《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น15 (UP-10/07/2017) END.
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น15 (UP-10/07/2017) END.  (อ่าน 60578 ครั้ง)

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เกลียดคนขี้ตื้อ และชอบบังคับแบบทัตว่ะเปลี่ยนพระเอกได้ก็อยากนะ แต่คงไม่ได้แล้วล่ะมั้ง

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
สัมผัสที่ 28


“มึง!!!!”

ทันทีที่ไอ้พี่ครอสเห็นหน้าไอ้ยักษ์มันก็แผดเสียงดังลั่นห้องอาหารไหนจะตบโต๊ะจนแม่บ้านยังสะดุ้งโหยงไปด้วยอีก ส่วนผมนะเหรอ แสยะยิ้มเลยสิครับ ถึงแม้จะไม่สบอารมณ์ที่ไอ้ยักษ์มันยังคงตีหน้าไม่รู้สึกรู้สาไปกับกิริยาของพี่ชายผมก็เถอะ

“มึงกล้ามากที่โผล่หัวมาให้กูเห็นอีก!”

“ก็คงงั้น”

พี่ครอสแม่งกัดฟันกรอดจนกรามโปกนูนเลยครับ ผมแทบจะกรอกตากับความกวนของไอ้ยักษ์ที่ได้ข่าวว่ามึงอายุน้อยกว่าเค้านะเห้ย แต่ก็ว่ามันไม่ได้นะเพราะแม่งก็อายุเยอะกว่าผมแต่ผมไม่เคยให้ความเคารพมันเลยเหมือนกัน

“ไอ้สัส! มึงออกไปจากบ้านกูเดี๋ยวนี้!!”

“เสียงดังเอะอะอะไรกันทีครอส”

นั้นไง ผู้ที่มีอำนาจสูงสุดโผล่เข้ามาในห้องแล้วครับ พี่ครอสถึงกับชะงักแต่ก็ยังไม่ลดอารมณ์และโทษะลงแต่อย่างใด

“แม่ให้มันเข้ามาทำไม!?!”

“พอกันทั้งพี่ทั้งน้องเลยลูกฉัน นั่งลงแล้วคุยดีๆสิ”

“แม่!”

“นั่งลง”

ถึงกับต้องกดเสียงขู่ แม่ในโหมดนี้ไม่ค่อยเจอบ่อยสักเท่าไหร่เลยนะครับ(สำหรับผมแต่น่าจะบ่อยสำหรับพี่ครอส) พี่ครอสเลยต้องจำใจนั่งลงที่เดิมส่วนผมที่ยืนกอดอกมองดูสถานการณ์ก็เข้าไปนั่งฝั่งตรงข้ามพี่ชายตามปกติไม่เอ่ยเรียกหรือเอ่ยชวนใดๆกับใครบางคนแต่อย่างใด

“อ้าว น้องคริสทำไมไม่ชวนพี่เค้ามานั่งละลูก”

จนแม่ที่นั่งลงตรงหัวโต๊ะสังเกตเห็นนั้นแหละถึงได้ท้วงออกมา

“มีขาก็ให้เดินมาเองสิครับ”

“น้องคริส”

ผมไหวไหล่ไม่สนใจมารดาแล้วหันไปยกแก้วน้ำอุ่นขึ้นจิบ อาการป่วยของผมดีขึ้นมากแล้วจะเหลือแค่อาการคั้นเนื้อคั้นตัวและปวดหน่วงที่ด้านหลังนิดๆหน่อยๆก็แค่นั้น

“ทัตมานั่งข้างน้องคริสก็ได้จ้ะ”

“ขอบคุณครับ”

ผมนั่งนิ่งพยายามแสดงสีหน้าเฉยชาสุดฤทธิ์ในขณะที่พี่ครอสแทบจะแยกเขี้ยวมาแดรกหัวมันได้ทุกขณะ เชื่อไหมว่าถ้าแม่ไม่อยู่ที่นี้อาจกลายเป็นสนามรบไปเลยก็ได้ แต่ผมไม่แคร์นะ เอาเลย อยากฆ่ากันก็ฆ่าไปเลย นาทีนี้กูไม่สนใจแม่งละ กูเจ็บมาเยอะ กูโดนมาเยอะ กูเหนื่อย

“คริสกินนี่ด้วยสิ”

มันพูดจนก็วางกุ้งผัดบร็อคโคลี่ใส่จานข้าวให้ผม

“ไอไม่กินบร็อคโคลี่”

มันชะงัก

“น้องคริสไม่กินตั้งแต่เมื่อไหร่ ก่อนหน้านี้ลูกออกจะชอบนี่คะ?”

อ้าวเห้ย ลืมไปเลยว่าแม่ก็อยู่

“ก็…พึ่งมาเกลียดเอาไม่นานนี่แหละครับ”

“หึหึ”

หัวเราะทำด๋อยไรวะ!

ผมแยกเขี้ยวใส่มันไปทีก่อนจะหันกลับมาสนใจข้าวตรงหน้าต่อแต่ส่วนที่มันตกมาให้ผมไม่แตะเลยนะครับ จนกระทั่งกินข้าวหมดจานแต่กับข้าวยังกองอยู่เกือบครึ่ง(เพราะแม่งตักมาใส่ให้อยู่เรื่อยๆไง)

“น้องคริส”

“ครับ?”

“ทานให้หมดค่ะ”

“แต่ผมอิ่มแล้ว…”

“ไหนบอกจะไม่ดื้อกับแม่”

จุกไปสิครับ

โดนสวนเข้าให้แบบตอบโต้เหี้ยไรไม่ได้สักอย่าง ผมยู่ปากอย่างจำใจก่อนจะจับช้อนส้อมแล้วตกเข้าปากเคี้ยวๆกลืนโดยที่สีหน้ายังคงแสดงถึงความไม่พอใจอยู่แบบนั้น

“แม่มีนัดกับคุณรฎาไม่ใช่เหรอครับ?”

พี่ครอสพูดเหมือนจะรู้ตารางแม่ซะละเอียดยิป

“อีกประมาณชั่วโมงนู้นแนะ อ้อ วันนี้แม่อาจกลับดึกนะจ้ะเป็นงานเลี้ยงของสมาคมศิษย์เก่านะ อยู่กันดีๆอย่าตีกันให้แม่ได้ยินอีกนะสองพี่น้องนี้”

“โถ่แม่ พวกเราออกจะรักกัน”

“ปานจะกลืนกินด้วยนะสิ”

“ใช่เลย”

“หึหึ แล้วเป็นไงบ้างจะทัต อาหารอร่อยถูกปากรึเปล่า?”

ผมแอบเหยียดปากในขณะที่พี่ครอสเองก็ทำไม่ต่างจากผม จะมีก็แต่ไอ้ยักษ์นั้นแหละที่ปั้นหน้ายิ้มหล่อคอยประจบแม่ผมทางสายตาอยู่เหมือนเดิม

“อร่อยมากครับ ยิ่งกว่าที่บ้านผมทำให้ทานซะด้วยซ้ำ”

“แหม ปากหวานอย่างนี้ป้าใสก็ดีใจแย่นะสิ”

“ตอแหลสัส”

ผมหลุดอุทานออกมาแต่ยังดีที่เสียงค่อนข้างเบา

“คิดงั้นเหรอ?”

แต่มันก็ยังจะได้ยินอีกนะ

ผมเหล่ไปมองจนเห็นว่ามันเปลี่ยนหน้ากากจากยิ้มพิมพ์ใจเป็นยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วก็อยากเอาส้อมจิ้มหน้าแม่ง ผมยกน้ำในแก้วขึ้นดื่มจนหมดก่อนจะลุกขึ้นยืนบอกขอตัวกลับขึ้นห้องแล้วก็จ้ำอ้าวออกมาจากห้องอาหารในทันที แอบเหลือบมองดูข้างหลังเห็นว่าไม่มีใครตามก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกแต่กลับหน่วงในใจแปลกๆไปอีก

ชักจะเยอะแล้วนะไอ้คริส

จะไปอะไรมากมายกับคนที่ทำร้ายมึงวะ

ปัง!

ผมเผลอปิดประตูไปแรงพอตัวก่อนจะยืนพิงและค่อยๆไถลตัวลงไปนั่งจุมปุกอยู่กับพื้น จู่ๆก็รู้สึกเหนื่อยขึ้นมาซะดื้อๆ
ต้องทำยังไงผมถึงจะกลับไปใช้ชีวิตอย่างสงบสุขได้เหมือนเดิมนะ

ต้องหนีไปจากที่นี้เลยรึเปล่า…

ก๊อกๆๆ

เฮือก!

สัสเอ๊ย คนยิ่งกำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่เลยด้วย ขัดจังหวะชะมัด

“คุณนายให้เอายาหลังอาหารมาให้ค่ะคุณหนู”

ผมยันคัวลุกขึ้นยืนแล้วจึงเปิดประตูไปรับยามา

“แล้ว…เอ่อ…คนอื่นๆละครับ?”

“คุณนายเตรียมตัวอยู่ที่ห้อง ส่วนคุณทีครอสกับคุณทัตอยู่ที่สวนหน้าบ้านค่ะ”

ผมพยักหน้ารับแล้วปิดประตูตามหลัง เดินมาจนถึงโต๊ะเล็กยกยาเข้าปากดื่มน้ำตามจนหมดแก้วแล้วก็เดินไปยังบานกระจก แต่มุมนี้มันยังมองไม่เห็นสวนด้านหน้าเท่าไหร่ผมเลยต้องค่อยๆแง้มมันออกแล้วเดินออกไปยังระเบียงด้านนอกจนได้ยินเสียงผู้ชายสองคนที่คุยกันค่อนข้างจะดังมาจากทางด้านล่าง

“กูบอกให้ไสหัวกลับไปไงวะ!”

“ผมก็บอกแล้วไงว่าจะอยู่ดูแลคริสก่อน”

“มันหายดีแล้วและที่สำคัญคือนี่เป็นบ้านของมัน คนดูแลมันเยอะแยะ ไม่ต้องสาระแนยื่นมือมาช่วยทั้งที่มือมึงนั่นแหละที่ทำให้น้องกูต้องเป็นแบบนี้!!”

“……”

ไอ้ยักษ์เงียบกริบไปเลยวะ คงจุกไม่น้อยแต่พี่ผมมันก็พูดถูกแถมโคตรโดนใจอีกต่างหาก ผมเลิกแอบฟังแล้วกลับเข้าห้องปล่อยให้พี่ครอสมันจัดการกับไอ้ยักษ์ไปส่วนตัวเองก็ล้มตัวลงนอนเปิดแอร์ฉ่ำๆโดยที่ไม่สนใจว่าอาการจะกลับเลยสักนิด พอนอนไปนอนมาก็เกิดเปื่อไปอีก ปกติผมเคยนอนอยู่บ้านเฉยๆซะที่ไหนละ ว่าแล้วก็หันไปคว้าโทรศัพท์มากดโทรหาเพื่อนในทันที ถึงแม้จะห้ามออกไปไหนในวันพรุ่งนี้แต่ไม่ได้บอกว่าวันนี้ออกไปไหนไม่ได้นี่เนอะ ใช่ไหมครับ

/คริส!!!/

ผมเอาโทรศัพท์ออกจากหูแทบไม่ทันเลยอะ

“จะร้องหาพ่องมึงไงไอ้นาย”

ผมด่าตามปกติแต่ทำไมเพื่อนผมมันถึงได้เงียบไปแบบนี้วะ

“นาย...ไอ้นาย!”

/อะ เออๆ/

“ทำไมเงียบไปอะ?”

/ป่าวๆ กูแค่...ดีใจ.../

“ดีใจ? ดีใจอะไรของมึง ถูกหวยอ่อ”

/ไอ้บ้านี่ แล้ว...มึงโอเคดีใช่ไหมวะ?/

“โอเคดิ วันนี้ออกไปเที่ยวกันเหอะ”

/ได้ๆ งั้นเดี๋ยวกูไปรับที่บ้าน/

“โอเค”

ผมวางสายเมื่อตกลงกันได้ภายในเวลาไม่กี่นาทื รอยยิ้มฝุดขึ้นมาบนใบหน้าเมื่อคิดไปถึงบรรยากาศเก่าๆที่ห่างหายมานาน ว่าแล้วก็ลุกไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่กันดีกว่า

ก๊อกๆๆ

โอ้โห

ใครมันช่างมาหาได้ถูกจังหวะดีฉิบหาย

“คริส”

และก็เป็นพี่ชายผมนั้นเอง ขึ้นมาหาได้แบบนี้แสดงว่าไล่ไอ้ยักษ์ไปได้แล้วละสิ

“ว่าไงครับ”

อารมณ์ดี๊ดี

“หึ อารมณ์ดีเชียวนะมึง ทีมื้อเย็นนี้อย่างกับหมาหอบแดรก”

ผมหุบยิ้มแทบไม่ทัน เปรียบเทียบซะเห็นภาพเลยพี่กู

ไอ้พี่ชายหัวเราะขำก่อนจะเดินเข้ามานั่งข้างๆ(ผมยังคงนั่งอยู่บนเตียงนะครับ)

“กูไล่ไอ้นั้นไปแล้วนะ พรุ่งนี้โดนแม่ด่าหูชาแน่”

“หึหึ ก็อยากเสียงดังแถมยังพ้นคำหยาบซะขนาดนั้น”

“คนมันอารมณ์ขึ้นนี่หว่า ไอ้นั้นแม่งก็ดื้อด้านฉิบหายดีนะที่ยังทนไหวไม่คว้าเอาปืนมาจ่อกบาลให้”

“เออ ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้มั่งพี่”

“ทำไม? ก็แม่งกวนตีน”

ก็ไม่เถียงอะนะ

“หรือใจอ่อนกันมันแล้ว?”

นี่รีบส่ายหัวหวืดเลย

“ก็ดี แล้วนี่กินยารึยัง? มั่วทำอะไรอยู่ทำไมไม่นอน?”

“เออ...”

“มีอะไร?”

“ผมว่าจะออกไปข้างนอกอะ...”

ผมพูดเสียงแผ่วก้มหน้างุดเตรียมโดนด่าเพราะคิดว่าไงๆพี่ครอสมันต้องไม่ชอบใจแน่ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ค่อยห้ามแต่ก็ใช่ว่ามันจะไม่ด่านะครับ ผมนี่โดนประจำเลยแหละ เหมือนมันโดนแม่ด่ามาแล้วเก็บกดจนต้องมาระบายกับผมอีกทอดนะ แม่งเหี้ย

“อืม ไปไหนละ เดี๋ยวไปด้วย”

ห่ะ!?!

นี่ผมฟังไม่ผิดใช่ไหมวะ

ไอ้พี่ครอสเนี้ยนะจะไปกับผม

“อึ้งเหี้ยไร กูเบื่อๆเซ็งๆเลยอยากจะดริ้งส์ก็แค่นั้นเว้ย”

“อ้อๆ อืม งั้นเดี๋ยวโทรหาไอ้นายแป๊บ มันบอกว่าจะมารับอะ”

“เออๆ งั้นกูไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดที่ห้องแล้วกัน เสร็จแล้วก็ลงไปรอที่ห้องนั่งเล่น แม่คงออกไปแล้วแหละ”

ผมพยักหน้ารับก่อนจะโดนมือใหญ่ขยี้หัวเบาๆแล้วจะออกจากห้องผมไปในที่สุด เออเว้ย มาไวไปไวอย่างกับสายฟ้าฟาด แต่ก็ช่างมันเถอะ วันนี้วันดีมีพ่อบุญทุ่มไปด้วยงี้ผมจะแดรกให้เรียบเลยคอยดู






เวลาผ่านไปชั่วโมงกว่าๆเราก็มาถึงบาร์เจ้าประจำกันแล้วครับ ที่บอกว่าเจ้าประจำคือสำหรับผมนะ ส่วนไอ้พี่ครอสมันมาเป็นครั้งแรก ผมยิ้มทักบรรดาผู้คนที่คุ้นหน้าก่อนจะเดินตรงไปยังบาร์เพื่อทักทายใครบางคน

“ไฮ เอมเมอร์”

“ไฮ คริส สบายดีไหม?”

“แน่นอนสิ”

ผมตอบอย่างอารมณ์ดีจนได้ยินเสียงหัวเราะขำมาจากคนด้านหลังนั้นแหละ ผมเลยกระทั่งศอกใส่ทั้งที่ไม่ได้เหลียวไปมองแต่เสียงปึกและโอ้ยนั้นทำให้ผมยิ้มกว้างได้ยิ่งกว่าเดิม เอมเองก็คงจะเห็นเลยยิ้มขำไปด้วยอีกคน

“ไอ้เด็กแสบ”

ผมไหวไหล่แล้วมองหาบรรดาเพื่อนที่คาดว่าน่าจะมาถึงกันแล้ว

“เอมเห็นเพื่อนผมไหม?”

เอมขมวดคิ้ว จริงสิ เอมเมอร์ยังไม่เคยเจอพวกเพื่อนๆผมนี่นา

“ซอรี่ เอมคงยังไม่เคยเจอพวกนั้น อ้อ นี่พี่ครอสพี่ชายผมนะ พี่ครอส นั้นเอมเมอร์เป็นบาร์เทนเดอร์ของที่นี้”

“กูคงตาบอดมั่งถึงได้มองไม่ออกว่ามันเป็นบาร์เทนเดอร์”

กวนตีน

“ไอ้คริส พี่ครอส”

ยังไม่ทันที่ผมจะตอบโต้พี่ชายเสียงเรียกชื่อก็ดังแทรกท่ามกลางบนเพลงที่กำลังบรรเลงอยู่ ผมหันไปมองและก็เจอไอ้มิกซ์ที่ดูเหมือนพึ่งจะมาถึงเช่นกัน มันเดินเข้ามาไหว้พี่ชายผมก่อนจะโอบไหล่ตบหลังผมเบาๆแต่เจ็บสัส

“เชี่ย กูเจ็บ”

“อ้อ โทษๆกูไม่ได้ตั้งใจวะแต่เจตนานิสนึง”

“กวนตีนสัส”

“ฮ่าๆๆ ว่าแต่ไอ้นายไอ้แวนกับไอ้คมละวะ เร่งกูดีนั่งแล้วนี่มันยังมาไม่ถึงอีกเหรอ?”

“ไม่รู้ กูก็พึ่งมาถึง”

“อ้าว งั้นโทรหามันเลยมึง”

“แล้วทำไมมึงไม่โทรเอง?”

“เปลืองเงินกูไง”

กูละอยากจะฆ่าคน นี่เพื่อนผมใช่ไหมครับ ทำไมผมรู้สึกเหมือนไม่ใช่ ผมตัดปัญหาด้วยการหันไปหาพี่ชายแล้วแบมือขอโทรศัพท์มันแทนการใช้ของตัวเอง พี่ครอสกรอกตาแต่ก็ล้วงเอาโทรศัพท์ส่งมาให้ในที่สุด ผมกดโทรหาไอ้นายไม่นานมันก็รับปรากฏว่าพวกมันทั้งสามมาถึงแล้วแต่นั่งอยู่โซนชั้นลอยด้านบนผมเลยพากันไปสมทบ โต๊ะที่นั่งเป็นคอกแบบครึ่งวงกลมที่สามารถมองลงไปยังชั้นล่างได้

“คริสเอาอะไร?”

“น้ำเปล่า”

นายหันมาถามผมแต่คนที่ตอบไม่ใช่ผมนะครับ เป็นไอ้พี่ชายที่นั่งประกบกูชนิดที่ไม่มีแม้ช่องว่างให้หายใจกันเลยทีเดียว จะพิศวาสอะไรกูหนักหนาวะ ไอ้คมไอ้แวนและไอ้มิกซ์นี่เอ๋อแดรกเลยด้วย

“บ้าดิ เข้าบาร์เข้าผับใครเค้าแดรกน้ำกันวะพี่ครอส”

“มึงไงแดรก ไม่สบายอยู่อย่าสะเออะแดรกเหล้าเชียวนะมึง”

“หายแล้วเหอะ”

“ยังเว้ย”

“พี่ครอส!”

“กูโทรหาแม่ได้นะ”

ผมอ้าปากเหวอเลย นี่มันกล้าใช้มุกนี้ขู่กูเหรอครับ ได้ข่าวว่ามึงเองก็มาด้วยนะไอ้พี่ชาย ถ้าผมโดนมันก็ต้องโดนด้วยอะ เผลอๆอาจโดนมากกว่าผมซะด้วยซ้ำ

“สรุปคือ?”

“เหล้า”

“คริสตัล!”

ผมแลบลิ้นให้ไอ้พี่ชายไปที กูไม่สนโว้ย เรื่องอะไรจะยอมหงอให้มัน ไอ้นายส่ายหัวระอาในขณะที่คนอื่นๆก็หัวเราะขำในความซ่าส์ของผม

“แม่งดื้อ”

“มันก็เป็นปกติของไอ้คริสไม่ใช่เหรอพี่”

ไม่ทราบว่ามึงไปสนิทกับพี่กูตอนไหนครับเชี่ยมิกซ์ ทีเรื่องแบบนี้แม่งเข้าคู่กันดีฉิบหาย

“ก็จริง”

“แล้วพี่ครอสเอาไรครับ?”

อันนี้ไอ้นายถามข้ามหน้าผมไปเพราะมันนั่งข้างผมแต่คนละด้านกับไอ้พี่ตัวดี

“พวกมึงกินไรกันวะ?”

“โกลด์อะพี่”

“เออ ก็ตามนั้น ขอเข้มๆโซดาเพียวแล้วกัน”

“ครับ”

ผมได้แต่เงียบครับ ทำไมนะเหรอ ก็แก้วกูยังไม่มาไง แต่พอไอ้นายเอามาวางไว้ต่อหน้าผมก็รีบยกขึ้นมากรอกปากด้วยความกระหาย

พรวด!!

“เชี่ยคริส มึงจะพ่นหาพระแสงมึงไง!”

ไอ้มิกซ์โวยวายทันทีที่ผมพ่นน้ำในปากไปใส่มัน กูไม่ได้ตั้งใจนะครับ แค่ตกใจมากไปหน่อย ไอ้แวนไอ้คมนี่หัวเราะลั่นพอๆกับไอ้นายที่คงรู้แล้วแหละว่าทำไมผมถึงมีปฎิกิริยาแบบนี้

“โทษๆ”

“แม่ง หมดหล่อเลยกู”

แค่ละอองน้ำนะเว้ยไม่ใช่น้ำสงกรานต์เป็นถัง ไอ้เยอะ

“ไอ้นาย ได้ข่าวว่ากูบอกเป็นเหล้านะ แล้วนี่คือไร?”

“อ้าวเหรอ กูได้ยินว่าเป็น้ำเปล่าวะ โทษๆ”

ไอ้นายเหยียดยิ้มในขณะที่พี่ครอสแม่งหัวเราะถูกใจ

“สัส”

“ไม่สบายก็อย่าฝืน”

“กูหายแล้วเหอะ”

“ไหนมาดูดิ”

ว่าแล้วมันก็โอบคอผมให้เข้าไปหาก่อนจะซบหน้าเอาหน้าผากมาทาบกับผม ไอ้คมกับไอ้แวนนิ่งค้าง ไอ้มิกซ์ยิ้มกริ่มในขณะที่พี่ครอสขมวดคิ้วมุ้ย

“ตัวยังรุมๆ มึงแดรกยามายัง?”

“อะ เออ กินมาแล้ว”

“งั้นก็น้ำเปล่าไปหรือจะเอาโค้ก?”

ผมส่ายหัว กูไม่ชอบน้ำอัดลมครับ

“ไอ้นายแม่งชัดเจนเกินไปป่าววะ?”

อันนี้เป็นไอ้แวนที่พูดแซวขึ้นมา กูนี่งงอยู่ครับ ชัดเจนเหี้ยไรของมึง แต่ไอ้นายดูเหมือนจะขำและรู้เรื่องไปกับพวกมันด้วย

“มันต้องรีบทำคะแนนวะ ดูเหมือนคู่แข่งจะแซงไปหายขุมเกิ๊น”

“สัสมิกซ์ ไม่พูดก็ไม่มีใครหาว่าเป็นใบ้หรอกนะมึง”

“ฮ่าๆๆ รับไม่ได้เหรอมึงหึหึ ต้องทำใจวะนาย มึงแม่งป๊อดเกิ๊น”

“ไอ้สัส!”

“ฮ่าๆๆ”

เออ พวกมึงช่วยพูดเรื่องที่กูรู้เรื่องด้วยจะไหมครับ ไอ้พวกเพื่อนบังเกิดเกล้า

“หึ”

ผมหันควับไปมองคนหัวเราะอีกคนที่ทำไมฟังดูเหมือนมันจะรู้เรื่องไปกับไอ้พวกนี้ด้วย พี่ครอสแม่งกดยิ้มที่มุมปากแล้วก็ยกแก้วเหล้าขึ้นกรอกปากเหมือนจะกลบเกลื่อนอะไรสักอย่าง

“เรื่องเหี้ยไรกันวะ?”

ผมถามขึ้นโดยไม่เจาะจงคนตอบแต่กลับไม่มีใครเจาะจงที่จะตอบผมเช่นกัน ไอ้เพื่อนเหี้ย ไอ้เพื่อนทรยศ ไอ้เพื่อนสารเลว
ในระหว่างที่ผมตีหน้าบูดอยู่นั้นก็ไม่ได้สังเกตุเลยว่าพี่ครอสมันกำลังจ้องมองไปยังใครบางคนด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก คนถูกจ้องก็เหมือนจะรู้ตัวแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเช่นกัน

“ว่าแต่ปิดเทอมนี้ไปเที่ยวไหนกันดีวะ?”

แวนเป็นคนเปิดเรื่องใหม่ในเวลาต่อมา

“ปิดแค่ครึ่งเดือนมึงยังจะหาเที่ยวอยู่เหรอ?”

คมเป็นผู้ตอบโต้เพราะมันนั่งอยู่ข้างกัน ส่วนไอ้มิกซ์นั่งริมสุดจึงเป็นตัวชงทั้งที่พนักงานก็มีแต่มันชอบแย่งหน้าที่เค้าทำอะนะ

“เที่ยวในประเทศก็ได้เว้ย ไม่เสียเวลามากเหมือนไปเมืองนอก”

“ไปกว๊านพะเยาป่าวมึง กูได้ยินมาว่าสาวสวยเยอะ”

เรื่องผู้หญิงต้องไว้ใจเชี่ยมิกซ์มันละ

“เออๆ น่าสน”

“แต่กูอยากไปทะเลวะ”

ไอ้นายเป็นคนแย้งและสิ่งที่มันพูดก็ทำให้ผมชะงักมือที่กำลังยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม พี่ครอสดูเหมือนจะรู้และเข้าใจสิ่งที่ผมคิดมันเลยยื่นโทรศัพท์มาให้ผมโดยที่หน้าจอมันเปิดแอปเกมส์ไว้ให้เลือกเล่นเลยด้วย

“ทะเลก็ได้ สาวใส่บิกินี่ก็น่าดูพอตัว”

“คิดแต่เรื่องเดียวแหละมึงเชี่ยมิกซ์”

“หรือมึงไม่คิดวะเชี่ยแวน”

“เออ คิด”

“นั้นไงไอ้สันขวาน ทำมาเป็นโบ้ยให้กู”

“เฮ้ยๆ มึงดูสาวๆโต๊ะนั้นดิ งานดีงานพรีเมี้ยมเลยนะมึง”

ว่าแล้วพวกหัวงูหน้าม้อทั้งหลายก็พากันเหลียวไปมองโดยไม่สนเลยว่าโต๊ะเจ้าหล่อนจะรู้สึกตัวหรือไม่ ผมเองก็เหล่ตาไปมองด้วยแหละครับแต่ไม่ได้สนใจอะไรมาก ก็ดูดีนะ ขาวๆขายาวๆนมโตๆแบบที่ชายไทยทั่วไปเค้าชอบกันนั้นแหละ แต่ดูจากการแต่งตัวแล้วคงพอมีฐานะ

“มิกซ์ มึงไปเปิด”

“จัดไปครับเพื่อน”

ผมเอนหลังพิงเบาะมองตามเพื่อนตัวเองที่ถือแก้วไปยังโต๊ะเป้าหมายจนไปโดนแขนใครบางคนที่น่าจะพาดไว้บนเบาะอยู่ก่อนหน้าแต่ผมไม่รู้ตัว

“ก็เอนลงมาดิ”

ไอ้นายบอกเมื่อผมถกตัวกลับผมเลยพยักหน้ารับเอนไปพิงโดยที่มันเองก็ไม่ได้ถกแขนกลับเช่นกัน ดูกลายๆคงคล้ายโดยโอบแต่ก็ช่างมันเถอะครับ เพื่อนกันนี่เนอะ

“อ้าว ทำไมกลับมาไวงี้วะ?”

ไอ้คมท้วงทันทีที่ไอ้มิกซ์ตีหน้าเซ็งกลับมา

“เค้าบอกสนใจพี่ครอสกับทั้งกลุ่มเลยวะ แถมยังให้กูกลับมาชวนไปที่โต๊ะอีก กูแม่งเซ็ง พี่ครอสช่วยหล่อให้น้อยกว่านี้หน่อยได้ไหมครับเดี๋ยวพวกผมจะหาเมียไม่ได้อะ”

ผมหลุดหัวเราะเลยครับ โคตรสะใจ แต่พี่ชายผมก็หล่อลากจริงๆแหละ ก็แน่นอนนี่เนอะน้องหน้าตาดีออกขนาดนี้พี่ชายมันก็ต้องดีตามไปด้วยสิวะ คริคริ

“หึหึ มึงไปบอกเค้าเลยว่ากูมีคนที่สนใจอยู่แล้ว ไม่รับเคสนอกเดี๋ยวเค้าจะหาว่ากูไม่เอาจริง”

ห่ะ!?!

ผมนี่หันไปมองคนพูดแทบไม่ทัน

ไอ้พี่ครอสอะนะมีคนที่สนใจ

ใครวะ!?!


TBC....
ตอนนี้ยกพีคหลักให้คุณพี่ชายไปเนอะ จากช่วงแรกที่เคยหลุดปากว่าพี่ครอสจะมีคู่นั้น...มีจริงค่ะ...แต่ยังไม่เคยเอ่ยถึงสักที เหอะๆ เอาเป็นว่า ให้เดากันต่อไปแล้วกัน เพราะเรื่องอาจจะมาในช่วงท้ายๆอะนะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-03-2017 19:57:21 โดย MyMinT1990 »

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
สัมผัสที่ 29


 
“โอ้ย กูทนไม่ไหวละ”

ผมเอ่ยขึ้นมาด้วยความหงุดหงิดเรียกความสนใจของผู้คนรอบโต๊ะไปได้มากโข ที่บอกว่าผู้คนรอบโต๊ะนั้นเพราะตอนนี้ไอ้เพื่อนหน้าม้อของผมมันมีสาวๆมานั่งล้อมหน้าล้อมหลังกันแล้วไงครับ จะเหลือโดดๆก็มีผม พี่ครอสและไอ้นายแค่สามคน

“เป็นไรของมึงครับ”

ไอ้มิกซ์ท่าจะเมาได้ที่คลอเคลียสาวไม่หยุดแต่ปากก็กวนตีนกลับมาได้อยู่อีก

“หมั่นไส้พวกมึงไง กูลงไปข้างล่างดีกว่า”

ว่าแล้วก็ลุกขึ้นตั้งท่าจะเดินหนีออกจากโต๊ะแต่ก็ยังโดนแววตาไอ้พี่ชายที่นั่งขวางจ้องหน้าปานจะฆ่าฟันน้องบังเกิดเกล้า

“ไม่ต้องไป”

นั้นไง นอกจากจ้องปานจะกลืนกินแล้วยังมาขู่เสียงเข้มใส่กันอีก นี่น้องไง น้องงงงง...

“จะไป”

ถ้าคิดว่าผมกลัวแสดงว่าคุณยังไม่รู้จักผมดี

“คริสตัล...”

“แค่ลงไปนั่งคุยกับเอมเมอร์ที่บาร์เองน่า ไม่ได้ออกไปไหน”

พี่ครอสเหลือบตาลงไปมองยังบาร์สักพักก็หันกลับมาแล้วยกแก้วขึ้นดื่มต่อ ผมอมยิ้มเล็กๆเพราะรู้ว่านั้นคือคำอนุญาตจากพี่ชายผู้แสนจะเจ้ากี้เจ้าการผู้นี้

“ไคจะรอดูแกอยู่ที่ด้านหน้า อย่าคิดว่าจะหนีออกไปไหนซะละ”

“ชิ”

ผมเลิกสนใจพี่ชายที่ยังคงสงสายตาขู่ตามหลังมาแล้วลงไปยังชั้นล่างอย่างที่ตั้งใจ ดีหน่อยที่เก้าอี้มุมสุดยังไม่มีคนนั่งผมเลยได้ที่สิงสถิตในบันดล เอมเมอร์เห็นผมมานั่งเลยส่งยิ้มมาให้แต่ยังคงติดแขกคนอื่นจึงมีบาร์เทนเดอร์อีกคนมารับหน้าแทน

“ต้องการเครื่องดื่มแบบไหนดีครับ?”

สำเนียงภาษาอังกฤษที่ปนไทยจนสังเกตได้บ่งบอกว่าเค้าคือคนไทยที่ใช้ภาษาได้ดีในระดับหนึ่ง หน้าตาก็โอเคดีแต่ผมไม่คุ้นเพราะส่วนใหญ่ก็คุยแต่กับเอมไงครับ

“แม็ค เดี๋ยวผมจัดการเอง?”

ยังไม่ทันจะอ้าปากบอกเอมก็เข้ามาแทรกซะงั้น บาร์เทนเดอร์คนใหม่หันไปส่งสายตาเหมือนจะรู้อะไรสักอย่างแล้วพยักหน้ารับก่อนจะเดินหลบหลีกไปรับแขกคนที่เอมพึ่งคุยคุยด้วยเมื่อกี้

“ตัดหน้ากันแบบนี้ ไม่มีเขม่งกันบ้างเหรอ?”

เอมส่ายหน้าตอบแล้วหันกลับไปจัดการเครื่องดื่มแบบประจำที่ผมชอบดื่มไม่นานก็เลื่อนมาส่งตรงหน้า

“แต้งค์”

“นี่ยังไม่เมาอีกเหรอ?”

ผมยกแก้วขึ้นจิบก่อนจะกรอกตาถอนหายใจ

“พวกนั้นไม่ให้ดริ้งส์อะ ก็เลยหนีลงมาดริ้งส์ตรงนี้ไง”

“อ้าว ทำไมละ?”

“พวกนั้นมันห่วงเวอร์เกิน คิดว่าผมอ่อนแอมากมายแค่พึ่งหายไข้ก็ไม่ให้แตะ...”

“นี่ไม่สบายเหรอ?”

“ก็บอกว่าหายแล้วไงเล่า”

เอมเงียบแต่หลี่ตามองจ้องจับผิดจนผมอยากจะขำ ผมวนค๊อกเทลสีเหลืองทองเล่นก่อนจะยกกรอกปากทีเดียวหมดเป็นพล็อบยืนยันเจตนารมณ์จนเอมหลุดหัวเราะแล้วส่ายหัวหน่อยๆ

“อีกแก้ว”

“รับทราบครับ”

“ว่าง่ายอย่างนี้ค่อยน่าอยู่ด้วยหน่อย อยู่ข้างบนแล้วเซ็งชิป”

“งอแงอย่างกับเด็กน้อยเลยนะ แต่จะว่าไป คริสก็เอาแต่ใจอยู่แล้วนี่นา”

“นี่ตกลงคุณอยู่ข้างผมหรือเปล่าเอม?”

“อยากให้ผมอยู่ไหมละ?”

“เอาที่สบายใจเลย”

ผมตอบหมือนไม่แคร์แต่หันหน้าหนีเหมือนไม่สบอารมณ์ไปอีกทบ เออ ชักงงกับตัวเองเหมือนกันแฮะ

“หึหึ ผมเคยไม่อยู่ข้างคุณเหรอคริส?”

ยิ้มสิครับ รออะไรอยู่

“เครื่องดื่มได้แล้วครับ”

ผมหันกลับไปดื่มต่อพลางคุยได้วยเหมือนอย่างทุกครั้งที่มาจนแทบจะลืมไปเลยว่าด้านบนยังมีใครอีกหลายคนที่จ้องมองมายังเราด้วยความสนอกสนใจ ด้านบนนะไม่เท่าไหร่เพราะเป็นกลุ่มเพื่อนและพี่ชายของตัวผมเองแต่ไอ้สายตาที่จ้องมาจากทางประตูหน้านี่สิ มันทำให้ผมเสียวสันหลังว๊าบจนต้องหันไปมองอย่างงงงวย

“เชี่ย”

ผมสบถเสียงแผ่วเมื่อเห็นบุคคลมาใหม่ผู้เป็นเจ้าของสายตาดุจเหยี่ยวที่จ้องจะคาบเหยื่อหรือเป็นเสือที่เจออาหารอันโอชะก็ไม่ปาน ผมหันกลับมาที่เอมโดยที่ไม่สนใจเทพทัตที่เดินดุมๆเข้ามาหาแบบที่ไม่สนสายตาบรรดาหญิงสาวที่จ้องมันตาเป็นมัน จะไม่ให้จ้องได้ไงครับ มันเล่นมาในมาดหล่อเนียบขนาดนี้ เสื้อเชิตยี่ห้อหรูที่ถูกปลดกระดุมออกสามเม็ดและพับแขนเสื้อจนถึงข้อศอกกับกางเกงยีนส์สีเข้มมีรอยขาดนิดหน่อยตามสมัยนิยมนาฬิกาเรือนแพงไหนจะทรงผมและหน้าตาที่เด่นยิ่งกว่าชายใด ยอมรับอย่างละม่อมเลยว่าโคตรหล่อกระชากวิญญาณดิบมากที่หันหน้าหนีก็เพราะกลัวมันเห็นใบหน้าที่คงแดงเถือกของตัวเองไงครับ ใจนี่เต้นไม่เป็นล่ำเป็นสันเลยด้วยซ้ำแต่ต้องแสร้งทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรแล้วรีบกระดกเครื่องดื่มตรงหน้าจะได้หาข้ออ้างเวลามันถามว่าที่หน้าแดงนะเพราะกูเมา

“เอม ขออีกแก้ว”

เอมเมอร์พยักหน้ารับแล้วหยิบแก้วใบเก่าไปเก็บก่อนจะจัดการทำมันขึ้นมาใหม่ หางตาผมเห็นว่าที่นั่งด้านข้างที่เหลืออยู่เพียงที่เดียวได้มีมันมาจับจองเป็นที่เรียบร้อย แต่มันไม่ได้เอ่ยปากอะไรออกมาเลยนะครับ น่าจะนั่งจ้องผมอยู่เฉยๆและผมก็ยังคงทำทีว่าไม่เห็นและไม่สนใจมันต่อไป

“เครื่องดื่มได้แล้วครับ”

“ขอบใจ”

ผมรับมายกขึ้นจ่อปากอีกแต่ไม่ได้กระดกทีเดียวหมดหรอกนะ ไอ้เมื่อกี้ยังบาดคอไม่หายเลยครับ กรรมแท้ๆเลยกู

“คุณลูกค้าจะรับเครื่องดื่มแบบไหนดีครับ?”

เอมเมอร์หันไปทำหน้าที่บาร์เทนเดอร์ต่อคนมาใหม่ด้วยรอยยิ้มการค้าสุดๆ ผมเคยชมเอมนะว่าเวลายิ้มแล้วดูดีทั้งหล่อปนสวยจนโดนเอมว่ากลับว่าผมสวยกว่าไปๆมาๆคือเถียงกันไม่เลิกจนกลายเป็นการทะเลาะแบบเบาๆไปในที่สุด

“เบียร์ก็พอ วันนี้ไม่ได้มาเมาสักเท่าไหร่”

แต่แต่งตัวมาล่าเหยื่อชัดๆไอ้ห่าเอ๊ย

“รอสักครู่ครับ”

ผมเอี้ยวตัวหันขึ้นไปมองยังด้านบนแต่ทว่า...

พี่กูหาย!

ได้ไงวะ ปกติแม่งก็รีบวิ่งแจ้นมาหาเรื่องไอ้ยักษ์แล้วดิ แล้วนี่หายไปไหน ไอ้นายก็หายไปด้วยอีกคนส่วนพวกที่เหลือคือแม่งมั่วกันไปแล้วเป็นที่เรียบร้อยโรงเรียนคนหน้าม้อแห่งชาติ กูนี่อยากจิครายกับเพื่อนแต่ละคนจริงๆ

“จะไปไหน?”

พอผมลุกขึ้นปุ๊บทั้งมือทั้งเสียงแม่งก็มาในทันที ผมหันไปมองมือของมันที่จับข้อมือผมไว้ก่อนจะเลื่อนขึ้นมาที่ใบหน้าหล่อๆ แม่งเอ๊ย ยังจะยิ้มแบบนั้นมาให้กูอีกนะ แล้วเป็นไงละ หันหนีแทบไม่ทัน ไอ้สัสนี่

“หึหึ”

เกลียดแม่งงงงงง

“หายดีแล้วเหรอถึงได้ออกมาแบบนี้?”

“เสือก!”

ด่าไปทั้งๆที่ก็รู้ว่ามันไม่สะทกสะท้าน มือหนาดึงผมเข้าไปหาจนผมเซถล้าไปอยู่ตรงกลางระหว่างขาแล้วก็เอื้อมมือขึ้นมาจับหน้าผากวัดไข้มันซะดื้อๆ เออ ไอ้เราก็ชะงักค้างแบบเอ๋อแดรกหน่อยๆอยู่อะนะ

“ยังรุมๆอยู่นะ แต่หน้าแดงมากกลับไปนอนดีกว่าไหม?”

“ไม่ แล้วก็ปล่อยไอได้แล้ว”

ดีที่มันยอมปล่อยผมง่ายๆแต่มืออีกข้างกลับยังคงกุมอยู่เช่นเดิม ผมสะบัดให้ตายยังไงก็ไม่หลุดจนต้องนั่งลงที่เดิมนั้นแหละมันถึงปล่อย เอมเมอร์เองก็เอาเบียร์มาให้มันได้สักพักแล้วแต่ไม่ได้ปริปากท้วงหรือขัดอะไร คงเพราะอยู่ในหน้าที่ละมั่งถึงได้ไม่ขัดเหมือนอย่างวันนั้น

“ดื่มไปเถอะ ถ้าเมาเดี๋ยวพี่ไปส่งเอง สัญญาว่าจะพาไปส่งที่บ้านแบบไม่มีรอยบุบสลายครับ”

ผมตวัดสายตาไปจ้องจนมันขำเบาๆก่อนจะยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่ม

“ไม่ต้อง ไอมากับพี่ครอส”

“แล้วพี่คุณอยู่ไหนละ?”

ผมหันกลับไปมองที่ด้านบนอีกครั้งไอ้พี่ครอสแม่งก็ยังไม่กลับมา

“.........”

“ไม่คิดว่าพี่เค้าจะมีเรื่องส่วนตัวบ้างรึไง?”

“แล้วยังไง?”

“ก็ไม่ยังไง นั้นมันเรื่องของเค้านี่เนอะ ส่วนนี่ก็เป็นเรื่องของเรา”

ผมเหยียดปากแทบจะทันที

“ถามจริงๆ ยูจะมาตามไอไปทำไม? เราต่างคนต่างอยู่ก็ดีอยู่แล้ว”

ทัตวางแก้วในมือลงแล้วหันมามองผมด้วยสีหน้าขึงขังจนน่าแปลกใจ

“มั่นใจเหรอว่าพูดมาจากใจจริงๆ”

ผมเผลอเม้มปากจนต้องรีบยกแก้วขึ้นมาดื่มปกปิดอากัปกิริยานั้นไว้แล้วพยักหน้าให้ไปที

“ไปคุยกับข้างนอกดีๆไหม? อยู่ในนี้มันไม่ค่อยส่วนตัวสักเท่าไหร่เลย”

ผมเหล่ไปมองเอมเมอร์ในทันทีทั้งที่เอมก็หันไปเตรียมเครื่องดื่มให้ลูกค้าคนอื่นแบบไม่ได้สนใจอะไรเราเลยสักนิด

“ไม่อยากคุย”

“คริสตัล ถ้าไม่คุยเราจะรู้เรื่องกันไหม? พี่รู้ว่าคริสอาจจะยังโกรธพี่อยู่และพี่ก็ยอมรับว่าพี่ผิดจริงถึงจะแค่ส่วนหนึ่งแต่พี่ขอรับไว้ทั้งหมดเลยก็ได้...นะครับ ไปคุยกันนะ...”

ยอมรับว่าแอบขนลุกที่เจอมุขอ้อนเหมือนมีหมาโกลเด้นตัวโตๆมายืนจ้องหน้าช้อนตามองอยู่ข้างๆ ผมยกเครื่องดื่มในแก้วขึ้นดื่มจนหมดยังไม่กล้าที่จะสบตามันนานๆครับ ผมรู้ตัวว่าใจเต้นไปกับมันแต่ก็ใช่ว่าผมจะใจอ่อนนะครับ

“ถ้าอยากคุยก็คุยที่นี้ ไม่งั้นก็ไม่ต้องคุย”

ได้ยินเสียงถอนหายใจดังแผ่วแต่ก็ไม่มีคำทักท้วงใดๆหลุดออกมาอย่างเคย แปลกใจอยู่นะครับไม่ใช่ว่าไม่แปลกใจ ปกติไอ้ยักษ์มันพูดง่ายซะที่ไหน ชอบว่าผมดื้อมันเองก็ดื้อไม่แพ้ผมหรอกนะ

“เอาจริงๆเหรอ?”

“มีเวลาให้สิบนาทีและตอนนี้กำลังนับเวลาถอยหลังแล้วด้วย”

“โอเคๆ ยอมแล้วครับ ยอมหมดเลย ดีกันนะคนดี”

พูดแล้วก็ส่งยิ้มหวานไหนจะน้ำเสียงอ้อนๆและนิ้วก้อยที่ยื่นมาให้ต่อหน้า ผมนี่นิ่งค้างเลยครับ ให้ตายเหอะ คนตัวควายๆหน้าเข้มๆ(และหล่อ)แถมนิสัยยังเป็นคนไม่ยอมคนชอบบังคับและยัดเยียดต่างๆนานาแบบมันเนี้ยนะ มาทำอะไรมุ้งมิ้งแบบนี้ นี่ผมละเม้อค้างหรือฝันร้ายอะไรอยู่รึเปล่าวะครับ

“ยูไปพี้ยาที่ไหนมาทัต?”

“บ้าสิ นี่สติเต็มร้อยแต่ใจนะเกินร้อยนะ”

“ไม่ใช่ละ นี่ไม่ใช่เทพทัตอะ”

“ฮ่าๆๆๆ ทำไมละ ไม่ชอบแบบนี้เหรอ?”

“บอกตามตรงว่าโคตรแหยงอะ บรึ๊ย~”

“เวอร์ละครับ”

ว่าแล้วก็เอามือมาเคาะหัวไปโป้กหนึ่งเบาๆ ผมที่กำลังทำท่าขนลุกขนพองถึงกับชะงัก จะไม่ให้ชะงักได้ยังไงก็เมื่อกี้ผมหลุดไปซะขนาดนั้น เผลอไปทำทีเหมือนสนิทสนมแถมยังคุยปกติจนน่ากลัวอะ

“ไอไปละ”

“เดี๋ยวสิ นั่งดื่มเป็นเพื่อนกันก่อนสิครับ”

“ไม่อยู่แล้วก็ปล่อยมือก่อนที่จะโดนโกรธอีกรอบ”

“พูดอย่างนี้แสดงว่าหายโกรธแล้วใช่ไหม?”

ถามได้หน้าชื้นตาบานมากกกกกก กูหมั่นไส้โว้ย!

“ไม่!”

“อ้าว”

ผมอาศัยจังหวะนี้สะบัดมือออกจากการจับกุมของมันจนหลุดแล้วก็หันหลังเดินจ่ำอ้าวตรงไปยังชั้นบนและทรุดตัวลงนั่งที่เดิมทันทีที่มาถึง พอมองลงไปที่บาร์ก็เห็นไอ้ยักษ์ที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมเพิ่มเติมคือมันนั่งหันหน้าออกมามองทางผมตรงๆและค่ำแขนไปยังเคาร์เตอร์เอนหลังพิงหน่อยๆแต่นั้นมันก็ทำให้สาบเสื้อเชิตของมันตึงเปรี้ยะจนแทบจะกลายเป็นเสื้อรัดรูปเข้าให้ละ และกระดุมมันมีให้ติดทำไมไม่ติดวะ จะปลดออกเพื่อ!!!

“เห้ยไอ้คริส นั้นมันแก้วพี่มึงนะเว้ย”

เหมือนไอ้คมจะยังมีสติพอที่จะเห็นว่าผมคว้าเอาอะไรขึ้นมากระดกดื่มไปหลายอึกจนหมดแก้วในที่สุด ไหนไอ้พี่ครอสบอกไม่อยากเมาไงวะแถมยังต้องขับรถอีกแต่แก้วนี้แม่งโคตรแรงขนาดน้ำแข็งละลายไปเกือบหมดแล้วผมยังว่าแรงเลยอะ

“ช่างแม่ง มึงชงมาอีกดิ๊”

“เดี๋ยวเมาแล้วพี่มึงเอากูตาย”

“บอกว่าชงมาก็ชงมาเหอะน่า พี่กูกูจัดการเอง”

“ให้มันจริงอย่างที่ปากพูดเหอะ”

ปากบ่นแต่มือก็แย่งแก้วผมไปชงให้ยิกๆ ผมเอนหลังหันไปมองเพื่อนอีกสองหน่อที่แทบจะโชว์สดให้ผมดูแล้วก็ระอา หน้าตาอย่างพวกมันไม่น่าจะอดอยากปากแห้งถึงขนาดนี้นะครับ

“แล้วพี่กูละ?”

ผมเอื้อมมือไปรับแก้วมาก่อนจะถามไอ้คมต่อ

“เห็นว่าออกไปเคลียร์เรื่องรถ ไม่รู้เป็นไร”

“อ้อ แล้วไอ้นายอะ?”

“ห้องน้ำ แต่คงตกส้วมตายไปแล้วมั้ง ช้าสัส”

ผมหัวเราะไปกับเพื่อนก่อนจะหันไปมองที่ด้านล่างอีกครั้ง และคราวนี้ผมถึงกับคิ้วกระตุกเลยครับ ก็ไอ้คนที่พึ่งมาง้อขอคืนดีมันกำลังยิ้มแป้นตีหน้าระรื่นอยู่กับชะนีนางหนึ่งนะสิ หุ่นเหิ่นจะบางไปไหนสรวดทรงองเอวนี้จะกิ่วไปกว่านี้ไหมแล้วหน้าอกที่ชันจนจะทิ่มหน้านั้นไปทำหมอไหนหมดไปกี่แสนกี่ล้าน เบ้าหน้าสวยอลังแบบนั้นอีก ผิวก็ขาวยังกะกินหลอดไฟนีออนเป็นอาหาร

สรุปแล้วสวยสัสๆ สวยวัวควายความล้มอะ

“ไอ้คริส มึงจะรีบกระดกไปทำเชี่ยไรไวป่านนั้น?”

“ไม่ต้องบ่น ชงมา!”

ปากโวยวายแต่ตายังจ้องไปที่ด้านล่างอย่างไม่ลดละ รู้ว่าถ้ามองแล้วจะยิ่งหงุดหงิดแต่ก็เลิกมองไม่ได้อีก โอ้ยยยยย ไอ้เหี้ยแม่งก็ยิ้มระรื้นฉิบหาย เมื่อกี้หมาที่ไหนมันง้อกูเป็นพุดเดิลชิวาว่าผสมไทยหลังอานอยู่เลยวะ

“ไอ้คม! อีกแก้ว!!”

“ไวไปแล้วมึง”

“เอามา!”

“เออๆ แป๊บๆ”

ผมกอดอกมองจ้องมันโดนที่มีมันเหลือบมองตอบกลับมาเป็นระยะ มันทำท่าเหมือนจะผลักไสเจ้าหล่อนอยู่หรอกแต่ก็ไม่ได้ปฎิเสธอย่างแข็งข้อไงครับ คงอยากเลี้ยงเชื้อไว้สินะไอ้หน้าม้อเบอร์สี่ ผมนั่งกินไปเฉยๆหงุดหงิดไปก็กินไปไม่ได้ไปวุ่นวายอะไรด้วยจนคนแรกมาเกาะไม่ปล่อยคนที่สองก็ตามมาติดๆแล้วก็คนที่สามสี่ จนตอนนี้มันแทบจะสร้างฮาเร็มได้แล้วมั่งครับ

“โว๊ะ! หมั่นไส้แม่ง!!”

“เชี่ยคริส ของขึ้นอะไรอีกละมึง?”

ไอ้มิกซ์โวยวายตามมาอีกทอด คราวนี้แม่งพัฒนาหน่อยตรงที่มันยังหันมาสนใจผมแทนโนตมตรงหน้าที่สายเดี่ยวไม่เสียวก็หลุดจนชุดกลายเป็นเกาะอกไปซะชิป

“เสือก!”

“เอ๊าไอ้นี่ คมมึงไปจัดการเพื่อนมึงดิ”

“เพื่อนกูก็เพื่อนมึงไหมไอ้ควาย”

ผมเลิกสนใจไอ้พวกบ้าทั้งสองคนนั้นแล้วกินต่อ ไม่รู้หมดไปกี่แก้วแต่มารู้สึกตัวอีกทีคือไอ้นายกลับมานั่งข้างๆพร้อมกับไอ้พี่ครอสนั้นแหละ

“คริส ใครบอกให้กินเยอะขนาดนี้วะ”

“ยุ่งน่า”

“เมาแล้วมึงอะ ป่ะ กลับบ้าน”

“ม่ายเมา ม่ายกลับ”

“กลับเหอะคริส กูก็จะกลับแล้วเหมือนกัน”

“มึงไม่ต้องมาพูด มึงหายไปหนายมาวะ ไปห้องน้ำเชี่ยรายนานสัสอ่า”

“พูดไม่ชัดแล้วมึงอะ กลับบ้านเว้ย”

“พี่ก็เหมือนกัน แม่งทิ้งน้อง”

“กูก็กลับมาแล้วนี่ไง ลุกดิวะ หรือต้องให้กูอุ้ม?”

“ไปไกลๆตีน”

“กูพี่มึงนะเว้ย”

“พี่เชี่ยไรทิ้งน้อง แถมยังมีความลับกับน้องอีกอะ ที่โผมยังไม่มีอารายปิดเลย พี่แม่งตอแหลสาส”

“ไอ้นี่ ยิ่งเมาปากยิ่งวอนหาเรื่องนะมึง”

“เหี้ย!!!”

สะดุ้งโหย่งกันทั้งแถบ

“ร้องทำเหี้ยไรวะคริส?”

ผมไม่ตอบ นาทีนี้กูจ้องตาไม่กระพริบอยู่ แต่ไม่นานขาก็พาผมก้าวลงจากชั้นลอยลงไปยังชั้นล่างเดินฉับๆไปจนถึงบาร์และกระชากคอเสื้อไอ้ยักษ์มาใกล้ก่อนจะดึงแม่งเข้ามาดูดปากแม่งตรงนั้น

“เห้ย!”

“เหี้ย!!”

“ไอ้คริส!!!”

“กรี๊ดดดดด!!!!!”

สารพัดเสียงรอบข้างที่ดังขึ้นมาในทันทีแต่นาทีนี้กูไม่สน! กูสนอยู่อย่างเดียวคือเส้นอะไรสักอย่างมันขาดผึ่งเอาตอนที่ไอ้เหี้ยนี้มันโดนชะนีนางโนตมอกไซต์300ซีซีกระชากเข้าไปจุ๊บปากเอาดื้อๆนั้นแหละ

“มึงมันเหี้ย มึงมันใจง่าย มึงมันไอ้ยักษ์ไม่มีหัวใจ ไอ้บ้าอำนาจ ไอ้สารเลว!!!”

“หึ”

“หัวเราะเหี้ย!?!”

กูโคตรหงุดหงิดแต่มึงเสือกยิ้มหน้าระรื่นแถมหัวเราะออกมาอีกอะ มึง! มึง!! มึงงงง!!!!

“ร้องไห้ทำไมครับ หืม?”

ห่ะ?

ใครร้องไห้??

“คริส!”

ผมหันไปมองพี่ครอสที่ยืนอยู่ไม่ใกล้แต่แค่แป๊บเดียวผมก็โดนใครอีกคนดึงเข้าไปแทบจะกอดทั้งตัว

เดี๋ยวนะ เมื่อกี้กูร้องไห้เหรอ แล้วกูร้องทำไมวะครับ

“ไม่ต้องกลัว ยังไงพี่ก็รักคริสแค่คนเดียว มีคริสแค่คนเดียว เมื่อกี้พี่เผลอไปหน่อยพี่ขอโทษครับ”

นอกจากเสียงที่ทุ้มต่ำก้องกังวานไปทั้งหูชวนอุ่นซ่านไปทั่วทั้งใจแล้วยังรับรู้ได้ถึงสัมผัสอันอ่อนโยนที่ลูบไล่ขึ้นลงอยู่ที่แผ่นหลังอีกข้างก็ขยี้หัวเบาๆไปด้วยอีก

จุกชะมัด จุกไปทั้งใจจนกลายเป็นก้อนสะอึกไม่นานก็สะอื้นไหลทะลักเป็นสายน้ำจากดวงตาไปโดยปริยาย มือผมกำที่ชายเสื้อมันแน่นจนยับยู่ยี่ ได้ยินเสียงมันเรียกชื่อซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนสติขาดช่วงไปในเวลาต่อมา

ทำไมผมถึงมีความอดทนต่ำถึงขนาดนี้นะ

ทั้งๆที่คิดว่าใจตัวเองแข็งใช่ย่อยแล้วนะ

แต่ก็ยังอดแสดงความรู้สึกจากเบื้องลึกออกมาไม่ได้

หรืออาจจะเพราะความเมาที่ทำให้มันสิ้นสุดและมีบางอย่างปะทุโดยยับยั้งอะไรไม่ได้

นั้นสินะ คงเป็นเพราะเหล้าที่ทำให้เราเผลอไผลไปอย่างนั้น

“เลิกหนีหัวใจตัวเองได้แล้วมั้งครับที่รัก”

ใครมากระซิบอะไรข้างๆหูเนี่ย

รู้ไหมว่ามันจักกะจี้

คนจะนอนแม่งมากวนอยู่ได้


Tbc…

รู้แล้วใช่ม่ะ เรื่องราวคุณพี่ชาย ส่วนน้องคริส..ยังค่ะ น้องยังไม่ได้ใจอ่อน เพียงแค่อ่อยในระยะอันตราย ฮ่าๆๆๆ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-04-2017 22:50:25 โดย MyMinT1990 »

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
สัมผัสที่ 30


- ทีครอส -



ผมไม่รู้จักคำว่า ‘แอบรัก’ ครับ ก็คนมันไม่เคยเป็นไม่เคยรู้สึกและไม่เคยสัมผัสถึงมันมาก่อนจนกระทั่งมาสังเกตเห็นใครบางคนที่ค่อนข้างจะสนิทสนมกับน้องชายผมจนน่าแปลกใจ ไอ้การสนิทสนมในฐานะเพื่อนก็ใช่ว่าจะผิดแปลกอะไรแต่ไอ้การสนิทมากไปมันก็น่าสงสัยไงครับ ผมเลยลอบสังเกตการณ์มาโดยตลอดจนแน่แก่ใจแล้วนั้นแหละถึงได้ถามออกไปตรงๆแบบ...

“มึงชอบน้องกูเหรอ?”

คนถูกถามซึ่งกำลังดื่มด้วยอารมณ์ที่คลุมเครือถึงกับพ้นของเหลวในปากก่อนจะไอค๊อกแค๊กจนผมต้องดึงทิชชู่ส่งไปให้

“แค่กๆ ขอบคุณ แค่ก”

ผมพยักหน้ารับ รอจนคนข้างๆหายสำลักแล้วจึงเอียงคอมองเหมือนจะเค้นเอาคำตอบแต่ไม่ได้เอ่ยปากไงครับ

“จ้องอะไรครับ?”

“มึงยังไม่ตอบกูเลย”

มันกรอกตาไปมาแล้วยกแก้วเครื่องดื่มแอลกอฮอร์สีทองอำพันขึ้นกระดกต่อ ผมไหวไหล่แล้วยกแก้วของตัวเองขึ้นดื่มบ้าง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เรามาด้วยกัน แต่อาจจะเป็นครั้งแรกที่ผมถามแบบนั้นออกไปและท่าทีเลิกลักแบบนั้นก็เป็นข้อพิสูจน์ในสิ่งที่ผมคิดได้เป็นอย่างดี

ผมไม่ได้มีอคติอะไรกับเกย์นะครับ จะไปมีได้ยังไงในเมื่อน้องชายของตัวเองก็เป็น แต่ผมไม่มั่นใจว่าเพื่อนของน้องชายที่นั่งอยู่ข้างๆผมนี่...มันเป็นเกย์เหรอ?...ไม่น่าใช่นะ เพราะเท่าที่รู้จักมักคุ้นจนให้มันเป็นสายในการสอดส่องน้องชายตัวแสบอย่างคริสตัลนั้นก็เป็นตัวชี้วัดว่ามันไม่มีการเบี่ยงเบนไปในทางที่เรียกว่าเกย์เลยสักนิด ไม่ได้ออกสาวไม่มีการมองหนุ่มๆคนไหนเผลอๆยังมีกิ๊กๆกั๊กๆเป็นสาวสวยอีกต่างหาก

แต่เรื่องที่มันชอบน้องผมนั้น จริงแท้แน่นอน

“คิดไงมาชอบไอ้คริสวะ?”

ผมถามลอยๆตามองไปที่จอทีวีเหนือชั้นโชว์เหล้าหลากหลายสรวดทรง เรานั่งดริ้งส์ชิลๆกันที่บาร์นะครับ เกิดเสียงหัวเราะขึ้นเบาๆและนั้นก็ทำให้ผมเลิกคิ้วแล้วหันไปมอง

“ที่พูดออกมานะ พี่มั่นใจแล้วเหรอ?”

“ก็พอตัว”

“เหมือนอย่างที่พี่รู้ว่าไอ้คริสเป็นเกย์แต่ไม่พูดนะเหรอ?”

“หึ”

มันยกเหล้าขึ้นดื่มต่อจนหมดแล้วก็เรียกบาร์เทนเดอร์มาเสิร์ฟให้ใหม่ วันนี้มันมีอาการแปลกๆเหมือนจะโกรธๆปนเศร้าไปอีกทบ จริงๆก็เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ช่วงที่ผมพาคริสกลับบ้านมาแล้ว ก่อนหน้านี้มันติดต่อคริสไม่ได้ก็เทียวโทรมาหาผมเป็นระวิง แต่ผมไม่อยากบอกเรื่องราวทั้งหมดเลยบอกแค่ว่าคริสไปต่างจังหวัด

“แต่ไม่ยักกะรู้ว่ามึงก็เป็น”

“ผมป่าว...”

“หืม?”

“ผมไม่ได้เป็นเกย์ ไม่ได้ชอบผู้ชายโดยกมลสันดาน...”

ผมยกแก้วในมือขึ้นดื่มต่อไปชิลๆ

“แต่ผมชอบมันจริงๆแหละ”

“..........”

“พี่รับได้เหรอที่มีผู้ชายมารักมาชอบน้องตัวเอง?”

ผมยิ้มน้อยๆ

“ทำไมต้องรับไม่ได้?”

“ก็ไม่รู้สิ แต่คนปกติทั่วไปต้องคัดค้านสิ น้องพี่เป็นผู้ชาย คนที่มาชอบก็เป็นผู้ชาย พี่ไม่คิดจะขัดขวางเพื่อให้น้องพี่ไปมีครอบครัวเหมือนคนปกติทั่วไปบ้างเหรอ?”

“นี่เป็นเหตุผลที่มึงไม่เดินหน้าจีบไอ้คริสใช่ไหม?”

แทนที่จะตอบผมกลับถามกลับจนไอ้นายนิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง คนอื่นอาจจะคิดว่าคำถามของมันเมื่อครู่เป็นคำถามทั่วไปแต่คนอย่างผมมองออกครับว่ามันแฝงทัศนคติของเจ้าตัวมาแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย

“พี่นี่ฉลาดอย่างที่ไอ้คริสบอกจริงๆแหละ”

“หึ”

“แต่อีกนัยผมก็กลัวเสียเพื่อนด้วย มันเคยจริงจังกับใครที่ไหน เห็นแบบนั้นก็ร้ายใช่ย่อย”

ผมไม่ตอบโต้แต่แอบเห็นด้วยกับมันนะครับ คริสตัลร้ายแบบไม่เปิดเผย ถึงจะดูมีโลกส่วนตัวแต่ถ้าเจ้าตัวชอบคือจะเฟรนลี่เต็มที่แต่พอได้ที่ต้องการแล้วก็เฉดหัวไม่สนใจอะไรอีก เอาแต่ใจแบบร้ายๆ ดื้อเป็นนิสัย แถมยังต้องได้ในสิ่งที่ตนต้องการ

...เหมือนอย่างผม...







“มึงไปบอกเค้าเลยว่ากูมีคนที่สนใจอยู่แล้ว ไม่รับเคสนอกเดี๋ยวเค้าจะหาว่ากูไม่เอาจริง”

พวกที่ได้ยินต่างอึ้งไปตามๆกันเมื่อผมเอ่ยประโยคเมื่อครู่ออกไป คริสตัลถึงกับเหวอแต่ในคลองสายตาผมก็มีสีหน้าระคนตกใจของใครอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆคริสตัลในอีกด้าน ผมกดยิ้มที่มุมปากแล้วยกแก้วเหล้าตรงหน้าขึ้นดื่มต่อ นานเท่าไหร่แล้วนะที่ผมไม่ได้เห็นปฎิกิริยาที่น่าสนุกแบบนี้

เอาเข้าจริงผมก็ไม่ได้หมายถึงคนที่สนใจในสถานะที่พวกมันคิดหรอกครับ แต่ผมหมายถึงใครบางคนที่ผมลอบสังเกตอากัปกิริยาด้วยความสนุกสนานมาได้สักพักใหญ่ๆ วันนี้มันแสดงท่าทีหึงหวงเล็กๆโดยการพาดแขนไปกับขอบโซฟามายังด้านหลังของคริสตัล คงเห็นละมั่งว่ามีคนจ้องน้อมผมมากขนาดไหน สบโอกาสตอนที่คริสเอนไปพิงอีกยิ่งทำให้ยิ้มจนปิดอาการไม่มิดซะขนาดนั้น

ดีใจถึงขนาดนั้นเลย?

“ไม่ตามลงไปเหรอ?”

มันหันมาถามผมเมื่อคริสตัลลงไปนั่งที่บาร์ด้านล่าง มันคงแอบลงไปหาบาร์เทนเดอร์คนนั้นเพื่อหาโอกาสดื่มตามความอยากของมันนั้นแหละ

“ไม่ละ”

“ทีเมื่อกี้ละทำหวง”

“ใครกันแน่ที่หวง?”

มันจิ๊ปาก คงไม่คิดว่าผมจะดูออก เพื่อนมันอีกสามคนก็สนุกกันไปกับพวกสาวๆที่ไปคุยมาได้จนเจ้าหล่อนทั้งหลายเดินเข้ามาร่วมโต๊ะด้วยในที่สุด ผมปฎิเสธการนัวเนียเพราะขี้เกียจเทคแคร์ส่วนไอ้นายก็ปฎิเสธเหมือนกัน

“เชี่ยนายมึงถอดเขี้ยวเล็บแล้วอ่อวะ?”

มิกซ์แซวกลับมาเมื่อเห็นว่ามันไม่รับการเทคแคร์จากสาวๆ

“เสือกวะคนเรา”

“สัส”

“มึงอย่าไปแซวเชี่ยมิกซ์ ไอ้นี่มันยิ่งเฮิร์ทๆอยู่ เดี๋ยวมันกระโดดมากัดคอมึงเข้ากูไม่ช่วยนะเว้ย ฮ่าๆๆ”

ผมกระตุกยิ้ม ไอ้คมพูดมางี้แสดงว่ามันเองก็คงดูออกเหมือนผม

“หุบปากแล้วแดรกไปเลยพวกมึง จะแดรกทั้งนมทั้งเหล้าก็สุดแล้วแต่ใจอยากไปเลย”

“ฮ่าๆๆ แม่งพูดดี มานี่ม่ะน้องมีมี่ ไอ้นั้นไม่เล่นแต่พี่ชอบเล่นทีละหลายๆคนนะจ้ะ”

ฟังดูเหมือนป๊าเรียกหาน้องหนูแปลกๆ นี่เพื่อนน้องผมเป็นคนแบบนี้หรอกเหรอวะครับ

ผมหันไปมองที่น้องชายที่ยังนั่งอยู่ด้านล่างเห็นถือแก้วค๊อกเทลสีหวานแล้วก็ต้องถอนหายใจ แต่ก็ปล่อยไป อยากแดรกก็แดรก แค่ค๊อกเทลไม่น่าจะเมาได้สักเท่าไหร่

“ไอ้นั้นก็เป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยนะ”

ผมหันไปมองคนพูดซึ่งตอนนี้มันขยับมานั่งใกล้ผมมากกว่าเดิมเพราะที่มันโดนสาวๆนั่งเสียบแทนเป็นที่เรียบร้อย

“บาร์เทนเดอร์นะเหรอ?”

“ใช่”

“รู้จัก?”

“ไม่ แต่เท่าที่ดูผมก็พอจะรับรู้ได้”

“พวกเดียวกันว่างั้น?”

“พวกที่จ้องจะงาบน้องพี่ต่างหาก”

“ก็รวมถึงมึงด้วยไหมละ?”

“ผมไม่ได้จ้องจะงาบ ผมแค่...”

มันหยุดพูดแล้วเหล่ตามองบรรดาเพื่อนๆของมัน

“แต่มันเหมือนมึง”

“ห่ะ?”

“จ้องอยากได้แต่ไม่คิดเอาจริงๆ”

“พี่รู้จัก?”

“ก็ไม่เท่าไหร่”

ก็แค่ข้อมูลพื้นฐานที่ให้นักสืบหามาให้อะนะ ใครที่คิดว่าการตามติดชีวิตน้องชายของผมเป็นเรื่องเล่นๆนั้นคุณคิดผิด ผมจริงจังเสมอถ้าเป็นเรื่องของคนในครอบครับ ถึงขนาดให้เพื่อนสนิทของเจ้าตัวการอย่างนายมาเป็นหนอนให้อีกคนนี่ไง

“แล้วจะไปไหนนะ?”

ผมถามเมื่อเห็นว่ามันกำลังจะลุกไปไหนสักที่

“ห้องน้ำ ทำไมครับ จะฝากผมฉี่ด้วยรึไง?”

“กวนตีน”

“หึหึ”

เป็นอีกครั้งที่มันยิ้มกว้างจนเห็นเขี้ยวโผล่ออกมาหน่อยๆ ไอ้นายมันไม่ได้ดูสวยเหมือนน้องผมก็จริงแต่มันก็ดูดีในระดับหนึ่งนะครับ หุ่นไม่ได้ผอมบางมีเนื้อหนังเหมือนชายวันยี่สิบต้นๆทั่วไป ส่วนสูงก็ไม่ได้สูงมากแต่เตี้ยกว่าผมแน่นอน

ผมนั่งดื่มไปมองน้องชายไปจนกระทั่งมีสายเข้าจากไคที่เฝ้าอยู่ด้านนอก ผมเลือกไม่รับสายแต่เดินออกไปหาที่ด้านนอก โดยที่ไม่ลืมบอกเพื่อนน้องว่าจะออกไปที่รถนิดหน่อย

“ว่าไง?”

“อั๋นโทรมารายงานว่านายทรงพลอยู่ที่โรงแรมข้างๆดูเหมือนจะนัดกับทางCDGครับ”

“งั้นเหรอ”

ผมเหยียดยิ้ม

CDGคือบริษัทอสังหาฯคู่แข่งอีกหนึ่งแห่งของผม ส่วนนายทรงพลก็เป็นหนึ่งในลูกหนี้ของผมซึ่งมีเกณฑ์ว่าจะหนีหนี้ในเร็ววันผมเลยต้องสังอั๋นไปตามดูก่อนที่จะส่งคนไปจัดการอีกทีถ้าเกิดหนีขึ้นมาจริงๆ

“ไปทักทายสักหน่อยแล้วกัน”

ว่าแล้วก็เดินไปยังลิฟท์พร้อมกับไค ตอนแรกไม่ได้อยากจะลงมือเองหรอกนะแต่เมื่อมาอยู่ใกล้ขนาดนี้แล้วก็ขอเสนอหน้าไปให้หวาดผวาเล่นหน่อยก็แล้วกัน

ผมใช้เวลาไม่นานในการไปหาถึงที่โดยที่นายทรงพลกำลังเจรจาอยู่กับผู้ชายอีกคนจากฝั่งCDG คนๆนี้คือเลขาของนายศักดิ์ดาผู้ซึ่งเป็หนึ่งในสี่หุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทนั้น ดีที่ทางนั้นเลือกนั่งเจรจากันที่เลาส์ของโรงแรมซึ่งทำให้ผมเข้าไปหาได้อย่างง่ายดาย ผมโผล่เข้าไปทักทายตามที่ตั้งใจไว้พูดอะไรไม่นานก็ออกมาแต่นายทรงพลหน้าซีดปากสั่นจนผมอยากขำ อีกฝ่ายที่นัดมาก็ดูเหมือนจะหมดความเชื่อถือในคนที่นัดจนปฎิเสธการยื่นขอเสนอไปซะงั้น นี่ผมแค่ไปทักทายเองนะ ไม่ได้ทำอะไรร้ายแรงเลยจริงๆ

ผมเดินออกมาจากโรงแรมนี้ก่อนจะขึ้นรถแล้วกลับไปยังโรงแรมเดิมจนขึ้นไปถึงชั้นบาร์และก็เห็นใครบางคนกำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ที่โซนสูบด้านนอกด้วยสายตาที่เหม่อลอย ไม่รู้ทำไมแต่ผมถึงกับนิ่งค้างยืนมองคนๆนั้นอยู่หลายนาทีก่อนที่จะตัดสินใจเดินเข้าไปหา

“มึงสูบบุหรี่ด้วยเหรอ?”

นายมันหันมามองผมก่อนจะหันกลับดูดไปอีกเฮือกแล้วพยักหน้าตอบ

“พี่เอาด้วยป่าว?”

“กูไม่สูบ”

“จริงดิ? อ้อ อย่างพี่คงต้องระดับซิก้าสินะ”

“ป่าว แต่ยังไม่มีอารมณ์สูบ อีกอย่าง...คริสมันไม่ชอบคนสูบบุหรี่”

ประโยคหลังจะไม่จริงแต่ผมแค่อยากเห็นปฎิกิริยาของคนตรงหน้าซึ่งอาการที่เห็นก็คือมันชะงักไปนิดกรอกตาหน่อยๆแล้วขยี้บุหรี่ทิ้งทั้งที่ยังเหลือเกินครึ่ง ผมกดยิ้มที่มุมปากพอใจกับสิ่งที่เห็นจนนายมันเห็นแล้วก็เลิกคิ้วมอง

“ยิ้มอะไรไม่ทราบ?”

“ก็แค่คิดว่า...”

“ว่า?”

“มึงนี่ก็น่ารักดีนะ”

“ห่ะ!?!”

ไม่ค่อยจะตกใจเลยเนอะ ทั้งหน้าทั้งเสียงนี่ไปหมดจนผมหลุดหัวเราะออกมาไม่ได้

“ใครน่ารัก?”

“ก็บอกว่ามึงไง”

“พี่กินยาลืมเขย่าขวดเหรอหรือแพ้เหล้าจนสมองกลับ?”

เอาเข้าไปสิ

“แล้วนี่พี่ไปไหนมาอะ?”

“อ้อ ไปเคลียร์งานนิดหน่อย”

“หืม นี่พี่ทำงานตลอด24ชั่วโมงเลยป่าวเนี้ย”

“หึ ก็คงจะอย่างนั้น”

“จะฟิตๆไปไหน แค่นี้ยังรวยไม่พอรึไง”

“ก็นะ พอดีมีน้องชายแต่น้องไม่แบ่งเบาเลยต้องทำเองทุกส่วนนั้นแหละ”

“หึหึ”

พอยกเรื่องของคริสมาพูดทีไรไอ้นี่มันยิ้มออกตลอดเลยครับ

“ชอบมันขนาดนั้นเลย?”

“อะไรของพี่อีกวะเนี้ย?”

“ก็แค่อยากรู้”

“พี่ก็รู้อยู่แล้วนี่”

“แต่อยากได้ยินจากปากมึง”

มันเงียบแล้วหลบตาไปมองยังวิวนอกบานกระจกหนา ท้องฟ้ามืดแต่ไม่สนิทเพราะมีแสงไฟของมหานครส่องสว่างไปทั่วทั้งอาณาบริเวณ

“ทีเรื่องสำคัญๆมึงมักไม่พูดมันออกมาซะอย่างนั้น แล้วไอ้คนที่ตามไม่ทันมันจะไปรู้ได้ยังไงละ”

“ก็ไม่ได้อยากให้รู้อยู่แล้ว”

“อืม”

“แล้วพี่ก็อย่าไปบอกมันนะ”

ขู่มาไม่พอยังมีการหันมาจ้องสายตาดุๆไปด้วยอีก แต่มันยังดุไม่ได้ครึ่งของผมหรอกครับ

“ไม่รู้สิ ถ้าเผลอหน่อยอาจมีหลุด”

“เห้ย! ได้ไงอะ!?!”

“หึหึ”

“พี่แม่ง”

ผมยิ้มอย่างเดียวเลยครับ

“นี่แกล้งยั้วผมใช่ไหม?”

ดุเหมือนมันจะหงุดหงิดนะ แต่ก็น่าแกล้งดี

“คิดว่าไง?”

“คิดว่าเจ้าเล่ห์ทั้งพี่ทั้งน้อง ผมละเกลียดสายตาแบบนี้ชะมัด”

ผมไม่รู้ว่าสายตาที่มันพูดถึงเป็นแบบไหนหรอกครับ

“สายตาแบบไหน?”

“เหมือนสนุกอยู่กับการปั่นป่วนคนอื่น ไอ้คริสนี่ที่หนึ่งเลยเรื่องแกล้งคนอื่น”

“ใช่เหรอ?”

“โหย พี่ไม่รู้จริงอะ วีรกรรมมันเยอะจะตาย เห็นทีแรกเงียบๆหงิมๆนึกว่าสงบเสงี่ยม ไปๆมาๆติสแตกยิ่งกว่าใครซะอีก....”

แล้วมันก็เล่ายาวโดยที่ผมเองก็นั่งฟังไปเพลินๆชนิดที่ลืมเวลากันไปเลยทีเดียว ถึงเรื่องที่มันเล่าจะเป็นวีรกรรมอันมากมายของน้องชายผมจนดูเหมือนนิทาอยู่กลายๆแต่ผมก็ไม่ได้โกรธหรือหงุดหงิดอะไรเลยนะครับ

ปกติมันต้องมีอารมณ์ขึ้นกันบ้างสิที่มีคนมาว่าร้ายให้น้องตัวเอง

แต่นี่ก็ไม่ใช่การว่าร้ายนี่เนอะ

เอาเป็นว่าช่างมันแล้วกัน

“อ้าว จบแล้วเหรอ?”

ผมถามเพราะจู่ๆมันก็หยุดพูดแล้วมองสบตาผมนิ่งๆอยู่อย่างนั้น

“เออ..พี่ยิ้มมากไปหน่อยไหมอะ?”

“หืม?”

“ก็มันไม่ค่อยชิน ไอ้ตาวิ๊บๆวั๊บๆนั้นคืออะไร?”

ผมขมวดคิ้ว

“กูทำงั้นเหรอ?”

“ใช่สิ สักพักแล้วด้วย เล่นเอาผมไปไม่เป็นเลยเนี้ย”

“อ้อ งั้นก็โทษที”

“ไหนไอ้คริสบอกว่าพี่โหดวะ นี่ไม่เห็นจะโหดตรงไหน”

ผมเลิกคิ้ว

“มันบอกงั้นเหรอ?”

“ใช่”

ผมยิ้มเมื่อคิดอะไรได้สักอย่าง

“แล้วอยากเห็นบทโหดไหมละ?”

“ยังไง?”

“อืม ยังไงดีละ...”

ผมทำท่าคิดอยู่ชั่วครู่

“ช่วงนี้ปิดเทอมแล้วใช่ไหม?”

มันพยักหน้า

“งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้จะพาไปที่ๆหนึ่งแล้วกัน”

“เห้ย จะพาผมไปฆ่าป่าวเนี้ย”

“คิดได้เนอะ แค่จะพาไปดูงานด้วย”

“ดูงานแล้วมันโหดตรงไหน?”

ผมยิ้ม

“โหดตรงที่เป็นงานนั้นแหละ"





*********************************************************************************************





ภายในโรงงานเกือบร้างแห่งหนึ่งซึ่งห่างไกลจากตัวเมืองมามากโข ผมก้าวย่างเข้าไปหาชายวัยกลางคนที่นั่งคุกเข่าหน้าซีดปากสั่นอยู่ตรงใจกลางพร้อมด้วยบรรดาลูกน้องของผมที่ล้อมหน้าล้อมหลังอยู่เกือบสิบคน ที่ต้อนรับอย่างเอิกเกริกนั้นเป็นเพราะชายคนนั้นเป็นถึงข้าราชการระดับสูงแต่ติดหนี้ไว้มากจนไม่มีปัญญาตามแก้เพราะแพ้ให้แก่ความโลภของตนเอง ผมจะไม่อะไรเลยถ้าคนๆนี้ที่เป็นหนึ่งในลูกหนี้ที่ดีมาโดยตลอดแต่จู่ๆกลับคิดหักหลังกันด้วยการนำเรื่องที่ไม่สมควรไปบอกให้แก่ผู้ที่ไม่สมควรบอกจนผมต้องสูญเงินอย่างมหาศาลเพื่อปิดรอยรั่วนี้

“ผมขอโทษ ผมผิดไปแล้ว ยกโทษให้ผมด้วยเถอะครับ”

เสียงที่ฟังดูตื่นตระหนกเหมือนคนรักตัวกลัวตายแบบนี้ผมได้ยินมาจนชิน รอยยิ้มเหยียดค่อยๆผุดขึ้นบนใบหน้าจนบรรยากาศเย็นยะเยือกขึ้นไปทุกที

“หึ ไม่คิดว่าจะง่ายเกินไปหน่อยเหรอ?”

“ตะ แต่ผมไม่ได้ตั้งใจ ทางนั้นมันข่มขู่ผม”

ผมหัวเราะหึในทันที ผู้ชายตรงหน้าคงคิดว่าผมไม่มีเส้นสายหรือสายสืบที่มากพอ การที่ผมเติบโตขึ้นมาได้ถึงขนาดนี้ไม่ใช่เพราะดวงหรอกนะ ผมไม่สนใจคำแก้ตัวทั้งหลายแล้วหันไปเรียกไคเพื่อรับไอแพดมาเปิดดู

“ยอดหนี้ 4 ล้าน ทบต้นทบดอกก็รวมเป็น 10 ล้านโดยประมาณสินะ..”

ยิ่งคนฟังหน้าซีดลงมากเท่าไหร่ผมก็ยิ่งยิ้มออกได้มากเท่านั้น

“ได้ข่าวว่ามีบ้านอยู่หลายหลังนี่”

นอกจากจะซีดแล้วยังเหวออีกต่างหาก

“หลังที่เชียงใหม่ท่าจะขายได้ราคางาม ลองตีราคาดูแล้วทั้งบ้านและที่ดินคงไม่ต่ำกว่า10ล้านละนะ...”

ผมยังคงเลื่อนหน้าจอไอแพดที่โชว์รูปตัวบ้านเรือนไทยที่ทำจากไม้สักทั้งหลังแถมอาณาบริเวณโดยรอบก็ถูกตกแต่งด้วยแมกไม้พันธ์หายากนานาชนิดไหนจะวิวที่สวยหยดอีกต่างหาก

“ผมขอเลยแล้วกัน แลกกันชีวิตอันเหลวแหลกของคุณ”

“แต่ว่า...”

“ไค”

ผมเรียกลูกน้องคนสนิทโดยไม่สนใจคำทักท้วงใดๆทั้งสิ้น บอกแล้วไงว่าเมื่อผมอยากจะได้อะไรก็ต้องได้ ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์ท้วง ไคเองก็รู้ถึงคำสั่งดีเลยนำเอกสารที่ต้องเซ็นไปยื่นให้ต่อหน้าผู้ชายคนนั้น

“เซ็นชื่อซะ เรื่องจะได้จบ”

“แต่ว่าบ้านหลังนั้นมัน...”

“ผมถือว่าผมให้โอกาสคุณเป็นครั้งสุดท้าย”

เขายังคงนั่งตีหน้าเครียดอยู่เช่นเดิมโดยที่ไม่มีท่าทีว่าจะจับปากกาขึ้นมาเซ็นแต่อย่างใด

“หรือคุณอยากให้ผมเอาเงินจากส่วนอื่นมาแทน?”

เขาเงยหนึ่งมามองด้วยความงุนงง จะไม่ให้งงได้ยังไงก็ในเมื่อเขารู้ตัวดีว่าไม่มีเงินส่วนไหนที่จะนำมาให้ผมได้แล้ว

“เงินบำนาญคนพิการของข้าราชการไง”

เท่านั้นแหละ ไอ้คนตรงหน้าก็แทบจะก้มกราบ ผมได้แต่ยืนมองด้วยความสมเพจโดยที่มีอีกคนที่ยังคงนั่งอยู่ในรถมองดูอยู่ตลอดเวลา นายมันคงได้ยินทุกคำพูดนั้นแหละเพราะรถจอดอยู่ไม่ไกลแถมผมลดกระจกไว้อีกนิดหน่อย

“ไคจัดการต่อที ถ้าไม่ได้บ้านพร้อมโฉนดที่ดินก็เอาแขนเอาขามันสักข้างสองข้างก็แล้วกัน”

“ได้ครับ”

“เดี๋ยวครับคุณทีครอส! ผมขอร้อง แล้วผมจะหามาใช้คืนให้ คุณทีครอส!!....”

ผมไม่สนใจเสียงเรียกร้องของใครแต่หันกลับเดินตรงมายังรถแล้วเข้าไปนั่งตรงฝั่งคนขับแทนที่ไคก่อนจะสตาร์ทและมุ่งหน้าออกจากโรงงานไปในที่สุด

“ปีนมานั่งข้างหน้า”

ไม่มีแม้คำทักท้วงแต่ทำตามอย่างว่าง่าย ผมกดยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อนน้องอย่างชัดๆ มันขมวดคิ้วมุ้ยตีหน้าตึงเหมือนจะคิดหนักทั้งที่ไม่เห็นมีอะไรให้คิดมากเลยสักนิด

“คิดอะไรอยู่?”

“นี่พี่ทำงานเกี่ยวกับอะไรกันแน่?”

“เยอะแยะ ขี้เกียจไล่”

“รวมทั้งยากูซ่าด้วยเหรอ?”

ผมหลุดหัวเราะในทันที ยากูซ่าอย่างนั้นเหรอ พูดอย่างกับหนังการ์ตูนญี่ปุ่นไปได้

“ป่าว”

“งั้นก็มาเฟีย?”

อืม อันนี้ค่อยเข้าท่าหน่อย แต่ก็ยังไม่ใช่อีกนั้นแหละ ถึงมันจะคล้ายๆอยู่ก็ตาม

“ไม่ใช่แต่ก็ใกล้เคียง ทำไม? กลัว?”

“ป่าว ไม่ได้กลัว แค่สงสัย”

ตอบเสียงแผ่วแบบนี้คงเชื่อได้อยู่หรอกนะครับ

“ที่เห็นนะเป็นแค่การขู่ในเลเวล2 ถ้าหนังสุดกูจะลงมือเฉือนมันเองโดยที่ไม่มีแม้ข้อเสนอให้เลยสักข้อ”

“ขนาดนั้นเลย?”

ผมไม่ตอบและยังคงขับรถต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่เร่งรีบ

“แล้วไอ้คริสรู้ไหมเนี้ย เรื่องงานพวกนี้?”

“ไม่มั่นใจแฮะ”

“อ้าว”

“ไม่เคยบอกแต่ก็ไม่ได้ปิดบังนี่”

“ซะงั้น”

พูดถึงคริสตัลแล้วก็อดหงุดหงิดไปกับใครอีกคนไม่ได้ ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก ก็ไอ้เทพทัตนั้นไงครับ เมื่อคืนคริสเมามากแล้วจู่ๆไปดึงไอ้นั้นมาจูบแบบต่อหน้าต่อตา ผมจะกล่าวหาไอ้ทัตนั้นก็ทำไม่ได้เต็มที่เพราะน้องตัวเองเป็นคนเริ่ม ไหนจะไปหลับซบอกมันมือกำชายเสื้อมันแน่นเข้าให้อีก แกะยังไงก็ไม่หลุดจนต้องให้มันพากลับไปนอนที่บ้าน แน่นอนว่าแม่มาเห็นเข้าและให้มันน้องค้างไปด้วยโดยปริยาย กูอยากจะบ้าตายก็ตรงนี้ เมื่อเช้าเลยต้องรีบออกจากบ้านตั้งแต่เช้าทั้งที่มีงานช่วงสาย ไม่รีบออกไม่ได้ครับ กลัวตัวเองจะไปเผลอฆ่าไอ้เวรนั้นเข้าโดยไร้ซึ่งข้อกล่าวหาไง เดี๋ยวโดนแม่เฉ่งตายเลย

“แล้วไอ้คริสละ ตื่นรึยังเนี้ย?”

“ไม่รู้ ยังไม่ได้คุยกัน”

“หึ เสียงหวนไปนะ”

ผมไม่ตอบ

“ไอ้พี่ทัตยังอยู่ที่บ้านละสิ”

“จิ๊”

“หึหึ ถ้าหวงก็ไม่ไปเฝ้าซะเลยละ”

“ก็นัดกับมึงไว้แล้ว”

“แคนเซิลผมก็ได้ ถึงยังไงก็ไม่ใช่ธุระอะไรสำคัญอยู่แล้ว”

เออวะ ก็จริงอย่างที่มันพูด

“ช่างแม่งเหอะ ถ้าอยู่เดี๋ยวกูเผลอฆ่าไปแล้วจะยุ่ง”

“ฮ่าๆๆ เชื่อแล้วครับว่าโหดจริง”

ผมยิ้มออกมาในที่สุด ไม่รู้ว่ายิ้มกับคำพูดของมันหรือรอยยิ้มของมันกันแน่

“แล้วนี่พี่จะพาผมไปไหน?”

“ไม่รู้”

“อ้าว”

“มึงหิวไหม?”

มองดูเวลายังไม่เที่ยงแต่ก็สายมามากพอสมควรแล้ว

“ไม่เท่าไหร่ พี่หิวเหรอ?”

“ไม่”

“งั้นก็กลับบ้านเหอะ ผมอยากนอน พี่ก็ต้องทำงานไม่ใช่เหรอ?”

“อืม”

สรุปคือผมไปส่งมันที่บ้านส่วนตัวเองก็กลับเข้าออฟฟิตมานั่งจมปลักอยู่กับงานของตัวเองต่อ ผมนั่งอ่านนั่งเคลียร์อยู่ไม่นานบรรดาลูกน้องผมก็กลับมาพร้อมกับไคที่มีเอกสารเซ็นชื่อเรียบร้อยส่งมอบให้ผมเสร็จสรรพ ผมโทรเรียกทนายส่วนตัวมาจัดการต่อจนเวลาล่วงเลยไปถึงบ่ายทั้งที่ผมยังไม่ได้ทานมื้อเที่ยงไปซะงั้น



Rrrrrr

ผมหันไปมองโทรศัพท์ส่วนตัวที่แผดเสียงดังลั่น ผมถึงกับถอนหายใจเมื่อชื่อที่โชว์เป็นบุคคลผู้ยิ่งใหญ่และอยู่เบื้องหลังผมทั้งหมดทั้งมวล

“ครับแด๊ด”

/ยุ่งอยู่รึเปล่าทีครอส/

ผมส่งสายตาให้ไคจนไคและทนายพากันออกไปด้านนอกจนหมดผมเลยหันหลังให้โต๊ะมองผ่านกระจกไปยังวิวด้านนอกแล้วคุยกับผู้เป็นบิดาต่อ

“ไม่ครับ คุยได้”

/ไอจะกลับไทยสัปดาห์หน้า/

ผมขมวดคิ้วทันที ก็จะไม่ให้ขมวดคิ้วได้ไงปกติพ่อมาไทยแทบนับครั้งได้ยิ่งเป็นการมาแบบปุ๊บปั๊บแบบนี้ด้วยแล้ว...

“มีเรื่องด่วนอะไรรึเปล่าครับ?”

/เยส/

“เรื่องอะไรครับ?”

/เรื่องของยู.../

“.........”

/กับทางตระกูลเบรน/

ตระกูลเบรนคือตระกูลผู้มีอำนาจระดับโลกที่พ่อสนิทชิดเชื้อด้วยมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่ผมกับคริสไม่เคยไปเจอหรอกนะครับ แล้วทำไมมันถึงมาเกี่ยวข้องกับผมได้

“ขยายความมากกว่านี้ได้ไหมครับ?”

/ฉันอยากให้พวกเราทั้งสองตระกูลเกี่ยวดองกัน และดูเหมือนลูกสาวคนโต มิเกล่า เบรนนั้นรู้จักกับแกอยู่แล้วด้วย.../

มิเกล่า? ใครวะ?

“พ่อเลยอยากจับคู่ให้ผม?”

/ประมาณนั้น ถึงยังไงแกก็ยังไม่มีคนที่หมายตาอยู่แล้วนี่ ใช่ไหม?/

“...คงงั้นมั้งครับ”

/ดี งั้นแล้วเจอกัน อ้อ บางทีมิเกล่าอาจจะไปด้วยนะ เห็นพูดว่าอยากไปพักร้อนที่เมืองไทยเหมือนกัน/

“ครับ”

ผมถือสายค้างจนคนที่ปลายสายตัดสัญญาณไปนั้นแหละถึงได้วางมันลงกับตัก นี่มันถึงเวลาต้องแต่งงานมีครอบครัวแล้วเหรอเนี้ย เอาจริงๆผมก็ยังไม่เคยคิดในเรื่องนี้มาก่อนเลยนะ ชีวิตยังไม่อยากยึดติดกับใครเพราะแค่ครอบครัวผมก็รู้สึกว่ามันเต็มอิ่มมากพอสมควรแล้วไงครับ แต่ก็นะ ผมมันลูกชายคนโตแถมน้องชายยังเป็นเกย์(ถึงแม้พ่อแม่จะยังไม่รู้ก็เถอะ) หน้าที่ผลิตทายาทคงหนีไม่พ้นผมนั้นแหละนะ





TBC...


ใครลุ้นพี่ครอสกับนาย.......

.....ก็จงลุ้นกันต่อไป 55555+

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
สัมผัสที่ 31




ผมรู้สึกตัวด้วยอาการปวดแปร๊บที่หัวจนแทบจะระเบิด ไม่ต้องเดาก็รู้ว่ามันคืออาการแฮงค์โอเวอร์ แต่ที่ไม่เข้าใจคือทำไมผมรู้สึกหนักๆที่เอวด้วยวะครับ

“ปวดหัวเหรอ?”

“อืม”

หืม...

เดี๋ยวนะ...เมื่อกี้ใครเป็นคนถามผมวะ

ว่าแล้วก็ลืมตาเงยหน้าขึ้นไปมองในทันที

“ทัต!”

“อรุณสวัสดิ์ครับ”

ทักกลับพร้อมใบหน้าหล่อๆที่อยู่ในระยะประชั้นชิดจนแทบจะจูบกันได้อยู่ละ

“อรุณสะ...เห้ย ไม่ใช่ดิ ยูมาอยู่นี่ได้ไง?”

พอมองดูรอบด้านมันก็เป็นห้องของผมชัดๆ ห้องที่อยู่ในบ้านที่มีพี่ครอสและแม่และบรรดาพ่อบ้านแม่บ้านทั้งหลายอยู่ด้วยอะครับ

แล้วมันมานอนอยู่บนเตียงเดียวกับกูได้ยังไงวะ!?!

“ขับรถมา”

เวร...

“ไม่ขำ บอกมาว่าทำไมยูถึงมานอนอยู่ตรงนี้ที่นี้และเวลานี้ด้วย!?”

“ไม่ปวดหัวแล้วเหรอ?”

“ปวด”

พยักหน้าหงึกหงักไปด้วยอีก

“งั้นปล่อยมือจากเสื้อพี่แล้วนอนไป เดี๋ยวลงไปเอาชาสะระแหน่มาให้ดื่มแก้แฮงค์”

ผมก้มลงมองดูมือตัวเองที่ยังคงกำชายเสื้อเชิตสีดำของมันแน่นจนยับยู่ยี่ก่อนจะปล่อยและถกมือกลับอย่างไว
เกิดเรื่องเชี่ยไรวะเนี้ย ทำไมกูจำไม่ได้

ไอ้ยักษ์พอได้รับอิสระเลยยันตัวขึ้นนั่งก่อนจะก้าวลงจากเตียงแล้วเดินออกจากห้องนอนไปในที่สุด ผมเองก็ได้แต่มองตาปริบๆ พยายามเค้นสมองนึกถึงเรื่องราวของเมื่อคืนจนภาพเริ่มจะแจ่มชัดไปทุกอณูวินาที

โอ้โหเลยครับ โอ้โห กูนี่ก็ช่างกล้าทำไปได้เนอะ

วินาทีนี้อยากเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนีจริงๆอะ กูทำอารายลงป๊ายยยยยยยยยย

“คริส”

เฮือก!

มันกลับเข้าห้องมาตอนไหนวะครับ แล้วไหนละแก้วชา

“เป็นอะไร? ไปทึ้งหัวตัวเองทำไม?”

อ้าว นี่ผมกำลังทำแบบนั้นอยู่เหรอ?

“แล้ว...แล้ว....”

“เดี๋ยวแม่บ้านยกขึ้นมาให้ ไหวรึเปล่าเนี้ย? ถ้าไม่ไหวจะได้พาไปหาหมอ”

ผมส่ายหัวหวืดเลย จนมันยิ้มขำหลุดเสียงหัวเราะออกมาแผ่วๆแถมยังมีการเดินเข้ามาขยี้หัวกันอีก ผมปัดมือมันออกก่อนจะตีหน้าขึงขังไปจ้องมันตาขวาง

“ตกลงยูมาอยู่นี่ได้ยังไงไม่ทราบ?”

“เมื่อคืนรู้ตัวไหมว่าตัวเองเมามากขนาดไหน?”

ยังจะถามกลับมาอีก แล้วผมจะหลบตาส่ายหัวตอบมันไปทำไมวะครับ

“แล้วยังกำเสื้อพี่ไว้แน่นไม่ยอมปล่อยจนต้องพากลับมานอนด้วยกันแบบนี้ไง”

“ห่ะ!?!”

“หึหึ”

“ไม่ตลกนะเว้ย!”

เอาจริงๆคือกูอายวะครับ ทำไปได้เนอะคนเรา

ก๊อกๆๆ

เสียงเคาะประตูช่วยชีวิต ไม่นานก็มีแม่บ้านคนหนึ่งเดินถือถาดเข้ามาแต่ไอ้ยักษ์มันเสนอหน้าเข้าไปช่วยถือซะงั้นก่อนจะไล่แม่บ้านคนนั้นด้วยคำขอบคุณ ผมกึ่งนั่งกึ่งนอนมองดูมันถือถาดไปวางไว้ที่โต๊ะก่อนจะเทน้ำชาจากกาเล็กใส่แก้วแล้วถือมาให้ผมที่เตียง ผมถกผ้าห่มออกจากแขนแล้วยันตัวขึ้นนั่งดีๆก่อนจะเอื้อมมือไปรับแต่มันก็ถกกลับจนผมขมวดคิ้ว

จะเล่นเหี้ยอะไรอีก

“อย่าจ้องงั้นดิ พี่แค่เห็นว่ามันยังร้อนอยู่ เดี๋ยวเป่าให้”

“มือมี ปากมี ทำเองได้”

“อย่าดื้อน่า”

“เอามา”

“คริส เดี๋ยวมันหก”

“จานรองก็มี แหกตาดูหน่อยสิ”

“คริส”

“เอามา”

มันถอนหายใจแล้วส่งให้ผมในที่สุด

แค่นี้ก็จบเรื่องไหมวะ

“เชี่ย!”

อุทานลั่นเมื่อมือสัมผัสถูกถ้วยชาแล้วเกิดอาการร้อนจนสะดุ้ง ดีที่คนข้างๆคาดการณ์ไว้อยู่แล้วเลยรีบเข้ามาประคองแก้วจึงทำให้ไม่หกเรี่ยราดใส่ตัวเองไปอีกทบ นิ้วเรียวที่สัมผัสของร้อนถูกนำเข้าปากในทันทีโดนที่ลืมคิดไปเลยว่าคนที่มารับแก้วใบนั้นให้จะโดนทั้งน้ำทั้งความร้อนไปมากขนาดไหน

ทัตเอาแก้วไปวางไว้ที่โต๊ะข้างหัวเตียงดึงทิชชู่มาเช็ดมือแล้วจึงหันไปหาคนดื้อที่ยังคงอมน้ำตัวเองดวงตารื้อน้ำดูน่าสงสารอยู่เป็นนัย รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าอีกครั้ง

“เป็นไงละคนเก่ง?”

เหลือกตามองคนถามเขม่งแต่คนโดนจ้องก็ใม่ได้เกรงกลัวแต่อย่างใด

“เอามือมานี่สิ พี่จะดูให้”

“ไม่เป็นไร”

พูดทั้งที่ยังมีมือคาอยู่ในปาก

เด็กดื้อก็ยังเป็นเด็กดื้ออยู่วันยันค่ำ

“น่า นิดเดียว”

คนถูกถามหลุบตาลงต่ำ

“คริสครับ พี่เป็นห่วง”

ทั้งที่ตัวเองโดนไปเยอะกว่าแต่ก็ไม่แสดงอาการเพราะห่วงคนน้องมากกว่า

สักพักมือเรียวก็ยื่นมาให้คนพี่ที่ยังคงรอดูอย่างใจเย็น ทัตเห็นว่าไม่มีอาการอะไรมากแค่แดงนิดหน่อยพอถามว่าแสบไหมออกร้อนไหมคนน้องก็บอกไม่เท่าไหร่เค้าเลยลุกไปหาผ้าผืนเล็กไปชุบน้ำเย็นบิดหมาดแล้วนำมาประคบให้ ตอนนั้นเองที่เด็กดื้อเห็นมือคนพี่ที่เริ่มแดงเถือกแล้วก็นึกขึ้นได้

“โดนลวกเหรอทัต?”

คนถูกถามยกมือตัวเองขึ้นดู

“อืม แต่ไม่เป็นไรหรอก”

“ไปหายามาทาเดี๋ยวนี้เลย”

“ก็กำลังไปหา ต้องไปเอามาทาให้เราอยู่แล้วด้วย”

คริสพยักหน้ารับปล่อยให้คนตัวโตลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปอีกครั้งส่วนตัวเองก็ล้มตัวลงนอนเอาผ้าห่มขึ้นคลุมทั้งตัวด้วยความรู้สึกที่ตีรวนอยู่ในอก เอาจริงๆก็พอรู้ว่าตัวเองก็รู้สึกแต่ไม่คิดว่ามันจะรุนแรงขึ้นได้ไวขนาดนี้ แล้วอย่างนี้จะหยุดมันได้ยังไงกันละ ทั้งที่พยายามจะห่างจะเลิกจะหยุดทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกันแต่ทัตก็ตามเค้าเค้ามาตลอด ตามอย่างไม่ลดละและไม่มีวี่แววว่าจะเลิกตามซะด้วย

...เจอของจริงเข้าให้แล้วสิ คริสตัล...







“เป็นยังไงบ้างจ้ะพ่อเด็กดื้อ?”

ทันทีที่ลงมาถึงห้องอาหารที่ชั้นล่างเสียงใสของผู้เป็นแม่ก็ท้วงลูกชายคนเล็กในทันที ใบหน้าที่ยังคงสวยสดคลี่ยิ้มแป้นเหมือนจะเยาะเย้ยลูกตัวเองอยู่เป็นนัยจนคนโดนเย้ยหันไปจ้องตัวการที่ปล่อยข่าวเรื่องนี้ให้แม่รู้ ทัตไหวไหล่ทำทีไม่สนใจแต่สะกิดให้เค้าเดินต่อจนพากันไปนั่งลงเตรียมทานมื้อเที่ยงกันแล้วนั้นแหละ

“พี่ครอสละครับ?”

“ออกไปทำงานตั้งแต่เช้าแล้ว แล้วเราละ ยังปวดหัวอยู่ไหม?”

คริสตัลส่ายหัว นั่งรอแม่บ้านยกชามข้าวต้มกุ้งมาเสิร์ฟให้ตรงหน้าแล้วก็อดน้ำลายสอไม่ได้ ทั้งที่ทานรองท้องไปก่อนแล้วเมื่อช่วงสายก่อนนอนอีกรอบเพราะฤทธิ์ยาแก้ปวดหัวพอตื่นขึ้นมาอีกทีก็เที่ยงซะแล้วแถมไอ้ยักษ์ข้างๆนี่ก็ยังไม่ไปไหนอีกต่างหาก

“ทัตละจ้ะ หลับสบายไหมเมื่อคืน? หรือไม่ได้หลับเพราะคนเมากวน?”

คริสที่กำลังซดน้ำซุปถึงกับสำลักจนทัตต้องยื่นน้ำเปล่ามาจ่อปากให้ดื่มพร้อมทิชชู่เช็ดปาก

ให้ตายสิ ทำไมแม่เค้าถึงได้ถามอะไรที่ชวนให้คิดได้หลายแง่หลายง่ามแบบนี้วะ

“หลับสบายดีครับ คริสหลับสนิทดีไม่ได้กวนอะไร”

คนตอบยิ้มกว้างเหมือนไม่ได้คิดอะไรแต่ก็โดนเด็กดื้อทุบขาไปทีด้วยความหมั่นไส้

“ดีจ้ะ งั้นก็ทานกันเถอะ”

ตลอดมื้ออาหารคริสแทบไม่ได้ปริปากพูดอะไรเพราะมีเพียงแม่เค้าที่ยิงคำถามใส่เทพทัตไม่มีหยุด เสียงหัวเราะดังอย่างต่อเนื่องจนใช้เวลาในการกินไปมากกว่าปกติจนน่าเหลือเชื่อ ทัตเองก็ดูอารมณ์ดีและเข้ากับผู้ใหญ่ได้ง่ายผิดกับที่เคยเห็น คริสแอบเซ็งอยากจะกลับขึ้นไปในห้องเพราะตัวเองอิ่มไปนานแล้วแต่พอจะอ้าปากก็โดนสายตาของผู้เป็นแม่จ้องดุๆซะงั้น
นี่ลูกไง ลูกแท้ๆ ลูกในไส้เลยด้วยอ่า

“ช่วงนี้ปิดเทอมกันแล้วนี่เนอะ”

สิริกิตพูดขึ้นลอยๆไม่เชิงถามแต่เหมือนจะเกรินเพื่ออะไรสักอย่าง

“ใช่ครับ ปิดสองสัปดาห์”

“น้องคริสไม่ไปหาพ่อแล้วใช่ไหมลูก?”

คริสพยักหน้ารับ

“ไม่ไปฝึกงานกับพี่เค้าด้วยใช่ไหม?”

 “ครับ งานพี่ครอสน่าปวดหัวจะตาย ผมไม่อยากเข้าไปยุ่งวุ่นวายด้วยหรอก”

“โอเค งั้นก็ว่าง”

“แม่จะพูดอะไรกันแน่?”

“อ้อ พอดีทัตเค้าขอแม่ว่าจะพาคริสไปเที่ยวภูเก็ต แม่เลยถามลูกดูก่อนว่าว่างไหม แม่ไม่อยากให้ลูกอยู่บ้านไปวันๆแล้วก็เที่ยวกลางคืนเมากลับแบบนี้ตลอดปิดเทอมหรอกนะ”

คริสถึงกับอ้าปากเหวอในขณะที่เทพทัตยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ไปถามกับตอนไหนวะ แล้วนี่มันเข้าทางผู้ใหญ่เพื่อหวังอะไรแบบนี้ใช่ไหมเนี้ย

“แต่ผม....”

“หืม?”

“เออ ผม...”

เอาไงดีละ ไม่มีข้อแก้ต่างแถมยังไม่มีแพลนอะไรอย่างที่แม่พูดจริงๆนั้นแหละ จะให้ไปทำงานกับพี่ครอสก็ไม่อยากไป จะไปเที่ยวเองคนเดียวก็คงโดนท้วง แล้วช่วงปิดเทอมแบบนี้ไอ้เพิ่อนตัวดีมันก็ไม่ค่อยจะอยู่รวมกันเป็นกลุ่มก้อนสักเท่าไหร่ด้วยสิ

“ตกลงตามนี้แล้วกัน น้องคริสขึ้นไปอาบน้ำเลยลูก เดี๋ยวแม่ให้นิดขึ้นไปจัดของใส่กระเป๋าให้”

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพวกเราช่วยกันจัดของเอง”

“เอางั้นเหรอจ้ะ”

“ครับ”

“เอางั้นก็ได้ เอ๊า นั่งเอ๋ออยู่นั้นแหละ ลุกสิค่ะลูก”

เห้ย! ตกลงใครเป็นลูกในไส้ของแม่กันแน่อะ ไอด๊อนอันเดอร์สแตนด์

“ไม่ถามความเห็นผมสักคำเลยอะแม่!?”

“ถามทำไม? ถามไปก็ปฎิเสธ ยิ่งดื้อๆอยู่ด้วย”

“แม่อ่า~”

อย่างนี้ก็ได้เหรอวะ

แม่กูโคตรอินดี้

“ไปอาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนชุดแล้วเก็บของให้เรียบร้อย เร็วเลย พี่เค้ารอ”

คนถูกเร่งตวัดสายตาไปจ้องใครอีกคนที่ยังคงนั่งกอดอกลอยหน้าลอยตาอย่างโคตรน่าหมั่นไส้ ไม่นานก็ลุกพรวดพราดเดินกระทืบเท้าออกจากห้องอาหารแล้วตรงกลับไปยังห้องนอนด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียว แม่กับทัตถึงกับถอนหายใจและส่ายหัวไปพร้อมๆกัน

“จริงๆเล๊ยลูกคนนี้”

“แต่เค้าก็เป็นเด็กดีนะครับ”

สิริกิตยิ้มกว้าง

“ทัต”

“ครับ?”

“เราคิดยังไงกับคริสตัล?”

คนถูกถามถึงกับชะงัก ถึงไม่ได้อยากจะปกปิดแต่ถูกรุกถามกับโต้งๆแบบนี้มันก็ต้องมีตกใจกันบ้างละ

“คิดว่าเป็นเด็กที่น่ารักดี”

“แม่หมายถึงความสัมพันธ์”

“............”

“แม่เป็นแม่นะ ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ แค่มองดูสายตาที่เรามองลูกแม่ก็พอจะเดาๆได้แล้ว แต่แม่อยากได้ยินชัดๆจากปากเรามากกว่า”

ทัตถอนหายใจ จะว่าโล่งก็โล่ง แต่ถ้าถามว่าหนักใจไหม...ก็คงหนักแทนใครบางคนซะมากกว่า ก็เค้าคิดจริงจังแน่อยู่แล้วแต่คริสนี่สิ

“ผมรักน้องครับ”

“แบบ?”

“แบบที่คุณรักพ่อของคริสนั้นแหละครับ”

คนเป็นแม่เงียบไปชั่วครู่

“ตั้งแต่เมื่อไหร่?”

ทัตยิ้มน้อยๆก่อนจะก้มลงต่ำ

“ผมก็ไม่รู้ครับว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่ตอนนี้ผมมั่นใจแบบที่ไม่เคยมั่นใจอะไรแบบนี้มาก่อน ผมมั่นใจว่าผมรักเขา ผมอยากมีเขาข้างกาย อยากให้เขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต อยากทำอะไรดีๆเพื่อเขาและทดแทนในสิ่งที่เคยผิดพลาดไป”

“สิ่งที่ผิดพลาด?”

ทัตนิ่งคิดไปแป๊บก่อนจะลงไปนั่งคุกเข่าต่อหน้าหญิงวัยกลางคนที่เป็นแม่ของคนที่รักพร้อมพนมมือไหว้แทบตัก สิริกิตงงงวยกับสิ่งที่เกิดแต่ก็ยังคงนิ่งรอฟังความจริงจากผู้ชายที่พูดได้เต็มปากเต็มคำว่ารู้สึกอย่างไรกับลูกชายของเธอ

ความรักไม่ใช่สิ่งที่ผิดและมันก็เป็นสิ่งที่คาดการณ์ไม่ได้เช่นกัน

ถึงแม้จะเป็นความรักร่วมเพศที่ตนก็ไม่ได้ขัดข้องใดๆแต่ความกล้าที่จะแสดงถึงความจริงจังและจริงใจแบบนี้มันต้องใช้ความกล้าหาญมากทีเดียว

ยอมใจกับคนๆนี้จริงๆ

“ผมต้องขอโทษที่ผมเคยทำร้ายคริสครับ”

“แล้วตอนนี้...”

“มันจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีกครับ ผมสัญญา ไม่สิ ผมสาบานด้วยเกียรติของศิริพัฒนโอฬาร”

เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะแต่ก็ไม่ได้ชวนอึดอัดหรือน่ายินดีแต่อย่างใด

“คุณเกตคะ โทรศัพท์จากคุณคาร์เตอร์โทรมาต้องการเรียนสายด้วยค่ะ”

สิริกิตพยักหน้ารับรู้ให้แม่บ้านก่อนจะหันมายิ้มอ่อนให้เทพทัต

“ลุกขึ้นเถอะจ้ะ แล้วก็...แม่ฝากคริสด้วยนะลูก”

ทัตไม่รู้ว่าตัวเองเคยยิ้มกว้างมากขนาดนี้รึเปล่า แต่ตอนนี้เค้าใจพองจนแทบจะระเบิดออกมาจากในอก

“ด้วยความยินดีครับ!”

สิริกิตลุกขึ้นยืนก่อนที่จะเดินออกจากห้องอาหารตรงไปยังห้องนั่งเล่น หัวหน้าแม่บ้านที่ยืนรอท่าอยู่แถวนั้นก็เดินตามไปติดๆ

“ไม่ใจอ่อนไปหน่อยเหรอค่ะ คนๆนั้นถึงกับเคยทำร้ายคุณหนู....”

สิริกิตยกมือขึ้นในเชิงห้าม มันก็จริงอย่างที่หัวหน้าแม่บ้านพูด แต่...

“ฉันไม่อยากยุ่งในเรื่องนั้นของพวกเขา ถึงแม้คริสจะเป็นลูกที่ฉันรักมากคนหนึ่ง แต่ชีวิตและจิตใจก็เป็นของเค้า ฉันอยากให้เค้าคิดและตัดสินใจเอง ถ้ามันผิดก็รับผลของมันด้วยตัวเอง ถ้าถูกก็ถือว่าเป็นรางวัล แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาไม่ไหวหรือล้มจนลุกไม่ได้ ตอนนี้ฉันถึงจะเข้าไปช่วยพยุง ช่วยให้กำลังใจเพื่อให้เขาได้ก้าวเดินต่อไปด้วยตัวของเขาเอง”


TBC....

ขอโล่รางวัลคุณแม่ดีเด่นแห่งชาติด้วยค่ะ
ปรบมือรัวๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-04-2017 16:17:23 โดย MyMinT1990 »

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
พ่อตามาแล้ว... งานจะเข้าแน่ทัต

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ทัต เข้าหาทางแม่คริส และเข้าได้ดีจนแม่ยอมรับ
ทีครอส จับสังเกตเพื่อนคริส ชอบคริส
แต่ดูท่าทีครอส ก็ชักยังไงๆนะ บอกว่าน่ารักซะด้วย
แต่พ่อก็จะให้ทีครอส แต่งงานกับสาวตระกูลดังเพื่อธุรกิจ
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เกลียดทัตว่ะ เข้าทางแม่มาบังคับน้องยังงี้ได้ไงว่ะ ไปเที่ยวด้วยกันแบบนี้เดี๋ยวก็ใจอ่อนอีกแหล่ะ กลับมาก็คืนดีกันแล้วแน่ๆ เลย ยังไม่ทันจะได้เห็นคริสเล่นตัวเลย คริสอย่าง่ายยอมคืนดีง่ายๆ ซิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
สัมผัสที่ 32



“แม่งเอ๊ย ไอ้ยักษ์บ้านั้นใส่ยาเสน่ห์อะไรให้แม่กินป่าววะเนี้ย เข้าข้างกันดีชิปหาย!”

เสียงบ่นกะปอดกะแปดทำให้คนเข้ามาใหม่ถึงกับยิ้มขำ ดูจากเวลาแล้วคริสตัลน่าจะอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้วจะเหลือก็คงเป็นการแพ็คกระเป๋า

“ให้ช่วยไหม?”

พอเดินไปยืนพิงที่ขอบประตูห้องแต่งตัวพร้อมเอ่ยปากถามคนน้องก็สะดุ้งโหย่งคงตกใจที่เค้าเข้ามาเงียบๆ คนน้องแยกเขี้ยวแต่ไม่ตอบหันกลับไปยัดเสื้อผ้าบางตัวใส่กระเป๋าต่อ ทัตได้แต่ส่ายหัวปลงๆแต่ไม่อยากเข้าไปขัดถ้าเจ้าตัวไม่เอ่ยปากบอกเดี๋ยวจะหาว่าเข้าไปวุ่นวายแล้วตีกันซะเปล่าๆ เค้ายอมยืนรอจนเสร็จจึงเดินเข้าไปคว้ากระเป๋าเป้ใบโตตัดหน้าเจ้าตัวที่กำลังลุกขึ้นยืน คริสตัลเลยสะบัดตัวเดินหนีออกมานอกห้องโดยไม่สนใจเค้าเลยสักนิด ทัตเดินตามคนน้องออกมาจากห้องและลงไปยังชั้นล่างโดยคริสได้แวะที่ห้องนั่งเล่นก่อน คงรู้ว่าแม่เค้าต้องอยู่ที่นี่แน่ๆและก็เป็นจริงตามนั้น

“แม่ครับ”

เรียกมารดาเสียงอ่อยก่อนจะโถมตัวลงไปกอด ทัตมองตามด้วยรอยยิ้ม เค้าชอบที่น้องดูอ้อนเหมือนแมวอย่างนี้ ถึงแม้จะไม่ค่อยทำกับเค้าสักเท่าไหร่ก็เถอะ

“เสร็จแล้วเหรอเจ้าลูกชาย”

สิริกิตกอดตอบลูกชายคนเล็กพร้อมลูบเรือนผมสีอ่อนไปด้วย คริสพยักหน้าแต่ยังไม่คลายอ้อมกอดเสียที

“ปล่อยได้แล้วลูก”

“ไม่เอา คริสอยากกอดแม่”

“เจ้าเด็กขี้อ้อน อ้อ จะไปเที่ยวกันกี่วันละทัต?”

ประโยคหลังสิริกิตเงยหน้าจากลูกชายสุดที่รักไปถามเทพทัตที่นั่งรออยู่ไม่ไกล

“ยังไม่กำหนดครับ แต่ทันเปิดเทอมแน่”

“งั้นกลับมาสัปดาห์หน้าได้ไหมจ้ะ ไปอาทิตย์หนึ่งพอรึเปล่า?”

“ได้ครับ”

“จริงๆคริสไม่ต้องไปก็ได้นะแม่ คริสจะได้อยู่บ้านเป็นเพื่อนแม่ไง แม่ชอบให้คริสอยู่บ้านไม่ใช่เหรอ?”

“อย่ามาพูด พอเอาเข้าจริงก็ออกไปข้างนอกแทบทุกวันอยู่ดี ไปกับพี่เค้านั้นแหละแม่จะได้เบาใจว่ามีคนช่วยดูแลเราแล้วเราจะได้ไปเที่ยวพักผ่อนด้วย ไม่ดีเหรอครับ?”

“ไม่ดีอะ”

ผู้เป็นแม่ได้แต่ส่ายหัว

“หลังจากนี้ทีครอสก็จะยุ่งขึ้นเสียด้วยสิ”

“พี่ครอสก็ยุ่งเป็นปกตินี่”

“อ่อ แม่ลืมบอกไปว่าแด๊ดจะกลับมาสัปดาห์หน้าน่ะจ้ะ”

คริสตัลถึงกับดีดตัวขึ้นมานั่งแทบไม่ทัน ดวงตาสีฟ้าใสเบิกกว้างด้วยความตกใจปนประหลาดใจ

“ทำไมไวงี้อะแม่ ปกติแด๊ดมาต้องบอกล่วงหน้าเป็นเดือนเลยนี่?”

“เห็นว่ามีแขกมาด้วยและมาคุยเรื่องธุระของทีครอสนะ”

คนฟังได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความงุนงงต่อไป

“ไม่มีอะไรน่าห่วงหรอกจ้ะ ไปเที่ยวกันให้สบายกายสบายใจเถอะ แม่ฝากน้องด้วยนะทัต”

“ได้ครับ”

คนถูกเมินยู่ปากไม่พอใจแต่ก็ต้องจำยอมก้มลงไปหอมแก้มมารดาแล้วจึงลุกขึ้นเดินตรงออกจากห้องมา ก็นะ ตั้งแต่ไหนแต่ไรเค้าเคยขัดมารดาเสียเมื่อไหร่ ถ้าเป็นพี่ครอสนะถึงจะบ่อยแต่ผู้หญิงคนนี้เป็นข้อยกเว้น…ส่วนผู้ชายที่เป็นหัวหน้าครอบครัวนั้น…อย่าพูดถึงเลยจะดีกว่า 

ทัตหยิบรีโมตมากดปลดล็อครถเพื่อให้คริสตัลที่เดินนำไปจนถึงรถก่อนได้เปิดเข้าไปนั่งได้ในทันที ส่วนตนก็เปิดท้ายเอากระเป๋าเก็บแล้วจึงขึ้นรถประจำที่คนขับในที่สุด รถค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากบ้านหลังใหญ่โดยที่คนน้องได้แต่หันหน้าไปมองนอกกระจกกอดอกแน่นส่อแววความไม่พอใจอย่างเต็มที่

“คริสครับ”

เมื่อออกมาจนถึงถนนใหญ่ทัตจึงเอ่ยเรียกขึ้นแต่ก็ตามที่คาด คริสตัลไม่แม้แต่จะปริปากตอบเค้าสักแอะเดียว

“พี่แค่อยากให้เราปรับความเข้าใจกัน”

“……”

เด็กดื้อก็ยังเป็นเด็กดื้อ ทัตถอนหายใจแล้วตั้งหน้าตั้งตาขับรถต่อไปจนมาถึงคอนโดของเค้าในเวลาไม่นาน ที่มานี่เพราะต้องเก็บเสื้อผ้าในส่วนของตนเพราะแพลนที่บอกแม่คริสไปเป็นแพลนกะทันหัน ตอนนั้นแค่อยากให้มีเวลาอยู่กับคริสให้มากกว่านี้เลยออกไอเดียไปเที่ยวซึ่งก็ไม่คิดว่าแม่คนน้องจะเห็นดีเห็นงามด้วยมากมายถึงขนาดนี้

“จะขึ้นไปด้วยหรือจะรออยู่ในรถ?”

ใจจริงก็อยากพาขึ้นไปด้วยนั้นแหละแต่ก็ต้องลองถามดูก่อน คริสตัลไม่ตอบแต่เปิดประตูแล้วก้าวลงจากรถ ใครมันจะไปรอในรถได้ละ เล่นปิดแอร์ดับเครื่องซะขนาดนี้ อยากตะโกนใส่หน้ามากว่าจะถามหาพ่องมึงไงแต่ก็ติดที่กำลังสร้างสงครามประสาทเลยต้องเงียบตามแผนการณ์เอาไว้ ทั้งคู่ต่างก็ไม่ได้พูดจาอะไรกันอีกจนกระทั่งไปถึงห้อง ทันทีที่เข้าไปยังด้านในคริสตัลก็เดินดุ่มๆไปนั่งแหมะอยู่ที่โซฟากดเปิดทีวีกอดอกมองแต่จอไม่สนใจผู้ที่เป็นเจ้าของห้องเลยสักนิด ทัตได้แต่ยิ้มขำถึงคนน้องจะไม่สนใจแต่ก็ยังดีที่ยอมมากับเค้าถึงแม้จะเป็นการบังคับอยู่กลายๆก็เถอะ

ทัตใช้เวลาเก็บของและอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่เป็นชุดเสื้อเชิตสีขาวแขนสั้นบางๆมีเสื้อกล้ามสีขาวใสซับอยู่ด้านในและกางเกงขาสั้นสีน้ำตาล ผมที่เคยเซ็ตเป็นทรงก็ถูกปล่อยตามสบายแต่ยังคงปัดๆให้ดูเป็นระเบียบบ้าง คริสแทบตาค้างเมื่อเห็นอีกลุคที่ดูดีไม่น้อยแต่เค้าก็คืนสติได้ทัน 

“ไปกันเถอะ”

ทัตเอ่ยบอกน้องด้วยรอยยิ้มมือข้างหนึ่งถือกระเป๋าให้ใครอีกคนส่วนอรกข้างก็จับเป้ใบโตของตัวเองขึ้นพาดบ่า คริสไม่ตอบแต่ลุกขึ้นปิดโทรศัพท์แล้วเดินนำออกจากห้องโดยที่ไม่ลืมเอื้อมมือไปดึงคัตเอาท์ไปลงให้คนมือไม่ว่างไปด้วยส่วนประตูนั้นเป็นระบบล็อคอัตโนมัติแค่เดินออกมามันก็ล็อคให้แล้วจึงไม่เป็นปัญหา 

พอคิดไปคิดมาคริสก็แอบที่จะรู้สึกตื่นเต้นอยู่หน่อยๆไม่ได้ นานเท่าไหร่แล้วที่เค้าไม่ได้ไปเที่ยวทะเล ถึงจะไปบ่อยกว่าแหล่งท่องเที่ยวอื่นแต่มันก็เป็นสถานที่ๆเค้าของ ทะเลเหมาะสำหรับพักผ่อนนอนมองดูเกลียวคลื่นสีครามท้องฟ้าสีหม่นปนส้มยามพระอาทิตย์คล้อยต่ำลมพัดเย็นๆให้ได้กลิ่นไอเกลือทะเล พอคิดไปถึงนั้นแล้วก็อดเผยรอยยิ้มที่มุมปากไม่ได้ ทัตลอบมองคนคนเคลิ้มฝันที่ยิ้มนิดขณะเอนตัวพิงเบาะและหลับตาพริ้ม ตอนนี้พวกเค้าอยู่บนรถซึ่งมาพลขับเป็นลูกน้องและกำลังมุ่งหน้าสู่สนามบิน ทัตมองไล่สายตาดูคนร่างบางที่สวมเสื้อยืดคอวีที่คว้านลึกมีสร้อยเส้นเล็กๆและจี้รูปไม้กางเขนประดับอยู่ที่คอระหงส์กางเกงเป็นยีนส์ขายาวสีดำตัดขาดที่หัวเข่ายิ่งขับเรียวขาให้ดูเพียวรองเท้าคอนเวิร์สที่แลดูเซอร์แต่มีระดับ 

“ลดแอร์ลงหน่อยสิ”

ทัตเอ่ยบอกคนขับเพราะดูเหมือนคนข้างๆจะหนาว คริสแค่กอดอกแต่ไม่ได้หนาวแต่เค้าก็ไม่อยากท้วงและทำทีหลับตาต่อไปจนถึงสนามบิน คริสไม่รู้ว่าทัตจองตั๋วเครื่องบินของอะไรไฟลท์ไหนเลยต้องเปลี่ยนมาเดินตามคนตัวโตแทน เห็นทัตแบกกระเป๋าใบใหญ่โดยไม่ให้ลูกน้องช่วยแล้วก็อดสงสารไม่ได้แต่ก็ไม่ได้แสดงออกไป กล้ามโตๆนั้นเรียกสายตาของคนรอบข้างได้ดีสังเกตจากที่เดินเข้าสนามบินมายังไม่มีใครเลยที่จะไม่เหลียวหลังเพื่อมองผู้ชายคนนี้ ว่าแล้วก็หมั่นไส้ คนอะไรหล่อไม่พอยังหุ่นดีกล้ามเฟิร์ม ไม่รู้มันเอาเวลาไหนไปเข้าฟิตเนส

“สินไปเช็คอินให้แล้ว รอแป๊บหนึ่งนะ”

คริสไม่ตอบคนพี่แต่ยืนกอดอกมองดูอย่างอื่นไปเรื่อยเปื่อย ทัตเองก็ยืนรออยู่ใกล้ๆ ไม่นานลูกน้องเค้าก็กลับมายื่นตั๋วที่เช็คที่อินเรียบร้อยส่วนกระเป๋ษก็ส่งไปโหลดใต้เครื่องแล้วเหมือนกัน

“เข้าไปข้างในกันเถอะ จะได้นั่งพัก”

ทัตเอ่ยพลางยื่นมือไปตรงหน้าคนน้อง คริสเหลียวมองมือก่อนจะเงยขึ้นสบตาแล้วคลายแขนที่กอดอกแต่ไม่ได้เอื้อมไปจับตอบ เค้าเดินเลี่ยงไปอีกทางที่จะเข้าไปยังส่วนเกตของสายการบินภายในประเทศ ทัตถอนหายใจแล้วเดินตามสักพักก็เดินไปจับแขนแล้วพาไปยังห้องพักรับรองของวีไอพีคลาสเพราะยังมีเวลาอีกมากโขกว่าจะถึงเวลาขึ้นเครื่อง

“กินอะไรรองท้องก่อนสิ กว่าจะขึ้นเครื่องเดี๋ยวจะหิวเอา”

คริสนั่งลงที่โต๊ะริมกระจก เค้าหันไปมองวิวรันเวย์ของสนามบินโดยไม่สนใจคนพูดเลยสักนิด ทัตเลยต้องเป็นคนลุกไปตัดอาหารมาให้คนน้องแทน คริสเห็นอาหารที่ตกแต่งอย่างดีพิถีพิถันแล้วก็น้ำลายสอ แต่ด้วยทิฐิเค้าจึงไม่คิดจะแตะมัน

“คริสครับ กินหน่อยเถอะ”

“.........”

“หรือต้องให้พี่ป้อน...”

ตาสีฟ้ามองค้อนคนพูดในทันทีก่อนจะหยิบส้อมแล้วจิ้มไส้กรอกเวียนนาไก่เข้าปากเคี้ยวกรุบกรับแต่ก็ยังหันหน้าหนีเค้าอยู่ดี ทัตยิ้มน้อยๆเอนตัวกับเบาะผ่อนคลายอริยาบทแล้วยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ ยกแว่นกันแดดสีดำแบรนด์ดังขึ้นมาใส่แล้วเหลียวไปมองยังด้านนอกบ้าง ด้านนอกคงแดดแรงมากไม่งั้นคงไม่ทะลุกระจกกั้นของสนามบินมาได้ขนาดนี้ ดีที่โซนนี้เปิดแอร์แรงอากาศเลยยังเย็นไม่ได้ร้อนไปตามอากาศทางด้านนอก ทัตรอจนคนน้องกินทุกอย่างตรงหน้าหมดแม้แต่น้ำส้มแก้วโตๆก็ไม่เหลือสักหยดแล้วจึงพาไปเข้าห้องน้ำ ไม่รู้ว่าปวดหรือไม่ปวกหรอกแต่พาไปก่อนคงจะดีกว่าไงๆคริสคงไม่โยเยหรือเอ่ยปากกับเค้าไปอีกสักพัก สบกับที่คริสเองก็ปวดเบาอยู่พอดีแต่เค้าเลือกที่จะเข้าในห้องเล็กไม่ยืนถี่ตรงโถเหมือนอย่างเคย ไม่ได้อายมันนะแค่ไม่อยากให้มันเห็น 

เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยก็พากันไปนั่งรอไม่นานก็ได้เวลาขึ้นเครื่อง ทัตเลือกที่นั่งชั้นเฟิร์สคลาสแน่นอนพราะอยากให้คนตัวบางนั่งสบายที่สุด แต่ที่คริสชอบนั้นคือความเป็นส่วนตัว ถึงแม้ที่นั่งจะข้างกันแต่ก็สามารถปิดฉากกั้นได้ เค้าเลยจัดการปิดทันทีที่นั่งประจำที่จนเครื่องพุ่งทยานสู่ท้องนภานั้นแหละเค้าจึงพล็อตหลับในที่สุด ทัตนั่งอ่านหนังสือเล่นไปคอยแอบยืดตัวมองคนนั่งข้างๆไปจนเห็นว่าหลับแล้วจึงปลดเข็มขัดลุกไปคลี่ผ้าห่มขึ้นคลุมให้อีกคนแล้วจึงกับมาอ่านหนังสือต่อ

เวลาผ่านไปชั่วโมงเศษๆก็ถึงที่หมาย คริสตื่นเพราะเสียงประกาศให้คาดเข็มขัด พอเครื่องแลนดิ้งแล้วจึงพากันลุกเดินออกไปโดนไม่มีใครเอ่ยปากพูดคุยกันเลยสักคำ ทัตเดินนำคริสไปรับกระเป๋าแล้วจึงพาตรงดิ่งไปที่ทางออกด้านหน้าเลยเพราะเค้าสั่งให้คนขับรถมารับเป็นที่เรียบร้อย ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงพวกเค้าก็มาถึงบ้านพักหลังไม่ใหญ่มากมีขนาดสองชั้นสามห้องนอนสี่ห้องน้ำหนึ่งห้องครั้งและโถงนั่งเล่นมีบานกระจกใหญ่กั้นไปยังเฉลียงที่ทอดออกไปยังสวนด้านหลังถัดไปก็เป็นชายหาดส่วนตัวและพื้นน้ำทะเลสีฟ้าใส

ทัตนำกระเป๋าขึ้นไปเก็บบนห้องปล่อยให้คริสเดินสำรวจบ้านตามใจชอบ ที่นี้เป็นบ้างพักตากอากาศที่เค้าซื้อไว้เมื่อช่วงแรกที่กลับมาไทย เค้าเป็นคนชอบทะเลเพราะงั้นจึงมีบ้านพักริมทะเลและคอนโดริมหาดหลายแห่งพอสมควร หลายๆที่ปล่อยให้เช้าแต่ไม่ได้ขายขาดเผื่อเอาไว้พักในยามที่มีโอกาสหรืออยากไปที่นั้นๆ

“คริส”

เค้าเอ่ยเรียกเมื่อเก็บของเสร็จลงมาข้างแต่ก็ไม่เห็นคนน้องอยู่ที่โถงนั่งเล่น พอมองออกทางด้านนอกก็ไม่เห็นแต่ประตูบานประจกถูกเปิดแง้มเอาไว้แสดงว่าออกไปข้างนอกจริงๆ ทัตเดินออกไปตามหาที่สวนรอบบ้านก็ยังคงไม่เห็น คนตัวโตเริ่มขมวดคิ้วจนตัดสินใจเดินลงไปยังหาดก็เห็นเหมือนเงาคนเดินอยู่ไกลๆ

ก็คงเป็นคริสนั้นแหละแต่จะไปไกลเกินไปหน่อยไหม..

“คริส!”

ตะโกนเรียกออกไปแต่ดูเหมือนคนถูกเรียกจะไม่ได้ยิน

“คริสตัล!!”

เพิ่มเสียงเรียกให้ดังกว่าเดิมแต่ก็ยังดูเหมือนจะไม่ได้ยินอยู่ดี แต่ร่างบางกลับเปลี่ยนทิศทางการเดินจากเลียบริมหาดที่น้ำซัดถึงเพียงฝ่าเท้าเป็นมุ่งหน้าลงน้ำ จากข้อเท้าจนถึงเข่า จากเข่าขึ้นมาจนถึงต้นขา ลงไปเรื่อยๆในขณะที่ทัตเองก็มองตาไม่กระพริบ เค้าไม่คิดว่าคริสจะทำอะไรบ้าๆหรอกแต่มันก็อดห่วงไม่ได้ ทัตเร่งฝีเท้าจนเกือบจะวิ่งเมื่อไปใกล้พอคริสก็ลงไปจนถึงอกแล้ว 

“คริส!”

คนถูกเรียกหันมามองก่อนจะมุดลงไปใต้น้ำในทันที ทัตยืนรอให้คนดื้อโผล่ขึ้นมาจากน้ำแต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่โผล่

“อย่ามาเล่นแผลงๆนะคริส”

คราวนี้เอ่ยเสียงเข้มไม่รู้ว่าคนใต้น้ำจะได้ยินไหมแต่แค่อยากเตือน

“ขึ้นมาได้แล้ว แดดมันแรงเดี๋ยวตอนเย็นค่อยเล่น”

ยังคงเงียบกริ่บและไม่ยอมโผล่จนทัตเริ่มใจไม่ได้มากกว่าเดิม

“คริสตัล อย่าให้พี่ต้องลงไปตามนะ”

“..........”

ทัตถอนหายใจหันไปโยนสิ่งของไว้บนหาดห่างจากน้ำพอสมควรแล้วจึงเดินมุ่งลงน้ำไปหาเด็กดื้อ หาดนี้เป็นหาดส่วนตัวเพราะงั้นไม่ต้องห่วงเรื่องผู้คนแต่จะห่วงก็คนของตนนี่แหละ

ทัตว่ายน้ำลงไปมองหาคนตัวบางไปแต่ก็ไม่เจอ เท่าที่จำได้จุดนี้เป็นจุดที่คริสดำลงไปไม่ผิดแน่ แล้วนี่หายไปไหนกันนะ คลื่นก็ไม่แรงกระแสน้ำก็ไม่เชี่ยว จะบอกว่าว่ายน้ำหนีก็คงเก่งเกินไปหน่อยแล้ว 

“เชี่ย”

เค้าสบถเมื่อผุดขึ้นมาจากน้ำเพื่อรับอากาศเข้าปอดไปอีกเฮือก กำลังจะหัวร้อนด้วยความป็นห่วงแต่หางตาก็เหลือบไปเห็นคนที่ตามหากำลังนั่งจุมปุกอยู่บนหาดซะงั้น เล่นบ้าอะไรกันวะ ถึงจะหัวเสียพอสมควรแต่เมื่อขึ้นมายืนต่อหน้าคนน้องแล้วก็ทำได้เพียงถอนหายใจ คริสยังคงนั่งเหม่อมองทะเลไม่สนใจเค้าเลยสักนิด

“เข้าบ้านกัน ตอนนี้แดดแรงเดี๋ยวไม่สบายเอานะ”

คริสไม่ตอบแต่ลุกขึ้นเดินลงทะเลยไปล้างทราบแล้วจึงเดินตรงไปยังบ้านพัก ทัตเองก็เก็บเอาของๆตนแล้วเดินตามไปเงียบๆ ถึงบรรยากาศจะไม่อึกครึ่มสักเท่าไหร่แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่ามันน่าอึดอัดพอสมควร เมื่อมาถึงบ้านคริสยืนนิ่งอยู่ที่หน้าบันไดขึ้นชั้นสองเพราะไม่รู้ว่ากระเป๋ษตัวเองอยู่ที่ห้องไหน จะเอ่ยปากถามก็เสียเชิงเลยได้แต่ยืนรอให้ทัตเข้ามาถึงตัวแล้วเดินนำขึ้นไปยังห้องด้านในสุดที่เป็นห้องนอนใหญ่และมีระเบียงกว้างยื่นออกไปทิศทางของท้องทะเลอีกด้วย

คริสเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบผ้าเช็ดตัวและข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นแล้วตรงดิ่งเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที ทัตเลยต้องเอาของๆตนไปอาบอีกห้องพร้อมกับโทรสั่งมื้อเที่ยงกับแม่ครัวประจำที่อาศัยอยู่ใกล้ๆและคอยมาทำอาหารให้ในยามที่เค้ามาพัก

เมื่อคริสแต่งตัวเสร็จและลงมาชั้นล่างก็เกิดอาการท้องร้องอีกครั้งเพราะได้กลิ่นหอมๆชวนหิวแต่ไกล คริสเดินไปเลียบๆเคียงๆที่หน้าประตูห้องครัวจนเห็นผู้หญิงวัยกลางคนกำลังก้มๆเลยๆอยู่ที่หน้าเตาแล้วก็นึกงง 

ใคร?...

แม่บ้าน?...

“ทำอะไรอยู่นะ?”

เฮือก!

คนตัวบางสะดุ้งโหย่งในขณะที่ทัตเองก็ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังอยู่ก่อนแล้ว เค้าลงมาตามหลังคริสไม่นานและพอจะเห็นการกระทำที่ค่อนข้างน่ารักของคนตรงหน้าได้ทันท้วงที

คนอะไรช่างเล่นแง่ชะมัด

คงคิดว่าเค้าอยู่ในครัวละสิถึงได้เลียบๆเคียงๆแอบมองอยู่ตรงนี้

คริสมองค้อนพลางจิ๊ปากไม่สบอารมณ์เมื่อเห็ฯใบหน้ายิ้มๆของคนตัวโตแต่ยังไม่ทันจะได้เดินหนีก็โดนดึงแขนเข้าไปในห้องครัวจนมาถึงโต๊ะกลมขนาดเล็กที่มีเก้าอี้เพียงสี่ที่นั่ง 

“มื้อเที่ยงมีอะไรกินครับป้า?”

ถึงจะโทรไปสั่งแต่ก็แค่บอกว่าให้มาเตรียมมื้อเที่ยงให้แค่นั้นไม่ได้เจาะจงสิ่งที่อยากกินไปหรอกนะ

“มีข้าวผัดต้มยำค่ะ พอจะทานกันได้ไหม? ป้าทำไม่ค่อยเผ็ดหรอก”

ทัตหันมามองใครอีกคนในเชิงถาม คริสพยักหน้าให้ทัตเลยหันไปตอบโอเคกันป้าไป ไม่นานมื้อเที่ยงเครื่องเต็มพร้อมน้ำซุปไก่ฟักร้อนๆก็มาเสิร์ฟให้ตรงหน้า คริสตั้งหน้าตั้งตากินด้วยใบหน้าที่พออกพอใจจนลืมสังเกตเห็ฯว่ามีใครจ้องมองด้วยความเอ้ดดูอยู่ไม่ห่าง ป้าแม่บ้านเองก็ยิ้มตามที่เห็นคนมาใหม่กินอย่างเอร็ดอร่อยขนาดนี้ 

“อิ่มไหม? ไม่อิ่มเอาเพิ่มได้นะ”

คริสส่ายหัวตอบคนถาม ทัตเลยเอาข้าวเข้าปากบ้างกินไปช้าๆไม่ได้เร่งรีบอะไร 

“อยากไปไหนเป็นพิเศษไหม?”

ถามดูเผื่อคนน้องมีที่ๆอยากไปแต่ตัวเองนั้นมีแพลนอยู่ในใจแล้ว คริสนิ่งคิดแต่ก็ส่ายหน้าอีก เค้าไม่เคยมาภูเก็ตเลยไม่รู้ว่าต้องไปเที่ยวที่ไหนนอกเหนือจากทะเล

“งั้นเดี๋ยวพี่พาทัวร์เอง เทพทัตทัวร์ยินดีต้องรับครับ”

อยากจะหัวเราะอยู่หรอกนะแต่ก็ทำได้แค่ยิ้มขำแถมยังต้องแอบทำเพราะยังทิฐิกับมันอยู่ คริสนั่งตัดน้ำซุปขึ้นซดไปเรื่อยๆรอคนตัวโตกินหมดแล้วจึงลุก ไม่รู้ทำไมถึงต้องรอแต่มันก็ทำไปแล้วแหละนะ

ในขณะที่ป้าแม่บ้านเข้ามาเก็บจานชามทั้งคู่จึงย้ายสาระร่างไปยังโถงนั่งเล่น คริสกดเปิดดูโทรทัศน์พร้อมสิงสถิตอยู่ที่โซฟายาวเหยียดตาเต็มองศาชนิดที่ไม่เว้นว่างให้ใครบางคนได้มีโอกาสได้เข้าใกล้เลยสักนิด ทัตอมยิ้มแล้วนั่งลงที่โซฟาเล็กข้างๆก่อนจะคว้าโทรศัพท์มากดเช็คโปรแกรมเที่ยวและดูเมลงานทั้งหลายแหล่ รู้สึกตัวอีกทีก็เงยหน้าไปมองคนน้องที่หลับไปเป็นที่เรียบร้อย เค้าส่ายหัวเบาๆขำคนนอนง่ายพออิ่มก็หลับเหมือนเด็กแล้วก็เอื้อมมือไปกดปิดโทรทัศน์ปรับแอร์และขึ้นไปหยิบผ้าห่มผืนบางมาคลุมตัวให้ พอดีกับที่แม่บ้านจัดการเคลียร์ของในครัวเสร็จและเตรียมผลไม้เป็นของว่างให้เรียบร้อยทัตจึงให้กลับบ้านได้เพราะมื้อเย็นคาดว่าจะพาคนน้องออกไปหาอะไรกินข้างนอกแล้วค่อยให้มาเตรียมมื้อเช้าให้แทน



ครืน ครืน ครืน
โทรศัพท์ของเค้าสั่น ทัตล้วงมันออกมาดูเห็นเป็นชื่อลูกน้องคนสนิทเลยกดรับ

"ว่าไงสิน?"

/ทางบ้านใหญ่บอกว่าติดต่อคุณทัตไม่ได้ครับ/

อ้อ ลืมไปว่าตัวเองมีโทรศัพท์อีกเครื่องที่ไว้คุยงานแต่ตอนนี้ทิ้งไว้กรุงเทพฯเหลือเพียงเครื่องนี้ที่เป็นเครื่องส่วนตัว

"แล้วทางนั้นว่ายังไง?"

/คุณทศพลและคุณเชอร์เบลจะมาถึงไทยในเช้าวันพรุ่งนี้ครับ/

ทัตถึงกับยกมือกุมขมับ นี่เค้าลืมไปเสียสนิทว่าพ่อแม่จะกลับมาไทย แต่ก็ไม่ได้มาด้วยเรื่องของเค้าหรอก มาด้วยเรื่องของอาเชนต์และอีฟเสียมากกว่า ถ้าไม่มีเค้าอยู่คงไม่เป็นไรหรอกมั่ง

"โอเค ขอบใจที่บอก ถ้าทางนั้นโทรมาอีกก็บอกไปว่าฉันรับรู้แล้ว"

/ได้ครับ/

"แค่นี้ใช่ไหม?"

/ครับ/

สิ้นสุดคำตอบรับจากปลายสายทัตก็กดวาง จะต่อสายหาผู้เป็นพ่อก็ต้องชะงักเพราะเวลานี้คงอยู่บนเครื่องแล้ว ระยะทางจากเยอรมันมาไทยไม่ใช้น้อยๆ งั้นไว้พรุ่งนี้ค่อยโทรหาแล้วกัน วันนี้ต้องหาวิธีง้อคนทางนี้ให้ยอมอ่อนข้อให้กันซะก่อน

ทำไมถึงใจแข็งนักนะ

ทั้งๆที่เราใจตรงกันแท้ๆ



TBC...



ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ใจแข็งไปอีก 2-3 ตอนเลยคริส เราไม่ว่า

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ตามไล่อ่านจนทันแล้ว ดีใจ

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
 น้องคริสงอนพี่ทัตหรอจ๊ะถึงไม่คุยด้วย อิอิ

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
สัมผัสที่ 33


คริสตัลตื่นขึ้นเพราะเสียงเรียกและแรงเขย่าที่แขนของคนตัวโต เค้าบลือตามองพลางตีหน้ายู่หัวคิ้วชนกันด้วยความขัดใจที่โดนปลุก

แต่คนปลุกกลับยิ้มร่า

“ไปล้างหน้าเดี๋ยวพี่จะพาออกไปข้างนอก”

ด้วยความมึนเบลอคริสเลยพยักหน้ารับแล้วลุกขึ้นอย่างว่าง่าย ในหัวตอนนี้แทบลืมไปด้วยซ้ำว่าตัวเองทิฐิคนตัวโตอยู่ เค้าคิดถึงเพียงการออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก ไปดูสถานที่ๆเค้าไม่เคยมา มันออกจะน่าสนใจอยู่นะ

คริสใช้เวลาไม่นานก็กลับลงมาทัตเลยพาไปที่รถซึ่งให้คนเอามาไว้ให้ใช้ในระหว่างที่คนน้องหลับ ถึงจะเป็นรถเช่าแต่ก็เลือกเบนซ์ซึ่งน่าจะสบายสำหรับใครอีกคน คริสเข้าไปนั่งด้านหน้าข้างคนขับโดนไม่ปริปากเช่นเดิมทัตเองก็ไม่ได้เอ่ยปากใดๆเช่นกันแต่ก็ยังอารมณ์ดีที่คริสมีสีหน้าดีขึ้นกว่าเมื่อช่วงกลางวัน คงเพราะได้นอนเต็มอิ่มหลังจากที่เหนื่อยกับการเดินทางหรือไม่ก็เพราะกำลังดีใจที่จะได้ออกไปเที่ยว

ตลอดทางคริสมองรอบด้านด้วยดวงตาใสแป๊ว เค้าพึ่งรู้ว่าบ้านพักของทัตจะอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆที่ไม่ใช่หมู่บ้านจัดสรรแบบในกรุงเทพฯ ถึงจะแยกออกมาทางหาดเพียงหลังเดียวเหมือนพื้นที่โดนรอบก็เป็นของทัตแต่บ้านเรือนด้านหน้าก็ยังดูเป็นชุมชนขนาดกลาง เหมือนได้หลุดมาอยู่ในอีกโลกหนึ่ง โลกที่มีการใช้ชีวิตที่พอเพียงทำมาหากินธรรมดาไม่ได้เร่งรีบเหมือนอย่างในเมืองใหญ่

ก็ไม่คิดหรอกนะว่าคนตรงหน้าจะมีมุมปลีกวิเวกอะไรแบบนี้ด้วย

ทัตเองก็ลอบมองคนข้างๆอยู่ตลอดเวลาเลยได้แต่อมยิ้มเมื่อเห็นความสนอกสนใจของเด็กดื้อ เวลาอยู่กับตนคริสแทบจะไม่ปกปิดอารมณ์ทางสีหน้าหรือท่าทางใดๆเลยทั้งที่ช่วงแรกที่เจอกันแทบจะเรียกได้ว่าใส่หน้ากากเข้าหากันเลยก็ว่าได้ ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ทุกอย่างผ่อนคลายและการเป็นการถอดหน้ากากและหันหน้าเข้าหากันอย่างแท้จริง แต่อย่างนี้มันก็ดีแล้วแหละนะ

ทัตใช้เวลาขับรถเข้าในตัวเมืองไม่นานเพราะไม่ได้อยู่ไกลมาก สถานที่ที่เค้าพาไปคือตลาดนัดกลางคืนบนถนนเส้นหลักย่านเมืองเก่าที่ขึ้นชื่อ คริสเบิกตากว้างแทบจะเก็บอาการไว้ไม่อยู่แต่ยังดีที่ไม่ระริกระรี้ให้เห็นแต่ใจนี่แทบจะกระโดดโลดเต้นซะให้ได้ ทัตวนหาที่จอดไม่นานก็ได้ที่จอด เมื่อลงจากรถแล้วก็เดินไปจับมือคนน้องจนคริสที่กำลังเหลียวมองนู้นนี่ไปเรื่อยต้องชะงักแล้วหันกลับมาจ้องคนตัวโตแทน

“คนเยอะ เดี๋ยวหลง”

หลงก็แย่ละ นี่ไม่ใช่เด็กสามขวบซะหน่อย

ตอบโต้ได้แค่ในใจเพราะไม่อยากปริปากใดๆก่อนที่จะยื้อมือกลับแต่ทัตก็จับแน่นขึ้นจึงไม่หลุด คริสแยกเขี้ยวใส่แต่ทัตกลับหัวเราะขำแล้วฉุดเบาๆพาเดินตรงเข้าไปทางด้านในตัวตลาด แน่นอนว่าการที่ผู้ชายสองคนเดินจับมือถือแขนกันต้องตกเป็นเป้าสายตาใครต่อใคร แถมที่นี้ยังเป็นตลาดนัดขึ้นชื่อผู้คนจึงมากหน้าหลายตาทั้งไทยและต่างชาติ หลายคนมองด้วยความสนใจ หลายคนหันไปซุบซิบนินทาหรือแม้กระทั่งยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายก็ยังมี

ทัตเห็นทั้งหมดแต่เค้าไม่สนใจเช่นเดียวกันกับคริสที่เอาแต่สนใจของซื้อของขายที่มากมายไม่แพ้กัน พวกเค้าทั้งคู่ชินกับการเป็นจุดสนใจพอๆกันจึงไม่ลำบากหากจะโดนอย่างที่กำลังโดนอยู่ในตอนนี้

“อยากได้เหรอ?”

ทัตถามเมื่อเห็นคริสจ้องมองไปที่ร้านเทียนหอมรูปทรงต่างๆ คริสไม่ตอบแต่เดินตรงไปยังร้านโดยที่มีทัตเดินตามไปไม่ห่าง ก็มือยังคงจับกันอยู่นี่เนอะ ทัตแอบแปลกใจนิดๆที่เห็นคนน้องสนใจอะไรแบบนี้ แต่ก็น่ารักดีไปอีกแบบ คริสก้มๆเงยๆดูไปทั่วทั้งร้านโดนมีคนขายมียืนนำเสนอเป็นภาษาอังกฤษอยู่ข้างๆ ทัตยิ้มเล็กน้อยให้คนขายเมื่อหล่อนหันมามองที่เค้าเมื่อมองตามมือที่จับกันอยู่ของพวกเค้า หล่อนยิ้มแป้นหน้าแดงนิดๆท่าทางเหมือนเขินแต่ทัตก็ไม่ได้สนใจและหันไปประชิดที่ด้านหลังคนตัวเล็กที่ดูเหมือนจะลังเลอยู่ที่โซนขวดอโลม่าสองขวด

“ถ้าชอบก็เอามาทั้งคู่ก็ได้”

ทัตบอกเป็นภาษาอังกฤษ เค้าไม่อยากหักหน้าคนขายที่คิดว่าคริสเป็นชาวต่างชาติซึ่งก็จริงอยู่ครึ่งหนึ่งแต่คริสรู้ภาษาไทยก็แค่นั้น คริสหันมามองไม่ได้ตอบแต่แววตาเหมือนจะตำหนิ

“พี่ซื้อให้ เอาไปทั้งสองกลิ่นนั้นแหละ”

คนน้องกรอกตาแล้วถอนหายใจ มือเริ่มยุกยิกเหมือนอยากคลายแต่ทัตไม่ยอมปล่อย

“โอเคๆ ตามใจเลยครับ อยากได้แบบไหนก็เลือกเอา”

คริสเลิกสนใจคนตัวโตแล้วหันกลับไปที่ขวดอโลม่าต่อ เค้าไม่ได้จะซื้อไปใช้เองหรอกแต่เค้าเห็นว่ามันสวยดีเลยอยากซื้อไปฝากแม่ ถึงการซื้อของฝากตั้งแต่วันแรกที่มาจะดูแปลกๆไปหน่อยก็เถอะนะ

“ขอกลิ่นนี้และชุดอโลม่าทั้งชุดครับ”

เป็นครั้งแรกเลยละมั่งที่ทัตได้ยินเสียงพูดของคนน้อง ถึงแม้จะไม่ใช่การพูดคุยกับเค้าแต่ก็อดยิ้มไม่ได้อยู่ดีแหละนะ ระหว่างที่รอเจ้าของร้านแพ็คของคริสก็เหลียวไปดูอย่างอื่นจะได้ไม่ต้องสนใจคนตัวโตที่เอาแต่จ้องเค้าไม่วางตาทั้งที่มือก็ยังจับกันอยู่แท้ๆ มองขนาดนี้กลืนลงท้องไปเลยไหม

ทัตจ่ายเงินให้ทั้งที่คริสกำลังจะแกะมือเพื่อล้วงเอากระเป๋าตังค์ ดวงตาสีฟ้ามองดุๆเมื่อโดนแย่งจ่ายไหนจะมือที่ไม่ยอมปล่อยนี่อีก อยากตะโกนด่าก็อยากแต่ต้องอดทนไว้ ทัตรับของพร้อมเงินทอนมาจนครบก่อนจะหันบอกคนน้องให้เดินต่อ คริสเลยหันหนีแล้วเดินนำหน้าไปแต่ก็ไปไกลไม่ได้อยู่ดีนั้นแหละนะ

น่าหงุดหงิดชะมัด นี่มือมันติดกาวเอาไว้ด้วยรึเปล่าวะ!

“ตีหน้ายุ่งเชียว หงุดหงิดเหรอ?”

ถามเสียงระรื่นเพราะรู้ดีอยู่แล้ว คนน้องค้อนตามองปราดเดียวก่อนจะเชิดหน้ากลับไปในทันที ทัตหลุดขำ

“เดี๋ยวก็คอเคล็ด หิวรึยัง? ไปหาอะไรกินกันก่อนไหม?”

รู้ว่าไม่น่าจะได้คำตอบกลับมาแต่ก็อยากถาม หวังเล็กๆว่าคนน้องจะหลุดมาดแล้วกลับมาคุยด้วยแต่ดูเหมือนแค่ความหวังเล็กๆนั้นก็ยังยากเกินไปอยู่ดี

เมื่อเห็นว่าคริสไม่ตอบทัตเลยพาเดินตรงไปยังร้านอาหารที่อยู่ภายในตึกทรงเมืองเก่าที่อยู่ด้านข้าง ร้านนี้เป็นร้านอาหารธรรมดาที่เปิดโล่งผู้คนนั่งทานได้ทั้งด้านในและด้านนอกที่ตัดไว้ให้ ทัตมองหาโต๊ะไม่นานก็เจอ เป็นโต๊ะไม้เหมือนตัวร้านที่ตั้งอยู่ด้านนอกซะด้วย ทัตปล่อยมือคนน้องแล้วเดินไปนั่งอีกฝั่งไม่นานพนักงานก็เดินเอาน้ำเปล่าใส่แก้วมาเสิร์ฟพร้อมเล่มเมนูและกระดาษปากกาสำหรับจด คริสมองตามด้วยสายตาฉงนจนทัตหัวเราะขำ

“ไม่เคยนั่งร้านแบบนี้ละสิ”

คริสเผลอพงกหัวตอบ

“ถึงจะไม่ได้ดูหรูไม่มีห้องแอร์แต่รสชาติดีนะ”

คริสกรอกตา พูดอย่างกับเค้าเป็นคนหัวสูงกินแต่ของบนห้างในโรงแรมไปได้ จริงๆเค้าก็ไม่ได้คิดอะไรมากกับร้านแบบนี้หรอกเพียงแค่ไม่ค่อย ไม่สิ ต้องบอกว่าไม่เคยมานั่งทานเลยนั้นแหละ จะบอกว่าเพราะคนรอบข้างต่างพาไปกินแต่ของที่อยู่ในห้างหรือในโรงแรมก็คงถูกหรือไม่ก็กลับไปกินที่บ้าน แต่เค้าก็เคยจอดรถซื้อก๋วยเตี๋ยวหน้าเซเว่นไปกินเหมือนกันนะ

คริสสะดุ้งนิดหน่อยเมื่อทัตยื่นเล่มเมนูมาให้ เมื่อกี้กำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่ด้วยไง เค้าเปิดดูเกือบจะพร้อมๆกัน อาหารที่มีก็คล้ายๆร้านอาหารตามสั่งทั่วไปแต่จะมีเสริมพวกอาหารในพื้นที่มาด้วย

“เลือกได้รึยัง?”

คริสเหลือบมองคนเร่งก่อนจะชี้ไปที่ข้าวผัดทะเล

“หึ ไม่คิดจะลองของแปลกๆบ้างเหรอ?”

คริสไม่ตอบ ทัตเลยหันเขียนรายการลงสมุดฉีกเล่มเล็กพอเสร็จก็เรียกพนักงานมารับไปในที่สุด คริสยกแก้วน้ำที่มีหลอดเล็กๆเสียบอยู่ขึ้นมาดูด น้ำเย็นชื้นใจช่วงลดความร้อนจากอากาศได้เป็นอย่างดี

“อย่าดูดเร็ว เดี๋ยวก็ปวดหัว”

จี๊ด!

ไม่ทันขาดคำคริสก็นิ่วหน้าวางแก้วเอามือกุมหัวในทันที ทัตถึงกับส่ายหน้ายิ้มขำ เค้ายื่นมือข้ามโต๊ะไปนวดขมับให้คนน้องจนสีหน้าคนน้องดูดีขึ้นก็พอ คริสเม้มปากแน่นไม่กล้ามองหน้าทัตเลยทำทีเหลียวมองร้านค้ารอบด้านแทน รอไม่นานอาหารร้อนๆก็มาเสิร์ฟ คนที่ไม่ปริปากตั้งหน้าตั้งตากินเหมือนจะหิวจัดจนทัตหลุดหัวเราะ มองดูนาฬิกาเห็นว่าพึ่งจะทุ่มกว่าๆยังมีเวลาให้ได้เดินดูได้อีกนาน เมื่อกินหมดจ่ายเงินเสร็จก็พากันออกไปเดินต่อ คราวนี้ทัตไม่ได้จับมือคริสไว้แต่คอยเดินประกบไม่ห่างชนิดก้าวต่อก้าวเลยก็ว่าได้

คริสเองเมื่อได้อิสระถึงจะไม่มากแต่ก็ยังดีกว่าการมีอีกคนจับกุมอยู่ตลอดเลยแทบถลา เค้าเดินแวะดูทุกอย่างที่น่าสนใจ เจออะไรน่ากินก็ซื้อกินและแน่นอนว่าคนจ่ายคือคนที่เดินตามหลังอยู่ต้อยๆ

“ระวัง”

ทัตเอ่ยทั้งๆที่มือเอื้อมมาดึงตัวคนน้องให้พ้นรัศมีคนที่จะเซมาชนจนรอดได้อย่างหวุดหวิด ยิ่งดึกคนยิ่งเยอะและการเบียดเสียดและชนกันถือเป็นเรื่องปกติแต่ก็ยังไม่ชอบใจอยู่ดี

“เหนื่อยรึยัง? กลับกันเลยไหม?”

คริสที่ยังคงเคี้ยวลูกชิ้นแก้มตุ้ยในมือยังถือลูกชิ้นที่เหลือในไม้ แค่สองลูก ทัตใช้นิ้วโป้งเกลี่ยรอยน้ำจิ้มที่ติดเหนือริมฝีปากเล็กก่อนจะนำเข้าปากตนเอง คริสชะงักไปนิดแต่ก็กัดเอาลูกชิ้นในมือเคี้ยวต่อพลางเสมองไปทางอื่นเพื่อหลบสายตา

“กลับกันเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะพาออกมาเที่ยวใหม่”

คริสไม่ตอบแต่ยอมเดินวกกลับไปยังทิศทางเดิม ทัตเดินตามไปติดๆจนมาถึงรถพวกเค้าก็พากันกลับในทันที

“ขึ้นไปอาบน้ำเลยเดี๋ยวพี่เก็บของเอง”

ทัตพูดบอกคนน้องเมื่อมาถึงบ้าน ข้าวของที่เต็มสองไม้สองมือของทัตล้วนเป็นของกินที่คนน้องเทียวแวะชิมแวะซื้อทั้งสิ้น จะมีของฝากเป็นสิ่งของปนอยู่ประปราย คริสไม่ตอบและหันไปเปิดตู้เย็นรินน้ำเปล่าใส่แก้วแล้วกระดกดื่มเหมือนกระหายจัด ทัตนำของวางที่โต๊ะทานข้าวทั้งหมดก่อนจะหันมาแยกของกินของฝาก หันไปทางตู้เย็นอีกทีคนน้องก็ไม่อยู่แล้วแต่กลับมีแก้วน้ำเปล่าที่มีน้ำอยู่เต็มแก้ววางอยู่บนเคาน์เตอร์ครัวด้านข้าง ทัตเสมองไปนังทิศทางของบันไดขั้นสองแล้วกดยิ้ม

ดูท่าความหวังคงไม่ไกลเกินเอื้อมแล้วละนะ

คริสเข้ามาในห้องนอนใหญ่ได้ก็รีบกดล็อคกลอนประตูทันที ดวงตากลมมลสีฟ้าใสหลุกหลิกทั้งที่มือยังจับลูกบิดและกลอนอยู่เช่นเดิม เมื่อกี้ทำอะไรลงไป ไม่สิ ต้องเป็นตั้งแต่ตอนเย็นเลยมากกว่า แทนที่จะทำทีไม่สนใจแต่กลับสนุกเมื่อมีคนตามใจและพาเที่ยวในที่ใหม่ๆ

สนุกจนลืมไปด้วยซ้ำว่าโกรธเกลียดอะไรมันมาก่อน

“โถ่เอ๊ย ไอ้คริส ไอ้คนใจง่ายเอ๊ยยยยย”

อดที่จะทึ้งหัวตัวเองไม่ได้ จากอารมณ์ดีๆตอนนี้เริ่มจะหงุดหงิดเพราะภาพความเอาใจใส่ของมันฝุดขึ้นมาในหัวอย่างกับดอกเห็ด ทรุดตัวลงนั่งหลังพิงประตูตาจ้องมองไปยังเบื้องหน้าด้วยความเหม่อลอย

แล้วทีนี้จะเอายังไง?...

จะแกล้งไม่พูดด้วยแบบนี้ต่อไปดีไหม?...

คิดไม่ตกแล้วก็ฟุบหน้าลงที่ฝ่ามือ คริสซบอยู่นิ่งๆอย่างนั้นไม่กี่นาทีก็ลุกขึ้นเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเข้าห้องน้ำ คริสยืนมองดูหน้าตาที่คิ้วแทบจะผูกกันเป็นปมแล้วก็ถอนหายใจ มือเรียวค่อยๆถอดเสื้อผ้าของตัวเองที่ละชิ้นจนเหลือแค่ร่างเปลือยเปล่า สายตามองสำรวจร่างกายที่ขาวซีดของตัวเองไปจนทั่ว รอยช้ำและรอยมือจากการกระทำที่รุนแรงในคราวนั้นจางหายไปแล้ว

แต่ทำไมถึงได้รู้สึกโหวงๆกันละ

ดวงตาสีฟ้าไล่มองขึ้นมาด้านบนอีกครั้งแล้วก็ไปสะดุดอยู่ที่คอขาวเยื้องไปทางด้านหลัง ทำไมมันเหมือนจะมีรอย พอเอี้ยวตัวไปดูดีๆก็ถึงกับอ้าปากเหวอ

คิสมาร์ค!

มันมาทำไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ!?!

มิน่าไปเดินตลาดเมื่อกี้คนถึงมองกันฉิบหาย

ว่าแล้วก็หันหลังจับราวประตูเตรียมจะเปิดออกแต่ก็ต้องชะงักเพราะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองอยู่ในสภาพไหนและตอนนี้อยู่ในโหมดไม่พูดด้วยอีก

โว๊ะ! หงุดหงิด!!

จากที่ตั้งท่าจะออกไปฉะคนพี่ก็เปลี่ยนเป็นเดินไปเปิดฟักบัวรดตัวให้หัวเย็นลง เค้าใช้เวลาอาบน้ำไม่นานแต่ที่นานคือการยืนสงบสติอารมณ์ใต้สายน้ำเย็นๆนั้นแหละ คริสออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าเช็ดตัวที่คลุมท่อนล่างไว้เพียงผืนเดียว ผมสีอ่อนที่ยังคงเปียกชื้นลู่ลงกับต้นคอระหงส์ ผิวที่ขาวซีดมีหยดน้ำเกาะอยู่บางๆ จมูกโด่งและปากเรียวแดงระเรื่อเช่นเดียวกับใบหูทั้งสองข้าง เค้าเดินตรงไปยังตู้เสื้อผ้าโดยที่แทบไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนอยู่ในห้องและจ้องมองเค้ามาได้สักพักแล้ว

ทัตลอบเลียริมฝีปากเมื่อเห็นฉากติดเรตไปเต็มๆ คนตัวบางช่างยั่วยังคงไม่รู้สึกตัวจนเค้าที่ยืนอยู่ใกล้ๆประตูห้องต้องเดินเข้าไปซ้อนที่ด้านหลัง มือหนายกขึ้นจับเอวคอดจนเจ้าตัวสะดุ้งโหย่งหันหน้ามาหาในทันที ใบหน้าตื่นตกใจนั้นทำให้ทัตกดยิ้มและก้มลงไปจู่โจมริมฝีปากแดงๆให้หายคิดถึง

“อื้อออ!!!”

คนน้องประท้วงในลำคอยกมือขึ้นผลักแต่แรงเท่านี้สู้อะไรคนตัวโตอย่างทัตไม่ได้อยู่แล้ว อ้อมแขนแกร่งกระชับกอดคนตรงหน้าเหมือนกลัวหนีหายไปไหน ลิ้นร้อนสอดแทรกเข้าหาและไล่ต้อนจนคริสหายใจแทบไม่ทัน ใบหน้าเริ่มเห่อร้อนตามการจูบที่หนักหน่วงขึ้นทุกขณะ มือหนาเลื่อนขึ้นมาประคองท้ายทอยถอนริมฝีปากให้คนน้องได้หายใจก่อนจะรุกเข้าหาอีกครั้ง จากแรงผลักตอนนี้กลายเป็นแรงจิก กรงเล็บจากมือเรียวที่ลืมตัดได้จิกกดลงไปในผิวเนื้อใต้ร่มผ้าจนเจ็บแปร๊บแต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ความร้อนระอุตรงกลางกายนั้นลดน้อยถอยลงเลยสักนิด

“อึ๊ก!”

คริสสะดุ้งเฮือกเมื่อมือที่เคยรั้งท้ายทอยบัดนี้ได้เลื่อนลงไปกระตุกปมผ้าจนหลุดและบีบเค้นเนินสะโพกพร้อมๆกับเรียวปากที่ผละออกแล้วไล่ลงไปโลมเลียที่จุกสีชมพูสดอย่างเพลินปาก

“เดี๋ยว!”

ทัตชะงักเมื่อได้ยินเสียงคนน้อง รอยยิ้มร้ายฝุดขึ้นมาพร้อมๆกับใบหน้าเจ้าเล่ห์เสียจนคนโดนต้องแทบจะกระโดดกัดคอด้วยความหมั่นไส้

“ปล่อยสิวะ”

“พูดไม่เพราะ”

คริสกัดฟันกรอด อยากจะบีบคอเขย่าไอ้คนหน้าระรื้นนี้ชะมัดแต่ตอนนี้แม้จะขยับตัวยังยาก ไหนจะอยู่ในสภาพเสื้อผ้าไม่มีสักชิ้นอีก เมื่อมองลงล่างแล้วเห็นส่วนที่พองนูนภายในกางเกงของคนตัวโตแล้วก็ต้องเม้มปากหน้าเห่อร้อนขึ้นมาในบันดล

ถ้าเป็นเมื่อก่อนพ่อคงจับงับไปแล้ว

แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ไง

แล้วไอ้หนูลูกพ่อทำไมต้องไปโด่สู้เค้าด้วยละวะ

“เห้ย!”

ร้องเสียงหลงอีกครั้งเมื่อโดนคนตัวโตอุ้มกระเต็งไปยังเตียงก่อนที่จะตามขึ้นมาค่อมไว้ทั้งร่าง ขาถูกยกขึ้นพาดแขนส่วนมือก็สาละวนอยู่ที่เนื้อนูนเด้งด้านหลัง คริสถกตัวหนีแต่ทัตก็ดึงไว้อีก ปากเรียวเม้มแน่นในขณะที่ช้อนตาจ้องมองคนตรงหน้าอย่างคอดค้อน ทัตรู้สึกถึงความสับสนของคนน้องได้เป็นอย่างดีเพราะงั้นเค้าจึงพยายามสงบสติอารมณ์ ไม่เร่งถาม ไม่เร่งรุก ค่อยๆดำเนินไปอย่างช้าๆเพื่อให้คนตรงหน้าได้ไตรตรองถึงความรู้สึกของตัวเอง

“คริสตัล”

เอ่ยเรียกคนน้องเสียงหวานพลางส่งสายตาอ่อนโยนเข้าใส่ คริสถึงกับสะอึกไม่คิดว่าจะได้เห็นคนตัวโตในรูปแบบนี้

“พูดกับพี่”

แต่ก็ยังติดนิสัยพูดจาเหมือนเป็นคำสั่งอยู่อย่างนั้น คริสได้ยินแล้วก็นึกฉุน ขาเรียวสะบัดหนีก่อนจะยันโครมเข้าใส่กลางอกจนคนพี่หงายหลังเสียหลักไปเลยทีเดียว คริสใช้จังหวะนี้รีบลุกแล้ววิ่งไปทางประตูแต่ก็โดนคว้าตัวไว้ได้ทันและถูกพากลับมานอนอยู่ใต้ร่างคนตัวโตเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือถูกแทรกอยู่ตรงกลางหว่างขาซึ่งทำให้ถีบอีกไม่ได้และมือก็โดนรวบไว้เหนือหัวอีกด้วย

“ดื้อสมกับที่เป็นเราจริงๆ”

คนตัวบางมองเค้าตาขวางโดยไม่ลืมที่จะดิ้นจนต้องออกแรงจับให้แน่นเข้าไปอีก

“จะหนีทำไมละ เราเองก็รู้สึกไม่ใช่รึไง”

“……”

“หรือว่ายังเจ็บอยู่?”

แอบหวั่นนิดๆเพราะวันนั้นก็รุนแรงไปมากพอสมควร แต่มันก็ผ่านมาหลายวันแล้วนะ คริสเบือนหน้าหนีทำทีไม่สนใจจนทัตถอนหายใจเฮือกใหญ่ จะผละถอยออกไปก็ไม่อยากแต่จะอยู่ต่อก็กลัวคนน้องโกรธยิ่งกว่าเดิม เมื่อกี้ก็เกือบหยุดไม่ได้ ดีนะที่ยังยั้งทัน ปกติถ้าอยู่ใกล้ๆกันก็สปาร์คง่ายอยู่แล้วยิ่งมาเจอช็อตเด็ดอย่างเมื่อกี้นี้เข้าไปอีก

“งั้นเดี๋ยวพี่ช่วยเราแล้วกัน จะได้นอนสบายตัวหน่อย”

คริสกรอกตาคิดตามคำบอกเล่าแต่ยังไม่ทันจะตอบรับอะไรก็ต้องสะดุ้งและหันควับมามองใครอีกคนที่จับส่วนอ่อนไหวนั้นอยู่

“อ๊ะ!”

เผลอหลุดเสียงร้องเมื่อมือนั้นรูดรั้งให้ได้อารมณ์เสียว ทัตก้มลงจูบกรีบปากนุ่มสอดแทรกเรียวลิ้นไปตักตวงความหวานภายในโดยที่มือยังคงขยับไปมาไม่หยุด คริสบิดเร้าเมื่อโดนรุกอย่างหนักหน่วง มืออีกข้างตะปบอยู่ที่ไหล่หนากดจิกบรรเทาอาการเสียวซ่านจนทัตละปากออกมาไซ้อยู่ที่ซอกคอขาว กลิ่นแชมพูหอมอ่อนๆทำให้เค้าแทบหูอื้อตาลาย ส่วนใหญ่โตนั้นพองตัวเต็มที่อยู่ที่ด้านในแต่ตนไม่อยากนำออกมาในตอนนี้

ถ้าขืนเอาออกมามีหวังยั้งใจไว้ไม่อยู่แน่ๆ

คริสกระตุกเกร็งเล็กน้อยเมื่อลิ้นชื้นไล่วนอยู่ที่ยอดอก คมเขี้ยวขบกัดสะกิดพอให้เกิดอารมณ์ขึ้นมาอีกนิด ไม่นานก็เลื่อนลงไปยังแอ่งหน้าท้องรอบสะดื้อให้คนโดนกระทำได้บิดเร้าไม่หยุด

คริสหลี่ตามองคนตัวโตในขณะที่ทัตจ้องมองเค้าอยู่ไม่วางตา ไม่รู้ตัวเองใช้สายตาแบบไหนมองแต่ที่รู้สึกได้คือความอ่อนโยนที่คนๆนั้นแสดงออกมาให้รับรู้ ทัตไม่ได้ตะกละตะกลามเหมือนอย่างเคย เค้าอ่อนโยนจนรู้สึกหวิวๆในอกลามไปยังท้องและตรงไปที่ส่วนนั้นอีกด้วย

“อ๊า!”

สะดุ้งอีกครั้งเมื่อส่วนอ่อนไหวได้ถูกครอบงำด้วยปากของใครอีกคน เท้าเกร็งจิกเบาะในขณะที่มือก็กำผ้าปูแน่นจนแทบจะฉีกเป็นชิ้นๆ คริสแอ่นกายไปตามอารมณ์ที่ถูกป้อน มือหนาบีบเค้นแก้มก้นตึงไปมาในขณะที่อีกข้างยังคงจับส่วนนั้นขยับสลับกับปากไปมา

“อึ๊ก…อืมมม…”

คริสยกมือปิดปากแทบไม่ทัน ทัตนึกขำเด็กดื้อในใจว่าแม้แต่เวลาแบบนี้ยังไม่ยอมที่จะร้องให้เค้าได้ยินเสียงไปด้วยอีก

เป็นเด็กดื้อที่น่าฟัดให้จมเขี้ยวจริงๆ

ไม่นานร่างกายเริ่งเกร็งกระตุกจนทัตสัมผัสได้ คนตัวบางหายใจถี่พร้อมมีเสียงเล็ดลอดออกมาเป็นระยะ คงใกล้แล้วละสิ ว่าแล้วก็สอดแทรกนิ้วทางด้านล่างเข้าไปในช่องทางเล็กจนคนน้องสะดุ้ง ทัตจำได้ดีว่าจุดพีคของคนน้องอยู่ตรงไหน เมื่อเจอจึงกดย้ำให้ช่องทางนั้นได้ตอดรัดยิ่งกว่าเดิม ทัตปวดฉุที่ส่วนนั้นของตนจนแทบบ้า อยากจะเข้าไปข้างในและขยับให้คนๆนี้บิดเร้าอยู่ภายในอ้อมแขนไปตลอดทั้งคืน อยากกอด อยากหอม อยากสัมผัสให้ลึกซึ้งยิ่งกว่านี้ อยากให้คนๆนี้เป็นของตนเองทั้งกายและใจ

ทัตถอนปากออกจากตรงส่วนนั้นแล้วเลื่อนตัวลงต่ำยิ่งกว่าเดิม คริสรู้ว่าทัตจะทำอะไรต่อก็ตอนที่นิ้วมือถูกถอดออกและมีสิ่งอื่นที่ชุ่มฉ่ำกว่าสอดแทรกเข้ามาแทน

“ไม่! อืมมม…”

ถึงจะห้ามแต่คนทำก็ไม่คิดจะหยุด เค้าไม่คิดที่จะรังเกียจคริสเลยสักนิดถึงแม้ว่าคริสจะรังเกียจเค้าก็เถอะ

“อ๊าาาา…ปล่อย…อืม…ไม่เอา”

ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ มือที่รูดรั้งแกนกลางกายนั้นยิ่งเพิ่มระดับพอๆกับด้านหลังที่เล้าโลมจนแทบสิ้นสติ คริสหัวสมองขาวโพลนไปหมด แม้แต่เสียงยังเอ่ยออกมาเต็มเสียง ทั้งเสียงร้องครวญครางอย่างกระเส่า ทั้งเสียงร้องห้ามเมื่อโดนจี้จุดนั้นในหลายๆครั้ง ความรู้สึกทั้งหมดหล่อหลอมรวมกันจนปะทุออกมาในที่สุด ทัตค่อยๆผ่อนแรงและยันตัวขึ้นมองคนน้องที่หอบหายใจอย่างหนักอยู่บนเตียง หน้าขาวบัดนี้แดงเถือกจนลามลงมาถึงคอและใบหู ปากเจ่อเล็กน้อยจากการถูกจูบหลายต่อหลายครั้ง ดวงตาบิดสนิทเหมือนอยากพักแต่ที่หน้าแกกลับเต้นรัวเป็นกลองชุด ทัตก้มลงไปจูบหน้าผากเนียนเบาๆแล้วจึงผละไปหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดทำความสะอาดให้ คนหอบหายใจบลือตาขึ้นมองจนเห็นส่วนที่โป่งนูนของอีกฝ่ายก็แอบรู้สึกผิด

“นอนพัก เดี๋ยวพี่ไปอาบน้ำแล้วจะมานอนกอด”

คนพี่พูดเสียงอ่อนพร้อมกับคลี่ผ้าห่มขึ้นคลุมให้จนถึงคอ คริสหลบสายตาเล็กน้อย แต่พอทัตลุกขึ้นตั้งท่าจะเดินออกไปก็ต้องชะงักแล้วหันไปมองที่ชายเสื้อที่มีมือเรียวของคริสดึงรั้งไว้อยู่ ทัตหันไปมองคนบนเตียงแต่คริสกลับมุดหน้าเข้าไปในผ้าห่มจนมิดหัว

“เป็นอะไรหืม?”

กลับลงไปนั่งข้างๆคนบนเตียงแล้วลูกหัวผ่านผ้าห่มผืนหนา ใจพองฟูขึ้นมาจนแทบจะสำลักลมหายใจตัวเอง

“…….”

“บอกพี่สิครับ”

“…ทะ…”

“หืม?”

“ไม่…ทำต่อเหรอ?”


TBC…
ตัดฉับแบบนี้จะโดนฆ่าเอาไหมเนี้ย
 :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
คริส ใจอ่อนกับทัตแล้ว  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
 :laugh:
ใจอ่อนซะทีนะคริส

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ว้าาาา ใจอ่อนซะแล้วใช่ได้ที่ไหนกันคริส

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 :a5: pleaseมาต่อด่วนค่ะ....ค้างอย่างมาก :katai1:

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
สัมผัสที่ 34



เสียงหอบหายใจหนักๆดังสอดประสานกับจังหวะการถาโถมที่หนักหน่วงและถี่ยิบ คนใต้ร่างร้องครางกระเส่าร่างกายไหวคลอไปกับแรงส่งจากใครอีกคน เหงื่อฝุดจนมันเลื่อมทั้งๆที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ

“อ๊า!”

ทัตยกยิ้มเมื่อไปกระตุกถูกจุดอ่อนไหวของคนตัวบาง เค้าย้ำไปยังจุดนั้นเรื่อยๆจนช่องทางเล็กเพิ่มแรงตอดรัดมากขึ้น อาการตัวเกร็งทำให้รู้ว่าอีกคนกำลังจะปลดปล่อยเป็นรอบที่สามในขณะที่เค้าพึ่งปล่อยไปแค่รอบเดียว ทัตหยุดเคลื่อนไหว คนกำลังได้ที่เลยชะงักอารมณ์ค้างเติ่งจนต้องเม้มปากมองจิกคนด้านบนด้วยดวงตารื้อน้ำแสนยั่ว

“หยุดทำไม?”

เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นไหวและแหบพล่า ทัตหัวเราะหึแล้วก้มลงดูดปากที่เริ่มเจ่อและแดงเรื่อ

“รอบนี้พร้อมกันนะ”

คริสหลบตา

“ไม่เอา”

“ทำไมละ?”

“ก็…”

“หืม?”

“ก็ยู…ช้า…”

ทัตยิ้มขำให้คนเขิน เค้าก้มลงหอมแก้มเนียนไปฟอดใหญ่ๆก่อนจะกระซิบเสียงแผ่วอยู่ข้างๆหู

“ช้าหรืออึด พูดให้ถูก”

“อร๊าาาา!!!”

ร่างบางผวาขึ้นกอดคนด้านบนทันทีที่โดนโถมเข้าใส่อีกครั้ง แรงส่งที่แทรกแซงอย่างล้ำลึกทำให้อารมณ์พุงสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง สองแขนล่ำกระคองสะโพกยกขึ้นสูงให้ได้องศา ความอุ่นร้อนและตอดรัดทำให้ทัตถึงกับซี๊ดปากด้วยความเสียวซ่าน คริสจิกเล็บลงแผ่นหลังอย่างไม่ออมแรง ใบหน้าหวานเหยเกแต่ครางกระเส่า

“อึ๊ก..ทัต..อาห์..”

“จูบหน่อย”

คริสเงยหน้ารับบดจูบที่หนักหน่วงและโหยหา เรียวลิ้นเกี้ยวกระหวัดกันไปมาในขณะที่ด้านล่างก็แรงไม่มีถอย ทัตบีบนวดเนื้อก้อนตึงอย่างมันส์มือพร้อมๆกับแรงรัดที่เพิ่มมากขึ้น ความเสียววูบเริ่มแล่นพล่านไปทั่วทั้งร่าง หัวสมองมึนเบลอจนแทบไม่รับรู้ต่อสิ่งใดยกเว้นใครอีกคนที่ยังคงกอดรัดกันอยู่ไม่ห่าง เสี้ยววินาทีนั้นความปวดหนึบก็แผ่ซ่านเป็นของเหลวเหนียวเหนอะกระจายตามหน้าท้อง ทัตเองก็แช่ค้างปล่อยให้สิ่งอุ่นร้อนนั้นพุ่งทะลุอยู่ที่ด้านใน ทั้งคู่หอบหายใจอย่างหนัก คริสทิ้งแขนลงทั้งสองข้างพลางปิดเปลือกตาด้วยความอ่อนแรง ทัตก้มลงมาจูบปากคนด้านล่างอีกครั้งก่อนจะถอดแกนกายออกและนั้นก็ทำให้ของเหลวที่อยู่ด้านในไหลทะลักออกมา

“โคตรเอ๊กซ์”

พูดพลางเลียริมฝีปาก คนหลับตาเกิดหมั่นไส้เลยยกขากะเตะไปอีก ทัตคว้าไว้ได้ทัน เค้าหัวเราะเสียงต่ำแล้วกดจูบไปที่ข้อเท้าขาว คริสบลือตามอง

“ปล่อย”

นี่เสียงคนหรือเป็ด แหบได้ใจชมัด

“อยากอาบน้ำไหม?”

คริสกรอกตาคิด

“อยากแต่ก็ง่วง ไม่มีแรงด้วยแต่โคตรเหนียวตัว”

ทัตหัวเราะให้กับความย้อนแย้งของคนตรงหน้า

“เดี๋ยวอาบให้”

ว่าแล้วก็เข้าไปอุ้มคนน้อง คริสยกมือโอบรอบคออย่างว่าง่ายปล่อยให้คนพี่บริการตนตามที่เค้าพอใจจะทำเลย



ทัตรู้สึกตัวตื่นขึ้นเพราะเสียงโทรศัพท์ เค้าค่อยๆพลิกร่างไปกดตัดสายก่อนจะหันมามองคนน้องที่ยังคงหลับสนิทอยู่ในอ้อมแขน เค้ายิ้มแล้วก้มลงไปหอมหน้าผากมลเบาๆแล้วจึงค่อยๆผละออกมา คริสขยับตัวนิดหน่อยแต่ก็หลับต่อไปในที่สุด ทัตดึงผ้าห่มขึ้นคลุมให้คนบนเตียงจนถึงคอแแล้วค่อยออกไปต่อสายหาคนที่โทรมาเมื่อครู่อยู่ที่ระเบียงด้านนอก

“ครับพ่อ”

/อยู่ไหนนะทัต?/

“ภูเก็ตครับ พ่อแลนดิ้งเมื่อไหร่?”

/ตั้งแต่สองชั่วโมงก่อน แล้วทำไมไปอยู่นั้นแทนที่จะอยู่เคลียร์เรื่องด้วยกัน/

ทัตหันกลับไปมองคนหลับเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองผืนทะเลเบื้องหน้าดังเดิม แสงแดดที่สว่างจ้านั้นทำให้เค้ารู้ว่าเค้าตื่นสายมามากพอสมควร

“มาเคลียร์เรื่องหัวใจนิดหน่อยนะครับ”

/หืม…นี่แกมีแฟนอยู่ภูเก็ต?/

“เปล่าครับ พอดีผิดใจกันนิดหน่อยเลยพามาเที่ยวแล้วก็เคลียร์กันไปด้วย”

/แผนดีนี่หว่า ผมกับที่เป็นลูกพ่อ/

ทัตยิ้ม

/แล้วจะกลับมาเมื่อไหร่?/

“คงอีกสักสี่ห้าวันครับ”

/นี่ไปง้อหรือไปเข้าหอ ทำไมไปนาน/

“พอดีคนงอลดื้อนะครับ ผมเลยต้องง้อนานๆหน่อย”

/หึ ท่าจะเอาจริงแฮะ/

“คนนี้ผมเอาจริงครับ”

/เออๆ โตๆกันแล้วก็ดูกันเอาเอง อย่าให้มีคำว่าอกหักสำหรับผู้ชายอกสามศอกนะเทพทัต/

“ก็เกือบเหมือนกัน”

/ฮ่าๆๆๆ ชักอยากเห็นหน้าคนที่กล้าทำให้แกหัวปั่นซะแล้วสิ งั้นเดี๋ยวพ่อกับแม่จะอยู่รอแกกลับมากรุงเทพก่อนแล้วค่อยบินกลับละกัน พาว่าที่ลูกสะใภ้มาหาด้วยละ จะรับขวัญอย่างดีสัญญาว่าไม่มีแกล้งใดๆทั้งสิ้น/

ถ้าเป็นช่วงเวลาปกติทัตคงจะยิ้มร่าให้กับคำหยอกล้อของชายผู้เป็นพ่อแต่เค้ากลับสะอึกให้แก่คำที่ว่า ‘ลูกสะใภ้' เข้าเต็มๆเปา

ถึงจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ถึงขนาดไหนแต่อำนาจของผู้เป็นพ่อแม่นั้นยิ่งใหญ่กว่าเสมอ

“พ่อครับ”

/ว่าไง? อย่าบอกนะว่ายังไม่พร้อมพามาเจอ เอาน่า จะจริงจังกับเค้าก็ต้องกล้าๆหน่อย แค่พ่อแม่ตัวเองยังไม่กล้าพามาเจอแล้วจะไปเจอพ่อแม่อีกฝ่ายได้ยังไงวะ/

ทัตถอนหายใจ

“พ่อ…แฟนผมเป็นผู้ชาย”

ปลายสายเงียบกริบในขณะที่ทัตลุ้นจนเหงื่อซึมมือชื้นแต่ก็ยังตั้งใจรอ เค้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่ามุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี แค่นี้ก็เจอเรื่องแย่ๆมาเยอะแล้วขออย่าให้มีอะไรมาขวางทางอีกเลย

/เทพทัต/

น้ำเสียงที่เข้มขึ้นทำให้ทัตวูบไหวในอก

“ครับ”

/อย่ามาพูดเล่นแบบนี้นะ/

มือหนาเผลอกำแน่นขึ้นกว่าเดิม

“ผมพูดจริงครับ”

/แกเป็นลูกชายคนเดียวและยังต้องสืบทอดกิจการทั้งหมด แกคิดจะให้ตระกูลเราสิ้นสุดอยู่แค่รุ่นแกเหรอ?/

ถึงแม้จะไม่ใช่น้ำเสียงที่เกรี้ยวกราดแต่ก็ทำให้คนฟังอึดอัดในใจได้มากโข

/แค่เรื่องอีฟกับไอ้เชนต์มันยังทำให้พ่อปวดหัวไม่มากพอใช่ไหม?/

“ผมขอโทษ”

/เลิกกันซะ/

คราวนี้ถึงกับชาว๊าบไปทั้งตัว

“ไม่ครับ”

ปากตอบไปโดยไม่แม้แต่จะปรึกษาสมอง มันเป็นไปเองตามที่ใจปรารถนา

/หึ ตอบแบบไม่คิดเลยนะ/

พึ่งจะเข้าใจที่คริสบอกว่าเกลียดเสียงหัวเราะเค้าก็ตอนนี้

“พ่อครับ ผมทำตามที่พ่อบอกมาโดยตลอดแล้ว แต่ว่าเรื่องนี้…”

/แกก็ต้องทำตามที่ฉันบอกต่อไป/

“…….”

ถึงกับพูดไม่ออก

/เลือกมาระหว่างเลิกกันกับผู้ชายคนนั้นหรือคบกันต่อไปโดยที่ตัดนามสกุลศิริพัฒนโอฬารทิ้ง!/

“พ่อ…”

/ฉันให้เวลาแกวันนี้ทั้งวัน/

ทัตถอนหายใจเฮือดใหญ่แล้วหันหลังพิงราวระเบียงเบนสายตาไปมองยังคนบนเตียงที่ตื่นขึ้นมาแล้ว คริสงัวเงียมองซ้ายแลขวาหันหาทัตด้วยใบหน้าที่เหมือนเด็กน้อยจอมงอแง ปากเรียวยู่เล็กน้อยในขณะที่ตายังคงบลือๆ ผมไม่เป็นทรงและเสื้อเชิตตัวใหญ่ที่โชว์ไหล่ขาวไปข้างหนึ่ง

“ผมขอโทษ”

/…………/

“ผมรักพ่อกับแม่นะครับ”

/………../

“แต่ผมก็รักเค้าเหมือนกัน ผมขาดเค้าไม่ได้ครับพ่อ”

/หึ/

“ผมขอโทษ”

/พูดได้ดีนี่ สรุปคือเลือกคนนั้น?/

“……”

/ถ้ากำจัดทิ้งแกคงไม่มีอะไรหน่วงเหนี่ยวสินะ/

“พ่อ!”

/หึหึ/

“ถ้าพ่อทำอะไรเค้า ผมจะไม่ให้อภัยพ่อเลยตลอดชีวิต!”

/ดีจริง กล้าประกาศสงครามกับพ่อซะด้วย/

ทัตกัดฟันกรอดในขณะที่ตายังจ้องไปที่ร่างบางบนเตียง คริสเห็นทัตแล้ว เค้าได้ยินเสียงทัตตะคอกใส่โทรศัพท์จึงได้รู้ว่าคนตัวโตกำลังคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดอยู่ตรงระเบียง ด้วยความหิวจนท้องเริ่มประท้วงคริสเลยก้าวลงจากเตียงตั้งท่าจะลุกไปเข้าห้องน้ำแต่ทว่า…

“เห้ย!”

“คริส!!”

ขาไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจนทรุดฮวบลงไปนั่งกับพื้น ทัตเองก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาก่อนจะพยุงให้ขึ้นไปนั่งบนเตียงดีๆ

“เจ็บตรงไหนไหม?”

คริสส่ายหน้า เค้ายังอึ้งกับปฎิกิริยาของคนตรงหน้าไม่หาย อะไรมันจะเวอร์วังขนาดนั้นวะ

“ดื้อจริงเลย จะไปไหนทำไมไม่เรียก!?”

คริสกระพริบตาปริบๆให้กับคนอารมณ์เสีย

“อย่ามาพาล ก็เห็นคุยโทรศัพท์อยู่เลยจะลุกไปเข้าห้องน้ำเอง”

ทัตถอนหายใจสงบสติอารมณ์แล้วพยักหน้ารับ ตอนนั้นเองที่คริสเหลือบไปเห็นโทรศัพท์ในมืออีกข้างของคนตัวโต

“ว่าแต่…วางสายไปรึยังนะ?”

พูดพร้อมกับชี้ไปที่เครื่องมือสื่อสาร ทัตเลิกคิ้วแล้วยกขึ้นมาดู จริงๆก็ลืมวางนั้นแหละ แต่ตอนนี้หน้าจอกลายเป็นแบล็คกราวด์ปกติไปแล้ว

วางไปตั้งแต่เมื่อไหร่นะ แต่ก็เอาเถอะ กลับไปค่อยไปคุยใหม่อีกรอบแล้วกัน

“จะไปเข้าห้องน้ำใช่ไหม?”

คริสพยักหน้า

“เดี๋ยวพี่อุ้มไป”

“เห้ย ไม่เอาๆ แค่พยุงไปก็พอ”

“อย่าดื้อครับ เดี๋ยวอุ้มไปนั่งที่อ่าง นอกนั้นจัดการเอง โอเคไหม?”

คริสนิ่งไปแป๊บแต่ก็ยอมพยักหน้ารับ อย่างน้องๆก็ยังดีกว่าให้มันเข้ามาอาบให้เหมือนเมื่อวานละนะ




“วันนี้เราจะไปไหนกัน?”

คริสถามเมื่อกลืนมื้อเที่ยงคำสุดท้ายลงท้อง ทัตอิ่มตั้งก่อนเลยได้แต่นั่งมองคนหิวที่กินไวจนต้องคอยปราม

“อยากไปไหนละ?”

“จะไปรู้ไหม ไม่เคยมา”

ทัตยิ้มขำเอื้อมมือไปยีผมสีอ่อนก่อนจะคว้าจานชามมารวมกับของตนแล้วนำไปไว้ที่ซิงรอให้ป้าแม่บ้านแกมาจัดการอีกที

“ตอนนี้แดดยังแรงอยู่ไปเดินห้างกันไหม?”

“ไปทำไมห้าง กรุงเทพก็มีเยอะแยะเข้าก็บ่อยไม่เบื่อบ้างไง?”

“พรุ่งนี้ว่าจะพาไปขับเจ็ทสกีแต่เราไม่น่าจะเอาชุดมาใช่ไหม?”

“เออ ก็จริงแฮะ แล้วทำไมต้องเป็นพรุ่งนี้ ซื้อแล้วไปขับเล่นเลยไม่ได้เหรอ?”

เผลอใช้เสียงอ้อนไปโดยไม่รู้ตัว พอเห็นว่ามีเรื่องน่าสนุกละเต็มที่เชียวนะ

“วันนี้ลัดคิวไม่ได้ แต่พรุ่งนี้เล่นได้ทั้งวัน”

“โอเค งั้นไปห้างกัน แล้วจะได้ไปตลาดนั้นอีกไหมอะ?”

ท่าทางจะติดใจตลาดเมืองเก่าเข้าให้แล้วสิ

“ไปถนนคนเดินแทนแล้วกัน ใกล้กว่าแถมเหมือนจะมีโชว์มายากลด้วย”

ที่รู้เพราะหาข้อมูลมาก่อนแล้ว คนอย่างคริสคงไม่ชอบอยู่บ้านนอนดูฟ้าดูน้ำเฉยๆแน่นอนเพราะงั้นตนเลยต้องหาความสนุกสนานอันอื่นไว้ให้จะได้พาเด็กดื้อไปเที่ยวเล่นได้ไม่มีขัด

“จริงดิ!”

นั้นไง ตาใสเบิกกว้างพลางไหวระริกไหนจะแย้มยิ้มกว้างอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

“ครับ”

“งั้นก็ไปกันเลย!”

ทัตยิ้มขำหัวเราะเสียงต่ำให้คนใจร้อนที่เดินมาลากแขนเค้าไปยังหน้าบ้าน ทัตล้วงเอากุญแจในกระเป๋ากางเกงมาปลดล็อคก่อนจะพากันขึ้นและมุ่งหน้าไปยังห้างใหญ่ภายในตัวเมือง วันนี้คริสใส่ชุดสบายๆอย่างเสื้อยืดตัวใหญ่ผ้าบางสีขาวและกล้ามซับในสีฟ้าอ่อน กางเกงเป็นขาสั้นเหนือเข่าสีดำและรองเท้าแตะหนังสีดำแบรนด์ทั้งตัวอีกเช่นเคย ส่วนทัตนั้นอยู่ในเสื้อยืดคอวีสีน้ำเงินครามตัดขาวและกางเกงขายาวสีขาวขับให้ดูสะอาดและภูมิฐานขึ้นมากพอตัว แว่นกันแดดสีดำถูกนำมาใส่ตั้งแต่ขับรถยันเข้าห้างทำให้คนตัวโตตกเป็นเป้าสายตาเพราะความดูดีจนต้องเหลียวหลัง คริสได้แต่เฟยียดปากหมั่นไส้ ถึงจะเจอบ่อยจนชินแต่มันก็อดไม่ได้อยู่ดีแหละนะ

“ทำไมทำหน้างั้นละ?”

“สัส”

มีด่ากลบเกลื่อนมาอีก

“งอลอะไรพี่อีกครับ?”

“เชี่ย อย่ามาทำเสียงอ่อนเสียงหวานจะได้ม่ะ ขนลุก”

พูดพร้อมทำท่าแหย่งไหนจะรีบเดินนำหน้าไปอีก ทัตได้แต่หัวเราะขำคนน่าฟัด ไม่รู้รึไงว่ายิ่งทำหน้างอลเค้ายิ่งอยากง้อ ง้อหนักๆแบบที่ทำไปเมื่อคืนนั้นแหละ

ทัตรีบเดินตามคริสไปแล้วคว้าเอามือเรียวมาจับ แปลกนิดหน่อยตรงที่น้องไม่ได้สะบัดหนีหรือด่าเหมือนทุกที คริสทำแค่เหลียวมามองแล้วก็หันไปเดินต่อแบบไม่ท้วงอะไรสักแอะ ทัตยิ้มด้วยหัวใจที่พองฟูอยู่เต็มอก ทั้งสองเดินดูช๊อปนั้นเลี้ยวเข้าช๊อปนี้เป็นว่าเล่น จากที่กะจะซื้อชุดไปใส่ขับเจ็ทสกีอย่างเดียวเลยได้ตัวอื่นมาอีกเพียบ ส่วนใหญ่ก็เป็นของคริสจะมีตัวสองตัวที่คริสแอบเลือกให้คนตัวใหญ่เพราะเห็นว่าเข้ากับบุคลิกแต่ไม่ให้เจ้าตัวรู้

พอเหนื่อยก็พากันไปนั่งพักที่ร้านกาแฟเมื่อโอเคก็เดินต่อจนเย็นจึงพากันไปถนนคนเดินและทานมื้อเย็นที่นั้นเลย

สิ่งที่ทั้งคู่เลือกฝากท้องคือก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ คนที่เลือกนั้นก็คือคริส แต่คนที่กินไม่ได้ก็คือคริสอีกนั้นแหละ ทัตหัวเราะให้คนทำหน้าแหยะเมื่อลองซดน้ำซุปเข้าไป

“ขมใช่ไหมละ”

เค้าก็บอกแล้วว่ารสชาติมันเป็นยังไงแต่คนดื้อยังอยากจะลอง เป็นไงละ กินไม่ได้ตั้งแต่คำแรก

“ก็ไม่นึกว่าจะขนาดนี้นี่ นึกว่าจะขมเหมือนพวกกาแฟไรงี้ อันนี้มันแปล่งๆอะ แหวะ”

“หึหึ เอาถ้วยนั้นมานี่”

เมื่อได้มาทัตก็จัดการตักน้ำซุปไปใส่ถ้วยตัวเองแล้วปรุงให้ใหม่ ดีที่คริสสั่งเป็นเส้นหมี่เลยทำให้ไม่อมน้ำสักเท่าไหร่ ถึงจะกลายเป็นก๋วยเตี๋ยวแห้งแต่ก็น่าจะกินได้มากกว่าเมื่อกี้แหละนะ

“เสร็จแล้ว”

คริสมองก๋วยเตี๋ยวแห้งของตนตาปริบๆ

“กินได้แน่นะ”

“ก็รู้อยู่แล้วนี่ว่าพี่ทำอาหารเป็น”

ก็จริงอย่างที่พูด คริสพยักหน้ารับแล้วคีบเข้าปากเคี้ยวหนุบหนับ

“เป็นไง?”

คนปรุงลองถาม คริสนิ่งไปนิดแล้วจึงพยักหน้าอีกครั้งแล้วจวกกินต่อไม่ปริปากพูดอะไรอีก เมื่อเบาใจทัตก็ก้มลงกินของตัวเองบ้าง เมื่ออิ่มก็พากันเดินดูร้านค้าต่างๆที่ส่วนมากจะเป็นของจิปาถะที่พบเห็นในตลาดนัดทั่วไปจะมีแตกต่างหน่อยก็คือบางอย่างอาจเป็นของโอท็อปเฉพาะพื้นที่ให้ได้ซื้อไปเป็นของที่ระลึก เมื่อเดินเข้าไปลึกๆทางด้านในจะมีคนตีวงล้อมวงใหญ่พร้อมเสียงฮือฮาให้ได้แปลกใจกัน

“เค้ามุงอะไรกันนะ?”

“โชว์มายากลละมั่ง”

“ไปดูๆ”

ว่าแล้วก็กึ่งดึงกึ่งลากกันฝ่าวงล้อมเข้าไปยังด้านใน คริสนะพริ้วไหวและแทรกตัวง่ายก็จริงแต่ทัตตัวออกจะใหญ่เลยลำบากต้องหันไปขอโทษคนนู้นคนนี้เป็นว่าเล่น

“โห…..”

เมื่อมาถึงหน้าสุดคนน้องก็อุทานด้วยความตื่นตาตื่นใจ ก็การแสดงตรงหน้ากำลังถึงจุดพีคตอนที่กำลังแทงกระบี่ใส่เข้าไปในกล่องที่มีหญิงสาวยืนอยู่ด้านใน 

“เห้ย ทำไมไม่เป็นอะไรเลยวะ นั้นแทงไปตั้งเยอะ”

ดูเหมือนใครบางคนจะชอบมากกว่าที่คิด

“ไม่เคยดูมายากลเหรอ?”

ถามเพราะเห็นอาการตื่นเต้นมากจนแลดูผิดปกติแล้วก็อดสงสัยไม่ได้

“เคยเห็นแต่ในทีวี พึ่งเห็นแบบเป็นๆด้วยตาตัวเองนะครั้งแรก”

ทัตยิ้มรับ เค้าดีใจที่เป็นอีกครั้งที่ได้สร้างความทรงจำครั้งแรกให้แก่คนน้องอีกครั้ง เมื่อการแสดงสิ้นสุดลงโดยที่ผู้หญิงคนนั้นเดินออกมาพร้อมร่างกายปกติครบสามสิบสองไม่มีแม้รอยขีดข่วนเสียงปรบมือชื่นชมก็ดังระงม หนึ่งในนั้นก็คือคนตัวบางนี้ไงละ

“จบไปแล้วสำหรับการแสดงในชุดที่สาม เรามาพักโดยการให้ผู้ชมมาเล่นเกมส์เบาๆกันดีกว่า ผมอยากจะขออาสาสมัครสักสองคนครับ ใครอยากเล่นก้าวออกมาเลย”

คนดำเนินการแสดงที่ใส่ชุดโจ๊กเกอร์พูดใส่ไมค์หน้าตายิ้มแย้ม แต่ไร้ซึ่งผู้กล้าที่จะดราหน้าเข้าไปกลางวงล้อม

“ไม่มีเลยเหรอครับ ถ้าไม่มีงั้นผมสุ่มเอาน๊า”

“ทัตเล่นไหม?”

ดูเหมือนคนน้องจะสนใจมากเป็นพิเศษ ทัตเลิกคิ้วในเชิงถาม

“อยากเล่นเหรอ?”

“อือๆ”

พยักหน้าหงึกหงักน่าเอ็นดูชะมัด

“เอาจริง?”

“อ๊ะ นั้นเลย คุณผู้ชายตัวโตๆกับชาวต่างชาติตรงนั้นนะ สนใจไหมครับ หน้าตาดีทั้งคู่แบบนี้น่าจะเรียกผู้ชมให้เพิ่มขึ้นไปอีกนะเนี้ย ตาแหลมจริงๆเลยเรา”

เกิดเสียงฮาคลืนในขณะที่ทุกสายตาจดจ้องมายังเค้าทั้งคู่

“นั้นไง เค้าเรียกแล้ว ไปเร็ว”

“โอเคๆ”

ทัตนึกปลงแล้วเดินตามแรงดึงแขนไปกลางวงล้อม

“โห น้องฝรั่งหน้าตาดีแล้วยังใจกล้าอีกนะเนี้ย ว๊อทยูเนม?”

โจ๊กเกอร์ชมเปาะก่อนจะยื่นไมค์มาทางคริส

“ชื่อคริสตัลครับ พูดไทยได้”

“สุโค้ย เก่งมากครับที่สามารถฝ่าฟันพยันชนะและสระอันมากมายของเราชาวไทยมาได้ แล้วคุณละครับ?”

“เทพทัตครับ”

“อื้อหือ ชื่ออลังกันทั้งคู่เลย เอาละ เรามาเข้าสู่เกมส์ของเรากันดีกว่า เกมส์ของเรามีชื่อว่าแอปเปิ้ลหรรษาครับ”

พูดแล้วก็ชูแอปเปิ้ลผลใหญ่ในมือ ไปเอามาตอนไหนวะ

“พวกคุณทั้งสองต้องกัดแอปเปิ้ลลูกนี้ให้เหลือน้อยที่สุดในเวลาที่เร็วที่สุดโดยผลัดกันกัดคนละครั้งแต่ที่สำคัญคือห้ามใช้มือโดยและห้ามทำตก”

คริสหน้าเหวอในขณะที่ทัตยังคงนิ่ง

“เมื่อเข้าใจแล้วงั้นเริ่มเลยแล้วกัน ช่วยขยับเข้ามาใกล้ๆกันอีกนิดด้วยครับ”

ทั้งคู่โดนจับหันหน้าเข้าหากันจนแทบจะตัวแนบตัวแล้วด้วยซ้ำ มิน่าละถึงเลือกคู่ชายกับชายเพราะมันจะได้ไม่ดูบัดสีจนเกินงามแต่สำหรับบางคนมันก็ไม่ค่อยจะต่างกันสักเท่าไหร่เลยนะ

“เริ่มจากคุณเลยแล้วกัน”

ทัตอ้าปากคาบลูกแอปเปิ้ลเมื่อโจ๊กเกอร์ยังเข้ามาให้ แต่ทว่าด้วยแรงกัดที่มากไปทำให้เผลองับจนผลร่วงลงจากปากซะงั้น คริสตกใจแต่ก็ไหวตัวทัน เค้ารีบเข้ามากอดทำให้ผลแอปเปิ้ลไปติดอยู่ที่ส่วนท้องแทน

“เฮ้ย~”

คนน้องถอนหายใจอย่างโล่งอก

“จะทำให้จบเกมส์ตั้งแต่คำแรกเลยรึไงวะ!”

แล้วก็หันมาเอ็ดคนพี่ไปอีก

“โทษๆ”

“ชิ”

คนน้องก้มลงไปมองผลไม้สีแดงนั้นอีกครั้ง ไม่นานก็ค่อยๆย่อตัวลงโดยที่ยังคงหนีบชิดติดกันอยู่เหมือนเดิม เมื่อมีช่องว่างแอปเปิ้ลก็ไหลลงไปเรื่อยแต่คริสก็เลื่อนตัวลงไปจนปากงับมันได้ทัน แต่ทว่าตำแหน่งที่เค้างับมันกลับเป็นตำแหน่งที่ดูล่อแหลมไม่น้อย ทัตได้แต่มองนิ่งทั้งที่ใจยังเต้นโครมคราม ส่วนนั้นกำลังถูกกระตุ้นด้วยท่าทางล่อแหลมที่คนทำไม่ได้ตั้งใจแต่มันกลับแลดูเอ็กซ์จนแทบทนไม่ไหว ทันทีที่คริสคาบแอปเปิ้ลมาไว้กับปากได้ทัตเลยดึงแขนคนน้องให้ลุกขึ้นแล้วจับอุ้มกระเต็งเหมือนลิงอุ้มแตง คริสตกใจไม่น้อยแต่ก็คว้าคอทัตไว้ได้ทัน จะอ้าปากด่าก็ไม่ได้เลยต้องปล่อยให้เลยตามเลย คริสเลื่อนแอปเปิ้ลไปให้ทัตก่อนจะกัดแล้วส่งให้คนตรงหน้างับต่อ เสียงปรบมือและโหแซวที่ดังแซงแซ่ไม่ได้ทำให้คนทั้งคู่ชินแม้แต่น้อย เมื่อกัดหมดเหลือแต่แกนอยู่ที่ปากทัตคริสจึงถูกปล่อยลงพร้อมเสียงปรบมือชื้นชมละลอกใหญ่

“สุดดดดดยอดดดดด!!! ไม่เคยมีใครทำเวลาได้ดีขนาดนี้มาก่อนเลยครับ แถมยังฉลาดในการจัดการปัญหาเรื่องส่วนสูงอีกด้วย ขอเสียงปรบมือให้ผู้กล้าทั้งคู่นี้อีกครั้งด้วยคร้าบบบบ”

คริสยิ้มแห้งๆรับหน้าในขณะที่ทัตได้แต่อมยิ้มขำ จะมีใครรู้ไหมนะว่าคริสโดนอะไรบ้างระหว่างที่ถูกอุ้มอยู่อย่างนั้น

“หึ”

คนน้องหันควับมาจ้องดุๆเมื่อคนพี่หลุดเสียงหัวเราะ มันก็ไม่มีอะไรมากหรอกนะ ก็แค่โดนบีบนวดวนๆอยู่ที่ก้นตึงๆไปสามสี่ที เล่นเอาสะดุ้งเกือบทำแอปเปิ้ลตกอีกด้วย

“กลับบ้านกันเถอะ”

ทัตก้มกระซิบที่ข้างๆหูคนน้อง

“ชิ!”

ถึงจะยังคงฉุนเฉียวแต่ก็มุ่งหน้าสู่ลานจอดรถอยู่ดี นี่แหละน๊า เด็กดื้อที่น่าฟัด


TBC….

 :katai4:




ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ดร่าม่า ล็อตใหญ่มาและ  :z3: :z3: :z3:
ทัตจะดื้อกับพ่อได้หรือเปล่าเนี่ย
ไม่ทำตามคำสั่ง ที่ให้เลิกกับคริส
ถึงกับจะให้เปลี่ยนนามสกุลเลย  :fire:

ทัต คริส  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ทัต รู้ตัวว่ารักคริส แล้ว ขาดคริส ไม่ได้
คริส ก็ดูให้อภัยทัต แล้ว
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ชอบอ่าน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ตายแน่เลยทัต งานงอกอีกละ
ต้องเตรียมน้ำร้อนซดมาม่าไหมเนี่ย
คริสเริ่มจะหายงอนละ ทุกอย่างกำลังจะดีขึ้นต้องมาเครียดเรื่องพ่อทัตอีกเหรอเนี่ย
เอาใจช่วยนะทัต  :mew1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ต้องสู้อีกแล้ว

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
จะมีอะไรต่อนะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด