➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑แจ้งข่าวตีพิมพ์หน้า 19 ค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑แจ้งข่าวตีพิมพ์หน้า 19 ค่ะ  (อ่าน 125179 ครั้ง)

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
"เหมือนกับที่เขาเคยถามออกไปว่าพ่อรู้สึกอย่างไรที่มีภรรยาหลายคนแตกต่างจากบ้านอื่น รู้สึกผิดบ้างไหมอย่างที่สังคมมักจะรุมทึ้ง แต่พ่อก็เงียบ และไม่เคยตอบ" เป็นคำถามที่เราก็อยากรู้เหมือนกันว่าพ่อขอใจเย็นรู้สึกยังไง ที่ทำให้เมียต้องทุกข์ใจและเป็นคนแก้ปัญหาที่ตัวเองเป็นคนก่อ

ออฟไลน์ Atroce

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
คือจีบเขาแต่ตัวเองก็ไม่คิดว่าจีบรึเปล่านะ

ออฟไลน์ vwm666

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คิดมาแต่แรกแล้วว่าใจเย็นเป็นคนน่ารัก 555555555
รู้ว่าอะไรดีไม่ดีหมดแหละ
ชอบนะ เหมือนอ่านความรู้สึกของทั้งสองคนมากกว่ามันเลยเป็นคำพูดยากๆ
ตามมาจากกัลป์ปราย จ้า

ออฟไลน์ MOMAMi_96

  • เรื่อยๆ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3
หลับมาติ่งน้องเย็นละหลังจากเหม็นนางที่กล้าทิ้งน้องชายสุดน่ารักอย่างพิชญะลงคอ ค่อนข้างชอบตอน15มากถึงมากที่สุด เอาให้พ่อเงิบไปเล้ยยยยยย :katai2-1:

ออฟไลน์ เมื่อนั้นฝันว่า

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 323
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
นับถือความสงสัยในเรื่องที่คนอื่นไม่กล้าแม้แต่จะคิดแถมยังกล้าถามออกไปอีก

ออฟไลน์ XVIII.88

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
    • XVIII.88
ยิ้มมุมปากเลย ที่ใจเย็นถามคำถามแบบนั้นกับพ่อ
เจอแบบนี้ คนเคยทำก็หาคำตอบมาแย้งความจริงไม่ได้ แล้วก็ชอบตรงที่พ่อไม่โวยวายกลบเกลื่อน

สงสารพิชญะ ตอนที่แล้ว คือน้องก็กลัวนะใจเย็น 555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-03-2017 20:31:13 โดย XVIII.88 »

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
สมัครมาเม้นให้คุณแยมเลยค่ะ แอบอ่านมานานชอบมากๆค่ะ เป็นกำลังใจให้อัพนิยายบ่อยๆนะคะ:))

ออฟไลน์ loveaaa_somsak

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-3
ใจเย็นถามพ่อด้วยคำถามนี้เป็นคำถามที่โดนมาก อ่านเรื่องนี้แล้วต้องใช้ความคิด และได้ข้อคิดอีกมุมนึงเลย ชอบมากๆ จากที่อ่าน 2 ตอนแรกแล้วหดหู่มากๆ คิดว่าจะอ่านต่อหรือไม่ อ่านมาถึงปัจจุบัน อยากบอกว่าไม่ควรพลาด มันดีจริงๆ

ออฟไลน์ papapajimin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 294
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
เป็นคำถามที่แบบ โอ้โหหหหห
ชอบๆๆ เข้าหาเป็นไทเยอะๆเลยลูกกกกก

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
เหมือนพ่อของใจเย็นจะเป็น.... มาก่อน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ แยมส้มขมคอ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-2

16 – กลิ่นของไฟ





สำหรับเป็นไท ถ้าให้เลือกจีบผู้หญิงสักคน กับแก้โจทย์แคลคูลัสสักเล่ม เขาขอเลือกอย่างหลัง ด้วยรู้สึกว่าจะยุ่งยากซับซ้อนเพียงใดก็ย่อมมีคำตอบตายตัว ขณะที่ผู้หญิงนั้นต่อให้คิดว่าเข้าใจแล้ว ได้บทสรุปแล้ว พลันเมื่อเลื่อนอ่านใจอีกบรรทัดอาจพบกับความคิดความรู้สึกที่บิดพลิ้วไปมาจนบางทีชวนให้เขาขนลุกขนพองอย่างไม่อาจอธิบาย

แต่ก็ใช่ว่าเป็นไทไม่เคยจีบหญิง เขาเคย และนั่นแหละที่พบแต่ความกระด้างกระเดื่องในสนทนา เป็นไทไม่รู้วิธีเอาใจผู้หญิง ไม่รู้วิธีรับมืออารมณ์ของพวกหล่อน สุดท้ายแล้วเขาก็เหนื่อย เดินหันหลังออกจากความสัมพันธ์ กระทั่งผู้หญิงที่เข้าหาเขาเองและเป็นฝ่ายเอาอกเอาใจ เป็นไทก็ไม่แม้จะหันไปมอง

“เราไม่ดีตรงไหนเหรอ”

จำได้ตรึงใจว่าหล่อนถามเขาแบบนั้นในวันสุดท้ายที่หล่อนยอมแพ้

“ที่มาชอบเราล่ะมั้ง”

และนั่นก็เป็นคำตอบของเป็นไท อันที่จริงเขาก็ตั้งใจจะเกลาคำพูดให้ดีกว่านี้ แต่คิดว่านี่ก็ตรงตัวแล้วเพราะรู้สึกว่าหล่อนโชคร้ายที่เข้ามาในชีวิตเขาช่วงที่ยังรับมือกับความสัมพันธ์ไม่ได้ หารู้ไม่ว่านั่นเป็นไฟเผาใจหล่อน แบบที่เขาลืมไปแล้วว่าเคยตั้งใจจะเป็นไฟแผดเผาทุกสิ่งรอบกายเพียงเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องเจ็บปวด

หากแม้ไฟนั้นจะเงียบสงบฝังลึกเหมือนเปลวไฟบนเชิงเทียน มันก็ไม่เคยมอดดับ ยืนยันได้จากทุกวันนี้เขายังปฏิปักษ์ต่อสัมพันธ์ที่ดูซับซ้อนยุ่งยาก โดยที่ลืมไปว่ามีบางสัมพันธ์กำลังปั่นป่วนเขาอยู่ในความไม่เข้าใจหลายๆ อย่าง  แต่เหมือนถูกกลบเกลื่อนด้วยหอมหวานของดอกไม้ แบบที่บอกไม่ได้ว่าดอกอะไร แต่กลบกลืน...แนบสนิท

และวันนี้อาจจะเป็นดอกเยอบีร่า มีตั้งแต่สีขาว ชมพูอ่อน ชมพูจัด แดง ส้ม เหลือง อัดกันกลมในแจกันแก้วที่เขาคุ้นตา ภายในซุ้มไม้ที่ห่มคลุมด้วยม่านบาหลี และคนที่นั่งข้างๆ ก็หมุนแจกันนั้นให้รอบเพื่อดูสีที่สะพรั่งอยู่ภายใน

“เป็นไทชอบเยอบีร่าสีอะไร”

เหมือนเดิมที่ใจเย็นจะชอบพูดเรื่องดอกไม้ จนระยะหลังเป็นไทก็เริ่มชินและไม่คิดจะว่าอะไร

“ขาว” กระนั้นก็ตอบส่งๆ ไปอยู่ดี “เรียนได้ยัง”

“วันแรกไม่เรียนไม่ได้เหรอครับ”

“นี่เรียนพิเศษนะเว้ย ไม่ใช่โรงเรียน”

“ก็ยังไม่อยากเรียนเลย”

“แล้วที่รบเร้าให้กูมาสอนคืออะไร”

“ก็ผมอยากเจอเป็นไท”

ถึงคำตอบนี้เขาก็อยากจะถอนหายใจใส่ ไม่เข้าใจว่าทำไมใจเย็นติดเขาแจ จะว่าเห็นเขาเป็นแบบอย่างที่อยากทำตามก็ไม่ใช่ เห็นเป็นพี่ชายก็ไม่ได้ให้ความเคารพ ในเชิงชู้สาวเขาก็ไม่ได้รู้สึกถึง แม้ว่าใจเย็นจะชอบอยากสัมผัส อยากกอด หรืออะไรต่อมิอะไรที่ทำแล้วเขาถีบออก เพราะใจเย็นก็ดูเป็นแค่คนที่อยากทำอะไรก็ทำ อยากพูดอะไรก็พูด แถมบางทีก็ดูไม่เข้าใจอะไรในโลกนี้เลยสักอย่าง

“เป็นไทไม่อยากเจอผมเหรอ”

ซึ่งบางทีก็เหมือนว่าใจเย็นจะปล่อยเชื้อความไม่เข้าใจอะไรเลยเข้าสู่กระแสเลือดช้าๆ เพราะเป็นไทก็ยังไม่เข้าใจอะไรใจเย็นเลยเหมือนกัน

“ไม่อะ”

“เรายังไม่สนิทกันอีกเหรอครับ”

คำถามนี้ทำให้เป็นไทเงียบ ทบทวนช่วงที่ผ่านมาแล้วก็รู้สึกเหมือนจะขมวดคิ้วคิดหนัก ก่อนจะถูกคลายปมนั้นเมื่อใจเย็นพูดมาอีกประโยค

“เป็นไทก็ยอมบอกเรื่องของเป็นไทแล้ว”

“ไม่ใช่ว่ามึงมัดมือชกเหรอ”

ถาม หากใจเย็นกลับยิ้ม ยิ้มแบบรู้ตัวว่าเป็นจริงตามคำพูด “แต่ยังไงเป็นไทก็สัญญาไว้นะครับ”

“เออๆ ก็เพราะงั้นไงกูเลยบอก” เขาตัดบท แต่ใจเย็นไม่ยอมจบ

“แล้วเป็นไทไม่มีเรื่องที่อยากเล่าเองบ้างเหรอครับ”

“ไม่มี”

“งั้นเหรอ”

ตอบรับราบเรียบแบบที่เคยๆ ดูเหมือนจะผิดหวังแต่ก็ยากคาดเดา เป็นไทคร้านจะคิดวิเคราะห์จึงหยิบปากกาขึ้นมาเตรียมเข้าเรื่องสอน แต่ใจเย็นก็เอ่ยมาเสียก่อน

“ตอนเด็กผมชอบดูสารคดีสัตว์โลกมาก” ได้ฟังก็อยากถามว่าบอกทำไม จนประโยคต่อมาถึงรู้สึกว่าปล่อยให้เล่าไปนั่นแหละ “แต่ก็ไม่ได้ดูอีกเลยหลังจากทันใจตาย”

“ไม่ได้ดูเลยเหรอ”

“ครับ จนเป็นไทบอกว่าผมอาจจะแค่หลีกเลี่ยงเพราะกลัวเสียใจ ผมเลยลองกลับไปเปิดดูใหม่ แล้วก็ได้รู้ว่ายังชอบอยู่ แต่เรื่องเป็นสัตวแพทย์นี่ผมก็ไม่แน่ใจ”

แล้วคำอธิบายเพิ่มเติมที่บอกว่าอะไรๆ ในชีวิตใจเย็นเริ่มจะเป็นเพราะเขา มีอิทธิพลจากเขา ก็ทำให้เป็นไทเงียบ ครุ่นคิด ชั่วครู่

“เออ ก็ค่อยๆ ดูไปว่าอยากทำอะไร” แล้วเอ่ยไปเสียงเรียบ แม้จะรู้สึกว่ากลิ่นดอกไม้ฉุนขึ้นมาในจมูกทั้งที่ทุกสรรพสิ่งอยู่เฉยกับที่

“ครับ” ใจเย็นยิ้มรับ “ผมเล่าเพราะผมอยากเล่าให้เป็นไทฟังนะ”

“เออ”

“ไม่มีอะไรอยากเล่าให้ผมฟังจริงๆ เหรอ”

“ไม่มีเว้ย เรียนๆ เสียเวลา”

เป็นไทตัดบท เพราะเขาก็นึกไม่ออกจริงๆ ว่ามีอะไรจะเล่าให้ใจเย็นฟัง เรื่องที่เป็นเรื่องของตัวเองเขาก็รู้สึกว่าไม่อยากเปิดแง้มมันออกมาอีก ซ้ำยังรู้สึกว่าผิดที่ผิดเวลาต่อให้ใจเย็นจะพร่ำบอกว่าอยากฟังก็ตาม

กลับบ้านไปเย็นวันนั้น ในโต๊ะอาหารที่ปรายจะนั่งเงียบราวกับไม่มีตัวตน เป็นไทรู้สึกมีอะไรฝืดเคืองอยู่ในบทสนทนาระหว่างเขากับแม่ ไม่ใช่เรื่องที่แม่เอาแต่เจื้อยแจ้วเจรจาเล่าเรื่องของตัวเอง แต่เป็นเรื่องที่แม่วกมาถามเรื่องของใจเย็น ถามว่าสอนแล้วเป็นอย่างไรบ้าง แบบที่นานๆ ครั้งจะถาม

“ก็” เป็นไทเกริ่น “เป็นเด็กที่คำถามเยอะดี”

พลันก็รู้สึกอึดอัดที่ตอบไปแม่ก็พูดลากไปเล่าเรื่องคุณเกษรา เล่าเรื่องนู้นเรื่องนี้สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ให้เห็นชัดว่าก็แค่เกริ่นเพื่อจะเล่าเรื่องที่ตนเองอยากเล่า ถึงเป็นไทจะชินแล้ว แต่ครั้งนี้รู้สึกมีอะไรฝืดเคืองในใจกว่าครั้งไหนๆ แบบที่ไม่รู้จะเล่าให้ใครฟัง แม้ออกไปร้านนั่งเล่นในช่วงดึก กับเพื่อนสนิทที่เขามักจะพูดคุยหลายสิ่งหลายอย่างให้ฟังแทนแม่ของตนเอง แต่เป็นไทก็ยังรู้สึกฝืดเคือง จนสุดท้ายได้แต่ปล่อยให้กลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนผ่านลำคอ รับฟังเรื่องของเพื่อนไปเงียบๆ และตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ได้หรือบางทีเขาอาจจะเริ่มเมา กลิ่นดอกไม้ถึงอวลอบในบรรยากาศของความนึกคิด

และก็เหมือนจะยิ่งคลุ้งในนาสิกประสาทเมื่อได้เห็นเยอบีร่าสีขาวชูช่อเต็มแจกันแก้วใสในวันเสาร์ถัดมา

“เป็นไทเคยเลี้ยงสัตว์ไหม” เหมือนเดิมที่ใจเย็นจะเอ่ยถามอะไรนั่นนี่จากเขาเต็มไปหมด

“เลี้ยงตัวเองยังจะไม่รอดเลย”

“ให้ผมช่วยเลี้ยงก็ได้นะครับ”

“ไอ้สัด กวนตีนเหรอ”

เขาด่า ด้วยถ้อยคำแบบนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่สมควรจะพูดเล่น...หรือจริงจังก็ไม่รู้ได้ กระนั้นใจเย็นก็ยิ้ม ยิ้มเหมือนเด็กๆ แบบที่ก็แทบจะลืมรอยยิ้มบางเบาในช่วงแรกๆ ไปแล้ว

“เคยเล่าเรื่องกูให้ใครฟังไหม” แล้วก็อาจเป็นรอยยิ้มนั้นที่ทำให้เป็นไทเอ่ยถามขึ้นมา

“ผมไม่ค่อยเล่าอะไรอยู่แล้วครับ” ใจเย็นเอ่ยบอก เสียงเรียบ ฟังดูเป็นเรื่องธรรมดาแม้แต่ประโยคต่อมา “แต่เรื่องเป็นไทผมถามนะ”

“ฮะ? ถามอะไรวะ”

“ก็ถามว่าคนที่ทำแบบนี้ ชอบอะไรแบบนี้ เขาเป็นคนยังไง”

“เพื่ออะไรวะ”

“ก็อยากรู้น่ะครับ”

อีกครั้ง เสียงเรียบ ราวเรื่องธรรมดา หรือไม่ก็เพราะไม่เข้าใจอะไรเลยบนโลกใบนี้จึงทำให้เอ่ยออกมาได้เรียบๆ แบบนั้น

“เพราะงั้นผมก็เลยอยากฟังเรื่องของเป็นไทเยอะๆ”

“เห็นกูเป็นนักเล่านิทานเหรอ” ทันควันที่เขาสวนกลับ แต่ก็เห็นใจเย็นยิ้มอยู่ดี “บางทีสนิทกันก็ไม่จำเป็นต้องเล่าทุกเรื่องก็ได้”

พอพูดประโยคนั้นก็เห็นแววตาที่ดูจะไม่ค่อยเข้าใจของใจเย็น ตอนแรกก็ตั้งใจจะปล่อยผ่าน แต่คิดอีกทีคงไม่ได้สอนอย่างสงบ อย่างน้อยก็สงบในแววตาที่จ้องมองมา เป็นไทจึงอธิบาย

“คือเข้าใจไหมว่าบางทีมันก็เป็นเรื่องของจังหวะ ช่วงเวลา แต่ก่อนจะถึงจังหวะนั้น ก็ต้องสบายใจที่จะอยู่ด้วย”

อธิบายพลางคิดว่ามันซับซ้อน ซับซ้อนแบบที่เขาไม่ชอบ แต่หากคิดกลับอีกตลบ ทั้งหมดนี้คือการปล่อยให้สัมพันธ์เป็นไป เรียบง่าย แบบที่เขาก็มีกับเพื่อนสนิททุกคน

“เหมือนจะเข้าใจแล้วครับ”

“ดูหน้าโง่ๆ ไม่เข้าใจมากกว่า” ด่า แต่นั่นแหละ ใจเย็นไม่เคยโกรธอะไร

“แต่สรุปเป็นไทสนิทกับผมแล้วใช่ไหมครับ”

แล้วก็อีก ที่ดูจะถามแบบไม่เข้าใจอะไรเลยบนโลกใบนี้

“เออ ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจมึงก็เหอะ”

ให้เป็นไทกลายเป็นฝ่ายตอบ ฝ่ายอธิบาย ทั้งที่ก็ไม่ค่อยจะเข้าใจอะไรซับซ้อนในความสัมพันธ์นัก และอีกครั้งที่กลิ่นดอกไม้ดูจะหอมองอึลขึ้นมาในความคิด กลบกลิ่นไฟที่เงียบสงบฝังลึกอยู่ในใจ

หรือไม่ ก็อาจเพราะมอดดับลงไปแล้วเขาถึงไม่รู้สึกอะไรถึงมันอีกเลยเมื่ออยู่กับใจเย็น














ใจเย็น : งี้ก็อยากเจอผมแล้วดิ

เป็นไท : ก็ไม่อยากอยู่ดี

ใจเย็น : งั้นเหรอ...




__________________________________________________________________________________
ทำไมหลังๆเริ่มมีแถมท้ายตอนล่ะ  555

อาจจะรู้สึกว่าเรียบๆ ไม่มีอะไรพีคนะคะทั้งที่เปิดใจมากขึ้นทุกทีแล้ว แต่แยมชอบความเรียบๆ แบบนี้แหละ ซึมลึกดี

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ ยังไงติดตาม #ใจเย็นกับเป็นไท กันต่อไปเรื่อยๆ น้อ  :mew1:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-03-2017 15:23:32 โดย แยมส้มขมคอ »

ออฟไลน์ papapajimin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 294
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
มีความฮาช่วงท้ายย 5555555
สู้ต่อไปใจเย็นนน

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
 คู่นี้จะคุยกันดีได้สักกี่ประโยค เหมือนจะไม่กวนตีนแต่ก็นะ รุ้สึกได้ถึงความน่าหมั่นไส้
รักกันแล้วจะเป็นยังไงนะ

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43

ออฟไลน์ MOMAMi_96

  • เรื่อยๆ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3
ใจเย็นก็ติดเหลือเกินพ่อคู้นนนนนน

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ชอบการเปรียบเทียบ ของไรท์  :mew1: :mew1: :mew1:
กลิ่นดอกไม้ ที่ไม่มีดอกไม้
มันลึกซึ้ง ลอยอวล
ให้อารมณ์ความรู้สึกที่เป็นไท ไม่เคยมี
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
มีความวกวน และงงงันในตัวเอง แต่ก็ไม่แปลก เพราะโลกมันบิดพร้ิวมาแต่แรก หล่อหลอมมายาวนาน แล้วไม่มีใครแก้ไข

ใจเย็นมีความซื่อแบบซื่อ ไม่ซับซ้อน แล้วรุกหนักมาก 5555

เป็นทันก็ไม่ซับซ้อนนะ แล้วยังรู้จักโลกมากกว่า แต่ไม่เข้าใจชาวบ้านพอกัน
ถึงจะโดนรุกหนัก แต่เป็นไทก็ยังไม่รู้สึกอันใด

ทั้งคู่ไม่รู้จักความรักที่ถูกแบบ แม้แต่ความรักปกติ ก็ยังไม่รู้จัก ค่อยๆเรียนรู้ด้วยกันนะ ใจเย็นเป็นไท

ออฟไลน์ แยมส้มขมคอ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-2

17 – ละลาย




มันเป็นระยะหลังที่คุณเกษรารู้สึกว่าใจเย็นเริ่มไม่ต่างจากคุณพิทักษ์ ไม่ใช่อุปนิสัย ไม่ใช่ความช้าเร็วของอารมณ์ ไม่ใช่ความช่างพูดหรือเงียบงัน ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น อันที่จริงคุณเกษราเคยคิดมาตลอดว่าใจเย็นแตกต่างจากเลือดเนื้อเชื้อไขฝั่งพ่อไกลลิบ กระทั่งวันที่ทันใจตาย ทุกอย่างก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป

ใจเย็นเริ่มสนใจผู้คนมากขึ้นจากที่แทบจะไม่แยแส แรกๆ คุณเกษราก็คิดว่านั่นจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดี จนได้รู้ว่าใจเย็นเริ่มคบกับเด็กสาวสักคน ข้างในของคุณเกษราก็เริ่มสั่นคลอนวอนไหว และล้มโค่นลงมาตอนที่ใจเย็นคบซ้อนกับเด็กสาวอีกคน อีกคน และอีกคน

“ใจเย็น ลูกควรจะคบผู้หญิงทีละคนนะ”

วันหนึ่ง คุณเกษราก็ตัดสินใจพูดคุยกับลูกชายเพียงคนเดียวในปัญหาที่หล่อนปล่อยคาราคาซังค้างใจมาเป็นสิบๆ ปีด้วยไม่เคยรู้ว่าจะทำให้เข้าใจได้อย่างไร เพราะขณะเดียวกันก็ไม่อยากให้รับรู้ว่าแท้จริงแล้วตนไม่ใคร่จะมีความสุขในชีวิตครอบครัวนัก แต่ในเมื่อเลือกโกหกแล้วก็ย่อมโกหกตลอดไป การเฉลยความจริงมีแต่จะทำให้หัวใจสลายทั้งผู้พูดและผู้ฟัง

“ทำไมล่ะครับ” ดังนั้นการที่ใจเย็นไม่ได้ถามพาดพิงถึงพฤติกรรมพ่อตนเองก็ชวนให้คุณเกษราโล่งอกที่ได้หลีกเลี่ยง

“แม่ไม่อยากให้ใจเย็นทำใครเสียใจ”

“ผมไม่เข้าใจครับ” พลันคุณเกษราปวดแปลบขึ้นมากลางอก “ผมรู้ว่าสังคมกำหนดมาให้คบคนเดียว ผมเข้าใจว่าอาจทำผิด แต่ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพวกเขาถึงต้องเสียใจ”

จบประโยคของใจเย็น คุณเกษราก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก หล่อนรู้ว่าลูกชายเข้าใจบรรทัดฐานของสังคมดีเพราะตลอดมาก็รู้จักวางตัว แต่หล่อนเพิ่งกระจ่างแจ้งว่าใจเย็นบกพร่องในการเข้าใจความรู้สึกผู้อื่น มันทำให้หล่อนคิดทวนซ้ำ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่านอกจากเรื่องที่หล่อนหลอกลวงมาตลอดแล้วพลาดที่ตรงไหนอีก ก่อนจะพบว่าแม้ใจเย็นจะรู้จักแบ่งปันหรือดูแลน้องชายและน้องสาว แต่นั่นก็แค่การวางตัวที่ดีอย่างหนึ่งอย่างที่หล่อนคอยพร่ำสอนเท่านั้น

ดังนั้นที่สุดแล้วใจเย็นไม่ได้เหมือนคุณพิทักษ์ที่คบผู้หญิงมากหน้าหลายตา หากเหมือนตรงที่ได้รับอะไรดีๆ จากคนอื่นมากมายแต่ไม่เคยตระหนักถึงค่าความรู้สึกผู้ที่มอบให้เลย

จากวันนั้นคุณเกษราก็พยายามขบคิดแก้ไข แต่ทำอย่างไรก็ขบไม่แตก ราวเป็นปัญหาที่แข็งยิ่งกว่าหินผา กระนั้นเลยหากมองให้ลึกลงไปอีกสักนิด หล่อนก็จะพบว่าถ้าอยากให้ลูกชายเข้าใจความรู้สึกผู้อื่น เริ่มต้นก็ควรจะให้เข้าใจความรู้สึกตนเองเสียก่อน

หลายครั้งที่ใจเย็นปล่อยหัวใจให้ไร้คำอธิบาย ไม่รู้จะเติมความรู้สึกใดลงในช่องว่าง สิ่งที่เติมลงไปได้ก็ดูจะเป็นแค่ความรู้สึกตื้นเขินอย่าง ชอบ ไม่ชอบ เบื่อ สนุก โกรธ เสียใจ ซึ่งถ้ารู้สึกเหล่านั้นถูกขุดให้ลุ่มลึก ใจเย็นก็รู้สึกว่าอธิบายมันไม่ได้ หรือบางทีเขาก็ไม่อยากจะยอมรับ คล้ายกับตอนที่ทันใจจากไปและเขารับความรู้สึกใดไม่ทันเลยสักอย่าง

ดังนั้นแล้วความรู้สึกง่ายๆ อย่างเป็นสุขที่ได้กินไอศกรีมรสสตรอเบอร์รี่ดูจะเหมาะกับใจเย็นมากกว่า หรือถ้ามันจะซับซ้อนเกินทำความเข้าใจ เขาก็จะปล่อยให้มันโหวงว่างอยู่อย่างนั้น ไม่ก็จะเติมเต็มด้วยถ้อยคำง่ายๆ อย่างคำว่าชอบ เหมือนที่มอบให้เด็กสาวที่เขาเลือกปล่อยตัวเข้าไปยุ่งเกี่ยว

และไม่ต่างกัน ความรู้สึกที่ใจเย็นมีให้เป็นไทก็ถูกเติมลงไปด้วยคำนั้น แม้แท้จริงจะวุ่นวายสับสนกว่าเป็นร้อยเท่าพันเท่า ทั้งดูทวีคูณเข้าไปทุกที กระนั้นใจเย็นก็ไม่ได้หนีจากไปไหน กลับกันยิ่งไล่ตามด้วยซ้ำ จนถ้าเติมคำว่า ‘อยากได้’ เข้าไปด้วยก็ดูจะไม่แปลกอะไร

แต่แน่นอน เป็นไทคงไม่เห็นด้วย หลายครั้งที่ใจเย็นยังคงถูกเป็นไทปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยแม้จะได้รับคำว่า ‘สนิท’ มาครอบครองในความสัมพันธ์แล้วก็ตาม เหมือนกับครั้งนี้ที่เป็นไทยังคงปฏิเสธคำชวนให้มางานเลี้ยงคืนส่งท้ายปีเก่าที่บ้านของเขา

“กูบอกว่ายังไงก็ไม่มา” แถมยังย้ำอีกต่างหาก ขัดใจไม่โอนอ่อนเหมือนดอกกุหลาบสีขาวในแจกันตรงหน้า

“ทำไมล่ะครับ”

“ก็คนละสังคมกันเปล่าวะ” เป็นไทเอ่ยบอก หมุนควงปากกาในมือเล่นแบบที่เป็นภาพชินตา กระนั้นใจเย็นก็ไม่ชินเหตุผลอยู่ดี

“งั้นเป็นไทพาเพื่อนมาด้วยก็ได้”

“ไม่เอาอยู่ดี” อีกฝ่ายยิ่งยืนกราน

“งานจัดตรงสระว่ายน้ำหลังบ้านนะครับ”

“ต่อให้มึงบอกว่ามีปาร์ตี้โฟมกับสาวเป็นร้อยกูก็ไม่มาเว้ย” เป็นไทย้ำเป็นคำสุดท้ายก่อนจะสั่งให้เขากลับเข้าเรื่องเรียน ใจเย็นจึงหยุดเซ้าซี้แค่นั้น ในเมื่อเซ้าซี้มาสองอาทิตย์แล้วเจ้าตัวก็ไม่ยอมสักที และคงไม่สามารถมัดมือชกแบบที่เคยทำตอนพาไปดูแข่งรถเพราะเป็นไทก็บอกไว้ล่วงหน้าแล้วว่ามีนัดกับเพื่อน

สุดท้ายใจเย็นก็ยอมรับ แต่ก่อนจะถึงวันงานเลี้ยง ใจเย็นชวนเพื่อนทุกคนเท่าที่เขาเคยรู้จัก มาได้หรือไม่ได้เขาไม่ได้สนใจจะเซ้าซี้นัก และพิเศษกว่าปีอื่นๆ ที่เขาชวนเด็กสาวที่คบอยู่ไปด้วย กระนั้นก็เลือกไปคนเดียวเพื่อที่จะได้ไม่เกิดปัญหาแม้เชื่อว่าจะมีปัญหาตามมาหลังจากนั้นก็ตาม ใจเย็นชวน ชวน และชวน จนเมื่อถึงวันงาน บ้านเขาก็จุเด็กวัยรุ่นไว้ราวกับเป็นแหล่งมั่วสุม แต่อันที่จริงก็ไม่ใกล้เคียงนักในเมื่อมีผู้ใหญ่คอยเฝ้าดูทั้งพ่อ แม่ แม่ทิพย์ แม่ปัทมา ผู้ใหญ่ท่านอื่นๆ ที่เป็นแขกของพ่อกับแม่ แบ่งสันปันส่วนสถานที่สังสรรค์กันไปตามสะดวก ท่ามกลางเสียงดนตรี เสียงพูดคุย เสียงวี้ดว้ายของเด็กสาว เสียงโวยวายคึกคะนองของเด็กผู้ชาย เสียงไหวกระเพื่อมของสระน้ำทั้งที่อากาศค่ำคืนสุดท้ายของธันวาคมที่ใช่ว่าไม่หนาว ในขณะที่เสียงจากปากของใจเย็นนั้นค่อนข้างจะเงียบสงบ

ใจเย็นไม่ชอบดื่มเหล้า เขาแค่รู้สึกว่ามันไม่อร่อยก็เลยไม่คิดอยากจะดื่มต่อให้เพื่อนจะรบเร้าและด่าตามประสาวัยคะนอง สิ่งที่เขาทำในงานเลี้ยงคืนส่งท้ายปีเก่าคือการตักไอศกรีมสตรอเบอร์รี่มานั่งกิน ไม่แยแสสายตาใครอย่างที่เขาก็เป็นมาตลอด ใจเย็นกินไปเรื่อย แทบไม่คุยกับเด็กสาวที่เขาควงอยู่ด้วยซ้ำ จนหล่อนงอนหนีไปเขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหล่อนงอน

ระหว่างรสสตรอเบอร์รี่ที่หวานซ่าน ใจเย็นนึกถึงคืนนี้ในปีก่อนหน้านี้หลายๆ ปี เขาไม่ได้อยู่ที่บ้าน ไม่ได้อยู่ที่ไทย แต่ไปเที่ยวต่างประเทศกับครอบครัว น่าจะเรียกว่าครอบครัวใหญ่เพราะทั้งพิชญะและพริมาก็ไปด้วย ใจเย็นค่อนข้างจะชอบเพราะไอศกรีมในเมืองหนาวมักละลายช้า ถ้าไม่ต้องคอยระวังพริมาจะแย่งกินเขาก็จะปล่อยมันไว้เป็นการกินไอศกรีมข้ามปี หรือบางปีอาจเป็นขนมอย่างอื่นแต่เขาก็มักจะรบเร้าหาไอศกรีมสตรอเบอร์รี่กินจนได้ บางปีก็จะแบ่งกับทันใจถ้ามันไม่หนาวเกินไป แล้วใจเย็นก็สะดุดความคิดลงที่ตรงนั้น

ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมพ่อเขาไม่พาครอบครัวไปเที่ยวต่างประเทศแล้วในระยะหลังๆ อาจจะนับตั้งแต่ทันใจจากไป

รู้ตัวอีกที ไอศกรีมในถ้วยที่กินค้างไว้ก็ละลายลงแล้ว พร้อมๆ กับที่ได้ยินเสียงบอกให้เตรียมตัวนับเคาท์ดาวน์จากดีเจที่เพื่อนเสนอให้เขาจ้างมา ซึ่งก็เป็นตอนนั้นเองที่ใจเย็นลุกจากการนั่งคนเดียว หนีกลับไปอยู่ในห้องส่วนตัว เงียบ แต่เสียงวุ่นวายก็ยังเล็ดลอดเข้ามา เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นกดโทรหาคนที่ชวนเท่าไหร่ก็ไม่ยอมมาอยู่ด้วยในคืนนี้ รอสาย นาน และไม่ตอบรับ จนกระทั่งได้ยินเสียงเริ่มนับเคาท์ดาวน์

ถอยหลังตั้งแต่สิบ เก้า แปด เจ็ด กระทั่งถึงคำว่าแฮปปี้นิวเยียร์ เป็นไทก็ไม่รับสาย เหมือนทุกอย่างเงียบดับ เห็นภาพไอศกรีมละลายลอยแวบวาบในความคิด สุดท้ายใจเย็นทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ไม่แน่ใจว่าตั้งใจจะหลับฝันหรือว่าอะไร แต่ไม่นานนักแรงสั่นไหวจากโทรศัพท์มือถือก็ทำให้สะดุ้งตัวพรวดขึ้นมาหยิบดู ก่อนจะยิ้มออกมาเป็นยิ้มแรกของปี

“เป็นไท”

“โทรมาเหี้ยอะไรข้ามปี”

ซึ่งอีกฝ่ายก็ต้อนรับปีด้วยการด่าเขา แต่ใจเย็นก็ยิ้มที่ได้ยินเสียง ท่ามกลางเสียงอื้ออึงวุ่นวายของผู้คนและเสียงดนตรีจากปลายสาย

“ก็อยากเคาท์ดาวน์ด้วยนี่ครับ” ใจเย็นบอกตามที่รู้สึก “เสียดาย เป็นไทไม่รับสาย”

“ไม่ได้ยิน พอขึ้นปีใหม่ก็เลยหยิบมาเช็ก เห็นมึงโทรมาเนี่ย”

“งั้นเหรอ” ใจเย็นตอบรับ ทั้งที่ใจจริงมีอะไรอยากพูดมากกว่านี้ แต่เขาก็ตัดบทด้วยคำที่อยากบอกมาตั้งแต่ก่อนจะได้โทรหา “แฮปปี้นิวเยียร์นะครับ”

“เออๆ แฮปปี้นิวเยียร์”

“เป็นไทบอกผมเป็นคนแรกเลย”

“อ้าว แล้วงานเลี้ยงมึงล่ะ”

“ผมหนีมาอยู่ห้องนอน”

“เหรอวะ” เป็นไทตอบรับ เงียบงันชั่วครู่ก่อนเอ่ยบอก “พรุ่งนี้มึงมาที่บ้านกูดิ”

“ให้ไปบ้านเป็นไทเหรอ” แน่นอนว่าใจเย็นค่อนข้างจะแปลกใจ

“เออ มีอะไรจะให้”

“อะไรครับ”

“เฮ้ย แค่นี้นะ เพื่อนแม่งเมาละ”

ไม่ทันได้คำตอบและไม่ทันจะตอบรับอะไร เป็นไทก็กดวางสายไป ทิ้งเขางงงันอยู่กับหน้าจอโทรศัพท์มือถือชั่วครู่ ก่อนจะวางมันลงกับเตียง และตามด้วยทิ้งตัวลงไปตามเดิม หากคราวนี้ค่อนข้างแน่ใจว่าจะหลับฝัน ไม่ใช่ว่าจะหนีจากสิ่งใด

เมื่อตื่นเช้ามาใจเย็นจำไม่ได้ว่าฝันอะไร หรืออาจไม่ได้ฝัน กระนั้นเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรไปกว่าการไปหาเป็นไทที่บ้าน ไม่ได้สนใจเพื่อนบางคนที่ก็แอ้งแม้งอยู่ในห้องนอนสำหรับแขก ก่อนจะรู้สึกว่าสนใจหน่อยก็ดีในตอนที่เห็นเป็นไทเดินหัวยุ่งลงมาหาเขาด้วยหน้าตาหงุดหงิดงัวเงีย

“บอกให้มาหาแต่ไม่ได้ให้มาแต่เช้าไอ้ห่า”

ด่าต้อนรับเช้าวันใหม่แต่ใจเย็นก็ไม่เคยรู้สึกว่าต้องโกรธอะไร และยังไม่ทันทวงถามถึงของที่เป็นไทบอกจะให้ เจ้าตัวก็มีท่าทีเหมือนนึกขึ้นได้ ส่งเสียงจิ๊ปากในลำคอก่อนจะเดินกลับขึ้นข้างบนไปแล้วลงมาใหม่

พร้อมกับหนังสือ เอกสาร และสมุด ยื่นมาให้เขา

“รับไปดิวะ หนัก”

นั่นเองที่ใจเย็นต้องคลายความมึนงง ยื่นมือไปรับก่อนจะพิจารณาแล้วรู้ว่ามันคืออะไร “หนังสือชีวะ...เหรอครับ”

“เออ นึกว่ากูจะให้ของขวัญมึงหรือไง” บ่นด้วยท่าทียังหงุดหงิดงัวเงียอยู่ “หนังสือเรียนกูเอง วันก่อนจัดห้องใหม่แล้วเจอ จะทิ้งก็เสียดายเลยให้มึงดีกว่า”

“ทำไมให้ล่ะครับ”

“เลิกถาม กูง่วง”

“งั้นเหรอ” ใจเย็นตอบรับแม้จะยังอยากได้คำตอบ “ก็ได้ครับ”

สิ้นคำนั้นเป็นไทก็โบกมือไล่เขาก่อนจะปิดปากที่อ้าหาวหวอดแล้วเดินหนีขึ้นห้อง ให้ได้ยินเสียงแม่ของเป็นไทบ่นกับกริยาของลูกชายแม้ใจเย็นไม่ได้ว่าอะไร เขายกมือไหว้ลาก่อนกลับมาที่รถ แต่ก่อนจะขับออกไปก็ยังติดใจกับสิ่งที่เป็นไทให้ ใจเย็นจึงค่อยๆ ไล่เปิดดูทีละอย่าง

เริ่มจากอย่างแรกคือเอกสารการเรียน เรียงเนื้อหาแต่ละชุดสะเปะสะปะไม่ค่อยเป็นระเบียบ จดบ้างไม่จดบ้างแต่ถ้าจดก็ดูจะเป็นแต่เนื้อหาสำคัญ สมุดเองก็ไม่ค่อยต่าง หากเห็นบ่นเบื่ออาจารย์หรือไม่ก็ง่วงในบางหน้า ส่วนหนังสือเรียนเป็นหนังสือจากที่เรียนพิเศษที่ใจเย็นเคยเห็นเพื่อนไปเรียนอยู่ เนื้อในจดยิบย่อยกว่า ภาพวาดที่ใช้อธิบายความเยอะกว่า ลายมือเป็นระเบียบบ้างอ่านไม่รู้เรื่องบ้าง ใช้ปากกาแค่สามสี น้ำเงิน แดง ดำ แต่รวมๆ แล้วก็เน้นใจความสำคัญเอาไว้ พอที่คนรับช่วงต่ออย่างเขาจะอ่านเข้าใจง่าย

ใจเย็นพลิกดูจนหมด ไม่มีข้อความหรือช็อตโน้ตใดสื่อสารถึงเขาที่เป็นไทยกทั้งหมดนี่ให้ เขาปิดหนังสือ วางลงบนเบาะข้างคนขับ ไม่รู้ตัวว่ากำลังรู้สึกอะไรอยู่ แต่ขณะที่เท้าแตะคันเร่งให้รถเคลื่อนตัวจากหน้าบ้านของเป็นไท ใจเย็นก็นึกถึงไอศกรีมสตรอเบอร์รี่เมื่อคืนขึ้นมา

ละลาย เลือนลาย กัดเซาะ เป็นความรู้สึกที่ใจเย็นไม่ชอบ ยิ่งกับความทรงจำดีๆ ที่ไม่เคยมีใครอธิบายว่าทำไมมันถึงต้องหายไป เขาจึงมักจะคิดว่าดีแล้วที่ตนเองไม่ค่อยรู้สึกอะไร หรืออย่างน้อยก็ไม่เข้าใจว่าตนเองรู้สึกอะไร แม้แต่กับสิ่งดีๆ ที่ผู้อื่นทำให้ด้วยความเต็มใจเป็นร้อยเป็นพันอย่าง

หากในตอนนี้เขากลับรู้สึกเหมือนน้ำแข็งที่มีในตัวเองกำลังละลายลง...เนิบช้า รอยยิ้มเองก็คลี่ออกมาด้วยท่วงทำนองเดียวกัน เพียงเพราะหนังสือและสมุดไม่กี่เล่มที่เป็นไทมอบให้












« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-03-2017 01:21:50 โดย แยมส้มขมคอ »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ความชอบที่เหมือนกันของใจเย็น เป็นไท คือไอศกรีมสตรอเบอรี่
ของใจเย็น เริ่มรู้แล้วว่า ชอบเป็นไท
จากที่ไม่มีความรู้สึก ไม่มีหัวใจ
ส่วนเป็นไท จะเรียกว่ารู้ตัวคงไม่ได้
แต่กำแพงน้ำแข็งที่กางกั้นกับใจเย็นเริ่มละลาย
ซึ่งดีกับทั้งสองคน   
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
มันกระจ่างขึ้นตรงหนายยยยย

ฉันยังงง ๆ กับเจ้าเด็กซึนสองคนนี่อยู่เลย
คือแบบ เขาชอบกันแบบไม่รู้ตัวใช่ป่ะ ผูกพันกันมากขึ้นแบบมึน ๆ
55555

มันคุยกันรู้เรื่องด้วยเร๊อะ!?

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ MOMAMi_96

  • เรื่อยๆ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3
หนูเย็นคือชอบเจ้ไทจริงๆใช่มะไม่นะม่ายยยยยยยย :ling1:หนูเย็นคือชอบเจ้ไทจริงๆใช่มะไม่นะม่ายยยยยยยยยย :ling1:

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
เป็นนิยายรักที่เย็นยะเยือกเหมือนไอศครีมจริงๆ แต่เราก็ยังแอบรู้สึกได้ถึงความหอมหวานของสตรอเบอร์รี

ออฟไลน์ papapajimin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 294
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ละละละละลายแล้ววววว ค่อยๆทีละนิดๆ

ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook


โธ่ใจเย็นของป้า ก่อนที่หนูจะดาหน้าพุ่งเข้าชนพ่อเป็นไทอย่างทุกวันนี้
ป้าขอแนะนำให้หนูทำความเข้าใจกับตัวเองก่อนดีไหมคะ?
แล้วอย่างนี้เมื่อไรหนูจะรู้ตัวล่ะลูกว่าอยากผิดผีกับเป็นไทยิ่งกว่าผู้หญิงไหน ๆ ที่ผ่านเข้ามา
แต่ก็นั่นแหละ ถึงใจเย็นจะใช้เวลาหลายหน่วยปีในการเรียนรู้ตัวเอง ป้ากลับเชื่อมั่นเหลือเกินว่าเป็นไทจะไม่ไปไหน

อย่างไรก็ดี ที่ป้าบอกว่าเป็นไทไม่ไปไหนนี่ไม่ใช่เพราะเป็นไทรักหนูหรอกนะลูก
แต่เพราะนอกจากเป็นไทจะไม่เปิดรับใครใหม่สู่ชีวิตแล้ว เป็นไทยังหงุดหงิดมากพอที่จะเหวี่ยงใครต่อใครหลุดจากวงโคจรไปง่าย ๆ เสียอีก

นี่แอบคิดเล่น ๆ ว่า ถ้าเกิดอยู่ดี ๆ เป็นไทเกิดถูกใจใครแบบไร้สาเหตุขึ้นมาสักคน
ใจเย็นอาจจะเลิกสับสนแล้วรู้ตัวเร็วขึ้นก็ได้

รอติดตามตอนต่อไปค่ะ ^^  :L2:



ออฟไลน์ XVIII.88

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
    • XVIII.88
มาคิดได้ว่า ใจเย็นนี่น่าสงสารเหมือนกัน อะไร ๆ ก็ไม่ค่อยเข้าใจ ความรู้สึกตัวเองก็ไม่รู้ เหมือนเด็กที่เพิ่งเริ่มเรียนรู้เลย บางที

และเป็นไทไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยมากเท่าไหร่ 55555 (ทำไมตรงนี้ต้องหัวเราะนะ
)

ออฟไลน์ SOMCHAREE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
ชอบสำนวนคนเขียนจัง อ่นตอนที่บีบอารมณ์ นี่ก็ไล่เรียงเรื่องราวได้บีบอารมณ์สุดๆ ^^

ออฟไลน์ Moonuglygirl

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ความสัมพันธ์ก็ยังคลุมเคลือต่อไปครับท่าน เซ็งจิต

ออฟไลน์ zzzzzz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ใจเย็นคงเกิดความรู้สึกหมั่นเขี้ยวเป็นไทยเรื่อยๆเป็นพักๆเป็นช่วงๆต่อๆไปแน่ๆเลย555555555อ่านแล้วหมั่นเขี่ยวอะทั้งสองคนเลย

ออฟไลน์ แยมส้มขมคอ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-2
18 – กาแฟ




ต่างกับคุณเกษราผู้เป็นรุ่นน้อง ไม่ว่าจะระยะแรก ระยะหลัง หรือตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ปราณีก็สังเกตไม่ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในจิตใจของลูกชายตนเอง ส่วนใหญ่หล่อนจะเห็นแต่เรื่องที่เป็นรูปธรรม รุนแรง แสดงออกชัด และสิ่งที่หล่อนทำก็แค่ยอมรับ ไม่ก็ปล่อยมันไป ให้สุดท้ายแล้วลูกชายหล่อนก็หมดฤทธิ์ไปเอง โดยไม่เคยสังเกตได้ถึงช่องว่างในรุนแรงก้าวร้าวเหล่านั้น ว่ามีละเอียดอ่อน เปราะบาง กระทั่งหักพังซ่อนอยู่มากแค่ไหน

ความรุนแรงที่เด็กชายเป็นไทได้รับนั้นส่งผลกระทบต่ออารมณ์ให้เหวี่ยงไหวง่ายดาย เขาร้องไห้ ขลาดกลัว กระทั่งสงบนิ่งแซมสลับอาละวาดกราดเกรี้ยวในบางครั้ง ซึ่งแม่ก็ดุว่าเฉพาะเวลาที่ต้องพาเขาออกไปพบปะผู้คน และไม่รู้ทำไม อาจเป็นเศษเสี้ยวของมืดหม่นจากในห้องน้ำหรือตู้เสื้อผ้าที่มืดสนิท เป็นไทรู้สึกว่าเขาควรจะกราดเกรี้ยวให้มากขึ้นในเวลานั้น บางทีอาจเพราะรู้สึกว่าแม่สนใจเขา จนท้ายที่สุดเมื่อเขาค่อยๆ เติบโตท่ามกลางคำสอนที่บกพร่อง เป็นไทกลับซึมซับถึงเหตุผลที่ควรหยุดด้วยตนเอง จากสายตาของคนในสังคมที่มองมา สายตาที่บ่งบอกว่าไม่อยากเห็นเขาอยู่ตรงนั้น

ไร้ค่า เป็นไทไม่อยากรู้สึกถึงมัน เขาจึงมักจะปรับตัวให้กลมกลืนสารพัดอย่างเพื่อดำรงในสังคม แม้บางครั้งจะเผลอปล่อยความเปราะบางที่ฉาบหน้าด้วยอารมณ์ขี้โมโหหงุดหงิดออกไป แต่ก็เพราะรู้ว่ายังมีเพื่อนที่ยอมรับมันได้ เพื่อนที่มองว่าเป็นเรื่องปกติในการชกต่อยทะเลาะวิวาทกับอริ เพื่อนที่ถ้าเขาร่วงหล่นก็จะคอยรอรับประคับประคอง

แต่กับบางเรื่อง เป็นไทรู้ดีว่าเขาก็จะแค่ร่วงหล่น แตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ไม่มีใครรับไว้ได้ทั้งนั้น

รสโกโก้หวานขมในลำคอก่อนที่มันจะหมดแก้ว เป็นไทไม่ได้ชอบโกโก้ เขาแค่ไม่อยากสั่งกาแฟ มันเป็นเครื่องดื่มที่ทำให้เขาใจสั่นและรบกวนการทำงานหลายๆ อย่าง โกโก้จึงมักเป็นสิ่งที่เขาเลือกหากต้องมาสอนพิเศษนอกสถานที่

ต่างจากเทอมที่แล้วที่เป็นไทสอนใจเย็นแค่คนเดียว เทอมนี้เขาแบ่งเวลาบ่ายวันอาทิตย์มาสอนเพิ่มอีกคน ไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงถ้าจัดสรรเวลาให้ดี ไม่นานก็หมดเวลาสอน ไม่นานก็ได้ค่าเหนื่อย ท่องไว้แบบนั้นทุกครั้งจนผ่านไปได้ ครั้งนี้ก็เช่นกัน และเหมือนเดิมที่เขาจะชอบนั่งอยู่อีกสักพักใหญ่ๆ เพื่อทบทวนวิชาเรียนของตนเอง หมุนควงปากกาในมือเล่นระหว่างใช้ความคิด

ทว่า บางอย่างก็ทำให้ปากกาหลุดมือ ทุกอย่างสะดุด งงงัน ขาวโพลน ไม่สิ มืดดับน่าจะเหมาะกว่า มืดดับเหมือนตู้เสื้อผ้าที่เขาเคยต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงอยู่ในนั้น

พ่อของเขา – พ่อของเขาไม่ผิดแน่ต่อให้ไม่ได้เจอมาเกือบสิบปี เป็นไทจำใบหน้านั้นได้ดี ใบหน้าคมคายที่จะถมึงทึงเหมือนปิศาจเมื่อแผดผรุสวาท มือใหญ่ที่ใช้ทุบตี ร่างกำยำที่ดูแข็งแรงแม้จะล่วงเลยวัยกลางคนมาแล้วเล็กน้อย ชายคนนั้นยืนอยู่ในระยะสายตา ในร้านกาแฟที่เขานั่งอยู่ กำลังเคลื่อนไหว มีชีวิต มีตัวตนจริง ไม่ใช่ภาพฝันหลอกหลอน แม้ตอนนี้จะได้ยินเพียงอื้ออึงของความรู้สึกตนเองก็ตาม

เป็นไทสั่นสะท้านทั้งที่ไม่ได้ดื่มกาแฟสักหยาดหยด ระบบในร่างกายรวนเร เขาได้แต่จ้องมองนิ่งค้างเหมือนถูกสะกดให้นิ่งเงียบแบบครั้งยังเด็ก กาแฟดำ พ่อของเขาสั่ง เสียงทุ้มแหวกอากาศ บทเพลง เสียงเครื่องปั่น เสียงพูดคุย และเสียงสั่นระรัวในใจของเขา

กลัว

กลัวจะถูกพบ

วินาทีที่ความรู้สึกนั้นดังขึ้นมาในใจ เป็นไทก้มหน้าลง รู้สึกเหมือนตนเองคุดคู้อยู่ในตู้เสื้อผ้า ก่อนที่สั่นสะท้านขลาดกลัวทั้งหมดจะเริ่มต่อต้าน ไม่มีอะไรที่เขาต้องกลัว เขาโตแล้ว เป็นหนุ่ม ร่างกายมีกำลังพอจะล้มมันให้คว่ำ ใช่ มันเป็นแบบนั้น มันต้องเป็นแบบนั้น มันทำอะไรเขาไม่ได้

และสูดหายใจลึกที่เป็นไทเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง พ่อก็ยังอยู่ในสายตา ยังคงไม่เห็นเขา อาจไม่มองมาทางเขาด้วยซ้ำเพราะหญิงสาวคนหนึ่งก็ดึงดูดความสนใจของพ่อไว้ ให้พ่อยิ้ม ดูมีความสุข

พลันเป็นไทรู้สึกเหมือนถูกหวนทำร้ายอีกครั้ง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในจิตใจ ตั้งแต่อายุสิบสอง เขายังถูกทำร้ายซ้ำๆ ปวดร้าว ร่วงหล่น และแตกสลายเพราะไม่มีใครอาจแบกรับ ก่อนจะต้องเก็บชิ้นส่วนมาประกอบสร้างใหม่ให้เป็นตนเอง ให้หลบหนีไปจากตรงนั้น จากหวาดกลัวว่าจะถูกค้นพบ

แม้รู้ดีว่าคงไม่ถูกพบก็ตาม

เป็นไทได้แต่หอบเก็บชิ้นส่วนของตนเองกลับไปที่ห้อง เขารู้สึกตัวแค่นั้น ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร เหมือนระหว่างนั้นเป็นฝัน ฝันร้ายยามลืมตา และเขาเหนื่อย เหนื่อยจนได้แต่หลับตาลงและขอให้ตื่นขึ้นมาในความจริงที่อยากให้เหมือนเป็นฝันดี

แต่ก็ไม่มีอะไรเป็นดังใจปรารถนาเมื่อเป็นไทได้ลืมตาขึ้นมาอีกทีในความมืด เตลิดจนจำไม่ได้ว่านี่คือห้องนอนที่คอนโด พลันแสงไฟสว่างวาบจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือก็ช่วยดึงเขาออกมา ควานหาและหยิบขึ้นมาดูว่าใครที่โทรหา ก่อนจะรู้สึกเหมือนได้กลิ่นดอกไม้ฉุนในจมูก

“เป็นไท”

หรือบางที...อาจจะลอยอวลนุ่มนวลจนแปลกประหลาดพิกล

“ผมอยู่ล่างคอนโดแล้วนะ”

“ฮะ?...มาทำไมวะ”

ถามออกไปอย่างมึนงง ขณะเดียวกันก็สัมผัสได้ว่าลำคอตนเองนั้นแห้งผาก

“เป็นไทเพิ่งตื่นเหรอครับ”

“...เออ”

“ง่วงเหรอ”

“เปล่า...ไม่รู้ดิ” เป็นคำตอบที่สับสน ยิ่งยังอยู่ในความสลัวลางยิ่งสับสน พลางคิดหาเหตุผลว่าใจเย็นมาหาเขาทำไมตอนนี้ – ตอนนี้ที่เขาก็ไม่รู้ว่ากี่โมงแล้ว รู้แค่ว่ามันเป็นวันอาทิตย์...

พลันก็นึกออกอีกอย่างว่ามันเป็นวันอาทิตย์ที่หนึ่งกุมภาพันธ์

วันเกิดของใจเย็น

“ถ้าไม่ง่วงไปกินข้าวกันนะครับ”

แล้วเจ้าของวันเกิดก็ย้ำความว่าทำไมถึงมารอเขาที่หน้าคอนโด เป็นไทค่อยๆ นึกออกทีละอย่างว่าเป็นคนตอบตกลงเอาไว้เองสำหรับการถูกเซ้าซี้ตลอดช่วงที่ไปสอนพิเศษในเดือนมกราคมหลังจากไปงานเลี้ยงขึ้นปีใหม่ไม่ได้

“อืม” เขาตอบ ยังรู้สึกคอแห้ง ตั้งใจว่าจะวางสายแล้วเบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือออกมาส่องให้ห้องพอสว่างก่อนลุกไปเปิดไฟ แต่พลันก็เปลี่ยนใจ “อย่าเพิ่งวางสายนะ”

“ไม่วางหรอกครับ”

“พูดห่าอะไรมาก็ได้ เรื่อยๆ” สั่งไปแบบนั้นและตั้งใจจะลุกไปเปิดไฟ แต่ว่าปลายสายกลับไม่เป็นดังใจให้เขาส่งเสียงเฮ้ยทักท้วง พลันใจเย็นก็ถามขึ้น

“หลับไปไม่ได้เปิดไฟใช่ไหมครับ”

แล้วก็แปลกใจปนหมั่นไส้ขึ้นมาที่คนซึ่งดูไม่เข้าใจอะไรเลยบนโลกใบนี้กลับรู้ทันเขาขึ้นมาแบบไม่คลาดเคลื่อนสักนิด กระนั้นมันกลับทำให้เขาคลายกังวล เออออยอมรับก่อนจะลุกออกจากเตียงไปกดสวิทช์ไฟให้ห้องส่องสว่าง

“เป็นไท”

“อะไร”

“อยากเห็นห้องของเป็นไทอะ”


“จะอยากเห็นไปทำไมวะ”

“วันเกิดครับ”

ตอบไม่ตรงคำถามทั้งยังฟังดูเอาแต่ใจ เหมือนที่นึกอยากทำอะไรทำ อยากพูดอะไรก็พูดเสมอมา และโดยไม่รู้ตัวที่เป็นไทเริ่มคิดขึ้นมาว่าก็สมเป็นใจเย็นดี ก่อนที่จะตอบรับเอออออีกครั้ง ไม่ได้ขัดข้องอะไรเพราะกับแค่ลงไปรับขึ้นมาก็ง่ายดายกว่าสอนพิเศษเป็นชั่วโมง

และอีกอย่าง อย่างไรก็ได้ถ้าเขาไม่ต้องอยู่คนเดียวเวลานี้

ถึงจะตื่นมาด้วยสถานการณ์ที่ชวนให้ลืมฝันร้ายที่เพิ่งเผชิญ แต่มันก็ยังฝังตรึงในความรู้สึก หวนย้อนนึกยังพรั่นพรึง สั่นสะท้านจนต้องข่มไว้ และจะดีกว่าถ้ามีใครสักคนมาอยู่เป็นเพื่อน ใครก็ได้...ที่ไม่ต้องฟังเขาก็ได้ ขอแค่ไม่พูดแต่เรื่องของตัวเองก็พอ

อีกแล้วที่เป็นไทรู้สึกเหมือนได้กลิ่นดอกไม้หอมหวนในนาสิกประสาททั้งที่ห้องของเขาหรือสิ่งติดตัวใจเย็นก็ไม่ได้มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับดอกไม้สักอย่าง

“เฮ้ย ไม่ต้องยุ่งกับโน้ตบุ้คกูนะ” แต่อย่างไรก็ตาม กลิ่นดอกไม้ก็ไม่ได้แก้นิสัยหวงของของเป็นไทอยู่ดี “กีตาร์ก็วางไปเลย เอาจริงมึงไม่ต้องแตะอะไรเลยจะดีกว่า”

“เพิ่งรู้นะครับว่าเป็นไทขี้หวง”

“กูกลัวมึงทำพัง” เถียงไป แม้จะเป็นความจริง ต่อให้เพื่อนมาห้องกี่คนเขาก็จะแยกแยะสิ่งของไว้ชัดเจนว่าอะไรแตะได้ อะไรแตะไม่ได้

“งั้นขอดูพวกหนังสือเรียนได้ไหม”

“หนังสือเรียน? ทำไมวะ?”

“เพราะเป็นของเป็นไท”

ถึงครั้งนี้ดูจะตอบตรงคำถาม แต่เป็นไทก็ไม่ค่อยเข้าใจใจเย็นอยู่ดี ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเป็นเหตุผลในการตัดสินใจหลายๆ อย่างของใจเย็น กระนั้นก็ได้แต่ปล่อยเลยตามเลยเพราะไม่ได้เดือดร้อนอะไร เขามองใจเย็นที่พลิกเปิดดูเล่มนั้นเล่มนี้บนโต๊ะอ่านหนังสือของเขาไปเรื่อย ดูเพลินราวกำลังเล่นเกม เรื่อยเปื่อย นาน ยังความไม่เข้าใจมาให้เป็นไทจนต้องทวงถามว่าจะดูไปถึงไหน ซึ่งก็ไร้คำตอบ จนเขาเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาและเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาก็ยังเห็นแบบเดิม สุดท้ายจึงทิ้งตัวนอนลงบนโซฟา มองอีกฝ่าย

แล้วก็เพิ่งรู้สึกว่าเขาไม่ค่อยได้มองใจเย็นแบบสังเกตละเอียดลออเท่าไหร่นัก อาจเพราะใจเย็นก็ดูเหมือนเดิมๆ อยู่ตลอด ชอบใส่เสื้อแขนยาวไม่ว่าอากาศจะเป็นอย่างไร บรรยากาศรอบตัวดูเงียบงัน การเคลื่อนไหวดูค่อยเป็นค่อยไป เหมือนไม่เคยรีบร้อนอะไร เหมือนว่าใจเย็นสมชื่อ แต่เป็นไทคิดว่าลึกๆ เจ้าตัวก็ไม่ใช่คนใจเย็นสักเท่าไหร่ คงเพราะความเอาแต่ใจนั่น ความเอาแต่ใจที่มีเขาเป็นส่วนประกอบ

คิดถึงตรงนี้เป็นไทก็เริ่มหลับตาลง เป็นไปได้ก็อยากจะหลับอีกสักงีบเพราะก่อนหน้านั้นไม่ได้ให้ความรู้สึกของการพักผ่อนสักนิด แต่แล้วก็สัมผัสได้ว่าใจเย็นลุกจากเก้าอี้หน้าโต๊ะอ่านหนังสือ และเดินตรงมาหา นั่งลงบนโซฟาส่วนที่ยังว่าง

“กูขี้เกียจไปแล้วเนี่ย”

“ไม่ไปก็ได้ครับ

“อย่าลูบหัวกู”

ทันทีทันใดที่เป็นไทปัดมือของใจเย็นออก แต่ก็ไม่ได้ลืมตาหรือลุกขึ้นนั่งทะเลาะเพราะก็คร้านตามที่บอก

“วันนี้ดูเหนื่อยๆ เป็นอะไรหรือเปล่า”

“ไม่มีอะไร”

“งั้น...ไปกินข้าวกันเถอะครับ”

ใจเย็นเอ่ย ให้เป็นไทลืมตาพร้อมกับที่อีกฝ่ายลุกขึ้น แล้วบางอย่างก็ดลให้เขารั้งไว้ ไม่ใช่ด้วยมือ หากเป็นคำพูด

“มึงเคยกลัวอะไรไหม”

ใจเย็นนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะกลับมาทิ้งตัวนั่งลงที่เดิม “คิดว่าไม่นะครับ”

“กูว่าละ”

“แล้วเป็นไทล่ะครับ”

“กูกลัวพ่อ”

ไม่รู้ทำไมเขาถึงตอบไปไม่ลังเล อาจเพราะรู้สึกว่าถ้าไม่ตอบตอนนี้ ก็คงไม่พูดไปอีกแล้ว

ใจเย็นไม่ได้พูดอะไรมาทันที เหมือนนิ่งคิด นานจนความอึดอัดก่อตัว แต่ก็เพียงวูบเดียว “เพราะเขาขังเป็นไทไว้ในตู้เสื้อผ้าเหรอ”

“...คงงั้น” เขาตอบ น้ำเสียงเริ่มเจือความไม่มั่นใจ “วันนี้กูเจอพ่อด้วย”

“งั้นเหรอ”

“แต่แม่งไม่เห็นกูหรอกมั้ง ซึ่งก็ดีละ”

“ไม่อยากเจอเหรอครับ”

เป็นไทเงียบ เขาไม่แน่ใจในคำตอบ ไม่อยากเจองั้นหรือ เป็นอย่างนั้นหรือ แต่ก็ใช่ว่าเขาอยากเจอ เพียงคิดว่าถ้าตัดบางสิ่งบางอย่างในความรู้สึกออกไปได้ เขาอาจไม่ต้องรู้สึกพรั่นพรึงขนาดนี้เมื่อพบหน้ากับชายที่เริ่มแก่ลงไปทุกที ทุกที

“ไม่อยากเห็นสายตาที่เขามองกู”

จนสุดท้าย เป็นไทก็กลั่นกรองคำตอบออกมาได้

“กูกลัวสายตาของเขา”

เอ่ย พลางรู้สึกว่าไม่อยากหลับตาลงในตอนนี้ ราวกับแม้แต่ความมืดมิดหลังเปลือกตาจะทำให้เขาระลึกได้ถึงสายตาของพ่อในวันนั้น สายตาที่จ้องมองมาที่เขาอย่างว่างเปล่าจนรู้สึกเจ็บแสบไปหมด

และเขากลัว...ว่าจะต้องเผชิญกับมันอีก

“วันหลังบอกผมนะครับ”

หากพลันคำพูดของใจเย็นก็ทำให้เป็นไทหันไปมองสีหน้าเบื้องบน

“ถ้าเป็นไทมีคนอยู่ด้วย จะกลัวน้อยลงนี่ครับ”

แล้วก็ได้เห็นสายตาที่ตรงข้ามกับความว่างเปล่าที่เขากลัวมาตลอด ให้รู้สึกเหมือนกาแฟออกฤทธิ์ไปทั่วระบบประสาททั้งที่ไม่ได้ดื่มเลยสักหยดจนต้องหลบสายตา

“วันนี้มึงอายุเท่าไหร่นะ สิบเจ็ดปะ”

“ครับ”

“เออ สุขสันต์วันเกิด”

เป็นไทเอ่ย และถึงไม่ได้มองหน้าแต่เขารู้สึกได้ว่าใจเย็นจะยิ้ม ยิ้มเหมือนเด็กๆ ตอนที่อยู่กับเขา ได้ยินเสียงขอบคุณ ทั้งที่เขาคิดแย้งว่าตนเองไม่ได้ทำอะไรให้เลย ลืมนัดไปแล้วด้วยซ้ำในตอนแรก จนคิดอยากจะหาทางแก้ไขให้ดีกว่านี้แต่ก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร

เพราะอย่างนั้นเขาจึงปล่อยเลยตามเลยตอนที่มือของใจเย็นลูบลงมาที่เรือนผมของเขาอีกครั้ง และในความอุ่นจากมือ เป็นไทรู้สึกเหมือนตนเองเพิ่งดื่มกาแฟ กาแฟที่ทำให้ใจสั่นและรบกวนระบบคิดหลายๆ อย่าง

เช่นว่า เขาจะมีคนคอยรับเอาไว้ยามที่ร่วงหล่น ให้ไม่ต้องแตกสลายกระจัดกระจายอีก











เป็นไท : ทำไมมึงชอบลูบหัวกูวะ

ใจเย็น : ก็กับทันใจ...

เป็นไท : สัดดด






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-04-2017 09:55:01 โดย แยมส้มขมคอ »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ใจเย็น ที่จริงๆไม่ได้ใจเย็นอย่างชื่อ
เข้าไปในระบบความคิดของเป็นไทแล้ว
ใจเย็น ทำให้เป็นไท รู้สึกตัวเองมีค่า
ใจเย็น ให้ความสำคัญกับเป็นไท
แรกๆใจเย็น ทำให้เป็นไท รำคาญ
แต่ใจเย็นรู้ใจเป็นไท แม้อยู่คนละที่
ว่าเป็นไท นอนหลับไปโดยลืมปิดไฟ
ใจเย็นไม่รุกเร้า แต่กลับตามใจเป็นไท
ไม่อยากออกไปข้างนอก ก็ไม่ต้องไป
เป็นไท ยอมบอกความกลัวพ่อให้ฟัง
ใจเย็น กลับบอก“วันหลังบอกผมนะครับ”
“ถ้าเป็นไทมีคนอยู่ด้วย จะกลัวน้อยลงนี่ครับ”
ใจเย็นรับได้ทุกอย่างของเป็นไท
ระยะห่างระหว่างสองคน เริ่มขยับเข้าหากัน
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด