ตอนที่ 13 : คิดมาก“ทำไรวะ” ไผ่หัวคะมำเมื่อมีมือหนักๆ ตบเข้าที่ท้ายทอย หันไปเจอนนท์ยืนยิ้มให้
“นั่ง”
“กวนตีนนะมึง” นนท์โยนกระเป๋าเป้ลงบนโต๊ะ ทิ้งตัวลงนั่งข้างเขา ไผ่ได้แต่มองเงียบๆ สองวันมานี้นนท์พยายามหลบหน้าเขามาตลอด
“กู..” “มึง..”
“มึงพูดก่อน” ไผ่ปล่อยให้นนท์เป็นคนพูดก่อน
“กูจะถามว่ามึงได้โทรไปด่าไอ้พายุกับปัณณ์หรือเปล่าวะ แม่งไปเที่ยวไม่คิดจะชวนเพื่อนสักคำ”
“กูไม่ได้โทร”
“กูก็ยังไม่ได้โทร ไม่เข้าใจเลย คิดอะไรของมันวะ ปุ๊บปั๊บฉิบหาย”
“กูว่ามันไม่ได้คิดอะไร ไอ้พายุมันก็แค่พายุสมชื่อ คงนึกอยากไปขึ้นมา”
“อืม”
บรรยากาศกลับเข้าสู่ความอึดอัดอีกครั้ง ไผ่ขยับตัวเล็กน้อย เขารู้ว่านนท์พยายามทำตัวให้เหมือนเดิม เหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างพวกเขา
“เออลืมเลย กูว่าจะชวนมึงไปเที่ยวคืนนี้” นนท์หันมาทำสีหน้าคล้ายโล่งใจ ที่หาเรื่องมาคุยกับเขาได้
“มึงอยากไปไหน”
“เมื่อบ่ายกูเจอนารา เห็นบอกว่าคืนนี้ที่ร้านเลทแฮงเอาท์มีจัดดนตรีสดทั้งคืน ที่คณะนารานัดไปกัน กูเลยสนใจ มึงก็รู้ว่าสาวคณะนาราสวยๆ ทั้งนั้น”
“นาราไปด้วยเหรอ”
“ไม่ไป เอาไงมึงจะไปไหม”
“ก็ถ้ามึงอยากไป”
“เอามึงว่าสิวะ อย่ามาตามกู”
“เออกูไป” ไผ่ไม่รู้สึกอยากไปไหน แต่ถ้านนท์อยากไปเขาก็จะไปด้วย
“ดี คืนนี้ใครได้หญิงก่อนแยกย้ายได้เลย”
“อืม” ไผ่พยักหน้า มันควรเป็นคำพูดปกติธรรมดาระหว่างหนุ่มๆ อย่างพวกเขา คำพูดที่เคยพูดกันมาเป็นสิบเป็นร้อยครั้ง แต่ไผ่รู้สึกได้ว่าวันนี้มันให้ความรู้สึกไม่เหมือนเดิม อาจเพราะความตั้งใจเกินเหตุของนนท์ น้ำเสียงที่พยายามร่าเริงกับรอยยิ้มฝืนๆ ที่เขาทำเป็นมองไม่เห็นเสีย
“โหไผ่ คิดว่าชาตินี้จะไม่ได้เจอกันแล้ว” “ไม่ขนาดนั้น” ไผ่ยิ้มทักทายหญิงสาวที่เดินเข้ามาหาที่โต๊ะ ฟางเรียนคณะเดียวกับเอยและนารา แต่คนละสาขา “น่ารักอย่างฟางใครจะไม่อยากเจอ”
“ปากหวานเหมือนเดิม” ฟางโอบมือไปรอบคอของไผ่ ทักทายคนคุ้นเคยด้วยท่าทางสนิทสนม
“ไปนั่งกับฟางไหม ไม่เจอกันตั้งนานคิดถึง” สายตาที่ส่งมา บอกชัดเจนว่าเจ้าตัวหมายถึงอะไร ความสัมพันธ์ของไผ่กับฟางนั้น คือเพื่อนเที่ยวและเพื่อนนอน เป็นความสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัดที่ต่างคนต่างเต็มใจ
“ไปเถอะ เดี๋ยวแนะนำเพื่อนให้รู้จัก สวยนะ”
“หึๆ “ ไผ่หัวเราะออกมาเบาๆ
“ไปไหมนนท์ ฟางว่านนท์น่าจะชอบ” ฟางหันไปชวนนนท์ ถึงเธอไม่สนิทกับอีกฝ่ายนัก แต่ก็พูดคุยกันได้
“รอให้ชวนอยู่ โดยเฉพาะตอนฟางพูดว่าสวยนะ” นนท์ยักคิ้ว ส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ไปให้
“แหม ไม่ค่อยเท่าไหร่เลยนนท์ งั้นก็ตามมาค่ะ เดี๋ยวฟางแนะนำให้รู้จัก” ฟางปล่อยมือจากคอของไผ่ กวักมือเรียกพนักงานมาย้ายเครื่องดื่ม ก่อนสอดมือเข้าคล้องแขนพาทั้งสองคนไปที่โต๊ะ
“นี่ยี่หวา พัช คนนี้เคยเจอกันแล้วมะนาว ส่วนนี่ไผ่กับนนท์”
“สวัสดีครับ” นนท์ยิ้มกว้างทักทาย ส่วนไผ่เพียงแค่ก้มหัวลงเล็กน้อย
“ไม่แนะนำต่อล่ะยะ รอฟังอยู่” ยี่หวาสาวผมยาวที่สุดในกลุ่ม ใส่เสื้อเกาะอกสีแดงกับกางเกงพอดีตัวสีขาวกระทุ้งสีข้างเพื่อน
“อีฟางมันหวง” เพื่อนสนิทอย่างพัชแซะเพื่อนทันที
“บ้า ใครหวง” ฟางหัวเราะออกมาอย่างมีจริต กระชับมือที่กอดแขนไผ่ให้แน่นขึ้น เบียดหน้าอกจนชิด “แต่คนนี้ของกู”
“นั่นไงกูว่าล่ะ เกาะเป็นชะนีมาแต่ไกลจะเหลือเหรอ” ยี่หวาทำหน้าเซ็ง ก่อนหันไปยิ้มหวานให้กับนนท์
“คนนี้ก็ได้ ชื่ออะไรคะ”
“นนท์ครับ”
“วันนี้โสดใช่ไหมคะ” นนท์ยิ้มขำกับคำถามที่สาวคนอื่นฟังคงแทบสะอึก ใครมีแฟนแล้วคงกอดแขนแฟนไว้แน่น
“ถึงไม่ใช่วันนี้ก็โสดครับ” เมื่อโดนหยอดมา แน่นอนว่าเขาต้องหยอดกลับ
“ต๊าย กูเจอของดี” วิธีการวางมือทาบอกทำตาโตของคนพูด ทำให้นนท์ขำไม่น้อย
“กูจองเลยค่ะ คนนี้ของกู” ยี่หวาย้ายตัวเองมายืนแทรกกลางระหว่างไผ่กับนนท์ ยกมือขึ้นกอดแขนเป้าหมายไว้
“มานั่งนี่ค่ะ ฝั่งโน้นมีแต่ชะนีน่ากลัว” ยี่หวาดึงแขนนนท์ให้ตามไปนั่งอีกฝั่ง โดยใช้วิธีไล่เพื่อนที่นั่งอยู่ข้างกันให้ย้ายที่
“ไม่เป็นไรครับ” นนท์รีบปฏิเสธ
“นั่งเถอะนนท์ นาวไม่กล้านั่งต่อเดี๋ยวโดนยี่หว่ามันแช่ง” มะนาวยิ้มอ่อน ดูท่าจะเป็นสาวน้อยที่เรียบร้อยที่สุดของกลุ่ม
“ดีมากค่ะน้องนาว” มือเรียวดึงนนท์ให้นั่งลง
“ไผ่นั่งกับฟางนะคะ” ฟางกระตุกแขนไผ่เบาๆ ให้หันไปมองเธอ
“ครับ” ไผ่ยิ้มให้คนชวน เขานั่งลงข้างฟาง ตรงข้ามกับนนท์พอดี
“ไผ่เอารถมาหรือเปล่า คืนนี้ไปส่งฟางที่ห้องได้ไหม” ฟางเกยคางลงบนแขนของเขา ส่งสายตาเชิญชวนมาให้
“ผม..” ไผ่ลังเล เขาขับรถมากับนนท์ และตั้งใจไปส่งเพื่อนที่บ้าน
“เอามาฟาง” นนท์ชิงตอบตัดหน้า “เดี๋ยวกูกลับเอง”
“กูแวะไปส่งมึงก่อน”
“เฮ้ยไม่เป็นไร กูยังไม่กลับง่ายๆ “ นนท์โบกไม้โบกมือ เขาอยากให้อะไรๆ มันกลับไปเป็นเหมือนเดิมเร็วๆ เขาไม่อยากคิดมาก ไม่อยากเอาแต่คิดถึงเหตุการณ์ในคืนนั้น เอาแต่คิดอะไรประหลาดๆ อยู่ในหัว เขาอยากให้มันหายไปเสียที
“ก็รอกลับพร้อมกัน” ไผ่พูดเสียงเรียบ เขาจ้องตานนท์ให้รู้ว่าอย่าคิดที่จะปฏิเสธ
“แหมไผ่ ห่วงอะไรเพื่อนนักหนา กลัวพวกยี่หวาปล้ำเหรอ”
“ฮ่าๆ ไม่ใช่ครับยี่หวา เวลาไอ้นนท์เมามันไม่ค่อยมีสติ ผมกลัวมันกลับเองไม่ไหว”
“อ๋อ ถ้างั้นไผ่ไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวยี่หวาดูแลให้ จะดูให้อย่างดีเลย” คนพูดหัวเราะคิกคัก สายตาที่มองนนท์แฝงไว้ด้วยความหมาย
“ผมเชื่อคนง่ายนะ” นนท์ประสานสายตากับยี่หว่า รอยยิ้มกรุ่มกริ่มผุดขึ้นที่มุมปาก
“ระดับยี่หว่าแล้ว รับรองค่ะว่าอย่างดี รับรองด้วยว่าจะติดใจ”
“แล้วผมจะรอดู” นนท์ยื่นหน้าเข้าไปกระซิบข้างหู ไผ่มองภาพนั้นด้วยสายตาหงุดหงิด ไม่เชิงไม่พอใจ เขาแค่รู้สึกว่าวันนี้นนท์ดูผิดปกติ นนท์ที่เขารู้จักเป็นพวกเฮฮา ตลกและช้ากว่าทุกคนในกลุ่ม ไม่เคยมีมาดของหนุ่มเจ้าชู้แบบนี้ให้เห็นมาก่อน
“ไผ่”
“ไผ่คะ”
“ครับ?” ไผ่หันไปมองฟาง เจอเข้ากับคิ้วที่ขมวดเข้าหากันของอีกฝ่าย
“ไม่ฟังฟางเลย”
“ขอโทษครับ ฟางมีอะไรหรือเปล่า”
“ฟางบอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำค่ะ ไผ่ไปด้วยกันไหม”
“ไม่ดีกว่าครับ”
“แหมเดินไปเป็นเพื่อนฟางหน่อยไม่ได้เหรอคะ” น้ำเสียงคนพูดกระเง้ากระงอด
“ก็ได้ครับ” ไผ่ยอมลุกตาม หางตาของเขายังจับจ้องไปที่เพื่อนรัก เขาไม่ชอบให้นนท์ทำแบบนี้เลย ไม่ว่าจะทำเพราะเหตุใดก็ตาม
“ฟางกลับโต๊ะก่อนเดี๋ยวผมตามไป” “อ้าวไผ่จะไปไหนคะ”
“แป๊บเดียวครับ” ไผ่ตัดบท และดูเหมือนฟางจะรู้ว่าภายใต้น้ำเสียงสุภาพนั้น คือการบอกให้เธออย่ายุ่ง
“ได้ค่ะ”
“ดูอะไรวะ” นนท์สะดุ้งเฮือกเมื่อมีมือแตะลงที่เอวกึ่งสะโพก พร้อมกับลมหายใจเป่ารดกกหู
“เหี้ยไผ่ กูตกใจหมด”
“แล้วมึงยืนทำอะไรอยู่ ทำไมทำท่าหลบๆ ซ่อนๆ”
“กูปวดฉี่จะมาเข้าห้องน้ำ” คนตอบอึกอัก แถมยังหลบตาของเขา
“ตรงนี้ไม่ใช่ทางไปห้องน้ำ”
“ก็ใช่ คือกูเห็นคนรู้จักก็เลยว่าจะเดินไปทัก”
“แล้วทำไมไม่ไป”
“คือ..กู..” นนท์ถอนใจออกมา มองไปยังโต๊ะที่อยู่ไม่ไกลจากเสาต้นที่เขาใช้หลบอยู่ ไผ่มองตามสายตาของนนท์
“เอย” ไผ่ขมวดคิ้วเข้าหากัน
“เออเอยไง”
“มากับใคร” ไผ่เห็นหน้าอีกคนไม่ชัด เพราะหน้านั้นซบอยู่บนไหล่ของเอย
“พี่ฉัตร” นนท์เฉลยเพราะเขายืนมองมาสักพักแล้ว จนแน่ใจ
ไผ่ยืนมองเงียบๆ เขาขมวดคิ้วเข้าหากัน อะไรบางอย่างบอกให้เขายกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเอาไว้
“เฮ้ยมึง! ทำอะไร” นนท์เบิกตากว้างเมื่อเห็นสิ่งที่เพื่อนทำ
“กันไว้ก่อน”
“ไม่มีอะไรมั้ง พี่ฉัตรกับเอยเที่ยวก๊วนเดียวกันอยู่แล้ว ไอ้พายุมันก็รู้” นนท์พูดทั้งที่เสียงตนเองก็ไม่มั่นใจนัก คล้ายเขากำลังพูดปลอบใจตัวเองเสียมากกว่า
“ไม่มีก็ดี แต่ถ้ามีคงดีกว่า”
“พูดอะไรของมึง”
“ไม่มีอะไร กูแค่คิดว่าพายุกับเอยไม่เหมาะกัน”
“มึงคิดเหมือนกูเลย แต่กูไม่กล้าพูด”
“มึงจะไปเข้าห้องน้ำไม่ใช่เหรอ ไปสิ เดี๋ยวกูรอ”
“รอทำซากอะไรวะ กูไม่ใช่ผู้หญิง”
“แล้วกฎข้อไหนบอกว่ากูต้องรอเฉพาะผู้หญิง”
“กูไม่เถียงด้วยแล้ว” นนท์ทำหน้าเบื่อ หันหลังเดินดุ่มๆ ไปเข้าห้องน้ำ เขาตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกัน ว่าพักนี้ทำไมถึงคิดมากกับคำพูดไม่มีความหมายอะไรของไผ่ อย่างเมื่อครู่เป็นต้น เพื่อนกันรอกัน ไม่เห็นแปลกตรงไหน มึงจะรู้สึกว่ามันพิเศษไม่ได้ ไอ้โง่
“ไผ่” มือเรียวดึงคอเขาให้เข้าไปใกล้ ก่อนริมฝีปากบางจะยื่นมาแตะลงบนริมฝีปากของเขา ได้กลิ่นเหล้าจางๆ จากลมหายใจ ไผ่แตะมือลงบนเอวของฟาง ดึงหญิงสาวเข้ามาชิด แต่สายตาดันเหลือบเห็นนนท์มองเขาอยู่ ก่อนอีกฝ่ายจะรีบเบือนสายตาหนี ไผ่ชะงักมือที่แตะอยู่บนเอวของฟาง เขาตัดสินใจปล่อยมือช้าๆ อย่างสุภาพ พร้อมกับผละริมฝีปากออก
“ไผ่!มีอะไรคะ”
“ไม่มีอะไรครับ” ไผ่ส่งยิ้มอ่อนโยนให้ฟาง เขาจะบอกได้อย่างไรว่าจู่ๆ เขาก็รู้สึกผิด รู้สึกเกรงใจเพื่อนขึ้นมา มันเป็นความคิดที่บ้ามาก แต่เขาก็ดันคิด
“แต่..”
“ผมไม่อยากให้คนมองฟางน่ะ”
“ไผ่ก็รู้ว่าฟางไม่ถือ ไผ่เองก็ไม่เคยถือนี่คะ”
“ผมเห็นเพื่อนที่คณะฟางมากันเยอะ ไม่อยากให้ฟางถูกเอาไปพูดถึง”
“อ๋อ งั้นก็แล้วไปค่ะ” หญิงสาวยักไหล่ ที่จริงเธอไม่แคร์สักนิด ชีวิตของเธอ เธอจะใช้อย่างไรก็ได้
“แต่เดี๋ยวไผ่ต้องไปห้องฟางนะคะ”
“ครับ”
นนท์เบือนหน้าหนีภาพตรงหน้า เขาต้องสนุกกับการมาเที่ยวครั้งนี้สิวะ สาวๆ ล้อมหน้าล้อมหลังสามสี่คน ทำไมดันเอาแต่แอบมองเพื่อนสนิทตัวเอง ทำไมถึงรู้สึกหน่วง เมื่อเห็นริมฝีปากที่เคยจูบเขาจูบกับคนอื่น นี่มันความรู้สึกบ้าบออะไร นนท์โทษความเก่งกาจของไผ่ โทษร่างกายที่ดันตอบสนอง และรู้สึกกับสัมผัสของเพื่อน โทษความสุขทางร่างกายที่เขาได้รับ และดันรู้สึกชอบมันขึ้นมา ไอ้เหี้ยไผ่! เพราะมึงคนเดียวเลย
“ยี่หวา” นนท์พยายามมุ่งความสนใจไปยังสาวสวยที่อยู่เคียงข้าง ยิ่งในใจไม่สงบเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งพยายามแสดงออกว่าเขาไม่รู้สึกอะไรเลย
“คะ”
“ผมมึนๆ” นนท์ซบลงบนไหล่ของยี่หวา เขาแตะหน้าผากลงเบาๆ ไม่ล่วงเกินจนเกินไป
“นนท์เมาแล้ว”
“สงสัย”
“พักก่อน เดี๋ยวเลิกแล้วยี่หวาไปส่งเอง ไม่ต้องห่วง”
“กูว่าน่าห่วงมากกว่า” เสียงแซ็วมาจากพัช ผู้ที่นั่งด้านข้างของยี่หวา
“ห่วงทำไมคะ แค่กูจะพาหนุ่มเข้าหอ เอ้ยจะพาหนุ่มไปส่งบ้านเท่านั้น”
“ไม่เท่าไหร่เลยนะมึง ออกนอกหน้ามาก”
“ก็กูมีดีให้อวด” เสียงยี่หวาเถียงกับเพื่อนในกลุ่มอย่างสนุกปาก ไผ่นั่งฟังอยู่เงียบๆ เขายกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา เอนตัวไปหาฟางเพื่อคุยกันส่วนตัว
“ฟางครับ ขอโทษที แต่วันนี้ผมต้องขอตัวกลับก่อน”
“อ้าว! ไหนว่าวันนี้จะไปส่งฟางไงคะ”
“ขอโทษครับ ผมนึกได้ว่ามีบางเรื่องต้องไปจัดการ”
“ไผ่อะ” ฟางทำสีหน้าและน้ำเสียงเง้างอน “ไม่เอาสิคะ นานๆ เจอกันที”
“เอาไว้วันหลังเดี๋ยวผมแก้ตัว”
“อย่างกับจะได้เจอกันบ่อยๆ เดี๋ยวนี้ฟางไปเที่ยวร้านเดิมที่เราเจอกัน ไม่เคยเจอไผ่เลย”
“ได้เจออีกแน่ครับ แต่วันนี้ผมต้องขอตัวจริงๆ”
“ก็ได้ค่ะ อย่าลืมนะคะว่าไผ่ติดค้างวันนี้ฟางอยู่”
“ไม่ลืมครับ ไว้เจอกัน” ไผ่ตบมือลงบนมือของฟางที่เกาะอยู่บนแขน ยิ้มให้อีกฝ่ายก่อนเลื่อนเก้าอี้ลุกขึ้นยืน
“กลับเถอะ” มือหนักๆ วางลงบนไหล่ของนนท์ เขาลืมตาผงกหัวขึ้นจากไหล่ของยี่หวา หันไปมองเจ้าของมือ
“มึงไปส่งฟางเถอะ เดี๋ยวยี่หวาจะไปส่งกู”
“ลุกขึ้น”
“มึงกลับก่อนเลย”
“นั่นสิ ไผ่กลับก่อนก็ได้ เดี๋ยวยี่หวาไปส่งนนท์ให้”
“นนท์อย่าดื้อ” ไผ่ไม่สนใจคำพูดของยี่หวา นนท์ชะงัก หางตาเห็นยี่หวาทำสีหน้าประหลาดใจ คล้ายงงกับท่าทางของไผ่
“ขอโทษนะยี่หวาแต่นนท์ต้องกลับแล้ว” ไผ่หันมาบอกอย่างสุภาพ แต่ในสายตาของยี่หวาดวงตาของไผ่ดูนิ่งขรึม สัญชาติญาณบอกเธอว่าอย่าเข้าไปยุ่งเรื่องนี้
“โอเคค่ะ” ยี่หวาพยักหน้า ยอมล่าถอย เธอไม่ได้ปิ๊งนนท์มากมายก็แค่สนุกๆ
“ไว้เจอกันใหม่นะนนท์ ว่างก็ทักทายมาได้” ยี่หวาแลกเบอร์และไลน์กับนนท์เรียบร้อยแล้วตั้งแต่หัวค่ำ นนท์อยากดื้อดึง แต่เขาสังเกตว่าคนในโต๊ะเริ่มให้ความสนใจเขาเป็นพิเศษ โดยเฉพาะสายตาของยี่หวาและฟาง
“ครับ เอาไว้ผมโทรหา” นนท์ลุกขึ้นยืนทำสีหน้าเซ็ง ความจริงเขาอยากกลับนานแล้ว ไม่ได้รู้สึกสนุกอย่างที่แสดงออกสักนิด
ไผ่กอดบ่าของนนท์ดึงเข้ามาชิดตัว “มึงเมาไม่ใช่เหรอ” เขาพูดเสียงดังพอให้คนที่นั่งอยู่ได้ยิน
“ขอตัวครับ” ไผ่เอ่ยขอตัว กึ่งดึงกึ่งลากเพื่อนออกจากโต๊ะ ตรงดิ่งไปยังประตูหน้าร้าน
“อะไรของมึงวะ” นนท์บ่นอุบเมื่อโดนเพื่อนจับยัดเข้าไปในรถ ก่อนจะเดินอ้อมไปนั่งฝั่งคนขับ สตาร์ทรถขับออกจากลานจอด
“เรื่องไหน”
“ทุกเรื่องนั่นแหละ”
“ไม่มีอะไร กูแค่ไม่สนุกและไม่คิดจะฝืนด้วย”
“มึงนัวเนียอยู่กับสาวสวยขนาดนั้น ไม่สนุกตรงไหนวะ”
“หรือมึงสนุก” เจอคำถามนี้เข้าไปนนท์ถึงกับนั่งเงียบ
“ตอบกูมาตรงๆ มึงสนุกเหรอ” เสียงของไผ่ขู่เข็ญ เรียกร้องเอาคำตอบจากเขา
“.....”
“ไอ้นนท์”
“ไม่” นนท์กัดปากตัวเองก่อนโพล่งออกมา สนุกห่าอะไร เขาไม่สนุกสักนิดเดียว ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด ไม่มีอะไรช่วยให้เขารู้สึกปกติได้
“งั้นก็อย่าฝืน”
“มึงพูดเหมือนเป็นเรื่องง่าย ชีวิตมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นหรอกโว้ย” เขารู้สึกเหมือนจะระเบิดออกด้วยความอัดอั้น นนท์อยู่กับความไม่เข้าใจ ความสับสนมาตั้งแต่คืนนั้น
“ใช่ ชีวิตมันไม่ง่าย แล้วทำไมมึงต้องทำให้มันยากขึ้นด้วยวะ มึงอย่าหนีปัญหา อย่าหลบหน้าหลบตากู กูถามจริงๆ มึงโกรธกูใช่ไหม”
“เปล่า” นนท์ตอบเสียงห้วน ไม่อยากยอมรับ แต่เขาไม่ได้โกรธไผ่แม้แต่น้อย
“มึงอาย”
“ไอ้เหี้ย ต้องพูดถึงจริงๆ เหรอวะ”
“ต้องพูด”
“ทำไม มึงอยากให้กูอายมากกว่าเดิมเหรอ”
“เปล่า เพราะกูไม่อยากเสียเพื่อนอย่างมึงไป ขืนกูปล่อยมึงไว้แบบนี้มึงจะเตลิด”
“รู้มาก”
“หึๆ ก็กูเพื่อนมึง รู้จักมึงดียิ่งกว่าตัวมึงเองอีก” มือของไผ่ยกขึ้นผลักหัวเขาเบาๆ
“ไอ้เหี้ย!” นนท์ด่าเพื่อน แต่แปลกที่เขากลับยิ้มออกมาได้ จู่ๆ ก็รู้สึกโล่งอก
“กูแม่งไม่เข้าใจความคิดกูตอนนี้เลย” นนท์สารภาพออกมาเบาๆ เขาเครียดกับมันมานานหลายวัน ไม่รู้จะพูด จะคุย จะปรึกษาใครดี สุดท้ายดันมาปรึกษาคนต้นเรื่อง
“ทำไม”
“กู..”
“พูดมาเถอะ”
“กูพูดไม่ได้ว่ะ” เฉพาะเรื่องนี้ หัวเด็ดตีนขาดเขาก็ไม่มีวันพูดมันออกมา
“มึงชอบลีลากูใช่ไหม”
“ไอ้เหี้ยไผ่!” นนท์เกือบยกเท้าขึ้นถีบเพื่อน ดีที่ไม่ลืมว่าอีกฝ่ายขับรถอยู่ “พูดอะไรหมาๆ”
“หมาไม่ได้พูด กูนี่แหละพูด เพราะกูชอบจูบกับมึง” !!!! นนท์ตะลึงตาค้าง ได้แต่จ้องหน้าด้านข้างของไผ่
“ทีนี้มึงก็ไม่ต้องเครียด ไม่ใช่แค่มึงคนเดียวที่คิดเรื่องคืนนั้น”
“มึง..มึง...”
“เออกูเอง หึๆ จะพูดอะไรก็พูดมาสิวะ”
“มึงกะจะพูดให้กูรู้สึกดีขึ้นใช่ไหม กูรู้ทัน แต่ก็ขอบใจกูรู้สึกดีขึ้นจริงๆ”
“ก็ใช่ กูอยากให้มึงรู้สึกดีขึ้น แต่ไม่ได้แปลว่าเรื่องที่กูพูดไม่จริง”
นนท์ต้องใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งถึงจะมีเสียงพูด “มึง..มึงชอบจริงๆ เหรอวะ”
“อืม”
“มันเป็นไปได้ไงวะ ทำไมมึงกับกู..” นนท์ไม่รู้จะใช้คำว่าอะไร เขาได้แต่มองหน้าเพื่อน มองริมฝีปาก สายตาเผลอมองตกลงไปเรื่อยๆ
“มึงมองอะไร” เสียงพูดปนหัวเราะทำให้นนท์สะดุ้งโหยง เขาไม่รู้ว่าไผ่เหลือบตามามอง
“เปล่า กูไม่ได้มอง”
“หึๆ”
“หัวเราะกวนตีนสัด” เขาโมโหที่ถูกจับได้ จึงพาลพาโลใส่เพื่อน
“สบายใจขึ้นหรือยัง” นนท์หยุดแล้วสังเกตตัวเอง แปลกที่เขารู้สึกดีขึ้น เมื่อรู้ว่าไม่ใช่เขาที่คิดอยู่คนเดียว ไม่ใช่เขาที่รู้สึกอยู่คนเดียว มันอาจเป็นเรื่องปกติของการตอบสนองของร่างกายก็ได้
“อืม” นนท์ตอบรับ ก่อนเรียกชื่ออีกฝ่าย “ไอ้ไผ่”
“อะไร”
“เดี๋ยวจอดข้างหน้าให้กูด้วย เห็นแสงไฟตรงนั้นไหม” นนท์ชี้มือให้ดูข้างทาง
“ไอ้นนท์ กูนึกว่ากูกับมึงคุยกันพอรู้เรื่องแล้ว”
“ไม่ต้องมาทำเสียงเข้มใส่กู กูไม่ได้จะลง โน่นข้างหน้ามีร้านก๋วยเตี๋ยว กูหิว แดกข้าวไม่อิ่มมาหลายวันแล้ว คิดมากฉิบหาย”
“หึๆ แล้วก็ไม่บอก” ไผ่หัวเราะออกมา จัดการชะลอรถ ก่อนตีไฟเลี้ยวเข้าซ้าย นี่สินนท์ที่เขารู้จัก บ้าๆ บอๆ อารมณ์ดี ไม่คิดอะไรมาก จนบางทีก็คิดน้อยเกินไป เขาชอบที่นนท์เป็นแบบนี้
“มองอะไรของมึง” นนท์ถามด้วยน้ำเสียงหาเรื่อง เมื่อจับได้ว่าไผ่เหลือบตามามองเขาหลายครั้ง
“มึงน่ารักดี”
!!!
“ฮ่าๆ” ไผ่หัวเราะดังลั่นรถ เมื่อเห็นสีหน้าของนนท์ จะว่าไปมันก็น่ารักของมันจริงๆ
✪✣✤✥✦✧✣✤TBC✥✦✧✣✤✥✦✧✪
**ขอสลับมาคู่นี้นิด ตอนหน้าพายุจะกลับมาจัดการกับปัญหาของตัวเอง
** สองแฝด (กามเทพคูณสอง) มีจำหน่ายในรูปแบบ e-book แล้วนะคะ ลิ้งค์นี้เลยค่า >>
E-BOOK กามเทพคูณสอง
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin