.:*・สร้างรัก・*:. วันที่8
“ฌอน ไปเรียนกัน”เสียงแรกของวันคือเสียงผมเรียกพลางใช้มือเขย่าไหล่เจ้าของห้องที่นั่งเหม่อมองกระดาษเปล่าตรงหน้า
วิชาเรียนของวันนี้เป็นวิชาเสรีศิลปะสมัยใหม่ซึ่งเป็นวิชาเดียวที่ได้เรียนร่วมกับฌอน
ทุกๆอาทิตย์ผมมักจะต้องลากอีกฝ่ายให้ไปเรียนด้วย แน่นอนว่าการจะได้คำตอบว่า ‘โอเค รอแป๊บขอเปลี่ยนเสื้อก่อน’ มันเป็นไปไม่ได้สำหรับคนอยู่ติดห้องอย่างฌอน
“ไม่”และนี่ก็เป็นอีกวันที่ได้คำปฏิเสธ
“ทำไมล่ะ ไปด้วยกันเถอะ นายไม่ได้ออกจากห้องมาจะอาทิตย์แล้วนะไม่เบื่อบ้างรึไง”
“ไม่ ฉันกำลังใช้สมาธิออย่างพึ่งกวน”
“จะกวน จะกวนจนกว่าจะลุกเลย ฌอน ฌอน ฌอนนน”ผมเริ่มก่อกวนหนักขึ้นโดยการเขย่าไหล่ตรงหน้าแรงๆจนมือข้างที่ถือดินสอเริ่มกำแน่น ใบหน้าเองก็เริ่มแสดงออกถึงความไม่พอใจ
“เปล่า”
“ไปเรียนกัน”
“อาทิตย์ที่แล้วพึ่งไป”
“นั่นมันอาทิตย์ที่แล้วอย่าเอามารวมกันสิ”
“เลิกกวนได้แล้ว”
“ก็ไปเรียนด้วยกันสิฉันจะเลิกกวนเลย”ผมยังคงตื้อไม่เลิก
“น้ำเปล่า”
“ไม่ต้องมาทำเสียงเข้ม ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นด้วยฉันกลัวที่ไหนกัน ลุกๆๆ”พูดจบผมก็พยายามดึงแขนอีกฝ่ายให้ลุกขึ้น
“ฉันไม่อยากไป”เมื่อรู้ว่าถึงจะทำเสียงหรือหน้าดุก็ใช้กับผมไม่ได้ฌอนเลยถอนหายใจก่อนจะบอกออกมาตรงๆ
“แต่ฉันอยากให้นายไปเป็นเพื่อนนี่”
“เพื่อนนายก็มี ให้ฉันอยู่นี่เถอะ”
“ไม่”ผมส่ายหน้ารัวๆ
“เฮ้อ...แค่วันนี้นะ อาทิตย์หน้าต่อให้นายจะกวนยังไงฉันก็ไม่ยอมแล้ว เข้าใจไหม”สุดท้ายฌอนก็ยอมในที่สุด
“อืม”ผมพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
เรื่องของอาทิตย์หน้าก็ให้ตัวผมอาทิตย์หน้าจัดการละกัน
ยังไงวันนี้ก็พอฌอนออกจากห้องได้สำเร็จ
อยากตบมือดังๆให้กับความพยายามนี้จังเลย
พาหนะที่พวกเราใช้เดินทางไม่ใช้รถของมหาลัยอย่างทุกครั้งแต่เป็นรถชอปเปอร์สีเทาเงาของฌอน ฌอนไม่ชอบนั่งรถคนเยอะๆอย่างรถของมหาลัยทำให้ทุกครั้งมักจะขับรถออกไปเสมอ
สำหรับถือเป็นเรื่องดีเพราะไม่ต้องไปเบียดกับคนอื่น ช่วงเช้ามักมีนักศึกษาแย่งกันขึ้นรถเพื่อไปเรียนจำนวนมาก มีหลายครั้งผมแทบจะตัวหลุดออกจากรถเนื่องจากจำนวนที่เบียดกัน
พอมีฌอนขับให้อะไรๆก็ดีไปเลย
“ฮิฮิ...”
“ขำอะไรอีก”ฌอนถามระหว่างล็อครถข้างตึกเรียน
“แค่ดีใจที่ไม่ต้องนั่งรถของมหาลัยมา ดูสิคนเยอะสุดๆ”ผมบอพลางมองไปยังรถบัสด้านข้างกำลังจอดให้นักศึกษาลงตามป้าย
“ถึงได้บอกว่าไม่ต้องไปเรียนไง”
“ฉันไม่ได้ฉลาดเหมือนนายนี่”คนอะไรได้คะแนนดีทั้งที่ไม่ได้เข้าเรียน
เกรดกลางภาคที่ออกมาผมแอบขอฌอนดูรู้ไหมว่าได้เท่าไหร่
3.78
ให้ตายสิ
ไม่ได้ไปเข้าเรียนแต่ดันได้เกรดมากกว่าผมที่เข้าเรียนครบทุกคาบอีก
น่าโมโห
“ไม่ได้ฉลาดแค่ใช้ไหวพริบในการทำ”
“มันก็เหมือนกันแหละ”
“เหรอ”
“อย่ามากวนกันแต่เช้านะ”
“ใครกวน”
“นายไง”
พวกเราต่างเถียงกันด้วยเรื่องไร้สาระไปจนถึงห้องเรียน ในวันแรกๆเพื่อนร่วมวิชาต่างตกตะลึงทุกครั้งที่เห็นฌอนเดินเข้าห้องแต่พอผ่านมาเกือบเทอมทุกๆคนก็เหมือนจะชินกับการมาของฌอนแล้วแม้จะมีหลายคนที่ยังคงตกใจอยู่ก็ตาม
“นั่งหลังๆ”ฌอนกระซิบบอก
“ครับๆ คุณเด็กหลังห้อง”ตั้งแต่มาเรียนด้วยกันผมก็รู้แล้วว่าฌอนไม่ชอบนั่งหน้าเพราะจะเป็นเป้าสายตาได้ง่ายเลยเลือกนั่งหลังห้องแถมติดหน้าต่างอีก
“เอาล่ะ ดูเหมือนวันนี้จะมาครบนะ ดีเลย...มีงานจะให้นิสิตทุกคน...”พอได้ยินว่างานหลายๆคนต่างก็เริ่มส่งเสียงซุบซิบ
“งานเหรอ...ตายแน่”ผมพึมพำด้วยน้ำเสียงกังวล
วิชาศิลปะสมัยใหม่แน่นอนว่าต้องเป็นวิชาเกี่ยวกับศิลปะดังนั้นงานทุกชิ้นล้วนแต่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และฝีมือในการสร้างผลงานแต่ละอันให้ออกมา
สำหรับคนอื่นอาจไม่รู้สึกอะไรแต่ผมนี่สิ
“เว่อไปแล้ว”ฌอนที่ได้ยินพึมพำกลับมา
“ฉันไม่ใช่นายนี่ งานครั้งก่อนที่ให้วาดภาพเหมือนนายก็เห็นนี่ว่าเป็นยังไง”ผมหันควับไปพูด
“หึ ภาพนั่นสุดยอดแห่งความศิลป์”ฌอนเหมือนจะนึกถึงเรื่องในวันนั้นได้ถึงได้หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ
ผมยังอยากหัวเราะตัวเองเลย
มันเป็นเรื่องเมื่อหลายสัปดาห์ก่อนซึ่งอาจารย์ให้วาดภาพเหมือนโดยขอให้ฌอนเป็นนายแบบ ด้วยฝีมือของฌอนอาจารย์คงคิดว่าไม่ต้องฝึกวาดก็ได้เลยให้เป็นแบบ การนั่งนิ่งๆเป็นสิ่งที่ฌอนชอบเลยไม่ได้ปฏิเสธทำให้พวกผมนั่งล้อมวงแล้ววาดรูปฌอนในมุมต่างๆ
2ชั่วโมงกว่าในการวาดรูปมีหลายคนวาดได้เหมือนและสวยงามรวมทั้งมีจำนวนหนึ่งที่อาจวาดค่อนข้างแข็ง แต่สำหรับภาพผมแม้แต่อาจารย์ยังขมวดคิ้วราวกับไม่รู้จะพูดหรือแนะนำอะไร
เพื่อนในห้องต่างก็เงียบกริบ
มีแค่คนเดียวหลุดขำออกมาอย่างไม่สนภาพพจน์หรือไม่แคร์สายตาใคร นั่นก็คือเจ้าของแบบฌอนไงล่ะ
นอกจากหัวเราะแล้วยังเดินไปบอกอาจารย์อีกว่า...
‘ผมขอภาพนี้นะ’
นั่นแหละ
ปัจจุบันภาพนี้ยังติดอยู่บนกำแพงในห้องอยู่ เห็นกี่ทีผมก็อยากจะฉีกมันให้เป็นชิ้นแต่ฌอนบอกว่าห้ามยุ่งกับภาพของเขา
อยากจะบอกเหลือเกินว่าภาพนั่นฝีมือผม ไปเป็นของนายตั้งแต่เมื่อไหร่
แค่คิดถึงความทรงจำนั่นความอับอาย ขายหน้าก็เข้ามาปะทะจนอยากหมุดหนีไปจริงๆ
“เงียบหน่อย งานครั้งนี้จะไม่เหมือนทุกครั้งเพราะเป็นงานคู่”
“งานคู่?”
“หมายถึง2คน?”
เพื่อนภายในห้องหันซ้ายขวาพูดคุยกันด้วยท่าทางตื่นเต้นเพราะนี่ถือเป็นครั้งแรกที่ให้มีการทำผลงานแบบคู่
“ห้องนี้มี38คน พอดีคู่เลย ให้เวลาหาคู่5นาทีก่อนจะประกาศหัวข้อ”อาจารย์พูดก่อนจะเดินไปยังยังเก้าอี้ด้านข้างปล่อยให้นักเรียนในห้องเริ่มหาคู่กันตามอัธยาศัย
ทุกคนพูดคุยกันสักพักก่อนสายตาหลายสิบคู่จะจับจ้องมายังผม...
ไม่สิ จับจ้องมายังฌอนที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่
จริงสิ คงไม่หลายคนอยากจะคู่กับฌอนแน่
ด้วยฝีมือระดับฌอนไม่ว่าโจทย์จะเป็นอะไรก็คงไม่ยากเกินความสามารถ
ผมเองก็อยากคู่กับฌอนเหมือนกันนะ
เพราะถ้าไม่ใช่ฌอนคงไม่มีใครอยากคู่กับผมหรอก
ฝีมือผมมันถ่วงคนอื่นสุดๆแต่ถ้าเป็นฌอน ฉุดคะแนนให้ตกลงสักหน่อยคงไม่เป็นไร
“ฌอน...นายจะคู่กับใคร”ผมหันไปถาม
“ไม่รู้สิ”
“เอ่อ...ถ้าไงมาคู่กับฉันไหม”
“เอาสิ”ฌอนตอบแบบไม่ต้องคิด และคำตอบนั่นทำให้สายตาหลายคู่แสดงความเสียดายออกมาทว่าพอหันมามองหน้าผมทุกคนกลับส่งยิ้มราวกับบอกว่าโชคดีแล้วนะที่ได้คู่กับระดับยอดฝีมืออย่างฌอน
ผมก็ไม่ได้ห่วยขนาดนั้นเหอะ
“จับคู่เสร็จแล้วจะประกาศหัวข้อเลยละกัน หัวข้อคือความผูกพัน จะวาด ปั้น เย็บหรือสร้างอะไรก็ได้ให้สื่อตรงตามหัวข้อโดยให้ส่งอาทิตย์หน้า วันนี้ไม่มีเรียนเวลาที่เหลือก็ปรึกษากันดีๆล่ะ”
“...”หัวข้อนั้นทำเอาทั้งห้องต่างเงียบกริบขนาดผมเองยังขมวดคิ้วแน่อย่างไม่เข้าใจแถมยังให้เวลาแค่อาทิตย์เดียวอีก พอหันไปมองฌอนกลับเห็นรอยยิ้มมุมปากกับสายตาที่จับจ้องมายังผมอยู่ก่อนแล้ว
หัวข้ออันคลุมเครือจนถึงเมื่อครู่
ทำไมหลังจากสบตากับกับฌอนผมถึงรู้สึกว่าถ้าเป็นหัวข้อนี้พวกเราต้องทำได้แน่กันนะ
ผมและฌอนแวะไปกินข้าวร้านพี่ต้าร์ก่อนจะกลับมายังห้อง ทันทีที่เปิดประตูเข้ามาฌอนจะนั่งลงบนพื้นหน้ากระดาษโดยในมือถือดินสอไม้
“รู้แล้วเหรอว่าจะวาดอะไร”ผมเอ่ยถาม
“หมายถึงอะไร”
“ก็งายที่ส่งอาทิตย์หน้าไง”
“เปล่า ฉันแค่จะวาดรูปที่อยากวาดก่อนหน้านี้เท่านั้น”
“แล้วงานล่ะ”ผมนึกว่าจะวาดงานซะอีก
“เดี๋ยวค่อยทำก็ได้”
“ห๊ะ? เหลือเวลาแค่อาทิตย์เดียวจะเดี๋ยวค่อยทำได้ยังไง”
“ทันอยู่แล้ว”
“นายแน่ใจได้ยังไง”
“อาทิตย์นี้ไม่กลับบ้านได้ไหมฉันกะจะทำงานนั่นช่วงเสาร์อาทิตย์”ฌอนถามขึ้น
“ก็ได้อยู่หรอก แต่จะทันจริงๆเหรอ”
“ดูกังวลนะ”
“ก็มัน...”ผมไม่ได้ฝีมือดีอย่างฌอนนี่
“ไม่เป็นไร”
คำว่าไม่เป็นไรผมฟังแทบทุกวันจนในที่สุดก็มาถึงวันจริงหรือก็คือวันเสาร์ ยิ่งถึงวันลงมือวาดความเครียดและความกังวลก็เริ่มถาโถมเข้ามา ถึงตอนแรกผมจะบอกว่าฉุดคะแนนของฌอนนิดหน่อยคงไม่เป็นไรแต่ก็ไม่อยากให้งานคู่ครั้งแรกล้มไม่เป็นท่า
อยากเก็บมันไว้เป็นความทรงจำ
“...เปล่า...น้ำเปล่า”
“ห๊ะ? อะไรฌอน”เสียงเรียกทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมาใบหน้าฌอนที่เข้ามาอยู่ในระยะประชิด
“เป็นอะไร”อีกฝ่ายถาม
“...ไม่เป็นไร เริ่มกันเถอะ...จะช่วยกางกระดาษนะ”ผมหยิบม้วนกระดาษข้างเตรียมออกมากาง
“น้ำเปล่า”
“หื้ม?”
“...ไปทำข้างนอกดีกว่า”อยู่ฌอนก็เก็บอุปกรณ์ลงในกระเป๋าใบใหญ่ที่อยู่ใต้เตียง
“เดี๋ยวสิ ทำไมล่ะ”
“ใจเย็นเปล่า”น้ำเสียงพร้อมสัมผัสของมือที่ลูบแก้มผมเบาๆนั่นเรียกให้เสียงหัวใจเต้นดังขึ้น
“ฌอน...”
“ไปสวนกัน”
“สวน?”
“สวนกลางม.”เพราะผมยังงงๆฌอนเลยขยายความต่อ
“อ้อ ได้สิ”
และแล้วพวกเราก็เปลี่ยนสถานที่มาเป็นสวนขนาดใหญ่ใจกลางมหาลัยซึ่งถูกสร้างให้มีสระน้ำขนาดใหญ่อยู่ด้านข้างโดยมีถนนสำหรับวิ่งล้อมอยู่วงนอกและด้านในขดไปมา นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์สำหรับออกกำลังกายตั้งไว้ด้านข้างอีก
บริเวณที่ฌอนพามาเป็นย่านริมสระน้ำที่มีสะพานตัดผ่านไปอีกฝั่งโดยมีตรงกลางของสระเป็นเกาะเล็กๆและมีต้นไม้ใหญ่สำหรับให้ร่มเงา เป็นสถานที่ส่วนตัวที่หลบผู้คนโดยรอบ
“ฌอน...จะทำที่นี่เหรอ”
“ใช่ กางนี่ที”ฌอนส่งผ้าพลาสติกสำหรับกางบนพื้นหญ้ามาให้
“อืม”พอรับมาผมก็จัดการกลางให้มีพื้นทีเพียงพอสำหรับวาดรูป ขนาดของกระดาษที่ฌอนวางลงไม่ได้ใหญ่มากมีขนาดประมาณเอสี่4แผ่นติดกัน
อุปกรณ์มากมายอย่างขวดสี พู่กัน ถังใส่น้ำ กระดาษทิชชู่ น้ำดื่มขวดลิตรและดินสอถูกนำออกมาจัดวางอย่างเป็นระเบียบโดยมีผมมองอุปกรณ์พวกนี้ด้วยความสงสัย ที่สงสัยคือทำไมถังใส่น้ำถึงมีหลายใบ
“เราจะทำอะไรเหรอฌอน นายน่าจะบอกก่อนฉันจะได้ฝึกเตรียมไว้”หลายวันมานี่ผมถามฌอนหลายรอบแล้วว่าจะให้ผมวาดอะไรเพื่อที่ผมจะได้ไปฝึกวาดภาพนั่นก่อนไม่ใช่มารอลุ้นในวันจริงแบบนี้
“ไม่จำเป็นต้องฝึกหรอก ทำได้อยู่แล้ว”
“อย่ามามั่นใจแทนฉันนักเลย”ผมยังไม่มีความมั่นใจนั้นเลยสักนิด
“งานนี่เป็นงานคู่เพราะงั้นควรจะคุยกันก่อน”อยู่ๆฌอนก็เปลี่ยนมานั่งมองหน้าผม
“คุยเหรอ”
“นายอยากทำอะไร”
“...ฉันไม่รู้ หัวข้อคือความผูกพันมันค่อนข้างตีความให้ออกมาเป็นรูปยากถ้าจะให้พูดก็คงเป็นคนจับมือกันมั้ง”ผมพยายามคิดและพูดสิ่งที่นึกได้ออกไป
ถ้าพูดถึงรูปที่แสดงถึงความผูกพันก็คงมีแค่แบบนั้นที่คิดได้
“รูปแบบของความผูกพันมันมีมากมายจนไม่สามารถพูดได้หมด บางทีก็เป็นความผูกพันทางสายเลือด บางทีก็เป็นความผูกพันด้วยวัตถุหรือท่าทางการแสดงออก ความจริงทุกอย่างสามารถแสดงถึงความผูกพันได้หมดขึ้นอยู่กับการสื่อออกไป”
“งั้นเราจะตีความไปทางไหนล่ะ”ผมถามกลับ จริงอยากที่ฌอนพูด พอมานึกดูไม่ว่าจะเป็นสายเลือดหรือสิ่งของต่างก็แสดงถึงความผูกพันออกมาได้ขึ้นอยู่กับตัวของคน
“ฉันอยากให้นายเป็นคนเลือกว่าจะให้ภาพนี้ไปในทิศทางไหนอย่างให้สื่อไปทางพี่น้องหรือสัตว์เลี้ยง”
“จะดีเหรอ ฉันไม่ได้เก่งขนาดนั้น...คือมันอาจไม่ค่อยดี”ผมพยายามบอก ให้ผมเป็นคนเลือกมันไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่มั้ง
“นายเป็นคนเลือกความหมายของความผูกพัน ส่วนฉันจะเลือกวิธีการสื่อเอง”ฌอนพูดต่อ
“วิธีการสื่อ? หมายถึงวาดภาพ?”
“ประมาณนั้น ไม่ต้องห่วงเราจะสร้างมันด้วยกัน”เหมือนฌอจะรู้ว่าผมไม่อยากโยนทุกอย่างให้เขาทำเลยขยายความมากขึ้น
“เข้าใจแล้ว...”
ความผูกพันเหรอ
พอมานึกดูทุกอย่างก็สามารถเรียกได้ความเป็นความผูกพันหมดขึ้นอยู่กับแง่มุมของการมอง
แล้วจะมองความผูกพันนี่ยังไงดี
วัตถุเหรอ
ไม่สิ
ผมอยากให้มันมากกว่านั้น
ผลงานคู่ของผมและฌอน
ผลงานแรกของพวกเรา
“...ความผูกพันของพวกเรา”ผมพึมพำระหว่างเงยหน้าขึ้นไปสบดวงตาสีเทาอ่อนตรงหน้า
ถ้าจะสื่อถึงความผูกพันในทางไหนสักทางผมอยากให้มันสื่อถึงผมและฌอนไม่ใช่ความผูกพันในรูปแบบอื่นอย่างครอบครัวหรือความผูกพันต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
แต่เป็นความผูกพันของเราทั้งคู่
“หึ...คิดเหมือนกันเลย”รอยยิ้มบางๆที่ส่งมาเต็มไปด้วยความดีใจยามคิดสิ่งเดียวกัน
“ฌอน...”ฌอนเองก็คิดเหมือนกันเหรอ
“ถ้าเป็นความผูกพันของเราคิดว่าจะใช้อะไรถึงจะสื่อไปได้ล่ะ”ฌอนพูดพลางเอื้อมมือมาสัมผัสกับมือผมแล้วค่อยๆยกขึ้น
“ไม่รู้...”
“แน่นอนว่ามันไม่ใช่สายเลือด และไม่มีวัตถุใดจะสื่อถึงความผูกพันของเราออกไปได้ ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้มีเพียงสิ่งเดียวที่จะสื่อถึงความผูกพันของเราออกมาได้ นั่นคือมือที่ถูกนายสัมผัสและลากฉันให้ออกจากโลกอันโดดเดี่ยวจนสามารถมองเห็นแสงสว่างได้อย่างทุกวันนี้”
“ณอน...”
คำพูดพวกนั้นคืออะไร
ต้องการจะบอกอะไรกันแน่
“เราจะใช้มือในการวาด”
“...เราก็ใช้มือตลอดอยู่แล้วนี่”ไม่เห็นเข้าใจเลย
“ไม่ได้ใช้ในการจับแต่เป็นแบบนี้”ถังใส่น้ำถูกเทสีฟ้าสดใส่ลงไปก่อนมือจะถูกดึงให้จุ่มลงไปในถังสีนั้นทั้งคู่
ความเปียกชื้นยังไม่น่าตกใจเท่ากับแรงดึงจากฌอนที่ลากไปยังกระดาษสีนวลแล้วแนบฝ่ามือของพวกเราลงใจกลางกระดาษ ฝ่ามือต่างแบบออกทว่างกลับมือนิ้วก้อยที่ยังเกี่ยวกันไว้ราวกับสายสัมพันธ์ที่ไม่อาจตัดขาด
“ฌอน...”
“พอภาพนี้เสร็จฉันมีอะไรจะบอกนาย”นิ้วก้อยที่ยังเกี่ยวพันรัดแน่นขึ้นคล้ายคำสัญญา
“บอกอะไร”ผมถามต่อ
“รอวาดเสร็จไง”
“ก็อยากรู้เลยนี่ มาพูดให้อยากรู้มันค้างคานะ”
“งั้นให้ค้างคาสักสามวันดีไหม”
“ทำไมชอบกวนอยู่เรื่อยนะ”
“เอาล่ะ มาทำต่อได้แล้ว”ฌอนพูดพลางเทสีอื่นๆลงในถังที่เตรียมไว้
อุปกรณ์พวกนี้เหมือนอีกฝ่ายรู้อยู่แล้วเลยว่าต้องทำอะไร
“ฌอน นายรู้เหรอว่าฉันจะตอบยังไง”
“ฉันไม่รู้หรอก เพียงแต่ฉันคิดไว้แล้วตั้งแต่วันที่ได้ยินหัวข้อสิ่งเดียวที่จะสื่อถึงความความผูกพันก็คือสิ่งนี้”ฌอนตอบพลางยกฝ่ามือขึ้นมาระดับสายตา
“สุดยอดเลยนะ คิดได้ในเวลาสั้นๆแบบนั้น”ผมว่าคงมีหลายคู่ที่คิดไม่ตกไปหลายวันกับหัวข้อนี้
“ที่ฉันคิดได้เพราะมีนายอยู่ข้างๆ”
“...หมายถึงอะไร”
“รอวาดภาพเสร็จ”
“อีกแล้ว ตลอดเลย”ผมเริ่มโมโหแล้วนะ
“เริ่มได้แล้ว”ฌอนยกถังใส่สีต่างมาวางเรียงด้านข้าง
“เอ่อ ให้จุ่มแล้วแปะแค่นี้เหรอ”ผมถามอย่างไม่แย่ใจ
“อืม”
“แล้วต้องแบบมือขนาดไหน แล้วมุมต้องแนวตรงหรือด้านข้างได้”ผมยังคงถามต่อรัวๆตามความสงสัย
ก่อนหน้านี้อาจวางฝ่ามือลงไปได้โดยไม่คิดอะไรแต่นั่นเพราะมีฌอนคอยชักนำ ทว่าตอนนี้ไม่เหมือนกัน
ถ้าทำพลาดหรือทำผิดอาจทำผลงานเสียไปเลยก็ได้
“ไม่ต้องคิดอะไร”
“ฉันไม่เข้าใจ”ไม่ต้องคิดนี่หมายถึงยังไง
“ไม่ต้องคิดว่าต้องวางแบบไหน ระหว่างทาบฝ่ามือลงไปให้คิดถึงแค่สิ่งเดียวในหัว”
“คิดถึงอะไร”
“คิดถึงฉัน ความทรงจำ ความผูกพัน สายสัมพันธ์ คิดแต่เรื่องฉันระหว่างวางมือลงไป ความรู้สึกมันจะสื่อมาจากภาพเอง”
“เข้าใจแล้ว”ถึงจะดูน่าอายแต่ก็คงต้องทำตาม
“ฉันเองก็จะคิดถึงนายเหมือนกัน”
ตึกตัก ตึกตัก
คำพูดทิ้งท้ายก่อนจะเงียบนั่นทำเอามือที่ทาบลงไปสั่นระริกเนื่องจากอยู่ๆหัวใจก็บีบแรงขึ้น บรรยากาศเงียบยิ่งส่งผลให้ได้ยินเสียงหัวใจชัดเจนขึ้น
ครั้งแรกเลยที่เต้นแรงและดังขนาดนี้
ทำไมกัน
ในหัวมีแต่เรื่องของฌอนเต็มไปหมด และเพราะยิ่งคิดก็ยิ่งส่งผลให้หัวใจเต้นแรงขึ้นไปอีก
ใบหน้าเริ่มเห่อแดงทว่าไม่ได้มาจากอารมณ์โกรธหรืออากาศที่ร้อนอบอ้าวแต่เป็นความร้อนจากภายในร่างที่ปะทุออกมาเพียงเพราะคำพูดบ้าๆวนเวียนอยู่ในหัว
หลายชั่วโมงกับการจมอยู่กับตัวเองโดยในหัวนึกถึงเพียงสิ่งเดียว พอทุกอย่างเสร็จสิ้นผมก็ทิ้งตัวนอนลงกับผ้าพลาสติกที่ปูอยู่ด้วยความหมดเรี่ยวแรง หัวใจทำงานหนักเกินไป ในหัวเองก็เช่นกัน
โอ้ย อยากจะบ้า
ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้นะ
“เหนื่อยแล้ว?”ฌอนมองมายังผมก่อนถาม
“อื้อ เสร็จแล้วไม่ใช่เหรอ”ภาพตรงหน้ามีรอยฝ่ามือของทั้งและฌอนอยู่แต็มจนแน่นไปหมดไม่เหลือที่ว่างให้วางลงไปได้อีกแล้ว
“เสร็จแค่ขั้นแรกต่างหาก”
“ขั้นแรก? มีหลายขั้น?”จะบอกว่าหลายชั่วโมงที่ทำมาคือขั้นแรก?
“อืม ต่อไปใส่รายละเอียดและแลเงาเพื่อเพิ่มมิติให้ภาพ”
“หา?”
“จากนั้นก็ต้องมีการไล่ระดับสีและวาดกรอบเชื่อมโยงแต่ละมุม”
“เยอะไปแล้ว”แบบนี้กี่วันถึงจะเสร็จหมดเล่า
“เดี๋ยวก็เสร็จ ให้นายวาดกรอบที่เหลือฉันจัดการเอง”
“วาดกรอบ? แน่ใจนะ”ผมถามย้ำเผื่ออีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ
“แน่ใจ นี่เป็นผลงานของเรา นายมีสิทธิ์ที่จะทำ”
“ก็ใช่แต่ฉันไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่”
“ไม่เป็นไร”
“ได้ๆ ฉันจะวาดกรอบให้เดี๋ยวจะใส่ดอกกุหลาบไปด้วย”ความมั่นใจเริ่มเข้ามาแล้ว
แบบนี้ต้องทำได้แน่
“ดอกกุหลายหรือขนมชั้น”
“ฌอน!”ความมั่นใจที่มีดิ่งลงเหวด้วยคำพูดเพียงคำเดียว
“หึ ฉันบอกเคล็ดลับให้ไหมล่ะ”
“ได้เหรอ”
“ก็ใช่ว่าจะไม่ได้”
“เอาสิ บอกหน่อย”
“ถ้าจะแต่งกรอบไม่จำเป็นต้องลงรายละเอียดเยอะอย่างจะวาดก็หลายก็แค่ใช้สีแดงแล้ววาดให้โค้งไปมาก็พอแล้วที่เหลือก็ใช้สีเขียวช่วยแต่งเป็นก้านกับใบ”
“โฮ่ แบบนี้เอง จะลองดู”พูกันขนาดกลางถูกหยิบและจุ่มสีก่อนจะลางเส้นทำเป็นกรอบ ด้วยความที่มีรอยมือแปะไปทั่วผมเลยเลือกจะลากเส้นกรอบเชื่อมระหว่างปลายนิ้วทำให้กรอบไม่ได้เป็นทรงเหลี่ยมตรงแต่เป็นโค้งไปมา
ดอกกุหลาบเล็กๆถูกวาดเป็นดอกแรก ดูเหมือนคำแนะนำจะช่วยให้มันดูเหมือนดอกกุหลาบขึ้นมามากพอดู
พวกเราต่างก็ทำหน้าที่ของตัวเองแม้จะมีหลายครั้งที่ผมไปก่อกวนระหว่างฌอนกำลังแลเงาก่อนผมจะถูกฌอนแกล้งกลับโดยการใช้พู่กันวาดดอกไม้อื่นข้างๆดอกกุหลายสีแดงของผมทำให้เส้นกรอบเต็มไปด้วยดอกไม้สีสันต่างๆผุดขึ้นมาจนรอบ
“อ๊ะ นั่นจะทำอะไรกับกุหลาบของฉันน่ะ”ผมบ่นเมื่อเห็นว่ากุหลาบตูมสีแดงสดกำลังถูกสีขาวเกลี่ยจนกลายเป็นสีชมพู
“เอาคืนที่นายเล่นวาดหนอนใส่ดอกดาวเรืองฉัน”
“หนอนที่ไหน ฉันอุตส่าวาดใบให้นะ”ผมพูดแล้วชี้ให้อีกฝ่ายดูดีว่านี่ไม่ใช่หนอนแต่เป็นใบไหมต่างหาก
“ดาวเรืองใบมันสูงขนาดนั้นที่ไหน”
“ก็ฉันไม่รู้นี่ ผิดนิดหน่อยเอง”
“แน่ใจว่านิดหน่อย แล้วดอกทานตะวันนั่นมีสีม่วงรึไง”ฌอนชี้ไปยังดอกทานตะวันฝีมือผมที่มีสีม่วงเข้ม
“บอกแล้วไงว่ามันถูกดัดแปลงพันธ์”
“ลงผิดก็บอกมา”
“จะหาเรื่องรึไงฌอน”
“พูดเรื่องจริงโกรธเลยเหรอ”
“ฌอน”
“หึ...”อยู่ๆใบหน้านิ่งๆก็หลุดขำพร้อมรอยยิ้มออกมา
“อุ๊บ คิก ฮ่าฮ่า”ผมเองก็ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่อายใครเช่นกัน
ผลงานคู่ครั้งแรกเสร็จสิ้นยามพระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า ภาพนี่อาจะดูเละแทะไปบ้างบริเวณกรอบทั้งสี่ทิศทว่ามันกลับสื่อสิ่งที่ต้องการออกมาได้อย่างดีถึงขนาดผมยังรับรู้ได้ถึงอารมณ์ของภาพนี่
เข้าใจเลยคำพูดที่ว่าภาพจะสื่ออารมณ์ของคนสร้างออกมา
ไม่คิดว่าจะเสร็จภายในวันเดียว
“น้ำเปล่า”หลังจากเก็บข้าวของเสร็จฌอนก็เรียกผมด้วยน้ำเสียงที่ต่างจากปกติอย่างชัดเจน
จะว่าไปอีกฝ่ายบอกไว้นี่ว่ามีเรื่องจะบอกหลังเสร็จงาน
“อะไร”ผมหันไปเผชิญหน้ากับฌอนตรงๆ
“ภาพที่ฉันให้นายเมื่อวันงานเทศกาลจำได้ไหม”
“จำได้สิ”ภาพนั่นตอนนี้ผมยังเก็บไว้ในห้องพักอยู่เลย กะว่าหมดเทอมจะให้พ่อเอารถมาขนไปไว้บ้าน
ภาพที่มีคนมาขอซื้อแต่ฌอนไม่ขายและเลือกจะให้ผมตามคำสัญญาที่ให้ไว้
“มองภาพนั้นแล้วรู้สึกไหมถึงสิ่งที่ฉันต้องการจะสื่อ”
“...อืม”เวลามองภาพนั่นราวกับถูกสารภาพรัก
เป็นความรู้สึกที่แม้แต่ตอนนี้ก็ยังรับรู้ได้ทุกครั้งที่มอง
“แล้วรู้ไหมว่าฉันต้องการสื่อมันกับใคร”
ผมถึงกับเงียบเมื่อได้ยินคำถามต่อมา
นั่นสิ
ผมไม่เคยคิดเลยว่าคำสารภาพรักนั่นต้องการสื่อถึงใคร
“...ไม่รู้”ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ
“ฉันจะบอกให้...”
“เดี๋ยวสิ นายควรจะไปบอกกับคนนั้นไม่ใช่ฉันนะ”ผมรีบพูดแทรก
แค่ดูภาพก็รู้แล้วความรู้สึกของฌอนมันชัดเจนขนาดไหนดังนั้นมันไม่ใช่สิ่งที่เขาควรจะมาพูดกับผมแต่เป็นคนคนนั้นที่ฌอนต้องการจะบอก
ทั้งที่น่าจะแสดงความยินดีได้อย่างเต็มใจแต่ทำไมภายในอกถึงรู้สึกราวกับต่อต้าน
ไม่อยากได้ยินชื่อของคนอื่นระหว่างอยู่ด้วยกัน
“ฉันก็กำลังบอกกับคนคนนั้นอยู่นี่ไง”
“...”เป็นอีกครั้งที่ผมนิ่งกับคำพูดของฌอน
กำลังบอกอยู่เหรอ
“คนที่ฉันอยากสารภาพรักคือนาย...น้ำเปล่า”
“ฌะ...ฌอน...”
“ฉันชอบนาย...คบกับฉันนะ”คำสารภาพถูกเอ่ยพร้อมกับดวงตาสีเทาอ่อนที่สบมาอย่างจริงจัง
ตัวผมได้แต่ยืนเงียบ ในหัวมันขาวโพลนจนไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น
ไม่รู้แม้กระทั้งอีกฝ่ายพูดอะไรต่อ
นี่ไม่ใช่ครั้งที่ผมถูกสารภาพรัก ผมเคยมีแฟนมาก่อน
แต่นี่เป็นครั้งที่อีกฝ่ายไม่ใช่ผู้หญิง
ผมควรจะยิ้มและหัวเราะก่อนจะตอบกลับไปว่าล้อเล่นเหรอแต่ผมกลับไม่ทำเพราะรู้ดีว่าคำพูดนั่นไม่ได้ล้อเล่นแต่เป็นความรู้สึกจากใจจริงของฌอน
ทั้งที่ผมควรปฏิเสธเพราะเป็นผู้ชายเหมือนกัน
แต่ทำไมกัน
ทำไมถึงได้ไม่รู้สึกแย่กับคำสารภาพนี่แถมหัวใจยังเต้นรัวอีกต่างหาก
.................................................................................
สวัสดีค่า
เติมความหวานกันอย่างต่อเนื่องสไหรับฌอนและน้ำเปล่า
บอกเลยว่าหลายตอนมานี่ทวีความหวานขึ้นเรื่อยๆ
โปรดระวังมดขึ้นหน้าจอ555
ตอนนี้ฌอนได้สารภาพรักแล้ว น้ำเปล่าล่ะจะทำยังไงต่อไป
เรื่องนั้นต้องติดตามต่ออาทิตย์หน้านะคะ
ขอบคุณนักอ่านทุกคนที่คอยคอมเม้นท์ให้กำลังใจกันตลอด
ขอบคุณจริงๆค่ะ
ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าน้าาา

nicedog
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪