บทที่ 11
(Mode: Logan Collins)
“แล้วเด็กคนนี้กำลังสืบเรื่องอะไรให้เราอยู่เหรอคะ” เจ้าหน้าที่แกรนท์เอ่ยถามต่อ แมคโดเวล หรือก็คือเจ้าหน้าที่พิเศษระดับสูงที่เป็นผู้รับผิดชอบผมหยิบปึกเอกสารที่ผมเพิ่งเอาออกมาวางไว้ตรงหน้ายื่นให้เจ้าหล่อนดู
ตำรวจสาวรับไปดูก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นขึ้น จากนั้นก็อุทานออกมาเบาๆ
“เรื่องยาเสพติดหรือคะ”
“ใช่แล้ว”
แกรนท์ทำหน้าบึ้งทันที “เราเองก็มีหน่วยงานของเรา…”
“แต่ถ้าเป็นเด็กวัยรุ่นที่มีอายุไล่เลี่ยกับพวกเขา เราจะสามารถสาวไปถึงตัวคนที่บงการยักใยอยู่เบื้องหลังทั้งหมดได้ง่ายกว่านะครับ คุณเจ้าหน้าที่พิเศษ” ผมพูดขัด และเมื่อเจ้าหล่อนหันกลับมามองผมด้วยสายตาขวางๆ เพราะไม่ชอบใจที่โดนพูดแทรก ผมจึงยกยิ้มหวานที่กระชากใจสาวๆ มาได้แล้วนักต่อนัก
“ยังไงไม่ทราบ” หล่อนถามเสียงห้วน บ่งบอกให้รู้ว่าถึงเจ้าหล่อนจะรู้สึกสงสารผมเพราะอดีตที่ถูกระบุอยู่ในแฟ้มนั่น เจ้าหล่อนก็ยังตั้งแง่กับเด็กวัยรุ่นที่ดูไม่ได้เรื่องได้ราวอย่างผมอยู่นั่นเอง
“ผมสามารถทำให้พวกเขาไว้ใจได้” ผมว่า เป็นสิ่งเดียวกับที่ผมพูดกับแมคโดเวลาครั้งแรกก่อนที่ชายสูงวัยเบื้องหน้าจะยอมรับในตัวผมและให้ผมมีเอี่ยวในคดีส่วนนี้ด้วย “ผมกลมกลืนไปกับพวกเขา เป็นหนึ่งในพวกเขา รับรู้ข้อมูลทุกอย่างอย่างที่พวกเขารู้ได้ และระหว่างที่ผมเก็บข้อมูลพวกนั้นมา ผมก็เอามาเล่าต่อให้พวกคุณรู้ได้ยังไงล่ะครับ”
“แต่งานของเขาค่อนข้างเสี่ยง” แมคโดเวลว่าหน้าเครียดขึ้นเล็กน้อย “แต่เท่าที่ผ่านมา คุณคอลลินส์ก็แสดงให้พวกเราเห็นว่าเขาทำได้ดี ข้อมูลที่เขาเก็บมาก็ถูกต้อง ถ้าเรายังให้เขาเก็บข้อมูลแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ เราอาจสาวไปถึงคนที่บงการอยู่เบื้องหลังทั้งหมดเลยก็ได้”
ผมหันไปยักคิ้วให้อีกฝ่ายที่ตั้งป้อมต่อต้านเหมือนจะอวดว่าแม้แต่คนที่ตำแหน่งสูงกว่าเจ้าหล่อนยังมองเห็นความสามารถในตัวผม… ยังยอมรับในตัวผมเลย และนั่นทำเอาเจ้าหน้าที่คนสวยหันหน้าขวับหนีไปทันที ว้า สงสัยจะภูมิต้านทานต่ำ มองคนหล่อนานๆ ไม่ได้
“ทำไมรอบนี้ถึงไม่ส่งข้อความมาบอกก่อน” แมคโดเวลเอ่ยถามผมขณะเก็บรวบรวมแผ่นกระดาษที่ผมพึ่งยิ่นส่งให้ ในน้ำเสียงนั้นแฝงแววตำหนิปนมา ผมเลยยักไหล่ให้เจ้าตัวนิดหนึ่ง
“บังเอิญผมผ่านมาแถวนี้ก็เลยแวะมา ถ้าคุณไม่อยู่ ผมค่อยมาวันหลังอีกก็ได้ ไม่เดือดร้อนอะไร”
“ให้เด็กที่ไม่ได้รับการฝึกฝนแล้วก็ไม่มีประสบการณ์ภาคสนามทำงานแบบนี้มันอันตรายนะคะ” แกรนท์เอ่ยขึ้นมาอีกรอบ ทั้งผมและชายอีกคนหันขวับไปมองเจ้าหล่อนทันที ผมส่งยิ้มพรายให้อีกฝ่าย หากพูดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงจริงจังขึ้น
“ผมเอาตัวรอดได้น่า คุณเจ้าหน้าที่พิเศษแกรนท์”
“ใช่สิ จนกว่านายจะโดนลูกตะกั่วเจาะหัว นายก็ยังพูดแบบนั้นได้อยู่นั่นแหละ นายไม่รู้ตัวหรอกว่ากำลังเล่นอยู่กับอะไร”
“อ้อ แน่นอน ผมรู้ตัวสิ” ผมพูดด้วยสีหน้าที่นิ่งขึ้น ชักเริ่มรำคาญกับคนที่พูดจาไม่รู้เรื่องขึ้นมาทุกทีๆ “คุณกำลังจะพูดถึงมาเฟียที่ทรงอิทธิพลที่สุดแถวนี้ใช่ไหม ผมรู้ดีว่าเรื่องยาเสพติดยิบย่อยพวกนี้ต้องเกี่ยวข้องกับพวกเขา ไม่มีทางที่อยู่ๆ มันจะโผล่ขึ้นมาเฉยๆ หรอก”
“คนพวกนั้นสั่งฆ่าคนได้เหมือนสั่งขี้มูก” ตำรวจยกมือขึ้นมาเท้าเอว หลุดมาดเรียบร้อยที่ควรทำต่อหน้าผู้ที่มียศสูงกว่าไปอย่างเผลอตัว “หวังว่านายเองก็รู้เรื่องนี้ด้วยนะ”
“เพราะแบบนั้นผมถึงได้อยู่ในการดูแลของหน่วยพิทักษ์พยานไงครับ” ผมพูดยิ้มๆ ไม่เกรงกลัวท่าทีท้าทายของหญิงสาวตรงหน้าสักนิด
“เอาล่ะ ทั้งสองคน” แมคโดเวลาพูดขึ้นในที่สุด “ผมคงต้องขอตัวไปประชุมก่อนแล้ว เพราะการพบปะกับคุณคอลลินส์วันนี้ไม่ได้อยู่ในกำหนดการ หวังว่าคราวหน้าคุณจะติดต่อมาบอกผมล่วงหน้าก่อนนะ”
“ไม่มีปัญหาครับ” ผมรับคำ หยิบกระเป๋าเป้ขึ้นมาสะพายหลัง “งั้นเอาไว้ค่อยพบกันใหม่แล้วกัน อ้อ คุณเจ้าหน้าที่พิเศษจะลงไปส่งผมข้างล่างใช่ไหมฮะ งั้นดีเลย รบกวนหน่อยนะครับ”
พี่สาวคนสวยส่งสายตาเขียวปั้ดกลับมาให้ผม แหม… ทำตัวดุจังน้า… ผมนี่กลัวจนขาสั่นไปหมดเลย
…
ผมกลับมาถึงบ้านในเวลาที่พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปเรียบร้อยแล้ว ได้ยินเสียงเปียโนไฟฟ้าราคาถูกที่น้าของผมและลูคัสเป็นคนซื้อมาให้เจ้าตัวตั้งแต่สมัยยังเด็กดังแว่วมาทันทีที่เดินผ่านประตูรั้วบ้านเข้ามา
ผมเปิดประตูเข้าไปในตัวบ้าน ที่ไม่ได้ใหญ่โตอะไร ถึงแม้มันจะมีสองชั้นก็ตาม ห้องนั่งเล่นที่ชั้นหนึ่งถูกรวมไปกับโต๊ะกินข้าวและครัวที่ถูกกั้นเอาไว้อย่างเป็นสัดส่วน ผมวางกระเป๋าของตัวเองลงในขณะที่สายตายังไม่ละออกจากลูคัสที่กำลังพรมนิ้วลงบนคีย์เปียโนสีขาวดำสลับกันไปมาอย่างมีสมาธิ
เปียโนไฟฟ้าซึ่งเป็นเครื่องดนตรีเพียงชิ้นเดียวในบ้านมีสภาพค่อนข้างเก่า เต็มไปด้วยรอยขีดข่วน และผ่านการใช้งานมาอย่างหนัก แม้แต่เสียงที่เปล่งออกมายังมีบางคีย์ที่เพี้ยนไปบ้างตามสภาพของของราคาถูก แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มที่กำลังบรรเลงเพลงโดยมันก็ยังจดจ่ออยู่ที่มันโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองผมที่เพิ่งเปิดประตูเข้าบ้านมา
อืม… หรือบางทีมันอาจจะไม่รู้ตัว? แต่เฮ้ย… ขนาดนี้ไม่รู้ตัวก็แย่แล้ว ขืนนี่ไม่ใช่ผมแต่เป็นโจรเข้าบ้านมา ป่านนี้ก็ขนของออกไปเกลี้ยงแล้วมั้ง ถึงหมอนี่จะรักในการเล่นเปียโนขนาดไหน แต่ถ้าไม่สนใจอะไรเลยแบบนี้ก็แย่เหมือนกันนา
แบบนี้ต้องสั่งสอน…
ผมลอบคิดอย่างนึกสนุก เดินไปผ้าสีขาวที่พาดอยู่แถวๆ โวฟาขึ้นมาถือไว้ในมือ ย่องไปด้านหลังของเจ้าตัวที่ยังคงบรรเลงเพลงเสียงหวานใสที่กำลังเร่งจังหวะขึ้นเรื่อยๆ ตามท่อนที่ลูคัสเล่นไป
ผมยกยิ้มหวาน จากนั้นก็พูดเสียงดังให้แน่ใจว่าเจ้าพี่ชายฝาแฝดตัวดีได้ยิน
“ลูคัส!”
ลูคัสขมวดคิ้วมุ่นขึ้น ยอมหยุดปลายนิ้วที่สัมผัสกับคีย์ ก่อนเจ้าตัวจะเงยหน้าขึ้นมา แต่ผมไม่ปล่อยให้มันมองเห็นผมหรอก ผมยกผ้าที่ถือเอาไว้พาดลงบนตาของมันทันที ผูกผ้าผืนนั้นติดศีรษะของลูคัสไว้จากด้านหลัง และก่อนที่พี่ชายผมจะโวยวายอะไร ผมก็เลื่อนหน้าลงไปทาบจูบลงบนริมฝีปากของมันทันที
“!!!” ลูคัสสะดุ้งตัว จากนั้นก็พยายามดันบ่าของผมออกจากตัวมัน แต่แน่นอนล่ะว่าถ้าสู้กันเรื่องแรงเนี่ย ยังไงผมก็ชนะมันอยู่วันยังค่ำ
หมอนี่เองก็รู้เรื่องนั้นดีอยู่แล้ว ยังจะพยายามอีก ตลกจัง
“โลแกน!” ลูคัสโวยวายขึ้นทันทีที่ผมละริมฝีปากออก เจ้าตัวลุกขึ้นพรวดจากเก้าอี้ที่ดึงมาจากโต๊ะกินข้าว พยายามจะกระชากผ้าสีขาวที่ผมมัดปิดตามันไว้อยู่ออก แต่แน่นอนล่ะว่าผมไม่ปล่อยให้มันทำแบบนั้นได้ง่ายๆ หรอก
ผมเอื้อมมือไปยึดข้อมือทั้งสองข้างของคุณพี่ชายทันที
“นี่นายทำบ้าอะไรของนาย?” ลูคัสถามอย่างเหลืออด ผมหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะดึงข้อมือทั้งสองข้างของคนตรงหน้าเข้ามาให้แขนของเจ้าตัวพาดอยู่รอบคอผม จากนั้นก็กระซิบที่ข้างหู
“ก็นายบอกว่าเงื่อนไขนายมีอย่างเดียวไม่ใช่เหรอ” ผมพูดเสียงเบา จากนั้นก็เป่าลมหายใจต้นคออีกฝ่ายทีหนึ่ง ทำเอาเจ้าตัวสะดุ้งเฮือกทันที แต่ผมเห็นนะว่าหน้าของหมอนี่เริ่มแดงขึ้นน่ะ “ที่บอกว่าต้องหาอะไรมาปิดตานายตอนที่เราจะนอนด้วยกัน”
“แล้วใครจะนอนกับนาย”
“ก็นายไง” ผมแสร้งทำเสียงพิศวงรวนใส่มัน “ถามอะไรแปลกๆ ตอนนี้ในบ้านมีแค่เราสองคน ถ้าฉันไม่นอนกับนาย แล้วจะนอนกับใคร”
“แต่ฉันไม่มีอารมณ์” เจ้าตัวว่าพร้อมกับกัดฟันกรอด นั่นทำให้ผมหัวเราะออกมาได้จริงๆ
“นี่นายคิดว่ากำลังพูดกับใครอยู่” ผมว่าด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกชัดเจนว่าคิดจะทำอะไรต่อจากนี้ เลื่อมือไปเกลี่ยเส้นผมสีบลอนด์ทองที่บริเวรต้นคอของอีกฝ่ายนิดหนึ่ง สัมผัสได้ว่าเจ้าตัวสะดุ้งเบาๆ กับสัมผัสนั้น “เรื่องนั้นน่ะ ฉันจะเป็นคนจัดการให้นายเอง พี่ที่รัก ว่าแต่นายอยากจะอาบน้ำก่อนรึเปล่า”
ผมถามส่งๆ ไปอย่างนั้นเอง แต่มือเลื่อนไปปลดเข็มขัดกางเกงของคุณตรงหน้าออกอย่างรวดเร็วแล้ว ด้วยระยะที่พวกเราสองคนห่างกันมันน้อยนิดทำให้ผมได้ยินเสียงกลืนน้ำลายดังอึกจากลำคอของคนตรงหน้าอย่างชัดเจน
อดไม่ได้ ต้องหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ อีกรอบ จริงๆ หมอนี่เป็นคนที่มีความขัดแย้งในตัวเองสูงนะ จะว่ายังไงดี เหมือนแบบ ใจหนึ่งก็อยากให้เราเป็นพี่น้องฝาแฝดกันแบบปกติ แต่อีกใจหนึ่งก็อยากทำ อะไรทำนองนั้น
แต่… จะว่ายังไงล่ะ พวกเราสองคนไม่ได้เป็นพี่น้องฝาแฝดกันแบบปกติมาตั้งแต่แรกแล้ว ผมไม่ใช่มนุษย์จริงๆ ด้วยซ้ำ ถึงตอนนี้จะอยู่ในร่างของมนุษย์ก็เถอะ
ลูคัสยังคงโอบแขนอยู่รอบคอผมทั้งๆ ที่ผมปล่อยข้อมือหมอนั่นไปตั้งนานแล้ว นั่นให้ผมยิ้มออกมาจริงๆ สงสัยจะเริ่มยอมรับตัวเองขึ้นมานิดหนึ่งแล้วแฮะ ยอมทิ้งเรื่องกรอบศีลธรรมจอมปลอมแล้วก็ไร้สาระนั่นไป แล้วก็นอนกับน้องชายตัวเองอย่างผม… หมอนี่ต้องรู้สึกทุกข์ใจอยู่ไม่น้อยแน่
แต่ใครสนกันล่ะ?
ผมซุกหน้าลงบนซอกคอขาวของอีกฝ่ายอย่างโหยหา ทั้งที่จริงๆ แล้วครั้งสุดท้ายที่พวกเราเพิ่งมีเซ็กส์กันมันเพิ่งเมื่อสองวันก่อน ที่ห้องน้ำของโรงเรียน
ทำในที่ที่มีใครผลุบๆ โผล่ๆ เข้ามาตลอดเวลาแบบนั้นมันเร้าอารมณ์จริงๆ นะ บางทีคราวหน้าผมน่าจะลองโน้มน้าวหมอนี่ดูอีกสักรอบ คราวก่อนถึงมันจะยอมแต่พอทำเสร็จแม่งก็บ่นเป็นหมีกินผึ้งอยู่นั่น แถมยังสำทับด้วยว่าจะไม่มีวันทำที่โรงเรียนอีกเด็ดขาด
งั้นเรามาดูกันว่าผมจะสามารถเกลี้ยกล่อมไอ้หมอนี่ได้ไหม แต่เท่าที่ดูจากสถิติที่ผ่านมา ผมว่าผมก็น่าจะทำได้อยู่นะ
“อือ…” ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าพิมพ์เดียวกับผมที่ตอนนี้มองไม่เห็นทัศนียภาพใดๆ ครางขึ้นนิดหนึ่ง ก่อนจะเอียงคอขึ้น ปล่อยให้ผมเล้าโลมอยู่ตรงตำแหน่งนั้นอย่างว่าง่าย มือทั้งสองข้างกำเสื้อผมจากด้านหลังแน่นขึ้นตามแรงอารมณ์
อ่า… แย่ล่ะสิ มีอารมณ์ขึ้นมาจริงๆ แล้ว
ผมออกแรงดึงร่างของคนในอ้อมแขน พาเจ้าตัวไปนอนราบอยู่บนโซฟาในห้องรับแขกที่ควบคู่กับห้องรับแขกไปด้วย ผมดันตัวขึ้นคร่อมร่างของอีกฝ่าย จากนั้นก็โน้มหน้าลงไปทาบจูบ สอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากของคนด้านล่างอย่างชำนาญ
ลูคัสส่งเสียงครางในลำคอนิดหนึ่งแว่วมาให้ได้ยิน แต่ถึงอย่างนั้นผมไม่ยอมละริมฝีปากออก ปล่อยให้หมอนั่นเอื้อมมือมาขยำคอเสื้อผมมากขึ้น จากนั้นก็ค่อยๆ คลายออกเพราะต้านทานสัมผัสของผมไว้ไม่อยู่
อยู่ๆ คำพูดที่หมอนี่พูดใส่หน้าผมก่อนหน้านี้ก็ดังขึ้นในหัว… มันบอกว่าสาเหตุที่อยากให้ผมหาอะไรปิดตามันตลอดเวลาที่เราทำอะไรกันก็เพราะ…
มันน่าขยะแขยง...
โอ๊ย ขนาดตอนนี้มาย้อนคิดดูยังจี๊ดไม่หายเลย วอนหาเรื่องแล้วไหมล่ะ พี่ชายฝาแฝดผมคนนี้ มีอย่างที่ไหน มาว่าคนหน้าเหมือนตัวเองว่าหน้าขยะแขยง แถมปากก็พูดมา แต่ร่างกายนี่อ่อนเป็นขี้ผึ้งถูกไฟลนทุกทีเวลาโดนผมสัมผัส
บอกแล้วไอ้หมอนี่มันมีความขัดแย้งในตัว ไม่รู้เหมือนกันว่ามันรู้ตัวรึเปล่า
น่าขยะแขยงเหรอ...
ผมลอบคิดกับตัวเองขณะที่ผละจูบออกจากริมฝีปากของคนด้านล่างอย่างอ้อยอิ่ง ลูคัสสูดลมหายใจเข้าปอดทันทีที่มีจังหวะ จากนั้นเจ้าตัวก็หอบหายใจเล็กน้อย ใบหน้าแดงระเรื่อจนลามไปถึงใบหูด้านหลัง มือของหมอนี่ยังจับเสื้อผมไว้ไม่ปล่อยราวกับไม่แน่ใจอะไรสักอย่าง ผมเดาว่ามันคงน่าหวาดเสียวเหมือนกันถ้าต้องโดนปิดตาไว้แบบนั้นแล้วโดนทำอะไรแบบนี้ไปด้วย
เงื่อนไขของนายนี่มันฆ่าตัวตายชัดๆ
ผมยกยิ้มอย่างสะใจ จากนั้นก็เลื่อนมือไปถกเสื้อยืดของหมอนี่ขึ้น ดึงกางเกงของเจ้าตัวออกแล้วโยนไปที่พื้น จากนั้นก็เริ่มลากปลายลิ้นลงลำคอของลูคัสอีกรอบ ไม่อยากจะบอกเลยว่ามีความสุขขนาดไหนตอนที่เห็นหมอนี่ดิ้นอยู่ในกำมือผม
เอาเลยลูคัส มีความสุขให้เต็มที่เลย
ผมยกยิ้มที่หมอนั่นคงไม่มีโอกาสได้เห็น
จากคนที่นายบอกว่าน่าขยะแขยงนี่แหละ
-------------------------------------
“อือ…” ลูคัสส่งเสียงครางออกมาเบาๆ ขณะค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกอย่างเชื่องช้าเพื่อผ่อนคลายร่างกายตัวเอง ไหวตัวนิดหนึ่งเมื่อคนด้านบนเลื่อนนิ้วเรียวลงที่ริมฝีปากเขาจากนั้นก็สอดเข้ามาในโพรงปากอย่างเชื่องช้า ลูคัสตวัดปลายลิ้นเลียนิ้วที่ถูกสอดเข้ามาในโพรงปากอย่างอ้อยอิ่ง จากนั้นโลแกนก็ผละมันออกไปแล้วเลื่อนมือข้างนั้นไปลูบไล้บนแกนกลางของร่างกายคนด้านล่างแทน
ลูคัสส่งเสียงครางออกมาอีกระลอกหนึ่ง ถึงเขาจะมองไม่เห็น แต่ก็รู้สึกได้ว่าน้องชายฝาแฝดของเขากำลังยิ้ม
“หน้านายแดงไปหมดแล้ว พี่ชาย มือฉันนี่มันรู้สึกดีขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ยะ… อย่าเรียกฉันว่าพี่นะ” ยิ่งในสถานการณ์แบบนี้ด้วยแล้ว เขารู้สึกหัวใจในอกข้างซ้ายมันเต้นระห่ำแปลกๆ “อะ… โลแกน ดะ… เดี๋ยว”
คนที่อยู่ด้านล่างสะดุ้งตัวอย่างตกใจเมื่อฝ่ามือที่ทาบอยู่บนส่วนกลางของร่างเขาไล้ต่ำลงไปเกลี่ยอยู่แถวๆ บริเวณช่องทางด้านหลัง โลแกนดันปลายนิ้วเข้าไปในนั้นนิดหนึ่งแล้วก็ถอนออก ทำแบบนั้นซ้ำไปมาเพื่อให้ร่างกายของอีกฝ่ายได้ปรับตัว ลูคัสหอบหายใจออกมานิดหนึ่ง
“ทะ… ทำไมนายต้องอยากทำกับฉัน”เขาถามอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะกระตุกตัวอีกเฮือกเมื่อคนด้านบนดันนิ้วเข้ามารวดเดียว ยื่งอยู่ในสภาวะที่มองอะไรไม่เห็นแบบนี้ยิ่งทำให้เจ้าตัวฟุ้งซ่าน ไม่รู้ว่าจะโดนคนตรงหน้าแกล้งอะไรบ้าง ลูคัสเอื้อมมือไปโอบรอบคอีกฝ่ายแน่นขณะเอ่ยปากต่อ “แฮ่ก… นาย… มะ… มีผู้หญิงที่นอนด้วยเยอะไม่ใช่หรือไง… อ๊ะ..!! ทำไม… ไม่เรียกมาสักคนล่ะ”
“หืม ทำไมน่ะเหรอ? ” โลแกนสอดนิ้วเข้าไปอีกนิ้ว ยึดท่อนขาข้างหนึ่งของลูคัสที่เริ่มดิ้นไปมาพาดไว้บนหลัง “ก็ทำกับนายมันสะดวกกว่าไม่ใช่เหรอ อยู่บ้านเดียวกัน นอนเตียงเดียวกัน แถมยังเรียนที่เดียวกันอีก”
“อึก… นายมันไอ้ทุเรศ” ลูคัสกัดฟันกรอดอย่างเจ็บใจ แต่เขาก็ไม่ได้คาดหวังคำตอบอย่างอื่นนอกเหนือไปจากที่เจ้าตัวดีว่ามาสักเท่าไรหรอก
โลแกนยกยิ้มหวาน ถึงจะรู้ว่าลูคัสมองไม่เห็นก็เถอะ คนที่อยู่ด้านบนแหวกนิ้วทั้งสองให้ออกห่างจากกันเพื่อเปิดทางตรงนั้นให้กว้างมากขึ้น ท่อนขาเรียวของคนที่อยู่ข้างล่างสั่นระริกขึ้นมาทันที
“นายอยากได้คำตอบแบบไหนจากฉันล่ะ หืม? ”
“ฉันเกลียดนาย” เจ้าตัวเอ่ยตอบ จิกนิ้วลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่นแน่นขั้น
โซฟาในห้องนั่งเล่น… นี่เขากำลังมีอะไรมีอะไรกับน้องชายตัวเองในห้องนั่งเล่นในบ้านตัวเองเนี่ยนะ… อ่า ถ้าเขาจะขออะไรได้ตอนนี้ ขอให้แม่ที่อยู่บนสวรรค์ยกโทษให้เขาทีเถอะ
ลูคัสเม้มริมฝีปากแน่นขึ้น พยายามกลั้นเสียงไม่ให้หลุดออกจากลำคอเมื่อสัมผัสได้ถึงของแข็งร้อนที่เลื่อนเข้ามาถูไถอยู่บริเวณบั้นท้ายของเขา ชายหนุ่มลืมตัวกลั้นหายใจไปหลายวินาที ประสาทสัมผัสท่อนล่างตื่นตัวราวกับพร้อมที่จะตั้งรับเจ้าท่อนนั้นเมื่อมันสอดเข้ามาในร่างของเขา
หากแม้ลูคัสจะรออยู่ครู่ใหญ่ โลแกนก็ยังไม่ลงมือจัดการขั้นตอนนั้นเสียที ช่วงระยะเวลาทิ้งห่างที่นานจนผิดสังเกตนั่นทำให้ลูคัสเอะใจ เขาเอ่ยปากออกมาเสียงสั่นอย่างไม่แน่ใจนัก
“ละ… โลแกน? ”
“หืม…? ” น้ำเสียงของผู้เป็นน้องลากยาว มันบ่งบอกให้ผู้ฟังรู้ว่าเจ้าตัวกำลังเล่นสนุกอยู่อย่างชัดเจน และนั่นทำให้ลูคัสกัดฟันกรอดอย่างเจ็บใจ
นี่ไอ้หมอนี่กำลังปั่นหัวเขา!? ถึงมันจะทำเรื่องแบบนั้นอยู่เป็นประจำก็เถอะ แต่ในสถานการณ์แบบนี้เนี่ยนะ?
“อะ…! ” ลูคัสสะดุ้งตัวเมื่อนิ้วของโลแกนสอดเข้ามาในตัวเขาอีกรอบ ชายหนุ่มรับรู้ถึงความปรารถนาทางกายของตัวเอง มันค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้นพร้อมๆ กับอุณหภูมิร่างกายของเขา และนิ้วเรียวของคนด้านบนไม่เพียงพอที่จะเติมเต็มความต้องการนั่นได้อีกต่อไปแล้ว
ลูคัสรู้ว่าลมหายใจของเขาสะดุดไปเมื่อร่างกายที่ควบคุมไม่ได้ค่อยๆ ขยับสะโพกเข้ารับจังหวะกับนิ้วที่อยู่ในร่างเขา นี่เขาเสียสติไปแล้วจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย
“แฮ่ก…” ลูคัสหอบหายใจออกมาขณะที่นิ้วของโลแกนที่ซุกซนอยู่ในกายเขาเริ่มเร่งจังหวะมากขึ้น จากนั้นคนด้านบนก็เลื่อนริมฝีปากลงมาประกบจูบอย่างร้อนแรงอีกรอบ ลิ้นหนาตวัดไปรอบๆ โพรงปากนั้นอย่างโหยหา ขยับมืออีกข้างที่ยังว่างอยู่ขึ้นเขี่ยยอดอกของคนที่นอนราบอยู่บนโซฟาอย่างกลั่นแกล้ง ทำเอาลูคัสสะดุ้งอีกเฮือก
“โลแกน…” ชายหนุ่มเรียกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนอยู่ในที “อ่า… อ๊ะ…”
“หืม อะไรเหรอครับ? ” น้อชายตัวดีของเขากระซิบถามที่ข้างหูด้วยน้ำเสียงยียวน “นายไม่พูดแบบนี้ ฉันจะรู้ได้ไงว่านายอยากได้อะไร”
“นายนี่มัน…!! ” ลูคัสกัดฟันกรอดก่อนจะบิดตัวเกร็งอีกรอบเมื่อร่างสูงเพิ่มจำนวนนิ้วเข้ามาในโพรงด้านหลังของเขา สัมผัสวาบหวามชวนให้ละลายนั่นทำให้ความรู้สึกของชายหนุ่มผสมปนเปกันจนแยกไม่ออก ตอนนี้เขาไม่รู้แล้วว่าโลแกนใส่นิ้วเข้ามาด้านในกี่นิ้วกันแน่
จากนั้น คนที่มีรูปร่างผอมบางกว่าอีกฝ่าก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงชัตเตอร์กล้องจากโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ลูคัสอ้าปากค้าง เนื้อตัวสั่นเทาขึ้นทันทีเมื่อรู้ตัวว่าอีกฝ่ายเพิ่งทำอะไรลงไป
“ไอ้โลแกน!!! ”
“อย่าโวยวายไปหน่อยเลยน่า” เจ้าตัวดีผิวปาก “แค่นิดๆ หน่อยๆ เองเป็นที่ระลึกไง”
อยู่ๆ ลูคัสก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าไอ้หมอนี่มันเป็นโรคจิต ชอบถ่ายวิดีโอตอนที่ตัวเองมีเซ็กส์เก็บไว้ดูเล่นยามว่าง ความคิดนั้นทำให้แฝดคนพี่ตัวสั่น
“นะ… นายอย่าบอกนะว่า นายแอบถ่ายวิดีโอ…”
“อ้อ เรื่องนั้น…” สุ้มเสียงเจ้าตัวเริงร่ามากกว่าปกติ “ก็น้า… จริงๆ คราวก่อนที่เรานอนด้วยกันในห้องฉันก็ถ่ายเก็บไว้ด้วย หลังจากนี้ นายอยากดูไหม? ”
“ฉันจะฆ่านาย!!!! ” ลูคัสตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด แต่ในใจจริงๆ แล้วอยากจะร้องไห้ โอ๊ย ตาย… แล้วนี่หมอนี่แอบไปตั้งกล้องไว้ตรงไหน ตอนไหนล่ะเนี่ย คิดผิดจริงๆ ที่ให้หมอนี่ปิดตา…
คิดแบบนั้นแล้วเจ้าตัวก็เอื้อมมือไปจะดึงผ้าที่ผูกปิดตาเขาไว้อยู่ออก แต่โลแกนไวกว่า ชายหนุ่มคว้าหมับเข้าที่ข้อมือของคนด้านล่างไว้อย่างรวดเร็ว
“อ๊ะๆ อย่าเพิ่งสิ ยังไม่เสร็จกิจสักหน่อย จะรีบเอาผ้าออกทำไม”
“ก็นาย…!! ”
“นี่มันเป็นเงื่อนไขของนายเองไม่ใช่เหรอ? ” น้ำเสียงนั้นมีร่องรอยล้อเลียนปนมา มือหนาเอื้อมไปจับร่างของเขาให้นอนคว่ำลง ลูคัสรู้เหมือนตอนนี้ในหัวเขามันสับสนไปหมด ใจหนึ่งเขาก็อยากจะถีบไอ้บ้านี่ออกแล้วหยุดทำเรื่องบ้าๆ นี่ซะ แต่อีกใจหนึ่ง… หรือพูดให้ถูกก็คือ ร่างกายเขานี่สิ มันอยากให้ชายหนุ่มอีกคนสอดร่างเข้ามา เติมเต็มความปรารถนาที่ค้างเติ่งอยู่ตั้งแต่เมื่อครู่
โลแกนยกสะโพกของลูคัสขึ้นมานิดหนึ่ง จากนั้นก็เลื่อนใบหน้าไปซุกลงตรงปากทางเข้าด้านหลังนั้น ตวัดลิ้นร้อนเข้าไปในร่างของเจ้าตัวอย่างซุกซน ลูคัสร้องครางออกมาอีกรอบ ซุกหน้าลงไปโซฟาจากนั้นก็ออกแรงจิกนิ้วอ่างหาที่ระบาย
เขาควรจะหยุด… แต่เขาคิดอะไรไม่ออกแล้วตอนนี้
“ว่าไง ลูคัส? ” โลแกนถามเหมือนหยั่งเชิงขณะละลิ้นออก ปลายนิ้วเลื่อนไปแตะๆ ตรงบริเวณปากโพรงนั้นอย่างจงใจแกล้ง คนด้านล่างสะดุ้งขึ้นมาอีกระลอก “นายยังไม่ได้บอกฉันเลยนะว่าอยากจะให้ทำยังไงต่อ”
“ใครจะไปพูดกัน…” คนปากแข็งว่าพร้อมกับกัดฟันแน่น ก่อนจะต้องครางเสียงหวานออกมาอีกรอบเมื่ออีกฝ่ายแนบลิ้นอุ่นลงมาบนก้นของเขา จากนั้นก็ใช้ฟันขบลงไปเบาๆ
“โอเค งั้นฉันเสนอทางเลือกอีกทางให้นายก็ได้” โลแกนว่ายิ้มๆ เอื้อมมือข้างหนึ่งไปรูดขึ้นลงส่วนอ่อนไหวของคนตรงหน้าอย่างยั่วยวน จากนั้นก็ยื่นข้อเสนอ “ถ้านายไม่อยากพูดออกมาจากปากนาย ทำไมนายไม่ให้ร่างกายนายเป็นคนบอกฉันเองล่ะว่าอยากให้ทำยังไงต่อ? ”
“นายนี่มัน…! ” ลูคัสกัดฟันกรอด ใบหน้าแดงระเรื่อไปทั้งแถบ ลามไปถึงจุดต่างๆ ของร่างกยที่เริ่มแดงเป็นจ้ำๆ ร่างทั้งร่างสั่นสะท้านด้วยแรงอารมณ์ แต่โลแกนไม่ใจอ่อน
“ถ้าทำไม่ได้ก็อย่าหวังเลยว่าฉันจะทำต่อ”
“อึก…!! ” เขาควรจะยินดีในเรื่องนั้น… แต่แน่นอนล่ะว่าร่างกายของเขาไม่
ลูคัสสบถออกมาอย่างหัวเสียในขณะที่โลแกนเพียงแค่ตวัดลิ้นเลียริมฝีปาก รอคนตรงหน้าทำตามที่เขาบอกอย่างอดทน เขารู้ดีว่าตอนนี้ลูคัสกำลังเถียงในใจกับตัวเอง แต่โลแกนรู้ดีว่าฝั่งไหนจะเป็นฝ่ายชนะ
ในที่สุดลูคัสก็ครางออกมานิดหนึ่งอย่างจำยอม ก่อนเจ้าจะเลื่อนมือมาตรงปากทางด้านหลัง ขยับให้ทางเข้าตรงนั้นขยายมากขึ้น นัยน์ตาสีฟ้าคู่คมของโลแกนเหลือบมองไหล่ที่สั่นระริกของคนตรงหน้านิดหนึ่ง รวมถึงใบหูที่แดงไปทั้งแถบนั่นด้วย
เสียงหวานครางออกมาอ่อยๆ เหมือนอยากจะร้องไห้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังค้างมือของตัวเองไว้ตรงนั้นอยู่ดี
“ระ… เร็วๆ สิ โลแกน”
อ่า… พี่ชายของเขานี่มันน่ากินจริงๆ
โลแกนขยับร่างของตัวเองก่อนจะสอดเข้าไปในพื้นที่ตรงนั้น เขาปล่อยให้มันค่อยดูดกลืนร่างของเขาไปอย่างเชื่องช้าในจังหวะแรก หากกระแทกลงไปจนสุดแรงในท้ายที่สุด ลูคัสครางออกมาดังๆ อีกรอบให้เขาได้ยิน มือหนาเลื่อนลงไปลูบไล้บั้นท้ายสีขาวเนียนของเจ้าตัว ก่อนจะขยำแรงๆ อย่างหมั่นเขี้ยว
เขาเห็นเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นเต็มแผ่นหลังที่ยังหลงเหลือรอยฟกช้ำและบาดแผลก่อนหน้านี้ไว้ให้เห็นนิดหนึ่ง ไม่รู้ทำไม แต่นั่นยิ่งทำให้เจ้าตัวเกิดอารมณ์
“อ่า… ข้างนายของนายนี่มันสุดยอดไปเลย พี่ชาย”
“กะ… ก็บอกว่าอย่าเรียกแบบ…”
“ทั้งๆ ที่นายเป็นผู้ชายแท้ๆ ” โลแกนไม่ฟัง เจ้าตัวโน้มหน้าลงใกล้หูของอีกฝ่าย ดันตัวเข้าไปในกายของลูคัสมากขึ้น
“อ๊ะ… อ๊ะ…” ลูคัสเริ่มคิดไม่ออก เขาเผยอริมฝีปากที่โลแกนสอดนิ้วเข้ามาอีกรอบอย่างจำยอม นิ้วเรียวพวกนั้นกระแทกเข้าออกอยู่ในโพรงปากเขา มันเป็นจังหวะเดียวกับที่โลแกนขยับสะโพกกระแทกเข้ามา
“แต่ทำไมถึงได้ตอดได้ดีขนาดนี้กันน้า… นี่มันเยี่ยมกว่าผู้หญิงขายตัวบางคนที่ฉันเคยนอนด้วยซะอีก”
หนวกหู…
ลูคัสลอบคิดอย่างเจ็บใจ ทำไมเขาจะต้องโดนอีกฝ่ายทำเรื่องแบบนี้ไปพร้อมๆ กับโดนดูถูกกลายๆ ไปแบบนี้ด้วย?
พอคิดแบบนั้น เจ้าตัวก็เผลอออกแรงกัดที่นิ้วของโลแกนอย่างรุนแรง โลแกนอุทานออกมาเบาๆ อย่างตกใจ หากเจ้าตัวก็ไม่ดึงนิ้วพวกนั้นออก
ไอ้บ้าเอ๊ย… ลูคัสลอบคิด จากที่ไม่ได้ตั้งใจในตอนแรก ตอนนี้เริ่มออกแรงกัดนิ้วของแฝดตัวเองอย่างจริงจัง ประมาณว่าถ้ามันขาดคาปากเขาไปได้เลยยิ่งดี
โลแกนไม่พูดว่าอะไรสักคำ เจ้าตัวเพียงแค่ยกยิ้มอย่างพึงพอใจจากนั้นก็ออกแรงกระแทกเข้าไปในร่างของลูคัสมากขึ้น
“อื้อ…” ลูคัสได้แต่ครางอึกอักในลำคอเพราะคนด้านหลังยังไม่ยอมเอานิ้วของตัวเองออกไปเสียที
เขารู้สึกได้ว่าที่หางตาของเรารื้นขึ้น ชายหนุ่มเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันเป็นเพราะความเจ็บ ความอาย หรือว่าความเสียวซ่านที่เขากำลังสัมผัสอยู่ หรือบางทีมันอาจจะเป็นเพราะทุกอย่างที่ว่ามาผสมกัน
โลแกนยอมดึงนิ้วของตัวเองออกในที่สุด พิจารณารอยฟันและห้อเลือดที่เกิดขึ้นนิดหนึ่ง จากนั้นก็กระแทกร่างลงไปอีกครั้งแรงๆ เรียกเสียงครางจากลูคัสได้อีกระลอก
ให้ตายสิ… หมอนี่มันน่าแกล้งจริงๆ
“นายนี่… ร่านจริงๆ เลยนะ ลูคัส เปิดทางให้ผู้ชายทำกับนายถึงขนาดนี้”
“มะ… ไม่! ”
“ไม่เหรอ” โลแกนยกยิ้ม รู้สึกถึงความปรารถนาที่ค่อยๆ ไต่ขึ้นจุดสูงสุดเหมือนกัน “แต่ครั้งแรกที่นายนอนกับฉัน นายก็เป็นคนอ้าขาให้ฉันเองนะ”
“นะ… นั่นมัน…!! ”
“เลิกทำปากแข็งแล้วก็ยอมรับมาซะดีกว่าน่า” ชายหนุ่มหย่อนระเบิด จากนั้นก็รวบข้อมือของคนข้างหน้าขึ้นมาทั้งสองข้าง ดึงร่างของอีกฝ่ายเข้ามากระแทกเป็นครั้งสุดท้าย
อ่า… ให้ตาย มีเซ็กส์กับหมอนี่นี่มันสนุกจริงๆ ด้วยสิ