ตอนที่ 19
ฌามายังคงมีกิจวัตรเหมือนเดิมคือแอบลอบเข้าบ้านตัวเองยามวิกาล ก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนแต่อย่างน้อยมันก็สร้างความเคยชินให้ตัวเอง… ชินที่จะมองเฌอแตมในระยะใกล้
ใบหน้าชวนมองที่มีผิวขาวซีดจนเห็นเลือดฝาดบนใบหน้า ขนตายาวปิดดวงตาเรียว และสูง… อันนี้เป็นสมการที่ยังแก้ไม่ออกเช่นกัน เขาชอบผู้หญิงตัวเล็ก ไม่ได้หมายถึงไซส์มินิแต่คือเล็กกว่าเขา มีส่วนเว้าส่วนโค้ง นมโตๆ ตูดแน่นๆ….
“เฮ้อ ทำไมไม่มีนมนะ..”
ส่ายหัวสลัดความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองออกไป ก่อนจะดึงผ้าห่มผืนบางที่หล่นลงมากองกับพื้นห่มคืนให้อีกฝ่าย มือหนาเอื้อมไปแตะกลุ่มผมนิ่ม...ก่อนมือจะชะงัก
“แล้วจะไปจับเขาทำไมวะ...”
คนไม่เข้าใจตัวเองรีบซุกมือไว้ในกระเป๋ากางเกง เดินข้ามไปยังฝั่งทำงาน อันที่จริงช่วงนี้นอกจากเมลล์แสดงความเป็นห่วงจากทั้งเพื่อนเรียน ลูกค้าจนล้น แต่ก็มีลูกค้าหลายคนที่กังวลว่าเขาจะต้องขอเลื่อนงานออกไปก่อน ซึ่งหลายคนก็เข้าใจ งานเขาตอนนี้ก็พยายามจะเคลียร์ออกไป จากที่ดูๆงานตัวเองไม่น่าเชื่อว่าจะฟิตขนาดปั่นทุกอย่างใกล้เสร็จ… และงดรับงาน
เหมือนที่แม่บอก...เขาเตรียมตัวกลับไทย
จนกว่าชีวิตจะเข้ารูปเข้ารอยกว่านี้เขาก็ยังไม่มีแพลนจะกลับอเมริกา งานที่ค้างๆไว้ก็มีบางส่วนที่งงๆอยู่บ้างว่าตัวเองคิดอะไร แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาเท่าไหร่เพราะงานใกล้เสร็จหมดแล้ว
จริงๆตอนนี้อุปสรรคชีวิตมันมีแค่เรื่องเดียว…. เขากับเฌอแตม
ฌามาใช้เวลาเดินวนเวียนสลับไปมุมนั้นมุมนี้ของบ้าน แต่สุดท้ายก็มาหยุดอยู่ที่ข้างโซฟาทุกที โต๊ะซีกมะนาวดูแคบเกินไปจนคนเรียนกหนักต้องวางชีทบางส่วนบนพื้น… เดี๋ยวสั่งทำอันใหญ่ขึ้นดีกว่า แต่ถ้าสั่งมาตอนนี้ก็ผิดสังเกตอีก
“ถ้าผมเอาโต๊ะใหม่มาให้คุณ...คุณแกล้งทำเป็นไม่รู้ได้ไหม...”
หัวใจวูบลงไปอยู่กับพื้นเมื่อเฌอแตมขยับตัวแต่ก็โล่งอกที่มันเป็นแค่การพลิกตัวเปลี่ยนท่านอน ข้อเท้าขาวโผล่พ้นจากผ้าห่มเล็กน้อย
คนลักลอบเข้าบ้านตัวเองขยี้หัวตัวเองแรงๆปรับอารมณ์เตลิดเปิดเปิงและทิ้งตัวลงที่มุมเดิมอีกครั้ง ทุกวันเขาจะนั่งอยู่กับพื้นที่ปลายเท้าของเฌอแตม
แต่ก็เพิ่งได้สังเกตว่าข้อเท้าอีกฝ่ายสวยได้รูป เคยเรียนวาดอนาโตมีมาเหมือนกัน… และเคยขนาดอาจารย์พานายแบบบนรันเวย์มาเป็นแบบวาด จุดสำคัญจุดหนึ่งของการใส่รองเท้าให้ดูดีคือต้องข้อเท้าสวย…
เฌอแตมมีคุณสมบัติเช่นนั้น
มัวแต่เพลิพเพลินกับข้อเท้าอีกฝ่าย มือไล้ไปตามผิวขาขาว ก่อนจะโน้มตัวลงประทับจูบแผ่วเบาที่ข้อเท้านั้นไม่รู้ตัว…
“ชิบหาย….”
เผลอลวนลามข้อเท้าชาวบ้านไปซะอย่างนั้น รีบมองเจ้าของผิวซีดที่ยังหลับสนิทก็ถอนหายใจอีกรอบ วันนี้เขาเป็นอะไรวะ? อยากจะจับจะจูบเฌอแตมอะไรนักหนา…
“สงสัยเราจะฟุ้งซ่าน… วัยว้าวุ่นหรอวะกู?”
ก่อนจะเตลิดไปมากกว่านี้ฌามารีบพาตัวเองออกจากเรือนมะนาว หงุดหงิดงุ่นง่านไปยันเช้า… ไม่ได้รู้เลยว่าจากบานกระจกชั้นสองมีคนผิวซีดที่เพิ่งถูกลวนลามยืนขำอยู่
เฌอแตมยอมรับว่าหงุดหงิดอีกฝ่ายแต่ฌามาที่เดินงุ่นง่านทำตัวตลกๆขัดแย้งในตัวเองมันก็ตลกดี แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะหลบหน้าเขาทำไม? สัมผัสที่ผม...ผ้าห่มที่คลุมให้ หรือจะจูบแผ่วเบาที่ข้อเท้า ถ้าไม่รู้สึกจะทำไปทำไม?
และการปรากฏตัวเป็นนักเรียนคณะสถาปัตย์อีก… สมการที่แก้ไม่ออก
คำถาม...ที่เขาต้องหาคำตอบให้ได้
ถ้าอีกฝ่ายกลัวการเผชิญหน้าขนาดนั้น เขาก็ต้องเริ่มก่อน
ฌามา ไม่สิ...เปรม...เตรียมตัวดีๆแล้วกัน
“เห้ยเปรม กินข้าวกัน”
“ไรวะ ชวนแค่ไอ้เปรมแล้วพวกกูล่ะสัสพีท”
“โห่ก็เห็นไอ้เปรมคนแรก พวกพี่ก็ไปกินด้วยกันดิ”
“เลี้ยงน้ำกูเลย ทำพวกกูน้อยใจ”
กลุ่มสถาปัตย์เฮฮากันไปเรื่อย ก่อนจะพากันไปโรงอาหารกลางเหมือนทุกวัน ต่างคนต่างซื้อข้าวก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะซึ่งพีทจองไว้ให้แล้ว
“วันนี้ทำไมมึงหล่อวะเปรม อยู่กับพวกพี่ๆแล้วแม่งมึงเหมือนโดนโจรจับมา ฮ่าๆ”
“สัสพีท เดี๋ยวพวกกูถีบ แล้วทำไมมึงไม่เรียนเหมือนพวกคนจีนคนอื่นเลยวะไอ้เปรม กูเห็นมันเรียนคละไปเรื่อย”
“ไม่รู้ ไม่ได้ดูตาราง ก็เดินตามพวกมึงไปนี่แหละ ฮ่าๆ”
“เออดีมาก มีทางเดินชีวิตชัดเจน”
วันนี้เป็นวันแข่งบาสแมทช์แรก ทั้งทีมเลยพยายามแต่งตัวดูดีมาเรียกกองเชียร์ของคณะตัวเอง แต่ดีสุดของพวกปีสี่คือการมัดผมเรียบร้อย หรือเซ็ตผม ส่วนหนวดเคราก็ยังเท่าเดิม ฌามาไม่มีผมให้เซ็ตเพราะมันยังสั้นอยู่เลยแค่ป้ายเจลให้ปอยๆผมมันยกขึ้นเปิดหน้าเหมือนนักกีฬาทั่วไป และใส่เครื่องประดับมาเต็มหู
บาร์เบลปลายลูกศร และยังใส่ปลอกนิ้วที่นิ้วนางทั้งสองข้าง จริงๆเคยคิดอยากจะเจาะจมูกกับคิ้ว แต่แม่ไม่ยอม
ส่วนเสื้อผ้าวันนี้นักบาสตัวสำรองใส่เชิ้ตคอตั้วที่ประดุมป้ายมาทางซ้ายแขนยาว เพราะคณะนี้ก็ไม่ได้เคร่งการแต่งตัวอยู่แล้ว แต่เพราะลักษณะเสื้อที่แตกต่างจากนักศึกษาทั่วไปรวมถึงคณะตัวเองทำให้ดูเด่นไปสักหน่อย
แต่งตัวดูดีของฌามากับของนักศึกษาทั่วไปมันต่างกัน ดีนะที่ไม่ได้ใส่สูทมา ตอนเรียนอยู่อิตาลีงานเปิดตัวกีฬาจัดอลังการราวกับงานพรอม…
โดนแซวแต่เช้า พอบ่ายๆก็ชักจะชิน…
“แต่กูว่ามึงหน้าคุ้นๆว่ะเปรม”
พีทเปิดประเด็นขึ้นมาทำให้ทุกคนมองหน้าฌามาทันที แม้แต่เจ้าตัวยังทำหน้างง
“เจอทุกวันมันก็ต้องคุ้นสิวะ”
“ไม่ใช่โว้ยพวกพี่ มันแบบ เหมือนเคยเห็นมาก่อน จริงๆจะทักตั้งแต่วันแรกที่ซ้อมบาสละ แต่ออร่ามันไม่จับเท่าวันนี้ เคยทำงานในวงการ แบบดาราไรงี้ปะวะ?”
“หือ ไม่นะ”
แม้จะเคยรับจ็อบตอนสมัยเรียนที่ีอิตาลีแต่สุดท้ายดันไปชอบการแต่งหน้ามากกว่า… การแต่งหน้าของคนทั่วไปคงหมายถึงการทำให้ดูดี สวย หล่อ แต่ของฌามา...มันเหมือนกับการลงสีงานศิลปสักชิ้นแค่สีที่ใช้เปลี่ยนเป็นเครื่องสำอางค์ แต่สุดท้ายก็ไม่หันไปเอาดีทางนั้นเพราะตัวเขาก็ไม่ได้ชอบขนาดนั้น
“แต่คุ้นจริงว่ะ...”
“สงสัยหน้าไอ้เปรมจะโหล”
“หน้าเหมือนต่างด้าวเปล่าวะไอ้เปรม ฮ่าๆ”
“อะไรวะอุตส่าห์แกล้งทำตัวเป็นคนไทยแล้วนะ เสือกจับได้อีกพวกมึงนี่...ขี้เสือกจริงๆ”
อีกอย่างที่ชื่นชอบชีวิตแบบนี้…คือการได้เป็นวัยรุ่นธรรมดาที่พูดคำหยาบ หัวเราะ ทำตัวไร้สาระกับเพื่อนๆ ไม่ใช่ถูกมองแปลกๆเพราะเป็นเด็กในคลาสที่มีแต่ผู้ใหญ่
“พีท”
“อ้าวแตม”
เสียงติดจะแหบเล็กน้อยดังขึ้นจากด้านหลัง ความคุ้นเคยบางอย่างทำให้เขาไม่กล้าหันกลับไป แม้จะอยากรู้ว่าทำไมถึงคุ้นเสียงนั้นขนาดนี้แต่ก็ไม่กล้าหันไปเผชิญหน้า จนกระทั่งกลิ่นสบู่คุ้นเคยมาหยุดลงข้างๆ เขานั่งริมโต๊ะติดทางเดินพอดี ทำให้เห็นแค่ปลายรองเท้าคัทชูผู้ชายของอีกฝ่าย แต่ข้อเท้าที่โผล่พ้นกางเกงแสลคที่เต่อนิดๆเหมือนเป็นแฟนชั่น…มันคุ้นเคย
“อ้าว ฌาม์นี่หว่า เห้ยไม่เจอนาน”
เสียงกลุ่มคนมาใหม่ทำให้ฌาม์เงยหน้าขึ้น คนหน้าตาไม่คุ้นเคยยิ้มทักทายมาให้ พวกเขาใส่ชุดนิสิตเรียบร้อยเหมือนกับคนที่ยืนอยู่ข้างๆตอนนี้…
ดวงตาเรียว…ใบหน้านิ่ง …ผิวขาวซีด… ทรงผมเรียบร้อยกับท่าทางชะงัก ก่อนนัยน์ตาสวยจะฉายแววตัดพ้อ ฌาม์มารู้สึกว่ามือเย็นเฉียบ สถานการณ์ที่ไม่ได้เตรียมตัวไว้ทำให้ไม่รู้ต้องตอบรับยังไง ปากพยายามจะอธิบายแต่เหตุการณ์ชวนตกใจก็เข้ามาแทนที่
ผู้ชายผมยาวมาจากไหนไม่รู้ตะโกนโหวกเหวกก่อนจะยกขาถีบอกเฌอแตมจนล้มลง… เหมือนภาพทุกอย่างกลายเป็นสโลว์โมชั่น ไม่ได้ยินเสียง ไม่ได้รู้ว่ารอบตัวเกิดอะไรขึ้น เห็นเพียงภาพเฌอแตมที่ทิ้งตัวลงกับพื้น
ยังไม่ทันที่คนผิวซีดจะลุกขึ้นก็มีผู้ชายผิวคล้ำมาดึงรั้งคนผมยาวออกไป…ใบหน้าคู่กรณีช่างเหมือนเฌอแตมราวกับพิมพ์เดียวกัน
“แตม…”
เพื่อนๆพากันรุมล้อมคนผิวซีดทันที เหมือนเขาที่ลุกขึ้นแต่เท้าชะงัก จนกระทั่งเฌอแตมถูกพยุงขึ้นมายืน เสียงแหบพึมพำว่าไม่เป็นไร
เสื้อสีขาวมีรอยเท้าประทับอยู่ชัดเจน…
“ยืมน้ำหน่อยนะ”
ขวดน้ำเปล่าบนโต๊ะโดนดึงไป…เพื่อที่อีกฝ่ายจะเทราดตัวเอง!!! เหมือนจะทำความสะอาดเสื้อแต่สายตาที่มองมามันดูท้าทายแต่ก็เพียงแค่เสี้ยววินาทีก่อนมือซีดจะเริ่มปลดกระดุมเสื้อ
“แตม!!”
ฌามาสะดุ้งกับเสียงเรียกของตัวเองที่เหมือนตะคอก กลุ่มเพื่อนชะงักหันมามองกันหมด…รวมถึงเจ้าตัวที่เลิกคิ้วมองและทำท่าจะปลดกระดุมต่อ
ผิวขาวรำไรที่โผล่พ้นตรงสาบเสื้อก็ไม่รู้ว่าทำไมแต่เขาไม่พอใจ…ไม่พอใจมากๆ ไม่พอใจจนเผลอคว้าข้อมือซีดที่จับอยู่ที่กระดุมลากออกมาจากโรงอาหาร
“รู้ทางหรอ?”
ขายาวชะงักก่อนจะมองรอบด้านที่ไม่รู้อยู่ตรงไหนของมหาวิทยาลัย ชีวิตนี้เคยไปแค่คณะตัวเองกับโรงอาหาร ดูจากเผงื่อที่ซึมหลังจนเปียกก็พอรู้ว่าตัวเองเดินมาไกล
“เอ่อ…”
“ปล่อย มันเจ็บ”
มือหนาปล่อยข้อมืดซีดที่ตอนนี้ขึ้นรอยแดงรอบข้อมือชัดเจน ผิวบางชะมัด…
“เจ็บไหม”
คำถามที่ดูโง่ที่สุดในโลกจนหงุดหงิดตัวเอง แต่เวลาแบบนี้ก็หาคำพูดที่ดีกว่านี้ไม่ได้แล้วเหมือนกัน
“เจ็บ”
“น่าจะถีบกลับไป”
“ไม่ทัน”
“แล้วจะถอดเสื้อทำไม”
“ก็มันเลอะ”
“คนอื่นเขามองกันเต็ม”
“ผู้ชายไม่มีอะไรเสียหาย”
“ก็ผมหวง”
“ใช้สิทธิ์อะไรมาหวง?”
ชะงักกับคำพูดตัวเอง แต่เจ็บแปล๊บกับคำตอบรับของอีกฝ่าย นั่นสิ…ใช่สิทธิ์อะไรมาหวง ก็เป็นแฟนกันไม่ใช่หรอ? ไม่งั้นจะมาอยู่บ้านเดียวกันทำไม
“ก็เรา….คบกัน?”
“เปล่านี่ ไม่ได้คบ”
“เอ๊ะ?”
“ก็ไม่เคยขอ จะเรียกว่าคบหรอ? อยู่ดีๆก็หายไป อันที่จริงก็เกือบลืมแล้วเหมือนกันล่ะ โผล่มาแบบนี้แต่ไม่ติดต่อมาเลยแสดงว่าคงอยากจะจบเรื่องของเราแล้วใช่ไหม? ก็โอเค แฟร์ดี”
ท่าทางยักไหล่ไม่ใส่ใจแถมเอ่ยตัดความสัมพันธ์ง่ายๆทำเอาฌามาถึงกับกัดฟันกรอด มาตัดกันง่ายๆแล้วที่เขาทำมาตลอดมันมีความหมายอะไรวะ!!!
ไอ้เราก็อุตส่าห์เป็นห่วง ไปเฝ้าทุกคืน พยายามตามหาความทรงจำ เก็บเกี่ยวความรู้สึกเพื่อที่จะได้มาเผชิญหน้า แต่พอมันผิดแผนแล้วต้องมาเจอความไร้เยื่อใยแบบนี้นี่มัน….
“จะเลิกง่ายๆ?”
“ก็ไม่อยากคบกันอยู่แล้วไม่ใช่รึไง? มาช้าไปหนึ่งเดือน หมดไตรมาสแล้วจะเรียกร้องอะไรย้อนหลัง?”
“แล้วรู้ได้ไงว่าไม่อยากคบ?”
ขนาดตัวเขาเองยังไม่รู้เลย! ไอ้คนหน้านิ่งนี่มัน…น่าบีบให้คอสวยๆนี่หักคามือ
“แล้วอยากคบหรอ?”
“ก็…ไม่รู้โว้ย แต่ไม่เอาแบบนี้อ่ะ”
“แบบนี้คือแบบไหน?”
“ทำไมต้องรีบตัดสินใจวะ? ก็คุยๆกันก่อนจะเป็นไรไป ยังรู้จักกันไม่ดีเลยนะ ยังจำไม่ได้…เอ่อ นั่นแหละ”
แต่เฌอแตมกับโคลงศีรษะแล้วสอดมือล้วงกระเป๋า
“เสียเวลา”
“นี่…”
“หายหน้าไปสี่เดือนยังมาบอกให้คุยๆกันต่อ อะไรที่มันไม่พัฒนาย่ำอยู่กับที่เดิมมันน่าเบื่ออ่ะ ผมไม่เอาด้วย เอาเป็นว่าตามนี่ เดี๋ยวผมย้ายของออกจากบ้านคุณภายในอาทิตย์นี้แล้วกัน”
“ไม่ได้!”
“ก็บอกว่า…”
“งั้นคบเลย เป็นแฟนกัน โอเคนะ?”
“อ้อ…โอเคตกลง”
เกิดเดดแอร์ขึ้นชั่วขณะเมื่อฌามาเหมือนจะหลุดปากอะไรไป
คิ้วเข้มเริ่มขมวดก่อนที่ใบหน้านิ่งเฉยตอนแรกจะปรากฏรอยยิ้มจางแต่งแต้มออกมา ตาคมเบิกกว้างก่อนจะยกมือเสยผมตัวเองแล้วถลึงตาใส่คนหน้าเป็น!
หลงกล!!! กับดักชัดๆ นี่มันกับดักอันเบ่อเริ่ม!!!
“เดี๋ยว เมื่อกี๊ที่ผมพูด….”
“ผมมีเรียนต่อ เจอกันที่สนามบาสแล้วกัน ผมเป็นฝ่ายพยาบาล แล้วค่อยคุยกันนะ”
เฌอแตมเดินหันหลังไปแต่ก่อนที่จะวิ่งตามไปก็มีรถมาจอดเทียบซะก่อน กลุ่มเพื่อนเฌอแตมส่งเสียงทักทายออกมา ก่อนคนผิวซีดจะขึ้นรถไป ไม่วายหันมายักคิ้วให้อีกที
ทุกอย่างมันพอดี….พอดีมากๆ
จนเหมือนจัดฉาก
เออจัดฉากนั่นแหละ! บ้าเอ้ย….
ฌามายกมือนวดขมับตัวเองแรงๆ ก่อนเหตุและผลทุกอย่างจะลงล็อค บ่งบอกได้ว่าเฌอแตมรู้เรื่องเขามาสักพักแล้ว ไอ้การลักลอบเข้าบ้านตัวเองอีกฝ่ายก็คงจะรู้แน่นอน ถึงใช่แผนบีบบังคับขนาดนี้…
ทำให้ตกใจ ให้หวง…ให้แสดงความรู้สึก
และสุดท้ายก็เป็นฝ่ายรั้งอีกฝ่ายไว้ด้วยตัวเอง ทั้งๆที่ถ้าเขารังเกียจการคบกันของเพศเดียวกันคงถือโอกาสนี้รีบตัดเฌอแตมออกจากชีวิตคงง่ายกว่า
เฌอแตมรู้จักเขาดียิ่งกว่าเขารู้จักตัวเอง…
ให้ตายเหอะ….เป็นอัฉริยะมาทั้งชีวิต แพ้ นักศึกษาแพทย์หน้าตายภายในวันเดียว!
สัสเอ้ยย แล้วตกลงกูตำแหน่งไหนวะเนี่ย อยู่บนหรืออยู่ล่าง!!! คบไปแล้วยังไม่รู้เลยโว้ย!!!
=================================
ฌาม์คนเด๋อ 55555555555555555555555555+ เสร็จเฌอแตมเรียบร้อยจ้าาาาา