.。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7  (อ่าน 106250 ครั้ง)

ออฟไลน์ double9JH

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1809
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-7
รีบๆยอมรับฌอนนะน้ำเปล่า

รอลุ้นนานแล้วววว. อิอิ :mew1:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
น่ารักกันจริงๆ

ออฟไลน์ Fasai25448

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เป็นเรื่องที่น่ารักมากเลยคะ
หนูน้ำน่ารักพี่ฌอนก็ชอบทำให้เขิน งื้ออออออ :mew2:

ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
.:*・สร้างรัก・*:. วันที่11




หลังจากกลับมาจากค่ายอาสาผมและฌอนต่างก็ไม่ได้เจอกันอีกในช่วงปิดเทอม ตัวผมกลับไปหาคุณย่าพร้อมกับน้องสาวยังต่างจังหวัดแม้จะมีติดต่อกับฌอนทางเฟสแต่ก็ไม่ได้บ่อยนัก พอผมกลับมายังหอพักก็ไม่พบฌอนอยู่ที่นี่ซะแล้ว


ด้วยความสงสัยผมเลยโทรไปถามก่อนจะได้ใจความว่าต้องเตรียมย้ายไปอยู่แถวที่ฝึกงานจนกว่าจะหมดเทอม ทางผมเองก็คงจะอยู่บ้านในเทอมนี้เพราะใกล้กว่าหอถึงอย่างนั้นก็ไม่คิดจะออกจากหอแล้วค่อยกลับมาใหม่ในเทอมหน้าหรอก


วันนี้ที่ผมมามีเหตุผลหลักๆเพียงเพื่อมาเอาภาพวาดกลับไปไว้บ้านซึ่งก็ให้พ่อรออยู่หน้าหอและขอให้พี่กรไปช่วยกันยกภาพนั้นลงมาด้านล่าง


“ภาพนี้ฝีมือเจ้าชายสินะ”พี่กระถามระหว่างยกภาพเดินไปหน้าประตู


“ใช่ครับ ได้มาเมื่อตอนงานเทศกาล”


“ได้มา? อย่าบอกนะว่าฟรี”พี่กรถามต่อด้วยแววตาอึ้งๆ


“ก็ประมาณนั้น”


“สนิทจริงๆด้วย รู้ไหมว่าราคาภาพที่ใหญ่ขนาดนี้เท่าไหร่แถมเจ้าของภาพยังเป็นฌอน ฮิลลารี่อีก”


“ผมไม่ค่อยรู้แต่ก็คิดว่าคงแพงในระดับที่ผมไม่สามารถซื้อได้แน่ๆ”ผมตอบกลับไปตามความคิด


ฝีมือของฌอนผมรู้ดีว่าสุดยอด


ดังนั้นผลงานของเขาคงไม่ใช่แค่หลักพันหรือหมื่นเป็นแน่


“เด็กมหาลัยซื้อไม่ได้หรอก ถ้าเป็นภาพเล็กก็ว่าไปอย่าง ภาพนี่อย่างน้อยๆก็คงหลักล้านอัพ “คำตอบของพี่กรทำให้ผมได้แต่ส่งยิ้มแหะๆไปให้


แพงยิ่งกว่าที่คิดอีก


“ภาพใหญ่กว่าที่คิดนะเนี่ย”เมื่อมาถึงรถพ่อก็มองมายังภาพที่ต้องใช้ถึงสองคนในการขน


“แฮะๆ เปิดประตูให้หน่อยพ่อ”


“แบบนี้ต้องวางไว้ข้างล่างให้พิงเบาะล่ะนะ”พ่อเปิดประตูพลางมองผมค่อยเอาภาพเข้ารถ


รถคันนี้ก็ไม่ได้ใหญ่มากมายจึงค่อนข้างลำบากในการขนย้ายภาพขนาดค่อนข้างใหญ่แบบนี้ ด้วยขนาดภาพส่งผลให้มองกระจกมองหลังไม่ค่อยเห็นเลยต้องขับรถอย่างระมัดระวังกว่าปกติ


กว่าจะมาถึงบ้านก็ใช้เวลานานพอสมควร


“เรียกน้ำส้มมาช่วยอีกคนเถอะ”พ่อบอก


“ก็ดีนะครับ”ผมพยักหน้าเห็นด้วย


“น้ำส้มลงมาช่วยพ่อกับพี่ขนของหน่อย!”ผมเดินไปเปิดประตูบ้านพร้อมตะโกนเรียก


“ขนของ? แค่สองคนไม่ไหวนี่ของพี่ชายเยอะขนาดนั้นเลยเหรอคะ”เสียงของน้ำส้มดังออกมาจากประตูบ้าน


“ออกมาดูเองมา”


“ค่าๆ”เสียงฝีเท้าดังขึ้นพร้อมกับน้ำส้มเดินออกมาจากตัว พอเห็นภาพที่อยู่ในรถก็ถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ


“มาช่วยกันหน่อย”ผมบอกพลางเปิดประตูรถออกกว้าง


“นี่อะไรน่ะพี่ ภาพ?”น้ำส้มเดินมาดูใกล้แล้วหันมาถาม


“ก็ใช่”


“ใหญ่จัง พี่ซื้อมาเหรอ”น้ำส้มถามต่อ


“รูมเมทพี่ให้มาน่ะ”


“ให้มา? ภาพใหญ่ขนาดน่ะนะ”


“อืม ไม่ต้องถามมากน่า มาช่วยกันยกเร็ว”ผมเริ่มเร่ง


สถานที่ที่ผมจะติดภาพนี้คือในห้องผม แน่นอนว่าผมต้องใช้เวลาหลายวันในการเก็บข้าวของที่ติดผนังออกให้หมดเพื่อจะได้ติดภาพวากนี่ได้


“แกะเลยได้ไหม หนูอยากเห็นว่าเป็นภาพอะไร”เมื่อยกภาพเข้ามาในห้องน้ำส้มก็หันมาถามโดยที่มือกำลังจะฉีกกระดาษหนังสือพิมพ์ออก ภาพนี้ผมใช้กระดาษหนังสือพิมพ์คลุมไว้ต่อๆกันเผื่อระหว่างขนย้ายเผลอขูดจนเกิดรอย


“ได้ๆ ยังไงก็ต้องช่วยยกติดผนังอยู่แล้ว”ผมบอกแล้วเดินไปช่วยแกะกระดาษออก ส่วนพ่อก็ยืนมองอยู่ห่างๆ


ภาพวาดขนาดใหญ่ค่อยๆถูกเผยออกมาท่ามกลางบรรยากาศในห้องเริ่มเปลี่ยนแปลงไปทีละน้อย สายตาของพ่อจับจ้องมายังภาพตรงหน้าด้วยใบหน้าครุ่นคิด คิ้วเองก็ขมวดเข้าหากันแน่น


น้ำส้มเองก็อ้าปากค้างมองภาพนี้อย่างอึ้งๆ ใบหน้าออกขาวค่อยๆเห่อแดงขึ้นทีละน้องนั่นแสดงให้เห็นว่าน้ำส้มเข้าใจถึงสิ่งที่ภาพนี้ต้องการจะสื่อออกมาได้


“พะ...พี่น้ำ ภาพนี่ผู้หญิงให้มาเหรอ”น้ำส้มหันควับมาถาม


“เปล่า...ผู้ชายต่างหาก”


“ถ้าเป็นผู้หญิงหนูนึกว่าพี่ถูกสารภาพรักแล้วนะ”


“...ก็นะ”ไม่อยากจะบอกหรอกว่าถูกสารภาพรักไปเรียบร้อยแล้ว


“น้ำเปล่า”พ่อที่เงียบไปอยู่ๆก็เรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ


“มีอะไรครับ พ่อทำหน้าเครียดเชียว”ผมถามกลับ


“ภาพนี่แน่ใจนะว่าให้มาจริงๆน่ะ”


“...ครับ เจ้าของภาพให้ผมมา ทำไมเหรอ”ผมกระพริบตาปริบๆก่อนจะตอบไปตามตรง


ภาพนี่มันมีอะไรงั้นเหรอ


“เจ้าของภาพให้มา?!”เหมือนคำตอบผมจะยิ่งทำให้พ่อตกใจมากขึ้น


“ผมไม่ได้บอกเหรอ”นึกว่าบอกพ่อแล้วซะอีก


“นี่ไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม”


“พ่อจะบอกอะไรผมกันแน่น่ะ”ผมขมวดคิ้วพร้อมถามกลับ


“เจ้าของภาพคือฌอน ฮิลลารี่สินะ”


“...ทำไมพ่อถึงรู้”ผมจำได้ว่าไม่เคยบอกนะว่าใครวาด


“นักวาดแต่ละคนมักจะมีลายเส้นเป็นของตัวเอง ต่อให้วาดภาพอะไรก็จะมีลายเส้นที่บ่งบอกได้ถึงตัวตน อีกอย่างมุมขวาล่างนั่นมีลายเซ็นของเขาอยู่”ผมมองลงไปยังมุมด้านขวาตามที่พ่อพูดและก็เห็นลายเซ็นเล็กๆตามที่พ่อว่ามาจริงๆ


แต่เพียงแค่นั้นพ่อก็รู้เลยเหรอว่าเป็นใคร


ฌอนมีชื่อเสียงถึงขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ


“พ่อรู้จักฌอนเหรอ”ผมถามสิ่งที่อยากรู้ที่สุดออกไป


“รู้จัก? ไม่รู้จักสิแปลก ลูกชายของประธานสูงสุดของบริษัทH&Yซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทและขยายสาขาไปกว่า46แห่งทั่วโลก”


“...”คำอธิบายของพ่อทำเอาผมเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง


ลูกชายของบริษัทH&Y


บริษัทที่พ่อผมทำงานอยู่


และเป็นบริษัทที่ผมกำลังจะไปฝึกงาน


“บริษัทH&Yเป็นบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นในประเทศอังกฤษเมื่อหลายสิบปีก่อนโดยเน้นการผลิตภัณฑ์ตกแต่งบ้านอันมีเอกลักษณ์และรูปลักษณ์อันแปลกตาทว่าลงตัวตามความชอบของแต่ละคน และสิ่งที่ได้รับความนิยมมาตลอด10ปีที่ผ่านมาก็คือภาพวาดขาวดำอันงดงามจากลูกชายคนสุดท้องซึ่งราคาของผลงานแต่ละชิ้นนั้นไม่ใช่หลักแสนแต่คือหลักล้าน”


“...”


“ที่น่าตกใจคือเขาไม่เคยลงสีภาพแบบนี้มาก่อน แล้วทำไมภาพนี้ถึง...”พ่ออธิบายพลางเดินเข้ามามองภาพในระยะใกล้


ผมในตอนนี้กำลังอึ้งกับข้อมูลที่ได้รับอย่างกะทันหัน


สมองยังไม่สามารถประมวลข้อมูลได้ทั้งหมด


พ่อทำงานอยู่ในบริษัทH&Yสาขาหลักของประเทศไทย บริษัทนี้ทำเกี่ยวกับของแต่บ้านที่มีดีไซน์ทันสมัยและหรูหรา มีหลายครั้งที่รับงานออกแบบเฉพาะตามความต้องการของลูกค้า ถือเป็นบริษัทอันดับหนึ่งในเรื่องของตกแต่งบ้านก็ว่าได้


ผมเคยเห็นผลงานของH&Yมาหลายครั้งจากการไปเดินตามห้างหรือโรงแรมและผมก็รู้จักบริษัทนี้จากผู้เป็นพ่อมาหลายปีแล้วด้วย


ทั้งแบบนั้นแต่ผมไม่เห็นเคยรู้เลยว่าฌอนเป็นลูกชายของประธานบริษัทแถมไม่ใช่แค่สาขาประเทศไทยแต่เป็นลูกชายผู้ก่อตั้งบริษัท


ก็รู้ว่าฌอนรวยแต่ใครจะคิดว่าจะรวยในระดับมหาเศรษฐีแบบนี้


คำพูดของพ่อทำให้ผมรู้ตัวว่าตัวเองนั้นไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับฌอนเลยสักอย่างเดียว


เรื่องแค่นี้ยังไม่รู้แล้วผมยังจะกล้าตอบรับคำสารภาพนั่นอีกงั้นเหรอ


ตอนแรกผมกะจะตกลงตอบรับคำขอคบจากฌอน แต่ในตอนนี้ผมลังเลและเริ่มคิดว่าตัวเองไม่เหมาะสมกับฌอนเลยสักนิดเดียว
ตอนนี้มันไม่ได้มีเพียงเรื่องเพศที่เป็นปัญหาหลักแต่ยังมีเรื่องของฐานะเข้ามาเกี่ยวด้วย


ครอบครัวระดับนั้นจะยอมรับคนธรรมดาอย่างผมเหรอ


ไม่มีทาง


ผมรู้คำตอบนี้ได้โดยไม่ต้องถามให้เหนื่อย


ยังดีที่ผมรู้เรื่องนี้ก่อนจะตอบตกลง


ถ้าเป็นตอนนี้ยังไม่เป็นไร


แค่ตอบปฏิเสธไปทุกอย่างก็จะจบลง...


แม้ในหัวใจผมมันจะเจ็บปวดเพราะรู้ความรู้สึกของตัวเองแล้วก็ตามที


วันแรกของการเข้าฝึกงานในบริษัทH&Yเต็มไปด้วยความประหม่าและตื่นเต้น ตึกของบริษัทนอกจากจะมีขนาดอันใหญ่โตแล้วยังมีการออกแบบและการตกแต่งอย่างโดดเด่น เรียกว่าเป็นจุดสนใจในรัศมีหลายร้อยเมตรเลยทีเดียว


สำหรับการฝึกงานของผมนั้นได้เข้าสังกัดอยู่ในฝ่ายประสานงานของบริษัทนั่นทำให้ผมวิ่งวุ่นแทบจะทั้งวันตั้งแต่เช้าจรดเย็น


“น้ำเอาเอกสารนี่ไปให้ฝ่ายการตลาดด้วย”พี่โต้งหนึ่งในพนักงานฝ่ายตะโกนบอก


“ครับ”ผมรับคำก่อนจะวิ่งไปรับแฟ้มเอกสาร


“ไปฝ่ายการตลาดเหรอ งั้นฝากนี่ไปให้พี่อ้อยที”พี่อีกคนชูมือขึ้นโบกไปหาเรียกให้ผมไปหาอีกคน


“ครับๆ”


เมื่อรับของทุกอย่างครบผมก็ออกจากห้องตรงไปยังฝ่ายการตลาดที่อยู่ตึกด้านหน้าสุดของบริษัท ฝ่ายประสานงานอยู่ตึกด้านหลังซึ่งถือเป็นจุกศูนย์กลางที่สามารถวิ่งไปหาทุกฝ่ายได้ในระยะเวลาใกล้เคียงกัน


ทุกๆวันผมล้วนวิ่งหอบเอกสารไปตามฝ่ายต่างๆจนตอนนี้จำทิศทางได้เกือบหมดแล้ว ไม่อยากโม้ว่าผมมีทางรัดในการไปยังเป้าหมายด้วย


ตลอดหลายสัปดาห์ผมทำหน้าที่โดยไม่หยุดหย่อนทำไห้ไม่ได้ติดต่อพูดคุยกับฌอนเหมือนเมื่อก่อน ไม่สิ ถ้าจะให้พูดตรงๆคือผมพยายามทำตัวให้ยุ่ง พอเหนื่อยกลับบ้านมาก็ใช้มันเป็นข้ออ้างในการนอนเร็วเพื่อจะได้ไม่ต้องคิดถึงเรื่องของฌอน


มันไม่ง่ายเลยที่จะทำใจไม่ให้พิมพ์ข้อความไปหาอีกฝ่ายเพราะผมทำมันมาตลอดตั้งแต่ปิดเทอมทว่าในตอนนี้ผมได้แต่ทำใจไม่ให้คิดถึงมัน


ปกติผมเป็นฝ่ายทักไปก่อนเสมอ และส่วนมากฌอนก็จะตอบกลับมาเป็นคำๆเห็นว่าไม่ค่อยชอบคุยผ่านโทรศัพท์สักเท่าไหร่ ดังนั้นถึงผมจะไม่ทักก็คงไม่เป็นอะไร อีกอย่างฌอนก็คงยุ่งกับการฝึกงานของตัวเองไม่มีเวลามาสนใจเรื่องผมนักหรอก


ผมอยากจะห่างจากฌอนสักหน่อย


ความรู้สึกของพวกเรามันอาจไม่ใช่อย่างที่คิดก็เป็นได้ ไม่แน่มันอาจเป็นเพียงความใกล้ชิดจากการที่อยู่ด้วยกันแทบทุกวัน
ยิ่งกับฌอนที่แทบไม่เข้าสังคมผมเลยเหมือนเป็นคนเดียวที่เขาไว้ใจ


ความรู้สึกนั้นคงไม่ใช่ความรู้สึกของคนรักกันหรอก


ถ้าห่างกันสักหน่อย...ก็น่าจะรู้ถึงความรู้สึกนี้ได้


ทั้งที่คิดแบบนั้นแต่ทำไมยิ่งนานวันในหัวถึงได้มีแต่เรื่องของฌอนอยู่เต็มไปหมด


ครื่นนน  ครื่นนนน


แรงสั่นของเครื่องมือสื่อสารเรียกสติผมให้กลับเข้าร่างแล้วพลิกตัวเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์ด้านข้างมาดู ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอทำให้มือผมกำแน่นขึ้นอย่างไม่รู้ตัว


“ฌอน...”ผมพึมพำพลางมองชื่อนั้นด้วยความอึดอัดใจ


หลายวัน ไม่สิ ต้องบอกว่าหลายอาทิตย์ที่ผมไม่ได้ติดต่อฌอนไป เขากลับเป็นฝ่ายโทรมาหาผมเองแถมไม่ใครแค่วันละสายแต่มากกว่านั้น


อยากจะรับสาย


อยากจะพูดคุย


อยากจะได้ยินเสียง


แต่ผมทำแบบนั้นไม่ได้


ต้องเว้นระยะห่างออกมา


ผมกับเขา...ไม่มีทางไปกันได้


ลูกชายของประธานบริษัทซึ่งเป็นถึงมหาเศรษฐีจะมาคบกับคนธรรมดาแถมยังเป็นผู้ชายแบบผมได้ยังไงกัน


ฌอนต่อให้ไม่ใช่ผมก็คงมีผู้หญิงมากมายเข้ามาอยู่ไม่ขาด ต่อให้เขาไม่ชอบผู้หญิงนั่นก็คงไม่ยากถ้าจะหาคนที่มีฐานะเท่าเทียมไม่ใช่กับคนแบบผม


“ขอโทษนะ...”เข้าใจด้วยเถอะ


ผมยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหน้าผากพร้อมหลับตาลงเพื่อข่มอารมณ์และความรู้สึกหลายๆอย่างนี่ให้สงบลง


วันรุ่งขึ้นผมมาทำงานด้วยใบหน้าอดโรย เมื่อคืนคิดถึงแต่เรื่องของฌอนจนนอนไม่หลับเลยต้องมาบริษัทในสภาพไม่สมประกอบเช่นนี้


“น้ำไหวไหมเนี่ย”พี่โต้งเดินมามองหน้าผมด้วยน้ำเสียงห่วงๆ


“ไม่เป็นไรครับ”ผมพยายามตอบกลับด้วยน้ำเสียงปกติ


“พี่โต้งให้งานน้องหลักไปนะคะ”พี่โบพูดขึ้นก่อนจะวางแก้วน้ำชาร้อนๆมาตรงหน้าผม


“พี่โบ...”


“ดื่มสิจะได้สดชื่นขึ้น”พี่โบส่งยิ้มมาให้


“ขอบคุณครับ”ผมรับความห่วงใยนั่นด้วยความยินดี


“ไม่ได้ใช้งานหนักขนาดนั้นสักหน่อย วันนี้พี่ให้พักวันนึงละกัน”เมื่อพี่โต้งโดนสายตาหลายคู่มองมาก็ได้แต่เกาหัวด้วยรอยยิ้มบางๆ


“ผมไม่เป็นไรจริงๆครับ พี่มีอะไรให้ผมทำก็ไม่ต้องเกรงใจนะครับ”มาฝึกงานได้ไม่ถึงเดือนก็ให้พวกพี่มาเห็นใจซะแล้ว


แบบนี้ไม่ดี ผมต้องแสดงความสามารถออกมาให้เห็นสิ


“อย่าฝืนสิน้องชาย งีบสักชั่วโมงเถอะ”พี่โต้งพูดต่อ


“แต่ว่า...”


“ถ้ามีงานเดี๋ยวพี่ปลุก”


“ก็ได้ครับ”สุดท้ายผมก็พยายามยอมทำตามที่พี่โต้งพูดโดยการฟุบหน้าลงกับโต๊ะทำงานมุมห้องของตัวเอง อาจเพราะอยู่ข้างนอกเลยทำให้เรื่องของฌอนไม่เข้ามาในหัวส่งผมให้ผมหลับแทบจะทันทีที่ฟุบลงไป


ตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตอนถูกพี่โบเขย่าไหล่ปลุกเบาๆให้เดินไปหาพี่โต้งยังโต๊ะด้านในสุดของห้อง พี่โต้งเป็นหัวหน้าฝ่ายประสานงานนี้ซึ่งมีสมาชิกอยู่หลายสิบคน ได้ชื่อว่าฝ่ายประสานงานอาจดูเหมือนแต่ในความจริงไม่ใช่เลยเมื่ออาทิตย์ก่อนผมได้มีโอกาสไปเข้าร่วมประชุมระหว่างฝ่ายประสานและฝ่ายบุคคลซึ่งบอกได้เลยว่าไม่ง่าย


งานของฝ่ายนี้คือการเชื่อมงานของแต่ละฝ่ายให้ไหลลื่นโดยไม่มีอุปสรรค ว่ากันตรงๆก็เหมือนเป็นตัวกลางของแต่ละฝ่ายภายในบริษัทนั่นเอง


“ช่วยเอาเอกสารนี้ไปให้อัมรินทร์ทีนะ ส่วนนี่เอาไปให้อารยา”พี่โต้บอกพร้อมยื่นแฟ้มแต่ละอันให้


“คุณอัมรินทร์นี่ใช่ที่อยู่ฝ่ายผลิตรึเปล่าครับ”ผมถามต่อ คนชื่อนี้มีอยู่สองคนในบริษัทคือฝ่ายผลิตและฝ่ายบุคคลเลยต้องถามให้แน่ใจว่าให้ใครกันแน่


“ใช่ๆ วานหน่อย”


“ได้ครับ...”


ปัง!


เสียงของประตูถูกเปิดอย่างแรงเรียกให้คนทั้งห้องหันไปมองเป็นตาเดียวไม่เว้นแต่ผม ทว่าเมื่อหันไปมองก็พบกับคนที่ไม่น่าจะมาปรากฏตัวอยู่ที่ได้


เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนพลิ้วไหวเล็กน้อยจากแรงขยับตัว เสียงหอบและใบหน้าเปื้อนเหงื่อนั่นแสดงให้เห็นว่าพึ่งวิ่งมา ดวงตาสีเทาอ่อนสอดส่องไปทั่วราวกับหาใครบางคนอยู่


และเมื่อผมเข้าไปอยู่ในดวงตาสีอ่อนเขาก็จับจ้องมายังผมเขม็งพร้อมกับเดินก้าวยาวๆเข้ามาโดยไม่สนใจใคร


“ฌอน...”ผมพึมพำเรียกพลางอกแฟ้มเอกสารขึ้นแนบอก


ทำไมถึงมาอยู่นี่


แถมสภาพเหนื่อยล้านั่นมันอะไร


ไม่ใช่แค่กำลังเหงื่อท่วมแต่แค่มองก็รู้ว่าร่างกายกำลังแย่ ดวงตาก็คล้ำจนเหมือนหมีแพนด้า


ไม่ได้นอนเหรอ


ไม่สิ


ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนั้น


ทำไมถึงรู้ว่าผมอยู่นี่ล่ะ


แล้วผมจะทำยังไงดี



(มีต่อ)

ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
(ต่อนะคะ)



“อย่าหนีฉันน้ำเปล่า!”เสียงทุ้มที่ไม่ได้ยินมาหลายอาทิตย์ส่งผลอย่างรุนแรงต่อร่างกายและใจ เพียงแค่คำพูดเดียวผมก็หยุดขาที่กำลังจะก้าวหนี


คนทั้งห้องต่างมองตามฌอนมาจนเขาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าผม มีหลายคนกำลังมองอย่างสงสัยว่าฌอนมาทำอะไรที่นี่


ผมไม่คิดหรอกนะว่าทุกคนจะไม่รู้ว่าคนตรงหน้านี่คือใคร


คนที่ไม่รู้คงมีแค่ผมคนเดียวละมั้ง


ทั้งห้องต่างเงียบกริบราวกับกำลังรอดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในระยะประชิด


ตัวผมกำลังสั่นเพราะสายตานั้นเหมือนกำลังโกรธ


นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นอีกฝ่ายโกรธขนาดนี้


อยากจะหนีแต่ทำไมได้


สถานการณ์อึดอัดแบบนี้ผมไม่ชอบเลย


“ฌอน...คือ...”ผมพยายามเปิดการสนทนาเพื่อไม่ให้บรรยากาศอึดอัดไปมากกว่านี้


“เป็นอะไร”คำถามแรกหลังจากไม่ได้เจอกันมานานดังขึ้น


“...เปล่านี่”


“เกิดอะไรขึ้น”เหมือนคำตอบผมจะไม่ตรงตามที่ฌอนต้องการเขาเลยถามใหม่อีกรอบ


“เปล่า...”


“ฉันไม่ได้มานี่เพื่อจะมาฟังคำโกหก”


“ฌอน...”เขารู้ว่าผมโกหกเหรอ


ก็คงจริงถ้าไม่รู้ก็คงแปลก


“ถ้านายไม่บอกแล้วฉันจะรู้ได้ยังไงล่ะ”คิ้วทั้งสองข้างของอีกฝ่ายขมวดเข้ากันแน่น


“...”


“คุณฌอน!”ผมที่กำลังจะอ้าปากหันไปมองยังต้นเสียงก่อนจะพบกับบอดี้การ์ดประมาณสี่คนวิ่งเข้ามาภายในด้วยสีหน้าร้อนรน


“บอกว่าไม่ต้องตามมาไง”ฌอนหันไปบ่นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ


“แต่มันเป็นหน้าที่ของเรานะครับ อีกอย่างคุณหนีออกมาแบบนี้คุณท่านจะเป็นห่วงเอานะครับ”หนึ่งในบอดี้การ์ดพูดต่อ


“หนีเหรอ หมายความว่าไงฌอน”ผมถามฌอนตรงๆ


“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ที่ฉันต้องการตอนนี้คือคำตอบจากนาย”ฌอนเลิกสนใจเหล่าบอดี้การ์ดแล้วหันกลับมาจ้องผมอีกครั้ง
สายตาของฌอนบ่งบอกว่าถ้าไม่รู้ความจริงก็อย่าหวังว่าจะยอมง่ายๆ


ผมได้แต่เม้มปากแน่นอย่างชั่งใจว่าจะทำยังไงต่อไปดี


นี่อาจเป็นโอกาสดีที่จะได้เคลียร์สิ่งต่างๆให้ชัดเจน


“...เข้าใจแล้ว แต่ไปคุยกันที่อื่นโอเคไหม”ผมบอกหลังตัดสินใจ


“ได้ มาทางนี้”ฌอนคว้ามือผมก่อนจะออกดึงให้ตามไป


“เดี๋ยวสิ ฉันต้องไปส่งเอกสารก่อน”ผมขืนมือที่ถูกจับ


“เอกสาร? เอาไปจัดการต่อที”แฟ้มเอกสารในมือถูกส่งต่อไปให้หนึ่งในบอดี้การ์ดก่อนจะลากตัวผมออกมาทั้งที่ยังงงๆอยู่


สถานที่ที่ฌอนพามาคือห้องว่างห้องหนึ่งซึ่งดูเหมือนเป็นห้องพักอะไรสักอย่าง ภายในห้องมีเฟอร์นิเจอร์อำนวยความสะดวกครบครันตั้งแต่โซฟายันตู้เย็น


“ที่นี่คงได้นะ”ฌอนนั่งลงบนโซฟาโดยดึงผมให้นั่งลงข้างๆ


“อืม”


“บอกมาว่าเกิดอะไรขึ้น”ฌอนเข้าเรื่องทันที


“...เริ่มจากตรงไหนดีล่ะ”ถึงจะให้อธิบายผมก็ไม่รู้ว่าต้องเริ่มจากตรงไหนดี


“ทำไมไม่รับโทรศัพท์”


“...ฌอน นายเป็นลูกชายเจ้าของบริษัทนี้สินะ”ไม่ได้ตอบแต่ถามกลับแทน


“อืม”


“ฉันพึ่งมารู้เมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อนเอง”


“...เพราะฉันเป็นลูกชายเจ้าของบริษัทนี้นายเลยไม่รับโทรศัพท์ ไม่สิ นายเลยเลิกติดต่อฉันงั้นเหรอ”ฌอนตามต่อพร้อมขยับเข้ามาใกล้ขึ้น


“ฌอน...ไม่แน่นะว่าความรู้สึกที่นายบอกมันอาจเป็นแค่เพราะเราอยู่ด้วยกัน...”


“ฉันไม่ได้เป็นเด็กน้อยหัดรัก จริงอยู่ที่ฉันอาจไม่เคยคบใครแต่ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้ถึงความรู้สึกนั้น เวลาอยู่กับนายฉันกล้าบอกว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ฉันมีความสุขที่สุดในชีวิต”


“ฌอน...”


“นายช่วยฉันจากความทรงจำอันเจ็บปวดและภาพอดีตที่ไม่มีวันลบหาย นายทำให้ความทรงจำนั่นเริ่มมีสีสันจนฉันกลับมาใช้สีได้อีกครั้ง มันไม่ใช่แค่ความผูกพันหรือหลงผิดชั่ววูบ ฉันชอบนาย!”


ถ้อยคำที่เอ่ยออกมามันเต็มไปด้วยความรู้สึกจนผมสัมผัสได้


ฌอนรู้สึกกับผมจริงๆ


“ฉันไม่คู่ควรกับนาย...”


“น้ำเปล่า...”


“คนธรรมดาแบบฉันไม่คู่กับกับนายสักนิด ในอนาคตนายจะเจอกับผู้คนมากมายซึ่งหนึ่งในนั้นอาจมีฐานะคู่ควรไม่ใช่ฉันที่แค่วาดภาพยังห่วย...อุ๊บ อื้ออ~”ริมฝีปากของฌอนกดทับลงมาอย่างไม่ตั้งตัว เพียงเสี้ยววินาทีการลุกล้ำก็ทำเอาผมต้องขยับหนีทว่ากลับถูกอีกฝ่ายคว้าเอวพร้อมดึงให้ตัวผมเข้าไปใกล้มากขึ้น


ความร้อนผ่าวตีขึ้นไปหน้าท่ามกลางจูบอันร้อนลุ่มจนแทบละลายกลายเป็นไอน้ำ


 การต่อต้านค่อยๆหยุดลงและแปรเปลี่ยนเป็นการยินยอมอย่างเชื่องช้า ตอบสนองทุกการลุกล้ำที่อีกฝ่ายมอบให้ด้วยความเต็มใจ


“...อย่าพูดเหมือนจะยกฉันให้คนอื่น”พอผละออกจากจูบฌอนก็เชิดใบหน้าผมให้เงยขึ้นไปสบกับดวงตาสีเทาอ่อนตรงๆ


“แต่ว่า...”


“คนที่ฉันรักคือน้ำเปล่า แล้วนายล่ะคิดยังไงกับฉัน”


“...เราไม่เหมาะ...”


“ฉันถึงความรู้สึกของนายไม่ใช่ความรู้สึกที่คนอื่นมองมา”ฌอนพูดแทรก


ความรู้สึกของผมงั้นเหรอ


ถ้าเป็นความรู้สึก


มันชัดเจนมาตั้งนานแล้วเพียงแค่ผมเอาแต่หนีความรู้สึกนั่นมาตลอด


ถ้ามันมีโอกาสที่จะให้ผมได้พูด


ผมก็จอยากจะบอกออกไป...


“ฉันชอบนาย ชอบฌอน ชอบ...”สิ่งที่อัดอั้นอยู่ภายในราวกับระเบิดออกมา น้ำตาอยู่ๆก็ไหลอาบแก้มทั้งที่ดวงตาของผมยังคงประสานอยู่กับฌอน


“ก็แค่นี้ ที่ฉันอยากฟังคือความรู้สึกของนาย”ร่างกายผมถูกดึงเอาไปกอดเบาๆ


“อืม...ชอบ”ความอบอุ่นนี่ทำให้ผมหลับตาลงเพื่อจะได้ซึมซับความรู้สึกนี้ให้มากที่สุด


“ในเมื่อความรู้สึกเราเหมือนกันงั้นก็มาคบกันนะ”


“เรื่องนั้นฉันคิดว่ามันไม่ควร...”จะให้คบกับลูกชายเจ้าของบริษัทเนี่ยนะ


มันดูไม่ดีเอาซะเลยที่คนระดับนั้นจะมาคบกับผม


“อย่าไปสนเรื่องเล็กน้อยน้ำเปล่า”


“เรื่องเล็กน้อยที่ไหนกันฌอน นายจะบอกว่าการคบกับคนธรรมดาแบบฉันมันเป็นเรื่องเล็กน้อยเหรอ แถมยังเป็นผู้ชายอีกด้วย”เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลยนะ


“ไม่เป็นไรหรอก”


“อะไรที่ทำให้นายแน่ใจขนาดนั้นน่ะ”ทำไมถึงพูดเหมือนแน่ใจว่ามันจะไปเป็นอะไรแบบนั้น


“ก็ฉันบอกเรื่องนายกับครอบครัวแล้ว”


“...ว่าอะไรนะ”ผมนิ่งไปเมื่อได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายบอก


“ที่กลับไปอังกฤษก็เพราะเรื่องนี้แหละ ฉันไปบอกที่บ้านเรื่องนายเรียบร้อยแล้ว”


“บอกแล้ว? ทำไมฉันไม่รู้ล่ะ นายควรจะบอกเรื่องนี้กับฉันก่อนไม่ใช่เหรอ!”ผมตะโกนขึ้นอย่างหัวเสีย


นี่มันเรื่องอะไรเนี่ย


เล่นไปบอกครอบครัวก่อนผมจะยอมตกลงคบด้วยได้ยังไง


ไม่สิ


ปัญหาคือทางครอบครัวฌอนจะว่ายังไงมากกว่า


ไม่มีทางที่จะบอกว่าโอเคแน่นอน


“คนที่ไม่รับสายมีสิทธิ์พูดเหรอ”


“อึก...”คำพูดฌอนทำเอาผมสะดุ้ง


จะว่าไปผมเองนี่นะที่ไม่รับสายฌอน


“สรุปคือที่นายไม่รับสายฉันแถมยังไม่ติดต่อกลับเพราะคิดว่าความรู้สึกฉันมันไม่ใช่รักสินะ”


“ก็...นะ”


“แล้วพอนายรู้ว่าฉันเป็นลูกใครก็เกิดกังวลเรื่องฐานนะและภาพลักษณ์ทางสังคมอีก”


“ประมาณนั้น...”


“งี่เง่า”


“อย่ามาว่าฉันนะ นายเองแหละที่ผิดไม่ยอมบอกกัน ก่อนหน้านี้ฉันก็บอกแล้วแทนๆว่าจะมาฝึกงานที่นี่แทนที่จะบอกกันแต่กลับปิดเงียบ”ผมไม่ยอมโดนว่าอยู่ฝ่ายเดียวหรอกนะ


“คนเขาแค่ได้ยินนามสกุลก็รู้กันแล้วมีนายแหละที่นอกจากจะไม่รู้แล้วยังอ่านผิด”


“ก็มันอ่านยากนี่ฌอน ฮาลารี่ใช่ไหมล่ะ”


“เฮ้อ ไม่ใช่ฮา ฮิลลารี่”เป็นอีกครั้งที่ฌอรถอนหายใจก่อนจะพูดแก้ให้


“นั่นแหละ ก็คล้ายๆอยู่”


“คล้ายที่ไหน ช่วยจำนามสกุลที่ตัวเองต้องใช่หน่อยเถอะ”


“ใช้? หมายถึงอะไร”ผมถามกลับอย่างไม่เข้าใจ


“เราคบกันแล้วนี่ เดี๋ยวอีกหน่อยก็ต้องเปลี่ยนนามสกุลมาเป็นของฉัน”


“ใครจะเปลี่ยนกัน อีกอย่างฉันยังไม่ได้ตกลงที่จะคบสักหน่อย”


“ทั้งที่พูดคำว่าชอบมาตั้ง4ครั้งแท้ๆ”


“อย่ามาโม้ ไม่จริง”ผมไม่มีทางพูดเยอะขนาดนั้นแน่ๆ


“จริงแน่นอนฉันนับอยู่”


“จะนับทำไมเล่า”ผมบ่นด้วยใบหน้าที่เริ่มแดงขึ้น


“ชอบฉันขนนาดนี้จะไม่ตกลงเป็นแฟนกันเหรอ”ฌอนรวบตัวผมพร้อมกระซิบถาม


“อึก...นายเองก็ชอบฉันมากเหมือนกันไม่ใช่รึไง”ทำไมผมต้องโดนทำให้เขินฝ่ายเดียวด้วยนะ


“ใช่ ฉันชอบนายมาก รักที่สุดด้วย”


“...อย่ามากระซิบนะ”ยิ่งกระซิบบอกความรู้สึกก็ยิ่งแผ่ซ่านจนหัวใจเต้นรัวขึ้น


“คำตอบล่ะ”


“...ไม่”


“หื้ม? ถ้าไม่ตกลงฉันจะ...”


“คิดว่าฉันจะกลัวคำขู่ของนายรึไง จะอะไรล่ะ”


ขอบอกเลยนะว่าผมไม่กลัวคำขู่ของฌอนสักนิด


“หึ จริงเหรอ”


“จริงสิ”


“ถ้าไม่ตกลงฉันปล้ำนะ”


เฮือก!


ร่างทั้งร่างเกร็งขึ้นอัตโนมัติก่อนจะพยายามขยับหนีทว่ากลับถูกล็อกไว้อย่างแน่นหนาแถมมือข้างหนึ่งยังดึงชายเสื้อผมออกมาแล้วล้วงเข้าไปลูบหน้าท้องผมไปมา


“หยุดนะ”ผมดิ้น


“คำตอบล่ะ”เสียงทุ้มกระซิบพร้อมฝ่ามือที่ค่อยๆเลื่อนลงไปต่ำลง


“ยอมแล้ว ตกลง คบกันก็ได้!”ผมตะโกนด้วยเสียงทั้งหมดที่มี


“ก็แค่นี้...ชอบให้แกล้งรึไงน้ำเปล่า”


“ใครจะชอบกัน แบบนี้มันบังคับกันชัดๆ”


“ไม่อยากคบกับฉันขนาดนั้นเลย”


“...ก็ไม่ใช่ไม่อยาก”ถ้าถามว่าอยากไหมก็คงอยาก


แต่ถ้าคบคงจะมีหลายๆอย่างที่ต้องเจอ


“ทุกอย่างที่นายกังวลให้บอกฉัน”


“ฌอน...”


“เพราะถ้าไม่บอกฉันก็ไม่รู้ว่านายกังวลอะไร ปัญหาทุกอย่างเราจะฝ่ามันไปด้วยกัน”


น่าแปลกที่ผมรู้สึกใจชื้นขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดของฌอน


จะฝ่าไปด้วยกันงั้นเหรอ


ถ้าไปกับฌอนผมไม่รู้สึกเลยว่าจะมีปัญหาอะไรที่เราแก้ไม่ได้...


นอกจากเรื่องฐานะล่ะก็


“มาลองกันดูก็ได้ ว่าแต่นายเถอะที่ว่าหนีมาคืออะไร”ผมย้อนกลับไปถามสิ่งที่คาใจอีกรอบ


“อย่างที่บอกว่าฉันไปหาครอบครัวที่อังกฤษมา”


“อืมๆ”


“เพราะมีเรื่องต้องคุยยาวเลยไปฝึกงานที่นั่นซะเลย แต่พอหลายอาทิตย์ที่ผ่านมาติดต่อนายไม่ได้ฉันก็เริ่มทนไม่ไหวจนสุดท้ายก็ทิ้งงานมานี่แหละ”ฌอนเล่าด้วยท่าทีสบายๆ


“ไม่ต้องมาทำท่าสบายใจเลย แล้วงานจะเป็นไงเล่า”


“งานฉันจะทำไหนก็เหมือนกัน อีกอย่างก็ทำมาตลอดอยู่แล้ว”


“หมายถึงยังไง”ผมไม่เห็นเข้าใจเลย


“งานของฉันคือวาดรูป”


“แค่นั้นเหรอ”


“ใช่”


“ตามที่นายชอบเลยนี่ ดีจังไม่ต้องวิ่งวุ่นเหมือนฉัน”


“งั้นก็ย้ายมาดูแลฉันแทนสิ”


“ตลกแล้ว”


“ตลกที่ไหน นักวาดทุกคนมีคนดูแลประจำตัวอยู่แล้ว แต่ฉันไม่ชอบเลยปฏิเสธตลอดแต่ถ้าเป็นนายฉันโอเค”


“ไม่ต้องมาปากหวาน”


“ชิมแล้วนี่นะ”


“ฉันพูดสำนวนต่างหาก”ผมสวนกลับด้วยใบหน้าแดงๆ


“เหรอ”


“กวน”


“อาทิตย์หน้าว่างไหม”อยู่ๆฌอนก็เปลี่ยนเรื่อง


“ก็ว่างอยู่”


“ครอบครัวล่ะ”


“อยู่บ้านหมดแหละ ทำไมเหรอ”ผมถาม


“จะพาพ่อแม่ไปขอลูกชาย”


“ห๊ะ?!”
................................................................................

มาอัพต่อแล้วค่าา

ตอนนี้ลงช้าไปนิดหน่อย

ถ้าใครอ่านจบแล้วอมยิ้มตามไปด้วยเราคงดีใจมากๆเลย555

ความยากของตอนนี้อยู่ตรงน้ำเปล่าที่สับสนกับความรู้สึกหลายๆอย่างของตัวเอง ไม่กล้าเผชิญหน้าแถมยังหนีโดยการคิดจะตัดการติดต่ออีก โดยส่วนตัวไม่มีประสบการด้านนี้เลยทำได้เพียงจินตนาการและสวมบทว่าถ้าอยู่ในสถานการณ์เราจะเป็นยังไง

ได้ออกมาประมาณนี้รู้สึกพอใจอยู่ไม่น้อยเลย

คิดว่าอีกไม่กี่ตอนเรื่องนี้ก็จะจบลงแล้ว

อาจดูสั้นแต่ความจริงเราว่ายาวอยู่นะ 55

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ

บ๊ายบาย

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
จะสู่ขอกันแล้ววววว :mc4: :mc4: :mc4:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ farfarneenee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
งือออออออ เค้าคบกันแล้ววววววว   :hao6: :hao6: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ reverofjs

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
งื้ออออออ น่ารักกกกกก ในที่สุดก็คบกันแล้ว  :heaven

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
สู่ขอเลยทีเดียว ฌอนใจร้อนมากกก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
โอ้ยยยยยอะไรจะหวานขนาดนั้น

ออฟไลน์ tonnum18

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ชอบฌอนก็ตรงที่ชอบอะไรก็พูดออกมาตรงๆ ไม่อ้อมค้อม

และแสดงความรู้สึกว่ารักใคร ก็แสดงออกมา เคารพการตัดสินใจตัวเอง

ชอบน้ำเปล่า ก็บอกฝั่งครอบครัวไม่ปิดบัง  มีแต่ตั้งหน้าพุ่งเข้าชนอย่างเดียว

ตอนหน้าก็รอดูว่าการพุ่งชนครอบครัวฌอนก็ทำให้  ครอบครัวน้ำเปล่าขัดขืน

และปฏิเสธการคบหน้าระหว่างฌอนและน้ำเปล่าหรือเปล่านะ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
บทจะพูดก็พูดไม่หยุดเลยนะ 555

ออฟไลน์ SaJung13

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1057
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
ฌอนนี้การกระทำไปไวกว่าคำพูดสินะ

ออฟไลน์ double9JH

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1809
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-7
ฌอนตามมาถึงที่เลยยยย  :laugh:

เอ้า เตรียมตัวโดนสู่ขอได้เลยนะน้ำเปล่า  :mew1: :impress2:

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
จะจบแล้วหรอออ
บทนี้ณอนพูดเยอะมากกกอะ ตกใจ
พูดเยอะกว่าทั้งเรื่องรวมกันอีกมั้ง555555
น้ำเปล่าคิดมากๆๆๆๆๆเลยอะ ความสับสนนี้อะนะ
ทำณอนโดดงานนั่งเครื่องกลับมาเลย
รอค่าาาา รอเค้าเอาพ่อแม่มาขออกันน

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
อร๊ายยยยยยยยยยยยยย  :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

ออฟไลน์ Laliat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
อร๊ายยย เขาจีบกันน่ารักอ่ะตัวเธอ

ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
เฮ้ยย เขาคบกันแล้วว น่ารักก  น้ำเปล่าอย่าคิดมากน้าา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Zetnezz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ Fasai25448

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
หนูน้ำต้องเรียกค่าสินสอดเยอะๆนะคะลูก :mew2:

ออฟไลน์ cinpetals

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
เร็วจังพ่อคุณณณณ

ออฟไลน์ dark-soleil

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
อ่านตอนนี้จบละกรี๊ดจนเสียงจะแหบ เค้าจะไปสู่ขอกันแล้วววววววววว  :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
ช้อนมีความน่ารักกกก

ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
.:*・สร้างรัก・*:. วันที่12




เอาล่ะ


ผมว่ามันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆกับคำพูดของฌอนที่ว่าจะพาพ่อแม่มาหา


ระหว่างในหัวกำลังคิดหนักเรื่องครอบครัวฌอนทว่ามือผมกลับไม่ได้ว่างเนื่องจากกำลังวิ่งหอบแฟ้มเอกสารไปยังฝ่ายผลิตที่อยู่อีกตึกหนึ่ง


จากวันนั้นก็ผ่านมาได้สี่วันแล้ว ผมไม่ได้ถามอะไรฌอนต่อเพราะอยู่ๆก็มีโทรศัพท์โทรเข้ามาพอฌอนรับก็ทำหน้าหงุดหงิดเล็กน้อยก่อนจะบอกว่าไว้เจอกันแล้วปล่อยผมทิ้งไว้กับความสงสัยอยู่แบบนั้น


รู้สึกว่าฌอนจะไม่ได้กลับไปอังกฤษแต่ไปอยู่ที่บ้านเพื่อวาดรูปที่ค้างให้เสร็จ


การที่ทุกอย่างชัดเจนขึ้นทำให้ผมไม่มีเหตุผลที่จะขาดติดต่อฌอนเหมือนก่อนหน้านี้ ดังนั้นทุกๆวันผมเลยติดต่อกับฌอนผ่านเฟสไม่ก็โทรไปหาบ้างเป็นครั้งคราว


“ผมเอาแฟ้มเอกสารไปให้ฝ่ายผลิตแล้วครับพี่โต้ง”เมื่อกลับมาจากการไปฝ่ายผลิตผมก็ตะโกนบอกหัวหน้าฝ่ายอย่างพี่โต้ง


“เร็วดีนี่ เดี๋ยวนี้ไปเร็วมาเร็วกว่าวันแรกๆเยอะเลยนะ”พี่โต้งเงยหน้าขึ้นมาจากเอกสารตรงหน้าด้วยใบหน้าชื่นชม


“มาอยู่เป็นเดือนแล้วก็เลยชินน่ะครับ มีงานอะไรให้ผมทำอีกไหมครับ”ผมถามต่อ


“เอาการเอางานดีจริง เหมือนจะไม่มีแล้วมั้ง...”ยังพูดไม่จบประโยคเสียงโทรศัพท์บนโต๊ะพี่โต้งก็ดังขึ้น พี่โต้งทำท่าบอกให้ผมกลับไปนั่งก่อนจะรับสาย


ผมพยักหน้านิดพร้อมเดินกลับไปนั่งยังโต๊ะทำงานของตัวที่บัดนี้กลับสภาพค่อนข้างรกไม่ว่าจะเป็นเศษแม็กหรือเศษกระดาษ
สงสัยจะได้เวลาเก็บโต๊ะแล้วสิ


“น้ำ!”


“ครับ”ผมถึงกับสะดุ้งเมื่อถูกพี่โต้งตะโกนเรียกเสียงดัง คนในฝ่ายหลลายคนต่างก็สะดุ้งพลางมองไปยังหัวหน้าอย่างไม่พอใจนัก


“อย่าตะโกนเสียงดังสิคะหัวหน้า ตกใจจนเกือบทำแก้วตกแล้ว”พี่โบบอกหัวหน้าโดยถือแก้วกาแฟอยู่ในมือ


“โทษทีแต่มีเรื่องใหญ่น่ะ”


“เรื่องอะไรครับ?”ผมถามต่อ


เรื่องใหญ่ที่ว่าเกี่ยวกับผมเหรอ


“ท่านประธานเรียกเธอน่ะ”


“...”ไม่เพียงแค่ผมที่เงียบแต่ทั้งห้องต่างพากับหยุดการเคลื่อนไหวทั้งหมด


ท่านประธาน...เรียกผม?


ทำไมล่ะ


“เอ่อ จะว่าท่านประธานก็ไม่ถูกซะทีเดียว”


“อะไรครับพี่”


“คนที่เรียกเป็นประธานใหญ่ เรแกน ฮิลลารี่”


“...”เป็นอีกครั้งที่ทั้งห้องเบิกตากว้างขึ้นอย่างพร้อมเพียง


ถึงผมมักจะอ่านผิดอยู่ตลอดแต่ผมก็จำได้นะว่านามสกุลนั้นเป็นของฌอน และนอกจากจะเป็นของฌอนแล้วยังเป็นนามสกุลของประธานผู้สร้างบริษัทH&Yนี่ขึ้นมาอีกด้วย


อะไรเนี่ย


จะเกิดอะไรขึ้นกับผมกัน


“เขาให้น้ำไปหาที่ห้องประธาน ว่าแต่ไปทำไรมาเหรอ”พี่โต้งเดินมาถามด้วยสีหน้ากังวล


“...ผมก็อยากรู้เหมือนกันครับ”ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร


แต่ถ้าให้เดาคงมีแค่เรื่องเดียว


“วันก่อนก็ลูกชายประธานใหญ่มาหาวันนี้ประธานใหญ่ก็โทรตาม หรือความจริงน้ำเป็นผู้มีอิทธิพลในวงการธุรกิจ”พี่โต้งวิเคราะห์ด้วยใบหน้าซีเรียส


“ไม่ใช่แล้วพี่ ผมเป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้นเอง พ่อผมก็เป็นคนของฝ่ายวางแผนของบริษัทไม่ใช่คนดังอะไร”


“งั้นทำไมถึงรู้จักกับบุคคลระดับนั้นได้ล่ะ”


“ผมเป็นรูมเมทของฌอนน่ะครับ”ผมตอบไปตามตรง


“หื้ม? ไม่ใช่ว่าเขาอยู่คนเดียวเหรอ”


“ก็หลายๆอย่างครับ ผมขอตัวไปก่อนนะครับ ให้รอนานคงไม่ดีเท่าไหร่”


“นั่นสิ โชคดีล่ะ”พี่โต้งโบกมือส่งลาผมที่วิ่งออกจากห้อง


ผมขึ้นมาจนชั้นบนสุดซึ่งแบ่งออกเป็นสองห้องใหญ่ๆ เหมือนจะเคยได้ยินว่าถึงจะได้ชื่อว่าประธานบริษัทแต่ก็เป็นเพียงตัวแทนในการทำธุระของประเทศนั้นๆซึ่งผู้ที่เป็นประธานที่แท้จริงคือผู้ก่อตั้งบริษัทหรือประธานใหญ่


เป็นบุคคลที่มีความสามารถในระดับโลกนอกจากดียังมีอิทธิพลและอำนาจในแวดวงศ์ธุรกิจพอดูเลยด้วย


ห้องสองห้องนี้จะมีห้องทั้งห้องของประธานและห้องของประธานใหญ่


ในเมื่อผมถูกประธานใหญ่เรียกก็คงต้องเป็นอีกห้องสินะ


ผมได้แต่ทำใจก้าวขาสั่นๆไปยังห้องด้านใน ประตูไม้สักถูกแกะสลักด้วยเป็นลวดลายงามวิจิตร เพียงแค่เห็นก็รับรู้ถึงความหรูหราและราคาอันสูงลิ่วได้อย่างชัดเจน


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


ผมเคาะประตูตรงหน้าเบาๆ เกิดเคาะแรงแล้วเนื้อไม้ถลอกผมไม่มีปัญญาหาเงินมาให้แน่นอน


“Please come in”


“ห๊ะ?”อะไรนะ


อีกรอบได้ไหม


คงไม่ได้สินะ...


น่าจะประมาณให้เข้าไปได้มั้ง


“ขออนุญาตครับ”ผมเปิดประตูเข้าไปอย่างมีมารยาท


ภายในห้องถูกเปิดแอร์จนเย็นเฉียบโดยที่ตรงกลางห้องมีชายผมสีน้ำตาลเข้มยืนกอดอกพิงตัวอยู่ยังโต๊ะทำงาน ตรงหน้ามีชุดโซฟาสีน้ำตาลดูหรูหราถูกตั้งไว้ครบชุด


ดวงตาสีเทาอ่อนเช่นเดียวกับฌอนมองมายังผมอย่างสำรวจ


“เอ่อ สวัสดีครับ ไม่สิ กูดมอร์นิ่ง แอมปภาวิน “ปกติผมไม่ใช่คนเก่งอังกฤษอยู่แล้วยิ่งต้องมาพูดต่อหน้าคนต่างชาติแท้ๆก็ยิ่งทำให้ลิ้นแข็งจนแทบกระดิกไม่ได้


“I’m Reagan Hilary nice to meet you”


“...ไนท์ทูมีทยูทู เอ่อ วายยูคอลมี”เหมือนคนตรงหน้าจะรู้ว่าผมอ่อนภาษาเลยจงใจพูดช้าๆให้ผมเข้าใจ


“I want to talk to you in private”


“...”ราวกับถูกกลั่นแกล้ง ครั้งนี้เขากลับพูดรัวด้วยสำเนียงไพรเราะจนผมฟังไม่ทันได้แต่อ้าปากค้างอยู่แบบนั้น


ฟังทันแค่ไอเอง


อยากร้องไห้


“ฉันอยากคุยกับเธอเป็นการส่วนตัวเลยเรียกมานี่”อยู่ๆสำเนียงอังกฤษก็เปลี่ยนมาเป็นภาษาไทยเอาดื้อๆ


“ภาษาไทย?”เขาพูดภาษาไทยใช่ไหม


ไม่ใช่ผมอยู่ๆก็ฟังอังกฤษออกหรอกนะ


“ใช่ ฉันพูดภาษาไทย สำเนียงใช้ได้รึเปล่า”


“ครับ พูดได้ชัดมากเลยครับ”ผมพยักหน้าตอบรัวๆ


“ฉันชอบคนไทยจึงมีภรรยาเป็นคนประเทศนี้แต่ไม่คิดว่าลูกชายฉันก็เหมือนกัน”


“...”คำพูดของเขาแปลว่าเรื่องที่จะพูดเป็นเรื่องฌอนจริงๆด้วย


ผมไม่ได้ถามฌอนว่าพ่อแม่คิดยังไงหลังจากรู้ว่าลูกชายตัวเองชอบผู้ชาย


แต่ถึงไม่ถามก็พอเดาได้ คงไม่พอใจนักหรอก


“พูดตรงๆฉันไม่รู้ว่าทำไมลูกชายฉันถึงชอบเธอ”ระหว่างพูดคุณเมแกนก็หยิบเอกสารด้านหลังยื่นมาให้ ผมเลยเดินไปรับเอกสารนั้นไว้แล้วก้มมองดูแต่แล้วสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าคือรูปพร้อมประวัติส่วนตัวอันละเอียดยิบของผมตั้งแต่วันเกิดยันงานอดิเรก


“...เรื่องนั้นผมก็ไม่ทราบ”ผมก็ไม่รู้เหมือนว่าทำไมฌอนถึงชอบผมทั้งที่มีคนอีกมากมายที่เหมาะสมกว่า


“เธอชอบฌอนรึเปล่า”


“ครับ ผมชอบฌอน”ผมตอบไปตามตรงพร้อมเงยหน้าขึ้นไปสบดวงตาสีอ่อนเพื่อแสดงความจริงใจ


ถึงผมจะไม่รู้ว่าทำไมฌอนถึงเลือกผมแต่ผมก็ตัดสินใจแล้วว่าจะคบกับฌอน


จะฝ่าทุกอุปสรรคไปกับฌอน


เพราะงั้นผมจะไม่หนีและจะไม่โกหกความรู้สึกขอตัวเองด้วย


“ฉันคงถามผิดไปหน่อย ไม่มีใครที่เห็นลูกชายฉันแล้วไม่ชอบหรอก ที่ฉันอยากถามคือต้องการอะไรจากลูกชายฉันกันปภาวิ ศรีมาลา”


“ผมต้องการแค่คบกับฌอน”


“คบเพื่ออะไรล่ะ หน้าที่การงานหรือว่าทรัพย์สิน?”


“ผมไม่ได้ต้องการสิ่งเหล่านั้น”


“งั้นต้องการอะไรจากการคบกันล่ะ มันเดาไม่อยากหรอกนะเหตุผลที่คบกับฌอนน่ะ”อีกฝ่ายยังคงยิงคำถามเดิมด้วยใบหน้าเรียบเฉย


“ผม...”


“ด้วยฐานะทางบ้านเธอไม่คิดเหรอว่ามันไม่เหมาะสมและไม่คู่ควรด้วย”


“คุณเรแกน...ผมอาจทั้งไม่เหมาะสมและไม่คู่ควรกับฌอนเพราะนอกจากจะมีฐานะปานกลางแล้วยังเป็นผู้ชายอีก...”


“ก็รู้ตัวนี่”


“ใช่ ผมรู้ถึงข้อนั้นดีทว่าถึงผมจะไม่มีทั้งความเหมาะสมและความคู่ควรแต่ผมกล้าบอกว่าผมจะทำให้ฌอนมีความสุขได้อย่างแน่นอน”


“หื้ม...”


“ผมจะทำให้ยิ้มและมีความสุขมากกว่าใครๆเพราะงั้นได้โปรด ให้ผมคบกับฌอนเถอะครับ”พูดจบผมก็โค้งตัวลงเพื่อแสดงความจริงใจ


ผมรู้ตัวว่าไม่ได้คู่ควร ถึงอย่างงั้นผมก็จะไม่ตัดใจ


ผมอาจเทียบกับหลายๆคนไม่ได้ในเรื่องความสามารถหรืออำนาจแต่ผมมั่นใจว่าสามารถทำให้ฌอนมีความสุขได้มากกว่าใครๆ
การอยู่กับฌอนไม่ใช้เพื่อทำให้เขามีความสุข ผมเองก็มีความสุขเมื่ออยู่กับฌอนเช่นกัน


เพราะงั้นผมจะตื้อจนกว่าจะยอมให้คบกับฌอนเลย


จะหาว่าผมหลงตัวเองก็ได้


แต่คนเดียวที่จะทำให้ฌอนมีความสุขที่สุดได้ก็คือผม!


“หึ...เป็นคำตอบที่เกินคาดจริงๆ”


“ครับ?”ผมเงยหน้าขึ้นมองอย่างงงๆ


ใบหน้าเรียบเฉยกับน้ำเสียงนิ่งๆก่อนหน้านี้เริ่มเปลี่ยนไปโดยมีน้ำเสียงทุ้มนุ่มกับรอยยิ้มมาแทนที่


“ฉันรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเธอรวมถึงเรื่องที่ฌอนชอบเธอด้วย”


“ครับ ฌอนบอกว่ากลับไปบอกครอบครัวเรื่องนี้...”


“ไม่ใช่ ฉันรู้เรื่องพวกเธอมาตั้งนานแล้ว”


“...?”


“คิดเหรอว่าฉันจะให้ลูกชายอยู่ที่นี่คนเดียวโดยไม่มีคนตามดูน่ะ พวกเขารายงานเรื่องของฌอนมาตลอดตั้งแต่วันแรกที่เธอเข้าไปอยู่ร่วมห้อง ตอนแรกฉันไม่คิดว่าเธอจะอยู่ได้นานขนาดนี้...ฌอนไม่ใช่คนจะอยู่ร่วมกับคนอื่นได้ เรื่องราวในอดีตทำให้เขาทุกข์และปิดตายหัวใจมาตลอด...”


“แต่ใครจะติดล่ะว่าเธอจะช่วยฌอนขึ้นมาจากอดีตเหล่านั้นได้ ฉันรู้ตั้งแต่เห็นภาพวาดในงานเทศกาลนั่นแล้วว่าฌอนชอบเธอมากขนาดไหน ผลงานลงสีชิ้นแรกในรอบ10ปี ช่างเร่าร้อนและงดงามจนละสายตาไม่ได้”


“หมายความว่า...”เขารู้เรื่องของผมกับฌอนมานานแล้ว


งั้นทำไมถึง...


“ฉันรู้ความรู้สึกของฌอนที่มีต่อเธอดี แต่ฉันยังไม่รู้ความรู้สึกของเธอที่มีต่อลูกชายฉันเลยต้องขอฟังความรู้สึกของเธอสักหน่อย แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าเธอเองก็รักฌอนไม่แพ้กัน”


“...เอ่อ ขอบคุณครับ”พอถูกพูดด้วยน้ำเสียงแบบนี้แล้วรู้สึกเขินหน่อยๆแฮะ


“ฝากลูกชายฉัน...ฝากฌอนด้วย”


“ครับ”ผมพยักหน้าพร้อมส่งยิ้มให้คนตรงหน้า


ตอนแรกนึกว่าจะน่ากลัวแต่ความจริงเป็นคนที่ใจดีมากเลยนี่นะ


“งั้นก็เข้าเรื่องต่อไปเลยละกัน”


“ครับ?”เรื่องอะไร


“ฌอน แม่แต่ตัวเสร็จรึยัง”คุณเรแกนเดินไปยังบานประตูด้านข้างก่อนจะเปิดประตูออกจนเห็นฌอนยืนอยู่หน้าประตูหันมามองด้วยสายตาดีใจ


“อีกแป๊บค่ะคุณ ขอมัดผมตรงนี้ก่อน”เสียงของผู้หญิงดังออกมาจากในห้อง


“น้ำเปล่า”ฌอนเดินมาหาพร้อมกับดึงผมเข้าไปกอดหลวมๆ


“...นี่แอบฟังกันเหรอ”ผมเม้มริมฝีปากไว้แน่นเพื่อไม่ให้เสียงสั่น ตอนนี้ผมกำลังเขินอายแบบสุด


“ไม่ได้ตั้งใจนี่ แค่บังเอิญได้ยิน”


“คนที่บังเอิญได้ยินจะเอาหูแนบประตูรึไง”


“ไม่ได้แนบสักหน่อยแค่ยืนพิงประตูเอง”ฌอนแก้ตัว


“ก็เหมือนกันนี่”


“รู้ไหมว่าฉันรู้สึกยังไงตอนที่ได้ยินคำตอบของนาย”


“...ไม่รู้”ผมบอกเสียงเบาก่อนจะผละออกมาจากอ้อมกอดนั้นทว่ากลับถูกแขนของอีกฝ่ายโอบรัดและกระชับให้ร่างผมเข้าไปแนบชิดมากยิ่งขึ้น


“ดีใจมากเลย ไม่คิดว่าน้ำเปล่าจะรักฉันมากขนาดนี้”


“...ปล่อยนะ”บอกตรงๆตอนนี้ผมเขินจนอยากหนีไปนอกประเทศจริงๆ


“ไม่ปล่อย”


“ฌอน”


“หน้าแดงนะ”เสียงกระซิบยิ่งทำให้ใบหน้าร้อนกว่าเดิมเป็นเท่าตัว


“ช้อน!”ผมตะโกนเรียกชื่อที่ไม่ได้เรียกมาซะนานด้วยความเขินสุดขีด


ก็รู้ว่าหน้าแดงทำไมต้องมาย้ำด้วยเล่า


แค่นี้ก็อายจะตายอยู่แล้ว


“แหม น่ารักจริงๆเลยนะ”เสียงหวานของผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียวดังขึ้น พอหันไปมองก็พบกับหญิงสาวผมดำนับตาสีน้ำตาลส่งยิ้มหวานมาให้


“แฟนผมน่ารักอย่างที่บอกเลยใช่ไหมล่ะ”ฌอนคลายแขนที่กอดพลางส่งยิ้มบางๆมาให้


“ไม่ได้เห็นลูกยิ้มมากี่ปีแล้วนะ ดีใจจริงๆ หนูชื่อน้ำเปล่าสินะ”แม่ของฌอนเดินมากุมมือผมไว้หลวมๆ


“ครับ”


“ฉันเป็นแม่ของฌอน เรียกน้าแอนก็ได้นะ”


“ครับ น้าแอน”


“ดีมาก ขอบคุณที่ทำให้ฉันได้เห็นรอยยิ้มของฌอนอีกครั้งนะ”น้าแอนบอกด้วยรอยยิ้มตื้นตัน


“ผมไม่ได้ทำอะไรสักหน่อยครับ”


“ฉันไม่คิดแบบนั้นหรอกนะ เพราะมีหนูฌอนถึงได้ยิ้มและดูมาความสุขขนาดนี้ เพราะงั้นวันนี้พวกเราจะไปขอหนูให้มาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเรานะ”


“...ว่าอะไรนะครับ”ช่วยบอกทีว่าผมฟังผิดไป


“อ้าว ฌอนไม่ได้บอกเหรอว่าวันนี้เราจะไปบ้านหนูน่ะ”น้าแอนเอียงคอถามงงๆ


“ไม่ได้บอกครับ...ฌอน”ผมหันควับไปมองฌอนทันที


“ฉันบอกแล้วนะ”ฌอนตอบกลับมา


“บอกตอนไหนฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย”


“ได้อ่านข้อความทางเฟสที่ส่งไปเมื่อคืนรึเปล่าล่ะ”ฌอนย้อนถาม


“เฟส? อ่านสิ พิมพ์มาว่าจะนอนแล้วแค่นั้นนี่”ผมตอบตามที่เห็น


“ฉันพิมพ์ต่ออีกว่าพรุ่งนี้พ่อแม่จะไปหานาย”


“หา? ไม่จริงน่า”ผมควักโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูโดยด่วนก่อนจะพบว่าเป็นอย่างที่ฌอนว่า มีข้อความที่บอกเรื่องในวันนี้จริงๆด้วย
ใครจะรู้ล่ะก็เห็นบอกว่าจะนอนแล้วผมก็ตอบกลับไปว่าฝันดีแล้วก็นอนบ้าง พอตื่นเช้ามาก็ไม่ได้เช็คดูเพราะวิ่งส่งงานไปทั่ว
นี่ผมยังไม่ได้บอกที่บ้านเลย


“แต่ตอนนี้คงยังไม่เลิกงานหรอกเนอะ เพราะงั้นเดี๋ยวเราจะไปหาร้านกินมื้อกลางวันกันนะ”น้าแอนบอกพร้อมรอยยิ้มหวาน


“ผมต้องกลับไปทำงาน...”นี่พึ่งจะเที่ยงเองให้กลับก่อนมันดูไม่ดี


“เรื่องนั้นฉันจัดการให้แล้ว”คุณเรแกนพูดขึ้น


“จัดการที่ว่าคือ...”


“บอกหัวหน้าฝ่ายแล้วว่าเธอลาครึ่งวัน ไปกินมื้อเที่ยงด้วยกันเถอะ”


“...รบกวนด้วยนะครับ”


“รบกวนอะไรกัน ยินดีมากเลยล่ะ น่าเสียดายที่พี่ๆของฌอนมาไม่ได้ ไม่งั้นคงครึกครื้นหน้าดู”


“มีพี่ด้วยเหรอ”ผมหันไปถามฌอน


“มีพี่สาวกับพี่ชาย”


“ฉันก็มีน้องสาว”ผมบอกบ้าง


“วันนี้คงได้เจอนะ”


“อืม เย็นๆก็กลับแล้ว เดี๋ยวสิ นี่อย่าบอกนะว่าจะอยู่กินมื้อเย็นน่ะ”ผมคว้าคอฌอนมาแอบกระซิบถาม


“ก็ต้องแบบนั้นอยู่แล้วนี่”


“ฉันยังไม่ได้บอกที่บ้านเลยนะ แล้วจะทำยังไงเรื่องอาหาร...”


“ไม่เป็นไรน่า...เดี๋ยวค่อยคิด”


“เดี๋ยวไม่ได้นะ...ต้องรีบ...”


“หนูน้ำ ฌอน มาเร็ว”ยังไม่ทันพูดจบก็ถูกน้าแอนกวักมือเรียกให้ตามออกจากห้องไป



(มีต่อค่า)

ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
(ต่อนะคะ)



หลังจากนั้นผมก็ได้ออกไปกินมื้อเที่ยงสุดหรูริมทะเลก่อนจะตามมาด้วยเดินห้างในแถบนั้น ตลอดการเดินทางผมถูกน้าแอนเรียกให้ไปนู้นมานี่จนไม่มีเวลาคิดเลยว่าจะทำยังไงกับมื้อเย็นจนสุดท้ายรถหรูคันสีดำเงาก็มาจอดอยู่หน้าบ้านเดี่ยวสองชั้นของผมซะแล้ว


งานออก


เอายังไงดี


“เชิญตามสบายนะครับ”ผมเปิดประตูบ้านพร้อมบอกกับแขกผู้มาเยี่ยมเยือน


“น้ำเปล่า กลับมาแล้วเหรอ!”เสียงของแม่ตะโกนจากในตัวบ้านทำเอาผมสะดุ้ง


“แม่...อย่าเสียงดังสิ คือมีแขกมา”


“แขก? เพื่อนลูกเหรอ ให้เข้ามานั่งห้องรับแขกก่อน...”เสียงของแม่ขาดห้วงไปเมื่อโผล่หน้าออกมามองแขกที่ผมบอก


ด้วยบรรยากาศของครอบครัวฌอนจะแผ่รังสีผู้ดีออกมาจนมีแต่คนเหลียวมองและด้วยรูปลักษณ์ของประธานใหญ่ของบริษัทชั้นนำของโลกคงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก


ผมอาจไม่เก่งจำชื่อทว่าใบหน้าของประทานใหญ่หรือคุณเรแกนผมเห็นทางโทรทัศน์แทบตลอด แม่เองก็คงรู้จักเช่นกัน


“แม่...คือว่า...”


“สวัสดีค่ะ ฉันเป็นแม่ของน้ำเปล่ายินดีที่รู้จักนะคะ เชิญเข้าไปนั่งในห้องรับแขกก่อนนะคะ”แม่บอกด้วยรอยยิ้มหวานทว่าภายใต้รอยยิ้มนั้นทำปากขมุบขมิบเป็นเชิงให้ผมตามไปด้านใน


“ห้องรับแขกทางนี้นะครับ เชิญตาสบายผมขอตัวสักครู่”ผมบอกก่อนจะเดินตามแม่ไปด้านในตัวบ้าน


“นี่มันเกิดอะไรขึ้นทำไมคนระดับนั้นถึงได้มาบ้านเราได้ ลูกคงไม่ได้ทำอะไรหรอกใช่ไหม!”แม่ยิงคำถามทันที


“ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อยพอดีมีเรื่องจะคุยกับพ่อแม่น่ะ”


“คุย? เรื่องอะไร?”


“เดี๋ยวรอพ่อมาค่อยบอกพร้อมกันดีกว่า”ผมยังรู้สึกไม่ค่อยพร้อมเท่าไหร่ที่จะบอก


“ก็ได้ แต่อย่างน้อยก็บอกมาหน่อยว่าไปรู้จักกับคนระดับนั้นได้ยังไง”


“คือผมเป็นรูมเมทของลูกชายพวกเขา”


“ว่าไงนะ ทำไมไม่เคยบอกแม่ล่ะ”


“แฮะๆ ผมว่ายกน้ำไปให้ก่อนดีไหมครับ”ไม่อยากบอกหรอกนะว่าผมก็พึ่งรู้เรื่องไม่นานมานี้เอง


“จริงด้วย ให้รอนานแบบนี้เสียมารยาทแย่ มาช่วยแม่หน่อยน้ำเปล่า”


“ครับ”


แล้วทั้งผมและแม่ก็ยกน้ำไปให้ครอบครอบฌอนที่นั่งรออยู่ในห้องรับแขก แม่เองก็ดูจะพูดเสียงติดขัดไปมากจนน้าเองบอกว่าพูดเป็นกนเองเถอะถึงค่อยดีหน่อย


“มื้อเย็นอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมคะ”แม่เอ่ยถามระหว่างนั่งอยู่บนโซฟา


“พวกเรากินง่ายค่ะ ได้ทุกอย่างเลย นี่คุณแม่ทำอาหารเองคนเดียวตลอดเลยเหรอคะ”น้าแอนถามด้วยรอยยิ้ม


“ไม่ค่ะ ปกติน้ำเปล่าจะช่วยทำ เห็นแบบนี้แต่ทำอาหารเก่งมากเลย...น่าจะให้เป็นเจ้าสาวมากกว่าเจ้าบ่าวอีก”พูดจบแม่ก็หัวเราะออกมาเบาๆ


“แบบนั้นก็ดีเลยค่ะ”น้าแอนเองก็หัวเราะเบาๆเช่นกัน


“น้ำเปล่า ช่วยแม่ทำอาหารหน่อยสิ”แม่สะกิดเรียกผม


“ได้ครับ”


จากนั้นการทำอาหารมื้อใหญ่ก็เริ่มต้นขึ้นท่ามกลางเสียงบ่นอุบอิบของแม่ที่ผมไม่บอกเรื่องการมาเยือนของบุคคลอันเรียกได้ว่ามีชื่อเสียงติดอันโลก


ผมอยากจะบอกเหลือเกินว่าผมก็พึ่งรู้วันนี้เหมือนกัน


“แม่ พี่ กลับมาแล้ววันนี้มีไรกิน โอ๊ะ รองเท้านี่ มีแขกเหรอ”ผ่านไปราว20นาทีประตูบ้านก็ถูกเปิดออกพร้อมเสียงของน้องสาวดังขึ้น


“เพื่อนของน้ำเปล่าล่ะมั้ง”เสียงต่อมาคือเสียงของพ่อ ทั้งคู่คงเจอกันพอดีตรงหน้าประตูเลยเข้ามาพร้อมกันแน่ๆ


ผมเบนสายตาไปหาแม่ก่อนจะพึมพำบอกว่าเดี๋ยวผมออกไปหาพ่อกับน้อง แม่เองก็พยักหน้าเห็นด้วยผมเลยเดินออกจากห้องครัวผ่านห้องรับแขกซึ่งแขกทั้งสามหันมามองยิ้มๆ


“พ่อ น้ำส้ม”ผมเดินไปหาทั้งคู่ตรงทางเดิน


“เพื่อนมาเหรอน้ำเปล่า”พ่อถามด้วยรอยยิ้ม


“จะว่าเพื่อนก็ใช่ เขาพาพ่อแม่มาด้วย”ผมตอบ


“เพื่อนพี่เหรอ ใครกันๆ”น้องสาวเดินมาถามอีกคน


“เพื่อนที่มหาลัยน่ะ”


“แบบนี้พ่อต้องเข้าไปทักสักหน่อยแล้วล่ะ”พ่อบอกพลางเดินไปยังห้องรับแขกโดยมีน้ำส้มเดินตามเข้าไปติดๆ


“เดี๋ยวพ่อ คือว่า...”ดูเหมือนผมจะเรียกช้าไปเลยได้แต่เดินตามเข้าไปยังห้องรับแขกอีกคน


เมื่อเห็นแขกทั้งสามคนใบหน้ายิ้มแย้มของพ่อยังคงยิ้มอยู่เหมือนเดิมทว่ารอยยิ้มนั้นกลับเกร็งขึ้นมาอย่างกะทันหัน ดวงตาสีน้ำตาลของพ่อเหล่มามองผมราวกับจะถามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี่


“พ่อก็รู้จักอยู่ ผมคงไม่ต้องแนะนำเนอะ”ผมบอกพร้อมยิ้มให้พ่อ


“ยินดีที่ได้พบครับคุณเรแกน คุณแอริณทร์ และคุณฌอน ฮิลลารี่ ผมอนุสิทธิ์ ศรีมาลาทำงานอยู่ฝ่ายวางกลยุทธ์ครับ”พอผ่านจุดที่ตกใจที่สุดไปแล้วพ่อก็รีบทักทาย


“พวกเรารู้อยู่แล้ว ยินดีที่ได้พบ...คุณเองก็เป็นบุคคลกรที่มีความสามารถสูง ผมดีใจที่คุณอยู่บริษัทผมนะ”คุณเรแกนพูด


“ยินดีครับ”


“คุณคะ”น้าแอนสะกิดเรียกสามีเบาๆ เพียงสบตากับคุณเรแกนก็พยักหน้าเบาๆราวกับรู้ถึงสิ่งที่ต้องการสื่อ


“ก่อนจะเริ่มมื้อเย็นพวกเรามีเรื่องจะคุยกับคุณและครอบครัวหน่อยน่ะ”คำพูดจากปากของประธานใหญ่ทำเอาพ่อเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัยแล้วหันมามองหน้าผมเป็นเชิงให้อธิบาย


“เดี๋ยวผมไปเรียกแม่มานะ”ผมไม่ตอบพ่อแต่ไปเรียกแม่ในครัวให้ออกมานั่งยังโซฟา


ภายในห้องรับแขกตอนนี้มีคนอยู่ถึง7คน เรียกว่าโซฟาเกือบนั่งไม่พอเลยทีเดียว คุณเรแกนกับน้าแอนนั่งอยู่ยังโซฟายาว ฌอนและผมนั่งโซฟาอีกตัวโดยมีน้ำส้มมานั่งเบียดข้างผม ส่วนพ่อและแม่ต่างนั่งโซฟาเดี่ยวคนละฝั่งกัน


“เอ่อ ไม่ทราบว่าเรื่องที่จะคุยนี่คือ...”เหมือนพ่อจะเห็นว่าห้องเงียบกริบเลยเป็นฝ่ายเริ่มการสนทนา


“ให้เธอเริ่มพูดละกันนะ”คุณเรแกนบอกพลางมองมายังผมด้วยรอยยิ้มต่างจากผมที่เริ่มทำตัวไม่ถูกเมื่อถูกโยนบทสนทนามาให้อย่างกะทันหัน


ให้ผมเริ่ม


จะเริ่มจากตรงไหนล่ะ


เวลาให้คิดก็มีไม่มากเนื่องจากมีสายตาจากพ่อแม่และน้ำส้มจ้องมาอย่างคาดคั้นราวกับบอกให้ผมสารภาพความผิดที่ไปทำมาซะ
ผมไม่ได้ทำความผิดอะไรสักหน่อย


ก็แค่...


ก็แค่...


“น้ำเปล่า”เสียงกระซิบเรียกเบาดังขึ้นจากฌอนโดยที่อีกฝ่ายเอื้อมมือมากุมมือผมไว้หลวมๆคล้ายจะให้กำลังใจ


ไม่เป็นไร


มันต้องไม่เป็นไร


“ตอนนี้ผมกำลังคบอยู่กับฌอน”


“...”คำพูดของผมทำให้บรรยากาศเงียบกริบกว่าเดิม ทั้งพ่อและแม่ต่างเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน น้ำส้มเองก็จ้องหน้าผมสลับกับฌอนด้วยสายตาตื่นๆ


“เธอเริ่มได้ดี ที่เหลือฉันต่อเอง”คุณเรแกนบอกต่อ


“...ครับ”


“ดูเหมือนเขาจะยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับพวกคุณสินะ ความจริงพวกเราเองก็มีส่วนผิดที่รีบมาวันนี้”


“ไม่ครับ แต่ที่คุณมาในวันนี้หรือว่าจะไม่เห็นด้วยกับการคบกันเหรอครับ”พ่อถามออกไป


“แล้วพวกคุณคิดยังไงกับการที่พวกเขาคบกันล่ะ”คุณเรแกนไม่ตอบแต่ถามกลับไปแทน


“สำหรับผมคิดว่าลูกชายมีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจเรื่องนี้ด้วยตัวเองแต่การที่เขาคบกับฌอน ฮิลลารี่เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ พวกเขายังเด็กอยู่...เมื่อโตขึ้นไม่รู้ว่าความรู้มันจะเหมือนเดิมไหม”


“จะบอกว่าไม่เห็นด้วยสินะ”คุณเรแกนสรุปให้


มือที่กุมกันอยู่เริ่มบีบแน่นขึ้นทีละน้อย ผมรู้ว่าการบอกเรื่องนี้มันคงไม่ได้ให้ผลดีนักแต่ผมก็ไม่อยากปิดครอบครัวไว้


ความรู้สึกของผม...บอกตรงๆก็ไม่รู้ว่ามันจะเหมือนเดิมตลอดไปไหม ที่รู้แน่ๆคือตอนนี้ผมรักฌอนและผมอยากอยู่กับเขา
เพราะงั้นต่อให้ในอนาคตมันจะเป็นยังไงผมก็เสียใจที่วันนี้เลือกจะคบกับฌอน


“ผมก็อยากจะบอกแบบนั้นจนกระทั่งภาพวาดของฌอนที่อยู่ในห้องน้ำเปล่าปรากฏขึ้นมาในหัว ภาพนั่นสื่อความรู้สึกออกมาอย่างชัดเจนและตรงไปตรงมาราวกับคำสารภาพรักอันร้อนแรงยิ่งพอได้รู้ว่าคำสารภาพนั่นมีให้กับใครผมก็คงไม่อาจขัดขวางความรู้สึกนั้นได้หรอก”


“พ่อ...หมายความว่า...”


“ทำตามใจลูกเถอะ ชีวิตเป็นของลูก...ฝากลูกชายฉันด้วยนะ”ประโยคสุดท้ายพ่อหันไปบอกกับฌอน


“ครับ ขอบคุณที่ยอมรับพวกเรา”ฌอนตอบ


“แล้วทางคุณแม่คิดว่ายังยังไงคะ”น้าแอนหันไปถามแม่ที่นั่งนิ่งมาสักพักบ้าง


“...บอกตามตรงฉันตกใจมากที่ได้ยินว่าทั้งคู่คบกัน ฐานะของครอบครัวเราไม่เหมาะสมกับครอบครัวคุณสักนิดนอกจากนี้ด้วยภาพพจน์ทางสังคมต่อให้ฉันยอมรับการคบกันของพวกเขาแต่พวกคุณไม่ยอมรับก็ไม่มีความหมายอะไรอยู่ดี”แม่บอก


“พวกเราบอกตอนไหนว่าไม่ยอมรับเหรอคะ”น้าแอนพูดด้วยรอยยิ้มละไม


“...ที่คุณพูดหมายถึงยอมรับน้ำเปล่า...”


“ใช่ค่ะ พวกเรายอมรับเขาแล้วและเพราะยอมรับถึงได้มาที่นี่วันนี้เพื่อจะได้ขอลูกชายของพวกคุณอย่างเป็นทางการ”น้าแอนอธิบายเพิ่ม


“เป็นน้ำเปล่าจะดีจริงๆเหรอคะ ลูกชายคุณหน้าตาดีขนาดนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็คงเข้าหาไม่ขาดสายแน่ ฉันไม่อยากให้ลูกชายเพียงคนเดียวต้องเสียใจกับเรื่องนั้น”


“แม่...”ผมไม่คิดเลยว่าแม่จะนึกถึงผมขนาดนี้


“คำถามนี้ให้ลูกชายตอบดีกว่าเนอะ”น้าแอนยิ้มพลางมองหน้าลูกชาย


“ผมมีอดีตที่ไม่สามารถลบมันออกไปได้ไม่ว่าจะผ่านมาเป็นสิบปีความทรงจำนั่นก็ยังไม่เลือนรางจนผมได้แต่จมอยู่กับความรู้สึกแย่ๆนั่นทว่าน้ำเปล่ากลับเข้ามาช่วยผม ไม่เพียงแค่ทำให้ผมก้าวต่อแต่ยังทำให้ภาพความทรงจำนั่นมีสีสันขึ้น ภาพที่เคยวาดเพียงขาวดำกลับสามารถลงสีสันได้อีกครั้ง...”


“สำหรับผมน้ำเปล่าเป็นแสงสว่างที่เข้ามาเพิ่มสีสันให้กับชีวิต ทุกๆวันที่ได้อยู่ด้วยกันมันช่างมีความสุขและผมกล้าบอกเลยว่านี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้สัมผัสกับความสุขมากมายขนาดนี้ เพราะฉะนั้นต่อให้อนาคตจะมีใครผ่านเข้ามาผมก็มั่นใจว่าไม่มีใครที่สามารถมอบแสงสว่างให้ผมได้เท่ากับน้ำเปล่าอีกแล้ว”พูดจบมือที่กุมกันไว้ก็ถูกยกขึ้นพร้อมกับฌอนที่จูบเบาๆยังฝ่ามือผม


“ฌอน...”ใบหน้าของผมตอนนี้คงขึ้นสีจัดแน่ เล่นพูดคำหวานขนาดนั้นจะไม่ให้เขินได้ยังไง


“เข้าใจแล้ว ฝากน้ำเปล่าด้วย”


“ครับ”ฌอนพยักหน้ารับ


“แล้วหนูล่ะเห็นด้วยไหมที่พี่ชายคบกันแบบนี้”น้าแอนถามน้ำส้มต่อ


“เห็นด้วยสิคะ หนูสงสัยตั้งแต่เห็นภาพวาดในห้องพี่น้ำเปล่าแล้ว ตอนแรกหนูนึกว่าผู้หญิงให้มาซะอีกพอรู้ว่าเป็นฌอน ฮิลลารี่หนูก็เดาความรู้สึกที่มีต่อพี่ได้แล้ว”น้ำส้มตอบเสียงใส


“แบบนี้ก็เป็นอันตกลงนะคะ หนูน้ำจะมาเป็นครอบครัวของเรา”


“เดี๋ยวครับ ครอบครัวที่ว่านี่คือ...”พ่อเอ่ยถามด้วยใบหน้าสงสัย


“ในเมื่อคบกันแล้วก็ควรเปลี่ยนนามสกุลมาเป็นฮิลลารี่นะ”


“พวกเขาพึ่งเริ่มคบกันเองนะคะ”ครั้งนี้แม่พูดบ้าง


“งั้นรอให้โตกว่านี้ค่อยเปลี่ยนละกัน โอเคนะฌอน”น้าแอนถามลูกชายตัวเอง


“ผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”


“จริงเหรอ นึกว่าอยากให้รีบเปลี่ยนนามสกุลซะอีก ตอนอยู่อังกฤษก็รนน่าดูนี่ที่หนูน้ำไม่รับโทรศัพท์แถมยังแอบหนีกลับมาโดยไม่บอกกันอีก”


“อย่ารื้อฟื้นสิแม่”ฌอนบ่นเสียงเบา


“เขินเหรอพ่อลูกชาย”


“คิก ฌอนหน้าแดง”ผมหัวเราะด้วยรอยยิ้มกว้างเมื่อเห็นหน้าแดงๆของฌอน


“หยุดพูดเลย”


“ทำไม ฉันจะพูด ฌอนหน้าแดง หน้าแดงแจ๋เลยด้วย”ยิ่งห้ามผมก็ยิ่งพูดเสียงดังขึ้น


“ไม่เลิกใช่ไหม”


“จะขู่อะไร ไม่กลัวหรอกนะ เฮ้ย...”ผมถึงกับสะดุ้งเมื่อถูกอีกฝ่ายคว้าใบหน้าเข้าไปใกล้แล้วแนบริมฝีปากเข้ามาแนบสนิทกับริมฝีปากผมท่ามกลางสายตากว่า5คู่ที่เบิกขึ้นอย่างพร้อมเพียง


“หน้านายแดงกว่าฉันอีก”เสียงกระซิบพร้อมรอยยิ้มเยาะเย้ยนั่นทำเอาผมถึงกับพูดไม่ออก


“อะ...”


“อะไร เอาอีกทีเหรอ”


“ไม่ใช่สักหน่อย!”


“เหรอ”คำยียวนนั่นทำให้ผมหน้าแดงขึ้นไปอีก


วิธีเอาคืนที่ทำได้ก็มีแค่อย่างเดียวที่นึกออก


ผมสบกับดวงตาสีเทาอ่อนเขม็งพร้อมตะโกนเรียกอีกฝ่ายด้วยเสียงดังลั่น...


“ช้อน!!”

...................................................................

มาต่อแล้วค่าาา

ตอนนี้เหมือนเป็นอีกอุปสรรคหนึ่งของฌอนและน้ำเปล่าที่ต้องร่วมกับฝ่าไป

ความจริงก็ไม่รู้จะเรียกว่าอุปสรรคได้ไหมเพราะแทบไม่ดราม่าอะไรเลย555

นี่ก็พยายามแต่ให้ได้ฟิลหน่วงๆที่สุดแล้ว

สำหรับตอนหน้าจะเป็นจุดจบของเรื่องราว

หวังว่าทุกคนคงจะชอบผลงานเรื่องนี้ของเรานะคะ

ตลอดการแต่งนิยายเรื่องนี้รู้สึกงงๆหรือสับสนค่อนข้างมากทว่าเป็นอีกเรื่องที่สามารถพูดได้เต็มปากว่าสนุกจริงที่ได้แต่งออกมา

ขอบคุณทุกๆกำลังใจและคอมเม้นท์ที่มีให้เสมอมานะคะ

คิดว่าอีกไม่นานจะมีผลงานใหม่ออกมาให้ติดตามกันค่ะ

ไว้เจอกันใหม่

บ๊ายบาย

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪

ออฟไลน์ harumi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +156/-33

ออฟไลน์ Readyaoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
ดีใจการคบกันเป็นไปอย่างราบรื่น~~ รู้สึกอายแทนน้ำเปล่าเลย โดนจูบต่อหน้าพ่อแม่อย่างนั้น :z1: :ruready :pighaun:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด