***นี่เป็นนิยายเขียนสด ไม่มีกรองสติใดๆ แม้แต่คำผิด (ขอโทษมา ณ ที่นี้) เขียนด้วยฟิลลิ่งเมื่อองค์แม่ลงประทับจับมงสวมหัวเท่านั้น***
ตุ๊ดอัพเกรด
Version 3.1 Complete
" พระเอก... "
ในคอมเม้นท์นี่ตื่นอะไรกันเหรอครับ ฮ่าๆ ชื่นใจจริงๆ เล้ยเห็นกองหนุนเยอะเนี่ย งั้นขอมีแฮชแท็กเป็นของตัวเองเลยแล้วกัน ฮ่าๆ #ทีมคนมีเวลา
.
ออกมาจากบ้านเฮียก็นานแล้วผมยังหุบยิ้มไม่ได้เลยอ่ะ ตอนนี้ขับจนมาถึงบ้านแล้วเนี่ย ผมถอยเปอร์เช่น้องสาวคนสวยขนาบข้างกับเฟอร์รารี่ 458 หรืออีกชื่อที่ผมเรียกเองคนเดียวว่าพี่ชาย ที่จอดหน้าบุบไปข้างหนึ่งรอเคลมประกัน
เฮ้อ พอเห็นรถแล้วมันอดนึกถึง
เรื่องนั้น ไม่ได้ ให้ตายเหอะ
ผมก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าทำไมผมถึงทำมันลงไปได้นะ..
ทันทีที่เดินเข้าบ้านมาผมส่งยิ้มให้พี่อ้อมที่เดินเอาสลิปเปอร์มาวางรอกับคนดูแลบ้านและบอดี้การ์ดในชุดสูทดำอีกสี่ห้าคนที่มายืนรอต้อนรับผมอยู่ตรงประตูหน้าพร้อมกับรับของจากมือผม
"อ่ะ อันนี้ซื้อมาฝากทุกคนนะ" ผมส่งให้คนดูแลคนหนึ่งแล้วหันหน้าไปพูดกับพี่อ้อม "พี่อ้อมครับ กล่องนี้ไทม์ฝากให้โมโม่นะครับ"
พี่อ้อมยิ้มก่อนจะรับของจากมือผมไป "โอ้ยขอบคุณมากค่ะคุณไทม์ ที่หลังไม่ต้องนะคะ พี่อ้อมเกรงใจ"
"เกรงใจไรครับพี่ ผมแวะกินร้านนี้พอดี กินไม่หมดด้วยเนี่ย ไหนๆ ก็ถือกลับมาแล้วเลยซื้อเพิ่มมาด้วยแค่นั้นเอง"
จริงๆ อันที่กินไม่หมดผมก็ทิ้งไว้ที่ร้านนั่นแหละ ใครจะเอาของเหลือมาให้คนอื่นกินต่อกันล่ะ ที่พูดไปผมก็แค่อ้างไปงั้นแหละ
พี่อ้อมรับน้ำใจจากผมก่อนจะบอกว่าคุณแม่รออยู่ข้างบน
อีกแล้วเหรอ ผมพาเฮียมาหาคุณแม่ทีไร คุณแม่ต้องเรียกไปคุยหลังจากที่เฮียกลับไปแล้วตลอดเลย
"ไทม์ เป็นไงบ้างลูก"
"แน่ใจเหรอว่าคุณแม่อยากถามแบบนี้กับผมจริงๆ อ่ะ ฮ่าๆๆ"
แม่มองค้อนผมที่เป็นฝ่ายรู้ทัน ก่อนจะปรับหน้าใหม่หลังจากที่แอบมองเหวี่ยงผมไปแล้วหนนึง
"วันนี้ไทม์บอกพีทไปรึยังลูก"
ผมส่ายหน้ายิ้มๆ ใบหน้าที่คาดหวังของคุณแม่เหี่ยวลงทันใด
"แม่กลัวลูกจะกลับไปผิดหวังแบบเดิม แม่ไม่อยากเห็นลูกเป็นแบบนั้นอีกนะไทม์"
ผมอมยิ้ม "ไม่แล้วน่า ตอนนี้ผมโตแล้วนะครับ แค่ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลา"
"จ้ะ งั้นแม่ไปนอนก่อนนะ"
พอพูดจบคุณแม่เดินฉิวออกจากห้องผมโดยไม่รอให้ผมเปิดปากพูดอะไรต่อเลยซักคำ เห้อ ผมยิ้มค้างมองบานประตูที่คุณแม่เพิ่งปิดไปเมื่อกี้ก่อนจะหันกลับมาสนใจไดอารี่ที่เปิดอ้ารอจรดปากกาจดบันทึก
อืม... วันนี้จะเขียนอะไรลงไปดีนะ
สวัสดีครับ ผม ไทม์ ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้งว่า
'ผมเป็นพระเอกของเรื่องนี้ครับ'
อย่างที่ทราบกันดี พวกคุณๆ ทั้งหลายคงรู้อยู่แล้วว่านางเอก... ไม่สิ ไม่ใช่ผู้หญิงนี่หว่า เอาเป็นว่าทุกคนคงรู้กันดีอยู่แล้วว่าผมหมายถึงใคร
พระเอกในอุดมคติของคนส่วนใหญ่เป็นยังไงบ้างครับ หล่อ รวย นิสัยดี ครอบครัวดี มีอำนาจ เรียนเก่ง กีฬาดี กิจกรรมเลิศ หรือเป็นที่รักของทุกคน?
ถึงผมอาจจะไม่เป็นแบบนั้นทั้งหมด งั้นอย่างผมเนี่ย พอจะเป็นพระเอกกับเค้าได้มั้ย
คนนั้นจะยอมให้ผมเป็นพระเอกของเค้าได้รึเปล่า
"เห้อ.."
ผมถอนหายใจขณะกำลังขับน้องสาวอยู่ ซึ่งคนข้างๆ กำลังตั้งหน้าตั้งตาดูดน้ำเต้าหู้ดูซีรีส์อย่างจริงจังมากซะจนไม่ได้สนใจเสียงถอนหายใจของผม
จะว่าไปแล้วเขาก็ไม่สนใจแม้แต่ผม ที่อยู่ข้างๆ แอบชอบเขามาตลอดตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน..
ตอนแรกมันก็ยังเรียกว่าชอบไม่ได้หรอก เรียกได้ว่า 'น่าสนใจ' มากกว่า
.
พอนึกถึงเรื่องนี้แล้วผมอดยิ้มไม่ได้จริงๆ ว่ะ ก็วันนั้นอ่ะ ผมเห..
"ไบโพล่าร์กำเริบอีกแล้วเหรอ เดี๋ยวถอนหายใจเดี๋ยวยิ้ม"
เอ้ย เฮียเห็นผมยิ้มได้ไงทั้งที่ตาเค้ากำลังก้มดูซีรีส์ในมือถืออยู่ แกเห็นทั้งๆ ที่ไม่ได้เหลือบมามองผมได้ไงเนี่ย ชักจะเมพเกินไปแล้วนะ
"เห็นด้วยเหรอ"
ผมถามอย่างที่คิดจริงๆ ตุ๊กตาหน้ารถผมกดสต๊อปซีรี่ส์ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกแล้วเหล่มามองผม
"ก็แกทำแบบนี้วนสามรอบไปกลับกรุงเทพเชียวงใหม่ได้ละมั้ง ฉันจะไม่เห็นได้ไง"
อ่าวเหรอ ... ไม่รู้ตัวเลยนะเนี่ย ผมรู้แค่คิดวนไปวนมา เดี๋ยวก็ไม่แน่ใจ เดี๋ยวก็มีความสุข ซักพักก็กังวลตามประสา
คุณเคยแอบชอบคนใกล้ตัวกันบ้างมั้ยล่ะครับ
แล้วคุณสบสน กังวลใจแบบที่ผมกำลังเป็นอยู่รึเปล่ามันมีความสุขที่ได้อยู่ตรงนี้ เหมือนแค่นี้ก็มันก็น่าจะพอ..
แต่ผมไม่เคยเอาชนะความโลภของตัวเองได้เลยซักครั้ง"ก็เปล่า..ผมแค่กำลัง..มีความสุข"
พูดจบเฮียก็เงียบเหมือนรอให้ผมพูดต่อ ... แต่ไม่มีไรจะพูดละอ่ะ ความสุขผมแมร่งก็นั่งอยู่นี่แล้วไง ฮ่าๆๆๆๆ
อีกคนที่ไม่ได้สนใจอะไรกับคำพูดเพ้อเจอกับผมก้มหน้าดูซีรีส์ต่อจนกระทั่งผมจอดรถส่งเฮียลงแถวหน้าตึก
"เย็นนี้เฮียไปไหนปะ"
"ไม่อ่ะ มีไร"
"เปล่าๆ จะชวนไปร้านพี่เตี้ยอ่ะ"
"อ่อ เออไปดิ"
"งั้นเดี๋ยวมารับเย็นๆ นะ"
เฮียพยักหน้ารับก่อนลงจากรถไป ผมขับวนออกผ่านหน้าหอสมุดสวนกับเจ้าของ 'ต้นไม้' ที่กำลังเดินอยู่ริมฟุตบาท ผมชะลอรถเปิดกระจกทักเขายิ้มๆ
"สวัสดีครับพี่แซม กำลังจะไปไหน ให้ผมไปส่งมั้ย"
อีกคนที่กำลังเดินอยู่พลันชะงักขาไปก่อนจะก้มลงมามองผ่านช่องประจกที่ผมเปิด
หืม.. แค่สบตากันไม่เห็นต้องสตั้นไปขนาดนี้ก็ได้นี่ครับ หึหึ
พี่แซมชะงักนิ่งหน้าถอดสีไปตอนเห็นหน้าผม เขากลืนน้ำลายก่อนจะตอบ "เอ่อ.. ไม่เป็นไรพี่ไปก่อนนะ" พอพูดจบพี่แซมหันหน้ากลับกำลังจะเดินหนี
"เดี๋ยวครับพี่"
"..."
"มอไซค์พี่เป็นไงบ้างอ่ะ"
พี่แซมขมวดคิ้วเก็บอารมณ์ไม่พอใจเอาไว้ให้ลุกที่สุด เพราะพี่เค้ารู้ดีว่าไม่ควร .. เล่นกับผม
"อยู่ที่ศูนย์"
.
"ก็ดีครับ" ผมแสยะยิ้ม
"..."
"อย่าให้ผมรู้นะ ว่าพี่คิดจะทำอะไรไม่ดีกับเฮียพีทอีก""..."
"เพราะคราวหน้า ผมไม่ชนแค่มอไซค์แน่ๆ"
และรอยยิ้มนั่น เป็นรอยยิ้มที่ทุกคนอาจจะไม่เชื่อเลยว่านี่เป็นรอยยิ้มของพระเอกจริงๆ..
กำลังสงสัยกันใช่มั้ย?
ครับ เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังเดี๋ยวนี้แหละ
คือเมื่อวานก่อนนู้นน่ะ วันที่ผมไปรับเฮียที่ตึกเรียนรวม ผมเดินกำลังจะเอาเอกสารไปเก็บที่รถของอาจารย์ตามปกติแต่บังเอิญไปได้ยินอะไรดีๆ เข้าให้
.
.
"พีท ซอร์ฟแวร์ปีสาม" คนพูดประโยคนี้หันหลัง ผมไม่ทันเห็นหน้ามัน ถึงแผ่นหลังเชี่ยนี่จะคุ้นมากก็เหอะ
"รอบนี้ผู้ชายเลยเหรอวะ เกย์ยังพอว่า" อีกคนที่ตอบกลับมาคือพี่แซม คนที่ผมเพิ่งเล่นไป
"กูขนลุกเลยสัส""มึงก็แค่หลับตา ตำๆ ไปให้เสร็จไม่เห็นยาก เผลอๆ กูว่าฟิตกว่าเดือนตัวรับที่มึงไปฟันหรือดาวทุกคณะที่มึงไปสอยมาอีกมั้งพี่แซม""กูไม่ไหวอ่ะ ถึงไอ้พีทมันจะหน้าตาดีก็เหอะ แต่มันผู้ชายนะเว้ย ไม่น่าเป็นไปได้ ไหนจะไอ้ไทม์ลูกชายมา...""สามเท่า""...""กูว่าคนนี้ ..ไม่น่ายากเกินความสามารถมึงเท่าไหร่หรอก ..ง่ายๆ "ผมกำมัดทันทีที่ได้ยินไอ้เชี่ยนั่นพูดออกมาแบบนี้
(ง่ายเชี่ยไรล่ะ! กูเฝ้าของกูมาตั้งนาน กูยังไม่ได้เลย!!)"มึงแน่ใจเหรอว่าถ้ากูเข้าไปจีบเค้าแล้วแมร่งจะไม่ไล่กระทืบกูอ่ะ""ฮ่าๆ ท้าทายความสามารถมึงไง ถ้ามึงได้ไอ้นี่นะ นอกจากสามเท่า หนี้โต๊ะบอล ซีบีอาร์มึงกูเดี๋ยวกูจ่ายที่เหลือให้ด้วย"อีกคนที่ผมไม่รู้จักพูดแทรกขึ้นมา
"จริงดิเห้ย งั้นกูเอาด้วยคนได้ปะ" "เออ เอาดิ พวกมึงถ้าใครได้มันก่อนก็มาเอาตังค์ที่กูได้เลย"ทั้งหมดที่ผมได้ยินมีอยู่แค่นี้ พวกมันคุยกันจบก็แยกย้ายไปคนละทิศทาง ผมมองตามพี่แซมที่เดินด้วยท่าทางสบายจิตสบายใจสุดๆ วาดขาขึ้นคร่อมรถซีบีอาร์สีดำสตอาร์ทแล้วบิดออกไป ส่วนไอ้ตัวปัญหาอีกสองคนเดินแยกกันไปอีกทาง ผมหันกลับไปดูก็คลาดสายตาไปซะแล้ว
ตอนนี้ผมกำลังสงสัยอยู่ว่ามันทำไปทำไม? แล้วทำไปเพื่ออะไร? อะไรคือจุดประสงค์ของไอ้ตัวบงการนั่น
แต่ทั้งหมดอาจจะเป็นแค่เรื่องขำๆ เล่นๆ กันเฉยๆก็ได้ ผมพยายามมองในแง่ดีจนกระทั่งเมื่อวานตอนที่พี่แซมมาขอเบอร์เฮียพีท ทำให้ผมรู้ทันทีว่ามันไม่ได้จบแค่การคุยกันเล่นๆ อย่างที่ผมคิดไว้ตอนแรก
เช้าวันต่อมาหลังจากส่งเฮียเสร็จผมกำลังจะกลับไปเอาของที่บ้านเลยออกเส้นหลังมหาลัยเลี้ยวขวาเข้าซอยเล็กๆ เพื่อจะออกไปเส้นหาดวอน ซึ่งถนนเส้นนี้มันจะเปลี่ยวอยู่บางช่วง ผมบังเอิญเจอซีบีอาร์สีดำจอดอยู่ข้างทางแถวซอยหลังม. พอดี ความประจวบเหมาะจนเหมือนเทวดาเข้าข้าง ผมเห็นหลังเจ้าของรถอยู่ไหวๆ น่าจะเดินไปยิงกระต่ายแถวโครงการคอนโดติดทะเลที่ยังสร้างไม่เสร็จ
ผมจ้องทะเบียนจนแน่ใจว่าใช่คันเดียวกับเมื่อวานก่อนที่ผมเห็น
อันที่จริงแล้วผมเป็นคนที่รักรถมากนะ รักแบบฝุ่นเกาะนิดเดียวก็ต้องรีบเช็ด เลอะอะไรหน่อยก็รีบล้าง เครื่องก็เช็คทุกสามเดือนไม่เคยขาด
แต่ก่อนที่ผมจะคิดถึงผลลัพท์ของการกระทำ สัมผัสของทั้งมือและเท้าผมไปไวยิ่งกว่าความคิด ผมหักพวงมาลัยเหยียบคันเร่งอัดซีบีอาร์จนทั้งรถผมและ(ซาก)ซีบีอาร์ไปคาอยู่ตรงโคนต้นไม้ต้นใหญ่
ไม่รู้พราะอะไรผมถึงตัดสินใจ ทำอะไรลงไปแบบนี้..
หรืออาจจะเพราะว่า ใครบางคนมีค่ามากจนผมอยากใช้ทุกอย่างรักษาเขาไว้เจ้าของรถพอเดินกลับมาเห็นเข่าอ่อนจนเกือบล้ม ผมเดินลงจากรถไปหาคนที่ยืนหน้าซีดมองรถตัวเองน้ำตาแทบไหล เขารวบรวมแรงที่ยกหมัดเตรียมจะต่อยผมเต็มที่
ด้วยเรี่ยวแรงที่หายไปทำให้ผมจับข้อมือพลิกไปไขว้หลังได้ง่ายๆ ผมยื่นหน้าไปกระซิบเสียงเย็น
"ผมรู้นะพี่แซมคิดจะทำไรกับเฮียผม"
"!!!"
"พี่ตั้งใจจะทำอะไรครับ " ผมยื่นหน้าไปกระซิบใกล้กว่าเดิม "..หืม"
"มึงพูดเชี่ยอะไร กูไม่รู้เรื่อง!"
"แน่ใจเหรอครับ.. ให้ผมเอาเรื่องนี้ไปคุยกับพี่เตี้ยมั้ยล่ะ.."
พี่แซมเริ่มเลิ่กลั่ก หึหึ
พี่เตี้ย ชื่อนี้ดูมีพลังอำนาจบางอย่างพอดูในแถบนี้เลยแฮะ
"มะ..มึงจะเอาอะไรไปพูด"
หลอกถามกันแบบนี้ คงกำลังคิดสินะว่าผมโกหกว่าได้ยินอะไรมา
"พี่อยากรู้เหรอครับ ว่าผมรู้อะไรมา" ผมเว้นช่วง แล้วพูดต่อช้าๆ ชัด "สามเท่า แลกกับทำอะไร..เฮียพีท"
"กูจะทำอะไรมันก็ไม่เกี่ยวกับมึง!"
"งั้นผมจะทำอะไรพี่ มันก็เรื่องของผม ถูกมั้ย?" ผมยิ้มมุมปากก่อนจะดัดแขนขึ้น พี่แซมยกแขนที่เหลืออยู่อีกข้างสู้จะมาล็อคคอผมแต่จับไม่ถึง ผมเลยยิ่งดัดแขนสูงขึ้นอีก
"โอ้ย!!! ปล่อยกูนะเว้ย"
"จะทำเรื่องหมาๆ ทั้งทีก็ยอมรับแบบผู้ชายสิครับพี่" ผมยื่นประกระซิบเสียงเบาอีกหน "..ผมไม่ลากพี่ไปกระทืบในโครงการก็ดีแค่ไหนแล้ว"
น้ำเสียงกับคำพูดนั้นคนฟังถึงกับกลืนน้ำลายยืนนิ่งไปชั่วขณะ นิ่งไปแบบนี้ พี่แกคงรู้สินะว่าผมทำจริงแน่ๆ
แล้วที่สำคัญ ..ถ้ามีเรื่องกับผม ไม่ย้ายจังหวัดหนี ก็คงไม่รอดหรอก..
"มะ ไม่ใช่อย่างนั้นนะ! คือมัน.."
"มัน..มันชื่ออะไรเหรอครับ" ผมกระซิบเสียงเบาใกล้หูพี่แซม น้ำเสียงนั่นเรียบเฉยแต่คนฟังรู้สึกเหมือนโดนมีดเย็นที่จ่ออยู่ตรงคอ
"..."
"ถ้าพี่ยอมบอกมาดีๆ.. พี่จะซ่อม หรือจะถอยคันใหม่ ผมช่วยพี่ได้นะครับ"
รอยยิ้มร้ายปรากฎบนใบหน้าของผมอีกครั้งหลังจากที่มันเคยห่างหายไปนานแค่ไหนผมเองก็ยังจำไม่ได้ด้วยซ้ำ
พระเอกในอุดมคติเหรอ .. ผมยังพอจะเป็นได้อยู่มั้ยล่ะเนี่ย เพราะพี่แซมคนเดียวเลยนะที่ทำให้ผมดีแตกเนี่ย..
แต่ถึงอย่างนั้น ปากพี่แซมนี่ก็ง้างยากกว่าที่ผมคิดซะอีก เขาตกลงแค่จะไม่เอาเรื่อง เรื่องที่ผมขับรถเหยียบมอเตอร์ไซค์เค้า พร้อมกับจะรามือเรื่องเฮีย
อืม.. ได้ยินแบบนั้นแล้วผมก็สบายใจ
แต่ที่ไม่สบายใจก็คงจะเป็นรถตัวเองนี่แหละ ขับยังไม่ทันจะถอยจอดเข้าโรงรถ การ์ดที่ยืนอยู่หน้าประตูบ้านรีบวิ่งกรูกันเข้ามาดูความเรียบร้อยของผมจนเป็นเรื่องไปถึงหูคุณแม่ ..ต่อจากนั้นก็เป็นอย่างที่ทุกคนเห็นไปในตอนที่แล้วนั่นแหละครับ
นี่ดีนะยังไม่ถึงหูพ่อ ดีแล้วล่ะ.. ดีมากๆ เลยด้วย
กลับมาที่เหตุการณ์ปัจจุบันอีกครั้ง หลังจากที่ผมเรียนแล้วแยกกับพวกเพื่อนขับรถกำลังจะไปรับเฮีย เสียงท่อเครื่องสี่สูบดังเข้ามาภายในห้องโดยสารรถผมเรื่อยๆ กระทั่ง Kawasaki สีน้ำเงินวิ่งฉิวแซงหน้าผมไป ผมไม่ได้สนใจอะไรขับเข้าไปจอดรอแถวหน้าตึกที่เดิม
จอดรออยู่นานแล้วยังไม่เห็นวี่แววคนที่ผมมารอรับ ผมก้มดูนาฬิกาอีกทีสลับกับภาพตารางเรียนเฮียในมือถือ ก็น่าจะเลิกแล้วนี่หว่า ทำไมยังไม่มา
นั่นไง มาละ ตายยากจริงๆ
ผมมองไปยังหน้าตึกเห็นเงาเฮียพีทกำลังเดินลงมาก่อนจะชะงักหยุดเดินซะเฉยๆ ผมมองตามสายตาของเฮียไปหยุดอยู่ที่ Kawasaki Z900 สีน้ำเงินครามคนหนึ่ง เจ้าของรถก้าวลงจากรถเอาขาตั้งลงก่อนจะถอดหมวกกันน๊อกออก
.
.
!!!
เห้ย
..
มันมาโผล่ที่นี่ได้ยังไง..
หัวใจผมเต้นแรงจนแทบจะกระเด็นออกจากอกทันทีที่เห็นหน้าไอ้เชี่ยนั่นลางๆ ... เออ แค่เห็นลางๆ ก็จำได้แล้ว
จำหน้ามันได้ชัดกว่าหน้าตัวเองในกระจกซะอีกแล้วหัวใจผมที่สั่นระทึกอยู่แล้วแทบหยุดหัวใจ
ไอ้เชี่ยนั่น..
..
มันกำลังเดินตรงไปหาเฮียพีท
!!!!!!!!
TBC
----------------------------
หว่ายยยยปร๊ะเอกก

ใกล้ละมึงใกล้เปิดวอร์ชิงกระเทยกันล๊าววววว
