➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑แจ้งข่าวตีพิมพ์หน้า 19 ค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑แจ้งข่าวตีพิมพ์หน้า 19 ค่ะ  (อ่าน 125206 ครั้ง)

ออฟไลน์ XVIII.88

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
    • XVIII.88
ไอ้การชวนไปไหนไม่บอกไม่กล่าว มาถึงมัดมือชกให้ไปนี่
ถ้าเราเป็นเป็นไท จะโมโหให้มากกว่านี้อีก
พระเอกก็พระเอกเถอะ จะด่าให้หงอยเลย :m16:
ทำใจนะเป็นไท //ตบบ่า

จะมีอีเว้นท์ไหน ที่จะทำให้เป็นไทเปิดใจได้นะ เดาว่าถ้าใจเย็นทำให้เป็นไทเปิดใจได้ ต้องมีน้ำตาแตกแน่ ๆ

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
นี่คือการจีบใช่มี้ย แน่ใจนะว่าจีบกัน ใจเย็นผู้เย็นชาและเอาแต่ใจ
โหดร้ายอีกต่างหาก ถ้าวันนึงหมดเรื่องให้ค้นหาหรือเบื่อแล้ว ก็จะทิ้งเป็นไทเลยมั้ย น่ากลัวตรงนี้

ออฟไลน์ แยมส้มขมคอ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-2

13 – อุบัติเหตุ




ใจเย็นไม่ได้ชอบดูแข่งรถ เป็นพิชญะต่างหากที่คลั่งไคล้ และตื่นเต้นดีใจกับการสร้างสนามแข่งรถมาตรฐานในประเทศตนเอง เพราะถึงจะมีเงินให้บินไปดูที่ต่างประเทศเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ แต่น้อยครั้งที่พิชญะจะได้รับอนุญาตจากแม่ของตนเอง ครั้งนี้ก็เหมือนกัน แม้การแข่งรถ Super GT จะถูกยกมาวางถึงในประเทศ แต่คุณแม่ทิพย์ก็ลังเลอยู่นาน จนใจเย็นเอ่ยปากบอกว่าอยากไป บอกว่าจะพาพิชญะไปด้วย นั่นแหละตัดสินใจจึงจบลง ทุกอย่างมักจะง่ายดายถ้าเป็นความต้องการของใจเย็น แม้แต่เรื่องที่อยากให้เป็นไทไปด้วยก็เหมือนกัน

เพราะกระชั้นชิดปุบปับและจำได้ว่าเป็นไทยังสอบไม่เสร็จ ใจเย็นจึงตั้งใจไปหาในเช้าของวันที่จะขึ้นเครื่อง รู้ว่าดูมัดมือชก รวบหัวรวบหาง แต่อย่างไรใจเย็นก็ไม่ได้คิดเผื่อไว้ว่าถ้าเป็นไทไม่ไปด้วยเขาจะชวนใครไปแทน บางทีอาจปล่อยที่นั่งบนเครื่องบินให้ว่างไปเลยก็ได้

ดังนั้นแล้วการที่มีเป็นไทมาอยู่ข้างๆ ตลอดการเดินทางจึงทำให้ใจเย็นรู้สึกพอใจ แม้ส่วนใหญ่เป็นการงีบหลับราวกับจะหนีหน้า ทั้งบนเครื่องบิน บนรถตู้ที่เช่าไว้สำหรับการไปไหนมาไหนในต่างถิ่น และบนห้องนอนของโรงแรมที่เป็นไทไม่ยอมให้ปิดไฟ

ตอนแรกเป็นไทยืนกรานที่จะนอนห้องเดี่ยว บอกให้ใจเย็นนอนกับพิชญะไป แต่ใจเย็นก็ยืนกรานเหมือนกันว่าจะอยู่ห้องเดียวกับเป็นไท อ้างเหตุผลสารพัดเอาแต่ใจจนเป็นไทเบื่อจะคัดค้าน ให้ใจเย็นได้นอนไม่หลับเพราะแสงไฟนีออนสว่างโร่ราวกับเป็นการแก้แค้น

กระนั้น เป็นไทก็ไม่ได้บอกเหตุผลเลยว่าทำไมถึงนอนเปิดไฟ เจ้าตัวดูตอบปัด เปลี่ยนเรื่อง ให้ใจเย็นรับรู้ได้ว่าถึงเซ้าซี้ถามไปก็เปล่าประโยชน์ เขาจึงไหลไปตามกระแสสนทนาจากเป็นไท ใจเย็นชอบเวลาที่เป็นไทเปิดหัวข้อสนทนาขึ้นมาเองในความเงียบ จนจากที่ไม่ตั้งใจ ใจเย็นกลับอยากจงใจเงียบให้บ่อยครั้งขึ้น

แต่ใจเย็นก็ได้รู้ว่าการกระทำนั้นไม่ได้ผลเสมอไปถ้ามีคนอื่นอยู่ด้วย

มันเป็นตอนบ่ายแก่ แดดจ้า ร้อนระอุ แต่พิชญะก็ตื่นเต้นดีใจกับการได้ขอถ่ายรูปและลายเซ็นจากนักแข่งรถก่อนถึงเวลาลงสนาม มันเป็นตอนบ่ายแก่ที่ได้นั่งอยู่บนแสตนด์ที่มีหลังคาคลุมไม่ให้แสบผิวซึ่งพิชญะเลือกเอง ไม่ใช่ห้องวีไอพี และมันก็เป็นตอนบ่ายแก่ที่มีเสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มกลืนกลบเสียงโฆษกไปหมดคำ

“มันไม่เหมือน F1 ใช่ไหมครับ สนามแข่งนี้จะปล่อยรถออกจากจุดสตาร์ทตอนรถกำลังวิ่งอยู่น่ะครับ” แล้วพิชญะก็เริ่มอธิบายหลังเป็นไทเอ่ยถาม เมื่อรถแข่งแต่ละคันเรียงแถวขับวนรอบสนามตามเซฟตี้คาร์ไปก่อนเริ่มแข่งจริง “เพราะปกติรถที่หนักกว่า เวลาออกตัวก็จะไปได้ช้ากว่า แต่การปล่อยรถแบบนี้จะทำให้ไม่เสียเปรียบ เรียกว่า Rolling Start ครับ”

ใจเย็นนั่งฟังเงียบงันเพราะเขาเองก็เพิ่งรู้ หรือจะเรียกว่าไม่ได้สนใจเรื่องรถแข่งมาก่อนก็ว่าได้ ผิดกับพิชญะผู้สงบเสงี่ยมเรียบร้อยตั้งแต่เมื่อวาน ไม่สิ พิชญะก็เป็นแบบนั้นเสมอมา และก็เสมอไปที่แววตาจะเป็นประกาย พูดจาฉะฉาน มีชีวิตชีวาเมื่อได้พาตัวเองเข้าข้องเกี่ยวเรื่องรถยนต์

“รถในสนามนี้แบ่งตามแรงม้าเป็น GT300 กับ GT500 ครับ วิธีแยกก็ดูพวกไฟหน้า สติกเกอร์คาดกระจกรถ และพื้นสีหมายเลขรถแข่ง ถ้าเป็น GT300 จะเป็นสีเหลือง แบบคันนั้นน่ะครับ”

ใจเย็นยังคงเงี่ยหูฟังเสียงพิชญะแข่งกับเสียงเครื่องยนต์ในสนาม เหลือบมองเป็นไทที่นั่งข้างๆ ถัดไปก็เป็นพิชญะ ก่อนจะเบนสายตากลับไปในสนาม มองรถแข่งทั้งสองแบบที่ฟาดฟันหั้นห่ำกันอย่างไม่ลดละ มองจอมอนิเตอร์แสดงผลที่ทั้งอยู่ไกลและเล็ก หนำซ้ำยังน่าจะดีเลย์เพราะฟังจากการบ่นของคนด้านข้าง มองรถแข่งอีกครั้ง ก่อนจะเบนกลับมามองเป็นไท

“แล้วทำไมมันแข่งสนามเดียวกันหมดเลยล่ะ”

“ยังไงผลแพ้ชนะก็ตัดสินแยกเป็นรุ่นน่ะครับ อีกอย่างเวลาเห็น GT500 ต้องแข่งกันเองกับ GT500 และต้องหนีไม่ให้ GT300 ที่อ่อนกว่าแซงทันมันก็สนุกดีด้วย แต่ส่วนใหญ่ GT500 ก็น็อกรอบอยู่ดี”

ได้ยินเสียงตอบรับเออออของเป็นไท ใจเย็นเห็นสายตาที่มองรถแข่งในสนามแบบที่กำลังทำความเข้าใจ แน่นอนว่าใจเย็นก็ชอบสีหน้านี้ สีหน้าที่ยังไม่เคยเห็น หากก็สับสนซับซ้อนขึ้นมาจนไม่รู้ว่ารู้สึกอะไรที่สีหน้านั้นไม่ได้เป็นเพราะเขา ใจเย็นเพียงนิ่งเงียบ ฟังเสียงรถ เสียงของพิชญะที่เริ่มเงียบหายไปบ้างแต่ใจเย็นก็ยังไม่รู้จะพูดอะไร เขาพอจะรู้เรื่องรถแต่ไม่ได้รู้เรื่องรถแข่งเลยสักนิด สุดท้ายเสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มยิ่งในแสตนด์ที่มีหลังคาปกคลุมให้สะท้อนก้องก็ประสานความตกร่องของบทสนทนา

ใจเย็นมองรถแข่งทั้งแบบ GT300 และ GT500 ที่พิชญะอธิบาย มองมันไล่บี้วนเวียนกันอยู่ในสนาม วนไปไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ จนเมื่อรู้สึกว่าไร้จุดหมายเขาจึงเลือกจะตามติดรถ GT500 สัญชาติญี่ปุ่นคันหนึ่งเพราะถือเป็นจุดกำเนิดดั้งเดิมของสนามแข่ง Super GT ใจเย็นมองมันแซงรถยุโรปคันหนึ่งไป ดูได้เปรียบ ไวว่อง ล่องลอยในความเร็ว ก่อนที่จะมาถึงโค้งความเร็วสูงสุด คนขับพลาดท่าให้รถไถลไปกับขอบสนาม หน่วยแพทย์และเจ้าหน้าที่กรูกันเข้าไปดูแล พลันใจเย็นก็ไม่คิดสนใจอะไรอีกเมื่อรถกลับไปออกตัวได้อีกครั้ง เขากลับจ้องมองที่โค้งความเร็วนั้น เห็นรถคันต่อไปที่เข้ามาพลาดท่า จนคันที่สาม บ้างล้อรถ บ้างประตูเปิดอ้า และก่อนที่จะถึงคันที่สี่ เป็นไทก็หันมาพูดกับเขา

“มึงดูรู้เรื่องปะวะ” คำถามชวนให้เข้าใจว่าทำไมไม่ได้หันไปถามพิชญะ กระนั้นใจเย็นก็ยิ้มที่เป็นไทหันมาคุยด้วย

“พอรู้เรื่องครับ”

“เหรอ กูเบื่อๆ ว่ะ” เป็นไทบ่น กระนั้นก็หันกลับไปมองสนามตรงหน้าเหมือนเดิม “ดูถ่ายทอดสดในทีวีน่าจะรู้เรื่องกว่าอีก”

“ถ้าเป็นไทเบื่อ ลองมองตรงโค้งนั้นสิครับ โค้งที่สิบสอง โค้งความเร็วสูงสุดของสนาม” ใจเย็นบอกพลางชี้ทิศทาง

“เออ ทำไม”

“รถจะเลี้ยวพลาดบ่อย แล้วก็คว่ำ แก้เบื่อดีครับ”

“สัด มึงนี่โรคจิต” ทันควันที่เป็นไทออกปากด่า กระนั้นมุมปากก็ดูยิ้มขำ อาจจะเห็นด้วยกับการมองหาอะไรแก้เบื่อสำหรับคนที่ไม่ใช่แฟนรถแข่ง แต่ก็คงไม่ได้ติดใจภาพซ้ำเหล่านั้นเท่ากับใจเย็น แม้จะมีหลายครั้งที่ใจเย็นสลับเหลือบมองคนข้างๆ ไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัวก็ตาม

จนเมื่อหมดครบ 66 รอบสนามของการแข่งขัน ประกาศผลและมอบถ้วยรางวัลให้แก่นักแข่ง ท้องฟ้าที่แดดเปรี้ยงมาตลอดบ่ายก็เริ่มเปลี่ยนสี ส่งเสียงขู่คำรามให้ไหวสะท้าน ใจเย็น พิชญะ และเป็นไทโดยสารรถสองแถวไปยังหน้าสนาม กลับขึ้นรถตู้ที่เช่าไว้สำหรับการเดินทางส่วนตัว และนั่นเองที่กลับมาชัดเจนว่าพิชญะนั้นแท้จริงเป็นคนที่งำเงียบ สงบเสงี่ยมเพียงไหน ทั้งยังอ่อนน้อมถ่อมตนจนบางครั้งใจเย็นก็อยากจะยุดยื้อให้ขึ้นมายืนบนตำแหน่งที่เท่าเทียมกันบ้าง แต่ก็เพราะแบบนั้นนั่นแหละที่ใจเย็นเป็นคนนำให้พิชญะมาที่นี่ แม้จะมีเอี่ยวผลประโยชน์ส่วนตัวที่อ้างกับคุณเกษราว่าเป็นไทจะมาด้วย ให้พอหมดกังวลไปอีกเปราะว่าไม่ได้มากันแค่สองคนพี่น้อง

กระนั้นเลย ใจเย็นก็รู้สึกว่าไม่ได้อะไรที่อยากได้จากเป็นไทเท่าที่ควร แม้จำได้ดีถึงรู้สึกที่ประทับในใจตอนทำลายกำแพงบางชั้นของเป็นไทลงได้ แต่ความเป็นจริงเป็นไทก็ยังห่างไกล อย่างเช่นตอนนี้ที่เสียบหูฟังเล่นโทรศัพท์มือถือเป็นการตัดขาดไม่ต้องการสนทนาใดๆ หน้าตาเฉย

คล้ายกับตอนที่เป็นไทคุยกับพิชญะและแสดงสีหน้าสนอกสนใจในเรื่องราวใหม่ๆ ใจเย็นกำลังรู้สึกไม่ต่างจากที่รู้สึกในตอนนั้น มันสับสนซับซ้อน เข้าใจยากพอๆ กับที่เขาดูจะไม่เข้าใจอะไรในโลกนี้เลย แล้วโลกก็ยิ่งกลั่นแกล้งด้วยการเทฝนลงมา ให้ไม่ได้ไปไหนที่อยากไป ถนนคนเดินที่วางแผนกันไว้ว่าจะไปตอนค่ำก็เป็นอันยกเลิก ให้ไปแค่ห้างสรรพสินค้าในตัวจังหวัด และเพราะใจเย็นรู้สึกมืดตื้อในเรื่องราวที่อยากจะคุยกับเป็นไทไม่ต่างจากอื้ออึงของสายฝน เป็นไทที่ชวนพิชญะคุยเรื่องรถแข่งในวันนี้ระหว่างมื้ออาหารเย็นจึงดูยิ่งไม่มีที่ให้เขาแทรกเข้าไป

ประหลาด บางทีอาจเป็นคำสั้นๆ ที่สรุปความรู้สึกของใจเย็นได้ในวันนี้ และไม่มีคำอธิบายไหนดีไปกว่านั้น

จนกลับมาถึงห้อง สายฝนก็ยังคงอวดอ้างตัวเองว่าได้ครอบครองผืนแผ่นดินนี้ แม้จะชั่วครู่ชั่วยามก็ตามที เป็นไทไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านอนเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่บนเตียง ดูเกียจคร้าน คร้านแม้กระทั่งจะหาเรื่องคุยกับเขาที่งำเงียบ จนจังหวะที่เป็นไทวางโทรศัพท์มือถือและลุกไปค้นหาอะไรบางอย่างบนโต๊ะไม้ของโรงแรม แสงจากภายนอกส่องสว่างวับวูบเข้ามาในห้องก่อนจะได้ยินเสียงฟ้าคำราม ฟาดตัวพรวดพราดมายังโลก เสียงบางอย่างระเบิดลั่น ก่อนที่ทุกอย่างจะดับมืดชั่วพริบตา

ใจเย็นไม่ได้ตกใจอะไรเลยแม้แต่น้อย แค่คิดว่าอาจเพราะนี่เป็นโรงแรมเล็กและเก่าที่พิชญะจองได้ก่อนจะต้องระเห็จไปหาโรงแรมไกลถึงอีกจังหวัดในช่วงที่มีจัดงานแข่งใดๆ ระบบสำรองไฟจึงไม่ค่อยดีนัก

“ใจเย็น” แต่พลันก็แสลงหูขึ้นมาด้วยชื่อของตนเอง ในเมื่อเป็นไทไม่เคยเรียกชื่อของเขาเลยสักครั้ง “อยู่ไหน”

น้ำเสียงดูร้อนรนสับสนในความมืดมิด แต่ไม่ได้เงียบงันด้วยเสียงฝนยังคงเทกระหน่ำ จนเสียงเป็นไทเรียกอีกครั้งใจเย็นถึงรู้ตัวว่าไม่ได้ตอบออกไปทันที “มือถือมึงอยู่กับตัวไหม เอาออกมาส่องไฟดิวะ”

“อ่า ผมวางไว้ไหนไม่รู้ครับ”

“สัด” ด่ามาทันทีไม่พูดพร่ำทำเพลง กระนั้นใจเย็นก็รู้สึกได้ว่ามีอะไรแปลกในน้ำเสียง และเพราะม่านหนาทึบที่ปิดหน้าต่างไว้ นานเท่าไหร่สายตาก็ยังปรับให้คุ้นชินกับความมืดไม่ได้ ใจเย็นจึงลุกไปควานคว้าหาเงารางของเป็นไท จับคว้าต้นแขนได้พลันก็รู้สึกถึงแรงสะดุ้ง

“ผมเองครับ” ใจเย็นเอ่ยบอก แต่เป็นไทไม่ได้ตอบอะไรกลับ ในห้วงเวลาเงียบงันของสนทนา ความทรงจำจึงไหลย้อนกลับให้ทบทวนบางอย่างได้ “เป็นไทกลัวความมืดเหรอ”

เงียบ ไม่มีเสียงตอบ แต่ใจเย็นเดาว่าใช่ ไม่อย่างนั้นเป็นไทคงปฏิเสธมาไม่ลังเล

“งั้นเดี๋ยวผมไปหยิบมือถือเป็นไทให้ อยู่หัวเตียงใช่ไหม ผมเห็นอยู่”

“แบตหมด” ตอบสั้น แต่รู้สึกได้ถึงเสียงที่สั่น เครือ เริ่มได้ยินเสียงหายใจเหมือนพยายามหายใจเข้าออกช้าๆ เพื่อตั้งสติ

“ไปนั่งก่อนไหมครับ” ใจเย็นเอ่ยบอกแบบนั้น ด้วยเขาเองก็ไม่รู้ว่าควรแก้ไขสถานการณ์แบบไหนหรือควรพูดอะไร แต่อย่างไรก็อาจจะดีกว่ายืนอยู่ในความมืดมิด ในเมื่อสัมผัสได้ถึงไหวสั่นจากต้นแขนของเป็นไท

“เออ ไม่ต้องไปไหนนะ” และเสียงเป็นไทก็พูดออกมาตอนที่ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง เคียงข้าง “ให้รู้ว่ามีคนอยู่ข้างๆ”

ใจเย็นรู้สึกว่ามันเป็นกลุ่มประโยคที่มีอิทธิพลกระทบความรู้สึกมหาศาลทั้งที่น้ำเสียงนั้นอ่อนแอ เปราะบาง และคงจะไม่พูดอะไรออกมาอีกแล้วในเมื่อจำเป็นต้องประคองไม่ให้สั่นเครือ หรือบางทีอาจจะดีขึ้นถ้าเขาหาเรื่องชวนคุย ใจเย็นอยากถามว่าทำไมถึงกลัวความมืด แต่เมื่อคิดทวนในเสี้ยววินาทีแล้วรู้สึกได้ว่าไม่ควรจึงทำให้กลืนมันลงคอและย่อยสลายไปไม่ถามออกมาในเวลานี้ เขาไม่อยากให้อะไรมันแย่ลง แต่ขณะเดียวกันความรู้สึกประหลาดสับสนซับซ้อนนั้นก็พลันหวนกลับ

ในตอนที่ใจเย็นลดระดับมือลงจากต้นแขนของเป็นไทไปจับอยู่ที่ข้อมือ ภาพของรถแข่งในสนามที่พลาดท่าในโค้งที่สิบสองกลับเลือนรางขึ้นมาในความคิด ก่อนวูบดับหายไปด้วยความรู้สึกอื่น เป็นความต้องการรุนแรงราวกับพายุฝนที่เกรี้ยวกราดให้เมืองทั้งเมืองมืดดับ ภาพของเป็นไทที่เขาจับจ้องในวันนี้คืนกลับ ภาพของสีหน้าและแววตาที่พยายามทำความเข้าใจรถแข่งในสนาม ภาพที่ดูเบื่อเพราะดูไม่รู้เรื่อง ภาพที่เขาแอบเหลือบไปจ้องมองหลายต่อหลายครั้ง ภาพอื่นในวันอื่น ภาพที่ยิ้มเมื่อแก้โจทย์เลขได้ ภาพของปุ่มที่กระดูกข้อมือที่สะดุดตาเขาในวันแรกที่พบ แล้วปัจจุบันก็พลันเลื่อนหาสัมผัสปุ่มกระดูกข้อมือนั้น ก่อนไล่ลามลงไปยังปลายนิ้วยาวที่จับแก้วน้ำเย็นชวนดื่มในวันที่อากาศร้อนจัด

เป็นไทนิ่งเงียบ ไร้ปฏิกิริยาตอบกลับ และอาจเป็นใจเย็นเองที่เริ่มสั่นไหว พรั่นกระเพื่อมในจังหวะหายใจ บางอย่างบีบรัดกลางอก อกที่ไม่เคยทำให้เขารู้สึกเข้าใจอะไรเลยสักอย่าง พลันภาพของรถแข่ง GT500 คันที่ชนขอบสนามก็เด่นชัดขึ้นมาในความคิด เขาเห็นถึงล้อที่หลุดออกจากตัวรถ สีข้างถลอกปอกเปิด และภาพอุบัติเหตุในสนามก็หยุดลงแค่นั้น

พร้อมกับมืออีกข้างที่เอื้อมออกไปหมายจะสัมผัสให้ถึงตัวตนทั้งหมดของเป็นไท










----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
 :serius2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-09-2017 14:24:19 โดย แยมส้มขมคอ »

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ MOMAMi_96

  • เรื่อยๆ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3
อร้างงงงงง น้องใจเย็นมือปลาหมึกไปอีกโอ้ยยยยยยยยย หนูเป็นสาวนะลูกไปลวนลามผู้ชายได้ไงโอ้ยยยยยย

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ใช้พลังในการทำความเข้ใจเยอะมาก

ออฟไลน์ papapajimin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 294
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ทำไมมีความเห็นด้วยกับคอมเม้นข้างบน
เหมือนว่าต้องอ่านอีกรอบ หรือเพราะอ่านตอนพึ่งตื่น
สมองปรับไม่ทัน 555555

แต่รู้สึกเหมือน พวกมึงจะคุยกันมากกว่านี้ได้มายยยย
มีมิติสัมพันกันหน่อยเว้ยย คนอ่านจะขาดจายยย 5555555

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ตอนนี้มืดพอ ๆ กับห้องไฟดับและปั่นป่วนพอ ๆ กับพายุฝนข้างนอกนั่นเลย

ไม่เข้าใจ สับสน

ออฟไลน์ Frankdar

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ใจเย็นนะใจเย็น  :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ XVIII.88

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
    • XVIII.88
ความมืดที่มีฝนตกมันทำให้บรรยากาศพาไปได้ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย ใจเย็นรุกแล้วววว รุกถึงตัวแล้วววว
จะใช้โอกาสนี้เป็นข้อต่อรองอะไรกับเป็นไทรึเปล่าเนี่ย
นี่มันซีนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของเป็นไทเลย
กลัวก็กลัว ใจเย็นก็ลวนลาม  :hao6:

ขอผมจับขอผมทัชนะครับเป็นไท

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
อธิบายในนี้ด้วยก็ดีค่ะ ไม่ได้เล่นทวิตอ่ะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เป็นไท ตอนนี้จะสงบเสงี่ยม ว่าง่าย เพราะกลัวความมืด
แล้วก็คงกลัวฟ้าร้อง ฟ้าผ่าด้วย จนไม่ขยับไปไหน
ใจเย็นรู้แล้วว่าเป็นไทกลัวความมืด
ก็คงอยากปลอบ อยากเข้าถึงตัวตนของเป็นไท
แต่จะเข้าถึง จนถึงลึกแค่ไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน  :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ขอบคุณสำหรับคำอธิบายที่คนเขียนเพิ่มให้ค่ะ เข้าใจมากขึ้น

ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook


ตั้งแต่ตอนที่แล้วเป็นต้นมา แม้จะต้องเพิ่มรอบอ่านกว่าปกติ
แต่ส่วนตัวเรารู้สึกว่า เราพอจะจับทางสัญลักษณ์กับความรู้สึกลึก ๆ ของใจเย็นและเป็นไทได้ดีขึ้น แม้จะไม่ได้อ่านคำอธิบาย
(เพียงแต่ไม่กล้าฟันธง - นิสัยเสียตั้งแต่เรียนวิชาวรรณกรรมสมัยเรียนมหาลัย อย่าถือสากันเลยนะคะ)

สำหรับตอนต่อไป เราขออย่างเดียว ขอให้ไฟติดโดยเร็ว
เพราะเรากลัวมากว่าใจเย็นจะไม่ใจเย็นอีกต่อไปแล้ว และด้วยความที่เป็นไทไม่ใช่คนนุ่มนิ่ม
ที่จะยอมอ่อนข้อให้ใครง่าย ๆ (จะด้วยความซึน ความกลัว หรือจะด้วยอะไรก็แล้วแต่)

แน่นอนว่าหากเกิดเรื่องผิดผีกันขึ้นมาจริง ๆ หลังจากตรวจภายในกันจนพอใจ
ใจเย็นคงได้บุกป่าฝ่าดงปลงผมบวชเพื่อขออโหสิกรรมจากเป็นไทอีกสิบหรือยี่สิบปีกว่าจะได้ครองคู่กันเป็นแน่
ซึ่งถ้ามันเป็นอย่างนั้น แม่ป้าคงล้มหายตายจากด้วยโรคบริโภคผงชูรสในมาม่าจนร่างกายไม่ตอบสนองต่อสารอาหารอื่น ๆ ไปเสียก่อน

คุณแยมอย่าทำกับเป็นไทอย่างนั้นเลยนะคะ เราสงสารนาง
ลำพังแค่เกิดมาเป็นไทและมีความเป็นไทเต็มตัว ก็ลำบากจะแย่แล้ว (ถามปรายสิ ปรายคงพอให้ข้อมูลส่วนนี้ได้ - ฮาาาา)
รอติดตามตอนต่อไปค่ะ  :กอด1:


ออฟไลน์ Shonteen

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
อยากให้ใจเย็นปล้ำไปเลย

ออฟไลน์ เมื่อนั้นฝันว่า

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 323
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อย่าว่าเราโรคจิตเลยนะ แต่อยากให้ใจเย็นใช้ความกลัวของเป็นไทมาทำความเข้าใจกันมากขึ้นอ่ะ

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
อ่านไปด้วยความไม่เข้าใจ 5555555555555555555
ฮืออออ ภาษาดีค่ะ เข้าใจยากดี ดูมีอะไร 5555555

ออฟไลน์ แยมส้มขมคอ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-2

14 – ดับ




เป็นไทรู้ดีว่าตู้ใบนั้นล็อกจากด้านนอก เป็นโซ่สายสั้นๆ ที่พันธนาการที่จับบานประตูตู้เสื้อผ้าเอาไว้ กักขังเขาไว้ในความมืดมิด ให้สนิทสนมกับความหวาดกลัวและปิศาจที่สร้างขึ้นเอง และทั้งๆ ที่เขาเติบโตขึ้นทุกวัน โตพอที่จะบอกตัวเองได้ว่าปิศาจไม่มีจริง และในความมืดไม่มีอะไร แต่เป็นไทก็ยังคงขลาดกลัวและพ่ายแพ้ต่อความมืด เป็นความกลัวที่หยั่งรากลึก ยากจะถอนรากถอนโคน

ครึ่งชั่วโมง ชั่วโมง สอง สาม ลามเลยไปถึงหลายชั่วโมงจนอาจถึงเช้าให้ผล็อยหลับและสะดุ้งตื่นเพื่อขื่นขมในความหวาดกลัวอีกครั้ง เป็นไทถูกขังอยู่ในนั้นมานับครั้งไม่ถ้วน และเมื่อมืดมิด โสตประสาทยิ่งทำงานได้ดี เขามักจะได้ยินเสียงด่าทอจากพ่อ เสียงร้องไห้ของแม่ เสียงทำลายข้าวของ บางครั้งตู้ก็ถูกกระแทกหนักๆ จนเขาคุดคู้สั่นกลัว แต่บางครั้งก็เงียบงัน กระนั้นก็ยังสร้างความหวาดวิตกด้วยไม่อาจหยั่งเห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง และจะจบลงเมื่อไหร่

หรือไม่ เป็นไทก็ไม่เคยรู้สึกเลยว่ามันจบลง

ทุกครั้งที่ไฟดับ เป็นไทรู้สึกเหมือนถูกกักขังในมืดมิด กังวลทุกทิศทุกทางว่าปิศาจจะเข้ามาคว้าร่างของเขา ครั้งนี้ก็เช่นกัน เขาแทบจะเตลิดไปไกลหากไม่มีเสียงเอ่ยแสดงตนของใจเย็น เสียงที่พอจะคุ้นเคยให้พอจะเบาใจไปได้บ้าง

“ผมเองครับ” เอ่ย ก่อนที่จะถามถึงความลับที่คงไม่ยากแล้วที่จะล่วงรู้ “เป็นไทกลัวความมืดเหรอ”

เป็นไทไม่ตอบ เขารู้สึกว่าเปล่าประโยชน์ กระนั้นก็ชื้นใจขึ้นมาบ้างที่อีกฝ่ายดูใส่ใจจะช่วยเหลือ ต่อให้ไม่อาจระงับอาการหวาดกลัวได้ก็ตาม เขายังคงสั่นไหวแม้ในน้ำเสียง จนสุดท้ายอ่อนแอที่มีก็เอ่ยขอใจเย็นให้อยู่ข้างๆ เป็นไทรู้ตัวเองดีว่าถ้าไม่ใช่แสงสว่าง ก็มีแค่ความรู้สึกที่รับรู้ว่ายังมีใครอยู่ด้วย เหมือนที่แม่จะมาพูดปลอบเขาผ่านบานประตูตู้ในบางครั้ง เขาถึงจะพอผ่านมันไปได้แบบไม่ยากเย็นนัก

เหมือนเดิมที่ความมิดมิดทำให้เป็นไทได้ยินเสียงอะไรต่อมิอะไรดังชัด เสียงฝนกระหน่ำด้านนอก เสียงลมพายุเบี่ยงทิศทาง เสียงฟ้าร้องครืนไปจนถึงสะเทือนเลื่อนลั่น เสียงแผ่วเบาจากหน้าห้องที่คนอื่นๆ น่าจะวุ่นวายกับไฟดับ เป็นไทคิด พยายายามรับรู้ว่าตนเองไม่ได้อยู่คนเดียว แต่ในมืดมิดก็ทำให้เขาเหวี่ยงไหว อีกทั้งใจเย็นที่อยู่ข้างๆ ก็ไม่ได้พูดอะไรสักคำ จนตอนที่เขาประคับประคองเสียงตัวเองไม่ให้สั่นตั้งใจจะบอกให้อีกฝ่ายพูดอะไรบ้าง ก็สัมผัสได้ว่ามือของตนถูกกอบกุมเอาไว้แล้ว

หากอยู่ในเวลาปกติ เป็นไทคงสะบัดทิ้งและด่าออกไปสักคำ ไม่ก็ต่อยไปสักที ซึ่งคงไม่ทำให้เขารู้ว่ามือของใจเย็นนั้นอุ่น และนุ่ม นุ่มแบบลูกคนรวยที่ไม่เคยทำแม้แต่งานบ้าน พาลนึกหมั่นไส้ขึ้นมาตงิดๆ ก่อนจะรู้ตัวว่ามันทำให้ความกลัวของเขาสร่างซาลง

แวบหนึ่งที่เขาคิดขึ้นมาว่าครั้งนี้หยวนให้ก็ได้กับเด็กที่ดูไม่รู้กาลเทศะอะไรเลยคนนี้ แต่แวบต่อมาก็เปลี่ยนความคิดแทบไม่ทัน

อีกครั้งแล้วที่เขาไม่เข้าใจใจเย็น เป็นไทสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากมืออีกข้างที่สัมผัสเข้ามาตรงสันกราม ก่อนลามเลยลงมาที่คอเหมือนไล่สำรวจ นั่นแหละที่เขาส่งเสียงเฮ้ยทักท้วง กระนั้นสิ่งที่ได้กลับคือลมหายใจร้อนรินรดลงต้นคอ

พลันภาพของเด็กไม่รู้กาลเทศะเมื่อครู่เลือนหาย เป็นไทรู้สึกว่าตนเองจมอยู่ในความมืดมิดอีกครั้ง แต่เพียงผู้เดียว เขาไม่รู้สึกว่าใจเย็นอยู่ข้างๆ กลับรู้สึกว่านี่คือใครไม่รู้ และจังหวะที่จะผลักไสออก เขาก็ถูกความร้อนห่มคลุม เป็นความร้อนจากอุณหภูมิกายของคนที่สวมกอดเข้ามาเหนี่ยวรั้งแน่นจนน่ากลัว พาลให้รู้สึกเหมือนโดนกักขังในที่มืด แคบ ไร้อิสระ และจังหวะเดียวกับที่ได้ยินเสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือดังอยู่ในที่ที่ไม่อาจระบุ จังหวะเดียวกับที่เป็นไททักท้วงเรียกชื่อใจเย็น เขาสัมผัสได้ถึงแรงขยุ้มที่หนักนิ่งผ่านเสื้อผ้าบนแผ่นหลัง ไม่รู้เจตนา แต่คิดว่าอย่างไรก็ต้องหนีให้พ้น

ตอนนั้นเองที่แสงสว่างคืนกลับพร้อมกับเสียงสั่นของโทรศัพท์ดับลง

ทว่า ความรู้สึกหวาดหวั่นไม่ได้สลายหายไปอย่างทุกครั้ง เป็นไทยังคงรู้สึกว่าคนที่กอดเขาอยู่ตอนนี้ไม่ใช่ใจเย็น เขาออกแรงต้าน และตอนที่กำลังยกขาขึ้นจะถองเข่าเข้าท้อง ทุกอย่างก็พลันชะงัก

“เป็นไท”

ถูกเอ่ยเรียก ด้วยชื่อที่ไม่เคยมีคำนำหน้า และรู้ตัวในตอนนั้นเองว่ามือที่กุมขยุ้มแผ่นหลังเขาเลื่อนขึ้นมาไล้สัมผัสเส้นผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

“เหี้ยอะไรมึงเนี่ย”

เป็นคำแรกที่เขาเอ่ยถาม ยังไม่เห็นสีหน้าของใจเย็นเพราะอีกฝ่ายยังคงวางคางบนไหล่ของเขา

“ผมแค่อยากกอด” พลันคำตอบฟังน่าปวดหัวเหลือเกิน “เหมือนที่อยากลูบหัว”

ยากจะเข้าใจ...น่าจะเป็นนิยามที่ดีที่สุดสำหรับใจเย็นเวลานี้ กระนั้นเขากลับเบาใจลงถนัดจากเมื่อครู่

“เป็นไทจะด่าผมไหม”

“ด่า” ตอบแบบไม่ต้องคิดหน้าคิดหลังใดๆ และยังคงขุ่นเคือง ทว่ากลับได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอ “เป็นห่าอะไร ผีเข้าเหรอ ปล่อยกูสักที”

“ไม่เอาอะ”

“มึงอยากตาย—”

“บอกผมก่อน” หากใจเย็นก็รั้งทันก่อนที่จะโดนประทุษร้าย

“บอกเหี้ยไร”

“เรื่องของเป็นไท”

“เรื่องอะไรล่ะวะ”

“ทำไมกลัวความมืด”

ถึงคำถามนี้เป็นไทชะงักเงียบ ยังให้ยิ่งรู้สึกชัดว่ามือของใจเย็นยังคงไล้เล่นเส้นผมของเขาแบบไร้สิ้นเคารพใด

“ปล่อยก่อนถึงจะบอก”

“บอกก่อนถึงจะปล่อย”

“โว้ย ย้อนเหรอ ไอ้เหี้ย” เป็นไทโวยวายแบบหมดความอดทน กระนั้นกลับไม่ได้ทำร้ายหรือผลักไสทั้งที่ทำได้

“ยังไงก็ต้องบอกนี่ครับ”

“เอาความมั่นใจมาจากไหนวะสัด”

“ก็เป็นไทสัญญาไว้”

พลันโดนทวงสัญญาซึ่งๆ หน้า ไม่สิ ไม่เห็นหน้าด้วยซ้ำ เป็นไทคร้านจะบ่ายเบี่ยง แต่ก็ไม่รู้จะกลั่นคำพูดออกมาอย่างไรด้วยเขาไม่เคยเล่าให้ใครฟังมาก่อน และพลันนึกถึงตรงนี้ก็รู้สึกไหววูบแปลกประหลาดในใจ

“พ่อเคยขังกูไว้ในตู้เสื้อผ้า”

สุดท้ายเป็นไทตัดบทความรู้สึกเหล่านั้นด้วยการเล่าออกไปตรงๆ ทื่อๆ ไม่อ้อมค้อม แม้ยังแสลงปากด้วยไม่เคยคิดว่าต้องพูดมัน ขณะเดียวกันก็สัมผัสได้ว่ามือที่ไล้เล่นเส้นผมเขานั้นชะงักไป

“ทำไมล่ะครับ”

“กูก็ไม่รู้”

สิ้นคำตอบ สนทนาตกร่อง อีกครั้งที่กลับมาสดับรู้ตัวถึงเสียงรอบข้างและรับรู้ได้ว่าพายุฝนซาลงแล้ว ใจเย็นยังคงเงียบ ไม่พูดอะไร เพียงยกมือขึ้นลูบผมเขาอีกครั้ง แผ่วเบา พาลรำคาญขึ้นมาอย่างไม่อาจอธิบาย ครั้งนี้ตั้งใจผลักตัวออกให้จบๆ ทว่าคำพูดหนึ่งก็ถูกเอ่ย

“ตอนไฟดับ ขอโทษนะครับ”

ไม่รู้ทำไมเขาเงียบ เหมือนว่ายังรับฟังทั้งที่คำพูดนั้นจบลงไปในไม่กี่วินาที ก่อนจะได้ด่าเสียงลั่น

“ไอ้สัด! กัดทำไม!”

นั่นแหละที่เป็นไทได้ฤกษ์ทำร้ายใจเย็นในที่สุด เขาถีบคนที่งับเข้าที่ต้นคอจนกระเด็นไปกองกับพื้น เล่นเอาเจ้าตัวมึนงงไปชั่วครู่ แต่เมื่อตั้งหลักได้ก็ยิ้ม และหัวเราะเป็นเด็กๆ ให้เขาไล่ตะเพิดเหมือนหมูเหมือนหมา

“มึงไปนอนกับน้องมึงเลยไป!”

“ถ้าไฟดับอีกใครจะอยู่กับเป็นไทล่ะครับ”

ถ้อยคำมั่นอกมั่นใจในตัวเองทั้งที่ไม่ได้ช่วยให้อะไรมันดีขึ้นเลยตอนไฟดับทำให้เขายิ่งรู้สึกเดือดดาล กระนั้นก็ไม่มีอารมณ์จะไล่ตะครุบแล้วตบหัวสักที เป็นไทจึงได้แต่ด่าออกปากด่า ก่อนจะกลับมาสนใจกับโทรศัพท์มือถือตัวเองที่ดันแบตเตอร์รี่หมดในเวลาเหมาะเจาะจนน่าเขวี้ยงสักที

แต่คิดอีกที ก็เป็นเขาเองนั่นแหละที่เผลอเล่นเกมจนแบตหมด และก็อาจเป็นเหตุผลที่ใจเย็นเริ่มชวนเขาคุยแบบที่เพิ่งรู้สึกได้ว่าวันนี้แทบจะไม่ได้คุยกันเลยทั้งที่ก็อยู่ด้วยกัน เป็นไทตั้งใจจะรับฟังแค่ผ่านๆ แต่ประเด็นที่ไม่ยอมวนออกจากเรื่องไฟดับก็ทำเขาคิดจะดึงสนทนาให้จบเรื่อง

แล้วก็กลายเป็นฝ่ายลืมตัวเสียเองเมื่อประเด็นเปลี่ยน เขาก็ยังหลงกลคุยต่อจนดึกดื่นค่ำคืนเหมือนกับไฟนีออนที่เขาไม่ยอมดับมัน





 

ทางฝั่งพิชญะตอนไฟดับ : กลัวผีอะ ไม่กล้าออกไปข้างนอกด้วย โทรหาพี่เย็นก็ไม่รับ โอ๊ย...ไฟมาพอดี TT




ูู**********************************************************************************
เห็นมั้ยคะ นี่นิยายใสๆ ตลกเฮฮาค่ะ 55555555

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
สงสารเป็นไท
เด็กที่โดนทำร้ายโตมาโดยมีอาการเหลือแค่นี้ถือว่าเข้มแข็งมาก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ไอ้ห้องที่นอนสองคนก็วุ่นวาย ปั่นปวน ชวนงงกันไป

สงสารน้องพิชยะที่สุด โธ่ เด็กน้อยของฉัน

ออฟไลน์ เมื่อนั้นฝันว่า

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 323
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ในตอนนี้สงสารน้องพิชญ์สุด

ออฟไลน์ MOMAMi_96

  • เรื่อยๆ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3
ใจเย็นหิวเจ้ไทมากอ่ะ ทิ้งน้องทิ้งนุ้งเลยอ่ะแบบแงๆ :katai1:

ออฟไลน์ Atroce

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
น้องใจเย็นน่ารักค่ะ อ่าว ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่อง

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
โถ่ พิชญะ

ออฟไลน์ papapajimin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 294
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
อ้าวพิชญะโทรมาหรอออ 5555555 ถถถถถถถ

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เข้าใจยากกันจริงๆทั้งสองคน ให้บรรยากาศอึมครึมๆตลอดเวลา
แต่ใจเย็นดูอึมครึมกว่าเป็นไทเยอะๆเลย

ออฟไลน์ แยมส้มขมคอ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-2

15 – คำถามที่ไม่มีคำตอบ




ใจเย็นจำความรู้สึกตอนมีอะไรกับผู้หญิงครั้งแรกได้ดี แม้จะเป็นครั้งแรกที่ไม่ดีเท่าไหร่ก็ตาม ไม่มีอะไรเลยที่เขาเป็นคนนำ ถ้ามองจากมุมมองของหล่อนคงเห็นท่าทีงกเงิ่น ปะติดปะต่อเรื่องไม่ถูก ให้หล่อนหัวเราะและจัดการอะไรต่อมิอะไรด้วยตนเอง ซึ่งอย่างเดียวที่ทำให้เขาพึงพอใจก็คือการถูกพาไปถึงที่สุดของอารมณ์ ป่วนแตก แปลกใหม่ และนับจากนั้นอีกครั้งสองครั้งกับผู้หญิงคนอื่น ใจเย็นก็พยายามควบคุมมันด้วยตนเอง หากสุดท้ายพวกหล่อนก็ไม่เป็นอย่างใจ เขาไม่ชอบรอยยิ้มในเวลานั้นของพวกหล่อน

สุดท้ายใจเย็นจึงไม่ชอบพาสัมพันธ์เข้าถึงจุดนั้นเท่าไหร่นัก พาลให้รู้สึกว่าไม่จำเป็นด้วยซ้ำ เขารู้สึกดีกว่าถ้าจะแค่มีคนคุยเล่นให้รับรู้เรื่องราวใหม่ๆ หรือไปไหนมาไหนด้วยเวลาเบื่อ ใจเย็นไม่เคยเก็บเรื่องของใครมาคิดให้หนักหัว อย่างมากก็แค่นึกถึงเวลาเจอของที่หล่อนบอกว่าชอบ แต่ก็ไม่นานที่เขาจะลืมสิ้นเมื่อเลิกคบกับหล่อน

คนเดียวที่ทำให้ใจเย็นเก็บเรื่องราวมาคิดได้เห็นจะมีแต่เป็นไท และอาจเพราะสงสัยสับสนที่ทำให้ยิ่งหมกมุ่น เขายังจำความรู้สึกปั่นป่วนในช่วงเวลามืดมิดได้ ยังจำสัมผัส จำกลิ่น จำเสียง และจำได้ว่าอยากครอบครองทั้งที่อีกฝ่ายเป็นผู้ชาย แบบที่อย่างไรก็ได้ ขอแค่ให้พาไปถึง แต่ภาพของรถแข่งที่ถลอกปอกเปิดวนซ้ำในหัวก็ทำให้เขาพยายามระงับตัวเอง กำขย้ำเนื้อผ้าของเป็นไท หนัก นิ่ง ทั้งที่อยากดึงกระชากออก แต่สุดท้ายเขาก็ตัดใจไม่ทำได้สำเร็จ

เมื่อไฟสว่าง ทุกอย่างที่คลุมเครือก็เลือนหาย หรือบางทีเขาก็แค่อยากขจัดมันทิ้ง คงเหลือไว้แต่สิ่งที่ยังคงความสัมพันธ์ ในเมื่อเขายังอยากรู้เรื่องราวของเป็นไทมากกว่านี้ ใช่ ยังอยากรู้ อยากรู้จนทรมานน่าประหลาดใจ อยากรู้กระทั่งลองเข้าไปหมกตัวในตู้เสื้อผ้า แล้วก็พบแค่ว่าร้อน อึดอัด แต่ไม่เข้าใจความกลัวในมืดมิดของเป็นไทแม้แต่น้อย

แล้วก็กลายเป็นว่าใจเย็นไม่ชอบช่วงเวลาปิดเทอมของตนเองทั้งที่เคยชอบ สุดท้ายเขาก็ขับรถออกจากบ้านด้วยตนเองอยู่บ่อยๆ เพียงเพื่อจะไปป้วนเปี้ยนอยู่ที่คอนโด ไม่ก็ที่คณะของเป็นไท

“ว่างเหรอไอ้เหี้ย”

และเป็นไทก็จะถามคำนี้บ่อยๆ ให้เขายิ้มแบบที่แค่อยากจะยิ้มก็เท่านั้น

“ว่างครับ” จากสีหน้าของเป็นไท เขาดูก็รู้ว่าคงรู้สึกถูกกวนประสาท “ไปกินไอติมกันมั้ย”

“กูไม่ว่าง”

“นี่ก็พักเที่ยงนี่ครับ”

“เดี๋ยวมีควิซ”

“งั้นเหรอ”

“เออถ้าว่างมากมึงไปซีรอกซ์ชีทนี่ให้กูหน่อย” พลันเป็นไทก็ยื่นเอกสารบางอย่างมาให้เขา “ที่คณะกูแม่งปิด มึงไปซีคณะข้างๆ นะ เดินไปหน่อย เอาสามชุดนะให้เพื่อนกูด้วย”

“...ครับ”

ถึงจะมึนงงเล็กน้อยแต่ใจเย็นก็ตอบรับคำสั่ง ด้วยคิดว่าไม่หนักหนาอะไร ซึ่งเอาเข้าจริงใจเย็นก็พบว่ามันต้องเดินอ้อม เดินไกล รอคิวยาว อากาศร้อน แถมเมื่อกลับมาก็พบว่าตรงเวลาที่เป็นไทจะขึ้นห้องเรียนพอดี ให้เจ้าตัวแค่รับของที่สั่ง และโบกมือลาส่งๆ ก่อนจะขึ้นตึกไป

เซ็ง – น่าจะเป็นสิ่งแรกที่ใจเย็นรู้สึกได้ ไม่ใช่เซ็งที่โดนใช้ แต่เซ็งที่หมดเวลาต่างหาก แต่วันต่อๆ มาเขาก็ยังมาหาเป็นไท และก็อีกที่ถูกใช้ไปทำนู่นนี่สารพัดจนในที่สุดเจ้าตัวก็เอ่ยเฉลย

“กูแกล้งมึงอะ”

อีกครั้ง จะว่าใจเย็นเซ็งก็ใช่ แต่ไม่รู้ทำไมเขารู้สึกว่าถ้าเป็นไทได้แกล้งเขาแล้วจะยิ้มให้เห็น เขายอมโดนแกล้งก็ได้

ซึ่งเอาเข้าจริง ความรู้สึกนั้นก็แพ้ความรู้สึกที่อยากอยู่ด้วย ใจเย็นเปลี่ยนเวลามาหาเป็นไทช่วงเลิกเรียน ซึ่งเป็นไทก็ยอมไปกับเขาแค่บางวันเท่านั้น

“มึงมาหากูจนเพื่อนแซวว่ากูเลี้ยงต้อยแล้วนะเว้ย”

“ก็เลี้ยงสิครับ ผมไม่ว่า”

“สัด”

“วันนี้ไปกินข้าวกันนะครับ”

“ไม่ กูนัดเตะบอลกับเพื่อน”

“เป็นไทไม่อยากกินแซลมอนแล้วเหรอ”

นั่นเองที่ทำให้เป็นไทเงียบงัน ชั่วครู่ ก่อนจะเปลี่ยนใจ

“เออ กูไปกินก่อนก็ได้”

และนั่นเองที่ทำให้ใจเย็นยิ้ม แม้เป็นไทจะขึ้นรถมาพร้อมกับย้ำเวลาที่นัดกับเพื่อนไว้ก็ตาม

“ปิดเทอมมึงไม่คิดจะทำอะไรนอกจากนี้เลยเหรอวะ” เป็นไทถามระหว่างที่รถติดสัญญาณไฟแดง คั่นบทสนทนาของเพลงพังค์ในตัวรถ

“ผมไม่รู้จะทำอะไรครับ”

“กูเป็นมึงกูเที่ยวรอบโลกไปละ”

“เที่ยวบ่อยแล้วครับ”

“หมั่นไส้ไอ้สัด” เป็นไทด่า แต่ใจเย็นก็ยิ้ม “แล้วงานอดิเรกอะ”

“มาหาเป็นไทไง”

พลันได้ยินเสียง ‘โวะ’ แบบที่บ่งบอกว่ารำคาญแต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไร ก่อนที่เป็นไทจะถามมาอีก

“ละรู้ยัง อยากเรียนอะไร”

“ถามเหมือนพ่อเลย”

“แสดงว่ามึงไม่รู้” เป็นไทสรุป “มึงถึงล่องลอยไปวันๆ ไง เนี่ย กูเป็นมึงนะ จะขอเงินแม่ไปค้นหาตัวเองที่อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส แคนาดา—”

“เป็นไทไปกับผมสิครับ”

พลันเป็นไทเงียบ ชั่วครู่ ก่อนพูดตอกหน้า “มึงอยู่ที่นี่ส่องหมาไปดีละ”

“อ้าว” กระนั้นใจเย็นก็หัวเราะ “แล้วทำไมต้องหมาล่ะ”

“มึงชอบหมาไม่ใช่เหรอ เคยอยากเป็นสัตวแพทย์นี่”

“แต่ไม่ได้อยากเป็นแล้วนะครับ”

“มึงแค่กลัวหรือเปล่า” หากเป็นไทก็ถามคำนั้นขึ้นมา “แบบกลัวทำให้นึกถึงเรื่องที่เสียใจก็เลยหลีกเลี่ยง”

“งั้นเหรอ”

“กูอุตส่าห์จริงจัง มึงก็ตอบกวนตีนอยู่ได้”

“เปล่านะครับ” ใจเย็นยิ้ม แต่ก็อีก เป็นไทมักคิดว่าเขากวนตีน ก่อนที่บทสนทนาจะหักเปลี่ยนเรื่องไปในที่สุด

กระนั้นเรื่องที่เป็นไทพูดก็ติดอยู่ในความคิดของใจเย็น ติดอยู่นาน นานพอที่จะทำให้เขาลองกลับไปเปิดดูสารคดีสัตว์โลกที่เคยชอบ ให้พบว่าความจริงแล้วเขาก็ยังชอบอยู่นั่นเอง แค่ไม่รู้แล้วว่าชอบแล้วอย่างไรต่อ ต้องทำอะไร และเพื่ออะไร พอๆ กับที่พ่อยังถามอยู่บ่อยครั้งทั้งที่ใจเย็นไม่รู้คำตอบ และคำแนะแนวทางจากพ่อก็ไม่ทำให้กลับมาขบคิดเลยสักครั้งแตกต่างจากคำพูดของเป็นไท

จะว่าไปแล้ว เขาก็ติดใจกับคำพูดของเป็นไทตั้งแต่ครั้งแรกที่พบหน้าด้วยซ้ำ แม้ตราบจนวันนี้ยังคงไม่มีคำตอบก็ตาม

“มีคบผู้หญิงคนไหนจริงจังหรือเปล่า”

และเห็นทีก็ดูมีแต่คำถามทวีเพิ่ม โดยเฉพาะจากคุณพิทักษ์ผู้เป็นพ่อ นอกจากเวลาบนโต๊ะอาหารของเย็นวันอาทิตย์ พ่อจะชวนเขาคุยจริงจังก็ตอนที่พาไปออกงานสังคม ไม่ก็ไปตีกอล์ฟ ซึ่งถือเป็นงานสังคมอย่างหนึ่งอยู่ดี เพราะพ่อมักจะพาเขาไปเพื่อให้เพื่อนร่วมธุรกิจ หรือผู้ถือหุ้นสักรายได้เห็นหน้าค่าตาของลูกชายคนโตอย่างใจเย็น

“ไม่มีครับ”

 ใจเย็นตอบ พ่อไม่ได้ออกความเห็นอะไรในเมื่อกลับไปสนใจที่ลูกกอล์ฟ ตีจากหลุมสุดท้ายไปตกลงบนสนามกรีนอยู่ลิบๆ สายตา ส่งเสียงพูดคุยถึงเกมนี้กับคุณสักคนที่ใจเย็นไม่ได้จำชื่อ เพราะพูดจาโผงผางอวดภูมิน่ารำคาญจนคร้านจะสังเกตแม้จะชอบสังเกตผู้คน ใจเย็นจึงพาลไม่ได้ฟังรายละเอียดสนทนาเหล่านั้น นอกจากพ่อที่พูดเรื่องผู้หญิง และบ้างบางทีที่จะพูดบอกให้เขาฟัง

“ดูทื่อๆ แบบนี้เอาใจผู้หญิงเป็นหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าเอะอะก็ซื้อของให้อย่างเดียวนะ”

“ผมรู้ว่าผู้หญิงห้ามพูดตรงๆ ด้วย”

พอบอกไปแบบนี้พ่อก็ยิ้ม ดูชอบใจ แต่ไม่เอ่ยตรงๆ ก่อนจะบอกกับเขาว่าผู้หญิงนั้นชอบผู้ชายนิ่ง ขรึม ทำมากกว่าพูด เอาจริงเอาจังกับงานก็ยิ่งดี มันเป็นเสน่ห์ ใจเย็นเออออตอบรับแม้เขาไม่คิดว่าตนเองจะทำตามโดยเฉพาะในเรื่องเอาจริงเอาจังกับงาน ไม่สิ เขาไม่คิดว่าจะเปลี่ยนตัวเองให้ผู้หญิงสักคนมาชอบหรอก

“พ่อดูรู้ใจผู้หญิง” และพอพูดไปแบบนั้นพ่อก็ค่อยๆ เล่าให้ฟังว่าเพราะอะไรถึงรู้ ไล่ไปตั้งแต่สมัยวัยรุ่น บอกให้ฟังว่าต้องดูให้ออกว่าผู้หญิงแต่ละคนเป็นคนอย่างไร เปิดแง้มกระทั่งเรื่องเซ็กส์ให้รับฟังและบอกเขาให้รู้จักป้องกัน ใจเย็นพยักหน้ารับแม้จะรู้อยู่แล้ว และก็ไม่ได้คิดจะยุ่งเหยิงในราคะแบบที่พ่อเคยผ่านมา หากเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ก็เหมือนถูกตีตะกอนที่นอนก้นลึกในใจให้ขุ่นขึ้นมาจนโพล่งถามออกไป “แล้วตอนวัยรุ่นพ่อเคยลองกับผู้ชายไหม”

“ทำไม แกอยากลองหรือไง”

“ผมแค่อยากรู้”

กระนั้นพ่อก็มองหน้า แววตาอ่านยาก กระทั่งได้รู้เมื่อได้ยินคำพูดต่อมา “เข้าใจว่าเด็กเดี๋ยวนี้ชอบลองอะไรแปลกๆ แต่แกอย่าจะดีกว่า”

“ทำไมถึงแปลกล่ะครับ”

“ก็ธรรมชาติไม่ได้สร้างมาคู่กันแต่แรก อีกอย่างเพศเดียวกันก็สืบพันธุ์ไม่ได้”

“แล้วถ้าตัดเรื่องนี้ออกไป มันแปลกตรงไหนล่ะครับ ในเมื่อชายหญิงบางทีก็ไม่ได้มีเซ็กส์เพื่อสืบพันธุ์ แต่ก็เพื่อเอาสนุกแบบที่พ่อว่า”

ใจเย็นเอ่ยถามอย่างที่คิด อย่างที่สังคมหล่อหลอมมาตลอดว่าหญิงต้องคู่กับชายถึงจะเท่ากับความปกติธรรมดาแต่วันนี้เขารู้สึกค้านขัดกับสิ่งนั้น กระนั้นพ่อก็แค่เงียบ กระชับพัตเตอร์ในมือ กะระยะบนสนามกรีน พัตแตะลูกกอล์ฟเบาๆ ด้วยระยะห่างเพียงนิดเดียวก่อนจะถึงหลุม ทว่าน่าประหลาดที่ลูกกอล์ฟกลับเบี่ยงออก และพ่อก็แค่เงียบ ไม่แม้ส่งเสียงบ่นเสียดายอย่างที่พ่อมักจะทำ

เหมือนกับที่เขาเคยถามออกไปว่าพ่อรู้สึกอย่างไรที่มีภรรยาหลายคนแตกต่างจากบ้านอื่น รู้สึกผิดบ้างไหมอย่างที่สังคมมักจะรุมทึ้ง แต่พ่อก็เงียบ และไม่เคยตอบ










*****************************************************************************
ชื่อตอนนี่ทำให้นึกถึงเพลงหนึ่งของ Flure เลยค่ะ >> https://www.youtube.com/watch?v=goyqv_0DSTc
อนึ่ง ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องใดๆ ใน #ใจเย็นกับเป็นไท 5555

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ใจเย็น ถามคำถามที่สุดยอด  :ling1: :ling1: :ling1:
คำถามแรก พ่อรู้สึกอย่างไรที่มีภรรยาหลายคนแตกต่างจากบ้านอื่น
รู้สึกผิดบ้างไหมอย่างที่สังคมมักจะรุมทึ้ง น่าจะเป็นคำถามที่พ่อไม่อยากตอบ

คำถาม ที่ถามใหม่
"มันแปลกตรงไหนล่ะครับ
ในเมื่อชายหญิงบางทีก็ไม่ได้มีเซ็กส์เพื่อสืบพันธุ์
แต่ก็เพื่อเอาสนุกแบบที่พ่อว่า”

แต่ทั้งสองคำถาม มันมันตรงกับที่พ่อเคยทำมาตลอดเลยนะ
แม้จริงๆ พ่ออาจไม่ได้อยากหยุดแค่ภรรยาสามคน
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ jejiiee

  • cannot open this page
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 202
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด