ตอนที่ 17 : พายุสงบ“นี่ๆ คนนี้ไง” ปัณณ์ดึงแขนเสื้อของพายุ เมื่ออีกฝ่ายหยุดเดินทันที สายตาของพายุทำให้การสนทนาที่เบาอยู่แล้วเงียบสนิท
“ช่างเถอะ”
“ไปหาที่นั่งทำข้างนอกไหม ร้านกาแฟก็ได้” พายุเอ่ยชวน เขาไม่อยากให้ปัณณ์ไม่สบายใจไปมากกว่านี้
“อย่าเลย ถ้ากูเลือกที่จะหนีคำพูดพวกนี้ สักวันกูจะเลือกหนีมึง”
“งั้นนั่งอ่านมันตรงนี้เลย” พายุดึงแขนปัณณ์เดินตรงไปยังโต๊ะที่ว่างอยู่ เล่นเอากลุ่มคนที่สนุกกับการนินทาคนอื่นพากันหน้าเสีย กลัวพายุจะเดินเข้าไปเอาเรื่อง
“เดี๋ยวกูบอกพวกนั้นว่าเปลี่ยนมานั่งตรงนี้” พายุหยิบโทรศัพท์ออกมาส่งข้อความบอกไผ่และนนท์
“ทำไมมานั่งตรงนี้วะ” นนท์วางถุงที่แวะซื้อลงบนโต๊ะ หยิบขวดน้ำขึ้นมาเปิดฝา
“บรรยากาศมันดี” คนพูดตวัดสายตาไปมองโต๊ะที่อยู่ห่างออกไป เล่นเอาคนที่มองมาพอดี หัวหดไปตามๆ กัน
“ดีตรงไหนของมึง ร้อนฉิบหาย ไปนั่งในห้องแอร์ดีกว่า”
“ขี้บ่นจริง ไอ้ไผ่มันยังไม่เห็นบ่นสักคำ” พายุพูดถึงคนที่ง่วนอยู่กับการเปิดฝาขวดน้ำ
“มันหนังหนาไม่รู้ร้อนรู้หนาว“
“มึงรู้ได้ยังไงว่าหนังมันหนา”
“เป็นอะไรของมึงวะปัณณ์” นนท์โวยวายเพื่อน “พักนี้จับผิดคำพูดกูจริง ว่างมากทำงานให้กูด้วย” นนท์ผลักกระดาษที่กองอยู่ตรงหน้าไปให้ปัณณ์
“มึงนั่นแหละเป็นอะไร กูถามนิดถามหน่อยร้อนตัวตลอด”
“เออจริง ตอนแรกกูไม่ทันสังเกต แต่ตอนนี้กูเริ่มคิดเหมือนปัณณ์ มึงเป็นอะไรวะของขึ้นง่ายฉิบ เอะอะโวยวายอยู่ได้”
“กูเปล่า” นนท์รีบยกน้ำขึ้นดื่ม เมื่อพายุมองมาด้วยสายตาค้นคว้า
“มันเขินน่ะ” ไผ่พูดเสียงเอื่อย
“เขินอะไรของมึงวะ” พายุขมวดคิ้ว
“เขินที่ปัณณ์จับได้ว่ามันชอบกู”
“ไม่ใช่โว้ย ไม่ใช่ ไม่มีทางเด็ดขาด กูไม่ได้ชอบมัน ไอ้ไผ่มันพูดเรื่อยเปื่อย กู...”
“ไม่ใช่แล้วมึงจะดิ้นทำไม พูดว่าไม่ใช่คำเดียวก็จบไหม” คำพูดของพายุทำให้นนท์ชะงักกึก ปิดปากเงียบทันที
“แปลว่าใช่” ปัณณ์ใช้รอยยิ้มกดดันเพื่อน นนท์เหงื่อแตกพลั่ก
“ไม่ใช่จริงๆ มึงอย่าเข้าใจผิด”
“แต่ระหว่างพวกมึง มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นใช่ไหม” ปัณณ์กล้าถาม เพราะเขามั่นใจแล้วว่ามีแน่
“....”
“เออ มึงเดาถูกแล้ว” ไผ่เป็นคนตอบเมื่อนนท์เอาแต่เงียบ
“อะไรวะ”
“กูว่า..กูอาจจะชอบมัน”
“เฮ้ย!!”
“เหี้ย!!” นนท์แทบตกเก้าอี้ เขาช็อกยิ่งกว่าโดนปัณณ์กดดันเป็นล้านเท่า
“เล่นอะไรของพวกมึงวะ” พายุมองหน้าเพื่อนสลับกันไปมา
“เล่นห่าอะไร กูพูดจริง”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็ตั้งแต่มึงหนีไปฮันนีมูนกับไอ้ปัณณ์สองคน”
“เร็วฉิบ กูงงว่ะ” พายุส่ายหัว ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ในขณะที่ปัณณ์หน้าแดงซ่าน
“กูไม่ได้ไปฮันนีมูน พวกกูไปหาที่เงียบๆ คุยกัน”
“คนร้อนตัวมักมีพิรุธ” ไผ่ยิ้ม พูดล้อเลียนปัณณ์บ้าง
“พวกมึงไม่มีอะไรจะพูดกันหรือไงวะ ว่างมากก็ทำงานให้เสร็จ” นนท์ดึงกระดาษที่ส่งให้ปัณณ์กลับมาตรงหน้า หยิบปากกาขีดเขียนมั่วๆ ลงไป พยายามเก๊กหน้าว่าตั้งใจทำงาน
“มึงไม่มีอะไรจะพูดเหรอนนท์” พายุใช้เท้าเตะเท้าเพื่อนใต้โต๊ะ
“ไม่มี”
“มีชัดๆ”
“กูบอกไม่มี กูจะทำงาน”
“ไอ้นนท์ มึงคิดว่าพวกกูเป็นใคร เก๊กทำห่าอะไรวะเขินก็เขินสิ” พายุยังไล่ต้อนเพื่อน “ถ้ามึงไม่ชอบป่านนี้มึงคงโกรธฉิบหาย หรือไม่ก็คงลุกขึ้นถีบไอ้ไผ่ตกเก้าอี้ไปแล้ว ไม่มาก้มหน้าก้มตาหลบหน้าพวกกูแบบนี้หรอก”
“เทิร์นโปรหรือไงมึง วิเคราะห์กูอยู่ได้”
“มันแน่อยู่แล้ว กูอาวุโส” พายุดึงไหล่ปัณณ์เข้ามากอด แต่โดนฟาดเต็มแรงเข้าที่แขนจนต้องรีบปล่อย
“แค่นี้ก็พอแล้ว อย่าไปยุ่งกับพวกมันเลย” ปัณณ์ปรามพายุ “ให้เคลียร์กันเอง แล้วมาบอกพวกกูด้วย ว่าตกลงพวกมึงยังไงกันแน่ กูจะได้ทำตัวถูก”
“เออๆ ทีนี้ทำงานได้หรือยัง”
“หึๆ ทำงานกันเถอะ ก่อนที่ไอ้นนท์มันจะหนีกลับบ้าน” นนท์ลอบถอนใจเมื่อปัณณ์กับพายุยอมปล่อยเขา สายตาแอบชำเลืองมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เมื่อกี้ไผ่แค่ล้อเล่นหรือว่าเรื่องจริง
“สบายดีไหมปัณณ์” พายุขมวดคิ้วเมื่อเห็นเอยเดินตรงเข้ามาหา ก่อนหยุดยืนตรงหน้าพวกเขา รอยยิ้มที่มองมาเต็มไปด้วยความสะใจ
“สบายดี เอยล่ะสบายดีไหม” ปัณณ์ยิ้มน้อยๆ ตอบด้วยน้ำเสียงปกติ
“จริงเหรอ อยากโกหกแบบนั้นก็ตามใจ ของมันรู้ๆ กันอยู่” เอยหัวเราะออกมาเสียงดัง “ก็ช่วยไม่ได้นะ ถ้าจะโกรธใครสักคน ก็โกรธคนที่มันทำกับเราเถอะ คนอย่างเอยไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายจิตใจง่ายๆ”
“เอย..” ปัณณ์หยุดพูดเงยหน้าขึ้นมองพายุ เพราะอีกฝ่ายยกมือขึ้นกอดบ่าเขา บีบน้ำหนักลงมาเบาๆ คล้ายกับไม่ต้องการให้พูด
“ไม่มีใครโกรธเอยหรอก” เสียงของพายุอบอุ่นและอ่อนโยน จนปัณณ์แปลกใจ
“หึ รักษามาดน่าดูนะพายุ ทั้งที่ไม่เหลืออะไรให้รักษาแล้ว ทำอะไรกับใครไว้โดนซะบ้าง”
“ผมไม่ได้รักษามาด หรืออะไรไร้สาระที่เอยพูดถึง แต่ผมไม่โกรธเอยจริงๆ อยากขอบคุณด้วยซ้ำ”
“อะไร! อย่ามาทำเป็นพูดให้ดูดีหน่อยเลย” สีหน้าของเอยหวาดระแวง ยิ่งเห็นพายุสงบเท่าไหร่ เอยก็ยิ่งหวั่นใจมากเท่านั้น
“ต้องขอบคุณสิ ขอบคุณที่ทำให้ทุกคนรู้เรื่องเราเร็วขึ้น“ พายุยกมือขึ้นเขย่าหัวปัณณ์เบาๆ ด้วย ความเอ็นดู “เห็นอย่างนี้ปัณณ์มันขี้อาย คงไม่ยอมให้ผมเปิดเผยง่ายๆ เอยช่วยผมไว้เลยนะรู้ไหม”
“อะ..อะไรนะ!” สีหน้าของเอยเหมือนเห็นผี ตาเบิกกว้าง ปากสั่นระริก “อย่า..อย่ามาพูดแบบนี้ คิดเหรอว่าจะเชื่อ”
“นั่นมันเรื่องของเอย จะเชื่อไม่หรือเชื่อ ผมไม่จำเป็นต้องสน”
“พายุ!!”
“ผมรักปัณณ์มันก็แค่นั้น”
“ไม่จริง!”
เอยสั่นไปทั้งตัว ยิ่งเห็นสายตารักใคร่ของพายุที่ส่งให้ปัณณ์ เธอก็ยิ่งควบคุมตัวเองไม่ได้ สายตาแบบที่เธอไม่เคยได้รับ
“แต่มันเป็นผู้ชาย! พายุจะรักผู้ชายด้วยกันได้ยังไง”
“ได้สิ เอยก็รู้นี่ เอยยังเอาไปพูดเองว่าใช่ สายตาคมใช้ได้ ” พายุหัวเราะออกมาเบาๆ ด้วยสีหน้าอารมณ์ดี ไม่มีความโกรธอยู่บนใบหน้าสักนิด “หรือเป็นเพราะกูซ่อนความรักที่มีให้มึงไม่มิดวะ เอยถึงเดาออก” ปัณณ์ต้องแอบบิดเนื้อของพายุด้านหลังเอว เมื่ออีกฝ่ายหันมาทำตาหวานใส่เขา
“โอ๊ยย” พายุรีบก้าวถอยห่างออกจากเขา ร้องเกินความจริงจนปัณณ์นึกหมั่นไส้
“ทำไมแฟนโหดแบบนี้ กลัวแล้วคร้าบ”
“ทำตัวดีๆ พายุ” ปัณณ์ทำเสียงดุใส่ “ขอโทษนะเอย พายุมันก็เป็นแบบนี้ ช่างอ้อน” ปัณณ์อดไม่ได้จริงๆ ขอนิดเถอะนะ เขารู้ว่าเขามีส่วนผิดแต่ขอแค่นิดเดียว
“พวกมึงมันวิปริต”
““หึๆ “ พายุยังรักษาสีหน้าสบายๆ เอาไว้ได้อย่างดี มองเอยด้วยดวงตาพราวระยับบอกถึงความขำขัน “สิ่งที่เอยทำ มันมีข้อดีอีกอย่างหนึ่งรู้ไหม มันทำให้ผมรู้ว่าผมรักคนไม่ผิด และทิ้งคนไม่ผิด ถ้าเอยจะเรียกมันว่าอย่างนั้น”
“ไปตายซะเถอะไป๊” เสียงตะโกนไล่ดังลั่น แต่คนไล่ดันวิ่งหนีไปเสียเอง พายุยักไหล่ พาดมือลงบนไหล่ของปัณณ์เหมือนเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ไปกันเถอะ อยากกินอะไรกูเลี้ยง”
“ ยังจะกินอีกเหรอ”
“อ้าว ก็นี่เดินมากิน ไม่กินข้าวแล้วจะให้กูทำอะไร หรือจะให้กินมึง โอ๊ย!” พายุร้องลั่นเพราะคราวนี้เจ็บจริง “กูรู้แล้วว่ากูมีแฟนขี้อาย อยากให้เอยช่วยประกาศนัก ว่ามึงเป็นของกูแล้ว จะได้ไม่มีใครมาแย่ง ไปตามกลับมาก่อนดีไหม”
““ไอ้พายุ!!”
“ฮ่าๆ”
ให้ภาพมันเล่าเรื่องค่ะคุณผู้ชม ยังไงไม่ทราบได้ รู้แต่ว่ารูปนี้นานนม ก่อนคู่ของพายุจะคบกันเยอะ อุ๊ยๆ ตีหน้าไม่เนียนไปเรียนมาใหม่นะคะ“โห เป็นกูก็หันไปคบกับผู้ชายวะ ถ้าผู้หญิงมันจะเลวขนาดนี้”
“สายวงในคอนเฟิร์มเว้ย ว่าคู่นี้กินกันจริง”
“อนิจจาหลอกด่าคนดีอยู่ตั้งนาน กูขอโทษ”
“กูว่าแล้วพี่ปัณณ์กับพี่พายุน่ารักจะตาย ทีมพายุปัณณ์ค่ะ ผู้หญิงมันเลว”“ฝีมือใคร” ปัณณ์ยื่นโทรศัพท์ไปข้างหน้า กึ่งกลางระหว่างไผ่กับนนท์
“กูเปล่า” นนท์ส่ายหัว เขาไม่ได้ทำจริงๆ
“กูก็เปล่า” ไผ่ปฏิเสธเช่นกัน นนท์พยายามบังคับตัวเองไม่ให้หันหน้าไปมอง เพราะรู้ดีว่าปัณณ์ฉลาดแค่ไหน นิดเดียวก็เกิดพิรุธได้
“แน่ใจนะ”
“มึงอยากให้พวกกูสาบานหรือไง” ไผ่ทำเสียงรำคาญการเซ้าซี้ของเพื่อน
“แล้วมึงกล้าหรือเปล่า
“กล้า กูไม่ได้ทำ”
“มึงสั่งให้ใครทำ”
“ไม่ได้สั่ง อันนี้กูก็กล้าสาบาน” นนท์กลั้นหายใจ ไม่ให้เผลอหลุดถามไผ่ขึ้นมา รูปนี้ไผ่ถ่ายเขาจำได้ดี ทำไมกล้าสาบานวะ
“งั้นก็แล้วไป กูบอกแล้วว่ากูสบายดี ให้มันจบแค่นี้เถอะ แค่นี้เอยก็เสียศูนย์ไปแล้ว”
“กูรู้แล้ว กูถึงไมได้ทำ”
“เออ กูขอโทษที่คิดว่าเป็นพวกมึง” ปัณณ์ยอมล่าถอยแม้ยังสงสัย แต่เมื่อเพื่อนยืนยันขนาดนี้ เขาก็ควรเชื่อ อีกอย่างแม้รู้ว่าเป็นความคิดที่ไม่ดี แต่ปัณณ์ก็อดโล่งใจไม่ได้ เมื่อเรื่องนี้จบลงแล้ว
“ไม่ใช่มึงเหรอวะ” นนท์แอบกระซิบถามไผ่เมื่อมีโอกาส“ไม่ใช่”
“แต่รูปนี้มึงถ่าย กูจำได้”
“ก็ใช่”
“อ้าวแล้ว...”
“กูไม่ได้โกหกไอ้ปัณณ์ กูไม่ได้ทำ แล้วก็ไม่ได้ใช้ให้ใครทำด้วย แค่ให้พวกกลุ่มหลินยืมมือถือไปเล่นเท่านั้นเอง”
“กลุ่มตลาดแตกนั่นน่ะเหรอ”
“เออ คงค้นโทรศัพท์กูทุกซอกทุกมุม ดีนะกูล็อกอย่างอื่นไว้”
“ฮ่าๆๆ มึงนี่มันสุดยอดจริงๆ”
✪✣✤✥✦✧✣✤TBC✥✦✧✣✤✥✦✧✪
พี่ไผ่ทำดี ตอนหน้าให้พี่ไผ่เป็นพระเอกบ้าง ><
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin