4
“ไอ้เหี้ยนี่ชักจะเล่นแรงเกินไปแล้ว มันเกลียดมึงมากจนยอมแลกจริงๆ ให้ตาย!”
เพื่อนผมที่นั่งข้างๆ กันถึงกับบ่นไปด่าไป ถึงแม้ผมจะเสียดายที่ตัวเองบาดเจ็บจนเล่นไม่ได้อีกต่อไป แต่ก็ไม่ได้มีอารมณ์อยากจะด่าร่วม ตอนนี้นอกจากจดจำแค้นนี้เอาไว้แล้วค่อยไปคิดบัญชีทีหลัง ผมก็นอนแผ่อยู่ข้างสนาม
โชคดีที่ขาไม่หัก แต่ก็บวมและเจ็บมากจนน้ำตาจะไหล
“มึงไม่โกรธมันเหรอ”
เพื่อนผมถามเมื่อเห็นว่าผมไม่ได้ร่วมด่าไปกับมัน
“โกรธ” ผมตอบ “แต่ตอนนี้เจ็บเกินกว่าจะออกแรงโกรธไหว”
“เชื่อมึงเลยไอ้ซี” เพื่อนผมเหมือนจะหัวเสียแต่ก็อยากหัวเราะ สุดท้ายมันเลยลุกขึ้นยืนแล้วหันมาบอกผมว่า “งั้นมึงอยู่ตรงนี้ กูไปเกาะสนามดูต่อก่อน แล้วจะกลับมารายงานสถานการณ์แล้วกัน”
ผมโบกมือไล่มันเป็นเชิงบอกว่าไปเถอะ รีบไปไกลๆ กูเลย แต่ก็ไม่อยากกวนตีนมันมาก จึงได้แต่คิดอย่างนั้นในใจพร้อมกับตอบสั้นๆ “เออ”
หลังจากนั้นผมก็ได้อยู่ลำพัง กำลังคิดว่าจะงีบสักหน่อยดีไหม ในระหว่างที่หลับตาครุ่นคิด ก็พอดีว่ารู้สึกเหมือนกับมีใครบางคนมายืนจ้องหน้า
ผมลืมตา ก่อนจะตัวแข็งทื่อ
“แทน...”
ผมเรียกชื่อเขา ขณะที่เจ้าของชื่อก็ยืนจ้องมองผมนิ่ง ก่อนจะมองขาที่พาดอยู่บนเก้าอี้ยาว
“เป็นยังไงบ้าง”
คำถามของเขาแสดงออกชัดว่าเป็นห่วง ผมถึงกับทำอะไรไม่ถูก
“ก็...เอ่อ...ก็ดี ไม่หัก ไม่ร้าว แต่ตอนนี้ใช้งานไม่ได้”
แล้วทำไมกูต้องตอบกวนตีนคนที่ชอบด้วยเนี่ย!
ผมนึกอยากเอามือกุมขมับตัวเอง
คนเกรียนนี่มันก็เกรียนจริงๆ
แทนทำหน้ากึ่งยิ้มกึ่งบึ้ง ก่อนจะทรุดลงนั่งบนเก้าอี้อีกตัวตรงกันข้ามผม
“ทำไมคราวนี้บาดเจ็บได้”
คำถามนั้นทำให้ผมขมวดคิ้ว แต่ก็ยอมตอบแต่โดยดี
“ก็...ไม่มีสมาธิ”
เพราะภาพบาดตาก่อนหน้านั้นของใครบางคน
“เพราะเราเหรอ”
คำถามตรงๆ นั้นทำให้ผมถึงกับสะดุ้ง
“มะ...ไม่ใช่เลย!”
ผมส่ายหน้าปฏิเสธยิกๆ
ผมเห็นแทนถอนหายใจยาวเหมือนกับรำคาญอะไรสักอย่าง นั่นทำให้ผมใจแป้ว ไอ้เหี้ยซีนี่! มึงนี่มันปอดแหกปอดรั่ว! ทีก่อนหน้านี้ล่ะมาทำเป็นบอกว่าจะพูดกับเขาตรงๆ พอเขาอยู่ตรงหน้ามึงก็เสือกไม่กล้าอีกแล้ว!
ผมด่าตัวเองอย่างดุเดือด
“เรามีอะไรอยากจะถาม”
“อะ...อะไรเหรอ”
นี่กูเป็นพี่ว้ากจริงปะวะ ทำไมพูดจาไม่ฉะฉานเลย
“นี่...หมายถึงเราใช่ไหม”
ไม่ถามเปล่า เขายื่นมือถือมาตรงหน้าผม แล้วก็เห็นว่านั่นเป็นสถานะเฟซบุคที่ผมขึ้นก่อนลงแข่ง
“เรา...”
ผมตัวแข็งทื่อแต่ลิ้นแข็งยิ่งกว่าตัวเสียอีก และแน่นอนว่าท่าทางของผมไม่ต้องตอบรับก็รู้แล้วว่าผมหมายถึงเขา ผมส่อพิรุธเสียขนาดนี้!
“จะทำแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน” เขาถามกลับมาพร้อมกับถอนหายใจ สีหน้าเหมือนกับจะระอากับอะไรสักอย่าง เฮ้ๆ คงไม่ได้หมายถึงระอากับผมหรอกนะ
“ทำอะไรเหรอ เราไม่เข้าใจเลยว่ะแทน”
ผมกลั้นใจถามกลับไปบ้าง
แทนเหยียดยิ้ม มองผมด้วยสายตารู้เท่าทัน
“ก็ทำอย่างที่ทำอยู่นี่ไง”
ผมกำลังจะอ้าปากถามว่าอะไร แต่สายตารู้ทันทำให้ผมร้อนวาบอย่างคนร้อนตัว
“แอบมองเราเวลาอยู่ในคณะ”
“…”
“แอบส่องเฟซบุคของเรา”
“…”
“เข้าไปเล่นเกมที่เราเล่น”
“…”
“ตีสนิทกับเราในเกมโดยที่คิดว่าเราไม่รู้”
“…”
“แถมยังตามไปนั่งมองเราถึงร้านเนต”
“…”
แต่ละข้อที่เขาร่ายมายิ่งฟังยิ่งเหมือนคนโรคจิตขึ้นทุกทีจนผมเองยังหน้าร้อนผ่าวด้วยความอายและแก้ตัวไม่ออก
ผมเห็นแทนเหยียดยิ้ม ขณะที่ผมตัวแข็งทื่อ พูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียวเพราะการกระทำของตัวเองโดนจับได้มาตลอด
แทนลุกขึ้นยืน ก่อนจะวางระเบิดเอาไว้ให้ผมแทบกระโดดตามเขาไป
“แล้วถ้าอยากรู้จัก อยากจับมือ อยากอยู่ในสายตา อยากอยู่ข้างๆ ทำไมไม่เดินเข้ามาทักทายกันก่อนล่ะ”
คำถามนั้นของเขาทำให้ผมชะงัก และก่อนที่จะได้ตอบอะไร เขาก็โบกมือให้แล้วลุกเดินหนีหาย
ตอนนี้เองที่ผมน้ำตาไหลพรากด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง
ไอ้ชิบหาย! ตอนนี้กูไม่น่าเจ็บขาจนเดินไม่ได้เลย!
ฟุตบอลจบแล้ว วิศวะก็เอาชนะสถาปัตถ์ไปจนได้ ไอ้แบมที่เดือดพล่านเพราะทีมสถาปัตถ์เล่นนอกกติกาทำร้ายผมจนบาดเจ็บก็สำแดงอำนาจของหมีกริซลี่ถล่มอีกฝ่ายยับเป็นการแก้แค้น ก่อนจะหิ้วปีกพาผมที่เจ็บขาไปหาอะไรแดก แถมหิ้วโอวัลตินเย็นมาให้อีกแก้วแล้วพามาส่งถึงหน้าห้อง ทว่าผมไม่ได้เข้าห้องตัวเอง แต่กลับไปยืนใช้ไม้ค้ำอยู่หน้าห้องคนข้างๆ แทน
ผมส่องเขามาแล้ว ตอนนี้เขากลับมาหอไม่ได้ไปสิงร้านเนตเหมือนทุกๆ วัน
ผมเคาะประตูห้องของเขาก่อนจะยกมือถือขึ้นมาเล่นฆ่าเวลา กดล็อกเอาท์ออกจากล็อกอินผีของตัวเองแล้วเข้าเฟซบุคหลักของผมเอง เสิร์ชหาชื่อของคนบางคนอย่างรวดเร็วแล้วกดคำขอส่งเป็นเพื่อนไปให้
หลังจากที่แฝงตัวด้วยล็อกอินผีมานาน...วันนี้ในที่สุดผมก็กล้าที่จะเอาเฟซบุ๊คตัวเองแอดเฟรนด์แทนไปแล้ว
จริงๆ ไม่ได้อยากขอเป็นเพื่อนเลย...อยากขอเป็นแฟนมากกว่า
อั้ยยะ!
ไม่นานหลังจากนั้น ‘Tan Tan’ ก็กดตอบรับผมเป็นเพื่อนในเฟซบุคหลังจากที่ผมตามเขามานานกว่าสามปีในเฟซผี หมดสิ้นกันทีกับสถานะสตอลเกอร์โรคจิต ตอนนี้ผมเฉิดฉายมั่นหน้าได้ด้วยเฟซบุคจริงๆ ของผมแล้ว อุวะฮะฮ่า!
ผมไม่รอช้า รีบกดส่งข้อความทางแชทเฟซไปหาแทนทันที และเริ่มต้นทักทายอย่างที่คนปกติธรรมดาทำกันเสียที
‘สวัสดี ผมชื่อซี’
อีกฝ่ายขึ้นว่าเห็นแล้ว ผมใจเต้น และหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ตอบกลับมา
‘สวัสดี ผมชื่อแทน’
‘แทน...’
ผมพิมพ์ชื่อเขาแล้วจุดยาวๆ ไป อีกฝ่ายเลยลากจุดยาวกลับมายิ่งกว่าให้ผมแทน
‘……………….’
ผมหัวเราะไม่มีเสียง หัวใจเต้นแรงเสียจนคิดว่าตัวเองได้ยินเสียงหัวใจนั้น ขณะที่พิมพ์ข้อความต่อไปส่งให้เขาด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มี
‘ผมรักคุณ’
“ไอ้บ้า”
คนข้างๆ ที่ก้มหน้ากับโทรศัพท์ถึงกับสบถออกมา เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมองผม วินาทีนั้นหัวใจของผมก็เหมือนกับจะพองโตคับอกขึ้นมาอีกครั้ง มันให้ความรู้สึกเหมือนกับครั้งแรกที่ผมสบตากับเขาแบบนี้...
แม้เขาจะไม่ตอบอะไรในแชท รวมถึงไม่ตอบต่อหน้าด้วย ทว่ารอยยิ้มและแววตาของเขาก็บอกผมได้อย่างชัดเจนที่สุดแล้วว่าเราสองคนหัวใจตรงกัน
เขารักผมไม่ต่างจากที่ผมรักเขาอย่างแน่นอน...
เอาความหล่อล้ำเลิศ และตำแหน่งกัปตันทีมฟุตบอลอัจฉริยะของผมเป็นเดิมพันเลย!
จบ
มาแล้วค่า มาแล้ววววว
ขอโทษที่หายไปนาน สารภาพว่าลืมมมมม ก็นึกว่าอัพจบไปแล้วน่ะค่ะ 55555555555
พอพี่ที่สนิทกันมาถามว่าน้องๆ น้องยังลงไม่จบนะ นี่แบบ
ขอโทษที่นานจริงๆ ให้โดดถีบเลย งืออออออ
ตอนที่ให้พี่ที่สนิทกัน (คนเดิมกับที่สะกิดเตือนนั่นแหละค่ะ 555) อ่านเรื่องนี้
คำถามแรกที่นางถามคือ ใครเมะใครเคะ 55555
เออ นั่นสิ ตอนเขียนเสร็จเราก็ถามตัวเอง ก่อนจะตอบได้ว่า ไอ้บ้าซีนี่แหละเมะ 555555555
พี่ท่านนั้นเลยว่า เออเนอะ แปลกดี เอาเมะมาเขียนแทนที่จะเป็นเคะ ส่วนใหญ่บุรุษที่หนึ่งเอาเคะเขียนทั้งนั้น
ก็ไม่รู้สิน่าาา คิดว่าความบ้าของไอ้ซี มโนแดกของฮีนี้ เขียนแล้วสนุกกว่า ก็เขียนฝั่งฮีน่ะค่ะ
แอร๊... นอกเรื่องไปนาน ขอบคุณทุกๆ คนด้วยนะคะที่เข้ามาอ่านเรื่องนี้
นี่เป็นวายเรื่องแรกที่เขียนจบจริงๆ ค่ะ เลยเริ่มจากเรื่องสั้นก่อน ฮี่ๆ
ต่อไปจะเขียนเรื่องยาวแล้ว เรื่องหน้าเจอกันในแนว ดราม่าโรมานซ์ที่ถนัด SM กันให้เลือดสาด ทำร้ายจิตใจกันให้ตายไปข้างเลย 555555 (โอเวอร์มาก)
ขอฝากเรื่องใหม่ Mafia's Enchanted ด้วยนะคะ
เดี๋ยวจะเริ่มอัพตอนสิ้นเดือนเลย ฮี่ๆๆๆ
รักนะเตงงงงง
จุ๊บๆ
Eigen