมาบนตัวเขา ปัณณ์นอนนิ่ง เขาได้พยายามทำอย่างที่รับปากเอยไว้แล้ว แค่ชั่วโมงเดียวคงไม่เป็นไร
“ก็ได้ ชั่วโมงเดียวนะ มึงนอนไปเดี๋ยวกูปลุก”
“ขอบใจ มึงนี่สมเป็นเมียกูจริงๆ” เสียงพายุอู้อี้ก่อนที่เจ้าตัวจะเงียบเสียงลง ปัณณ์ถอนใจยาว ตื่นขึ้นมาอะไรๆ มันจะยังเหมือนเดิมไหม นาราจะเล่าให้เอยฟังหรือเปล่า ถ้าเล่าเขาจะมองหน้าเพื่อนทั้งกลุ่มได้อย่างไร ยิ่งคิดปัณณ์ก็ยิ่งไม่สบายใจ
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตั้งปลุกก่อนหลับตาลง เครียดไปก็ไม่ทำให้อะไรเปลี่ยนแปลง ถ้ามันจะเกิดขึ้นเขาก็ขอใช้เวลาตอนนี้ให้คุ้มค่า ปัณณ์ขยับตัวให้สบายขึ้น ผ่อนคลายลง
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เขาอาจยังเล่าให้นาราฟัง เพราะท่ามกลางความกังวลที่เกิดขึ้น หัวใจของเขากลับได้รับการเยียวยา เขารู้สึกได้ว่าตัวเองเข้มแข็งขึ้น รู้สึกอ่อนแอและพ่ายแพ้น้อยลง นี่คือข้อดีของการมีเพื่อนช่วยคิดช่วยฟัง อย่างน้อยก็ไม่รู้สึกเคว้งคว้างและเดียวดายอีกต่อไป
“ปัณณ์” นาราเดินยิ้มร่าเข้ามากอดแขนปัณณ์ เมื่อเขากับพายุเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับคนอื่นๆ ที่รออยู่บริเวณล็อบบี้ของโรงแรม
“มาพอดีเลย เรากำลังโหวตกันว่าจะไปกินอะไรดี ปัณณ์ลงคะแนนให้เราใช่ไหม”
“เดี๋ยวครับ ผมยังไม่รู้เลยว่านาราเลือกอะไร” ปัณณ์หัวเราะขำกับอาการโมเมของนารา
“เราเลือกกินอาหารทะเลซ้ำกับเมื่อวาน แหมมาทะเลทั้งทีก็ต้องกินให้หนำใจสิ”
“อาหารทะเลกับอะไร” ปัณณ์ถามถึงตัวเลือกที่เหลือ
“เอยอยากไปกินอาหารฟิวชั่น ร้านดังที่ใครมาก็ต้องแวะ”
“ดึงปัณณ์เป็นพวกก็เท่านั้นแหละนารา ยังไงเอยก็มีพายุอีกเสียง” เอยเดินเข้ามากอดแขนของพายุบ้าง เงยหน้าขึ้นมองคนรัก “ใช่ไหมคะพายุ”
“ผมอะไรก็ได้”
“เสร็จนารา ชนะหนึ่งเสียงเพราะพายุงดออกความคิดเห็น ส่วนปัณณ์นาราไม่ให้เลือกอย่างอื่น” นารายิ้มกว้างดีใจทีตัวเองชนะ ในขณะที่เอยเม้มปากแน่น สายตาหงุดหงิดตวัดมองพายุ
“ไม่เคยเข้าข้างเอยเลย”
“อย่างอนสิครับ” พายุดึงเอยเข้ามากอด โยกตัวสาวในอ้อมแขนเบาๆ เอยยิ้มออกมาได้ ในขณะที่ปัณณ์ต้องเบือนสายตาหนี
“แยกๆ ไปได้แล้ว หิวจนจะกินช้างได้ทั้งตัว” นาราบ่นเสียงดัง ลากแขนปัณณ์ที่กอดอยู่ให้ออกเดิน
“ปัณณ์รถว่างที่หนึ่งไหม เราไปด้วยสิ”
“พอนั่งได้แต่ต้องเบียดนิด”
“เบียดปัณณ์นะ”
“อืม” ปัณณ์พยักหน้า เดินตามแรงฉุดของนาราไปเรื่อยๆ ไม่รู้เลยว่ามีสายตาสามคู่มองตามมา เอย พายุและไผ่ คู่หนึ่งยิ้มพอใจ คู่หนึ่งมองด้วยดวงตาวาวลึกใบหน้าเรียบสนิท อีกคู่หนึ่งมองด้วยความเป็นห่วงและหนักใจ
“นารา” ปัณณ์หันไปมองด้านหลัง เมื่อเห็นว่าพวกเขาเดินห่างจากคนอื่นพอสมควร จึงเรียกนาราด้วยเสียงอันเบา
“ว่าไง” นาราขานรับด้วยรอยยิ้ม มือยังคงคล้องอยู่กับแขนของปัณณ์
“อย่าสนิทสนมกับผมเลย ผมไม่อยากให้นาราต้องเจ็บ ยิ่งอยู่ใกล้จะยิ่งทำใจลำบาก”
“ปัณณ์หมายถึงยิ่งตัดใจไม่ได้ใช่ไหม”
“ครับ”
“กลัวนาราจะใช้มันเข้าใกล้ปัณณ์มากกว่าเดิมเหรอ” นาราเลิกคิ้วถามสีหน้าล้อเลียน
“ผมไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น เพราะผมรู้ว่ามันรู้สึกยังไง ผมถึงไม่อยากให้นาราเป็นเหมือนผม”
“โธ่ปัณณ์” นาราเอียงหัวซบกับไหล่ของปัณณ์ ก่อนจะกลับมาเดินตามปกติ
“ไม่หรอก จะบอกว่ายังไงดี ไม่ใช่ไม่เสียใจหรือผิดหวังนะ อืม..” นาราทำหน้าครุ่นคิด คล้ายต้องการหาคำพูดที่น่าฟังที่สุด “คือถ้าปัณณ์บอกว่าไม่ชอบเรา หรือชอบผู้หญิงคนอื่นเราคงเสียใจมาก แต่เพราะปัณณ์ชอบแบบที่ไม่ใช่เรา มันก็ทำใจได้ง่ายขึ้น ยื้อไปมันก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ใช่ไหม มันเลยเศร้าแต่สบายใจ มันโล่งนะปัณณ์พอนึกออกไหม”
“นึกออก” ปัณณ์เงียบเสีย เขาไม่อธิบายให้นาราเข้าใจว่าเขาชอบผู้หญิงเหมือนผู้ชายทั่วไป เขารักผู้ชายแค่พายุเพียงคนเดียว การปล่อยให้นาราเข้าใจแบบนี้ อย่างน้อยเธอก็เจ็บน้อยลง เหมือนที่กำลังเป็นอยู่
“เจ็บนิดหน่อยแต่เราโอเค”
“ผมค่อยหายห่วง”
“ปัณณ์ไม่ต้องคิดมาก เราตามติดปัณณ์เพราะเราชอบนั่นแหละ แต่อีกสักพักมันคงเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้”
“เปลี่ยนเป็นอะไร”
“เป็นเพื่อนสิ แหมพูดอย่างกับเราเปลี่ยนให้ปัณณ์มาชอบอย่างเราได้งั้นแหละ”
“หึๆ” ปัณณ์ตบมือลงบนมือของนาราที่วางอยู่บนแขน ยังคงปล่อยให้หญิงสาวเข้าใจอย่างนั้นต่อไป
“เออนี่ปัณณ์” นาราหยุดเดินทำหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้
“อะไรครับ”
“พี่ชายเราหล่อนะสนใจไหม สู้พายุได้สบาย”
“เดี๋ยว นี่แน่ใจนะว่านาราชอบผม” ปัณณ์หัวเราะออกมา แปลกที่เขารู้สึกดีขึ้นเวลาที่อยู่กับนารา คงเป็นเพราะเขาไม่ต้องซ่อนอะไรเอาไว้
“ไม่เคยได้ยินเหรอ ของดีๆ อย่าปล่อยให้หลุดมือไป เราไม่ได้ให้พี่ก็ยังดี”
“ระวังจะโดนพี่ชายเตะ”
“คิดอยู่” นาราหัวเราะชอบใจ เพราะพี่ชายของเธอแมนทั้งแท่ง
“ปัณณ์”
“ครับ?”
“มองคนอื่นเถอะอย่ามองพายุเลย เราไม่อยากให้ปัณณ์เจ็บไปมากกว่านี้” สายตาของนารามีร่องรอยความสงสารและเห็นใจ ปัณณ์หัวเราะขื่นๆ ดึงแขนออกจากมือของนารา อีกฝ่ายสะดุ้งทำหน้าตกใจ ด้วยคิดว่าตนพูดผิดหู แต่ปัณณ์เพียงแค่ต้องการโอบไหล่นาราแทนเท่านั้น เขาวาดมือไปบนไหล่อย่างสุภาพ ไม่ได้ดึงเข้ามาชิดแต่โอบเหมือนเพื่อนโอบบ่ากัน
“ขอบใจ”
“มันแน่อยู่แล้ว ก็เราชอบปัณณ์นี่ ถึงตอนนี้ก็ยังชอบ”
“นั่นก็ขอบใจ”
“งั้นเดี๋ยวตอนหารค่าข้าว จ่ายตังค์ให้เราด้วยนะ”
“ฮ่า ๆ “ ปัณณ์ขยับมือจากหัวไหล่ขึ้นขยี้ผมของนารา บางทีเขาอาจะมีเพื่อนคู่คิดเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน
“สงสัยกูจะแห้ว” นนท์บ่นพึมพำ สายตาจ้องมองปัณณ์กับนาราเดินคุยกันกระหนุงกระหนิง
“มึงเพิ่งรู้เหรอ” ไผ่พูดลอยๆ เพื่อให้เพื่อนเข้าใจว่าเขาคิดเหมือนกัน เรื่องปัณณ์กับนารา
“เมียมึงมีชู้” นนท์หันไปฟ้องพายุ เขาพูดขำๆ แต่เอยหน้าตึงขึ้นมา เธอเคยได้ยินพายุพูดเล่นเรื่องนี้ แต่หลังจากเธอทำท่าไม่พอใจ พายุก็ไม่เคยพูดให้เธอได้ยินอีก
“ไม่ใช่ คู่นั้นเคลียร์กันเรียบร้อยแล้ว” พายุตอบเสียงเรียบ เขาเดินโอบบ่าเอย มุ่งหน้าสู่ลานจอดรถของโรงแรม
“บ้านมึงเรียกแบบนั้นว่าเคลียร์แล้วก็ตามใจ” นนท์พยักพเยิดไปด้านหน้า “แต่ที่บ้านกูเรียกอกหักว่ะ”
“หมายถึงนารา?”
“หมายถึงกูนี่แหละ” นนท์หันไปค้อนไผ่ เห็นอยู่โทนโท่ว่าเขาเดินโอบกันยังจะกล้าถาม
“ทำใจเถอะว่ะ มึงมันหล่ออันดับสุดท้ายของกลุ่ม ถ้าไอ้ปัณณ์ขายออกแล้วต่อไปก็กู มึงยังไม่ต้องขวนขวาย รอกูมีแฟนแล้วถึงจะถึงตามึง”
“กล้าพูด ไอ้ปัณณ์กูยอมให้ ยังไงมันก็หล่อกว่ากูจริง แต่กับมึง...” นนท์มองเพื่อนด้วยหางตา
“ทำไม”
“ถ้ามึงหล่อกว่ากู กูก็เป็นพระเอกแล้ว”
“หนังเอ็กซ์เหรอ”
“ควาย” นนท์สรรเสริญเพื่อน สายตามองไปยังปัณณ์กับนาราอีกครั้ง
“เอาวะกูยอม อยากให้ไอ้ปัณณ์มันมีแฟนเสียทีเหมือนกัน”
“อืม” ไผ่พยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย อย่างน้อยตอนนี้เขาก็โล่งอก เพราะแปลว่าจะไม่มีใครสงสัยปัณณ์อีกนอกจากเขา
“พายุ! เอยเจ็บ” เสียงร้องเบาๆ ของเอยเรียกความสนใจของไผ่ ให้เบือนสายตาไปมอง เขาเห็นเอยนิ่วหน้าและพายุทำหน้าตกใจ
“ขอโทษ” พายุคลายมือบนไหล่ของเอยออก เขาไม่รู้ตัวเลยว่ากดน้ำหนักมือลงไป
“วันนี้พายุต้องเอาใจเอยมากๆ รู้ไหม ไหนจะทำเอยเจ็บ ไหนจะไม่เข้าข้างกันสักนิด เอยอดไปถ่ายรูปร้านนั้นเลยเห็นไหม เชยแย่”
“ตกลงเอยอยากไปกิน หรืออยากไปถ่ายรูป”
“ไม่รู้แหละยังไงเอยก็งอน พายุไม่ต้องเปลี่ยนเรื่อง”
“พรุ่งนี้พาไปกินก่อนกลับดีไหม กลางวันน่าจะถ่ายรูปสวยกว่า”
“จริงนะคะ ไม่พาไปเอยโกรธจริงๆ ด้วย”
“จริงสิ หายงอนหรือยัง”
“ค่ะ” เอยสอดแขนเข้ากอดเอวพายุ เงยหน้าขึ้นยิ้มด้วยความพอใจ ถึงอย่างไรพายุก็ยังตามใจเธอ ถือว่าเย็นนี้มีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นหลายอย่าง อย่างน้อยปัณณ์ก็กำลังจะห่างออกไป นั่นคือเรื่องที่เอยสบายใจที่สุด
พายุยิ้มตอบเอย ก่อนเบือนหน้ากลับไปมองปัณณ์ รอยยิ้มของเขาค่อยๆ จางลงโดยไม่รู้ตัว ไม่มีใครสังเกตเห็นนอกจากไผ่ ผู้ที่ได้แต่ถอนใจออกมายาวๆ
ถ้ามึงไม่พอใจเพราะมึงติดเพื่อน หวงเพื่อน กูก็อยากให้มึงหยุดเสียที กูสงสารไอ้ปัณณ์ ไผ่ได้แต่คิดอยู่ในใจ เขาจะทำอะไรได้ ในเมื่อปัณณ์ไม่เคยพูดมันออกมา
✪✣✤✥✦✧✣✤TBC✥✦✧✣✤✥✦✧✪
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin