➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑แจ้งข่าวตีพิมพ์หน้า 19 ค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑แจ้งข่าวตีพิมพ์หน้า 19 ค่ะ  (อ่าน 124499 ครั้ง)

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
เจอสำนวนแบบนี้ทีไร ติดตามทูกที

ออฟไลน์ แยมส้มขมคอ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-2

8 – แววตา





นานครั้งเป็นไทจะสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกในห้องที่เขาไม่เคยปิดโคมไฟเหนือหัวเตียง หัวใจสั่นระรัว หายใจหอบถี่เหมือนเพิ่งวิ่งหนีจากอะไรบางอย่าง ใช่ ไม่ผิดนัก เพราะทุกครั้งที่เป็นแบบนี้ คือทุกครั้งที่เขาเพิ่งวิ่งหนีจากฝันร้าย และก็ไม่มีฝันใดจะร้ายเท่าอดีตที่ตามมาหลอกหลอนอีกแล้ว

เป็นไทเห็นแววตาคู่เดิมในความฝัน แววตาว่างเปล่าของพ่อที่หมดธุระทั้งกับเขาและแม่ แววตาที่ทำให้เขารู้สึกเจ็บแสบยิ่งกว่าการถูกผรุสวาทด่าทอว่าไร้ค่า ไม่เข้าใจว่าทำไมเรื่องนี้ถึงตามกลับมาหลอกหลอนเขาบ่อยครั้ง ไม่เข้าใจว่าทำไมมันดูฝังลึกยิ่งกว่ารอยแผลเป็นบางรอยบนแผ่นหลัง แต่สุดท้ายเป็นไทก็ไม่คิดจะใคร่ครวญให้กระจ่าง เขาก็แค่อยากจะลืมและได้แต่หวังว่าจะไม่ฝันถึงมันอีก

ทุกคืนที่สะดุ้งตื่นเพราะฝันร้าย เป็นไทจะลุกไปเปิดไฟนีออนให้ส่องสว่าง ขับไล่ความมืดทุกซอกทุกมุม จุดบุหรี่สูบ หาอะไรทำให้ลืมเลือน เล่นเกม ดูหนัง กระทั่งนั่งแก้โจทย์เลข จนง่วงเขาก็จะกลับไปล้มตัวลงนอน ข่มตาให้หลับโดยที่เปิดไฟทิ้งไว้อย่างนั้นทั้งคืน

ตื่นมาในเช้าวันเสาร์ เป็นไทรู้สึกหลับไม่เต็มอิ่ม อันที่จริงไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าตนเองหลับหรือเปล่า ไม่แน่ใจว่าเป็นฝันหรือตะกอนของความทรงจำที่ทำงานให้ราตรีผ่าน กระนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้และไม่อยากจำนัก ลุกจากเตียงไปปิดไฟ เดินเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตามองตัวเองในกระจกแล้วรู้สึกว่าสภาพดูไม่ได้สักเท่าไหร่ ผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงนั่นก็ด้วย

ก่อนเที่ยงวันนั้นเป็นไทจึงออกไปตัดผมที่ร้านประจำแถวบ้าน ลังเลอยู่ไม่นานก็เลือกรองทรงต่ำธรรมดา ด้วยเขาก็ไม่ได้สำอางชอบเซทผมนัก เปิดข้างที่เคยตัดก็เพราะเพื่อนบอกว่าจะได้เหมือนกัน คิดๆ ดูแล้วเขาเองก็ไม่ค่อยมีอะไรที่ชอบเป็นพิเศษ ส่วนใหญ่ก็ได้อิทธิพลมาจากเพื่อนทั้งนั้น

เป็นไทกลับบ้านมาในตอนบ่าย ตรงกับที่เมอเซเดสเบนซ์สีงาช้างจะมารับเขาที่บ้าน ทั้งที่เคยบอกไปว่าเกรงใจแต่คุณเกษราก็บอกไม่เป็นไร แล้วเขาจะขัดอะไรได้นอกจากเปิดประตูรถเข้าไปนั่งเงียบๆ จนกว่าจะถึงบ้านที่เต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่หลังนั้น

ในซุ้มไม้ที่โอบล้อมไว้ด้วยม่านบาหลี รากเริ่มยาวและเปลี่ยนเป็นสีเหลือง แหวกม่านเข้าไปก็พบเด็กหนุ่มที่คุ้นตานั่งอยู่ ยิ้มบางเบาถูกส่งมาให้ ใจเย็นยิ้มให้แบบนี้เสมอ แต่เป็นไทก็ไม่เคยยิ้มตอบ เขาแค่เตรียมรับมือความกวนประสาทหน้าตายนั่นอยู่ในใจ เตรียมฟังคำทักทายที่ไม่เคยเป็นคำว่าสวัสดี ไม่เคยยกมือไหว้ เพราะใจเย็นจะถามว่ากินไอศกรีมไหม ไม่ก็จะพูดถึงดอกไม้ในแจกันโง่ๆ นั่น วันนี้เป็นดอกไม้สีชมพูอมขาว หน้าตาดูอยู่ในตระกูลกล้วยไม้ และเป็นไทไม่รู้ชื่อ

“เป็นไทตัดผมมาเหรอ”

แต่สิ่งที่คิดไว้ก็ผิดถนัดเมื่อถูกถามถึงรูปลักษณ์ของเขาเอง เป็นไทเพียงพยักหน้า นั่งลงข้างๆ เหมือนทุกทีเพราะสะดวกในการสอน และตอนที่เปิดกระเป๋าหยิบชีท ก็รู้สึกได้ว่ามือของใจเย็นจับเข้ามาที่เส้นผมของเขา

“ชอบตอนผมหน้ายาวกว่านี้อะ”

“ปีนเกลียว” แทบไม่ต้องพิจารณาอะไร เป็นไทด่าออกไปพร้อมกับดึงมือของใจเย็นวางลงบนโต๊ะ แรงแบบที่เรียกได้ว่ากระแทก ให้ใจเย็นชะงักเงียบ เหมือนทุกสรรพเสียงเงียบหายไปชั่วครู่แม้แต่เสียงน้ำตก ก่อนจะกลับคืนปกติเมื่อใจเย็นเอ่ยถาม

“ไม่ชอบให้แตะตัวเหรอครับ”

“ใครเขาเล่นหัวรุ่นพี่วะ”

เป็นไทบอกเหตุผลที่ทำให้ตนหงุดหงิด อันที่จริงเขาก็ไม่ได้ถืออาวุโสอะไรนัก แค่ไม่ชอบความถือวิสาสะของใจเย็น และก็ไม่ชอบแววตาเรียบนิ่งนั่นด้วย หลายครั้งดูเป็นภัยต่อความส่วนตัวของห้วงคิด หลายครั้งเดาอารมณ์ไม่ออก ครั้งนี้ก็เหมือนกัน

“ขอโทษครับ”

และไม่รู้ทำไมเขารู้สึกผิดคาดที่ใจเย็นเอ่ยคำนั้น เรียบง่าย ดูเต็มความรู้สึก ไม่ใช่ต่อล้อต่อเถียงกวนประสาท แต่เอาเถอะ เป็นไทคิด เขารู้สึกว่าเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว จนกระทั่งเริ่มสอนไปได้สักพักนั่นแหละ เป็นไทถึงรับรู้ได้ว่ามันมีอะไรตกค้าง

“มึงจะมองอะไรกูนักหนา” เขาหันไปถาม สบตาตรงๆ ทั้งที่ก็ไม่ชอบสบตากับใจเย็นเท่าไหร่นัก

“ผมแค่คิดว่าแล้วต้องเป็นใครถึงจะจับผมของเป็นไทได้” คำเฉลยทำให้เขาขมวดคิ้ว “ต้องแก่กว่าเหรอ”

“คงใช่” เป็นไทตอบส่งๆ ให้ได้ยินเสียงรับ ‘งั้นเหรอ’ ของใจเย็น คิดว่าอีกฝ่ายก็คงไม่ใส่ใจอะไรนัก แต่ก็อีกแล้วที่ผิดคาด

“งั้นผมก็ไม่มีสิทธิ์เลยดิ”

“จะอยากได้สิทธิ์ไปทำไม”

“ไม่รู้สิครับ”

ตอบเสียงเรียบ หน้าตาย ให้ไม่เข้าใจว่าคิดอะไรอยู่กันแน่ แต่เป็นไทก็คร้านจะต่อความในเมื่อใจเย็นเลิกจ้องเขาให้รำคาญแล้ว ไม่สิ ไม่ใช่แค่เลิกจ้อง แต่ขอตัวไปหยิบไอศกรีมมากินเป็นการพักเบรกโดยผู้เรียนเองหน้าตาเฉย

ตอนที่รสไอศกรีมหวานซ่านในปาก ต่อให้เป็นไทไม่อยากวิเคราะห์ความคิดคนข้างๆ แต่มันก็อดไม่ได้ เพราะใจเย็นมักจะเงียบในเวลานี้ ปล่อยให้สรรพเสียงจากสวนดอกไม้และน้ำตกดังเป็นฉากหลัง เสียงความคิดดังเป็นฉากหน้า หากสุดท้ายเป็นไทก็ไม่เข้าใจอะไรใจเย็นเลย ปากจึงเอ่ยชวนคุยไม่ให้ความเงียบงันปั่นหัว

“วันนี้ไม่พูดถึงดอกไม้หรือไง” และหัวข้อก็ถูกหยิบยกมาง่ายๆ จากสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

“อยากรู้เหรอครับ”

“เปล่า ก็ปกติเห็นพูดถึง”

ตอนนั้นเองที่เห็นใจเย็นยิ้มบางเบา “วันนี้เป็นดอกซิมบีเดียมครับ”

ใจเย็นเอ่ยเสริมว่าเป็นกล้วยไม้ ดอกที่เห็นเป็นลูกผสม ซึ่งเป็นไทก็แค่ฟัง ไม่ตอบรับอะไร ตักไอศกรีมเข้าปากพลางคิดว่าคุณเกษราน่าจะชอบดอกไม้ ใจเย็นถึงได้รู้เรื่องเยอะแยะเต็มไปหมด

“ชอบเหรอครับ” พลันก็ถูกถามขัดความคิด

“ดอกไม้อะนะ”

“ครับ ดอกซิมบีเดียม”

“ไม่อะ ถามเฉยๆ”

“แต่ปกติไม่เคยถามนี่ครับ”

อีกแล้ว เป็นไทเริ่มรู้สึกถึงการต่อล้อต่อเถียงวกวนซับซ้อน เขาจึงรีบตัดบทไปง่ายๆ

“เออๆ สวยดี”

ตอบไปพอดีกับที่ไอศกรีมคำสุดท้ายหมดถ้วย ให้เขาตัดบทกลับเข้าการสอนได้สักที รู้สึกชอบทำงานขึ้นมาถนัดใจเมื่อคนที่เรียนเป็นใจเย็น เพราะจะได้ไม่ต้องคุยนอกเรื่อง ไม่ต้องถูกจับจ้อง ด้วยเขาไม่ชอบสายตาของใจเย็นนัก เวลาบังคับให้จับจ้องลงไปที่ชีทเรียนได้จึงสบายใจมากกว่า

“เป็นไท ถามอะไรหน่อย”

“ว่า”

“ตอนนี้เป็นไทเห็นผมเป็นรุ่นน้องใช่ไหม”

คำถามประหลาดก่อนจากทำให้เป็นไทมุ่นหัวคิ้ว

“เออ ทำไม”

“มีอย่างอื่นไหม”

“อะไรของมึง”

ถึงตรงนี้ใจเย็นก็ยกยิ้มจาง ขณะที่ปมคิ้วของเป็นไทยิ่งขมวด “ไม่มีเลยเหรอครับ”

“นายจ้างกับลูกจ้างไง”

“งั้นเหรอ” คำตอบรับทำให้เป็นไทยิ่งรู้สึกว่าถูกกวนตีน แม้จะเริ่มชินและพยายามคิดว่าเป็นเรื่องปกติของใจเย็นก็ตาม สายตาแบบที่ใจเย็นใช้มองเขามาก็ด้วย “กลับดีๆ นะครับ”

จนได้ยินคำลา เป็นไทก็คร้านจะเก็บมาใส่ใจ เดินกลับออกไปขึ้นรถยนต์สีงาช้างคันเดิมที่เสริมให้การทำงานพิเศษของเขาสะดวกกว่าทุกงานที่ผ่านมา ไม่เคยมีงานไหนที่มีรถไปรับไปส่งเขาแบบนี้ กระนั้นเลย เขาก็ยังปวดประสาทกับ ‘นายจ้าง’ อย่างใจเย็นอยู่ดี

หากคิดมุมกลับ ใจเย็นก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก แค่เข้าใจยากไปหน่อย ไม่สิ เป็นไทแทบจะไม่เข้าใจอะไรใจเย็นเลยสักนิด และเพราะแบบนั้นจึงรู้สึกเหมือนโดนกวนตีนอยู่บ่อยๆ ทั้งจากคำพูดจา สีหน้า แววตา กวนตีนยิ่งกว่าโจทย์เลขที่คิดเท่าไรก็ไม่ได้คำตอบเพราะโจทย์ผิดเสียอีก

แต่อย่างไรก็ตาม เป็นไทก็ยังต้องมาสอนใจเย็นทุกวันเสาร์ อย่างน้อยก็จนกว่าจะหมดเทอมตามที่ตกลงกับคุณเกษราไว้ อย่างน้อยก็เห็นแก่ความช่วยเหลือของคุณเกษรา เป็นไทท่องทวนซ้ำแบบนั้น ให้รู้สึกตัวอีกทีวันเสาร์ก็เดินทางมาถึงอีกครั้ง

ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่าที่รากอากาศของม่านบาหลีเริ่มแปรเป็นสีน้ำตาลในตอนที่เดินเข้าไปถึงซุ้มไม้ แต่ก็คงไม่แปลกกับความเปลี่ยนแปลงที่แม้จะคืบช้าแต่ก็ดำเนินตลอด เหมือนกับที่อีกไม่นานมหาวิทยาลัยก็จะใกล้เปิดเทอมแล้ว เป็นไทคิดเรื่อยเปื่อยก่อนแหวกม่านเข้าไป พบเด็กหนุ่มคนเดิมที่เห็นหน้าทีไรก็รู้สึกว่าต้องเตรียมตัวรับมือให้ดี

“เป็นไท” และครั้งนี้ใจเย็นดูกระตือรือร้นอะไรสักอย่าง ทว่าก็ไม่ได้เอ่ยอะไรตามชื่อ แค่ยิ้มเบาบางให้เหมือนเคย จนกระทั่งเขานั่งลงข้างๆ ถึงเพิ่งสังเกตเห็นดอกไม้ในแจกัน

ว่ามันยังคงเป็นดอกซิมบีเดียมกลีบเรียวสีชมพูอมขาว ทั้งยังดูช่อใหญ่กว่าเดิมด้วย

“อย่าเพิ่งด่าผมนะ” พลันคำพูดของใจเย็นทำให้เขาหันไปมอง จนประสานสายตาเข้าตรงๆ ใจเย็นก็ยังไม่สะทก เอื้อมมือมาจับสัมผัสเรือนผมของเขาที่ยาวกว่าสัปดาห์ที่แล้วมาเล็กน้อย และด้วยอารามตกใจ ไม่เข้าใจ มึนงง จึงทำให้รู้สึกว่าบังคับปากให้ไปตามความคิดได้ยาก ใจเย็นจึงชิงพูดมาก่อน “ถือเป็นคำสั่งของนายจ้างได้ไหมครับ”

นายจ้างอะไร เป็นไทคิดทวน ย้อนไปไกลถึงเสาร์ที่แล้ว ก่อนจะนึกออกถึงคำที่ตนเองเคยพูดไว้ก่อนจะกลับ

“อยากลูบหัวเป็นไทอะ”

พลันเข้าใจซึ่งทุกอย่างเมื่อได้ยินคำนี้ เข้าใจแล้วว่าใจเย็นต้องการอะไร แต่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไม พอๆ กับที่ไม่เข้าใจคำบอกชอบรอยยิ้มของเขาตอนแก้โจทย์เลขได้ และยิ่งจ้องลงไปในแววตาของใจเย็นตอนนี้ เป็นไทก็รู้สึกเหมือนถูกพาย้อนเวลา ย้อนไปในฝันของเสาร์ที่แล้ว กระทั่งย้อนไปในอดีตตอนเขาอายุสิบสอง ให้รู้สึกป่วนปั่น สั่นคลอน อาศัยเวลาสักพักจึงตั้งสติได้และดึงมือของใจเย็นที่ถือวิสาสะเขาอยู่ออกไป แต่คราวนี้ไม่ได้กระแทกลงบนโต๊ะ แค่วางลงเท่านั้น

“มันเกินสิ่งที่จะทำได้ละ” เป็นไทเอ่ยบอก แปลกใจไม่น้อยเหมือนกันที่ตัวเองอารมณ์เย็นกว่าที่คิด “มึงจ้างกูมาสอน ไม่ใช่ให้มาทำอะไรแบบนี้”

“งั้นต้องทำยังไงล่ะครับ”

“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น เรียนเหอะ”

เขาบอก เสียงเรียบ ตัดกับความรู้สึกภายใน เป็นความรุนแรงที่เหวี่ยงไหว ความรุนแรงของความไม่เข้าใจอะไรเลย ไม่เข้าใจใจเย็น ไม่เข้าใจแววตานั้น จนกระทั่งสบตาเข้ากับเหล่ากล้วยไม้ซิมบีเดียม เป็นไทก็เหมือนถูกย้ำถึงอะไรบางอย่าง เป็นอดีต เป็นแววตาว่างเปล่าของพ่อในวันนั้น

พลันก็เข้าใจว่าตลอดมาที่เขาไม่ชอบแววตาของใจเย็นไม่ใช่เพราะรู้สึกเหมือนถูกทะลวงล้วงความลับอะไรหรอก แต่เป็นเพราะใจเย็นมักจะจ้องมองด้วยความต้องการอะไรสักอย่างที่อยู่ลึกๆ ข้างใน แบบที่เขาไม่เคยถูกจ้องมองจากคนอื่นเลยสักคน

และตรงข้ามกับแววตาว่างเปล่าของพ่อเขาในวันนั้นโดยสิ้นเชิง











*****************************************************************************************
ติดแท็ก #ใจเย็นกับเป็นไท กันได้นะคะ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ อยากให้ติดตามไปเรื่อยๆน้า  :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-09-2017 14:15:10 โดย แยมส้มขมคอ »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ใจเย็น อยากเข้าหา ค้นคว้า ตัวตนของเป็นไท
แต่แววตา ท่าทีของใจเย็น ชอบลูบผมเป็นไท
ไม่ทำให้เป็นไทเข้าใจซะเลย
ถูกว่ากลับว่าปีนเกลียว
ก็น่าที่เป็นไท จะสับสนกับใจเย็นนะ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
เดินหลงวนไปวนมาใต้ซุ้มม่านบาหลี

เหมือนจะเห็นทางออก แต่ก็ไม่เห็น

ติดตามต่อไป

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
มันเป็นความสัมพันธ์ที่อึดอัดนะ ถึงไม่ได้บรรยายถึงความคิดของใจเย็นด้วย แต่เจ้าตัวน่าจะสับสนกับความรู้สึกที่มีต่อเป็นไทไม่น้อย ยังไงก็เด็กเนอะ ถึงจะความคิดอินดี้สุดโต่งก็เถอะ
แต่เชื่อว่าพอเปิดใจให้กันคู่นี้ต้องรักกันแบบสุดๆ แน่

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ให้ความรู้สึกคลุมเครือ ทึม ๆ เหมือนเรื่องโน้นเลย

ออฟไลน์ Viewonohm

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 844
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-5
ถ้าเราเป็นเป็นไทก็ค่อนข้างจะงงๆและอึดอัดนะ  o22

ออฟไลน์ reverofjs

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ถ้าเราเป็นเป็นไทคงไม่เข้าใจกับความคิดของใจเย็นเหมือนกันแน่ๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Atroce

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เป็นไทคงงง

ออฟไลน์ Shonteen

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 501
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
อยากให้ใจเย็นเป็นเคะ ที่จับเอาเป็นไทมาเป็นวัตถุทางเพศ

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เข้าใจยากกันทั้งคู่อึมครึมกันดีแท้

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ papapajimin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 297
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ชอบเป็นใจเย็นนน
ชอบพระเอกพูดเพราะ แล้วนายเอกดูห่ามๆนิดๆ
ปลื้มปริ่ม ติดตามตลอด รอวันที่อัพทุกวันนน
ช๊อบบๆๆๆ รุกเยอะๆเลยลูกกก ใจเย็นนนน 555555

ออฟไลน์ แยมส้มขมคอ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-2

9 – พิชญะ




‘พิชญะ’ แปลว่าผู้ชนะ แต่น้อยครั้งที่ชีวิตของพิชญะจะได้เป็นผู้ชนะ ถ้าให้ว่ากันตรงๆ พิชญะจัดอยู่ในหมวดมนุษย์ค่าเฉลี่ย ทุกอย่างไม่ว่าจะการเรียน กีฬา หน้าตา จัดอยู่ในระดับกลาง แม้แต่การเป็นลูกของชายสักคนก็ยังเป็นลูกคนกลาง มีก็แค่หญิงสาวชื่อทิพย์ผู้เป็นแม่ที่ยกให้เขาชนะในความพิเศษ

ทุกครั้งที่ร่วมโต๊ะอาหารในบ้านอัครเสนีย์ น้อยครั้งอีกเช่นกันที่คุณพิทักษ์หรือพ่อของเขาจะตักกับข้าวใส่จานให้ น้อยครั้งที่จะซักไซ้ไถ่ถามเรื่องของพิชญะและฟังอย่างตั้งใจ ส่วนใหญ่พ่อจะแค่ถามและตอบรับพอเป็นพิธี ก่อนเปลี่ยนไปถามคนอื่น หรือไม่ก็เบนกลับไปถามลูกชายคนโตอย่างใจเย็น

“เรียนพิเศษเลขเป็นยังไงบ้างล่ะ”

“ก็ดีครับ”

“สนใจเปลี่ยนคนสอนบ้างไหม เอาที่ดีกว่านี้”

“แล้วดีกว่านี้คือแบบไหนล่ะครับ”

ถ้าคนอื่นได้ฟังคงคิดว่าใจเย็นถามย้อน ตอบคำถามด้วยคำถาม แต่พิชญะฟังแล้วรู้ว่าใจเย็นก็แค่อยากได้คำตอบ หมายความตรงตัวไม่มีอื่นใด กระนั้นก็ยังได้ยินเสียงพ่อถอนหายใจ

“แล้วคิดได้หรือยังว่าอยากเรียนอะไรต่อ”

กระนั้น พ่อก็ยังคุยกับใจเย็นมากกว่าลูกคนอื่นๆ

“ยังเลยครับ”

พิชญะจำได้ว่าพ่อไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ตอนที่ใจเย็นยังมีความฝันอยากเป็นสัตวแพทย์ จำได้ว่าตอนนั้นคุณเกษราก็คอยขัดบทสนทนาระหว่างใจเย็นกับพ่อ ทั้งคอยตะล่อมส่งเสริมใจเย็นไปทีละนิดอีกด้วย แต่แล้วเมื่อทันใจตาย ความฝันของใจเย็นก็เปลี่ยน ซึ่งพ่อก็ดูพอใจที่เป็นอย่างนั้น

แต่ใจเย็นก็คือใจเย็น พิชญะคิดว่ารู้จักใจเย็นมากพอที่จะพูดได้แต่ก็ไม่เคยพูดหรอกว่าใจเย็นนั้นเอาแต่ใจ ยึดตนเป็นศูนย์กลาง จนอาจทำให้พ่อพอใจได้ไม่นานนัก

“น้องพิชญ์ โตขึ้นอยากเป็นอะไร” ใจเย็นเคยเข้ามาถามเขาด้วยตัวเองในวันที่ทันใจยังมีชีวิตอยู่

“ยังไม่รู้เลย น่าจะเกี่ยวกับรถนะครับ”

“รับช่วงธุรกิจของพ่อต่อสิ” ใจเย็นพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ราวกับพูดเรื่องลมฟ้าอากาศ

“พี่เย็นไม่ได้จะรับต่อเหรอครับ”

“พี่ก็ทำอะไรที่อยากทำไม่ได้น่ะสิ”

ในตอนนั้นพิชญะไม่ได้ถามกลับไปว่าแล้วสิ่งที่เขาอยากทำล่ะ มันมีความหมายไม่เท่ากันหรือ และด้วยความที่เป็นคนขี้เกรงอกเกรงใจชอบงำเงียบเรื่องสำคัญของตัวเองไม่ต่างจากแม่ของเขา พิชญะจึงไม่เคยพูดเรื่องนี้ออกไป ทั้งเห็นว่าหมดสำคัญจะพูดเมื่อทันใจจากไป เพราะใจเย็นก็อาจเปลี่ยนกลับมาสืบธุรกิจต่อจากพ่อได้ทุกเมื่อ

กระนั้นก็ยังไม่เห็นแววอยู่ดี

“น้องพิชญ์ ชอบวิชาเลขไหม” ใจเย็นถามขึ้นในบ่ายวันอาทิตย์ที่สามพี่น้องมักจะมารวมตัวตากแอร์กันอยู่ในห้องนั่งเล่น ซึ่งก็น้อยครั้งที่ใจเย็นจะเป็นคนเปิดประเด็นสนทนาแบบนี้

“เป็นบางครั้งครับ”

“ยังไงเหรอ”

“บางเรื่องทำแล้วสนุกดี บางเรื่องก็ยากไปครับ”

“พริมว่าก็ยากทั้งหมดน่ะแหละ” พริมาพูดแทรก

“งั้นเหรอ” ใจเย็นตอบรับ “แล้วคนที่ชอบวิชาเลขล่ะ คิดว่าเขาเป็นคนยังไง”

“น่าเบื่อ” พริมาชิงตอบเหมือนเคย ทำให้พิชญะไม่ได้พูดอะไร ได้ยินคำว่า ‘งั้นเหรอ’ ของใจเย็นอีกครั้ง และอีกประโยคที่ใจเย็นเหมือนจะพูดกับตัวเอง

“ไม่เห็นน่าเบื่อเลย”

นั่นแหละที่ทำให้พิชญะคิดว่าไม่เห็นแววที่ใจเย็นอยากสืบธุรกิจต่อจากพ่อ เพราะใจเย็นดูไม่ได้สนใจในเรื่องการคำนวณ การเงิน การบริหาร เศรษฐศาสตร์ หรือใดๆ ทั้งปวง เหมือนใจเย็นแค่กำลังค้นหาบางอย่างในตัวบุคคลมากกว่า และคนคนนั้นก็อาจเป็นครูสอนเลขของใจเย็น คนที่ไม่ได้เก่ง ไม่ได้มากประสบการณ์ แค่สอนเป็นงานพิเศษ จนพ่ออยากให้เปลี่ยนคนสอนแต่ใจเย็นก็ยืนกรานปฏิเสธ

พิชญะแอบเก็บมาคิดด้วยซ้ำว่าใจเย็นอาจกำลังชอบใครสักคน ชอบแบบที่จริงจังกว่าที่แล้วๆ มา แม้เขาจะยังไม่เคยเห็นครูสอนพิเศษคนนั้น แต่ก็คิดว่าคงมีอะไรแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นพอสมควร อาจไม่ได้แก่ปีกว่า อาจไม่ได้รู้อะไรๆ มากกว่า หรือบางทีอาจไม่สวยหรือน่ารักเลยด้วยซ้ำ

จนวันหนึ่ง ความคิดนั้นก็สั่นคลอน

“พี่เย็น พริมแต่งหน้าแบบนี้ดีไหม”

“ก็ดีนะ”

“พี่เย็นก็ตอบแต่คำนี้อะ พี่พิชญ์ก็เหมือนกัน” พริมาบ่น “แต่พี่เย็นอะ ใช้เกณฑ์อะไรเลือกผู้หญิงเหรอ เห็นคบตั้งเยอะตั้งแยะ”

“ไม่รู้สิ”

“อะไร ไม่มีสเป็กเลยเหรอ”

“ก็ต้องน่ารักมั้ง”

“เฮ่อ อ้ะๆ ถ้างั้นนิสัยล่ะ”

“ก็ต้องน่ารัก”

ฟังถึงตรงนี้พิชญะก็อมยิ้ม เพราะรู้ว่าพริมาจะเริ่มโวยวาย ให้ใจเย็นต้องหารายละเอียดมาชี้แจงเพิ่มเติม

“ก็ต้องไม่น่ารำคาญด้วย”

“อ้าวแล้วถ้าแรกๆ น่ารัก หลังๆ เริ่มน่ารำคาญทำไงอะ”

“ก็ไม่ชอบแล้ว”

“เฮ้ย ง่ายงั้นเลยเหรอ”

“อืม มันมีอะไรยากเหรอพริม”

“งั้นพี่เย็นก็ไม่ได้ชอบผู้หญิงคนนั้นจริงๆ แต่แรกสักหน่อย”

“ชอบสิ ถึงคบ”

“ไม่จริงอะ ชอบจริงๆ จะเบื่อง่ายแบบนั้นเหรอ”

“ไม่ทำให้เรามีความสุขแล้วก็ตัดทิ้ง ผิดอะไรล่ะ”

ถึงตรงนี้พิชญะรู้สึกเย็นวาบอย่างไม่อาจอธิบาย แม้เสียงโวยวายว่าไม่คุยด้วยแล้วของพริมาจะดังแสบแก้วหู แต่คำพูดของใจเย็นก็ตรึงอยู่ในโสต ในรู้สึก ในทรงจำ ด้วยมันเป็นถ้อยความแสนเย็นชาที่คนพูดดูจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเป็นเช่นนั้น

อันที่จริงพิชญะก็น่าจะตระหนักได้ตั้งแต่ที่ใจเย็นคบผู้หญิงหลายคนเหมือนพ่อแล้ว ซึ่งยิ่งพิชญะระลึกได้ก็ยิ่งรู้สึกกลัวความเย็นชานั้นขึ้นมาจับใจ กลัวว่าหัวใจของบุคคลเหล่านั้นอาจไม่รู้จักคำว่ารักเลยด้วยซ้ำ

“คิดว่าพ่อรักแม่แค่ไหนน่ะเหรอ” จนพิชญะเก็บงำความกลัวไว้เงียบๆ เพียงคนเดียวไม่ได้ ถึงกับยอมเปิดปากถามกับแม่ของตนเอง

“ครับ”

“ไม่รู้สิ แค่รักก็พอแล้ว จะมากจะน้อยก็ช่างมันเถอะ”

“ทำไมล่ะครับแม่” พิชญะถามด้วยความไม่เข้าใจ แม่เงียบไปชั่วครู่จนทำให้คิดว่าถามอะไรไม่ดีไปหรือเปล่า กระทั่งเสียงแผ่วเบาตอบกลับมา

“ทำไงได้ ก็แม่รักเขา”

ถ้อยคำนั้นฟังดูเจ็บปวดอยู่ลึกๆ จนพิชญะไม่กล้าถามอะไรอีก ไม่กล้าถามแม้แต่ว่าทำไมถึงรัก ทั้งที่ทำให้เจ็บปวด

หรือว่าความรักเองก็เป็นเช่นนั้น

แล้วคนที่ไม่ยอมเจ็บปวดอะไรเลยเพราะมัน ก็คือรักไม่เป็นหรือเปล่า

พิชญะคิด คิด คิด เก็บงำเงียบเพียงในใจ ยิ่งทำให้ความคิดเหล่านั้นรบกวนเข้ามาแม้แต่ตอนที่จ้องมองโมเดลรถของตนเอง เป็นแบบนั้นอยู่หลายวันจนเขาได้เจอกับพี่ชายของตนเองอีกครั้งในวันสุดสัปดาห์

“น้องพิชญ์ เคยอยากลูบหัวใครสักคนไหม”

ซึ่งครั้งนี้มาแปลกกว่าที่เคย

“คิดว่าไม่น่ะครับ”

“งั้นเหรอ” ใจเย็นเอ่ย นิ่งไปสักพัก จนพิชญะที่ไม่ค่อยชอบถามอะไรนักเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย

“เอ็นดูใครเป็นพิเศษเหรอครับ”

ทว่าใจเย็นเงียบ ไม่ตอบ ทำให้พิชญะรู้สึกว่าไม่น่าถามออกไป เขาไม่ชอบการที่ไม่ได้รับคำตอบกลับคืน

“ไม่รู้สิ แค่อยากสัมผัสดู”

หากสุดท้ายใจเย็นก็ตอบออกมา กระนั้นพิชญะก็ไม่รู้จะต่อความอย่างไรดีเพราะคำตอบฟังดูแปลก อย่างน้อยก็แปลกสำหรับใจเย็น

“ไม่ก็อยากได้มาอยู่ในบ้าน”

และยิ่งแปลกเข้าไปอีกเมื่อพิชญะได้ยินอีกประโยค

“ฟังเหมือน...อยากแต่งงานพาเขาเข้าบ้านเลยนะครับ”

“งั้นเหรอ” พลันใจเย็นก็ยิ้ม ยิ้มขำ พูดอีกประโยคก่อนจะไม่พูดอะไรอีก “ถ้าทำแล้วได้เป็นเจ้าของก็ดีสิ”

พิชญะรู้สึกว่าใจเย็นน่าจะชอบใครสักคนเข้าจริงๆ เพราะไม่เคยได้ยินใจเย็นพูดอะไรแบบนี้ แต่ก็ระลึกได้กลางคันของความคิดว่าหลายวันที่ผ่านเขาเหม่อมุ่นอยู่กับเรื่องอะไร

แล้วก็นึกสงสัยให้เย็นวาบหัวใจขึ้นมาว่า แม้แต่กับคนที่ใจเย็นเพิ่งพูดถึง ถ้าวันใดไม่ทำให้ใจเย็นมีความสุขอีกแล้ว ใจเย็นจะตัดทิ้งไปแบบไม่นึกเสียดายเลยหรือเปล่า








« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-09-2017 14:17:00 โดย แยมส้มขมคอ »

ออฟไลน์ Viewonohm

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 844
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-5
เย็นชาเหลือเกินค่ะคุณใจเย็น  :hao7:

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
ดีใจที่มีคนปกติมาปรากฏตัวในเรื่องนี้บ้าง พิชญะน่าเอ็นดูเกิ๊น

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ดูเป็นเด็กมีความคิดนะ

ออฟไลน์ MOMAMi_96

  • เรื่อยๆ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3
น้องพิชญ์คือแฟนหนูอ่ะโอ้ยคนปกติที่สุดในบ้าน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ papapajimin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 297
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ไม่นะะะะ โอยยยย เริ่มกลัวใจเย็น
กลัวใจพี่แก กลัวทิ้งเป็นอ่ะ
ถ้าทิ้งนี่ เป็นไทเป็นหนักกว่าเดิมแน่ๆ

ออฟไลน์ imymild

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
กลัวใจเย็น :katai1:

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
ใจเย็น เย็นเกิ๊นนนนนน

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
พิชญะ จะปกติจริงหรือ
ดูมีความเก็บกดและครุ่นคำนึงอยู่เสมอ

พริมาสิดูเป็นสาวน้อยปกติ

แต่ก็นะ คนในบ้านใจเย็นไม่ปกติไปได้หรอก

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ใจเย็น สืบยีนไร้หัวใจมาจากพ่อเหรอ
“ไม่ทำให้เรามีความสุขแล้วก็ตัดทิ้ง ผิดอะไรล่ะ”
“น้องพิชญ์ เคยอยากลูบหัวใครสักคนไหม”
“ไม่รู้สิ แค่อยากสัมผัสดู”
“ไม่ก็อยากได้มาอยู่ในบ้าน”
เหมือนใจเย็นอยากเลี้ยงสัตว์นะ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ reverofjs

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
โหหหห ใจเย็นนี่แอบน่ากลัวนะเนี่ย จะเย็นชาไปไหน

ออฟไลน์ XVIII.88

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
    • XVIII.88
พ่อคุณ นี่ไม่ใช่ใจเย็นแล้ว นี่เลือดเย็นจะเหมาะกว่า
สภาพแวดล้อมครอบครัวแท้ ๆ ทำให้กลายเป็นเฉยชากับเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ
แค่ว่าต้องการ ไม่ได้รู้สึกผูกพัน
ลักษณะนี้ เป็นไทไม่ควรชอบก่อน จิตใจบอบช้ำกับเรื่องเป็นคนสำคัญ เป็นที่ต้องการ ไม่ใช่คนที่ไร้ค่า  :katai1:

ออฟไลน์ แยมส้มขมคอ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-2
10 – ไม่เข้าใจ




มันเป็นเดือนสิงหาคมที่เป็นไทรู้สึกว่าอะไรหลายอย่างในชีวิตเข้าที่เข้าทางกว่าเดิม ไม่ว่าจะการได้ย้ายออกมาอยู่คนเดียวใกล้มหาวิทยาลัย หรือการมีเงินเก็บไว้ใช้ซื้อของที่อยากได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ยังไม่เข้าที่เข้าทางสักทีเห็นจะเป็นความเข้าใจที่มีต่อใจเย็น

ก็จริงที่เป็นไทไม่ได้โกรธกับการถูกลามปามลูบหัวในวันนั้น แต่ก็ไม่ได้เข้าใจ ไม่ได้กระจ่างแจ้งอะไรเลยกับความต้องการของใจเย็น เลยเถิดไปถึงอึดอัดคับข้องกับความต้องการแบบนั้น สายตาแบบนั้น และล่าสุดคือการขับรถมารับเขาด้วยตัวเอง...ในตอนนี้

เป็นไทนึกอยากหันหลังกลับ เดินขึ้นห้องไปนอนให้สมกับเป็นบ่ายวันหยุดอันมีค่า แต่พอนึกเรื่องค่าของเงินที่ได้มาเพราะสอนพิเศษใจเย็นผู้ยากจะเข้าใจ เป็นไทก็ตัดสินใจเปิดประตูรถขึ้นไปนั่งเบาะหลังจนได้ แต่ก็อีก เขาไม่เข้าใจว่าทำไมใจเย็นไม่ยอมออกรถ กระทั่งได้ยินคำเฉลย

“เป็นไทไม่นั่งข้างหน้าล่ะครับ”

“ทุกทีกูก็นั่งตรงนี้”

“แต่ผมไม่ใช่คนขับรถนะ”

“แล้ววันนี้มึงขับมาทำไม”

“ก็ได้ยินว่าเป็นไทย้ายที่อยู่” ใจเย็นเอ่ยพลางมองที่อยู่ที่ว่า “คอนโดของเป็นไทเหรอครับ”

“ของลูกพี่ลูกน้อง”

“อยู่ด้วยกันเหรอ”

“เปล่า มึงจะถามอะไรนักหนาวะ ไม่ไปสักที”

“ย้ายมานั่งข้างหน้าสิครับ”

“ขี้เกียจว่ะ” เป็นไทตอบ อันที่จริงจะให้ย้ายที่นั่งก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรนัก แค่ไม่อยากจะตามใจใจเย็นมากกว่า กระนั้นก็ลุ้นอยู่สักพักว่าอีกฝ่ายจะยอมหรือเปล่าถ้าโลกไม่ได้หมุนรอบตัว แต่สุดท้ายเมื่อเท้าของใจเย็นเหยียบคันเร่ง เป็นไทก็ยิ้มออกมา เป็นยิ้มมุมปากที่จางหายเพียงชั่ววินาที

ผ่านไปประมาณสิบนาทีกับบรรยากาศชวนง่วง แอร์เย็นฉ่ำ เพลงแจ๊ส และบ่ายโมง เป็นไทกะว่าจะหลับสักงีบในเมื่อใจเย็นก็ไม่ได้ชวนคุยอะไร แต่การหักเลี้ยวเข้าสถานที่ที่ไม่ได้ตกลงกันไว้ก็ชวนให้ตาสว่าง

“เดี๋ยว เลี้ยวเข้าโรงแรมทำไมวะ”

“กินข้าวครับ”

เป็นไทอยากจะร้องอ๋อ แต่ก็รู้สึกเคืองขัดด้วยความคิดว่าตั้งแต่รู้จักผู้คนมาก็เห็นใจเย็นเป็นคนแรกนี่แหละ ที่แค่อยากกินมื้อเที่ยงธรรมดาๆ ก็แวะโรงแรมห้าดาวหน้าตาเฉย แถมไม่ใช่บุฟเฟต์อีกด้วยแต่เป็นห้องอาหารสเต็กเฮาส์นานาชาติ

“เป็นไทกินอะไรไหม”

“ไม่อะ กินมาแล้ว”

“กินเถอะ ผมเลี้ยง”

ได้ฟังก็รู้สึกหมั่นไส้อย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่คนพูดคงไม่ได้คิดอะไร เป็นไทวางแผนว่าจะเลือกเมนูที่แพงที่สุด แต่เมื่อได้เดินเข้าไป นั่งลง เปิดเมนูดูราคา เห็นตัวเลขที่บวกลบอย่างไรก็ไม่ต่างกันมากนัก ความรู้สึกยอมแพ้ก็จู่จับพร้อมๆ กับความคิดที่ว่าจะเลือกแพงแค่ไหนคนตรงหน้าก็คงไม่สะทก ทำให้เขาจิ้มเลือกเมนูที่แค่อยากกินอย่างแซลมอนแทน จะพิเศษหน่อยตรงที่เมนูระบุว่าเสิร์ฟพร้อมคาเวียร์และซอสไวน์ขาว ส่วนใจเย็นเลือกสเต็กเนื้อสันนอกวากิวออสเตรเลียและลาซานญ่าอีกที่

และก็เหมือนเคยที่ระหว่างกิน ใจเย็นจะไม่ค่อยพูดอะไร ยังความอึดอัดมาถึงเป็นไทอีกครั้ง เรื่องที่พอจะนึกได้ก็คุยไปหมดแล้วตอนรออาหารเสิร์ฟ จนในที่สุดเขาก็ปล่อยเลยตามเลย เงียบก็เงียบ ให้ได้ยินเสียงช้อนส้อมกับจานกระเบื้องคุยกันเสียแทน

“ไอติมไหมครับ”

จนสเต็กและลาซานญ่าหมดเกลี้ยงแบบที่เจ้าตัวดูไม่เลี่ยนสักนิด คำถามนั้นถึงเอ่ยออกมา ยืนยันว่ายังไม่ลืมไอศกรีมสตรอเบอร์รี่ทำให้เป็นไทนึกขำ

“มึงกินทุกวันเลยปะวะ”

“เกือบครับ”

“ชอบมากเลยเหรอวะ”

“ครับ แม่ผมก็ชอบ” ใจเย็นบอก “ตอนท้องแม่ก็อยากกินแต่ของหวานเย็น”

“เออดีไม่กินทุเรียน”

“ถ้าทุเรียน แม่ของน้องครับที่กิน”

“แม่ของน้อง?”

“น้องพริม น้องสาวผมน่ะ คนละแม่กัน”

“อ่า เหรอ”

เป็นไทตอบรับ ปกติ ในเมื่อใจเย็นก็ไม่ได้ปกปิดหรือคิดว่ามันแปลกอะไร

“ถ้าแม่ของน้องชายก็จะกินแต่ของเปรี้ยว เห็นว่ากินจนฟันกร่อน”

“มีน้องสองคนเหรอ”

“ครับ เป็นไทล่ะมีพี่น้องไหม”

“ไม่มี”

“เหงาไหม”

“ไม่อะ ไร้สาระ” เขาหมายความตามนั้น หากใจเย็นก็ยิ้มออกมา บางเบา

“ตกลงกินไอติมไหมครับ”

“แค่นี้ก็อิ่มจะตายละ มึงจะกินก็กินไป”

คำนั้นทำให้ใจเย็นยิ้มกว้างขึ้นมาอีกนิดก่อนจะสั่งไอศกรีม แน่นอนว่าต้องเป็นรสสตรอเบอร์รี่ ให้เป็นไทนั่งมองคนอายุอ่อนกว่านั่งกินไม่พูดไม่จา ดูชอบพอ เอร็ดอร่อย ดูมีความสุข และก็ดูไม่คิดอะไรจนคนอื่นอาจคิดแทนอย่างที่เขาเป็นตอนนี้

เป็นไทสงสัยขึ้นมาว่าสภาพครอบครัวของใจเย็นตอนนี้เป็นอย่างไร สงสัยว่าคุณเกษราไม่กี่ปีก่อนจะสวยกว่านี้แค่ไหนในเมื่อตอนนี้ก็ยังสวย สวยจนเขาเหมือนได้กลิ่นดอกไม้หอมหวานฟุ้งฟ่องจากบรรยากาศรอบตัวตน และสงสัยสุดท้ายคือสงสัยว่าพ่อของใจเย็นคิดอะไรอยู่

หากความสงสัยเหล่านั้นก็ถูกตัดบททิ้งไปด้วยเขาเองก็ไม่เคยเข้าใจเหมือนกันว่าพ่อของตนคิดอะไร แต่อย่างไรก็ไม่ได้อยากจะรู้อีกแล้ว ในเมื่อตอนนี้ก็อยู่ได้แล้ว ไม่ได้จะเป็นจะตายกับเรื่องอะไรแล้ว และใจเย็นก็คงเหมือนกัน

หรือบางทีอาจไม่เคยทุกข์ร้อนกับพ่อของตนเองเลยด้วยซ้ำ

และก็เป็นอีกครั้งที่เป็นไทเบื่อความซับซ้อนย้อนยอกของมนุษย์ เมื่อเพื่อนก็เคยเล่าให้ฟังเหมือนกันว่าพ่อมีเมียหลายคนแต่ก็ไม่ได้รู้สึกผิดหวังเสียใจอะไร ไม่ได้ฟูมฟาย ไม่ได้ละคร ยิ่งคิดเป็นไทก็ยิ่งเบื่อตัวเองที่คิดแทนคนอื่น เบื่อความเถรตรงของตนเองทั้งที่ก็รู้ดีถึงความคดเคี้ยว เบื่อที่ไม่ค่อยเข้าใจคนอื่น แต่ก็แค่เบื่อ เขาก็ไม่ได้อยากจะเข้าใจอะไรนัก

ยกเว้นกรณีใจเย็นที่ออกจะเกินความไม่เข้าใจไปไกลเสียหน่อย

“ไปหาที่เดินเล่นกันเถอะครับ”

“คือมึงจะไม่เรียนแล้วหรือไง”

“ยิ่งอิ่มยิ่งง่วงนะ”

แล้วคำพูดของใจเย็นก็ทำให้เป็นไทขี้เกียจขัดอะไร เพราะสเต็กแซลมอนกับข้าวหมูกรอบเมื่อเที่ยงทำให้อิ่มจนขี้เกียจจะสอนพอดู ตอบรับเออออและขึ้นนั่งเบาะหลังรถให้ใจเย็นทำท่าเหมือนจะพูดอะไร แต่ก็เงียบ และขับรถคลอไปกับเสียงเพลงแจ๊สเหมือนเดิม

เป็นไทไม่ได้ถามใจเย็นว่าจะไปไหน ไม่ได้รู้สึกขัดใจอะไรเมื่อใจเย็นวนรถเข้าไปจอดในห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ แม้จะรถเยอะ คนเยอะ ลานว่างชั้นกราวน์ของห้างก็มีงานดนตรีอะไรสักอย่างให้เสียงกระหึ่มก้องทั่วอาณาบริเวณ และคนก็ยืนดูกันเยอะพอสมควร

“เป็นไทจะซื้ออะไรไหม” ใจเย็นเอ่ยถามตอนที่เดินผ่านกลุ่มคนที่กำลังยืนอิงรั้วกระจกของชั้นสองเพื่อดูดนตรีสดของชั้นล่าง

“ไม่อะ”

“ไม่ซื้อเหรอ”

“เออ มาเดินเล่นไม่ใช่ไง หรือมึงจะซื้ออะไร”

“เปล่าครับ” ใจเย็นตอบทันที “ที่ผมถามเพราะจะซื้อให้”

“เงินเหลือเหรอสัด”

เป็นไทมั่นใจว่าเป็นคำด่า แต่ใจเย็นก็ยิ้ม นั่นแหละที่เขารู้สึกว่ากวนตีน

“ไปยืนดูดนตรีตรงนั้นไหมครับ”

หากคำถามตัดเปลี่ยนเรื่องก็ทำให้คร้านจะใส่ใจอะไร อีกครั้งที่เขาเออออ เดินไปหามุมที่มองเห็นวงดนตรีที่ชั้นล่างได้ชัด เป็นไทจำได้ว่ามันเป็นวงซินธ์ป๊อบที่เขาเคยไปฟังสดในคอนเสิร์ตเมื่อต้นปี ไม่ใช่วงโปรดอะไรมากมายนัก แต่เพลงก็ดังเป็นปรากฏการณ์อยู่ช่วงหนึ่งเหมือนกัน

แล้วใจเย็นก็ยืนดูไปเรื่อยๆ ไม่พูดอะไร พอๆ กับตอนตักข้าวหรือไอศกรีมเข้าปาก จนผ่านไปสามเพลงเขาก็เลยถาม

“ชอบวงนี้เหรอวะ”

“ไม่ได้ชอบหรอกครับ”

“เฉยๆ ว่างั้น” เขาทวนความหมาย “แล้วมายืนดูอะไร”

“ดูคนครับ”

“คนในวงเหรอ”

“เปล่าครับ คนดู” คำตอบทำให้เป็นไทคิ้วขมวดพอดู “ผมเห็นคนขี้อาย คนที่ทำอะไรก็ทำไม่สุดอยู่ในนั้นด้วย”

“ฮะ? รู้ได้ยังไงวะ”

“ผู้หญิงเสื้อดำริมเวทีด้านซ้าย” ใจเย็นชี้บอก แต่จากชั้นสองแล้ว การมองตามคำบรรยายทำให้เป็นไทหาเจอง่ายกว่า “ผมเห็นเขายิ้มตลอดแล้วก็ร้องตามได้ทุกเพลง แต่ดูร้องเสียงเบาเพราะปากอ้าไม่กว้าง ไม่กล้าเต้นด้วย แค่โยกตัวนิดๆ ตอนที่ดูอยากจะเต้นมากขึ้นก็หันมองคนข้างๆ ทั้งซ้าย ขวา ด้านหลังด้วย แล้วก็หยุดแค่นั้น ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม”

คำร่ายยาวของใจเย็นอย่างที่เขาไม่ค่อยได้ยินนักทำให้นึกย้อนไปถึงตอนที่เจอกันในงานคอนเสิร์ต นึกถึงคำที่ใจเย็นพูดไว้ว่าชอบสังเกตผู้คน และก็ดูท่าว่าจะจริง...ทั้งยังจริงจังมากด้วย

“สังเกตขนาดนั้นเลยเหรอวะ”

“ครับ เขาดูขี้อาย ขี้เกรงใจ”

“ก็คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยอินปะ” เป็นไทเอ่ยถึงภาพรวม เพราะจะคอนเสิร์ตไหนๆ ถ้าไม่ใช่เฉพาะกลุ่มจริงๆ ก็น่าจะหากลุ่มคนที่ใส่เต็มที่กับมันได้ยาก

“แต่คนที่เต้นไม่สนใจใครก็มีนี่ครับ”

“อันนั้นก็เหมือนคนบ้า”

ได้ยินใจเย็นหัวเราะ และยิ้มเหมือนเด็กๆ “ผมรู้จักคนที่เต้นเหมือนคนบ้าอยู่สองคนนะ คนหนึ่งก็บ้าๆ บอๆ นั่นแหละ แต่อีกคนก็เป็นคนที่จะทำอะไรก็ทำให้สุด”

“ก็เลยคิดว่าผู้หญิงคนนั้นน่าจะทำอะไรก็ทำไม่เต็มที่เหรอ”

“คงงั้นครับ”

“ตัดสินผิวเผินนี่หว่า”

“จากการมองก็ได้เท่านี้แหละครับ” ใจเย็นตอบเรียบๆ “แต่กับเป็นไทต่างจากคนอื่นนะ”

“ยังไง”

“เผินๆ เหมือนจะดูออกง่าย” พลันก็เป็นอีกครั้งที่ใจเย็นจ้องมองเขาด้วยแววตาแบบที่ไม่ชอบ แววตาที่ทำให้รู้สึกอึดอัดทั้งที่คิดว่าจะเลิกสนใจเรื่องนี้ได้แล้ว “แต่ก็เข้าไม่ถึงเลย”

“กูว่ากูไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้นนะ อีกอย่างกูเกลียดอะไรที่มันซับซ้อน”

“อย่างเช่นอะไรบ้างครับ”

“มึงไง”

ถึงตรงนี้ใจเย็นดูชะงักไป แต่ก็ชั่วครู่ก่อนจะหัวเราะออกมา และยิ้มเหมือนเด็กๆ ในจังหวะที่เพลงจบ ประสานด้วยเสียงคนดูปรบมือโห่ร้อง “แต่ผมชอบนะ”

“ชอบตัวเองเหรอวะ ประสาท”

“ชอบเป็นไท”

เสียงของใจเย็นฟังชัดในตอนที่เสียงของคนดูซาลง และรอยยิ้มก็ชัด ไม่ได้บางเบา ชัดแบบที่ไม่ต้องตัดภาพบรรยากาศใดทิ้งสักภาพ

แววตาที่ทำให้อึดอัดก็เหมือนกัน ชัดจนตรึงในความรู้สึก

“ซับซ้อนก็ชอบ หรือจะดูออกง่ายก็ชอบ”

แต่ตรึงกว่าด้วยรอยยิ้มในแววตาแบบนั้น ให้ลืมความอึดอัดไปชั่วครู่

และก็แค่ชั่วครู่เท่านั้น

“คือ มึงเป็นเกย์ปะเนี่ย”

“ต้องเป็นด้วยเหรอครับ”

เสียงของพิธีกรในงานดนตรีดังหนวกหูในจังหวะนั้น เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เป็นไทรู้สึกว่าถูกกวนประสาท ปั่นหัว เพราะใจเย็นถามกลับแบบไม่รู้หนาวรู้ร้อน ดูอย่างไรก็แค่เพราะอยากทำอะไรก็ทำ อยากพูดอะไรก็พูด ไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้สนใจว่าคนอื่นจะมองอย่างไร ทั้งไม่น่าจะมีความหมายใดลึกซึ้งให้เขารู้สึกขยะแขยง แต่เขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าใจเย็นชอบอะไรในตัวเขานัก ไม่เข้าใจว่าเขามีอะไรแตกต่างจากคนอื่น ไม่เข้าใจว่าใจเย็นคิดอะไร และไม่เข้าใจด้วยว่าทำไมใจเย็นใช้แววตาเดียวกันนั้นทำให้ความอึดอัดหายไปอย่างน่าฉงน

และเป็นไทก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมตอนที่เดินกลับมาที่รถ เขาถึงเลือกเปิดประตูเข้าไปนั่งเบาะข้างคนขับ ให้ใจเย็นยิ้มออกมาเหมือนเด็กๆ









----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนนี้ยาวมาก (ปกติเขียนอยู่5หน้า) แต่ไม่มีอะไรจะพูดนอกจากใจเย็นสายเปย์ค่ะ 5555555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-09-2017 14:19:41 โดย แยมส้มขมคอ »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด