.:*・สร้างรัก・*:. วันสุดท้าย
การมาพบกันของครอบครัวผมและฌอนก็ผ่านไปด้วยดี พวกเราได้คบการอย่างเปิดเผยซึ่งจะว่าดีมันก็ดีแต่ไม่ทั้งหมดมีหลายครั้งที่ผมโดนฌอนแกล้งโดยการเข้ามาหาผมระหว่างกำลังทำงาน แน่นอนว่าผมไม่ยอมโดนแกล้งง่ายๆจึงมีการถกเถียงกันเกิดขึ้น
สายตาหลายคู่ต่างจับจ้องมายังผมที่กล้าต่อปากต่อคำกับลูกชายประธานใหญ่อย่างไม่เกรงกลัว และเหมือนฌอนก็รับรู้ถึงสายตาเหล่านั้น
รู้ไหมว่าฌอนทำยังไงกับสถานการณ์ตรงหน้า
เพียงประโยคเดียวก็ทำเอาทั้งห้องอ้าปากค้าง
‘ไม่เคยเห็นแฟนเถียงกันเหรอ’
ประโยคธรรมดาสร้างดาเมจรุนแรงจนทั้งห้องถึงกับเงียบสงัด ก่อนที่เรื่องจะแดงไปมากกว่านี้ผมก็จัดการคว้าแขนอีกฝ่ายให้ไปคุยกันต่อที่อื่น
ดูเหมือนฌอนจะเปลี่ยนมาฝึกงานที่นี่แทนสาขาหลักในประเทศอังกฤษทำให้พวกเราเจอกันแทบทุกวัน จะบอกว่าเจอก็ไม่ถูกเพราะฌอนมักเป็นฝ่ายมาหาผมเสมอ ด้วยความที่ฌอนมาทุกวันคนในฝ่ายก็เริ่มชินชากับการถกเถียงอันไร้สาระ
บางครั้งพี่โต้งยังแอบมากระซิบถามเลยว่าทำยังไงถึงได้ทำให้ฌอนเอ่ยปากได้ขนาดนั้น
ปกติฌอนเป็นพวกนิ่งๆ ไม่ค่อยพูด วางตัวเหมือนคนหยิ่งๆซึ่งต่างจากเวลาอยู่กับผมโดยสิ้นเชิง นอกจากจะกวนแล้วยังชอบมาเกาะแกะแถมช่วงหลังๆยังมีการเข้ามาคลอเคลียด้วย
หมับ!
“น้ำเปล่า”ยังพูดไม่ทันขาดคำตัวผมก็ถูกฌอนเข้ามากอดจากด้านหลังโดยไม่ทันตั้งตัว
ตอนนี้พวกเรากลับมายังหอพักของมหาลัยหลังจบการฝึกงานอันแสนเหน็ดเหนื่อยทว่าได้รับประสบการณ์อย่างมหาศาล เหลือเวลาอีกเพียงเทอมเดียวก็จะเรียนจบแล้ว
“อย่ามากอด มันร้อนนะ”ผมดิ้นเล็กน้อยเป็นเชิงบอกว่าไม่ชอบ
ความจริงก็ไม่ใช่ว่าไม่ชอบเพียงแต่ทุกครั้งที่โดนกอดมันรู้สึกแปลกๆ
จะว่าเขินก็ไม่ใช่
จะว่าอายก็ไม่เชิง
เป็นความรู้สึกที่ตัวเองไม่เข้าใจ
“เป็นแฟนกันแล้วทำไมจะกอดไม่ได้”
“พอเลย เห็นไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่น่ะ เดี๋ยวเอามีดแทงเลย”ผมบอกพลางชูมีดในมือขึ้น ช่วงปิดเทอมย่อยนี่ผมมักจะทำข้าวกินอยู่ในห้อง...วันนี้เองผมก็กำลังหั่นเนื้อไก่ไว้ทำอาหารง่ายๆแต่เพราะถูกกอดเลยเริ่มลำบากในการหั่น
“กล้าแทงเหรอ”
“จะลองไหมล่ะ”
“โหดจังนะ”
“ก็ชอบมากวนกันนี่”
“ฉันผิด?”
“ไม่ผิดมั้ง”ผมประชด
“โอเคไม่ผิดก็ไม่ผิด”
“ฉันประชด!”ผมเงยหน้าไปมองด้วยสายตาเคืองๆ รอยยิ้มของฌอนแสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายรู้อยู่แล้วว่าผมประชดแต่ก็ยังกวนกลับมา
น่าโมโห
มื้อสายเกือบเที่ยงผ่านพ้นไปท่ามกลางเสียงเถียงกันไปมาอย่างไม่ขาดสายของพวกเรา ถ้ามีการจดสถิติการเถียงกันผมและฌอนต้องติดแน่นอน
“ฉันช่วย”ผมบอกเมื่อเห็นแผ่นกระดาษวาดภาพใต้เตียงถล่มออกมา
ใต้เตียงนั่นเหมือนจะมีรูปภาพวางซ้อนกันตั้งแต่ด้านในสุดจนล้นออกมาด้านนอก ไม่อยากนับเลยว่าจำนวนมันจะมากมายขนาดไหน
ที่จะไม่เพียงแค่ใต้เตียงแต่ก็มีกองรูปภาพของฌอนวางซ้อนกันอยู่ตามมุมห้องเป็นปกติ
“ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันจัดการเอง”น้ำเสียงตื่นๆของอีกฝ่ายทำเอาผมเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย
ไม่บ่อยนักที่ฌอนจะทำน้ำเสียงแบบนั้น
แปลว่าต้องมีอะไร...
“ซ่อนอะไรน่ะ”ผมถามพลางเดินเข้าไปใกล้
“บอกว่าไม่ต้องเข้ามาไง”
“ก็นายทำตัวน่าสงสัย”
“ไม่ได้ทำ”
“ทำอยู่เห็นๆ ซ่อนอะไรไว้น่ะ”ผมไม่รอให้ฌอนตอบแต่พุ่งเข้าไปยังกองกระดาษตรงหน้าแล้วหยิบแผ่นบนสุดชูขึ้นเหนือหัว
“เฮ้ย”น้ำเสียงร้อนรนทำให้ผมหลุดยิ้มก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองภาพนั่นชัดๆ
ภาพอะไรที่ต้องทำท่าแบบนั้น
เหมือนไม่อยากให้ผมเห็นเลย
“ไหนขอดูหน่อย...อึก”ทันทีที่ภาพบนกระดาษปรากฏแก่สายตาคำพูดก็ถูกกลืนลงคอไปทั้งหมด
ภาพตรงหน้าคือภาพสเกตของคน ซึ่งถ้าเป็นปกติคงไม่ทำให้ผมอึ้งแบบนี้หรอกแต่นี่มันเป็นภาพตัวผมเองนี่นา ผมที่กำลังยืนทำอาหารโดยที่มือข้างนึงยื่นไปหยิบขวดเครื่องปรุงรส ภาพนี่เป็นเหตุการณ์เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน
ก็ว่าอยู่ว่าระหว่างที่ทำอาหารเห็นฌอนนั่งวาดรูปแต่ใครจะคิดล่ะว่าจะใช้ผมเป็นแบบ
เดี๋ยวนะ
สังหรณ์ผมบอกว่ามันไม่ได้มีแค่นี้
ผมไม่คิดว่าฌอนจะพึ่งมาวาดเอาวันนี้หรอก
อย่าบอกนะว่า...
“จะทำอะไรน่ะน้ำเปล่า”ฌอนรีบคว้ามือผมที่กำลังจะหยิบกระดาษอีกใบขึ้นมาดู
“ฌอน...อย่าบอกนะว่ากระดาษพวกนี้ทั้งหมดเป็นรูป...”จะให้พูดว่าเป็นตัวเองอยู่ๆก็รู้สึกอายขึ้นมา
“เป็นรูปนาย”ฌอนต่อประโยคสุดท้ายให้
“จะ...จริงๆด้วย อย่ามาวาดรูปกันแบบนี้สิมัน...”
“มันอะไร”ฌอนดึงมือผมที่จับไว้แน่นขึ้นพร้อมใช้ดวงตาสีเทาอ่อนมองมา
“...ไม่มีอะไร”ผมเลี่ยงที่จะไม่ตอบ
“โกหกสินะ”
“ปล่อยเลย”
“ไม่ปล่อยจะกว่าจะบอก”
“ฌอน”
“หน้าแดงนะน้ำเปล่า”เสียงทุ้มขยับเข้ามากระซิบพลางรวบตัวผมไปกอดในสภาพที่แผ่นหลังผมแนบชิดอยู่กับแผ่นอกของฌอน
“เพราะอากาศร้อนหรอก”
“แต่ฉันไม่คิดว่าเป็นสาเหตุนั้นนะ”
“เลิกแหย่กันสักที ปล่อยได้แล้ว”
“อยากเห็นไม่ใช่เหรอภาพพวกนี้น่ะ”ฌอนบอกก่อนเอื้อมมือไปหยิบกระดาษหลายแผ่นมาเปิดตรงหน้า
ภาพของผมในกิริยาบทต่างๆถูกวาดออกมาไม่ว่าจะเป็นตอนนอนหลับ ตอนเดิน ตอนกินหรือแม้แต่ตอนเหม่อ
ยิ่งมองภาพเหล่านั้นอุณหภูมิภายในร่างก็ยิ่งสูงขึ้นและปลดปล่อยความร้อนนั้นผ่านทางใบหน้าอันแดงก่ำจนแทบลุกเป็นไฟ
การที่เห็นภาพของตัวเองทำไมถึงรู้สึกเขินได้ขนาดนี้นะ
“ไม่อยากเห็นแล้ว ปล่อยฌอน”ขืนให้มองมากไปกว่านี้ผมรับไม่ไหวแน่
“ยังไม่อยากปล่อยนี่ อยู่แบบนี้ไม่ดีเหรอ”ฌอนกระซิบพลางกอดเอวผมแน่นขึ้น
“ไม่ดีสักนิด”
“แต่ฉันชอบนี่”
“ฌอน...”เลิกทำให้ผมทำตัวไม่ถูกสักทีเถอะ
“นี่น้ำเปล่า”
“...อะไร”
“มาทำกันไหม”
“ทะ...ทำอะไร”ผมถามกลับเสียงสั่นทั้งที่จิตใต้สำนึกรับรู้ได้ถึงความหมายของประโยคที่ฌอนพูด
“ฉันอยากกอดนาย”
“...ตอนนี้ก็กอดอยู่นี่”
“ฉันไม่คิดว่านายจะไม่เข้าใจหรอกนะน้ำเปล่า”คำพูดของฌอนทำให้ร่างกายผมเริ่มเกร็ง
ก็จริงที่ใช่ว่าผมจะไม่เข้าใจ
แต่ว่า...
“ฉันยังไม่พร้อม”นี่เป็นคำตอบเดียวที่สมองอันขาวโพลนคิดได้
“งั้นถ้าไม่ทำจุดถึงสุดท้ายจะได้ไหม”นิ่งไปสักพักฌอนก็พูดขึ้น
“...คิดจะต่อรองรึไง”นี่ไม่ใช่การซื้อขายนะที่จะมีลดครึ่งราคา
“ประมาณนั้น”
“คนที่ไม่ชอบให้ใครมายุ่งอย่างนายเคยทำรึไง”ผมถามสิ่งที่อยากรู้ที่สุดออกไป
ตั้งแต่รู้จักฌอนมาผมไม่เคยเห็นเขาออกไปเที่ยวกลางคืนด้วยซ้ำ
“ไม่เคยทำใช่ว่าจะทำไม่เป็นนะ”
“มั่นใจน่าดูนะ”
“จะลองไหมล่ะ”คำชักชวนกับสายตาที่ก้มลงมาสบอย่างสะกดกลั้นอารมณ์นั้นทำให้ผมยิ้มออกมาบางๆ
“ห้ามทำจนถึงที่สุดด้วย”นี่เป็นสิ่งเดียวที่อยากขอ
“ได้”ทันทีที่อนุญาตริมฝีปากร้อนๆก็ประกบลงมาอย่างแนบแน่น
“อื้ออ...”สัมผัสของปลายลิ้นที่ประสานกันเป็นหนึ่งชวนให้เคลิบเคลิ้มคนแทบสิ้นสติ
อารมณ์ภายในร่างกายค่อยๆถูกปลุกให้ตื่นเพียงแค่ถูกจูบอย่างเร่าร้อน มือข้างหนึ้งของฌอนคลายออกจากเอวผมพลางสอดเข้าไปในเสื้อลูบไล้หน้าท้องไล่ขึ้นมาจนถึงหน้าอก
“อ๊ะ...”ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกฝ่ามืออุ่นๆนั้นลูบเค้นแผ่นอก ริมฝีปากที่ผละออกเปลี่ยนมาเป็นขบเม้มตามลำคอโดยมีมืออีกข้างกำลังเลื่อนต่ำลงไปยังกางเกง
เพียงฝ่ามือนั้นลูบเบาๆผ่านเนื้อผ้าร่างกายผมก็ตอบรับสัมผัสนั่นด้วยการส่งเสียงครางออกมาเป็นระยะ เมื่อกางเกงถูกปลดแล้วถูกรุกหนักผมก็ได้แต่กำมือทั้งสองข้างจนแน่น
อารมณ์เริ่มเปิดเปิง
ความรู้สึกดีเริ่มแล่นเข้ามา
“ฌอน...ไม่เอา”ผมเงยหน้าขึ้นไปสบดวงตาสีเทาอ่อนด้วยสายตาสั่นเทา
“ไม่เอาอะไร ฉันไม่ได้ทำจนถึงที่สุดตามที่สัญญาแล้วไง”
“อึก อ๊ะ...คนที่อยากทำมันนายไม่ใช่รึไง”ผมพยายามกลั้นเสียงครางเนื่องจากถูกมือทั้งสองข้างของฌอนสัมผัสรุกเร้าอย่างต่อเนื่อง
“ใช่ แล้ว?”
“จะทำให้แค่ฉันรึไง”ผมกลั้นใจบอกออกไป
“พูดแบบนี้เดี๋ยวฉันอดใจไม่ไหวนะ”
“ลามก...อ๊า”เสียงครางหลุดออกมาเมื่อส่วนอ่อนไหวถูกขยับเร็วขึ้น
“อยากเห็นหน้านายชัดๆจัง”เสียงกระซิบอย่างข่มอารมณ์นั่นเรียกให้ผมสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วกลั้นใจปัดมือทั้งสองข้างทิ้งแล้วเปลี่ยนท่าโดยหันหน้าเข้าหาอีกฝ่ายตรงๆ
“เห็นชัดรึยัง คนลามก”ผมบอกพลางใช้มือทั้งสองข้างของตัวเองปลดซิบกางเกงของฌอนออก
“...น้ำเปล่า”
“ฉันไม่ยอมอายคนเดียวหรอกนะ”ผมบอกพร้อมสัมผัสกับความแข็งขืนด้านล่าง
นี่มีอารมณ์สุดเลยนี่นา
“นายนี่มัน...ถ้าไม่เลิกยั่วฉันได้จับปล้ำจริงๆด้วย”ฌอนพูดพร้อมโอบเอวผมให้ขยับร่างกายเข้าไปแนบชิดมากขึ้น
ส่วนร้อนที่สัมผัสกับทำเอาอารมณ์ที่มีทวีความรุนแรงมากขึ้น แรงขบเม้มจากฌอนไล่ลงมาจนถึงแผ่นอกเรียกเสียงครางของผมให้ดังขึ้นอย่างนายอาย
“อื้อ...อย่า”
“บอกว่าอย่าแต่ดูท่าจะรู้สึกดีนี่”
“หยุดพูดเลยนะ อ๊ะ...”
“อย่าหยุดมือสิน้ำเปล่า”
“อึก...จำไว้เลยนะ”ผมได้แต่ขู่ก่อนจะขยับมือให้เร็วขึ้น
“จำอยู่แล้ว เสียงครางของนายน่ะ”
“อื้ออ...”ผมไม่แรงแม้แต่จะตอบโต้เหมือนอย่างทุกที มือของผมมันสั่นจนขยับแทบไม่ไหวซึ่งฌอนเหมือนจะรู้เลยจัดการกุมมือผมไว้แล้วขยับต่อ
การขยับอย่างรวดเร็วสร้างความสุขสมจนแทบไม่รู้อะไรนอกจากสัมผัสของฝ่ามือที่ขยับและแรงขบบริเวณแผ่นอก เพียงชั่ววินาทีผมปลอดปล่อยออกมาพร้อมๆกับฌอนโดยที่ในหัวขาวโพลนไปหมด
ร่างกายเองก็กำลงสั่นเล็กๆราวกับอารมณ์เมื่อครู่ยังไม่หายไปทั้งหมด
“อีกรอบได้ไหม”คำถามจากคนรักเรียกสติที่หายไปกลับเข้าร่าง
“ไม่ได้”ผมบอกเสียงจริงจัง
แค่นี้ก็จะไม่ไหวอยู่แล้ว
“อยากทำจนถึงที่สุดจัง”
“ไม่ต้องมาพูดเลย ไม่ให้”ผมบ่นพลางยกตัวขึ้นทว่าด้วยร่างกายที่พึ่งปลดปล่อยทำเอาผมทรุดตัวลงกับที่อีกรอบ
น่าอาย
น่าอายที่สุด
“นายก็รู้สึกดีนี่”
“...ใครบอก”
“ไม่บอกก็รู้น่า”
“เปลี่ยนเรื่องพูดเลย”เลิกพูดเรื่องนี้สักทีเถอะ
“เขินเหรอ”
“ฌอน!”
“ฉันดีใจที่นายยอม นึกว่าจะถูกถีบซะแล้ว”
“...ที่ยอมเพราะเป็นฌอนหรอก”ผมพึมพำตอบกลับไป
ถ้าไม่ใช่ฌอนผมไม่มีทางยอมทำอะไรแบบนี้แน่
ถึงจะเป็นผู้ชายด้วยกันแต่ผมก็ไม่ใช่พวกเปิดเผยที่จะทำกับใครก็ได้
เพราะเป็นฌอนผมถึงยอม
เพราะว่าชอบมาก
แต่ถ้ามากกว่านี้ผมคงต้องขอเวลาเตรียมใจอีกสักพักใหญ่ๆเลย
“ลองยอมคนอื่นสิ โดนแน่”
“จะทำอะไรฉันล่ะ”
“จับขังล่ามโซ่ไว้ในห้อง”
“มาโซเหรอฌอน”ผมพูดติดตลก
“หึ...”
“นี่ฌอน”
“ว่ามา”
“จากนี้พวกเราจะเป็นยังไงต่อนะ”ผมพึมพำเสียงเบาแล้วขยับลงไปนั่งพื้นพิงไหล่ฌอน
“ยังไงนี่หมายถึงอะไร”
“ก็พอเรียนจบแล้วเราคงไม่ได้อยู่ห้องเดียวกันเหมือนวันนี้”
ทุกสิ่งย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกลาเวลา
ผมจึงอยากรู้ว่าพวกเราจะเปลี่ยนไปในทิศทางไหน
“ก็คงใช่”
“แล้วพอต่างคนต่างทำงานเราอาจไม่มีเวลาให้กัน”
“อืม”
“ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่ฉันก็ไม่อยากเลิกกับฌอนหรอกนะ”หลายๆคู่ที่เลิกกันมักมีเหตุผลเหล่านี้อยู่ไม่น้อย
ความรักในวัยนี้มันเปลี่ยนแปลงได้ง่ายดายเพียงไม่กี่เดือน
ตัวผมเองก็ไม่อาจบอกได้ว่าจะไม่เปลี่ยนแต่ตัวผมในตอนนี้ไม่อยากแยกกับฌอน
อยากจะอยู่ด้วยกันแบบนี้
“ฉันก็ไม่คิดจะเลิกกับนายอยู่แล้ว”
“พูดแล้วนะ”
“สัญญา”
“ไม่จำเป็นต้องสัญญาหรอก แค่พวกเราจะอยู่ด้วยกันในวันนี้และวันพรุ่งนี้ก็พอแล้ว”
“นั่นสิ พอเรียนจบแล้วมาทำงานที่บริษัทพ่อฉันสิ”ฌอนพูดต่อ
“ก็คิดอยู่ พี่โต้งก็บอกให้ผมไปสมัครที่ฝ่าย”
“ฝ่ายประสานงาน?”
“อืม”ผมพยักหน้า
“ไม่มาเป็นคนดูแลฉันล่ะ”คำถามนั้นทำให้เงยหน้าขึ้นไปมองอีกฝ่าย
“นายไม่เหมาะกับการมีคนคอยตามติดหรอก”
ผมคิดเรื่องนี้มาพอสมควรและลังเลว่าจะทำยังไง
แต่เมื่อผมนึกถึงฌอน ภาพยามสรรค์สร้างผลงานออกมานั่นยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำ
เขาไม่เหมาะกับการมีคนมาคอยจี้หรือมองอยู่ตลอด
ฌอนมีโลกของฌอน
ผมก็มีโลกของผม
และเมื่อพวกเราอยู่ด้วยกันมันก็จะกลายเป็นโลกของพวกเรา
“รู้ดีจริงนะ”ฌอนพูดพลางส่งยิ้มมาให้
“แน่นอน ฌอนไม่จำเป็นต้องมีคนดูแลหรอกยังไงวันๆก็เอาแต่วัดภาพอยู่แล้วนี่นะ”
“ไม่คิดจะให้ฉันพักเจอนายเลยรึไง”
“อย่าห่วงเลย ถึงฉันไม่ได้เป็นคนดูแลนายแต่ก็เป็นแฟนนะ”
“เป็นแฟนแล้วยังไง”ฌอนถามด้วยรอยยิ้ม
“ฉันไม่ปล่อยให้แฟนตัวเองอดข้าวหรือเหงาหรอกน่า”
“จะรอดู”
“รอดูได้เลย จะขุนให้อ้วนเป็นหมูเลย”
“หึ...”
“มีเรื่องอยากถามหน่อย”
“อะไรล่ะ”
“ฉันคิดไว้สักพักแล้ว ถ้าเราทำงานที่เดียวกันงั้นเช่าคอนโดอยู่ด้วยกันดีไหม”ผมเสนอสิ่งที่คิดไว้ออกมา
“...”
“เอ่อ...ถ้าไม่ชอบก็ไม่เป็นไร”ความเงียบของฌอนทำเอาใจไม่ค่อยดีเลย
“ฉันยังไม่ได้ปฏิเสธสักหน่อย”
“แต่ก็เงียบไปนี่”
“ก็แค่ไม่คิดว่าจะเหมือนกัน”
“เหมือน? อะไรเหมือน?”ผมถามกลับ
“ก็ความคิดไง ฉันเองก็คิดจะชวนนายไปอยู่ด้วยเหมือนกัน”
“คิก...พวกเรานี่คิดเหมือนกันเลยแฮะ”
“อืม”
“งั้นก็เป็นอันสรุปตามนี้นะ พอทำงานแล้วไปอยู่ด้วยกัน”
“น้ำเปล่า”อยู่ๆฌอนก็เรียกผมด้วยน้ำเสียงแตกต่างจากเดิม
“หื้ม”
“ขอบคุณ”เพียงคำคำเดียวที่เอ่ยออกมามันเต็มไปด้วยความรู้สึกอัดแน่นมากมายตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอกันจนถึงวันนี้ที่เราได้คบและอยู่ด้วยกัน
ตัวผมไม่เคยคิดว่าการมีอยู่ของตัวเองจะเป็นแสงสว่างให้ใครได้
ถ้าผมสามารถย้อนเวลากลับไปได้ผมก็จะไม่เปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้
ผมจะปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินเหมือนที่เคยเป็น
ภาพวาดของฌอนในวันแรกที่ได้เห็นช่างดูสวยงามทว่ากลับแฝงไปด้วยความเจ็บปวดที่ไม่สามารถรักษาหาย และผมไม่คิดว่าการกระทำของตัวเองจะช่วยดึงคนคนหนึ่งให้หลุดพ้นจากความทรงจำอันปวดร้าวได้
เพราะความเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ภาพวาดของฌอนเองก็ต่างจากเดิมมาก
การสรรค์สร้างผลงานก็เปรียบเสมือนการบอกความรู้สึกเพียงแต่ไม่ได้ใช้คำพูดในการสื่อสารแต่เป็นภาพวาดอันแสดงถึงอารมณ์และความรู้สึกอันหลากหลายของผู้วาด
และไม่เพียงแค่ภาพแต่ความรู้สึกเองก็เช่นกัน
จากนี้...
พวกเราจะสรรค์สร้าง...
สร้างรักต่อจากนี้ด้วยหัวใจของเราทั้งคู่
..................................................จบบริบูรณ์........................................................
ในที่สุดเรื่องราวก็ดำเนินมาถึงตอนจบแล้ว
เป็นตอนจบแบบใสๆน่ารักๆ
ความจริงอาทิตย์นี้เป็นอาทิตย์แห่งการอยากจะหยุดอัพแต่เห็นว่าตอนจบแล้วเลยมาอัพดีกว่า เวลาสอบก็เครียดเนอะแต่งนิยายช่วยให้ผ่อนคลายลงอีกเยอะ
สำหรับเรื่องนี้เราแต่งโดยเน้นถึงคนหนึ่งที่อยู่แต่ในโลกของตัวเอง ไม่สนใจใครและไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับใครอย่างฌอน กับอีกคนที่นิสัยตรงๆซื่อๆอย่างน้ำเปล่า ก้าวเข้ามาในโลกของฌอนแล้วช่วยเปลี่ยนแปลงบางสิ่ง
ทุกครั้งที่แต่งรู้สึกอบอุ่นและยิ้มตาม
ตั้งแต่ตอนแรกที่ลงจนมาถึงตอนนี้เราขอบคุณทุกๆสำหรับการติดตามเสมอมา
เราคงแต่งเรื่องนี้จนจบไม่ได้หากไม่มีกำลังใจจากทุกคน
ขอบคุณจริงๆค่ะ
ไว้เจอกันใหม่ในผลงานเรื่องต่อไปซึ่งเราลงตอนแรกไว้แล้วเป็นแนวแฟนตาซีที่อยากแต่งมานาน
เรื่อง Touch Love สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ
ใครสนใจตามไปอ่านได้นะคะ^^
บ๊ายบาย
nicedog
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪