➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑แจ้งข่าวตีพิมพ์หน้า 19 ค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑แจ้งข่าวตีพิมพ์หน้า 19 ค่ะ  (อ่าน 124496 ครั้ง)

ออฟไลน์ แยมส้มขมคอ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-2

33 – พิทักษ์



พิทักษ์ แปลว่า ปกปักรักษา เป็นชื่อที่ถูกตั้งขึ้นด้วยความหวังเรียบง่ายไม่ซับซ้อนของผู้มีอันจะกิน ว่าลูกชายคนนี้ต้องปกปักรักษาเงินตราทรัพย์สมบัติอันเป็นมรดกตกทอดของตระกูลอัครเสนีย์ ซึ่งพิทักษ์ก็ทำได้ดีเกินที่คาดหวัง นอกจากรักษาแล้วยังต่อยอด แผ่ขยายออกไปราวกิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่โดยมีรากฐานจากความทะเยอทะยานที่แฝงในนิสัยใจร้อนของพิทักษ์เป็นหลัก

พิทักษ์รู้สึกว่าชื่อของตนเองนั้นช่างสมความหมายที่พ่อตั้งให้ รู้สึกมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กชาย กระทั่งเติบใหญ่ในธุรกิจจนใครต่อใครก็พากันเรียกว่า ‘คุณพิทักษ์’ เป็นเจ้าคนนายคน อยู่ในจุดสูงสุดของอาชีพ ในหน้าที่การงาน ในความปรารถนาทุกสิ่งอย่าง คุณพิทักษ์คิดว่าเขาควบคุมมันได้ ครอบครองมันได้ ปกปักรักษามันได้ กระทั่งวันที่เกษราไม่ใช้นามสกุลของเขาอีกต่อไป วันนั้นเองที่กิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่หักโค่น

เหมือนได้ยินเสียงกระพือปีกของเหล่านกตัวน้อยที่เคยเกาะอาศัยหลีกหนีออกไปจากความหักพัง เหลือแต่ความเงียบงันชั่วขณะ เงียบงันให้คุณพิทักษ์ได้คิดว่าตนเองรู้สึกอะไร ไม่สิ ไม่ควรเรียกว่าคิด รู้สึกก็คือรู้สึก แต่คุณพิทักษ์ก็ดูจะโง่เง่าในเรื่องนี้จนไม่อาจอธิบายได้ว่ามันคืออะไร

เสียใจหรือ? ก็ใช่ เขาเสียใจ แต่เพียงไม่นานหรอกที่เขาบอกตัวเองในใจด้วยเสียงอันดังว่าไม่เห็นเป็นไร เขายังมีหญิงงามอยู่เคียงข้างเขาอีกสองคน ยังมีลูกชายคนกลางและลูกสาวคนสวยให้ห่วงหวง ลูกชายคนโตน่ะหรือหัวดื้อขนาดนั้นปล่อยไปก็คงจะดีกว่า

คุณพิทักษ์คิดแบบนั้น รู้สึกสบายใจ รู้สึกว่าที่ต่อสู้อยากเอาชนะมาตั้งนานนั้นเสียเวลาเปล่า สู้เอาเงินส่วนที่ใช้จ้างทนายยกให้เกษราไปเลยยังจะดีเสียกว่า หล่อนจะได้เอาไปใช้สอยความสุขกับสวนดอกไม้ของหล่อน ไปให้พ้นๆ จากชีวิตของเขาพร้อมกับลูกชายเสียได้ก็ดี คุณพิทักษ์คิด ลืมไป คิดขึ้นมา รู้สึก ลืมไป ก่อนกลับมารู้สึก รู้สึก รู้สึก และรู้สึกจนลืมไม่ได้อีกเลย

สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นในช่วงเวลาไม่กี่วันหลังจากเรื่องราวทุกอย่างจบลง คุณพิทักษ์ไม่รู้ว่าทำไมอะไรต่อมิอะไรถึงเป็นแบบนี้ ทำไมความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ถึงมากล้น ทะลักท่วมสมาธิในการทำงานจมมิด เขาหงุดหงิดงุ่นง่านอย่างคนใจร้อนและร้อนใจ ก่อนที่มันจะสงบลงอย่างน่าประหลาดในวันที่เห็นใจเย็นกลับมาบ้าน ยืนอยู่ตรงสวนดอกไม้ของเกษรา ยืนมองดอกไม้สีชมพูอ่อนที่เขาจำชื่อมันไม่ได้ มองเหมือนคิดบางอย่างโดยไม่ได้พินิจชื่นชม

แม้จะไม่แปลกนักที่จะเห็นใจเย็นกลับมาบ้าน แต่คุณพิทักษ์กลับดีใจ ดีใจทั้งที่คิดวกวนอยู่หลายวันว่าใจเย็นไปอยู่กับเกษราน่ะดีแล้ว เขารีบสาวเท้าเข้าไปหา ก่อนหยุดเอาเสียดื้อๆ เมื่อเกือบถึงตัว เพราะผุดนึกขึ้นมาได้ว่าไม่รู้จะคุยอะไรกับลูกชายคนนี้ดี

ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณพิทักษ์รู้สึกแบบนี้ ความจริงตั้งแต่ยังเป็นครอบครัวเดียวกัน เขาก็รู้สึกว่าลูกชายคนนี้คุยด้วยยาก หัวดื้อ ไม่ค่อยมีอะไรเหมือนเขานัก แปลก และที่แปลกกว่านั้นคือทั้งที่เขาเป็นคนมีศิลปะในการเจรจาต่อรอง ถึงกับถูกเรียกขานว่าสาริกาลิ้นทองในแวดวงธุรกิจ จะให้ควบคุมลูกน้อง หรือโน้มน้าวใจคู่ค้า เขาก็ทำได้ดี แต่กับลูกชายคนนี้เขากลับรู้สึกว่าลิ้นติดขัดชะงักทุกครั้งไป และนั่นแหละที่ทำให้เขาควบคุมใจเย็นไม่ได้เอาเสียเลย

“มายืนอยู่นานแล้ว มีอะไรหรือเปล่าครับ”

พลันชะงักงันก็ต้องหยุดลงเมื่อใจเย็นหันมาพูดกับเขา แววตานั้นก็ยังอ่านยากเหมือนเคยทั้งที่เป็นลูกชายตัวเองแท้ๆ

“แกเป็นยังไงบ้างล่ะ”

“ไปนั่งคุยกันหน่อยไหมครับ”

“เอาสิ”

คุณพิทักษ์ตอบตกลงรวดเร็ว ก่อนเดินตามลูกชายที่นำไปก่อน แม้เขาจะอยากให้เข้าไปนั่งเย็นๆ ในตัวบ้านแต่ก็ตามใจใจเย็นที่มาทิ้งตัวบนเก้าอี้ไม้ระแนงสีขาวในซุ้มม่านบาหลี เขาทิ้งตัวลงตาม พลางคิดว่านานแล้วที่ไม่ได้มาอยู่ตรงส่วนนี้ของตัวบ้าน เสียงน้ำตกที่แผ่วเบา เสียงนกร้องที่ฟังขี้เกรงใจ ทุกสรรพเสียงฟังดังลั่นในเมื่อเขานึกไม่ออกว่าจะเริ่มพูดอะไรก่อนดี

“พ่อเป็นยังไงบ้างครับ” กระทั่งใจเย็นถามขึ้นมาก่อน

“ก็ดี แกล่ะ เงินพอใช้ไหม”

“ถ้าตอบว่าไม่พอล่ะครับ”

ได้ฟัง คุณพิทักษ์ก็หัวเราะ ยิ้มบางก็ปรากฏบนใบหน้าใจเย็น ในเมื่อเป็นคำตอบยียวนที่เจ้าตัวคงจงใจ เพราะเรื่องเงินค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ค่าเล่าเรียนทุกอย่างของใจเย็น เขายังเต็มใจส่งเสียเหมือนเดิม ไม่สิ ก็ทุกสิ่งทุกอย่างนั่นแหละที่เขายังคงไว้เหมือนเดิม เหมือนเดิมตั้งแต่วันที่ใจเย็นเป็นเด็กตัวเล็กนิดเดียวให้เขาอุ้มขึ้นนั่งบนบ่า ชี้ชวนไปยังตึกสูงตระหง่านตรงหน้า และกระซิบที่ข้างหู

มันเป็นของลูก ของลูกทั้งหมด

ไม่ใช่ว่าคุณพิทักษ์ไม่รักพิชญะและพริมา แต่เขาคาดหวังกับลูกชายคนนี้ไว้มากตั้งแต่แรก คาดหวังเหมือนที่พ่อเคยคาดหวังกับเขา และตอนที่ใจเย็นไม่เป็นดังใจ เขาก็มักนึกถึงช่วงเวลาที่เคยต่อต้านพ่อตัวเอง ต่อต้านในเวลาที่เห็นแม่โกรธเกรี้ยว ทะเลาะ ถกเถียง พยายามเอาชนะที่ถูกพ่อนอกใจ เขาอยู่ข้างแม่ แม้นึกนับถือศิลปะในการพูดของพ่อ เขาก็อยู่ข้างแม่ แต่ท้ายที่สุดแล้วเมื่อแม่ไม่โกรธ ไม่ทะเลาะ ไม่ถกเถียง ไม่กระทั่งเอาชนะ และหันมาใช้ชีวิตของตนเองอย่างมีความสุข คุณพิทักษ์นึกสับสน จากที่เคยอยู่ข้างแม่ก็เหมือนว่าถูกผลักให้ออกมาอยู่ตรงกลางนับแต่นั้น

เขามักนึกเรื่องนี้ขึ้นมา ไม่ค่อยแน่ใจถึงสาเหตุว่าทำไมต้องเรื่องนี้ แต่อาจเพราะอะไรก็ไม่แน่นอน อะไรก็เปลี่ยนแปลงได้ เขาจึงใช้มันบอกกับตนเองว่าใจเย็นคงเป็นดังใจเขาในสักวัน แค่ต้องใช้เวลา

แต่มันก็ดูจะนานเกินไปจนคนใจร้อนอย่างเขาคิดว่าคงไม่สมหวังแล้ว

สุดท้ายในตอนนี้ คุณพิทักษ์พยายามเลิกคาดหวัง พยายามมองคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นแค่ลูกชายคนหนึ่ง และเขาก็เป็นแค่พ่อคนหนึ่ง ท่ามกลางเสียงน้ำตกไหลเอื่อย เสียงนกร้องที่ฟังขี้เกรงใจ เขาถามสารทุกข์สุกดิบของใจเย็น ถามถึงเรื่องเรียนที่เขาเคยคิดไม่สนใจในเมื่อไม่เลือกเรียนตามใจเขา ถามเรื่องเพื่อน เรื่องสังคมว่าดีไหม มีความสุขไหม ถามว่าปิดเทอมวางแผนจะทำอะไร ไปไหนไหม ถาม ถามเท่าที่พ่อคนหนึ่งอยากจะถามลูก

“พ่อมีเรื่องไม่สบายใจอยู่หรือเปล่าครับ”

แต่ใจเย็นกลับถามขึ้นมาแบบนั้นให้เขาประหลาดใจ ทั้งที่มั่นใจว่าตัวเองไม่ได้แสดงออก ไม่ได้ลุกลี้ลุกลน ทั้งยังสบตาอีกฝ่ายแทบจะตลอด

“มีตรงไหนบอกแกว่าพ่อไม่สบายใจ”

“พ่อพยายามคุยกับผมเกินไป”

พลันได้ฟังก็ชะงักงัน ก่อนหัวเราะหึในลำคอ

“พ่อเองยังไม่รู้เลยว่าตัวเองไม่สบายใจเรื่องอะไร”

“พ่อรู้ไหมว่าทำไมผมชอบมองพวกสัตว์”

อีกครั้ง ใจเย็นถามกลับถึงเรื่องที่ไม่เกี่ยวกันขึ้นมา ซึ่งคุณพิทักษ์ก็ไม่นึกว่าอะไร นอกจากหาคำตอบให้ เขาจำได้ว่าใจเย็นเคยบอกเขาเอาไว้เมื่อตอนเด็กๆ

“แกอยากรู้ว่ามันคิดอะไร และจะทำอะไรต่อ”

“กับคนก็เหมือนกันนะครับ” ใจเย็นพูดเสริม “พ่ออาจไม่รู้ ระยะหลังผมสังเกตผู้คนมาตลอด สังเกตว่าเขาเป็นใคร ทำอาชีพอะไร ชอบอะไร คิดอะไร กำลังจะไปไหน ผมสนุกมากที่ได้สังเกต เฝ้ามอง และคิดว่าตัวเองได้รู้อะไรมากขึ้น แต่จริงๆ แล้วไม่เลย”

คุณพิทักษ์นิ่งฟัง ใจเย็นพูดเรื่องเหล่านั้นด้วยน้ำเสียงธรรมดา แต่เขารู้สึกว่าบางอย่างทำให้เขาตั้งใจและอยากจะฟังมัน

“ถ้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเอง ก็เหมือนว่าเราไม่ได้รู้อะไรเลย”

บางอย่างที่ลูกชายคนนี้มี แต่เขาไม่มี

“สุดท้ายผมก็ต้องกลับมามองตัวเอง และพบว่าที่หลีกเลี่ยงมาตลอดก็อาจเพราะความจริงมันน่ากลัว ใจเราบางทีก็น่ากลัวเหมือนกัน”

พลันเจ็บจี๊ดเล็กๆ ในอก เขาไม่รู้สาเหตุ

“ถ้าพ่อมองตัวเอง พ่ออาจรู้สาเหตุที่ไม่สบายใจก็ได้”

“แล้วแกมองตัวเองแล้วได้รู้อะไรบ้างไหม”

เขาถามด้วยอยากรู้ แต่ใจเย็นกลับเงียบ เงียบจนนึกกลัวว่าใจเย็นอาจแค่ไม่อยากบอกเขา แต่สุดท้ายเมื่อรอยยิ้มเบาบางปรากฏบนใบหน้าก่อนเอ่ยขอแจกันแก้วใสไร้ดอกไม้ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะกลับไป คุณพิทักษ์ก็แค่ถอนหายใจที่ลูกชายไม่ยอมตอบ ทั้งยังเปลี่ยนเรื่องและขอตัวกลับพร้อมแจกันใบนั้นอีก

แต่อย่างไร เขาก็ได้แค่บอกว่าเอาสิ บางทีเขาคงตามใจลูกชายมากกว่าเกษราด้วยซ้ำแค่ไม่รู้ตัว และเมื่อส่งใจเย็นขึ้นรถ มองตัวรถพ้นประตูบ้านไป อะไรบางอย่างดลใจให้คุณพิทักษ์กลับมานั่งเงียบๆ ที่ซุ้มม่านบาหลี

ท่ามกลางเสียงน้ำตกไหลเอื่อย เสียงนกร้องฟังขี้เกรงใจ เขาไม่คิดเลยว่าสิ่งเหล่านั้นจะดึงให้เขาหลงวนในทรงจำ ก่อนจะลองเพ่งมองลงในตัวเองดังคำของลูกชาย ลูกชายที่ไม่เป็นดังใจและทำให้นึกถึงตัวเองที่อยู่ตรงกลางระหว่างพ่อกับแม่เสมอมา

ไม่สิ

ความจริงคุณพิทักษ์ไม่เคยอยู่ตรงกลาง เพราะหลังจากแม่ไม่ยี่หระอะไรกับการนอกใจของพ่อ เขาก็อยู่เคียงข้างพ่อมาตลอด ทั้งรู้ตัวและไม่รู้ตัว ซึมซับมาทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งศิลปะการพูดโน้มน้าวใจคน การเจรจาต่อรองในธุรกิจ การพูดจาเกี้ยวพาราสีหญิงสาว ทุกอย่างเขาเห็นเป็นเรื่องสนุก ท้าทาย และอะไรๆ ในโลกนี้ก็ดูจะเป็นของเขา อะไรก็ตกอยู่ในครอบครองของเขาได้

อา เขารู้ตัวในเวลานั้นเอง และเริ่มนึกถึงรอยยิ้มของหญิงสาว รอยยิ้มที่ทำให้เขานอกใจเกษรา เพราะคิดง่ายๆ แค่ว่าอยากครอบครองเป็นของตัวเอง โดยก็ไม่เคยสังเกตว่ารอยยิ้มของทั้งทิพย์และปัทมาหรือหญิงคนอื่นที่เขาพัวพันด้วยนั้นช่างคล้ายรอยยิ้มของเกษราเหลือเกิน

รอยยิ้มที่ละมุนละไมราวกับดอกไม้แรกแย้ม รอยยิ้มของหญิงสาวที่ทำให้เขาบ้าปลูกดอกกุหลาบอยู่หลายเดือนทั้งที่แค่วิธีรดน้ำไม่ให้ใบเป็นเชื้อราก็ยุ่งยากน่ารำคาญ รอยยิ้มที่ทำให้โลกเขาสว่างไสว รอยยิ้มของเกษรา รอยยิ้มนั้น อา เขาไมได้เห็นมันมานานเท่าไหร่แล้วนะ

พลันสำนึกได้ว่านานมากเหลือเกินที่ไม่อาจทำให้หล่อนยิ้มได้เหมือนดอกไม้แรกแย้ม คุณพิทักษ์ก็เจ็บรวดร้าวเหมือนต้นไม้ที่ถูกสายฟ้าฟาดผ่ากลางลำต้น ค้นพบในตอนนั้นเองว่าเหตุผลที่เขารู้สึก รู้สึก และรู้สึกจนไม่อาจลืมได้นั้นมีแค่เหตุผลเดียว

เกษรา

และคุณพิทักษ์ก็ค้นพบอีกอย่าง ค้นพบหลังค้นลึกลงไปในจิตใจของตัวเองเพียงเพราะคำพูดไม่กี่ประโยคของใจเย็น

ซึ่งไม่กี่ประโยคเหล่านั้นนั่นแหละ ทำให้เขารู้แล้วว่าทำไมถึงควบคุมลูกชายคนนี้ไม่เคยได้เลย







********************************************************************************
ใกล้ความจริงแล้ว ช่วงหลังใช้พลังเยอะมากในการเขียน ยังไงคอมเม้นเป็นกำลังใจหรือแวะไปติดแท็ก #ใจเย็นกับเป็นไท ได้นะคะ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ  :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-08-2017 13:51:32 โดย แยมส้มขมคอ »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Atroce

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ที่คุณพิทักษ์เป็นแบบนี้ก็มีเหตุผลนี่เอง ทุกอย่างมีเหตุผลของมันสินะ

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
สุดท้าย ก็มารู้ตัวเอาเมื่อมันสายไป เฮ้อออ ที่นอกใจเมีย หรืออะไรก็แล้วแต่ ท้ายที่สุดก็แค่อยากได้ของใหม่ที่เหมือนของเก่า แค่รู้สึกเบื่อ แค่รู้สึกตื่นเต้นไปกับของที่ได้มาใหม่ชั่วคราว เหมือนพวกที่ชอบอะไรสักอย่าง แต่พอเจออันที่คล้ายกันแต่คนละแบบก็เห่อสักพัก แล้วก็จะกลับมาสนใจของที่เคยมี ก็ตอนที่มันพังไปแล้วนั่นแหละถึงจะรู้คุณค่าของมัน พิทักษ์ก็น่าจะเห็นตัวอย่างของครอบครัวตัวเองแล้ว สุดท้ายก็กลับซึมซับมาแล้วก็ทำตามแบบอย่างพ่อของตัวเองไปโดยไม่รู้ตัว ซ้ำรอยเดิม....

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
นี่คือเหตุผลที่มีเมียน้อยใช่ไหม และก็น่าจะรู้นะว่ามันไม่มีครอบครัวไหนจะมีความสุขหรอกถ้าสามีตัวเองมีน้อยน่ะ

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
นิยายดูลึกมาก

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
อย่างนี้หรอกเหรอ
พออ่านเรื่องนี้แล้วไม่กล้าฟันธงอะไรเลยแฮะ
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ยังดีที่คุณพิทักษ์ รู้สึก เมื่อขาดคุณเกษรา กับลูกชายใจเย็น
ก็แสดงว่ายังมีหัวใจ

ตอนอยู่ไม่รู้สึกว่าคนๆนั้นมีความสำคัญ
เมื่อคนนั้นไม่อยู่ ถึงได้รู้สึกถึงความสูญเสีย

คุณพิทักษ์ก็มาจากครอบครัวแตกแยก
แตก็ทำให้ครอบครัวตัวเองแตกแยก  o22
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ mam79

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
เด็กจะโตมาเป็นยังไงครอบครัวก็เป็นส่วนที่มีผลที่สุดจริงๆ ชอบมากค่ะ รอตลอดเลย จริงๆไม่ค่อยชอบนิยายแนวมีรสขมอย่างนี้เท่าไหร่แต่เรื่องนี้มันทำให้รู้สึกอบอุ่นเวลาที่ใจเย็นกับเป็นไทยอยู่ด้วยกัน ชอบค่ะ

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
นั่นสินะ

ทุกอย่างมีที่มา มีสาเหตุ และมีความซับซ้อนจนยากจะจินตนาการต้นหรือปลาย

คุณรับมา คุณทำ คนอื่นได้รับผล คุณได้รับผล คุณส่งต่อ คนอื่นส่งต่อ

เท่านี้

ออฟไลน์ papanoy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
เป็นเรื่องที่เขียนได้ลึกซึ้ง สวยงาม ซึมลึกช้าๆ จนวางไม่ลง อ่านแล้วอ่านอีก จดจ่อรอคอยตอนต่อไป
ชื่นชมคนเขียนมากๆ รักษาแนวนี้ไว้นะ  :katai2-1:

เป็นไทในเรื่องปรายกัลป์ ดูก้าวร้าว นิสัยไม่ดี
เป็นไทในเรื่องนี้ น่ารัก น่าสงสาร

รักใจเย็นกับเป็นไท  :กอด1:

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
ที่ควบคุมไม่ได้ เพราะแม้ใจเย็นจะทำตัวหลีกเลี่ยงความจริง แต่จริงๆลึกๆลงไปเขาค้นหามันอยู่ตลอด เขาสังเกต เขาคิด เขาวิเคราะห์ เขาตั้งคำถาม เขาเหมือนจะไม่แคร์อะไรเพราะสิ่งแวดล้อมผลักดันแต่พื้นยืนของนิสัยคือเป็นคนเก็บรายละเอียด เด็กแบบนี้ถ้าไม่มีอะไรบังตาอยู่ ชักจูงไม่ได้ง่ายๆ เพราะเขามีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่แปลกที่คุณพิทักษ์จูงจมูกลูกคนนี้ไม่ได้..

ออฟไลน์ แยมส้มขมคอ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-2
34 – เหนือผิวน้ำ


เป็นไทจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ถูกขังในห้องน้ำ เขากลั้นหายใจ พาศีรษะตนเองจุ่มลงไปในน้ำ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำลงไปทำไม เขาอาจแค่อยากดำดิ่งหนีหายลงไปเสียในความมืดมิด ในความกลัวแห่งมืดมนอนธการ หรือบางที อาจแค่อยากหาคุณค่าของตนเองว่าอยู่ที่แห่งใดกันแน่

แต่เป็นไทก็ไม่ได้พบมัน

สิ่งที่พบมีเพียงความเงียบงัน ว่างเปล่า มืดดำ และน่าประหลาดที่เขากลับจำไม่ได้แล้วว่าตนเองเงยหน้าขึ้นมาเมื่อไหร่ เหมือนเขาค้างอยู่ในอิริยาบถนั้นแสนนานทั้งที่กลัวความมืด หรือบางที เขาอาจยังไม่เคยหลุดพ้นจากผืนน้ำคับแคบนั่นเลย ทั้งยิ่งจมลงไป คับแคบยิ่งกลับกลายขยับขยายจากน้ำตาเขาเอง

ดังนั้น – ดังนั้น การถูกฉุดดึงขึ้นใกล้ผิวน้ำ ฉุดจากลุ่มลึกของทะเลน้ำตาและถ้อยคำที่อึดอัดคับข้อง ได้เห็นแสงสว่างรำไรส่องผ่านลงมา หัวใจของเขาเหมือนพบที่ให้ไป และเขาก็ยินดีจะแหวกว่ายขึ้นพบอากาศ สูดเอามันเข้าไปให้เต็มปอด และพร่ำพูดสิ่งในใจออกมา ร้องไห้ออกมา โดยไม่ต้องกังวลอีกแล้วว่าหยาดน้ำตาจะถูกกลืนหายในทะเลและไม่มีใครรับรู้ถึงความเศร้าของเขาเลย

เพราะใจเย็นนั่นเอง ใจเย็นเป็นคนรับรู้และแบกรับมันเอาไว้ เหมือนกับที่เขาคอยประคับประคองตัวตนของอีกฝ่ายตลอดมา

เป็นไทจำไม่ได้ว่าในวันนั้นเขาพูดอะไรออกไปบ้าง แต่อย่างน้อยเขาก็รู้ รู้ว่าใจเย็นรับฟังเขาอยู่อย่างเต็มใจ แค่นั้นพอแล้ว ไม่ขออะไรอีก และหลายครั้งนับจากนั้นที่คำว่า ‘ช่างมัน’ จะผุดพรายขึ้นในความคิดของเป็นไท ช่างมัน – ช่างมันไม่ว่าความสัมพันธ์นี้จะคืออะไร ช่างมันต่อให้ค้นหาความหมายของตนเองกันไม่พบ ช่างมันไม่ว่าท้ายที่สุดแล้วจุดจบจะคืออะไร

ช่างมัน ช่างมันทุกอย่างเลย

อาจเพราะแบบนั้นเป็นไทจึงสบายใจกว่าที่เคยเป็น อยู่กับปัจจุบัน ประคับประคองสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น และอาจเพราะเขาผ่านพ้นทะเลถ้อยคำมาได้ สิ่งที่ทำจึงเป็นการพูด พูด และพูด พูดอย่างที่เก็บกดมาตลอด เล่าให้ใจเย็นฟังในสิ่งที่คิด สิ่งที่เจอ สิ่งที่รู้สึก และใจเย็นก็รับฟัง รับฟัง และรับฟัง

ขณะเดียวกัน เขาก็รับฟังใจเย็นเช่นกัน ยินดีรับฟัง เต็มความหมาย ไม่มีเรื่องใดเลยที่คิดปฏิเสธไม่รับเอาไว้

“ผมตัดสินใจได้แล้วนะครับว่าจะอยู่กับแม่”

กับเรื่องนี้ก็เช่นกัน ใจเย็นพูดขึ้นมาระหว่างมื้ออาหารในร้านแห่งหนึ่ง เป็นไทเงยมองคนตรงหน้า ทั้งแปลกใจและไม่แปลกใจในเวลาเดียวกัน

“อืม งั้นก็ดีแล้ว”

“เป็นไทว่าดีที่ตัดสินใจได้ หรือดีที่ผมเลือกอยู่กับแม่”

“ทั้งสองอย่าง”

“งั้นเหรอ”

“เออ กูว่ามึงอยู่กับแม่น่ะดีแล้ว” เขาพูดอย่างที่คิด ซึ่งก็ได้เห็นใจเย็นยิ้มขึ้นมา บางเบา

“ผมก็กะอยู่ว่าเป็นไทต้องคิดแบบนี้”

“ทำไมวะ”

“เป็นไทต้องไม่อยากให้ผมทิ้งแม่อยู่คนเดียวแน่”

เหมือนเป็นอีกครั้งที่ถูกคาดเดาได้ว่าเขาจะคิดอะไร ยิ่งสบตาก็ยิ่งยืนยัน แววตาของใจเย็นที่มองเขายังคงเหมือนเดิม เหมือนทะลุทะลวงเขามาในสิ่งที่คิด เหมือนปรารถนาบางอย่างที่เขาไม่อาจบอกได้ว่าสิ่งใดบ้าง แต่สุดท้ายเขาก็ตัดบท เอ่ยถามกลับไปท่ามกลางเสียงจ้อกแจ้กจอแจของผู้คนในร้านอาหาร

“แล้วที่มึงตัดสินใจอยู่กับแม่นี่เพราะอะไร”

“ก็เหมือนที่เป็นไทคิด” ได้ฟัง เขาขมวดคิ้วปมเล็ก พลันอีกฝ่ายก็เหมือนรู้ว่าเขาคิดอะไร “แต่ไม่ได้ตัดสินใจเพราะคิดตามแบบเป็นไทหรอกครับ เรื่องนี้ผมเลือกเอง”

“เออ...ดีแล้ว”

“ความจริงมันเลือกยากมากนะครับ ถ้าคิดในมุมของทั้งพ่อและแม่ก็ยิ่งเลือกยาก”

“อืม ยังไง”

“ก็ที่แน่ๆ คือแม่มีผมคนเดียว ส่วนพ่อ ถึงจะมีทั้งน้องพิชญ์กับน้องพริม แต่ผมไม่ค่อยเชื่อหรอกว่าจะเหมือนกัน”

เป็นไทนิ่งคิดกับสิ่งที่ได้ฟังไปชั่วครู่ ก่อนกลั่นกรองออกมา “ที่มึงพูดคือจะบอกว่าพ่อแม่รักลูกไม่เท่ากันใช่ไหม”

“เปล่าครับ ที่จริงผมไม่เข้าใจเรื่องนี้หรอก เพราะงั้นคงพูดได้ไม่เต็มปาก แต่ที่แน่ๆ ผมว่าลูกแต่ละคนก็ได้รับความรักคนละแบบ” ใจเย็นพยายามอธิบาย “อย่างน้องพริม พ่อก็จะห่วงแบบเด็กผู้หญิง น้องพิชญ์ก็เรียบร้อยเลยดูไม่น่าห่วงอะไรมาก ส่วนผม ผมรู้ว่าพ่อคาดหวังมากกว่าคนอื่นๆ ผมบอกไม่ได้หรอกว่าพ่อรักผมมากกว่าน้องอีกสองคน แต่ยังไงพ่อก็คาดหวังกับผมมาก”

เป็นไทรับฟังทั้งหมด แม้เขาไม่อาจออกความเห็นได้ว่าพ่อของใจเย็นเป็นคนอย่างไร แต่เขาชอบที่ใจเย็นมองเรื่องราวอย่างเป็นกลาง ผ่านมุมคิดละเอียดลออที่ไม่ใคร่จะเหมือนใครนัก

“งั้นแปลว่าน้ำหนักในการตัดสินใจแทบจะเท่ากัน”

“ครับ แต่สุดท้ายผมก็เลือกแม่ ตามเหตุผลที่บอก”

“ก็ดีแล้ว อยู่กับแม่ก็ใช่ว่าจะทำให้พ่อภูมิใจไม่ได้ไม่ใช่หรือไง”

พูดจบ เขาก้มกลับลงไปสนใจจานอาหารตรงหน้า แต่รู้สึกถึงสายตาจับจ้องจึงเหลือบขึ้นไปมอง แล้วก็เห็นใจเย็นยิ้มเล็กๆ

“ยิ้มอะไร”

“ชอบ”

“อะไรของมึง”

“ชอบที่เป็นไทพูด”

เขานึกคำตอบโต้ไม่ออกไปชั่วขณะ สุดท้ายสิ่งที่ทำจึงเป็นการจิ้มมะเขือเทศที่เป็นผักเคียงในจานข้าวไปใส่จานของใจเย็น และก็บังคับให้กินด้วยความหมั่นไส้เพราะรู้ว่าใจเย็นไม่ชอบ ทักท้วง ถกเถียงกันอยู่สักพักจนใจเย็นยอม และตอนเคี้ยวก็สีหน้าไม่ดีนักให้เขาหัวเราะ

“ถ้าเป็นไทหัวเราะกับเรื่องนี้ ให้ผมกินอีกก็ได้นะ”

แต่สุดท้าย สุดท้ายเขาพลิกกลับเป็นฝ่ายแพ้เพราะคำพูดหน้าตายแบบนั้น ก่อนจะกลายเป็นคำพูดจริงจังว่าถึงเขาจะพูดหลายสิ่งหลายอย่างในใจออกมา เขาก็ยังไม่ค่อยยิ้มนัก ให้รู้สึกตัวขึ้นมาว่าจริงตามนั้น

“เรื่องที่บ้านผม ผมรู้สึกว่ากำลังจะผ่านมันไปได้แล้ว”

ประโยคนี้เองก็ดูใกล้เคียงความจริงเช่นกัน

“เป็นไทก็ต้องผ่านมันไปให้ได้นะครับ”

ถึงถ้อยคำนี้ ความจริงจังสิ้นสุดลง กลับกลายเป็นเรื่องคุยเล่นเหมือนเดิมในประโยคถัดมา ราวกับเป็นคำพูดผ่านๆ แต่เป็นไทรู้ว่ามันไม่ได้แค่ผ่านไป ใจเย็นหมายความตามนั้น เขาเองก็อยากให้เป็นดังคำ และเพราะอะไรหลายๆ อย่าง – ไม่สิ –  อาจเพราะใจเย็น แค่ใจเย็นคนเดียวเท่านั้น เขารู้สึกว่าแค่มีคนคนนี้อยู่ ไม่ว่าอะไรเขาก็จะผ่านมันไปได้

แต่ก็ไม่เป็นอย่างที่คิด

เมื่อเดือนพฤษภาคมร่นโรยเข้ามา เรื่องเรียนใกล้สิ้นสุดกังวล เป็นไทกำลังจะจบปีสี่ เหลือแค่บางเรื่องเท่านั้นที่รอสะสางในชีวิตมหาวิทยาลัย เป็นไทจึงรู้สึกว่าเขาคงจัดการชีวิตตัวเองได้ดีกว่านี้ ฉะนั้นในวันที่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง เมฆขาวสะอาด อากาศดี ดีมากพอจนทำให้เขาคิดว่าจะไม่เป็นไร เป็นไทตอบรับนัดพบที่เขาปฏิเสธมาตลอด นัดพบที่บอกผ่านแม่ของเขาเสมอมา

เป็นไทตอบรับนัดพบของพ่อ

สถานที่คือร้านอาหารแห่งหนึ่ง ไม่ใช่ในห้างสรรพสินค้า แต่เป็นร้านอาหารในย่านสุขุมวิท ใจกลางเมือง เวลาเย็น ผู้คนพลุกพล่าน แม้เป็นไทไม่ชอบใจเท่าไหร่นักเพราะเขาเกลียดการเดินทางกลางเมืองเวลานี้ แต่เพราะเขาไม่ยอมสื่อสารกับพ่อด้วยตนเองจึงต้องจำใจรับ หลังลงจากรถไฟฟ้าและมาต่อรถแท็กซี่ที่ติดค้างอยู่บนถนน ความคิดก็กลายเป็นฝ่ายโลดแล่นแทนรถยนต์ เขาสงสัยหลายเรื่องเกี่ยวกับชายที่ตัวเขาเองแทบไม่อยากเรียกว่าพ่อ ว่าทำไม – ทำไมถึงกลับมา ทำไมถึงอยากพบ ทำไม ทำไม และทำไม จนอาจเรียกได้ว่าความสงสัยทั้งชีวิต เขาตั้งใจจะสะสางมันให้หมดวันนี้

ที่สำคัญ มีคำถามหนึ่งที่เขาอยากจะถามให้ได้

ทำไมถึงทำกับเขาแบบนั้น

พลันไหวสะท้านขึ้นมาแค่คิดจะถาม กลัว น่าจะใช่ เป็นไทรู้สึกกลัวขึ้นมา ใจหนึ่งเขาอยากรู้ แต่อีกใจก็ไม่อยากรู้ เขากลัวคำตอบ กระนั้นก็พยายามสูดหายใจเข้าปอด ช้า ลึก ก่อนจะค่อยๆ ผ่อนออกมา ตั้งสติ ทบทวนซ้ำเช่นนั้น จนในที่สุดเมื่อรถแท็กซี่มาจอดหน้าร้านอาหารซึ่งเป็นจุดนัดพบ เขาพยายามไม่คิดอะไร หยิบธนบัตรขึ้นมาจ่ายเงินและลงมาจากรถด้วยความรู้สึกว่างเปล่า

ร้านที่เขามาถึงเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง หน้าร้านตกแต่งเรียบง่าย สบายตาด้วยสีน้ำตาลอ่อนของไม้เป็นโทนหลัก แต่อย่างไรก็ตามเมื่อมองเข้าไป ผ่านกระจกใสที่กรุแทนกำแพงอย่างที่ร้านอาหารทั่วไปมักจะทำ เป็นไทก็รู้สึกไม่สบายใจนัก

เขาเห็นชายคนนั้นแล้ว จากข้างหน้าร้าน เขาเห็นด้วยสายตาที่สื่อสารกับสมองไม่ผิดเพี้ยน ชายคนนั้นอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตลายทางสีดำ นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ติดริมกระจก หันข้าง พลันรู้สึกดีขึ้นมาที่ยังไม่ถูกเห็น ไม่รู้ทำไมเขาถึงต้องคิดแบบนั้น ทั้งที่ตั้งใจแล้วว่าจะมาพบ ตั้งใจแล้วว่าจะมาสะสางสิ่งที่ติดค้างใจมานาน ตั้งใจว่าจะก้าวข้ามอคติและอดีตของตัวเอง เขาอยากรู้ว่าปัจจุบันเป็นอย่างไร ใช่ เขาอยากรู้

แต่ความกลัวมีมากกว่าหลายเท่า

พลันเจ็บร้าวขึ้นมา แน่นหน้าอกจนหายใจติดขัด ก่อนที่อาการบกพร่องจะเริ่มลามเลยไปทั่วร่าง สั่นสะท้านปกคลุมอย่างไม่อาจต้าน และเหมือนหัวใจถูกดึงให้หล่นวูบเมื่อเห็นว่าชายคนนั้นกำลังหันมาทางเขา กำลังจะเห็นเขา ด้วยแววตาอันว่างเปล่าคู่นั้น ให้เหมือนถูกปกคลุมด้วยความมืดและผืนน้ำที่เย็นเยียบ

แล้วเป็นไทก็รู้ตัวในเวลานั้นเอง ว่าแท้จริงเขาไม่เคยโผล่พ้นเหนือผิวน้ำเลย

ได้สติอีกที เขาพาตัวเองหนีออกมาจากตรงนั้น ผิดนัดอย่างไม่มีข้อกังขา สุดท้ายแล้วเขายังคงขี้ขลาด เขาทำไม่ได้ เขาทำไม่ได้ เขาทำไม่ได้ คำนั้นย้ำซ้ำไปซ้ำมาในหัวสมองที่ขาวโพลน  เขาได้แต่ก้าวยาวๆ หนีออกมา ไปให้ไวที่สุด แม้กระนั้นก็ยังกลัวว่าจะถูกตามมา ตามมาเหมือนอดีตที่หลอกหลอนเขามาทั้งชีวิต

และเพราะสติรวนเร ทั้งที่เขาไม่อยากกลับบ้าน ไม่อยากพบแม่ แต่เส้นทางที่เลือกกลับก็ดันเป็นทางเดียวกับที่มา จึงต้องเสียเวลาย้อน หากเมื่อคิดอีกที เขาก็ไม่อยากไปที่คอนโด โทรศัพท์มือถือจึงถูกหยิบขึ้นมาและกดโทรหาคนคนเดียวที่เขาไว้ใจที่สุด ตั้งใจว่าจะไปหา ตั้งใจว่าจะพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา ระบายมันออกมา และเขาก็คงจะดีขึ้น

“ว่าไงครับ”


กระนั้น เมื่อได้ยินเสียงของอีกฝ่าย เป็นไทกลับรู้สึกว่าตัวเองยิ่งจมลึกลงไปกว่าเดิม

“กู...เพิ่งไปเจอพ่อมา”

“ไปเจอมาเหรอครับ”

“อือ”

“เป็นไงบ้าง”

จมลึกลงไป

“กู...ทำไม่ได้”

ลึกลงไป

“กูผ่านมันไปไม่ได้”

อย่างคนเพิ่งรู้สึกตัว ว่ายิ่งแสดงให้เห็นว่าตนเองแหลกสลายเท่าไหร่ ใจเย็นก็ยิ่งแหลกสลายตามไปด้วยเท่านั้น และจะแหลกกระทั่งกลายเป็นฝุ่นผง ปลิดปลิวอย่างไร้ค่าไปตามลมอย่างที่อีกฝ่ายเคยพูด เขาเชื่อว่าถ้อยคำนั้นสัตย์จริง เพราะไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะต้องโกหกเพื่อเขาขนาดนั้น

“แค่นี้นะ”

เป็นไทกดตัดสายไปดื้อๆ  อีกแล้วที่รู้สึกเหมือนจะร้องไห้ เขาพยายามเก็บกลืนมันลงคอ กลืนมันลงไปในร่างและหัวใจของตัวเอง เขาเลือกกดโทรหาเพื่อนสนิทในคณะ ต่อให้ไม่ใช่คนที่ไว้ใจที่สุด เขาก็อยากจะให้ออกมาอยู่เป็นเพื่อนในเวลานี้ ต้องการแค่นั้น แต่คนแล้วคนเล่าก็ติดธุระที่เขาไม่อยากรบกวน ทั้งยังรู้สึกว่าเหตุผลของตนเองนั้นไร้สาระขึ้นมาทันที

ภายใต้ท้องฟ้า ความมืดเริ่มห่อคลุม สุดท้าย เขาก็ไม่มีที่ไป ได้แค่เลือกนั่งรถเมล์กลับไปที่คอนโด ท่ามกลางผู้คนที่แออัด ถนนที่รถติด นาทียาวนานเหมือนปี แต่บางทีมันคงดีถ้าความน่าหงุดหงิดเหล่านี้จะช่วยให้ลืมสิ่งที่กำลังรู้สึกอยู่ได้ กระทั่งมีสายเรียกเข้าจากใจเย็นอีกครั้งเมื่อเดินมาถึงล็อบบี้ของคอนโด อะไรหลายๆ อย่างก็ตีกลับมาใหม่อีกครั้ง

เขาอยากจะช่างมันแล้วกดรับสาย ช่างมันไม่ว่าความสัมพันธ์นี้จะคืออะไร ช่างมันต่อให้ค้นหาความหมายของตนเองกันไม่พบ ช่างมันไม่ว่าท้ายที่สุดแล้วจุดจบจะคืออะไร ช่างมัน ช่างมันทุกอย่างแบบที่เคยทำได้ แต่ว่า –  แต่ว่าเขาไม่เอาแล้วในเมื่อรู้ดีว่าจะจบลงอย่างไร

แตกสลาย

ไม่ต้องการให้ใจเย็นเป็นแบบนั้นเพราะเขาเลยสักนิด

ทว่า เป็นไทก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับสายเรียกเข้าที่ดังไม่หยุดในตอนนี้ เขาไม่อยากรับ ขณะเดียวกันก็ไม่กล้ากดตัดสาย ได้แค่นั่งลงอย่างเหนื่อยล้าตรงโซฟาของล็อบบี้ มองหน้าจอที่ยังคงขึ้นชื่อเดิมอยู่อีกเป็นนาที จนเมื่อมันมืดดับลง เขารู้สึกเหมือนจมลึกลงไปในผืนน้ำอีกครั้ง ผืนน้ำที่เงียบงันท่ามกลางผู้คน และมืดมิดทั้งที่แสงไฟส่องไสว

พลันถูกกระชากขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว

ดอกไม้กลีบกลมหยักสีม่วงสวยถูกยื่นมาตรงหน้า มันบรรจุในแจกันใสที่คุ้นตา และเขาก็จำได้ว่าดอกไม้นี้คือดอกสวีทพี...ดอกสวีทพีในเดือนพฤษภาคมของทุกปีที่บ้านของใจเย็น เงยขึ้นมองก็ได้สบตากับแววตาคู่เดิม แววตาที่เขาทั้งชอบทั้งชัง แววตาที่เหมือนจะทะลวงล้วงความลับและปรารถนาอะไรบางอย่างในตัวเขา แววตา...ที่ตรงข้ามกับแววตาว่างเปล่าของพ่อในวันนั้น

“รับไว้นะครับ” และนั่นคือประโยคที่ใจเย็นพูดระหว่างที่เขาได้แต่เงียบงัน ก่อนจะย่อตัวลงนั่งยองตรงหน้าเขา จับมือทั้งสองข้างให้ถือแจกันแก้วนั้นเอาไว้ “แม่ผมไม่เชื่อว่าคนที่เด็ดดอกไม้มาใส่แจกันจะไม่รักดอกไม้ จะเด็ดเอามาไว้ในแจกัน หรือจะปล่อยไว้ข้างทางก็รักเหมือนกัน แม่ผมบอกแบบนั้น”

เขาอยากจะด่า ด่าออกไปว่าอยู่ๆ มาพร่ำพูดอะไรไร้สาระในตอนนี้ แต่เขาก็พูดไม่ออก อาจเพราะไม่ว่าใจเย็นจะพูดอะไร ต่อให้ไม่เข้าใจเลยสักนิด เขาก็รับฟัง รับฟังเหมือนกับที่มือเขาถือแจกันแก้วใสนั้นไว้ตามที่อีกฝ่ายบอก ถือเอาไว้แม้ว่ามือจะสั่นเทาอย่างไม่เข้าใจ

“แต่สำหรับผม ถ้าเป็นไทเป็นดอกไม้ ผมจะไม่เด็ดไม่ดึง แต่ก็ไม่ปล่อยไว้ข้างทาง”

ไม่เข้าใจ แม้แต่สิ่งที่ใจเย็นกำลังพูดในตอนนี้

“ผมจะขุดขึ้นมา ทั้งรากทั้งโคน ตักขึ้นมากระทั่งดิน เพื่อเอามาปลูกไว้ในสวน และดูแลดอกไม้นั้นด้วยตัวเอง”

ไม่รู้ทำไม มือของเขายิ่งสั่นเทา บางที อาจเพราะเขาแค่อยากจะทะนุถนอมมันไว้ ไม่อยากประหม่าจนกะน้ำหนักมือไม่ถูก และบีบมันจนแตกร้าว

“นั่นคือความหมายของรักเดียวใจเดียวของผม”

แต่ทั้งที่อยากทะนุถนอม หยาดน้ำตาก็ร่วงหล่นบนกลีบดอกสีม่วงของสวีทพีจนได้

“ตอนนี้...ผมบอกเป็นไทได้แล้วใช่ไหม”

“บอกอะไร...”

ใจเย็นไม่ได้ตอบ แต่ขยับตัวเข้ามาใกล้เขา เอื้อมมือเข้ามาปาดน้ำตาบนพวงแก้มของเขา น้ำตาที่ไม่คาดคิดเลยว่าจะไหลรินลงมา

“อย่าร้องไห้เลยนะ”

พลันได้ฟังคำนั้น เขาเหมือนถูกพาโผล่พ้นจากทะเลน้ำตาทั้งที่กำลังร้องไห้

และเหนือผิวน้ำไม่ได้มีกลิ่นไอเกลือของทะเล

แต่เป็นกลิ่นหอมนวลของดอกไม้ ดอกไม้ที่ใจเย็นมอบให้เขา...เพียงผู้เดียว














****************************************************************************
 :hao5:  :กอด1: 
TL ตอนนี้ รวบตั้งแต่ตอนของเกษรากับพิทักษ์เลยค่ะ ถ้าจำได้ ปลายตอนที่แล้วใจเย็นขอแจกันมาจากที่บ้าน 55
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-08-2017 13:30:03 โดย แยมส้มขมคอ »

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ซึ้งอ่ะ คือถ้าไม่ปูเรื่องราวของตัวละครมาเลย จะไม่เข้าใจเลยว่าทำไมแค่พูดปลอบใจไม่กี่ประโยคกะให้ดอกไม้ มันจะทำให้ประทับใจได้ขนาดนี้

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
มีกันและกัน   :katai2-1:
เป็นไท มีใจเย็น
และใจเย็น รักเป็นไท  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ vwm666

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ดีใจที่สองคนนี้มาถึงวันนี้ซักที

ออฟไลน์ Reminder

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ดีใจที่ใจเย็นหาคำตอบได้ซะที ค่อยๆประคับประคองกันไปไม่แตกสลายไปด้วยกันอย่าที่เป็นไทกลัว

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ดีใจที่เป็นไทมีใจเย็นอยู่ข้างๆ ณ ตอนนี้

ออฟไลน์ papanoy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
              อืมมม!! ในที่สุดก็เป็น "ใจเย็นกับเป็นไท" ซะที

                                 :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ Atroce

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ใจเย็นตอนนี้หล่อมากกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
รู้สึกยังผลุบ ๆ โผล่ ๆ อยู่เลย

ถ้ามาอีกตอนทันทีน่าจะพ้นน้ำ.....

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
ใจเย็นเริ่มเข้าใจชีวิตมากขึ้นแล้วซินะ



ส่วนเป็นไทย ก็เริ่มเปิดเผยตัวตนที่เปราะบางของตัวเองให้ใจเย็นรับรู้มากขึ้น



ดีจังเลยนะ ต่อไปนี้ทั้งสองคนก็จะมีกันและกัน แบบจริงจังแล้ว :katai2-1:

ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1691
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
ฮืออออ ชอบประโยคตอนจบมากๆเลยค่ะ

ออฟไลน์ toutnoir

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อ่า...กำลังจะเริ่มอ่านใหม่ตั้งแต่ต้น
แวะเข้ามาบอกว่า รักนะคะ (⺣◡⺣)♡*

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด