➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑แจ้งข่าวตีพิมพ์หน้า 19 ค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑แจ้งข่าวตีพิมพ์หน้า 19 ค่ะ  (อ่าน 125044 ครั้ง)

ออฟไลน์ panpang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 497
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ แยมส้มขมคอ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-2


20 – พริมา




พริมา แปลว่า ดีเยี่ยม เป็นความหมายที่น่าพึงพอใจหากรู้จักเพียงพอ ซึ่งน้อยคนนักที่จะรู้ว่าพริมานั้นพริมาสมชื่อ เนื้อแท้แล้วไม่ได้เป็นดังภาพลักษณ์น้องสาวคนสุดท้องผู้เอาแต่ใจ ไม่ได้ทะเยอทะยานอยากมีอยากได้ให้มากกว่าพี่ชายทั้งสองแม้จะชอบแย่งไอศกรีมสตรอเบอร์รี่จากใจเย็น และได้รับของเล่นที่ไม่น่าสนใจจากพิชญะอยู่บ่อยๆ สิ่งที่พริมาต้องการก็แค่อยากมีอยากได้ให้เท่าเทียมทั้งคู่ก็เท่านั้น

ตั้งแต่เด็ก ปัทมาผู้เป็นแม่ได้พร่ำอธิบายถึงบางสิ่งบางอย่างในโลกให้พริมาฟัง แต่พริมารู้สึกว่ามันดูเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในโลกเสียมากกว่า ปัทมาไม่เคยปิดบังว่าตนเองเป็นภรรยานอกกฎหมาย และพริมาเป็นบุตรนอกสมรส ปัทมาแค่อธิบายบางสิ่งบางอย่างเหล่านั้นอย่างละเมียดละไม ค่อยๆ บอกให้พริมาเข้าใจว่าเมียหลวงหมายความว่าอย่างไร เมียน้อยหมายความว่าอย่างไร ให้พริมาซึมซับ รู้ และยอมรับได้อย่างที่หัวใจไม่บกพร่องเว้าแหว่งมากนัก เพราะทุกสิทธิ์ที่พริมาพึงจะได้ในฐานะลูก ปัทมาก็คว้าไว้เต็มกอบเต็มกำอย่างเงียบเชียบภายใต้หน้ากากเจรจาเจื้อยแจ้วที่พริมาถอดแบบไปนั้นเอง

และเพราะพริมาคิดว่าตนเองเข้าใจ ‘ทุกสิ่งทุกอย่าง’ ในโลกดี แก่นแก้วแก่แดดจึงพ่วงมาเหมือนไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด โดยที่หล่อนก็ไม่รู้ตัวว่าบางทีแล้วหล่อนใช้แก่นแก้วแก่แดดนั่นแหละ เป็นเกราะกันเจ็บปวดจากเข้าใจดีที่จะต้องยินเสียงนินทาหรือถูกดูแคลนในฐานะ ‘ลูกเมียน้อย’

ทว่าสิ่งที่พริมาไม่รู้นั้นไม่ใช่แค่ลึกๆ ในใจของตนเอง แต่ยังมีผิวเผินในใจของพี่ชายคนโตอีกคนที่หล่อนไม่รู้ เพราะยิ่งเติบโต พริมาก็รู้สึกว่าจิตใจของใจเย็นนั้นยิ่งยากจะหยั่งถึง และอาจนับได้ว่าเย็นเยียบเข้าไปทุกทีเมื่อได้ยินคำตอบถึงเรื่องเด็กสาวที่ใจเย็นคบและทิ้งขว้าง หากก็เหมือนเดิมที่พริมาแค่ทำเป็นโวยวายและไม่คิดจะสนใจ

“สนิทกับพี่เย็นเข้าไว้นะลูก”

แต่บางครั้ง บางครั้งในวันเมฆหม่น แม่ที่ชอบเจื้อยแจ้วเจรจาเล่าทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกให้ฟังจะทำแค่นั่งนิ่งๆ อยู่ตรงระเบียงชั้นสอง มองออกไปไกล หันหลังให้พริมา จุดบุหรี่สูบและเอ่ยถ้อยแบบนั้น ซึ่งพริมาในตอนเด็กไม่แปลกใจที่ได้ยิน แต่พริมาในตอนเริ่มโตนี่สิที่แปลกใจ ทำไมถึงต้องเป็นใจเย็น แล้วพิชญะเล่าหายไปไหน หากเอ่ยถามไปคำตอบก็คือ ‘เป็นพี่น้องควรสนิทกันไว้’ ฟังดูคลุมเครือไม่ต่างจากควันบุหรี่ที่ลอยอ้อยอิ่งออกจากลมหายใจของแม่เลยแม้แต่น้อย

คลุมเครืออีกอย่างคือพริมาไม่แน่ใจแล้วว่าจะสนิทกับใจเย็นได้อย่างไร ยิ่งเวลาผ่าน ความคิดอ่านก็ต่างกันไปทุกที และกำแพงของใจเย็นก็มองไม่เห็นแต่กลับแข็งกร้าวเหมือนน้ำแข็งที่โปร่งใสนั่นแหละ จะว่าเข้าใกล้ได้ในฐานะพี่น้องก็ว่าได้ แต่จะว่าเข้าใกล้ไม่ได้ในฐานะที่ไม่ต่างจากใครในโลกนี้เลยก็ว่าได้อีกเช่นกัน


จนวันหนึ่งในปลายเดือนกุมภาพันธ์ ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าจ้า อากาศข้างนอกร้อนอ้าวตัดกับข้างในห้องนั่งเล่นของสามพี่น้อง มันเป็นห้องที่เหมือนเป็นศูนย์รวมเดียวของทั้งสามคน เพราะทุกคนในบ้านอัครเสนีย์ชอบทำราวกับว่าบ้านนั้นใหญ่โตซับซ้อนราวเขาวงกต จะหาทางออกมาพบกันได้ก็แค่วันสุดสัปดาห์เท่านั้น ใจเย็นเองก็ไม่ต่าง หากครั้งนี้ต่างออกไปที่ดูจะมีเรื่องชวนคุยกับพริมาในตอนที่พิชญะยังไม่มา

“น้องพริมเคยมีแฟนไหม”

และประเด็นคำถามก็ทำให้พริมาลดหนังสือการ์ตูนตาหวานที่อ่านอยู่ลงเพื่อสบตาพี่ชายคนโตชัดๆ เผื่อจะเข้าใจว่าทำไมถึงถามเช่นนั้นทั้งที่ไม่เคยถาม ไม่สิ แทบไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวด้วยซ้ำ

“เคย แต่เลิกกันไปแล้ว ทำไมเหรอพี่เย็น”

แต่ถึงจะได้สบตาก็กลับไม่อาจหยั่งคำตอบ อีกทั้งเจ้าตัวก็เงียบและถามคำถามใหม่มาเสียแทน

“เคยจูบไหม” คำถามทำเอาพริมาชะงัก

“นี่พี่เย็นไม่ได้จะจับผิดเอาไปฟ้องใครใช่ไหม”

“พี่เคยทำอย่างนั้นด้วยเหรอ”

คำสวนกลับทำให้พริมาคิดได้ว่าใจเย็นไม่เคยทำจริงๆ กระนั้นก็ไม่รู้อยู่ดีว่าคิดสิ่งใดอยู่ พริมาถอนหายใจ

“เคยแต่หอมแก้ม ทำไมล่ะ”

“พิเศษไหม”

“ฮะ?”

“ถามว่าพิเศษไหม”

พริมาขมวดคิ้ว ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมแต่ก็รู้สึกว่าหน้าเห่อร้อน และพาลอยากจะโยนการ์ตูนตาหวานใส่หน้าพี่ชายคนโต “ก็ต้องพิเศษสิ ไม่พิเศษจะทำไปทำไม”

“งั้นเหรอ”

คำพูดติดปากของใจเย็นดังกระทบหู ทั้งยังกระทบความสงสัยของพริมาให้ไม่จบบทสนทนาแค่นั้น

“เคยทำกับใครแล้วพิเศษหรือไง” หล่อนถามแบบนี้เพราะเชื่อว่าใจเย็นคงไม่วางใครให้สำคัญนัก

“ยังไม่ได้ทำ”

“ยังเหรอ? แต่คิดว่าทำแล้วจะพิเศษกว่าคนอื่นใช่ไหม?”

โดยไม่รู้ตัว น้ำเสียงของพริมาดูตื่นเต้น แน่นอนว่าเป็นเพราะหล่อนรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย...หรืออาจจะใหญ่โตในตัวตนของพี่ชาย กระนั้นก็ไม่ได้รับคำตอบให้ชัดเจนเมื่อพี่ชายคนกลางอย่างพิชญะเปิดประตูเข้ามาในห้อง พอดีกับที่ใจเย็นแค่ยิ้ม เบาบาง และเปลี่ยนไปเอ่ยถึงไอศกรีมรสสตรอเบอร์รี่ บอกว่าจะตักมาให้เผื่อและใช้โอกาสนั้นหนีไปซึ่งๆ หน้า

เมื่อเป็นแบบนั้น พริมาก็ได้แต่หยิบการ์ตูนตาหวานเล่มเดิมขึ้นมาอ่านต่อ และทั้งที่ในเรื่องเป็นตอนเศร้า มุมปากของหล่อนกลับยิ้มเมื่อรู้สึกว่าน้ำแข็งของใจเย็นอาจกำลังละลายลงเพราะใครสักคน ไม่ต่างจากน้ำแข็งของพวกพระเอกเย็นชาในการ์ตูนตาหวานนัก

แล้วสิ่งยืนยันความรู้สึกก็มาวางอยู่หน้าห้องของพริมาในเดือนมีนาคม มันคือถุงกระดาษใส่เสื้อผ้าจำนวนมหาศาล หล่อนหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นเสื้อผ้าแฟชั่นของผู้หญิง แบรนด์ไทย ของใหม่ เมื่อเอ่ยถามกับป้าแม่บ้านก็ได้ความว่าใจเย็นเป็นคนสั่งให้เอามาให้ ซึ่งแน่นอนว่าพริมาต้องแบกความสงสัยไปพร้อมกับของกลางถุงสองถุงไปถึงห้องใจเย็นเพื่อเอ่ยถามถึงเหตุผล

“ทำไมพี่ให้เสื้อผ้าพวกนี้กับพริมล่ะคะ” พริมาเอ่ยถาม ขณะที่ใจเย็นนอนเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่บนเตียง

“ชอบหรือเปล่า”

“มันเยอะเกินไป พี่ไปเอามาจากไหนเนี่ย” อีกคำถาม แต่ใจเย็นดูจะสนใจหน้าจอโทรศัพท์มือถือมากกว่า พริมาถอนหายใจ “พี่ไม่เคยบ้าซื้ออะไรให้พริม มีเหตุผลอะไรหรือเปล่า”

“พี่ก็แค่ช่วยซื้อเสื้อร้านแม่ของเขา” ในที่สุดใจเย็นก็เอ่ยตอบ แม้จะยังนอนอยู่ในอิริยาบถเดิม

“เขาไหน?” พริมาทวนคำ แต่ใจเย็นไม่ได้ตอบทันที “จากคนที่พี่คิดว่าเขาพิเศษหรือเปล่า”

หล่อนเอ่ยข้อสันนิษฐาน เพราะมีไม่กี่สิ่งหรอกที่จะทำให้คนคนหนึ่งทำตัวแปลกไป

“ใช่”

และก็ตรงเผง แถมคนตอบก็ตอบหน้าตายพลางพาร่างในชุดเสื้อแขนยาวที่ชอบใส่ราวเมืองไทยอากาศหนาวทั้งปีลุกขึ้นจากเตียงนอน เดินตรงมายังพริมาแบบไม่ทันให้ตั้งตัวจากท่าทีเกียจคร้านเมื่อครู่ ใจเย็นหยิบเสื้อผ้าในถุงกระดาษขึ้นมาคลี่ดูพลางเอ่ย

“มีเสื้อครอปเอวลอยด้วยนะ แต่น้องพริมไม่น่าจะใส่สวยเพราะยังไม่มี—”

“พี่เย็น!” พริมาโวยวายก่อนใจเย็นจะพูดจบประโยค หลายครั้งก็เกลียดความหน้าตายยากจะเดาอารมณ์ แถมบางเรื่องก็ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจงใจกวนประสาทหรือไม่รู้ตัวว่าไม่ควรพูดกันแน่ กระนั้นเลยพริมาก็ข้ามประเด็นนี้ไปเสียก่อนและคุยเรื่องที่อยากรู้อยู่แทน

“พี่ก็คบผู้หญิงมาตั้งหลายคน ทำไมคนนี้แตกต่างจากคนอื่นล่ะ”

“งั้นเหรอ”

“พี่เย็น พริมถาม ไม่ใช่ให้พี่ย้อนถาม” พริมาแทบจะถอนหายใจพร้อมกับการเปล่งเสียง ขณะที่ใจเย็นก็ยิ้มแบบรู้ตัว แต่ไม่ได้ตอบอะไรนอกจากยัดเสื้อผ้ากลับเข้าถุงกระดาษดังเดิม “เอาเถอะ พี่คบเขาอยู่ใช่ไหม”

พริมาถามด้วยตั้งใจจะบอกว่าถ้าพิเศษขนาดทำให้เกิดภูเขาเสื้อผ้าที่หน้าห้องหล่อนได้ล่ะก็ควรจะดูแล ‘เธอคนนั้น’ ให้ดีๆ พริมาตั้งใจจะเทศนาพี่ชายที่ดูจะเชี่ยวชาญเรื่องผู้หญิงแต่แท้จริงก็ทึ่มทื่อในเรื่องละเอียดอ่อนด้วยซ้ำ แต่ใจเย็นก็ตอบออกมาเสียก่อน

“เปล่านี่” นั่นทำให้พริมาสรรความคิดลำดับต่อมาเข้าสมองไม่ทัน และในช่วงเวลานั้นใจเย็นก็ยื่นถุงกระดาษกลับมาใส่มือหล่อนและเอ่ยถาม “ชอบไหม คราวหน้าจะซื้อมาให้อีก”

“อืม...เอาสิ”

สรุปแล้วพริมาไม่ได้พูดอะไรอย่างที่ตั้งใจเอาไว้เมื่อคำตอบเป็นไปในทางตรงข้าม วันนั้นพริมาเดินกลับไปที่ห้องตัวเองพร้อมกับความรู้สึกลอยๆ แปลกประหลาด คงเพราะหล่อนตีความสิ่งที่พบเจอในวันนี้ว่าใจเย็นกำลังเปลี่ยนไปอย่างมหาศาล และหล่อนก็ตีความอีกด้วยว่าสำหรับใจเย็น การที่ยังไม่ได้คบแต่ทำเรื่องแบบนี้ให้ แสดงว่าน่าจะพิเศษมากๆ

พริมายิ้มขณะไล่ลองเสื้อที่ใจเย็นนำมาให้ เพราะรู้สึกว่าพี่ชายคนโตของหล่อนดูจับต้องเข้าถึงง่ายกว่าที่ผ่านมาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

กระนั้นเลย ปัทมากลับไม่เคยรู้สึกถึงมันดังเช่นที่พริมารู้สึก

“กับพิชญะน่ะ พริมสนิทกับพี่เขาแค่ไหน”

เป็นคำถามในวันที่ฟ้าครึ้มเมฆหม่นตามที่พยากรณ์อากาศบอกว่าพายุฤดูร้อนกำลังมา เหมือนเดิมที่ปัทมานั่งไขว่ห้างอยู่ริมระเบียง มองออกไปไกล และจุดบุหรี่สูบ

“พี่พิชญ์เหรอคะ ก็สนิทนะ แต่บางทีก็ทำตัวเหมือนเป็นน้องชายพริม ยอมไปเสียทุกอย่าง น่าเบื่อนิดๆ” พริมาตอบยืดยาวตามนิสัย

“ยอมสิดี” หากแม่ของหล่อนกลับตอบกลับสั้นๆ ให้พริมามุ่นคิ้ว

“ทำไมล่ะคะ”

“พิชญะจะยืนด้วยตัวของตัวเองไม่ได้หรอก เจรจางานกับใครเขาก็ลำบาก ถ้าพริมอยู่ข้างๆ และคอยซัพพอร์ทได้ก็จะดี” ปัทมาอธิบายพลางเคาะขี้เถ้าปลายมวนบุหรี่ให้ตกพื้น “เพราะงั้นสนิทกับพิชญะเข้าไว้นะลูก”

ท้องฟ้าร้องครืนในตอนนั้น พริมามองขึ้นไปเบื้องบนก็เห็นว่าเมฆกำลังโลดแล่นเหมือนรีบไปไหนสักแห่ง

“แปลกนะคะ เมื่อก่อนแม่บอกแต่ให้พริมสนิทกับพี่เย็นนี่คะ”

สิ้นคำถาม ปัทมาหันมามองลูกสาวของตนเอง ก่อนยิ้มนวลไปกับมวลบุหรี่ เอ่ยเสียงเบาบอกว่าเรื่องต่อไปนี้ให้เก็บเป็นความลับตราบเท่าที่มันยังไม่เริ่มขึ้นจริงๆ

“คุณเกษรากำลังจะฟ้องหย่า”

หรือพูดอีกอย่าง ตราบเท่าที่มันยังไม่แพร่งพรายจากปากคุณเกษราให้ลูกชายเพียงคนเดียวของหล่อนรู้ตัว

วินาทีนั้นท้องฟ้าร้องคำรามกึกก้อง และฟาดเปรี้ยงลงมาเมื่อสิ้นอีกประโยคของปัทมา “คิดว่าใจเย็นจะเลือกอยู่กับใครล่ะ”

พริมาได้ฟังก็รู้สึกว่าข้างในใจของตนเองปั่นป่วนราวกับท้องฟ้าเบื้องบน ไม่อาจอธิบายได้ว่าเพราะอะไร รู้แค่มันปั่นป่วนอยู่เช่นนั้น และรู้ตัวอีกทีว่าเดินอยู่กลางโถงทางเดินมุ่งตรงไปยังห้องของใจเย็นก็ตอนที่ฝนตกกระหน่ำ กระนั้นพริมาก็ไม่อาจอธิบายได้จริงๆ ว่าตนเองกำลังรู้สึกอะไรอยู่

บางทีตอนนี้พริมาอาจจะกำลังไร้ความรู้สึกเหมือนเป็นเครื่องมือที่ถูกเจ้าของใช้กระมัง แต่ก็อีก หล่อนไม่รู้ตัวหรอกว่าตนเองกำลังรู้สึกเช่นนั้น ต่อให้หล่อนจะคิดว่าตนเองรู้ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกต่างจากพี่ชายคนโตก็ตาม

“พี่เย็น”

พริมาเอ่ยเรียกใจเย็นที่หน้าห้อง รอท่ามกลางเสียงฝนไม่นานนักใจเย็นก็เปิดประตูออกมา เอ่ยถามด้วยสายตาว่ามีอะไร ซึ่งพริมาก็ถามออกไป แม้ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องเป็นคำถามนี้ ในเวลานี้

“พี่เลิกคบผู้หญิงหลายๆ คนพร้อมกันแล้วใช่ไหมคะ”

ใจเย็นนิ่งไปก่อนเหมือนไตร่ตรอง ไม่สิ อาจแค่ไม่คิดว่าจะถูกถามเรื่องนี้ เพราะไม่ถึงอึดใจ ใจเย็นก็ตอบออกมาโดยไร้ความลังเลใดๆ


“ทำไมต้องเลิกล่ะ”


ตอนนั้นเองที่พริมารู้สึกว่าที่แท้แล้วหล่อนเองก็ไม่ได้ต่างจากใจเย็นเลยสักนิด เพราะที่คิดว่าเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกดีมาตลอด สุดท้ายก็ไม่ได้เข้าใจอะไรเลยแม้แต่เศษเสี้ยวของมัน










**********************************************************************
ขอโทษที่หายไปนานค่ะ ยังอยู่นะคะ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นติดตามเพราะเป็นแรงกระตุ้นอีกอย่างที่ทำให้อยากกลับมาอัพต่อเร็วๆค่ะ  :hao5:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
สงสารพริมา

หลงเข้าไปในหมอกของใจเย็น

ออฟไลน์ imymild

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
เริ่มไม่เข้าใจตามไปด้วยเลย

ออฟไลน์ panpang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 497
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
ความคิดของใจเย็น :z6:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ดีใจ ไรท์มาต่อ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

พี่น้อง ก็ไม่ได้เข้าใจกันง่ายกว่าคนอื่นเลย
โดยเฉพาะพี่ชายอย่างใจเย็น

แม่ของใจเย็นจะฟ้องหย่า
หย่าแล้วถ้าทำให้มีความสุข ก็ควรทำ
สามีที่นอกใจ เขาก็คิดได้แต่ความต้องการของตัวเองเท่านั้น
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:   

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
มาแล้วววว ดีใจจจจ  :hao5:


ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
พายุลูกนี้ปูทางมายาวไกล แลดูน่าจะใหญ่มาก

ออฟไลน์ vwm666

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เย้ๆๆๆ มาต่อแล้วดีใจ :mew1:

ออฟไลน์ Rungsai

  • ใครบอกว่ารุ้งมีเจ็ดสี :D
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ใจเย๊นนนนน ฮือ คิดถึงในที่สุดก็มาาาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
เราคิดว่า ที่ใจเย็นเป็นแบบนี้ก้ความผิดของคนรอบตัวนั่นล่ะ

คิดว่าสิ่งที่เขาทำไม่ดี แต่ตอนเขาถามว่าทำไมถึงไม่วรทำ ไม่มีใครตอบลึกลงไปถึงคำถามของเขา

ไม่มีใครสอนหรืออธิบาย เพราะคิดว่าเขาควรจะรู้ได้ด้วยตัวเอง

เพราะไม่เคยไปแตะต้องในสิ่งที่คัวเองรู้สึกยุ่งยากใจ เราก็ได้เด็กมักง่ายในเรื่องความรู้สึกและไม่ชอบแตะต้องเรื่องยุ่งยากใจมาคนนึง้หมือนใจเย็นนี่ไง..

ออฟไลน์ MOMAMi_96

  • เรื่อยๆ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3
เรื่องของครอบครัวนี่น่าติดตามกว่าใจเย็นกับเป็นไทอีกอ่ะ แบบมันมัวๆอึมครึมๆเว่อมีมิติทุกตัวละคร

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
คนบ้านนี้เข้าใจยากกันไปหมด โลกที่รุ้จักกันมันช่างบิดเบี้ยวเพราะสิ่งที่เห็นสิ่งที่ถูกปลูกฝังกันมา
ทำไมมันดูน่าสงสาร

ออฟไลน์ แยมส้มขมคอ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-2
21 – บุหรี่


เป็นไทจำได้ว่าตอนที่สูบบุหรี่ครั้งแรก บุหรี่มวนนั้นเป็นมวนที่เพื่อนสูบไปแล้วและยื่นมันต่อให้เขา เขารับมาสูบ สูดนิโคตินลึกเต็มปอด แม้จะรู้สึกระคายเคืองลมหายใจ แต่ก็ไม่ได้ขัดเคืองจนไอโขลก ตอนนั้นเป็นไทไม่เข้าใจหรอกว่าบุหรี่ช่วยผ่อนคลายอย่างไร อาจแค่รู้สึกสบายตอนควันกอบลมหายใจออกมาพร้อมความทุกข์กลัดกลุ้ม กระนั้น รู้ตัวอีกทีเขาก็ต้องสูบมันอย่างน้อยวันละสองสามมวน

ปราณีเองก็ดูจะรู้ว่าเขาติดบุหรี่ แน่นอนว่าเคยห้ามแต่ก็ไม่เคยเด็ดขาดจริงจัง ไม่สิ ปราณีไม่เคยเด็ดขาดจริงจังกับเรื่องอะไรอยู่แล้ว สิ่งที่ปราณีทำมาตลอดและทำได้ดีดูจะเป็นแค่การเฝ้ามองเป็นไทอยู่ห่างๆ ไม่ว่าจะเรื่องที่เขาชกต่อยทะเลาะวิวาท หรือกระทั่งเรื่องคอขาดบาดตายภายในครอบครัว

นั่นล่ะ แม่ของเป็นไทเป็นแบบนั้นเสมอมา เป็นคนที่ไม่เคยเด็ดขาดจริงจัง ไม่อาจยืนได้ด้วยลำแข้งของตนเอง ดังนั้นตอนที่เป็นไทเห็นแม่เริ่มทำร้านเสื้อผ้า เป็นไทจะรู้สึกแปลกแสลงตา แสลงความรู้สึก ต่อให้ปราณีจะไม่ได้ทำมันด้วยตัวคนเดียวแต่มีเพื่อนเป็นหุ้นส่วนอีกคนก็ตาม

และเป็นไทก็เพิ่งรู้ตัวตอนที่ใจเย็นทัก ว่าเขามักจบลงที่การสูบบุหรี่ทุกครั้งที่แวะมาร้านเสื้อของแม่ตนเอง

“แปลกหรือไง” ครั้งแรกเขาถามกลับไปแบบนั้น ระบายควันไปยังด้านที่ไม่มีคน

“ปกติไม่สูบให้เห็นเลยนี่ครับ”

คำพูดของใจเย็นทำให้รู้สึกว่าจริงดังนั้น แต่ก็เถียงว่าจะให้สูบตอนสอนพิเศษก็ใช่เรื่อง ซึ่งพูดไปแล้วก็ทำให้รู้สึกอีกว่าในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาเขาเจอกับใจเย็นนอกสถานที่ นอกเวลา นอกธุระ บ่อยขึ้นทุกที ทุกที

แน่นอนว่าเพราะอีกฝ่ายมาหาเขาเอง

ยิ่งตอนที่ใจเย็นปิดเทอมก็ยิ่งมาบ่อยไม่ต่างจากปิดเทอมที่แล้ว และก็เหมือนเดิมที่เป็นไทหลงวังวนในช่วงสอบ งานเดี่ยว งานกลุ่ม ไฟนอลโปรเจ็คต์ อะไรต่อมิอะไรทั้งหลายแหล่ที่ทำให้แม้แต่สงกรานต์ก็ไม่ว่างพอจะไปเที่ยวตามคำตื๊อของใจเย็น กระทั่งช่วงหนึ่งที่ใจเย็นไม่โผล่มาให้ไล่แล้วนั่นแหละ เป็นไทจึงเอ่ยถามในวันเสาร์สอนพิเศษที่ต้องเจอหน้ากันอยู่แล้ว

“ไปเรียนชีวะครับ”

“จริงดิ” เป็นไทรู้สึกได้เลยว่าน้ำเสียงของตัวเองแปลกใจเพราะที่ผ่านมาไล่ใจเย็นเท่าไหร่ก็ไม่ไป เอาแต่บอกว่าจะให้เขาสอนอยู่อย่างนั้น

“จริง ผมเรียนเคมีด้วยนะ”

“นึกยังไงวะ”

“ก็เป็นไทไม่ว่างนี่ครับ ผมเบื่อ” แล้วคำตอบจากปากใจเย็นก็ทำให้รู้สึกอยากเบ้หน้า จะว่าใจเย็นตอบตรงคำถามก็ใช่ แต่จะว่าตอบไม่ตรงคำถามก็ไม่เชิง

ที่รู้ๆ เป็นไทรู้สึกว่าตนเองเริ่มจะกลายเป็นดาวฤกษ์ ขณะที่ใจเย็นซึ่งเอาแต่ใจให้คนอื่นโคจรรอบตัวเองมาตลอดก็แปรเปลี่ยนเป็นดาวเคราะห์มาโคจรรอบเขาเสียแทน ให้ความรู้สึกพิลึกพิลั่นไม่อาจอธิบาย แต่ก็ไม่ได้คิดว่าเลวร้ายนัก

“มึงควรจะเรียนเพราะห่วงอนาคตตัวเองดิวะ” โดยไม่รู้ตัว เป็นไทหมุนควงปากกาในมือไปด้วย

“เรียนเพราะเป็นไทบอกให้เรียนไม่ได้เหรอครับ”

อีกครั้งที่อยากเบ้หน้า ไม่ก็ด่าไปสักอย่าง แต่เมื่อคิดว่าจะเรียนเพราะอะไรก็ช่างเถอะ ถ้าสุดท้ายใช้ประโยชน์ได้ก็น่าจะดีแล้ว

“เออๆ แล้วเขาสอนดีไหม”

“ก็ใจดีกว่าเป็นไทครับ”

“อยากให้กูใจร้ายกว่านี้มะ”

“มีใจร้ายกว่านี้อีกเหรอ”

ปวดประสาท – ดูเป็นคำที่เหมาะสำหรับการต่อล้อต่อเถียงกับใจเย็น และเป็นไทก็เริ่มแยกออกนิดๆ แล้วด้วยว่าที่ใจเย็นพูดออกมาน่ะกวนตีนหรือไม่รู้ไม่รู้ตัว

ซึ่งครั้งนี้น่ะกวนตีน เห็นชัดจากรอยยิ้มบนใบหน้า

หากสงครามก็สิ้นสุดด้วยการที่ใจเย็นหนีไปตักไอศกรีมสตรอเบอร์รี่แบบไม่ขออนุญาต ไม่สิ อันที่จริงก็ไม่เคยจะขออยู่แล้ว ถึงจะดูกลายเป็นดาวเคราะห์ที่โคจรรอบเขามากแค่ไหน ก็ยังเป็นดาวเคราะห์ที่เอาแต่ใจนึกอยากทำอะไรก็ทำอยู่ดี

เป็นไทจำได้ว่าการสอนพิเศษวันนั้นจบลงที่ใจเย็นพูดถึงดอกสวีทพี บอกว่าพฤษภาคมเวียนมาอีกปีแล้ว เขาจำไม่ค่อยได้หรอกว่ามันคือดอกไม้ดอกแรกที่ใจเย็นบอกกับเขาว่ามันหอม หากดูท่าอีกฝ่ายจะจำได้ และทั้งที่ปีนี้ก็ไม่ได้ก้มลงไปดอมดมตามคำชวนเหมือนเคย แต่ก็อีก เขารู้สึกเหมือนได้กลิ่นดอกไม้ติดจมูกกลับมา และดูจะอวลอึงไปทั่วความคิดเรื่องเด็กมัธยมปลาย เรื่องการสอบเข้ามหาวิทยาลัย เรื่องเรียน สิ่งที่ชอบ ไม่ชอบ สิ่งที่อยากทำ ไม่อยากทำ ก่อนจะสิ้นสุดลงด้วยความคิดสุดท้ายว่าจะได้ทำในสิ่งที่ชอบหรือเปล่า พร้อมกับกลิ่นบุหรี่ที่กลบกลิ่นดอกไม้ไปในค่ำคืนนั้น

“เป็นไทสูบบุหรี่อีกแล้ว”

และเป็นไทก็ถูกใจเย็นทักเรื่องนี้อีกครั้งในเดือนมิถุนายน เหมือนเดิมที่เขาปลีกตัวออกมาสูบบุหรี่ตรงลานจอดรถหลังจากใจเย็นนึกครึ้มซื้อเสื้อผ้าร้านแม่เขาไปฝากน้องสาวอีก ซึ่งลึกๆ เป็นไทพอจะเดาออกว่าเจ้าตัวอยากช่วยซื้อ เพราะแน่นอนว่าฐานะทางบ้านของใจเย็นคงมีแต่เสื้อผ้าดีๆ ที่บ้านอยู่แล้ว

น่าแปลกที่พอคิด ก็เหมือนกับได้สบตาเข้ากับดอกสวีทพีอีกครั้งท่ามกลางมวลบุหรี่

“ไปยืนที่อื่นก็ได้นะ”

“ไม่เป็นไรครับ” ใจเย็นเอ่ยคำตอบที่ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ ยืนข้างๆ เขา พิงระเบียงกั้นตกของลานจอดรถ มองออกไปเห็นท้องฟ้าจัดจ้า ทั้งที่อยู่ท่ามกลางเมืองที่จอแจ แต่ที่ตรงนี้กลับเงียบ เงียบพอที่จะได้ยินเสียงคำถามของใจเย็นดังฟังชัด “ขอลองสูบบ้างได้ไหม”

และก็ฟังสะท้อนก้องในใจของเป็นไทจนเขาลังเล นึกอยากจะด่า แต่ภาพตัวเองในอดีตที่ผุดขึ้นมาก็ทำให้ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากล้วงหยิบซองบุหรี่ขึ้นมา

“มวนที่เป็นไทสูบอยู่ก็ได้”

ทันใดรุ่นน้องผู้ริลองก็ถือวิสาสะหยิบบุหรี่มวนที่เป็นไทคาบอยู่กับปาก ซึ่งทันทีที่ปากว่างเขาก็สบถด่า แต่ใจเย็นไม่ได้สนใจอะไร เสียบมวนบุหรี่ของเขาเข้าที่ปาก และในชั่ววินาทีก่อนใจเย็นจะเริ่มสูบก็กลับมีภาพซ้อนทับของหลายสิ่งอย่างผุดพรายขึ้นในความคิดของเป็นไท ทั้งภาพที่ตนเองรับมวนบุหรี่จากเพื่อน ภาพที่เขาคาบมันไว้ในปาก สูดลงไปให้ลึกเต็มปอด ภาพรอยยิ้มของใจเย็น ภาพที่ลิ้นไล้เลียไอศกรีมที่เลอะริมฝีปากในบางครั้งบางคราว และภาพของเย็นวันนั้น ที่แสงแดดส่องผ่านม่านบาหลีเข้ามา ประกายวิบไหวชัดในดวงตาของใจเย็นที่รุดตัวเข้ามาใกล้ และริมฝีปาก...

หากภาพทรงจำทุกอย่างก็แตกกระเจิงเมื่อใจเย็นคนปัจจุบันไอเพราะสำลักควัน เท่านั้นไม่พอดูท่าขี้เถ้าปลายมวนจะทำพิษหล่นลงเกาะนิ้ว ความร้อนทำให้เจ้าตัวสะบัดบุหรี่หลุดมือ

นั่นแหละที่ทำให้เป็นไทหัวเราะลั่น

“ไอ้เชี่ย อ่อนสัด” และว่าออกไปอย่างสะใจ แม้จะเห็นแววตาขัดใจแถมน้ำหูน้ำตาไหลของคนถูกด่าแต่เป็นไทก็ยังคงขำ ก่อนในที่สุดจะเอ่ยบอก “ไม่สูบอะดีแล้ว”

“แต่เป็นไทยังสูบเลย”

“เออน่า”

เป็นไทตัดบท ปล่อยควันหลงอาการสำลักของใจเย็นให้ดำเนินไปอีกสักพัก จนเมื่อหยุดลง ความเงียบก็กลับมาอีกครั้ง เป็นดังนั้นจึงเคาะบุหรี่มวนใหม่ออกจากซอง พลันภาพทรงจำสุดท้ายที่แตกกระเจิงไปก็ย้อนกลับมา

เป็นภาพที่ใจเย็นชะงักไปพร้อมกับเขาที่กระชากมือออกจากการถูกกดกุมเอาไว้ ก่อนกลายเป็นว่าทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งคู่ ทั้งที่ก็แน่ใจระคนไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร แต่เพราะไม่มีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีก การลืมไปจึงเป็นสิ่งที่ดีกว่า

หากสุดท้าย เป็นไทก็รู้ดีอยู่ว่าความสัมพันธ์นี้มันประหลาดขึ้นทุกที

เขารู้สึกมานานแล้วว่าใจเย็นชื่นชอบเขาในแบบที่ไร้คำนิยาม และเขาไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก บางทีความสัมพันธ์ของผู้ชายด้วยกันซึ่งไม่เกี่ยวพันเชิงชู้สาวก็หลากหลายซับซ้อนกว่าที่คนทั่วไปเข้าใจ แต่ถ้าตัดออกมาเป็นคำง่ายๆ ก็ดูจะเป็นจำพวกเคารพ ยกย่อง ยึดเป็นแบบอย่าง เทิดทูนด้วยเรื่องสักเรื่อง แน่นอนว่าเป็นไทไม่เห็นว่าตนเองมีอะไรให้ใจเย็นติดเขาแจแบบนั้น ขณะเดียวกันก็ไม่เคยคิดไปในทางอื่น

ทว่าหลังๆ ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าใจเย็นรู้ตนเองในแบบไหน

“มึงชอบผู้หญิงแบบไหน” สุดท้ายเป็นไทก็ตัดสินใจทำลายความเงียบด้วยการถามเรื่องผู้หญิง

“น่ารัก” ใจเย็นตอบแทบไม่ต้องคิด

“สัด ใครก็ชอบผู้หญิงน่ารักปะ เอาแบบนิสัยดิ เด็ก ผู้ใหญ่ ขี้อ้อน”

คราวนี้คำถามดูทำให้อีกฝ่ายคิดอยู่นาน เป็นไทอาศัยเวลานั้นจุดบุหรี่มวนใหม่สูบ

“ไม่รู้สิครับ” ในที่สุดก็ตอบออกมา “แล้วเป็นไทล่ะ”

“ก็คง...ผู้หญิงที่พึ่งตัวเองได้”

“งั้นเหรอ” ใจเย็นตอบรับ “ผู้หญิงที่พึ่งตัวเองได้น่ะเท่จะตาย...ไม่นานแม่เพิ่งพูดแบบนี้พอดี”

เป็นไทเงียบ ไม่รู้จะตอบรับอะไร ขณะที่ในใจก็คิดว่าคำพูดแบบนี้คงไม่หลุดออกจากปากแม่ของเขาเอง

“แต่ผมก็ไม่รู้อยู่ดีว่าชอบผู้หญิงแบบไหน”

“มึงไม่เคยรู้อะไรตัวเองเลยต่างหาก”

“ก็รู้ว่าชอบเป็นไทนะ”

“พอ รำคาญ”

ไม่รู้ว่ากี่ครั้งที่ใจเย็นพูดว่า ‘ชอบ’ และก็ไม่รู้ว่ากี่ครั้งที่เขาจะตอบด้วยคำพูดไร้เยื่อใย กระนั้นใจเย็นก็ยังยิ้ม ยิ้มเป็นเด็กๆ ซึ่งรอยยิ้มที่ดูไม่คิดอะไรให้ลึกซึ้งเลยแบบนั้นก็ชวนให้เป็นไทได้รับอิทธิพลเหมือนกัน

อิทธิพลที่ว่าไม่เห็นต้องคิดอะไรให้มากมาย มีความสุขก็พอ

วันนั้นเองที่เป็นไทก็ยิ้มขำไปด้วย และกลิ่นบุหรี่ก็ดูจะเจือจางยิ่งกว่ากลิ่นดอกไม้ที่ลอยฟุ้งจากความรู้สึก

บางครั้งบางคราวนับจากวันนั้น เป็นไทจะคิดว่าดอกไม้ในแจกันแก้วดอกต่อไปจะเป็นอะไร และเพราะเขาปิดเทอมขณะที่ใจเย็นเปิดเทอม บางครั้งบางคราวที่อยากจะออกปากไล่ใจเย็นทั้งที่เจ้าตัวไม่มาให้เห็นหน้าจึงผุดพรายขึ้นมาบ้าง เป็นความรู้สึกประหลาด แต่ก็นวลเนียนคล้ายกลิ่นดอกไม้ ก่อนจะรู้สึกว่ามันฉุนแสบจมูกในวันหนึ่งของปลายเดือนมิถุนายน

มันเป็นวันอาทิตย์ที่เป็นไทออกมาสอนพิเศษเหมือนอย่างเคยๆ และมันก็คงเป็นหนึ่งในความบังเอิญรอบที่สามหรือสี่ เป็นไทจำไม่ได้ แต่ถ้าใจเย็นไม่คิดให้เขาเป็นครูสอนพิเศษ นี่ก็น่าจะเป็นความบังเอิญอีกครั้งที่พบกัน...โดยที่ครั้งนี้ใจเย็นไม่รู้ตัว

เป็นไทเห็นใจเย็นเดินจับมือกับเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักแบบที่ใจเย็นเคยพูดไว้ว่าเป็นแบบที่ชอบ ตอนที่เห็นก็แค่พึงนึกขึ้นได้ว่าใจเย็นนั้นคบผู้หญิงแบบเปลี่ยนไปเรื่อย เขาลืมนิสัยนี้สนิท เพราะนับจากวันแรกๆ ที่รู้จัก ใจเย็นก็ไม่ได้แสดงออกถึงเรื่องนี้ ตอนที่อยู่ด้วยกันจนเรียกได้ว่า ‘สนิท’ ก็ไม่เคยมีเรื่องนี้โผล่เข้ามาในความสัมพันธ์จนเขาลืมเลือน เป็นไทแค่มองตามผ่านกระจกของร้านกาแฟอย่างไม่รู้สึกอะไร แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งของการกระทำ เขากลับรู้สึกขึ้นมาอย่างอัดล้น

มันเป็นความรู้สึกที่ว่าสำหรับใจเย็นแล้ว ที่แท้เขาก็ยังเป็นแค่ดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง และใจเย็นยังเป็นดาวฤกษ์ที่ทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาลหมุนรอบตัว เป็นไทรู้สึกอย่างนั้นขึ้นมาในวินาทีที่ใจเย็นยิ้มให้ผู้หญิงคนนั้น ด้วยรอยยิ้มเหมือนเด็กๆ ที่ก็เพิ่งรู้ตัวว่าเขานึกว่าใจเย็นยิ้มให้เขาแบบนี้คนเดียว

ความสัมพันธ์ของพวกเขามันประหลาด

ไม่รู้ทำไมเมื่อประโยคที่เคยคิดแจ่มชัดในหัวอีกครั้ง ก็พลันปั่นป่วนเหมือนมีพายุสุริยะในความรู้สึก เป็นไทไม่รู้ว่าตนเองรู้สึกอะไรและต้องการอะไร ไม่แม้แต่จะอธิบายมันออกมาเป็นคำพูดได้ สิ่งที่เขาทำได้ตอนนี้คือขอตัวจากนักเรียนที่เขายังสอนค้างอยู่และเดินออกมาที่ลานจอดรถ จุดบุหรี่สูบ อัดวิญญาณนิโคตินเข้าปอด ให้มันกระชากเอาลมหายใจและความรู้สึกบ้าๆ บอๆ ที่จู่ๆ ก็เกิดขึ้นด้วยเรื่องเล็กน้อยแค่นั้นออกมา

แต่จนแล้วจนรอด จนหมดบุหรี่มวนที่สอง ที่สาม ที่สี่ ที่ห้า เป็นไทก็ยังไม่รู้ว่าทำไม สิ่งที่เขาทำได้ก็แค่สูบบุหรี่เข้าไปอีก

กระทั่งหมดทั้งซอง เขาก็ตอบได้แค่ว่าเพราะไม่อยากได้กลิ่นดอกไม้คลุ้งในจมูกจนหายใจไม่ออก








****************************************************************************************
เรื่องที่คุณเกษราจะฟ้องหย่าเดี๋ยวบอกทีหลังนะคะว่าทำไมลากยาวหลายเดือนยังเงียบหาย

ที่อยากจะพูดคือ รู้สึกว่านิยายเรื่องนี้คนอ่านไม่เยอะมาก ตอนหายไปและกลับมาก็ไม่คิดว่าจะมีคอมเม้นอะไร แต่พอเห็นว่ามีคนดีใจที่กลับมา มีคนรออยู่ ก็แบบ ดีใจง่ะ  :hao5: เนี่ย เลยรีบเขียนต่อเลยค่ะ   :hao7:

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ อาจช้าไปบ้างแต่บทจะมาก็มาพรวดๆ ติดกันสองตอนงี้แหละค่ะ แหะๆ

ออฟไลน์ mamemoo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ในที่สุดก็มาแล้ววววว แถมสองตอนด้วย ตื่นเต้นมากเลยค่ะ ยิ่งกว่าถูกหวยเลย 555555
ตอนนี้เหมือนสถานะของทั้งคู่ถอยกลับไปอีกขั้นหนึ่งเลย แต่รู้สึกว่าเป็นไทจะรู้สึกตัวขึ้นมาอีกระดับเหมือนกันซะงั้น ฟฟฟฟฟ
เราชอบพาร์ทน้องพริมมากค่ะ ชอบที่คุณแยมใส่ใจตัวละครทุกตัวแบบนี้จัง แงงงง ชอบไปหมดเลยค่ะ ชอบโทนเรื่อง ชอบตัวละคร เราเริ่มต้นมาจากชอบนายขนมต้มเป็นไท จนตอนนี้ชอบไทยเย็นมากกว่าเป็นไทแล้ว (อ้าว) 5555
ที่ผ่านมาไม่ได้คอมเมนท์เลย แต่ต่อจากนี้จะคอมเมนท์บ่อยๆนะคะ สัญญาเลย 5555
เป็นกำลังใจให้นะคะ ฮึบๆ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ papapajimin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 294
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
อ่าน 2 ตอนรวด ดีจายยยย
กลับมาทั้งที มา 2 ตอนอย่างเร็วววว

หน่วงเกินไปแล้วว ใจเย็นหนูจะต้องเลิกนิสัยนี้นะ
ไม่งั้นเสียเป็นไทแน่ๆ

ออฟไลน์ vwm666

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ก็เตรียมใจมาแล้วนะว่าเรื่องนี้มันโคตรจะดราม่า 55555555555
แต่พออ่านถึงตอนนี้อดคิดไม่ได้ว่า กว่าปมของทั้งสองคนจะถูกแก้ มันจะสายเกินไปรึป่าว
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
เป็นกำลังใจให้คนเขียนเน้อ  o13

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
งานดราม่าก็มา

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
อยู่ในม่านบาหลีที่ครอบคลุมด้วยกลุ่มหมอกต่อไป

ดีใจที่มาต่อค่ะ เรารออ่านเสมอ สู้ ๆ นะ

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ แยมส้มขมคอ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-2


22 – ฉากหลังที่ว่างเปล่า



ถ้าให้ใจเย็นบรรยายถึงคุณเกษราผู้เป็นแม่ของตนเอง สิ่งแรกที่ปรากฏในใจดูจะไม่ใช่นิยามถึงหญิงสาวผู้มอบความรักความอบอุ่น ไม่ใช่นิยามถึงผู้มีพระคุณล้นพ้น ไม่ใช่นิยามถึงครอบครัว บ้าน หรืออื่นใดทั้งนั้น แต่สิ่งแรกที่ปรากฏในใจกลับเป็นสัมผัส สัมผัสทางนาสิกประสาทที่กลิ่นหอมของดอกไม้อวลอบ

ใจเย็นรู้สึกแบบนั้นมาตั้งแต่เด็ก รู้สึกมาตั้งแต่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าดอกไม้เรียกว่าดอกไม้ มันคงเป็นความรู้สึกเดียวกันกับที่รู้สึกว่าคุณเกษราคือแม่ที่รักเขาตั้งแต่ยังไม่รู้ว่าแม่นั้นคืออะไร และคงต่อไปตราบจนชั่วชีวิตที่ใจเย็นจะได้กลิ่นดอกไม้หอมหวานเมื่อนึกถึงแม่ของตน

กระนั้นเลย ใจเย็นกลับไม่ได้สังเกตสังกาเลยว่ากลิ่นหอมของดอกไม้ในบ้านดูเจือจางลงได้สักพักแล้ว อาจเป็นรอยยิ้มของคุณเกษราที่มอบให้เขาเหมือนเดิมสม่ำเสมอจึงทำให้ไม่ได้คิดอะไร อาจเป็นเพราะระยะหลังมานี้เขาก็เอาแต่สนใจเรียนจนน่าประหลาด อาจเพราะคณิตศาสตร์ เคมี ชีวะ หรืออาจเพราะใดๆ ในโลกก็ได้ที่ทำให้ใครสักคนไม่ได้สังเกตความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ของคนใกล้ตัว

แต่ถ้าจะว่ากันตามจริง ใดๆ ในโลกเหล่านั้นก็ล้วนมีที่มาจากเป็นไท – คนไกลตัวที่ใจเย็นอยากได้มาเป็นคนใกล้ตัวไม่สิ้นสุด

ต่างออกไปจากสัมผัสเวลาใจเย็นนึกถึงคุณเกษรา ตอนที่นึกถึงเป็นไท ใจเย็นไม่รู้สึกถึงกลิ่นดอกไม้ แต่ใจเย็นกลับเห็นภาพชัดขึ้นทุกทีว่าเป็นไทอยู่ท่ามกลางฉากหลังที่ว่างเปล่า อาจจะนั่งอยู่หน้าโต๊ะสักตัว นั่งอ่านอะไรบางอย่าง ไม่ก็เขียนอะไรขยุกขยิกหรือหมุนควงปากกาเล่น ซึ่งเป็นมุมที่เขามักจะได้มองในซุ้มม่านบาหลี

แต่บ่อยครั้งที่เขานึกฉากหลังไม่ออก

บ่อยครั้งที่โดนม่านควันบุหรี่บดบังความว่างเปล่าเบื้องหลังร่างของเป็นไททั้งที่เขาก็เคยเห็นเป็นไทสูบบุหรี่อยู่ไม่กี่ครั้ง บ่อยครั้งที่เขาเห็นภาพเป็นไทนั่งเล่นอยู่กับเพื่อนที่มหาวิทยาลัยแต่เขานึกภาพลานหน้าคณะไม่ออก จนท้ายที่สุด หลายต่อหลายครั้งภาพฉากหลังในความคิดก็กลายเป็นสวนดอกไม้ สระน้ำ สะพานข้ามน้ำตก ห้องโถง ห้องนั่งเล่น ห้องนอน ที่ไหนก็ได้ที่เป็นสถานที่ของเขา เหล่านั้นถูกแทนที่เข้าไปราวกับถูกจับวาง ซึ่งใจเย็นก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น พอๆ กับที่เขาไม่เข้าใจว่าการคบผู้หญิงหลายคนนั้นผิดตรงไหน

อย่างไรก็ตาม ถึงภาพเป็นไทจะชัดเพียงใดในทรงจำ ใจเย็นก็ยังเบื่ออยู่ดีที่จะไม่ได้เห็นตัวจริง

เปิดเทอมของมหาวิทยาลัยวนมาอีกครั้ง และเหมือนเดิมที่เป็นไทชอบบอกว่าไม่ว่างต่อให้เขาไปหาในตอนเย็น ไม่ว่าง ไม่ว่าง จนใจเย็นเริ่มชิน แถมถูกสมทบมาด้วยว่าปีสามเป็นปีที่จะเรียนหนักที่สุด หนักตั้งแต่เริ่มแรก และไล่ให้ใจเย็นกลับมาห่วงเรื่องเรียนของตนเอง แน่นอนว่าใจเย็นก็กลับมาสบตากับชีวะ เคมี ลามไปถึงฟิสิกส์ในบางที กระทั่งรู้ตัวว่าเป็นไทไม่ยอมสบตากับเขาก็ตอนที่นั่งอยู่กับนายคำนวณคนเดิมนั่นแหละ

เริ่มแรกใจเย็นจับสังเกตได้ว่าระหว่างที่สอน มือของเป็นไทที่มักควงปากกาเล่นอยู่บ่อยๆ ก็กลับไม่สนใจการเล่นนั้น ดูจับจดกับการกดปุ่มปากกาเสียมากกว่า บ้างก็ปลีกตัวไปเข้าห้องน้ำ อันที่จริงสิ่งเหล่านี้ดูเป็นเรื่องเล็กๆ แต่ก็ชัดขยายใหญ่เมื่อรู้สึกว่าเป็นไทหลบหน้าทั้งๆ ที่นั่งข้างๆ

“เป็นไท” สุดท้ายใจเย็นก็ทนความสงสัยไม่ไหว

“อะไร”

“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”

“เรื่องอะไรของมึง”

“ผมสังเกตได้นะ”

พอพูดประโยคนี้ อีกฝ่ายก็เงียบชะงักเหมือนนึกคำโต้ตอบทันควันไม่ออก ยิ่งเสริมว่าข้อสันนิษฐานของใจเย็นถูก

“มึงคิดไปเองปะ สะเหล่อ”

และไม่ผิดคาดนักที่จะถูกด่าแถมมาด้วย

ที่สุดใจเย็นก็ถอดใจ เพราะรู้ว่าเรื่องที่เป็นไทไม่คิดจะพูด ตื๊อไปก็เท่านั้น แต่นั่นก็ยิ่งทำให้ใจเย็นละเอียดลออในการสังเกตมากขึ้น และยิ่งสังเกตก็ยิ่งชัด ชัดว่าภาพของเป็นไทในความคิดที่ไร้ซึ่งฉากหลังนั้นห่างไกลออกไปทุกที ทุกที

จนเมื่อกลัวจะเหลือแต่ความว่างเปล่า วันฝนตกของเดือนกันยาที่เป็นไทยังคงบอกว่าไม่ว่าง ใจเย็นก็ขับรถไปหาที่คณะ หวังว่าฝนจะเป็นข้ออ้างให้เป็นไทกลับกับเขา และถึงจะไม่ว่าง มีธุระดึกดื่น เขาก็ตั้งใจที่จะรอ

ซึ่งความตั้งใจนั้นก็ทำให้ได้รู้ว่าจริงๆ แล้วเป็นไทไม่ได้ยุ่งเหยิงทางตารางชีวิตขนาดนั้น เพราะใจเย็นสังเกตได้ถึงสีหน้าที่ดูอึดอัดใจก่อนจะขอปลีกตัวออกจากกลุ่มเพื่อนเพื่อกลับบ้านกับเขา

“ไม่ต้องทำงานแล้วเหรอครับ” ใจเย็นถามตอนที่สตาร์ทรถ เครื่องเล่นเพลงส่งเสียงสำเนียงแจ๊สออกมา

“ส่วนของกูเสร็จแล้ว”

“งั้นเหรอ”

คำพูดติดปากส่งออกไปก่อนที่บทสนทนาจะเงียบงัน เหลือแต่เพลงแจ๊สที่บรรเลงต่อไปพร้อมกับสายฝน และแม้จะชวนคุย ไต่ถามว่าช่วงนี้มีเรื่องอะไรกวนใจไหม คำตอบก็ยังคงเป็นคำตอบเดิมๆ แถมพ่วงด้วยคำด่าก่อนเจ้าตัวจะก้มหน้าก้มตาเล่นมือถือเสียอย่างนั้น ให้ใจเย็นรู้สึกอึดอัดไปพร้อมกับจังหวะสวิงของเพลงแจ๊สที่เหมือนเร่งเร้าขึ้นทุกที

“มึงหยุดมาหากูได้ไหมวะ”

กระทั่งจังหวะเปลี่ยนเพลง จังหวะเดียวกันกับที่ไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียวราวผ่อนคลายลงพร้อมเม็ดฝนที่สร่างซา ใจเย็นก็ได้ยินประโยคไม่เข้าหูนั้น

“ทำไมล่ะ” ใจเย็นหันไปถาม เท้าไม่คิดแตะคันเร่ง

“ไม่คิดว่ามันแปลกเหรอวะ”

“ก็ไม่เห็นแปลกนี่ครับ”

“มีผู้ชายด้วยกันที่ไหนทำแบบนี้บ้างวะ”

เสียงแตรของรถคันหลังดังลั่นคั่นสนทนา ทำให้ใจเย็นต้องกลับไปสนใจเหยียบคันเร่งพารถไปตามทาง แม้ตอนนี้เขาอยากจะจับจ้องจดจ่อแต่กับสิ่งที่เป็นไทพูดออกมาก็ตาม

“ก็เราสนิทกันแล้วทำไม่ได้เหรอ”

“มันเกินไป”

“เกินไปยังไงครับ” พร้อมคำถามนี้ ใจเย็นหันไปมองอีกฝ่าย ครั้งนี้ได้สบกับดวงตาดวงเดิมที่ดูแฝงความกร้าวอย่างที่เป็นมาตลอด หากเหมือนมีอะไรหักความกร้าวลงให้หลบตาไปทางอื่นทันที ใจเย็นจึงกลับไปสนใจทางข้างหน้าเหมือนเดิม

“เอาเป็นว่าเพื่อนกูล้อ”

“ไม่เห็นต้องสนใจเลย”

“มึงมัน—”

“จะว่าไปก็เห็นโดนล้อมาแต่แรกแล้ว เป็นไทก็ไม่ซีเรียสอะไรนี่ครับ”

ครั้งนี้อีกฝ่ายชะงักเงียบเหมือนที่พูดมันแทงใจ แต่ก็พูดต่อในที่สุด

“แล้วไม่คิดเหรอว่าที่คนอื่นเขาล้อเพราะมันแปลก เรื่องแค่นี้มึงน่าจะเข้าใจได้”

“ทำไมไอ้สิ่งที่ผมแค่อยากทำมันแปลกล่ะครับ”

มองไปอีกที เขาเห็นเป็นไทขมวดคิ้วมุ่น “แล้วทำไมถึงอยากทำ”

“ผมก็บอกไปหลายครั้งแล้วว่าชอบ”

“กูเกลียดคำตอบนี้” ทันควันที่ถูกสวนกลับ และใจเย็นรู้สึกไม่สบายใจกว่าครั้งไหนๆ

“เป็นไทไม่อยากให้ผมชอบเหรอ”

“ชอบมีตั้งหลายแบบ มึงก็พูดอยู่ได้ว่าชอบกู รำคาญ”

“แล้วผมชอบเป็นไทแบบไหนไม่ได้—”

“เฮ้ย! ระวัง!”

เสียงร้องเตือนดังลั่น ทำให้ใจเย็นกลับไปมองทางข้างหน้าแล้วเหยียบเบรกได้ทันก่อนที่จะชนเข้ากับรถยนต์ที่ขับปาดเลนเพื่อยูเทิร์น โชคดีที่คันหลังอยู่ห่างพอจึงไม่เกิดอุบัติเหตุอะไร แต่ใจเย็นก็นิ่งอยู่สักพัก เหมือนหัวสมองปะติดปะต่อหลายสิ่งหลายอย่างได้ไม่ดีนัก ปล่อยรถทิ้งค้างอยู่เลนกลางกระทั่งได้ยินเสียงแตรรถดังไล่หลัง นั่นทำให้ใจเย็นตัดสินใจหักพวงมาลัยพารถไปทางซ้าย ขับเข้าซอยเล็กๆ และจอดนิ่ง เรียบเรียงเรื่องที่ต้องการจะพูด ใช่ คราวนี้แหละที่เขาตั้งใจจะพูดคุยกับเป็นไทให้รู้เรื่อง

“กูขอกลับเองดีกว่า”

ทว่า ไม่เป็นอย่างที่หวัง เป็นไทเอ่ยออกมาเสียง่ายๆ แล้วเปิดประตูลงจากรถ แน่นอนว่าใจเย็นเปิดประตูตาม หันไปหาเป็นไทที่เดินฉับๆ ไปด้านหลังแล้ว

“ฝนยังตกอยู่เลยนะครับ” เขาพูด และก็จริงตามนั้นที่ฝนซึ่งซาลงแล้วกลับเทกระหน่ำลงมาอีกรอบ แน่นอนว่ามันทำให้ผมเผ้าและเสื้อผ้าช่วงบนของเป็นไทเริ่มเปียกโชก แต่เหมือนนั่นเป็นสิ่งที่ตรึงอีกฝ่ายหยุดกับที่ “เป็นไทยังไม่ได้ตอบอะไรผมเลยสักอย่างด้วย”

และดูนิ่งนานกว่าเดิมเมื่อถึงคำพูดนั้น เหมือนคิดอะไรบางอย่าง ซึ่งใจเย็นสังเกตละเอียดลออเท่าใดก็คงยังไม่อาจหยั่งรู้ได้ เท้าของเขาจึงตั้งใจจะก้าวตามเป็นไทไป พลันอีกฝ่ายหันกลับมา ท่ามกลางหยาดน้ำที่พร่างพราว ไม่อาจเห็นชัดว่าแววตานั้นคิดอะไร แต่รู้ตัวอีกที เป็นไทก็เดินกลับเข้ามาหาและผลักร่างของเขาให้กลับมาอยู่บนเบาะหน้าคนขับ

“เมื่อกี้มึงถามว่าชอบแบบไหนไม่ได้ใช่มั้ย”

คำถามถูกจู่โจมจากคนที่ยืนอยู่นอกตัวรถแต่ยังโน้มตัวเข้ามาหา ครั้งนี้เห็นแววตาชัด ยังแฝงความกร้าวเอาไว้แต่ก็บรรจุเต็มไปด้วยความสับสน พอๆ กับเสียงกรีดร้องอลหม่านของแซกโซโฟนในเพลงแจ๊สที่กลับดังชัดขึ้นท่ามกลางเสียงของสายฝน เสียงกลองกระหน่ำด้วยจังหวะเดียวกัน บางครั้งกลับลัดจังหวะ เสียงเบสครวญคราง และจังหวะสวิงที่วิ่งวนในสับสน กดดัน อึดอัดก็พลันแตกระเบิดและเงียบดับลง

เหมือนว่าทุกความรู้สึกพร่างพรมพร้อมความเงียบที่ค่อยๆ โรยตัวจากฟากฟ้าเบื้องบน และแตะลงบนพื้นผิวริมฝีปากของเขา

จูบ

เป็นไทจูบเขา

“แบบนี้”

และเอ่ยคำนั้นที่เขาไม่รู้แล้วว่าเป็นคำตอบของคำถามเรื่องอะไร รู้เพียงว่าเป็นไทตัวจริงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเหมือนไร้ซึ่งฉากหลังไม่ต่างจากเป็นไทในความระลึกถึงของเขา และเมื่อดูห่างไกลออกไปจากการที่เจ้าตัวผละออกและทำท่าจะปิดประตูรถหนีไปดื้อๆ ใจเย็นก็ผลักประตูออกอ้ากว้าง ก่อนกระชากร่างของเป็นไทกลับเข้ามาในตัวรถ กระแทกหลังอีกฝ่ายเข้าชนกับพวงมาลัยจนเสียงแตรของรถดังลั่น แต่ใจเย็นไม่ได้ยิน

เขาไม่ได้ยินอะไรเลยนอกจากเสียงกรีดร้องของเพลงแจ๊ส เสียงของสายฝน และเสียงกลองสแนร์ที่ระรัวอยู่ข้างในใจ เหมือนจะได้เห็นแววตาตกใจของเป็นไทแต่ก็จำไม่ได้แล้วว่าตกใจเรื่องอะไร เขากดจูบอีกฝ่าย ใช่ ไม่น่าจะมีกริยาใดเหมาะกับการกระทำตอนนี้นอกจากคำนี้อีกแล้ว กด จูบ บดเบียดลิ้นร้อนและดูดดื่มสิ่งที่กระหายอยู่ลึกๆ ข้างในใจมาตลอด ดำดิ่งไขว่คว้าควานหาและหวังจะกระชากจิตวิญญาณสักส่วนขึ้นมาเพื่อเก็บกลืนและไม่คิดจะคืนให้แม้แต่น้อย

พลันในความมืดมิดหลังเปลือกตานั้น ใจเย็นก็สัมผัสได้ถึงภาพของเป็นไทที่ไร้ฉากหลังขึ้นมาอีกครั้ง เป็นสารพัดภาพสารพัดความทรงจำที่พร่างพรูลงมาซ้อนทับสลับกันไปเหมือนไม่มีสิ้นสุด แต่ใจเย็นกลับเข้าใจแล้วว่าทำไมจิตใจของเขาจับวางสถานที่ที่อยู่ในครอบครองของตนเองให้เป็นฉากหลังของเป็นไทยามที่คิดถึงอยู่ในมโนสำนึก

ก็แค่ย้ำชัดว่าเขาอยากได้คนคนนี้มาเป็นของตนเองไม่ใช่หรือ










**********************************************************************
เป็นตอนที่เขียนสนุกมากเลยค่ะ  :o8:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ใจเย็น เป็นไท   :กอด1: :กอด1: :กอด1:

เหมือนทั้งสองคนจะชัดเจนใความรู้สึกแล้ว

ใจเย็น รู้ตัวว่าชอบเป็นไทตั้งแต่แรกแล้ว

เป็นไท ค่อยๆรู้สึกตัว

หลังจากนี้ เป็นไท ใจเย็น จะเป็นอย่างไร  :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ mamemoo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
มาแล้วววว มาเร็วมากเลยยยย แต่รู้สึกมันสั้นมากเลยค่ะ :sad4: อันนี้เรารู้สึกไปเอง รึมันสั้นจริงก็ไม่รู้ ฟฟฟฟฟ
ในที่สุดเขาก็จูบกันแล้วววววว ดีมากกกก งื้อออออ ฟินมากกก แต่แอบกลัวนะคะ ว่าใจเย็นทำแบบนี้ เป็นไทจะโกรธมั้ย คือสำหรับเราแล้วเป็นไทไม่ใช่คนประเภทที่จะบอกว่าขอโทษ รู้สึกผิดมากเลยนะ ดีกันเถอะ แล้วจะจบ  เลยแอบกลัวว่ามันจะพาดราม่าไปอี๊กกกกกก แต่จริงๆก็ชอบดราม่านะคะ (อ้าว)
คือในขณะที่เป็นไทเหมือนจะรู้สึกตัวว่าชอบใจเย็นเพราะเห็นใจเย็นควงสาวเมื่อวันนั้น เลยพยายามตีตัวออกห่าง เพื่อเหตุผลอะไรบางอย่าง เพราะใจเย็นเป็นผู้ชาย? ใจเย็นชอบคบทีละหลายคน?? เราไม่อาจตีความได้  :hao5: :hao5: :hao5:
ส่วนใจเย็นก็ยังไม่เข้าใจว่าการกระทำบางอย่างตัวเองมันไม่ดี ไม่เข้าใจเป็นไทในบางเรื่อง แต่ก็ยังพยายามเข้าหา
สู้เขานะลูกกก เอาชนะใจนายขนมต้มให้ได้ #ใจเย็นตัวร้ายกับนายขนมต้ม ฟฟฟฟฟฟฟ
สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้เสมอเลยยย #ทีมใจเย็นสายเปย์   :impress2: :impress2: :impress2:

ออฟไลน์ jaejae

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
รออ่านมาตลอดค่ะ  อย่าหายไปนานๆ อีกนะ  เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
มันจะชัดเจนหรือสับสนกว่าเดิมเนี่ย

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
เป็นเรื่องที่มีเสน่ห์ชวนติดตามจริงๆ
เดาอะไรไม่ออกเลย ชวนลุ้นไปกับความคิดตัวละครมากๆ

ออฟไลน์ reverofjs

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
รออ่านตอนต่อไปนะคะ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ใจเย็นนนนน  :hao5: ในที่สุดด

ออฟไลน์ kataiyai

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +170/-1

ออฟไลน์ lovenut

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ภาษาเขียนประหนึ่งเจ๊วีรพร

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด