ตอนที่ 22 : ความรัก
“ไง” ปัณณ์กระพริบตาถี่ๆ ไล่ความง่วงงุนออกไป ใบหน้าในระยะประชิดของพายุ ทำให้เขาเผลอแสดงอาการตกใจออกมา ได้ยินเสียงหัวเราะขำดังเบาๆ
“อะไรของมึง” ปัณณ์ใช้เสียงดุปนรำคาญเพื่อข่มความอาย
“มึงสิเป็นอะไร จะตกใจทำไม” พายุสอดมือรองใต้คอ เพื่อมองหน้าคนขี้อายให้ชัดขึ้น
“ก็มึงเสือกเอาหน้าเข้ามาใกล้ทำไมวะ กูเพิ่งตื่นเลยตกใจ”
“เมื่อคืนกูใกล้กว่านี้ มึงยังไม่เห็นบ่น”
“ไอ้พายุ!” ใบหน้าของปัณณ์ขึ้นสีแดงเรื่อ เขารีบดึงผ้าห่มที่หล่นลงไปคลุมสะโพกขึ้นมาคลุมแผ่นอก ดวงตาของพายุวาววับ มือหนาเอื้อมมาคล้ายต้องการคว้าผ้าห่ม ทำให้ปัณณ์รีบกำเอาไว้แน่น
“ฮ่าๆ มึงนี่น่ารักจริงๆ เลย” มือข้างนั้นยกขึ้นมาขยี้ผมของเขาแทน “แต่กูชอบแบบเมื่อคืนมากกว่า แม่งโคตรของโคตรน่ารัก”
“พอแล้ว! ขืนมึงไม่หยุดพูด กู...”
“มึงจะทำอะไร จะจูบปิดปากกูเหรอ กูจะได้ยอมแต่โดยดี”
ปัณณ์นึกอยากมุดผ้าห่มหนี ถ้ามันไม่ทำให้เขาขายหน้าจนเกินไป
“หึๆ อย่าอายเลย กูมีความสุข มึงไม่มีเหรอ” พายุดึงปัณณ์เข้ามากอด ใช้จมูกปัดเบาๆ บนแก้มของปัณณ์” “ว่าไง ไม่เห็นตอบกู”
“อื้อ” ปัณณ์อาศัยอกของพายุเป็นที่หลบซ่อนใบหน้า ถามอะไรนักหนา เขาเขินจะแย่แล้ว
“ขอจูบที” คนขอจับคางเขาให้เงยหน้าขึ้น ริมฝีปากอุ่นชื้นประทับลงมา โดยไม่รอคำตอบ
ปัณณ์ผลักอกของพายุออก หลังจากปล่อยตามใจอีกฝ่ายพักใหญ่ “พอแล้ว ฟันก็ไมได้แปรง มึงนี่!” ปัณณ์บ่นอุบ ตื่นมาก็โดนเอาเปรียบ
“ใครบอก กูแปรงแล้วเหลือมึง” ปัณณ์เบิกตากว้าง เขาเพิ่งสังเกตว่าพายุใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว มีเพียงเขาที่ยังเปลือยเปล่าอยู่ใต้ผ้าห่ม
“แล้วทำไมมึงไม่ปลุกกู” ปัณณ์รวบผ้าห่ม ขยับตัวขึ้นนั่ง แต่ต้องหยุดเพราะความระบม เขานิ่วหน้าน้อยๆ พอความเจ็บคลาย จึงขยับอีกครั้ง
“กูอยากให้มึงพัก จะได้รู้สึกดีขึ้น” พายุเกลี่ยผมที่ตกลงมาบนใบหน้าของปัณณ์ออก รอยยิ้มอ่อนโยน
“กูไม่ได้เป็นอะไร”
“อย่าปากแข็ง กูเป็นคนทำกูรู้สิ”
“ไอ้พายุ!”
“ฮ่าๆ กูไม่พูดแล้ว มึงทำธุระเถอะ กูเตรียมอาหารเช้าไว้ให้ รออยู่ว่าเมื่อไหร่มึงจะตื่น”
“มึงไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้ กูไม่ชิน”
“ฝึกให้ชินเถอะ เพราะต่อไปกูจะดูแลมึงเอง” พายุวางมือลงบนศีรษะของปัณณ์ ส่งยิ้มเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย
ปัณณ์หลบตา สู้ความหวานในสายตาของพายุไม่ได้จริงๆ “มึงออกไปก่อน กูจะอาบน้ำ”
“มึงก็อาบสิ กูจะนอนรอ เดี๋ยวออกไปพร้อมกัน”
“มึงออกไปเถอะ” ปัณณ์หน้าแดงไม่กล้าบอกว่าเพราะอะไร
“มึงอายอะไรวะ กูเห็นหมดแล้ว” ปัณณ์หันซ้ายหันขวา ทำท่าจะหาอาวุธ พายุหัวเราะลั่น
“ไม่ไหวก็ตะโกนเรียกนะ กูอาบน้ำให้เอง”
““ไอ้บ้า!”
“ฮ่าๆ” พายุยอมลุกขึ้นแต่โดยดี เขาเดินออกไปรอด้านนอก ปล่อยให้ปัณณ์ทำธุระส่วนตัวเพียงลำพัง
“กาแฟ” พายุวางแก้วกาแฟควันฉุยลงตรงหน้าปัณณ์ อาหารเช้าหน้าตาน่ากินจนปัณณ์ต้องออกปากชม
“น่ากินนี่หว่า” ไข่ดาว แฮม เบคอน กับขนมปัง ถูกวางเรียงบนจานอย่างสวยงาม
“ถ้าไม่เก่งอย่างกูทำไม่ได้นะ”
“แค่ไข่ดาวไหม” ปัณณ์เปลี่ยนใจเลิกชม เมื่อเห็นความขี้อวดของอีกฝ่าย
“ไข่ดาวธรรมดาที่ไหน นี่ไข่ดาวแห่งความรักกูเลยนะ ใช้ใจทอดอย่างดี”
“พอๆ ก่อนกูจะแดกไม่ลง”
“ฮ่าๆ” พายุหัวเราะอย่างสบายใจ เขารู้ตัวแล้วว่าเขาเหมาะกับความรักแบบนี้ ความรักที่มีความเป็นเพื่อนเป็นพื้นฐาน
เสียงกดออดหน้าประตูดังติดๆ กัน ปัณณ์เลิกคิ้วมองพายุด้วยความสงสัย “หรือไอ้ไผ่กับไอ้นนท์จะแวะมาวะ”
“มึงกินต่อเถอะ เดี๋ยวกูไปดูเอง”
พายุลุกขึ้นยืน เดินไปที่ประตู เขาส่องจากช่องมอง เมื่อเห็นว่าเป็นใคร คิ้วของเขาเลิกขึ้นน้อยๆ หันกลับไปมองปัณณ์ “แม่มาว่ะ”
“แม่!!” ปัณณ์ละล้าละลัง ทำอะไรไม่ถูก จนพายุอดขำไมได้
“มึงจะตื่นเต้นทำไมวะ แม่กูมาออกบ่อย”
ปัณณ์ถึงสงบลงได้ เขามีโอกาสเจอแม่ของพายุหลายครั้งที่ห้องนี้ เพราะอีกฝ่ายมักแวะเข้ามาดูแลอาหารการกินให้ลูกชาย มาทำความสะอาดให้บ้างเป็นบางครั้ง
ปัณณ์ก้มลงมองเสื้อผ้า จัดให้เรียบร้อย สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เป็นจังหวะเดียวกับที่แม่ของพายุเดินผ่านประตูเข้ามา
“สวัสดีครับแม่” ปัณณ์ยกมือขึ้นไหว้ พวกเขาเรียกพ่อแม่ของเพื่อนแบบนี้ทุกคน
“ปัณณ์ สบายดีนะลูก”
“สบายดีครับ แม่สบายดีนะครับ”
“ตามประสาคนแก่ลูก แต่ก็ถือว่าดีมาก” แม่ของพายุนั่งลงตรงข้ามปัณณ์ แทนที่ลูกชาย
“แม่จะมาไม่เห็นโทรบอกผม” พายุช่วยมารดาถือข้าวของเข้ามา เขาวางมันลงบนโต๊ะอาหาร
“บอกทำไม แม่มีกุญแจ”
“เอาอะไรมาเยอะแยะครับ ของเก่าผมยังกินไม่หมดเลย”
“อาหาร แม่เตรียมมาเพียบ แช่ตู้เย็นไว้ได้”
“ขอบคุณครับแม่”
“นี่เพิ่งได้ทานข้าวเช้ากันเหรอ”
ปัณณ์เผลอหน้าแดง ก่อนจะรีบกลบเกลื่อนเพราะกลัวมีพิรุธ “ครับ เพิ่งทานกัน”
“พายุมานั่งทานให้เสร็จ เดี๋ยวแม่จัดการเอง” มารดาของพายุลุกขึ้นยืน เรียกลูกชายมานั่งแทน ก่อนเดินไปจัดการข้าวของที่นำมาด้วย
“ตกลงคบกันใช่ไหม” ปัณณ์สำลักน้ำที่เพิ่งดื่มเข้าไป มารดาของพายุรอให้พวกเขากินเสร็จเรียบร้อย ถึงพูดขึ้นมา
“แม่ครับ~ ผมบอกแล้วว่าเดี๋ยวผมกลับไปคุยที่บ้าน” ปัณณ์หันขวับไปมองพายุด้วดวงตาเบิกกว้าง
“เราพูดแบบนั้น แม่จะใจเย็นอยู่ได้ยังไง พ่อเขาก็บอกให้รอ แต่แม่อยากมาเลย”
พายุยิ้มจืด หันไปบอกปัณณ์เสียงอ่อย “กูโทรไปหาแม่หลังตื่น อยากให้ที่บ้านรับรู้ กะจะเกริ่นไว้ก่อน แล้วเดี๋ยวเย็นๆ จะเข้าไปคุย”
เขาสะดุ้งตื่นตั้งแต่หกนาฬิกา พายุพลิกตัวนอนมองใบหน้าของปัณณ์อยู่นาน ความรู้สึกรักใคร่ท่วมท้น เขายกมือขึ้นแตะแก้มอีกฝ่ายเบาๆ ปัณณ์ขยับตัวเล็กน้อยแต่ไม่ตื่น พายุรู้ตัวว่าเขาอยากอยู่กับคนๆ นี้ ไม่ว่าอีกกี่สิบกี่ร้อยปีก็ตาม
พายุลุกขึ้นจากที่นอน หยิบโทรศัพท์เดินออกมาด้านนอก ต่อสายไปหาบิดามารดา เขาอยากให้คนที่เขารักได้รับรู้ มันเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นทันที เขาอยากบอกตอนนี้เลย
แต่ใครจะคิดว่าแม่ของเขา จะรีบมาหาถึงห้อง พายุหนาวๆ ร้อนๆ เขาไม่ได้กังวลเรื่องมารดา แต่กังวลว่าหลังแม่กลับแล้ว เขาจะยังมีชีวิตอยู่ไหม
จริงใช่ไหม” สีหน้าจริงจังของผู้ใหญ่ทำให้ใบหน้าของปัณณ์ซีดเผือด
“ขอโทษครับแม่” ปัณณ์ไม่รู้จะทำอย่างไร หัวใจเขาเต้นแรง ความกังวลมีมากมายจนแสดงออกทางสีหน้า ได้แต่ยกมือขึ้นไหว้ขอโทษมารดาของพายุ
“ขอโทษทำไม แม่ถามว่าใช่หรือเปล่า คบกันอยู่ใช่ไหม”
“ครับ” พายุเป็นคนตอบ “ผมคบกับปัณณ์ เราเป็นแฟนกัน”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“สักพักหนึ่งแล้ว”
“คราวก่อนที่แม่เจอปัณณ์ เป็นแฟนกันหรือยัง”
“ยังครับ”
ปัณณ์ปล่อยให้พายุเป็นคนตอบ หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ ความกลัวเข้าครอบงำไปทั่วร่าง ได้แต่นั่งรอฟังคำตัดสิน
“อืม คิดกันดีแล้วใช่ไหม รักกันจริงหรือเปล่า”
“แม่ครับ”
“พายุ! แม่ถามก็ตอบ”
“รักครับ ผมคิดดีแล้ว รับรองว่าคิดดี คิดนาน นานจนเกือบช้าไป” พายุหันไปสบตาปัณณ์ ดวงตาอ่อนแสงลง
“มองกันขนาดนี้แม่ไม่ถามต่อล่ะนะ” ปัณณ์สะดุ้งน้อยๆ รีบหันกลับไปมองมารดาของพายุ รอยยิ้มของผู้ใหญ่ใจดี ทำให้ใจเขาชื้นขึ้น
“ปัณณ์ล่ะ รักลูกชายแม่หรือเปล่า”
“รักครับ” ปัณณ์ตอบเสียงเบา
“ปัณณ์แอบรักผมก่อน”
“พายุ!” ปัณณ์เผลอเรียกพายุเสียงดัง ก่อนจะรีบลดเสียงลง เกรงว่าจะทำกิริยาไม่เหมาะสมต่อหน้าผู้ใหญ่
“เรานี่มันจริงๆ ไปแกล้งเพื่อน” มารดาของพายุขมวดคิ้ว “ไม่ใช่สิ ไปแกล้งแฟนทำไม เขินหน้าแดงแล้วไม่เห็นเหรอ” ปัณณ์เงยหน้าขึ้นมอง ไม่อยากเชื่อหูตัวเอง มารดาของพายุยิ้มให้เขา ดวงตาไม่มีความเคลือบแคลง
“เอาเถอะ ถ้ามั่นใจว่ารักกันจริงก็ตามใจ พ่อกับแม่ไม่มีอะไรขัดข้อง แม่คุยกับพ่อมาแล้ว คุยกันอยู่นานถึงเพิ่งมา”
“พ่อโกรธผมไหมครับ” พายุถามถึงบิดา เช้านี้เขายังไมได้คุยกับท่าน
“ไม่โกรธ อึ้งๆ อยู่พักหนึ่ง แต่ก็รับได้ บอกว่าว่างก็พากันไปที่บ้าน ไปทั้งสองคนเลย”
“ครับแม่” ปัณณ์คิดว่าเขาควรเป็นคนตอบรับ “ขอบคุณมากครับ” ปัณณ์ยกมือขึ้นไหว้อย่างอ่อนน้อม
“แม่กับพ่อเห็นปัณณ์มานาน รักเหมือนลูกเหมือนหลาน ถ้าไม่ติดว่าเป็นผู้ชาย แม่ยุให้พายุจีบเราไปนานแล้ว ขอแค่ให้รักกันจริง แม่จะเป็นกำลังใจให้”
“ขอบคุณครับ” พายุกับปัณณ์พูดขึ้นเกือบพร้อมกัน เขาโชคดีมากที่มีพ่อแม่เข้าใจ
“บอกตรงๆ ตอนแรกแม่ก็กังวลอยู่ไม่น้อย ถามอะไรพายุก็ไม่ตอบ บอกแต่ว่าจะกลับไปเล่ารายละเอียดให้ฟัง มาเห็นแบบนี้ก็สบายใจ เรานี่มันตัวดี แทนที่จะพูดให้พ่อแม่เข้าใจ บอกแต่ว่าผมชอบผู้ชาย ผมรักปัณณ์ แม่ไม่หัวใจวายก็ดีแค่ไหนแล้ว”
ปัณณ์หน้าแดง ดูเถอะไปพูดกับแม่ทางโทรศัพท์แบบนั้นได้ยังไง
“ก็ผมรักแม่ รักใครก็อยากให้แม่รู้”
“ไม่ต้องมาประจบเลยเจ้าตัวดี อาหารที่เอามาให้กินด้วย แม่ทำเหนื่อยรู้ไหม”
“กินสิครับ หมดแน่นอน”
“ปัณณ์ก็แบ่งเอาไปกินนะลูก แม่ตักมาเผื่อเยอะแยะ”
“ขอบคุณครับ”
“ไม่ต้องเอาไป มึงมากินที่นี่”
“ดูๆ ลูกคนนี้ ทำปัณณ์หน้าแดงหมดแล้ว แม่กลับดีกว่า ว่าจะแวะมาซักลูกชายให้รู้เรื่อง เจออยู่ด้วยกันแบบนี้ ก็ไม่ต้องซักแล้ว หลักฐานชัดเจน”
“ฮ่าๆ แม่ทำปัณณ์หน้าแดงยิ่งกว่าผมอีก” พายุหัวเราะขำ เพราะประโยคที่มารดาพูด ทำให้ปัณณ์หน้าแดงซ่านไปจนถึงหู
“ปัณณ์ พายุ” มารดาของพายุเรียกทั้งสองคนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ฟังแม่นะ ขึ้นชื่อว่าความรักมันดีทั้งนั้น ให้มันเป็นฐานที่มั่นคงรองรับจิตใจของเรา ไม่ว่าต้องเจอกับอะไร จับมือกันผ่านมันไปให้ได้ ไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับการใช้ชีวิตให้มีความสุข ดูแลกันให้ดี แม่ขอแค่นี้ให้แม่ได้ไหม”
“ได้ครับ”
“ ครับแม่”
“ดีแล้ว เห็นแบบนี้แม่ก็สบายใจ ทีแรกคิดว่ามันจะรู้สึกแปลกๆ ไหม แต่ก็ไม่นะ แม่เองก็มือใหม่สำหรับเรื่องนี้ ยังไงพยายามไปด้วยกัน พูดผิดพูดถูก เผลอพูดไม่เข้าหูก็บอกกันได้”
“ขอบคุณครับแม่” ปัณณ์น้ำตารื้น
“พายุ”
“ครับ”
“บอกพ่อแม่ของปัณณ์ด้วย ยังไงก็ควรให้ผู้ใหญ่รับรู้ เข้าใจไหม”
“เข้าใจครับ”
“จะมีปัญหาอะไรหรือเปล่าปัณณ์ ให้แม่ไปช่วยพูดไหม”
“ผมคิดว่าไม่มีครับ” ปัณณ์มั่นใจ เขารู้สึกได้ว่ามารดารู้เรื่องที่เขาแอบชอบพายุ เพียงแค่ไม่พูดออกมาเท่านั้น ทุกครั้งที่เขากลับบ้าน แม่มักพูดเสมอว่าลูกรักใครแม่ก็รักด้วย
“งั้นก็ดี พ่อเขาเป็นห่วงเรื่องนี้ กลัวเราจะผิดหวังนั่นแหละพายุ คนเป็นพ่อเป็นแม่ ไม่มีอะไรมากไปกว่าอยากเห็นลูกมีความสุข ได้ฟังแบบนี้ก็สบายใจ”
“ผมมีเสน่ห์อยู่แล้วแม่ไม่ต้องเป็นห่วง”
“ย่ะ แม่กลับก่อนดีกว่า เบื่อลูกขี้คุย” มารดาของพายุลุกขึ้นยืน เธอคิดว่าสมควรกลับแล้ว ไม่อยากให้ปัณณ์รู้สึกอึดอัดจนเกินไป เวลายังมีอีกมากมายที่จะพูดคุยกัน
“เดี๋ยวผมขับไปส่งแม่ที่บ้าน” พายุลุกขึ้นยืน
“ไม่ต้อง แม่เอารถมาเอง อย่าลืมแวะไปที่บ้านบ้างนะปัณณ์”
“ครับแม่ ผมไปแน่นอนครับ” ปัณณ์ยกมือขึ้นไหว้ลาแม่ของพายุ
“กูไปส่งแม่ที่รถเดี๋ยวมา”
“อืม” ปัณณ์คิดว่าควรปล่อยให้แม่ลูกได้คุยกันตามลำพัง เขาจึงไมได้ตามไปส่งด้วย จัดการเก็บถ้วยชามล้างให้เรียบร้อยระหว่างรอพายุ
“รอนานไหม กูคุยกับแม่ต่อนิดหน่อย”“ไม่เป็นไร กูรู้อยู่แล้วว่าแม่คงมีเรื่องอยากคุยกับมึง”
“ทีนี้มึงก็เป็นแฟนกูเต็มตัวแล้ว” พายุนั่งลงข้างปัณณ์ ดึงหนังสือในมือของปัณณ์ออกไปวางบนโต๊ะเล็กข้างโซฟา
“ยัง กูยังไม่ได้บอกพ่อแม่” ปัณณ์แกล้งขัด ด้วยความหมั่นไส้
“เป็น มึงเป็นเต็มตัวตั้งแต่เมื่อคืน ไม่ใช่ตอนที่แม่กูมา”
“ไอ้บ้า!” ปัณณ์คิดจะตบหัวพายุ แต่โดนอีกฝ่ายรั้งมือเอาไว้
“รักกูมากขึ้นหรือเปล่า” พายุสอดมือเข้ากุมมือของปัณณ์
“หึๆ”
“กูไม่ได้ตั้งใจให้มึงตกใจ ไม่คิดว่าแม่จะมาหาเลย กูตื่นมาแล้วรู้สึกว่ากูโคตรรักมึง แม่งทำไมถึงรักคนที่นอนข้างๆ ได้มากขนาดนี้วะ กูมั่นใจ แน่ใจ ว่ายังไงคนที่กูจะอยู่ด้วยก็ต้องเป็นมึง กูถึงอยากบอกให้พ่อแม่รู้”
“ขอบใจ” ปัณณ์ยิ้มอ่อนโยน สายตาที่มองพายุรักใคร่ “แต่มึงช่วยบอกกูก่อนก็ได้นะ เหี้ยเอ๊ย กูหัวใจเกือบวายตาย”
“ฮ่าๆ กูก็ไม่คิดว่าแม่จะพูดออกมา มึงไม่โกรธกูใช่ไหม”
ปัณณ์ส่ายหน้า พายุพูดขนาดนี้ นอกจากไม่โกรธแล้ว เขายังรักอีกฝ่ายมากขึ้นด้วย แต่เรื่องอะไรจะบอกให้ได้ใจ
“ปัณณ์”
“หือ”
“อยู่ด้วยกันนะ”
“อืม” ปัณณ์พยักหน้าช้าๆ เขามีแค่คนๆ เดียวอยู่ในใจมาตลอด จะให้ไปไหนได้
“เยส” พายุยกกำปั้น ทำท่าดีใจ “ ไปขนของมึงวันนี้เลย”
!!!
“มึงตกลงกับกูแล้ว ห้ามเบี้ยว”
“กูไมได้หมายถึงอย่างนั้น” ปัณณ์ประท้วง เมื่อตกหลุมพายุเข้าโครมใหญ่
“เสียใจ ได้กอดมึงเมื่อคืนแล้ว อย่าหวังว่ากูจะยอมปล่อย”
“ไอ้..”
ดูเหมือนพายุเบื่อจะเถียงกับปัณณ์แล้ว ริมฝีปากหนาปิดริมฝีปากได้รูปของปัณณ์ เขาเชื่อที่มารดาพูด ความรักคือฐานที่มั่นคง ขอเพียงพวกเขารักกันด้วยใจ ไม่ว่าวันข้างหน้าต้องเผชิญกับอะไร พวกเขาจะผ่านมันไปได้แน่นอน
✪✣✤✥✦TBC✥✤✥✦✧✪
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin