✿ Uncommon Love!!เรื่องรุก...ของพี่เเจ่ม ✿ 06-03-61 ✿ ตอนพิเศษ : ความทรงจำ ✿
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ✿ Uncommon Love!!เรื่องรุก...ของพี่เเจ่ม ✿ 06-03-61 ✿ ตอนพิเศษ : ความทรงจำ ✿  (อ่าน 101400 ครั้ง)

ออฟไลน์ tomnub

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ manU007

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
อยากรู้อดีตของมิ่งเหมือนกัน

ออฟไลน์ เด็กหญิงเย็นชา

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-1
บทที่ 26 เรื่องเล่าจากอดีต

                        หลังจากที่พี่แจ่มทำงานที่บางกอกเสร็จก็กลับมาทำงานที่บ้านดอนไฟไหม่ต่อ งานอะไรมันก็ไม่รู้หรอก ไม่ได้สนใจที่จะถามด้วย เพราะถ้ามันถามเดี๋ยวพี่แจ่มก็หาว่ามันอยากรู้อยากเห็นเรื่องพี่แจ่มแล้วพาลดีอกดีใจจบที่ขอทำลูกอีก แต่ก็ช่างเถอะเพราะท้ายที่สุดมันก็ได้กลับมาบ้านดอนไฟไหม้เสียที จะว่าเสียดายมันก็เสียดายนิดๆหน่อยๆ ถึงบางกอกจะสนุกมีเรื่องให้ตื่นเต้น พี่แจ่มคอยพามันไปนู่นมานี่ กินนั่นกินนี่จนกางเกงมันเริ่มคับ แต่ยังไงมันก็สู้กลิ่นดินที่บ้านนาไม่ได้อยู่ดี

                        กลับมาถึงก็แวะไปกินกาแฟร้านแปะเฮ็งก่อนเป็นอย่างแรกเลย กะว่าจะซื้อกาแฟซื้อโอยั๊วะของโปรดพี่เจิดปากพี่เจิดกับพ่อมุ่ยพร้อมกับขนมที่มันหิ้วมาจากบากกอก

                        “บร๊ะๆๆๆๆ อามิ่งงงงง อั๊วะก็นึกว่าคงกรุงมาจากหนาย ตั้งแต่มีลูกมีเมียราศีจับเสียจนอั๊วะจำแทบไม่ล่าย”   

                        แปะเฮ็งก็พูดเกินไป คนหลงตัวเองที่กำลังใส่เสื้อผ้าตัวใหม่ที่พี่แจ่มซื้อให้ยกมือขึ้นเสยผมเต๊ะท่าเท่อวดนาฬิกาเรือนแพงไปในตัว

                        “ฉันไม่อยู่แปะคิดถึงฉันล่ะซี่”

                        “ก็ต้องคิกถึงอยู่เลี้ยวน่า ลื้อม่ายอยู่บ้างดองไฟหม้ายเงียบไปตั้งเยอะ มาๆๆ เข้ามานั่งก่อน วังนี้จะลักอะรายดี”

                        “ของฉันเอานมเย็นสูตรเด็ดกับปาท่องโก๋เหมือนเดิมจ้ะ แล้วก็เอาโอยั๊วะกับกาแฟเย็นใส่ถุงให้พี่เจิดกับพ่อมุ่ยของฉันด้วยนะจ๊ะ อ้อ เอาของไอ้มะลิด้วย ไม่รู้ว่ามันกินอะไร แปะจัดมาเลยก็แล้วกันนะจ๊ะ”

                        เกือบลืมของไอ้มะลิเลยเชียว ขืนลืมมันคงโดนพี่เจิดเตะตูดแน่ สั่งเสร็จก็เดินเข้าไปในร้าน ร้านแปะเฮ็งก็ยังเป็นร้านแปะเฮ็ง คนแน่นเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมก็คงจะเป็นลูกค้าหน้าใหม่ที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โต๊ะหน้าร้าน

                        บ้านนอกขนาดนี้นานทีกว่าจะมีคนแปลกหน้ามาสักที ไม่แปลกที่ไอ้มิ่งจะเผลอจ้องนานไปหน่อย นานจนคนลุงคนแปลกหน้ารู้สึกตัวแล้วเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือพิมพ์มาจ้องตอบให้ไอ้มิ่งแสร้งผิวปากเบือนหน้าเดินหนีไปนั่งโต๊ะประจำ

                        “มาเลี้ยวๆ นี่นมเย็งกับปาท่องโก๋”บริการทุกระดับประดับใจไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ สมกับเป็นร้านเด่นร้านดังประจำหมู่บ้านดอนไฟไหม้

                        “ขอบใจจ้ะแปะ….ว่าแต่แปะๆ ฉันถามอะไรหน่อยสิ”

                        ก็แหม่ มันอดรนทนไม่ได้ที่จะยุ่งเรื่องชาวบ้านตามประสาคนขี้เสือก ไอ้มิ่งสะกิดแปะเฮ็งกวักมือให้เงี่ยหูก้มลงมา

                        “ลื้อมีอารายเหรออามิ่ง”

                        “คนนั้นใครหรือจ๊ะแปะ ฉันไม่เห็นจะเคยเห็น”กระซิบพลางชี้นิ้วไปที่คนแปลกหน้า

                        “อ้อ คงนั้งรึ? คงนั้งอานะคอง อีเพิ่งจะย้ายเข้ามาอยู่บ้างหลังสวยๆที่เพิ่งจะปลูกหม่ายท้ายหมู่บ้างงาย ย้ายมาวังเดียวกะที่ลื้อไปบางกอกมัง อั๊วก็ไม่แน่จาย”

                        “งั้นเหรอจ๊ะ”พยักหน้าทำท่าเข้าอกเข้าใจ

                        ที่แท้ลุงคนแปลกหน้าก็เป็นเจ้าของบ้านใหม่ที่ปลาปลูกอยู่ท้ายหมู่บ้านนี่เอง ว่าแต่เป็นคนบ้านดอนไฟไหม้แล้วย้ายกลับมาหรือว่าเป็นคนที่อื่นแล้วจะมาลงหลักปักฐานกัน

                        แต่ถึงจะสงสัยไอ้มิ่งก็เลือกที่จะสนใจนมเย็นตรงหน้ากับปาท่องโก๋ร้อนๆมากกว่า ของอร่อยอยู่ตรงหน้ามีหรือที่มันจะรอช้า ชั่วอึดใจก็ฟาดเรียบไม่มีเหลือ เงยหน้าขึ้นมาอีกทีลุงคนแปลกหน้าก็หายไปเสียแล้ว

                        “ค่าเสียหายเท่าไรจ๊ะแปะ”ตะโกนถามเสียงดัง

                        ล้วงกระเป๋าตังค์ใบใหม่ทำจากหนังอย่างดีที่พี่แจ่มซื้อให้ออกมา ก็ไม่ได้จะอวดอะไรนักหนาหรอก ก็แค่พี่แจ่มซื้อให้แล้วจะเก็บไว้ไม่เอาออกมาใช้ก็กระไรอยู่

                        “ของอามิ่งเหรอ ก็จ่ายเลี้ยวงาย”

                        “จ่ายแล้ว? แต่ว่าฉันยังไม่ได้จ่ายเลยนะจ๊ะ แปะหาเรื่องขาดทุนแล้วนะจ๊ะ”

                        “ขากทงขากทุงอะรายกาน มีคนจ่ายตังค์ให้ลื้อเลี้ยว”

                        “จ่ายตงจ่ายตังค์อะไรตอนไหนจ๊ะ ใครจะมาจ่ายให้ฉัน”

                        “ก็อานะคองงาย อีจ่ายเงินให้ลื้อหมดเลี้ยว”

                        ไอ้มิ่งถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก เป็นใครๆก็ต้องงง ไอ้ของฟรีมันก็ชอบอยู่หรอก แต่ของฟรีจากคนที่เพิ่งจะเคยเห็นหน้ายังไม่เคยคุยกันสักแอะนี่มันกระไรอยู่

                        ----------------------------------------------------------------

                        ไอ้มิ่งขี่รถเครื่องออกจากร้านแปะเฮ็งพร้อมของฟรี ใจมันยังค้างคาไม่หายเรื่องที่ว่าลุงนครอะไรนั่นจ่ายเงินค่ากาแฟค่าขนมให้มัน แล้วเรื่องอะไรต้องมาจ่ายให้มันด้วยเล่า มันเองก็จะไม่เห็นได้ว่าไปรู้จักมักจี่ลุงนครนนี่ตอนไหน

                        ขับรถมาถึงบ้านพ่อมุ่ยก็เจอว่าพ่อมุ่ยไม่อยู่บ้าน ออกไปตีไก่ที่ดอนเจย์ดีตั้งแต่เช้านู่น เหลือก็แต่พี่เจิดกับลูกเมีย มันก็กะว่าจะคุยกับพี่เจิดให้หายคิดถึงเสียหน่อย ปกติตัวติดกันอย่างกับตังเม พี่เจิดไปไหนมันไปนั่น ทว่าพี่เจิดกลับต้องพาลูกไปฉีดยาวัคซีนที่โรงหมอแล้วก็พาเมียไปช็อปปิ้งอีก ไปหาพวกไอ้ดำพวกนั้นก็รับจ๊อบขุดคูนากลางทุ่งนานู่น จะตามไปกวนก็ใช่เรื่อง

                        แล้วทีนี้มันจะคุยกับใครล่ะ นี่มันพึ่งจะกลับมาจากบางกอกนะ กะจะมาคุยอวดสักหน่อยว่าได้ไปนั่นมานี่ตั้งเยอะตั้งแยก แถมได้ไปถ่ายรูปลงปกหนังสืออีก

                        ความเหงาทำให้มันไม่รู้จะไปไหนดี รู้ตัวอีกทีก็ขี่รถเครื่องวนมันรอบหมู่บ้านแล้ว คิดว่าไม่มีใครว่างคุยเห็นทีก็คงเหลือแต่ไอ้เหม็นลูกรัก พอนึกถึงไอ้เหม็นก็นึกถึงน้องจี๊ดที่ร่ำร้องอยากจะเจอพี่เหม็นพี่ชายของมันนักหนา ก็เลยกะว่าจะวนรถไปรับน้องจี๊ดมาเล่นกับไอ้เหม็น ระหว่างที่ขี่รถจะกลับบ้านพี่แจ่มนั่นแหละ

                        เอี๊ยดดดด

                        มือกำเบรกรถจนล้อถัดกับถนนลูกรังแดง ฝุ่นแดงๆคลุ้งปลิวว่อน ผมเฝ้าที่ปลิวลมลู่ลงมาปรกหน้ากระเซอะกระเซิงไปหมด มันมาเบรกรถจกล้อถัดอยู่ที่หน้าบ้านปูนสองชั้นปลูกใหม่ท้ายหมู่บ้าน พอเห็นบ้านก็นึกถึงลุงที่จ่ายค่ากาแฟให้มัน

                        “เอาไงดีวะ”

                        ความอยากรู้อยากเห็นมันช่างห้ามยากเสียจริงๆ มันเตะขาตั้งลงก่อนจะลงจากรถเดินไปริมรั้วกำแพงไม้เตี้ยๆที่กั้นระหว่างบ้านกับถนนลูกรังเอาไว้

                        ดีที่มีต้นไม้ต้นใหญ่อยู่ตรงนั้นพอดิบพอดี ก็เลยพอจะเป็นโล่บังให้มันแอบสอดส่ายสายตามองเข้าไปในบ้านได้บ้างเผื่อจะรู้อะไรดีๆ

                        พอมองเข้าไปก็เห็นคนกำลังก้มๆเงยๆกับต้นไม้ในกระถางพลาสติกที่ยังไม่ได้เอาลงดินไม่ใกล้ไม่ไกล จะเป็นใครไปได้นอกจากลุงนคร ว่าแต่ว่าทำไมมันไม่เห็นคนอื่นเลยนอกจากลุงนคร บ้านก็ออกจะใหญ่โต ยิ่งอยากรู้ก็ยิ่งชะเง้อ

                        “ทำไมไม่เข้ามากินน้ำกินท่ากันก่อนล่ะ ไปยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้น”

                        แต่ก็นั่นแหละ ใครจะไปรู้ว่าเจ้าของบ้านจะรู้ตัวตั้งแต่ได้ยินเสียงรถเครื่องขับมาจอดหน้าบ้านแล้ว ไอ้มิ่งสะดุ้งตัวโยน รู้ตัวอีกทีลุงนครก็ยืนอยู่ข้างๆมันแล้ว

                        “อะ อ้าว คือ…ฉะ ฉันแค่ขี่รถเครื่องผ่านมาน่ะจ้ะ นึกขึ้นได้ว่าเมื่อตอนบ่ายลุงจ่ายค่ากาแฟให้ฉัน ฉันก็เลยแวะมาจะเอาค่ากาแฟมาคืนลุง”ว่าพลางทำท่าล้วงกระเป๋าตังค์ใบใหม่ออกมา แต่ก็ก็ถูกห้ามเอาไว้เสียก่อน

                        “ไม่ต้องคืนหรอก ลุงแค่อยากเลี้ยง”

                        “แต่ว่าลุงทำไมลุงถึงมาจ่ายค่ากาแฟให้ฉันล่ะ”ขมวดคิ้วถามท่าทางมึนงง

                        ไม่ได้รู้จักกันเลย นี่ไอ้มิ่งก็เพิ่งจะเคยเห็นหน้าลุงนครครั้งแรกด้วย จู่ๆก็มาจ่ายค่ากาแฟให้ เป็นใครๆจะไม่งง

                        “แล้วทำไมลุงถึงจะจ่ายให้ไม่ได้ล่ะ”

                        อ้าว ลุงกวนตีกลับเสียอย่างนั้น

                        “ฉันก็แค่อยากจะรู้ว่าทำไมจู่ๆลุงถึงมาเลี้ยงกาแฟฉัน ก็แค่นั้น”

                        “คงจะเรียกว่าถูกชะตาล่ะมัง ก็เหมือนๆกับเอ็นดูนั่นล่ะ”

                        “ฉันก็ไม่เข้าใจอยู่ดี”

                        “คิดเสียว่าลุงเอ็นดูพ่อมิ่งเหมือนลูกชายเถอะนะ เรื่องค่ากาแฟช่างมันเถอะอย่าไปคิดมากให้วุ่นวายใจไปเลย…เข้ามาข้างในก่อนดีกว่า”

                        พูดจบก็เอื้อมมือมาตบไหล่มันเบาๆ ถือวิสาสะโอบไหล่มันแล้วดันให้มันเดินเข้าไปในรั้วบ้านหน้าตาเฉย มันเองก็ด้วยความอยากรู้อยากเห็นก็เลยเดินตามเข้าไป มองดูเจ้าของบ้านนั่งลงก้มปลูกต้นไม้ต่อ

                        “ลุงทำคนเดียวหมดนี่เลยเหรอจ๊ะ”

                        พอมองๆดูแล้วก็เห็นค้นไม่อีกตั้งเยอะตั้งแยะที่ยังไม่ได้เอาลงดิน แถมต้นไม้ที่เอาลงดินแล้วก็เอียงกระเท่เร่ไม่ได้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยเอาเสียเลย

                        “ก็อย่างนี่พ่อมิ่งเห็นนั่นล่ะ”

                        “แล้วลูกเมียลุงล่ะจ้ะ ไปไหนกันหมด ทำไมถึงได้ปล่อยให้ลุงมาทำคนเดียวล่ะ”

                        “ลูกเมียเรอะ ฮ่าๆๆ ลุงไม่มีหรอกนะไอ้ลูกเมียอะไรที่พ่อมิ่งว่ามาน่ะ”

                        “ลุงอย่ามาอำฉันเลย หน้าอย่างลุงนะจะไม่มีเมีย ฉันมองท่าทางลุง ดูก็รู้ว่าตอนสมันหนุ่มๆลุงท่าจะหล่อน่าดู”

                        ถึงจะรุ่นลุงแล้วก็ก็ยังดูดีอยู่เลย จะเรียกว่ายังไงดีล่ะ คงดูดีในแบบผู้ใหญ่ แล้วยิ่งมีบ้านหลังโตด้วยแล้วมีเรอะที่จะไม่มีสาวน้อยสาวใหญ่มาติดพัน

                        “แล้วพ่อมิ่งเห็นใครไหมล่ะ”

                        “ไม่เห็นนี่จ๊ะ”

                        พอถูกถามก็นึกในใจพลางมองไปรอบๆบ้านอีกรอบ แต่ก็ไม่เห็นวี่แววว่าจะมีใครสักคนนอกจากลุงนคร ถึงได้หันมามองหน้าแล้วส่ายหน้าตอบ

                        “ถ้าไม่เห็นก็แสดงว่าไม่มีไงล่ะ”ลุงนครยิ้ม ส่ายหน้าเบาๆให้กับท่าทางของไอ้มิ่ง

                        มือที่เริ่มจะเหี่ยวย่นวางต้นไม้ที่แงะออกมาจากกระถางพลาสติกวางลงดินไปพลางคุยกับไอ้มิ่งไปพลาง                       

                        “ลุงทำอย่างนั้นไม่ได้นะจ๊ะ ถ้าขุดตื้นอย่างนั้นถ้าฝนตกลงมาดินข้างบนไหลไปกับน้ำต้นไม้ได้ล้มตายกันหมดกันพอดี”

                        ไอ้มิ่งพอเห็นก็อดที่จะห้ามไม่ได้ ก็แหม คนทำไร่ทำนาอย่างมันมีหรือที่จะปล่อยผ่านเรื่องพรรค์นี้

                        “งั้นหรอกเรอะ แล้วลุงต้องทำยังไงล่ะ”

                        “ลุงต้องทำอย่างนี้จ้ะ ขุดให้ลึกอย่าเดิมสักคืบนึง แล้วก็ใส่ต้นไม้ลงไป จับไม่ให้มันเอียง แล้วก็ใส่ปุ๋ยเอาดินกลบ แล้วก็ตบๆ แล้วก็รดน้ำ แต่นี้ก็เรียบร้อนจ้ะ”

                        จัดแจงท่าทางย่อลงนั่งยองๆแล้วคว้าพลั่วอันเล็กมาขุดดินเป็นหลุมลึกก่อนจะจัดแจงเอาต้นไม้ลงไปวาง ตามด้วยดินกลบตบเบาๆสองสามที เอื้อมมือหยิบบัดรดน้ำมารดให้ดินพอชุ่มเป็นอันเสร็จเรียบร้อย

                        “พ่อมิ่งดูท่าจะเก่งเรื่องแบบนี้นะ”คนมองตามก็อดที่จะออกปากชมไม่ได้                         “แน่นอนสิจ๊ะ เรื่องทำไร่ทำนาปลูกต้นไม้ใบหญ้าไว้ใจฉันได้เลย ฉันคนนี้เก่งที่สุดในตำบลเลยล่ะจ้ะ”

                        “งั้นเชียว ถ้าอย่างนั้นพ่อมิ่งมาช่วยลุงทำสวนหน่อยได้ไหมล่ะ เดี๋ยวลุงจะจ่ายค่าแรงให้ ขืนให้ลุงทำเองมีหวังต้นไม้พวกนี้ตายหมดอย่างที่พ่อมิ่งว่าแน่”

                        “โอ้ยยย ไม่ต้องจ่ายค่าจ้างหรอกจ้ะ แค่ทำสวนแค่นี้ แปบๆก็เสร็จ เดี๋ยวฉันช่วยลุงทำเอง”

                        “ได้ยังไงล่ะ ทำงานก็ต้องได้เงินสิ ก็เหมือนกับอยากได้เงินก็ต้องทำงานนั่นล่ะ”พูดเหมือนมีความนัยน์

                        “เอางั้นเหรอจ๊ะ ถ้าลุงว่างั้นฉันก็แล้วแต่ลุงก็แล้วกัน ว่าแต่ลุงรู้จักชื่อฉันได้ยังไงจ๊ะ ฉันยังไม่เคยเลยว่าฉันชื่อมิ่ง”เอียงคอถามด้วยความสงสัย

                        “ทำไมจะไม่รู้จักล่ะ สมัยก่อนลุงยังเคยเห็นพ่อมิ่งตอนเป็นเด็กตัวกระเปี๊ยกวิ่งเล่นกับหมาที่วัดอยู่เลย”

                        รู้จักจริงๆด้วย ตอนเด็กๆไอ้มิ่งชอบไปวิ่งเล่นกับหมาวัดอย่างที่ลุงบอกจริงๆนั่นล่ะ เวลาถึงวันพระแม่มันชอบพามันไปทำบุญแล้วก็ไปช่วยที่วัดล้างจาน ล้างจานเสร็จก็เอาข้าวก้นบาตรกับกับข้าวที่เหลือห่อมากินที่บ้าน

                        “ถ้าอย่างนั้นลุงก็ต้องรู้จักแม่ฉันสิจ๊ะ”

                        “รู้จักสิ ลุงรู้จักแม่ขวัญของพ่อมิ่งดีเลยล่ะ”

                        พอได้คำตอบมาแบบนั้นมันก็ยิ่งตื่นเต้นหนักเข้าไปใหญ่ น้อยคนที่จะบอกว่ารู้จักแม่มันแล้วจำแม่มันได้ พอมีคนบอกว่ารู้จักแม่มันดีก็เลยดีใจ ดีใจจนไม่ได้สังเกตว่าชั่วอึดใจแววตาของคนที่มันคุยด้วยนั้นหม่นลง

                        “โอ้โห!! ลุงนี่สุดยอดไปเลย รู้จักแม่ฉันด้วย แม่ของฉันสวยมากใช่ไหมล่ะจ้ะ”

                        “สวยสิ ลุงยังจำหน้าแม่ขวัญของพ่อมิ่งได้ไม่มีวันลืมเลย แม่ขวัญของพ่อมิ่งสวยถึงขนาดมีหนุ่มหล่อพ่อม่ายมาต่อคิวจีบตั้งยาวเหยียดแหน่ะ แต่แม่ขวัญเขาไม่เอาใครเลยนอกจากพ่อมิ่ง นานเข้าก็เลยถอดใจตามๆกันไป”

                        “ลุงรู้จักแม่ฉันจริงๆด้วย ลุงรู้จักแม่ฉันแล้วลุงพอจะรู้จักพ่อฉันบ้างไหมจ้ะ แม่บอกว่าพ่อฉันตายตั้งแต่ฉันยังไม่เกิด”

                        “พ่อเรอะ ลุงก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน รู้แค่ว่าแม่ขวัญของพ่อมิ่งเขามาจากที่อื่น มาของานที่ร้านค้าแถวนี้ทำ ตอนนั้นพ่อมิ่งก็พึ่งจะเกิดได้กี่วันเอง ตัวยังแดงๆอยู่เลย”

                        “อ้าว ถ้างั้นฉันก็ไม่ใช่คนดอนไฟไหม่น่ะสิจ๊ะ”มันอ้าปากกว้างทั้งแปลกใจทั้งตกใจในคราวเดียวกัน

                        “ไม่มีใครรู้หรอกว่าแม่ขวัญเขามาจากไหนน่ะ จู่ๆก็หอบลูกแดงๆโผล่มา”

                        “งั้นเหรอจ๊ะ ถึงว่าทำไมไม่มีใครรู้จักพ่อฉันเลย”

                        พอได้ยินอย่างนั้นก็ทำหน้าเศร้า มันคิดว่ามันจะได้รู้อะไรมากกว่านี้เสียอีก

                        “แม่ขวัญเขาเป็นคนขยันนะ พอถึงหน้าเกี่ยวข้าวก็จะไปรับจ้างเขาเกี่ยวข้าว ดีไม่ดีตกเย็นก็กระเตงพ่อมิ่งไปช่วยเขาตำข้าวเปลือกแลกข้าวเอามาไว้หุงกิน”

                        มันก็พอจะนึกออกอยู่บ้าง ถึงตอนนั้นมันจะยังเด็กมาก แต่มันก็จำได้ลางๆว่าแม่ขวัญของมันทำแทบทุกอย่างที่ทำได้เพื่อหาตังมาซื้อข้าวให้มันกิน และมันเองก็ต้องไปนั่งเฝ้าแม่มันตลอด วิ่งเล่นอยู่แถวนั้นรอแม่ขวัญของมันทำงานเสร็จ ตกเย็นก็พากันกลับบ้าน กว่าจะได้เงินมาแต่ละสลึงสุดแสนจะยากเย็น มันถึงได้รู้จักคุณค่าของเงินจนถึงทุกวันนี้

                        “แม่ฉันต้องเก่งอยู่แล้ว ฉันก็เก่งได้แม่มานี่แหละ”ว่าพลางฉีกยิ้มกว้างอวดฟันขาว

                        “นั่นสินะ เหมือนกันไม่มีผิด ทั้งยิ้มทั้งผมนั่น”

                        “ใช่ไหมล่ะ ที่ฉันหน้าตาดีก็ได้แม่มาเหมือนกัน แม่ฉันออกจะสวยปานนั้น”มือยกขึ้นมาเสยผมอวดผมยาวหยักศกที่ภูมิใจนักหนา

                        “หึหึ สวยสิ หนุ่มหล่อพ่อม้ายจะมาตามจีบทำไมล่ะ”คนรุ่นลุงหัวเราะชอบใจกับท่าทางของได้มิ่งที่ดูจะมั่นใจตัวเองเสียเหลือเกิน

                        คนถามก็ถามเพลิน คนตอบก็ตอบเพลิน บ่ายคล้อยตะวันเคลื่อนไปไกลอีกไม่เท่าไรก็จวนจะตกดินถึงพึ่งจะรู้ตัวว่าควรจะกลับบ้านกลับช่องได้แล้ว ขืนกลับช้ามีหวังโดนพี่แจ่มหาเรื่องอย่างนั้นอย่างนี้กับมันแล้วพาลไม่ให้มันออกไปไหนมาไหนอีก

                        พอมาคุยกับลุงนครมันได้รู้อะไรที่ไม่เคยรู้ตั้งหลายอย่าง อย่างแม่มันเคยทำงานที่ไหน วันๆทำอะไร แล้วแม่มันเป็นคนยังไง ยังมีอีกหลายเรื่องเลยที่มันยังอยากจะรู้

                        “นี่ก็เย็นมากแล้ว เดี๋ยวฉันต้องกลับบ้านแล้วนะจ๊ะลุง ขืนกลับช้าโดนเมียบ่นเอาอีก”บอกไปก็ยิ้มเสียดายไป บอกพลางเก็บอุปกรณ์ทำสวน

                        “งั้นเหรอ เมียพ่อมิ่งคงจะดุสินะ ท่าทางใช้ได้เลยนี่”

                        “ลุงรู้จักเมียฉันด้วยเหรอจ้ะ ลุงเคยเจอมันด้วยเหรอจ้ะ”ตื่นเต้นไม่แพ้ที่ลุงนครบอกว่ารู้จักแม่มันเลย

                        “ก็แค่เคยเห็นไกลๆน่ะ”ลุงนครตอบ

                        “อ้อ ฉันก็นึกว่าลุงรู้จักมัน ลุงเห็นมันหล่อๆอย่างนั้นลุงอย่าได้ไปตายใจหลงยิ้มคุณชายของมันนะจ๊ะ ไอ้นี่มันร้ายจะตาย นี่ถ้าไม่ติดว่ากลับบ้านฉันคงจะนินทามันให้ลุงฟังแล้วล่ะ”ปากว่าทำท่าทำทางเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันยกใหญ่

                        “งั้นพรุ่งนี้ก็มานินนาเมียให้ลุงฟังก็ได้นะ ลุงอยากฟังเรื่องของพ่อมิ่งเยอะๆ แล้วก็เล่าเรื่องบ้านดอนไฟไหม้ให้ลุงฟังต่อด้วย”

                        “ได้จ้ะ ฉันเองก็มีเรื่องอยากจะถามลุงอีกเยอะเหมือนกัน ถ้ายังไงพรุ่งนี้ฉันจะมาใหม่นะจ๊ะ ฉันลาล่ะจ้ะ”

                        ยกมือไหว้พอเป็นพิธีก่อนจะขึ้นคร่อมรถเครื่องแล้วสตาร์ทรถออกไป มันไม่รู้หรอกว่าลุงนครจะมองตามมันมาอีกไกลแค่ไหน ได้มองตามมันจนมันหายลับสายตารึเปล่า เพราะมันกำลังผิวปากไปขับรถเครื่องไปอย่างอารมณ์ดีที่จะได้ตังค์ค่าทำสวนให้ลุงนคร ตังค์เก็บของมันล้วนหมดไปกับพี่แจ่ม ไม่ว่าจะเป็นค่าสินสอดหรือค่านาฬิกา ก็เลยต้องมาเริ่มเก็บใหม่ทั้งหมด ถามว่าเพราะอะไรมันถึงต้องเก็บตังค์อีกในเมื่อพี่แจ่มก็ออกจะรวยปานนั้น ก็เพราะว่ามันเองไม่อยากจะถูกชาวบ้านหาว่ามันเกาะเมียกินอย่างนั้นอย่างนี้ไงล่ะ อีกอย่างน้องจี๊ดก็กำลังจะเข้าเรียนอนุบาลด้วย จะให้พ่อเลี้ยงอย่างมันจะอยู่เฉยได้ยังไง

                        ----------------------------------------------------------------

ฮั่นแน่ คิดถึงกันใช่ไหมล่ะ มาต่ออีกหน่อย ขุ่นลุงนครแกเป็นใครน้อออ พ่อหรือไม่ ใช่หรือมั่ว รออ่านต่อไปป

อีกสักประมาณ 7 ตอนหลักๆก็จบแล้วจ้าาาา จะลงถี่ดีไหมน้อออ

จบแล้ว จะได้เปิดเรื่อง "เรื่องลับ...ของพี่จี๊ด" ต่อเลย ใครรุกใครลับล่ะคราวนี้ คนนึงก็ฝาหรั่ง คนหนึ่งก็เจ้าเล่ห์ได้พ่อ

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
55+ วั่ยต๊ายแล้ววว พี่จิ๊ด นี่ได้เชื้อเจ้าเล่ห์มาจากพี่แจ่ม ได้ความเกรียนมาจากแม่มิ่งใช่ไหม 55+

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3

ออฟไลน์ qq_oo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +143/-4
ลงถี่ๆๆเลย รออ่านทุกเรื่องจ้า

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
ลุงนครเป็นพ่อน้องมิ่ง กลับมาเพื่อจะมารับน้องมิ่งไปอยู่ด้วยกัน ใช่มะๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ เสพศิลป์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
ไม่ได้เข้ามานานมากกก

คิดถึงเรื่องนี้ที่สุด

แหมชอบการทำโทษแบบอิพี่แจ่มจริงๆ หึหึ

ปากมันแข็งขริงๆไอมิ่งรักเขาก็บอก ห่วงเขาก็บอก

นี้อีกเจ็ดตอนจะจบยังไม่รู้แน่ชัดเลยว่าอิพี่แจ่มมันทำอาชีพอะไร


ปล เรื่องของไอจจี็ด  นี้เชียร์ไห้ไอจี็ดโดนฝรั่งกด เพราะจี็ดมันคือ พี่แจ่ม พี่เจิด รวมกัน รวมความหมันใส่ทั้งหมดมาไห้ไอจี็ด ฮ่าๆๆ

อยากรู้จริงๆว่าถ้าคนเจ้าเล่ห์ (เหมือนพ่อ)และหลงตัวเองขั้นสุด(เหมือนไอเจิดและแม่มิ่งของมัน) โดนฝรั่งกดจะเป็นไง หึหึหึหึหึ แต่ก็คิดไม่ออกเลยว่า ถ้าฝรั่งกด มันต้องร้ายขนาดไหน ถึงปราบพยสได้  โอ้ยตื่นเจ้นๆ

ออฟไลน์ tomnub

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
รอๆๆๆๆลงบ่อยๆนะครับ...

ออฟไลน์ Laliat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
เรื่องนี้ใกล้จบมีเรื่องน้องจี้ดอีกคึๆๆๆรอๆๆ

ออฟไลน์ soul love

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 197
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
เอาอีก เอาอีก ลงถี่ๆ ต่อด้วยเรื่องหลานจี๊ด!!!
ป้าคนนี้จะรออ่านนะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ เด็กหญิงเย็นชา

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-1
บทที่ 27 ปลอบใจ

                        ย้อนกลับไปเมื่อยี่สิบปีก่อน

                        วันที่ฝนตกหนักตั้งแต่บ่ายโมงจวบจนถึงโพล้เพล้ วันนั้นเป็นวันที่แม่ขวัญได้เงินค่าจ้างจากร้านค้าที่ทำงาน และไอ้มิ่งได้กินอมยิ้มอันละไม่กี่สลึงสมใจหลังจากเอาแต่เงยหน้าจ้องมองมานาน

                        ถึงฝนจะตกแต่เพราะเงินออกวันนี้ไอ้มิ่งตัวสี่ขวบกับแม่ขวัญก็เลยเดินยิ้มกางร่มคุยกันกระหนุงกระหนิงอารมณ์ดีกลับบ้าน ถึงจะบอกว่าเป็นบ้าน แต่มันก็แค่กระท่อมที่ชาวบ้านปลูกเอาไว้แล้วไม่ได้ใช้ แม่ของมันก็เลยไปขอเช่าราคาถูกๆ พอกันลมกันฝนได้ มีแค่ไฟดวงเดียวอยู่กลางบ้านแค่นั้นเอง แต่ก็ช่างเถอะ ใครมันจะไปสน ในเมื่ออยู่กันแค่สองแม่ลูกแล้วมีความสุขออกขนาดนี้ แม่ขวัญของมันใจดีจะตาย พอเงินตังค์ออกแม่ขวัญก็ใจดีซื้อเนื้อหมูแพงๆมาทอดให้กิน

                        ไอ้มิ่งตัวกระเปี๊ยกปากอมอมยิ้มแก้มตุ่ย มือหนึ่งก็ถือร่มที่เถ้าแก่ใจดีให้มันกับแม่ยืมคนละคัน แต่มันไม่ค่อยสนใจถือร่มเท่าไรหรอก เพราะมั่วแต่วิ่งไล่เตะน้ำฝนที่ตกลงมากระทบร่มแล้วไหลลงมาเป็นสายจนตัวเปียกปอนเป็นหมาตกน้ำไปหมด

                        “เดี๋ยวเถอะ ถ้าล้มขึ้นมาแม่จะตีซ้ำนะ”

                        “มิ่งไม่ล้ม มิ่งเก่ง”หันมายิ้มอวดฟันหรอพลางส่ายหน้ายิกๆ ตากลมๆเล็กหยีใส่แม่ขวัญของมัน

                        “เก่งจ้าเก่ง มิ่งของแม่เก่งที่สุด แต่ถ้าล้มขึ้นมาเจอก้านมะยมนะ แม่บอกไว้ก่อน”คนแม่พูดไปก็หัวเราะไปกับท่าทางทะเล้นทะลึ่งของลูกชาย

                        ก็เพราะว่าคนหนึ่งช่างยกยอปอปั้น อีกคนหนึ่งก็บ้ายอ โตขึ้นมาถึงได้มั่นอกมั่นใจตัวเองนักหนายังไงล่ะ

                        พอฝนตกหนักเข้านานเข้าทั้งกบทั้งอึ่งอ่างก็พากันออกมาหากินส่งเสียงร้องระงมไปทั่ว สองข้างทางเป็นท้องนาทอดไปไกล ต้องเดินกันอีกพักใหญ่เลยกว่าจะถึงบ้าน

                        “แม่จ๋า มิ่งอยากกินทอดหมูแล้ว”ปากอมอมยิ้มแก้มตุ่ยพูดไม่ชัด

                        หน้ากลมๆเงยหน้าขึ้นมาอ้อนแม่มันเพราะท้องเริ่มร้องอยากจะกินหมูทอดแล้ว ทว่าแม่มันกลับทำหน้าเคร่งเครียดต่างจากเมื่อตะกี้ลิบลับ

                        ตาคู่สวยเหลือบมองไปข้างหลังทีข้างหน้าทีทำท่าเหมือนหวาดระแวง ไอ้มิ่งที่พึ่งจะสี่ขวบจึงได้เอียงคอมองแม่มันหน้าฉงน พอมองไปข้างหลังก็เห็นผู้ชายท่าทางผอมโซน่ากลัวเดินตามมา และแม่มันก็เริ่มจะรู้สึกผิดสังเกตเมื่อผู้ชายคนที่เดินตามตัวเองมาก็อยู่ที่ร้านค้าตอนที่ได้ค่าจ้างด้วย

                        “มิ่งฟังแม่นะ…ถ้าแม่บอกให้วิ่ง มิ่งวิ่งกลับไปที่ร้านไปหาเฮียกู๋นะ”สัญชาติญาณความเป็นแม่ก้มลงมาแข่งกับเสียงฝน

                        “แล้วแม่ล่ะจ๊ะ แม่ไม่ไปกับมิ่งเหรอ”

                        “มิ่งไปก่อน เดี๋ยวแม่ตามไปทีหลังนะ”มือเรียวสวยวางลงมาบนหัวทุยๆลูบเส้นผมยุ่งๆสีดำขลับเบาๆ

                        เปรี้ยงงงง!!

                        เสียงฟ้าผ่าช่างน่ากลัวเสียยิ่งกว่าอะไร มันทำให้ทั้งไอ้มิ่งทั้งแม่มันสะดุ้งเฮือกด้วยความสั่นกลัว และชั่วอึดใจที่แสงของท้องฟ้าสว่างวาบ ผู้ชายคนนั้นก็เดินเข้ามาประชิดแล้วดึงแขนแม่ของมันเอาไว้

                        “จะทำอะไรน่ะ”พอถูกดึงแขนเอาไว้ก็ใช้ตัวขวางลูกชายเอาไว้ทันทีทันใด

                        “เงิน เอาเงินมา”

                        ไม่พูดพล่ามทำเพลงเสียแต่อย่างใด เสียงแหบพร่าดูน่าขยะแขยงบอกจุดประสงค์ที่ทำเอาแม่ของมันหน้าซีด

                        “เงินที่ไหนล่ะจ๊ะ ฉันไม่มี”

                        ดึงแขนพยายามสะบัดมือที่จับแขนออก ทว่าก็เท่านั้นเมื่อผู้ชายคนนั้นไม่ยอมปล่อย แถมยังจับแขนบีบแน่นจนเห็นเป็นรอยช้ำ

                        “อย่ามาตอแหล!! เมื่อกี้กูเห็นเฮียเขาให้เงินมึงมา”ล้วงมีดเล็กออกมาจากกระเป๋าจ่อมาที่แม่ของมัน

                        “แต่นี่มันเงินของฉันนะ…มิ่ง!! วิ่ง!!”

                        ตาคู่สวยสั่นสะท้านเมื่อเห็นปลายอันแหลมคมของมีดจ่อมาที่ตัวเอง ทว่าความเป็นสั่งให้หันมาบอกลูกน้อยให้ออกวิ่งตามที่สั่งเอาไว้

                        “แม่!!”

                        “มิ่ง!!แม่บอกให้ วิ่ง”ย้ำคำอีกครั้งเมื่อลูกชายตัวน้อยไม่ยอมวิ่ง ตากลมใสจ้องมองมาไม่วางตา

                        “อย่ามายุ่งกับแม่ขวัญนะ!!”

                        ตุ๊บ!!

                        ไอ้มิ่งตัวน้อยทิ้งร่มกับลูกอมที่ถือตกลงลงบนพื้นโคลนแฉะ มันวิ่งเข้าไปเตะที่ขาของผู้ชายคนนั้นเต็มแรงพร้อมกับจ้องมองเขม็ง

                        “มิ่ง!! แม่บอกวิ่งไปไง วิ่งไปสิ!!”

                        “ไม่เอา มิ่งไม่ไป!!”ส่ายหน้าแรงๆ

                        น้ำตาจวนเจียนจะไหลออกมาเต็มกลืนแต่ก็ทำใจดีสู้เสืออย่างที่แม่ของมันเคยสอนเอาไว้…ลูกผู้ชายจะไม่ร้องไห้ถ้าไม่จำเป็น

                        งั่ม!!

                        และเมื่อเห็นมือนั้นไม่ยอมปล่อยจากแขนแม่ของมันมันจึงกระโดดเข้าไปกัดมือนั้นเต็มแรง

                        อารามตกใจของคนโดนกัดก็เลยยอมปล่อยมือออกจากแขนแล้วสะบัดมือออกแรงๆจนเด็กตัวเล็กล้มลงไปกับพื้น เนื้อตัวเปียกเปื้อนมอมแมมไปด้วยโคลน

                        “โอ้ย!!”

                        “หนอย มึงนี่วอนหาเรื่องซะแล้ว!!”ตาแดงก่ำตวัดมามองตาขวาง เงื้อมือกร้านเงื้อขึ้นมาหมายมั่นจะฟาดไปที่เด็กน้อยวัยสี่ขวบ

                        “อย่านะ!! อย่าทำลูกฉันนะ พี่ชายจะอาเงินหรือจ๊ะ พี่ชายเอาไปเลยจ้ะ เงินนี่พี่ชายเอาไปหมดเลยก็ได้ แต่ฉันขอร้อง อย่าทำอะไรลูกฉันเลยนะ”

                        เคราะห์ดีที่แม่ของมันมาขวางเอาไว้ กับข้าวในมือหล่นร่วงเปื้อนดินโคลน มือผอมบางสั่นระริกกุลีกุจอส่งถุงเงินไปให้ แล้วก็ได้ผลเมื่อมือนั้นชะงัก เปลี่ยนจากเงื้อมือมากระชากถุงเงินไปเปิดดูแทน

                        ดวงตาโหลลึกจ้องมองลงไปในถุงเงินเพื่อให้แน่ใจ และเมื่อแน่ใจก็จึงหันหลังทำท่าเดินจากไป แต่ทว่าทุกอย่างมันยังไม่จบ

                        “เอาคืนมานะ!! นั่นตังค์ของแม่ขวัญนะ เอาคืนมา!!”

                        ขายาวที่กำลังจะก้าวเดินจากไปชะงักงันเมื่อถูกเด็กตัวเล็กเกาะเอาไว้ไม่ยอมปล่อย

                        “ปล่อยสิวะได้เด็กเปรตนี่!!”

                        “ไม่เอา ไม่ปล่อย!! เอาตังค์ของแม่ขวัญคืนมานะ”

                        “กูบอกว่าให้ปล่อยไง”

                        “มิ่ง!! ปล่อยเขาไป มาหาแม่นี่”

                        “ไม่เอา มิ่งไม่ปล่อย เอาตังค์คืนมานะ”มือเล็กเกาะขาแขนไม่ยอมปล่อย ใบหน้ากลมส่ายเร็วรัว

                        “ไม่ปล่อยใช่ไหม!! ได้!!”

                        พูดจบก็ก้มลงไปคว้าท่อนไม้บนพื้นสกปรกขึ้นมาจะทำท่าขู่จะฟาดมัน มันเงยหน้าขึ้นมองด้วยความตื่นกลัว แต่ความที่อยากได้ตังค์ของแม่ขวัญคืนก็ทำให้มันยิ่งเกาะขานั้นแน่นกว่าเดิม

                        “อย่าทำลูกฉันนะ!!”

                        แม่ขวัญเองก็ปรี่เข้ามาปกป้องลูกชาย มือยื้อแย่งไม้ที่หมายจะทำร้ายลูกชาย

                        “ปล่อยนะโว้ย!!”

                        “ไม่ปล่อย ฉันก็ให้เงินพี่ชายไปแล้วไงล่ะ พี่ชายจะมาทำร้ายลูกชายฉันไม่ได้นะ!!”

                        “กูบอกให้ปล่อยไง!!!!!”

                        ทั้งถูกเกาะขาจนสะบัดไม่หลุดทั้งถูกยื้อแย่งไม้ในมือ ความวิตกทำให้ผู้ชายคนนั้นออกแรงเฮือกสุดท้ายใช้มือผลักแม่มันเต็มแรงจนกระเด็นไปไกล

                        “แม่!!”

                        เปรี้ยงงง!!

                        สิ้นแสงสว่างวาบสายฟ้าก็ฟาดลงเปรี้ยงลงมาจนพื้นดินสะเทือน เสียงของมันดังสนั่นก้องหูเด็กน้อยวัยสี่ขวบ

                        ตาคู่กลมเบิกกว้างด้วยความตกใจ ความเป็นห่วงแม่ทำให้มันยอมปล่อยขาที่เกาะเอาไว้แน่นวิ่งเข้าไปหาแม่ของมัน มือเล็กป้อมจับแขนแม่เขย่าไปมาเมื่อแม่ของมันนอนแน่นิ่ง

                        “แม่จ๋า แม่ตื่นสิจ๊ะ”

                        เสียงสั่นเครือร้องเรียกแข่งกับเสียงฝนพรำ น้ำตาที่กลั้นเอาไหวไหลร่วงลงมาปะปนกับสายฝน ทว่าแม่ของมันกลับนอนแน่นิ่งไม่ไหวติง บนพื้นถนนเจิ่งนองไปด้วยเลือดสีแดงสดที่ไหลออกมาจากหัวปะปนกับน้ำโคลนเต็มไปหมด

                        “แม่จ๋า แม่”

                        ก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะจากไป มันเห็นรอยสักที่บั้นเอวตอนที่เสื้อเก่าๆเลิกขึ้นมา ผู้ชายคนนั้นทิ้งแม่มันกับแม่เอาไว้ตรงนั้น นานเกือบค่อนคืนที่แม่ของมันนอนตากน้ำฝนโดยที่มันนั่งร้องเรียกจนเสียงแหบเสียงแห้ง มือเขย่าปลุกไม่ยอมหยุดหวังว่าแม่ของมันจะตื่นขึ้นมา…ทว่าแม่ของมันกลับไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย

                        ----------------------------------------------------------------------------------

                        เปรี้ยงงงง!!

                        “เฮือก!!”

                        เสียงฟ้าผ่าทำให้คนที่นอนหลับสบายในวันที่ฝนตกสะดุ้งเฮือกตื่นขึ้นมา ตาคู่คมเบิกโพล่งเมื่อนึกถึงฝันร้ายที่เฝ้าหลอกหลอนมานานนับยี่สิบปี

                        “ฝันร้ายเหรอครับ”เสียงนุ่มทุ้มหูกระซิบถามให้มันเงยหน้าขึ้นไปมอง

                        พอเห็นสีหน้าดูเป็นห่วงที่ก้มลงมาใกล้จนลมหายใจเป่าหน้าก็นึกขึ้นได้ มันรีบผละออกมาจากออกมาจากแผงออก

                        นี่มันมานอนซบพี่แจ่มตั้งแต่เมื่อไรวะเนี่ย แถมยังซุกหน้าเข้าหาอกอุ่นๆนั่นอีก ดีที่แสดงสลัว ไม่อย่างนั้นพี่แจ่มคงเห็นว่าหน้ามันขึ้นสีแดงแน่

                        “อืม…กูฝันเห็นแม่กู”ไอ้มิ่งพยักหน้าตอบเบาๆ

                        “ไม่เป็นไรนะ พี่แจ่มอยู่นี่แล้วนะครับ”มือใหญ่เอื้อมมาลูบหัวทำท่าราวกับว่ามันเป็นเด็กน้อยที่เพิ่งจะฝันร้าย

                        “กูไม่เป็นไรหรอกน่า กูก็แค่ตกใจตื่นเพราะเสียงฟ้าผ่า ว่าแต่มึงเถอะ พึ่งจะกลับมาเหรอวะ”

                        โยกหัวหลบมือก่อนจะออกแรงดึงแขนที่เกี่ยวเอวดึงเข้าไปกอดออกพอเป็นพิธี ได้กลิ่นหอมของสบู่จางๆลอยมาปะทะจมูกก็ถึงบางอ้อว่าคนที่ฉวยโอกาสทำทีท่ากอดปลอบมันอยู่พึ่งจะกลับมา

                        “ครับ”

                        ยังจะมีหน้าพยักหน้ายิ้มหวานอีก นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว นี่ไอ้มิ่งอุตส่าห์ซื้อนาฬิกาให้ก็แล้ว แทนที่จะมองนาฬิกามันแล้วเกรงใจ

                        “งานการอะไรของมึงมืดค่ำดึกดื่นป่านนี้วะ”ขมวดคิ้วถาม

                        “ความลับครับ”

                        แต่คำตอบก็เหมือนเดิม พี่แจ่มเอาแต่ส่ายหน้ายิ้มๆแล้วบอกว่าความลับ ริอาจมีความลับกับผัวตัวเอง มันน่านักไหมล่ะ แต่ด้วยความขี้เกียจต่อความยาวสาวความยืดกลัวจะเป็นอื่นก็เลยไม่ถามต่อ แต่เบือนหน้าหลบจมูกหลบปากที่ซุกลงมาที่แก้มแทน

                        “นี่มึงไม่ได้โกนหนวดมากี่วันแล้ววะ หนวดมึงทิ่มหน้ากูแล้วเนี่ย”

                        ต่อว่าเมื่อเส้นหนวดแหลมๆกำลังซุกไซร้แทงหน้าแทงคอตัวเองอยู่

                        “น้องมิ่งโกนให้พี่แจ่มหน่อยสิ”

                        “มึงอยากหน้าแหกไหมล่ะ”

                        “ใจร้ายจังเลยนะครับ”

                        พูดจบก็ก้มลงมาจัดการเอาไรหนวดแหลมๆแกล้งซุกไซร้มาที่ซอกคอ จมูกก็ดอมดมเสียงฟื๊ดฟ๊าดไม่ยอมหยุด

                        “อย่าสิวะ นอนได้แล้ว มันดึกแล้วนะโว้ย”

                        “ขอพี่แจ่มดมหน่อยนะ น้องมิ่งใช้สบู่อะไร ทำไมหอมจัง”

                        ปากก็ตะโบมจูบไปหอมไป จมูกก็ดมไปเรื่อย มือก็กอดรัดบั้นเอวสอบไม่ยอมปล่อย

                        “ก็สบู่ก้อนเดียวกับมือไงเล่า!! มึงนี่หาเรื่องตอดเล็กตอดน้อยกูตลอดเลยนะมึงน่ะ”

                        “นิดเดียวเอง”

                        นิดเดียวอะไร!! เดี๋ยวพอตอดเล็กตอดน้อยไปเรื่อยๆก็จะเปลี่ยนเป็นกระซิบทำหน้าอ้อนขอทำลูกอีก เป็นแบบนี้อยู่ร่ำไปแทบทุกวัน

                        “นิดเดียวบ้านมึงสิ ปล่อยมือออกจากหนอนกูเลยนะไอ้นี่ กูจะนอนแล้ว”

                        เผลอเป็นไม่ได้เลย เผลอแปบเดียวมือใหญ่ๆก็จับหมับหนอนด้วงไอ้มิ่งเข้าให้ ไอ้หนอนด้วงตัวดีก็พอกัน จากหลับๆอยู่พอเจอมือคุ้นเคยก็ตื่นขึ้นมายิ้มเผล้ทักทายกันเสียอย่างนั้น

                        “น่ารักจังเลย”

                        ปากบอกน่ารักแต่มือเนี่ยกำลังคลึงอะไรอยู่วะนั่น จมูกโด่งๆคลอเคลียแก้มไอ้มิ่งไม่ยอมห่าง

                        “ไอ้แจ่ม มันดึกแล้วนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูต้องไปทำสวนให้ลุงนครอีก”

                        “ลุงนครคือใครครับ? ทำไมพี่แจ่มไม่รู้จัก ทำไมน้องมิ่งไม่เคยบอกพี่แจ่ม”เงยหน้าจากซอกคอขึ้นมาถามสีหน้าฉงน

                        “กูก็กำลังจะบอกอยู่นี่ไง กะให้มึงกลับมาก่อน เดี๋ยวมึงจะมาหาว่ากูไปไหนมาไหนไม่บอกอีก แล้วก็ดูทำพูด มึงพูดอย่างกับรู้จักคนทั้งบ้านดอนไฟไหม้อย่างงั้นแหละ”

                        “พี่แจ่มรู้จักทุกคนนั่นล่ะครับ”                         “มึงก็ว่าไปเรื่อยอย่ามาโม้ไปหน่อยเลย ถ้ามึงรู้จักทุกคนจริง มึงรู้ไหมว่าบ้านที่อยู่ตรงข้ามบ้านตาโขนเป็นบ้านใคร”

                        ทำเป็นรู้มากดีนัก ถามให้ตอบไม่ได้เสียเลย จะได้เสียหน้า หมั่นไส้นักกับท่าทีมั่นอกมั่นใจ

                        “ที่มีรั้วไม้ไผ่ใช่ไหมครับ บ้านนั้นบ้านของคุณยายสีครับ”ยิ้มกริ่มตอบอย่างมั่นอกมั่นใจ

                        แล้วก็ตอบถูกเสียด้วยสิ ทำเอาไอ้มิ่งหน้าเหวอ อ้าปากค้างกับความรู้มากของผู้ดีบางกอกที่พึ่งจะย้ายมาอยู่บ้านดอนไฟไหม้ได้ไม่นาน

                        “อะ เออๆ เมื่อตะกี้กูถามง่ายไป งั้นเอาใหม่ บ้านหลังที่มีรั้วไม้ไผ่ที่อยู่ตรงข้ามกับนาตาสนล่ะบ้านใคร หึหึ”

                        คราวนี้ตั้งคำถามที่คิดว่ายากที่สุดมาถาม คราวนี้พี่แจ่มเสร็จมันแน่ เสือกมั่นอกมั่นใจดีนัก มันยิ้มเจ้าเล่ห์พลางหัวเราะในลำคอชอบอกชอบใจ

                        “บ้านคุณลุงหมายครับ ลูกชายคุณลุงหมายชื่อหมอน ลูกสะไภ้ชื่อสร หลานชายชื่อกร แล้วก็….”

                        “พอๆๆๆ พอเลยมึง กูเชื่อแล้ว รู้จักเขาไปทั่วเลยนะมึงน่ะ ขี้เสือกจริงๆ”

                        ไอ้มิ่งประชดประชัน ใจก็นึกสงสัยว่าพี่แจ่มรู้จักคนทั้งดอนไฟไหม้ได้ยังไง หนำซ้ำยังรู้อีกว่าบ้านใครเป็นบ้านใคร

                        “แล้วคราวนี้บอกพี่แจ่มได้รึยังครับว่าลุงนครเป็นใคร”ยอมปล่อยมือที่จับหนอนด้วงเอาไว้เป็นตัวประกันออกก่อนจะรวบเอวไอ้มิ่งไปกอดแทน

                        “ลุงนครเขาก็เป็นคนบ้านดอนไฟไหม้เนี่ยแหละ เขาเพิ่งจะย้ายกลับมา มึงเห็นบ้านที่ปลูกใหม่หลังสวยๆท้ายหมู่บ้านไหมล่ะ นั่นแหละบ้านลุงนครเขา เขาอยู่คนเดียวไม่มีใครช่วยทำสวนเขาก็เลยขอให้กูไปช่วย กูได้ค่าจ้างด้วยนะ จะได้มีเงินซื้อชุดนักเรียนให้ไอ้จี๊ดด้วย”

                        พอพูดถึงค่าจ้างก็ไม่รู้ตัวเลยว่าทำท่าทำทางตื่นเต้นแค่ไหน

                        “ครับ”พี่แจ่มยิ้มให้กับท่าทางของมัน

                        “มึงไม่ห้ามกูเหรอวะ กูนึกว่ามึงจะห้ามกูเสียอีก”

                        ถามด้วยความแปลกใจ

                        “พี่แจ่มไม่ห้ามหรอกครับ แค่น้องมิ่งบอกพี่แจ่มว่าไปที่ไหนบ้างพี่แจ่มก็พอใจแล้ว”

                        ก็เพราะว่าห้ามไปก็เท่านั้น รู้ดีว่าอย่างไอ้มิ่ต้องดันทุรังทำจนได้ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แล้วหน้าตาท่าทางดีอกดีใจแบบนั้นใครจะไปขัดลง

                        “มึงนี่มาแปลกนะวันนี้”

                        “แปลกยังไงครับ”

                        “ก็แปลกตรงที่ไม่ห้ามกูไง…เออ!! กูลืมเล่าเลย มึงเชื่อไหมว่าลุงนครเขารู้จักแม่กูด้วยนะโว้ย เขาบอกว่าเขาเคยเห็นกูวิ่งเล่นกับหมาตอนเด็กๆด้วย เขาเล่าเรื่องแม่ให้กูฟังเยอะเลย”

                        “คุณลุงเขาเล่าว่ายังไงบ้างครับ”

                        “เขาบอกว่าแม่ขวัญของกูไม่ใช่คนดอนไฟไหม้แต่มาจากที่ไหนก็ไม่รู้ ตอนนั้นกูพึ่งจะเกิด ยังตัวแดงๆอยู่เลย เขายังบอกอีกว่าแม่กูสวยมาก มีแต่คนมาตามจีบแม่กู กูนี่หายสงสัยเลยว่ากูหน้าตาดีได้ใครมา”

                        พอมีเรื่องให้โม้ก็โม้จนลืมดูเวล่ำเวลาไปเลยว่าดึกมากแค่ไหนแล้ว คนเล่าพอมีคนตั้งใจฟังก็ลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิเล่าเป็นกิจลักษณะ คนฟังก็ทำท่าตั้งใจฟัง นอนตะแคงเอามือเท้าหัวตามอกตามใจคนเล่าเต็มที่

                        “เห็นไหมล่ะว่าแม่ขวัญของกูเก่งแค่ไหน”

                        “แม่ขวัญเก่งครับ”

                        “ไว้พรุ่งนี้ลุงนครเล่าให้กูฟังอีกเดี๋ยวกูจะมาโม้ให้มึงฟังใหม่”

                        “พี่แจ่มจะรอฟังครับ แต่ว่าตอนนี้นอนได้แล้วนะครับ ห่มผ้าด้วย เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอา”

                        พูดจบก็ดึงให้ไอ้มิ่งล้มตัวลงนอนตามด้วยดึงผ้าห่มนวมผืนเดียวกันห่มให้อย่างเบามือ ไอ้มิ่งนอนตะแคงหันหน้าเข้าหาพี่แจ่มพลางมองหน้าหล่อๆ ถ้าไม่ติดว่าทะลึ่งตึงตังกับมือที่กำลังลูบๆคลำๆเอวมันอยู่ล่ะก็ พี่แจ่มก็เป็นเมียที่ดีหนึ่งเลยล่ะ

                        “มึงไม่อยากรู้เหรอว่าแม่กูตายยังไง”

                        “อยากรู้สิครับ แต่พี่แจ่มไม่ถาม ถ้าน้องมิ่งอยากเล่าให้พี่แจ่มฟังเดี๋ยวน้องมิ่งก็เล่าให้พี่แจ่มฟังเอง”ริมฝีปากสวยคลี่ยิ้ม

                        “อืม…แม่กูตายในวันที่ฝรตกหนักแบบนี้เนี่ยแหละ วันไหนฝนตกหนักๆกูชอบฝันเห็นแม่กูวันที่แม่กูตาย วันนั้นแม่กูได้ค่าจ้างมาจากร้านค้า พอได้ตังค์มาก็ซื้อลูกอมให้กู ซื้อข้าวสารซื้อเนื้อหมูมาจะมาทอดให้กูกินเพราะกูร้องอยากกินมาหลายวัน กูกับแม่ดินกางร่มกลับบ้านกันสองคน แต่ก็ไปไม่ถึงบ้าน มีขี้ยามันเห็นแม่กูได้ค่าจ้างเลยตามมา มันเอาตังค์แม่กูไปแล้วทำแม่กูตาย ทิ้งให้แม่กูนอนตากฝนอยู่ตรงนั้น กูถึงได้ไม่ชอบพวกขี้ยาไง”

                        มันพูดเสียงกึ่งเศร้าแต่ก็ฝืนยิ้ม ค่อยๆหลับตาลงเมื่อพี่แจ่มโน้มหน้าเข้ามาใกล้ จูบประทับลงมาบนหน้าผากของมันเบาๆ จูบย้ำอยู่หลายต่อหลายที

                        “ต่อไปนี้พี่แจ่มจะอยู่ข้างน้องมิ่งเองนะครับ พี่แจ่มสัญญากับคุณแม่ขวัญแล้วว่าจะดูแลน้องมิ่ง”

                        “อะ เออ มึงสัญญากับแม่กูแล้วก็ดูแลกูดีๆด้วยล่ะ”

                        เอาอีกแล้ว ไอ้ก้อนที่อยู่ในอกมันเต้นโครมครามยิ่งกว่ากลองเพลนเสียอีก ดีนะที่ฝนตกหนักพี่แจ่มก็เลยไม่ได้ยิน ไม่อย่างนั้นมันคงจะอายไปสามบ้านแปดบ้านแน่ พักนี้มันยังไงๆชอบกล โดนจูบโดนหอมทีไรใจเต้นตึงตังทุกที

                        อย่างกับฉากฝนตกในละครน้ำเน่าที่พระนางจะต้องได้กัน ไอ้มิ่งช้อนตาขึ้นมองพี่แจ่มที่ขยับเข้ามาใกล้ยิ่งกว่าเดิมจนรู้สึกได้ถึงความร้อน ใจมันโทษตัวเองนับร้อยนับพันครั้งว่าทำไมไม่ถอยหนี จนปากนุ่มๆจูบลงมานั่นแหละ

                        ทั้งจูบทั้งคลึงอยู่นานสองนาน เกิดเสียงดังจ๊วบจ๊าบน่าหวาดเสียวปนเปกับเสียงหอบหายใจ หรือว่าไอ้มิ่งจะอยู่กับพี่แจ่มนานเกินไป มันถึงได้เริ่มทะลึ่งขึ้นมาบ้างแล้ว มันจูบตอบบ้างเล่นตัวบ้างพอเป็นพิธี ในหัวคิดว่าวันนี้คงจะได้ทำลูกกันอย่างน้อยๆไม่คนก็สองคนแน่ๆ ทว่า…

                        “อ้าว…มะ มึง ไม่ทำต่อเหรอ”

                        เพราะพี่แจ่มถอนจูบออกแล้วก็ขยับตัวหลับตานอนหน้าตาเฉย มันเลยมองหน้าแล้วถามออกไปท่าทางงงๆ

                        “น้องมิ่งอยากให้พี่แจ่มทำลูกเหรอครับ”ลืมตาผงกหัวขึ้นมาถาม

                        “มะ มึงจะบ้าเหรอวะ ใครมันจะไปอยากทำลูกกับมึงเล่า”ถลึงตาใส่

                        “นอนได้แล้วครับ ดึกแล้ว”

                        ตอบเสียงเบาก่อนจะหลับตานอนหน้าตาเฉย อะไรของพี่แจ่มวะเนี่ย มาทำให้อยากแล้วก็จากไป

                       ----------------------------------------

แค่เมียไม่จัดให้แค่นี้ ถึงกับจะถีบเมียตกเตียง  555 ใจคอผัวมิ่งทำด้วยอะไรน้อ

อยากโดนปลอบชุดใหญ่ก็บอกพี่เขาไปตรงๆ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-10-2017 17:48:22 โดย เด็กหญิงเย็นชา »

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ MissMay

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
งุ้ยยยย น้องมิ่งอยากทำลูกก็บอกพี่แจ่มดีๆ เดี๋ยวพี่แจ่มจัดให้เอง 555

ออฟไลน์ didididia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ถ้าให้พี่แจ่ดจัดท่าทางจะหยุดยากนะน้องมิ่งงงง :hao6: :hao3:

ออฟไลน์ Laliat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
พี่แจ่มเหนื่อยแรง 555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
เขาทำก็บ่น พอพี่แจ่มไม่ทำ ก็บ่นอีก
เอาไงดีละมิ่ง จัดหนักเลยดีไหม

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เมียไม่จัดก็จัดเองสิจ้ะมิ่ง

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
สงสารอ่ะ ทำไมฟ้าไม่ผ่าไอ้ขี้ยานั่น :katai1: :m31:

ออฟไลน์ เด็กหญิงเย็นชา

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-1
บทที่ 28ว่าด้วยเรื่องเมียน้อย

                        อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด หลังจากที่ไม่ได้กรึ๊บยาดองมานานนม ไอ้มิ่งตัวดีก็เกิดนึกเปรี้ยวปากอยากจะได้ยาดอกสักเป๊กสองเป๊กก่อนจะไปทำสวนให้ลุงนคร

                        ขี่รถเครื่องออกมาจากบ้านมาจอดซุ้มยาดองหลังวัดก็เห็นพวกไอ้ดำเพื่อนฝูงตัวดีจับกลุ่มนั่งดวดยาดองกันบนแค่ไม้ไผ่หน้าร้านแต่เช้า

                        “แต่เช้าเชียวนะโว้ย พวกมึงน่ะ”

                        จอดรถลงมาได้ก็เอะอะโวยวายทักทายกันตามประสาคนไม่ได้เจอกันมานาน นี่ก็ตั้งแต่ไปบางกอกแล้วที่ไม่ได้โม้กับไอ้พวกนี้

                        “เอ้าไอ้มิ่ง มาพอดีเลยนะมึงน่ะ พวกกูกำลังนินนามึงกันอยู่พอดีเชียว นึกว่าไปตายห่าที่บางกอกแล้วไหมล่ะ”ไอ้ดำหันมาเห็นก็มาแช่งกันเชียว กวักมือยิกๆให้เดินไปหา

                        “นินทาอะไรกูอีกล่ะพวกมึง กูยังไม่คิดบัญชีเลยนะที่พวกมึงถีบหัวส่งกูให้ไอ้แจ่มอยู่เรื่องน่ะ…เจ๊ เอาช้างกระทืบโรงมาสองเป๊กจ้ะ”บ่นไปก็หันไปชูสองนิ้วสั่งยาดอง

                        “ถีบเถิบอะไรมึง พวกกูหวังดีกับมึงหรอก อยากให้มึงได้เมียดีๆ หน้าโง่ๆอย่างมึงต่อให้ชาตินี้ทั้งชาติก็หาเมียดีอย่างพี่แจ่มไม่ได้หรอก”

                        เหมือนถูกหลอกด่ายังไงก็ไม่รู้ แต่ก็ช่างเถอะ หมาในปากไอ้พวกนี้มันใช่ย่อยที่ไหนล่ะ แต่มันก็เถียงไม่ออกก้มหน้าก้มตารับเพราะพี่แจ่มก็ดีกับมันอย่างที่ไอ้ดำว่าจริงๆ

                        “เออ มันก็ดีอยู่หรอก กูไม่เถียง ว่าแต่พวกมึงวันนี้ไปขุดคูนาที่ไหนกันล่ะ”

                        “ไปขุดคูนาตาเสือนู่น ก่อนไปก็เลยแวะมาโด๊บสักหน่อย  ว่าแต่มึงเถอะ แต่งงานมีลูกมีเมียแล้วยังมากินยาดองอีก เดี๋ยวเถอะ พี่แจ่มเขาทิ้งมึงไปมีเมียน้อยหรอก”

                        “เมียน้อยบ้านมึงสิ ไอ้แจ่มมันไม่กล้ามีเมียน้อยหรอกโว้ย มึงก็พูดไปเรื่อย”

                        “เอ้า มึงจะรู้ได้ไง พอเขาออกจากบ้านไปมึงก็ไม่รู้แล้วว่าเขาไปทำอะไรที่ไหนกับใคร”

                        “ไอ้แจ่มมันไปทำงานต่างหากเล่า มึงก็พูดมั่วซั่ว”พอได้ยินอย่างนั้นก็เถียงหน้าดำหน้าแดงทันทีทันใด

                        มันก็จริงอย่างที่ไอ้ดำว่านั่นแหละ พี่แจ่มไปไหนไปกับใครมันก็ไม่เคยรู้เรื่องเลย ที่ไอ้ดำพูดก็มีเหตุผลของมัน   

                        “แหม่ หมั่นอกมั่นใจนักนะมึงน่ะ”หนึ่งในวงยาดองออกปากแซว

                        “กูไม่ได้มั่นใจอะไรสักหน่อย กูไปทำงานทำการดีกว่า คุยกับพวกมึงไปก็เสียเวลา พวกมึงก็ไปทำงานได้แล้ว สายตูดโด่งป่านนี้แล้ว”

                        “เอ้า พอพวกกูเตือนก็หาว่าอย่างนั้นอย่างนี้อีก”

                        ไอ้มิ่งรับเป๊กยาดองมากระดกสองเป๊กรวดก่อนจะคว้ามะขามเปี๊ยกใส่ปาก บ่นต่ออีกคำสองคำก็สะบัดตูดขี่รถเครื่องคันเก่งออกมา

                        หนอย!! ไอ้พวกนี้รู้อะไรน้อยไป อย่างพี่แจ่มไม่กล้ามีหรอก เมียนงเมียน้อยน่ะ ก็มีมันแล้วนี่ ตอนทำลูกกันมันก็เป็นเมียให้ แถมพี่แจ่มก็ติดมันอย่างกับอะไรดี ขนาดสาวชุดแดงที่งานเลี้ยงเต้นรำพี่แจ่มยังไม่สนใจเลย นับประสาอะไรกับสาวชาวบ้านแถวนี้

                        แต่จะว่าก็ว่าเถอะ ไอ้ที่พอถามไปว่าทำไมถึงได้กลับบ้านดึกๆดื่นๆแล้วได้คำตอบว่าเป็นความลับเนี่ย มันก็น่าสงสัยอยู่ไม่ใช่รึไง

                        -----------------------------------------------------------------------------------

                        มาถึงบ้านลุงนครกะว่าจะเร่งทำสวนให้เสร็จกลัวว่าคืนนี้ฝนจะตกลงมาอีกระรอก แต่ลุงนครก็ดันกลับชวนมันมาตลาดในอำเภอเสียได้ บอกว่าจำถนนหนทางไม่ได้ แล้วไม่รู้จักร้านค้าว่าต้องซื้ออะไรตรงไหน อารามคนมีน้ำใจด้วยหน้าตาดีด้วยอย่างมันก็อดไม่ได้ที่จะตกปากรับคำ อาสาเป็นคนขับรถให้อีกต่างหาก

                        “ร้านนี้เลยจ้ะ พ่อมุ่ยกับฉันชอบมาซื้อเสื้อผ้าที่ร้านนี้”

                        “ร้านนี้เหรอ แล้วพ่อมิ่งชอบตัวไหนล่ะ”ยิ้มอารมณ์ดีตามประสาคนมีอายุ ตาก็ต้องมองมาทางมัน

                        “ให้ฉันช่วยเลือกเหรอจ๊ะ ถ้าให้ฉันช่วยเลือกฉันก็ต้องเลือกลายดอกตัวนั้นกับตัวนั้นจ้ะ ฉันชอบลายดอก ใส่แล้วสวยดี”

                        “ลุงไม่ได้ให้พ่อมิ่งช่วยเลือกหรอก ลุงให้พ่อมิ่งเลือกให้ตัวเองงต่างหาก”

                        “อ้าว แล้วลุงล่ะจะ”

                        “เสื้อผ้าลุงมีเยอะแล้วล่ะ”

                        แล้วไหนเมื่อตอนก่อนมาบอกไอ้มิ่งว่าเสื้อผ้าไม่ค่อยมีใส่ ฝนตกบ่อยซักตากแห้งไม่ทัน พอมาตอนนี้มาบอกว่าเสื้อผ้ามีเยอะ พอจะค้านก็หันไปกวักมือเรียกแม่ค้าแล้วชี้นิ้วให้เอาเสื้อตัวที่มันชี้ใส่ถุงให้แล้วจ่ายตังค์

                        จ่ายเสร็จก็ยื่นถุงมาให้มัน ไอ้มันเองก็รับมาถือแบบงงๆ ความที่ผู้ใหญ่ให้ของก็ต้องรับเลยไม่กล้าออกปากปฏิเสธ

                        พอไปร้านขนมก็ถามว่าอะไรอร่อย เสร็จแล้วก็ซื้อใส่ถุงส่งมาให้มันเหมือนเดิม เป็นอย่างนี้มันทุกร้าน ถุงที่ถืออยู่เต็มมือพะรุงพะรังมีแต่ของมันทั้งนั้น จะมีของลุงนครคนจ่ายตังค์ก็แค่สองสามถุงเอง ขนาดแวะกินข้าวเที่ยงก็ยังจ่ายให้ทั้งที่มันบอกว่าจะจ่ายเอง จนมันเริ่มทำอะไรไม่ถูก

                        “ทำไมลุงถึงได้ซื้อของให้ฉันตั้งเยอะล่ะจ๊ะ หมดไปตั้งหลายตังค์”หันไปถามระหว่างขับรถกลับบ้าน

                        “ลุงก็แค่อยากจะให้ พ่อมิ่งไม่อยากได้เรอะ”

                        “ไอ้อยากได้มันก็อยากได้อยู่หรอกจ้ะ แต่ลุงจะมาให้ฉันฟรีๆมันจะดีเหรอจะ”

                        “ใครบอกกันล่ะว่าฟรี ถือเสียว่าเป็นค่าทำสวนให้ลุง”

                        “แต่ว่าฉันยังไม่ได้ทำสวนให้ลุงเลยนะจะ”

                        “อีกเดี๋ยวก็ต้องทำอยู่ดี”

                        “แต่ฉันว่ามันก็ยังไงๆอยู่ดี…ทำไมลุงถึงได้ใจดีกับฉันนักล่ะ”เอียงคอถามท่าทางเหมือนหมางงก่อนจะหันไปมองทางข้างหน้า

                        “เฮ้อ…ลุงก็แค่อยากจะให้เท่านั้นเอง สมัยก่อนลุงเคยทำผิดไว้กับเด็กคนหนึ่ง ตอนนี้อายุเขาก็คงรุ่นๆพ่อมิ่งนั่นล่ะ พอเห็นพ่อมิ่งก็ทำให้นึกถึงเด็กคนนั้น ก็เลยอยากที่จะทำอะไรบ้าง”

                        “อ้อ อย่างนี้นี่เอง แล้วลุงไปทำอะไรไว้กับใครเหรอจ๊ะ เล่าให้ฉันฟังได้ไหม”

                        “เรื่องมันยาวน่ะ ไว้ลุงพร้อมลุงจะเล่าให้ฟังก็แล้วกัน”

                        พอลุงนครตัดบททำท่าเหม่อๆซึมๆไอ้มิ่งก็เลยไม่เซ้าซี้ ขับรถไปเงียบๆ จนพักใหญ่

                        “ว่าแต่เมียพ่อมิ่งเขาเป็นยังไงบ้างล่ะ เห็นพ่อมิ่งเล่าให้ฟังว่าชอบออกไปทำงานกลับมาดึกๆดื่นๆ เขาทำงานทำการอะไรกันฮึ”

                        “งานการอะไรน่ะเหรอจ๊ะ ฉันก็ไม่รู้หรอกจ้ะ มันไม่ยอมบอกฉัน”

                        “พ่อมิ่งไม่รู้หรอกเรอะว่าเมียทำงานอะไร”

                        “ไม่รู้หรอกจ้ะ ฉันเองก็ไม่อยากจะถามเซ้าซี้มัน เดี๋ยวมันจะหาว่าฉันอยากรู้เรื่องของมันนักหนาแล้วพาลหลงตัวเองอีก”

                        รายนั้นยิ่งหลงตัวเองอยู่ด้วย เดี๋ยวพอมันอยากรู้แล้วไปถามหนักเข้าๆก็จะคิดว่ามันสนอกสนใจแล้วดีใจเป็นปลากระดี่ได้น้ำ สุดท้ายก็มาจบที่ขอทำลูกกับมัน

                        แต่จะว่าก็ว่าเถอะ ปกติทะลึ่งอย่างพี่แจ่มไม่เคยพลาดอยู่แล้วกับเรื่องพรรค์นี้ แต่ทำไมเมื่อคืนถึงปล่อยให้มันรอดมือไปได้ ยิ่งไอ้ดำมาพูดว่าพี่แจ่มมีเมียน้อยอีก จากที่ไม่คิดอะไรก็เริ่มคิด พอคิดก็คิดหนัก

                        “งั้นหรอกเรอะ…แต่พ่อมิ่งจะรู้ได้ยังไงว่าเมียไปทำงานจริงไม่ได้ไปทำอย่างอื่น”

                        “อย่างอื่นที่ว่านี่คืออะไรจ๊ะ ฉันไม่เข้าใจ”

                        “เมียของพ่อมิ่งหายไปทั้งวัน กลับมาดึกๆดื่นๆ แถมยังเป็นความลับ พ่อมิ่งจะมั่นใจได้ยังไงว่าเมียของพ่อมิ่งไม่ได้แอบไปมีบ้านเล็กบ้านน้อย”

                        “ฉัน…”

                        สองรอบแล้วในวันนี้ที่มีคนเป่าหูมันว่าพี่แจ่มมีเมียน้อยเนี่ย ไอ้มันก็หูเบาเสียด้วย กลับบ้านมาก็มานั่งคิดนอนคิด น้องจี๊ดชวนเล่นด้วยก็ไม่มีสมาธิเอาเสียเลย

                        หรือว่าพี่แจ่มจะมีเมียน้อยจริงๆ ไม่ได้การแล้ว ไอ้มิ่งต้องรู้ความจริงให้ได้ว่าตกลงแล้วไอ้ที่หายไปแล้วกลับมาดึกๆดื่นๆเนี่ย หายไปไหน ไปทำอะไร ไปกับใคร

                        ------------------------------------------------------------------------------

                        เหมือนโชคจะเข้าข้างที่พี่แจ่มกลับบ้านมาทันกินข้าวเย็น ระหว่างกินข้าวเย็นมันก็นั่งกินไปมองหน้าพี่แจ่มไป พี่แจ่มเงยหน้าขึ้นมามองมันก็ทำเป็นหลบตากินข้าวต่อ พอพี่แจ่มกินข้าวมันก็มองพี่แจ่มต่อ เป็นอย่างนี้จนจบมื้อข้าวจนจะเข้านอน

                        ปกติแล้วมันจะอาบน้ำทีหลังพี่แจ่ม เพราะถ้าอาบก่อนพี่แจ่มต้องหาทางเข้าไปกวนมันระหว่างอาบน้ำแน่ แต่วันนี้มันกลับเลือกที่จะอาบน้ำก่อน อาบน้ำไปก็เหลือบตามองประตูห้องน้ำไป คิดว่าพี่แจ่มคงจะเปิดประตูห้องน้ำเข้ามาอาบน้ำด้วยกันแน่ แต่กลับไร้วี่แวว

                        “อะไรของมันวะ”

                        อาบช้าก็แล้ว อะไรก็แล้วพี่แจ่มก็ยังไม่เข้ามา จนอาบเสร็จนั่นแหละ จากที่ใส่เสื้อผ้าเสร็จสรรพจากข้างในห้องน้ำครั้งนี้ลงทุนนุ่งผ้าขนหนูเดินโทงๆออกมา อวดกล้ามพอสวยบนแผงอกกับผิวเข้มๆ

                        ออกมาก็เจอพี่แจ่มนอนพิงหัวเตียงอ่านหนังสือรออาบน้ำต่อสบายอกสบายใจท่าทางไม่ทุกร้อน แถมไม่ได้หันมามองมันด้วย

                        “กูอาบเสร็จแล้ว มึงก็ไปอาบต่อสิ”

                        พอไม่ได้รับความสนใจก็เรียกร้องความสนใจด้วยการบอกเสียงดัง นี่มันอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ สบู่หอมฟุ้งเลยนะ แล้วมันก็นุ่งผ้าขนหนูผืนเดียวด้วย

                        ทำไมพี่แจ่มถึงได้คว้าผ้าขนหนูเดินผ่านมันเข้าห้องน้ำไปหน้าตาเฉย ปกติต้องมาพันแข้งพันขาดมตรงนั้นตรงนี้ทีแล้วมาชมว่าหอมสิ

                        หรือว่าพี่แจ่มจะเบื่อมันแล้วไปมีเมียน้อยจริงๆอย่างที่ลุงนครกับไอ้ดำว่ากัน



                        ---------------------------------------------------------------

                 อุตส่าห์ลงทุนอ่อยขนาดนี้แล้วแต่เมียไม่สนใจ อะไรของเขาว๊าาาา         

ดึกๆมาลงอีกตอนนึงนะ ไปละ ไปหาไรกินที่ตลาดหัวมุม ไปไหมๆ


ออฟไลน์ pigarea

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
บอกเขาไปสิ  ว่าอยากได้ อยากโดน

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
มีเมียน้อยแน่ ๆ 555 มิ่งเอ๊ย

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ tomnub

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด