My Evil Twin แฝดผม นรกส่งมาเกิด[จบแล้ว][Updateเรื่องรวมเล่ม]P.7
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: My Evil Twin แฝดผม นรกส่งมาเกิด[จบแล้ว][Updateเรื่องรวมเล่ม]P.7  (อ่าน 70027 ครั้ง)

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
บทที่ 11

(Mode: Logan Collins)





“แล้วเด็กคนนี้กำลังสืบเรื่องอะไรให้เราอยู่เหรอคะ” เจ้าหน้าที่แกรนท์เอ่ยถามต่อ แมคโดเวล หรือก็คือเจ้าหน้าที่พิเศษระดับสูงที่เป็นผู้รับผิดชอบผมหยิบปึกเอกสารที่ผมเพิ่งเอาออกมาวางไว้ตรงหน้ายื่นให้เจ้าหล่อนดู

ตำรวจสาวรับไปดูก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นขึ้น จากนั้นก็อุทานออกมาเบาๆ

“เรื่องยาเสพติดหรือคะ”

“ใช่แล้ว”

แกรนท์ทำหน้าบึ้งทันที “เราเองก็มีหน่วยงานของเรา…”

“แต่ถ้าเป็นเด็กวัยรุ่นที่มีอายุไล่เลี่ยกับพวกเขา เราจะสามารถสาวไปถึงตัวคนที่บงการยักใยอยู่เบื้องหลังทั้งหมดได้ง่ายกว่านะครับ คุณเจ้าหน้าที่พิเศษ” ผมพูดขัด และเมื่อเจ้าหล่อนหันกลับมามองผมด้วยสายตาขวางๆ เพราะไม่ชอบใจที่โดนพูดแทรก ผมจึงยกยิ้มหวานที่กระชากใจสาวๆ มาได้แล้วนักต่อนัก

“ยังไงไม่ทราบ” หล่อนถามเสียงห้วน บ่งบอกให้รู้ว่าถึงเจ้าหล่อนจะรู้สึกสงสารผมเพราะอดีตที่ถูกระบุอยู่ในแฟ้มนั่น เจ้าหล่อนก็ยังตั้งแง่กับเด็กวัยรุ่นที่ดูไม่ได้เรื่องได้ราวอย่างผมอยู่นั่นเอง

“ผมสามารถทำให้พวกเขาไว้ใจได้” ผมว่า เป็นสิ่งเดียวกับที่ผมพูดกับแมคโดเวลาครั้งแรกก่อนที่ชายสูงวัยเบื้องหน้าจะยอมรับในตัวผมและให้ผมมีเอี่ยวในคดีส่วนนี้ด้วย “ผมกลมกลืนไปกับพวกเขา เป็นหนึ่งในพวกเขา รับรู้ข้อมูลทุกอย่างอย่างที่พวกเขารู้ได้ และระหว่างที่ผมเก็บข้อมูลพวกนั้นมา ผมก็เอามาเล่าต่อให้พวกคุณรู้ได้ยังไงล่ะครับ”

“แต่งานของเขาค่อนข้างเสี่ยง” แมคโดเวลว่าหน้าเครียดขึ้นเล็กน้อย “แต่เท่าที่ผ่านมา คุณคอลลินส์ก็แสดงให้พวกเราเห็นว่าเขาทำได้ดี ข้อมูลที่เขาเก็บมาก็ถูกต้อง ถ้าเรายังให้เขาเก็บข้อมูลแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ เราอาจสาวไปถึงคนที่บงการอยู่เบื้องหลังทั้งหมดเลยก็ได้”

ผมหันไปยักคิ้วให้อีกฝ่ายที่ตั้งป้อมต่อต้านเหมือนจะอวดว่าแม้แต่คนที่ตำแหน่งสูงกว่าเจ้าหล่อนยังมองเห็นความสามารถในตัวผม… ยังยอมรับในตัวผมเลย และนั่นทำเอาเจ้าหน้าที่คนสวยหันหน้าขวับหนีไปทันที ว้า สงสัยจะภูมิต้านทานต่ำ มองคนหล่อนานๆ ไม่ได้

“ทำไมรอบนี้ถึงไม่ส่งข้อความมาบอกก่อน” แมคโดเวลเอ่ยถามผมขณะเก็บรวบรวมแผ่นกระดาษที่ผมพึ่งยิ่นส่งให้ ในน้ำเสียงนั้นแฝงแววตำหนิปนมา ผมเลยยักไหล่ให้เจ้าตัวนิดหนึ่ง

“บังเอิญผมผ่านมาแถวนี้ก็เลยแวะมา ถ้าคุณไม่อยู่ ผมค่อยมาวันหลังอีกก็ได้ ไม่เดือดร้อนอะไร”

“ให้เด็กที่ไม่ได้รับการฝึกฝนแล้วก็ไม่มีประสบการณ์ภาคสนามทำงานแบบนี้มันอันตรายนะคะ” แกรนท์เอ่ยขึ้นมาอีกรอบ ทั้งผมและชายอีกคนหันขวับไปมองเจ้าหล่อนทันที ผมส่งยิ้มพรายให้อีกฝ่าย หากพูดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงจริงจังขึ้น

“ผมเอาตัวรอดได้น่า คุณเจ้าหน้าที่พิเศษแกรนท์”

“ใช่สิ จนกว่านายจะโดนลูกตะกั่วเจาะหัว นายก็ยังพูดแบบนั้นได้อยู่นั่นแหละ นายไม่รู้ตัวหรอกว่ากำลังเล่นอยู่กับอะไร”

“อ้อ แน่นอน ผมรู้ตัวสิ” ผมพูดด้วยสีหน้าที่นิ่งขึ้น ชักเริ่มรำคาญกับคนที่พูดจาไม่รู้เรื่องขึ้นมาทุกทีๆ “คุณกำลังจะพูดถึงมาเฟียที่ทรงอิทธิพลที่สุดแถวนี้ใช่ไหม ผมรู้ดีว่าเรื่องยาเสพติดยิบย่อยพวกนี้ต้องเกี่ยวข้องกับพวกเขา ไม่มีทางที่อยู่ๆ มันจะโผล่ขึ้นมาเฉยๆ หรอก”

“คนพวกนั้นสั่งฆ่าคนได้เหมือนสั่งขี้มูก” ตำรวจยกมือขึ้นมาเท้าเอว หลุดมาดเรียบร้อยที่ควรทำต่อหน้าผู้ที่มียศสูงกว่าไปอย่างเผลอตัว “หวังว่านายเองก็รู้เรื่องนี้ด้วยนะ”

“เพราะแบบนั้นผมถึงได้อยู่ในการดูแลของหน่วยพิทักษ์พยานไงครับ” ผมพูดยิ้มๆ ไม่เกรงกลัวท่าทีท้าทายของหญิงสาวตรงหน้าสักนิด

“เอาล่ะ ทั้งสองคน” แมคโดเวลาพูดขึ้นในที่สุด “ผมคงต้องขอตัวไปประชุมก่อนแล้ว เพราะการพบปะกับคุณคอลลินส์วันนี้ไม่ได้อยู่ในกำหนดการ หวังว่าคราวหน้าคุณจะติดต่อมาบอกผมล่วงหน้าก่อนนะ”

“ไม่มีปัญหาครับ” ผมรับคำ หยิบกระเป๋าเป้ขึ้นมาสะพายหลัง “งั้นเอาไว้ค่อยพบกันใหม่แล้วกัน อ้อ คุณเจ้าหน้าที่พิเศษจะลงไปส่งผมข้างล่างใช่ไหมฮะ งั้นดีเลย รบกวนหน่อยนะครับ”

พี่สาวคนสวยส่งสายตาเขียวปั้ดกลับมาให้ผม แหม… ทำตัวดุจังน้า… ผมนี่กลัวจนขาสั่นไปหมดเลย







 ผมกลับมาถึงบ้านในเวลาที่พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปเรียบร้อยแล้ว ได้ยินเสียงเปียโนไฟฟ้าราคาถูกที่น้าของผมและลูคัสเป็นคนซื้อมาให้เจ้าตัวตั้งแต่สมัยยังเด็กดังแว่วมาทันทีที่เดินผ่านประตูรั้วบ้านเข้ามา

ผมเปิดประตูเข้าไปในตัวบ้าน ที่ไม่ได้ใหญ่โตอะไร ถึงแม้มันจะมีสองชั้นก็ตาม ห้องนั่งเล่นที่ชั้นหนึ่งถูกรวมไปกับโต๊ะกินข้าวและครัวที่ถูกกั้นเอาไว้อย่างเป็นสัดส่วน ผมวางกระเป๋าของตัวเองลงในขณะที่สายตายังไม่ละออกจากลูคัสที่กำลังพรมนิ้วลงบนคีย์เปียโนสีขาวดำสลับกันไปมาอย่างมีสมาธิ

เปียโนไฟฟ้าซึ่งเป็นเครื่องดนตรีเพียงชิ้นเดียวในบ้านมีสภาพค่อนข้างเก่า เต็มไปด้วยรอยขีดข่วน และผ่านการใช้งานมาอย่างหนัก แม้แต่เสียงที่เปล่งออกมายังมีบางคีย์ที่เพี้ยนไปบ้างตามสภาพของของราคาถูก แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มที่กำลังบรรเลงเพลงโดยมันก็ยังจดจ่ออยู่ที่มันโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองผมที่เพิ่งเปิดประตูเข้าบ้านมา

อืม… หรือบางทีมันอาจจะไม่รู้ตัว? แต่เฮ้ย… ขนาดนี้ไม่รู้ตัวก็แย่แล้ว ขืนนี่ไม่ใช่ผมแต่เป็นโจรเข้าบ้านมา ป่านนี้ก็ขนของออกไปเกลี้ยงแล้วมั้ง ถึงหมอนี่จะรักในการเล่นเปียโนขนาดไหน แต่ถ้าไม่สนใจอะไรเลยแบบนี้ก็แย่เหมือนกันนา

แบบนี้ต้องสั่งสอน…

ผมลอบคิดอย่างนึกสนุก เดินไปผ้าสีขาวที่พาดอยู่แถวๆ โวฟาขึ้นมาถือไว้ในมือ ย่องไปด้านหลังของเจ้าตัวที่ยังคงบรรเลงเพลงเสียงหวานใสที่กำลังเร่งจังหวะขึ้นเรื่อยๆ ตามท่อนที่ลูคัสเล่นไป

ผมยกยิ้มหวาน จากนั้นก็พูดเสียงดังให้แน่ใจว่าเจ้าพี่ชายฝาแฝดตัวดีได้ยิน

“ลูคัส!”

ลูคัสขมวดคิ้วมุ่นขึ้น ยอมหยุดปลายนิ้วที่สัมผัสกับคีย์ ก่อนเจ้าตัวจะเงยหน้าขึ้นมา แต่ผมไม่ปล่อยให้มันมองเห็นผมหรอก ผมยกผ้าที่ถือเอาไว้พาดลงบนตาของมันทันที ผูกผ้าผืนนั้นติดศีรษะของลูคัสไว้จากด้านหลัง และก่อนที่พี่ชายผมจะโวยวายอะไร ผมก็เลื่อนหน้าลงไปทาบจูบลงบนริมฝีปากของมันทันที

“!!!” ลูคัสสะดุ้งตัว จากนั้นก็พยายามดันบ่าของผมออกจากตัวมัน แต่แน่นอนล่ะว่าถ้าสู้กันเรื่องแรงเนี่ย ยังไงผมก็ชนะมันอยู่วันยังค่ำ

หมอนี่เองก็รู้เรื่องนั้นดีอยู่แล้ว ยังจะพยายามอีก ตลกจัง

“โลแกน!” ลูคัสโวยวายขึ้นทันทีที่ผมละริมฝีปากออก เจ้าตัวลุกขึ้นพรวดจากเก้าอี้ที่ดึงมาจากโต๊ะกินข้าว พยายามจะกระชากผ้าสีขาวที่ผมมัดปิดตามันไว้อยู่ออก แต่แน่นอนล่ะว่าผมไม่ปล่อยให้มันทำแบบนั้นได้ง่ายๆ หรอก

ผมเอื้อมมือไปยึดข้อมือทั้งสองข้างของคุณพี่ชายทันที

“นี่นายทำบ้าอะไรของนาย?” ลูคัสถามอย่างเหลืออด ผมหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะดึงข้อมือทั้งสองข้างของคนตรงหน้าเข้ามาให้แขนของเจ้าตัวพาดอยู่รอบคอผม จากนั้นก็กระซิบที่ข้างหู

“ก็นายบอกว่าเงื่อนไขนายมีอย่างเดียวไม่ใช่เหรอ” ผมพูดเสียงเบา จากนั้นก็เป่าลมหายใจต้นคออีกฝ่ายทีหนึ่ง ทำเอาเจ้าตัวสะดุ้งเฮือกทันที แต่ผมเห็นนะว่าหน้าของหมอนี่เริ่มแดงขึ้นน่ะ “ที่บอกว่าต้องหาอะไรมาปิดตานายตอนที่เราจะนอนด้วยกัน”

“แล้วใครจะนอนกับนาย”

“ก็นายไง” ผมแสร้งทำเสียงพิศวงรวนใส่มัน “ถามอะไรแปลกๆ ตอนนี้ในบ้านมีแค่เราสองคน ถ้าฉันไม่นอนกับนาย แล้วจะนอนกับใคร”

“แต่ฉันไม่มีอารมณ์” เจ้าตัวว่าพร้อมกับกัดฟันกรอด นั่นทำให้ผมหัวเราะออกมาได้จริงๆ

“นี่นายคิดว่ากำลังพูดกับใครอยู่” ผมว่าด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกชัดเจนว่าคิดจะทำอะไรต่อจากนี้ เลื่อมือไปเกลี่ยเส้นผมสีบลอนด์ทองที่บริเวรต้นคอของอีกฝ่ายนิดหนึ่ง สัมผัสได้ว่าเจ้าตัวสะดุ้งเบาๆ กับสัมผัสนั้น “เรื่องนั้นน่ะ ฉันจะเป็นคนจัดการให้นายเอง พี่ที่รัก ว่าแต่นายอยากจะอาบน้ำก่อนรึเปล่า”

ผมถามส่งๆ ไปอย่างนั้นเอง แต่มือเลื่อนไปปลดเข็มขัดกางเกงของคุณตรงหน้าออกอย่างรวดเร็วแล้ว ด้วยระยะที่พวกเราสองคนห่างกันมันน้อยนิดทำให้ผมได้ยินเสียงกลืนน้ำลายดังอึกจากลำคอของคนตรงหน้าอย่างชัดเจน

อดไม่ได้ ต้องหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ อีกรอบ จริงๆ หมอนี่เป็นคนที่มีความขัดแย้งในตัวเองสูงนะ จะว่ายังไงดี เหมือนแบบ ใจหนึ่งก็อยากให้เราเป็นพี่น้องฝาแฝดกันแบบปกติ แต่อีกใจหนึ่งก็อยากทำ อะไรทำนองนั้น

แต่… จะว่ายังไงล่ะ พวกเราสองคนไม่ได้เป็นพี่น้องฝาแฝดกันแบบปกติมาตั้งแต่แรกแล้ว ผมไม่ใช่มนุษย์จริงๆ ด้วยซ้ำ ถึงตอนนี้จะอยู่ในร่างของมนุษย์ก็เถอะ

ลูคัสยังคงโอบแขนอยู่รอบคอผมทั้งๆ ที่ผมปล่อยข้อมือหมอนั่นไปตั้งนานแล้ว นั่นให้ผมยิ้มออกมาจริงๆ สงสัยจะเริ่มยอมรับตัวเองขึ้นมานิดหนึ่งแล้วแฮะ ยอมทิ้งเรื่องกรอบศีลธรรมจอมปลอมแล้วก็ไร้สาระนั่นไป แล้วก็นอนกับน้องชายตัวเองอย่างผม… หมอนี่ต้องรู้สึกทุกข์ใจอยู่ไม่น้อยแน่

แต่ใครสนกันล่ะ?

ผมซุกหน้าลงบนซอกคอขาวของอีกฝ่ายอย่างโหยหา ทั้งที่จริงๆ แล้วครั้งสุดท้ายที่พวกเราเพิ่งมีเซ็กส์กันมันเพิ่งเมื่อสองวันก่อน ที่ห้องน้ำของโรงเรียน

ทำในที่ที่มีใครผลุบๆ โผล่ๆ เข้ามาตลอดเวลาแบบนั้นมันเร้าอารมณ์จริงๆ นะ บางทีคราวหน้าผมน่าจะลองโน้มน้าวหมอนี่ดูอีกสักรอบ คราวก่อนถึงมันจะยอมแต่พอทำเสร็จแม่งก็บ่นเป็นหมีกินผึ้งอยู่นั่น แถมยังสำทับด้วยว่าจะไม่มีวันทำที่โรงเรียนอีกเด็ดขาด

งั้นเรามาดูกันว่าผมจะสามารถเกลี้ยกล่อมไอ้หมอนี่ได้ไหม แต่เท่าที่ดูจากสถิติที่ผ่านมา ผมว่าผมก็น่าจะทำได้อยู่นะ

“อือ…” ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าพิมพ์เดียวกับผมที่ตอนนี้มองไม่เห็นทัศนียภาพใดๆ ครางขึ้นนิดหนึ่ง ก่อนจะเอียงคอขึ้น ปล่อยให้ผมเล้าโลมอยู่ตรงตำแหน่งนั้นอย่างว่าง่าย มือทั้งสองข้างกำเสื้อผมจากด้านหลังแน่นขึ้นตามแรงอารมณ์

อ่า… แย่ล่ะสิ มีอารมณ์ขึ้นมาจริงๆ แล้ว

ผมออกแรงดึงร่างของคนในอ้อมแขน พาเจ้าตัวไปนอนราบอยู่บนโซฟาในห้องรับแขกที่ควบคู่กับห้องรับแขกไปด้วย ผมดันตัวขึ้นคร่อมร่างของอีกฝ่าย จากนั้นก็โน้มหน้าลงไปทาบจูบ สอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากของคนด้านล่างอย่างชำนาญ

ลูคัสส่งเสียงครางในลำคอนิดหนึ่งแว่วมาให้ได้ยิน แต่ถึงอย่างนั้นผมไม่ยอมละริมฝีปากออก ปล่อยให้หมอนั่นเอื้อมมือมาขยำคอเสื้อผมมากขึ้น จากนั้นก็ค่อยๆ คลายออกเพราะต้านทานสัมผัสของผมไว้ไม่อยู่

อยู่ๆ คำพูดที่หมอนี่พูดใส่หน้าผมก่อนหน้านี้ก็ดังขึ้นในหัว… มันบอกว่าสาเหตุที่อยากให้ผมหาอะไรปิดตามันตลอดเวลาที่เราทำอะไรกันก็เพราะ…

มันน่าขยะแขยง...

โอ๊ย ขนาดตอนนี้มาย้อนคิดดูยังจี๊ดไม่หายเลย วอนหาเรื่องแล้วไหมล่ะ พี่ชายฝาแฝดผมคนนี้ มีอย่างที่ไหน มาว่าคนหน้าเหมือนตัวเองว่าหน้าขยะแขยง แถมปากก็พูดมา แต่ร่างกายนี่อ่อนเป็นขี้ผึ้งถูกไฟลนทุกทีเวลาโดนผมสัมผัส

บอกแล้วไอ้หมอนี่มันมีความขัดแย้งในตัว ไม่รู้เหมือนกันว่ามันรู้ตัวรึเปล่า

น่าขยะแขยงเหรอ...

ผมลอบคิดกับตัวเองขณะที่ผละจูบออกจากริมฝีปากของคนด้านล่างอย่างอ้อยอิ่ง ลูคัสสูดลมหายใจเข้าปอดทันทีที่มีจังหวะ จากนั้นเจ้าตัวก็หอบหายใจเล็กน้อย ใบหน้าแดงระเรื่อจนลามไปถึงใบหูด้านหลัง มือของหมอนี่ยังจับเสื้อผมไว้ไม่ปล่อยราวกับไม่แน่ใจอะไรสักอย่าง ผมเดาว่ามันคงน่าหวาดเสียวเหมือนกันถ้าต้องโดนปิดตาไว้แบบนั้นแล้วโดนทำอะไรแบบนี้ไปด้วย

เงื่อนไขของนายนี่มันฆ่าตัวตายชัดๆ

ผมยกยิ้มอย่างสะใจ จากนั้นก็เลื่อนมือไปถกเสื้อยืดของหมอนี่ขึ้น ดึงกางเกงของเจ้าตัวออกแล้วโยนไปที่พื้น จากนั้นก็เริ่มลากปลายลิ้นลงลำคอของลูคัสอีกรอบ ไม่อยากจะบอกเลยว่ามีความสุขขนาดไหนตอนที่เห็นหมอนี่ดิ้นอยู่ในกำมือผม

เอาเลยลูคัส มีความสุขให้เต็มที่เลย

ผมยกยิ้มที่หมอนั่นคงไม่มีโอกาสได้เห็น

จากคนที่นายบอกว่าน่าขยะแขยงนี่แหละ



-------------------------------------

“อือ…” ลูคัสส่งเสียงครางออกมาเบาๆ ขณะค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกอย่างเชื่องช้าเพื่อผ่อนคลายร่างกายตัวเอง ไหวตัวนิดหนึ่งเมื่อคนด้านบนเลื่อนนิ้วเรียวลงที่ริมฝีปากเขาจากนั้นก็สอดเข้ามาในโพรงปากอย่างเชื่องช้า ลูคัสตวัดปลายลิ้นเลียนิ้วที่ถูกสอดเข้ามาในโพรงปากอย่างอ้อยอิ่ง จากนั้นโลแกนก็ผละมันออกไปแล้วเลื่อนมือข้างนั้นไปลูบไล้บนแกนกลางของร่างกายคนด้านล่างแทน

ลูคัสส่งเสียงครางออกมาอีกระลอกหนึ่ง ถึงเขาจะมองไม่เห็น แต่ก็รู้สึกได้ว่าน้องชายฝาแฝดของเขากำลังยิ้ม

“หน้านายแดงไปหมดแล้ว พี่ชาย มือฉันนี่มันรู้สึกดีขนาดนั้นเลยเหรอ”

“ยะ… อย่าเรียกฉันว่าพี่นะ” ยิ่งในสถานการณ์แบบนี้ด้วยแล้ว เขารู้สึกหัวใจในอกข้างซ้ายมันเต้นระห่ำแปลกๆ “อะ… โลแกน ดะ… เดี๋ยว”

คนที่อยู่ด้านล่างสะดุ้งตัวอย่างตกใจเมื่อฝ่ามือที่ทาบอยู่บนส่วนกลางของร่างเขาไล้ต่ำลงไปเกลี่ยอยู่แถวๆ บริเวณช่องทางด้านหลัง โลแกนดันปลายนิ้วเข้าไปในนั้นนิดหนึ่งแล้วก็ถอนออก ทำแบบนั้นซ้ำไปมาเพื่อให้ร่างกายของอีกฝ่ายได้ปรับตัว ลูคัสหอบหายใจออกมานิดหนึ่ง

“ทะ… ทำไมนายต้องอยากทำกับฉัน”เขาถามอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะกระตุกตัวอีกเฮือกเมื่อคนด้านบนดันนิ้วเข้ามารวดเดียว ยื่งอยู่ในสภาวะที่มองอะไรไม่เห็นแบบนี้ยิ่งทำให้เจ้าตัวฟุ้งซ่าน ไม่รู้ว่าจะโดนคนตรงหน้าแกล้งอะไรบ้าง ลูคัสเอื้อมมือไปโอบรอบคอีกฝ่ายแน่นขณะเอ่ยปากต่อ “แฮ่ก… นาย… มะ… มีผู้หญิงที่นอนด้วยเยอะไม่ใช่หรือไง… อ๊ะ..!! ทำไม… ไม่เรียกมาสักคนล่ะ”

“หืม ทำไมน่ะเหรอ? ” โลแกนสอดนิ้วเข้าไปอีกนิ้ว ยึดท่อนขาข้างหนึ่งของลูคัสที่เริ่มดิ้นไปมาพาดไว้บนหลัง “ก็ทำกับนายมันสะดวกกว่าไม่ใช่เหรอ อยู่บ้านเดียวกัน นอนเตียงเดียวกัน แถมยังเรียนที่เดียวกันอีก”

“อึก… นายมันไอ้ทุเรศ” ลูคัสกัดฟันกรอดอย่างเจ็บใจ แต่เขาก็ไม่ได้คาดหวังคำตอบอย่างอื่นนอกเหนือไปจากที่เจ้าตัวดีว่ามาสักเท่าไรหรอก

โลแกนยกยิ้มหวาน ถึงจะรู้ว่าลูคัสมองไม่เห็นก็เถอะ คนที่อยู่ด้านบนแหวกนิ้วทั้งสองให้ออกห่างจากกันเพื่อเปิดทางตรงนั้นให้กว้างมากขึ้น ท่อนขาเรียวของคนที่อยู่ข้างล่างสั่นระริกขึ้นมาทันที

“นายอยากได้คำตอบแบบไหนจากฉันล่ะ หืม? ”

“ฉันเกลียดนาย” เจ้าตัวเอ่ยตอบ จิกนิ้วลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่นแน่นขั้น

โซฟาในห้องนั่งเล่น… นี่เขากำลังมีอะไรมีอะไรกับน้องชายตัวเองในห้องนั่งเล่นในบ้านตัวเองเนี่ยนะ… อ่า ถ้าเขาจะขออะไรได้ตอนนี้ ขอให้แม่ที่อยู่บนสวรรค์ยกโทษให้เขาทีเถอะ

ลูคัสเม้มริมฝีปากแน่นขึ้น พยายามกลั้นเสียงไม่ให้หลุดออกจากลำคอเมื่อสัมผัสได้ถึงของแข็งร้อนที่เลื่อนเข้ามาถูไถอยู่บริเวณบั้นท้ายของเขา ชายหนุ่มลืมตัวกลั้นหายใจไปหลายวินาที ประสาทสัมผัสท่อนล่างตื่นตัวราวกับพร้อมที่จะตั้งรับเจ้าท่อนนั้นเมื่อมันสอดเข้ามาในร่างของเขา

หากแม้ลูคัสจะรออยู่ครู่ใหญ่ โลแกนก็ยังไม่ลงมือจัดการขั้นตอนนั้นเสียที ช่วงระยะเวลาทิ้งห่างที่นานจนผิดสังเกตนั่นทำให้ลูคัสเอะใจ เขาเอ่ยปากออกมาเสียงสั่นอย่างไม่แน่ใจนัก

“ละ… โลแกน? ”

“หืม…? ” น้ำเสียงของผู้เป็นน้องลากยาว มันบ่งบอกให้ผู้ฟังรู้ว่าเจ้าตัวกำลังเล่นสนุกอยู่อย่างชัดเจน และนั่นทำให้ลูคัสกัดฟันกรอดอย่างเจ็บใจ

นี่ไอ้หมอนี่กำลังปั่นหัวเขา!? ถึงมันจะทำเรื่องแบบนั้นอยู่เป็นประจำก็เถอะ แต่ในสถานการณ์แบบนี้เนี่ยนะ?

“อะ…! ” ลูคัสสะดุ้งตัวเมื่อนิ้วของโลแกนสอดเข้ามาในตัวเขาอีกรอบ ชายหนุ่มรับรู้ถึงความปรารถนาทางกายของตัวเอง มันค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้นพร้อมๆ กับอุณหภูมิร่างกายของเขา และนิ้วเรียวของคนด้านบนไม่เพียงพอที่จะเติมเต็มความต้องการนั่นได้อีกต่อไปแล้ว

ลูคัสรู้ว่าลมหายใจของเขาสะดุดไปเมื่อร่างกายที่ควบคุมไม่ได้ค่อยๆ ขยับสะโพกเข้ารับจังหวะกับนิ้วที่อยู่ในร่างเขา นี่เขาเสียสติไปแล้วจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย

“แฮ่ก…” ลูคัสหอบหายใจออกมาขณะที่นิ้วของโลแกนที่ซุกซนอยู่ในกายเขาเริ่มเร่งจังหวะมากขึ้น จากนั้นคนด้านบนก็เลื่อนริมฝีปากลงมาประกบจูบอย่างร้อนแรงอีกรอบ ลิ้นหนาตวัดไปรอบๆ โพรงปากนั้นอย่างโหยหา ขยับมืออีกข้างที่ยังว่างอยู่ขึ้นเขี่ยยอดอกของคนที่นอนราบอยู่บนโซฟาอย่างกลั่นแกล้ง ทำเอาลูคัสสะดุ้งอีกเฮือก

“โลแกน…” ชายหนุ่มเรียกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนอยู่ในที “อ่า… อ๊ะ…”

“หืม อะไรเหรอครับ? ” น้อชายตัวดีของเขากระซิบถามที่ข้างหูด้วยน้ำเสียงยียวน “นายไม่พูดแบบนี้ ฉันจะรู้ได้ไงว่านายอยากได้อะไร”

“นายนี่มัน…!! ” ลูคัสกัดฟันกรอดก่อนจะบิดตัวเกร็งอีกรอบเมื่อร่างสูงเพิ่มจำนวนนิ้วเข้ามาในโพรงด้านหลังของเขา สัมผัสวาบหวามชวนให้ละลายนั่นทำให้ความรู้สึกของชายหนุ่มผสมปนเปกันจนแยกไม่ออก ตอนนี้เขาไม่รู้แล้วว่าโลแกนใส่นิ้วเข้ามาด้านในกี่นิ้วกันแน่

จากนั้น คนที่มีรูปร่างผอมบางกว่าอีกฝ่าก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงชัตเตอร์กล้องจากโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ลูคัสอ้าปากค้าง เนื้อตัวสั่นเทาขึ้นทันทีเมื่อรู้ตัวว่าอีกฝ่ายเพิ่งทำอะไรลงไป

“ไอ้โลแกน!!! ”

“อย่าโวยวายไปหน่อยเลยน่า” เจ้าตัวดีผิวปาก “แค่นิดๆ หน่อยๆ เองเป็นที่ระลึกไง”

อยู่ๆ ลูคัสก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าไอ้หมอนี่มันเป็นโรคจิต ชอบถ่ายวิดีโอตอนที่ตัวเองมีเซ็กส์เก็บไว้ดูเล่นยามว่าง ความคิดนั้นทำให้แฝดคนพี่ตัวสั่น

“นะ… นายอย่าบอกนะว่า นายแอบถ่ายวิดีโอ…”

“อ้อ เรื่องนั้น…” สุ้มเสียงเจ้าตัวเริงร่ามากกว่าปกติ “ก็น้า… จริงๆ คราวก่อนที่เรานอนด้วยกันในห้องฉันก็ถ่ายเก็บไว้ด้วย หลังจากนี้ นายอยากดูไหม? ”

“ฉันจะฆ่านาย!!!! ” ลูคัสตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด แต่ในใจจริงๆ แล้วอยากจะร้องไห้ โอ๊ย ตาย… แล้วนี่หมอนี่แอบไปตั้งกล้องไว้ตรงไหน ตอนไหนล่ะเนี่ย คิดผิดจริงๆ ที่ให้หมอนี่ปิดตา…

คิดแบบนั้นแล้วเจ้าตัวก็เอื้อมมือไปจะดึงผ้าที่ผูกปิดตาเขาไว้อยู่ออก แต่โลแกนไวกว่า ชายหนุ่มคว้าหมับเข้าที่ข้อมือของคนด้านล่างไว้อย่างรวดเร็ว

“อ๊ะๆ อย่าเพิ่งสิ ยังไม่เสร็จกิจสักหน่อย จะรีบเอาผ้าออกทำไม”

“ก็นาย…!! ”

“นี่มันเป็นเงื่อนไขของนายเองไม่ใช่เหรอ? ” น้ำเสียงนั้นมีร่องรอยล้อเลียนปนมา มือหนาเอื้อมไปจับร่างของเขาให้นอนคว่ำลง ลูคัสรู้เหมือนตอนนี้ในหัวเขามันสับสนไปหมด ใจหนึ่งเขาก็อยากจะถีบไอ้บ้านี่ออกแล้วหยุดทำเรื่องบ้าๆ นี่ซะ แต่อีกใจหนึ่ง… หรือพูดให้ถูกก็คือ ร่างกายเขานี่สิ มันอยากให้ชายหนุ่มอีกคนสอดร่างเข้ามา เติมเต็มความปรารถนาที่ค้างเติ่งอยู่ตั้งแต่เมื่อครู่

โลแกนยกสะโพกของลูคัสขึ้นมานิดหนึ่ง จากนั้นก็เลื่อนใบหน้าไปซุกลงตรงปากทางเข้าด้านหลังนั้น ตวัดลิ้นร้อนเข้าไปในร่างของเจ้าตัวอย่างซุกซน ลูคัสร้องครางออกมาอีกรอบ ซุกหน้าลงไปโซฟาจากนั้นก็ออกแรงจิกนิ้วอ่างหาที่ระบาย

เขาควรจะหยุด… แต่เขาคิดอะไรไม่ออกแล้วตอนนี้

“ว่าไง ลูคัส? ” โลแกนถามเหมือนหยั่งเชิงขณะละลิ้นออก ปลายนิ้วเลื่อนไปแตะๆ ตรงบริเวณปากโพรงนั้นอย่างจงใจแกล้ง คนด้านล่างสะดุ้งขึ้นมาอีกระลอก “นายยังไม่ได้บอกฉันเลยนะว่าอยากจะให้ทำยังไงต่อ”

“ใครจะไปพูดกัน…” คนปากแข็งว่าพร้อมกับกัดฟันแน่น ก่อนจะต้องครางเสียงหวานออกมาอีกรอบเมื่ออีกฝ่ายแนบลิ้นอุ่นลงมาบนก้นของเขา จากนั้นก็ใช้ฟันขบลงไปเบาๆ

“โอเค งั้นฉันเสนอทางเลือกอีกทางให้นายก็ได้” โลแกนว่ายิ้มๆ เอื้อมมือข้างหนึ่งไปรูดขึ้นลงส่วนอ่อนไหวของคนตรงหน้าอย่างยั่วยวน จากนั้นก็ยื่นข้อเสนอ “ถ้านายไม่อยากพูดออกมาจากปากนาย ทำไมนายไม่ให้ร่างกายนายเป็นคนบอกฉันเองล่ะว่าอยากให้ทำยังไงต่อ? ”

“นายนี่มัน…! ” ลูคัสกัดฟันกรอด ใบหน้าแดงระเรื่อไปทั้งแถบ ลามไปถึงจุดต่างๆ ของร่างกยที่เริ่มแดงเป็นจ้ำๆ ร่างทั้งร่างสั่นสะท้านด้วยแรงอารมณ์ แต่โลแกนไม่ใจอ่อน

“ถ้าทำไม่ได้ก็อย่าหวังเลยว่าฉันจะทำต่อ”

“อึก…!! ” เขาควรจะยินดีในเรื่องนั้น… แต่แน่นอนล่ะว่าร่างกายของเขาไม่

ลูคัสสบถออกมาอย่างหัวเสียในขณะที่โลแกนเพียงแค่ตวัดลิ้นเลียริมฝีปาก รอคนตรงหน้าทำตามที่เขาบอกอย่างอดทน เขารู้ดีว่าตอนนี้ลูคัสกำลังเถียงในใจกับตัวเอง แต่โลแกนรู้ดีว่าฝั่งไหนจะเป็นฝ่ายชนะ

ในที่สุดลูคัสก็ครางออกมานิดหนึ่งอย่างจำยอม ก่อนเจ้าจะเลื่อนมือมาตรงปากทางด้านหลัง ขยับให้ทางเข้าตรงนั้นขยายมากขึ้น นัยน์ตาสีฟ้าคู่คมของโลแกนเหลือบมองไหล่ที่สั่นระริกของคนตรงหน้านิดหนึ่ง รวมถึงใบหูที่แดงไปทั้งแถบนั่นด้วย

เสียงหวานครางออกมาอ่อยๆ เหมือนอยากจะร้องไห้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังค้างมือของตัวเองไว้ตรงนั้นอยู่ดี

“ระ… เร็วๆ สิ โลแกน”

อ่า… พี่ชายของเขานี่มันน่ากินจริงๆ

โลแกนขยับร่างของตัวเองก่อนจะสอดเข้าไปในพื้นที่ตรงนั้น เขาปล่อยให้มันค่อยดูดกลืนร่างของเขาไปอย่างเชื่องช้าในจังหวะแรก หากกระแทกลงไปจนสุดแรงในท้ายที่สุด ลูคัสครางออกมาดังๆ อีกรอบให้เขาได้ยิน มือหนาเลื่อนลงไปลูบไล้บั้นท้ายสีขาวเนียนของเจ้าตัว ก่อนจะขยำแรงๆ อย่างหมั่นเขี้ยว

เขาเห็นเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นเต็มแผ่นหลังที่ยังหลงเหลือรอยฟกช้ำและบาดแผลก่อนหน้านี้ไว้ให้เห็นนิดหนึ่ง ไม่รู้ทำไม แต่นั่นยิ่งทำให้เจ้าตัวเกิดอารมณ์

“อ่า… ข้างนายของนายนี่มันสุดยอดไปเลย พี่ชาย”

“กะ… ก็บอกว่าอย่าเรียกแบบ…”

“ทั้งๆ ที่นายเป็นผู้ชายแท้ๆ ” โลแกนไม่ฟัง เจ้าตัวโน้มหน้าลงใกล้หูของอีกฝ่าย ดันตัวเข้าไปในกายของลูคัสมากขึ้น

“อ๊ะ… อ๊ะ…” ลูคัสเริ่มคิดไม่ออก เขาเผยอริมฝีปากที่โลแกนสอดนิ้วเข้ามาอีกรอบอย่างจำยอม นิ้วเรียวพวกนั้นกระแทกเข้าออกอยู่ในโพรงปากเขา มันเป็นจังหวะเดียวกับที่โลแกนขยับสะโพกกระแทกเข้ามา

“แต่ทำไมถึงได้ตอดได้ดีขนาดนี้กันน้า… นี่มันเยี่ยมกว่าผู้หญิงขายตัวบางคนที่ฉันเคยนอนด้วยซะอีก”

หนวกหู…

ลูคัสลอบคิดอย่างเจ็บใจ ทำไมเขาจะต้องโดนอีกฝ่ายทำเรื่องแบบนี้ไปพร้อมๆ กับโดนดูถูกกลายๆ ไปแบบนี้ด้วย?

พอคิดแบบนั้น เจ้าตัวก็เผลอออกแรงกัดที่นิ้วของโลแกนอย่างรุนแรง โลแกนอุทานออกมาเบาๆ อย่างตกใจ หากเจ้าตัวก็ไม่ดึงนิ้วพวกนั้นออก

ไอ้บ้าเอ๊ย… ลูคัสลอบคิด จากที่ไม่ได้ตั้งใจในตอนแรก ตอนนี้เริ่มออกแรงกัดนิ้วของแฝดตัวเองอย่างจริงจัง ประมาณว่าถ้ามันขาดคาปากเขาไปได้เลยยิ่งดี

โลแกนไม่พูดว่าอะไรสักคำ เจ้าตัวเพียงแค่ยกยิ้มอย่างพึงพอใจจากนั้นก็ออกแรงกระแทกเข้าไปในร่างของลูคัสมากขึ้น

“อื้อ…” ลูคัสได้แต่ครางอึกอักในลำคอเพราะคนด้านหลังยังไม่ยอมเอานิ้วของตัวเองออกไปเสียที

เขารู้สึกได้ว่าที่หางตาของเรารื้นขึ้น ชายหนุ่มเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันเป็นเพราะความเจ็บ ความอาย หรือว่าความเสียวซ่านที่เขากำลังสัมผัสอยู่ หรือบางทีมันอาจจะเป็นเพราะทุกอย่างที่ว่ามาผสมกัน

โลแกนยอมดึงนิ้วของตัวเองออกในที่สุด พิจารณารอยฟันและห้อเลือดที่เกิดขึ้นนิดหนึ่ง จากนั้นก็กระแทกร่างลงไปอีกครั้งแรงๆ เรียกเสียงครางจากลูคัสได้อีกระลอก

ให้ตายสิ… หมอนี่มันน่าแกล้งจริงๆ

“นายนี่… ร่านจริงๆ เลยนะ ลูคัส เปิดทางให้ผู้ชายทำกับนายถึงขนาดนี้”

“มะ… ไม่! ”

“ไม่เหรอ” โลแกนยกยิ้ม รู้สึกถึงความปรารถนาที่ค่อยๆ ไต่ขึ้นจุดสูงสุดเหมือนกัน “แต่ครั้งแรกที่นายนอนกับฉัน นายก็เป็นคนอ้าขาให้ฉันเองนะ”

“นะ… นั่นมัน…!! ”

“เลิกทำปากแข็งแล้วก็ยอมรับมาซะดีกว่าน่า” ชายหนุ่มหย่อนระเบิด จากนั้นก็รวบข้อมือของคนข้างหน้าขึ้นมาทั้งสองข้าง ดึงร่างของอีกฝ่ายเข้ามากระแทกเป็นครั้งสุดท้าย

อ่า… ให้ตาย มีเซ็กส์กับหมอนี่นี่มันสนุกจริงๆ ด้วยสิ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-10-2017 09:51:01 โดย Airiณ »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ย้อนแย้งพิกล

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
โลแกน ไปทำงานพิเศษเป้นสายสืบยาเสพติด
เหมาะมากเลย กับความสามารถของตัวเอง
ลูคัส ว่าขยะแขยง นั่นติดในแง่ศีลธรรม
และมันคงแปลกๆ มั้ง
ที่นอนกับคนหน้าตาเหมือนตัวเองเป๊ะ
แต่การที่ปิดตาแล้วมีอะไรกัน
มันยิ่งเพิ่มจินตนาการทางอารมณ์ให้สูงกว่าไม่ปิดตานะ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ เจเจจัง

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ทำไมรู้สึกว่าลูคัสยอมโลแกนง่ายจัง เป็นพี่น้องกัน แม้จะเคยได้กันเพราะความเมา แต่จะมีไรกันอีก น่าจะใช้เวลาในการทำใจมากกว่านี้ไหม ถ้าแอบรักหรือชอบกันอยู่ก่อนการจะมีไรกันอีกน่าจะง่ายแบบนี้ นิสัยลูคัสก็ไม่ใช่คนบ้าเซ็กส์ ที่สำคัญถ้ามีไรกันเพราะสนุกอย่างที่บอก มีไรกะคนอื่นดีกว่าไหม ไม่ใช่พี่น้องกันด้วย

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3


บทที่ 12

(Mode: Lucas Collins)






ฉันจะไม่นอนกับไอ้เด็กนรกนี่อีกเด็ดขาด...

นั่นคือความคิดแรกและความคิดเดียวที่ลอยวนอยู่ในหัวผมตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมารับวันใหม่ ผมเลื่อนมือไปลูบสะโพกที่ปวดแปล็บขึ้นมา ครางออกมาเบาๆ ก่อนจะค่อยฟุบหน้าลงบนโต๊ะเรียนอย่างเหนื่อยอ่อน เวลาที่ร่างกายล้าไปหมดแบบนี้ แค่นั่งอยู่เฉยๆ ยังรู้สึกเหมือนจะสลบลงไปได้

ทรมานเป็นบ้า ไม่เอาแล้วไอ้แบบนี้ คราวหน้าถ้ามันเริ่มจะปิดตาผมหรือมีสัญญาณอะไรที่บ่งบอกว่ามันคิดจะทำล่ะก็… ผมจะห้ามมันทันทีเลย หรือไม่ก็ถีบให้กระเด็น

“ลูคัส” ไอ้ตัวแสบที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ สะกิด

ไอ้หน้าด้าน นี่ขนาดผมไล่มันไปหลายรอบล่ะนะ แถมยังลุกขึ้นเดินหนีไปนั่งโต๊ะอื่นให้ห่างจากมันอีกตั้งหลายรอบ ไอ้ตัวดีก็ยังหยิบกระเป๋าแล้วเดินตามมานั่งข้างผมต้อยๆ ราวกับหมาตามเจ้าของ จนในที่สุดผมต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้แล้วปล่อยให้มันนั่งโต๊ะข้างๆ ตัวเองอยู่ดี เพราะไม่อย่างนั้นแล้วคาบนี้ทั้งคาบคงไม่ได้เรียนอะไรแน่

แม่งเอ๊ย… คิดดูนะคนเรา ทำกันถึงขนาดนั้นเมื่อคืน ตอนเช้ามาดันทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแบบนี้ มันน่าโมโหไหม? ไอ้หน้าด้าน!!

“ลูคัส” โลแกนเรียกอีกทีด้วยเสียงที่ดังขึ้นนิดหนึ่ง นักเรียนที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ เริ่มหันมามองนิดหนึ่งอย่างหวาดๆ

เฮ้อ… ต้องมามีไอ้เด็กนรกนี่คอยตามติดแบบนี้ ชีวิตผมนี่มันช่างน่าเศร้าจริงๆ

“อะไร”

“ไปห้องน้ำเป็นเพื่อนหน่อยดิ”

“นายเป็นเด็กห้าขวบที่เข้าห้องน้ำเองคนเดียวไม่เป็นหรือไง”

โลแกนยกโทรศัพท์มือถือรุ่นเดียวกับของผมขึ้นมา บนหน้าจอมีรูปภาพที่มันแอบถ่ายผมไว้… ตอนที่เรามีเซ็กส์กันเมื่อคืน...

ผมลุกขึ้นพรวดจากโต๊ะเรียนของตัวเองทันที

“ขออนุญาตไปเข้าห้องน้ำครับ”

อาจารย์หน้าห้องยังคงสอนต่อไปราวกับไม่ได้ยินเสียงอันดังลั่นของผม นั่นเป็นปฏิกิริยาที่คนทั่วไปจะมีถ้าเริ่มแยกผมกับโลแกนไม่ออก หรือต่อให้แยกออก แต่ถ้าผมยังทำตัวติดกับหมอนี่ ผมก็จะโดนเหมารวมว่าตัวเองเป็นโลแกนไปด้วยโดยปริยาย ซึ่ง… นั่นก็ดีแล้วในกรณีนี้

ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำชายฝั่งตะวันตกของตึกเรียน กำลังจะหันไปบอกเจ้าตัวแสบให้รีบๆ จัดการธุระของตัวเองให้เสร็จๆ จะได้กลับไปเรียนต่อ ก็พอดีกับที่โลแกนฉุดแขนผมเข้าไปในห้องน้ำด้านในสุดด้วยแรงมหาศาล

“เฮ้ย!!?” ผมอุทานออกมาอย่างตกใจ หน้าซีดลง

เมื่อกี้เพิ่งจะตั้งปณิธานไปเองว่าถ้ามีสัญญาณอะไรบ่งบอกว่ามันคิดจะทำจะรีบห้ามมัน… แล้วไหงไปๆ มาๆ ผมยอมตามมันมาห้องน้ำหน้าตาเฉยแบบนี้

แต่… ก็ผมไม่ทันคิดเลยจริงๆ นี่นาว่ามันจะ… ชิบหายล่ะ งั้นก็ต้องไปแผนต่อไป…

“โลแกน หยุ---” แต่ไม่ทัน เพราะอีกฝ่ายดึงเนคไทของตัวเองออกมาพาดตาผมแล้วทาบจูบลงมาแรงๆ

อ๊ากกกก ไอ้บ้าเอ๊ย!! ฟังกันหน่อยสิวะ!! ยังไม่ทันจะพูดจบประโยคเลย แล้วนี่เอ็งไปตายอดตายอยากมาจากที่ไหน เมื่อคืนก็เพิ่งจะทำฉันสะโพกเคล็ดไปเองนะ!!

ไม่ได้การล่ะ งั้นก็ต้องไปที่ขั้นตอนต่อไป

ถีบมั---

“โอ้โห รอบนี้นี่ยกขาขึ้นมาให้ถึงมือเลยเหรอเนี่ย” โลแกนว่าหลังจากตะครุบลงบนข้อขาของผมซึ่งยกขึ้นไปอยู่สูงพอเหมาะกับตำแหน่งมือของมันพอดี

แว้กกกก ไอ้บ้า!! ไม่ใช่โว้ย!! นี่ผมตั้งใจจะถีบมันกระเด็นต่างหาก

แต่เออ ลืมคิดไป ไอ้หมอนี่มันเก่งเรื่องต่อยตีมากกว่าผมประมาณล้านเท่าได้นี่หว่า ต่อให้ผมถีบมันไป มันก็คงหลบได้ หรือถ้าหลบไม่ได้ มันก็คงเปลี่ยนจากจะกดผมมาตื้บผมแทน ตายทุกทางจริงๆ พูดเลย

“โลแกน เดี๋ยว” ผมพยายามพูด หากอีกฝ่ายเลื่อนมือมาด้านหลังศีรษะผมแล้วมัดเนคไทเส้นนั้นปิดลงเรียบร้อยแล้ว จากนั้นมือหนาก็เลื่อนมาปลดเข็มขัดกางเกง

“อย่างอแงน่า เวลายิ่งไม่ค่อยมีอยู่ เอ้า หันหลังไปอีกทางสิ รีบทำจะได้รีบกลับไปเรียนต่อ มันเสียเวลาเรียนนะ รู้ไหม”

แล้วใครเป็นคนลากผมออกมาจากห้องเรียนมาทำเรื่องแบบนี้ในห้องน้ำกันล่ะ ไอ้เด็กนรกเอ๊ย!!!

อ่า… จนแล้วจนรอดก็ขัดไอ้หมอนี่ไม่ได้อีกแล้ว








สรุปว่าผมกับมันนี่… กลายเป็นคู่ขากันไปจริงๆ แล้วใช่ไหมเนี่ย?

นั่นเป็นความคิดที่ลอยเข้ามาในหัวผมในเย็นวันหนึ่งหลังเลิกเรียน หลังจากที่ผ่านคืนวันที่เหมือนออกศึกอยู่ตลอดเวลา บางครั้งผมก็รู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในสนามรบจริงๆ นะ ยิ่งถ้ามีโลแกนมาคอยป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ

จะอธิบายความรู้สึกว่ายังไงดี เหมือนต้องสอดส่ายมองหาข้าศึกและตื่นตัวตลอดเวลา พอมันจะบุกเข้ามาก็ต้องรีบหาทางตั้งรับไม่ให้มันทะลวงฐานที่ตั้ง ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่แล้วจะพ่ายแพ้ให้แก่มันแทบจะทุกครั้งก็ตาม

ผมเดินโซเซกลับบ้านด้วยสภาพที่ใกล้จะเป็นศพเข้าไปทุกที ตลอดระยะเวลาทั้งเดือนที่ผ่านมานี่ ผมมีเซ็กส์กับน้องชายฝาแฝดของตัวเองไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ถึงจะไม่มีครั้งไหนเลยที่ผมเป็นฝ่ายเชิญชวนมันก็เถอะ แต่จิตใต้สำนึกในจิตใจผมก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดี

โชคดีที่วันนี้ไม่มีกะของงานพิเศษ ไม่อย่างนั้นอาจได้ทักทายลูกค้าที่มาที่ร้านด้วยสภาพเหมือนซอมบี้ ส่วนไอ้โลแกน พอออดเลิกเรียนดังขึ้น มันก็คว้ากระเป๋าที่เก็บข้าวของเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วพุ่งออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ไม่รู้เหมือนกันว่าจะรีบไปตายที่ไหน สงสัยจะไปทำงานพิเศษลับๆ ที่มันเคยว่าไว้ล่ะมั้ง

เออ… หรือว่ามันจะไปขายตัว?

ก็ไม่แน่นะ ไอ้หมอนี่ยิ่งหลงใหลในหน้าตาตัวเอง (คือผมที่หน้าตาเหมือนมันพูดเองก็กระไรอยู่ แต่หน้าตาของพวกเราสองคนก็เข้าข่ายว่าคมคายแล้วก็ดูดีอยู่ระดับหนึ่งนั่นแหละ ไม่งั่นไอ้บ้าโลแกนมันจะมีสาวมาติดพันได้มากมายขนาดนั้นเรอะ) แถมยังมีเทคนิคเด็ดๆ บนเตียงอีกเพียบ ผมรู้ ผมโดนมาแล้---

“...”

โอเค เราจะลืมมันไป เราจะเริ่มต้นกันใหม่ นายจะยอมแพ้แค่นี้ไม่ได้นะ ลูคัส นายต้องแสดงจุดยืนของตัวเองให้ชัดเจนและหนักแน่นกว่านี้ ที่สำคัญ… นั่นมันน้องชายฝาแฝดของนายเองนะโว้ย!!

“ลูคัส” ปีเตอร์กับโจชัวที่วันนี้ได้แค่เมียงๆ มองๆ มาทางผม ไม่ได้เข้ามาคลุกคลีอะไรมากเพราะมีโลแกนเกาะติดแจทั้งวันก้าวเท้าเข้ามาหาผมอย่างไม่แน่ใจ “เอ่อ นี่ลูคัสใช่ไหม?”

บางที ผมก็หวังว่าสักวันหนึ่งจะมีใครสักคนแยกผมกับโลแกนออกจากกันได้ แค่ใครสักคนจริงๆ มันเจ็บปวดนะครับ การที่แม้แต่เพื่อนที่เราคิดว่าสนิทด้วยมากที่สุดแล้วยังแยกผมกับแฝดผมไม่ออกแบบนี้

“ใช่ ฉันเอง” ผมพูด ถอนหายใจยาวออกมาเหนื่อยหน่าย ทั้งสองคนหันไปมองหน้ากันด้วยท่าทีโล่งอก

“สุขสันต์วันเกิดนะ ลูคัส โทษทีที่มาบอกช้า พอดีเห็นนายอยู่กับโลแกนทั้งวันก็เลย…”

หืม… สุขสันต์วันเกิดเหรอ?

สุขสันต์วันเกิด!!!??

“เอ่อ ทำไมช่วงนี้พวกนายสองคนดูตัวติดกันจังเลยวะ เมื่อก่อนไม่เห็นติดกันขนาดนี้” ปีเตอร์พูดขึ้นบ้างอย่างตั้งข้อสังเกต ส่วนผมที่ใจลอยละลิ่วไปเรื่องอื่นแล้วไม่ค่อยตั้งใจฟังที่มันพูดเท่าไรนัก “เอ้านี่ ของขวัญวันเกิดจากฉัน นี่จากทิมมี่นะ มันฝากเอามาให้”

“ส่วนนี่ของฉัน” โจชัวพูดพร้อมกับยื่นกล่องของตัวเองมาให้ผมบ้าง ผมรับกล่องของขวัญที่ไม่ได้ถูกห่อมาอย่างปราณีตเท่าไรนักสามกล่อง

ผมซึ้งใจนะ ซึ้งใจมากๆ ด้วยที่เพื่อนจำวันเกิดของตัวเองได้ ขนาดตัวผมยังลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลย

เพราะมัวแต่วุ่นวายอยู่แต่กับไอ้บ้านั่น

ผมไม่รอช้า โยนความผิดให้แฝดนรกของตัวเองทันที ก่อนจะหันกลับไปขอบคุณเพื่อนทั้งสองคน

“ขอบใจนะ พีท จอร์ช” นั่นคือชื่อเล่นของไอ้สองตัวนี้ “ดีใจมากๆ เลยว่ะ แต่บอกตามตรง นี่ฉันลืมไปเสียสนิทเลยว่าวันนี้วันเกิดตัวเอง”

“อ้าว”

“ฉันต้องรีบกลับบ้านแล้ว” ผมพูดอย่างร้อนรน “ขอบคุณมากสำหรับของขวัญ จะไปแกะดูที่บ้านนะเพื่อน โทษทีที่อยู่คุยกับพวกนายไม่ได้ แล้วเดี๋ยวทักไปทางข้อความ”

จากนั้นผมก็ติดเกียร์หมาตรงกลับบ้านอย่างรวดเร็ว ให้ตายเถอะ ลืมไปได้ยังไงกันนะว่าเป็นวันนี้ ชิบหายล่ะ… ต้องรีบไปซื้อวัตถุดิบมาทำเค้กแล้วก็ข้าวเย็นด่วนๆ เลย หวังว่าคงจะทันนะ

โอ๊ย… ให้ตาย อยากเอาหัวโขกกำแพง

นี่ผมลืมวันสำคัญแบบนี้ไปได้ยังไงเนี่ย!!?







โอเค หลายๆ คนอาจจะสงสัย ว่าทำไมผมต้องลนลานถึงขนาดนั้น กับอีแค่ลืมวันเกิดของตัวเอง แล้วเรื่องเค้กหรือของขวัญ ไว้ค่อยเตรียมในโอกาสอื่นก็ได้ คือเรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ

ผมกับโลแกนเนี่ย ปกติไม่ค่อยมีโมเม้นท์พี่น้องกุ๊กกิ๊ก สนิทสนมรักใคร่กลมเกลียวอะไรกันสักเท่าไร อันนี้ทุกคนก็น่าจะพอรู้ แต่ความเป็นจริงแล้ว พวกเราสองคนสนิทกันนะ อย่างน้อยก็ในความรู้สึกของผม มันมีสายสัมพันธ์บางๆ แต่ลึกซึ้งที่เชื่อมโยงพวกเราสองคนไว้ด้วยกัน

อาจจะด้วยความเป็นฝาแฝด… แต่ถ้าถามผม ผมคิดว่ามันเป็นอะไรที่ง่ายกว่านั้นกว่าอีก

นั่นเป็นเพราะพวกเราสองคนผ่านช่วงเวลาในวัยเด็กด้วยกันมา…

ผมมองของเหลวสีเนื้ออ่อนซึ่งเป็นส่วนผสมในการทำเค้กอย่างเหม่อลอยขณะที่ตีให้เนื้อมันเข้ากัน

คนเรามักจะสนิทกับคนที่ได้ใช้ช่วงเวลาร่วมกันมา นั่นเป็นเรื่องปกติทั่วไปอยู่แล้ว แต่สำหรับผม มันลึกซึ้งยิ่งกว่านั้น เพราะวัยเด็กของผมกับโลแกนไม่ใช่ช่วงเวลาที่แสนโสภาสำหรับเราทั้งคู่เท่าไรนัก

พ่อกับแม่ผมมักจะทะเลาะกันเป็นประจำ เสียงทุบตีและเสียงโครมครามของข้าวของที่ถูกเหวี่ยงกระจายลงพื้นเป็นเสียงที่ได้ยินเป็นประจำในครอบครัวของพวกเรา

ถ้าเกิดสถานการณ์แบบนั้นเกิดขึ้น และน้าลูซี่ของเราอยู่ในบ้านด้วยพอดี หล่อนจะพาทั้งผมและโลแกนขึ้นไปบนบ้าน ไปที่ห้องนอนของพวกเรา จากนั้นก็จะอ่านหนังสือนิทานให้ฟัง กล่อมให้พวกผมทั้งคู่นอนหลับ แต่แน่นอนว่าน้าลูซี่ไม่ได้อยู่ในบ้านเดียวกับเราในตอนนั้น การที่หญิงสาวจะยื่นมือเข้ามาช่วยผมกับโลแกนทุกครั้งย่อมเป็นไปไม่ได้

‘ลูกทั้งสองคนเป็นพี่น้องกัน ก็ต้องรักกันไว้นะจ๊ะ’ นั่นคือคำพูดของแม่ที่พูดกับผมและโลแกนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนในยามปกติ

จริงๆ แล้วแม่ของผมเป็นคนอ่อนโยนจริงๆ นะ แต่แม่จำเป็นต้องเข้มแข็งขึ้นเพื่อไม่ให้พ่อมาทำร้ายตัวเองหรือพวกเราสองพี่น้อง

ผมยังจำสัมผัสฝ่ามือของแม่ที่เลื่อนลงมาลูบหัวได้ดี จากนั้นก็คำพูดที่สะท้อนอยู่ในใจจนถึงทุกวันนี้

‘เป็นพี่ ก็ต้องดูแลน้องนะ ลูคัส’

ใช่… คำพูดนั้นแหละ ที่ทำให้ผมสาบานไว้กับตัวเองว่าจะต้องดูแลโลแกนให้ดีที่สุด เท่าที่จะทำได้

จากนั้นไม่นาน… ผมและโลแกนก็เสียพ่อกับแม่ไป ดังนั้นวันเกิดของพวกเราสองคนในปีถัดมาที่ไม่มีทั้งพ่อและแม่ ผมจึงให้สัญญากับโลแกน

‘ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป ฉันจะเป็นคนทำเค้กวันเกิดให้นายเอง’ ผมพูดออกไปอย่างนั้น ตอนที่นัยน์ตาสีฟ้าของโลแกนเหม่อมองเปลวเทียนที่ปักอยู่บนหน้าเค้กที่น้าลิซ่าซื้อมาให้พวกเรา ไม่รู้ทำไม แต่ผมรู้สึกว่าผมต้องการให้คนข้างตัวรู้ว่าเขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว

และบางที… ผมก็ต้องการยืนยันเรื่องนั้นกับตัวเองด้วย ตอนนั้นผมจึงเอื้อมมือไปบีบมือของน้องชายฝาแฝดตัวเองแรงๆ

‘เพราะงั้น… เรามาฉลองวันเกิดด้วยกันแบบนี้ทุกปีเลยนะ ตลอดไปเลย’

โลแกนที่อยู่ในวัยแปดขวบเบือนหน้ากลับมามองผม ก่อนจะคลี่ยิ้ม

‘นายพูดผิดแล้ว ลูคัส’

‘?’

‘นายต้องบอกว่า นายจะเป็นคนทำเค้กวันเกิดให้พวกเราสิ ในเมื่อมันเป็นวันเกิดของพวกเราสองคน’

นั่นแหละ เพราะสัญญานั่นแหละ ที่ทำให้ผมต้องรีบกระหืดกระหอบกลับมาแล้วก็จัดการทำเค้กก้อนที่ว่านี่

และทุกปีที่ผ่านมา ทั้งผมและโลแกนก็ทำตามสัญญานี้มาตลอด

ผมทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้หลังจากเอาเค้กเข้าเตาอบที่ถูกใช้งานมาเป็นสิบๆ ปี จากนั้นก็ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งยาวๆ

เอาล่ะ มากลุ้มใจเรื่องเดิมกันต่อ… ผมควรจะทำยังไงให้ไอ้หมอนี่มันเลิกกดผมสักทีดี?



ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
ย้อนแย้งพิกล

เนอะ 555555555

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
โลแกน ไปทำงานพิเศษเป้นสายสืบยาเสพติด
เหมาะมากเลย กับความสามารถของตัวเอง
ลูคัส ว่าขยะแขยง นั่นติดในแง่ศีลธรรม
และมันคงแปลกๆ มั้ง
ที่นอนกับคนหน้าตาเหมือนตัวเองเป๊ะ
แต่การที่ปิดตาแล้วมีอะไรกัน
มันยิ่งเพิ่มจินตนาการทางอารมณ์ให้สูงกว่าไม่ปิดตานะ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

พูดอีกก็ถูกอีกค่ะ XD ปิดตานี่... น่าจะยิ่งไปกันใหญ่แท้ๆ ถถถถถถถถ

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
ทำไมรู้สึกว่าลูคัสยอมโลแกนง่ายจัง เป็นพี่น้องกัน แม้จะเคยได้กันเพราะความเมา แต่จะมีไรกันอีก น่าจะใช้เวลาในการทำใจมากกว่านี้ไหม ถ้าแอบรักหรือชอบกันอยู่ก่อนการจะมีไรกันอีกน่าจะง่ายแบบนี้ นิสัยลูคัสก็ไม่ใช่คนบ้าเซ็กส์ ที่สำคัญถ้ามีไรกันเพราะสนุกอย่างที่บอก มีไรกะคนอื่นดีกว่าไหม ไม่ใช่พี่น้องกันด้วย

นั่นสิ.... ลูคัส.... หรือจริงๆ แล้วนายแอบคิดแง่นั้นกะน้องมานานแล้----//เดี๋ยวๆๆๆ เป็นงั้นไปนะ? ถถถถถ
ขอบคุณสำหรับข้อติงค่ะ ^^ ไว้จะเก็บไปปรับปรุงตอนรีไรท์นะค้าาาา

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3

บทที่ 13

(Mode: Logan Collins)





คืนนี้พระจันทร์เต็มดวง

ผมเงยหน้าขึ้นไปมองเจ้าลูกกลมๆ ที่ลอยเท้งเต้งอยู่บนท้องฟ้านั่นจากทางหน้าต่าง แสงสุกสกาวสีเหลืองของมันชวนให้หลงใหลเมื่ออยู่ในท้องฟ้าอันมืดสนิทไร้แสงดาวโดยรอบ

ตอนเด็กๆ ในสมัยที่ผมกับลูคัสยังอยู่กับพ่อแม่ มีวันเกิดอยู่ปีหนึ่งที่ไม่มีเค้กมาฉลองให้พวกเราสองคน ผมจะชอบจินตนาการไปว่าเจ้าลูกกลมๆ นั่นคือเค้กเปล่าๆ จากนั้นก็ปักเทียนในจินตนาการลงไป เท่านี้เราก็จะได้เค้กที่เราปรารถนามาแล้วหนึ่งก้อน

“คิดอะไรอยู่เหรอ โลแกน” เสียงเรียกจากหญิงสาวที่นอนอยู่ข้างตัวทำให้ผมต้องเบือนหน้ากลับไป

เจ้าหน้าที่พิเศษสาว แองเจลีน่า แกรนท์อยู่ในร่างเปลือยเปล่าของเธอ มีเพียงผ้าห่มสีขาวที่ปกคลุมร่างกายของเธอเอาไว้จนถึงเนินอก ส่วนผมก็อยู่ในบ็อกเซอร์ตัวเดียว นั่งพิงกับหัวเตียงที่อยู่ในอพาร์ทเม้นท์ของเจ้าหล่อน ขาทั้งสองข้างเหยียดตรง และถ้าต้องให้ขยายความมากกว่านั้น… ใช่ ผมเพิ่งมีคืนแรกกับหล่อน กับตำรวจสาวสุดเซ็กซี่คนนี้

หล่อนเลื่อนมือมาลูบใบหน้าผม จากนั้นก็ออกแรงนิดหนึ่งให้ผมกลับไปมองหน้าหล่อน

“ว่าไง”

“เปล่านี่ครับ” ผมพูดเรียบๆ “ก็แค่คิดว่าคืนนี้พระจันทร์สวยดี”

“สวยกว่าฉันอีกเหรอ?”

ผมยกยิ้มขันให้หญิงสาวข้างตัว “ถามจริงสิ? นี่คุณเป็นเด็กมัธยมปลายหรือไง”

เจ้าหน้าที่แกรนท์ตอบคำถามผมด้วยการดึงผมลงไปรับจูบของเจ้าหล่อนแทน เรือนร่างของหญิงสาวที่ผมได้สัมผัสนุ่มนิ่ม ชวนให้ผู้ชายทุกคนหลงใหล และลีลาบนเตียงของเจ้าหล่อนก็ไม่เลวเลยด้วย

“เด็กม. ปลายสมัยนี้นี่ เย็นชาเหมือนเธอทุกคนเลยเหรอ?”

“นั่นสิน้า…”

ก็ผมไม่ได้ชอบคุณนี่

“อืม เอาเถอะ” แองเจลิน่าหรี่ตาลงนิดหนึ่ง เส้นผมสีน้ำตาลของเจ้าหล่อนคลออยู่บนเนินอก

ก่อนที่พวกเราสองคนจะมาจบกันอยู่บนเตียงนี่ ผมได้ข้อมูลอะไรหลายอย่างมาจากเธอทีเดียว นับว่าคุ้มไม่น้อยกับการลงทุนมื้ออาหารเล็กๆ ของพวกเราสองคนในภัตตาคารหรูหราที่หนึ่ง ผมเป็นคนชวนเธอไปเอง อ้างว่าอยากจะคุยเรื่องคดีที่เราทำร่วมกัน เราสองคนคุยเรื่องคดีกันจริงๆ ในช่วงแรก จากนั้นผมก็ถามหล่อนนิดๆ หน่อยๆ เกี่ยวกับเส้นทางที่ผมอยากจะเดินในอนาคต ซึ่งเจ้าหน้าที่พิเศษแกรนท์ให้ข้อมูลได้ตรงจุดประเด็น ตรงประเด็น และรวบรัดทีเดียว บ่งบอกให้เห็นว่าหล่อนมีความสามารถในสายอาชีพการงานของตนอยู่ไม่น้อย

แต่ในช่วงของครึ่งหลัง… แน่นอนล่ะว่าหลังจากจบเรื่องงานแล้วย่อมเป็นเวลาส่วนตัวของเราสองคน และไวน์ที่เอามาเสิร์ฟในร้านนั้นก็ชวนให้เพลิดเพลิน จนไปๆ มาๆ เราสองคนเลยเพริดมาจบกันอยู่บนเตียงนี่

ซึ่งเอาจริงนะ… ผมนึกภาพเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันแล้ว

ผมส่งยิ้มให้อีกฝ่ายนิดหนึ่งขณะค่อยเอื้อมมือไปเกลี่ยเส้นผมสีน้ำตาลให้ตกลงไปอยู่ด้านหลัง แองเจลีน่าขยับตัวเข้ามาแนบชิดผมมากขึ้น ผมโอบบ่าของเจ้าหล่อนไว้ในวงแขนก่อนจะพูดแซวเจ้าหล่อนขำๆ

“แบบนี้ไม่เท่ากับคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจผิดกฎหมายเหรอครับ”

“หืม? หมายความว่ายังไง?”

“ก็…” ผมยกนิ้วชี้ขึ้นหมุนเป็นวงกลม ประกอบคำพูด “ทำอะไรเกินเลยกับเด็กแบบนี้”

“เด็กเหรอ” แองเจลีน่าหัวเราะออกมานิดหนึ่ง เจ้าหล่อนทำสีหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ เจ้าหล่อนผละตัวออกไปจากผม ลุกออกจากเตียงแล้วเดินไปที่อีกมุมหนึ่งของห้อง

ผมมองตามเจ้าหล่อนไปด้วยความฉงน หญิงสาวเดินนวยนาดกลับมาก่อนจะยื่นกล่องกระดาษขนาดเท่าฝ่ามือให้ ผมรับมันมาถือไว้อย่างงงๆ ก่อนจะเปิดดูด้านใน

“พอดีไม่มีเวลาห่อสวยๆ โทษทีนะ”

“นี่อะไรครับ” ผมว่า แต่เมื่อเปิดดูด้วยตัวเองก็ค้นพบว่ามันคือนาฬิกาข้อมือเรือนหรูยี่ห้อดัง ราคาของมันคงไม่มากเกินความสามารถในการซื้อของของเจ้าหล่อน แต่ก็ไม่น้อยขนาดที่จะให้เด็กมัธยมอย่างผมมาสวมใส่

“สุขสันต์วันเกิด โลแกน”

คำพูดนั้นทำให้ผมชะงักไปทันที ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองเจ้าหล่อนงงๆ ความคิดแรกที่แวบเข้ามาในหัวคือ… เออว่ะ วันนี้มันวันเกิด… ส่วนความคิดต่อมาก็คือ แล้วหญิงสาวตรงหน้าผมรู้ได้ยังไง?

และคำตอบก็แล่นเข้ามาในหัวโดยอัติโนมัติ จะไปยากอะไร ในเมื่อพวกเขามีแฟ้มประวัติเกี่ยวกับตัวผมอยู่

อ่า… วันเกิดเหรอ วันนี้หรอกเหรอ ชิบหายล่ะ

“ถึงจะเลยมานิดหน่อยก็เถอะนะ” หญิงสาวพูดยิ้มๆ ชี้นาฬิกาแขวนผนังที่บอกเวลาตีสามกว่าๆ

โอ้ ตายล่ะ นี่มันเวลาขนาดนี้แล้ว…

“แต่… นี่ก็เท่ากับว่านายอายุ 18 แล้วนะ” แองเจลีน่าเดินกลับเข้ามา ทรุดนั่งลงข้างๆ เลื่อนใบหน้าเข้ามาไซร้ลงบนแผ่นอกของผม “ไม่เด็กแล้ว เพราะงั้นก็ไม่มีอะไรผิดนี่”

ผมเม้มริมฝีปากแน่น มองนาฬิกาข้อมือเรือนสวย จากนั้นก็ค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้น ปล่อยให้แองเจลีน่าผละตัวออกจากผมอย่างงงๆ

“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”

“ผมต้องกลับบ้านแล้ว”

“อ้าว ทำไมล่ะ”

พี่ชายผมรออยู่

แต่แน่นอนล่ะว่าผมไม่มีทางพูดอะไรที่ฟังดูปัญญาอ่อนแบบนั้นออกไปแน่ ผมหันไปส่งยิ้มที่ไร้ความหมายใดๆ ให้หญิงสาวบนเตียง มองนาฬิกาเรือนที่เจ้าหล่อนให้มาอย่างชั่งใจ ของขวัญชิ้นนี้ทำให้ผมรู้ทันทีว่าเจ้าหล่อนคงไม่ได้แค่คิดเล่นๆ กับผม

“ผมบอกไว้ก่อนเลยนะ” ผมว่า “ว่าระหว่างเราสองคน เราไม่มีอะไรกัน”

แองเจลีน่านิ่งไปนิดหนึ่ง เลิกคิ้วขึ้นอย่างฉงนก่อนจะส่งยิ้มหวานมาให้

“นายชอบแบบนั้นมากกว่าเหรอ”

“ผมไม่ได้ชอบแบบไหนมากกว่าทั้งนั้นแหละ” ผมว่าขณะที่มือเลื่อนไปติดกระดุมเสื้อเร็วๆ “ผมแค่พูดข้อเท็จจริง ผมไม่สามารถรักใครได้ แองจี้ เพราะงั้นถ้าคุณอยากให้นาฬิกาผมเพราะอยากให้ผมรับความรู้สึกคุณ…”

“โอ้ ขอทีเถอะน่า นี่มันนาฬิกาผู้ชายนะ” หล่อนกลอกตาขึ้นมองเพดานก่อนจะยัดเจ้ากล่องนาฬิกานั่นใส่มือผม “เก็บไว้เถอะ ฉันตั้งใจซื้อมาให้นาย”

“คุณแน่ใจนะว่าเข้าใจที่ผมพูด?”

หญิงสาวโบกมือ “รีบๆ กลับบ้านไปได้แล้ว แล้วจะติดต่อไปแล้วกัน”

ฟังเจ้าหล่อนพูดเหมือนไม่ยี่หระแบบนี้ ผมจึงยักไหล่ให้ทีหนึ่ง รับถุงกระดาษที่แองเจลีน่าได้มาตอนซื้อนาฬิกาเรือนนั้นเพื่อจะได้ถือกลับบ้านสะดวกๆ นั่นแหละผมถึงออกมาจากห้องของเจ้าหล่อนได้ในที่สุด

ผมจ้ำเท้าพรวดๆ ทันทีที่ออกมาจากตัวห้อง ถึงในใจส่วนหนึ่งจะคิดว่าป่านนี้หมอนั่นคงไม่รอแล้ว อีกอย่างพวกเราสองคนก็ไม่ใช่เด็กๆ คำสัญญาไร้สาระนั่นก็ผ่านมานานมากแล้ว แต่ในใจอีกส่วนหนึ่งก็อดรู้สึกแย่นิดหน่อยไม่ได้

ถ้าหมอนั่นไม่รออยู่ก็คงดี








แต่เมื่อผมเปิดประตูเข้ามาในตัวบ้าน ผมก็ค้นพบว่า… ไอ้บ้านั่นมันยังรออยู่จริงๆ

ภายในห้องนั่งเล่นของตัวบ้านมืดสนิท มีเพียงแสงจันทร์จากข้างนอกที่ส่องเข้ามาพอให้เห็นพื้นที่ด้านในได้บ้าง

เค้กทำมือก้อนหนึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะ มีเทียนปักอยู่เล่มหนึ่งบนนั้น และดูเหมือนว่าจะถูกจุดไปครึ่งหนึ่งแล้ว อาหารอีกหลายอย่างถูกวางเรียงรายอยู่รอบๆ เค้กก้อนนั้น ส่วนหนึ่งพร่องไปบ้างแล้วเพราะลูคัสคงทนหิวไม่ไหว

ผมเลื่อนสายตากลับไปที่บริเวณโซฟาที่มีเงาตะคุ่มๆ ของใครสักคนนั่งอยู่ แน่นอนละว่านั่นคือลูคัสอย่างไม่ต้องสงสัย จะเป็นใครคนอื่นไปได้อีก?

ผมก้าวเท้าเข้าไปหามันที่ยังคงนั่งกอดอกนิ่งอยู่บนโซฟายาว หยุดอยู่ตรงหน้ามันก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ

“ขอโทษนะ”

ลูคัสค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองผม เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง

“ไปไหนมา”

“ทำงาน” ผมไม่ได้โกหกนะ สำหรับผม นี่ก็ถือเป็นงานจริงๆ

“ทำไมไม่โทรมาบอกว่าจะกลับช้า”

“แบตฯหมด” อ่า จริงด้วย… หมอนี่คงพยายามโทรหาผมหลายรอบแล้ว แต่ที่มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพราะโทรศัพท์ผมมันตายอยู่นี่เอง

“ใช้โทรศัพท์สาธารณะไม่เป็นเหรอ”

“นี่ ฉันก็ขอโทษอยู่นี่ไง”

ลูคัสลุกขึ้นยืน เผชิญหน้ากับผม สบตาผมตรงอย่างค้นคว้า มีร่องรอยตัดพ้อบางอย่างอยู่ในดวงตาสีฟ้าที่เหมือนกับผมไม่มีผิดเพี้ยนนั้น อะไรนักหนาวะ กับอีแค่เรื่องแค่นี้… อย่าทำตัวน่ารำคาญเป็นผู้หญิงทีได้ไหม

“นายไปนอนกับผู้หญิงมาใช่ไหม”

ผมนิ่งเงียบไป หมอนี่ต้องได้กลิ่นน้ำหอมที่ยัยแองเจลีน่าประโคมใส่ตัวก่อนไปเดทแน่ๆ อ่า พลาดแล้วสิ รู้งี้น่าจะอาบน้ำก่อนมา… อืม ไม่สิ แต่ถ้าทำแบบนั้นก็ยิ่งมาถึงบ้านช้ากันไปใหญ่ แล้วหมอนี่ก็ต้องรอนานขึ้นอีก

อีกอย่าง… ต่อให้ไม่มีกลิ่นน้ำหอมนี่ ยังไงหมอนี่ก็ต้องรู้จากทางใดทางหนึ่ง อีกอย่าง… ถ้าผมกลับเวลาเกือบเช้าแบบนี้ มันแทบจะเดาเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลยนอกจากเรื่องไปนอนกับผู้หญิงมา…

“ตอบฉันมาสิ”

“ใช่” ผมยักไหล่ หมอนี่จะมาคาดคั้นเรื่องพวกนี้อะไรกับผมเนี่ย หรือคิดอยากทำตัวเป็นแม่ผมขึ้นมาหรือไง “แล้วไง? ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันไปนอนกับสาวจนกลับบ้านดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้เสียหน่อย”

ลูคัสทำหน้าเหมือนกับผมเพิ่งตบหน้ามันไปแรงๆ อย่างไรอย่างนั้น น้ำตาคลออยู่ที่หางตาเจ้าตัวทันที นั่นทำให้ผมตกใจจริงๆ นี่หมอนี่เป็นบ้าอะไรของมันวะเนี่ย?

“ลูคั--”

“ช่างเหอะ” มันว่า เลื่อนมือมาดันไหล่ผมให้หลบทางให้มันซึ่งมุ่งหน้าไปยังบันไดขึ้นชั้นสอง “เค้กนั่น… ฝากเก็บด้วยแล้วกัน หรือถ้าคิดว่ายังไงก็ไม่กินอยู่แล้วก็ฝากทิ้งด้วย”

“เฮ้ ไม่เห็นต้องโมโหกันขนาดนี้ก็ได้นี่” ผมพูดด้วยน้ำเสียงไม่เข้าใจ เดินตามอีกฝ่ายขึ้นไปอย่างรวดเร็ว “ลูคัส… ก็บอกว่าฉันขอโทษไง เฮ้ มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน”

แต่เจ้าแฝดตัวดีของผมไม่ฟัง มุ่งหน้าไปยังชั้นบน และไม่เดินไปที่ห้องนอนใหญ่ที่พวกเราสองคนนอนด้วยกันทุกคืน แต่เดินไปบิดลูกบิดประตูที่ห้องนอนเล้กอีกห้องแทน นั่นทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ผมคว้าข้อมืออีกข้างของอีกฝ่ายไว้แน่น ลูคัสหันหน้ากลับมาจ้องผมเขม็งอย่างไม่พอใจทันที แต่ผมเองก็ไม่พอใจเหมือนกัน

“มันจะอะไรนักหนาวะ กับอีแค่เค้กวันเกิด” ผมพูดอย่างมีอารมณ์ ยิ่งเห็นท่าทีสะดีดสะดิ้งเหมือนจะร้องไห้แบบนี้ของมันแล้วยิ่งอารมณ์เสีย กับเรื่องไม่เป็นเรื่องแค่นี้… “นายทำมา ของมันไม่เน่าไม่เสียก็เก็บไว้กินพรุ่งนี้ก็ได้ อีกอย่าง ฉันกลับบ้านช้าขนาดนี้นายก็ไม่เห็นจำเป็นต้องรอเลย โตๆ กันแล้ว ก็น่าจะรู้อยู่แล้วสิว่าฉันติดธุระ นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกด้วยที่ฉันกลับบ้านช้าขนาดนี้ อย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ได้ไหม”

“ใช่ มันไม่ใช่ครั้งแรกที่นายกลับบ้านเวลานี้” ลูคัสพูดด้วยน้ำเสียงที่มีอารมณ์พลุ่งพล่านไม่แพ้กัน “แต่นี่เป็นครั้งแรกที่นายไม่มากินเค้กวันเกิดกับฉัน! แล้วสัญญาของพวกเราล่ะ ตอนนั้นนายสัญญาแล้วไม่ใช่เหรอ พวกเราสัญญากันไว้แล้ว นายก็ควรจะรู้สิว่าฉันจะต้องรอนาย แล้วอะไรคือการที่นายปล่อยให้ฉันรอนายทั้งคืน ที่นายควรทำคือติดต่อมาบอกฉันสิว่านายจะไปนอนกับผู้หญิงคนอื่น!”

“จะอะไรนักหนาวะ” ผมหลุดคำพูดนั้นออกมาจนได้ “ก็แค่สัญญาตอนเด็กๆ… แล้วตอนนี้เราก็โตแล้ว อย่างี่เง่าไปหน่อยเลย แล้วกระแทกเสียงเรื่องฉันนอนกับผู้หญิงนี่อะไร เกิดทำตัวเป็นพ่อพระ รับที่ฉันนอนกับผู้หญิงไปทั่วไม่ได้ขึ้นมารึไง นายก็รู้อยู่ว่า...”

ลูคัสยกมือขึ้นข้างหนึ่งเป็นเชิงห้ามไม่ให้ผมพูดต่อ สีหน้าของเจ้าตัวซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัดแม้ว่าพวกเราจะอยู่ในที่ที่ค่อนข้างมืด นี่หมอนี่มันเป็นอะไรของมันเนี่ย ไม่สบายรึเปล่า ทำไมถึงได้ดูเพี้ยนไปขนาดนี้

“ลู--”

“ฉันเข้าใจแล้ว” ลูคัสตัดบท พยักหน้าสองสามทีอย่างเหนื่อยอ่อน “ฉันเข้าใจที่นายพูดแล้วโลแกน”

“ก็บอกว่า---”

“คำสัญญาของเรามันไม่มีความหมายอะไรกับนายเลย” เจ้าตัวพูดสรุป กลืนน้ำลายลงคออึกหนึ่งอย่างยากลำบาก “ฉันเข้าใจแล้ว”

ผมขมวดคิ้วมุ่น พยายามดึงตัวมันให้หันกลับมามองหน้าผมเพื่อจะคุยกันให้เข้าใจ แต่ลูคัสปัดมือผมออกจากนั้นก็บิดลูกบิดประตูก้าวเท้าเข้าไปในตัวห้อง

“ราตรีสวัสดิ์ โลแกน” แล้วเจ้าตัวก็ปิดประตูลงกลอน

ตกลงที่มันบอกว่าเข้าใจเนี่ย… มันเข้าใจอะไรของมันกันแน่วะ?







---------------------------------
Talk: โลแกน... ทำไมนายทำแบบนั้นละ ถถถถถถถถถ

ออฟไลน์ wasu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 ค้างงงงงงคาใจมากมายยย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
โลแกน นอกจากลืมสัญญา
นายนอนกับพี่ชาย แล้วไปนอนกับผู้หญิง
มันเหมือนที่ผ่านมา ลูคัส ไม่มีความสำคัญ
ลืมคิดเรื่องความรู้สึกของลูคัสไปสินะ โลแกน
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
ค้างงงงงงคาใจมากมายยย

มาๆๆ มาอ่านต่อๆ ถถถถถ

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
โลแกน นอกจากลืมสัญญา
นายนอนกับพี่ชาย แล้วไปนอนกับผู้หญิง
มันเหมือนที่ผ่านมา ลูคัส ไม่มีความสำคัญ
ลืมคิดเรื่องความรู้สึกของลูคัสไปสินะ โลแกน
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

นั่นสิคะ โลแกนนี่ไม่ได้คิดถึงความรู้สึกพี่ชายเล้ย.... -_-;;;;
//ขอบคุณที่แวะมาอ่านบ่อยๆ ค่าาาา >3<

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3

บทที่ 14

(Mode: Lucas Collins)






“เฮ้ย ลูคัส”

รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงใครเรียกแว่วๆ

“ลูคัส… ลูคัสว้อย”

โอ๊ย… จะเรียกอะไรนักหนานะ ไม่เห็นหรือไงว่าคนกำลังนอนอยู่

“ลูคัส!”

คราวนี้ไม่ได้มาเพียงแค่เสียง แต่มีแรงของใครบางคนกำลังเขย่าไหล่ผมอย่างแรงเพื่อให้ตื่นขึ้น

ผมค่อยๆ ผงกศีรษะขึ้นมาอย่างเชื่องช้าเหมือนคนใกล้จะตาย อันที่จริงแล้วผมไม่ได้กำลังหลับหรอก แบบนี้น่าจะเรียกว่ากำลังซังกะตายมากกว่า ผมค่อยๆ เบือนหน้ากลับไปหาเพื่อนผมแดงที่ยังคงสะพายกีต้าร์ไฟฟ้าไว้บนตัว นัยน์ตาสีน้ำตาลของเจ้าตัวฉายแววเป็นกังวลระคนหนักใจ คิ้วทั้งสองข้างขมวดมุ่นเข้าหากัน ก่อนปีเตอร์จะพูดกับผมด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ

“นายโอเคนะ?”

“ท่าทางฉันเหมือนคนโอเคเหรอวะ” ผมว่า ผายมือไปข้างตัวนิดหนึ่ง สภาพหน้าผมตอนนี้ก็น่าจะบอกอะไรๆ แก่ผู้พบเห็นได้ไม่มากก็น้อยแล้ว ขอบตาคล้ำยังกับหมีแพนด้าที่ไม่ได้นอนมาสามชาติ ผมเผ้ายุ่งเหยิงเหมือนคนไม่รู้จักว่าหวีกับเจลใส่ผลคืออะไร ส่วนเสื้อผ้ายับๆ ที่ดูเรียบง่าย… เอ่อ โชคดีหน่อยที่ผมใส่แบบนี้มาตลอดทั้งชีวิต มันเลยดูแย่เหมือนเดิม ไม่ได้ดูแย่ลง เฮ้ อย่างน้อยมันก็ยังดีกว่าแย่ลงใช่ไหมล่ะ

“แกเป็นอะไรวะ ซึมๆ ทั้งวัน” คนตรงหน้าผมถามอย่างไม่เข้าใจ ผละออกไปนิดหนึ่งจากนั้นก็เริ่มหยิบปิ๊คกีต้าร์ขึ้นมาดีดลงบนสายเป็นจังหวะนิดหนึ่ง “เมื่อวานวันเกิด แทนที่จะทำหน้ามีความสุข ไม่ได้ฉลองวันเกิดหรือว่าอะไร”

“เออ” ไม่ได้ไม่ฉลองธรรมดา ไม่ได้นอนทั้งคืนด้วย ไอ้บ้าโลแกนเอ๊ย… นึกถึงตอนนี้ก็ยังแค้นไม่หาย “เมื่อคืนโลแกนมันไม่ยอมกลับมา”

“อ้าว” ปีเตอร์เงยหน้าขึ้นมาจากกีต้าร์นิดหนึ่ง แต่มือยังคงดีดต่อไป “มันไปฉลองกับเพื่อนหรือแฟนมันเปล่า?”

ผมขมวดคิ้วมุ่นขึ้นทันที “โลแกนไม่มีทั้งสองอย่างที่นายว่ามานะ”

“เออ ไม่แปลกใจว่ะ” ชายหนุ่มผมแดงหัวเราะขัน จากนั้นก็ขยับมือที่จับคอร์ดกีต้าร์ขึ้นลงเพื่อเล็งจังหวะนิดหนึ่ง “มีแต่คนกลัวมัน นอกจากนายแล้ว มันจะยังมีใครอีกวะ”

“...” ก็สาวๆ ในสต็อกมันไง เหอะ

“แล้วนัดกันไว้หรือเปล่า?”

“...ก็นัด” อืม ไอ้สัญญาเมื่อตอนที่เราอายุแปดขวบนี่ ก็ถือว่าเป็นการนัดรึเปล่านะ

ปีเตอร์เงยหน้าขึ้นมามองผมเหมือนไม่ค่อยเชื่อเท่าไร ผมเลยถอนหายใจเฮือกใส่มันไปทีหนึ่ง

“ก็ไม่เชิงนัดแนะกันดิบดีอะไรขนาดนั้นหรอก แต่เราเคยสัญญากันไว้ตอนเด็กๆ”

“สัญญาว่า?”

“ว่าเราจะมาฉลองวันเกิดด้วยกันทุกปี”

เพื่อนตรงหน้าผมหลุดหัวเราะออกมาพรืด นั่นทำให้ผมขมวดคิ้วมุ่นขึ้น มองมันอย่างโกรธๆ ทันที

“มีอะไรน่าขำวะ”

“อย่าบอกนะว่าที่นายนั่งซังกะตายอยู่นี่เพราะแฝดนายไม่ยอมมาฉลองวันเกิดกับนาย?”

“แต่เราสัญญากันไว้แล้วนะ” แล้วมันก็ไม่เคยผิดสัญญาสักครั้ง…

ปีเตอร์ส่ายหน้าให้ผมยิ้มๆ “ลูคัส โลแกนไม่ใช่เด็กๆ แล้ว นายเองก็ด้วย”

“นายเองก็พูดแบบนั้นเหรอ”

“เฮ้ย ฉันแค่ชี้ให้นายเห็นเท่านั้นเอง ว่าถ้านายจะมานั่งน้อยใจ เสียอกเสียใจกับเรื่องแค่นี้… มัน… ไม่เข้าท่าว่ะ สู้หาอะไรสนุกๆ อย่างอื่นทำดีกว่า อย่างเช่นเล่นเพลงคู่กับฉันไง นายจำที่เราเคยอัดคลิปลงยูทูปด้วยกันได้ไหม ยอดวิวเกินล้านแล้วนะเว้ย อันนั้นน่ะ”

“นายพูดจริงเหรอ” ผมถามกลับอย่างแปลกใจ ตั้งแต่ที่ลงยูทูปรอบนั้นไป ผมก็ไม่ค่อยได้ติดตามเท่าไร ปีเตอร์พยักหน้าให้ผม ดีดกีต้าร์เพื่อลองเสียงอึดใจหนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มเผล่แบบคนขี้เล่นส่งมาให้

“เรามาหาเพลงเล่นคู่กันแล้วอัดลงยูทูปกันอีกรอบเหอะ”

“อืม… ก็ได้นะ” ผมว่า เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างของตัวอาคาร จากตรงนี้จะเห็นสนามฟุตบอลที่ชมรมฟุตบอลกำลังเตะบอลกันอยู่ จากนั้นผมก็ถอนหายใจยาวออกมาอีกรอบหนึ่งแล้ววางหน้าลงบนโต๊ะที่เต็มไปด้วยโน้ตเพลงและหนังสือแนะนำการเล่นดนตรีต่างๆ อีกรอบ ปีเตอร์เอ็ดขึ้นมาทันที

“เอาอีกแล้ว ทำตัวซังกะตายอีกแล้ว นี่ตกลงนายเสียใจเรื่องน้องชายฝาแฝดนายจริงๆ เหรอเนี่ย”

“มัน… ก็ไม่เชิง” เอาจริงๆ ผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจริงๆ แล้วตัวเองเสียใจกับเรื่องอะไร

เรื่องที่หมอนั่นไม่มากินเลี้ยงวันเกิดด้วยกัน…? อืม ก็ใช่ อันนั้นมันก็น่าน้อยใจอยู่ ยิ่งคิดว่าพวกเราสองคนสัญญากันไว้แล้ว แต่มีแค่ผมคนเดียวที่เห็นความสำคัญของมัน ในขณะที่อีกฝ่ายไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยเลย นั่นเป็นเรื่องที่น่าเสียใจจริงๆ แต่ก็อย่างที่ปีเตอร์… แล้วก็โลแกนบอก โตๆ กันแล้ว สัญญาสมัยเด็กอะไรนั่นก็อาจเป็นเรื่องที่ถูกลืมเลือนไป

หรือ… ดีไม่ดี โลแกนอาจจะลืมวันเกิด… อย่างที่ผมลืมก็ได้ ซึ่งอันนี้ผมก็ไม่ได้ถามมัน และมันก็ไม่ได้บอกผม เหมือนตอนนั้นสิ่งที่ทำให้ผมเสียใจมากกว่า… ดูเหมือนจะเป็นอีกเรื่อง…

คิดถึงตรงนี้ ผมก็เริ่มยกมือขึ้นมากุมหัว

“พีท” ผมเรียกไอ้ปีเตอร์ที่กำลังดีดสายกีต้าร์เล่น

“หือ?”

“นายเคยนอนกับคนที่ไม่ควรนอนด้วยไหม” ผมถาม ตาลอยไปที่หยุดอยู่ที่เปียโนสีดำขลับหลังงามอย่างเหม่อๆ “เคยรัก… คนที่ไม่สมควรจะรักไหม”

“หา?” อีกฝ่ายหยุดการกระทำของตัวเองทันที เงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยสายตาฉงน ทันใดนั้นเอง ผมก็เพิ่งรู้ตัวกับสิ่งที่ตัวเองพูดออกไป มันทำให้ผมหน้าร้อนวูบขึ้น ชิบหายล่ะ ไอ้หมอนี่จะสังเกตเห็นรึเปล่าเนี่ย แล้วนี่ผมพูดบ้าอะไรออกไป

อย่าบอกนะว่าผม...

“นายพูดถึงโอลิเวียเหรอ?”

“หา??”

“นายกำลังจะบอกว่า ที่นายซึมๆ อยู่เนี่ย เพราะนายยังไม่ลืมยัยนั่นใช่ไหม”

“อ่า…” นั่นสินะ ก็ผมเพิ่งเลิกกับโอลิเวียมาหมาดๆ จะโดนมองเป็นแบบนั้นก็ไม่แปลกสินะ… ขอบคุณพระเจ้า “ก็… คงประมาณนั้นมั้ง”

ถึงแม้ในความเป็นจริงแล้ว แฟนเก่าผมคนนั้นจะไม่ได้เข้ามาอยู่ในหัวเท่าไรเลยก็เถอะ

“อืมๆ” ปีเตอร์พยักหน้าหงึกหงักสองสามทีกับตัวเอง ผมมองมันที่ยังคงขยับมือ เล่นกีต้าเอื่อยๆ ไปด้วยนิ่ง ไหวตัวนิดหนึ่งเมื่อมันหันขวับกลับมาทางผม “แต่ฉันว่านายพูดถูกอยู่อย่างนะ”

“อะไร?”

“ยัยนั่นไม่ใช่คนที่นายสมควรจะรักหรอก”

คำพูดนั้นทำให้ผมเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจจริงๆ ก็ตอนที่ผมคบกับโอลิเวีย พวกเพื่อนๆ ของผมก็ไม่เห็นจะพูดอะไร

“ทำไมล่ะ?”

“ยัยนั่นไม่เหมาะกับนาย” พีทยักไหล่ให้ผมทีหนึ่ง ส่งยิ้มกวนๆ มาให้ “นายมันเป็นคนดีเกินไปว่ะ ลูคัส แถมยังหน้าตาเกินกว่าจะไปคบยัยนั่นด้วย ถึงยัยนั่นจะสวยแล้วก็หุ่นดีก็เถอะ แต่อย่างนาย… ทั้งสวยทั้งดีน่ะ หาได้ไม่ยากอยู่แล้ว”

“งั้นเหรอ”

“เออ”

แล้วไอ้โลแกนล่ะ… เข้าข่ายข้อไหนบ้าง?

ความคิดนั้นทำให้ผมหยุดหายใจไปจริงๆ โดยไม่รู้สึกตัว ผมเลื่อนมือมาเกาะเสื้อตรงบริเวณอกข้างซ้ายอย่างงงๆ ยิ่งไอ้หัวใจที่มันเต้นรัวขึ้นอยู่ในอกตอนนี้นี่… มันยังไงกัน นี่อย่าบอกนะว่าผมชอบน้องชายฝาแฝดของตัวเองไปแล้วจริงๆ? ชอบแบบ… ในเชิงชู้สาวอะนะ? เอาจริงดิ? นั่นมันคนที่หน้าเหมือนผมเด๊ะเลยนะ!?

ชิบหายล่ะ ชิบหายล่ะ ชิบหายล่ะ ชิบหายล่ะ ชิบหายล่ะ

“อ้าว ไหงหน้าเครียดขึ้นกว่าเดิมอีกล่ะเพื่อน?” ปีเตอร์ที่หันมาเห็นหน้าผมตอนนี้สะดุ้งนิดหนึ่ง “เฮ้ย ฉันว่านายหน้าซีดเกินไปละนะ ไปเหอะ วันนี้เราพอแค่นี้กันก่อนดีกว่า เดี๋ยวค่อยมาคุยมาซ้อมกันวันหลัง กลับไปนอนพักที่บ้านให้หายเหนื่อยหายเครียดก่อน”

ไม่อ่ะ… กลับไปที่บ้าน น่าจะยิ่งเครียดกว่าเดิมมากกว่า

พวกเราสองคนคว้ากระเป๋า เดินออกจากห้องดนตรีเนือยๆ ผมก้มหน้าต่ำ มองพื้นแทบจะตลอดทาง สิ่งที่ผมเพิ่งจะฉุกใจคิดขึ้นมาได้ลอยวนเวียนไปมาอยู่ไม่หาย นี่ถ้าเกิดว่าผมชอบโลแกน… แบบนั้นจริงๆ มันจะเป็นอะไรที่บัดซบมากเลยนะ คือไม่มีอะไรแย่ไปกว่านั้นอีกแล้ว ผมหมายถึง… นั่นมันน้องชายตัวเองนะ? ฝาแฝดของตัวเองอ่ะ? แม่ง… ไม่ชิบหายกันไปหมดเหรอวะ ทีนี้

“แปลกจังนะ ฉันนึกว่านายเลิกเศร้าเรื่องโอลิเวียแล้วซะอีก” ปีเตอร์ที่เดินอยู่ข้างๆ ผมเอ่ยปากขึ้นด้วยน้ำเสียงแปลกใจ “เห็นช่วงที่นายอยู่กับโลแกนดูสภาพนายดีขึ้นมานิดหนึ่ง เลยนึกว่าจะทำใจได้แล้วเสียอีก”

“อืม…” ผมครางในลำคอเบาๆ เรื่องโอลิเวียน่ะเหรอ… มันกลายเป็นเรื่องเล็กไปเลยเมื่อเทียบกับสิ่งที่ผมกำลังเผชิญอยู่นี่

ผมกำสายสะพายกระเป๋าที่พาดอยู่บนบ่าแน่นขึ้น รู้สึกถึงความกดดันที่มองไม่เห็นกดทับไหล่ลงมา จากนั้นความกลัวก็ซัดเข้ามาในจิตใจผมตามมาติดๆ และอึดใจต่อมา… ผมก็ไม่รู้สึกอะไรเลยนอกจากความสิ้นหวัง

โลแกนเหรอ… โลแกน คอลลินส์คนนั้นน่ะเหรอ?

ผมถอนหายใจออกมาอีกเฮือกอย่างอัดอั้น และก้ค้นพบว่าการทำอย่างนั้นไม่ได้ช่วยระบายสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจของผมออกไปเลยแม้แต่นิดเดียว

ตายทุกทาง แค่คิดว่ามีความรู้สึกดีๆ ให้หมอนั่นก็เท่ากับตายไปแล้ว ลองตัดเรื่องความเป็นพี่น้อง ความเป็นฝาแฝด ความที่เราหน้าตาเหมือนกันนั่นออกไปก่อนก็ได้ (ถึงจริงๆ มันจะตายแล้วตั้งแต่ตรงนี้ก็เถอะ) อะ ลองคิดดู หมอนั่นชอบผู้หญิง… ชอบนอนกับผู้หญิงนี่ชัวร์ป้าบร้อยล้านเปอร์เซ็นต์ และดูจากคลิปวิดีโอที่มันนอนกับผู้หญิงไม่เลือกหน้าแถมยังเอามาเปิดย้อนดูตอนอยากทำสมาธิ… โอเค มีคลิปที่ว่านั่นเป็นล้าน นั่นหมายถึงว่าสิ่งนั้นแม่งกลายเป็นสันดานของไอ้โรคจิตนั่นไปแล้ว และถามหน่อยว่าอยู่ๆ มันจะอยากขุดสันดานๆ ทุเรศๆ ของมันทิ้งไหม คำตอบคือไม่ ไม่มีทางแน่ล่ะ ไม่มีเหตุผลอะไรให้มันทำแบบนั้น นอกจากว่าจะมีใครที่มันรักจริงๆ และมันจะยอมทำเพื่อคนคนนั้น…

ผมรู้สึกใจหายวาบทันทีเมื่อคิดมาถึงตรงนี้

โลแกนรักใครไม่เป็น

“ลูคัส?” ปีเตอร์ที่อยู่ข้างๆ ผมคงสังเกตเห็นสีหน้าที่ซีดลงทุกทีๆ ของผมได้ “นี่… นายไหวรึเปล่าเนี่ย วันนี้นายดูแย่มากจริงๆ นะ กลับบ้านคนเดียวไหวรึเปล่า โทรหาโลแกนให้มาพานายกลั--”

“ไม่ต้อง” ผมรีบพูดทันที มือกระชับสายกระเป๋าเป้ให้มั่นขึ้น “ฉันกลับคนเดียวได้”

“นายแน่ใจนะ?”

“อือ”

ต่อให้ไม่ได้… ยังไงผมก็ไม่ยอมกลับบ้านพร้อมกับไอ้เด็กนรกนั่นแน่




...

และเมื่อมาถึงบ้าน ผมก็ต้องนิ่งอึ้งไปกับสิ่งที่คาดไม่ถึงว่าจะเจอทันที

มีบริษัทขนส่งแห่งหนึ่งกำลังโยกย้ายสิ่งของชิ้นใหญ่ในบ้านของผม… และไอ้สิ่งของที่ว่านั่นก็ไม่ใช่อะไรอื่น เปียโนหลังแรกและหลังเดียวของผมเอง

ผมหันขวับไปมองโลแกนที่กำลังคุยกับเจ้าหน้าที่คนหนึ่งเรื่องการย้ายเครื่องดนตรีชิ้นนั้นอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา นี่หมอนี่มันทำผมประสาทเสียทั้งวันมายังไม่พอ ยังจะมาทิ้งของรักของผมง่ายๆ แบบนี้เลยงั้นเหรอ!?

“โลแกน!!” ผมพุ่งตัวไปกระชากคอเสื้อมันขึ้นทั้งๆ ที่สมองไม่ต้องประมวลผลด้วยซ้ำ “แกทำบ้าอะไรวะ!! นี่แกให้คนมายกเปียโนของฉันทำไม”

“ก็มันเก่าแล้ว” ชายหนุ่มผมบลอนด์ผู้มีใบหน้าแบบเดียวกับผมตอบหน้าตาย “แถมเสียงตอนที่นายเล่นมันก็ชักจะเพี้ยนๆ เข้าไปทุกที นายไม่สังเกตเหรอ ขนาดฉันไม่ค่อยรู้เรื่องดนตรียังรู้สึกว่ามันแสลงหูเลย แถมรอยขีดข่วนก็เยอะขนาดนั้น... เก็บไว้ก็ฝุ่นจับ รกบ้านเปล่าๆ สู้นายไปซ้อมที่โรงเรียนทุกวันยังดีซะกว่าเลย”

วินาทีนั้น ผมคิดอะไรไม่ออกจริงๆ รู้สึกแค่ว่าเกลียดน้องชายฝาแฝดของตัวเองสุดใจ หมอนี่กล้าดียังไงมายุ่งกับของของผมแบบนี้

และเพราะความไร้สตินั้นเองที่ทำให้ผมเงื้อหมัดขึ้นมา หวังจะกระแทกลงบนใบหน้าของอีกฝ่ายที่มีพิมพ์เดียวกับผมราวกับคัดลอกกันมานั่นให้หายคับแค้นใจ

แม่ง… ไอ้น้องนรกเอ๊ย…!! ขอสักทีเถอะวะ!!






----------------------------------------
Talk: ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านน้าาา >3< จะพยายามมาอัพเรื่อยๆ นะคะ

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
เตรียมจะซื้อเปียโนใหม่ให้ใช่ไหม แต่ปากแบบนี้โดนชแไปก่อนซะทีเถอะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 :hao5: น่าสงสาร

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
โธ่.....โลแกน จะซื้อเปียโนตัวใหม่ให้ลูคัส
ทำไมไม่พูดกันก่อน  :z3: :z3: :z3:
เจ้าของเข้าใจว่าอยู่ๆ ก็ทิ้งของเขา
ใครจะไม่โกรธ เข้าใจผิดล่ะ ถูกเกลียดไปและ
       :L1: :L1: :L1:

ออฟไลน์ bigbeeboom

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
ค้างมากเลย เดาเหมือนกันว่ามีเปียโนใหม่ รออยู่นะจ้ะ :)

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
เตรียมจะซื้อเปียโนใหม่ให้ใช่ไหม แต่ปากแบบนี้โดนชแไปก่อนซะทีเถอะ

นั่นสิคะ ปากแบบนี้ ซักหมัดสองหมัดละกันเนอะ ถถถถถถถ

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
โธ่.....โลแกน จะซื้อเปียโนตัวใหม่ให้ลูคัส
ทำไมไม่พูดกันก่อน  :z3: :z3: :z3:
เจ้าของเข้าใจว่าอยู่ๆ ก็ทิ้งของเขา
ใครจะไม่โกรธ เข้าใจผิดล่ะ ถูกเกลียดไปและ
       :L1: :L1: :L1:

555555 โลแกนนี่ไม่ได้เข้าใจความรู้สึกใครเขาเลยจริงๆ นั่นแหละค่ะ ถถถถถถ
อยากทำไรก็ทำเลย =w= ต่อให้โดนเกลียด นางก็คงไม่รู้ตัว (ฮา)

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
ค้างมากเลย เดาเหมือนกันว่ามีเปียโนใหม่ รออยู่นะจ้ะ :)

จะรีบมาลงนะคะ ^^ มาลุ้นเปียโนใหม่กัน <3

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3

บทที่ 15

(Mode: Lucas Collins)





แต่หมัดของผมไปไม่ถึงหน้าของไอ้หมอนี่

โลแกนขยับมือขึ้นมาล็อกข้อมือผมไว้ได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็จับมัน ดึงตัวผมให้หันกลับไปอีกทาง ยึดท่อนแขนของผมไว้แนบกับแผ่นหลัง ออกแรงดึงจนตึง โอ๊ยๆๆๆ เจ็บเป็นบ้าเลย ไอ้น้องเวร!

“เคยบอกแล้วใช่ไหม ว่าฉันไม่อยากเป็นศัตรูกับนาย” เสียงทุ้มต่ำกระซิบลงข้างหู และผมรู้สึกผิดกับตัวเองมากที่ดันวูบวาบกับลมหายใจอุ่นๆ ที่รดลงมาบนต้นคอ บางทีก็รู้สึกเกลียดร่างกายตัวเองจริงๆ ที่ไม่สามารถควบคุมให้เป็นไปอย่างที่ใจคิดได้

“แต่นายจะทิ้งเปียโนของฉัน” ผมกัดฟันกรอด เจ็บใจจริงๆ ที่แค่จะตะบันหน้าหมอนี่สักหมัดยังทำไม่ได้ ทั้งๆ ที่ไอ้บ้านี่มันทำกับผมสารพัดสารเพ จะมีใครเข้าใจความคับแค้นใจนี่ของผมบ้าง!?

“คุณคอลลินส์ครับ” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่อยู่ในชุดยูนิฟอร์มของร้านอะไรก็ไม่รู้ แต่เป็นสีเหลืองขลิบเขียว ดูเห่ยมากๆ เลย ใครกันนะช่างออกแบบชุด โคตรทำร้ายพนักงาน “ทางเรายกเปียโนมาให้แล้ว จะให้เอาวางไว้ที่เดิมเลยไหมครับ”

“ครับ รบกวนด้วย” โลแกนหันหน้ากลับไปตาม ส่วนพนักงานคนดังกล่าวดูเหมือนจะไม่สนใจการปะทะอารมณ์กันของพี่น้องที่เรียกได้ว่าแทบจะถึงขั้นลงไม้ลงมือกันอยู่แล้ว นี่สินะ อเมริกา ประเทศแห่งเสรี ที่ที่ไม่มีใครสนใจต่อให้มีศพคนตายอยู่ต่อหน้าต่อตาก็ตาม

“ปล่อยฉันได้แล้ว” ผมว่าเมื่อแขนข้างขวาทั้งแถบชาไปหมด โลแกนปล่อยมือออกอย่างว่าง่าย นัยน์ตาสีฟ้าเรียบเฉยขณะที่ผมหันกลับมาเผชิญกับมันตรงๆ “นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน”

“ยังต้องถามอีกเหรอ หัวสมองนายมีไว้คั่นหูหรือไง”

“นายซื้อเปียโนตัวใหม่มาอย่างนั้นเหรอ”

โลแกนตีหน้าตาย “อ้อ เปล่า ฉันแค่ขอให้พนักงานลองยกมาทาบกับฝาบ้านเราดูว่ามันเข้ากันไหม”

“แต่… นายไปเอาเงินมาจากไหน” ผมอึกอักไปอย่างคาดไม่ถึง แม้ในใจจะเริ่มพองโตขึ้นมาด้วยความยินดีแล้วก็ตาม แต่ความงงมันมีอยู่มากกว่า

“ก็บอกแล้วไงว่าฉันทำงานพิเศษ”

“มันเป็นอาชีพที่ถูกกฎหมายแน่นะ?”

โลแกนยกยิ้ม “นายจะลองให้นักกฎหมายหรือพวกตำรวจตรวจสอบบัญชีฉันดูไหมล่ะ?”

“โลแกน!!”

“มันเป็นเงินที่ฉันได้มาอย่างสุจริตน่า เลิกโวยวายสักที แล้วก็เลิกงอนฉันไม่เข้าเรื่องได้แล้ว สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังนะ พี่ชาย”

หะ?

“ใครงอนนาย”

“ก็นายไง”

“ฉันไปงอนนายตอนไหน”

“แล้วไอ้ที่ไปนอนห้องลิซ่าเมื่อคืนนั่นอะไร” โลแกนย้อนอย่างท้าทาย ผมเลยถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ยกมือยอมแพ้

“ก็ได้ ฉันโกรธนายที่นายไม่ยอมมากินเค้กวันเกิดกับฉัน แล้วก็ไม่ยอมติดต่อมาบอกอะไรเลยด้วย พอใจรึยัง”

โลแกนยิ้มกว้าง และไม่รู้ทำไม นั่นทพให้ผมสะดุดไปนิดหนึ่งเหมือนกัน ทั้งๆที่อยู่ด้วยกันมาเป็นสิบๆ ปีก็เห็นมันยิ้มแบบนี้มาแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง

น้องชายฝาแฝดของผมเอื้อมมือมายีหัวผมเบาๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ

“ฉันขอโทษนะ”

โอ๊ย… ไอ้บ้านี่ ทำตัวแบบนี้แล้วจะให้ผมตอบกลับไปยังไง

ผมหลุบตาต่ำลง ไม่มองหน้ามัน เพราะไม่รู้ว่าควรจะทำสายตาแบบไหนส่งไปให้มันที จากนั้นก็ยักไหล่ให้มันทีหนึ่งแกนๆ และทันใดนั้นสายตาผมก็เหลือบไปเห็นนาฬิกาที่อยู่บนข้อมือของอีกฝ่าย ดูจากรูปทรงและยี่ห้อแล้ว… นั่นมันต้องไม่ถูกมากแน่

“นี่นายมีปัญญาซื้อนาฬิกาแพงๆ แบบนี้ใส่แล้วเหรอ?”

โลแกนยกข้อมือของตัวเองขึ้นมาก่อนจะร้องอ้อ

“นี่น่ะเหรอ มีคนให้มาเมื่อคืนน่ะ”

“ผู้หญิงที่นายนอนด้วยใช่ไหม”

“ใช่” โคตรเต็มปากเต็มคำ

“นายชอบเขาเหรอ?” ผมถาม รู้สึกเหมือนมีอะไรเสียดสีอยู่หน้าอก มันทำให้ใจผมเจ็บแปลบ “คิดจะจริงจังกับผู้หญิงคนนี้เหรอ”

“เปล่า”

“หมายความว่าไง” คำตอบนั้นทำให้ผมขมวดคิ้วมุ่นขึ้นทันที “นายไม่เคยรับของจากผู้หญิงคนไหน ยิ่งเป็นของมีราคาแบบนี้ด้วยแล้ว”

“คนนี้เป็นเพื่อนร่วมงานน่ะ”

“แต่นายนอนกับเขาไปแล้วนี่”

“ใช่ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าฉันจะจริงจังด้วยสักหน่อย”

“นายต้องเลิกไอ้นิสัยแบบนี้ได้แล้ว” ผมพูด ไม่รู้ตัวเลยว่าปนการทอดถอนใจอย่างเหนื่อยอ่อนลงไปด้วย “มันทำให้คนอื่นเจ็บปวดนะ” ไม่รู้เหมือนกันว่าผมกำลังพูดถึงตัวเองรึเปล่า บางทีก็อาจจะใช่

“ขอทีน่า นี่ฉันตกลงกับอีกฝ่ายก่อนตลอดนะว่าความสัมพันธ์ของเราจะไปได้ถึงขั้นไหน”

“แต่กับฉัน นายไม่ได้ถามอะไรเรื่องนั้นก่อนเลยนี่” หลุดปากพูดออกไปแล้ว ผมก็นึกอยากจะกัดลิ้นตัวเองตายตรงนั้นให้รู้แล้วรู้รอด

โลแกนนิ่งขึงไปทันที นัยน์ตาสีฟ้าเบิกกว้างอย่างคาดไม่ถึง ก่อนเจ้าตัวจะเอ่ยปากออกมาอย่างไม่แน่ใจ

“นี่อย่าบอกนะว่านาย…”

“ขอโทษครับ ช่วยมาเซ็นต์ตรงนี้ด้วยครับ” เสียงเรียกจากเจ้าพนักงานที่ทำการจัดวางเปียโนเครื่องใหม่ลงบนตำแหน่งเก่าเสร็จเรียบร้อยแล้วดังขึ้น โลแกนจึงหันหน้ากลับไปจัดการเรื่องตรงนั้นต่อ

ผมสาวเท้าเข้าไปหาเจ้าเปียโนตัวใหม่ เลื่อนปลายนิ้วลงแตะฝาครอบอย่างเบามือ แทบไม่อยากเชื่อเลยว่าโลแกนจะซื้อเปียโนให้ผมจริงๆ จริงๆ แล้วผมรักเปียโนตัวเก่ามากนะเพราะเหมือนมันมีความทรงจำและความพยายามที่ผ่านมาของผมอยู่ด้านใน แต่เสียงของมันก็เริ่มจะเพี้ยนและสภาพภายนอกก็ดูเก่าทรุดโทรมเสียจนน่าสงสาร

แต่… นี่หมอนี่มันทำงานอะไรกันแน่ คงไม่ได้ทำอะไรอันตรายๆ อยู่ใช่ไหม?

“ลูคัส” โลแกนเรียกผมหลังจากที่พวกพนักงานพวกนั้นขับรถกลับไปแล้ว “เรื่องที่นายพูด…”

“นายกำลังทำงานอะไรอยู่กันแน่ โลแกน” ผมพูดแทรก ส่วนหนึ่งเพราะความร้อนใจกับลางสังหรณ์ไม่ดีที่พุ่งขึ้นมาในใจอย่างไม่มีสาเหตุ อีกส่วนหนึ่งคือ… เพราะผมไม่อยากจะพูดเรื่องความรู้สึกของตัวเองที่เผลอหลุดปากออกไปเมื่อครู่ “คงไม่ใช่งานอันตรายอะไรใช่ไหม?”

เป็นคราวที่โลแกนต้องนิ่งเงียบลงบ้าง และขอทีเถอะ เราอยู่ด้วยกันมาตลอดชีวิต มีหรือผมจะดูมันไม่ออก

“นายกำลังทำอะไร?”

“มันไม่เกี่ยวกับนาย”

“ถ้านายต้องฝืนตัวเองเพราะเห็นว่าฉันกำลังกลุ้มใจเรื่องเงิน…”

แต่โลแกนสาวเท้าเข้ามาประชิดตัวผม มือเลื่อนมาบีบมือข้างขวาของผมแรงๆ จนมันอุ่นซ่านขึ้น ผมรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาทันทีและต้องรีบก้มหน้าต่ำลงเพื่อหลบมันแทบไม่ทัน

“นายอย่าห่วงฉันเลย” น้ำเสียงนั้นอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อ นี่มัน… เหมือนไม่ใช่หมอนี่เลย “นี่เป็นงานของฉัน เป็นสิ่งที่ฉันเลือกเอง ฉันไม่เป็นไรหรอก”

“โอเค” ผมรวบรวมสติกลับคืนมา เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งแต่ยังไม่ยอมมองหน้ามัน จากนั้นก็ยักไหล่ทีหนึ่ง “ถ้านายพูดถึงขนาดนั้น”

“แล้วเรื่องที่เราพูดค้างกันไว้”

นั่นไง๊ มันวกกลับมาอีกจนได้!

“อย่าหลบตาฉัน ลูคัส”

แต่ผมไม่ทำตามที่มันบอก ต่อให้มันจะเชยคางผมขึ้นไปให้มองหน้ามันก็ตาม

“ลูคัส”

“นายจะพูดอะไรล่ะ”

ถึงคราวที่โลแกนต้องเงียบไปบ้าง แต่ก็เพียงอึดใจเดียว จากนั้นเจ้าก็ถามผมตรงๆ

“นายชอบฉันเหรอ?”

ผมรู้สึกว่าหน้าของตัวเองร้อนขึ้นอีกครั้ง ผมปัดมือมันที่ยึดคางของผมไว้ออกจากนั้นก็ก้มหน้าลงมองเท้าตัวเอง

ไม่มีทางออกสำหรับความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นอย่างสับสนนี้ มีแต่ต้องย้อนกลับไปทางเดิม

“ฉันไม่รู้” ผมตอบตรงๆ

“แล้วไอ้ที่นายพูดเมื่อกี้ มันหมายความว่าไงล่ะ”

“นายอยากได้ยินคำตอบแบบไหนจากฉันเหรอ โลแกน” ผมเงยหน้าพรวดขึ้นไปมองหน้าอีกฝ่าย ความรู้สึกอึดอัดที่บรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูกกำลังบีบหัวใจบนอกข้างซ้ายของผม แต่ไม่ล่ะ ผมจะไม่ร้องไห้อีกแล้ว แค่น้ำตาซึมต่อหน้าหมอนี่เมื่อวานก็ขายหน้าจะแย่ ผมจะไม่มีทางปล่อยให้มันเกิดเรื่องแบบนั้นอีก “ฉันเป็นพี่ชายฝาแฝดของนาย เราหน้าเหมือนกัน เราเป็นผู้ชายเหมือนกัน แล้วนายยังหวังจะได้ยินคำตอบแบบไหนจากปากฉันอีก”

โลแกนนิ่งเงียบไป หากชายหนุ่มขมวดคิ้วเรียวขึ้น แววตาครุ่นคิด

“ฉันว่าเราอย่านอนด้วยกันอีกเลย” ผมหลุดคำพูดนั้นออกมาในที่สุด จากนั้นก็เบือนหน้าหนี นอกจากวิธีนี้แล้ว ผมก็มองหาวิธีแก้ปัญหารูปแบบอื่นไม่ออก “ฉันรู้ว่านายอาจจะไม่ชอบใจ นายคงคิดว่านอนกับฉันมันสนุก แล้วมันก็ง่ายดี ในเมื่อเราสองคนอยู่ใต้หลังคาเดียวกันแบบนี้ แต่… มันน่าขยะแขยง จริงๆ นะ ถึงทุกๆ ครั้งฉันจะยอมโอนอ่อนไปกับนายแล้วก็ยอมให้นายทำในสิ่งที่นายต้องการก็เถอะ แต่ลึกๆ ลงไปแล้ว ฉันรู้สึกแย่ทุกครั้ง เพราะงั้น… ฉันขอเถอะนะ”

“นายกำลังพาเราหลุดประเด็น” โลแกนพูดอย่างจับผิดจากนั้นเจ้าตัวยื่นขืนข้างหนึ่งมาแนบติดกับผนังด้านหลังผมเพื่อกันผมไว้ไม่ให้ออกไปไหน ผมลอบกลืนน้ำลายลงคออึกหนึ่ง “ฉันถามนายว่า นายชอบฉันงั้นเหรอ คำตอบมีแค่สองอย่าง ลูคัส ใช่กับไม่ใช่ เลือกตอบมา”

“...มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก โลแกน”

“อ้อ เหรอ งั้นเรามาทำให้มันง่ายกันเถอะ”

“ถ้าฉันตอบว่าใช่ นายจะทำยังไง”

ชายหนุ่มตรงหน้าผมนิ่งไป สีหน้าบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าคาดไม่ถึงกับสิ่งที่ผมเพิ่งพูดออกไป นัยน์ตาสีฟ้ายังคงจ้องมองผมราวกับผมเป็นเอเลี่ยนที่มาจากดาวอังคาร ขอบคุณมากเลย ช่วยทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นเยอะ

“ลูคัส ฉัน…”

“ฉันรู้ดีว่ามันฟังดูบ้า” ผมพูดดักคอ หมอนี่กำลังคิดอะไรอยู่ มีเหรอผมจะไม่รู้ “และสำหรับนาย เรื่องท่ีเรามีเซ็กส์กันก็เป็นแค่การระบายความต้องการของร่างกายก็เท่านั้น ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น นายเองก็บอกฉันแบบนั้นเสมอเวลาฉันถามเรื่องนายไปนอนกับผู้หญิงคนไหน”

“ก็ใช่”

“แล้วนายมีทางออกอะไรอย่างอื่นให้ฉันอีกล่ะ”

เกิดความเงียบน่าอึดอัดขึ้นระหว่างพวกเราสองคน แม้แต่โลแกนที่ดูเหมือนจะสบายๆ ไม่คิดอะไรกับทุกเรื่องยังมีสีหน้าปั้นยาก ก็ขอบคุณแล้วกันที่อย่างน้อยก็รับรู้ความกระอักกระอ่วนของผมบ้าง

“เอาเป็นว่า… เราอย่านอนด้วยกันอีกเลยนะ” ผมสรุป จากนั้นก็ค่อยๆ ดันแขนคนตรงหน้าออก “ขอบคุณมากๆ ที่นายใช้เงินส่วนตัวของนายซื้อเปียโนให้ฉัน ฉันซึ้งใจจริงๆ สุขสันต์วันเกิดย้อนหลัง โลแกน ขอให้เป็นปีที่ดีสำหรับนาย”

พูดจบแล้วผมก็เตรียมเดินขึ้นห้องที่ชั้นสอง ใจจริงก็อยากลองเปียโนใหม่ที่เพิ่งได้มาอยู่นี่หรอก แต่ความรู้สึกบีบเค้นที่รัดแน่นอยู่ในใจผมนี่มันทำให้อึดอัดจนเหมือนจะหายใจไม่ออก ผมไม่น่ารู้ตัวเลยว่าเผลอชอบไอ้หมอนี่ในแง่นั้น สู้ให้ผมรักใครไม่เป็นอย่างที่โลแกนเป็นแล้วก็สนุกไปกับเรื่องบนเตียงอย่างที่มันทำได้ยังจะดีเสียกว่า

โลแกนเอื้อมมือมาคว้าข้อมือผมหมับจากนั้นก็ถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจ

“แบบนั้นมันดีสำหรับนายแล้วจริงๆ เหรอ”

“...อืม” มันก็คงไม่ดีหรอก แต่มันไม่มีทางอื่นแล้วนี่

“ถ้านายชอบฉัน… ไม่ใช่ว่านายอยากจะมีอะไรกับฉันหรอกเหรอ”

ผมยิ้มเหยียด หันหน้ากลับไปมองน้องชายฝาแฝดของผมตรงๆ

“มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก โลแกน มันไม่ง่ายแบบนั้นจริงๆ”

จากนั้นผมก็เดินกลับขึ้นมาในห้องนอนเล็กที่ตัวเองยึดเป็นฐานชั่วคราว ปิดประตูลงกลอน ทรุดตัวนั่งลงกับพื้นแล้วร้องไห้ออกมาเต็มเหนี่ยว

ไม่เป็นไร… เดี๋ยวผมก็ตัดใจได้เอง มันก็แค่อารมณ์ชั่ววูบที่เกิดขึ้นมาระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น

เดี๋ยวความรู้สึกบ้าๆ นี่มันก็หายไปเอง จากนั้นความทรมานนี่ก็คงจะหายไปพร้อมกันเช่นกัน





--------------------------------------
Talk: หน่วงซะงั้นนนน ถถถถถถถ

ออฟไลน์ wasu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ลูคัส กลัวว่า ความสัมพันธ์จะเปลี่ยนไป
ถ้ารักโลแกนแล้วต้องเสียใจภายหลัง
ไหนจะผิดศีลธรรม และเป็นเพศเดียวกัน
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ vilaroly

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด