ตอนที่ 11 : อยู่ตรงนี้“มึงจะพักที่ไหน” ปัณณ์ถามเจ้าของรถ พวกเขาออกจากกรุงเทพฯ ตั้งแต่เช้าตรู่ พายุดูอารมณ์ดีมากเป็นพิเศษผิดกับหลายวันที่ผ่านมา ที่เจ้าตัวมักมีสีหน้าหงุดหงิดอยู่ตลอดเวลา
“ไปแถวเขาตะเกียบไหม”
“ก็ได้”
“กูเคยเดินผ่านบังกะโลหลังเล็กๆ สีฟ้า น่ารักดี อยู่ติดหาดเลย หมายตาไว้ว่าอยากลองมาพัก”
“อืม”
“กูว่ามึงต้องชอบ”
“หึ” ปัณณ์หัวเราะออกมาเบาๆ เขากับพายุไม่ได้ตกลงอะไรกันเป็นคำพูด ต่างคนต่างรับรู้ด้วยตัวเอง ว่าการมาเที่ยวแบบกะทันหันครั้งนี้คืออะไร พวกเขาทำเป็นลืมโลกของความจริง ไม่มีการพูดถึงบุคคลอื่นตลอดการเดินทาง ไม่พูดถึงเรื่องที่ค้างคาอยู่ในใจของแต่ละคน ต่างเลือกที่จะปล่อยมันไป
“หัวเราะทำไม กูมั่นใจว่ามึงต้องชอบชัวร์เพราะกูรู้จักมึงดี” พายุละมือจากพวงมาลัยรถมาขยี้ผมปัณณ์ จนอีกฝ่ายต้องเอนหนี
“มึงขับรถดีๆ สิวะ” นับครั้งไม่ถ้วนที่พายุทำแบบนี้กับเขา แต่แปลกที่ครั้งนี้ใจของปัณณ์เต้นแรง ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ มันร้อนจนปัณณ์รู้สึกได้ทันทีว่าเขากำลังเขิน
“ยิ้มห่าอะไรของมึง” ปัณณ์เปลี่ยนอาการเขินเป็นการโวยวาย ซึ่งผิดวิสัยของเขา พายุจึงเปลี่ยนจากรอยยิ้มเป็นหัวเราะออกมาแทน
“อย่าบอกว่ามึงเขิน เขินแล้วหยาบคายเหรอ”
“ประสาทแล้วมึง” คนด่ากลับพูดไม่เต็มปาก พายุเหลือบตามอง ไม่รู้ตัวเลยว่าเขากำลังยิ้มกว้างแค่ไหน พายุรู้สึกสบายใจ ความรู้สึกหน่วงในอกหลายวันที่ผ่านมาหายไป ราวกับไม่เคยรู้สึกมาก่อน เขาชอบอยู่กับปัณณ์ นั่นคือหนึ่งสิ่งที่พายุมั่นใจ
“หิวแล้ว กูว่าแวะหาอะไรกินก่อนดีกว่า” นอกจากกาแฟคนละแก้วที่แวะซื้อระหว่างทาง พวกเขายังไม่มีอาหารตกถึงท้อง พายุจึงหันไปบอกคนนั่งข้างๆ ได้รับการพยักหน้าเป็นคำตอบ
“กินอะไรดีวะ” ไม่ใช่คำถามแต่เป็นคำพูดลอยๆ ของพายุ ปัณณ์คิดว่าเจ้าตัวคงถามตัวเองเสียมากกว่า เขาจึงไม่ช่วยออกความคิดเห็น ปล่อยให้คนขับรถเป็นคนตัดสินใจ
“แวะกินแถวชะอำไหม จะพาไปนั่งดูวิว”
“ไหนมึงบอกว่าหิว” ปัณณ์ทักเพราะกว่าจะถึงชะอำอย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาอีกเกือบครึ่งชั่วโมง
“มึงชอบดูวิวกูรู้”
“แต่มึงชอบแดกของอร่อยมากกว่า ไม่ต้องไปถึงชะอำหรอก เอาร้านเดิมก็ได้ ร้านอะไรนะที่มึงมาทีไรต้องแดกปลาทูทอดน้ำปลาทุกที” ปัณณ์พยายามนึก เขาเคยแวะแล้วสองครั้งแต่จำชื่อไม่ได้เสียที
“ตลอดมามึงถึงไม่เคยได้ดูวิวอย่างที่ชอบ” เสียงของคนพูดเปลี่ยนมาจริงจัง พอๆ กับสายตาที่เหลือบมามอง
“ใครก็ชอบกินของอร่อยหรือเปล่าวะ” ปัณณ์ไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธ “ไอ้นนท์แม่งตัวแดกเลย”
“ใช่ แต่ไอ้นนท์แดกร้านไหนก็ได้ ลิ้นมันอย่างกับจระเข้ มึงไปร้านนั่งดูวิว ถึงอาหารไม่อร่อยไอ้นนท์มันก็แดก มีแต่กูที่เรื่องมาก ไม่อร่อยไม่แดก”
“รู้ตัวนี่”
“รู้ แต่เพราะมีมึงคอยตามใจไง กูถึงไม่เคยรู้ว่าเป็นภาระคนอื่น โทษทีว่ะ”
“ช่วงนี้มึงเป็นอะไร เดี๋ยวขอบคุณเดี๋ยวขอโทษกูอยู่ได้” ปัณณ์บ่นเสียงคล้ายคนรำคาญ แต่ใจของเขาเต็มตื้นกับคำที่ได้ยิน
“เป็นเหี้ยไง” เสียงหัวเราะขื่นๆ มาจากพายุ ก่อนเจ้าตัวจะปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติ “เอาตามนี้เถอะ กูก็บ่นไปงั้นเองไม่ได้หิวอะไรมากมาย”
“มึงหิว” ปัณณ์ดักคออย่างรู้ทัน
“ฮ่าๆ มึงมันรู้ใจ” คนพูดยอมรับความจริง แต่ความเร็วรถกลับไม่ลดลงแม้แต่น้อย ปัณณ์อยากบอกพายุว่าไม่ใช่แค่เขาหรอกที่ตามใจพายุ พายุเองก็ตามใจเขาเช่นกัน คอยห่วงใยเขา ดีกับเขา เรื่องทุกอย่างมันถึงเป็นอย่างทุกวันนี้
พวกเขามาถึงที่พักเกือบบ่ายโมง โชคดีที่มีห้องว่าง กระเป๋าเสื้อผ้ามีเพียงใบเดียวเพราะพายุไม่ยอมกลับไปเอาข้าวของที่บ้าน ปัณณ์จึงหยิบชุดนอนและเสื้อผ้าของเขามาเผื่อให้
“เป็นไงมึงชอบไหม”
“ก็ดี” ปัณณ์มองไปรอบๆ บริเวณ บังกะโลหลังเล็กหันหน้าเข้าสู่ทะเล หน้าบ้านตีเป็นชานไม้วางเก้าอี้ให้ห้องละสองตัวสำหรับนั่งชมวิว
“เข้าไปข้างในกันเถอะ”
“อืม” ปัณณ์เดินตามพายุเข้าไปในห้อง เขาวางกระเป๋าลงบนเตียง มองพายุเก็บกระป๋องเบียร์ กระป๋องน้ำอัดลมที่แวะซื้อมาเข้าตู้เย็น
“ไปนั่งเล่นริมทะเลไหม กูเห็นเขามีเตียงชายหาดวางไว้ให้ มีร่มให้ด้วยไม่ร้อน” ปัณณ์รีบชวนเมื่อเห็นพายุเก็บของเสร็จ ในห้องไม่กว้างนักมีเพียงเตียงขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางห้อง เขาไม่เชิงอึดอัดมันรู้สึกแปลกๆ จนทำตัวไม่ถูกมากกว่า
“เอาสิ มึงเอาเบียร์ไหม”
“ก็ดี หยิบเผื่อกูด้วย” ปัณณ์คิดว่าย้อมใจสักนิดคงดีไม่น้อย
“ปัณณ์” “หือ” ปัณณ์ยกกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่ม สายตายังทอดมองไปข้างหน้า
“ปัณณ์”
“นั่งกันอยู่สองคน กูไม่ลืมชื่อตัวเองหรอก มึงไม่ต้องเรียกบ่อยขนาดนั้น”
“ถ้า...” พายุชำเลืองมองคนที่นั่งเหม่อมองไปยังทะเลเบื้องหน้า เขาตัดสินใจถามออกไป “ถ้ากูชอบมึงขึ้นมา มึงจะเกลียดกูไหมวะ”
“....”
“อย่าเงียบสิวะกูใจไม่ดี” น้ำเสียงของพายุร้อนรนเมื่อปัณณ์ยังนั่งมองทะเลนิ่งอยู่เหมือนเดิม โดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง
“แล้วถ้าเปลี่ยนเป็นกูเป็นคนชอบมึงล่ะ ถ้ามึงรู้ความจริง..มึง..”สายตาของปัณณ์หลุบต่ำก่อนตัดสินใจหันไปมองใบหน้าของเพื่อน ที่เขาหลงรักมานาน “มึงจะเกลียดกูไหม”
“ถ้าเป็นกูเหรอ” คิ้วของพายุขมวดเข้าหากัน “กูตอบไม่ได้”
“หะ!!” ปัณณ์เบิกตากว้าง เป็นคำตอบที่ทำให้คนถามอย่างเขาไปต่อไม่ถูก
“ฟังกูก่อน ที่มึงถาม มึงหมายถึงถ้ากูไม่ได้ชอบมึงแล้วมึงเป็นคนชอบกูแทน กูจะเกลียดมึงไหมใช่ไหม”
“ใช่”
“กูตอบไม่ได้ เพราะถ้ามึงถามกูตอนนี้ ยังไงกูก็ต้องตอบว่าไม่เกลียด จะเกลียดได้ยังไงวะในเมื่อกูสงสัยตัวเองว่ากูแอบชอบมึงอยู่ หึๆ “พายุหัวเราะเยาะตัวเอง “เพราะฉะนั้นมึงถามคำถามนี้กับกูช้าไป กูไม่มีคำตอบและไม่มีทางรู้คำตอบนั้นอีกแล้ว”
“พายุ” ปัณณ์เรียกชื่อเพื่อนออกมาเบาๆ เขาเข้าใจความหมายที่พายุพูด ใจของปัณณ์เต้นแรง ความคิดของเขาสับสน เขาควรบอกพายุดีไหม ว่าเขาชอบพายุเช่นกัน แต่ถ้าพายุหาคำตอบได้แล้ว ว่าไม่ได้ชอบเขาจริงอย่างที่คิด มันจะเกิดอะไรขึ้น บอกตอนนี้หรือควรรออีกนิด รอให้พายุแน่ใจตัวเองเสียก่อน ว่าคิดอย่างไรกับเขากันแน่
สายตาลังเลไม่แน่ใจของปัณณ์ทำให้พายุใจเสีย เขายื่นมือออกไปหาเพื่อนก่อนลดมันลงอย่างหมดแรง
“มึงจะเกลียดกูสินะ” เขาเดาได้จากสีหน้าของเพื่อน “มึงเป็นคนดี แค่จะตอบกูมึงยังเกรงใจ”
“เพ้อห่าอะไรของมึงวะ กูได้พูดอะไรสักคำไหม”
“ถ้าอย่างนั้นมึงก็ตอบกูมา” สีหน้าของพายุราวกับรอคำตัดสินชี้เป็นชี้ตาย ปัณณ์อดยิ้มออกมาไม่ได้ ในความกังวลของพวกเขา มีเพียงเรื่องนี้ที่เหมือนกัน กลัวว่าจะเสียความเป็นเพื่อนกับอีกคนหนึ่งไป
“กูไม่ตอบไม่ใช่เพราะกูเกรงใจมึง แต่กูไม่ตอบเพราะกูไม่รู้ว่ามีเพื่อนโง่”
“หะ!!”
“ถ้ากูเกลียดมึงกูจะมาด้วยไหม ในเมื่อเมื่อคืนมึงก็พูดอยู่ปาวๆ ว่าอาจจะชอบกู ใช้สมองบ้างเหอะ”
“ก็คนมันกังวลนี่หว่าเลยไม่ทันคิด” พายุยกมือขึ้นลูบต้นคอแก้เก้อ
“มึงก็หัดคิดซะบ้าง บางที..” ปัณณ์พูดแล้วชะงัก เขาเผลอถอนใจออกมาเบาๆ “บางทีมึงอาจรู้อะไรมากกว่าที่มึงคิดว่าตัวเองรู้”
“มึงพูดถูก” ใจของพวกเขาต่างคิดไปคนละทาง พายุคิดว่าเพราะเขาไม่เคยค้นความรู้สึกจริงๆ ของตัวเอง เขาจึงไม่เฉลียวใจเลยสักนิด ว่าความรู้สึกหวง ห่วง ที่เขามีต่อปัณณ์คืออะไร ในขณะที่ปัณณ์พูดถึงความรู้สึกของตัวเอง ถ้าพายุสังเกตสักนิดคงรู้ความจริงไปนานแล้ว
“พายุ กูมีคำถามอยากถามมึง แค่คำถามเดียว” ปัณณ์หันไปทางพายุเต็มตัว
“ถามมาสิ”
“มึงคิดบ้างไหมว่าถ้ามึง.. ปัณณ์อึกอัก “ คือกูหมายถึงถ้านะ ถ้ามึงชอบกูขึ้นมาจริงๆ มึงรับได้เหรอวะ พ่อแม่มึงล่ะ ที่มหาลัย ผู้หญิงของมึง มึงจะทำยังไง”
พายุมองหน้าเขานิ่ง ปัณณ์รีบขยายคำถามของเขาเพราะกลัวอีกฝ่ายเข้าใจผิด “ที่กูถาม กูอยากให้มึงคิดให้ดีก่อนที่จะหาคำตอบ ถ้ามึงรับไม่ได้กูว่ามึงปล่อยไว้แบบนี้ดีไหม ไม่ต้องไปพยายามหาว่าจริงๆ มึงคิดยังไงกับกู กูกับมึงก็เป็นเพื่อนกันไปแบบนี้ ดีกว่ามึงต้องมาเจ็บปวดเพราะทนกับสิ่งที่มึงเป็นไม่ได้”
“มึงถามเหมือนมีประสบการณ์ เหมือนรู้ว่ามันจะเป็นยังไง รู้สึกยังไง” พายุหรี่ตามองเขา
“เปล่า” ปัณณ์ปฏิเสธได้เต็มปาก เขาอาจมีช่วงเวลาคิดหนัก ทรมาน แต่ไม่ใช่เพราะรับตัวเองไม่ได้ เขาเป็นทุกข์เพราะกลัวว่าถ้าพายุรู้ จะรับเขาไม่ได้มากกว่า
“กูถามเพราะกูเป็นห่วงมึง”
“ถ้าอย่างนั้นมึงสบายใจได้ กูไม่กังวลเรื่องพวกนั้นสักนิด กูจะเป็นยังไงกูรับตัวเองได้เสมอ อย่างเดียวที่กูกังวลคือมึงจะเกลียดเพื่อนอย่างกูหรือเปล่า กูเคยบอกพวกมึงว่าเพื่อนสนิทไม่ควรแอบชอบกัน เพราะมันจะเสียมิตรภาพดีๆ ไป แต่กูดันทำเสียเอง”
“เรื่องที่มึงกังวลกูตอบมึงไปแล้ว”
“กูรู้ กูถึงโล่งใจอยู่นี่ไง ดังนั้นต่อจากนี้จะเป็นยังไงกูไม่สนอีกแล้ว ขอแค่มึงยังอยู่ แค่นี้กูก็พอใจ”
“แล้วมึงคิดจริงๆ เหรอ ว่ามาแค่นี้จะทำให้มึงรู้ตัว”
“ไหนมึงว่าคำถามเดียว” พายุเอนตัวลงนอน ใช้สองมือรองใต้ศีรษะ เอียงหน้ามาทางปัณณ์
“เออกูเสือกเอง มึงไม่อยากตอบก็ตามใจ” ปัณณ์เอนตัวลงนอนบ้าง แต่มองตรงไปยังทะเลข้างหน้า
“ก็ไม่เห็นจะยาก” เสียงเจ้าเล่ห์นิดๆ ของพายุ ทำให้ปัณณ์อดหันไปมองไม่ได้ ดวงตาของเขาสบกับเข้ากับดวงตาวาววับของพายุ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์แตะแต้มที่ริมฝีปาก “คืนนี้กูจับมึงปล้ำเสียเลย ชอบไม่ชอบเดี๋ยวก็รู้”
“ไอ้เวรพายุ!” ปัณณ์หยิบหนังสือที่เขาวางไว้ข้างกายขว้างใส่หน้าเพื่อน พายุยกมือรับเอาไว้ได้ เขาเอื้อมมือไปวางหนังสือลงบนเตียงของปัณณ์
“ระวังนะมึง” พายุยิ้มพราย “ระวังคืนนี้กูจะลักหลับ”
“.....”
“ไม่ตอบ แปลว่ามีคนอนุญาตให้ทำได้”
“เปล่า กูไม่ตอบเพราะกูรำคาญ พูดแต่ละเรื่องไร้สาระ” ปัณณ์ทำเหมือนไม่สนใจ เขาเลี่ยงด้วยการหันไปมองวิวของเขาตามเดิม
“หึๆ” พายุหัวเราะอย่างอารมณ์ดี เขาชอบที่ได้เห็นปัณณ์โวยวายด้วยใบหน้าแดงเรื่อ ไม่ใช่ใบหน้าเอียงอายแบบผู้หญิง แต่เป็นใบหน้าของชายหนุ่มที่ทำอะไรไม่ถูก มันไม่ได้ดูน่ารัก แต่มันดู....
“เฮ้ย!” ปัณณ์ร้องลั่น เมื่อจู่ๆ แก้มของเขาถูกสัมผัสหนักๆ แตะลงมา ปัณณ์หันขวับไปมอง ทันเห็นพายุถอยกลับไปนั่งเตียงของตัวเอง
“ทำอะไรของมึง!”
“กูก็เพิ่งรู้นะ ว่ากูมีเพื่อนโง่” พายุพูดด้วยหูตาแพรวพราว “เขาเรียกว่าหอมแก้ม มึงไม่รู้จักจริงเหรอวะ”
“ไอ้..ช่างเถอะ เวลามึงเมามึงก็จูบไปทั่วอยู่แล้ว กูโดนจนชิน” ปัณณ์หันกลับไป ทำทีหยิบหนังสือขึ้นมานั่งอ่าน เหมือนไม่สนใจสิ่งที่พายุทำ ทั้งที่ในใจกำลังเต้นรัว
“อืมมม” เสียงคล้ายคนถูกใจอะไรบางอย่างดังขึ้นเบาๆ ก่อนทุกอย่างจะเงียบลง ปัณณ์พยายามเพ่งความสนใจหนังสือในมือ แม้จะทำได้ยากเย็นเหลือเกิน
“ปัณณ์”
“หือ”
“กูง่วง”
“ง่วงมึงก็นอนไปสิวะ”
“อืม ปลุกกูด้วยนะ กูนอนเฝ้ามึงตรงนี้แหละไม่ไปไหน”
“พ่องมึง” ปัณณ์ด่าเบาๆ แต่ดันหลุดยิ้มออกมา ต้องรีบยกหนังสือขึ้นบังหน้า เวลาพายุอ้อนขึ้นมา กี่สิบปัณณ์ก็ทำใจแข็งไม่ลง
“แดดร้อน” เสื้อเชิ้ตเนื้อเบาถูกคลุมลงมาบนหน้า ปัณณ์ดึงออก หันไปทันเห็นพายุกลับไปนอนบนเตียงของตัวเองใส่เสื้อกล้ามสีขาวตัวเดียวนอนกอดอก เอียงหน้าหลบแดดที่สาดพ้นร่มลงมา
“พายุเอาไปใส่เถอะ” ปัณณ์ส่งเสื้อเชิ้ตกลับไปให้ แต่พายุไม่ขยับเขยื้อนตัว
“พายุ มึงยังไม่นอนกูรู้”
“.....”
ปัณณ์ขยับตัวหมายจะเอาเสื้อไปคลุมให้ แต่เสียงทุ้มดังขัดขึ้นเสียก่อน “มึงใส่เถอะ มึงใส่กูจะหลับสนิทกว่า จะได้ไม่ห่วงมึง” มือของเขาชะงักค้าง มองคนหลับตานิ่งสลับกับเสื้อในมือ ปัณณ์ตัดสินใจเอนตัวลงนอน คลุมเสื้อเชิ้ตลงบนตัว หยุดอ่านหนังสือในมือ เขาค่อยๆ หลับตาลง
เสื้อตัวนี้เป็นของปัณณ์เองพายุแค่เอามาใส่ แต่ความรู้สึกเมื่อสัมผัสกลับไม่เหมือนเดิม มันอุ่นและสบาย
✪✣✤✥✦✧✣✤TBC✥✦✧✣✤✥✦✧✪
**เพื่อเป็นการเยียวยาจิตใจ ตอนหน้าอยู่ทะเลกันอีกสักตอน
**ฝากเรื่องใหม่ด้วยนะคะ
♥ He is mine ♥ คนนี้ของเหมียว Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin