(Omegaverse) Love Bites ซ่อนรอยรัก Special (13/7/19) P.6
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (Omegaverse) Love Bites ซ่อนรอยรัก Special (13/7/19) P.6  (อ่าน 43405 ครั้ง)

ออฟไลน์ pichi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • PICHI Otakura
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.เรื่องสั้นให้จั่วคนว่าเรื่องสั้นด้วยนะครับ และนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


*****************************************************************************************




ลาซารัส โอเมก้าชายทีถูกนำมาประมูลขายในตลาดมืด ทั้งที่เตรียมใจไว้ว่าคงจะถูกซื้อไปเป็นเครื่องผลิตลูก แต่เจ้าของคนใหม่กลับไม่ได้คิดที่จะทำเรื่องแบบนั้นกับเขา เพราะว่าเขาถูกซื้อเพื่อมาเป็นหนูทดลองต่างหาก!
[/size]

 
ปล. เรื่องนี้มีผู้แต่งสองคนนะคะ Pichi & Pachai



: Warning (คำเตือน) :

 

 - นิยายเรื่องนี้เป็นแนว Yaoi ที่ผู้ชายสามารถตั้งครรภ์ได้ และมีเนื้อหาที่ดราม่าปวดตับ หากรับไม่ได้ขอความกรุณากดกากบาท X ปิดนะคะ

 

- เนื้อหาทั้งหมดเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ตัวละคร และสถานที่ เป็นเพียงเรื่องสมมุติขึ้นเท่านั้น

 

- โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน


 


FB fanpage : https://www.facebook.com/WizardPandas/


ข้อมูลเพิ่มเติม >> http://aboth-info.wixsite.com/whatisabo


*****************************************************************************************



เรื่องย่อ



‘คาเล็ม รอสเกรย์’ [α] เป็นนักวิจัยยาต้านอาการฮีทในโอเมก้า [Ω] ซึ่งในขณะนั้นยังเป็นยาที่ถูกควบคุมด้วยกฎหมายคร่ำครึ วันหนึ่งเขาถูกเพื่อนสนิท ‘ริชาร์ด เบอร์ตั้น’ ลากไปงานประมูลตลาดมืดแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย แต่แล้วเขาก็ได้ประมูลตัว ‘ลาซารัส แมทเวย์’ ซึ่งเป็นโอเมก้าเกรด A ในราคาสูงลิ่วกลับมาที่บ้าน ไม่ใช่เพราะว่าเขาถูกใจโอเมก้าที่ตนซื้อมา แต่คาเล็มกำลังวิจัยยาต้านอาการฮีทตัวใหม่ เขาจึงต้องการ ‘หนูทดลองที่ดี’ เพื่อทดสอบประสิทธิภาพของยาตัวใหม่นี้ไม่ให้เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกายของโอเมก้าที่ต้องใช้ยาติดต่อกันเพื่อป้องกันตัวเองจากการถูกจับคู่ที่ไม่พึงประสงค์
ทว่าลาซารัสกลับได้รับการปฏิบัติและดูแลเป็นอย่างดีมากกว่าที่ควรจะเป็นแค่หนูทดลอง นานวันเข้าลาซารัสก็เริ่มรู้สึกดีๆ ต่อคาเล็มที่ถึงภายนอกจะดูเย็นชาแต่ก็ใจดีมาก แต่เขาไม่รู้ว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นเป็นความรักใคร่ชอบพอหรือเปล่า เพราะตลอดชีวิตที่ผ่านมาเขาถูกหล่อหลอมให้เชื่อฟังคำสั่งมาตลอดโดยเฉพาะเมื่ออีกฝ่ายเป็นอัลฟ่าเจ้าชีวิต เมื่อคาเล็มรู้เรื่องนี้เข้าก็พยายามเว้นระยะห่างจากลาซารัสไม่ให้เกิดความรู้สึกพิศวาส แต่ยิ่งทำตัวเหินห่างเจ้าตัวก็ยิ่งรุกไล่เขาจนเกือบจะพลาดท่าหลายครั้ง ส่วนสาเหตุที่คาเล็มปฏิเสธความรู้สึกของลาซารัสขนาดนี้เพราะเขาเคยให้สัญญากับตัวเองว่าจะไม่จับคู่กับใครอีกนอกจาก ‘โนเอล’ โอเมก้าคนรักที่เสียไปหลายปีแล้ว แต่คนรอบตัวไม่ว่าจะเป็น ‘เรนเดล’ พ่อบ้านที่คอยดูแลทุกอย่างในบ้านหรือแม้กระทั่งริชาร์ดเพื่อนตัวดีต่างก็ชอบยุให้เขารวบหัวรวบหางลาซารัสอยู่นั่นแหละ รวมถึง ‘เออร์แฟน คาเฮวย์’ อัยการที่เคยมีเรื่องบาดหมางกับคาเล็มเมื่อครั้งอดีตก็เข้ามาร่วมป่วนชีวิตของเขาด้วยการบอกเป็นนัยว่าหากไม่รีบตีตราจองลาซารัสก็ระวังจะเจอประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเอาได้


ตัวละคร


'ลาซารัส แมทเวย์ ' โอเมก้าที่ถูกพ่อแม่ส่งมาขัดดอกให้กับเจ้าของห้องเสื้อเล็กๆ แทนการใช้หนี้ที่หยิบยืมมา เขาแทบไม่เคยได้ออกไปเล่นกับเด็กคนอื่นหรือพบเจอโลกภายนอกไกลเกินเขตชานเมืองเลยสักครั้งเพราะต้องทำงานใช้หนี้แทนพ่อแม่ โลกที่ลาซารัสรู้จักนั้นรับรู้ผ่านเพียงแค่โทรทัศน์และตัวหนังสือทั้งสิ้น จึงแอบมีความใฝ่ฝันว่าสักวันอยากออกเดินทางรอบโลก แต่ว่า...แม้จะไม่เคยเห็นก็พอมีความรู้ในเรื่องต่างๆ ค่อนข้างมากเนื่องด้วยงานอดิเรกที่ชอบอ่านและขลุกอยู่กับตำราเป็นทุนเดิมอยู่แล้วนั่นเอง

ทว่า สุดท้ายพ่อและแม่ของเขาก็เบี้ยวหนี้ ทิ้งลาซารัสเอาไว้และเก็บข้าวของหนีตายกันไปโดยทิ้งเด็กหนุ่มเอาไว้เพียงลำพัง

โอนเนอร์ซึ่งกำลังประสบปัญหาด้านการเงินเล็งเห็นว่าเด็กหนุ่มท่าทางเฉลียวฉลาดน่าจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตนได้มากกว่าจะนำไปขายทั้งที่อายุยังน้อย จึงเลี้ยงดูฟูมฟักให้การศึกษา สอนมารยาททางสังคม กำชับให้รู้จักดูแลร่างกายและป้องกันตัวเองจากอัลฟ่า ทั้งการใส่ปลอกคอและใช้น้ำหอมระงับกลิ่นฟีโรโมน มอบวิชาชีพโดยการให้ทำงานเป็นผู้ช่วยในห้องเสื้อแห่งนั้นมาตลอดหลายปี

ลาซารัสแทบไม่เคยเจอกับอัลฟ่าตรงๆ สักครั้ง ด้วยสถานที่ที่เขาอยู่นั้นเป็นเพียงร้านเล็กๆ ในชานเมืองอันเงียบสงบ จึงไม่ค่อยมีอัลฟ่าซึ่งเป็นพลเมืองชั้นหนึ่งอาศัยอยู่มากนัก แต่โอนเนอร์ก็ยังคอยพร่ำสอนถึงความสำคัญของการทำตัวเป็นโอเมก้าที่ดีและเชื่อฟังคำสั่งจนแทบจะเรียกว่าถูกล้างสมอง ลาซารัสจึงไม่คิดขัดขืนหรือหนีไปไหน ชีวิตอันสงบสุขของเขาดำเนินไปจนกระทั่งอายุได้ 24 ปี

แม้เป็นเรื่องยากที่จะได้เจอลูกค้าอัลฟ่าเข้ามาใช้บริการ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีมาเลย เนื่องจากร้านนี้ค่อนข้างมีชื่อในเรื่องบริการดีและงานประณีตอยู่แล้ว เพียงแต่อยู่นอกตัวเมืองจึงไม่มีลูกค้าระดับสูงมาใช้บริการบ่อยนัก คนที่จะมาสั่งตัดชุดคือคนที่ได้ยินจากปากต่อปาก จนกระทั่งลาซารัสได้เจอกับลูกค้าอัลฟ่าคนหนึ่งที่เข้ามาตัดสูทที่ร้าน แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี จนโอนเนอร์แน่ใจอย่างไร้ความกังวลว่าถ้าหากลาซารัสเจอกับอัลฟ่าคนอื่นก็คงไม่ฮีทง่ายๆ หรือกลัวจนลนลาน และบอกให้ลาซารัสเตรียมตัวแต่เนิ่นๆ เพื่อนำไปประมูลขายเมื่อเขาอายุครบ 25 ปี…





'คาเล็ม รอสเกรย์' เป็นแพทย์และนักวิจัยที่มีชื่อเสียงในผลงานด้านการสร้างยาระงับอาการฮีทในโอเมก้าโดยไร้ผลข้างเคียงที่ดีที่สุด เป็นอัลฟ่าที่เกิดมาพร้อมกับสติปัญญาเฉียบแหลม จบมหาวิทยาลัยชื่อดังระดับโลกตั้งแต่อายุยังน้อย ทว่าแม้จะเป็นอัจฉริยะและเกิดในตระกูลที่มีชื่อเสียง แต่คาเล็มก็เป็นลูกชายคนเล็กของตระกูลจึงไม่ได้รับส่วนแบ่งมรดกอะไรมากมาย แถมเรื่องภายในบ้านยังเละเทะเนื่องจากพ่อที่เป็นอัลฟ่าของเขามีภรรยาเป็นโอเมก้าหลายคน พวกพี่ๆและเขาต่างก็อาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน ยามปกติต่อหน้าพ่อก็มักอยู่ด้วยกันสงบสุขดี แต่ลับหลังก็แอบเสี้ยมให้ลูกของพวกตนไม่ถูกกันเอง

คาเล็มมีน้องชายอีกคนที่เป็นโอเมก้าชายเพียงคนเดียวในบรรดาพี่น้องต่างแม่ที่เป็นอัลฟ่าทุกคน แม่ของคาเล็มเอาใจใส่เลี้ยงดูลูกชายที่เป็นโอเมก้ามากกว่าเขา และภายหลังแม่ก็ได้หนีไปจากบ้านหลังใหญ่พร้อมกับน้องชายของเขาทิ้งให้คาเล็มต้องอยู่โดดเดี่ยวโดยมีพ่อบ้านคนสนิทเพียงคนเดียวที่คอยดูแล

เมื่อผู้เป็นพ่อจากไปและไร้แม่คอยปกป้อง แถมยังไม่ค่อยจะกินเส้นกันกับพวกพี่ๆ เท่าไหร่นัก โดยเฉพาะพี่ชายคนโตของบ้านที่เป็นเสาหลักของตระกูลคนปัจจุบันซึ่งเป็นถึงนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ พี่ชายอยากให้คาเล็มเรียนบริหารธุรกิจเพื่อมาช่วยงานที่บริษัท แต่เขากลับเลือกที่จะเรียนหมอ คาเล็มจึงโดนตัดงบค่าใช้จ่ายตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เขาต้องยืนด้วยลำแข้งตัวเองตั้งแต่เด็ก

คาเล็มส่งตัวเองเรียนด้วยการสอบชิงทุนของมหาลัยและทำงานพิเศษเป็นผู้ช่วยนักวิจัยเพื่อหาเงินเอามาเป็นค่าใช้จ่าย ในตอนนั้นเขาได้พบกับรุ่นพี่นักวิจัยที่เป็นโอเมก้าซึ่งอายุมากกว่าหลายปี แต่แทบจะไม่มีกลิ่นฟีโรโมนดึงดูดอัลฟ่าเพราะกำลังพัฒนาโครงการยาระงับอาการฮีท แต่ยังอยู่ในขั้นทดลองเอามาใช้จริงไม่ได้ ซ้ำยังไม่ค่อยมีสปอนเซอร์สนับสนุนออกทุนให้ โครงการนี้จึงยังไม่เห็นหนทางสำเร็จออกมาโดยเร็ว เขานึกสนใจในโครงการนี้รวมถึงตัวรุ่นพี่โอเมก้าจึงขอเข้าร่วมและพยายามเข้าไปพูดคุยทำความรู้จัก แต่อีกฝ่ายก็พยายามหลีกเลี่ยงที่จะปฏิสัมพันธ์กับอัลฟ่าเช่นเขาเพราะว่าที่ผ่านๆมาถูกข่มเหงมาตลอด

คาเล็มจึงไปยื่นเรื่องหาผู้สนับสนุนโครงการและได้เข้าร่วมโปรเจ็คในที่สุด ยิ่งเมื่อได้มามีส่วนร่วมทำการทดลอง ปรากฏว่าในช่วงเวลาสั้นๆ เขาก็สามารถสร้างยาระงับอาการฮีทของโอเมก้าที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดนับตั้งแต่ริเริ่มโครงการมา คาเล็มถูกเสนอชื่อให้เป็นหัวหน้าทีมวิจัย จากวันนั้นโครงการก็ก้าวหน้าขึ้นมาเรื่อยๆ จนเริ่มมีชื่อเสียงจากผลงานชิ้นนี้ และเริ่มคบหาดูใจกับนักวิจัยรุ่นพี่ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มโครงการจนกระทั่งได้แต่งงานกันในที่สุด

แต่ทว่า...ความสำเร็จก็อยู่ได้ไม่นาน เมื่อมีคนจำนวนหนึ่งออกมาร้องเรียนว่าได้รับผลข้างเคียงจากยา ทำให้โอเมก้าบางรายเกิดอาการแพ้ยารุนแรงจนถึงขั้นเกือบเสียชีวิต ยาจึงถูกระงับการผลิตโดยเรียกเก็บคืนทั้งหมดและห้ามไม่ให้มีการจำหน่าย แต่บางคนยังต้องการยาตัวเดิมและพยายามหาซื้อจนทำให้มีของปลอมเลียนแบบออกมาขายใต้ดินจำนวนมากซึ่งล้วนเป็นยาที่ไม่ได้คุณภาพ ทำให้โอเมก้าที่กินยาผิดกฎหมายต่อเนื่องเป็นเวลานานมีสุขภาพที่แย่ลง

ความซวยของคาเล็มยังไม่หมด เมื่อเขาต้องสูญเสียคู่ของเขาไปเพราะความประมาทที่ไม่ตีตราแสดงความเป็นเจ้าของ ทำให้ถูกอัลฟ่าคนอื่นแย่งคู่ของตัวเองไป ภายหลังอดีตคู่ของเขาได้เสียชีวิตลงโดยไม่ทราบสาเหตุ หลังจากนั้นเป็นต้นมา...คาเล็มก็กลายเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัวไม่สุงสิงกับใคร แต่ยังแอบสานต่องานวิจัยเงียบๆเพียงลำพัง แม้จะรู้สึกแย่กับความผิดพลาดและสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เขาก็เชื่อว่ายาระงับยังมีความจำเป็นต่อโอเมก้าอีกเป็นจำนวนมาก

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-07-2019 12:47:17 โดย pichi »

ออฟไลน์ pichi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • PICHI Otakura


บทนำ



“แกชวนฉันมาเที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศ แต่รสนิยมในการพามาหาที่ท่องราตรีของแกนี่โคตรแย่” เสียงทุ้มเจ้าของวลีไม่สุภาพจากสุภาพบุรุษมากวัยในชุดทักซิโด้สีดำสวมหน้ากากครึ่งหน้ากำลังบ่นเป็นหมีกินผึ้ง เพราะต้องนั่งอยู่เฉยๆมาเป็นเวลาเกือบสองชั่วโมงแล้ว

“อุตส่าห์พามาดูของดีๆ อย่าบ่นมากนักเลยน่า” เพื่อนสนิทที่วัยละอ่อนกว่านิดหน่อยกล่าวด้วยรอยยิ้ม พลางชี้ให้ดูนกหายากที่ใกล้สูญพันธุ์ซึ่งถูกนำมาประมูล ผู้เข้าร่วมงานหลายคนที่สนใจต่างก็กำลังแย่งกันชูป้ายยกขึ้นประมูลในราคาสูงลิ่ว เผลอแป๊บเดียวเจ้านกตัวนั้นก็อัพค่าตัวไปมากกว่าสิบเท่า

ที่นี่คืองานประมูล หากแต่ไม่ใช่งานประมูลธรรมดา มันคือการประมูลของหายากในตลาดมืดที่มีแต่ของผิดกฏหมายซึ่งหาที่ไหนไม่ได้ในโลกนี้

"เอาล่ะครับ ปิดไปที่ ยี่สิบหกล้านห้าแสนสี่หมื่นนะครับ" นกตัวน้อยหน้าตาน่าสงสารที่นั่งหงอยในกรงทองถูกเข็นกลับไปหลังเวทีเมื่อถูกประมูลไปเป็นที่เรียบร้อย.. "เอาล่ะครับ ต่อไปเรียกว่าเป็นไฮไลท์ของงานเลยก็ว่าได้"

ม่านถูกเปิดออกดั่งเช่นอีกหลายๆรายการที่ผ่านมา ทว่าคราวนี้ไม่ใช่สิ่งของ ไม่ใช่สัตว์หายาก แต่เป็นมนุษย์ตัวเป็นๆ เดินออกมาหยุดอยู่ที่แสงไฟกลางเวทีด้วยท่าทางอันสงบนิ่ง เสียงฮือฮาเริ่มเซ็งแซ่เมื่อทุกคนเห็นจอมอนิเตอร์ที่ถ่ายใบหน้าของบุคคลบนเวทีแล้วพบกับปลอกคอเรียบๆบนนั้น

"อย่างที่ทุกท่านเริ่มสังเกตได้แล้วนั่นแหละครับ คนๆนี้คือโอเมก้า" เมื่อผู้ดำเนินรายการกล่าวจบ ‘สินค้า’ ที่เข้าการประมูลก็เอื้อมมือขึ้นมาแกะปลอกคอนั้นออกไป เสียงผู้คนดังขึ้นอีกครั้งเมื่อพบว่า ไม่มีร่องรอยแสดงความเป็นเจ้าของใดๆอยู่บนต้นคอนั้นอย่างที่คาด "ครับ.. โอเมก้าคนนี้ ยังไม่เคยได้รับการตีตรา และจากการตรวจสอบของแพทย์ก็ยืนยันนว่ายังไม่เคยถูกล่วงล้ำเสียด้วย”

“เฮ้ยๆ! เอาจริงเหรอวะเนี่ย!” คนที่แม้จะเห็นการนำอวัยวะมนุษย์มาประมูลก็ยังทำหน้าหาว กลับทำตาโตจนหน้ากากเกือบหลุดออกจากเบ้าหน้า ขืนเป็นเช่นนั้นมีหวังถูกเชิญออกไปข้างนอกงานโทษฐานผิดกฏที่ห้ามเปิดเผยใบหน้าเป็นแน่

“ก็บอกแล้วว่าพามาดูของดีๆ ไม่งั้นฉันจะลากนายมาด้วยทำไม” สายตาคนพูดเบือนจากเพื่อนสนิทหันไปจ้องมองสินค้าบนเวทีต่อ “หวังว่ารอบนี้นายคงได้อะไรติดไม้ติดมือกลับไปบ้านแล้วล่ะนะ”

“เอาล่ะครับเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา หากท่านผู้มีเกียรติท่านใดสนใจซื้อไปพิสูจน์ด้วยตัวเองท่านเองก็อย่าได้ลังเล เราจะเริ่มต้นประมูลโอเมก้าชายคนนี้ด้วยราคา...ห้าแสน!”

“หนึ่งล้าน!”

“สองล้านห้าแสน!

“ห้าล้าน!”

“สิบล้าน!”

ราคาของโอเมก้าหนุ่มที่ถูกแย่งประมูลอัพพุ่งขึ้นพรวดๆ เป็นเท่าตัวทุกครั้ง ในยุคสมัยที่โอเมก้าชายหาได้ยากยิ่งหากเทียบกับจำนวนโอเมก้าหญิงที่มีมากกว่า เป็นดั่งเพชรน้ำงามที่ยากจะหาใดเปรียบ

“เฮ้ๆ ไม่คิดจะเสนอราคากับเค้าหน่อยเหรอ” ตัวเลขประมูลพุ่งไปไปที่เกือบห้าสิบล้านแล้ว ถือว่าค่าตัวสูงใช้ได้ เรียกว่างานนี้ผู้จัดได้ส่วนแบ่งงามแน่นอน ดูสีหน้าผู้จัดสิยิ้มน่าเกลียดจนแก้มแทบปริถึงใบหูแล้ว

“ระหว่างนี้ขอสาธยายประวัติโดยคร่าวของโอเมก้าคนนี้ก่อนนะครับ” ผู้จัดหยิบกระดาษสคริปขึ้นมาและเริ่มอ่านให้หลายคนที่รอฟังได้รับทราบ “ลาซารัส แมทเวย์ อายุ 25 ปี ทำงานเป็นช่างตัดสูท ไม่ขอเปิดเผยชื่อสถานที่นะครับ.. โรคประจำตัวไม่มี น้ำหนักและมวลกล้ามเนื้ออยู่ในเกณฑ์ปกติค่อนไปทางแข็งแรง เรียกได้ว่าร่างกายพร้อมจะเป็นผู้ให้กำเนิดแล้วอย่างแน่นอน”

เหมือนความพยายามบิ้วท์จะเป็นสิ่งไม่จำเป็นใดๆ เพราะทุกครั้งที่มีเสียงเสนอราคาก็ยังคงพุ่งขึ้นเรื่อยๆโดยไม่สนใจสิ่งที่ผู้จัดพล่ามอยู่ด้วยซ้ำ

โอเมก้าแต่ละตนที่ถูกนำมาประมูลในตลาดใต้ดินนี้ ส่วนใหญ่จะเสียขวัญ ร้องห่มร้องไห้ ไม่ก็พยศเสียจนงานแทบล่มไปเสียหมด แต่เพิ่งจะมีสินค้าคนนี้ที่ยังคงยืนสงบนิ่งพร้อมรอยยิ้มเป็นมิตรผิดกับแววตาคาดเดาอารมณ์ไม่ได้ ยิ่งทำเอาผู้ประมูลอยากจะวิ่งเข้ามาฉกตัวไปให้รู้แล้วรอด

“ว่าไง.. ราคาเริ่มสูงมากแล้วนะ นายไม่คิดจะเอาอะไรกลับไปจริงๆเหรอ?”

“สองร้อยห้าสิบล้าน!!” เสียงตะโกนออกไมค์จนแทบทะลุแก้วหูแขกผู้มาร่วมงาน ตั้งแต่ที่ทำหน้าที่จัดการประมูลมา โอเมก้าชายที่อยู่ตรงนี้นับว่าสร้างมูลค่าได้มหาศาลยิ่งกว่าที่คิด

“อ๊ะ! ท่านสุภาพบุรุษตรงนั้นจะให้เท่าไหร่ครับ!” พิธีกรผายมือไปหาชายหนุ่มมากวัยที่นั่งนิ่งมาตลอดงาน และเพิ่งจะมีปฏิกิริยาก็ตอนที่เริ่มมีการประมูลโอเมก้าคนนี้ขึ้นมา จากประสบการณ์ขอฟันธงได้เลยว่าคนนี้จ่ายหนักแน่นอน

“พอดีผมไม่ได้พกเงินสดมา ขอจ่ายเป็นอย่างอื่นแทนได้มั้ย?”

“หมายถึงเช็คเหรอครับ ไม่มีปัญหา…”

“เปล่าๆ ไม่ใช่เช็ค”

“แล้วมันคืออะไรครับท่านสุภาพบุรุษ” พิธีกรพยายามเก็บอาการเซ็งเนื่องจากบรรยากาศการประมูลเริ่มชะงัก

“อืม...เกรงว่าจะพูดออกสื่อไม่ได้น่ะสิ” ชายหนุ่มมากวัยยันตัวเองขึ้นแล้วเดินผ่านเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ กับกลุ่มผู้ร่วมประมูลเดินออกไปด้านหน้าเวทีแล้วกระซิบกับพิธีกร โดยมีสายตาของคนทั้งงานรวมถึงโอเมก้าหนุ่มที่อยู่บนเวทีมองจ้องมา

พิธีกรหนุ่มแม้จะใส่หน้ากากปิดหน้าเช่นเดียวกับแขก แต่ท่าทางแสดงอาการประหม่าตกใจจนต้องขอตัววิ่งไปด้านหลังเวทีเพื่อปรึกษากับผู้จัดงานก็ทำเอาคนทั้งงานต่างรู้สึกสงสัยไปตามๆ กันว่าตกลงแล้วแลกเปลี่ยนกันด้วยสิ่งใดกันแน่

“ชื่อลาซารัสใช่มั้ย” เจ้าของเสียงทุ้มเงยหน้าขึ้นไปมองโอเมก้าชายหนุ่มที่ยังยืนสงบอยู่บนเวที

“ครับ?” ตอบรับพลางหันหลังกลับไปดูพิธีกรที่ลุกลี้ลุกลนเดินออกมาหลังจากหายไปไม่ถึงห้านาที ในที่สุดก็กลับมาประจำที่พร้อมกับเคาะแท่นดังสามครั้งเป็นอันปิดการประมูล สร้างเสียงโห่ร้องไปทั่วทั้งงาน

“ครับๆ โปรดอยู่ในความสงบก่อนนะครับทุกท่าน เนื่องจากท่านสุภาพบุรุษท่านนี้ได้เสนอสิ่งที่ทางเราไม่อาจปฏิเสธได้ ดังนั้นแล้วโอเมก้าชายคนนี้จึงตกเป็นของท่านผู้นี้ครับ ส่วนสิ่งแลกเปลี่ยนเป็นอะไรนั้นทางเรามีความจำเป็นต้องเก็บเป็นความลับ สำหรับวันนี้ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติมาร่วมงาน ขอจบการประมูลแต่เพียงเท่านี้ครับ!”

ลาซารัสกระพริบตาปริบก่อนถูกพากลับไปหลังเวทีเพื่อทำการส่งมอบทั้งสินค้าและเอกสารรับรองต่างๆ ซึ่งยุ่งยากกว่าสิ่งของหรือสัตว์ป่าค่อนข้างมาก แต่ก่อนจะเดินหายไป ชายหนุ่มแอบเหลือบกลับมามองผู้ที่ชนะการประมูลตนไปครอบครองอย่างสนอกสนใจ บรรยากาศรอบตัวชายคนนั้นช่างดึงดูดเขาทั้งที่ยังไม่ทันจะได้เห็นหน้าค่าตากันด้วยซ้ำ


ลาซารัสนั่งตัวลีบอยู่ในลีมูซีนคันใหญ่ ถึงจะคิดไว้แล้วว่าคงจะเจอคนมีเงินประมูลได้แล้วจะเจออะไรแบบนี้ แต่นี่ก็ผิดกับที่คิดไว้ไปไกลโข ชายหนุ่มกวาดตามองไปรอบๆอย่างสนอกสนใจแต่ไม่กล้าขยับไปไหน ตรงข้ามเขามีชายสองคนซึ่งหนึ่งในนั้นประมูลเขามาได้นั่งอยู่

“ดูสงบดีจังนะ เป็นไงมาไงล่ะถึงได้โดนส่งมาประมูล?” อีกคนที่ดูท่าทางจะเป็นเพื่อนของผู้ได้รับสิทธิ์ในการครอบครองเขาเอ่ยถามขึ้นมาหลังจากคุยกันเพียงสองคนมานาน

“โอนเนอร์ของผมเขารับผมมาเลี้ยงแทนครอบครัวเพื่อใช้หนี้ครับ… แล้วเขาก็คิดจะขายผมต่ออยู่แล้วด้วย”

“โห..พูดเรื่องแบบนี้ด้วยสีหน้าเรียบๆแบบนั้น ท่าทางนายจะได้ของแปลกมาซะแล้วสิ” เอ่ยแซวเพื่อนที่กำลังอ่านประวัติและใบรับรองต่างๆนานาของลาซารัสเงียบๆ คนตัวเล็กกว่าที่อีกฝั่งของเบาะมองเจ้าของชีวิตตนตอนนี้ไม่วางตา

“ขอถามอะไรเสียมารยาทหน่อยได้มั้ยครับ พวกคุณเป็นอัลฟ่าจริงๆเหรอ?” ถึงจะพูดเหมือนขออนุญาตแต่ก็ถามออกไปแล้วโดยที่คนถูกถามยังไม่ทันตอบตกลงด้วยซ้ำ

“แล้วนายคิดว่าไงล่ะ?” ลาซารัสมองสุภาพบุรุษสง่างามที่อายุมากกว่าตนทั้งสองคนตรงหน้าอย่างพิจารณาอีกครั้ง

“ผมไม่ค่อยแน่ใจ เพราะเคยได้กลิ่นฟีโรโมนของอัลฟ่ามาบ้างเหมือนกัน แต่กลิ่นของพวกคุณไม่เหมือนกัน” ดวงตาสีฟ้าของโอเมก้าหนุ่มจ้องคนทั้งคู่ที่ยังคงสวมหน้ากากครึ่งหน้า “แต่พอมาคิดดูจากฐานะของพวกคุณแล้วคิดว่าไม่น่าจะใช่เบต้า งั้นก็คงเป็นอัลฟ่าจริงๆ”

เสียงปรบมือจากคุณเพื่อนสนิทของคนที่ประมูลได้เพชรงามดังรัวๆ ก่อนจะตบลงไปที่เข่าอีกฝ่ายดังฉาดจนคนโดนทำร้ายอยากจะฟาดกลับด้วยเอกสารหนาเตอะในมือ

“สเปรย์กลบกลิ่นอัลฟ่านายใช้ได้ผลว่ะ ขนาดนั่งอยู่ในรถที่ปิดกระจกแถมนั่งอยู่ใกล้แค่นี้ยังไม่ได้กลิ่นจากพวกเราเลย”

“สเปรย์อะไรนะครับ?” โอเมก้าหนึ่งเดียวในที่นี้ถามย้ำอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้หูฝาดไป

“ไหนข้อมูลบอกสุขภาพแข็งแรง ดูท่าทางจะหูตึงนะ” อัลฟ่าคนที่พูดน้อยมาตลอดตั้งแต่ขึ้นรถเอ่ยตอกหน้าโอเมก้าหนุ่มที่ตนประมูลกลับมาในคืนนี้ “กลับไปบ้านสงสัยคงต้องตรวจสอบให้ละเอียดอีกทีซะแล้วมั้ง”

“เอ๋??” ลาซารัสทำหน้างง ดูเหมือนอัลฟ่าเจ้าของตัวเขาคนนี้คงจะแปลกประหลาดกว่าที่คิดซะแล้ว

ชายหนุ่มมองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อสำรวจเส้นทางที่กำลังมุ่งหน้าไป สีหน้าของลาซารัสมองไปยังเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยแสงสีอย่างตื่นตา เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นวิวทิวทัศน์อื่นๆนอกเหนือจากชนบทที่ตนจากมา และทุกการเคลื่อนไหวรวมทั้งการแสดงออกก็ถูกสังเกตจากผู้ที่ประมูลเขามาได้ทั้งสิ้นโดยที่เขาไม่รู้ตัวใดๆ

“อ่ะ… ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่า.. คุณชื่ออะไรเหรอครับ” โอเมก้าหนุ่มเอ่ยขึ้นหลังจากที่เงียบมานาน ปล่อยให้สองหนุ่มมากวัยกว่าตนพูดคุยกันสองคน พร้อมทั้งยื่นมือออกมาพร้อมทำความรู้จัก รอยยิ้มสดใสประดับบนใบหน้าเช่นปกติไร้ซึ่งความเกรงกลัวต่อบุคคลตรงหน้าจนน่าประหลาดใจ “ถึงจะทราบแล้ว แต่ขอแนะนำตัวอีกทีนะครับ ผมชื่อลาซารัส แมทเวย์ ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก”

ดวงตาที่มีความแปลกใจอยู่หลังหน้ากากหันไปมองเพื่อนสนิทครู่หนึ่ง พอเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าให้ก็ถอดหน้ากากของตนออกเผยใบหน้าให้เห็นชัดเจน หากพิจารณาจากสายตาของลาซารัสแล้ว อัลฟ่าที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นชายที่อายุมากกว่าตนเป็นสิบๆปีเลยทีเดียว ใบหน้าคมสันมีเคราตามแนวคางแต่ไม่ถึงกับยาวจนรกรุงรัง ผมหยักศกสีเข้มที่เรียบแปล้เมื่อครู่ถูกเจ้าตัวขยี้จนยุ่งเหมือนรำคาญที่ต้องแต่งองค์ทรงเครื่องมากพิธี ดวงตาข้างขวาเป็นสีเขียวอ่อนปนเทา แต่อีกข้างที่มีผมหน้าปรกลงมามากกว่านั้นเขาสังเกตเห็นว่ามันกลับเป็นสีน้ำเงินเทา แต่ก่อนที่จะได้จ้องไปมากกว่านี้อัลฟ่าร่างสูงใหญ่ก็หยิบแว่นกรอบหนาที่อยู่ในกล่องแว่นขึ้นมาสวม จนโอเมก้าหนุ่มมองดวงตาคู่นั้นได้ไม่ชัดเหมือนตอนแรก

“คาเล็ม รอสเกรย์” มือหนาถอดถุงมือออกก่อนยื่นไปจับมืออีกฝ่ายเพียงครู่เดียวและรีบปล่อยมือออก สร้างความกังขาให้เจ้าตัวยิ่งกว่าเดิม รู้สึกว่าอัลฟ่าคนนี้ช่างผิดไปจากอิมเมจที่เขาเคยได้ยินมาจากปากของโอนเนอร์อย่างสิ้นเชิงเลย

“อย่าไปถือสาเลยนะ หมอนี่ไม่ได้คุยกับคนอื่นนอกจากฉันกับพ่อบ้านมาเป็นปีๆแล้วน่ะ” เพื่อนสนิทตบไหล่คนที่รีบสวมถุงมือใส่กลับตามเดิม

รถลีมูซีนคันหรูยังคงแล่นไปบนท้องถนนอีกนับชั่วโมง ทว่ายิ่งเวลาผ่านไปรถยิ่งแล่นออกห่างจากตัวเมืองเข้าไปทุกที จากถนนหลายเส้นเริ่มเหลือเพียงเส้นเดียว รถคันหรูที่ขับออกจากตัวเมืองใหญ่ก่อนจะมาจอดสนิทอยู่ตรงหน้าเนินเขาเล็กๆ กับทางแคบๆที่รถใหญ่ไม่สามารถขับไปต่อได้

“ฉันส่งนายแค่นี้นะ” ลาซารัสมองหนุ่มอัลฟ่าที่อ่อนวัยกว่าอีกคน นั่งมาตั้งนานเขาเพิ่งจะรู้ว่ารถคันนี้ไม่ใช่รถของชายที่ประมูลตัวเขามา

“ขอบใจมาก” อัลฟ่าร่างสูงใหญ่ก้าวลงจากรถแล้วเรียกให้ลาซารัสเดินตามลงมา รถคันใหญ่ขับกลับไปยังเส้นทางเดิมที่เคยมา ดวงตาสีฟ้ามองไปรอบๆที่แทบไม่มีบ้านคนอยู่ นี่มันร้างผู้คนยิ่งกว่าร้านตัดเสื้อแถบชานเมืองที่เขาเคยอยู่กับโอนเนอร์ซะอีกนะ

“ตามมาสิ”

“อ่ะ ครับ...” ลาซารัสเริ่มใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ แต่ก็ยังเก็บอาการประหม่าและเดินตามหลังโดยไม่พูดอะไร

ทั้งสองเดินขึ้นเนินลาดที่มีแต่ต้นไม้ใบหญ้าตลอดทางไปเกือบสิบนาที ในที่สุดโอเมก้าหนุ่มก็เริ่มมองเห็นจุดหมายปลายทางตรงหน้า บ้านสองชั้นขนาดกลางโทนสีอบอุ่นที่ตั้งตระหง่านอยู่เพียงหลังเดียวโดดเดี่ยวท่ามกลางต้นไม้และสวนเล็กๆ รายล้อมรอบตัวบ้าน

คาเล็มลั่นกระดิ่งประตูบ้านเป็นสัญญาณว่ากลับมาแล้ว ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบไปแอบข้างประตูทำให้ลาซารัสอดสงสัยไม่ได้ว่าอีกฝ่ายเป็นอะไร

“หลบ…”

“เอ๋?” ยังไม่ทันจะหายสงสัย ร่างของลาซารัสก็โดนวัตถุขนาดใหญ่พุ่งกระโจนเข้าใส่เต็มแรงจนกลิ้งไปกับพื้นหญ้า ร่างกายของเขากำลังโดนคร่อมแถมใบหน้ายังโดนเจ้าหมาตัวใหญ่เท่าหมาป่าเลียอย่างหิวกระหาย

“หวาา” ลาซารัสโดนสุนัขป่าตัวใหญ่คร่อมร่างอยู่นานกว่าจะยันตัวลุกขึ้นมาจากการโดนลิ้นชุ่มน้ำลายเลียไปทั้งหน้า ปรากฎร่างชายสูงอายุผมขาวในสูทเรียบสีดำกำลังปรามหมาเฝ้าบ้านให้สงบลง เมื่อหลุดรอดได้ชายหนุ่มจึงผุดลุกขึ้นแล้วเช็ดหน้าของตน

“เอ้า เข้าไปข้างในได้แล้ว” คาเล็มก้าวเท้าเข้าไปภายในบ้านอย่างรวดเร็วโดยไม่รอให้คนที่ตนพามาได้ตอบรับ

“อ่ะ.. ครับๆ” ลาซารัสหยิบคว้าเอากระเป๋าของตนก่อนหันไปโค้งหัวเป็นเชิงสวัสดีคุณพ่อบ้านทีหนึ่งและรีบเดินตามร่างสูงกว่าเข้าไปภายใน

บ้านกว้างกว่าที่เห็นภายนอกถูกตกแต่งเรียบๆแต่ดูแลอย่างดีเสียจนสะอาดเอี่ยม แต่นอกจากสัตว์เลี้ยงตัวโตและพ่อบ้านแล้วก็ไม่พบใครอีกเลย ห้องมากมายดูว่างเปล่าและเงียบเหงาจนน่าใจหาย ลาซารัสมองแผ่นหลังของร่างสูงที่เดินนำหน้าอย่างใคร่จะรู้ว่าทำไมคนแบบเขาถึงปลีกวิเวกตัวเองออกมาและเขาทำงานอะไรกันแน่ สายตาปนเปไปด้วยความสงสัยมากมาย หากคาเล็มหันมาหาตอนนี้คงโดนมองออกได้ไม่ยากเลย

“คุณ.. ทำอาชีพอะไรเหรอครับ” เสียงสดใสเอ่ยถามอย่างสนอกสนใจในตัวอีกคน

“นี่ไม่รู้จักฉันจริงๆรึ แต่ก็...ช่างเถอะ” คาเล็มไขกุญแจห้องๆ หนึ่ง และบอกให้โอเมก้าหนุ่มยืนรอด้านนอกก่อน

“อ่า…อะไรของเค้านะ” ลาซารัสทำหน้างงเป็นรอบที่เท่าไหร่จำไม่ได้ คำพูดของอีกฝ่ายเมื่อกี้ก็น่าสงสัย หรือว่าจะเป็นคนดังที่มีชื่อเสียง ถึงเขาจะดูรายการทีวีและติดตามข่าวสารอยู่บ่อยๆ แต่ก็ไม่เคยเห็นหน้าคนๆนี้ออกสื่อเลยสักครั้ง

คาเล็มเดินออกจากห้องแล้วบอกให้เขายื่นมือออกมาข้างหน้า ชายหนุ่มก็ทำตามและได้รับกุญแจเรียบๆ ดอกหนึ่งมา
“กุญแจห้องของนาย อย่าทำหายล่ะ” กล่าวสั้นๆ ก่อนจะล็อคประตูและเดินนำไปยังห้องนอนที่ได้ยกให้โอเมก้าหนุ่ม คาเล็มใช้กุญแจอีกดอกไขเข้าไป เป็นห้องขนาดกลางไม่กว้างหรือแคบจนเกินไป ตัวห้องไม่มีฝุ่นจับเพราะเพิ่งถูกเก็บกวาดไปไม่นาน ลาซารัสเดินไปที่หน้าต่างซึ่งถ้ามองจากตรงนี้ก็จะมองเห็นหน้าบ้านตลอดจนทางเดินเข้ามาที่บ้านหลังนี้

“ข้าวของไว้จะพาไปซื้อวันหลัง ตอนนี้อยู่แบบนี้ไปก่อนแล้วกัน” คาเล็มกล่าวพลางหาวหวอด “ถ้าหิวก็ลงไปบอกเรนเดลแล้วกัน ฉันขอตัวไปพักก่อนล่ะ”

“เอ่อ...เดี๋ยวก่อนครับคุณคาเล็ม” ลาซารัสหันหน้ามาหาอัลฟ่าเจ้าของบ้าน “คุณจะไม่บอกผมหน่อยเหรอครับว่าคุณทำอาชีพอะไร?”

“หมอ” ดวงตาหลังกรอบแว่นปรือจะปิดอยู่รอมร่อจึงตอบส่งๆคล้ายขี้เกียจพูด ก่อนจะเดินกลับห้องตัวเองไปอย่างเพลียๆ เพราะไม่ได้ออกไปข้างนอกมานานจึงเหนื่อยง่ายมาก หลังจากร่างสูงออกไปทิ้งให้ลาซารัสยืนงงอยู่ในห้อง เจ้าตัวก็เดินมานั่งที่เตียงก่อนจะเอนกายนอนแผ่ลงไป พลางมองกุญแจห้องที่อยู่ในมือ

“เป็นคุณหมอที่แปลกมากจริงๆ แฮะ”

ทั้งๆที่เตรียมใจไว้แล้วว่าหลังจบการประมูลมืดนั้นตนจะถูกพามาที่บ้านของอัลฟ่า และคงจะโดนทำอะไรต่อมิอะไรทันที แต่นี่มันไม่เหมือนที่คิดไว้เลยสักนิด


(มีต่อ)

ออฟไลน์ pichi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • PICHI Otakura


เช้าวันใหม่มาเยือนหลังจากคืนวุ่นวายผ่านไป คาเล็มงัวเงียตื่นขึ้นมาเพราะเสียงเอะอะจากภายนอก คุณหมอเปิดหน้าต่างเดินออกไปที่ระเบียงเพื่อดูว่าใครทำลายบรรยากาศการนอนของเขา

“ไปคาบมาาา” ลาซารัสโยนจานร่อนไปสุดแแรงในสวนหย่อมหน้าบ้านเพื่อให้หมาตัวใหญ่วิ่งออกไปกระโดดคาบกลับมาคืน ชายหนุ่มอยู่ในชุดออกกำลังที่ชุ่มด้วยเหงื่อทำให้รู้ว่าเขาไม่ได้เพิ่งออกมาแน่ๆ

“อ่ะ.. อรุณสวัสดิ์ครับคุณหมออ!” เมื่อลาซารัสสังเกตเห็นร่างสูงที่บนระเบียงก็โบกมือทักทายเสียงใส “ลงมาเล่นด้วยกันมั้ยครับ”

“ไม่ล่ะ” เอ่ยเสียงเบาแทบไม่ได้ยินก่อนยกมือขึ้นโบกปัดปฎิเสธไป “นายทำฉันตื่นก่อนเวลา…”

“อ่ะครับ? ไม่ค่อยได้ยินเลย” ชายหนุ่มตะโกนถามกลับยิ่งทำเอาคุณหมอปวดหัวปี๊ดจากการตื่นก่อนเวลาปกติของตน

“...ระวัง” ร่างสูงพูดเตือนด้วยเสียงที่ดังขึ้นจนลาซารัสได้ยินในที่สุด

“ครับ?” ไม่ทันจะเข้าใจว่าถูกเตือนอะไร ร่างของเขาก็โดนสุนัขตัวใหญ่กระโจนใส่พร้อมจานร่อนในปากจนล้มลงไปนอนกองให้โดนเลียจนทั่วอีกรอบ “ไม่เอาสิ ไม่เลียนะ ฮ่าๆๆ”

“โหวกเหวกชะมัด” คาเล็มเกาหัวตัวเองก่อนตัดสินใจจะเดินไปล้างหน้าล้างตา ไหนๆก็นอนไม่ลงแล้ว ตื่นมาทำงานเสียเลยคงจะดีกว่า…

หลังจากออกกำลังกายตอนเช้าด้วยการเป็นเพื่อนเล่นให้ ‘จูเลียต’ สุนัขเพศเมียลูกครึ่งหมาป่า ลาซารัสก็เดินกลับเข้าบ้านมารับประทานอาหารเช้าที่เรนเดลเตรียมไว้ให้

“โชคดีจังนะครับที่มันเข้ากับคุณได้ดี เพราะกระผมก็อายุมากแล้วเลยเป็นเพื่อนเล่นให้มันไม่ค่อยจะไหว แถมปกติจูเลียตไม่ชอบคนแปลกหน้าด้วย เพิ่งจะมีคุณคนแรกนี่แหละที่ไม่โดนเคี้ยวตั้งแต่แรกเจอ”

“แหะๆ“ โอเมก้าหนุ่มหัวเราะแห้ง พอจะเดาได้ว่านี่ก็คงเป็นหนึ่งในสาเหตุที่หมอคาเล็มคนนั้นต้องแยกตัวออกมาอยู่คนเดียวแบบนี้ “ว่าแต่คุณหมอไม่ลงมาทานอาหารเช้าเหรอครับ?”

“อ่อ...นายน้อยไม่ค่อยมานั่งทานที่ห้องอาหารหรอกครับ ปกติกระผมต้องยกเอาไปให้ที่ห้องทำงานของเขา” พ่อบ้านสูงวัยกล่าวพร้อมกับยกถาดอาหารเช้าเตรียมจะยกเอาไปให้เจ้านายเหมือนทุกที

“ให้ผมช่วยมั้ยครับ?” ลาซารัสเสนอตัวเพราะใจหนึ่งก็อยากเห็นห้องทำงานของผู้ชายคนนั้น

“...จะดีเหรอครับ?” เรนเดลถามอย่างชั่งใจ แต่ลาซารัสก็เข้ามาช่วยยกถาดอาหารเช้าของคุณเจ้าบ้านไปถือเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“ถ้าเช่นนั้นก็รบกวนด้วยครับ ห้องทำงานของนายน้อยอยู่ชั้นสองติดกับห้องนอนของเขานั่นแหละครับ” ชายหนุ่มโอเมก้าพยักหน้ารับให้พ่อบ้านก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปยังห้องดังกล่าว

“หวังว่าคงไม่เป็นไรหรอกนะ” เรนเดลหันมาหาจูเลียตพลางพูดกับเจ้าหมาตัวใหญ่ ใครก็ตามที่ได้เห็นห้องทำงานของเจ้านายคนนั้นถ้าไม่ช็อคจนเป็นลมซะก่อนก็มักไม่มีใครกล้าเหยียบเข้าไปดูอีกเป็นครั้งที่สอง


“คุณหมอคาเล็มครับ ผมเอาอาหารเช้ามาให้คร้าบ” เสียงใสเอ่ยเรียกหลังจากเคาะประตูห้องทำงานอีกฝ่ายอย่างทุลักทุเล ทว่าก็ไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมา ลาซารัสแอบกลัวว่าจะเคาะผิดห้อง.. แต่จากป้ายและข้างๆก็ห้องนอนของอัลฟ่ามากวัยคนนั้นแน่นอน… ห้องนี้ก็น่าจะถูกต้องแล้วนี่นา..

ลาซารัสตัดสินใจจะวางถาดอาหารไว้หน้าห้อง แต่พอคิดดูว่าอีกฝ่ายดูเหนื่อยๆ อาจจะง่วงจนหลับคาห้องทำงานไปแล้วก็เป็นได้

“...แค่เอาอาหารเช้ามาให้ คงไม่โกรธหรอกมั้ง” ร่างโปร่งลองเปิดประตูเข้าไปเอง ซึ่งก็พบว่ามันไม่ได้ล็อค.. ลาซารัสเปิดประตูออกแค่พอให้เดินเข้าไปได้และก้าวเท้าเข้าไปในห้องอย่างเงียบเชียบ

“ห้องมืดจังแฮะ” ขาทั้งสองข้างค่อยๆ ก้าวเท้าเดินไปอย่างระมัดระวัง และสะดุดเข้ากับวัตถุกลมๆที่อยู่บนพื้น ดวงตาสีฟ้าหรี่ตามองดูดีๆว่ามันคืออะไร ก่อนจะพบว่ามันคือหัวกะโหลกศีรษะของมนุษย์

“กะ...ก็เป็นหมอนี่นะ ในห้องทำงานมันก็ต้องมีของแบบนี้อยู่แล้วเป็นธรรมดา” ลาซารัสข่มใจเย็นให้เป็นปกติทั้งที่ตะกี้ก็เกือบจะหลุดเสียงร้องตกใจออกมาเหมือนกัน โอเมก้าหนุ่มมองไปรอบๆห้องมืด ทั้งขวดโหลที่ดองอวัยวะต่างๆในร่างกายของมนุษย์ หนังสือวิชาการแพทย์มากมายที่วางเกะกะบนทั้งบนโต๊ะและที่พื้น แล้วไหนจะหุ่นจำลองร่างกายมนุษย์ที่สมจริงอีก ยังกับอยู่ในหนังสยองขวัญยังไงยังงั้น

ลาซารัสรู้สึกเหมือนถูกสายตาใครบางคนจ้องอยู่เลยเอาถาดอาหารเช้าไปวางไว้ที่โต๊ะแล้วคิดว่าควรจะรีบออกไปจากห้องนี้ดีกว่า อยู่ที่นี่นานๆชักจะเริ่มรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมานิดๆแล้วด้วยสิ

“เฮ้ย”

“ว้าก!” ร่างโปร่งสะดุ้งตกใจจนถอยหลังไปติดกำแพงชั้นหนังสือจนบางส่วนหล่นจากชั้นลงมากระแทกใส่หัว เนื่องจากเจ้าของห้องไม่ได้เก็บเข้าชั้นให้เรียบร้อยดี

จะเรียกว่าเป็นความบังเอิญดีหรือไม่ หนึ่งในหนังสือที่ร่วงลงมาได้เปิดอ้าออกให้เห็นเนื้อหาภายในนั้น เป็นตำราที่ว่าด้วยเรื่องกายวิภาคของมนุษย์ไทป์โอเมก้าอย่างละเอียด ลาซารัสหยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมาพลิกดูที่หน้าปก ชื่อของคนเขียนหนังสือเล่มนี้คือ ศาสตราจารย์ ดร.คาเล็ม รอสเกรย์

“ทำห้องฉันรกหมดแล้วนะ” เสียงทุ้มบ่นคนที่กำลังช็อคขณะที่ก้มลงมาเก็บของที่หล่นกระจัดกระจาย และยื่นมือมาตรงหน้าลาซารัสเป็นการบอกว่าให้ส่งหนังสือคืนมา

“คุณหมอ…” มือที่สั่นระริกอย่างควบคุมไม่ได้ส่งหนังสือคืนเจ้าของแต่ก็ยังจับมันเอาไว้แน่น “...ทำไมถึงประมูลซื้อตัวผมมาล่ะครับ?”

 “แล้วนายคิดว่าไง?” คาเล็มถามกลับหลังจากที่ดูปฏิกิริยาโอเมก้าหนุ่มตรงหน้า

“ผม...ทีแรกผมก็คิดว่า คุณคง...หาโอเมก้ามาสืบสกุลหรือสะสมอะไรแบบนั้น…” ลาซารัสก้มหน้ามองหนังสือเล่มอื่นๆที่ยังวางอยู่กับพื้น “แต่ว่า..คุณคงไม่ได้ประมูลผมมาผ่าดูเครื่องในใช่มั้ย”

“...หึหึ เป็นเด็กหัวไวดีนี่” ร่างสูงยิ้มกว้างไม่น่าไว้ใจ ยิ่งทำเอาคนนั่งอยู่สั่นเทิ้มยิ่งกว่าเดิม

“.....มันจะเจ็บมั้ยครับ” สองแขนยกขึ้นกอดตัวเอง น้ำตาเริ่มเอ่ออยู่ที่เบ้าอย่างไม่อาจควบคุม

อัลฟ่ามากวัยก้มลงมาใกล้และยื่นมือมาหาเชื่องช้าแต่ทำเอาลาซารัสสะดุ้งเฮือกและหลับตาแน่น ก่อนมือใหญ่นั้นจะวางลงบนผมฟูของคนที่นั่งขดอยู่กับพื้นอย่างแรง

“หลอกง่ายเกินไปแล้ว”

“เอ๊ะ?” คนสั่นเป็นเจ้าเข้าลืมตาขึ้นมามองฉงน

“ก็ถูกครึ่งหนึ่ง ฉันเอานายมาทดลองนั่นแหละ แต่ไม่มีผ่าเผ่ออะไรหรอก” คาเล็มลุกขึ้นและเก็บหนังสือเข้าชั้นทีละเล่มอย่างใจเย็น

“....แสดงว่าคุณไม่ได้ประมูลผมมาเป็นคู่ครอง?..” ความเงียบแทนคำตอบ แต่ร่างโปร่งก็รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายตอบผ่านสายตามาหา “ดีจัง.. จริงๆผมก็สงสัยว่าผมจะทำเรื่องแบบนั้นกับคนที่ไม่ได้รักได้เหรอ….”

“...นายนี่ไร้เดียงสากว่าที่คิดอีกนะ” คาเล็มเก็บหนังสือเล่มสุดท้ายเรียงเข้าชั้นและเดินไปที่โต๊ะ มองถาดอาหารเช้าสลับกับคนที่ยังนั่งอ่อนแรงอยู่ที่พื้น “ออกไปได้แล้ว ครั้งหน้าถ้าไม่มีธุระก็ไม่ต้องเข้ามาห้องนี้อีกล่ะ”

คาเล็มหยิบน้ำตาลสี่ก้อนใส่ลงในถ้วยกาแฟก่อนจะคนให้ละลายแล้วยกขึ้นดื่ม ลาซารัสพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปที่ประตู ร่างโปร่งหันมามองอัลฟ่ามากวัยคนเดิมอีกครั้งด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปจากเดิม


“เห็นเข้าแล้วสินะครับ” เรนเดลกล่าวขณะที่กำลังเก็บล้างจานชามในซิงค์ ส่วนลาซารัสนั่งหมอบหมดอาลัยตายอยากกับโต๊ะอาหารโดยมีเจ้าจูเลียตเดินวนเวียนอยู่รอบๆ

“ผมไม่คิดเลยว่าตัวเองจะมาเจออะไรแบบนี้จริงๆครับคุณเรนเดล” โอเมก้าหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับปาดคราบน้ำตาที่ติดอยู่ “นอกจากผมแล้วยังมีโอเมก้าคนอื่นๆ ที่โดนพามาทดลองที่นี่ด้วยรึเปล่าครับ?”

“ใช่ครับ” เรนเดลตอบก่อนจะวางจานใบสุดท้ายลงบนที่พักจานและถลกแขนเสื้อลง “นายน้อยมักจะหาโอเมก้าคนใหม่ๆ มาทดลองงานของเขาอยู่เสมอ อย่างคนก่อนหน้าคุณก็เพิ่งย้ายออกไปเมื่อประมาณครึ่งปีก่อนได้ เป็นเจ้าของห้องที่คุณอยู่นั่นแหละครับ”

“ย้ายออก?” ลาซารัสกะพริบตาปริบและลุกขึ้นนั่งตัวตรง “เขายังมีชีวิตอยู่เหรอครับ?”

“ครับ ได้ข่าวว่าเพิ่งแต่งงานไปกับอัลฟ่าคนหนึ่งแล้วก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขดีที่ต่างประเทศครับ” พ่อบ้านสูงวัยกล่าวต่อ “คุณแมทเวย์คงรู้จักยาต้านอาการฮีทในโอเมก้าสินะครับ”

“รู้ครับ เคยได้ยินโอนเนอร์บอกว่ามันเป็นยาผิดกฏหมาย” ขณะที่โอเมก้าหนุ่มเจ้าของดวงตาสีฟ้ากำลังครุ่นคิดเรื่องยา เขาก็เริ่มสะกิดใจในสิ่งที่พ่อบ้านตรงหน้าพูดเรื่องนี้ขึ้นมา “หรือว่า...จะคุณหมอเป็นคนผลิตมันขึ้นมา?”

“ใช้คำว่าเป็นคนที่คิดค้นและทดลองทำขึ้นมาดีกว่าครับ แต่จะเรียกแบบนั้นก็ว่าได้” ชายชราเดินออกไปจากห้องครัวสักพักและเดินกลับมาพร้อมอัมบั้มรูปถ่ายเล่มหนา “โอเมก้าทั้งหมดนี้เป็นคนไข้ของนายน้อยครับ ถ้าคุณไม่รังเกียจจะเปิดดูก็ได้”

ลาซารัสมองอัลบั้มอยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจเปิดดูข้างใน หลายต่อหลายรูปคือกิจวัตรประจำวันทั่วๆ ไประหว่างเจ้าของชีวิตเขา คุณหมอคาเล็มและคนข้างๆที่จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆในทุกๆหน้า มีทั้งที่กำลังเที่ยวในสถานที่ต่างๆด้วยกันหรือแม้แต่รูปตอนนั่งยิ้มแย้มอยู่บนเตียงที่หน้าตาเหมือนเตียงผ่าตัด

เรนเดลปล่อยให้ลาซารัสเปิดดูอัลบั้มไปเรื่อยๆเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวสงบลงจากอาการกังวลเป็นที่เรียบร้อย แต่ก่อนจะได้ก้าวถอยไปทำอย่างอื่นก็โดนร่างโปร่งเรียกไว้ก่อน “คุณเรนเดลครับ คุณหมอเค้าวิจัยอะไรอยู่กันแน่ครับ?” ร่างโปร่งเงยหน้าขึ้นมาถามด้วยแววตาใคร่รู้และซื่อตรง

“กระผมไม่เข้าไปก้าวก่ายงานของเจ้านายหรอกครับ.. จะทราบก็เพียงแค่ เขาต้องการช่วยเหลือโอเมก้าก็เท่านั้นเอง” เรนเดลยิ้มตอบ เห็นแก่ความมุ่งมั่นบางอย่างของลาซารัสเขาจึงยอมเผยความลับเล็กน้อยนี้ให้

“...ขอบคุณครับ” สีหน้าเอาจริงเอาจังเพียงแวบเดียวถูกกลบด้วยความสดใสจากรอยยิ้มแสนเป็นมิตร ร่างโปร่งขออัลบั้มรูปไปดูต่อที่ห้องนั่งเล่นโดยมีจูเลียตเดินตามไปติดๆ ท่าทางบ้านจะไม่เงียบเหงาเหมือนที่ผ่านมาเสียแล้วสิ..


“...ฉันบอกว่าอย่าเข้ามาในห้องนี้อีกไง” คาเล็มเอี้ยวตัวมามองคนส่งอาหารคนเดิมที่บุกรุกเข้ามาในห้องทำงานเขาอย่างเช่นเมื่อเช้า

“ก็ผมมีธุระกับคุณแล้วนี่...มาส่งอาหารไง” ลาซารัสยื่นถาดให้เห็น “...แล้วผมก็อยากรู้ว่าคุณหมอวิจัยยาต้านอาการฮีทนี้ไปทำไมเหรอครับ?”

“...เรนเดลไปพล่ามอะไรให้นายฟังมาล่ะสินะ” คาเล็มบ่นพึมพำถึงพ่อบ้านที่จุ้นไม่เข้าเรื่อง ก่อนจะวางมือจากแล็ปท็อปแล้วเอนตัวไปพิงที่เก้าอี้บุนวม “ตอนที่นายฮีทนายจัดการตัวเองยังไงบ้าง?”

“เอ่อ...เรื่องนั้น” ใบหน้าของโอเมก้าหนุ่มแดงระเรื่อดั่งมีเลือดฝาด แม้จะกระดากอายอยู่บ้างแต่เมื่ออีกฝ่ายถามก็จำเป็นต้องตอบ “ช่วงที่ผมเป็น...โอนเนอร์มักจะขังผมไว้ในห้องตลอดและล่ามไว้ไม่ให้หนีหรือออกไปไหน หลังจากนั้นผมก็จะ...ระบายด้วยตัวเองครับ”

“ความรู้สึกในตอนนั้นคืออยากจะโดนใครสักคนมาช่วยปลดปล่อยนายเลยใช่มั้ย?” ศาสตราจารย์อัลฟ่าผู้ผ่านเรื่องราวของโอเมก้ามาโชกโชนถามด้วยสีหน้าปกติเหมือนหมอที่ซักถามอาการของคนไข้ในโรงพยาบาล

“...ครับ” ลาซารัสหน้าแดงเป็นมะเขือเทศสด ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน แถมมือยังถือถาดอาหารเที่ยงไว้อีก ยกถาดขึ้นปิดหน้าได้มั้ย....ไม่ได้สินะ

“เอาอาหารไปวางที่โต๊ะตรงนั้นก่อนแล้วมานั่งนี่” คาเล็มสั่งโอเมก้าหนุ่มใต้อาณัติ ลาซารัสวางถาดนั้นลงแล้วเดินมานั่งที่เก้าอี้ตัวเล็กฝั่งตรงข้ามอัลฟ่ามากวัยกว่า

“ถึงจะอ่านประวัติของนายมาบ้างแล้วแต่ก็อยากจะถามให้แน่ใจอีกที ตอบมาตามความจริงล่ะ” สายตาจริงจังกว่าปกติมองทะลุกรอบแว่นหนามาที่ร่างโปร่งที่เผลอนั่งตัวเกร็งเหมือนเหยื่อที่โดนผู้ล่าจับจ้อง “นายไม่เคยโดนใครล่วงละเมิดร่างกายมาก่อนจริงๆเรอะ?”

“ครับ” ลาซารัสก้มหน้ารับ คราวนี้สีแดงบนใบหน้าไล่ไปจนถึงใบหูแล้ว หลังจากนั้นก็โดนคุณหมออัลฟ่าซักประวัติในเรื่องอย่างว่าจนหมดไส้หมดพุง ทั้งตัวของโอเมก้าหนุ่มตอนนี้แดงไปหมดไม่ต่างจากทารกแรกเกิด

“ว้าว…” คาเล็มบันทึกประวัติของโอเมก้ารายล่าสุดลงในแล็ปท็อปพลางเอามือลูบคางตัวเอง “ถึงฉันจะเจอโอเมก้ามาเยอะ แต่เพิ่งจะเคยเจอโอเมก้าชายที่ยังเวอร์จิ้นไม่เคยผ่านมือใครเป็นครั้งแรกนี่แหละ”

ร่างสูงวัยลุกขึ้นไปหยิบอาหารเที่ยง ก่อนจะหยิบแซนวิชที่มีปริมาณมากกว่าที่คนๆเดียวจะกินหมดยื่นให้ลาซารัสกินด้วย แต่พูดเลยว่าตอนนี้เจ้าตัวอายจนกินอะไรไม่รู้รสชาติแล้ว

คาเล็มงับแซนวิชไว้ในปากก่อนจะเปิดตู้เก็บยาแล้วหยิบขวดที่บรรจุแคปซูลเหมือนพวกวิตามินบำรุงมาวางไว้ที่โต๊ะตรงหน้าโอเมก้าหนุ่ม

“พกติดตัวไว้ ถ้าถึงช่วงที่นายฮีทเมื่อไหร่ให้กินทันทีสองเม็ด อย่ากินน้อยหรือมากไปกว่านี้ มันจะออกฤทธิ์ภายในห้านาที และจะหมดฤทธิ์ภายในสี่ชั่วโมง...” คาเล็มอธิบายการใช้ยาอย่างละเอียดให้คนตรงหน้าฟัง “เกิดนายไปฮีทขึ้นมาระหว่างที่กำลังซื้อของอยู่ในเมือง คงไม่อยากโดนอัลฟ่าที่ไม่รู้จักลากไปข่มขืนระหว่างทางหรอกใช่มั้ย?”

“ครับ..” คนโดนขู่ตัวสั่นระริก ทั้งจากการโดนซักถามเรื่องส่วนตัวแบบลับสุดยอดแม้แต่โอนเนอร์ยังไม่เคยคิดจะถาม แล้วยังจะเรื่องที่ต่อจากนี้อาจจะโดนใครต่อใครลากไปปู้ยี้ปู้ยำได้ทุกเวลา.. ชีวิตมันอยู่ยากขนาดนั้นเลยหรือนี่.. “คุณกำลังพยายามช่วยพวกเราอยู่สินะครับ”

“หือ?” คาเล็มแค่เหล่สายตามาหาแต่ใบหน้ายังมุ่งตรงอยู่ที่คอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงานสุดรก

“คุณกำลังหาทางช่วยให้พวกเราไม่เจอเรื่องแย่ๆใช่มั้ยครับ” เมื่อนึกถึงความลำบากที่ต้องพบอัลฟ่าบางคนที่มาตัดเสื้อแล้วตัวเขาเผลอใจเต้นระส่ำระส่ายคล้ายกับจะฮีทก็แทบอยากจะเอาหัวพุ่งชนกำแพงให้สลบเสียตรงนั้น แม้ทุกครั้งจะผ่านมาได้ด้วยดี แต่ก็เรียกได้ไม่เต็มปากนักว่าใช้ชีวิตได้อย่างปกติ.. “ใจดีจัง ผิดกับที่คิดไว้เลย”

คาเล็มไม่ได้ตอบอะไรกลับไปหารอยยิ้มกว้างแสนสดใสนั้น เขากลับไปสนใจงานบนหน้าจอต่ออย่างรวดเร็ว “ไปได้แล้ว ขอบคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม...มีอะไรจะเรียกอีกนะ”

ลาซารัสโค้งหัวให้ก่อนลุกออกไปพร้อมแซนวิชในมือและขวดยาขนาดเล็กสีสวย

“เอ้อ.. ขอบใจที่เอาไอ้นี่มาให้ด้วยนะ” เสียงทุ้มเอ่ยไล่หลังอีกคนไปและชูแซนวิชในมือที่โดนกัดไปกว่าครึ่งให้ร่างโปร่งเห็น

“..ครับผม!” ลาซารัสยิ้มแฉ่งแม้อีกฝ่ายจะไม่ได้หันมามอง น้ำเสียงเริงร่าตอบรับเหมือนจะบอกว่าคราวหน้าจะมาอีกแน่ๆ

สิ้นเสียงปิดประตู คาเล็มก็พับหน้าจอแล็ปท็อปลงและเลื่อนออกไปข้างๆ ก่อนจะฟุบหน้าลงกับโต๊ะอย่างแรงจนหน้าผากเกือบจะปูดโปน

“...อย่ามาทำหน้าทำตาแบบนั้นใส่จะได้มั้ย เจ้าเด็กบ้า”

บัดนี้ศาสตราจารย์ ดร.คาเล็ม รอสเกรย์กำลังตกที่นั่งลำบาก เขาคิดมาตลอดว่าตัวเองนั้นสามารถหยุดสัญชาตญาณดิบของอัลฟ่าในตัวได้ด้วยความรู้ความสามารถที่ศึกษามาตลอดทั้งชีวิต แต่ตอนนี้เขากำลังถูกโอเมก้าหนุ่มวัยละอ่อนกว่าถึงยี่สิบปีทำให้สูญเสียความยับยั้งชั่งใจที่จะไม่ครอบครองตัวอีกฝ่ายอย่างที่เคยตั้งปณิธานเอาไว้ว่าโอเมก้าทุกคนคือคนไข้ของตน
 
“ถ้าหากฉันคนนี้สูญเสียความมีเหตุมีผลในตัวเองไปเมื่อไหร่ล่ะก็...ทั้งหมดก็เป็นความผิดของนายนั่นล่ะ”

ดูท่าว่าตัวทดลองคราวนี้จะสร้างความลำบากใจให้เขามากกว่าที่คิดซะแล้ว



TBC.





*****************************************************************************************

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: ลาซารัสน่าร๊ากกกก ชอบโอเมก้า

ออฟไลน์ pichi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • PICHI Otakura

บทที่ 1



ผ่านไปกว่าหนึ่งสัปดาห์ ตอนนี้ลาซารัส แมทเวย์ พอจะเริ่มคุ้นชินกับการอยู่ที่บ้านหลังนี้ขึ้นมาบ้างแล้ว กิจวัตรแต่ละวันที่เขาทำคือการออกกำลังกายและเป็นเพื่อนเล่นให้เจ้าจูเลียต ยกอาหารแต่ละมื้อไปให้คุณหมอและช่วยทำความสะอาดบ้านเป็นบางครั้งเพราะเรนเดลอายุมากแล้วบางทีก็เริ่มทำไม่ไหว ส่วนเรื่องการเป็นหนูทดลองที่โดนคุณหมอคาเล็มขู่ (เจ้าตัวเรียกแบบนั้นเพราะมันสั้นกว่าเรียกศาสตราจารย์ แล้วอีกฝ่ายก็ไม่ว่าอะไรด้วย) ตอนนี้ก็แค่ให้ทดลองกินยาแล้วก็ตรวจร่างกายเป็นบางครั้ง นอกนั้นก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ
    
“รู้สึกว่างจังน้า..” ยามบ่ายแสนน่าเบื่อผ่านไปอย่างเชื่องช้า ลาซารัสเงยหน้าจากหนังสือที่อ่านอยู่แล้วหันไปลูบจูเลียตที่นอนอยู่ข้างโซฟา ใจคิดอยากจะช่วยคุณหมอให้ได้มากกว่านี้ แต่สมองระดับเขาคงยังช่วยอะไรไม่ได้ เผลอๆจะไปเป็นตัวถ่วงเสียด้วยซ้ำ “ตอนนี้ก็แค่ช่วยงานบ้านคุณเรนเดลเอง…”

พลันนึกขึ้นได้ว่าของใช้บางอย่างในบ้านกำลังจะหมดจึงลุกจากโซฟาไปเดินสำรวจและจดลิสต์รายการที่ต้องซื้อเพิ่ม..แต่ว่า….จะเข้าไปในเมืองยังไงดี?

ร่างโปร่งเดินไปหาพ่อบ้านที่รดน้ำต้นไม้อยู่ในสวนเพื่อสอบถามถึงวิธีเดินทางเข้าเมือง ทว่าเมื่อมาถึงสวนกลับพบคนที่ควรจะหมกตัวทำงานในห้องของตนนั่งสูบบุหรี่อยู่ด้วย “คุณหมอ?”

“จะเข้าเมืองน่ะ ไปมั้ย?” คาเล็มพ่นควันสีขาวออกมาและเอ่ยชวนชายหนุ่มที่โผล่เข้ามากลางวงสนทนา “ของใช้จะหมดแล้วเลยจะไปซื้อน่ะ”

“เอ่ะ...เอ่อ...คุณรู้ด้วย?”

“โผล่มาหาเสบียงกินตอนดึกแล้วมันพร่องไปเยอะ...สงสัยจะมีคนกินจุ” ว่าแล้วก็แอบเหล่มาหาโอเมก้าให้สะดุ้งเล่น

“ขอโทษครับ” ลาซารัสแทบจะก้มไปหลบด้านหลังจูเลียตด้วยความรู้สึกผิด “ต..แต่ว่า...ผมจดมาให้แล้วว่าอะไรที่ต้องซื้อเพิ่มบ้าง”

“ดี ถือโอกาสไปซื้อของใช้ของนายด้วยเลยละกัน” คาเล็มขยี้บุหรี่ลงในถาดข้างๆก่อนลุกขึ้นบิดขี้เกียจ “ไปเปลี่ยนชุดซะนะ”

“ครับ”

โอเมก้าหนุ่มยิ้มร่าเดินกลับเข้าไปในบ้านพร้อมสุนัขตัวใหญ่ที่วิ่งไล่ตาม ระหว่างนั้นคาเล็มได้โทรศัพท์ติดต่อเพื่อนสนิทคนเดิมให้ส่งรถมารับ แน่นอนว่าคงต้องรออีกเป็นชั่วโมง

ลาซารัสที่แต่งตัวเสร็จแล้วเดินลงมาสมทบกับคาเล็ม อัลฟ่าสูงวัยมองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้าและเอ่ยออกมาว่า “นี่แค่ออกไปซื้อของนะไม่ได้จะไปงานประกวดโมเดลลิ่ง”

“คือนี่ชุดเก่งของผมเลยนะครับ ผมว่าผมก็ไม่ได้แต่งจนโอเวอร์เลยนะ” โอเมก้าเจ้าของดวงตาสีฟ้ากล่าว แต่พอโดนแซวแบบนี้ทำเอาเสียเซลฟ์ไปเหมือนกัน

“สงสัยต้องจดรายการซื้อเสื้อผ้าธรรมดาให้นายเพิ่มด้วยแล้ว” คาเล็มเอ่ยกับตัวเองพลางยกนาฬิกาขึ้นมาดูเวลา “สงสัยวันนี้คงได้กลับบ้านค่ำมืดอีกแหง”

ขณะที่กำลังบ่นอยู่นั้น จูเลียตได้เห่าขึ้นไปบนท้องฟ้า เป็นนิสัยติดตัวของมันที่ชอบเห่าไล่พวกนกที่มักบินเข้ามาในบริเวณบ้าน คาเล็มหันไปดุเจ้าสุนัขตัวโปรดให้เงียบ แต่ลาซารัสก็มาสะกิดให้เขาเงยหน้าขึ้นไปมองข้างบนอีกคน

หนุ่มอัลฟ่ามากวัยแหงนหน้ามองท้องฟ้าตาม ก่อนจะถอดแว่นกรอบหนาออกมาเช็ดและสวมเข้าไปใหม่ ดูท่าว่าสิ่งที่จูเลียตเห่าจะไม่ใช่นกที่ไหนซะแล้ว

เสียงใบพัดหมุนดังมาแต่ไกล ลมแรงที่พัดเอาต้นไม้ใบหญ้าและสวนรอบๆ ปลิวสะบัดไปคนละทิศคนละทาง เฮลิคอปเตอร์สีขาวค่อยๆลงจอดในบริเวณบ้านของศาสตราจารย์คาเล็ม ก่อนที่ร่างของบุคคลที่นั่งมาจะลงมาหาเจ้าของบ้าน

“ว่าไงพวก ฉันมารับแล้---” ยังไม่ทันจะพูดจบ อัลฟ่าสูงวัยก็เดินก้าวยาวๆ เข้าไปบีบคอเพื่อนสนิท

“บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าอย่าเอาฮ.มารับ สวนบ้านฉันเละเทะหมดแล้วนะไอ้บ้านี่!” คาเล็มแผดเสียงลั่นใบหน้าโกรธจนริ้วรอยบนใบหน้าชัดยิ่งกว่าเดิม

“วันนี้รถมันติดนี่หว่า กลัวจะรอนานก็เลยส่งฮ.มารับ ขอบใจกันสักคำหน่อยสิเฟ้ย!” ร่างสูงพอๆ กันยกมือขึ้นบีบคอกลับ ผ่านไปเกือบสองนาทีทั้งคู่ก็แทบจะขาดออกซิเจนเลยตัดสินใจปล่อยมือแล้วหอบเอาอากาศเข้าปอดอย่างแรง ส่วนลาซารัสได้แต่มองตามอึ้งๆ พร้อมกับทรงผมที่กระเซิงเพราะลมจากเครื่องเฮลิคอปเตอร์

จะขึ้นเจ้านี่เข้าเมืองไปจริงดิ่!


“ว้าวววว” โอเมก้าหนุ่มกำลังตื่นเต้นกับวิวทิวทัศน์จากเบื้องบนที่เคยเห็นแต่เพียงในจอทีวี ทั้งป่าไม้ เนินเขา รวมทั้งเมืองที่กำลังมุ่งไปล้วนเล็กจิ๋วและอยู่ใต้เท้าของพวกเขา “หวาดเสียวกว่าที่คิดอีกนะครับบบ”

ทว่าดูจะมีแต่เขาคนเดียวที่กำลังสนุกสนานในขณะที่อัลฟ่าวัยกลางคนปลายๆจ้องมองเขาราวกับแปลกใจในท่าทีนี้

“ไม่ต้องตื่นเต้นมากนักก็ได้ เดี๋ยวก็ได้บินจนเบื่อนั่นแหละ” คาเล็มปรามอีกฝ่ายที่พยายามชะโงกหน้าไปมองวิวข้างนอก

“ขอโทษครับ.. แต่ว่า..ผมไม่เคยออกมาข้างนอกแบบนี้เลย ขึ้นเฮลิคอปเตอร์นี่ก็ครั้งแรกในชีวิตด้วย!” ดวงตาสีฟ้าสดใสเป็นประกายเหมือนเด็กที่กำลังพบเจอเรื่องสนุกอันน่าหลงใหล “มันสุดยอดไปเลยย!”

“ยังร่าเริงดีนี่หว่า นึกว่าอยู่กับนายจะขวัญผวาไปแล้วซะอีก” เพื่อนรักเอ่ยแซวคุณหมอผู้มีห้องทำงานอันน่าสยดสยอง.. “แล้วนี่..ยังไม่ได้ทำอะไรเค้าอีกเหรอ?”

คาเล็มตอบสั้นเรียบด้วยการเตะเข้ากับหน้าแข้งเพื่อนอย่างจัง แต่ไม่แรงจนถึงกับทรุดกันไปข้างอย่างแน่นอน

“เอาปลอกคอมารึเปล่า?” หยุดเพื่อนที่กำลังละลาบละล้วงได้ก็หันไปถามลาซารัสด้วยสีหน้านิ่งเฉยปกติ

“เอามาครับ” เหมือนชายหนุ่มจะไม่ได้ยินที่เพื่อนของเขาถามเมื่อครู่เพราะมัวแต่มองไปนอกหน้าต่าง

“ใส่ไว้ก่อนละกัน อย่างน้อยก็กันพวกอัลฟ่าแถวล่างๆไม่ให้มายุ่มย่ามกับนายได้..”

เมื่อลาซารัสสวมปลอกคอเสร็จอย่างว่าง่าย เฮลิคอปเตอร์ก็บินมาจอดที่ยอดตึกแห่งหนึ่ง ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นศูนย์การค้าหรูหราขนาดใหญ่กินพื้นที่เกือบสองกิโลที่อยู่ข้างๆอ่าวกว้าง

“เจอกันสักหกโมงเย็นแล้วกัน เดทให้สนุกนะ” เพื่อนของคุณหมอเดินแยกตัวไปอีกทางเพื่อไปทำธุระส่วนตัว ปล่อยให้คาเล็มพาโอเมก้าตัวน้อยที่ดูจะตื่นเต้นกับทุกอย่างรอบตัวไปเดินซื้อของกัน

“เก็บอาการหน่อยสิ..”

“อ่ะ..ครับ”

“แล้วก็อย่าเดินห่างจากฉันมากล่ะ จะแวะดูหรือซื้ออะไรก็สะกิดบอกแล้ว...กัน” ดวงตาหลังกรอบแว่นหันไปพูดย้ำ แต่แค่ครู่เดียวคนที่เดิมตามต้อยๆก็หายไปจากสายตาเสียดื้อๆ

คาเล็มหันขวับรีบกวาดตามองหาไปรอบๆ ถึงได้เจอเจ้าโอเมก้าผู้อ่อนต่อโลกยืนเอาหน้าไปแนบกระจกส่องดูพวกสัตว์ขนฟูที่หน้าร้านขายสัตว์เลี้ยง แถมยังทำหน้าทำตาเคลิ้มไปกับความน่ารักน่ากอดของเจ้าสี่ขาในกรงพวกนั้นอีก

“คุณหมอคร้าบ” ลาซารัสหันหน้ามาหาคาเล็มด้วยแววตาอ้อนวอนสุดชีวิต ร่างสูงใหญ่ของอัลฟ่ามากวัยเดินไปจับปลอกคอแล้วดึงลากออกมาจากร้านขายสัตว์เลี้ยงตรงไปที่แผนกอื่นทันที

“ขอโทษครับ พอดีเผลอไปหน่อย…” โอเมก้าหนุ่มที่เพิ่งตั้งสติได้หลังจากหลงระเริงไปกับดงก้อนขนกล่าวคำขอโทษต่อเจ้าของตน “ผมชอบพวกสัตว์ขนฟูๆ มาตั้งแต่เด็กแล้วล่ะครับ”

“แล้วมีอะไรอีก?”

“ครับ?” ดวงตาสีฟ้าเงยหน้าขึ้นมองคุณหมอทันที

“อยากได้อะไรก็ซื้อไป แต่ไม่ใช่ทำท่าอยากได้เหมือนเด็กน้อยแบบเมื่อกี้อีก” อัลฟ่าสูงวัยเปิดไฟเขียวอนุญาตให้โอเมก้าในครอบครองของตนขออะไรก็ได้ตามใจเจ้าตัว

“เอ๊ะ! ดะ ได้เหรอครับ แต่ที่บ้านคุณหมอมีเจ้าจูเลียตอยู่แล้วนี่ครับ” แม้จะดีใจแต่ก็อดเกรงใจอีกฝ่ายไม่ได้ เพราะทีแรกตั้งใจว่าจะมาซื้อแค่ของใช้จำเป็นเท่านั้น

“หาเพื่อนใหม่ไปให้มันซักตัวคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง แต่ฉันไม่รับประกันนะว่ามันจะญาติดีด้วยรึเปล่า” อธิบายโดยไม่ได้มีเจตนาจะขู่ให้กลัวแต่อย่างใด หากเทียบขนาดเจ้าพวกขนฟูในร้านกับเจ้าวูล์ฟด็อกตัวใหญ่ที่บ้านแล้ว เรียกว่าเหมาะจะเป็นอาหารว่างให้จูเลียตมากกว่าเป็นเพื่อนเล่นซะอีก

“งั้น...ไปเดินซื้ออย่างอื่นกันก่อนดีกว่าครับ” ลาซารัสหยิบใบลิสต์รายการของที่จำเป็นต้องซื้อออกมากางดู หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ไปเดินเลือกซื้อเสื้อผ้ากับของใช้ก่อนเป็นอันดับแรก โดยที่คาเล็มเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด ไม่ให้โอเมก้าหนุ่มได้มีโอกาสควักเงินของตัวเองใช้เลยแม้แต่แดงเดียว

“หิวแล้ว ไปหาอะไรกินกันก่อนดีกว่า” คาเล็มบอกกับลาซารัสหลังจากที่เดินช็อปปิ้งกันไปร่วมสองชั่วโมงแล้ว “ปวดขา อยากนั่งพักด้วย”

“งั้น เข้าร้านนี้ดีมั้ยครับ จะได้ไม่ต้องเดินไปไกล” ลาซารัสชี้ไปที่ภัตตาคารสำหรับครอบครัวที่อยู่ตรงหน้า เขาเคยเห็นร้านนี้ออกรายการทีวี อาหารที่นี่อร่อยและราคาไม่สูงมากขนาดเขาเองยังอยากลองมาทานดูสักครั้ง

คาเล็มเดินตรงเข้าไปในร้านที่ถูกเสนออย่างรวดเร็วเพราะอยากพักขาจะแย่โดยไม่ได้สนใจจะชั่งใจเลือกใดๆ ร้านอาหารฟิวชั่นที่กำลังได้รับความนิยมตกแต่งเรียบง่ายและดูอบอุ่นตามสไตล์ร้านสำหรับครอบครัว แต่เนื่องด้วยไม่ใช่วันหยุดและยังไม่ใช่เวลาเลิกงาน ผู้คนในร้านจึงมีบางตายิ่งทำให้ร้านดูเงียบสงบยิ่งกว่าเดิม

“คุณหมออยากกินอะไรครับ” ลาซารัสเอ่ยถามเมื่อกางเมนูออกดูในขณะที่คาเล็มเพียงแค่นั่งเอนตัวพิงพนักเก้าอี้อย่างเมื่อยล้า

“สั่งอะไรก็สั่งมาเถอะ ฉันเอาแบบนาย”

“งั้นเอ่อ…” ลาซารัสเปิดดูเมนูไปทุกหน้าก่อนจะเริ่มสั่ง “สปาเก็ตตี้ปลาแซลมอนรมควัน สลัดเป็ดร่อน ซุปล็อบสเตอร์ ทั้งหมดสองที่ครับ!”

“อิ่มเหรอนั่น” คาเล็มเลิกคิ้ว เห็นออกกำลังหนักหนากว่าเขามากมายแถมเจ้าตัวก็ไม่ได้ตัวเล็กจ้อยอะไร นึกว่าจะกินมากกว่านี้เสียอีก

“ปกติก็อิ่มนะครับ” ลาซารัสเอียงคอยิ้มแป้นแต่แววตาเจือความสงสัยไว้อยู่ หมอคาเล็มจึงเปิดเมนูขึ้นมาอีกอย่างเนือยๆเรื่อยๆก่อนจิ้มไปอีกสองเมนู “เอ๋?”

“ไม่ต้องเกรงใจ ร่างกายนายต้องการพลังงานเพิ่มก็กินๆมันเข้าไปเถอะ” หมอไม่ได้บอกเหตุผลที่ต้องการให้ร่างกายของชายหนุ่มแข็งแรงอยู่เสมอเพื่อให้การทดลองดำเนินต่อไปได้อย่างไม่ติดขัดเท่านั้น

เมื่อสั่งอาหารเครื่องดื่มจนเรียบร้อยร่างโปร่งจึงกุลีกุจอนั่งเช็ครายการของต่อเงียบๆ แต่คาเล็มก็สังเกตได้ว่าที่อีกฝ่ายก้มหน้าลงไปนั้นเพราะโดนสายตาจากรอบข้างจ้องมองด้วยหลากหลายความคิดความรู้สึก ท่าทางจะประหม่ามากแต่เก็บอาการอยู่เป็นแน่ “ไหวรึเปล่า?”

“ห๊ะ? ครับ?” ลาซารัสโงหัวขึ้นมาจากกระดาษในมือที่กำลังขีดฆ่ารายการต่างๆ

“...เปล่า ไม่มีอะไร” อัลฟ่าหนุ่มยกมือขึ้นเรียกบริกรเข้ามาหา “มีห้องส่วนตัวมั้ยครับ”

“มีครับผม”

“ขอย้ายโต๊ะไปห้องนั้นละกัน” พนักงานค้อมหัวรับทราบก่อนไปจัดการเปิดห้องรอให้ทั้งสองคนเก็บของและเตรียมตัวไป แม้โอเมก้าน้อยจะไม่รู้ว่าเขาย้ายไปเพราะอะไร แต่เขาก็โล่งใจที่จะได้พ้นจากสายตาผู้คนเสียที..

บริกรสาวเสิร์ฟยกน้ำมาเสิร์ฟ คาเล็มแหวกเสื้อเข้าไปหยิบขวดยาในกระเป๋าออกมาเทใส่มือ ก่อนจะดื่มน้ำตามจนหมดแก้ว

“คุณหมอเป็นอะไรรึเปล่าครับถึงต้องกินยา” สีหน้าของโอเมก้าหนุ่มแสดงความเป็นห่วง มือหนายกมือขึ้นแทนคำตอบว่าตนไม่ได้เป็นอะไร

“เดี๋ยวฉันไปเข้าห้องน้ำก่อน อยู่ที่นี่อย่าลุกไปไหนล่ะ” อัลฟ่าสูงวัยเอามือดันตัวขึ้นลุกจากที่นั่งเดินไปถามจากพนักงานร้าน ลาซารัสมองตามหลังนั้นไปอย่างห่วงๆ พอหันกลับมาก็เห็นกระปุกยาของหมอคาเล็มยังอยู่ที่โต๊ะจึงลองหยิบมาดู ถึงจะมีฉลากเขียนระบุเอาไว้แต่เขาก็ไม่รู้อยู่ดีว่าเป็นยาอะไรกันแน่

อาหารค่อยๆ ทยอยมาเสิร์ฟแต่คนที่ไปเข้าห้องน้ำก็ยังไม่กลับมา ลาซารัสมองดูนาฬิกาข้อมือที่ผ่านไปเกือบสิบนาทีแล้ว พอคิดจะลุกไปตามปรากฏว่าร่างสูงใหญ่ก็เปิดประตูเข้ามาพอดี ร่างโปร่งเลยสะดุดกึกอยู่ตรงหน้าอัลฟ่าสูงวัย

“นายจะไปไหน?”

“เอ่อ ผมเห็นคุณหมอหายไปนานก็เลยเป็นห่วงน่ะครับ”

“บอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าไปไหนเอง” เอ็ดใส่คนตรงหน้าไปเป็นครั้งที่สอง ก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ “ท้องไส้ฉันไม่ค่อยดีเลยนั่งนานไปหน่อยแค่นั้นเอง”

“ขอโทษครับ…” ร่างโปร่งเดินมานั่งฝั่งตรงข้าม “เอ่อ...แล้วอาหารที่สั่งมานี่คุณหมอทานได้นะครับ?”

“ฉันกินได้ไม่มีปัญหาอะไรหรอก” คาเล็มเริ่มลงมือทานอาหารที่โอเมก้าหนุ่มเป็นคนสั่งมา ลาซารัสก็ไม่ชวนคุยอะไรอีกแล้วเริ่มทานบ้าง

“อืม...อร่อยดี” คำชมที่เอ่ยขึ้นมาทำเอาคนเลือกร้านรู้สึกหัวใจพองโตขึ้นมานิดๆ คาเล็มชะงักมือไปนิดหน่อยกับท่าทางที่ปิดไม่มิดนั้นของโอเมก้าหนุ่ม

ลาซารัสเห็นสายตาของอีกคนตวัดมองตนก็ก้มหน้าก้มตาลงไปกินต่อเหมือนโดนพ่อแม่จ้องเพื่อดุลูกอย่างไรอย่างนั้น บทสนทนาเงียบลงไปพักใหญ่เสียจนชวนอึดอัด คิดในแง่ดีนี่ก็เป็นบุคลิกของคุณหมออย่างที่เขาเห็นเป็นประจำ เพียงแต่พอเปลี่ยนสถานที่แล้วคงจะทำให้บรรยากาศดูแปลกตาเลยเผลอคิดว่าต้องทำตัวให้เหมือน...มาออกเดท?

คิดแค่นั้นพวงแก้มทั้งสองก็เริ่มมีสีแดงจางขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ แน่นอนว่ามันไม่รอดพ้นสายตาเฉียบคมของอีกฝ่ายเช่นกัน “เป็นอะไร?”

“เปล่าครับ แค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยเฉยๆ” นอกจากจะคิดคำแก้ตัวไม่ออกยังโกหกไม่เนียนอีกต่างหาก

“...ฮีท?”

“ไม่ใช่ครับ! ยังไม่ถึงช่วงนั้นหรอกครับ..มันคงจะอีกนานอยู่…”

“เหรอ.. นึกว่าจะได้ศึกษานายไวๆซะอีก” คำพูดของคาเล็มทำเอาแอบจุกในอกเล็กน้อย คนๆนี้คิดถึงแต่เพียงงานวิจัยจริงๆ แม้แต่ในเวลาทานอาหารที่ควรจะผ่อนคลายตัวเอง.. ก็ไม่อย่างนั้นจะเอาอาหารเข้าไปกินในห้องทำงานทำไมล่ะ?

“คุณหมอครับ..คือว่า ยังมีเวลาอยู่บ้าง” ลาซารัสเงยหน้ามองนาฬิกาที่ผนังแล้วเอ่ยทำลายความเงียบอย่างกล้าๆกลัวๆ “ไป..ดูหนังกันมั้ยครับ?”

“?..” คาเล็มเลิกคิ้วมองลาซารัสโดยที่ยังไม่ตอบอะไรไปและยิงคำถามทางสายตาว่าทำไมจู่ๆก็อยากจะชวนเขาไปดูหนังกันเล่า?

“เห็นคุณหมอเครียดๆน่ะครับ น่าจะหาเวลาพักบ้าง จะว่าไปผมก็ไม่เคยดูหนังในโรงเลยด้วย เอ...เอ่อ…” พยายามคิดหาเหตุผลมากมายแต่ในหัวกลับโล่งขาวโพลน..

“อยากดูเรื่องไหนล่ะ?”

“อ่ะ...ได้เหรอครับ”

“ครั้งสุดท้ายที่ฉันดูหนังในโรงก็ตั้งสิบปีมาแล้ว เห็นว่าเดี๋ยวนี้ถึงขนาดมีโรงหนังแบบนอนดูยังได้จริงรึเปล่า” ดวงตาหลังกรอบแว่นหนาจ้องคู่สนทนาพลางถามอย่างเริ่มสนใจขึ้นมาบ้าง “นานๆทีฉันก็มักจะนอนดูหนังอยู่ที่บ้านมากกว่าออกมาข้างนอก ถ้าที่นี่มีโรงหนังแบบนั้นล่ะก็เอาแบบนั้นแหละ”

“เอ่อ...คิดว่าน่าจะมีนะครับ แต่คิดว่าราคาอาจจะสูงกว่าปกติ” ลาซารัสที่ไม่เคยเข้าแม้แต่โรงหนังปกติเริ่มรู้สึกผิดนิดหน่อยที่เอ่ยชวนไป นี่เขากำลังทำให้คุณหมอเสียเวลาไม่พอยังทำให้เปลืองเงินโดยใช่เหตุรึเปล่านะ…

ยังไม่ทันที่โอเมก้าหนุ่มจะหายกังวล คาเล็มก็โทรศัพท์ศัพท์ไปถามเพื่อนสนิทเรียบร้อย “โรงหนังที่ว่าอยู่ชั้นบนสุดของห้างฯสินะ เออ...แกมีเรื่องไหนจะแนะนำบ้างมั้ย? หา? ก็บอกว่าไม่ได้มาเดทไงเฟ้ย!”

ร่างโปร่งนั่งตัวแข็งทื่อหน้าแดงเถือก ตัวเขานั้นคิดไปเรียบร้อยแล้วว่ามาออกเดทแต่คุณหมออัลฟ่าคนนี้กลับไม่คิดอะไรเลยซักนิด

อา...รู้สึกตัวเองอย่างกับคนบ้าแน่ะ


ทั้งสองมาหยุดอยู่ที่หน้าเคาท์เตอร์ขายป็อปคอร์นหลังจากที่หมอคาเล็มจัดการซื้อตั๋วหนังเรียบร้อย ส่วนของที่ซื้อมาก็จัดการฝากกับเหล่าผู้ติดตามของเพื่อนให้เอาไปไว้ใกล้ๆกับที่จอดเฮลิคอปเตอร์เรียบร้อย

“เอารสอะไร” ร่างสูงยืนเว้นระยะกับโอเมก้าในครอบครองพลางเอ่ยถาม

“เอ่อ… ผมกินได้หมดแหละครับ” ตอบไปอย่างนั้นเพราะไม่รู้ว่าแต่ละอย่างนั้นรสชาติแบบไหน รู้สึกว่าตัวเองเป็นบ้านนอกเข้ากรุงอย่างไรอย่างนั้น

คาเล็มจึงสั่งแบบชีสกับเค็มมาอย่างละกล่องเผื่อให้ลองว่าจะชอบแบบไหน แล้วทั้งคู่ก็เดินเข้าโรงหนังไป

โรงหนังเปิดแสงสลัวพอให้เห็นสถานที่โดยรวม เป็นเตียงกว้างพร้อมหมอนและผ้าห่มอย่างดีให้ ด้านข้างเตียงมีตู้เย็นที่สามารถหยิบน้ำกินได้ตามใจรวมทั้งยังมีกำแพงขนาดเตี้ยแค่เพียงสร้างความเป็นส่วนตัวขณะดูหนังเท่านั้นที่กั้นแต่ละเตียงไว้เป็นสัดส่วน

“นุ่มจัง” ลาซารัสเอาหมอนชันไว้กับหัวเตียงต่างพนักพิงและดึงผ้าห่มมากอดอย่างอารมณ์ดี ส่วนคาเล็มนั้นเอนตัวลงนอนข้างๆ และยังคงเว้นระยะเล็กน้อยแค่พอไม่ให้โดนตัวกันโดยง่ายเท่านั้น “ว่าแต่..ซื้อตั๋วเรื่องอะไรมาน่ะครับ”

“ไม่ได้ดูตอนซื้อเหรอ”

“ก็..ไม่ได้ดูครับ” เสียงอ่อนลงเล็กน้อยเหมือนรู้สึกว่าตัวเองทำตัวไม่สมเป็นผู้ใหญ่อีกครา

“...ไม่เป็นไรหรอก ดูไปเดี๋ยวก็รู้เอง”

เมื่อไฟในโรงเริ่มมืดลงบทสนทนาก็เงียบหายไปเพื่อรอดูสิ่งที่กำลังจะฉาย

เพียงแค่ภาพยนต์เริ่มฉายไปไม่นาน เสียงหัวเราะของผู้ชมในโรงหนังก็เริ่มตามมาด้วยธีมของหนังที่เป็นแนวเลิฟคอเมดี้ ทั้งลาซารัสและคาเล็มเองก็สนุกไปกับเนื้อเรื่องแถมทั้งคู่ยังอินมากๆ เหมือนกันอีกต่างหาก หลายๆฉากในหนังที่ทำเอาฮาจนน้ำตาเล็ด ฉากไหนที่ซึ้งก็บิ้วท์จนแอบน้ำตาซึม ดวงตาของทั้งคู่แทบไม่ละสายตาไปจากจอฉายหนังเลยตลอดเวลาของการชมภาพยนต์จนจบเรื่อง

“หนังสนุกมากเลยเนอะครับคุณหมอ” แม้ว่าภาพยนต์จะจบไปแล้วแต่ทั้งคู่ก็ยังนอนเอนกายคุยอยู่บนเตียงในโรงภาพยนต์ไปอีกพักใหญ่ ป๊อบคอร์นที่ซื้อมาพร่องลงไปน้อยมากด้วยเพราะพวกเขาทานอาหารกันจนอิ่มไปก่อนหน้านี้แล้ว

“ที่จริงแล้วหนังเรื่องนี้เป็นหนังภาคที่สามแล้วล่ะ สองภาคก่อนหน้านี้ฉันก็เคยดูแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะเอามาสร้างต่อเหมือนกัน” หมอคาเล็มเล่าให้ฟังด้วยสีหน้าที่ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษเพราะได้ปลดปล่อยความเครียดไปเยอะ “แต่ฉันว่าภาคนี้สนุกที่สุดแล้วล่ะ”

“คุณหมอเคยมาดูกับใครเหรอครับ?”

“อ่อ...คู่ของฉันเองน่ะ”

ลาซารัสเด้งตัวลุกขึ้นนั่งและหันหน้าไปถามคาเล็มด้วยสีหน้าตระหนกตกใจมาก “คุณหมอมีคู่กับเค้าด้วยงั้นเหรอครับ!”

“ถามแบบนี้คิดจะกวนประสาทกันรึไง” คุณหมออัลฟ่าชักสีหน้าแต่ยังเก็บอารมณ์ไว้ได้ ไม่งั้นคงได้เผลอถีบโอเมก้าปากไม่สร้างสรรค์คนนี้ตกเตียงไปแล้ว

“ขอโทษครับ คือ...ผมเข้าใจว่าคุณหมออยู่ตัวคนเดียวก็เลยตกใจน่ะ”

“อา...ที่จริงนายจะเข้าใจแบบนั้นก็ไม่แปลกหรอก”

ขณะที่โอเมก้าหนุ่มกำลังฟังว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรต่อ อัลฟ่าสูงวัยก็ค่อยๆ ลุกขึ้นเมื่อพนักงานโรงหนังเดินเข้ามาบอกว่าจะขอเคลียร์พื้นที่สำหรับรอบถัดไป ผู้ชมทั้งสองจึงต้องลุกออกไปจากที่นั่งแห่งนั้น

“เอ่อ… คู่ของคุณ..เค้าไปไหนเหรอครับ?” ไม่รู้เป็นคำถามที่ควรถามมั้ยแต่ปากก็พูดออดไปแล้ว คาเล็มหันมามองเพียงเล็กน้อยทั้งที่ยังไม่หยุดก้าวเท้า

“ไม่อยู่แล้ว” คาเล็มตอบเบาๆอย่างตัดบทและคิดได้หลายแง่มุม ทว่าร่างโปร่งก็เดาไปต่างๆนานา รวมทั้งคิดได้อีกว่า ไม่อยู่ คำนั้นอาจจะแปลว่าไม่อยู่ที่ไหนสักแห่งบนโลกแล้วก็ได้…

“ขอโทษครับ” ลาซารัสก้มหน้างุดเดินตามร่างสูงไปห่างๆ สองมือกอดถุงป็อปคอร์นไว้แน่นแทบจะขยำมันไปด้วย

“ไม่เป็นไร ไม่ถือหรอก นายไม่รู้เรื่องนี่”

“ครับ..”

“...”

“...เรื่องงานของคุณน่ะ… ผมอยากช่วยนะ” โอเมก้าที่เดินตามเจ้านายต้อยๆเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเมื่อทั้งสองคนอยู่ในลิฟต์ไร้ผู้คน

“หือ?” คาเล็มเหลือบตาไปมองร่างเล็กกว่าอย่างสงสัยว่าทำไมจู่ๆถึงวกกลับมาเรื่องงานเขาอีกได้?

“น้ำหอมดับกลิ่นฟีโรโมนนั่นน่ะ.. ช่วยให้ผมใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้นจริงๆนะ ตอนอยู่ที่ห้องเสื้อน่ะครับ” ดวงตาสีฟ้าหันมาสบเข้ากับอีกคนที่ยืนข้างๆอย่างจริงใจ “ขอบคุณมากครับ ที่ทำเพื่อพวกเรา”

ร่างสูงหลบตาก่อนจะก้าวออกจากลิฟต์ที่มาจอดยังชั้นที่ต้องการและเดินนำมายังร้านขายสัตว์เลี้ยงที่ทั้งคู่เจอครั้งแรก “เลือกไปสิ”

“เอ๊ะ?” ลาซารัสเลิกคิ้วก่อนจะโดนแย่งถุงป็อปคอร์นในมือไป

“เอาตัวที่ร่าเริงหน่อยนะ ถ้านิ่งๆซึมๆกลัวมันจะมีโรคตามมา”

“ข...ขอบคุณครับ!” โอเมก้าหนุ่มโค้งให้อีกคนก่อนระริกระรี้เข้าไปในร้านขายสัตว์อย่างเริงร่า และเหมือนเขาจะหมายตาสุนัขขนปุยตัวใหญ่กว่าลูกหมาปกติที่ควรจะเป็น “ซามอยด์ล่ะะ! ต้องตัวใหญ่แน่ๆเลย แต่ตอนนี้ก็ยังตัวนิดเดียวเอง..”

“เอาอาหารลูกสุนัข ชามใส่อาหาร ปลอกคอ ของเล่น แล้วก็…” ขณะที่ลาซารัสยังง่วนอยู่กับการเลือกเจ้าขนฟูกลับบ้าน คาเล็มก็หันไปร่ายรายการของใช้จำเป็นสำหรับสมาชิกใหม่ใส่คนขายจนหยิบแทบไม่ทัน ดวงตาหลังกรอบแว่นเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋าเงินแต่ปรากฏว่าเงินสดไม่พอ

“ขอโทษนะครับ รับบัตรรึเปล่า?”

“รับครับ”

บัตรสีดำถูกยื่นให้เจ้าของร้านที่ยืนนิ่งแข็งค้างรับมาด้วยมือสั่นระรัว ระหว่างที่รอชำระเงินอัลฟ่าสูงวัยก็เดินไปหาโอเมก้าผู้ที่มีสัตว์ขนฟูเกือบทุกตัวในร้านรายล้อมรอบตัว

“คุณหมอออ”

“ให้แค่ตัวเดียว” คาเล็มตอบเสียงแข็งยืนยันว่าไม่ยอมใจอ่อนเด็ดขาด

“ฮือ...ขอโทษนะพวกนาย” ลาซารัสกอดเจ้าสี่ขาบอกลาและร่ำไห้ปานจะขาดใจ ครั้งนี้แววตาเว้าวอนของพวกมันจ้องโฟกัสมาที่คุณหมอคาเล็มทุกตัว ประกายตาวิบวับในดวงตาที่บีบหัวใจคนมอง จนในที่สุด…

“...เหมา”

“ขอบพระคุณมากครับคุณลูกค้า!!”


(ยังมีต่อ)

ออฟไลน์ Melonlove

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1

ออฟไลน์ pichi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • PICHI Otakura

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แกจะเลิกเป็นหมอแล้วไปเพาะพันธุ์ฟาร์มสุนัขขายแทนแล้วใช่มั้ยคาเล็ม!”

เสียงหัวเราะลั่นดังไปทั่วยอดตึกศูนย์การค้าหรู ในมือของเพื่อนรักคุณหมอกำลังรัวภาพถ่ายคาเล็มกับฝูงก้อนขนฟูฟ่องอัพลงโฟลเดอร์ลับเฉพาะ ก่อนที่อัลฟ่าสูงวัยจะก้าวเท้าเร็วๆ ไปแย่งมาแล้วเขวี้ยงสมาร์ทโฟนเครื่องนั้นลงพื้นจนหน้าจอแตกละเอียด

“ถ้ายังไม่หยุดขำฉันจะช่วยเย็บปากแกให้ติดกันให้เอามั้ย ไอ้คุณริชาร์ด?” แววตาหลังกรอบแว่นบอกว่าเอาจริงไม่พูดเล่นแน่นอน

“เดี๋ยวฉันเรียกลูกน้องให้มาขนไปให้ที่บ้านแกดีกว่า มาเป็นฝูงแบบนี้เอาขึ้นฮ.ไปไม่ไหวหรอก ฮึๆๆ” ขนาดเจ้าตัวเอามือปิดปากพยายามพูดเป็นปกติแต่ก็ยังอดกลั้นขำจนตัวสั่นน้ำตาเล็ดไม่ได้อยู่ดี

“ไว้เจอกันน้าเด็กๆ” โอเมก้าเพียงคนเดียวในที่นั้นบอกลาน้องหมาสี่ขาขนฟูนับสิบตัวตรงนั้นอย่างยินดีที่จะได้มีสัตว์เลี้ยงเป็นของตัวเอง

“พาไปดูหนัง ซื้อเสื้อผ้าให้ ไหนจะยอมให้เลี้ยงสัตว์ซะยังกะจะเปิดฟาร์ม” ริชาร์ดเดินมาเกาะไหล่คุณเพื่อนพลางเหลือบมองผ่านไหล่มาหาชายหนุ่มอ่อนวัยกว่า “นี่สรุปเจ้านั่นจะเป็นแค่ ‘คนไข้’ ของนายจริงๆเรอะ?”

คาเล็มไม่ต่อปากต่อคำกับเพื่อนของตนอย่างเช่นปกติ และขยับแว่นที่เลื่อนต่ำจากการพยายามทำร้ายร่างกายคนข้างๆ(??)เมื่อครู่ให้เข้าที่ “ใช่.. ยังเป็นแค่นั้น”

ทั้งสามคนเดินขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปหลังจากจัดการของทุกอย่างเรียบร้อย คาดว่าเรนเดลคงตกใจแน่ๆที่มีสมาชิกในครอบครัวเพิ่มขึ้นมากมายขนาดนี้…


“นี่ครับเสบียง ส่วนถุงนี้เป็นของใช้อื่นๆ ให้ผมช่วยแยกให้นะครับ” ลาซารัสจัดแจงเก็บของที่เพิ่งซื้อมาให้เข้าที่อย่างเรียบร้อย การอยู่บ้านนี้โดยแทบไร้ภาระใดๆก็ทำให้เขามีเวลามากพอจะสำรวจว่าอะไรอยู่ตรงไหนบ้างจนทั่วทั้งบ้าน

“ขอบคุณมากครับ ช่วยได้เยอะเลยคุณแมทเวย์” พ่อบ้านสูงวัยยิ้มอ่อยโยนให้กับเรี่ยวแรงของคนหนุ่มซึ่งผิดกับเจ้าของบ้านที่นั่งเหนื่อยอยู่ที่โซฟา ไม่ได้ออกจากบ้าน...ไม่สิ ไม่ได้ออกจากเขตที่ทำงานและห้องนอนบ่อยนัก แถมครั้งนี้ต้องเดินตระเวนไปทั่ว เล่นเอาอัลฟ่าที่ควรจะแข็งแรงก็นั่งปวดขาได้ “นายน้อยรับอาหารทานเย็นมั้ยครับ?”

“ไม่ล่ะ ...นี่ยังไม่หมดเลย” คาเล็มโชว์ถุงป็อปคอร์นขึ้นและเริ่มหยิบกินต่อแม้จะชืดไปบ้างแล้ว “เจ้าพวกนั้นจะมาพรุ่งนี้เช้านะ”

“อ่ะครับ เดี๋ยวผมคงตื่นไปรับให้”

“เจ้าพวกนั้น?” พ่อบ้านเอียงคอและเลิกคิ้วระหว่างที่มือก็ยังคงหยิบอาหารสดใส่ตู้เย็นเรื่อยๆ

“เดี๋ยวมีเซอร์ไพรส์นิดหน่อยนะครับ” ลาซารัสยิ้มกริ่มให้เรนเดลและจูเลียตที่ทำหน้างงไม่ต่างกัน

“ฉันไปอาบน้ำก่อนล่ะ” คุณหมออัลฟ่าขยับตัวลุกขึ้นพาตัวเองไปที่ห้องอาบน้ำ หลังจากเก็บข้าวของเข้าที่เรียบร้อยลาซารัสก็ได้เดินไปหาพ่อบ้านอีกครั้ง “คุณเรนเดลครับผมขอถามอะไรหน่อยได้มั้ย?”

“มีอะไรเหรอครับ?”

“คุณหมอป่วยเป็นอะไรรึเปล่าครับ?”

พ่อบ้านเผลอเอียงคอทำหน้างุนงง “ทำไมถึงถามแบบนั้นล่ะครับ?”

“คือว่า...วันนี้ผมเห็นคุณหมอทานยาตอนที่พวกเราไปนั่งทานอาหารด้วยกันน่ะครับก็เลยสงสัย...” ดวงตาสีฟ้าสังเกตว่าสีหน้าครุ่นคิดอย่างหนักบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยของเรนเดลออกชัดมาก

“ทานอาหารเหรอครับ...เขาคงไม่ได้สั่งของหวานมาด้วยหรอกใช่มั้ยครับ?”

“เอ๊ะ? ไม่นะครับ ส่วนใหญ่ผมเป็นคนสั่งอาหารน่ะ” คุณพ่อบ้านดูจะโล่งใจขึ้นมานิดหน่อย แต่เจ้าตัวก็ยังไม่ได้ตอบคำถามของลาซารัสเลย

“อืม...จริงๆ นายน้อยก็ไม่ได้ป่วยอะไรหรอกครับ ส่วนยานั่นน่ะ…” ชายชราลังเลที่จะบอกนิดหน่อย แต่คิดว่ายังไงเสียถ้าโอเมก้าหนุ่มคนนี้จะต้องอยู่ที่นี่ไปอีกนานเดี๋ยวสักวันก็คงจะรู้อยู่ดี บอกไปตอนนี้ก็คงไม่เป็นไร “ยานั่น...เป็นยาทดลองน่ะครับ”

“เอ๋? ยาทดลอง แต่คุณหมอเค้าวิจัยเกี่ยวกับโอเมก้าไม่ใช่เหรอครับ?” ลาซารัสงงไปหมด ตกลงแล้วคุณหมอคาเล็มกำลังทำการทดลองอะไรอยู่กันแน่

“แน่นอนว่างานส่วนใหญ่ของนายน้อยคือการค้นคว้าวิจัยเพื่อช่วยเหลือโอเมก้าเป็นหลักครับ แต่เขาคนนั้นคิดว่ามันคงจะดีกว่าถ้าหากทำการทดลองให้อัลฟ่าสามารถควบคุมตัวเองได้ ปัญหาที่เกิดกับโอเมก้าก็จะยิ่งลดลง แต่อัลฟ่าส่วนใหญ่ก็อีโก้จัดทั้งนั้น ไม่มีใครที่จะมายอมให้ความร่วมมือกับงานของนายน้อยหรอกครับ”

เรนเดลพยายามอธิบายให้โอเมก้าหนุ่มตรงหน้าเข้าใจได้ง่ายที่สุด 

“ท่าทางลำบากแย่เลย” แววตาเป็นห่วงของลาซารัสปรากฎออกมาชัดเจน ยิ่งรู้สึกผิดที่วันนี้เอาแต่ใจตัวเองเสียเต็มที่

“แต่กระผมรู้สึกยินดีนะ ที่นายน้อยยอมออกจากบ้านบ้าง” พอเห็นอีกคนเริ่มแสดงท่าทีสำนึกผิด พ่อบ้านจึงพูดขัดความคิดในหัวอีกฝ่ายเสียก่อน “ยังไม่ได้แก่มากมายขนาดนั้นแต่ถ้าไม่ออกมายืดเส้นสายบ้าง เดี๋ยวจะลำบากเอาภายภาคหน้า”

“อ่อครับ” นึกสภาพของคาเล็มที่ดูเหนื่อยบ่อยกว่าตนหลายครั้งออก “หรือช่วงนี้ไม่ค่อยได้ออกกำลังรึเปล่านะ”

“เป็นมาสักพักแล้วล่ะครับ”

“อืม… ถ้างั้นพรุ่งนี้คงต้องลากออกมาต้อนรับหน่อยล่ะ!”

“...?”

ลาซารัสทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้นก่อนจะเดินไปอาบน้ำต่อบ้างด้วยท่าทางเหมือนกำลังวางแผนอะไรอยู่ ปล่อยให้เรนเดลและจูเลียตที่ไม่ได้ไปทัวร์ซื้อของด้วยฉงนอยู่สองหน่อ..


รุ่งเช้าวันใหม่เปิดวันด้วยเสียงเห่าเล็กแหลมหลายเสียงของสมาชิกที่เพิ่มเข้ามาจำนวนมาก ก้อนขนตัวน้อยหลายพันธุ์วิ่งเล่นอยู่เต็มสวนหลังบ้านเสียจนเจ้าของบ้านต้องแหกตาตื่นมาดูแต่เช้า

“มาส่งไวนี่” คาเล็มยืนหาวหวอดในขณะที่ลาซารัสกลิ้งเล่นอยู่กับสัตว์ตัวจิ๋วนับสิบอย่างสนุกสนาน

“คุณหมออออ ลงมาเล่นกับพวกมันกันเถอะะะ” เสียงระรื่นเรียกด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเปี่ยมสุขท่ามกลางการรุมเลียของสุนัขตัวน้อย

จูเลียตที่คราแรกมองอยู่ห่างๆอย่างตกใจในสิ่งแปลกปลอมจำนวนมากกำลังขู่ใส่เจ้าตัวเล็กที่เข้ามาทักทายเบาๆ “ท่าทางจะต้องใช้เวลาทำความรู้จักนะครับ” เรนเดลยืนอึ้งและนับจำนวนทั้งหมดช้าๆ “สิบหกตัวถ้วน…”

“ผมดูแลเองครับบบ” ลาซารัสออกตัว ไหนๆทั้งวันก็แทบไม่ได้ทำอะไรนอกจากงานบ้านอยู่แล้ว…

คุณหมออัลฟ่าเดินงัวเงียลงบันไดมาที่ห้องครัวและดึงเก้าอี้ออกมานั่ง “ขอกาแฟ”

“ครับ?” ทำเอาพ่อบ้านที่อยู่รับใช้มานานแอบแปลกใจอยู่ไม่น้อย นานๆครั้งเจ้านายของตนจะลงมาทานอาหารเย็นอยู่บ้าง แต่ครั้งสุดท้ายที่ลงมากินมื้อเช้านี่นึกไม่ออกเลย

“ฉันไม่อยากให้เจ้านั่นเข้ามาวุ่นวายในห้องทำงาน” คาเล็มตอบอย่างรู้ทันคนรับใช้ “ต่อไปฉันจะลงมากินข้างล่างนี่…เดี๋ยว นายจะร้องไห้ทำไม”

“ฝุ่นเข้าตาครับ” เรนเดลหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตาที่ปริ่มล้นด้วยความสุข “ว่าแต่คุณจะเลี้ยงไหวเหรอครับ?”

“ช่างเถอะ อะไรที่ให้เจ้านั่นได้ฉันก็จะให้” คาเล็มรับถ้วยกาแฟจากมือพ่อบ้านก่อนจะหยิบน้ำตาลมาจากโถแล้วใส่ลงไป “ตอนนี้จะให้อยู่แบบนั้นไปก่อน พอถึงเวลาเจ้านั่นก็จะรู้เองว่าความลำบากของการเป็นหนูทดลองมันหนักหนากว่าสิ่งที่ฉันพอจะทำให้ได้ซะอีก”

“คุณหมอออ แย่แล้วคร้าบบ” ลาซารัสเปิดประตูโผล่พรวดเข้ามาในห้องครัว อัลฟ่าสูงวัยถึงกับสำลักกาแฟที่ดื่มเข้าไปจนเรนเดลต้องมาช่วยลูบหลัง

“เกิดอะไรขึ้น!”

“รีบออกไปที่สวนหลังบ้านด่วนเลยครับ!”

เจ้าบ้านรีบลุกเดินตามหลังโอเมก้าหนุ่มไปที่สวนหลังบ้าน แล้วก็ได้เห็นภาพวูล์ฟด็อกตัวโตของบ้านกำลัง...นอนแอ้งแม้งหงายท้องโดนเจ้าพวกก้อนขนปุกปุยเกือบยี่สิบตัวรุมล้อมจนหมดสภาพ

“น่ารักเนอะ! ผมอยากถ่ายรูปเก็บไว้สุดๆเลย คุณหมอพอจะมีกล้องมั้ยครับ” ลาซารัสหันหน้ามายิ้มกว้างใบหน้าเบิกบานร่าเริงสุดขีดไม่ต่างจากเจ้าตัวเล็กทั้งหลาย คาเล็มถึงกับต้องยกมือนวดขมับคล้ายความดันจะขึ้น

“มี แต่ไม่น่าจะมีแบต ไม่ได้ชาร์จไว้ด้วย” คาเล็มชี้ไปทางห้องพักผ่อนเล็กๆที่อีกทางหนึ่งอย่างต้องการจะตอบให้จบๆไป เขาจะได้กลับไปนั่งกินอาหารเช้าดีๆสักที

“อา...งั้นเดี๋ยวผมไปชาร์จไว้ก่อน เอาเป็นว่าวันนี้ผมจะเช็คสายพันธุ์พวกมันแล้วก็แยกประเภทไว้นะครับ จะได้ดูแลเป็นกลุ่มๆไป” รอยยิ้มกว้างของลาซารัสฉีกกว้างอย่างมีความสุขเคล้าเสียงเห่าแหลมเล็กระงมเป็นระยะ

“ฝึกให้มันเงียบด้วย ฉันไม่อยากตื่นกลางดึกเพราะเสียงพวกมัน” ร่างสูงเดินหลบไปอีกทาง รู้สึกเหมือนไม่สามารถมองใบหน้าแบบนั้นได้นานนัก

“ได้ครับ!” แต่โอเมก้าหนุ่มดูจะยังไม่รับรู้ความผิดปกติอะไร เดินดุ่มไปทางห้องพักผ่อนแล้วเริ่มรื้อหากล้องในตู้เก็บของใกล้กับเครื่องเล่นดีวีดีและทีวีขนาดใหญ่ที่แทบไม่ได้เปิดมานานมาก

ลาซารัสค้นเจอกล้องที่ไร้แบตเตอร์รี่ที่มุมในสุดของตู้ และสะดุดตาเข้ากับแผ่นซีดีที่ไม่ได้เขียนชื่อระบุไว้ดังเช่นแผ่นอื่นๆ แต่เมื่อพลิกดูที่หลังซีดีก็เห็นว่ามีข้อมูลอยู่ ใจหนึ่งก็อยากรู้ว่ามันคืออะไรในขณะที่ความเกรงใจเจ้าของบ้านก็ค้ำคอไว้

“คุณแมทเวย์ครับ อาหารเช้าได้แล้วนะครับ” พ่อบ้านเคาะประตูเรียกแม้มันจะเปิดอยู่แล้วก็ตาม

“ครับ เดี๋ยวผมตามไป” ลาซารัสวางแผ่นซีดีลงที่เดิมแล้วเอากล้องไปเสียบแบตไว้ กระนั้นใจก็อยากจะรู้อยู่ดี ...อยากรู้จักคนๆนี้มากขึ้นเลยพยายามสำรวจจากของรอบตัว… คิดเข้าข้างตัวเองไว้ก่อนโดยไม่รู้ว่าไอ้ที่คิดอยู่นี้มันคือความรู้สึกไหนกันแน่ สองเท้าก้าวออกจากห้องนั้นไปโดยทิ้งความแคลงใจไว้ในนั้นด้วย


“เป็นพันธุ์ใหญ่ 5 ตัว ขนาดกลาง 4 ตัว ที่เหลือพันธุ์เล็กหมดเลย” ลาซารัสจับก้อนขนปุยทั้งหมดใส่ปลอกคอก่อนแยกพวกมันไว้ในรั้วที่กั้นแยกแต่ละสายพันธุ์โดยเลือกจะคัดแยกตามขนาดตัว ให้อาหาร จดชื่อและใส่ปลอกคอสีตามขนาด รวมทั้งลิสต์การดูแลแต่ละพวกอย่างดี ทั้งหมดนี้กว่าจะทำเสร็จก็ปาไปบ่ายกว่าๆแล้ว “คุณเรนเดล ขอบคุณที่ช่วยนะครับ”

“ไม่เป็นไรครับ” พ่อบ้านนั่งอยู่ในรั้วเดียวกับสายพันธุ์เล็กที่ไร้เรี่ยวแรงจะต่อต้านผู้ชราภาพแล้วอย่างเขา ก่อนจะลุกออกมาเมื่อใส่ปลอกคอได้หมดทุกตัว “รับของว่างตอนบ่ายมั้ยครับ?”

“ก็ดีครับ ผมไปเช็คกล้องสักครู่นะครับ จะได้ถ่ายรูปพวกมันไว้ติดในใบรายชื่อ เผื่อลืมน่ะ” ร่างโปร่งเดินฉิวไปทางห้องเดิมที่เข้าไปหากล้องเมื่อเช้าจนทำเอาเรนเดลนึกอิจฉาในเรี่ยวแรงที่ยังมีเหลือเฟือนั้น

โอเมก้าหนุ่มเดินกลับมายังห้องที่ตนได้ชาร์ตแบตกล้องทิ้งไว้ ร่างโปร่งหยิบขึ้นมาดูก็เห็นว่าชาร์จเต็มแล้วจึงถอดสายออกจากตัวกล้อง ดวงตาสีฟ้ามองแผ่นซีดีแผ่นเดิมอีกครั้งก่อนส่ายหน้าไปมาสะกดตัวเองว่าอย่าไปยุ่งกับข้าวของๆคนอื่น แล้วรีบเดินลงไปที่สวนหลังบ้านอีกครั้ง

คาเล็มยังคงยุ่งกับงานวิจัยในห้องทำงานของตน แต่เสียงเอะอะของทั้งคนและฝูงสุนัขก็ดังลอดเข้ามาทางหน้าต่างเรื่อยๆ จนตั้งสมาธิกับการทำงานไม่ค่อยได้ ตัวหนังสือในรายงานที่อยู่ในมือไม่เข้าหัวของอัลฟ่าสูงวัยคนนี้เลยสักนิด ท้ายที่สุด...งานของวันนี้จึงต้องพับเก็บเข้าลิ้นชักไปตามระเบียบ อย่างน้อยก็จนกว่าจะฝึกเจ้าพวกฝูงก้อนขนให้อยู่กันเงียบๆกว่านี้

...ถึงจะรู้อยู่แก่ใจว่าแทบเป็นไปไม่ได้เลยก็ตาม

คุณหมออัลฟ่าลงมาที่สวนหลังบ้าน เห็นพ่อบ้านคนเก่าคนแก่และโอเมก้าในครอบครองคนล่าสุดกำลังวิ่งไล่จับพวกก้อนขนให้อยู่นิ่งๆเพื่อถ่ายรูป แต่ด้วยความที่เจ้าพวกตัวเล็กยังเด็กเลยคึกคะนองกันสุดฤทธิ์สุดเดช

“อ้าว? คุณหมอทำงานเสร็จแล้วเหรอครับ” โอเมก้าหนุ่มหันไปถามโดยที่มือยังอุ้มเจ้าซามอยด์ที่พยายามกระโดดขึ้นมาเลียหน้า

“เสียงดังขนาดนี้ใครจะไปทำงานลง…” เสียงบ่นของอัลฟ่าโดนเสียงเห่าเล็กแหลมกลบไปหมด เขายืนดูอยู่อย่างนั้นเงียบๆ สักพักเจ้าจูเลียตที่ไม่รู้ไปแอบอยู่ที่ไหนมาก็เดินมาอ้อนเจ้านายของตน

“ไง โดนทิ้งมาเหรอจูเลียต” เสียงครางหงิงของเจ้าลูกผสมหมาป่าแทนคำตอบได้เป็นอย่างดี คาเล็มนั่งลงยองๆ แล้วลูบหัวคล้ายปลอบโยน “เดี๋ยวพาไปเดินเล่นแล้วกัน”

จูเลียตทำหูตั้งกระดิกหางไปมาแล้ววิ่งวนไปรอบๆ คาเล็มเดินเข้าบ้านไปหยิบเสื้อคลุมไหมพรมมาสวมทับเสื้อเชิ้ตก่อนจะตะโกนบอกเรนเดลว่าจะพาจูเลียตไปเดินเล่นแถวๆนี้

“ดูแลตัวเองนะครับนายน้อย” เรนเดลค้อมศีรษะให้เจ้านายของตน

“ให้ผมไปด้วยได้มั้ยครับ” ลาซารัสตะโกนถามตามหลังร่างสูงไป

“นายเอาเจ้าพวกนั้นให้สงบก่อนเถอะ” หมอเพียงแค่โบกมือให้เหมือนจะบอกว่า โชคดีกับการรับมือเจ้าตัวเล็กพวกนั้นแล้วกัน.. และเดินออกไปทางหน้าบ้าน


กว่าพวกตัวเล็กจะหมดแรงก็เล่นเอาหอบอยู่ แต่พอให้กินนมกินข้าวกันเรียบร้อย แต่ละตัวก็เริ่มง่วงๆคล้อยๆจะหลับกันหมดแล้ว ทั้งสองคนจึงกลับเข้าบ้าน

“เล่นเอาหอบเหมือนกันนะครับ” ลาซารัสทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ในครัว พ่อบ้านก็ตามมานั่งพักเช่นเดียวกัน

“โชคดีนะครับที่พวกพันธุ์ใหญ่เรียบร้อยกว่าที่คิด มีแค่พันธุ์เล็กที่ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว”

“ฮะฮะ เดี๋ยวชินสถานที่ก็คงสงบลงเอง” โอเมก้าหนุ่มไล่ดูรูปถ่ายพวกขนปุยทีละรูป กระทั่งถึงรูปเก่าที่ค้างอยู่ในเครื่องแล้วเจ้าตัวก็ชะงักมือไป ภาพในกล้องนั้นเป็นหมอคาเล็มยืนถ่ายคู่กับคนที่เขาไม่เคยเห็นในอัลบั้มรายชื่อคนไข้ของหมอเลย แถมหมอในรูปนั้นยังดูอายุไม่เยอะเท่าปัจจุบันด้วย

“คุณเรนเดลครับ..คนนี้คือ..?” ลาซารัสยื่นกล้องให้พ่อบ้านดู

“อ้อ.. คนๆนี้..”

“ใช่...คู่ของคุณหมอรึเปล่าครับ?” เรนเดลพยักหน้ารับเงียบๆ ลาซารัสจ้องมองคนๆนั้นอยู่นานและไล่สายตาไปมองคาเล็ม...ซึ่งยิ้มแย้มดูมีความสุขผิดกับปัจจุบันที่เป็นอยู่เหลือเกิน “เขา..เป็นอะไรไปเหรอครับ?”

“นายน้อยเล่าให้ฟังแล้วเหรอครับ?” พ่อบ้านเลิกคิ้วแปลกใจ ไม่นึกว่าคาเล็มจะยอมเปิดปากให้คนไข้ของตัวเองฟัง

“เปล่าครับ...แต่ก็...ใกล้ๆเคียง” ชายหนุ่มเกาแก้มไม่รู้จะตอบอย่างไรดี “แต่ถ้าบอกไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะครับ”

พ่อบ้านปฎิเสธที่จะเผยข้อมูลของนายจ้างตนให้ลาซารัสฟัง กระนั้นชายหนุ่มก็ไม่ว่าอะไร เข้าใจว่ามันคงไม่ใช่เรื่องที่น่าบอกเล่าเท่าไรนัก เมื่อทั้งคู่พักจนหายเหนื่อย ต่างก็แยกย้ายไปจัดการงานบ้านส่วนที่ได้ตกลงแบ่งกันไว้ตั้งแต่ที่ลาซารัสเข้ามาอยู่ ทว่า..ใบหน้ายิ้มแย้มของคุณหมอยังคงวนเวียนอยู่ในหัวไม่ยอมหลุดไปไหน

“มันก็แค่..ภาพติดตาน่า.. ตามหลักแล้ว น่าจะเป็นการจดจำสิ่งที่แปลกแตกต่างไปจากปกติของสมอง…” ลาซารัสเริ่มท่องความน่าจะเป็นตามหนังสือจิตวิทยาสักเล่มที่ได้อ่านมาเพื่อให้ลืมๆไปเสียในระหว่างที่พรวนดินให้แปลงดอกไม้ที่สวนหน้าบ้าน ตะวันเริ่มจะคล้อยต่ำจนแดดเริ่มแสบผิว แต่คุณหมอก็ยังไม่กลับมา แม้จะอยากเดินไปตามหาแค่ไหนทว่าเขาก็ไม่อยากขัดคำสั่งของคาเล็มที่ไม่ให้ออกไปไหนโดยไม่ตัวติดกับเขา

โอเมก้าหนุ่มกลับเข้ามาในบ้านเงียบสงบ เสียงของเรนเดลแว่วมาจากในครัว คงกำลังเตรียมอาหารเย็นกระมัง ช่วงเวลาว่างที่เหลืออยู่นี้สมองก็พลันนึกถึงแผ่นซีดีนั้นขึ้นมาอีก… แต่คราวนี้เท้าทั้งสองพาตัวเขาก้าวกลับเข้ามาในห้องพักผ่อนที่ปิดม่านทึบแสงจนเกือบจะมืดสนิท เขาเดินไปเปิดเครื่องเล่นซีดีและทีวี ซึ่งน่าประหลาดใจที่มันยังคงใช้ได้ทั้งที่ดูไม่มีวี่แววว่าจะเคยถูกใช้ในช่วงเวลาใกล้ๆกับปัจจุบัน..

เมื่อใส่แผ่นลงไปและกดเล่นสิ่งที่อยู่ในนั้น เป็นภาพวิดีโอที่เหมือนจะเป็นใครสักคนถ่ายไว้ เสียงไม่คุ้นหูกำลังเดินถ่ายไปตามทางเดินของบ้านหลังเดิมที่ผิดแปลกไปอย่างเดียวคือทั้งใหม่และดูเหมือน ‘บ้าน’ มากกว่าตอนนี้มากนัก กล้องเลื่อนไปจนหยุดที่โซฟาตัวกว้างที่มีหมอนคาเล็มในช่วงวัยหนุ่มกว่าปัจจุบันนอนทอดกายอยู่

“ดูสะอาดจัง” โอเมก้าหนุ่มแอบวิจารณ์เสียงเบาพร้อมรอยยิ้มเอ็นดู กล้องค่อยๆเลื่อนไปใกล้ร่างสูงช้าๆเหมือนพยายามไม่ทำให้ตื่น ที่ขอบจอด้านล่างมีของเล่นที่ท่าทางจะสร้างเสียงดังอย่างแน่นอนอยู่ ดูแล้วคงตั้งใจมาแกล้งคุณหมอแน่ๆ…
 

“คิดจะแกล้งกันเหรอ”


จู่ๆคาเล็มก็ลืมตาและคว้าเอาคนถือกล้องลงไปนอนทับตนเองอย่างรวดเร็วแม้แต่ลาซารัสยังแอบสะดุ้งเพราะตกใจ


“อะไรเนี่ย แกล้งหลับเหรอ”


“หึหึ ก็รอดูว่านายทำตัวลับๆล่อๆตั้งแต่เช้าแบบนั้นตั้งใจจะทำอะไรน่ะสิ”



รอยยิ้มของหมอคาเล็มตรึงสายตาของผู้ชมวิดีโอนี้ไว้นิ่งสนิท อัลฟ่าสูงวัยที่ดูปลีกวิเวกและสุขุมสงบนิ่งมีรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นขนาดนี้เลยหรือ


“ไม่สนุกเลย โธ่”

“หา อยากแกล้งฉันขนาดนี้เลยเรอะ งี้ต้องโดนลงโทษ”



คุณหมอในวิดีโอกอดคนถ่ายไว้แน่นก่อนเริ่มจั๊กจี้ร่างที่ทับตนไว้จนเสียงของคนอีกคนที่น่าจะเป็นคนรักของหมอนั้นหัวเราะออกมาเสียงดัง กระทั่งคาเล็มพลิกตัวขึ้นมานอนคร่อมคนถ่ายไว้พลางหายใจหอบจากการฝืนยื้อร่างที่ดิ้นไปมาจากการโดนจี้


“จะถ่ายไปถึงเมื่อไหร่?”

“ไม่รู้สิ แต่หน้านายตอนนี้ดูเอาเรื่องดีนะ”



ลาซารัสเห็นด้วยกับคำพูดนั้นทุกประการ สายตาอบอุ่นขี้เล่นเมื่อครู่เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความต้องการที่ดูก็รู้ว่าปรารถนาอะไรอยู่ โอเมก้าหนุ่มที่นั่งจ้องใบหน้าของคุณหมอในนั้นกำลังใจเต้นสั่นระรัวจนเสียงดังออกมาข้างนอกหน้าอกอย่างไม่อาจควบคุม

ลาซารัสตัดสินใจปิดวิดีโอนั้นก่อนจะยกมือขึ้นจับหน้าของตนเพราะรู้สึกได้ว่ามันร้อนวูบวาบไปหมด และมันก็ร้อนอย่างที่คิดไว้จริงๆ ร่างโปร่งเอาดีวีดีออกจากเครื่องแล้วเก็บทุกอย่างให้เข้าที่อย่างรวดเร็ว และลุกขึ้นมานั่งบนโซฟาตัวเล็กในห้องเพื่อสงบสติตัวเอง เมื่อสำรวจแล้วมั่นใจว่ามันไม่ใช่อาการฮีทแน่นอน เจ้าตัวก็เก็บยาเข้ากระเป๋าเสื้อไป

“....มันก็แค่ตื่นเต้นเพราะได้เห็นคนอื่นในมุมมองที่ไม่เคยเห็นน่า…” ปลอบใจตัวเองเพื่อให้หายใจเต้นสักที.. ทำไมมันยากขนาดนี้…

“คุณแมทเวย์ ทำอะไรอยู่เหรอครับ?” เสียงตะโกนของพ่อบ้านสูงวัยจากชั้นล่างดังขึ้น ลาซารัสเด้งตัวลุกขึ้นจากโซฟาแล้วออกไปจากห้องนั้นโดยเร็ว

“ครับคุณเรนเดล ผมดูทีวีอยู่น่ะ มีอะไรรึเปล่าครับ?” แก้ตัวน้ำขุ่นๆ อย่างรู้สึกผิด ก่อนเดินลงบันไดมาหาคุณพ่อบ้าน

“จวนได้เวลาอาหารเย็นแล้ว ช่วยไปตามนายน้อยหน่อยได้รึเปล่าครับ”

“เอ่อ...แต่คุณหมอห้ามไม่ให้ผมไปไหนมาไหนเองนี่ครับ” คำเตือนของคุณหมออัลฟ่าที่เจ้าตัวนับเป็นคำสั่งเด็ดขาดทำให้อดกังวลไม่ได้ถ้าจะฝ่าฝืนมัน

“แถวนี้เป็นที่ส่วนบุคคลไม่มีคนอื่นอยู่หรอกครับ แต่ถ้าคุณกังวลล่ะก็เดี๋ยวกระผมจะออกไปตามเองก็ได้ คุณช่วยอยู่เฝ้าบ้านสักครู่นะครับ”

“อ่ะ อย่าเลยครับ เดี๋ยวผมไปให้ก็ได้ คุณเรนเดลเตรียมอาหารเย็นต่อเถอะนะครับ” โอเมก้าหนุ่มอาสาเพราะไหนๆแล้วจะได้ลองออกไปเดินสำรวจละแวกบ้านแถวๆนี้ด้วย

“นายน้อยคงพาจูเลียตไปเดินเล่นแถวๆ ริมแม่น้ำนะครับ อยู่ไม่ไกลจากที่นี่หรอก” บอกสถานที่ที่ผู้เป็นเจ้านายมักไปเป็นประจำให้ทราบ และยื่นสิ่งคุ้มครองตัวไว้ให้

“เหวอ!” ชายชรายื่นปืนกระบอกสีดำภายในบรรจุกระสุนไว้พร้อมสำหรับยิงได้ทุกเมื่อ

“เผื่อฉุกเฉินน่ะครับ กันไว้ก่อนดีกว่า นายน้อยเองก็พกไว้เหมือนกัน” น้ำเสียงที่กล่าวราวกับเป็นเรื่องปกติของที่นี่ แต่สำหรับคนที่เพิ่งมาอยู่ใหม่นั้นกลับตื่นเต้นปนหวั่นใจ เกิดมาก็เพิ่งจะเคยจับปืน เกิดเขาทำปืนลั่นขึ้นมานี่ซวยแหงๆ!

(ยังมีต่อ)

ออฟไลน์ pichi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • PICHI Otakura

ลาซารัสพาเจ้าสุนัขพันธุ์ใหญ่มาด้วยสองตัวเพื่อความอุ่นใจว่าอย่างน้อยๆ ก็มีเพื่อนมาด้วยไม่ได้มาตัวคนเดียว มือคอยแตะปืนที่เหน็บไว้ด้านหลังให้แน่ใจว่ามันยังอยู่ไม่เผลอทำตกหล่นที่ไหน ว่าแต่เดินมาเกือบสิบนาทีแล้วก็ยังไม่เห็นแม่น้ำที่ว่าเลย...ไม่ใช่ว่าเขาหลงทางหรอกนะ!

“ก็เดินมาทางที่คุณเรนเดลบอกนี่นา..” ร่างโปร่งหันไปมองหลังคาบ้านที่เห็นอยู่เหนือแมกไม้เพื่อให้อุ่นใจว่ายังมองเห็นที่ๆกลับไปได้อยู่ แต่แสงที่เริ่มหมดลงก็ทำให้มองผ่านความมืดได้ยากขึ้นทุกที ถึงจะกลัวแต่ก็ทำใจดีสู้เสือต่อ มือที่จับปืนไว้เปลี่ยนมาถือไฟฉายที่พกมาแทน และยังคงเดินไปมารอบๆโดยพยายามไม่ไปไกลเกินจะมองให้เห็นตัวบ้าน

แต่ยิ่งเดินกลับรู้สึกเหมือนตัวเองหลงป่าเข้าทุกที สุนัขวัยหกเดือนทั้งสองตัวก็ยังไม่ได้ฝึกดมกลิ่น จึงไม่สามารถนำทางเขาได้ แถมดูจะสนใจทุกอย่างจนเกือบจะวิ่งไปทางอื่นอยู่เป็นระยะ

“คุณหมอครับ!” ลาซารัสลองตะโกนเรียกคนที่ตามหา แต่ไร้เสียงใดๆตอบกลับมา ซ้ำยังเริ่มกังวลและหวาดระแวงเสียงแปลกๆรอบตัวในป่าอีกต่างหาก ถึงจะเป็นป่าโปร่งแต่ไร้แสงไฟแบบนี้ก็ทำเอาใจไม่ดี อยากจะหันหลังกลับแต่ก็เป็นห่วงเจ้านายของตนจนขาไม่กล้าจะก้าวไปไหน

แซ่ก..

เสียงใบไม้ไหวไม่ใกล้ไม่ไกลจากตนทำเอาโอเมก้าหนุ่มสะดุ้งและหันไปทางต้นเสียงอย่างตื่นตระหนก ไฟฉายถูกเปลี่ยนไปถือในมือข้างที่จับสายจูง ส่วนมือที่เพิ่งว่างนั้นเลื่อนลงไปจับปืนแน่น

“มาทำอะไรกลางป่าแบบนี้”

“ว้ากกกก!!”

ลาซารัสแผดเสียงร้องลั่นจนลูกหมาทั้งสองยังสะดุ้ง หมอคาเล็มโผล่มาทางด้านหลังของชายหนุ่มเงียบๆ “อย่าโหวกเหวกสิ”

“ค...คุณหมอ..?” คนตัวเล็กกว่าตัวสั่นระริกจากความกลัว พอหันไปทางต้นเสียงแปลกๆคราแรกก็พบกับจูเลียตที่เดินตรงมาเลียลูกหมาทั้งสองตัว “ผมตามหาคุณตั้งนานอ่ะ”

“มาตามทำไม นี่บ้านฉัน ฉันไม่หลงป่าเหมือนนายหรอกน่า” คาเล็มพูดจิกอย่างรู้ทันว่าคนที่จะมาตามนั้นดันเดินพลัดหลงเสียเอง

“ก็..คุณเรนเดลทำอาหารเย็นเสร็จแล้ว เลยให้ผมมา….”

คิ้วที่ขมวดอย่างขัดใจที่โอเมก้าในครอบครองของเขาขัดคำสั่ง ทว่าพอเห็นร่างเล็กสั่นอย่างหวาดกลัวแต่ยังไม่คิดจะหันหลังกลับเขาก็คลายความโมโหนั้นลงอย่างใจอ่อน “ขอบใจ แต่คราวหน้าไม่ต้องนะ”

“ครับ..” ลาซารัสก้มหน้าลงและเดินตามหลังร่างสูงไปเงียบๆ พยายามจะช่วยเหลือเจ้านายแต่กลับทำเขาลำบากมากขึ้นหรือเปล่านะ? ระหว่างที่ก้าวเท้าตามต้อยๆก็พินิจมองอีกฝ่าย พอเห็นเพียงแผ่นหลังกว้างนั้นแล้วก็เผลอนึกถึงใบหน้าในวิดีโอนั้นอีก ครู่เดียวก็พยายามสะบัดเรื่องไร้สาระออกจากหัว ตอนนี้เขาควรคิดหาทางทำให้ตัวเองมีประโยชน์มากกว่านี้ก่อน!


“กินไม่ไหวแล้วคร้าบ…” ร่างโปร่งนอนอืดพุงกางเอนตัวพิงอยู่บนโซฟา พอคุณหมอคาเล็มมาร่วมวงกินข้าวเย็นด้วยเรนเดลเลยนึกคึกไปหน่อยเผลอทำออกมาปริมาณมากกว่าปกติ จะกินเหลือก็กลัวจะเสียน้ำใจคุณพ่อบ้านก็เลยต้องซัดให้เกลี้ยง

กว่าอาหารเย็นที่กินไปจะย่อยก็อีกนาน ลาซารัสเลยหยิบรีโมตขึ้นมากดดูรายการโทรทัศน์ซึ่งกำลังประกาศข่าวการแต่งงานสายฟ้าแล่บของดาราสาวที่ขึ้นแท่นนางเอกอันดับหนึ่งตลอดกาลกับลูกชายนักธุรกิจชื่อดัง ฟังผ่านๆก็ไม่คิดอะไรมากหากแต่นามสกุลของฝ่ายชายที่ดาราสาวพูดต่อหน้านักข่าวกลับดึงความสนใจของโอเมก้าหนุ่มให้ต้องลุกขึ้นมาตั้งใจฟังดีๆ นั่นก็เพราะนามสกุลที่ว่าเป็นนามสกุลเดียวกับคุณหมอคาเล็ม...ถ้าเขาฟังไม่ผิดล่ะก็นะ

“บังเอิญล่ะมั้ง…” คนนามสกุลซ้ำกันก็มีให้เห็นอยู่ ลาซารัสะบัดหัวไล่ความคิดออกไปแล้วเปลี่ยนช่องไปดูรายการอื่นแต่ก็ไม่มีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่ จะว่าไปหนังที่ไปดูด้วยกันกับคุณหมอเมื่อวานก็สนุกดีเหมือนกัน

“จะได้ไปดูด้วยกันอีกมั้ยนะ…” ดวงตาสีฟ้าเหม่อลอยนิดๆ มาคิดๆดูก็แอบเสียดายที่ไม่ได้หันไปดูหน้าคุณหมอตอนที่กำลังดูหนังด้วยกัน เพราะเขากำลังตื่นเต้นที่ได้มาสถานที่แบบนั้นเป็นครั้งแรก...ว่าแต่ เขาเป็นอะไรมากมั้ยนี่ ทำไมถึงได้ติดใจที่จะเห็นหน้าคุณหมออัลฟ่าคนนั้นขนาดนี้!

ก๊อกๆๆ…

ลาซารัสหันไปทางประตูว่าใครเคาะเรียก “ครับ”

“ยุ่งอยู่รึเปล่า?” เสียงทุ้มของอัลฟ่าสูงวัยเอ่ย ลาซารัสเด้งตัวลุกขึ้นไปที่ประตูก็เจอหน้าหมอคาเล็มยืนพิงผนังอยู่

“มีอะไรเหรอครับคุณหมอ?” ร่างโปร่งมองคุณหมอที่ยืนกอดอกอยู่พักหนึ่งก่อนจะตัดสินใจพูดธุระของตนออกมา

“ช่วยตัดสูทสำหรับใส่ไปร่วมงานแต่งงานให้ฉันชุดหนึ่ง”

“...เอ๊ะ…” ลาซารัสหันกลับเข้าไปในห้องที่ยังเปิดจอทิ้งไว้และกดวนมาจนเจอข่าวเดิมที่เขาเอะใจนามสกุลของฝ่ายชายเมื่อครู่ “รึว่า…”

คาเล็มพยักหน้าให้ช้าๆเหมือนไม่ได้ตื่นเต้นอะไรนัก แต่โอเมก้าหนุ่มนั้นยืนช็อคไปเรียบร้อย ทำไมโลกมันถึงกลมขนาดนี้กันนะ “พี่ชายต่างแม่ของฉันเอง” คุณหมอตอบเสียงเรียบเมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่าย

“....” ก็อยากจะพูดว่ายินดีด้วยอยู่..แต่สีหน้าของหมอดูจะบอกว่าไม่ค่อยอยากไปร่วมงานสักเท่าไหร่ เขาจึงไม่พูดอะไรนอกเรื่อง “งั้น...เข้ามาวัดตัวก่อนนะครับ”

คาเล็มเดินตามโอเมก้าของตนเข้ามาในห้อง ระหว่างที่ลาซารัสกำลังหาสมุดมาจดข้อมูลเขาก็กวาดตามองไปทั่วห้อง ของที่เอามาด้วยส่วนใหญ่ก็มีเพียงเสื้อผ้าเท่านั้น ส่วนตุ๊กตาที่วางเพิ่มมานั้นเป็นของที่เพิ่งได้มาจากการไปเดินช้อปกันเมื่องานนั่นแหละ… เรียกได้ว่าห้องโล่งสุดๆไปเลย…

“ดีนะที่เอาสายวัดติดตัวมาด้วย...มีอุปกรณ์อีกนิดหน่อย” คนตัวเล็กกว่ากุลีกุจอเอาของที่ต้องใช้มาวางเรียงราย “เอ่อ…ช่วยถอดเสื้อกาวน์ออกได้มั้ยครับ”

คาเล็มถอดออกอย่างว่าง่าย จะว่าไปแทบไม่เคยเห็นเขาอยู่ในชุดลำลองตามปกติเลยสักครั้ง ไม่มีเสื้อกาวน์สีขาวก็ต้องมีเสื้อคลุมทับอีกชั้นทุกที… พอเห็นแบบนี้โอเมก้าหนุ่มชักจะหวั่นใจแปลกๆ…

“ขออนุญาตนะครับ.. เงยหน้าขึ้นนิดนึง” ลาซารัสแตะปลายนิ้วพร้อมปลายสายวัดลงไปตรงกลางร่องไหปลาร้าและลากยาวตรงลงมาถึงบริเวณสะดือของอีกคน เมื่อได้ความยาวที่ชัดเจนก็หันไปจดไว้ ..แค่เริ่มก็เหมือนจะมือสั่นพิกล.. “ต่อไปก็..”

ต่อๆมาก็วัดช่วงบ่าและความยาวแขนรวมทั้งความยาวช่วงหลัง แต่พอต้องวัดรอบช่วงอก ช่างจำเป็นก็เผลอกลืนน้ำลาย “ก...กางแขนออกด้วยครับ” เมื่อคุณหมอทำตามร่างโปร่งก็เดินเข้ามากวาดแขนคล้ายจะต้องโอบตัวอีกคนเพื่อเดินสายวัดไปรอบแผ่นอก พยายามไม่ให้มือ แขน หรือส่วนใดๆไปโดนตัวอีกฝ่ายเข้า… แต่ท่าทางจะเลี่ยงไม่ไหวเพราะหมอคาเล็มตัวใหญ่กว่าที่คิดไว้เยอะมาก เมื่อครู่จึงเหมือนกับได้กอดตัวคุณหมอไปแวบหนึ่งก่อนจะผละตัวออกมาทำหน้าที่ของตัวเองต่อ

ยังหายใจไม่ทั่วท้องดีก็ต้องมาโอบเอวคาเล็มอีกรอบ ในใจท่องบอกตัวเองให้มีสมาธิกับงานเพื่อไม่ให้เสียงหัวใจมันเต้นดังกว่านี้… อา.. แต่เมื่อรู้ตัวอีกทีก็ต้องวัดส่วนเป้าเสียแล้วสิ… แอบเหล่มองคนที่กำลังโดนวัดตัวก็เห็นว่าเขามองข่าวในทีวีอยู่ ยิ่งทำให้ลาซารัสรู้สึกเหมือนเป็นคนโรคจิตยังไงไม่รู้…

“ขออนุญาตนะครับ..” แม้แต่ตัวเองยังรู้สึกได้ว่าเสียงสั่น ก่อนจะนั่งยองๆลงกับพื้นและกดปลายสายวัดไว้ที่แถวสะดือร่างสูงและสอดมือผ่านหว่างขาอีกคนไปจนถึงบริเวณเอวด้านหลัง เมื่อได้ความยาวที่แน่นอนก็รีบผละตัวออกมาร้อนรนจนสังเกตได้ง่าย

“มีอะไรเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยถามเมื่อเห็นปฎิกิริยานั้นทางหางตาแว่บๆ

“ไม่มีอะไรครับ” ลาซารัสตอบเสียงดังฟังชัดแล้วหันไปจดตัวเลขเมื่อครู่ก่อนจะลืมเสียสิ้น.. “ต่อไปรอบสะโพกนะครับ”

“ถ้าไม่ไหวจะพักก่อนก็ได้” อัลฟ่าสูงวัยกล่าว

“ผม...ไม่เป็นไรหรอกครับ วัดอีกนิดเดียวก็จะเสร็จแล้วล่ะ” เจ้าของตาสีฟ้าหลบสายตาที่จ้องมาอย่างรู้ทัน มือจับสายวัดกำลังจะวัดรอบสะโพกแต่สุดท้ายโอเมก้าหนุ่มก็หยุดมือกลางคัน

“...?” คาเล็มหันกลับมามองลาซารัสที่นั่งนิ่งไปตรงหน้าอย่างหวั่นใจว่าจะเป็นอย่างที่เขาคิด

“ค….คุณหมอ…” เสียงสั่นเรียกคนตรงหน้า ลาซารัสทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แม้จะเหมือนเขินอายสุดๆอยู่มากกว่าก็ตาม “คือ...ผมฮีทอ่ะครับ”

“....” หมอยืนมองตาปริบ แม้จะเห็นการฮีทกะทันหันมานับไม่ถ้วนแต่เพิ่งมีคนแรกที่ยังคงนั่งสงบเสงี่ยมได้แบบนี้

“ข...ขอตัวสักครู่นะครับ” ร่างโปร่งรีบรุดออกจากที่ตรงนั้นแล้วปรี่ออกจากห้องไปโดยทิ้งคุณหมอผู้กำลังฉงนไว้ลำพัง

โอเมก้าหนุ่มขังตัวเองในห้องน้ำก่อนหยิบยาที่พกไว้ออกมากินตามจำนวนที่คาเล็มเคยบอก ร่างกายที่เริ่มร้อนค่อยๆผ่อนคลายลงจนกลับมาเป็นปกติหลังจากนั่งรอยาออกฤทธิ์เพียงครู่เดียว.. ทว่า ถึงจะหายจากอาการฮีทแล้วดวงหน้ามนกลับยังขึ้นสีแดงจัดอย่างอับอายที่ฮีทต่อหน้าคนๆนั้นอยู่

“อะไรกัน ยังไม่ถึงช่วงนั้นซะหน่อย” ลาซารัสเริ่มคิดหาสาเหตุต่างๆ หรือนี่จะเป็นเพราะอยู่ใกล้อัลฟ่ามากเกินไป? นานเกินไป? แต่หมอก็ฉีดน้ำหอมดับกลิ่นฟีโรโมนไว้ ทำไมยังมีผลอยู่อีก? ยิ่งคิดมือสองข้างยิ่งขยี้ผมของตนมากขึ้นเรื่อยๆจนผมสีน่ำตาลเข้มกระเซิงไม่เป็นทรง

“คุณหมอ...จะหาสาเหตุได้มั้ยนะ…” พอเริ่มอับจนหนทางก็เริ่มคิดว่ามีผู้รู้มากกว่าเขาอยู่ในบ้านนี้ทั้งที…. ติดก็แต่ว่าตอนนี้ไม่รู่ว่าอัลฟ่าคนนั้นเป็นยังไงบ้าง….. ระหว่างที่โอเมก้าตัวน้อยยังกลุ้มใจไม่เลิก คาเล็มก็เดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องน้ำซึ่งลาซารัสขังตัวเองอยู่ในนั้นยังไม่ยอมออกมา

“นายโอเครึเปล่า?” เสียงทุ้มถามลอดประตู ร่างโปร่งที่นั่งคิดไม่ตกอยู่บนฝาชักโครกลุกขึ้นเปิดประตู แต่ก็ยังแอบๆไม่โผล่หน้าออกมาให้เห็นชัดๆเพราะอายตัวเอง

“ครับ…” ตอบรับเพียงสั้นๆ เพราะไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงดี “ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงครับ”

“ถ้าหายดีแล้วก็มาที่ห้องตรวจร่างกายหน่อย” ร่างสูงของอัลฟ่ามากวัยเดินไปยังห้องทำงาน ลาซารัสจึงเดินตามหลังคุณหมอไปห้องตรวจแต่โดยดี

คาเล็มใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ภายในห้องตรวจวัดร่างกายของโอเมก้าหนุ่มหลายๆ อย่าง ใช้เวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมงก่อนจะให้ลาซารัสไปพักที่ห้องก่อน เพราะเขาจำเป็นต้องใช้เวลาสักพักใหญ่ในการวิเคราะห์หาสาเหตุ

ร่างโปร่งนอนแผ่ไปบนที่นอนอย่างอดกังวลไม่ได้ว่าการที่จู่ๆ เขาก็ฮีทขึ้นมานั้นจะเกิดจากความผิดปกติบางอย่างในร่างกาย เพราะถึงจะเป็นโอเมก้าก็จริงแต่ที่ผ่านๆมาเขาก็พอจะรับมือกับลูกค้าที่เป็นอัลฟ่าได้เสมอ

ทำไมกันนะ...แม้แต่ตอนนี้เขาก็ยังคิดถึงเจ้าของใบหน้าที่อยู่ในกล้องวีดีโอเมื่อตอนนั้น

มันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขากันแน่นะ…?


TBC.





*****************************************************************************************

รู้สึกจะเผลอเขียนกันมันส์มือไปหน่อย ยาวจนหั่นแบ่งมาลงไม่ถูกเลย  :sad4:

เพิ่งเคยเขียนแนวโอเมก้าเวิร์สครั้งแรกกันทั้งคู่ ยังไงก็ติ-ชมกันได้นะคะ  :-[

ออฟไลน์ YADA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เหมือนมาเป็นลูกคุณหมอ อ้อนพ่อให้ซื้อหมาให้แล้วคุณหมดนี่ยังไงจะเปิดฟาร์มหมาหรอคะ

ออฟไลน์ neverland

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 653
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ลาซารัสน่ารักจังเลยยย คุณหมอดูแลดีมาก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
ลาซารัสน่ารักมากกกก :hao7:

ออฟไลน์ pichi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • PICHI Otakura

บทที่ 2



เสียงนกร้องยามเช้าพร้อมกับแสงแรกของวันปลุกให้ร่างที่เผลอนอนหลับไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ตื่นขึ้นมาจากห้วงหลับใหล ลาซารัส แมทเวย์ลุกไปล้างหน้าล้างตาจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงมาหาเจ้าพวกก้อนขนที่รออยู่ตั้งแต่เช้า

“ไงเด็กๆ” ทันทีที่เปิดกรงก็โดนสารพัดก้อนขนพุ่งเข้าหาจนหงายหลังล้มลงไปนอนกองกับพื้นให้เจ้าพวกตัวเล็กรุมโทรมทั้งตัวทั้งใบหน้า “อย่าน้าาา มันจั๊กจี้นะพวกนายยย”

ถึงจะพูดแบบนั้นแต่โอเมก้าหนุ่มกลับตะโกนอย่างมีความสุขมากกว่า หลังจากปล่อยให้ฟัดจนพอใจก็ไปเทอาหารใส่ในชามของแต่ละตัวแล้วนั่งดูพวกมันกินอย่างเอร็ดอร่อย

“อรุณสวัสดิ์ครับคุณแมทเวย์” เสียงของชายสูงวัยเอ่ยทักทายยามเช้ากับคนที่ลงมาถึงสวนหลังบ้านก่อน “ยังตื่นเข้าเหมือนเดิม”

“ก็มีหน้าที่เพิ่มนี่ครับ อ่ะ จูเลียตตตต” ลาซารัสเดินเข้าไปกอดหอมสุนัขตัวใหญ่ที่เดินออกมาพร้อมกับเรนเดล “วันนี้ก็ฝากน้องๆด้วยนะ”

จูเลียตก็ฉลาดพอจะเข้าใจสิ่งที่เขาสื่อจึงส่งเสียงหงิงครางอ้อนแทนสัญญาณตอบรับและเริ่มเลียหน้าเขาเสียจนชุ่มต่อจากเหล่าก้อนขนนั้น “คุณเรนเดลมีอะไรให้ผมช่วยมั้ยครับ”

“อ้อ...เกรงว่านั่นคงจะเป็นคำถามของกระผม”

“เอ๋?”

“นายน้อยเพิ่งมาบอกว่าให้กระผมช่วยคุณวัดตัวนายน้อยหน่อย เพราะต้องการจะตัดสูทน่ะครับ” เรนเดลพูดฉะฉานและดูยินดีจะช่วยเหลือ ท่าทางคาเล็มจะไม่ได้บอกเรื่องเมื่อคืน

“อ๋อครับ.. งั้นเดี๋ยวทานข้าวเช้าเสร็จจะเริ่มวัดตัวนะครับ”

ทั้งสามคนล้อมวงทานอาหารดั่งเช่นปกติบนโต๊ะทานข้าว โดยที่ลาซารัสเลือกจะไม่ติดใจอะไรเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะตอนนี้เขาไม่อยากทำให้คุณหมองานยุ่งมากไปกว่านี้

“คุณเคยเป็นช่างมาก่อนหรอครับ?” โอเมก้าหนุ่มเลิกคิ้วแปลกใจที่เห็นพ่อบ้านวัดตัวตามที่เค้าบอกได้ถูกต้องแม่นยำกว่าที่คิด

“แค่เคยเห็นเพื่อนๆทำ กระผมก็เคยได้ช่วยเหลือเค้าบ้างเท่านั้นเองครับ” เรนเดลยิ้มและตอบอย่างถ่อมตน

“เดี๋ยวจะสั่งหุ่นลองเสื้อกับผ้ามาให้ ลิสต์รายการมาละกัน” คาเล็มพูดออกมาหลังจากวัดตัวจนเสร็จสิ้น

“ได้ครับ” ลาซารัสตอบรับแต่ไม่ได้หันไปสบตาหมอคาเล็มอย่างทุกที ยังคงไม่กล้าสู้หน้าเพราะเรื่องเมื่อคืน รวมถึงสายตาคู่นั้นที่เขายังคงติดใจ…

“สีตาของคุณหมอทำไมถึงเป็นแบบนั้นเหรอครับ?” โอเมก้าหนุ่มเกิดเอะใจขึ้นมา ในวีดีโอที่เขาแอบดูเมื่อวานสีตาของคนตรงหน้าก็ดูเป็นปกติดีไม่เหมือนกับตอนนี้

“อยากรู้ไปทำไม?” ดวงตาหลังกรอบแว่นจ้องเจ้าของคำถาม

“คือ…” ร่างโปร่งพยายามรวบรวมความคิดในการพูดออกไป “ผมไม่เคยเห็นคนตาสองสีมาก่อนน่ะครับก็เลยสงสัยนิดหน่อย”

“อุบัติเหตุน่ะ” คาเล็มยังคงยึดแนวทางตอบสั้นกระชับไม่เหลือที่ว่างให้ชวนสนทนาต่อสำหรับคำถามที่เขาไม่อยากเล่ารายละเอียดให้ฟัง “เดี๋ยวกินข้าวกับวัดตัวเสร็จฉันมีเรื่องจะคุยกับนายหน่อย มาที่ห้องทำงานฉันด้วยล่ะ”

“อ่ะ ครับ…” ลาซารัสแอบหวั่นว่าคุณหมอจะเรียกไปต่อว่าเรื่องอะไรรึเปล่า ทั้งที่พยายามจะทำตัวให้ดีๆไม่เป็นภาระ แต่อะไรๆ ก็ออกมาไม่เป็นไปตามที่คิดเลย

“ไปคุยเรื่องผลตรวจร่างกายของนายเมื่อคืน ไม่ต้องทำท่ากลัวขนาดนั้นก็ได้” อัลฟ่าสูงวัยกล่าวเพราะท่าทางตื่นกลัวของโอเมก้าตัวไม่น้อยที่คาดเดาได้ไม่ยาก

“หือ? คุณแมทเวย์เป็นอะไรเหรอครับ” เรนเดลถามเพราะดูอาการแล้วคนร่วมชายคาคนใหม่ก็ไม่ได้มีท่าทีเจ็บป่วยอะไร

“อ้อ เจ้านี่เกิดฮี--”

“มะ ไม่มีอะไรหรอกคร้าบบ!” โอเมก้าหนุ่มรีบขัดจังหวะการพูดไม่ให้คุณหมออัลฟ่าประจานความน่าอายของตนออกไป

ต่อให้เดิมทีคุณพ่อบ้านอาจจะชินกับเรื่องพรรค์นี้อยู่แล้ว แต่มันก็ไม่น่าเอามาพูดระหว่างทานอาหารเช้าอยู่ดี อย่างน้อยๆก็ช่วยสงสารเขาบ้างเถอะ นั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้ทั้งคนนะ!

“ครับผม” เรนเดลตอบรับอย่างเป็นกลาง จริงๆเขาก็เดาได้แม้คาเล็มจะพูดออกมาไม่หมดก็ตาม เพราะงานวิจัยของนายจ้างของตนมันก็มีอยู่เพียงเรื่องเดียวนั่นแหละ


“ไม่รู้..”

“....ครับ?”

“ถึงจะตรวจอย่างละเอียดแล้ว..แต่ว่า… ไม่เจอสาเหตุอะไรเลย” คุณหมอนั่งเท้าคางกับพนักเก้าอี้ขณะมองไปยังผลต่างๆที่ได้มา แอบหมุนเก้าไปมาเล็กน้อยด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิดพอตัวเพราะเป็นครั้งแรกที่เขาหาคำตอบให้สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ “ที่ผ่านมามันก็มีโอเมก้าที่ฮีทกะทันหัน แต่ส่วนใหญ่เป็นเพราะต้องคลุกคลีกับอัลฟ่านานพอ ทำให้ร่างกายตอบสนองฟีโรโมน”

ลาซารัสหน้าซีดจนเห็นได้ชัด ทั้งคู่รู้ดีว่าเมื่อคืนหมอคาเล็มฉีดยาระงับกลิ่นไปแล้วเพราะแม้จะเข้าใกล้ขนาดนั้นแต่ลาซารัสกลับไม่ได้กลิ่นอะไรเลย แถมถ้าหากถึงช่วงฮีทแล้วจริง ตื่นมาวันนี้เขาคงไม่ได้ลุกจากที่นอนแน่ๆ… งั้นอะไรกันเล่า?

“ไม่ต้องกลัวขนาดนั้น ไม่ถึงตายหรอกน่ะ” เห็นอีกฝ่ายตัวสั่นก็ต้องปลอบเสียหน่อย มาเสียขวัญเอาตั้งแต่เพิ่งเริ่มคงไม่ดีแน่ๆ.. “จำได้มั้ยว่าก่อนจะฮีทรู้สึกยังไงบ้าง”

“เอ่อ… เหมือนจะ..ใจเต้นมากๆ..แบบที่ไม่เคยเป็นเลยครับ…” ตอบไปตามตรงอย่างหวังว่าจะให้ประโยชน์อะไรได้บ้าง แต่ถึงตอนนี้ก็ยังไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองหน้าคุณหมออยู่ดี

คาเล็มได้ลองไปค้นเอกสารในตู้และเปิดแฟ้มประวัติคนไข้คนอื่นๆมาลองเทียบกันดูแล้ว ในบรรดาคนไข้โอเมก้าทั้งหมดที่เขาเคยรักษาบางคนยังมีปัญหาเรื่องสุขภาพที่ส่งผลให้เกิดความผิดปกติร่วมอยู่บ้าง แต่ลาซารัสนั้นเดิมทีก็มีร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ดี ไม่มีโรคประจำตัว และยังเป็นคนที่ดูแลตัวเองดีอยู่เสมอ จึงไม่สามารถนำเรื่องที่ร่างกายเกิดเจ็บป่วยมาวิเคราะห์ได้

“สุขภาพดีไม่มีโรค อยู่ๆก็ใจเต้นอย่างผิดปกติ ถ้างั้นก็แสดงว่า…” มือหนาดันกรอบแว่นขึ้นให้เข้าที่ก่อนหันกลับมานั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม สายตาไล่มองดูคนไข้ตรงหน้าที่แลดูลุกลี้ลุกลน ดูท่าทางคงจะกังวลน่าดูสินะ…ดูท่าทางคงจะยังไม่รู้ตัว

“ตกลงว่าผม...เป็นป่วยอะไรงั้นเหรอครับคุณหมอ” ลาซารัสจ้องตอบอย่างกล้าๆ กลัวๆ แต่ทั้งอย่างนั้นคุณหมอกลับทำหน้าโล่งใจเสียมากกว่า

“เป็น...แต่ไม่ใช่โรคร้ายแรง อา...ไม่สิ ไม่ใช่โรคอะไรหรอก มันเป็นอาการน่ะ”

“แล้วมันคืออะไรเหรอครับ?”

“ก่อนหน้านั้นนายช่วยตอบคำถามฉันมาข้อหนึ่งก่อน” คุณหมออัลฟ่าวางมือของตนลงบนโต๊ะทำงาน แล้วเลื่อนมือข้างหนึ่งไปกุมมือของโอเมก้าหนุ่มตรงหน้า

“คะ...คุณหมอจะถามอะไรผมเหรอครับ?” ลาซารัสตกใจที่จู่ๆหมอคาเล็มก็กุมมือเขาไว้ จะตรวจชีพจรเหรอ...ไม่อ่ะมันไม่ใช่ ดูยังไงคุณหมอก็กำลังจับมือเขาอยู่ชัดๆ!

ดวงตาหลังกรอบแว่นจ้องใบหน้าบริเวณแก้มของคนไข้โอเมก้าที่เริ่มขึ้นสี มีเหงื่อซึมใบหน้าและมือที่เขากุมไว้ก็เริ่มอุ่นๆ เสียงลมหายใจติดขัดเบาๆ และอาการหลายอย่างที่คาเล็มค่อนข้างแน่ใจแล้วว่าใช่แน่นอนชัวร์ๆ

“อืม...ได้คำตอบแล้ว” หลังจากนั้นคุณหมออัลฟ่าก็ปล่อยมือนั้นเป็นอิสระ

“เอ๋??” ดวงตาสีฟ้าเลิกคิ้วขึ้น ทั้งๆที่เมื่อคืนคุณหมอใช้อุปกรณ์ตรวจร่างกายเขาตั้งมากมายแต่ก็ไม่พบอะไร ทว่าเมื่อกี้แค่จับมือกลับรู้สาเหตุแล้ว มันอะไรกันเนี่ย?

“กลับไปพักก่อนก็แล้วกัน ไม่ต้องกังวลอะไรด้วย” คาเล็มพูดก่อนเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างสบายๆเพื่อให้โอเมก้าตรงหน้ารับรู้ได้ว่าเขาไม่เป็นห่วงความปกตินี้เท่าไหร่นัก “สั่งของที่นายต้องใช้ให้แล้ว สิ้นเดือนนี้ฉันต้องใช้แล้วน่ะ ทันใช่มั้ย?”

ลาซารัสหันไปมองปฎิทินบนโต๊ะทำงานของเจ้านายแล้วเริ่มคำนวณวันเวลาที่เหลือ “ทันครับ แต่อาจจะได้แค่สองชุดนะครับ”

“เหลือเฟือ ฉันไปแค่วันแต่งเท่านั้นแหละ”

ลาซารัสค้อมศีรษะเป็นเชิงกล่าวลาแล้วลุกออกจากห้องไปทั้งที่ยังคงสับสนในสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ พอโอเมก้าในความดูแลของตนปิดประตูลง คาเล็มก็ยกมือขึ้นกุมขมับและถอนหายใจยาว แทนที่จะต้องเริ่มวิจัยเรื่องของโอเมก้าต่อ ตอนนี้เขาต้องแก้ปัญหากับสิ่งเหนือความคาดหมายที่เกิดขึ้นเสียก่อน..

“เป็นเรื่องแล้วมั้ยล่ะ..” คาเล็มมั่นใจว่าตนไม่ได้ทำตัวสนิทสนมกับคนไข้ของตัวเองมากพอให้อีกฝ่ายคิดอะไรเลยเถิดแล้วแท้ๆ ทำไมมันกลายเป็นแบบนี้ไปได้ เจ้าหนูนั่นไปเจออะไรเข้า เรนเดลไปเล่าอะไรให้ฟัง หรือจริงๆมันก็แค่เพราะอีกฝ่ายอ่อนต่อโลกมากเกินไปกันแน่ ร่างสูงคิดไม่ตกทั้งสาเหตุทั้งการตัดสินใจต่อจากนี้...

..ระหว่างบอกให้รู้ไปเลยกับไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัวต่อไป อะไรจะดีกว่ากัน?..


ลาซารัสล้มตัวลงบนเตียงอีกครั้ง พอกลับออกมาจากห้องทำงานของคุณหมอเขาก็วิ่งวุ่นไปช่วยงานบ้านคุณเรนเดลต่อ อย่างน้อยก็จะได้ไม่มัวแต่จดจ่อแต่กับเรื่องอาการประหลาดๆนี้.. ทว่า พอมาอยู่คนเดียวอีกคราก็เผลอกังวลอีกจนได้

“คุณหมอก็บอกว่าไม่มีอะไรแท้ๆ แต่ทำไมไม่ยอมบอกนะ?” ร่างโปร่งมุ่ยหน้าขมวดคิ้วขัดใจ ระหว่างรอของมาส่งและรออาหารเที่ยงช่างทำเอาจิตใจมันว้าวุ่นดีเหลือเกิน ร่างโปรงลุกขึ้นมานั่งกอดตุ๊กตาเอาไว้และเปิดดูสัดส่วนตัวของคนที่ต้องตัดชุดให้เพื่อคำนวณปริมาณผ้าและคิดถึงขั้นตอนแต่ละขั้นล่วงหน้า

แต่เมื่อเห็นสัดส่วนตัวของหมอเข้าก็ชะงักนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบสายวัดตัวมาลองวัดส่วนที่พอจะวาดได้อย่างรอบอกหรือรอบเอว… ก็พบว่าขนาดตัวต่างกันค่อนข้างมาก “ตัวใหญ่จังแฮะ” ถึงส่วนสูงจะห่างกันไม่มากเท่าไหร่แต่ความหนาของลำตัวทำเอาคนพยายามฟิตหุ่นมาแทบตายแอบห่อเหี่ยวเบาๆ..

“สักวันจะตัวใหญ่ขนาดนั้นได้มั้ยนะ..” พอเริ่มคึกก็เริ่มคิดจะปรับการกินและหาเวลาออกกำลังเพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อ แต่เวลาที่มีตอนนี้ต้องเอาไปตัดเสื้อให้คนๆนั้นก่อน… พอนึกถึงคาเล็มขึ้นมาอีกก็ดันจำสัมผัสจากฝ่ามือหนานั้นได้อย่างชัดเจน โอเมก้าหนุ่มทิ้งตัวลงบนเตียงอีกครั้งแล้วเหม่อมองเพดานด้วยใบหน้าที่มีสีระเรื่อจางๆฉาบไว้ “มือใหญ่จัง อุ่นด้วย…”

ความทรงจำในช่วงสั้นๆเมื่อคืนเริ่มตีกลับมาให้อับอายเล่นอีกครั้ง ช่วงวัดตัวที่ได้เข้าใกล้ตัวเจ้านายของตนในระยะประชิดขนาดนั้น ไหนจะภาพใบหน้าที่ยังวนเวียนในหัวไม่ยอมหายๆไปเสียที ลาซารัสกลิ้งดิ้นไปมาบนเตียงและรวบเอาผ้าห่มมาห่อตัวไว้มิดชิดอย่างอับอายในตัวเอง “หวา.. ฮีท อีกแล้ว” ใบหน้ามนร้อนผ่าวใจเต้นแรงแทบหลุดออกมา ลมหายใจหอบถี่อย่างที่คุ้นเคย ร่างโปร่งเอื้อมมือไปหยิบขวดยาข้างเตียง.. ทว่าเจ้าตัวก็ตัดสินใจวางมันลงที่เดิม

“อือ…” มือทั้งสองเลื่อนต่ำลงมาหาส่วนอ่อนไหวที่ตื่นตัว ปลดกางเกงออกและเริ่มลูบไล้ส่วนกลางแข็งขืนของตนอย่างที่เคยทำๆมา เสียงครางกระเส่ามากขึ้นเมื่อเริ่มรูดรั้งหนักข้อเพื่อเร่งเร้าให้ตนรีบถึงที่หมายอย่างใจปรารถนา

“คุณหมอ…” เสียงสั่นครวญครางเรียกคนในห้วงคำนึงอย่างลืมตัว มือข้างหนึ่งเลื่อนต่ำเลยไปจนถึงช่องทางเปียกชุ่มที่ด้านหลังและกดแทรกเข้าไปอย่างรวดเร็วตามอารมณ์ที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ จินตนาการจมดิ่งไปกระทั่งคิดถึงขั้นที่ว่าหากถูกนิ้วและมือหนานั่นลูบไล้ปรนเปรอให้ตนนั้นจะรู้สึกดีขนาดไหน

“อึก..อ๊ะ!” ลาซารัสสะดุ้งเกร็งสั่นสะท้านจากการถึงสวรรค์ด้วยสองมือตน ในหัวขาวโพลนแต่ริมฝีปากเผยอเรียกชื่อเจ้านายของตัวเองหลายต่อหลายครั้งด้วยเสียงรัญจวน แม้พายุจะสงบลงแล้วแต่โอเมก้าหนุ่มยังนอนหอบหายใจอยู่อย่างนั้น และเอื้อมมือไปควานหาทิชชู่มาจัดการเช็ดเนื้อตัวที่เลอะน้ำรักจนไม่น่าจะมีเหลือให้ไหลเปรอะผ้าปูหรือผ้าห่มได้ ก่อนจะลุกไปล้างคราบที่ยังพอมีติดอยู่ในห้องน้ำอย่างอ่อนแรง..

“รู้สึกผิดชะมัด” ลาซารัสหน้าแดงจนถึงหูเพราะสติรู้ตัวเพิ่งกลับมาแล้วเกิดหน้าบางอับอายกับสิ่งที่ตนเผลอทำลงไป “ไปเอาเค้ามาใช้ช่วยตัวเองเนี่ยนะ นายมันแย่มาก ลาซัส…”


แต่เหมือนเวลาจะเพิ่งผ่านไปได้ไม่นานนัก ของที่สั่งไปก็มีกำหนดมาส่งตอนบ่าย อาหารกลางวันก็ยังไม่เสร็จ ส่วนเจ้าพวกขนปุยก็ได้จูเลียตช่วยดูแลสั่งสอนจนเสียงเริ่มเงียบลงไปบ้าง ลาซารัสจึงเดินมาเปิดทีวีดูไม่ให้จิตใจมันว้าวุ่น

ทีวีช่วงก่อนเที่ยงกระทั่งถึงกลางวันก็มีแต่รายการสำหรับแม่บ้านทั้งนั้น นิ้วไล่กดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยอย่างไร้จุดหมาย พอกำลังคิดว่าจะลงไปเล่นกับเจ้าตัวเล็กทั้งหลายก็ดันเจอรายการหนึ่งที่ทำเขาชะงักไป


“ใช่ค่ะ เขาเป็นคนที่ทำให้ฉันรู้สึกกลับเป็นสาวน้อยม.ต้นอีกครั้ง”

“ทั้งผมทั้งเขาต่างมีความสุขดีที่ได้อยู่ด้วยกัน เราเลยตัดสินใจจะแต่งงานกันครับ”



ลาซารัสจำผู้ชายคนนั้นได้ เขาเป็นนักเขียนนิยายชื่อดังที่มีผลงานมากมาย แถมตัวเขาเองยังเป็นแฟนหนังสือของนักเขียนท่านนี้ซะด้วยสิ ร่างโปร่งจึงหยุดดูเพราะแปลกใจที่นักเขียนคนโปรดดันจะแต่งงานโดยที่แทบไม่มีข่าวหลุดออกมาเลย แต่จากการนั่งฟังไปสักพักเขาจึงรู้ว่าแอบคบกันลับๆ ฝ่ายหญิงเองก็เป็นนักถ่ายภาพมีชื่อที่นักเขียนท่านนั้นจ้างถ่ายรูปเพื่อประกอบนิยายอยู่บ่อยๆ

 
“ช่วยเล่าถึงการพบกันอันแสนวิเศษให้ฟังหน่อยได้มั้ยคะ”


คนสัมภาษณ์บิ้วบรรยากาศตามสคริปด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติ สองคนรักในจอต่างเกาหัวเกาแก้มขวยเขินกันเสียจนแลดูน่ารักทั้งคู่

“ไม่ได้ปิ๊งกันตั้งแต่แรกเจออะไรหรอกครับ ตอนนั้นผมยังแอบคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ดูติสท์มากๆ ไม่น่าเข้าถึงได้ด้วยซ้ำ”

“ค่ะ พวกเราต่างเป็นแค่คนร่วมงานกันใครตอนแรก แต่พอทำงานไปด้วยกันบ่อยๆ เริ่มคุยกันมากขึ้น ฉันก็รู้สึกว่าเขาไม่ใช่แค่หนุ่มอารมณ์อ่อนไหว แต่เป็นคนที่พึ่งพาได้และสุภาพมากๆเลยค่ะ นึกว่าพวกศิลปินจะขี้ม่อซะอีก!”

“พักหลังที่เริ่มรู้ตัวว่า...อาจจะชอบเธอเข้าแล้ว...ก็ตอนที่วันทั้งวันผมนั่งรออีเมลล์ภาพถ่ายเธอ ทั้งๆที่เธอก็บอกแล้วว่าจะส่งมาตอนดึกแท้ๆ ฮะๆ”

“การนัดคุยงานเริ่มไม่เหมือนเดิมแล้วน่ะค่ะ พอคิดว่าจะต้องไปเจอเขาก็ใจเต้นแรงมาก รู้สึกดีใจแล้วก็ตื่นเต้นสุดๆ”

“ผมเอาแต่คิดถึงเธอจนไม่เป็นอันทำอะไรเลยครับ ถ้าไม่ได้คุยกันสักวันนี่ผมนอนเปื่อยทั้งวันยังกับคนไม่มีแรงเลย”

“นี่ล่ะข้อเสียเค้า… ฉันหมายถึง เขาชอบพูดอะไรเลี่ยนๆแบบนี้แหละ..แต่ฉันรับได้นะคะ”



พอดูมาถึงตอนนี้ลาซารัสก็กดปิดทีวีไป เพราะรายการดูจะไม่มีอะไรมากกว่านั่งคุยสัพเพเหระสมเป็นรายการคุณผู้หญิงแม่บ้านทั้งหลายเหลือเกิน.. ประจวบกับที่มีเสียงเคาะอยู่หน้าประตู “คุณแมทเวย์ อาหารเที่ยงได้แล้วครับ”

“ครับผม” ลาซารัสวางตุ๊กตาบนตักลงกับโซฟาแล้วเดินออกจากห้องไปที่ห้องอาหารโดยไม่เร่งรีบ

“?...มีไข้รึเปล่าครับ?” เรนเดลทำหน้าตาเหมือนเป็นห่วง เพราะตอนนี้หน้าของโอเมก้าหนุ่มกลายเป็นสีแดงระเรื่อจางๆแม้สีหน้าจะเรียบเฉยอยู่ก็ตาม

“อ้อ..เอ่อ นิดหน่อยน่ะครับ เดี๋ยวผมก็หาย” ร่างโปร่งยิ้มตอบเพื่อให้พ่อบ้านสบายใจว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรมาก แม้ในใจจะเริ่มร้อนลนเมื่อพอจะเดาได้แล้วว่าสาเหตุที่ตนกลายเป็นแบบนี้เป็นเพราะอะไร…

..ทว่า เขากลับพยายามปลอบใจตัวเองว่า คงแค่คิดมากไปเอง เขาไม่ได้หลงรักคุณหมอแสนเย็นชาคนนั้นหรอกน่า..



...เย็นชาเหรอ…

คนที่ทำหน้าแบบในวิดีโอนั้นได้.. คงไม่ใช่คนเย็นชาจริงๆหรอกน่า ยอมให้เขาเอาก้อนขนพวกนั้นกลับมาเลี้ยงได้ ยอมไปดูหนังตามคำขอของเขา รู้สึกเหมือนกับว่าคุณหมอพยายามปิดกั้นตัวเองอยู่มากกว่า…

“คุณเรนเดลครับ..”

“ครับ?” พ่อบ้านเงยหน้าขึ้นมาจากอาหารที่กำลังกิน

“คุณหมอคาเล็ม..ปกติไม่ใช่คนที่นิ่งขรึมขนาดนี้ใช่มั้ยครับ? อ่ะ..ใช้คำว่า ไม่ใช่คนเย็นชาแบบนี้ น่าจะเหมาะกว่า”

“...”

“...ถ้าเล่าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะครับ” ลาซารัสยิ้มให้ชายสูงวัยกว่าที่ตนไม่เคยคิดว่าเขาเป็นพ่อบ้าน แต่เป็นเหมือนผู้ใหญ่ที่คอยดูแลพวกเขาเสียมากกว่า พอเห็นเรนเดลทำหน้าลำบากใจจะพูดก็ไม่คิดจะคะยั้นคะยอต่อ “ผมแค่สงสัยเฉยๆน่ะ”

“กระผมคงเล่าอะไรให้ฟังไม่ได้ แต่กระผมอยากจะบอกคุณว่า นายน้อยผ่านอะไรๆมาเยอะมากตั้งแต่เขายังเด็ก ทั้งคนรอบข้างและเหตุการณ์หลายๆอย่างมันทำให้เขากลายเป็นตัวเขาอย่างทุกวันนี้ กระผมพูดได้เท่านี้แหละครับคุณแมทเวย์” พ่อบ้านผู้สูงวัยกล่าวเท่าที่ตนพอจะสามารถเล่าให้ฟังได้

“งั้นเหรอครับ…”

“ต้องขอโทษด้วยที่กระผมเล่ารายละเอียดให้ฟังมากกว่านี้ไม่ได้”

“หวา! อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับ ผมสิต้องขอโทษที่ทำให้คุณเรนเดลลำบากใจ แถมยังละลาบละล้วงถามเรื่องของคุณหมออีกด้วย” ลาซารัสรู้สึกผิดที่ทำให้พ่อบ้านต้องลำบากใจอีกครั้ง “เอาเป็นว่าพวกเราเลิกขอโทษกันเองดีกว่านะครับ”

“นั่นสินะครับ”

หลังจากทานอาหารเที่ยงเสร็จโอเมก้าหนุ่มก็จัดการเก็บจานไปล้าง และยกมื้อกลางวันไปให้คุณหมออัลฟ่าที่ห้องเนื่องจากต้องเคลียร์งานให้เสร็จก่อนจะถึงวันที่ไปร่วมงานแต่ง พอกลับลงมาก็จัดการเอาผ้าที่ซักเสร็จแล้วไปตากแดดให้

เรนเดลมองดูร่างโปร่งด้วยความเอ็นดูว่าถ้าเจ้านายของตนรู้สึกพิเศษกับคนๆนี้บ้างสักนิดก็คงจะดี

“เฮ่อ…น่าเสียดายจริงๆ” คงจะหวังได้ยากเพราะนายน้อยของตนจนถึงวันนี้ก็ยังไม่เคยลืมคนที่อยู่ในใจไปได้เลยสักวัน

“เอ๋? เสียดายเรื่องอะไรเหรอครับ?” ลาซารัสสะบัดผ้าจะเอาขึ้นตาก อยู่ดีๆก็หันมาเห็นพ่อบ้านกำลังถอนหายใจ

“เปล่าครับ ผมก็คิดอะไรตามประสาคนแก่ไปเรื่อย”

“พูดอะไรกันครับ คุณเรนเดลยังไม่แก่ขนาดนั้นสักหน่อย”

“ฮะๆๆ เข้าใจพูดให้คนแก่ดีใจเล่นนะครับ”

“ผมพูดจริงๆนะครับ” ลาซารัสฉีกยิ้มกว้างไม่ได้แกล้งพูดแต่อย่างใด

“อา...ที่จริงกระผมค่อนข้างเป็นห่วงนายน้อยน่ะครับ กลัวว่าสักวันถ้ากระผมเป็นอะไรไปขึ้นมาใครจะคอยอยู่ดูแลบ้าน ไหนจะเรื่องอาหารการกิน นายน้อยน่ะเห็นเป็นแบบนั้นแต่จุกจิกเรื่องอาหารพอตัวเลยนะครับ ถ้าอาหารรสชาติไม่ถูกปากล่ะก็เขายอมอดตายเสียดีกว่า”

“หวา...แบบนั้นก็แย่สิครับ” เพิ่งรู้ว่าคุณหมออัลฟ่าที่ดูเหมือนเป็นคนชอบใช้ชีวิตง่ายๆ จะแอบมีมุมแบบนี้ด้วย

“กระผมอยากให้มีใครสักคนมาคอยดูแลนายน้อยแทนกระผม อยากเห็นเขามีครอบครัวเหมือนคนอื่นๆ น่าเสียดายที่เขาไม่เคยเปิดใจรับใครอีกเลยตั้งแต่…” พอมาถึงตรงนี้เสียงของพ่อบ้านก็แผ่วลง

“ตั้งแต่อะไรครับ?” ดวงตาสีฟ้ายืนจ้องรอว่าชายชราจะพูดอะไรต่อ

“อา...สงสัยกระผมคงพูดมากเกินไปซะแล้วสิ” เรนเดลขอตัวไปทำความสะอาดครัวต่อทิ้งให้โอเมก้าหนุ่มยืนค้างคาใจอยู่ตรงนั้น

“อ๊ะ! รอเดี๋ยวสิครับคุณเรนเดล”

ทว่าโอเมก้าหนุ่มไม่มีโอกาสได้ฟังต่อเพราะของที่สั่งไปมาส่งพอดี เขาจึงต้องเริ่มลงมือทำงานของตัวเองทันทีเพื่อให้เสร็จทันเวลาที่อัลฟ่าผู้เป็นเจ้าของชีวิตของตนต้องใช้งาน


“หมายความว่าไงที่ว่าไม่ว่าง ปกติเห็นแกชอบโดดงานเป็นว่าเล่น” คาเล็มคุยกับเพื่อนรักเพื่อนแค้นผ่านโปรแกรมสไกป์ และกำลังถกเถียงกันเรื่องที่ตนโดนเบี้ยว

“CEO อย่างฉันก็มีงานต้องทำนะครับคุณเพื่อนรัก แหม...ไม่ได้เอาแต่เที่ยวเล่นไปวันๆสักหน่อย” ริชาร์ดกล่าวทั้งๆที่เจ้าตัวยังเอนพนักพิงเก้าอี้ประจำตำแหน่งเพราะเป็นเวลาน้ำชายามบ่ายเลยอู้ เอ้ย...ว่างมาคุยเล่นในเวลางานได้

“แล้วยังไง? ฉันอุตส่าห์ยอมถ่อไปร่วมงานเพราะเห็นว่าแกพอจะไปเป็นเพื่อนด้วยได้ แล้วจะมาทิ้งกันกลางทางแบบนี้น่ะเหรอ?”

“ก็พาน้องโอเมก้า เอ้อ...คนไข้ของนายไปด้วยสิ จับแต่งตัวดีๆหน่อยให้ดูเหมือนเป็นผู้ช่วยวิจัยอะไรก็ว่าไป ฉันว่าไม่มีใครจับได้หรอก” เสนอแนวทางให้บุคคลที่สามไปเป็นตัวแทนราวกับคำนวนไว้แล้วว่าตัวเองจะต้องไม่ว่างไปร่วมงาน ช่างบังเอิญจนน่าสงสัยเสียจริง...

“ได้กะผีน่ะสิ ในนั้นมีอัลฟ่ากว่าครึ่งค่อนงาน แค่ก้าวเท้าเข้าไปในโรงแรมที่จัดงาน ขี้คร้านจมูกเจ้าพวกนั้นก็คงดมกลิ่นเจอตั้งแต่หน้าทางเข้างานแล้ว” คาเล็มสบถอย่างหัวเสียที่โดนเพื่อนกวนประสาทไม่เว้นแต่ละที แต่หนนี้เล่นแรงไปจริงๆ จนอยากประเคนเท้าให้

“จะไปยากอะไรวะ แกก็กัดคอทำรอยตีตราเป็นเจ้าของไปซะเลยสิ พาไปเปิดตัวให้ที่บ้านแกรับรู้ให้ช็อคหงายหลังไปเลย เท่านี้ใครหน้าไหนมันจะมายุ่งกับโอเมก้าของแก...”

“ไอ้ริชาร์ด!” อัลฟ่าสูงวัยจะโกนใส่ไมค์จนซีอีโอหนุ่มต้องกดปุ่มลดเสียงลงเกือบสุด

“อุตส่าห์ประมูลมาด้วยทรัพย์สินครึ่งค่อนชีวิตของแก จะปล่อยให้ไปเป็นของคนอื่นจริงๆรึไงวะ จะเอามาเป็นหนูทดลองหรือคนไข้อะไรนั่นบอกตรงๆ ว่าฉันไม่เห็นด้วยกับแกเลยสักนิดเดียว”

“ฉันไม่คิดจะมีคู่คนใหม่ แล้วก็จะไม่วางมือจากงานนี้ด้วย” คาเล็มกล่าวด้วยเสียงเด็ดขาด เรื่องนี้เขาพูดกับอีกฝ่ายมาเป็นร้อยๆครั้ง และเขาก็ตอบกลับไปด้วยประโยคนี้ทุกครั้งเช่นกัน

“...คาเล็ม แกอย่าให้ฉันต้องพูดเรื่องนี้บ่อยๆเลยนะ งานวิจัยของแกน่ะ...พอได้แล้ว” คนที่อยู่อีกฟากของหน้าจอแล็ปท็อปจ้องเขม็งมาและยังพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังกว่าปกติ

“....”

“แกยังจะทู่ซี้ทำอะไรต่ออีกในเมื่อสิ่งที่แกทำทุกวันนี้มันก็มากพอที่จะให้พวกโอเมก้าไม่ต้องใช้ชีวิตลำบากเหมือนเมื่อหลายสิบปีก่อนแล้ว โอเคมันอาจจะยังไม่ถูกกฏหมายซะทีเดียวและไม่ถูกใจพวกหัวเก่าที่ยังชอบกดขี่โอเมก้าให้เป็นแค่ชนชั้นล่างหรือมองเป็นแค่เครื่องประดับฐานะทางสังคม แต่คนส่วนใหญ่ก็เริ่มเห็นด้วยที่โอเมก้าจะมีสิทธิปกป้องสวัสดิภาพของตัวเองไม่ใช่เครื่องมือของใคร”

ริชาร์ดเทศนายาว เขาพยายามเกลี้ยกล่อมคาเล็มเรื่องนี้เสมอ แต่ก็ไม่เคยสำเร็จสักที

“ถ้าฉันหยุดแล้วใครจะสานต่อ จะมีสักกี่คนที่เห็นด้วยกับงานของฉันแล้วเดินตามรอยทำเพื่อพวกโอเมก้า ไอ้พวกที่มันเคยขัดขวางจนล้มงานวิจัยของฉันพังพินาศไปครั้งนั้นทุกวันนี้พวกมันก็ยังเดินลอยหน้าลอยตาอยู่ คอยจ้องหาโอกาสเล่นงานเมื่อฉันเผลอ แล้วแกยังจะให้ฉันหยุดอีกเรอะ!”

“ฉันถึงอยากให้แกหยุดสักทีไง ฉันยังไม่อยากเห็นแกตายอย่างน่าสมเพชนะคาเล็ม”

“.....”

“ฉันชอบแกตรงที่แกไม่เหมือนอัลฟ่าคนอื่นๆ แกเที่ยวตระเวนหาโอเมก้าที่โดนกดขี่ข่มเหงมาคอยดูแลรักษาจนหายดี แล้วยังวานให้ฉันเป็นคนกลางช่วยติดต่อหาพวกอัลฟ่าไม่ก็เบต้าที่ดีพอจะรับพวกเค้าไปเป็นคู่ครองได้โดยไม่ติดใจภูมิหลัง แกเป็นอัลฟ่าที่น่ายกย่องยิ่งกว่าใครที่ฉันเจอมา” แววตาและน้ำเสียงของเพื่อนที่รู้จักกันมานานมันสื่อออกมาผ่านหน้าจอ ขนาดหมออัลฟ่ายังต้องยอมฟังในสิ่งที่คนๆนี้พูดโดยไม่เถียงต่อ

“ริชาร์ด…ฉัน...”

“เพราะงั้นฉันถึงอยากเห็นแกมีความสุขบ้าง แกต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่ไม่ใช่จมอยู่กับอดีต โนเอลคงไม่อยากเห็นแกเป็นแบบนี้ไปตลอดหรอก”

“...ขอเวลาฉันอีกหน่อยแล้วกัน” ร่างสูงกดออกจากโปรแกรมแชทและยกมือขึ้นแตะหน้าผากอย่างคนกลัดกลุ้ม


(ยังมีต่อ)

ออฟไลน์ pichi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • PICHI Otakura


“เอ๋!? ให้ผมไปด้วย!!?” ลาซารัสเงยหน้าขึ้นมาจากการวาดชิ้นส่วนเสื้อและทำหน้าตกตะลึง

“พอดีริชาร์ดไม่ว่าง…” จะพูดว่า ‘หนีไป’ ก็กระไร บอกว่าไม่ว่างเฉยๆน่าจะดีกว่า… “ก็นั่นแหละ แต่นายคงมีสูทอยู่แล้ว”

“แล้ว...เอ่อ… แต่ว่า ในงานน่าจะมีแต่อัลฟ่าทั้งนั้นเลย…” ลาซารัสหดตัวลีบอย่างประหม่า เขาเคยเจออัลฟ่ามาแล้วก็จริง แต่ไม่เคยเจอทีเดียวเป็นฝูงแบบนี้! ข้ามขั้นเกินไปแล้ว!!

“ไปไม่นานหรอก แค่ไปแสดงความยินดีแล้วกลับเท่านั้น เพราะงั้นกินยาระงับอาการฮีทรอไว้ได้ แต่น้ำหอมระงับกลิ่นคงไม่สามารถใช้ได้...แน่นอนว่าฉันเองก็คงใช้ไม่ได้”

พอจะอ้าปากถามว่าทำไมก็พลันนึกได้ก่อนว่ามันยังผิดกฎหมายอยู่นี่นะ… กระนั้นโอเมก้าใต้บัญชาก็ไม่สามารถปฎิเสธเจ้านายของตนได้อยู่ดี “ผมต้องทำตัวยังไงบ้างครับ”

“หลักๆก็แค่อยู่ใกล้ๆฉัน ห้ามออกห่างเด็ดขาด” คาเล็มพูดเสียงแข็งหนักแน่นเพื่อยืนยันความจริงจังในการออกงานครั้งนี้ “ห้ามเข้าไปคุยกับใครโดยที่ฉันไม่ได้เป็นคนเริ่มคุยก่อน..”

“ครับ” เป็นครั้งแรกที่ลาซารัสรู้สึกว่านี่เป็นชีวิตแบบโอเมก้าที่เขาถูกพร่ำสอนมาจากโอนเนอร์ แต่แทนที่จะกังวล ร่างโปร่งดูผ่อนคลายลงเล็กน้อย “แล้วนอกนั้น?”

“ฉันยังไม่ได้คิดว่านายจะไปในฐานะอะไร ขอคิดดูก่อน” พูดจบคาเล็มก็เลี้ยวตัวเดินไปที่ประตูเพื่อกลับไปทำงาน เขาเองก็ไม่อยากกวนสมาธิของโอเมก้าของตัวเอง ยิ่งกว่านั้น เกรงว่าเด็กของตนจะคิดอะไรมากขึ้นไปอีก

..จะว่าไป ไม่ได้เห็นรอยยิ้มของเจ้าหนูนี่มาสักพักแล้ว..

...รอยยิ้มที่เหมือนดวงตะวันนั้น…

คาเล็มหยุดฝีเท้าที่กำลังก้าวกลับห้องทำงาน เขาขมวดคิ้วอย่างนึกประหลาดใจกับความคิดเมื่อครู่ ความคิดที่อยากเห็นรอยยิ้มที่เหมือนเมื่อครั้งแรกเจอนั่นอีก.. อัลฟ่าสูงวัยยกมือขึ้นถอดแว่นออกและนวดตรงสันจมูกเพราะรู้สึกปวดหัวกับเหล่าปัญหากวนใจที่ทำให้เขาทำงานได้ไม่คืบหน้าสักที “ไอ้ริชาร์ดมันพูดเก่งขึ้นรึไงนะ”

ทางด้านลาซารัสเองก็ไม่มีเวลามาให้คิดถึงเรื่องที่ตนจะต้องออกไปร่วมงานสังคมภายนอกมากนัก สิ่งที่ต้องเร่งมือทำก่อนเป็นอันดับแรกคืองานที่อยู่ตรงหน้า โอเมก้าหนุ่มรวบรวมสมาธิตั้งใจจดจ่ออยู่กับการตัดชุดสูทให้ออกมาดูดีที่สุด


เข็มนาฬิกาเคลื่อนไปเป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าๆ คุณหมออัลฟ่าเหยียดแขนยืดเส้นยืดสายก่อนจะปิดคอมพิวเตอร์ส่วนตัวลงหลังจากทำงานจนเสร็จแล้ว เขาลุกไปปิดไฟห้องทำงานและเดินไปยังห้องนอน ทว่าสายตาพลันเห็นแสงไฟจากห้องที่ยกให้โอเมก้าหนึ่งเดียวของบ้านใช้เป็นห้องตัดเสื้อยังคงมีแสงสว่างเล็ดลอดออกมา

“สงสัยจะทำงานเพลินล่ะมั้ง...” คุณหมออัลฟ่าอ้าปากหาวตาปรือใกล้จะปิดและปล่อยให้ทางนั้นทำงานต่อ หลังจากเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อคลุมใส่นอน ขาทั้งสองพาร่างของตัวเองไปหาเตียงนอนกว้างที่ใหญ่เกินกว่าจะเป็นที่นอนของคนๆเดียวก่อนจะผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว

เวลาผ่านไปจนถึงตีสี่กว่าๆ คาเล็มลุกจากที่นอนเพื่อไปเข้าห้องน้ำ ร่างสูงใหญ่เดินสโลสเลไปตามทางในบ้านที่คุ้นชินแม้ตาจะลืมไม่เต็มที่ แสงไฟจากห้องเดิมที่เห็นก่อนไปเข้านอนยังคงเปิดไฟสว่าง นั่นหมายความว่ายังมีคนที่ทำงานอยู่ที่ห้องนั้น

“ดึกดื่นป่านนี้ยังไม่เข้านอนอีกรึไงนะ” คาเล็มอดไม่ได้ที่จะเดินมาดูที่ห้องและคิดว่าจะไล่ให้อีกฝ่ายไปนอน แต่เมื่อเขาเห็นลาซารัสยังคงตั้งหน้าตั้งตาทำงานจึงเปลี่ยนใจมายืนดูเงียบๆแทน

เขามองดูร่างโปร่งกำลังขะมักเขม้นใช้จักรเย็บต่อผ้าทีละส่วนอย่างคล่องแคล่วแต่ประณีต ใบหน้ามุ่งมั่นจริงจังกับงานตรงหน้าผิดกับเวลาปกติที่เคยเห็นอยู่ทุกวัน ตรึงให้ดวงตาที่ตอนนี้ไม่มีแว่นบดบังเผลอจ้องมองอย่างลืมตัว

“อ่ะ คุณหมอ ยังไม่นอนอีกเหรอครับ? หรือว่าผมทำเสียงดังรบกวนคุณหมอรึเปล่า” ดวงตาสีฟ้าหยุดมือก่อนเงยหน้าขึ้นมาคุยกับเจ้าของบ้านที่ยืนมองดูอยู่ห่างๆ

“ฉันต่างหากที่ต้องถาม นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว” อัลฟ่าสูงวัยที่เพิ่งได้สติทำเสียงดุแล้วชี้ไปที่นาฬิกา โอเมก้าหนุ่มหันไปดูแล้วก็สะดุ้งที่ตัวเองลุยงานจนเลยเวลามาขนาดนี้

“หวา! ป่านนี้แล้วเหรอเนี่ย ทำงานติดลมทีไรลืมทุกทีเลย”

“ไปนอนได้แล้ว อดนอนเดี๋ยวก็เสียสุขภาพหมด” คาเล็มสั่ง ลาซารัสจึงต้องรีบปล่อยมือจากงานที่ทำล่วงเวลาแล้วเดินไปปิดไฟห้องทำงานชั่วคราวของตนก่อนเดินตามคุณหมอออกมา

“เอ่อ...ไม่หนาวเหรอครับ” โอเมก้าหนุ่มเบนสายตาออกเมื่อเห็นชุดใส่นอนของหมออัลฟ่าในสภาพที่ไม่ค่อยเรียบร้อยนัก

“คิดอะไรอยู่ เดี๋ยวก็ฮีทอีกหรอก” คาเล็มหรี่ตามองอีกฝ่ายที่ใบหูเริ่มแดงขึ้นมาจนสังเกตเห็นชัดแม้ไม่ได้ใส่แว่นสายตา

“ผมเปล่าคิดอะไรนะครับ” ร่างโปร่งเถียงด้วยน้ำเสียงที่เบาจนแทบไม่มีน้ำหนักในคำพูดเลย

ดูออกง่ายขนาดนี้ถ้าไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ก็โง่เต็มที...

“งานแต่งน่ะ ถ้านายกลัวและไม่อยากไปจริงๆ จะปฏิเสธฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ” ถึงแม้ว่าเมื่อช่วงหัวค่ำเขาจะเป็นคนชวนแกมสั่งกลายๆ แต่พอมาคิดดูดีๆมันก็เสี่ยงเกินไปอยู่ดีที่จะให้โอเมก้าไปอยู่ท่ามกลางอัลฟ่ามากมาย

“คิดว่าคงไม่เป็นไรหรอกครับ ผมจะไปกับคุณหมอด้วย” ลาซารัสกล่าวรับประกันว่าตนนั้นรับมือไหว

“ถ้างั้นก็...ราตรีสวัสดิ์นะ” คาเล็มเดินกลับขึ้นห้องไป ขณะที่กำลังจะปิดประตูห้อง โอเมก้าหนุ่มได้รั้งตัวเขาไว้ก่อนเพราะยังมีเรื่องที่อยากจะรู้อยู่

“เดี๋ยวก่อนครับคุณหมอ จะไม่บอกผมหน่อยเหรอครับว่าตกลงแล้วผมเป็นโรคอะไรกันแน่”

“มีอะไรไว้ค่อยคุยกันวันหลัง นี่ดึกมากแล้ว” คุณหมออัลฟ่าเลี่ยงที่จะตอบคำถามของคนไข้ในเวลานี้ และบอกให้อีกฝ่ายรีบไปเข้านอนสักที

“ครับ ขอโทษที่ผมถามเซ้าซี้นะครับ” ร่างโปร่งเดินคอตกกลับไปยังทางที่เป็นห้องนอนของตน พอเห็นสีหน้าที่แบกความกังวลใจไว้แบบนั้นแล้วคนใจแข็งก็รู้สึกอ่อนใจขึ้นมา

“ลาซารัส…”

“...ครับ?” เจ้าของชื่อที่เดินห่างไปต้องหันกลับมาเมื่อถูกอัลฟ่าผู้เป็นเจ้าชีวิตเรียกตัวไว้

“จำที่นายเคยถามฉันว่า ‘จะทำเรื่องแบบนั้นกับคนที่ไม่ได้รักได้รึเปล่า’ ได้มั้ย” ร่างสูงที่ยืนอยู่ระหว่างประตูพูดสิ่งที่โอเมก้าเคยถามตนไปในครั้งก่อน

“เอ๊ะ? เรื่องนั้นมัน…” ลาซารัสคิดไปถึงตอนที่รู้สึกใจเต้นกับใบหน้าของหมอคาเล็มในวีดีโอจนร่างกายร้อนวูบวาบ แล้วไหนจะเมื่อตอนกลางวันที่เขาจินตนาการถึงอีกฝ่ายตอนกำลังปลดปล่อยตัวเองอีก “หมายความว่า ผม...”

“ฉันคิดว่า ใช่...นายคงกำลังรู้สึกแบบนั้นนั่นแหละ แต่อย่าเพิ่งเชื่อสิ่งที่ฉันบอก ฉันอาจจะวินิจฉัยผิดพลาดก็ได้ มันก็เป็นแค่ข้อสันนิษฐานอย่างหนึ่งเพราะว่านายไม่ค่อยได้อยู่กับอัลฟ่าคนไหนนานๆมาก่อน...เออ ถึงแม้กับฉันเองก็เพิ่งจะมาอยู่ด้วยไม่นานเหมือนกันก็เถอะ”

“อา...” ใบหน้าของร่างโปร่งแดงซ่านขึ้นมาอีกครั้ง “อึก...คุณหมอครับ ผม…เป็นอีกแล้ว”

คาเล็มรีบปิดประตูล็อคห้องกันตัวเองให้ห่างจากโอเมก้าหนุ่ม เพราะปกติเวลานี้จะไม่มีใครตื่นอยู่เขาเลยไม่ได้ฉีดสเปรย์ป้องกันเอาไว้ แถมยาที่เขาคอยกินเพื่อลดประสิทธิภาพการรับกลิ่นฟีโรโมนจากโอเมก้าก็หมดฤทธิ์ไปตั้งแต่ก่อนที่จะเข้านอนแล้วด้วย

“คุณหมอครับ...” ลาซารัสเริ่มแสดงอาการฮีทขึ้นมาอีกครั้ง ตอนนี้เจ้าตัวเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องของหมออัลฟ่า ยาระงับอาการฮีทที่ให้พกไว้ตอนนี้มันก็อยู่ที่ห้องนอนไม่ได้อยู่กับตัวเขา

“นายรีบกลับไปกินยาแล้วล็อคห้องซะ พรุ่งนี้ฉันจะบอกเรนเดลว่านายไม่สบาย ไม่ต้องลุกขึ้นมาช่วยทำงานบ้านก็ได้” คาเล็มพูดอะไรไปตอนนี้ก็ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่รับรู้แล้ว ทั้งยังเริ่มควบคุมร่างกายที่กำลังโหยหาใครสักคนและสติของตัวเองไม่ได้ด้วย

แต่เสียงหอบสั่นเครือกับกลิ่นฟีโรโมนของโอเมก้าที่ไม่ได้รับรู้มานานยังคงไม่ยอมไปไหน ซ้ำยังคงเรียกหาเขาด้วยเสียงกระเส่าอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ พอใช้ยาลดการได้กลิ่นมาตลอดมันดันส่งผลตรงกันข้าม เพราะเมื่อกลับมาได้กลิ่นตามปกติร่างกายก็ตอบสนองรวดเร็วจนน่ากลัว

“ฉันบอกให้กลับไปที่ห้องนายซะ! ได้ยินรึเปล่า” ร่างสูงรวบรวมสติทั้งหมดไว้แล้วออกคำสั่งด้วยเสียงดัง ร่างโปร่งที่ขดตัวคุดคู้ที่อีกฝั่งประตูสะดุ้งถอยไปเล็กน้อยเมื่อสัมผัสถึงอำนาจที่มากกว่าตนเองได้

“ค..ครับ” แม้ร่างกายจะสั่นเทิ้มอย่างต้องการคนๆนี้มากแค่ไหนแต่โอเมก้าอย่างเขาก็ไม่สามารถขัดคำสั่งของอัลฟ่าได้ ลาซารัสก้าวเท้าเชื่องช้ากลับไปที่ห้องของตัวเองอย่างว่าง่าย

เมื่อเสียงฝีเท้าและกลิ่นฟีโรโมนของคนที่อยู่นอกห้องหายไปจากระยะที่รับรู้ได้ อัลฟ่าสูงวัยก็รีบถอยห่างออกมาและทรุดตัวนั่งอยู่ที่ขอบเตียงเพื่อสงบสติอารมณ์ตัวเอง สองมือยกขึ้นมาให้สายตาได้เห็นสภาพของมัน รอยแผลจากการจิกเล็บลงไปในฝ่ามือตนเพื่อยื้อความนึกคิดของตัวเองไว้ได้ช่วยให้เขาไม่เปิดประตูออกไปลากโอเมก้าของตนเข้ามาทำอะไรต่อมิอะไรได้ ..แต่ไม้นี้คงใช้บ่อยไม่ไหว..

“ทำฉันวุ่นวายจริงๆ..” ถึงจะสบถออกไปอย่างนั้น ทว่าตอนนี้เขากลับเริ่มเป็นห่วงว่าลาซารัสจะดูแลตัวเองไหวมั้ย?

โอเมก้าหนุ่มที่กำลังต่อสู้กับตัวเองอย่างหนักพาร่างของตนกลับมาถึงห้องนอน สองมือรีบคว้าขวดยาที่หัวเตียงมากรอกใส่ปากแล้วกลืนเข้าไป หลังจากนั้นไม่นานอาการปั่นป่วนก็ทุเลาลงจนกลับมาเป็นปกติ หากแต่ในหัวของลาซารัสตอนนี้กำลังมีความคิดอย่างอื่นตีกันมากมายแทน

เขาควรจะทำยังไงกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นนี้ดี...




TBC.





*****************************************************************************************

เอามาลงต่ออย่างรวดเร็ว สำหรับตอนนี้อาจจะสั้นกว่าตอนแรกไปหน่อย แต่จะเอาตอนต่อไปมาลงให้อ่านอย่างต่อเนื่องนะคะ  :katai4:

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์ ดีใจจังค่ะที่ทุกคนเอ็นดูน้องโอเมก้าของพวกเราแบบนี้ แม่ๆปลื้มมมมม :hao5:

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
ชอบลาซารัส มาลงบ่อยแบบนี้โดนจายมั่กๆๆๆๆ :katai2-1:

ออฟไลน์ pichi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • PICHI Otakura
บทที่ 3



เช้าวันนี้พ่อบ้านเรนเดลอดแปลกใจไม่ได้ที่คนขยันตื่นเช้ามาออกกำลังกายอย่างลาซารัสยังไม่ลุกจากที่นอน มิหนำซ้ำกลับได้เห็นนายจ้างของตนมานั่งคลุกคลีอยู่กับจูเลียตและบรรดาลูกหมาขนฟูทั้งหลายแทนโอเมก้าหนุ่มคนนั้นอีก

“เกิดอะไรขึ้นกับเขาเหรอครับ? แล้วนั่น...มือไปโดนอะไรมาครับ” ถามถึงคนที่ไม่โผล่หน้ามาให้เห็นกับสาเหตุที่มือของเจ้านายมีผ้าพันแผลพันไว้รอบมือ

“ไม่มีอะไรหรอก” คาเล็มบอกปัด “แล้วก็ไม่ต้องไปปลุกหมอนั่นล่ะ ปล่อยให้นอนไปอย่างนั้นแหละ”

“ครับ” ชายชราพยักหน้ารับอย่างเข้าใจดี “รับอาหารเช้ามั้ยครับ”

“ไม่ล่ะ ยังไม่ค่อยหิว ขอกาแฟอย่างเดียว” มือหนาลูบไปบนหัวของสุนัขเฝ้าบ้านที่ครางหงิงอยู่ข้างๆ ผิดกับเจ้าพวกตัวเล็กที่ร่าเริงจนหนวกหู แต่อย่างน้อยก็คงดีกว่าปล่อยให้บ้านเงียบเหงาจนเกินไป

“อรุณสวัสดิ์ครับคุณเรนเดล คุณหมอด้วย” เสียงทักทายอันสดใสยามเช้าเรียกให้คนแก่และเกือบแก่ต้องหันขวับไปมองสมาชิกใหม่ในบ้านที่เพิ่งจะตื่นนอนแต่อยู่ในชุดวอร์มสำหรับเตรียมไปวิ่งจ๊อกกิ้ง

“นายรีบตื่นมาทำไม ก็เมื่อคืน…” เสียงของหมออัลฟ่าแผ่วลงก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่อง “เมื่อคืนนายอยู่โยงจนทำงานดึกขนาดนั้นไม่ใช่เรอะ” 

“แหะๆ พอดีมันติดเป็นนิสัยน่ะครับ ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” โอเมก้าหนุ่มยิ้มให้แล้วเรียกให้จูเลียตออกไปวิ่งด้วยกัน พร้อมด้วยขบวนพาเหรดก้อนขนที่วิ่งตามหัวหน้าไปติดๆ

“ก็ดูร่าเริงดีนี่ครับ ไม่เห็นจะมีอะไรน่าเป็นห่วงเลย” เรนเดลหัวเราะก่อนจะไปเตรียมชงกาแฟให้เจ้านายของตน คาเล็มได้แต่มองตามหลังคนที่วิ่งออกไป

ร่าเริงตรงไหน...กำลังฝืนอยู่ชัดๆเลยเจ้าเด็กนั่น


ทั้งอาหารเช้าทั้งงานบ้านในช่วงเช้าหมดไปโดยที่ลาซารัสก็ยังช่วยงานเรนเดลเช่นเดิมแม้เจ้าตัวจะรู้อยู่แก่ใจว่าร่างกายค่อนข้างเหนื่อยล้าพอตัว เมื่อทำทุกอย่างเสร็จสิ้นก็ขอตัวไปนอนพักอีกหน่อยก่อนจะตื่นมาทานมื้อเที่ยงและเริ่มงานตัดเย็บ

“ให้กระผมไปปลุกมั้ยครับ” เรนเดลเสนอตัว

“ก็ดีเหมือนกันครับ ผมกลัวว่าจะหลับเพลินน่ะ ไม่มีนาฬิกาปลุกด้วยสิ”

คาเล็มนั่งอ่านหนังสือรออาหารย่อยบนโซฟาในห้องถัดไปได้ยินทุกอย่าง และแอบชื่นชมที่โอเมก้าคนนี้สามารถตื่นได้ตรงเวลาทุกวันแม้จะไม่มีอะไรช่วยปลุกตัวเองเลย… จู่ๆร่างสูงก็เหมือนจะคิดอะไรได้จึงลุกพรวดขึ้นจากโซฟาและเดินไปที่ประตูห้องอาหาร “มีนะ นาฬิกาข้อมือน่ะ พอจะตั้งปลุกได้อยู่ หรืออยากได้มือถือ?”

“เอ๊ะ? อ่อ...ถ้าคุณหมอไม่ได้ใช้ผมขอยืมสักวันก็ได้ครับ”

“ไม่ล่ะ ฉันให้” คาเล็มจ้ำเท้าเดินไปที่ห้องของตนอย่างรวดเร็ว เสียงค้นของดังลงมาจนถึงชั้นล่าง ท่าทางว่าจะเก็บไว้นานพอสมควร… เมื่อเสียงเงียบลง สักครู่หนึ่งคุณหมอก็เดินมาพร้อมนาฬิกาแบบหน้าจอสัมมผัสเครื่องหนึ่ง “ฉันไม่ได้ใช้แล้ว แต่ท่าทางมันคงยังพอใช้ได้”

“จ...จะให้จริงๆเหรอครับ” ลาซารัสมีท่าทีเกรงใจทว่าใบหน้ากลับมีรอยยิ้มจางฉาบไว้อย่างปิดไม่อยู่

“เอาไปเถอะ ลองกดๆหาเอาเองล่ะ ใช้ไม่ยากหรอก”

“ครับผม.. งั้นขอตัวก่อนนะครับ”

และท่าทางจะใช้ไม่ยากจริงเพราะยังไม่ทันที่โอเมก้าหนุ่มจะเดินพ้นประตูครัวก็หาปุ่มตั้งนาฬิกาปลุกได้แล้ว เจ้าตัวใส่ไว้กับข้อมือแทบจะทันทีด้วยเพราะว่ามันเป็นของที่เจ้านายให้มาโดยที่เขาไม่ได้ขอชิ้นแรก.. จะเรียกว่า ของขวัญ ได้มั้ยนะ?

แต่ใบหน้าของเรนเดลกลับมีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย ในขณะที่คาเล็มยกมือถือของตนขึ้นมาดูที่หน้าจอ.. โปรแกรมบางอย่างเปิดขึ้นมาพร้อมข้อมูลชีพจรและตำแหน่งของใครบางคนปรากฎอยู่บนนั้น

“นายน้อยครับ กระผมไม่อยากจะก้าวก่าย แต่แบบนี้มัน…อาจจะละเมิดความเป็นส่วนตัวของคุณแมทเวย์รึเปล่า?”

คาเล็มไม่ได้ตอบโต้อะไรไป แต่แววตาแปลกประหลาดหลังแว่นนั้นก็ช่วยตอบให้คุณพ่อบ้านแทนคำพูดได้ ว่าเขาเองก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้ “เดี๋ยวฉันค่อยซื้อเรือนอื่นให้เจ้านั่น… หลังจากฉันเก็บข้อมูลที่ต้องการได้ละกัน”

“เรื่องนี้กระผมจะไม่ยุ่งด้วยนะครับ” เรนเดลกล่าวแล้วขอตัวไปล้อมรั้วแปลงดอกไม้ไม่ให้เจ้าพวกปุกปุยไปบุกรุก ปล่อยให้นายจ้างของตนขลุกอยู่กับงานต่อไป แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าทางนั้นรู้จักเพลาๆ เรื่องความจริงจังต่องานลงบ้างสักนิดก็คงจะดี

คาเล็มเปิดแล็ปท็อปในห้องทำงานขึ้นมา แล้วจัดการเชื่อมต่อข้อมูลกับโทรศัพท์มือถือเพื่อเก็บบันทึกข้อมูลลงไปในโฟลเดอร์ใหม่ ทำไปได้สักพักเสียงสั่นจากโปรแกรมแชทก็ดังขึ้น ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน สุดยอดเพื่อนรักของคุณหมอคาเล็ม ไอ้คุณริชาร์ดเจ้าเก่านั่นเอง

“คาเล็มมมม ฉันมีเรื่อง...”

“ไม่ว่าง” เสียงทุ้มพูดตัดบทอย่างไร้เยื่อใย ทำเอาหัวใจคนฟังแทบแหลกสลาย

“เดี๋ยวสิเฟ้ย! เพื่อนกำลังเดือดร้อนแกจะไม่ช่วยรับฟังสักนิดเลยเหรอ!” ซีอีโอหนุ่มบีบน้ำเสียงให้ฟังดูน่าสงสารที่สุดในโลก แต่สำหรับหมอคาเล็มแล้วมันสุดแสนจะกวนส้นเอามากๆ

“เรื่องอะไรอีกล่ะ ทักมาทีไรก็เห็นมีแต่ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่องทุกที” คุณหมออัลฟ่าย่อหน้าจอโปรแกรมแชทให้เล็กลงไปไว้ที่มุมล่างสุด แล้วนั่งกรอกข้อมูลลงในไฟล์งานต่อ

“แหม่..คือว่า พอดีฉันอยากได้สูทไปงานลูกค้าน่ะ แต่เค้าดันกำหนดธีมงานด้วย แล้วฉันดันไม่มีสูทแบบนั้น...เลยจะ…”

“ไม่.. เจ้าหนูนั่นไม่ว่าง” คาเล็มบอกปัดอย่างรู้ทันเพื่อน

“เอ๋~ ไม่ว่างนี่ นายก็ให้น้องเค้าตัดสูทให้เหมือนกันเหรอ จำได้ว่านายไม่มีสูทไปงานแต่งนี่น้า” แต่เพื่อนที่คบกันมานานก็รู้ทางหมอขี้รำคาญคนนี้ดีเช่นกัน “หรือกลัวว่าพอคนไข้นายอยู่ใกล้ฉันแล้วจะเกิดรู้สึกอะไรๆขึ้นมา?”

“เงียบน่า ยาดับกลิ่นฟีโรโมนแกก็มี ถ้าจะให้วัดตัวก็กินมาสิเว้ย”

“โอ้..พูดงี้ได้สินะเพื่อน” ริชาร์ดยิ้มแฉ่งอย่างน่าทาบรอยเท้าลงบนกลางหน้า

คาเล็มกำลังจะอ้าปากปฎิเสธ ทว่า จู่ๆก็มีความคิดบางอย่างแล่นเข้ามาในหัวจนเขาชะงักนิ่งไป เพื่อนผู้รอคำตอบเห็นผ่านกล้องของคอมพิวเตอร์แล้วก็พอจะเดาได้ทันทีว่าหมอคงไม่ปฎิเสธ..

“งั้น.. จะเอาเมื่อไหร่”

“กลางเดือนหน้า แต่ที่ไม่ไปจ้างคนอื่นน่ะ เพราะแอบไปสืบมาว่าร้านที่เจ้าหนูนั่นเคยทำเป็นร้านมีฝีมือ งานเต็มตลอดต้องจองกันข้ามปีเลย…”

“ได้ แต่จ่ายค่าเหนื่อยให้หมอนั่นละกัน อะไรก็ได้ และ.. นายต้องช่วยงานฉันแทนค่าเบี้ยวสัญญาที่ไม่ไปงานนี้กับฉันด้วยอย่างหนึ่ง”

ริชาร์ดเลิกคิ้ว ชักจะเริ่มคิดว่าตัวเองคิดผิดเสียแล้วสิ “อะไรล่ะ?”

“หลังจากวัดตัว นายช่วยมาคลุกคลีกับลาซารัสที.. ให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” คุณหมออัลฟ่าแจ้งเงื่อนไขแลกเปลี่ยนให้เพื่อนฟัง

คราวนี้ไอ้คุณคาเล็มมาไม้ไหนวะเนี่ย...

“เออ งั้นเดี๋ยวตอนเที่ยงฉันแวะไปหาเลยก็แล้วกัน” ถึงแม้จะรู้สึกทะแม่งๆกับคำขอแต่ก็ตอบรับข้อเสนอนั้น “ว่าแต่นั่งฮ.ไปได้มั้ย?”

“ต้องให้ย้ำอีกกี่ครั้งว่าอย่ามาพังสวนบ้านฉัน” หลังจากเทศน์ไปอีกชุดใหญ่อัลฟ่ามากวัยก็กดปิดหน้าจอแล้วเริ่มทำงานต่ออีกครั้ง และกดโทรศัพท์จากห้องทำงานไปบอกพ่อบ้านว่าเที่ยงนี้จะมีแขกมาที่บ้าน ให้ทำอาหารเพิ่มอีกหนึ่งที่และไปปลุกลาซารัสมาเตรียมตัวเร็วขึ้นอีกหน่อย

ร่างโปร่งยังคงนอนหลับสนิทอยู่บนที่นอน และฝันว่าตัวเองกับคุณหมอคาเล็มได้อยู่ด้วยกันในฐานะคนรัก รอยยิ้มอ่อนโยนและอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นที่แทบจะหลอมละลายกลายเป็นขี้ผึ้ง ร้อน...ร้อนเหลือเกิน...ร้อนเกินไปแล้ว!

ลาซารัสเด้งตัวขึ้นมาพร้อมเหงื่อที่ผุดเต็มตัว พอได้สติก็หันไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับอุณหภูมิห้องที่มันร้อนสุดจะบรรยายขนาดนี้ แล้วก็พบว่าเครื่องปรับอากาศในห้องนอนมันไม่ทำงาน เขาซับเหงื่อที่ไหลตามใบหน้าและลำคอก่อนจะกดรีโมตแต่ทุกอย่างก็ยังนิ่งสนิท สงสัยจะเสียซะแล้ว

“อา...โธ่ กำลังเคลิ้มได้ที่เลย” ยกมือขึ้นมาปิดหน้าอย่างแสนเสียดายแม้จะอายอยู่บ้างก็ตาม ถึงอยากจะนอนฝันต่ออีกสักนิดแต่ร้อนขนาดนี้ก็คงไม่ไหว นาฬิกาก็ใกล้จะได้เวลาปลุกเตือนแล้วด้วย ถือโอกาสนี้รีบตื่นไปกินอาหารเที่ยงแล้วทำงานที่ค้างไว้ต่อเลยก็แล้วกัน

“โอ้ สวัสดีเจ้าหนู นอนตื่นสายเหรอ?”

“.....คุณริชาร์ด?” ลาซารัสขยี้ตาตัวเองอีกทีเผื่อว่าจะตาฝาดไป แต่เขาเห็นเพื่อนของคุณหมอนั่งอยู่บนโต๊ะอาหารด้วยจริงๆนะ! และเรนเดลก็กำลังยกอาหารมาเสิร์ฟด้วย!!

“คุณแมทเวย์เพิ่งจะพักผ่อนเพราะโหมทำงานจนเกือบเช้าน่ะครับ” พ่อบ้านโค้งหัวให้ก่อนจะตอบแทนโอเมก้าที่ยังยืนงงอยู่

“รีบมากินแล้ววัดตัวให้หมอนี่ด้วย” คาเล็มเรียกสติคนใต้บัญชาและกวักส้อมในมือเรียกให้คนเพิ่งมาลงมานั่งดีๆ “งานแต่ง ธีมสีฟ้า เอากลางเดือนหน้า ไหวมั้ย?”

ลาซารัสเดินมานั่งทั้งที่ยังเบลอๆกับสิ่งที่เกิดขึ้นและค้อมหัวสวัสดีริชาร์ดพอเป็นพิธีเพราะดูแล้วอีกฝ่ายกำลังเอร็ดอร่อยกับอาหารบนโต๊ะอยู่ “น่าจะนะครับ.. แต่สูทของคุณหมอก็จะได้แค่ชุดเดียว…” คนตัวเล็กกว่าพูดเสียงเบา ดูจากเวลาคงไม่ทันตัดชุดที่สองให้คุณหมอตามที่ตั้งใจไว้แน่ๆ

“บอกแล้วว่าเอาแค่ชุดเดียว”

“ครับ..” ทั้งๆที่เขาก็กะจะตัดให้ทดแทนคำขอบคุณที่คาเล็มอุตส่าห์ซื้อนู่นนี่ให้ตั้งเยอะแท้ๆ..

“เรื่องนั้นไว้ทีหลังนะ เป็นไงมั่งล่ะเจ้าหนู ตัวผอมลงไปนิดหน่อยรึเปล่า” ริชาร์ดเปลี่ยนเรื่องอย่างอารมณ์ดีผิดกับคาเล็มที่นั่งเงียบอยู่ข้างๆโดยสิ้นเชิง..

“เอ่อ...คิดว่าไม่นะครับ” พอโดนทักว่าผอมลงโอเมก้าหนุ่มก็แอบใจแป้วเพราะตนนั้นอยากมีร่างกายที่ดูมีมวลกล้ามเนื้อมากกว่านี้ แต่ยิ่งออกกำลังกายไหงถึงดูผอมลงไปได้ ก็ว่าตัวเขากินเยอะแล้วนะ “จะว่าไปคุณริชาร์ดทำงานอะไรเหรอครับ?”

“ธุรกิจส่วนตัวของที่บ้านน่ะ ฉันทำงานรับช่วงต่อมาจากพ่อ ตั้งแต่ทำงานมาก็ไม่ค่อยมีเวลาว่างไปเที่ยวเหมือนเมื่อก่อนเลย”

“อ้อเหรอ...เพิ่งรู้นะเนี่ยว่านายงานยุ่งเป็นกับเค้าด้วย”

“ถึงฉันงานยุ่งแต่ฉันก็หาเวลาพักผ่อนให้ตัวเองเป็น ไม่ใช่มนุษย์เครื่องจักรทำงานตลอดเวลาแบบแกนี่หว่า”

โอเมก้าหนุ่มเพียงคนเดียวในบ้านนั่งจ้องคุณหมอกับเพื่อนสนิทเถียงกันไปมาน่าสนุก แม้จะดูเหมือนทะเลาะกันแต่สีหน้าของคุณหมอก็ดูผ่อนคลาย เห็นแบบนี้แล้วรู้เลยว่าทั้งคู่คงรู้จักกันมานานถึงพูดจาเล่นหัวกันได้ขนาดนี้   

“แล้วนี่คิดไว้รึยังว่าจะให้เจ้าหนูนี่ไปกับนายในฐานะอะไร” ริชาร์ดหันมาถามคาเล็มเพราะรู้เรื่องที่โอเมก้าหนุ่มตรงหน้าจะต้องไปร่วมงานแต่งกับเพื่อนสนิทของตน

“ยังเลือกไม่ได้” คุณหมออัลฟ่าคิดเรื่องนี้มาตั้งแต่เมื่อคืนแต่อะไรหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นก็ทำให้ยังตัดสินใจไม่ได้สักที
“บอกแล้วว่าไม่ต้องคิดเยอะ บอกไปเลยว่าเป็นโอเมก้าของนาย!”

“ไอ้ริชาร์ด!!” คุณหมอที่นั่งเงียบจนถึงเมื่อครู่หันไปขึ้นเสียงใส่เพื่อนแถมดูท่าทางอยากจะเอาส้อมและมีดในมือจิ้มพุงเพื่อนอยู่รอมร่อ..


“งั้นขออนุญาตนะครับคุณริชาร์ด” ลาซารัสก้มหัวให้ทีหนึ่งเป็นมารยาทก่อนเริ่มการวัดตัว กลิ่นฟีโรโมนถูกระงับด้วยยา แถมประสาทรับกลิ่นของริชาร์ดยังโดนกดไว้ด้วยยาลดประสิทธิภาพ เขาอยู่ในสภาพเดียวกันกับหมอคาเล็มเมื่อวานก่อนที่เพิ่งวัดตัวไปทุกประการ

ระหว่างการวัดนั้นคาเล็มยืนมองอยู่ที่อีกมุมหนึ่งของห้อง โดยที่หน้ายังก้มจ้องมองมือถือของตนอยู่ตลอดเพื่อเช็คอาการทุกอย่างของโอเมก้าหนุ่ม

“เรียบร้อยแล้วครับ สีที่ต้องการเป็นไลท์บลูนะครับ ถ้าได้แบบผ้าแล้วจะส่งไปให้เลือกก่อนเริ่มตัดจริงนะครับ” แต่กระทั่งวัดตัวจนเสร็จลาซารัสก็ไม่มีปฎิกิริยาใดๆที่จะทำให้เจ้าตัวฮีทขึ้นมาเลย มีเพียงบางจังหวะที่ต้องโอบแขนเพื่อเดินสายวัดที่มีใจเต้นอยู่บ้าง… ทว่า นั่นเพียงพอแล้วที่จะทำให้คาเล็มตัดสินใจเดินหน้าทำเรื่องนี้ต่อ

“ไวดีนี่ ไหนๆก็ไหนๆให้ของตอบแทนที่ช่วยไว้เลยได้มั้ย?”

“??” โอเมก้าเพียงคนเดียวในห้องเอียงคอสงสัย ริชาร์ดจึงไปหยิบกล่องๆหนึ่งออกมาจากเสื้อโค้ท

“พอดีมันรีบน่ะ เลยไม่รู้จะซื้ออะไรให้ ไว้ตัดเสร็จจะจ่ายค่าตัดดีๆอีกทีนะ” ริชาร์ดวางกล่องโทรศัพท์มือถือราคาแพงใส่มือร่างโปร่งซึ่งตอนนี้ยืนตัวแข็งทื่อไปแล้ว

“เอ๊ะ!? หา!!? ไม่ต้องหรอกครับ ผมตัดให้เฉยๆก็ได้” ลาซารัสไม่กล้าแม้แต่ขยับเพราะกลัวทำมันหล่นจากมือ

“เอาไปเหอะน่า เดี๋ยวนายก็คงต้องมีออกไปไหนคนเดียวบ้างใช่มั้ย? เผื่อเอาไว้ติดต่อแบบฉุกเฉินไง”

คนได้รับของขวัญพยักหน้าเกร็งๆ พลางค่อยๆเปิดกล่องนั้นออกเพื่อลองหยิบโทรศัพท์นั้นขึ้นมาลองใช้ดู

“ไหนๆก็ไหนๆแล้ว แลกเบอร์กันไว้เลยก็ได้นะ เผื่อชุดมันถูกใจจะมาใช้บริการใหม่ไง!”

ลาซารัสได้แต่ยืนอึ้งเพราะตามอีกฝ่ายไม่ทัน พอบอกว่าจะแลกเบอร์เขาก็หันไปมองคาเล็มที่นั่งกดโทรศัพท์ตนเองอยู่ หมอท่าทางจะรับรู้ถึงสายตานั้นก็ยักไหล่ส่งสัญญาณว่าไม่ได้ว่าอะไรมาให้

“อ่าฮะ.. อยากได้เบอร์คุณคาเล็มก่อนล่ะซี่ ได้ๆ เดี๋ยวฉันบันทึกให้ก่อน ประเดิมเบอร์แรกในเครื่องเลยละกัน!” นอกจากจะช่างสังเกตุพอกันยังเป็นคนขวานผ่าซากมากๆอีกต่างหาก…

หมายเลขแรกถูกบันทึกลงในเครื่องเป็นที่เรียบร้อยตามด้วยเบอร์ของคนที่ให้โทรศัพท์เป็นค่ามัดจำชุด หลังจากเสร็จเรื่องริชาร์ดก็ขอตัวกลับไปที่บริษัทเพราะมีประชุมตอนบ่ายต่อ

“ขอบใจน้าลาซัส ไว้เจอกัน~ ” ซีอีโอหนุ่มโบกมือเรียกชื่ออย่างสนิทสนมแล้วเดินไปยังรถที่จอดรออยู่ที่เนินข้างล่าง

โอเมก้าหนุ่มยิ้มและโบกมือลาแขกพ่วงตำแหน่งลูกค้าคนแรกนับตั้งแต่ย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้ แม้จะสงสัยอยู่บ้างว่าทำไมเพื่อนของคุณหมอถึงไม่ไปร้านที่เดินทางได้สะดวกกว่าที่นี่ แต่อย่างน้อยเขาก็ได้มีงานทำก็นับเป็นเรื่องที่ดี

ลาซารัสหยิบมือถือออกมาและจ้องดูเบอร์ที่มีในเครื่องอยู่พักหนึ่ง แล้วจึงกดเมมอีกเบอร์หนึ่งเข้าไปเพิ่ม เบอร์ของร้านที่เขาเคยทำงานเป็นช่างตัดเสื้ออยู่ที่นั่นจนถึงเมื่อไม่นานมานี้…

อยากจะโทรไปไถ่ถามว่าทางนั้นเป็นอย่างไรบ้าง แต่สุดท้ายเขาก็ปิดเครื่องมือสื่อสารและเก็บเข้ากระเป๋ากางเกง

“เอาล่ะ เริ่มงานต่อเลยดีกว่า” ร่างโปร่งหันกลับเข้าไปในบ้านและตรงดิ่งไปยังห้องทำงานของตน ทว่าเสียงโปรแกรมแชทของมือถือก็ดังขึ้นซะก่อน

“คุณริชาร์ดทักมารึไงน้า…” นิ้วเลื่อนกดดูไปบนหน้าจอสไลด์ และต้องประหลาดใจที่คนส่งคำขอมาเป็นคุณหมอคาเล็ม ลาซารัสตกใจจนเกือบทำมือถือเครื่องใหม่หล่นแล้วรีบกดรับแอดอีกฝ่ายทันที

“คุณหมอมีอะไรรึเปล่าครับ?” โอเมก้าหนุ่มพิมพ์ข้อความส่งไปและรออยู่สักพักคุณหมอคนดังกล่าวก็ตอบกลับมา

“คืนนี้ห้ามโต้รุ่งอีก เข้าใจนะ” คำสั่งที่ส่งมาผ่านตัวหนังสือแถมด้วยสติกเกอร์ตัวการ์ตูนที่ทำท่าทางโมโหปิดท้ายทำเอาโอเมก้าหนุ่มหลุดหัวเราะ

“ครับผม :3 “ ลาซารัสเห็นสติ๊กเกอร์แมวที่แถมมาให้ก็ส่งกลับไปด้วย แต่รอบนี้คุณหมอไม่ได้ส่งอะไรตอบกลับมา ทำเอาคนรอใจเสียไปเล็กน้อย แต่หมอดูท่าทางจะงานยุ่ง ขืนไปเซ้าซี้คงไม่ดีแน่ๆ…ลาซารัสสลัดความน้อยใจทิ้งไปแล้วรีบแจ้นกลับไปตัดชุดต่อ...โดยทิ้งคำถามให้ตัวเองต่อว่า สรุปแล้วตนรู้สึกยังไงกันแน่…


“ซื้อไปให้แล้วนะ แล้ว...ไงต่อ?” ริชาร์ดคอลกลับมาหาคาเล็มอีกครั้งหลังกลับไปไม่นาน คนที่เสนอให้ซื้อมือถือให้ก็เป็นตัวคุณหมอเอง แน่นอนว่ามันอยู่ในแผนการที่เขาต้องการทดลอง….ไม่สิ… เรียกว่าทดสอบจะดีกว่า..

“นายว่างเมื่อไหร่ก็มาอยู่เป็นเพื่อนเจ้าหนูนั่นที.. ท่าทางจะต้องทำงานนี้อีกนาน เดี๋ยวจะเฉาซะก่อน”

“ทำไมนายไม่ไปอยู่เป็นเพื่อนเค้าเองเล่า นั่นโอเมก้า..คนไข้ของนายนะ” ริชาร์ดเกาหัวอย่างงุนงงว่าทำไมเพื่อนรักของเขาต้องทำเรื่องยุ่งยากแบบนี้ “นายไม่เห็นสายตาของลาซัสรึไง ท่าทางจะหลงนายซะแล้วนะ”

คาเล็มถอนหายใจแต่ไม่ได้ตอบคำถามของเพื่อน ซึ่งมันผิดวิสัยของคนๆนี้อย่างมาก ริชาร์ดหรี่ตามองเพื่อนที่อีกฟากจอแล้วส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้มหน่ายใจ

“ได้ๆ ไม่รู้หรอกว่านายต้องการอะไร แต่จะทำให้ละกัน จบงานนี้ถือว่าเจ๊ากันเรื่องฉันติดธุระนะ”

“นายเบี้ยว ไม่ใช่ติดธุระ”

“เออๆ”

สไกป์ดับลงแต่หมอยังคงทำงานต่อเนื่องโดยไม่มีเวลามาสนใจอย่างอื่นๆ ที่คิดจะให้มาอยู่เป็นเพื่อนนั้นพูดจริง ทว่าถูกแค่ครึ่งเดียว… อีกกว่าครึ่งคือการทดลองให้ลาซารัสอยู่กับอัลฟ่าคนอื่นดู ในขณะอีกส่วนนึงที่เค้าต้องการจะรู้นั้น..

หากว่าอยู่กับอัลฟ่าที่เป็นมิตรและเป็นกันเองยิ่งกว่าตัวเขา โอเมก้าผู้ไร้เดียงสาคนนี้จะเริ่มไขว้เขวบ้างรึเปล่า..

ก็แค่อยากลองทดสอบดูเท่านั้น ไม่ได้มีความหมายลึกซึ้งอะไรมากไปกว่านี้ คาเล็มย้ำกับตัวเอง

ก่อนถึงมื้อเย็น ลาซารัสได้ส่งข้อความไปหาคาเล็มว่าตัดชุดเสร็จแล้ว อยากจะให้ลองใส่ดูเผื่อว่ามีตรงไหนต้องแก้ คุณหมออัลฟ่าแอบแปลกใจที่โอเมก้าในครอบครองของตนทำงานเสร็จเร็วมาก เป็นเพราะว่าไม่มีคิวงานเหมือนที่ร้านรึเปล่าถึงได้ทำงานไวขนาดนี้

“เดี๋ยวไป” อัลฟ่าสูงวัยตอบข้อความแล้วกดปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ไว้ไม่ได้กดชัตดาวน์เครื่องเพราะตั้งใจจะขึ้นมาทำงานต่อ เขาเดินไปยังห้องตัดเสื้อชั่วคราวของโอเมก้าหนุ่มที่กำลังรอเจ้านายอย่างเขาอยู่

“อ่ะ สักครู่นะครับ” ลาซารัสกำลังเช็คความเรียบร้อยของชุดอีกครั้ง ก่อนจะหันมาหาหมอคาเล็มที่มายืนรออยู่แล้ว ร่างโปร่งยื่นชุดสูทสีเทาที่ตนตั้งใจตัดเย็บให้อีกฝ่าย “เชิญเลยครับคุณหมอ”

“ทำงานช้ากว่านี้หน่อยก็ได้ไม่เห็นต้องรีบเลย”

“แหะๆ มันเคยชินน่ะครับ บางทีก็มีลูกค้าที่ชอบให้ตัดชุดเร่งด่วนเข้ามาบ่อยๆ”

“อืม งั้นฉันเอาไปลองก่อนนะ” อัลฟ่าสูงวัยเดินออกไปเปลี่ยนชุดในห้องของตน ระหว่างนั้นลาซารัสก็เดินวนไปวนมาที่ห้องตัดชุดรอดูผลอย่างใจจดใจจ่อ ทั้งๆที่ตัดสูทมาตั้งมากมายแต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่รู้สึกตื่นเต้นเท่าครั้งนี้เลย

“คุณแมทเวย์ อาหารเย็นเสร็จแล้วนะครับ” พ่อบ้านเรนเดลเคาะประตูห้องที่เปิดทิ้งไว้ก่อนชะโงกหน้าเข้ามาบอก “อ้าว ทำงานเสร็จแล้วเหรอครับ”

“ครับ คุณหมอกำลังเอาชุดไปลองอยู่ เดี๋ยวก็คง...มา” ดวงตาสีฟ้าจ้องมองคนที่ยืนอยู่ข้างหลังชายชราที่หน้าประตู คุณพ่อบ้านหลบให้คุณหมอที่แต่งชุดสูทเต็มยศเดินเข้ามาให้ช่างเช็คดูว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม

ลาซารัสยืนนิ่งมองหมอที่เดินมาเช็คความเรียบร้อยที่กระจกเต็มตัว ปกติที่จะอยู่ในชุดกาวน์เสมอๆทำให้ไม่เห็นสัดส่วนชัดเจนมากขนาดนี้ แถมพอเปลี่ยนชุดลุคของคาเล็มก็เปลี่ยนทันที กลายเป็นชายผู้สง่างามดั่งที่เขาเห็นเมื่อวันที่เจอกันในงานประมูล

“ว่าไง?” คาเล็มหันมาถามเพราะเห็นโอเมก้าของตนนิ่งจังงังไปแล้ว

“!! ครับ! ….เอ่อ คิดว่าคงต้องเก็บเอวด้านหลังอีกนิดนึง” ลาซารัสหยิบเข็มกลัดตามแนวตะเข็บให้ช่วงเอวรัดเข้ามาอีกสักนิด “ยกแขนขึ้นข้างบนทีครับ”

คาเล็มทำตามเพื่อให้การวัดตัวเสร็จโดยไว ลาซารัสจดส่วนที่ต้องเย็บเข้าหรือตัดออกเพื่อให้เข้าทรงมากกว่านี้จนครบ ความหิวก็เริ่มร้องเรียกด้วยเสียงร้องจากท้องทั้งคู่ “หมดแล้วใช่มั้ย?”

“กางเกงไม่มีปัญหาใช่มั้ยครับ ลองนั่งคุกเข่าเหมือนจะผูกเชือกรองเท้าดูหน่อยได้มั้ยครับ” เมื่อคุณหมอนั่งลงตามที่บอก ลาซารัสก็เห็นว่ายังเก็บงานส่วนขอบกางเกงไม่ดีพอ คงต้องแก้ทรงยาวเลยสำหรับกางเกง.. ก็เพราะทำไปแล้วมัวแต่คิดเรื่องไม่เป็นเรื่องนั่นแหละ… “ขอบคุณครับ เดี๋ยวผมจะรีบแก้ให้”

“บอกแล้วว่าไม่ต้องรีบ ไปกินข้าวได้แล้ว” คาเล็มลุกขึ้นและตรงออกจากห้องเพื่อไปเปลี่ยนเสื้อกลับคืน ลาซารัสพยักหน้าให้ทั้งคาเล็มและเรนเดลที่มายืนดูภาพตรงหน้าอย่างเอ็นดู เมื่อทั้งสองคนออกจากห้องไปแล้วร่างโปร่งก็ตรงดิ่งไปที่เตียงแล้วหยิบหมอนมาปิดหน้าและร้องอย่างยินดีจนสุดเสียง

“ค….คุณหมอใส่แล้วขึ้นสุดๆเลยอ่ะ” พอเห็นหมอใส่ชุดที่ตนจัดให้ แม้จะยังไม่สมบูรณ์ดีแต่แค่เห็นเขาได้ใส่มันดีใจจนหุบยิ้มไม่ได้

ลาซารัสอดจินตนาการไม่ได้เลยว่ารูปร่างหน้าตาอย่างคุณหมอคาเล็มถ้าใส่สูทเต็มยศและจัดทรงผมที่ยุ่งเหยิงนั้นให้เรียบร้อยคนๆนั้นอาจจะดูดียิ่งกว่านี้อีก แถมจากบุคลิกก็น่าจะเหมาะกับการเป็นประธานบริษัทชั้นแนวหน้ามากกว่าจะเป็นคุณหมอเสียอีก

“บ้าจริงลาซัส คิดอะไรของนายอยู่กันน่ะ” ร่างโปร่งลุกขึ้นมานั่งที่ขอบเตียง หากคุณหมออัลฟ่าคนนั้นเป็นท่านประธานใหญ่ล่ะก็ป่านนี้คงได้ไปจับคู่แต่งงานกับโอเมก้าจากตระกูลผู้ดีสักคนไปแล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นเขาก็คงไม่มีโอกาสได้มาเจอคนๆนั้นและได้มาอยู่ที่นี่หรอก

...หากคืนนั้นคนที่ประมูลได้ตัวเขาไปเป็นอัลฟ่าคนอื่นที่ไม่ใช่หมอคาเล็มล่ะก็ ป่านนี้ตัวเขาจะไปอยู่ที่ไหน ใช้ชีวิตยังไง กำลังทำอะไรอยู่นะ ทั้งที่เมื่อก่อนเคยคิดว่าจะต้องตกไปเป็นคู่ให้ใครสักคนก็ช่างเพราะมันเป็นชะตาของโอเมก้าอย่างเขา แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่าโชคดีมากๆแล้วที่ได้มาอยู่ที่นี่ อย่างน้อยๆก็ได้รับการดูแลเอาใจใส่ ถึงแม้จะเป็นตัวทดลองก็เถอะ…

แล้วถ้าเกิดจบการทดลองล่ะ คุณหมอคาเล็มจะทำยังไงกับเขาต่อ…

เสียงข้อความจากโทรศัพท์ของโอเมก้าหนุ่มดังขึ้นเรียกสติ ลาซารัสเปิดดูก็เห็นคุณหมอทักมาบอกให้รีบลงไปกินข้าวก่อนที่มื้อเย็นของเขาจะกลายเป็นอาหารเย็นของจูเลียตแทน ร่างโปร่งจึงเก็บความกังวลไว้ในใจแล้วรีบลงไปร่วมโต๊ะโดยเร็ว


(ยังมีต่อ)

ออฟไลน์ pichi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • PICHI Otakura

“ปกติไม่ดูกีฬาเลยเหรอ”

“ไม่ครับ เอ่อ...แต่ก็พอเข้าใจกติกา”

“ว้า.. แย่จริง ฉันกะจะชวนดูรอบชิงเทนนิสรอบนี้หน่อย นี่ถ่ายทอดสดเลยนะ!”

วันนี้ริชาร์ดที่กำลังว่างมานั่งเล่นอยู่ในห้องทำงานชั่วคราวของโอเมก้าหนุ่มและกำลังนั่งลุ้นเทนนิสอย่างออกนอกหน้า ในขณะที่ลาซารัสกำลังแก้ชุดของเจ้านายอยู่.. ร่างโปร่งได้แต่สงสัยว่าเขาจะมาที่นี่ทำไม ถึงมีธุระก็คงไม่ใช่กับเขาแน่ๆ… หรือมาดักรอคุณหมอ? ก็ไม่มีเหตุผลให้เข้ามานั่งในนี้อีก.. เหงารึไง?

“ทำหน้าแปลกๆนะ ฉันกวนสมาธินายรึเปล่า” ริชาร์ดหันมาถามทั้งที่ในมือยังหยิบคุ้กกี้เข้าปากอยู่เรื่อยๆ

“ไม่ครับ ปกติทำงานในร้านก็เปิดนู่นนั่นนี่ดูไปด้วยอยู่แล้ว” บรรยากาศที่ไม่เงียบเหงาเกินไปช่วยทำให้ชายหนุ่มไม่ง่วงหงาวจนแอบหลับไป “ก็อยากพาเด็กๆเข้ามาเล่นเป็นเพื่อนนะครับ แต่กลัวจะทำข้าวของเละเทะ..”

“พูดถึงลูกหมาพวกนั้น มีตัวนึงที่ตามฉันแจเลยล่ะ ชื่อ สก็อต มั้ง” ผู้ครองตำแหน่งซีอีโอทำตัวตามสบายและเริ่มพูดถึงเรื่องรอบตัวมาตลอดตั้งแต่โผล่มาที่นี่ ทำให้ลาซารัสไม่เกร็งมากเหมือนตอนที่เจอกันครั้งแรกๆแล้ว “นายว่ามันจะชอบฉันมั้ย!?”

“สก็อตน่ะเหรอ สงสัยจะอย่างนั้นมั้งครับ” เจ้าของฟาร์มสุนัขขนาดย่อมนึกถึงเจ้าขนปุยพันธุ์สปิตสีขาวทั้งตัวที่มักจะชอบแยกตัวจากกลุ่มบ่อยๆ แม้จะไม่ได้ป่วยอะไรก็ตาม “ปกติไม่ตามใครแท้ๆ แปลกจัง..”

ทั้งอัลฟ่าที่กินยาต้านฟีโรโมนและลดการได้กลิ่นมาและโอเมก้าที่ใสซื่อไร้การระวังตัวกำลังพูดคุยกันอย่างเป็นกันเองราวกับเรื่องของไทป์ที่แตกต่างนั้นเป็นเรื่องที่ไม่เคยมีอยู่

“จะว่าไปแล้ว คุณริชาร์ดกับคุณหมอรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอครับ?” ร่างโปร่งเปลี่ยนไปชวนเพื่อนสนิทของคุณหมออัลฟ่าคุยเรื่องของทั้งคู่แทน เพราะแอบสนใจว่าคุณหมอที่น่าจะมีเพื่อนเป็นคนวงการเดียวกันทำไมถึงไปรู้จักกับซีอีโออย่างริชาร์ดได้

“อืม...รู้จักกันตอนไหนงั้นเหรอ?” ริชาร์ดนั่งนึกไปถึงครั้งแรกตอนที่เขาได้เจอกับคาเล็ม “ในงานศพน่ะ”

“อ่ะ หา!?” มือที่ถือกรรไกรซึ่งกำลังตัดทรงกางเกงสูทอยู่ถึงกับชะงัก ไหงสถานที่พบเจอกันครั้งแรกของคนทั้งคู่ถึงเป็นงานไม่มงคลซะงั้นล่ะ…

“รู้มั้ยลาซัส ฉันน่ะเกิดมาจากโอเมก้าที่เป็นผู้ชายล่ะ แถมเค้ายังอายุไม่ถึงสิบหกปีด้วยตอนที่คลอดฉันออกมา” ริชาร์ดเกริ่นเรื่องของตนก่อน “และหลังจากที่ฉันเกิดมา คนที่ให้กำเนิดฉันก็มีร่างกายที่อ่อนแอลงเรื่อยๆ ใช้ชีวิตอยู่แต่ในโรงพยาบาลมาตลอดเลยล่ะ”

ลาซารัสเผลอหยุดมือเพราะตัวเขาเริ่มสนใจอยากฟังประเด็นที่ริชาร์ดกำลังเล่า การที่โอเมก้าชายจะคลอดเด็กทารกสักคนออกมาแล้วปลอดภัยนับเป็นเรื่องที่ยากมาก ยิ่งอายุน้อยก็ยิ่งมีความเสี่ยง โอเมก้าชายมักจะต้องผ่าคลอดไม่เหมือนกับโอเมก้าผู้หญิงที่คลอดตามธรรมชาติได้ง่ายกว่า

“ตัวฉันเองก็ไม่ค่อยจะได้เจอคนๆนั้นบ่อยนัก เพราะพ่อมักจะกันฉันให้อยู่ห่างๆ จะอนุญาตให้เจอกันก็แค่ปีละครั้งในวันเกิดของฉันเท่านั้น ฉันเฝ้าตั้งตารอใจจดใจจ่อทุกๆปีให้ถึงวันเกิดตัวเองเร็วๆ” สีหน้าของคนที่มักพูดคุยอย่างสนุกสนานเวลานี้กลับสงบนิ่ง “แต่แล้วในวันเกิดปีที่สิบสอง ฉันก็ถูกห้ามไม่ให้เจอคนๆนั้นอีกเป็นอันขาด ฉันถูกพ่อส่งไปเรียนเมืองนอกที่เป็นโรงเรียนประจำไม่ได้กลับมาที่บ้านหลายปี วันที่ฉันได้รับอนุญาตให้กลับมาก็คือวันที่จัดพิธีศพของคนๆนั้น...และเป็นวันเกิดปีที่สิบเจ็ดของฉัน”

“คุณริชาร์ดครับ ไม่ต้องเล่าแล้วก็ได้...” ลาซารัสเห็นดวงตาของอีกฝ่ายแฝงไปด้วยความเหงาและเศร้าในเวลาเดียวกัน แต่ริชาร์ดก็ขอเล่าต่อให้จบเพราะตั้งแต่ตรงนี้ไปคือจุดเริ่มต้นการพบกันของเขากับคาเล็ม

“ในงานนั้นมีแต่พวกญาติสนิทกับแขกไม่กี่คนที่รู้จักกัน ทุกคนต่างมาแสดงความเสียใจกับฉัน แต่ฉันแทบจะไม่ได้พูดคุยกับใครเลย ฉันช็อคจนไม่สามารถแสดงความเศร้าหรือแม้แต่จะร้องไห้ออกมา ตอนนั้นเองที่มีผู้ชายใส่แว่นที่อายุมากกว่าเกือบสิบปีมานั่งข้างๆฉัน”

“คนๆนั้นคือ คุณหมอคาเล็มใช่มั้ยครับ…” โอเมก้าหนุ่มคาดเดา ริชาร์ดพยักหน้าแทนคำตอบ

“หมอนั่นพูดกับฉันตอนที่เจอกันครั้งแรกว่าไงรู้มั้ย?” เจ้าของคำถามหันหน้ามาและยิ้มก่อนจะเฉลยทันที “สุขสันต์วันเกิดอายุครบสิบเจ็ดปี ริชาร์ด เบอร์ตั้น”

ดวงตาสีฟ้าอ้าปากค้าง ริชาร์ดหัวเราะลั่นเพราะโอเมก้าหนุ่มทำหน้าตกตะลึงได้ฮามาก

“ฉันแทบจะประเคนหมัดใส่หน้าไอ้บ้านั่นสักสองสามหมัดที่มาพูดอวยพรไม่ดูกาลเทศะ ยังดีที่มีกรรมการห้ามมวยทัน แล้วหมอนั่นก็เอากล่องของขวัญมายัดใส่มือฉันตั้งห้าหกกล่องแน่ะ!”

ร่างโปร่งช็อคจนนิ่งค้างไม่ต่างจากหุ่นลองเสื้อที่อยู่ในห้อง ริชาร์ดเลยต้องลุกไปเขย่าตัวให้โอเมก้าหนุ่มได้สติกลับคืนมา

“ตอนแรกฉันเองก็โกรธมากเหมือนกัน แต่ตอนหลังฉันก็มารู้ว่าทั้งหมดนั่นเป็นของขวัญวันเกิดตลอดห้าปีที่ผ่านมาซึ่งคนๆนั้นรอวันที่จะมอบให้กับฉันทุกๆปี” ซีอีโอหนุ่มพาร่างโปร่งมานั่งที่โซฟาแล้วเล่าต่อว่าของขวัญทั้งหมดนั่นเค้าได้ฝากมันไว้กับคาเล็ม หมอเจ้าของไข้ที่คอยดูแลคนๆนั้นมาตลอดนับตั้งแต่เข้ามาทำงานที่โรงพยาบาล

หลังงานศพผ่านไป ริชาร์ดได้ยินมาจากญาติๆฝั่งพ่อที่เล่าให้ฟังว่าถ้าไม่ได้คาเล็มคอยดูแลล่ะก็คนๆนั้นคงจะตายไปตั้งแต่ห้าปีก่อนแล้ว และทั้งๆที่ควรจะหมดหวังเพราะไม่สามารถเจอหน้ากันได้ แต่คาเล็มก็คอยให้กำลังใจอยู่เสมอว่าจะช่วยรักษาให้อาการดีขึ้น แล้วสักวันจะพาไปให้ทั้งคู่ได้มาเจอกันอีก แต่ร่างกายของคนๆนั้นก็อดทนมาได้แค่นี้ พร้อมกับฝากให้คาเล็มมาอวยพรวันเกิดให้แทนตัวเองที่ไม่อยู่แล้ว

“เรื่องที่ฉันได้มาเจอกับคาเล็มก็เป็นอย่างที่เล่าไปนั่นล่ะ ไม่กี่ปีหลังจากนั้นเจ้านั่นก็ลาออกจากโรงพยาบาลไปทำวิจัยคนเดียว ส่วนฉันหลังจากเรียนจบก็กลับมาช่วยบริหารงานที่บริษัทต่อจากพ่อทันที จะเรียกว่าช่วยงานก็ไม่ถูกซะทีเดียวหรอก แบบว่าฉันยึดบริษัทของพ่อมาเป็นของตัวเองเลยน่ะนะ” อัลฟ่าหนุ่มเล่าไปหัวเราะไป จากตอนแรกที่สงสารริชาร์ดจับใจ มาตอนนี้ลาซารัสนั่งห่อตัวลีบขณะที่ฟังอีกฝ่ายสาธยายว่าใช้วิธีไหนในการยึดอำนาจจากพ่อตัวเองมาได้

คุณหมอเค้า..เป็นคนใจดีจริงๆด้วย.. ร่างเล็กแอบยิ้มอยู่เงียบๆในขณะที่ริชาร์ดเริ่มกลับไปสนใจเกมการแข่งต่อเพราะกำลังแข่งกันดุเดือด อีกเพียงไม่กี่แต้มก็สามารถตัดสินได้ แต่ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน

“อ่ะ ขอโทษทีๆ ดันยึดนายไว้ตรงนี้ซะได้” อัลฟ่าปล่อยมือจากลาซารัสเพราะเพิ่งรู้ตัวว่าตนกอดคออีกฝ่ายไว้นานเสียจนจะไม่ได้ทำงานเอา “ถ้ากีฬาไม่สนุกอยากดูอะไรมั้ยล่ะ”

“ไม่เป็นไรครับ ผมฟังได้ ขอบคุณที่เล่าให้ฟังนะครับ” โอเมก้าหนุ่มผุดลุกขึ้นมาแก้ชุดของเจ้านายต่อ

เหตุการณ์ทั้งหมดถูกคุณหมอแอบมองผ่านช่องประตูอยู่เงียบๆสลับกับมองมือถือของตนเป็นระยะ โอเมก้าในครอบครองของเขาดูจะไม่มีอาการอะไรเป็นพิเศษ วันนี้จึงไม่ได้อะไรกลับไปเท่าไหร่ คาเล็มเดินกลับไปห้องของตนแล้วจัดการทำงานต่อ...อย่างสบายใจ..

ความรู้สึกโล่งใจนี่มันอะไร?..


“หา...ไม่ต้องฉีดน้ำหอมดับกลิ่นฟีโรโมน?” เมื่อลาซารัสลงไปเตรียมข้าวเย็นช่วยเรนเดล หมอก็รีบมาบอกภารกิจต่อไปให้เพื่อนรักทันที

“ใช่ แต่กินยาต้านอาการฮีทไว้เหมือนเดิมนะ”

“...เดี๋ยว ครั้งก่อนๆฉันไม่สนใจหรอกว่านายต้องการให้ทำอะไร แต่คราวนี้ฉันไม่โอเคจริงๆว่ะ นายอยากทำอะไรกันแน่วะ” ริชาร์ดกอดอกมองเพื่อนอย่างเอาเรื่อง “ไม่เชื่อใจเจ้าหนูนั่นเหรอ?”

“เปล่า แต่ถ้าฉันจะพาลาซารัสไปงานด้วยจริง… หมอนั่นจะต้องอยู่ท่ามกลางดงอัลฟ่าเกือบร้อยคน ถ้าแค่กลิ่นฟีโรโมนของนายคนเดียวยังทนไม่ไหว ฉันก็ไม่เสี่ยงพาไปด้วยหรอก” คาเล็มนั่งเท้าคางกับโซฟาแล้วกดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยอย่างไม่รู้จะดูอะไร

“....ก็ถูกของนาย..” เพื่อนรักของคุณหมอเกาหัว ถึงจะกินยาต้านอาการฮีท แต่ถ้ายังหลงระเริงกับกลิ่นฟีโรโมนได้ยังไงฟีโรโมนของโอเมก้าหนุ่มคนนั้นก็จะยังแปรปรวนจนสัมผัสได้อยู่ดี..

“มาอีกทีวันไหน”

“โห.. คงอีกสามสี่วันเลยล่ะ มีงานนิดหน่อย แต่คิดว่าเคลียร์ได้” อีกเพียงสองอาทิตย์ก็ถึงงานวันแต่งของคนในครอบครัวที่คุณหมอไม่ค่อยจะอยากเจอหน้าเท่าใดนัก

“คุณหมอคุณริชาร์ดครับ อาหารเย็นได้แล้วคร้บ” ลาซารัสเคาะประตูเรียกทั้งคู่และเปิดเข้ามาหา

“เดี๋ยวไป” คาเล็มโบกมือให้เหมือนจะรีบไล่ให้ออกไปก่อน

“ครับผม”

“....ปกตินายไม่เย็นชาใส่พวกโอเมก้าขนาดนี้นะ คนอื่นๆนายก็ทำตัวปกติ.. มีอะไรงั้นรึ?” ริชาร์ดขยับเข้ามากระซิบถามเมื่อโอเมก้าของเพื่อนรักเดินหายไปแล้ว

“มีเรื่องนิดหน่อย” เสียงทุ้มตอบเบาแต่ยังดังพอให้ได้ยินกันสองคน “หมอนั่นดันเกิดฮีทขึ้นมาตอนที่ฉันไม่ทันระวังตัว เกือบจะพลาดท่าด้วยกันทั้งคู่”

“แหม่! น่าเสียดาย นึกว่างานนี้จะได้เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้คุณหมอคาเล็มกับเค้าแล้ว” ริชาร์ดวิ่งหลบเท้าเพื่อนรักแล้วหนีไปนั่งที่โต๊ะกินข้าว ครั้งนี้จัดเซอร์วิสให้ด้วยการไปนั่งกินข้าวข้างๆลาซารัส แถมยังคอยตักอาหารใส่จานให้อีกฝ่ายอย่างดีอีก นี่ถ้าป้อนใส่ปากด้วยได้คงทำให้ไปแล้ว

“มากไปแล้วริชาร์ด” เสียงทุ้มติงกับการกระทำที่ ‘เยอะไป’ ของอีกฝ่าย

“คนนี้หวงก็บอกสิครับคุณคาเล็มมม” อัลฟ่าเพื่อนรักโยกหัวหลบมีดที่จ้องจะจิ้มเสียบตนแทนสเต็กเนื้อสันที่เป็นมื้อเย็นวันนี้ ลาซารัสที่คิดว่าอีกฝ่ายแค่แกล้งแหย่คุณหมอเล่นก็ได้แต่หัวเราะตามน้ำไป

หลังอิ่มหนำสำราญจากมื้ออาหาร ริชาร์ดก็โบกมือลาพร้อมกับยกมือถือหันไปหาลาซารัสคล้ายๆจะบอกว่าไว้คุยกันต่อคืนนี้ โอเมก้าหนุ่มที่แสนซื่อก็โบกมือยิ้มให้โดยที่ไม่ได้รู้สึกถึงรังสีมาคุเบาๆ ที่แผ่อยู่ข้างหลังตน

“สนิทสนมกันดีนะ เริ่มชอบหมอนั่นขึ้นมาแล้วรึไง?”

“ครับ ก็คุณริชาร์ดคุยด้วยสนุกดีออก ทั้งยังเล่าอะไรๆให้ผมฟังตั้งเยอะ” โอเมก้าหนุ่มไม่ได้ขยายความคำพูดว่าเรื่องอะไรๆ ที่ว่านั้นก็คือเรื่องตัวของคุณหมออัลฟ่าเอง ทำเอาคาเล็มคิ้วกระตุกไปนิดหนึ่ง

“เข้าบ้านได้แล้ว ล็อคประตูด้วย” อัลฟ่าสูงวัยสั่งด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กๆ ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปนั่งทำงานต่อแต่ก็ไม่มีสมาธิเท่าไหร่นัก

เสร็จงานนี้เมื่อไหร่ คุณหมออัลฟ่าคงจะได้รวบยอดเตะก้นเพื่อนรักเป็นสิบประตูแน่นอน โทษฐานที่ทำอะไรนอกเหนือคำสั่งโดยไม่บอก...


“คุณหมอเค้าดูหงุดหงิดจัง หรือเพราะเครียดจากงานนะ ไหนจะคุณริชาร์ดชอบบุกมาหาอีก” ลาซารัสเปรยให้เรนเดลฟังราวกับขอความเห็นระหว่างที่ช่วยล้างจานชามด้วยกัน 

“คุณริชาร์ดไม่ค่อยมาบ่อยเท่าไหร่ มาติดๆกันแบบนี้กระผมก็สงสัย” เรนเดลตั้งแง่แต่ก็ไม่ได้รังเกียจที่บ้านคึกครื้นขึ้นแต่อย่างใด

“อาจจะเป็นห่วงคุณหมอก็ได้...หลายวันมานี้เก็บตัวมากๆเลยครับ นอกจากทานข้าวแล้วผมแทบไม่ได้เจอหน้าเขาเลย” ลาซารัสถอนหายใจ ตั้งแต่ฮีทกลางดึกวันนั้นคาเล็มก็แทบจะหลบหน้าเขาทุกเวลา ทำเอาโอเมก้าหนุ่มรู้สึกผิดขึ้นไปอีก..

“...ไม่ต้องห่วงหรอกครับ นายน้อยคงไม่ได้เป็นอะไรหรอก ก็บ้าทำงานเป็นช่วงๆแบบนี้แหละครับ” เห็นเด็กหนุ่มข้างๆซึมไปก็ได้แต่พูดปลอบ เมื่อทั้งคู่ล้างจานจนเสร็จและทำการเก็บข้าวของจนเรียบร้อย ลาซารัสก็เดินไปเช็คว่าเจ้าพวกตัวเล็กทั้งหลายอยู่สบายดีไหม

“เอ๋?” ลาซารัสชะงักเมื่อเห็นว่ามีสุนัขตัวหนึ่งนอนกอดของเล่นที่ริชาร์ดซื้อมาฝากฝูงสุนัขของเขา สก็อตนอนกอดไว้ราวกับหวงของๆมันจากตัวอื่นๆอย่างไรอย่างนั้น “แกคิดถึงคุณริชาร์ดเหรอ?”

ร่างโปร่งจึงจัดแจงถ่ายรูปมันหลายต่อหลายรูปแล้วส่งให้ริชาร์ดดูความน่าเอ็นดูของมัน โดยทั้งหมดนี้ถูกแอบมองจากคุณหมอที่ไม่มีสมาธิทำงานจนต้องมายืนสูบบุหรี่ตรงหน้าต่างห้องทำงานตน คาเล็มมองลงไปยังคนในการดูแลที่ทำตัวร่าเริงเป็นปกติเหมือนเมื่อครั้งมาอยู่ใหม่ๆ ...ซึ่งตอนนี้เขาเริ่มอิจฉาริชาร์ดเบาๆที่ลาซารัสอยู่ด้วยได้โดยไม่เกร็งเหมือนตอนอยู่กับตนเอง…

เดี๋ยวก่อนนะ...แล้วทำไมเขาต้องอิจฉาด้วย…?

“ชักจะไปกันใหญ่แล้ว…” มือหนาขยี้บุหรี่ในมือทิ้งแล้วเดินไปอาบน้ำให้หัวสมองโล่งผ่อนคลายมากกว่านี้ ในเมื่อริชาร์ดไม่ว่างในช่วงนี้เขาเองก็ต้องคิดวิธีทดสอบให้ลาซารัสคุ้นเคยกับการอยู่ต่อหน้าฝูงชนเท่าที่จะทำได้ แต่ครั้นจะพาออกไปข้างนอกก็อาจจะทำให้งานของอีกฝ่ายล่าช้าลงไปอีก แล้วจะทำยังไงต่อดีนะ…



TBC.





*****************************************************************************************


หลังๆมานี้ชักเริ่มจะอวยริชมากกว่าหมอแล้ว เปลี่ยนพระเอกตอนนี้ทันมั้ย-----//โดนหมอเตะ  :z6:

สงสัยต้องลองทำแท็ค #ทีมหมอ #ทีมริช ซะแล้ว ขอเสียงโหวตลุงๆอัลฟ่าหน่อยค่----- //โดนหมอเตะตัดขา

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
เรายังโลเลอยู่เลยเลือกมะได้ ขอฮาเร็มได้ไหม55555

ออฟไลน์ pichi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • PICHI Otakura

บทที่ 4



“ทำยังไงดีครับคุณหมอ วันนี้สก็อตก็ไม่ยอมกินอาหารอีกแล้ว” ลาซารัสอุ้มเจ้าตัวเล็กขนปุยสีขาวที่เอาแต่ร้องหงิงๆไม่ยอมไปวิ่งเล่นเหมือนตัวอื่นๆ ซ้ำยังไม่ยอมกินอะไรมาเกือบสองวันแล้วมาหาหมอคาเล็ม

คุณหมออัลฟ่าเกาหัวอย่างจนปัญญา เรื่องอาการป่วยของสัตว์เลี้ยงมันเกินกว่าวิชาชีพของเขาที่เน้นรักษาคนมากกว่าสัตว์จะหาสาเหตุของลูกหมาตัวนี้ได้

“ลาซารัส วันนี้นายพอจะว่างรึเปล่า?” อัลฟ่าผู้เป็นเจ้านายถามโอเมก้าในความดูแลของตน

“ครับ ชุดที่แก้ก็ใกล้เสร็จแล้วด้วย ทำไมเหรอครับ?”

“ไปเปลี่ยนชุดแล้วเอาเจ้าตัวนี้ใส่กระเป๋า เดี๋ยวจะพาไปให้หมอดูอาการที่โรงพยาบาลสัตว์”

“เอ๊ะ? จะไปยังไงเหรอครับ ที่นี่ไม่มีรถนี่ครับ” โอเมก้าหนุ่มทัก คาเล็มก็ทำท่าเหมือนเพิ่งจะนึกออก

“จริงสิ รถที่ส่งเข้าศูนย์ไปตั้งแต่เดือนที่แล้วก็ยังซ่อมไม่เสร็จเลย” ดวงตาหลังกรอบแว่นสบถพลางยกมือถือขึ้นมา “งั้นเดี๋ยวฉันโทรตามริชาร์ดก่อน แต่เวลานี้หมอนั่นน่าจะยุ่งอยู่นะ”

“มีครับ” พ่อบ้านสูงวัยโผล่หน้ามาหลังจากได้ยินบทสนทนาและยิ้มกว้างให้ทั้งสองคน “มีรถเก่าที่กระผมไม่ได้ใช้อยู่คันหนึ่ง จะยืมไปใช้ก่อนก็ได้นะครับ”

“เฮ้ๆ รถนั่นนายหวงมากไม่ใช่เรอะ เดี๋ยวฉันติดต่อให้ริชาร์ดส่งรถมารับก็ได้” คาเล็มกล่าวเพราะรู้ว่ามันเป็นรถที่พ่อบ้านทั้งรักทั้งหวงเหมือนลูกชายคนหนึ่ง

“เอาไปใช้เถอะครับ จอดทิ้งไว้ก็น่าเสียดายเปล่าๆ”

ชายชราเดินนำทั้งสองคนและลูกหมาหนึ่งตัวที่นอนนิ่งอยู่ในกระเป๋าไปที่โรงจอดรถก่อนจะก้มลงไขกุญแจ แล้วขอแรงให้ลาซารัสช่วยยกประตูขึ้น

“ว้าวววววว เท่สุดๆไปเลยครับ!” ดวงตาสีฟ้าเป็นประกายวาววับจ้องบิ๊กไบค์คลาสสิคสีดำในโรงจอดรถไม่วางตา คาเล็มหันมามองพ่อบ้านที่ดูจะยืดอกภูมิใจที่ได้อวดเจ้าลูกชายที่อุตส่าห์ถนอมมาอย่างดี

“ขับดีๆนะครับนายน้อย อย่าให้มีรอยขีดข่วนกลับมาเลยเชียวนะครับ” พ่อบ้านสูงวัยส่งกุญแจรถให้พร้อมกับย้ำคำเป็นมั่นเป็นเหมาะ

“...อืม จะรักษาเท่าชีวิตเลย” แม้ปกติเรนเดลจะนอบน้อมกับเขาเสมอ แต่พอเป็นเรื่องรถล่ะก็จะแทบจะเปลี่ยนอารมณ์เป็นคนละคน

แน่นอนว่าก่อนจะออกไปข้างนอกลาซารัสโดนกำชับให้กินยาระงับอาการฮีทไว้เผื่อว่าจะต้องไปเจอเข้ากับอัลฟ่าคนอื่นๆ แม้ปริมาณเบต้าจะมีมากกว่าก็ตาม.. แถมยังโดนสั่งไม่ให้เดินห่างจากตัวเขาอีก

“เกาะดีๆนะ” เจ้านายสั่งให้คนในครอบครองที่ซ้อนท้ายตนหาที่เกาะให้ดี แต่ลาซารัสมองยังไงก็มีแต่ต้องเกาะเอวอีกคนเท่านั้นนี่นา… แถมเพราะเป็นรุ่นเก่า เบาะที่นั่งก็ไม่กว้างมาก ทำให้ต้องนั่งชิดกับตัวร่างสูงแทบจะแนบสนิท

“....ครับ” ลาซารัสเอากระเป๋าใส่สก็อตวางไว้ระหว่างเขาและคุณหมอเพื่อกันไม่ให้มันร่วงลงไปและจับเสื้ออีกฝ่ายไว้แทนที่จะโอบไปเต็มๆ.. คุณหมอคงไม่ขับเร็วมากหรอกมั้ง..


เร็วสุดๆเลยต่างหาก!

ทีแรกกะว่าจะแค่จับเสื้อร่างสูงไว้ แต่ตอนนี้เขาก้มลงกอดเอวคาเล็มไว้แน่นเพราะกลัวจะร่วงตกจากบิ๊กไบค์ที่ขับเข้าเมืองด้วยความรวดเร็ว ความจริงก็ไม่ได้เร็วจนเวอร์หรือผิดกฎหมายอะไร แต่ลาซารัสไม่เคยขี่หรือซ้อนใครมาก่อน มันก็เลยค่อนข้างจะเร็วมากๆสำหรับเขา… เมื่อขับมาจนถึงเขตเมืองหมอก็ลดความเร็วลงจนอีกฝ่ายเริ่มที่จะไม่กลัวแล้ว..

อุ่นจัง.. พอความกลัวค่อยๆหายไป ลาซารัสก็เริ่มรู้สึกถึงตัวตนของคนที่เกาะอยู่ กล้ามเนื้อแน่นที่สัมผัสได้แม้จะใส่เสื้อปกปิดอยู่สองสามชั้นก็ชวนรู้สึกเคลิ้มยังไงไม่รู้

“จะกอดอีกนานมั้ย?” คาเล็มหันมาถามเมื่อทั้งคู่จอดติดไฟแดงอยู่

“ว้ากกก! ขอโทษครับ” ร่างโปร่งเด้งตัวออกจากอีกคนรวดเร็วและเปลี่ยนมากอดกระเป๋าที่มีสก็อตอยู่ข้างในไว้แทน หมอคาเล็มแอบหยิบมือถือของตัวเองออกมาดูเพราะรู้สึกว่ามันสั่นมาสักพัก ระดับชีพจรของโอเมก้าด้านหลังเขาพุ่งขึ้นเรื่อยๆจนถึงเมื่อครู่และยังคงที่ในตอนนี้ ทำเอาหมอต้องถอนหายใจ..

คาเล็มมาหยุดที่ศูนย์รักษาสัตว์เลี้ยงศูนย์หนึ่งซึ่งไม่ได้เข้าไปใกล้ศูนย์กลางเมืองมากนัก ลาซารัสเดินตามหมอเข้าไปและรอให้เขาคุยกันจนเรียบร้อยจึงพาสก็อตเข้าไปตรวจ..ทว่า เจ้าตัวน้อยกลับไม่ยอมให้สัตวแพทย์จับตัวง่ายๆ คอยแต่จะวิ่งกลับเข้ากระเป๋าทุกครั้ง

“ไม่เอาน่าสก็อต คุณหมอเค้าไม่ทำร้ายนายหรอก” แม้ร่างโปร่งจะปลอบจะลูบมันเท่าไหร่ สก็อตก็ไม่มีทีท่าจะยอมให้หมอตรวจเลยสักนิด คาเล็มที่ยืนมองเหตุการณ์ห่างๆก็เดินไปหยิบกระเป๋าออกมาเพื่อไม่ให้สุนัขตัวน้อยมีที่หนี ทว่าพอทำแบบนั้นสก็อตยิ่งครางร้องเสียงดังจนผิดปกติ

“เอ...ไม่ทราบว่าในกระเป๋ามีอะไรอยู่รึเปล่าครับ” สัตวแพทย์เอ่ยถามเมื่อเห็นท่าทางแบบนั้น

“...เจ้านี่รึ?” ร่างสูงหยิบของเล่นที่ริชาร์ดซื้อให้ออกมาจากกระเป๋า สก็อตคาบมันมาด้วยตอนที่ลาซารัสอุ้มมันใส่กระเป๋ามา

“ขอผมหน่อยครับ” คุณหมอผู้หาทางสยบเจ้าขนปุยก็หยิบของเล่นชิ้นนั้นมาและลองทำการล่อสก็อตให้ไปหา และได้ผล มันรีบปรี่ไปหาคุณหมอทันที เมื่อหยอกล้อเล่นกับมันสักครู่มันจึงยอมสงบลงทั้งที่ยังยืนคร่อมของเล่นไว้เหมือนจะไม่ยอมให้ห่างตัว “ของชิ้นนี้พวกคุณซื้อให้มันรึเปล่าครับ?”

“ไม่ใช่ครับ คนอื่นเอาให้น่ะ”

“อ๋อ งั้นผมคิดว่ามันก็คงแค่คิดถึงคนนั้นเฉยๆน่ะครับ ลองตรวจดูแล้วไม่มีความผิดปกติอะไรเลย.. แต่ว่าถ้าไม่ยอมกินข้าวแบบนี้คงมีปัญหาแน่ๆ”

“คุณริชาร์ดจะมาอีกทีวันไหนเหรอครับ?” ลาซารัสหันไปถามเจ้านายตนอย่างเป็นห่วงสุขภาพของเจ้าตัวเล็ก

“อีกสองวันน่ะ..”

“งี้กว่าสก็อตจะยอมกินข้าว… เดี๋ยวก็ป่วยกันพอดี” ร่างโปร่งอุ้มเจ้าตัวน้อยไปใส่ไว้ในกระเป๋าเหมือนเดิมและเดินตามคาเล็มออกมาจากศูนย์ ทั้งคู่หยุดยืนอยู่ที่รถและกำลังครุ่นคิดว่าจะเอายังไงต่อดี ในที่สุดคุณหมออัลฟ่าก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์คนที่คุ้นเคยแล้วกรอกเสียงลงไป

“ฉันเอง เออ เดี๋ยวจะแวะไปที่บริษัทของแกหน่อย” อัลฟ่าสูงวัยคุยกับเพื่อนอีกสองสามประโยคก่อนกดวางสายแล้วหันมาบอกโอเมก้าข้างตัว “ขึ้นรถ”

“จะไปหาคุณริชาร์ดจริงๆเหรอครับ” ลาซารัสรู้สึกว่าตนเองทำเรื่องรบกวนคุณหมอคนเดียวไม่พอนี่ยังลามไปถึงเพื่อนสนิทของเจ้าตัวด้วย

“ก็มันไม่มีวิธีอื่นแล้วนี่นา” คาเล็มยื่นหมวกกันน็อคให้ลาซารัสและก็สวมให้ตัวเอง ก่อนจะสตาร์ทรถแล้วขับออกไปยังเส้นทางที่มุ่งเข้าสู่ศูนย์กลางเมืองใหญ่

ทางด้านริชาร์ดที่กำลังงงหลังจากที่เพื่อนวางสายไปก็ได้แต่พึมพำกับตัวเองว่าสงสัยวันนี้หิมะคงจะตก อัลฟ่าผู้ชอบเก็บตัวคนนั้นถึงได้ยอมก้าวเท้าออกจากบ้านมาหาเขาด้วยตัวเอง ทั้งที่ปกติไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรก็มักจะเป็นคนเรียกให้เขาต้องถ่อไปหาเองเสมอ แต่วันนี้มาแปลกจริงๆ...

ซีอีโอหนุ่มหันไปสั่งเลขาฯหน้าห้องว่าหากมีคนชื่อคาเล็ม รอสเกรย์ติดต่อมาให้อนุญาตเข้าพบได้ทันที ก่อนจะหันไปจ้องตัวเลขที่อยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์และเซ็นเอกสารที่ทำค้างไว้ต่อ


“ใหญ่…ไม่สิ สูงโคตร!” เสียงของโอเมก้าหนุ่มติดจะสั่นเล็กๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองไปยังตึกสูงที่คำนวนคร่าวๆ ด้วยสายตาแล้วคงสูงมากกว่าร้อยชั้นเป็นแน่ นี่มันแค่บริษัทแน่เหรอเนี่ย!

“ที่นี่มีทั้งศูนย์การประชุม อาคารสำนักงานระดับสูง พื้นที่ค้าปลีก และโรงแรม เฉพาะเงินลงทุนสร้างอาคารทั้งหมดก็เกือบสองหมื่นล้านเข้าไปแล้ว” คุณหมออัลฟ่าแจกแจงรายละเอียดของตึกระฟ้าตรงหน้าให้โอเมก้าหนุ่มฟัง “เป็นไง ชักเริ่มสนใจอยากเป็นคู่ให้เจ้าริชาร์ดมันรึยังล่ะ”

“ยะ อย่าล้อเล่นสิครับคุณหมอ ผมไม่เคยคิดกับคุณริชาร์ดเค้าแบบนั้นเลยนะครับ” ร่างโปร่งกอดกระเป๋าสุนัขไว้กับตัวแน่น รู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ผิดที่ผิดทางมากๆ นี่ถ้าไม่เห็นมากับตาจะไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดเลยว่าคุณหมอรู้จักกับคนรวยล้นฟ้าขนาดนี้

“จะเข้าไปล่ะนะ” ร่างสูงก้าวเท้ากำลังจะเดินเข้าไปแต่ลาซารัสดึงชายเสื้ออีกฝ่ายรั้งไว้ก่อน

“ดะ เดี๋ยวสิครับ เค้าจะให้พวกเราเข้าไปได้จริงๆเหรอ” ร่างโปร่งมองไปยังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่จ้องหน้าเข้มมาที่พวกเขาสองคนซึ่งแต่งตัวไม่เข้ากับสถานที่แห่งนี้เอามากๆ

แต่ไม่ทันที่คาเล็มจะตอบอะไรก็เปลี่ยนไปคว้าข้อมือของร่างโปร่งแล้วลากเข้าไปในตึกทั้งอย่างนั้น จากที่ประหม่าเพราะสถานที่กลายเป็นว่าโดนดึงความสนใจไปที่มือที่โดนกุมอยู่จนหมด.. แต่เมื่อก้าวเท้าเข้าไปลาซารัสก็สะดุ้งทันที เพราะกลิ่นฟีโรโมนของอัลฟ่าหลายกลิ่นพุ่งเข้าปะทะประสาทสัมผัสจนเขาเริ่มใจสั่น.. ร่างโปร่งเดินตามเจ้านายของตนแทบจะตัวติดกันเพราะรับรู้ได้ว่าโดนจ้องมองจากสายตาหลากหลายคู่

เมื่อคาเล็มเดินไปแจ้งว่ามีธุระกับใคร สายตาของประชาสัมพันธ์ก็เปลี่ยนไปทันที คนที่นั่งอยู่กระวีกระวาดโทรติดต่อหลายต่อหลายคนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะมีพนักงานหญิงสาวสวยเดินออกมารับทั้งคู่ไปที่ลิฟต์

“...ไหวมั้ย?” คาเล็มกระซิบถามโอเมก้าข้างๆตนเมื่อเห็นว่าลาซารัสก้มหน้างุดและเกาะแขนเขาไว้แน่นขณะที่อยู่ในลิฟต์กว้างที่ประดับตกแต่งอย่างหรูหรา

“เอ๊ะ? เอ่อ...ไหวครับ” ร่างโปร่งเงยหน้าตอบเจ้านายของตน ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวลจนปกปิดไม่มิด คาเล็มเพียงแค่พยักหน้ารับรู้ก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดู อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มสูงขึ้น...แต่ไม่เท่าเมื่อครู่ที่เขาถูกกอดเอวไว้เมื่อตอนซ้อนบิ๊กไบค์อยู่.. ซึ่งดูผิดปกติจากค่าที่ควรจะเป็น เพราะโดนอัลฟ่าล้อมรอบแบบนี้ควรจะตื่นตัวมากกว่านี้แท้ๆ


“ไงๆ มาหาถึงนี่มีอะไรเร่งด่วนเหรอครับ” ริชาร์ดเดินมาต้อนรับถึงหน้าลิฟต์ เมื่อเลขาฯของเขาเห็นดังนั้นก็เลยขอตัวไปอีกทางเพราะหมดหน้าที่ของตนแล้ว

“สก็อตมันคิดถึงนาย..” คาเล็มตอบเสียงเรียบ ทำเอาคนได้ยินนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง

“ห้ะ? นายเลยพามันมาหาฉัน?” เพื่อนรักปิดปากกลั้นขำที่คนตรงหน้ายอมทำเรื่องเสียเวลาขนาดนี้เพื่อน้องขนปุยตัวเดียว?

“คือ..มันไม่ยอมกินข้าวมาสองวันแล้วครับ ผมกลัวว่าถ้ารอให้คุณริชาร์ดไปหาเอง...มันจะเป็นอะไรไปซะก่อน” ลาซารัสยื่นกระเป๋าให้อัลฟ่าตรงหน้า ซึ่งพออยู่ใกล้กับคนที่อยากเจอขนาดนี้ สก็อตก็เริ่มร่าเริงขึ้นมาจากที่ก่อนหน้านี้มันซึมจนเหมือนกับจะป่วยแท้ๆ

“เห.. ขนาดนั้นเลยเหรอ” ริชาร์ดอุ้มเจ้าตัวเล็กสีขาวสะอาดขึ้นมากอดไว้ ท่าทางมันมีความสุขสุดๆที่ได้เจอกับเขา ทั้งหมดเลยเข้าไปที่ห้องทำงานของเขาแล้วจัดแจงเอาอาหารให้สก็อตกิน ซึ่งดูจะได้ผล สก็อตยอมกินอาหารแล้ว แถมทำท่าเหมือนโชว์ให้ริชาร์ดดูด้วยว่า ดูนี่สิ ฉันกินข้าวแล้วนะ..

“เก่งมากเจ้าหนู” อัลฟ่าผู้อยู่ในชุดสูททำงานเต็มยศนั่งลงกับพื้นเป็นเพื่อนสก็อตอย่างเป็นกันเอง ภาพตรงหน้าช่างน่ารักเสียจริง..

“คุณหมอครับ… ถ้าให้สก็อตอยู่กับคุณริชาร์ดเลยจะดีไหม”

“หือ? ...แล้วนายโอเคมั้ยล่ะ?” คาเล็มเหลือบตามามองปฎิกิริยาของอีกคน

“มันท่าทางมีความสุขดีน่ะครับ เลยคิดว่า ถ้าได้อยู่กับคนที่อยากอยู่ด้วยคงจะดีกว่า” ลาซารัสหันมายิ้มให้อีกฝ่าย “ก็เศร้าที่ต้องจากกันนะ แต่ผมก็กลัวว่าเดี๋ยวสก็อตจะหงอยอีก”

“งั้นก็ไปบอกหมอนั่นละกัน” ร่างสูงหลบสายตาจากรอยยิ้มนั้นแล้วผลักไหล่อีกคนเบาๆให้เดินไปหาเพื่อนของตน ลาซารัสตกใจเล็กน้อยที่โดนดันตัวออกมาแต่ก็ตั้งตัวได้แล้วเดินไปหาซีอีโอหนุ่มที่นั่งอยู่ที่มุมห้อง

“คุณริชาร์ดครับ.. ถ้าจะฝากให้เลี้ยงสก็อตเลยจะได้มั้ยครับ?”

“....ฉันไม่เคยเลี้ยงสัตว์นะ.. แต่จะลองดูละกัน” อัลฟ่าหนุ่มตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม มีสัตว์เลี้ยงเป็นของตัวเองก็น่าตื่นเต้นดี “ชีวิตฉันจะยุ่งขึ้นอีกขนาดไหนน้า”

“ไม่หรอกครับ สก็อตน่ะเรียบร้อยจะตาย”

คาเล็มยืนมองโอเมก้าในครอบครองของตนยืนคุยกับเพื่อนรักอย่างเป็นกันเองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ามาหากะทันหันแบบนี้ ริชาร์ดไม่ได้กินหรือฉีดยาใดๆไว้แน่ๆ มือใหญ่ล้วงเอามือถือของตนขึ้นมาเช็ค ทว่า ลาซารัสไม่มีอาการที่เหมือนจะฮีทใดๆเลย มีเพียงใจเต้นผิดปกติเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ได้กลิ่นอัลฟ่าใกล้ขนาดนี้..

“คุณหมอมีธุรอะไรรึเปล่าครับ? เห็นหยิบมือถือขึ้นมาดูบ่อยๆ” ร่างโปร่งหันมาเห็นคุณหมออัลฟ่ากำลังดูหน้าจอมือถือของตน

“ไม่มีอะไร แค่เช็คข่าวในบอร์ดน่ะ” นิ้วกดปุ่มเลื่อนไปยังเว็บบอร์ดที่เอาไว้ใช้กลบเรื่องงานที่ตนกำลังทดสอบอยู่ในขณะนี้

“มีข่าวเด่นประเด็นร้อนอะไรบ้างล่ะช่วงนี้” ริชาร์ดถามไปแบบไม่ได้คิดอะไรก็แค่ชวนคุยไปตามปกติ คาเล็มเลยต้องไล่สายตาเลือกมาสักข่าวเพื่อตอบกลับไป

“เพิ่งมีข่าวล่าสุดเมื่อชั่วโมงก่อน ช่างตัดเสื้อชื่อดังแห่งหนึ่งถูกจี้ชิงทรัพย์ยามวิกาลเมื่อคืนวานขณะเดินกลับบ้าน อาการบาดเจ็บสาหัสเพราะต่อสู้ขัดขืนคนร้าย แต่ตอนนี้พ้นขีดอันตรายหลังได้พลเมืองดีพบเข้าและนำตัวส่งโรงพยาบาลในละแวกได้ทันท่วงที”
เมื่ออ่านข่าวจบดวงตาหลังกรอบแว่นก็เงยหน้าขึ้นมาพบว่าใบหน้าของโอเมก้าของตนซีดลง แต่ชีพจรกลับเต้นผิดจังหวะเพราะกำลังตื่นตระหนกกับข่าวที่ได้ยิน

“เรื่องเกิดขึ้นที่ไหนครับคุณหมอ?” ร่างโปร่งเดินมาหาด้วยน้ำเสียงร้อนรน แต่คาเล็มเก็บโทรศัพท์ตัวเองแล้วบอกให้ลาซารัสสงบสติตัวเองเอาไว้

“ใจเย็นๆก่อนลาซัส อาจจะไม่ใช่โอนเนอร์คนนั้นก็ได้” ริชาร์ดกล่าว แม้จะแปลกใจนิดๆ ที่โอเมก้าแสดงความเป็นห่วงมากกว่าจะรู้สึกยินดีกับข่าว ทั้งที่ผู้เคราะห์ร้ายเป็นคนที่ขายเจ้าตัวให้กับตลาดมืดนั่นแท้ๆ

ลาซารัสสงบสติได้แล้วก็ยกมือถือของตนขึ้นมาเช็คข่าวย้อนหลังเอง เขาเปิดดูวีดีโอรายงานข่าวที่มีชื่อของเหยื่อในข่าวออกอากาศ แล้วมันก็ใช่อย่างที่โอเมก้าหนุ่มสังหรณ์ใจไว้

“เป็นโอนเนอร์ของผมเองจริงๆครับ”

“ให้ตายสิ โลกกลมชะมัด” ริชาร์ดแอบสบถเบาๆ ส่วนเจ้าลูกหมาก็เงยหน้ามองอีกฝ่ายคล้ายกับสงสัยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

“ขอบใจเรื่องสก็อตนะริชาร์ด พวกฉันขอตัวก่อนล่ะ” คุณหมออัลฟ่าตัดบทด้วยการขอตัวกลับก่อน ซีอีโอหนุ่มจึงแจ้งเลขาฯให้พาแขกของตนไปส่งหน้าตึก คาเล็มเรียกให้ลาซารัสเดินตามซึ่งร่างโปร่งนั้นยังดูเหม่อเหมือนกับกำลังครุ่นคิดอะไรสักอย่างอยู่
ตลอดเวลาที่ลงลิฟต์ไปจนถึงที่จอดรถ ลาซารัสเดินตามคุณหมออย่างเงียบๆ ซึ่งผิดปกติวิสัยเจ้าตัวอย่างมาก

“หิวรึเปล่า ไปหาอะไรกินแถวนี้มั้ย?” เสียงทุ้มถามออกไปแต่ใบหน้ามนส่ายหน้าแทนคำตอบ

เห็นสภาพแล้วคาเล็มก็ได้แต่พาคนตัวเล็กกว่ากลับบ้านไปทั้งอย่างนั้น ซึ่งเขาได้โทรไปบอกให้เรนเดลเตรียมข้าวเที่ยงให้เรียบร้อย ขากลับร่างสูงขับให้ช้าลงอีกนิดอย่างไม่อยากให้อีกคนรู้สึกแย่อะไรเพิ่มเติม

เมื่อกลับมาถึงบ้าน คาเล็มก็เอารถของพ่อบ้านไปจอดไว้ที่เดิมดั่งเช่นเมื่อตอนที่เอาออกมาและปิดล็อคโรงรถให้เรียบร้อย “อาหารคงใกล้จะได้แล้ว...หือ?”

มือของโอเมก้าหนุ่มดึงแขนเสื้อเจ้านายไว้ทั้งที่ยังคงก้มหน้านิ่ง แววตาแฝงความกังวลไว้ชัดเจน

“...อยากไปเยี่ยมเขารึเปล่า?”

“ไม่เป็นไรครับ” ลาซารัสส่ายหน้าเล็กน้อย “โอนเนอร์กำชับไว้ว่า.. ไม่ให้กลับไปหาเขาอีก..”

“...”

“คุณหมอ..”

“หือ?”

“ผมขอกอดหน่อยได้มั้ยครับ”

อัลฟ่าสูงวัยสะดุ้งเพราะคำขอเหนือคาดที่ไม่น่าออกมาจากปากคนขี้อายแบบนี้ได้ แต่เห็นสายตาเว้าวอนช้อนอ้อนมาแล้วทำเอาเขาปฎิเสธไม่ลง.. ร่างสูงหันหน้าไปหาแล้วผายมือให้น้อยๆแทนคำตอบ ก่อนจะโดนสวมกอดเสียเต็มรัก

“ผมเป็นห่วงโอนเนอร์…” เสียงอู้อี้เพราะอีกฝ่ายมุดหน้าลงกับอกเขา อ้อมแขนเล็กโอบกอดแน่นจนที่เขาโดนกอดตอนซ้อนบิ๊กไบค์นั้นเทียบไม่ได้ คาเล็มวางมือไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรทำตัวอย่างไรดีก็ได้แต่เพียงปล่อยให้โอเมก้าของตนอยู่แบบนั้น..

“เขาปลอดภัยแล้ว ไม่เป็นไรหรอก” มือหนาลูบไปบนเส้นผมสีน้ำตาลอย่างเบามือแทนการปลอบโยน “วันนี้นายไม่ต้องทำงานก็ได้ ไปพักผ่อนให้สบายเถอะ”

“ขออยู่แบบนี้อีกสักพักนะครับ ได้โปรด…” ไหล่ของร่างโปร่งสั่นระริก คาเล็มไม่ได้ตอบอะไรแต่ก็ยืนเป็นหลักให้อีกคนได้สวมกอดตนอยู่อย่างนั้น

พ่อบ้านที่เดินมาตามทั้งคู่ให้ไปทานอาหารเที่ยงกำลังจะเอ่ยทัก แต่คุณหมออัลฟ่ายกมือห้ามและชี้ให้เรนเดลกลับเข้าไปข้างในบ้านก่อน ชายชราจึงค้อมตัวรับและหลบออกไปเงียบๆ และแม้ว่าโทรศัพท์ของคาเล็มจะสั่นแรงแค่ไหนเจ้าตัวก็ไม่หยิบมันออกมาเช็คดู

เพราะ...ไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะต้องทดสอบ ‘เรื่องนั้น’ อีกแล้ว


หลังจากเดินกลับเข้ามาในบ้าน ลาซารัสขอแยกตัวไปนั่งทานอาหารกลางวันคนเดียวที่ห้องพักผ่อนซึ่งมีโทรทัศน์เครื่องใหญ่เพราะต้องการกดดูข่าวเผื่อว่าจะได้รู้อะไรเพิ่มเติม

“สก็อตล่ะครับนายน้อย?” เรนเดลสอบถามถึงเจ้าขนปุยสีขาวที่เจ้านายของตนออกพาไปพร้อมกับโอเมก้าหนุ่มที่ตั้งแต่กลับมาก็มีท่าทีแปลกไป “หรือว่าเจ้าสก็อตมันป่วยจริงๆหรือครับ คุณแมทเวย์ถึงได้เป็นแบบนั้น”

“เปล่า ฉันยกเจ้าหนูสก็อตให้ริชาร์ดไปแล้ว” คาเล็มใช้ส้อมม้วนเส้นสปาเก็ตตี้ในจานของตนไปมา “แต่ที่ลาซารัสซึมไปนั่นเพราะคนที่เคยดูแลหมอนั่นเพิ่งถูกทำร้ายมา ตอนนี้นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลในเมืองที่เขาเคยอยู่”

พ่อบ้านพยักหน้าอย่างเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด “สำหรับคุณแมทเวย์แล้วเขาคงเป็นเหมือนครอบครัวคนเดียวที่มีอยู่นั่นล่ะครับ ต่อให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นมายังไงก็คงต้องรู้สึกใจหายเป็นธรรมดา”

“เพราะปกติหมอนั่นก็ดูร่าเริงดี จนฉันเองก็ลืมไปสนิทว่าจริงๆแล้วเจ้านั่นอาจจะคิดถึงคนในครอบครัวของตัวเองก็ได้” คาเล็มถอนหายใจ “บอกตามตรงว่าความรู้สึกที่คิดถึงบ้านจับใจนั่นฉันเองก็ไม่ค่อยจะมีเหมือนคนอื่น เลยอาจจะไม่เข้าใจลาซารัสตรงนี้ก็ได้”

“แต่ตอนนี้เขาก็เป็นสมาชิกของบ้านหลังนี้นี่ครับนายน้อย เขายังรู้สึกว่าตัวเองโดดเดี่ยวอยู่อีกเหรอครับ?”

“ที่นายพูดนั่นก็ถูกเรนเดล แต่ว่า...เจ้าหนูนั่นคงยังไม่คิดว่าที่นี่เป็นบ้านจริงๆหรอก อีกอย่างฉันก็ปฏิบัติตัวกับเขาเหมือนหมอกับคนไข้ ไม่ใช่รูปแบบอย่างของคนในครอบครัว”

เรนเดลลอบถอนหายใจกับเรื่องนี้ “แล้วทำไมไม่ทำให้เป็นคนในครอบครัวจริงๆซะเลยล่ะครับ?”

“นายหมายความว่าไง?” ดวงตาหลังกรอบแว่นหันไปจ้องหน้าพ่อบ้าน

“ก็เห็นกอดกันกลมอยู่หน้าโรงจอดรถนี่ครับ” สายตาของพ่อบ้านมีแววยินดีเล็กๆ เพราะไม่ได้เห็นเจ้านายของตนใกล้ชิดกับใครขนาดนี้มานานเป็นสิบปีแล้ว

“นั่นมันไม่ใช่อย่างที่นายคิดเรนเดล” คุณหมออัลฟ่ารีบปฏิเสธทันควัน

 
ลาซารัสนั่งจ้องทีวีอย่างเหม่อลอย เพราะว่าคนที่ถูกทำร้ายไม่ใช่คนใหญ่คนโต ข่าวที่เผยแพร่มาจึงไม่ได้มีการประโคมใหญ่โตอะไรมากนัก ไม่มีรายละเอียดอะไรมากแค่บอกว่าพ้นขีดอันตรายและกำลังดำเนินการจับกุมผู้กระทำผิดเท่านั้น โอเมก้าหนุ่มหันกลับมาเล็มอาหารที่เหลืออยู่มากกว่าครึ่งช้าๆ เวลาผ่านไปเท่าไหร่ก็ไม่ได้สังเกตเลย กว่าจะรู้ตัวก็เพราะสปาร์เก็ตตี้ในจานเย็นชืดหมดแล้ว..

เสียงร้องของจูเลียตครางเรียกจากข้างตัว ทำให้คนถูกทักได้สติแล้วกันไปกอดซบสุนัขตัวใหญ่ไว้

“ขอบคุณนะที่มาอยู่เป็นเพื่อน..โอนเนอร์ต้องไม่เป็นไรเนอะ” รอยยิ้มเหงาหงอยยิ้มส่งให้จูเลียต ยิ่งเกิดเหตุการณ์แบบนี้เขายิ่งคิดมาก.. หากว่าโอนเนอร์เป็นอะไรไป แล้วถ้าการทดลองของหมอคาเล็มเสร็จสิ้นลงสักวัน.. เขาจะเป็นยังไงต่อ? จะโดนขายอีกครั้งงั้นหรือ?? ..ทั้งที่คิดว่าเตรียมใจมาในฐานะโอเมก้าคนนึงที่จะตกไปอยู่ในมือใครก็ได้แล้ว แต่เขากลับรู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ

ยิ่งนึกถึงอ้อมกอดอุ่นๆของคุณหมอที่ยอมให้เขากอดไว้นานสองนานเขายิ่งจินตนาการไม่ออกว่าในนอนาคต.. จะมีคนยอมให้เขาหาที่พักพิงเวลาเศร้าเสียใจอีกหรือเปล่า?

เขาจะกลายเป็นเพียงเครื่องประดับอย่างที่ถูกพร่ำบอกมา

หรือจะได้มีครอบครัว มีบ้านให้กลับ เหมือนกับคนอื่นเขา?


ในขณะที่คนหนึ่งกำลังกังวล หมอคาเล็มที่กลับมานั่งนิ่งในห้องทำงานของตัวเองก็กำลังคิดหนักในหลายๆเรื่องๆ รวมทั้งเรื่องของลาซารัส.. ใบหน้าเศร้าหมองนั้นรบกวนจิตใจเขาจนไม่เป็นอันทำงาน ในระหว่างที่กำลังจมอยู่กับตัวเองนั้น จู่ๆก็มีเมลหนึ่งเด้งขึ้นมาที่มุมคอมพิวเตอร์

เป็นข้อความจากโรงพยาบาลที่ยังให้การสนับสนุนงานวิจัยของเขา.. เมื่อเปิดอ่านสักพักคาเล็มก็ยกมือขึ้นกุมขมับ ท่าทางจะต้องเดินหน้าทำการทดลองจริงๆต่อเสียแล้ว..

คาเล็มส่งข้อความไปหาลาซารัสว่าให้ยกกาแฟมาให้ ทว่ารออยู่สักพักก็ไม่มีอะไรตอบกลับมา อัลฟ่าสูงวัยจึงลุกออกจากโต๊ะทำงานแล้วเดินไปดูว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไรอยู่ แต่เดินหาจนทั่วบ้านก็ไม่เห็นร่างของโอเมก้าหนุ่มคนนั้น จึงเดินไปถามจากพ่อบ้านว่าลาซารัสไปไหน

“เขาออกไปเดินเล่นใกล้ๆนี่ครับ แล้วก็พาจูเลียตไปด้วย” คุณพ่อบ้านรายงานนายจ้างของตน “อย่าว่าคุณแมทเวย์เลยนะครับที่ออกไปโดยไม่ได้บอกนายน้อย กระผมเป็นคนบอกให้เขาไปเดินเล่นเองล่ะครับ จ้องอยู่แต่หน้าจอโทรทัศน์ไปก็มีแต่จะทำให้กังวลเปล่าๆ”

“อืม...งั้นเดี๋ยวฉันกลับมา” หมออัลฟ่ากล่าวก่อนจะเดินออกไปข้างนอก คาเล็มยกโทรศัพท์ขึ้นมาดู ตำแหน่งของลาซารัสห่างจากบ้านไปไม่ไกลมากนัก รีบเดินตามไปเร็วๆหน่อยก็คงจะไล่ทัน


(ยังมีต่อ)

ออฟไลน์ pichi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • PICHI Otakura

“ทำไงดีล่ะเนี่ยลาซัส...” โอเมก้าหนุ่มบอกตัวเองขณะที่ดวงตาจ้องลงไปมองจูเลียตที่เดินวนไปมารอบๆ ต้นไม้ ตอนนี้ลาซารัสกำลังประสบปัญหาใหญ่ที่นึกย้อนไปก็อยากตีตัวเอง

เขาจูงจูเลียดออกมาเดินเล่นคลายเครียด แต่ก็มาเจอลูกนกที่ตกลงมาจากรังบนต้นไม้ที่สูงเอาเรื่อง ด้วยความสงสารก็เลยปีนขึ้นต้นไม้แล้วพามันกลับไปหาพี่ๆน้องๆที่อยู่บนรัง แต่ขากลับตอนจะลงดันเพิ่งมารู้สึกกลัวจนขาสั่นไม่กล้าปีนกลับลงไป

“แล้วตอนขึ้นขึ้นไปยังไงเล่า?” เสียงคุ้นเคยทักมาจากอีกทางหนึ่ง คาเล็มเดินมาใกล้ต้นไม้ที่เขาอยู่ หน้าคมขมวดคิ้วสงสัยว่าสูงขนาดนั้นกล้าปีนขึ้นไปได้ยังไง…

“ก็...ลูกนกมัน…” ลาซารัสตอบพร้อมมองขึ้นไปบนกิ่งไม้ที่อยู่สูงขึ้นไปอีกนิด

“เห้อ… งั้นค่อยๆลงมา เดี๋ยวบอกให้ว่าทางไหนเหยียบได้บ้าง” คาเล็มขยี้หัวตนเอง โอเมก้าบนต้นไม้พยักหน้าและค่อยๆกลับไปอยู่ในท่าที่ปีนได้ถนัดกว่า และค่อยๆขยับไปตามที่คุณหมอแนะนำ

“ก้าวเท้าซ้ายต่อ.. นั่นแหละๆ กิ่งนั้น” เห็นนิ่งแบบนี้แต่ก็อดห่วงไม่ได้ว่าคนข้างบนจะร่วงลงมาหรือเปล่า แต่ก็ลงมาได้จนเหลือแค่เกือบๆสองเมตรเท่านั้น “โอเค คงโดดลงมาได้นะ”

“อ่ะครับ” ลาซารัสก้มมองระยะจากพื้นผ่านหว่างขาตนที่วางมั่นคงบนกิ่งไม้ใหญ่ก่อนตัดสินใจโดดลงมา...โดยลืมเช็คว่าคาเล็มยืนอยู่ด้านหลังเขาพอดี… หมอเดินเข้ามาใกล้ต้นไม้เพราะกะจะรอรับเผื่อว่าอีกฝ่ายร่วงลงมาโดยไม่ทันรู้ตัว

“เอ๊ะ?”

“ห้ะ?”

ลาซารัสล้มกลิ้งไปพร้อมกับคาเล็มที่อยู่ในตำแหน่งลงจอดพอดิบพอดี เจ้านายเองก็มือไวพอจะเปลี่ยนโดนหล่นใส่มาเป็นคว้าตัวอีกคนไว้ แต่น้ำหนักที่ไม่ใช่น้อยเหมือนรูปร่างทำเอาไม่สามารถยืนอยู่ได้จนต้องกลิ้งลงไปกับพื้น

หากนี่เป็นละครก็คงต้องเรียกว่าพล็อตซ้ำซากและเดาทางได้ ทว่าทั้งสองคนกลับนอนนิ่งในสภาพที่โอเมก้าคร่อมร่างเจ้านายอัลฟ่าของตัวเองไว้ ส่วนวงแขนกว้างกอดเอวและตัวลาซารัสไว้แน่นเพราะกลัวจะกระเด็นไปไหนต่อไหน..

“ขอโทษครับคุณหมอ! ผมไม่ทันมองดูให้ดีๆเอง”

“ช่างเถอะ...ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว” คาเล็มปล่อยมือออกอย่างช้าๆ ร่างโปร่งยันตัวขึ้นและค่อยๆขยับถอยออกมา แต่คุณหมออัลฟ่าก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นมาแต่อย่างใด

“คุณหมอ ลุกไหวมั้ยครับ? ระ หรือว่าบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่าครับ!” โอเมก้าหนุ่มละล่ำละลักถามออกไปด้วยเกรงว่าหมออัลฟ่าอาจจะเจ็บตัวจากการเอาตัวเองเป็นเบาะรองรับตัวเขาเอาไว้

“แว่น…” เสียงทุ้มเอ่ยทั้งที่ยังนอนแผ่อยู่กับพรมพื้นหญ้าและใบไม้ ลาซารัสได้ยินดังนั้นจึงกวาดสายตามองหาของที่กระเด็นหลุดไปจากใบหน้าของหมอคาเล็ม

กร๊อบ…

“.......” โอเมก้าหนุ่มเบือนหน้าไปหาที่มาของต้นเสียง ก่อนจะพบว่าเจ้าวูล์ฟด๊อกตัวโตได้คาบมาคืนให้พร้อมกับเลนส์แว่นที่แตกและขาแว่นหักไปเป็นที่เรียบร้อย

“จู...เลียต” ดวงตาสีฟ้าจ้องหน้าสุนัขพันธุ์ผสมที่นอนหมอบคล้ายสำนึกผิด ร่างโปร่งลุกขึ้นไปดูคุณหมอที่ค่อยๆยันตัวขึ้นมานั่งอย่างเชื่องช้า “คุณหมอครับ แว่นมัน…”

“ช่างเถอะ แว่นมันก็เก่าแล้วล่ะ แถมค่าสายตาฉันก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว แค่ไม่มีเวลาไปตัดใหม่น่ะ” คุณหมออัลฟ่าโบกมือไปมาว่าไม่เป็นไร แต่พอจะดันตัวเองลุกขึ้นยืนก็ปรากฏว่า...ลุกไม่ขึ้น

“...ให้ผมช่วยพยุงกลับบ้านนะครับ”

“อืม...ฝากด้วย”

ลาซารัสพยุงร่างสูงไว้โดยการให้อีกฝ่ายพาดแขนไว้บนคอตนแล้วค่อยๆเดินกลับไปด้วยกัน แม้ตอนนี้จะอยู่ใกล้กันแทบจะเหมือนกับเมื่อครู่แต่โอเมก้าหนุ่มกลับไม่มีกะจิตกะใจจะนึกถึงความใกล้ชิดนี้ เขาเริ่มรู้สึกผิดที่ตัวเองทำคุณหมอเสียเวลาทำงานเสียแล้ว

“ผมขอโทษครับ” ลาซารัสเอ่ยเสียงเบา

“ทำไมรึ” คาเล็มหันไปทางต้นเสียง ด้วยความพร่าของตาตอนนี้ทำเอามองไม่เห็นว่าอีกคนทำหน้าแบบไหนอยู่แม้จะอยู่ใกล้ขนาดนี้แล้วก็ตาม

“ผมทำคุณหมอต้องพาออกไปข้างนอก ไปรบกวนคุณริชาร์ดด้วย… แถมทำแว่นคุณหมอพังอีก” ลาซารัสก้มหน้าลงเล็กน้อยและก้าวขาช้าลง

“ช่างมันเถอะ” อัลฟ่าตอบกลับเพื่อให้อีกคนไม่คิดมากแต่ดูจะไม่เป็นผล “งานวิจัยโดนเลื่อนกำหนดออกไปแล้วด้วย ยังมีเวลาอีกเยอะ”

“เอ๋?” ร่างโปร่งหยุดเดินและหันมามองหน้าเจ้านายของตนโดยลืมไปเสียสิ้นว่าหน้าพวกเขาอยู่ใกล้กันขนาดไหน “ท..ทำไมเหรอครับ เกิดอะไรขึ้น?”

“เรื่องที่ทางโรงพยาบาลน่ะ แต่นายไม่ต้องรู้หรอก ปวดหัวเปล่าๆ”

“ได้ไงล่ะครับ ตอนนี้ผมเป็น...ตัวทดลองของคุณนะ ผมก็กังวลนะถ้าเกิดว่า...งานของคุณจะต้องชะงักไป”

“.......” คาเล็มไม่ได้พูดหรือสวนตอบกลับไป เขาเพียงแต่บอกให้ร่างโปร่งที่ช่วยพยุงตนไว้รีบพากลับบ้านเพราะดูท่าทางหลังของตนจะกระแทกพื้นแรงเอาเรื่องอยู่ ลาซารัสจึงเร่งฝีเท้าแต่ก็คอยระวังไม่ให้ร่างกายคุณหมออัลฟ่าต้องกระเทือนจากการเดินเร็วจนเกินไป

เมื่อกลับมาถึงบ้าน เรนเดลต้องตกใจกับสภาพที่เห็น โอเมก้าหนุ่มหิ้วปีกร่างของนายจ้างกลับมาแถมเนื้อตัวทั้งคู่ยังมีทั้งเศษหญ้าและใบไม้ติดตามตัวเต็มไปหมด

“ลาซารัส พาฉันขึ้นห้องที” หมอคาเล็มสั่งเรียบๆ มือข้างหนึ่งจับราวบันไดโดยมีโอเมก้าหนุ่มคอยพยุงก้าวขึ้นไปยังห้องพักช้าๆ ทุกอย่างอยู่ในสายตาของพ่อบ้านจนกระทั่งประตูห้องปิด ก่อนที่ชายชราจะหันมามองเจ้าสุนัขเฝ้าบ้านตัวใหญ่

เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขากันนะ บรรยากาศดูไม่เหมือนทุกทีเลย…

ลาซารัสค่อยๆปล่อยร่างกายของคุณหมอเอนกายไปบนที่นอนช้าๆ พอละตัวออกมาก็กวาดสายตามองไปรอบๆห้องของอัลฟ่าสูงวัย มีข้าวของใช้ที่มากเกินกว่าจะเป็นห้องของคนๆเดียววางอยู่เต็มไปหมด แถมขนาดเตียงนอนก็เพิ่งจะสังเกตเห็นว่ามันกว้างพอจะนอนได้มากกว่าหนึ่งคนเสียอีก ดวงตาสีฟ้าจ้องมองไปยังกรอบรูปที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างๆเตียง เป็นรูปถ่ายยืนคู่กันของผู้ชายสองคนที่โอเมก้าหนุ่มเคยเห็นในอัลบั้มก่อนหน้านี้

“นั่นรูปถ่ายคุณหมอกับใครเหรอครับ…” ลาซารัสถามไปอย่างนั้นทั้งที่พอจะรู้อยู่แล้วว่าคนในรูปที่ยืนอยู่ข้างๆคุณหมอสมัยหนุ่มก็คือคนรักของคนๆนี้

มือหนาเอื้อมไปหยิบกรอบรูปมาดูและลูบอย่างทะนุถนอม แม้ว่าสายตาที่ปราศจากแว่นจะมองเห็นภาพตรงหน้าไม่ชัดนักแต่ก็จดจำได้แม่นยำ รอยยิ้มของคนในรูป สถานที่ที่อยู่ในรูป ทิวทัศน์ในวันนั้น จำได้แม่นยำไม่เคยลืม

“วานอะไรหน่อยสิ”

“อะไรเหรอครับ?”

“ช่วยไปหยิบแล็ปท็อปในห้องทำงานมาให้ฉันหน่อย” คาเล็มวางกรอบรูปไว้ที่เดิมและดันตัวอยู่ในท่านั่งเอนหลัง

“นอนพักก่อนไม่ดีกว่าเหรอครับ” เอ่ยด้วยความเป็นห่วงสุขภาพแต่ดวงตาคมคู่นั้นก็เงยหน้าขึ้นมาจ้องโดยไม่พูดอะไร หัวใจขอลาซารัสกระตุกวูบเหมือนโดนดุผ่านทางสายตาจึงพยักหน้ารับแล้วเดินออกไปจากห้องนอนตรงไปยังห้องทำงานตามคำสั่งของอัลฟ่าเจ้านายของตน

ร่างโปร่งเดินตรงไปที่คอมพิวเตอร์ส่วนตัวของคุณหมอที่เปิดค้างทิ้งไว้ตั้งแต่ก่อนออกจากบ้านไป มือจับถอดปลั๊กที่อยู่เกือบติดพื้นออกแล้วพันไว้ลวกๆพอที่จะไม่ให้เกะกะก่อนจะลุกขึ้นมาถือแล็ปท็อป ดวงตาสีฟ้าเผลอมองหน้าจอที่มีอีเมล์จากทางโรงพยาบาลส่งมา 

สายตากวาดผ่านๆอย่างไม่ตั้งใจจะก้าวก่าย แต่คำบางคำที่ได้อ่านนั้นมันมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการจ้างทนายและการว่าความ ลาซารัสหน้าซีดลงเมื่อเริ่มรู้ว่าคาเล็มกำลังเจอกับอะไรอยู่… แต่ไม่ได้รู้เนื้อหาทั้งหมดอย่างละเอียด เขาจึงไม่สามารถคิดหรือแสดงความเห็นได้.. แม้แต่การคิดในใจก็รู้สึกผิดแล้ว

ลาซารัสยกแล็ปท็อปมาให้โดยไม่พูดอะไร และยืนรออยู่สักพักว่าคุณหมอจะวานอะไรเขาอีกหรือเปล่า..

“ขอบใจมาก นายไปพักก่อนแล้วกัน” คาเล็มเอ่ยปากบอกกับโอเมก้าของตน

“ครับ”

“อ่ะ เดี๋ยวก่อน”

“...?”

“ขอกาแฟให้ฉันแก้วนึงสิ” คาเล็มพยายามหรี่ตามองไปยังร่างโปร่งเพื่อมองให้ชัดๆ ทำให้หน้าของคุณหมอดูน่ารักจนลาซารัสเผลอหัวเราะออกมา “ตลกอะไรของนาย”

“ขอโทษครับ เดี๋ยวผมเอามาให้”

เมื่อโอเมก้าหนุ่มเดินหายไปจากห้อง คาเล็มก็ถอนหายใจพลางนึกถึงเหตุการณ์ของวันนี้ทั้งวัน.. แค่วันเดียวเขาได้เข้าใกล้อีกฝ่ายเกินจำเป็นไปถึงสามครั้งเชียวหรือ..

เมื่อลาซารัสเอากาแฟไปเสิร์ฟให้เรียบร้อย เจ้าตัวก็กลับมาที่ห้องทำงานของตัวเอง เขายืนมองสูทสีเทาที่ยังแก้ไม่เสร็จดีอยู่สักพักก่อนจะเริ่มลงมือทำงานต่อโดยมีจูเลียตนอนมองอยู่ข้างๆ “คุณหมอเอง..ก็สู้อยู่.. นายจะมามัวนั่งเศร้าไม่ได้นะ..” การจะทำให้ตนหายรู้สึกผิดได้ก็มีแต่ทำตามหน้าที่ของตัวเองให้ถึงที่สุดเท่านั้น ส่วนหลังจากนี้ก็จะพยายามไม่เป็นภาระของคุณหมอเท่าที่จะเป็นไปได้..


“โห.. ฉันว่ามันดูดีขึ้นกว่าครั้งที่แล้วรึเปล่า” ริชาร์ดมาหาอีกครั้งในวันที่เขาว่างตามที่บอกไป เขายืนจ้องมองสูทสีเทาที่ลาซารัสกำลังแก้กระดุมอยู่ นอกจากจะแก้ขนาดแล้วลาซารัสยังเพิ่มรายละเอียดเล็กๆน้อยๆเข้าไปอย่างเดินเส้นขอบสีดำเพื่อขับให้ปกดูเด่นขึ้น

“ผมก็...อยากให้คุณหมอใส่แล้วดูดีที่สุดน่ะครับ” ใบหน้าเจือสีแดงเล็กน้อยเมื่อคิดถึงว่าคาเล็มใส่แล้วจะออกมาแบบไหน.. เมื่อรู้ตัวอีกทีริชาร์ดก็เข้ามาจ้องหน้าเขาเสียใกล้แล้ว “ว้ากกก!!”

“ตรงไปตรงมาดีนะเจ้าหนู” มือหนาของอีกคนขยี้หัวช่างตัดเสื้อจำเป็นอย่างเอ็นดู “พอเห็นแบบนี้ก็ชักอยากให้นายตัดสูทของฉันให้ดูเร็วๆซะแล้วสิ”

“ฮ่ะๆ ทนรออีกหน่อยนะครับ ผมก็จะพยายามทำให้ชุดของคุณริชาร์ดออกมาดูดีที่สุดเหมือนกัน” ช่างตัดเสื้อโอเมก้ากล่าวด้วยรอยยิ้มและเอามือจัดทรงผมของตัวเองที่โดนอีกฝ่ายยีหัวเมื่อครู่ 

“สัญญาแล้วนะลาซัส นี่ฉันอุตส่าห์ลงทุนไม่กินเป็ดปักกิ่งของโปรดเพราะกลัวลงพุงจนใส่สูทที่นายตัดให้ไม่ได้เลยเชียวนา”

“แทนที่จะอดอาหารก็ไปออกกำลังกายแทนสิ” เสียงทุ้มเข้ามาขัดบทสนทนาระหว่างทั้งคู่ พอได้ยินคำว่าออกกำลังกายริชาร์ดก็ทำหน้ามุ่ยเบ้หน้าหนีไปอีกทางทันที

“แว่นเก่าแกไปไหนซะล่ะคาเล็ม?” อัลฟ่าเพื่อนสนิททักหลังจากเห็นแว่นอันใหม่ของคุณหมอคนเก่ง

“จูเลียตทำพังไปแล้ว” เจ้าสี่ขาที่นอนกินที่โซฟาไปครึ่งหนึ่งสะดุ้งแล้วโดดลงไปหลบหลังโซฟาแทนเพราะคิดว่าโดนเจ้านายเอ็ด ทำเอาริชาร์ดและลาซารัสหัวเราะพร้อมกัน

“แต่ฉันว่าแกน่าจะใส่คอนแทคเลนส์ไปดีกว่านะ” ซีอีโอหนุ่มเสนอความคิดที่น่าจะยิ่งเพิ่มความคูลให้เพื่อนรักเพิ่มเข้าไปอีก ถึงแม้วัยนี้จะดูคูลยากกว่าพวกอัลฟ่าหนุ่มๆก็เถอะ

“ผมก็ว่าดีนะครับ” ลาซารัสเออออตามไปด้วยเพราะอีกใจก็อยากเห็นเหมือนกันว่าจะออกมาดูดีขนาดไหน

“เข้าขากันดีเหลือเกินนะพวกนายนี่” คาเล็มกอดอกยืนมองทั้งเพื่อนรักตัวแสบและโอเมก้าใต้อาณัติ “เจ้าสก็อตเป็นไงบ้าง?”

“อ้อ! เจ้าหนูนั่นน่ะกลายเป็นขวัญใจพวกคนรับใช้ในบ้านฉันไปหมดแล้ว แต่ก็ตามติดฉันแจเหมือนเดิม ขนาดจะออกไปทำงานยังร้องตามไม่หยุด ต้องรีบเคลียร์งานแล้วตรงดิ่งกลับบ้านเลย นี่ฉันเถลไถลออกไปเที่ยวไหนตอนเลิกงานไม่ได้เลยเนี่ย” ริชาร์ดเล่าวีรกรรมของเจ้าขนปุยด้วยสีหน้ามีความสุขมากกว่าที่จะรำคาญ “เอ้อ ไหนๆก็มาแล้ว ฉันฝากซองช่วยงานแต่งไปกับนายด้วยเลยแล้วกัน”

“นายไม่ว่างไปไม่ใช่เรอะ งั้นก็ไม่เห็นต้องฝากซองมาก็ได้”

“เอาไปเหอะน่า” ริชาร์ดก้าวเข้ามาใกล้เอาซองยัดใส่มือคาเล็มแล้วกระซิบพอให้ได้ยินกันสองคน “จะเปิดดูก็ได้นะไม่ว่ากัน”

“...เออ ขอบใจก็แล้วกัน” ดวงตาคมจ้องเพื่อนสนิทด้วยสายตาที่เป็นอันรู้กันสองคนและยัดซองดังกล่าวใส่ไว้ที่กระเป๋าหลังกางเกงก่อนจะหันมาหาลาซารัส “ชุดเสร็จแล้วรึยัง?”

“เสร็จพอดีเลยครับ” ร่างโปร่งหันมาพร้อมกับยื่นชุดสูทที่แก้รอบสุดท้ายเสร็จแล้วให้คุณหมอคาเล็มเอาไปลองใส่

“ใจเต้นไม่หยุดเลยน้า~” ริชาร์ดแซวและเอาศอกเขี่ยเอวอีกคนที่ยืนเกร็งนิ่งรอดูผลลัพธ์ วันนี้ไม่ได้ฉีดน้ำหอมระงับกลิ่นมา กินมาเพียงยาระงับอาการฮีท ทำให้เขาเข้ามาใกล้โอเมก้าหนุ่มได้เป็นระยะๆเท่านั้น และเลือกที่จะเข้ามาตอนที่ต้องการแซวหรือแกล้งด้วย..

“ก็! ตื่นเต้นที่จะได้เห็นชุดที่ตัดอยู่บนคนที่เค้าต่องการมันนี่ครับ” ลาซารัสรัวลิ้นแทบจะกัดมันอยู่รอมร่อ ก่อนถอยออกห่างจากตัวอัลฟ่าข้างๆเพื่อป้องกันตัวเองเพราะรับรู้ถึงฟีโรโมนที่ชัดเจนจากตัวเขา

คาเล็มเดินกลับเข้ามาในชุดสูทของลาซารัสที่ถูกแปลงโฉมเสียจนคนใส่ยังอึ้งกับรูปลักษณ์ของตัวเองที่เปลี่ยนไป คนตัดกับเพื่อนเองก็มองตาค้างเพราะไม่เคยเห็นคาเล็มในสภาพราวกับชนชั้นสูงขนาดนี้

“คิดว่าไง..” คาเล็มหันมาถามความเห็นของทั้งสองคน ลาซารัสเดินมาหาเงียบๆแล้วใช้สองมือเสยผมของเขาที่ปรกหน้าอยู่ขึ้นไปให้มากที่สุด แม้จะมีปอยผมเด้งหลุดรุ่ยออกมาบ้างแต่มันก็ดูเรียบร้อยกว่าเมื่อครู่อยู่

“...ดูดีมากเลยครับ!” โอเมก้าหนุ่มยิ้มให้อย่างตื้นตันใจที่เจ้านายของตนออกมาผิดหูผิดตาขนาดนี้ ใบหน้ามนเจือสีแดงไว้จางๆ ลาซารัสรับรู้ได้ว่าตนใจเต้นเสียจนกลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ยิน…

“ไม่ต้องไปร่วมงานหรอกว่ะคาเล็ม เดี๋ยวเจ้าภาพงานได้หน้าจืดเพราะโดนแกขโมยซีนเอา”

“นั่นก็เว่อร์ไป เดี๋ยว! จะเอาแว่นฉันไปไหน!” คาเล็มโดนเพื่อนสนิทดึงแว่นออกทำให้มองเห็นไม่ชัด ริชาร์ดถือโอกาสถ่ายรูปคาเล็มในชุดสูทบันทึกลงโทรศัพท์เครื่องใหม่แล้วรีบเก็บลงกระเป๋าเสื้ออย่างรวดเร็ว

“พนันกันมั้ยล่ะว่างานนี้คุณหมอคาเล็มได้แจ้งเกิดแน่ เอ...หรือเรียกว่ากลับไปเป็นอย่างที่ควรจะเป็นดี…” ปากของริชาร์ดโดนอุดเอาไว้ด้วยมือของคุณหมออัลฟ่าไม่ให้พล่ามไปมากกว่านี้ โชคดีที่ลาซารัสมัวแต่สนใจภาพลักษณ์ใหม่ของคาเล็มเลยไม่ทันได้ยินอะไรจากปากคนพูด

“ผมเองก็...จะพยายามแต่งออกมาให้ดูดีไม่แพ้คุณหมอเลยครับ” ดวงตาสีฟ้าหมายมั่นกับการเปิดตัวครั้งนี้ว่าจะไม่ทำให้เจ้านายของตนต้องอับอาย

“นายน่ะแต่งให้ตัวเองจืดจางที่สุดก็พอแล้วลาซัส” อัลฟ่าหนุ่มพูดดับความหวังของโอเมก้าในครอบครองของเพื่อนสนิทแทบจะทันที

“เอ๋?? ทำไมล่ะครับ!”

“ถ้าขืนนายแต่งตัวดีไปเข้าตาอัลฟ่าในงานรับรองได้เลยว่าโดนลากไปไหนต่อไหนแน่” ซีอีโอหนุ่มที่เป็นอิสระจากมือของหมอคาเล็มอธิบายเพิ่ม

“ตะ แต่วันงานผมจะใส่ปลอกคอไปด้วย ถ้างั้นก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้วนี่ครับ”

“ทำตามที่ริชาร์ดบอกนั่นล่ะ ฉันไม่อยากให้ใครจำนายได้” คาเล็มหันมาพูดกับลาซารัส “ถ้าเกิดในงานมีอัลฟ่าที่เคยไปร่วมงานประมูลในตลาดมืดเหมือนพวกฉันเกิดจำหน้านายได้มันจะมีเรื่องยุ่งตามมา”

“นั่นมันก็จริงแฮะ” โอเมก้าตัวลีบลงเพราะสิ่งที่สองอัลฟ่าพูดมาเป็นความจริงทั้งสิ้น “ก็ได้แหละครับ”

“บอกแล้วว่าให้ตีตราเลย ไม่มีใครมายุ่งแน่นอน” ริชาร์ดเสนอสิ่งที่ทำยากที่สุดและง่ายสุดๆต่อไป ลาซารัสที่ได้ยินดังนั้นก็สะดุ้งสุดตัวพร้อมกับสีแดงที่ฉีดขึ้นมาบนใบหน้า

“แกนี่มัน…” คาเล็มสับสันมือลงกางกระหม่อมอีกคนแรงพอให้เคาะเอาความคิดนั้นหลุดๆออกไปบ้าง

เพราะหากมีรอยตรีตราชัดเจน อย่างน้อยตอนนี้กฎหมายก็มีความคุ้มครองในเรื่องสิทธิ์ในการครอบครองโอเมก้าตนนั้นได้.. เพียงแต่ลาซารัสไม่ได้ได้มาอย่างถูกกฎหมายเสียเท่าไหร่เนี่ยสิ…

“พล่ามมากนักนะ เอาแต่บอกคนอื่น นายก็เอาเวลาไปหาคู่ของตัวเองมั่งเซ่”

“ขอโทษคร้าบ คุณหมอ.. แต่หมออายุตั้งปูนนี้แล้วก็ควรจะมีครอบครัวได้แล้วจริงๆนะ”

สองอัลฟ่าปะทะฝีปากกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ปล่อยให้ลาซารัสยืนจินตนาการไปไกลว่าตนเองจะมีชีวิตเคียงคู่คุณหมอได้มั้ยนะ… แล้วก็เดินไปเก็บห้องที่รกเละเทะจากการทำงานต่อเนื่องทั้งที่หน้ายังขึ้นสีจัดอยู่อย่างนั้น

เสียงข้อความจากโทรศัพท์ของลาซารัสดังขึ้นทำให้เจ้าตัวหยิบขึ้นมาดู ริชาร์ดแอบส่งรูปของหมอคาเล็มที่ถ่ายไว้เมื่อกี้ส่งมาให้ ทำเอาโอเมก้าหนุ่มปิดปากกลั้นเสียงแทบไม่ทัน

“แล้วนี่จะอยู่กินมื้อเที่ยงด้วยรึเปล่า จะได้บอกให้เรนเดลทำส่วนของแกเพิ่ม”

“ไม่ล่ะ วันนี้ฉันกะจะชวนพวกนายไปทานมื้อเที่ยงที่บ้านฉัน สะดวกมั้ย?” เอ่ยถามความสมัครใจ แต่อันที่จริงนั้นได้ให้พ่อครัวที่บ้านจัดเตรียมอาหารรอไว้เรียบร้อยแล้ว

แบบนี้เค้าเรียกมัดมือชกตั้งแต่ในมุ้งแล้ว

“ทำไมต้องไปบ้านแกด้วย?” คุณหมออัลฟ่าถามหน้าตึง ทั้งที่บนใบหน้าไม่มีอะไรจะให้ตึง...

“เอ้า! นี่นายจะพาลาซัสไปร่วมงานแต่ง แต่ไม่คิดจะสอนมารยาทบนโต๊ะอาหารให้สักหน่อยเหรอ หรือคิดจะไปอวยพรใส่ซองเสร็จปุ้บกลับเลยรึไง?”

“สอนที่นี่ก็ได้ ทำไมต้องไปบ้านนายด้วย”

“ฉันจะ…” จู่ๆริชาร์ดก็เกิดใบ้รับประทานชั่วขณะ “จะ...จะอะไรก็ช่างเถอะ เอาเป็นว่ามื้อนี้ฉันเป็นเจ้าภาพเอง แกห้ามปฏิเสธฉันด้วย!”

“วันนี้แกทำตัวมีพิรุธนะ” คาเล็มมองเพื่อนซี้ตาขวางก่อนจะหันไปถามความเห็นของโอเมก้าในครอบครองว่าอยากไปทานมื้อกลางวันนอกบ้านรึเปล่า

“อ่ะ ไปครับไป” ลาซารัสเพิ่งจะรู้ตัวก่อนเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า “ว่าแต่เราจะไปไหนกันเหรอครับ?”

“....นี่ไม่ได้ฟังอะไรเลยสินะ” เดดแอร์เกิดขึ้นรอบห้อง มีแต่เสียงเห่าของจูเลียตที่ดังขึ้นมาทำลายความเงียบของทั้งสามคน


ที่นี่ไม่ใช่บ้าน ต้องเรียกว่าคฤหาสน์ถึงจะถูก!

พื้นที่ใช้สอยขนาดกว้างมากกว่า 40 เอเคอร์ ประกอบด้วย 10 ห้องนอน 12 ห้องน้ำ มีสระว่ายน้ำทั้งนอกและในบ้าน เท่านั้นยังไม่พอบ้านหลังนี้มีสวนขนาดใหญ่ที่แทบจะเรียกว่าป่าขนาดย่อมๆ เมื่อเดินทะลุออกไปก็จะพบกับชายหาดส่วนตัว

สก๊อต! นายนี่มันหมาตกถังข้าวสารชัดๆเลย!

“ไงสก็อตตต อยู่ดีกินดีล่ะสิ” ลาซารัสคุกเข่าลงเล่นกับเจ้าขนปุยที่เดินมาหา สีหน้าของเจ้าตัวน้อยดูสดใสขึ้นมากแม้จะเพิ่งมาไม่กี่วัน ท่าทางคิดถูกแล้วที่ยกให้คุณริชาร์ดมาดูแล

“ต้อนรับยังกะเตรียมการไว้ก่อนแล้วเลยนะ..” คาเล็มแอบจับพิรุธของเพื่อนซี้

“เอาน่าๆ คุณเรนเดลรีบตามมาสิครับบบ” ริชาร์ดโบกมือเรียกเรนเดลที่ทำตัวไม่ถูกที่โดนต้อนรับเยี่ยงบุคคลสำคัญเสียเอง

ห้องอาหารถูกตกแต่งหรูหราและโปร่งโล่งเปิดด้านต่างระเบียงทุกด้านให้ลมพัดเอื่อยเข้ามา ด้านนอกเห็นวิวทะเลสาบและภูเขาหลังบ้านที่อีกด้าน ตรงกลางถูกจัดเป็นโต๊ะสีขาวสะอาดเตรียมเสิร์ฟอาหารพร้อม และมีช้อนส้อมมีดจำนวนมากวางไว้จนลาซารัสแอบชะงักไปครู่หนึ่ง

“มีอะไรรึ?” คาเล็มหันมาถามโอเมก้าของตนที่ยืนมองโต๊ะเงียบๆ

“....ผมจำลำดับไม่ได้…” ร่างโปร่งพูดออกมาตรงๆอย่างไม่คิดจะปกปิด “คือ..เคยอ่านนะครับ เคยลองฝึกด้วย แต่ว่า...ผมก็ยังจำไม่ได้เพราะไม่ได้กินจริงๆ แค่ลองวาดอากาศเท่านั้นเอง”

“งั้นดีเลย จะได้ฝึกซะตอนนี้ไงล่ะ!!” ริชาร์ดเดินมาตบหลังร่างเล็กกว่าและโอบไหล่ลากไปนั่งจนคุณหมอหรี่ตามองไม่พอใจ..

“ฟังนะ เมื่อเข้ามาถึงที่โต๊ะ ตามมารยาทนั้นต้องให้ผู้อาวุโสกว่านั่งก่อน แล้วก็ตามด้วยคุณผู้หญิง ที่จริงก็มีบริกรคอยเลื่อนเก้าอี้ให้อยู่แล้ว แต่รู้ไว้ก็ไม่เสียหายหรอก” ลาซารัสเผลอนั่งตัวเกร็ง ขนาดนี่เพิ่งแค่เริ่มต้นเท่านั้น 

“เฮ้ย...ทำไมกันฉันมานั่งซะห่างเลยฟะ” คาเล็มที่นั่งอยู่หัวโต๊ะห่างออกไปถามคุณเพื่อนรักที่พาตัวเองไปนั่งข้างๆโอเมก้าในครอบครองของตน โดยมีเรนเดลนั่งยิ้มแห้งอยู่ข้างๆ

“อย่าบ่นน่าเดี๋ยวก็แก่เร็วหรอก” ริชาร์ดแอบเหน็บใส่ก่อนจะหันมาหาลาซารัสเพื่อสอนขั้นต่อไป “ฉันจะค่อยๆอธิบายให้ฟัง แล้วนายก็คอยดูและทำตามเวลาที่ฉันกินก็ได้ ไม่ยากหรอก”

“ครับ” ร่างโปร่งพยักหน้าแล้วเริ่มทำตามที่ซีอีโอหนุ่มสอนไปทีละขั้นตอน โดยมีสายตาของคาเล็มมองตามเป็นระยะๆ

“อะแฮ่ม...นายน้อยครับ พวกเราเองก็มาทบทวนมารยาทบนโต๊ะอาหารกันบ้างดีมั้ย?” พ่อบ้านกระแอมเสียงเบาให้นายจ้างของตนได้สติ

“ฉันจำวิธีได้ไม่เห็นต้องทบทวน”

“แต่ตอนนี้นายน้อยนั่งเอามือเท้าแขนอยู่นะครับ มันผิดมารยาท”

“.....” คุณหมออัลฟ่าที่โดนท้วงจากพ่อบ้านยกแขนออกก่อนจะยืดอกและนั่งตัวตรง

“ผมว่าไม่ต้องเป็นห่วงคุณแมทเวย์หรอกครับ พวกเรามาทบทวนกันดีกว่า ไม่งั้นคนที่จะขายหน้าตอนไปร่วมรับประทานอาหารอาจจะเป็นนายน้อยซะเองนะครับ” เรนเดลยิ้มอ่อนและขออนุญาตทำหน้าที่เป็นติวเตอร์สอนให้กับเจ้านายของตัวเอง

เมื่อทบทวนทั้งหมดได้ครบ แถมลาซารัสก็ดูท่าจะหัวดีพอ การทานอาหารก็เริ่มขึ้น รายการฟูลคอร์สเสิร์ฟมาทีละอย่างตามลำดับที่ได้บอกไว้ คาเล็มจำได้อย่างแม่นยำหลังจากทวนความจำไปเพียงครั้งเดียว ส่วนลาซารัสมีสะดุดบ้าง แต่ก็แก้ตัวกลับลำได้เองโดยที่ไม่ต้องให้ริชาร์ดช่วยเลยแม้แต่น้อย ทำให้ทุกคนบนโต๊ะแอบทึ่งความตั้งใจอยู่พอสมควร

กระทั่งถึงของหวานปิดท้าย ทุกคนจึงเริ่มผ่อนคลายตัวเองลง และเริ่มพูดคุยสัพเพเหระกันแล้ว

“แบบนี้ไม่น่าห่วงแล้วม้าง” ริชาร์ดขยี้ผมโอเมก้าเพียงคนเดียวในที่นั้น “ออกงานได้สบายๆเลยล่ะ”

“ขอบคุณครับ” รู้สึกเหมือนตนโดนคนๆนี้ลูบหัวบ่อยเสียจนรู้สึกว่าจะกลับเป็นเด็กอีกรอบ

“ยังวางใจไม่ได้น่า ยังมีปัญหาเรื่องอัลฟ่าอีก ไหนจะคนอาจจะจำเจ้าหนูนี่ได้จากงานประมูลอีก” คาเล็มแย้งและจ้องทั้งสองคนหนักข้อ ยิ่งทำให้เพื่อนซี้แกล้งหยอกด้วยการทำตัวสนิทสนมกับโอเมก้าที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวมากกว่าเดิม

“โอ๋~ ไม่ทำหน้าแบบนั้นซี่ น่ากลัวนะคุณหมอ” พอริชาร์ดพูดแบบนั้นลาซารัสก็เงยหน้าขึ้นมาจากของหวานแล้วหันไปมองคาเล็ม.. เมื่อพบสายตาจ้องมองอย่างกินเลือดเนื้อส่งมาให้ก็เผลอสะดุ้งจนช้อนแทบหล่น เขานั่งนึกว่าตัวเองทำอะไรผิดไปหรือเปล่าจนตัวลีบลงไปอีก “ผมขอโทษนะครับ งั้นเอาเป็นว่าจะขอทำการขอขมาด้วยสิ่งนี้ละกัน”

ริชาร์ดดีดนิ้วหนึ่งทีก่อนหน้าต่างทุกบานจะปิดลงอย่างรวดเร็วรวมทั้งไฟในห้องก็ดับลงทั้งหมด แม้จะไม่ได้มืดสนิทเพราะยังคงเที่ยงวันแต่ก็ทำเอาลาซารัสร้องเสียงหลงเพราะตกใจได้อยู่… ประตูทางเข้าเปิดออกพร้อมกับสาวเสิร์ฟจำนวนหนึ่งที่เดินนำหน้ารถเข็นอาหารเข้ามาและเปิดให้เห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน เค้กวันเกิดขนาดใหญ่ปรากฎต่อสายตาทุกคน ทำเอาคนไม่รู้เรื่องทั้งสามคนนั่งนิ่งฉงนกับสิ่งที่เกิดขึ้น

“สุขสันต์วันเกิดปีที่ 46 นะครับ คุณคาเล็ม รอสเกรย์!”

“ห้ะ!?” อัลฟ่าสูงวัยตกตะลึงก่อนจะเพิ่งนึกได้ว่าวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดตัวเอง มือหนายกขึ้นกุมหน้าผากของตน “เฮ้อ...เสียท่านายจนได้สิเนี่ย”

เสียงเพลงอวยพรวันเกิดที่บรรเลงด้วยไวโอลินดังขึ้นไปทั่วทั้งห้อง และเมื่อสิ้นเสียงปรบมือเจ้าของวันเกิดก็เป่าเค้กวันเกิดที่เพื่อนรักแอบทำเซอร์ไพรซ์ให้ในวันนี้

“ขอให้สุขภาพแข็งแรงนะครับนายน้อย อย่าฝืนทำงานมากจนเกินไปนะครับ” เรนเดลกล่าวอวยพรวัยเกิดให้กับนายของตน

“รีบๆแต่งงานซะนะคาเล็ม ฉันรอเป็นพ่อทูนหัวให้ลูกแกจนรากงอกแล้วเนี่ย” ริชาร์ดก้มหัวหลบเทียนวันเกิดที่โดนขว้างใส่มา

“เอ่อ...ขอให้คุณหมอประสบความสำเร็จและสมหวังในทุกๆเรื่องนะครับ” ลาซารัสที่ตื่นเต้นไปกับบรรยากาศหันมาอวยพรให้คุณหมอที่เป็นเจ้าชีวิตของตัวเอง

“ขอบใจมากนะทุกคน” คาเล็มกล่าวและยิ้มให้อย่างที่น้อยครั้งนักที่ใครจะได้เห็นจากใบหน้าของคุณหมออัลฟ่า

เจ้าภาพยื่นมีดให้เจ้าของวันเกิดตัดเค้กแบ่งกันทาน เรนเดลทักว่าส่วนของเขาขอแค่ชิ้นเล็กๆพอ เพราะกินของหวานมากๆไม่ได้ ริชาร์ดก็เช่นกันแต่นั่นเพราะว่าแต่เดิมไม่ใช่คนที่ชอบทานของหวานอยู่แล้ว เค้กส่วนที่เหลือเลยตกเป็นของคาเล็มและลาซารัสที่ต้องช่วยกันกิน

หลังจากงานฉลองวันเกิดที่มีการซ้อมทานอาหารบังหน้าผ่านพ้นไป ริชาร์ดก็ได้พาทั้งสามคนขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปส่งที่บ้าน ลาซารัสมองทิวทัศน์ผ่านเครื่องยนต์บินบนฟ้าแล้วอดคิดในใจไม่ได้ว่าเขาอยากจะซื้อของขวัญวันเกิดให้กับหมอคาเล็ม อย่างน้อยๆก็เพื่อเป็นการขอบคุณสำหรับเรื่องที่ผ่านๆมา


(ยังมีต่อ...)

ออฟไลน์ pichi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • PICHI Otakura

‘ปกติคุณหมอชอบอะไรเป็นพิเศษมั้ยครับ?’ สุดท้ายลาซารัสก็คิดไม่ออก ต้องยอมพิมพ์ไปถามริชาร์ดอยู่ดี

‘คำถามโคตรยากเลยเจ้าหนู’ คำตอบดูจะไม่ช่วยอะไรได้เท่าไหร่..

ทั้งสองคนพิมพ์คุยกันอยู่นานสองนานหลังจากแยกย้ายกันกลับมาพักผ่อนที่ห้องของตน

‘ผูกโบว์ที่กลางอกแล้วเดินไปหาเจ้านั่นเลย!’

‘ไม่เป็นไรครับ!’ ลาซารัสหน้าแดงถึงใบหูกับคำแนะนำสุดอีโรติกที่แม้จะซื่อขนาดไหนก็รู้จุดประสงค์ของการทำแบบนั้น

‘ฮ่าๆๆ นายนี่ดูออกง่ายจริงๆ’

‘ครับ?’

‘ชอบคาเล็มตรงไหนล่ะ?’

ร่างโปรงสะดุ้งขึ้นมานั่งโดยไร้เหตุผล สองมือพิมพ์ๆลบๆอยู่หลายครั้งจนสุดท้ายก็ไม่ได้ตอบอะไรอัลฟ่าคนสนิทของเจ้านายไป

‘คุณหมอใจดี’ สุดท้ายก็พิมพ์ไปง่ายๆ คิดอะไรไม่ออกกระทั่งคิดถึงรอยยิ้มของคุณหมอในวันนี้ เขาจำได้ว่าเผลอมองหน้าคาเล็มนานมาก นานพอให้ริชาร์ดต้องสะกิดเรียกเพราะเค้กยกมาเสิร์ฟเขาเรียบร้อยแล้ว… ‘แล้วก็มีรอยยิ้มอบอุ่นมากๆด้วย’

‘เห.. ไปแอบยิ้มให้กันตอนไหนล่ะเจ้าหนู ถึงได้หลงเขาขนาดนั้น’ ริชาร์ดแซวกลับมาเรื่อยๆจนโอเมก้าหนุ่มหน้าแดงร้อนไปทั่ว

‘แต่คุณหมอไม่มีท่าทีจะยอมให้ผมเข้าหาเลย..’ สุดท้ายก็กลายเป็นว่าพิมพ์ระบายใส่คุณเพื่อนไปเสียอย่างนั้น ก็เขาไม่มีคนอื่นให้บ่นแล้วนี่นา.. แถมจะพูดกับคุณเรนเดลก็กลัวว่าคุณพ่อบ้านจะกังวลอะไรรึเปล่า

‘ไม่แปลกหรอก’ ริชาร์ดที่นอนเอนกายบนเก้าอี้รับลมบนระเบียงบ้านสุดหรูของตนกำลังยิ้มให้เด็กน้อยที่อีกฟากอย่างเอ็นดู ‘แต่เขาก็หึงนายเรื่อยๆอยู่น้า ไม่ว่านายจะแอบจีบอะไรเขาไป ฉันว่าคงได้ผลอยู่หรอก’

เหมือนคำพูดคำแนะนำจะทำโอเมก้าหนุ่มเขินอายขึ้นเรื่อยๆจนอยากจะเปลี่ยนหัวข้อ แต่ก็ต้องจำยอมทนต่อไปเพราะเขาต้องการจะรู้จักเจ้านายของตนมากขึ้น ‘แต่ผมไม่ได้ทำอะไรเลยจริงๆนะครับ’

‘จริงเร้อ~ เห็นยิ้มน่ารักๆแบบนั้นบ่อยๆ งั้นฉันคิดว่านายคงทำไปไม่รู้ตัวแหงๆ’

‘ครับ?’

‘ยิ้มบ่อยๆนะเด็กน้อย ยิ้มแบบที่ใครเห็นก็ละลายได้เลยนั่นน่ะ’

สุดท้ายก็จบการสนทนาด้วยการคุยเรื่องการเตรียมตัวเพื่อเจออัลฟ่านับสิบนับร้อยในอาทิตย์หน้า โดยที่ลาซารัสยังคงสงสัยว่า แค่เค้ายิ้มนี่มันเกี่ยวอะไรกัน? ...คุณหมอหลบหน้าตลอดด้วยซ้ำตอนที่เค้ายิ้มให้…

คิดแบบนี้แล้วห่อเหี่ยวชะมัดเลย…


แสงไฟจากหน้าจอแล็ปท็อปในห้องนอนยังคงสว่าง คาเล็มปรือตาแถมสัปหงกอยู่หลายครั้งเพราะหนังท้องตึงจากงานเลี้ยงวันเกิดเมื่อกลางวัน ถึงจะยังไม่มืดค่ำแต่ก็ง่วงนอนเสียจนแทบรอให้นาฬิกาเดินถึงเที่ยงคืนอย่างทุกทีไม่ไหว ทว่าถ้าดื่มกาแฟเข้าไปตอนนี้มีหวังคืนนี้เขาคงนอนไม่หลับเพราะตาค้างเป็นแน่

“หลับสักตื่นแล้วกัน” อัลฟ่าสูงวัยจึงหยุดทำงานแล้วหยิบมือถือมาตั้งเวลาปลุกตัดสินใจว่าจะงีบหลักสักครึ่งชั่วโมง ก่อนจะฟุบหลับคาที่นอนไปทั้งอย่างนั้น

ผ่านไปสิบนาทีหลังจากคุณหมอคาเล็มหลับ ลาซารัสได้มาเคาะประตูห้องเพราะเห็นว่าคาเล็มไม่ลงไปที่ห้องทานอาหาร หรือจะยังอิ่มเพราะฟูลคอร์สจัดเต็มนั้นอยู่กันนะ

“ขออนุญาตนะครับ” ร่างโปร่งค่อยๆเปิดประตูเข้าไปดูแล้วก็เห็นว่าคุณหมออัลฟ่ากำลังหลับอยู่จึงไม่อยากรบกวน แต่อีกใจก็คิดว่านี่เป็นโอกาสดีเลยแอบย่องเข้าไปขอดูหน้าเจ้าของห้องใกล้ๆสักนิดหนึ่งก็ยังดี

ดวงตาสีฟ้าพยายามสงบจิตใจไม่ให้ตื่นเต้นแต่ก็ทำได้ยากยิ่ง ลาซารัสนั่งลงที่ข้างเตียงเอาแขนเท้าที่นอนพลางจ้องดูใบหน้าของอัลฟ่าสูงวัยที่ผ่อนคลายและหลับสนิทอย่างไม่รู้สึกตัวเลยว่ามีใครแอบบุกรุกเข้ามาในห้องนอน

“ขนาดตอนหลับยังคิ้วขมวดเลย…” โอเมก้าหนุ่มจ้องไปที่หว่างคิ้วแล้วนึกอยากเอานิ้วไปจิ้มเผื่อว่ามันจะคลายออกจากกัน คาเล็มขยับพลิกตัวหันไปอีกทางทำเอาลาซารัสสะดุ้งโหยงต้องรีบก้มหน้าหลบ หน้าผากกระแทกพื้นเบาๆแต่เจ้าตัวก็กลั้นเสียงร้องไว้ไม่ให้อีกคนรู้สึกตัวตื่น

“หลับไม่รู้เรื่องเลยแฮะ…” ร่างโปร่งเอามือลูบหน้าผากตัวเอง เห็นแผ่นหลังกว้างแล้วก็นึกถึงตอนที่ได้ซ้อนท้ายซิ่งรถไปกับคนๆนี้ ลาซารัสหลับตากำมือแน่นแล้วตัดสินใจรวบรวมความกล้าอันน้อยนิดขยับเข้าไปใกล้แล้วก้มลง…วางกล่องของขวัญกล่องเล็กๆไว้ที่ข้างหมอนของคุณหมอ

“สุขสันต์วันเกิดนะครับคุณหมอ” ใบหน้ามนเจือสีแดงระเรื่อเอ่ยเสียงเบาแล้วค่อยๆย่องกลับเปิดประตูออกไปและปิดอย่างเบามือ ก่อนที่ร่างซึ่งรู้สึกตัวตื่นตั้งแต่แรกจะค่อยๆดันกายลุกขึ้นมานั่ง

ดวงตาคมหันไปจ้องกล่องของขวัญเรียบๆที่ผูกด้วยริบบิ้นสีเขียวอ่อน เมื่อเปิดออกมาก็พบว่าเป็นคุ้กกี้เนยสดรูปหน้าสุนัขที่ทั้งน่ารักและน่ากิน

“..รสชาติไม่ได้เรื่อง…” คาเล็มชิมไปบ่นไป แต่ก็กินจนหมดทั้งกล่องในคราวเดียวแล้วแอบยิ้มออกมาอย่างลืมตัว ร่างสูงมองกล่องเปล่าในมือและพลิกไปมา ก่อนสะดุดกับลายมือที่ดูพยายามจะบรรจงสุดชีวิตเขียนอยู่ใต้กล่อง

‘คุณหมอพักผ่อนเยอะๆ มีอะไรก็บอกผมได้นะครับ ผมจะช่วยเหลือคุณหมอทุกอย่างเลย’

คาเล็มมองข้อความนั้นอยู่นานด้วยแววตาวูบไหว สองคิ้วเลิกขึ้นอย่างไม่รู้จะทำตัวอย่างไร ทั้งที่เป็นเพียงข้อความแท้ๆ แต่เขารู้สึกได้ว่าหน้าของตนกำลังร้อนขึ้นทีละน้อย


ร่างโปร่งกำลังนั่งทบทวนลำดับมารยาทบนโต๊ะอาหารอย่างเอาเป็นเอาตาย แม้จะจำได้แล้วแต่เขาก็กลัวว่าจะลืมอีกก็เลยให้เรนเดลมาช่วยดูให้อีกครั้ง

“ถูกต้องหมดนะครับคุณแมทเวย์ กระผมว่ารอใกล้ๆวันค่อยลองทบทวนอีกทีน่าจะดีก่อนนะครับ”

“นั่นสินะครับ ขอบคุณมากครับคุณเรนเดล” ลาซารัสลุกขึ้นเก็บช้อนส้อมทั้งหมดให้เข้าที่และมองไปที่อาหารเย็นของคาเล็มที่ไม่มีทีท่าว่าอีกฝ่ายจะตื่นมากิน “คุณหมอคงจะเหนื่อยมากๆ…”

“ครับ ยิ่งช่วงนี้งานค่อนข้างยุ่ง..” เรนเดลเก็บจานไปหาวิธีจัดการอย่างคุ้นชิน เพราะคาเล็มก็มักจะทำงานจนลืมทานอาหารบ่อยๆ ไม่ก็สลบจนเลยเวลาไปเลยก็มี

“ผมอยากจะช่วยคุณหมอนะครับ แต่ผมยังไม่รู้เลยว่าตัวเองจะต้องเจออะไรบ้าง หรือต้องทำตัวแบบไหน”

เรนเดลยิ้มน้อยๆให้อีกคน เห็นความตั้งใจที่อยากทำเพื่อเจ้านายของโอเมก้าคนนี้แล้วเขายิ่งรู้สึกเอ็นดูเข้าไปใหญ่ “งั้นเอางี้มั้ยครับ ถ้าตอนนี้พอจะมีเวลาว่างจากการตัดชุด ลองอ่านงานของคุณหมอได้นะครับ”

“จริงด้วย..” ลาซารัสลืมนึกไปเสียสนิทว่าอย่างคุณหมอต้องมีหนังสือที่อ้างอิงหรือหนังสือที่เขียนเองอยู่บ้างนี่นา

“ห้องสมุดของนายน้อยอยู่ตรงข้ามห้องทำงานเลยครับ ปกติจะล็อคไว้เสมอ แต่ถ้าขอดีๆกระผมว่านายน้อยคงให้เข้าไปอยู่”

“...ต้องขอสินะครับ” ร่างโปร่งไหล่ลู่ตกอย่างกับจะปลดปลงกับความดุและเย็นชาของคุณหมอ ยิ่งช่วงนี้ดูชอบทำหน้าดุๆส่งมาให้ยิ่งสยองใจ..

“งั้นก็ลองอ้อนดูสิครับ” เรนเดลหัวเราะน้อยๆ กับท่าทางของลาซารัสที่ทำหน้าตกใจกับคำแนะนำของตน “เห็นใจแข็งแบบนั้นแต่ก็แพ้ทางคนช่างตื๊อนะครับ”

“จริงเหรอครับ” ถามเพื่อความแน่ใจเพราะดูยังไงก็คิดว่าไม่น่าจะง่ายขนาดนั้น

“ก็ดูอย่างคุณริชาร์ดไงครับ ตอนแรกนายน้อยก็พยายามตีตัวออกห่างเพราะรู้สึกว่าชีวิตโดนคุกคาม แต่พอนานๆเข้าก็กลายเป็นว่าสนิทกันไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้” พ่อบ้านสูงวัยเล่าไปยิ้มไป โอเมก้าหนุ่มได้ยินแล้วยังอดทึ่งไม่ได้

“ตกลงครับ ถ้างั้นผมจะลองอ้อนคุณหมอดู”


“ไม่ได้!” เสียงทุ้มตะโกนตอกใส่หน้าโอเมก้าหนุ่มจนแทบจะผงะถอยหลังเผ่นออกจากห้องทันที หมอคาเล็มที่เพิ่งจะตื่นนอนได้ไม่นานทำหน้างัวเงียและเอามือเคาะหัวหวังดึงสติให้ตื่นจากความง่วง “โทษทีที่เสียงดัง…นายจะเข้าไปอ่านงานวิจัยของฉันทำไม?”

น้ำเสียงกลับมาเป็นโทนปกติก่อนดันแว่นขึ้นให้เข้าที่ ลาซารัสจึงคิดว่าคงพูดออกไปได้แล้ว

“ผมอยากศึกษาเรื่องของโอเมก้าเพิ่มเติมน่ะครับ เผื่อว่ามันจะช่วยให้ผมได้เข้าใจงานของคุณหมอมากขึ้น” ร่างโปร่งอธิบายด้วยเหตุผลที่ฟังขึ้น

“ครั้งก่อนแค่เห็นหนังสือกายวิภาคร่างกายของโอเมก้านายยังขยาดจนตัวสั่น แล้วคิดว่ายังจะรับไหวอีกเหรอ?” คาเล็มกอดอกและสวนกลับไป “ยิ่งรู้มากก็จะยิ่งมีแต่จะทำให้นายกลัวมากขึ้นเท่านั้น”

“ก็จริงครับ แต่เป็นเพราะว่าตอนนั้นผมยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคุณหมอเลย แต่ถ้าเป็นตอนนี้ผมเชื่อว่าผมรับได้แน่ครับ แล้วถ้าหาก…”

“ถ้าหาก?” คาเล็มนั่งรอว่าโอเมก้าในครอบครองของตนจะพูดอะไรออกมา

“หากว่า...มีใครมาพูดจาว่าร้ายให้ผมฟังว่าคุณหมอหลอกให้ผมมาเป็นตัวทดลอง ผมจะได้กล้าพูดใส่หน้าคนๆนั้นว่างานวิจัยของคุณหมอไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอย่างที่พวกเขาเข้าใจ มันมีคุณค่าต่อการช่วยชีวิตโอเมก้าคนอื่นๆเหมือนอย่างผม”

สายตาของลาซารัสสื่อออกมาชัดเจนว่าพูดออกมาจากใจจริงจนคาเล็มเองก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกตื้นตันแค่ไหนที่ได้ยินเช่นนี้

“นะครับคุณหมอ ผมขอร้องล่ะครับ” ร่างโปร่งทำน้ำเสียงเว้าวอนและส่งสายตาอ้อนเหมือนเจ้าพวกก้อนขนในวันที่คุณหมออัลฟ่าไปเหมามาทั้งร้าน ผิดกับท่าทางเอาจริงเมื่อครู่จนแทบปรับท่าทีไม่ทัน

“เฮ่อ…” อัลฟ่าสูงวัยถอนหายใจยาวและกวักมือเรียกให้ลาซารัสเดินเข้าไปหา ก่อนจะยื่นกุญแจให้ “ฉันมีอยู่แค่ดอกเดียว ใช้ห้องเสร็จแล้วก็ล็อคให้ดีแล้วเอามาคืนฉันทุกครั้งล่ะ”

“ครับ!” ลาซารัสยิ้มกว้างอย่างยินดีเป็นที่สุด ก่อนจะโค้งตัวให้แล้วขอตัวไปยังห้องสมุดทันที คาเล็มที่เจอใบหน้าสดใสที่ไม่ได้เห็นมานานถึงกับแทบสลบเหมือดกับพระอาทิตย์ที่เจิดจ้าดวงนั้น

“บอกแล้วว่าอย่ามาทำหน้าแบบนั้นใส่…” แต่พูดไปก็เท่านั้น คาเล็มได้แต่บ่นกับตัวเองไปงั้น โดยที่ไม่กล้าบอกอีกฝ่ายเลยว่ารอยยิ้มแบบนั้นทำเขาลำบากใจขนาดไหน


ลาซารัสเข้ามาในห้องเก็บงานวิจัยที่เต็มไปด้วยหนังสือมากมาย แต่ละเล่มหนาหลายร้อยหน้า แบ่งสัดส่วนและหมวดหมู่ชัดเจนจนง่ายต่อการค้นหา ส่วนใหญ่คืองานวิจัยอื่นๆที่เกี่ยวข้องหรือหนังสืออ้างอิง ส่วนชั้นเล็กๆที่มุมในสุดเป็นเอกสารหลายต่อหลายแฟ้มที่ท่าทางเป็นของคาเล็มเอง ลาซารัสตัดสินใจค่อยๆศึกษาทีละเรื่อง เขาเลือกที่จะอ่านกายวิภาคของโอเมก้าก่อน เพราะหนังสือที่เจาะละเอียดจริงๆแทบไม่มีขายในท้องตลาด คนส่วนใหญ่ก็รู้จักโอเมก้าแค่เท่าที่ทุกคนรับรู้

“เอ๊ะ มีอัลฟ่ากับเบต้าด้วยนี่..” ใช่อยู่ว่าคุณหมอเน้นที่โอเมก้า แต่การศึกษาอีกสองไทป์ไปด้วยก็คงมีความสำคัญอยู่ เจ้าตัวก็เลยหยิบมาหมด… ด้วยความที่ตัวเขาเองเป็นหนอนหนังสืออยู่แล้ว การอ่านปริมาณขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องยากเย็น “วันสองวันก็หมดมั้ง”
ร่างโปร่งโผล่หน้าเข้าไปในห้องนอนที่กลายเป็นห้องทำงานของหมออีกครั้งเพื่อมาคืนกุญแจ เมื่อเห็นว่าคาเล็มยังคงนอนสลบอยู่ที่เตียงก็เคาะเบาๆอีกครั้งเพื่อเช็คว่าคนบนเตียงไม่หลับไปอีกรอบแล้ว? ….ทว่าไร้วี่แววและเสียงตอบกลับ ลาซารัสเลยเดินเข้ามาหาเพื่อวางกุญแจไว้ที่ชั้นวางของตัวเตี้ยติดหัวเตียง

“...” แอบเหล่มองคาเล็มอีกครั้ง เห็นว่าอีกฝ่ายนอนไปโดยไม่ได้ถอดแว่นออกด้วยซ้ำก็เริ่มกังวลว่ากลัวจะพลิกตัวแล้วทับแว่นพังไปเสียก่อน โอเมก้าหนุ่มเลยยื่นมือสั่นๆออกไปหาและค่อยๆดึงแว่นอีกฝ่ายออกช้าๆ ก่อนจะวางมันไว้ข้างๆกุญแจห้องสมุด

“หวา!” จู่ๆร่างโปร่งก็โดนดึงหงายหลังลงไปกับที่นอนกว้าง วงแขนแข็งแรงโอบรัดแน่นจนโอเมก้าหนุ่มดิ้นไม่หลุด “คะ... คุณหมอ!”

“เรียกทำไม?” คาเล็มถามเสียงงึมงำ ใบหน้ายังซุกอยู่ที่บริเวณท้ายทอยของคนที่ตนกอดไว้ไม่ต่างจากหมอนข้าง

“อะ เอ่อ...ผมขอโทษที่ทำให้ตื่นครับ” ลาซารัสนอนตัวเกร็งเพราะทำอะไรไม่ถูก โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าที่คุณหมออัลฟ่าทำไปนั้นไม่ได้เป็นเพราะว่ากลิ่นฟีโรโมนของตัวเองที่กระตุ้นให้อยากทำ แต่หมอคาเล็มแค่อยากแกล้งให้อีกฝ่ายตกใจเพราะนึกว่าโดนเล่นงานเท่านั้นเอง

“อ่านเสร็จแล้วเหรอ? เร็วจังนะ” เสียงทุ้มเอ่ยข้างๆหูโอเมก้าในครอบครอง “อ่านเรื่องอะไรไปแล้วบ้างล่ะ?”

“อ่ะ...เอ่อ ช่วยปล่อยก่อน ดะ...ได้มั้ยครับ” ใบหน้ามนขึ้นสีแดงจัดและเสียงสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ หัวใจเต้นแรงอย่างกับมันจะทะลุออกมาข้างนอกเสียให้ได้

“พูดอะไรฟังไม่รู้เรื่องเลย ตอบฉันมาก่อนสิ” หมอคาเล็มทำเมินคำขอร้องของโอเมก้าหนุ่มแล้วกดจมูกลงไปใกล้กับหลังคอที่มีเสื้อคอเต่าใส่ปิดคอไว้

“อึ่ก...กะ กายวิภาคของโอเมก้า เบต้า และก็อัลฟ่าครับ” จากที่นอนเกร็งตอนนี้ร่างกายกลับสั่นและก็อ่อนยวบ เสียงของคุณหมอมันต่างจากทุกที มันเหมือนกับเสียงที่เคยได้ยินจากวีดีโอเมื่อครั้งนั้น

“ฉลาดเลือกนะ มันต้องมีความรู้พื้นฐานของเรื่องที่อ่านก่อนจะต่อยอดขยายความ” ร่างสูงเอ่ยชมอย่างไม่เคยจะทำมาก่อนจนลาซารัสแอบที่จะคิดไม่ได้ว่าเขาผสมอะไรผิดสำแดงลงไปในคุกกี้หรือไร ทำไมจู่ๆหมอก็แปลกไปขนาดนี้ ยังไม่ทันจะได้คิดอะไรต่อมือที่โอบกอดตนข้างหนึ่งเลื้อยลงต่ำแทรกตัวเข้าไปในเสื้อของเขาเสียแล้ว

“เดี๋ยว! คุณหมออ!!” โอเมก้าหนุ่มแผดเสียงลั่นทั้งตกอกตกใจสุดชีวิตทั้งยังไม่เข้าใจสถานการณ์ใดๆ ร่างกายที่ตอบสนองต่อบุคคลนี้เป็นทุนเดิมเจอการสัมผัสจากใครอื่นนอกเสียจากการปลุกเร้าของตัวเองจึงทำเอาร่างกายร้อนและเริ่มสั่น “เหวอ...ไม่นะ”

เสียงหอบหายใจและใบหน้าขึ้นสีแดงจัดไปทั่ว กับความรู้สึกวูบวาบที่ช่วงล่างกำลังประท้วงร่างกายว่าเขาฮีทเป็นที่เรียบร้อย แม้จะมั่นใจว่าคาเล็มไม่รับรู้กลิ่นฟีโรโมนนี้แต่เขาก็คงดูออกว่าร่างสั่นเทิ้มในวงแขนกำลังปั่นป่วนจากการถูกรุกล้ำแน่ๆ

“ไวเหมือนกันแฮะ” เสียงของคาเล็มกลับเป็นปกติที่เป็นมาตลอดตั้งแต่แรกเจอ ลาซารัสถูกกดลงบนเตียงก่อนยาประหลาดสีขาวจะถูกยื่นจ่อให้ต่อหน้าโดยที่คุณหมอคร่อมร่างเขาไว้จนไร้ทางหนี “กินนี่..แล้วลองรอสักสี่ห้านาทีเหมือนเดิมนะ”

“เอ๊ะ?” คนนอนแผ่กระพริบตาปริบมองยาไม่น่าไว้ใจตรงหน้า มันไม่ใช่ยาระงับอาการฮีทที่กินเป็นปกตินี่นา?

“อ้าปาก” คำสั่งเจืออำนาจของอัลฟ่าเล็ดลอดออกจากปากของเจ้านายผู้ควบคุมทุกอย่างตอนนี้ โอเมก้าหนุ่มได้แต่ทำตามแต่โดยดีแล้วหยิบยานั้นมากินเข้าไป “เคี้ยวแล้วกลืนซะ”

ร่างโปร่งเคี้ยวยาตามคำสั่งที่ได้รับและกลืนลงไปอย่างยากลำบากเพราะไม่มีน้ำเปล่าช่วยใดๆ เมื่อกินลงไปแล้วคาเล็มก็ลุกไปหยิบเอากระดาษและปากกาแถวๆนั้นมาวางไว้ใกล้ๆ ในขณะที่เขาตรวจสอบทุกอย่างที่ต้องการ ทั้งรูม่านตา ชีพจร ความดัน และหลายๆอย่างเหมือนกำลังตรวจหาความผิดปกติ แต่ยิ่งโดนสัมผัสตัวด้วยมือหนานั้นไปมากเท่าไหร่ลาซารัสก็เหมือนถูกกระตุ้นมากขึ้นเท่านั้น

ช่วงเวลาที่โหยหาการปลดปล่อยผ่านไปเนิ่นนานสำหรับคนที่กำลังทรมาณ กระทั่งครบเวลาที่ตั้งไว้ คนบนเตียงก็ยังไม่มีทีท่าที่จะหยุดใดๆ

“คุณหมอ…” เสียงสั่นพร่าครางเรียกหาผู้เฝ้ามอง

“...ลดสารที่สร้างความเสี่ยงต่อการสะสมระยะยาวไปแล้ว..แต่ใช้ไม่ได้เหรอเนี่ย” คาเล็มมองและผิดหวังกับสิ่งที่เกิดขึ้น..ไม่สิ ไม่เกิดอะไรขึ้นเลยเสียจะดีกว่า..ร่างสูงกะจะเก็บเอากระดาษบันทึกกลับไปวางที่โต๊ะคืน ทว่าก่อนจะได้ลุกไปไหน จู่ๆคาเล็มก็สะดุ้งเพราะกลิ่นฟีโรโมนของโอเมก้าที่เริ่มเข้มข้นขึ้นจนแตะจมูกทั้งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น

“คุณคาเล็มครับ” ลาซารัสยันร่างของตนเข้ามาใกล้ ทั้งยังเกาะเอาแขนเสื้อทั้งสองเขาไว้แน่น สายตาเต็มไปด้วยความต้องการมองมาหาอัลฟ่าตรงหน้าอย่างกระหายการปลดปล่อย

บัดนี้ยาระงับกลิ่นรวมทั้งยาลดประสิทธิภาพที่ฉีดไว้ใกล้จะหมดฤทธิ์เต็มที..

สถานการณ์สุ่มเสี่ยงที่น่ากลัวว่ามันจะเกิดขึ้นหากอยู่ใกล้ชิดกันโดยไม่มีการป้องกันได้เกิดขึ้นจนได้

“ลาซารัส ปล่อยมือซะ” เสียงทุ้มออกคำสั่งอย่างยากลำบาก ร่างกายของคาเล็มเริ่มตอบสนองต่อกลิ่นฟีโรโมนยั่วยวนของโอเมก้าและสัญชาตญาณดิบที่มีอยู่ในตัวของอัลฟ่าทำให้เขาเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้เหมือนครั้งที่แล้ว “ปล่อยมือเดี๋ยวนี้!”

“คุณคาเล็ม…” ดวงตาสีฟ้าจ้องอย่างอ้อนวอนขอความปรารถนา ร่างโปร่งสั่นเทิ้มด้วยความกระสันอยากอย่างรุนแรง มือที่รั้งแขนของอีกฝ่ายเลื่อนไปหาส่วนกลางลำตัวของอัลฟ่าสูงวัยที่เริ่มตื่นตัวก่อนลูบไล้ไปมาผ่านเนื้อผ้ากางเกง “ได้โปรดเถอะครับ ช่วยปลดปล่อยผมให้พ้นจากความทรมานนี้ที”

“...ฉันขอโทษ”

ฉึก!!

ปากกาในมือของร่างสูงแทงเข้าที่ขาของตน คาเล็มร้องคำรามลั่นและดึงมันออกมาแทงซ้ำลงไปอีกสองถึงสามครั้ง

“คุณหมอ!!” ลาซารัสเบิกตากว้างกับภาพที่คุณหมออัลฟ่ากำลังทำร้ายตนเองจนเผลอปล่อยมือออก และร่างสูงก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดมือที่กำปากกาชุ่มเลือดนั้นและยังคงแทงตัวเองซ้ำไม่หยุดราวกับคลุ้มคลั่ง “คุณเรนเดล!! ช่วยด้วยครับ!! ช่วยคุณหมอด้วย!!”

พ่อบ้านที่ได้ยินเสียงเอะอะรีบบึ่งขึ้นมาในห้องของเจ้านาย ชายชราหน้าซีดแต่ก็ตั้งสติได้เร็ว เขาหันไปคว้าเอากล่องยาของคาเล็มเปิดเอาเข็มฉีดยาและตรงเข้าไปหาร่างที่อาบไปด้วยสีแดงชุ่มก่อนจะจับร่างสูงกดไว้กับที่นอนไม่ให้ดิ้นไปไหนได้และฉีดมันเข้าไปที่ต้นแขนของหมอคาเล็ม

ยาระงับออกฤทธิ์แทบจะในทันที คาเล็มหอบหายใจหนักร่างกายเต็มไปด้วยเหงื่อชุ่มโชกก่อนจะหมดสติไป เรนเดลดึงแขนของลาซารัสออกให้ห่างจากตัวนายน้อยของเขาแล้วสั่งให้โอเมก้าหนุ่มรีบไปกินยาระงับอาการฮีทโดยเร็ว และรีบหันกลับไปยังห้องเดิมเพื่อดูอาการของคาเล็ม



TBC.





*****************************************************************************************


สุขสันต์วันแก่คุณหมอด้วยแผลฉึกๆนะคะ //หมอบอกจะฆ่ากันรึไง  o22

ชอบแกล้งหมอแต่ทำไปทั้งหมดเพราะความรักนะคะ หุๆๆ  :hao3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
เย้มาเร็วทันใจ มาต่อบ่อยๆอย่างนี้คือดีงาม สู้ๆน้า :hao7:

ออฟไลน์ pichi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • PICHI Otakura

บทที่ 5



คาเล็มปรือตาขึ้นหลังจากสลบไปนานพอสมควร ร่างสูงเวียนหัวตึ้บไปหมดเพราะยาที่ถูกฉีดเข้ามานั้นทำเอาทุกอย่างในร่างกายเสียสมดุลย์ไปหมด ก่อนจะสัมผัสได้ว่ามีคนนั่งอยู่ข้างๆเขา

“คุณหมอ” เสียงคุ้นเคยเอ่ยเรียกเสียงเบา ลาซารัสปิดหนังสือในมือแล้วเลื่อนตัวเข้ามาใกล้ๆกับเจ้านายของตน

“กี่โมงแล้ว” คาเล็มมองไม่เห็นนาฬิกาบนผนังเพราะแว่นถูกถอดวางไว้ที่อื่นที่เขาควานหาด้วยมือตัวเองไม่เจอ

“ตีห้าครับ..” ร่างโปร่งตอบเสียงสั่นจนคนที่นอนอยู่ต้องหันมามองช้าๆ แม้จะไม่ได้ใสแว่นอยู่ก็เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายตาแดงขนาดไหน ท่าทางจะเพิ่งหยุดร้องไปไม่นานนัก “คุณหมอจะนอนต่อก็ได้นะครับ ยังไม่ทันจะเช้าเลย”

“ไม่เป็นไร นอนจนอิ่มแล้ว” มือหนายกขึ้นลูบหน้าของตนเพื่อกระตุ้นประสาทสัมผัสตัวเอง ก่อนจะนึกได้ว่าไม่ได้กลิ่นฟีโรโมนของลาซารัสทั้งที่ยาที่โดนฉีดก่อนจะหมดสติน่าจะหมดฤทธิ์แล้ว จึงได้หันไปมองและถามกับคนที่นั่งข้างๆ

“ผมฉีดน้ำหอมระงับกลิ่นไปน่ะครับ” โอเมก้าหนุ่มยิ้มให้คนที่ยังนอนอยู่

“งั้นเหรอ..” คาเล็มไล่สายตาไปตามขาของตนที่โดนยกพาดไว้กับหมอนหลายใบเพื่อให้มันสูงขึ้นเล็กน้อย “ได้นอนบ้างรึยัง”

คำถามทำเอาคนโกหกไม่เก่งเงียบลง ท่าทางจะยังไม่หลับตั้งแต่เกิดเรื่อง ทำเอาคุณหมอทำหน้าเหมือนหัวเสียเล็กน้อย “ผมนอนไม่หลับครับ..”

“บอกแล้วว่าเดี๋ยวสุขภาพเสีย..” ร่างสูงเปรยเสียงเบาเพราะไม่อยากจะดุอีกฝ่ายตอนนี้ พอนึกถึงเรื่องที่จะทดลองยากะทันหันเมื่อวานจนเกิดเรื่องก็คิดจะเอ่ยขอโทษคนในครอบครองให้เรียบร้อย แต่คนข้างๆกลับหลั่งน้ำตาออกมาเสียก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรต่อ

“ผมขอโทษครับ” เสียงสั่นปนเสียงสะอื้นเบาๆหลุดออกจากปากของโอเมก้าหนุ่ม “ถ้าผมเชื่อฟังคุณหมอให้มากกว่านี้ พกยาติดตัวตลอด คุณหมอคงไม่ต้องเจ็บตัว..”

“เฮ้..คือเรื่องนี้..”

“ผมอยากช่วยคุณหมอแท้ๆ แต่ยิ่งทำงานคุณหมอช้าลงไปอีก หลายทีแล้วด้วย” ลาซารัสเริ่มร้องไห้งอแงจนฟังไม่รู้เรื่อง คาเล็มถึงกับทำตัวไม่ถูก

“อย่าโทษตัวเองเลยลาซารัส ครั้งนี้นายไม่ผิดหรอก” มือหนาเอื้อมไปลูบหัวปลอบใจ แต่กลับยิ่งทำให้โอเมก้าหนุ่มร้องไห้เป็นเด็กๆยิ่งกว่าเดิม “นี่ หยุดร้องได้แล้ว ฉันไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อย”

“ผมกลัว...ตอนนั้นผมทำอะไรไม่ถูกเลย ตัวคุณหมอมีเลือดเต็มไปหมดแต่ผมกลับ...ได้แต่มองตัวสั่นอยู่ตรงนั้น”

“แต่นายเรียกเรนเดลให้มาช่วยฉัน นายทำได้ดีแล้ว” มือที่ลูบหัวเปลี่ยนมาเป็นเช็ดน้ำตาให้แทน “แถมนายยังเฝ้าฉันทั้งคืนอีก ขอบใจนะ”

“ฮือ...คุณหมอออออ” ร่างโปร่งสะอื้นจนน้ำตาน้ำมูกไหลเต็มหน้าตาจนดูแทบไม่ได้ ลาซารัสพุ่งตัวไปกอดเอวคาเล็มไว้ คุณหมออัลฟ่าขยับหนีไปไหนไม่ได้เพราะขาเจ็บอยู่จึงต้องปล่อยให้โดนเกาะเป็นลูกหมีโคอาล่าไปทั้งอย่างนั้น

เสียงเอะอะยามเช้ามืดดังไปถึงในห้องครัว พ่อบ้านที่ตื่นเวลานี้เป็นปกติถอนหายใจโล่งอกที่ดูอะไรๆ จะไม่ร้ายแรงอย่างที่คิด เรนเดลยกมื้อเช้าไปเสิร์ฟที่ห้องนอนของเจ้านาย พร้อมกับยื่นถ้วยซุปหัวหอมให้คนเจ็บได้ทานรองท้องก่อนกินยา แต่แล้วก็เปลี่ยนใจส่งให้ลาซารัสแทน

“ฝากด้วยนะครับคุณแมทเวย์ เดี๋ยวผมจะขึ้นมาเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ทีหลังนะครับ” ชายชราขยิบตาให้ก่อนรีบเดินออกไปจากห้อง ทำเอาโอเมก้าหนุ่มงงว่าหมายถึงอะไร เขาจ้องถ้วยซุปในมือสลับกับคุณหมอคาเล็ม ก่อนจะเข้าใจความหมายที่พ่อบ้านต้องการจะสื่อว่า...ให้เขาป้อน

ร่างโปร่งหยุดสะอื้นแล้วนั่งมองถ้วยซุปอย่างเขินอายโดยไม่กล้ามองหน้าคาเล็มด้วยซ้ำ ยิ่งเกิดเรื่องเมื่อวานที่เขาทำตัวแบบนั้นใส่ยิ่งไม่กล้าสู้หน้าเข้าไปอีก

“ฉันกินเองได้ ไม่ต้องป้อน” คาเล็มยื่นมือมาขอถ้วยซุปในมือจากโอเมก้า

“คะ...ครับ” ลาซารัสส่งให้คุณหมอไปกินเองแต่โดยดี พอเห็นคาเล็มกินได้ปกติก็เผลอยิ้มออกมาอย่างโล่งอก

“ไม่กลัวฉันรึ” พอยกถ้วยซุปกินจนหมดก็กินยาที่เรนเดลจัดให้ตามลงไปพลางเอ่ยถาม

“ครับ?”

“...ฉันหลอกให้นายมาทดลองยา...แถมทำตัวแปลกๆใส่อีก..ไม่กลัวฉันเลยเหรอ”

ลาซารัสนิ่งไปครู่หนึ่ง เมื่อวานเหตุการณ์มันเกิดขึ้นจากที่เขาไม่ทันตั้งตัว และคาเล็มก็ลืมเช็คเวลาที่ยาออกฤทธิ์ จะเรียกว่าเกิดขึ้นเร็วมากก็ได้กระมัง..

“ผม.. ก็กลัวครับ ไม่เคยทำแบบนี้กับใคร แต่สถานการณ์มันพาไป ตอนทำผมอาจจะไม่รู้สึกแย่..” ร่างโปร่งเรียบเรียงคำพูดผิดๆถูกๆ “แล้ว...พอคิดว่าเป็นคุณหมอ… ผมก็ดันรู้สึกว่า ไม่เป็นไร...ขึ้นมา..”

เสียงตะกุกตะกักค่อยๆอ่อนลงพร้อมๆกับสีแดงที่สูบฉีดขึ้นมาบนหน้ามน คนบนเตียงเองก็นั่งอึ้งกับคำตอบเหนือความคาดหมาย

“ผม...ง่วงแล้ว ขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะครับ แต่ถ้าคุณหมอมีเรื่องอะไรจะใช้ผมก็เรียกได้ตลอดนะครับ!” ร่างโปร่งลุกพรวดแล้วเดินจ้ำเท้าเร็วๆออกไปจากห้องนอน อัลฟ่าที่ตั้งใจจะรั้งตัวไว้ก่อนเลยได้แต่มองตาปริบๆ

“สารภาพเสร็จแล้วก็หนีไปเลยเนี่ยนะ…ไม่คิดจะฟังทางนี้บ้างเลยรึไงเจ้าเด็กบ้า” คาเล็มเอามือลูบหน้าตัวเอง รู้สึกว่าอุณหภูมิมันร้อนผิดปกติ สงสัยว่าคงจะไข้ขึ้น…

ว่าไปนั่น...รู้แก่ใจดีว่ามันไม่ได้เป็นเพราะพิษไข้สักหน่อย


ลาซารัสเอาหน้าซุกหมอนแล้วตะโกนใส่สุดเสียง เมื่อกี้นี้นายพูดอะไรออกไปน่ะลาซัส! แล้วจากนี้จะมองหน้าคุณหมอยังไง! บ้าๆๆๆ!!

“บ้าๆจริงเลย…” ใบหน้ามนแดงเป็นมะเขือเทศสุกในตอนที่คิดว่าจะโดนคุณหมอทำเรื่องแบบนั้น แม้ว่าเขาจะต่อต้านในทีแรกแต่ตอนที่ร่างกายโดนมือคู่นั้นสัมผัสกลับรู้สึกดีจนนึกเสียดายที่เป็นแค่การแสดงของคุณหมออัลฟ่า ลาซารัสเริ่มรู้ตัวแล้วว่าลึกๆในใจนั้นตัวเขาเรียกร้องให้อีกฝ่ายกระทำการล่วงเกินก่อนที่ร่างกายจะฮีทขึ้นมาเสียอีก

น้ำเสียงนั้น...สายตาคู่นั้น...มือคู่นั้น...ร่างกายของคนๆนั้น...ทุกสิ่งทุกอย่างมันวนเวียนอยู่ในหัวของเขาไม่หยุด

“อีกแล้ว…” ร่างโปร่งกอดตัวเองแน่นอย่างห้ามไม่อยู่ เขาดึงผ้าห่มมาคลุมโปงไว้และปลดกางเกงร่นลงมาพอให้มือแตะต้องสัมผัสส่วนอ่อนไหวของตัวเองได้ถนัด

“คุณหมอ…” เสียงกระเส่าเรียกคนที่เข้ามายึดพื้นที่ความคิดของตนทั้งหมด ร่างกายบิดเร้าใต้ผ้าห่มอุ่นที่กระทำการช่วยเหลือตัวเองอีกครั้ง มืออีกข้างสอดเข้าไปใต้เสื้อไล่สัมผัสร่างกายเหมือนอย่างที่โดนคุณหมออัลฟ่าปลุกเร้าก่อนหน้านี้ มือของคาเล็มที่ทั้งใหญ่และร้อนราวกับไฟ แค่โดนสัมผัสก็แทบจะหลอมละลายไปในอ้อมแขนนั้น

“คุณคาเล็ม...ผม...อะ อ๊ะ!” ดวงตาสีฟ้าหลับตาแน่น จินตนาการถึงตัวเองที่ถูกอ้อมแขนแข็งแรงนั้นโอบกอดร่างกายนี้และถูกมือคู่นั้นสัมผัสไปทุกๆที่จนไม่เหลือที่ว่าง มือที่กำลังลูบไล้แก่นกายขยับขึ้นลงเร่งให้ตนถึงจุดหมาย ก่อนที่ร่างโปร่งจะใช้มือของอีกข้างของตนเลื่อนไปแตะช่องทางนุ่มที่ชุ่มแฉะด้านหลัง นิ้วทั้งสามดุนดันและสอดเข้าไปในทีเดียว แตะต้องส่วนที่ลึกที่สุดในร่างกายของตัวเองพลางจินตนาการว่าเป็นแก่นกายของอัลฟ่าคนนั้นได้รุกล้ำเข้ามาที่ช่องทางนี้

“ฮ้ะ! อ๊ะ! คะ...คาเล็ม!” นิ้วสัมผัสโดนปุ่มกระสันด้านในอย่างรุนแรงจนผนังด้านในถึงกับตอดรัดนิ้วของตนถี่ยิบจนขยับลำบาก ริมฝีปากครางหวานร่ำร้องเรียกชื่อของคุณหมอคนนั้นจนตัวเองยังอายที่ได้ยินเสียงร้อนร่านนี้หลุดจากปากของตัวเอง ลาซารัสเร่งจังหวะปรนเปรอตัวเองทั้งด้านหน้าและหลังพร้อมๆกันจนใกล้จะถึงฝั่งฝัน

“อึ่ก! อ๊า!!” แก่นกายกระตุกพร้อมปลดปล่อยของเหลวสีขาวข้นออกมาเลอะเต็มที่นอนมากกว่าทุกครั้ง ช่องทางด้านหลังยังตอดรัดไม่หยุดจนลาซารัสต้องค้างไว้แบบนั้นถึงค่อยๆดึงนิ้วออกมาได้ ร่างโปร่งหอบหายใจหนักราวกับแข่งวิ่งมาราธอนบนยอดเขาสูง ก่อนที่ดวงตาสีฟ้าจะปรือปิดแล้วหลับไปด้วยความอ่อนล้าที่สะสมมาทั้งคืน


“นายน้อยครับ มีใครทักมาหรือเปล่า” เรนเดลที่กำลังทำความสะอาดแผลเพื่อเปลี่ยนผ้าพันแผลให้นายจ้างของตนก็สังเกตเห็นมือถือที่สั่นมากกว่าปกติอย่างต่อเนื่อง

“ริชาร์ดมั้ง เดี๋ยวค่อยโทรกลับ” คาเล็มนั่งมองหน้าจอตรวจชีพจรที่พุ่งสูงพร้อมกับสารบางอย่างที่พุ่งขึ้นรวดเร็ว จนทำให้เจ้าของมือถือรู้ได้ทันทีว่าโอเมก้าของตนทำอะไรๆไปแล้ว..

เลยเป็นความสงสัยว่า ยาต้านอาการฮีทนี้ มันก็แค่ยืดระยะเวลาออกไป กดสารที่หลั่งออกมาเพื่อกระตุ้นให้มีความตื่นตัวทางเพศไว้แล้วรอมันระเบิดออกมาหรือเปล่า?

แม้จะเพิ่งโดนสารภาพรักมาหมาดๆแต่ในหัวสมองคุณหมอกลับยังสามารถคิดงานหรือตั้งสมมุติฐานต่อได้ ...อย่างต้องการจะลืมเรื่องเมื่อครู่ไปก่อน….

“ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ?”

“ทำไมรึ”

“เห็นหน้านายน้อยดู….มีชีวิตชีวาดีน่ะครับ” เรนเดลยิ้มกริ่มอย่างเอ็นดูเพราะตั้งแต่เข้ามาก็เห็นเจ้านายของตนนั่งเงียบด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยสีแดง

“ไม่มีอะไร!” คาเล็มเผลอขึ้นเสียงทั้งที่ขาก็ยังปล่อยให้พ่อบ้านทำแผลให้ทั้งอย่างนั้น

“งั้นรึครับ น่าเสียดายๆ หึหึหึ” ชายสูงวัยกว่าหัวเราะร่วนอย่างมีความสุข ทำเอาจูเลียตเอียงคอสงสัย

ดวงตาหลังกรอบแว่นมองข้าวของไปรอบๆห้องนอน ก่อนที่สายตาจะมาหยุดอยู่ที่กรอบรูปที่โต๊ะข้างเตียง

“เรนเดล…”

“ครับนายน้อย?” มือของคนที่กำลังเก็บผ้าพันแผลลงกล่องหันมาถาม

“ฉันกำลังคิดว่า...จะจัดห้องนี้ใหม่สักหน่อย คิดว่าไง?”

“จัดใหม่?” พ่อบ้านสูงวัยอดแปลกใจไม่ได้ เพราะหลายสิบปีมาแล้วที่คาเล็มไม่ยอมให้เขาแตะต้องหรือย้ายข้าวของในห้องนี้ออกไปไว้ที่อื่น “...คิดดีแล้วเหรอครับ”

“ริชาร์ดบอกว่าให้ฉันเลิกจมอยู่กับอดีต แถมของพวกนี้มันก็ทำให้ฉันลืมโนเอลไม่ได้เลยสักวัน” มือหนาเอื้อมไปหยิบกรอบรูปของตนที่ถ่ายกับคนรักซึ่งจากไปอย่างไม่มีวันกลับมาลูบอย่างคิดคนึงหา “มันคงถึงเวลาที่ฉันต้องเริ่มต้นใหม่จริงๆแล้วล่ะ...ไม่สายไปใช่มั้ย?”

“ไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับการนับหนึ่งใหม่หรอกครับ” พ่อบ้านยิ้มให้แล้วขอตัวเอากล่องยาไปเก็บ “ถ้ายังไงจะให้ตามคุณแมทเวย์มาช่วยเก็บของด้วยมั้ยครับ ขาเป็นแบบนั้นนายน้อยอาจจะเคลื่อนไหวไม่ถนัด”

คาเล็มส่ายหน้าให้พ่อบ้านที่ดูจะรีบร้อนยิ่งกว่าตนเสียอีก “ยังไม่ต้องรีบไปตามหรอก ปล่อยให้นอนไปก่อนเถอะ”

“ครับ แล้ววันนี้คุณริชาร์ดจะมาอีกมั้ยครับ กระผมจะได้เตรียมมื้อกลางวันไว้ต้อนรับ”

“คิดว่าคงจะมาแหละ ทำเผื่อไว้ก่อนแล้วกัน”

พ่อบ้านโค้งรับคำสั่งเจ้านายก่อนจะขอตัวลงไปจัดการงานบ้านส่วนของวันนี้ พร้อมกับหันไปยิ้มให้เจ้าสี่ขา

“ท่าทางนายเราจะได้มีข่าวดีเร็วๆนี้แล้วล่ะนะจูเลียต”


“เมื่อคืนมีใครเมาอาละวาดรึไง” ริชาร์ดทำหน้างงสุดชีวิตเมื่อเห็นสภาพคนในบ้าน เพื่อนรักที่ขาพังเป็นรูและยังมีผ้าพันแผลชุ่มเลือดซิบๆอยู่บ้าง ส่วนลาซารัสก็หน้าซีดเซียวราวกับคนอดนอน เรนเดลที่ดูเหนื่อยๆเพราะวันนี้ลาซารัสไม่อยู่ช่วยงานตอนเช้าทำให้ภาระงานบ้านและดูแลสัตว์เลี้ยงกลายเป็นของเขา

“ฉันจับลาซารัสลองยา เขาเลยฮี..”

“มีเรื่องนิดหน่อยครับ!” โอเมก้าหนุ่มตอบเสียงดังกลบคำตอบของคาเล็มเสียมิด

“....เออ เอาเถอะ ยังลุกมากินข้าวอร่อยๆได้แสดงว่าอาการยังไม่แย่สินะ” เพื่อนซี้ตบบ่าหมออย่างแรงโดยมิเกรงใจว่าจะสะเทือนถึงแผล

“นายแหกตาดูสภาพสิ กว่าจะลงมากินข้าวกับแกถึงนี่มันลำบากนะว้อย” ยิ่งคาเล็มดุเพื่อนของตนมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำเอาลาซารัสตัวลีบลงเท่านั้น จนกระทั่งหมอหันมาเห็นคนข้างๆห่อตัวจนแลน่าสงสารก็ปลอบใจโอเมก้าตนอีกรอบ “ไม่ได้ว่านายซะหน่อย ไม่เห็นต้องรับไปเลย”

ริชาร์ดมองเพื่อนที่ยกแขนขึ้นลูบหัวโอเมก้าตัวน้อยในโต๊ะแล้วก็เหล่ไปหาเรนเดล..ซึ่งมองกลับมาพร้อมๆกันและยิ้มอย่างรู้กันเองสองคน ...หรือคิดไปเองก็ไม่รู้

“แล้ววันนี้จะฉลองวันแรกที่อายุ 46 ปีด้วยเรื่องอะไรดีครับผม” ริชาร์ดเท้าคางหันไปถามเพื่อนต่างวัยด้วยเสียงกวนประสาท

“จัดห้องใหม่มั้ง...มาช่วยด้วยเลยนะ”

การประกาศว่าจะจัดห้องใหม่ของคุณหมอทำเอาแขกผู้มาเยือนเบิกตากว้างอย่างประหลาดใจสุดฤทธิ์ ก่อนจะหันไปหาลาซารัสที่กำลังดูอยากช่วยคุณหมอเต็มที่โดยยังไม่เข้าใจถึงความสำคัญของมันอย่างแท้จริง

ริชาร์ดหันไปหาพ่อบ้านอีกครั้งเพื่อขอคำยืนยันในสิ่งที่เขากำลังคิด เรนเดลก็แค่ยิ้มให้แทนคำตอบ เพื่อนที่เพิ่งมาก็เริ่มคลี่ยิ้มน่าตบให้คนสองคนที่อยู่ตรงข้าม

“ยิ้มอะไรของแก น่าขยะแขยง” คาเล็มเห็นสายตาและรอยยิ้มมีเลศนัยแล้วอดขนลุกไม่ได้

“เปล๊าาา ไม่มีอะไร” ซีอีโอหนุ่มทำเสียงสูงแล้วถูมือตัวเองไปมา วันนี้เขาพร้อมที่จะเป็นพนักงานเก็บกวาดให้คุณหมอคาเล็มใช้งานฟรีๆหนึ่งวันเต็ม “อยากรู้จริงๆว่าใต้เตียงคุณคาเล็มจะมีหนังสือปลุกใจซ่อนเอาไว้รึเปล่า”

“จ้างให้ก็หาไม่เจอหรอก” คุณหมออัลฟ่าปล่อยมุขกลางโต๊ะก่อนยกกาแฟขึ้นซด แต่สิ่งที่พูดเสมือนว่าเป็นเรื่องจริงนั้นทำเอาโอเมก้าหนุ่มที่นั่งข้างๆสำลักของที่กำลังกินจนหน้าแดง


หลังทานมื้อกลางวันเสร็จทุกคนก็ขึ้นไปบนห้องนอนของคาเล็ม เรนเดลยกกล่องเปล่าเอามาใส่ข้าวของที่ไม่จำเป็นต้องเก็บไว้ เพื่อแยกไปไว้ที่โรงเก็บของหลังบ้านรอวันคัดทิ้งอีกที

ส่วนริชาร์ดนั้นกำลังสนุกกับการรื้อข้าวของมากกกว่าจะเรียกว่าช่วยคัดแยกของ จนคาเล็มต้องมาคอยคุมใกล้ๆไม่ให้เอาแต่เล่น ส่วนลาซารัสมีหน้าที่ขนกล่องที่ใส่ของจนเต็มแล้วยกไปไว้ที่โรงเก็บของที่มีแต่ของเก่าเก็บแถมฝุ่นจับและมีใยแมงมุมเกาะทั้งนั้น เรียกว่าปล่อยทิ้งไว้มานานเป็นปีๆจนดูน่าสยดสยองไม่น้อย เห็นแล้วอดไม่ได้อยากลุกขึ้นมาปัดกวาดซะให้เรี่ยมเร้เรไร

ร่างโปร่งเดินกลับขึ้นมาที่ห้อง เห็นภาพคุณหมอกับเพื่อนสนิทกำลังเถียงกันเรื่องทาสีบ้านใหม่เพราะสีเดิมมันหม่นหมองเกินไปเนื่องจากโดนทั้งแดดเลียทั้งโดนน้ำฝนมาเป็นสิบปี ทำให้บ้านหลังนี้ดูเก่าไม่น่าอยู่ ไปๆมาๆ ก็ลามไปถึงเรื่องรีโนเวทบ้านใหม่ทำตรงนั้นตรงนี้เพิ่ม

จากจัดห้อง กลายเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่…

“เนี่ย ไหนๆจะเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองทั้งที เอาสีสวยๆมาทาใหม่น่าจะดีกว่านา เฟอร์นิเจอร์บางตัวก็เกินจะเยียวยาเหลือหลาย หามาวางใหม่บ้างเหอะน่า” ริชาร์ดยังคงหว่านล้อมไม่หยุดทั้งที่มือยังคงขนเอาของใส่ลงในลังต่อเนื่อง”

“ขอโทษนะครับคุณแมทเวย์ ที่ต้องให้คุณเป็นคนเอาลังไปเก็บคนเดียว ถ้าผมยังหนุ่มกว่านี้ก็คงไม่ลำบาก..”

“ไม่เป็นไรครับคุณเรนเดล” ลาซารัสยิ้มให้ชายสูงวัยกว่าแล้วยกเอากล่องลังเล็กๆที่ถูกปิดผนึกเรียบร้อยจากพ่อบ้านไปทีเดียวสองสามลัง

“นี่ๆลาซัส ถ้าคุณหมอจะทาสีบ้านใหม่นายคิดว่าสีอะไรดีล่ะ” พอเสียงเดียวของตนไม่สามารถหว่านล้อมได้ ริชาร์ดก็หันไปเรียกพรรคพวก

“เอ๋!? ทาสีใหม่?” ร่างโปร่งที่กำลังเดินออกไปหยุดยืนมองด้วยสายตาประหลาดใจ “นั่นสินะ… ถ้าทาสีขาวคงจะสว่างขึ้น หรือสีครีมอ่อนๆก็อบอุ่นดีนะครับ”

โอเมก้าผู้แสนซื่อนึกว่าคุณหมอจะทาสีใหม่จริงก็เลยออกความเห็นเต็มที่ทั้งรอยยิ้มยินดี จนคนที่ทีแรกจะไม่ยอมรับข้อเสนอของเพื่อนชักเริ่มโดนรอยยิ้มดวงตะวันนั้นสะกดจิตเอาเสียแล้ว.. ร่างโปร่งเดินเอาของไปเก็บตามหน้าที่ต่อหลังจากมั่นใจว่าได้ช่วยเหลือคุณหมอไปนิดหน่อยแล้ว ทว่ามันกลับไปช่วยให้ริชาร์ดชักจูงเจ้านายตนได้ง่ายขึ้นซะมากกว่า..

“แล้วไง เจ้าหนูนี่ช่วยละลายหัวใจน้ำแข็งคุณหมอเหรอครับ” แต่แทนที่จะใช้เหตุการณ์ที่เป็นต่อมาพูดโน้มน้าว เพื่อนแสนดีคนนี้กลับอยากกินเผือกเลยแซวคาเล็มด้วยเสียงเบา

อัลฟ่าสูงวัยกระทุ้งศอกใส่เพื่อนทีหนึ่งซะเต็มแรง แต่มันก็ใช้แทนคำตอบได้เป็นอย่างดี คาเล็มเร่งรีบเก็บของต่อแต่ก็ชะงักมือเมื่อเห็นกรอบรูปบนชั้นวางของข้างเตียงที่เดิม เขาหยิบมันขึ้นมาดูด้วยความรู้สึกหลากหลาย ริชาร์ดจ้องมองเพื่อนอยู่นานว่าจะทำอย่างไรต่อแต่ก็ไม่เห็นว่าคุณหมอจะขยับเสียทีจึงเดินมากอดคอคนอาลัยอาวรณ์

“นายลืมเค้าไม่ได้หรอก...ฉันไม่ได้บอกให้ลืมด้วย…” ริชาร์ดพูดเสียงเบาและจริงจังกว่าปกติที่เจ้าตัวเป็น “นายแบกมันไว้ได้ นายคิดถึงโนเอลได้...เพียงแต่…อย่าให้มันทำให้นายขังตัวเองไว้กับอดีตสิ”

“...”

“นายไม่คิดจะให้โอกาสตัวเองเจอรักใหม่เลยรึไง”

คาเล็มมองเพื่อนรักข้างๆด้วยหางตา มือที่ถือกรอบรูปนั้นสั่นเล็กน้อยด้วยภาวะอารมณ์ที่ถาโถมราวกับพายุในอก แต่เมื่อได้ยินเสียงสดใสดังโวยวายมาจากนอกหน้าต่าง เขาทั้งคู่รวมทั้งเรนเดลก็หันไปมอง ลาซารัสยืนอยู่ตรงสวนหลังบ้านที่ซึ่งสามารถมองเห็นได้พอดิบพอดีจากห้องของคาเล็ม

“คุณหมอคร้าบบบ! ดูนี่สิ ดอกทานตะวันในสวนมันบานแล้วน้าาา” โอเมก้าหนุ่มโบกมือระรัวให้ทั้งสามคนด้านบน รอบๆเขาคือสวนดอกทานตะวันกว้างกินพื้นที่สวนหลังบ้านไปเสียเยอะ เหล่าลูกน้องพลพรรคขนปุยก็วิ่งเล่นในสวนกันสนุกสนานจนน่าเอ็นดู “วันนี้ไม่ได้ลงมาดูเลยอ่ะ เพิ่งเห็นว่าบานหมดแล้ววว”

รอยยิ้มแสนสดใสของโอเมก้าในครอบครองกับท่าทางที่กระฉับกระเฉงผิดกับวิสัยคนนอนไม่พอนั้นทำเอามือของคาเล็มที่ถือกรอบรูปอยู่หยุดสั่นลงตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ ริชาร์ดจับสังเกตได้ก็เลยหันไปมองหน้าเพื่อนรักแล้วต้องประหลาดใจที่ตอนนี้มีรอยยิ้มจางประดับไว้ที่มุมปากของคุณหมออย่างไม่เคยเป็นมาหลายปี

“วันนี้พระอาทิตย์แยงตาดีเนอะ แสบตาไปหมดแล้วเนี่ย” เพื่อนรักเอ่ยแซวและผละตัวไปเก็บอย่างอื่นเพราะท่าทางจะไม่ต้องช่วยปลอบใจอะไรคาเล็มแล้วกระมัง


ผ่านไปเกือบสองชั่วโมงหลังจากขนย้ายเอาของที่ไม่ใช้แล้วออกไปจากห้องนอนเสร็จก็มานั่งพักทานของว่างพลางคุยเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อยนอกเหนือจากเรื่องบ้าน

“โห! นายอ่านงานวิจัยของคาเล็มรู้เรื่องด้วยเหรอเนี่ย” เพื่อนอัลฟ่าของหมอถามปนแซวหลังจากที่รู้ว่าลาซารัสไปศึกษาเรื่องนี้มาเพื่อช่วยงานของคาเล็ม

ร่างโปร่งหัวเราะจนแก้มมีสีระเรื่อเล็กๆ เพราะหลังจากที่อ่านงานวิจัยก็ดันมีเรื่องหลังจากนั้นต่อ ทำให้ต้องหาเรื่องอื่นมาเปลี่ยนหัวข้อสนทนาแทน

“เอ่อ...ปกติคุณริชาร์ดชอบไปเที่ยวที่ไหนเหรอครับ? ปีนเขา ตีกอล์ฟ หรือไปดำน้ำอะไรงี้”

“เที่ยวกลางคืนน่ะ” ตอบหน้าตาเฉยขณะที่กำลังกัดแซนวิชคำโต ส่วนคนถามถึงกับหน้าชาเพราะผิดความคาดหมาย แต่ก็คงเป็นเรื่องปกติของคนรวยล่ะนะ

“ยังเที่ยวอยู่อีกเรอะ นึกว่าตั้งแต่โดนมอมเหล้าจนเกือบโดนลากไปกินคิดว่านายจะเลิกไปแล้วซะอีก”

“แหม...มันก็มีบ้าง ไอ้ฉันมันต้องไปเลี้ยงสังสรรค์กับลูกค้าเพื่อเจรจาธุรกิจนี่นา ไหนจะโดนเชิญไปงานเปิดตัวที่นู่นที่นี่ ถึงตอนนี้ฉันจะโยกหน้าที่เลี้ยงรับรองให้คนอื่นทำแทนไปแล้วก็เถอะ” ซีอีโออัลฟ่าเล่าพลางบ่นกลายๆ กับงานที่รัดตัวแน่นจนอึดอัดไปหมด “นี่ๆ ไว้ว่างๆพวกเราไปเที่ยวบ่อน้ำร้อนกันมั้ย หรือจะไปตั้งแคมป์บนเขากันดี”

“ว่างรึไงฮึพ่อซีอีโอ” คาเล็มอดไม่ได้ที่จะแขวะเพื่อนรักเบาๆ

“ก็อยากไปอ่ะ ไปเป็นเพื่อนกันหน่อยเซ่” ริชาร์ดนอนกลิ้งไปมาเหมือนเด็กร้องจะเอาของเล่น

“ถ้าว่างๆจะไปด้วยนะ” คาเล็มตอบด้วยเสียงเรียบนิ่ง ยังไงเขาก็คิดว่าคนชวนไม่มีเวลาว่างหรอก…

“บ่อน้ำร้อน...ภูเขา…” โอเมก้าหนุ่มตาเป็นประกายอยู่ลำพัง ท่าทางอยากจะไปจนออกนอกหน้า เหมือนที่ใดๆในโลกก็ดูจะน่าตื่นตาสำหรับเขาไปซะหมด

“เดี๋ยวจบงานแต่งที่ฉันจะไปเดือนหน้าเราไปเที่ยวทะเลแทนมั้ย!? หน้าร้อนงี้มันต้องทะเลสิ” ริชาร์ดเสนอโดยหันไปหว่านล้อมคนตัวเล็กกว่าแทน…

“เอ๋!? ทะเล!!?” หากมีหางคงกระดิกให้คนถามไปแล้ว..

“ค่อยดูอีกที” คุณหมอคว้าเอาหัวของโอเมก้าของตนให้หยุดยื่นไปหาเพื่อนรักอย่างต้องการจะไปเที่ยวราวเด็กๆ นี่เขาเป็นพี่เลี้ยงหรือไงนะ

“แล้วคุณหมอมีอะไรถึงคิดจะเก็บห้องที่ไม่ได้เก็บมาน๊านนานนั่นล่ะครับ” ความสนิทที่เพิ่มขึ้นของเพื่อนซี้และโอเมก้าของเขาทำให้อดที่จะแหย่คุณหมอเล่นไม่ได้

คาเล็มชะงักจากการกินแล้วนั่งนึกคำตอบอยู่นานผิดปกติ ยิ่งโดนสายตาสงสัยจากร่างโปร่งข้างๆจ้องมาหาอย่างซื่อๆเพราะต้องการจะทราบด้วยแล้วยิ่งทำคุณหมออัลฟ่ากระอักกระอ่วน

“ห้องมันรกก็ต้องเก็บสิ แปลกตรงไหนกัน” แซนวิชในมือถูกยัดเข้าปากโดยเร็วเพื่อไม่ให้ปากว่างตอบคำถามนั้นต่อ

“คร้าบบบ จะพยายามเชื่อก็แล้วกัน” ริชาร์ดบิดขี้เกียจก่อนจะหันไปตบไหล่โอเมก้าหนุ่มเบาๆ “ขอบใจนะลาซัส”

“เอ๋? เรื่องอะไรเหรอครับ?” ดวงตาสีฟ้างงตึ้บที่จู่ๆก็โดนเพื่อนรักคุณหมอกล่าวคำนี้

“ก็แค่อยากพูดน่ะ ป้ะ! ลุยกันต่อ!” ซีอีโอหนุ่มลุกยืนขึ้นพร้อมหมุนไหล่และคออย่างพร้อมจะลุยงานต่อ “อ้อ!คาเล็ม นายนั่งไม่ต้องรีบมาก็ได้ นั่งพักขาไปก่อนเถอะ ลาซัสนายก็ด้วยนะ เดินขึ้นเดินลงยกของอยู่คนเดียวคงจะล้า พักให้หายเหนื่อยก่อนซะล่ะ”

“ผมยังไหวครับ” คนที่หนุ่มที่สุดในที่นี้กล่าวแล้วก็หันไปบอกพ่อบ้านให้พักอยู่ตรงนี้กับเจ้านาย เดี๋ยวที่เหลือเขาจะช่วยจัดการแทนเอง แล้วร่างโปร่งก็เดินเร็วๆตามหลังริชาร์ดไปติดๆ

“บอกเจ้าตัวไปสักหน่อยก็ได้นี่ครับ” เรนเดลรินกาแฟใส่ถ้วยของเจ้านายเพิ่มให้

“...อยู่ต่อหน้าเจ้าริชาร์ดใครมันจะกล้าพูด เดี๋ยวก็โดนมันแซวสนุกปากอีก” ดวงตาหลังกรอบแว่นพูดแล้วหันหน้ามองไปทางอื่น

“เขินสินะครับนายน้อย” ผู้สูงอายุเอามือป้องปากแล้วเอ่ยเสียงเบา

“นายก็เป็นไปกับเค้าด้วยเรอะเรนเดล!”



(ยังมีต่อ)

ออฟไลน์ pichi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • PICHI Otakura

ข้าวของส่วนใหญ่นั้นคาเล็มได้คัดแยกไว้แล้วเก็บลงกล่องไปเสียหมดแล้ว เหลือแค่จัดให้เรียบร้อยแล้วนำไปเก็บเท่านั้น เพราะงั้นแค่จัดการปิดปากกล่องแล้วยกไปที่โรงเก็บของก็พอแล้ว ทั้งริชาร์ดและลาซารัสจึงช่วยกันแพ็คกล่องอยู่บนห้องนั้นให้หมดไปแล้วจึงจะยกลงไปทีเดียว

“ฝุ่นเยอะชะมัดเลย เดี๋ยวเก็บหมดคงต้องทำความสะอาดสักหน่อยล่ะ” เห็นแบบนี้แต่ริชาร์ดก็แอบรักสะอาดอยู่บ้าง ข้าวของที่วางไว้ที่เดิมไร้การจับต้องทำให้ฝุ่นจับจนหนา จะหยิบอะไรก็มีละอองฝุ้งกระจายไปหมด

“แบบนี้คงจะป่วยง่ายแน่ๆเลย” ลาซารัสจามไปหลายครั้งจากฝุ่นพวกนั้น

“ก็ไม่เคยเห็นมันป่วยนะ”

โอเมก้าหนุ่มแอบยิ้มก่อนจะสะดุดกับกล่องๆหนึ่งที่มีกรอบรูปของคุณหมอใส่อยู่ รูปคาเล็มกับคนรักที่ยืนคู่กันวางแอบไว้ที่มุมของกล่อง ชายหนุ่มจึงหยิบขึ้นมาดูเพราะเห็นว่าเจ้าของของมันไม่ได้อยู่บนห้อง

“เขาชื่อโนเอลน่ะ” ริชาร์ดเห็นโอเมก้าตัวน้อยจ้องมองรูปนั้นนิ่งก็เลยอธิบาย “คาเล็มคงไม่ได้บอกนายใช่มั้ยล่ะ”
ลาซารัสส่ายหน้าช้าๆ “เขาดูไม่ค่อยเหมือนโอเมก้าเลย..”

“นายก็เหมือนกันแหละ” อัลฟ่าตรงหน้ายิ้มให้แล้วยื่นมือมาขยี้หัว “หึงเหรอ”

“เปล่าครับ!” ร่างโปร่งเผลอพูดเสียงดังแล้วนั่งลงกับพื้นข้างๆกล่องที่กำลังเก็บ “จริงๆผมก็รู้ชื่อของเขาแล้ว”

“หือ?” คนสูงวัยกว่าเบิกคิ้วสงสัย

“ผมเห็นชื่อเขากับรูปถ่ายในงานวิจัยของคุณหมอ..หลายฉบับเลยครับ” ลาซารัสมองคนในรูปตาเป็นประกายราวกับกำลังชื่นชมมากกว่า “เขาเก่งมากๆเลย ช่วยให้งานคุณหมอก้าวหน้ามาได้ตั้งเยอะ”

“ก็นะ...ถ้าไม่ใช่เพราะโนเอล คาเล็มก็คงไม่เริ่มหันมาวิจัยเรื่องโอเมก้าอย่างจริงจังหรอก” ริชาร์ดดึงเทปกาวปิดปากกล่องไปเล่าไปพลาง “โนเอลน่ะเป็นทั้งรุ่นพี่ที่มหา’ลัย เป็นทั้งเพื่อนร่วมงาน และคนรักของคาเล็มในเวลาเดียวกัน บ้านหลังนี้เองแต่เดิมก็เป็นบ้านที่พวกนั้นตั้งใจจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่านั่นแหละ ถ้าฉันจำไม่ผิดล่ะก็นะ”

แม้จะพูดเหมือนไม่แน่ใจแต่ลาซารัสก็รู้สึกว่าริชาร์ดนั้นจำได้แม่นกว่าที่เจ้าตัวคิดเสียอีก

“นี่ลาซัส ฉันถามตรงๆเลยนะ นายอยากเป็นโอเมก้าของคาเล็มรึเปล่า ฉันหมายถึง...นายอยากเป็นคู่ของหมอนั่นรึเปล่า”

“อ่ะ...เอ่อ คือว่า…” ร่างโปร่งหน้าขึ้นสีลนลานกับคำถามที่จ่อตรงประเด็นเหมือนพวกดารานักแสดงที่โดนนักข่าวสัมภาษณ์ “คือผมก็...ไม่ได้รังเกียจคุณหมอหรอกนะครับ”

“งั้นฉันจะถือว่านายอยากเป็นคู่ของคาเล็มเลยก็แล้วกัน” ริชาร์ดสรุปเอาเองเสร็จสรรพก่อนดึงลาซารัสเข้ามาคุยใกล้ๆ กลิ่นฟีโรโมนอัลฟ่าของอีกฝ่ายทำเอาโอเมก้าหนุ่มสัมผัสได้แต่ยังไม่ทำให้รู้สึกได้มากเท่าตอนอยู่ใกล้หมอคาเล็ม “ถ้านายไม่อยากตกไปเป็นโอเมก้าของคนอื่นเหมือนโนเอล นายต้องพยายามทำให้คาเล็มตีตราเป็นเจ้าของนายให้ได้”

“คุณ...หมายความว่ายังไงครับ?”

“ฉันก็บอกนายอยู่นี่ไงเจ้าหนู โนเอลน่ะกลายเป็นของอัลฟ่าคนอื่นเพราะคาเล็มดันหัวรั้นไม่ยอมตีตรา สุดท้ายหมอนั่นเลยต้องเสียคนรักของตัวเองไป แล้วหลังจากนั้นโนเอลก็…”

ซีอีโอหนุ่มเอามือปิดปาก ดูเหมือนเขาจะเผลอพูดมากเกินไปแล้ว แต่ลาซารัสก็พอจะคาดเดาได้เพราะรู้ว่าโอเมก้าคนรักของคาเล็มเสียไปนานแล้ว เพียงแต่ไม่รู้รายละเอียดหลังจากนั้น

“แล้ว...คุณโนเอลเขาเสียไปเพราะอะไรเหรอครับ?” โอเมก้าหนุ่มลองถามไปเพราะอยากรู้จริงๆ ริชาร์ดเงียบไปครู่หนึ่งและกำลังชั่งใจว่าจะบอกดีมั้ย แต่พอคิดๆดูแล้วเขาควรจะบอกเรื่องนี้ให้ลาซารัสรู้ไว้จะดีกว่า

“เรื่องนี้ฉันเองก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่...แต่อย่างน้อยๆถ้าฉันบอกไปนายจะได้ระวังตัวไว้”

“เอ๊ะ?” ลาซารัสงงกับคำพูดของริชาร์ด หรือการจากไปของโนเอลจะเป็นเรื่องใหญ่กว่าที่เขาคิด

“โนเอลเคยพยายามหนีจากอัลฟ่าที่เป็นเจ้าของเพื่อจะกลับมาหาคาเล็มอยู่หลายครั้ง แต่ไม่เคยสำเร็จ พอช่วงหลังๆก็ไม่มีใครได้ข่าวโนเอลอีกเลย จนกระทั่ง...”

ลาซารัสฟังเงียบๆ หัวใจเหมือนถูกบีบจนหายใจลำบาก เมื่อริชาร์ดเล่าว่างานศพของโนเอลถูกจัดขึ้นอย่างเงียบๆ มีคนรู้อยู่แค่ไม่กี่คน กว่าคาเล็มจะรู้ข่าวนี้ก็ผ่านไปหลายสัปดาห์แล้ว

พอถามไปยังผู้เกี่ยวข้องต่างก็บอกว่าโนเอลเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ แต่ก็มีข่าวลือว่าโนเอลฆ่าตัวตาย ความจริงของเรื่องนี้เป็นยังไงไม่มีใครกล้าออกมาพูดโต้แย้งเลย คาเล็มเองก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเป็นคนนอก 

“คุณโนเอล..” ลาซารัสหดหู่กับการจากไปอย่างมีเงื่อนงำนี้จนคอตก

“เล่าให้ฟังไว้ระวังตัวไม่ใช่ให้มาเศร้านะ” ร่างสูงที่กอดคออยู่ตบบ่าอย่างแรงจนคนโดนแทบทรุด

“ระวังตัว..?” ร่างโปร่งเงยหน้ามาถามพลางลูบไหล่ข้างที่โดนตบจนไหล่แทบหลุด

“อย่างที่รู้ว่างานของคาเล็ม..เป็นได้แค่ของที่ขายกันอย่างผิดกฎหมาย.. แต่นั่นเพราะมีคนจำนวนหนึ่งที่ไม่อยากให้มันถูกกฎหมาย” ริชาร์ดเริ่มทำเสียงขรึมอีกรอบ “พวกเขาอยากให้โอเมก้าเป็นแค่...นั่นแหละ อย่างที่เรารู้กันอยู่”

ลาซารัสเงียบฟังคนข้างๆ ความเชื่อที่เขาโดนยัดฝังหัวมาเริ่มเสื่อมศรัทธาลงตั้งแต่ได้รับการปฎิบัติตัวจากคนรอบตัวที่แตกต่างจากสิ่งที่ได้ยินมาอย่างกับหนังคนละม้วน

“ตอนนี้เรื่องยาของคาเล็มยังถกกันอยู่ในศาล หลายปีแล้วล่ะ เพราะคนสนับสนุนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่พอจะสู้กับคนที่คัดค้าน”

“ทำไมล่ะครับ?”

“เพราะผลเสียที่คนพวกนั้นโจมตีมามันยังเป็นเรื่องจริงน่ะสิ..” ริชาร์ดหลุบตาลงต่ำ โอเมก้าหลายตนที่อยากมีชีวิตอย่างปกติสุขและออกมาเดินเหินได้อย่างอิสระจำเป็นต้องใช้ยาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน กระทั่งเกิดโรคต่างๆตามมา หรือหนักสุดก็ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนจนเสียชีวิต ซึ่งจากการชันสูตรล้วนเป็นเพราะยาอย่างแน่นอน..

“...” ลาซารัสนึกถึงยาที่ตนได้ใช้มาบ้างในช่วงชีวิตที่ผ่านมา เขาไม่ค่อยได้ออกไปไหนอยู่แล้วจึงไม่ได้ใช้เยอะขนาดนั้น รู้สึกโชคดีขึ้นมานิดหน่อย…

“แต่ก็นะ ถ้าพวกอัลฟ่าบ้าอำนาจพวกนั้นลดการกดขี่โอเมก้าลงบ้างแล้วมองๆกันในฐานะมนุษย์เหมือนกัน...ยาก็แทบไม่ต้องใช้แล้ว” คุณเพื่อนพ่นลมหายใจฮึดฮัดอย่างไม่พอใจจนใบหน้าดูตลก “เพราะงั้น...พวกนั้นน่ะ...เลยหันมาใช้วิธีสกปรกโจมตีคาเล็มตรงๆ...เพื่อให้เค้าไม่สามารถวิจัยต่อได้ไง”

ยิ่งได้รู้ความจริงที่ริชาร์ดเล่ามากเท่าไหร่ ลาซารัสก็ยิ่งรู้สึกว่าเรื่องเหล่านี้มันหนักหนาไม่ใช่เล่นๆเลย คนๆนั้นต้องต่อสู้มามากแค่ไหน ต้องเจอเรื่องอะไรมาบ้าง เพื่อที่จะช่วยเหลือพวกโอเมก้าที่เป็นส่วนน้อยอย่างเขา ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องที่อัลฟ่าอย่างคุณหมอจะต้องมาลำบากลำบนเผชิญเรื่องเสี่ยงอันตราย แต่เขาก็ยังคงทำในสิ่งที่เชื่อมั่นว่ามันคือความหวังให้พวกโอเมก้าได้ลืมตาอ้าปากในสังคมโดยไม่ต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ ให้ใครมาครอบครองหรือบงการชีวิต

“ผมจะทำอะไรเพื่อคุณหมอได้บ้างมั้ยนะ…”

“ได้สิ แค่นายคอยอยู่ข้างๆและเป็นกำลังใจให้คาเล็มก็พอ” มือหนาบีบบ่าร่างโปร่งหวังให้กำลังใจอีกฝ่าย “อาจจะฟังดูเหมือนจะเป็นเรื่องเล็กแต่ที่จริงแล้วมันสำคัญมากๆเลยนะ”

ลาซารัสเงยหน้ามองริชาร์ดแล้วพยักหน้าให้ “ผมจะพยายามครับ แล้วก็...ขอบคุณนะครับที่เล่าให้ฟัง คุณริชาร์ดเองก็ชอบคุณหมอเพราะแบบนี้สินะครับ”

ซีอีโอหนุ่มชะงักไปนิดหนึ่งเมื่อถูกพูดแทงใจตรงๆ มือที่บีบบ่าเปลี่ยนมาเป็นเกาหัวตัวเองแก้เขิน “รีบๆทำงานกันต่อเถอะ เดี๋ยวจะมืดค่ำซะก่อน” เปลี่ยนเรื่องแล้วหันไปปิดเทปกาวที่กล่องต่ออย่างขะมักเขม้น

“ครับ!”


การขนย้ายและทำความสะอาดทุกอย่างเสร็จทันก่อนตะวันตกดิน ทว่าเรี่ยวแรงที่แทบไม่เหลือทำเอาแต่ละคนอ่อนล้าไปกันหมด โดยเฉพาะคุณหมอที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกับพ่อบ้านที่ใช้แรงเกินสังขาร สองคนนั้นต่างก็สลบเหมือดแน่นิ่งไปแล้วทั้งคู่

“หิวจัง…” ส่วนริชาร์ดก็มานั่งลูบท้องข้างๆสมุนปุกปุยที่พากันวิ่งบ้างกระโดดบ้างทำเหมือนเขาเป็นเพื่อนเล่น ทั้งๆที่ไม่มีแรงแม้แต่จะกระดิกนิ้วขึ้นมาแล้วด้วยซ้ำ รู้งี้เชื่อฟังที่คาเล็มบอกให้รู้จักออกกำลังกายซะก็ดี “ลาซัส...มีอะไรกินบ้างมั้ย?”

“เอ่อ…” โอเมก้าหนุ่มเปิดหาของกินในตู้เย็น ตาสีฟ้าหันไปมองเรนเดลที่สลบไปตั้งแต่ก่อนหน้าจนไม่ได้เตรียมแม้แต่อาหารเย็นไว้เลย “มีแต่อาหารของคุณหมอที่ซีลเก็บไว้หลายมื้อ แต่คิดว่าน่าจะเอามาอุ่นกินได้นะครับ”

“อะไรก็ได้ตอนนี้ ฉันหิวจนจะกินช้างได้ทัังตัวแล้ว…” ซีอีโอหนุ่มเปรียบเปรยความหิวของตน

“คุณริชาร์ดเคยเห็นช้างด้วยเหรอครับ?” ร่างโปร่งทยอยหยิบอาหารมาแกะห่อแล้วนำไปเข้าเตาไมโครเวฟและหันมาถามด้วยความอยากรู้

“อื้อ...เคยเห็นตอนไปสวนสัตว์น่ะ ตัวใหญ่เท่านี้...” ริชาร์ดกางแขนออกก่อนจะปล่อยตกเพราะค้างไว้ไม่ไหว “ถ้านายสนใจไว้ฉันจะพาไปดูเอามั้ย?”

“พรุ่งนี้แกทำงานไม่ใช่เรอะ” เสียงทุ้มแทรกขัดบทสนทนา คาเล็มยันตัวเองขึ้นจากเก้าอี้เพื่อจะลุกไปเข้าห้องน้ำ แต่ขาก็สั่นจนแทบยืนตัวตรงไม่ได้ ไหนจะเจ็บขาข้างที่เอาปากกามาแทงตัวเองอีก

“ไล่แต่คนอื่นให้ไปออกกำลัง นายก็เหมือนกันนั่นแหละ” ริชาร์ดหัวเราะให้กับท่าทางของหมอที่ดูเก้กังในการเดินสุดๆ และแม้ว่าคาเล็มจะส่งสายตาเชือดเฉือนมาเท่าไหร่เพื่อนรักก็ไม่ยอมหยุดขำเสียงดัง

“ให้ผมช่วยมั้ยครับ” ลาซารัสเสนอตัว ทำไมกลายเป็นว่าเขาเป็นคนที่ยังมีแรงเดินอยู่คนเดียวนะ

“อุ่นข้าวให้ริชาร์ดไปเหอะ ฉันไปเองได้”

“ถ้าแค่อุ่นอาหารล่ะก็ผมยังทำได้นะครับ” เรนเดลค่อยๆลุกจากโซฟามาทำหน้าที่แทน

กลายเป็นว่าลาซารัสต้องพยุงหมอให้ไปเข้าห้องน้ำ หลังก็ยังไม่หายดี ขายังมาเจ็บต่ออีก อะไรจะซวยได้ขนาดนี้… เมื่อมาถึงหน้าห้องน้ำคาเล็มก็ขอเข้าไปเอง ซึ่งโอเมก้าหนุ่มก็เข้าใจดีว่ามันคงไม่ค่อยสมควรเท่าไหร่ ก็เลย…

“ขอบใจนะจูเลียต” คาเล็มต้องกึ่งหมอบคลานเกาะจูเลียตเข้าไปและออกมาจากห้องน้ำแทน… ลาซารัสยืนมองภาพเจ้านายตนสภาพนี้ด้วยสายตาไม่อาจจะบรรยายได้…

“ยืนทำอะไรอยู่ล่ะ” คุณหมอเรียกสติคนเหม่อให้มาพยุงตัวเองกลับขึ้นไป ซึ่งยากกว่าพาลงไปเยอะ…

“ตัวคุณหมอหนักจัง..” เห็นตัวต่างกันไม่มากก็นึกว่าจะพอๆกัน ลาซารัสแอบจะเสียหลักอยู่หลายครั้งเมื่ออีกคนจำเป็นต้องโถมน้ำหนักตัวใส่เขาแทบทั้งหมด แต่ขนาดตัวตอนวัดเพื่อตัดสูทก็บ่งบอกอยู่แล้วล่ะนะว่าตัวหนาผิดกันขนาดไหน

“..เพิ่งเคยเห็นนายบ่นนะเนี่ย” คาเล็มเลิกคิ้วแปลกใจที่โอเมก้าที่ดูสบายๆในทุกเรื่องและแสนจะขี้เกรงใจออกปากมาแบบนี้

“เอ๊ะ!? ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ” ลาซารัสรีบขอโทษเพราะเพิ่งรู้ตัวว่าเผลอพูดอะไรไป

“ไม่เห็นเป็นไร ไม่ใช่พระอิฐพระปูนนี่ มันก็ต้องมีบ้างแหละ” มือหนาข้างที่ว่างยกขึ้นลูบหัวอีกฝ่าย

ลาซารัสยิ้มกว้างออกมา ท่าทางของคุณหมอดูผ่อนคลายและเป็นกันเองมากขึ้น ด้วยสาเหตุอะไรนั้นเขายังไม่แน่ใจ แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน…

คาเล็มปล่อยมือออกแล้วแอบหันหน้าไปทางอื่นเพราะทนมองใบหน้านั้นนานๆไม่ไหว “ว่าแต่นายน่ะ...ไม่เหนื่อยบ้างเรอะ เท่าที่ดูแล้วนายใช้แรงงานเยอะที่สุดเลยนะวันนี้”

“อ๋อ สงสัยเพราะผมยังหนุ่มอยู่ล่ะมั้งครับก็เลยฟิตกว่านิดหน่อย แหะๆ” ร่างโปร่งถือโอกาสแอบยอตัวเองนิดหน่อย และดีใจด้วยที่วันนี้ได้ทำตัวมีประโยชน์กับคุณหมอ “แล้วเรื่องทาสีบ้านใหม่คุณหมอจะเอายังไงต่อเหรอครับ?”

“อันนั้นคงต้องเรียกช่างให้มาจัดการล่ะนะ แต่คงมีอะไรๆให้ทำอีกเยอะ ต้องค่อยๆคิดกันไป” คาเล็มเริ่มคิดแผนการจัดบ้านใหม่ในอนาคต ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ได้ทำมานานมากแล้วเพราะมัวแต่ยุ่งอยู่กับงานจนไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้มาเป็นสิบปี “นายล่ะอยากได้อะไรมั้ย ท่าทางจะต้องติดอยู่กับฉันอีกนาน ถ้ามีก็บอกมาเลย”

“อา...คือ” ร่างโปร่งหยุดเดินอยู่ที่กลางบันไดให้ตัวเองได้ตั้งหลักและพยุงคุณหมอขึ้นไปต่อ “...ผมคิดว่า ต่อไปถ้าเจ้าพวกนั้นตัวโตขึ้นคงเลี้ยงไว้ในบ้านไม่ได้แน่ๆ ถึงจะมีเจ้าพวกตัวเล็กมากกว่าก็เถอะ แต่ก็อยากจะทำฟาร์มให้พวกมันน่ะครับ”

คุณหมออัลฟ่าพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “จริงสินะ ทุกวันนี้เดินไปตรงไหนก็มีเจ้าพวกก้อนขนเดินพันแข้งพันขาตลอด ทำฟาร์มแยกไว้แบบนั้นก็ดีเหมือนกัน”

คุยไปเรื่อยๆ ในที่สุดลาซารัสก็พาคุณหมอก้าวขึ้นมาจนถึงชั้นบนได้ รู้สึกว่าเป็นการเดินขึ้นบันไดที่ยาวนานที่สุดที่เท่าเคยทำมา ขนาดคนที่โดนแบกยังรู้สึกเหนื่อยแทน

“แผลจะหายทันก่อนถึงวันไปงานแต่งมั้ยครับ เป็นแบบนี้คุณหมอเดินลำบากแย่เลย” โอเมก้าหนุ่มแสดงความเป็นห่วง คาเล็มเอามือจับขาตัวเองที่เริ่มปวดอีกครั้ง

“นั่นสินะ ชักอยากจะเปลี่ยนใจไม่ไปแล้วเหมือนกัน ไหนจะเรื่องของนายอีกคน”

“คุณหมอไม่อยากให้ผมไปด้วยขนาดนั้นเลยเหรอครับ...” ลาซารัสหน้าเจื่อนลงพอคิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุของหลายๆเรื่อง

“อืม...เพราะฉันเป็นห่วงนาย แต่ว่า...ถ้าไม่ไปก็ไม่มีโอกาสได้ใส่ชุดที่นายอุตส่าห์ตัดให้น่ะสิ ไม่ค่อยมีใครชวนฉันออกงานบ่อยนักหรอก” ประโยคแรกทำเอาลาซารัสเผลอดีใจจนหน้าแดง

“แสดงว่าผมไปได้จริงๆแล้วใช่มั้ยครับ!”

“ใช่ แล้วอีกอย่าง...สภาพเป็นแบบนี้ ถึงฉันจะไม่อยากให้นายไปแล้วแต่ก็คงต้องให้นายฝืนไปช่วยพยุงด้วยอยู่ดีล่ะ”

“ได้เลยครับ” ลาซารัสยิ้มกว้างอย่างยินดี จนลืมเรื่องที่ต้องไปเจออัลฟ่าเป็นกองทัพไปเสียสนิท ทั้งสองคนเดินกลับไปที่ห้องอย่างไม่รีบร้อนและพักรอจนกระทั่งถึงเวลาอาหารเย็นสุขสันต์.. ท่าทางวันนี้ริชาร์ดต้องกลับดึกเสียหน่อยซะแล้ว…



(ยังมีต่อ)

ออฟไลน์ pichi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • PICHI Otakura
“แผลเป็นยังไงมั่งครับ” ลาซารัสถามขณะที่สวมสูทชุดใหม่ฝีมือเขาเองให้กับเจ้านายของตนที่ตอนนี้ดูจะเดินได้เองบ้างแล้ว แต่ยังไม่สามารถเดินเร็วหรือเดินนานๆได้เท่าใดนัก

“ดีขึ้นเยอะแล้ว ไม่ต้องพยุงตลอดเวลาก็ได้..” คาเล็มจัดแจงชุดให้เข้าที่และลูบผมเสยขึ้นไปอย่างที่ลาซารัสทำให้ในวันนั้น ร่างโปร่งมองตามแล้วแอบใจเต้นกับลุคของคุณหมอตอนนี้เอามากๆ

วันงานมาถึงอย่างรวดเร็ว ลาซารัสรู้สึกเหมือนเพิ่งจะรู้เรื่องนี้ไม่นานแท้ๆ แต่อาจจะเพราะข่าวที่สื่อช่วยกันประโคมทำเอาแต่ละวันแทบจะรู้ความเคลื่อนไหวของสองบ่าวสาวทุกฝีก้าว.. คาเล็มหันไปมองโอเมก้าในครอบครองของตนที่อยู่ในชุดสูทเรียบร้อยสีน้ำเงินเข้ม “ไม่มี...ที่เด่นน้อยกว่านี้แล้วเหรอ”

“เอ๋? นี่ก็ธรรมดาสุดๆแล้วนะครับ” ร่างโปรงเสียความมั่นใจไปเล็กน้อยเพราะไม่สามารถทำตามที่เจ้านายสั่งได้ แต่คาเล็มก็รู้ดีว่าที่มันยังคงดูสะดุดตาอยู่ไม่ใช่เพราะชุดหรอก..

“ปลอกคอล่ะ?”

“อ่ะ อยู่นี่ครับ” ลาซารัสหยิบมันขึ้นมา เป็นปลอกคอสีดำด้านที่ไม่เด่นมากสลักลายวิจิตรสีทองไว้เพียงเล็กน้อย หรูหราแต่ไม่เด่นจนเกินไป “ใส่ไว้เลยสินะครับ”

“อื้อ” ร่างสูงหยิบมันจากมืออีกคนแล้วจับร่างโปร่งหันหลังให้ตนก่อนจะบรรจงใส่มันให้เองกับมือ ชายหนุ่มที่โดนเจ้าของใส่ปลอกคอให้มันชวนให้รู้สึกอีโรติกยังไงก็ไม่รู้.. สีแดงจางแต้มพวงแก้มคนคิดเลยเถิด ดีที่กินยาต้านอาการฮีทไปแล้ว ไม่งั้นเขาคงไม่รอด… “พกขวดยาไปด้วยล่ะ”

“ครับผม”

ทั้งสองคนเดินออกจากบ้านโดยมีเรนเดลยืนส่งอยู่ที่หน้าบ้าน เมื่อเดินมาจนถึงถนนก็พบรถรับส่งคันหรูของเจ้าภาพงานแล่นมาจอดตามเวลาที่นัดหมายพอดิบพอดี พนักงานขับรถเดินมาทำความเคารพและขอดูบัตรเชิญ ก่อนจะเปิดประตูให้ทั้งสองคนเข้าไป

“เกร็งรึเปล่า?” คาเล็มหันไปถามคนข้างๆที่ดูจะตื่นตระหนกน้อยๆ

“ก็...นิดหน่อยครับ.. ผมไม่เคยเจอคนเยอะๆหรือไปงานอะไรแบบนี้เลย”

“อดทนไปก่อนแล้วกัน แล้วก็อย่าลืมที่บอกล่ะ อย่าไปไหนเอง อยู่ใกล้ๆฉันไว้ แม้แต่ตอนลุกเข้าไปเข้าห้องน้ำนายก็ต้องสะกิดให้ฉันไปเป็นเพื่อนด้วย”

“เอ่อ...ต้องทำขนาดนั้นเลยเหรอครับ” ลาซารัสรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กที่ต้องมีผู้ปกครองไปคุมเวลาไปไหนมาไหนคนเดียว

“จะไม่ทำก็ได้ ถ้านายอยากจะโดนอัลฟ่าคนอื่นลากไปทำมิดีมิร้ายในห้องน้ำกลางงานแต่งงานก็ตามใจนะ” ดวงตาคมหันมาจ้องพร้อมคำขู่ที่ฟังแล้วเสียวหลังคอ

“ครับ ผมจะเชื่อฟังคุณหมอทุกอย่างเลยครับ”

“ดี...เป็นเด็กดีต้องเชื่อฟังผู้ใหญ่แบบนี้สิ” คาเล็มแอบยิ้มน้อยๆ แต่เป็นเหมือนยิ้มเยาะเสียมากกว่า

“โธ่...อย่าทำเหมือนผมเป็นเด็กๆสิครับคุณหมอ” อัลฟ่าสูงวัยยักไหล่เหมือนจะไม่สนคำประท้วงของโอเมก้าตัวน้อย 

รถคันหรูวิ่งไปบนถนนมุ่งเข้าสู่โรงแรมที่จัดงานใจกลางเมือง คาเล็มและลาซารัสหันมาเช็คความพร้อมให้กันก่อนที่จะต้องออกไปพบปะกับเหล่าคนแปลกหน้าที่มารวมตัวในงานมงคล

“อ้อ...ใช่ อยู่ในงานนายไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณหมอนะ เรียกชื่อดีกว่า”

“เอ๋? ทำไมเหรอครับ” จู่ๆก็มาบอกกะทันหัน แบบนี้เขาจะเผลอหลุดปากออกไปรึเปล่านะ

“ทำตามที่บอกไปเถอะ เดี๋ยวกลับบ้านแล้วจะเล่าให้ฟังทีหลัง” คุณหมออัลฟ่าก้าวขาออกจากรถช้าๆ ตามด้วยโอเมก้าในครอบครองของตนที่เดินลงมาติดๆ และช่วยประคองอีกฝ่ายเอาไว้ “เข้าใจตามนี้นะ?”

“ครับคุณหมอ” มือรีบยกขึ้นปิดปากเพราะโดนสายตาดุส่งมาให้หนึ่งที

“ตะกี้ว่าไงนะ?”

“เอ่อ...ครับ คุณคาเล็ม...” ลาซารัสยิ้มแห้ง แล้วทั้งคู่ก็เดินเข้าไปยังประตูที่มีพนักงานต้อนรับยืนรออยู่

สถานที่จัดงานแต่งอยู่ที่ห้องจัดเลี้ยงซึ่งต้องขึ้นลิฟต์ไปอีกหลายสิบชั้น ภาพในลิฟต์มีคนอีกหลายคนที่มาร่วมงานอื่นๆ ที่จัดในโรงแรมวันเดียวกันเข้าไปแออัดอยู่ภายในนั้น แต่เป็นโชคดีที่ส่วนใหญ่มีแต่พวกเบต้าซึ่งไม่ได้กลิ่นฟีโรโมนของอัลฟ่าหรือโอเมก้าอย่างพวกลาซารัส ทั้งคู่จึงขึ้นมาถึงชั้นจัดงานได้อย่างปลอดภัย ทว่าจากนี้ไปนี่แหละของจริง

เมื่อทั้งสองคนเดินเข้ามาในห้องโถงขนาดใหญ่ ผู้คนมากมายที่แต่งตัวในชุดสุภาพละลานตาอยู่กันเต็มบริเวณ แถมยังคงทยอยมาเพิ่มเรื่อยๆอีกต่างหาก.. กลิ่นฟีโรโมนของอัลฟ่ามากมายเข้าสู่ประสาทสัมผัสของลาซารัส แค่เข้ามาในงานไม่กี่วินาทีแต่โอเมก้าที่ไม่เคยพบเจออัลฟ่าจำนวนมากขนาดนี้พร้อมกันก็เริ่มเหงื่อตก เขาจะอยู่รอดออกจากงานนี้ไปได้จริงๆเหรอ…

สายตาของหลายคู่เริ่มหันมาทางเขาทั้งสอง เพราะว่าไม่สามาถจะฉีดยาระงับกลิ่นที่ผิดกฎหมายได้ทำให้ตอนนี้ลาซารัสแทบจะเหมือนลูกกวางในดงเสือ ร่างโปร่งมองผู้คนรอบด้านเร็วๆแล้วก็ก้มหน้ามองพื้นเพราะแววตาของอัลฟ่าแต่ละคนนั้นให้ความรู้สึกคนละเรื่องกับคาเล็มหรือริชาร์ดอย่างเทียบกันไม่ได้

...สายตาที่เหมือนกำลังมองคนที่ต่ำต้อยกว่า...

...หรือบางทีอาจจะไม่ใช่คนเสียด้วยซ้ำ…

“ไหวมั้ยน่ะ?” คาเล็มรู้สึกได้ว่ามือที่เกาะอยู่กับแขนตนเริ่มสั่นเบาๆ

“....เดี๋ยวก็ชินล่ะมั้งครับ” ลาซารัสเงยหน้ามายิ้มให้เจ้านายของตน แม้มันจะดูออกอย่างง่ายดายว่าฝืนอยู่ก็ตามที

โชคดีที่พอจะมีอัลฟ่าที่มีจิตสำนึกอยู่บ้าง เมื่อเห็นปลอกคอของลาซารัสก็เบือนหน้าหนีกันไปบ้างอย่างไม่สนใจ เหลืออยู่ไม่กี่คนที่แม้โอเมก้าคนนี้จะมีเจ้าของแล้วก็ยังคงมองอย่างน่ารังเกียจอยู่..

“ดื่มซักหน่อยมั้ย เผื่อจะช่วยได้” คาเล็มยื่นแก้วไวน์ทรงสูงมาให้คนข้างๆเพื่อไม่ให้ร่างโปร่งไปสนใจสายตาของคนอื่นมากนัก

ลาซารัสรับแก้วนั้นมาแต่โดยดีและค้อมหัวขอบคุณเงียบๆ เมื่อเริ่มสงบใจลงได้บ้าง เขาก็เห็นว่านอกจากเขาแล้ว ยังมีคนอื่นที่เอาโอเมก้าของตนมาร่วมงานด้วยเช่นกัน ทว่า ...แม้จะมีโอเมก้าบางคนที่สภาพใกล้ๆเคียงกับเขา แต่ก็เหมือนเดินตามผู้เป็นนายราวกับแสดงตนว่าอยู่ในฐานะที่ต่ำกว่ามากๆ แถมเจ้าของบางคนยังไม่สนใจเลยว่าโอเมก้าของตนจะรู้สึกกดดันจนทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ไม่ก็บางคนที่สภาพเหมือนเป็นเพียงของเล่นชิ้นงามของอัลฟ่าก็มี เห็นแบบนี้ร่างโปร่งก็รู้สึกสลดเล็กน้อยแล้วหันกลับมามองแก้วไวน์ในมือที่คาเล็มยื่นมาให้เขากับมือ ...ทำไมเขาถึงได้โชคดีขนาดนี้กันนะ?

คาเล็มมองหาเจ้าภาพงานไปทั่ว แต่ก็หาไม่เจอ คิดว่าคงไปต้อนรับบุคคลสำคัญหรือไม่ก็รอทำเซอร์ไพรส์อะไรคนมาร่วมงานอยู่กระมัง ร่างสูงจึงพาโอเมก้าของตนออกไปยืนกันที่ระเบียงกว้างของห้องจัดงานที่ยื่นออกมาจากตัวตึกและเปิดโล่งให้ลมโกรกเย็นสบาย

“อยู่ตรงนี้กันก่อนดีกว่า ข้างในเสียงเจี๊ยวจ๊าวชะมัด” คาเล็มเท้าแขนกับระเบียงเพื่อพยุงตัวและบอกให้ลาซารัสปล่อยแขนตน “ขอบใจที่ช่วยพยุงมาจนถึงนี่นะ”

“ม...ไม่เป็นไรครับ” คนตัวเล็กกว่ายิ้มน้อยๆแล้วยืนเกร็งๆอยู่ข้างๆไม่ยอมห่างตัว ทีแรกก็ห่วงว่าจะตื่นเต้นจนเดินดูนู่นนี่ไปทั่ว แต่ดูจะกลัวจนไม่กล้าออกห่างจากเขาเองซะแล้ว...ซึ่งก็ดี

“ถ้าไม่อยากไปนั่งร่วมโต๊ะกับคนในงานก็อย่าฝืนเลย ฉันเองก็ไม่ชอบนั่งกินในงานอะไรแบบนี้ พิธีรีตองเยอะจนน่าปวดหัว” สายตาทอดมองไปยังทิวทัศน์ยามใกล้พลบค่ำ แสงสีของตัวเมืองที่แทบไม่เคยดับเป็นสิ่งที่เขาไม่ชอบมาแต่ไหนแต่ไร ดูเผินๆมันก็สวยงามแต่ในเวลาเดียวกันก็วุ่นวายชวนสับสน “ถ้าริชาร์ดมาด้วยล่ะก็อัลฟ่าพวกนั้นไม่กล้าทำสายตาแบบนั้นใส่นายแน่ เขาเป็นอัลฟ่าที่เหนือกว่าเจ้าพวกนั้นเยอะไม่เหมือนกับฉัน”

“แต่ผมดีใจนะครับที่ได้มางานนี้ มันทำให้ผมเปิดโลกใหม่...ไม่สิ ต้องเรียกว่าตาสว่างเลยล่ะ ได้เห็นกับตาเลยว่าปกติพวกอัลฟ่ามองโอเมก้าอย่างผมด้วยสายตาแบบไหน” ลาซารัสกระดกไวน์ดื่มไปอึกใหญ่

เขาเรียนรู้จากโอนเนอร์มาตลอดชีวิตว่าโอเมก้าเป็นสิ่งที่พวกอัลฟ่าอันเป็นชนชั้นสูงสุดต้องการ เพราะคนเหล่านั้นไม่สามารถมีทายาทสืบสกุลเองได้ จึงต้องมีโอเมก้ารับหน้าที่อันแสนสำคัญนี้เพื่อให้มีอัลฟ่ารุ่นใหม่ๆเกิดขึ้นมาได้

“คุณหมอครับ อัลฟ่ากับโอเมก้านี่ถึงแต่งงานแล้วแต่ก็สามารถหย่าร้างกันได้รึเปล่าครับ…” ดวงตาสีฟ้าที่เคยสดใสบัดนี้อับแสง คาเล็มจ้องดวงตาคู่นั้นแล้วก็แอบสงสารที่จะต้องเล่าให้ฟัง แต่ถึงจะปิดเงียบไปยังไงเดี๋ยวโอเมก้าของเขาก็ต้องรู้เข้าสักวันอยู่ดี

“ถ้าเป็นอัลฟ่ากับโอเมก้าชนชั้นกลางก็มีเยอะแยะไป แม้ว่าจะมีลูกด้วยกันแต่ก็ไม่ได้ช่วยกระชับความผูกพันให้มากขึ้น ยิ่งถ้าเป็นพวกชั้นสูงส่วนมากก็ทนอยู่ด้วยกันเพราะครอบครัวของแต่ละฝ่ายต่างตกลงจับคู่ให้กันไว้แล้ว เพราะงั้นการเลิกรากันจึงเหมือนเป็นการหักหน้าอีกฝ่าย แล้วความสัมพันธ์หรือผลประโยชน์ที่เคยมีร่วมกันก็จะเป็นโมฆะ แต่พวกที่ชื่นชอบและเห็นโอเมก้าเป็นของประดับฐานะจนไม่ยอมปล่อยให้หลุดมือเลยสักรายก็มี พ่อฉันเองก็เป็นประเภทนั้นเหมือนกัน”

“คุณหมอ…” ลาซารัสมองใบหน้าด้านข้างที่เหม่อมองไปรอบๆ ก่อนจะหันมาทำเสียงขรึมใส่เขาที่เผลอเรียกไม่ตรงกับที่ตกลงกันไว้แม้จะอยู่กันตามลำพังก็ตาม

“มีสติหน่อยสิ ต้องระวังตัวตลอดนะรู้มั้ย” คาเล็มเอ็ดเสียงเบาแม้จะไม่มีใครอยู่ใกล้ๆก็ตาม

“ขอโทษครับ”

“...อา..มาแล้วสินะ” ทั้งสองคนหันไปทางต้นเสียงของฝูงชนที่กำลังรายล้อมบางอย่างอยู่ เสียงดนตรีบรรเลงในงานเบาลงจนเงียบไปและเป็นเสียงของพิธีกรที่ทำการเชิญคู่บ่าวสาวขึ้นมาบนเวที

“ไม่เข้าไปข้างในเหรอครับ? ..คุณคาเล็ม” โอเมก้าหนุ่มหันมาถามเจ้านายของตน

“ไม่ล่ะ คนแน่นขนาดนั้นเป็นลมพอดี” สายตาว่างเปล่ามองไปยังคนสองคนที่โดดเด่นอยู่บนเวทีราวกับไม่ใช่คนรู้จักกันทั้งที่คาเล็มก็เป็นคนบอกเองว่านั่นเป็นพี่ชายต่างมารดาของตน ลาซารัสได้แต่เดาว่าพวกเขาคงไม่ถูกกันสักทางแน่ๆ แต่คุณหมอก็ยังยอมมางานแต่ง? เพราะอะไรกันนะ??

“ลืมเรื่องซองซะสนิท..” คาเล็มยกมือขึ้นกุมขมับตัวเอง ซองที่ริชาร์ดมอบให้มาก็ยังอยู่กับตัว…

“จะเดินไปวางมั้ยล่ะครับ เดี๋ยวผมช่วยพยุงไป” ลาซารัสเดินมาใกล้เหมือนจะบอกว่ายังคงสามารถให้ร่างสูงเกาะไปได้

“เป็นอะไรล่ะคาเล็ม? ถึงต้องให้เจ้าหนูน้อยนั่นพยุงไปไหนมาไหน” เสียงไม่คุ้นหูเอ่ยทักจากอีกด้าน อัลฟ่าร่างใหญ่ยืนควงคู่กับสาวสวยทรงเสน่ห์จนแทบละสายตาไม่ได้ ทั้งสองคนเดินมาหาพวกเขาเชื่องช้า

“ลื่นล้มเข่ากระแทกน่ะ” คาเล็มตอบกลับด้วยเสียงเย็นชาผิดกับที่ผ่านมาจนแม้แต่ลาซารัสยังต้องหันมามองเพราะคิดว่าตัวเองหูฝาด

“เย็นชาจังน้า พูดกับพี่ๆแบบนี้ได้ไง” ร่างอรชรแย้มยิ้มมาให้ แต่มันกลับไม่รู้สึกเป็นมิตรเลย “แล้วนั่น.. ของดีเลยนี่นา ไปขุดหามาจากไหนล่ะน้องรัก”

ร่างโปร่งตัวแข็งทื่อเพราะสายตาคมสวยคู่นั้นมองมาทางเขา กลิ่นของอัลฟ่ารุนแรงจากทั้งสองคนทำให้รับรู้ได้ทันทีว่าเป็นอัลฟ่าที่เหนือกว่าคุณหมอแน่ๆ คาเล็มยื่นแก้วในมือตนให้ลาซารัสถือก่อนก้าวเท้ามายืนบังคนที่ทำตัวไม่ถูก “มีอะไรก็รีบพูดมา”

“ยังทำตัวดุเหมือนเดิมเลย” ช่ายอีกคนหัวเราะร่วน “เห็นว่าริชาร์ดฝากของมาให้น่ะ พี่เลยมาถามซะหน่อย”

คาเล็มหรี่ตาลงเล็กน้อยก่อนหันมากระซิบกับโอเมก้าของตน “รออยู่ตรงนี้ อย่าไปไหนแล้วก็ห้ามคุยกับใครเด็ดขาดเลยนะ”

ลาซารัสพยักหน้าอย่างหวั่นใจ ไหนว่าสั่งห้ามเขาออกห่างจากหมอ แต่เขากลับทิ้งกันเองเนี่ยนะ! ...แต่เอาเถอะ ตรงนี้ก็โล่งแจ้งพอสมควร แถมคนก็ยังออกันอยู่ในงาน คงไม่เป็นไรหรอก… คาเล็มเดินตามสองคนนั้นไปที่ด้านในส่วนที่ไม่ค่อยมีคน ก่อนร่างสูงจะหายไปจากสายตา

“เกร็งไปหมดเลย..” ลาซารัสถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพิ่งเคยเจออัลฟ่าที่ทรงอำนาจจนแผ่รังสีออกมาได้ขนาดนี้ในระยะประชิดเป็นครั้งแรก… “ทำไมคุณริชาร์ดไม่เห็นดูน่ากลัวแบบนั้นเลย”

เสียงคุยรบกวนความเงียบบอกให้โอเมก้าผู้โดดเดี่ยวรับรู้ว่ามีคนเดินออกมาจากห้องเพื่อมายืนสูบบุหรี่อยู่ไม่ไกลจากที่เขาอยู่มากนัก ทว่าลาซารัสก็ทำเป็นไม่สนใจแล้วยืนรอคุณหมอต่อไปด้วยใจไม่สู้ดี หางตาแอบเห็นว่าทั้งสองคนนั้นก็หันมามองเขาอยู่เป็นระยะ ไม่เอาน่า ไม่สนใจพวกเขา..

“มาทำอะไรตรงนี้คนเดียวเล่า.. โดนเจ้าของทิ้งเหรอ”

ว้อยยยยยยยยยยยยย…

ลาซารัสยืนตัวแข็งทื่อติดขอบระเบียง อัลฟ่าสองคนตรงหน้ายืนขนาบเยื้องมาทางด้านหน้าปิดทางหนีทุกช่องทาง “เปล่าครับ” ตอบเสียงสั่นออกไป..ทั้งๆที่คุณหมอก็เตือนว่าห้ามคุยกับใครแท้ๆ

“โหยยย มันกล้าพูดกับอัลฟ่าด้วยฟ่ะ” หนึ่งในสองคนนั้นทำหน้าแปลกใจสุดๆยังกับเห็นของแปลก

“นึกว่าจะหงอๆเหมือนคนอื่นซะอีก” อีกคนหนึ่งยื่นหน้ามาใกล้ จนเกินไป… “อยู่ใกล้พวกเราขนาดนี้ยังไม่แสดงอาการฮีทเลย โดนฝึกมาดีขนาดไหนเนี่ย”

จากฟีโรโมนของทั้งสองคน ดูไม่ใช่อัลฟ่าแบบพี่ชายและพี่สาวของคุณหมอเลยสักนิด.. แต่ก็จะประมาทไม่ได้… ลาซารัสหายใจเข้าลึกๆแล้วทำใจแข็งพยายามเดินฝ่าออกไป “ขอโทษนะครับ ผมโดนห้ามไม่ให้คุยกับคนอื่น”

ข้อมือโดนจับรั้งเอาไว้ไม่ให้โอเมก้าหนุ่มได้มีโอกาสชิ่งหนี “จะรีบไปไหนเล่า อยู่คุยกันก่อนสิ นานๆจะเจอของหายากแบบนี้สักที”

“มองไกลๆทีแรกก็คิดว่าเป็นเบต้าผู้ติดตามของใครสักคน แต่กลิ่นงี้ฟุ้งเชียว” อัลฟ่าอีกคนยื่นหน้าเข้ามาดมกลิ่นจนจมูกเกือบโดนหลังคอลาซารัส ร่างโปร่งสะดุ้งหันหนีพลางชักสีหน้าไม่พอใจ

“อย่ามาทำรุ่มร่ามกับผมนะ!” ดวงตาสีฟ้าเกรี้ยวกราด ทั้งรังเกียจและกลัวคนพวกนี้จับใจ ขนาดอยู่ในที่ที่มีสายตาคนมากมายจ้องมองยังกล้าทำอะไรหน้าไม่อายกับโอเมก้าของคนอื่นได้ขนาดนี้เลยเหรอ

“โห...สายตาเอาเรื่องดีว่ะ น่ากลั๊วน่ากลัว” หนุ่มอัลฟ่าทั้งสองหัวเราะชอบใจกับท่าทีต่อต้านยิ่งพาลให้อยากแกล้งดูว่าโอเมก้าพรรค์นี้จะกล้าหือพวกตนได้สักแค่ไหน “น่าสนใจดีว่ะ เจ้าของนายเป็นใครกันไหนบอกหน่อยซิ”

“พวกคุณจะรู้ไปทำไม?” ลาซารัสเห็นท่าไม่ค่อยดี สายตาของสองคนนี้อันตรายยิ่งกว่าเดิม

“ก็ไม่มีอะไร แค่อยากจะขอยืมตัวเช่าสักคืน รับรองเลยว่าพวกฉันสองคนจัดให้นายถึงใจจนอยากบอกลาไอ้แก่อัลฟ่าคนนั้นได้เลย”

ใบหน้าของโอเมก้าหนุ่มรู้สึกด้านชาไปหมดกับคำพูดโสมมผิดกับรูปลักษณ์ผู้ดี คนพวกนี้เห็นเขาเป็นตัวอะไรกัน!

ซ่าา…

“เฮ้ย! แกกล้าดียังไงเอาไวน์มาสาดใส่ชุดพวกฉันวะ!!” อัลฟ่าทั้งสองตะโกนเสียงดังจนแขกที่อยู่ใกล้ๆระเบียงหันมามอง ลาซารัสผลักทั้งคู่ให้หลีกทางแต่ก็โดนล็อคแขนเอาไว้ “สูทพวกฉันราคาเป็นหมื่นนะเฟ้ย คิดจะชดใช้ยังไงไม่ทราบ!”

“เป็นหมื่นเหรอ…?” ดวงตาสีฟ้าไล่สายตามองชุดสูทที่เปื้อนไวน์ของอัลฟ่าทั้งสองแล้วแทบอยากจะหัวเราะ “คงไม่มีร้านให้เช่าสูทที่ไหนคิดราคาทีเป็นหมื่นหรอกครับ หรือถ้าราคาถึงจริงพวกคุณก็โดนหลอกเสียเงินฟรีแล้วล่ะ”

อัลฟ่าทั้งสองคนมองหน้ากันคล้ายจะถามว่าโอเมก้าตรงหน้าว่ารู้ได้ยังไงว่าชุดของพวกเขาเป็นชุดสูทเช่า “พอดีผมเป็นช่างตัดสูทครับ บอกให้ฟังเผื่อว่าอยากจะรู้”

“โฮ่..งั้นก็น่าจะมีปัญญาตัดให้ใหม่ค่าทำพวกฉันเสียหน้า” สองอัลฟ่าฉุดร่างเล็กกว่าให้ก้าวไปอีกทาง ซึ่งอับแสงไฟจากประตูและหน้าต่างที่เปิดให้เห็นตัวงาน “แต่ตอนนี้ต้องจ่ายด้วยอย่างอื่นก่อนเป็นค่าเสียเวลา”

สายตากับคำพูดของคนพวกนี้ ไม่ต้องคิดอะไรมากก็เข้าใจได้ทันที ลาซารัสหน้าซีดลงจนเห็นได้ชัด พอจะเปิดปากตะโกนก็โดนมือหนาบีบแก้มปิดปากไว้ ..ทำไมอัลฟ่าถึงแรงเยอะขนาดนี้.. ทั้งที่เขาก็มั่นใจว่าตัวเองไม่ได้อ่อนแอแท้ๆ คนหนึ่งล็อคแขนทั้งสองของเขาไว้ข้างหลังได้ด้วยมือเพียงข้างเดียว มืออีกข้างก็ปิดปาก ส่วนอีกคนก็เริ่มปลดเสื้อเขาออกอย่างเร่งร้อน

จะว่าไป สองคนนี้อยู่ใกล้เขานานจนฟีโรโมนไปทำให้สัญชาตญาณของอัลฟ่าตื่นตัวซะแล้ว..


“อุตส่าห์หลบมาอยู่ตรงนี้ ยังต้องเจอเรื่องอีกเหรอ.. แค่นี้ก็เหนื่อยแล้วนะ”

เสียงปริศนาดังขึ้นจากอีกด้าน อัลฟ่าผู้หิวกระหายสองคนสะดุ้งและมองไปทางต้นเสียง ปรากฎร่างของชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งยืนสูบบุหรี่และหันมาทางพวกเขา

“ถอยไปที่อื่นเหอะน่า ตรงนี้พวกฉันมาถึงก่อนนะเว้ย” เมื่อจบประโยค ทั้งสองคนโดนชายในชุดสูทดำสนิทสองคนรวบตัวไว้อย่างรวดเร็วจากมุมมืด เป็นจังหวะให้ลาซารัสสะบัดตัวหนีออกมาได้ และรีบถอยห่างจากคนพวกนั้น

“ปลอกคอสวยขนาดนั้น จะอ้างว่าไม่เห็นก็ฟังไม่ขึ้นหรอกนะครับ” ชายปริศนามองอัลฟ่าหื่นไม่ดูตาม้าตาเรือด้วยแววตาเย็นเยียบ “โทษจำคุกที่ไปยุ่งกับโอเมก้าของคนอื่นมันหนักนะ หรือวันๆไม่ได้ติดตามข่าวสาร เอาแต่กดหัวคนอื่นไปเรื่อยเล่า?”

รัศมีทรงอำนาจแผ่ออกมาจากตัวผู้ชายผมยาวที่โผล่มาช่วยเขาจนลาซารัสเผลอมองจ้องอย่างพิศวง ผมและดวงตาสีบรอนด์อ่อนกับใบหน้าได้รูป.. หากไม่ติดที่ร่างกายสูงใหญ่แบบนี้เขาคงคิดว่าเป็นผู้หญิงไปเสียแล้ว…

“หา..นั่นโอเมก้าของพวกเราต่างหากล่ะ” สองอัลฟ่ายังคงหาทางเอาตัวรอด แต่ไม่สามารถดิ้นหลุดจากการจับกุมของชายในชุดสีดำพวกนั้นได้

“ผมไม่ได้โง่นะครับ อย่างพวกคุณเนี่ยนะจะมีโอเมก้าที่เกินเอื้อมแบบนี้ได้ ทรัพย์สินทั้งชีวิตคุณยังซื้อราคาเขาสักคืนอย่างปากว่าเมื่อครู่ไม่ได้เลยครับ” ผู้ถูกตอกหน้าทั้งสองหน้าซีดเผือดที่รู้ว่ามีคนแอบได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดไป มือเรียวยกมือถือของตนขึ้นมาเปิดข้อความเสียงที่บันทึกไว้เป็นหลักฐานอีกต่างหาก “แล้วก็.. ข้อหาพยายามข่มขืน ข้อหาพูดจาหมิ่นประมาท หวังว่าจะมีเงินจ้างทนายนะคุณ”

เมื่อทั้งสองคนโดนลากออกไปด้วยเสียงเอะอะก็เหลือเพียงลาซารัสกับชายปริศนาที่ดูสง่างามยืนอยู่เพียงสองคน

“...ขอบคุณครับ” ร่างโปร่งเอ่ยเสียงเบา แม้จะถูกช่วยไว้ แต่เขาก็ไม่คิดจะไว้ใจอัลฟ่าตรงหน้า ยิ่งรับรู้ได้จากฟีโรโมนว่าไม่ใช่พวกอัลฟ่ากิ๊กก๊อกแบบเมื่อครู่ด้วย…

“โง่จริง.. ไปทำพวกมันโกรธจนเกือบโดนข่มขืนแล้วไง” ร่างสูงหันมาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ลาซารัสก้มหน้านิ่ง เมื่อครู่เขากลัวจริงๆ หากว่าถูกทำอะไรๆไป… แค่คิดก็แทบอยากจะร้องไห้

“เจ้าคาเล็มนี่ ปล่อยคนของตัวเองทิ้งไว้งี้ ประมาทไปเยอะ สงสัยจะแก่จนเริ่มเลอะเลือน”

“...เอ๋?”

“เอ้า ไหนๆก็ไหนๆ” ร่างสูงเดินมาประชิดและกอดคอลาซารัสไว้ราวกับว่าสนิทกันมาตั้งแต่แรก “ไปกินข้าวเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ กำลังเบื่องานนี่พอดีเลย”

“ห้ะ!? เดี๋ยว!?” ความกลัวเมื่อครู่พุ่งกลับมาโจมตีความคิดอีกรอบ

“เฮ้ย ไม่ทำอะไรหรอกน่า แค่นั่งกินข้าวจริงๆ” ดวงตาสีทองมองเอือมระอาใส่คนตัวเล็กกว่าพลางเปลี่ยนไปโอบเอวอีกคนให้เดินตามเขาไป มือว่างอีกข้างคว้าเอาข้อมือที่กำลังผลักตนไว้ เขาหันไปหาชายในชุดสีดำที่ดูจะเป็นบอดี้การ์ดของตัวเองแล้วออกคำสั่ง

“ไปบอกคาเล็ม รอสเกรย์ด้วยนะ.. ว่าโอเมก้าสุดน่ารักของเขานั่งกินข้าวอย่างสุขสำราญสุดๆอยู่กับคุณเออร์แฟน คาเฮวย์ ที่ชั้นดาดฟ้า”

รอยยิ้มไม่เป็นมิตรส่งมาให้คนในอ้อมแขน ...ทำไมวันนี้เขาถึงซวยได้ขนาดนี้ฟะ…


“ยินดีที่ได้รู้จักนะ ลาซารัส แมทเวย์”


TBC.





*****************************************************************************************


วันนี้มาอัพเลทไปหน่อย  ขอโทษที่ให้รอนะคะ พอดีมีคนจากสนพ.ติดต่อมาคุยเรื่องทำรวมเล่ม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นนิยายเรื่องนี้ยังเดินเรื่องไปได้ไม่ถึงไหน เลยอยากขอเวลาคิดดูก่อนค่ะ //คุยกับเพื่อนที่เขียนนิยายเรื่องนี้ด้วยกันยังไม่อยากจะเชื่อว่ากาวที่ดมกันเล่นๆจะไปเข้าตาสนพ.เข้า :z13:

มาลุ้นกันว่าพ่อโอเมก้าน้อยๆของเราจะรอดหรือไม่  หุๆๆๆ :hao6:


ตอนนี้ทำเพจไว้สำหรับอัพนิยายโดยเฉพาะแล้วค่ะ https://www.facebook.com/WizardPandas/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-02-2017 19:22:22 โดย pichi »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
คุณหมอคาเล้ม ลาซารัส  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ owo llยมuมข้u

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 459
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-4

ออฟไลน์ pichi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • PICHI Otakura

บทที่ 6



ร้านอาหารบนชั้นดาดฟ้าเปิดโล่งของโรงแรมที่มองเห็นทัศนียภาพโดยรอบทั้ง 360 องศา บรรยากาศสุดโรแมนติกของท้องฟ้ายามราตรี อาหารดินเนอร์เลิศรสกับไวน์ชั้นยอดจากต่างประเทศ เคล้าคลอไปกับเสียงดนตรีเบาๆ ท่ามกลางสายลมเย็นที่พัดผ่านไปอย่างช้าๆ

มันคงจะดีมากๆ เลยถ้าได้มาทานมื้อค่ำที่สุดแสนโรแมนติกนี้กับคนที่เรารัก ทว่า...

“สลัดอะโวคาโด สเต็กแซลมอน ผักโขมอบชีส และซี่โครงแกะย่างราดซอสโรสแมรี่ไวน์แดงที่สั่งได้ครบแล้วนะครับ” บริกรหนุ่มทบทวนรายการหลังยกอาหารมาเสิร์ฟให้แก่ลูกค้าเป็นที่เรียบร้อย โดยทั้งหมดนั่นเป็นของคนๆเดียว

“โอ้! น่าทานมาก” คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามลาซารัสคืออัลฟ่าชายแปลกหน้าที่ได้ช่วยเหลือเขาจากการถูกคุกคามทางเพศ แต่กลับลากเขาออกมาจากงานวิวาห์แถมให้มานั่งร่วมโต๊ะด้วยสองต่อสองหน้าตาเฉย

ถึงจะบอกว่าสองต่อสอง.. แต่รอบๆตามมุมต่างๆ รวมทั้งทางเข้าออกดาดฟ้าเต็มไปด้วยบอร์ดี้การ์ดร่างใหญ่หนาอย่างกับรถถัง ลาซารัสมองไปรอบๆก่อนหันกลับมาที่อาหารตรงหน้าที่ถูกเออร์แฟนบังคับสั่งมาให้ สปาร์เก็ตตี้แซลมอนซอส ลาซานญ่าเนื้อลูกวัว กับสลัดผลไม้ และเครื่องดื่มสีสวยไร้แอลกอฮอล์วางตั้งไว้ตรงหน้าเขามาสักพัก ร่างโปร่งไม่กล้าแตะต้องของพวกนี้แม้ว่ามันจะน่ากินน้ำลายสอขนาดไหนก็ตาม

“คุณเออร์แฟน…? รู้จักกับคุณคาเล็มด้วยเหรอครับ” ลาซารัสถามอย่างกล้าๆกลัวๆ แต่ก็ดีกว่าให้บรรยากาศมันเงียบจนน่าอึดอัดล่ะนะ

“แค่รู้จัก ไม่ได้สนิทกัน” ร่างสูงสง่าตอบหลังจากกลืนชิ้นเนื้อลงไปเรียบร้อย “แต่หมอนั่นไม่ค่อยชอบหน้าฉันหรอก”

“...?”

“คดีของคนรักของคาเล็มเมื่อหลายปีก่อนน่ะ.. มือดีของบริษัทฉันเป็นคนว่าความให้ฝั่งจำเลย..” คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามพูดออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทว่าลาซารัสที่กำลังตั้งใจฟังกลับแทบหยุดหายใจ “ถ้ากินฉันจะเล่าต่อ เดี๋ยวช็อคจนเป็นลมแล้วจะไม่ได้ฟังที่ฉันพูด”

เออร์แฟน คาเฮวย์ อัยการผู้โด่งดังจากการว่าความที่มีเปอร์เซ็นต์การชนะคดีเกินเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของการว่าความทั้งหมด บริษัทที่ปรึกษากฎหมายในเครือคาเฮวย์มีชื่อขนาดว่าลาซารัสที่ไม่ค่อยได้ตามข่าวยังได้ยินชื่อนี้อยู่บ่อยครั้ง เมื่อครู่ที่เขาเพิ่งได้ยินชื่อของคนๆนี้เขาถึงกับอึ้งกิมกี่ที่คนระดับนี้มาอยู่ในงานด้วย ไม่สิ อาจจะมีคนที่น่าตกใจกว่านี้อีกเยอะก็ได้

ลาซารัสจำใจต้องยอมทานอาหารบนโต๊ะอย่างช่วยไม่ได้เพราะอยากรู้เรื่องเพิ่มเติม.. ..อา อร่อยจัง.. ร่างโปร่งเคี้ยวอาหารรสเลิศแก้มตุ่ยอย่างปิดความรู้สึกไม่อยู่ ก็มันอร่อยจริงๆนี่!

“ไม่รู้ว่าคาเล็มเล่าให้ฟังหรือเปล่านะ ตอนนี้บริษัทยากับโรงพยาบาลที่เป็นตัวแทนผลิตยาที่คาเล็มวิจัยกำลังต่อสู้กับพวกคนในกระทรวงวัฒนธรรมในชั้นศาลอยู่” เออร์แฟนเปรยออกมาด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ดังพอให้คนตัวเล็กกว่าได้ยินชัดเจน ในที่นี้ไม่มีแม้แต่บริกรของโรงแรม มีเพียงบอร์ดี้การ์ดส่วนตัวทั้งสิ้น

ลาซารัสกลืนอาหารลงคอตามด้วยเครื่องดื่ม เมื่อครู่เขาเผลอเคลิ้มไปกับรสชาติของอาหารเลิศรสไปหน่อยจนเกือบจะไม่ได้ฟังเรื่องสำคัญไปแล้ว

“คุณคาเล็มไม่ได้เล่าให้ผมฟังหรอกครับ” โอเมก้าหนุ่มกล่าว แต่ไม่ได้บอกทั้งหมดว่าตนพอรู้มาบ้างแล้วด้วยความบังเอิญ เออร์แฟนพยักหน้าเล็กน้อยและปรายตาหันไปมองข้างหลังร่างโปร่ง

“มาสายนะคาเล็ม”

ดวงตาสีฟ้าหันไปด้านหลังก็พบว่าเจ้านายของตนมาถึงแล้วพร้อมกับบอร์ดี้การ์ดคนหนึ่งที่ช่วยพยุงตัวเอาไว้ ลาซารัสทำท่าจะรีบลุกไปหาแต่คุณหมออัลฟ่ายกมือห้ามและเดินกะเผลกมานั่งร่วมโต๊ะกับทั้งสองคน

“จะสั่งอะไรมั้ย?”

“ไม่ล่ะ คุยธุระกับนายเสร็จเดี๋ยวก็กลับแล้ว”

“จะรีบร้อนไปไหน คนของนายยังกินไม่อิ่มเลย นานๆทีนายกับฉันจะได้มานั่งทานอาหารไปคุยไปแบบนี้หายากนะ” อัยการหนุ่มดีดนิ้วให้ลูกน้องชุดดำเรียกบริกรมารับออร์เดอร์เพิ่ม คาเล็มจึงต้องร่วมวงเสวนามื้อค่ำนี้อย่างจำยอม “เมื่อกี้เรากำลังคุยกันถึงเรื่องคดีบริษัทยา…”

“เออร์แฟน ฉันขอล่ะ เรื่องนี้เอาไว้คุยทีหลัง” เสียงทุ้มกล่าวห้ามเมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะพูดถึงเรื่องที่เขากำลังเผชิญอยู่

“หือ? นายคิดจะปิดหูปิดตาไม่ให้เด็กนี่รับรู้อะไรเลยงั้นเหรอ?” นิ้วเรียวชี้ไปที่ร่างโปร่งที่นั่งมองทั้งคู่สลับไปมา บรรยากาศดีๆเมื่อครู่ดูจะอึมครึมขึ้นมาทันที 

“เขาไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้..”

“ไม่ทางตรงก็ทางอ้อมแล้วล่ะ” เออร์แฟนเอนหลังพิงเก้าอี้หรูแล้วจิบไวน์สบายใจ “นายพาหมอนี่มางานครั้งนี้ก็ถือว่าประกาศให้ไอ้พวกบ้าอำนาจนั่นรับรู้ ว่านายมีจุดอ่อนให้โจมตีเพิ่ม”

คาเล็มจ้องอีกฝ่ายเขม็ง สองมือกำแน่นอย่างสะกดกลั้นความรู้สึกของตัวเอง คนๆนี้พูดถูกทุกอย่างและเขาเองก็รู้ตัวดี…

“งั้นที่คุณโนเอล...ก็เป็นเพราะคนที่พยายามขัดขวางงานคุณคาเล็มเหรอครับ” ลาซารัสกัดฟันและเอ่ยถามแทรกขึ้นมา ร่างสูงกำลังจะออกปากห้าม แต่เมื่อหันมาเห็นแววตาของโอเมก้าหนุ่มก็ชะงักนิ่งไป ดวงตาสีฟ้าสดจ้องไปหาเออร์แฟนอย่างต้องการคาดคั้นและไม่เกรงกลัวแม้อีกฝ่ายจะเป็นอัลฟ่าที่เหนือว่าเจ้านายของตนก็ตาม

“เป็นความลับของผู้ว่าจ้าง ผมไม่สามารถให้คำตอบได้” ร่างสูงที่หัวโต๊ะเท้าคางมองตอบไปหาโอเมก้าผู้กล้าหาญด้วยสายตานิ่งสงบผิดกับรอยยิ้ม

“งั้นรอบนี้คุณเองก็จะขัดขวางงานคุณคาเล็มเหรอ..”

“ลาซารัส!” คาเล็มปรามอีกฝ่ายที่เริ่มใจกล้าเกินเหตุ

“โว้วๆ ใจเย็นครับคุณผู้ชาย รอบนี้ฝั่งที่กำลังสู้คดีอยู่กับเจ้านายสุดที่รักของคุณไม่ใช่ผมหรือใครในสังกัดของผมหรอกนะ” นิ้วเรียวสวยลูบไปมาบนปากแก้วทรงสวยและยกขึ้นมาสูดกลิ่นไวน์ที่ยังเหลือปริ่มก้นแก้ว “แต่ถ้าฝั่งคุณมาจ้างผมก็จะคิดราคาพิเศษให้นะครับ”

“บอกตั้งหลายครั้งแล้วว่าฉันไม่อยากจ้างทนายสกปรกแบบนาย” คาเล็มเริ่มออกปากบ้างเพราะทนที่โดนตามตื้อยื่นข้อเสนอมาสักพักแล้ว อาหารที่สั่งไปยกมาเสิร์ฟลงตรงหน้า แต่ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์จะกินโดยสิ้นเชิง

เออร์แฟนมีชื่อเสียงจากการชนะคดีก็จริง แต่ก็มีชื่อเสียจากวงในว่าเป็นอัยการหน้าเลือด หากสูบฉีดเงินมากพอเขาก็ทำได้ทุกวิธีเพื่อให้ฝ่ายตนชนะ ไม่ว่าจะเงินใต้โต๊ะ สร้างหลักฐานปลอม ปิดปากพยานด้วยวิธียัดเงินบ้างไปจนถึงข่มขู่เอาชีวิตโดยนักเลงในการดูแลของเขาเอง

“แหม..ผมอุตส่าห์คิดราคาแค่ครึ่งเดียวของที่ควรจะได้นะครับ”

“ถ้านายอยากจะช่วยจริงก็คงไม่เอาเรื่องนี้มาพูดหรอกมั้ง”

“ผมมีชีวิตอีกเป็นพันที่ต้องดูแลนะครับ แน่นอนรวมทั้งแม่บ้านยันยามหน้าตึกผม.. จะให้ทำงานเป็นการกุศลเลยก็ทำไม่ได้หรอก”

“งั้นก็ไม่มีเรื่องอะไรต้องคุยแล้วนี่” คาเล็มเริ่มหัวเสียแล้วลุกขึ้นทั้งที่ยังไม่ได้แตะอาหารเลยแม้แต่น้อย ก่อนจะส่งสายตาเรียกให้โอเมก้าของตนรู้ว่าได้เวลากลับแล้ว

ลาซารัสกระวีกระวาดลุกตามไป แต่ยังไม่เดินออกไปจากโต๊ะอาหาร.. เขามองจ้องไปยังอัลฟ่าที่ยังนั่งมองพวกเขาอยู่ที่เดิมโดยไม่มีทีท่าจะรั้งอะไรต่อ “ทำไมคุณถึงมาเสนอความช่วยเหลือล่ะครับ?”

“พอแล้วน่าลาซารัส” คาเล็มถอนหายใจแล้วสะกิดแขนอีกคน

“อีกฝ่ายเป็นถึงกระทรวง… น่าจะมีเงินจ้างคุณอย่างแน่นอน คุณจะเรียกเท่าไหร่ก็ได้..แต่กลับมาหาพวกเรา?” ลาซารัสมองเข้าไปในดวงตาสีทองนั้นตรงๆ “และเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่มาจ้างทนายที่ดีที่สุดด้วย”

“ยอกันเกินไปแล้ว ผมไม่ใช่ทนายที่ดีที่สุดหรอกครับ แค่มีวิธีแผลงๆเยอะแยะเฉยๆ”

“งั้นยิ่งแล้วใหญ่เลย คุณไม่น่าจะอยากช่วยพวกเราเพราะมนุษยธรรมด้วยครับ” ร่างโปร่งคาดคั้นจนเผลอขึ้นเสียง

คนที่นั่งอยู่จึงลุกขึ้นมา วางแก้วในมือลงแล้วเดินมาหาลาซารัส มือข้างหนึ่งคว้าใบหน้ามนนั้นไว้แล้วโอบเอวอีกฝ่ายเข้ามาแนบชิด คาเล็มที่จะเข้ามาห้ามก็โดนสายตาสีทองดุตวัดมองเย็นเยียบจนเขาเผลอชะงัก บอร์ดี้การ์ดสองคนเข้ามารวบตัวเขาไว้แทบจะทันที

“ปล่อย..” คาเล็มหันไปออกคำสั่งกับคนที่คว้าตัวเขาไว้ แต่ไม่มีปฎิกิริยาใดๆตอบกลับมา

“พวกเขาไม่ฟังคุณหรอกครับ เป็นเบต้าเพ็ดดีกรีที่ฝึกมาแล้วทั้งนั้น”

ดวงตาสีฟ้ายังคงมองอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง ทั้งที่ความจริงมือทั้งสองที่พยายามออกแรงดันร่างสูงใหญ่ออกจากตัวเขานั้นเริ่มสั่นจากแรงกดดันมหาศาลของตัวอัลฟ่า

“ผมเกลียดคนโง่ แต่ไม่ได้รังเกียจคนกล้าหรอกนะครับ” กลิ่นหอมอ่อนๆของน้ำหอมคละคลุ้งแตะจมูกปะปนมากับกลิ่นฟีโรโมนที่ยังคงสงบนิ่งอย่างไม่สนใจจะตอบรับกลิ่นโอเมก้าของเขาแม้แต่น้อย “คุณแทบจะเป็นคนแรกที่กล้าตั้งคำถามกับผม และผมก็ประทับใจมากด้วย”

“สรุปคุณต้องการอะไรครับ?” ลาซารัสรู้สึกได้ว่าแม้คนตรงหน้าจะดูเหมือนกับบ้าอำนาจ แต่จริงๆแล้ว..เขายังสามารถคุยด้วยเหตุผลได้อยู่

“ผมบอกแล้วว่าผมเกลียดคนโง่” ดวงตาสีทองมองไปทั่วใบหน้าของคนใต้การควบคุม “เจ้าพวกโง่เง่าที่คิดว่าโอเมก้าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ต่ำต้อยกว่าตัวเองนั่นน่ะ มันน่าเจาะเอาขี้เลื่อยกับอีโก้บ้าบอนั่นออกมาจากสมองเล็กๆให้หมด”

คาเล็มกระพริบตาปริบ แม้ตอนนี้จะหวั่นใจว่าคนในครอบครองของเขาจะโดนทำอะไรแปลกๆหรือไม่แต่เขาก็เริ่มสนใจระคนประหลาดใจในสิ่งที่ได้ยิน

“อัลฟ่าเกิดมาพร้อมด้วยกำลังและอำนาจ แต่ถ้าไม่มีโอเมก้า คิดเหรอว่าพวกเราจะอยู่ค้ำฟ้ามานานนมขนาดนี้?” มือเรียวที่จับใบหน้านั้นเปลี่ยนไปลูบดวงหน้ามนที่ยังคงจ้องมองมาหาตน “แล้วสิ่งที่พวกโง่นั่นทำคืออะไร? กดหัวเผ่าพันธุ์เดียวที่สามารถให้กำเนิดอัลฟ่าเพ็ดดีกรีได้เนี่ยนะ แค่คิดก็สมเพชแล้ว”

“...คุณไม่ใช่คนไม่ดีจริงๆด้วยสินะ” ลาซารัสยิ้มออกมาในที่สุด ทำเอาคนที่เพิ่งพล่ามความคิดตนออกไปชะงักนิ่ง ก่อนจะหัวเราะเสียงดังโดยไม่สนใจว่าตนจะดูหลุดจากบุคลิกเดิมแม้แต่น้อย

“อะไรวะเนี่ยคาเล็ม เด็กนี่ไม่ได้ฟังที่นายคุยกับฉันเมื่อกี้เหรอ เขาบอกว่าฉันเป็นคนดีล่ะ” เออร์แฟนยังคงหัวเราะไม่หยุดในขณะที่ลาซารัสกลายเป็นฝ่ายตกใจในสิ่งที่เกิดขึ้นแทน แต่ไม่ทันจะได้เข้าใจอะไร ใบหน้าของเขาก็โดนจับให้เชิดขึ้นแล้วถูกประทับจูบลงมารวดเร็วเกินจะตั้งตัว

ลาซารัสหน้าชากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เสียงของคาเล็มดังแว่วเข้ามาในการรับรู้ก่อนเขาจะตั้งสติได้แล้วพยายามผลักร่างสูงออกจากตัว แต่ไม่เป็นผลใดๆ เรือนผมสีทองไต่ไล้ลงกับใบหน้าพร้อมกับรสจูบนุ่มนวลผิดกับสายตาน่ากลัวนั้นทำเอาร่างโปร่งแทบทรุด

“อย่าบอกว่าฉันเป็นคนดีอีกล่ะเด็กน้อย” เมื่อเออร์แฟนถอนจูบออกก็กระซิบข้างหูของคนในอ้อมแขนและผลักโยนร่างโปร่งคืนให้คาเล็มที่โดนปล่อยตัวพร้อมๆกัน

“แก…” คาเล็มกัดฟันแน่นแล้วมองตรงไปหาอัลฟ่าอีกคนอย่างเกรี้ยวกราด

“ไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยก็ตัดใจตีตราให้เจ้าหนูนี่ซะนะ” เออร์แฟนเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะอย่างสบายใจราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “เด็กๆ ส่งแขกหน่อย”

บอร์ดี้การ์ดชุดดำคนหนึ่งที่น่าจะเป็นหัวหน้าผายมือเชิญคนทั้งสองและเดินไปส่งถึงทางออกหน้าโรงแรมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เดียวกับที่ลาซารัสต้องเจอในห้องจัดเลี้ยงงานแต่ง

คุณหมออัลฟ่าและโอเมก้าที่ยังช็อคไม่หายนั่งรถคันหรูที่มีหน้าที่รับส่งผู้แขกผู้มาร่วมงาน รถขับออกไปยังถนนเส้นหลักที่มีการจราจรคับคั่งอย่างผิดปกติ ทำให้ต้องติดอยู่บนรถนานกว่าเดิม

คาเล็มหันไปมองลาซารัสที่เอาแต่นั่งเงียบและไม่ยอมพูดอะไรตั้งแต่ขึ้นรถมา ดวงตาคมไล่มองชุดสูทสีน้ำเงินเข้มที่ยับย่นก่อนกระเถิบเข้ามานั่งใกล้โอเมก้าของตน “ทำไมชุดเป็นแบบนี้?”

“อ่ะ…” ดวงตาสีฟ้าหลุบต่ำไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่ายตรงๆ คาเล็มจับใบหน้าของลาซารัสให้หันมาหา แต่ทางนั้นก็หลับตาก้มหน้าหนีและพยายามผละออก “ผมไม่เป็นอะไร…”

“โกหก…” เสียงทุ้มยกมือขึ้นลูบหัวและหลังของโอเมก้าที่กำลังสั่น “ฉันผิดเอง...ขอโทษด้วยที่ทิ้งนายไว้คนเดียว”

ร่างโปร่งยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองและไม่ทันไรก็ส่งเสียงสะอื้น มือหนาดึงตัวให้คนข้างๆลงมาซุกกับบ่าและลูบหลังปลอบโยนอยู่อย่างนั้น

“ครั้งหน้าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้อีก” เสียงทุ้มกล่าวข้างหู “วันนี้กลับบ้านแล้วพักผ่อนเถอะนะ”

“คุณหมอ…” เสียงอู้อี้สั่นเครือเรียกหาคนตรงหน้าซ้ำๆ มือที่ปิดหน้าเลื่อนไปโอบตัวอีกฝ่าย เขารู้ดีว่ามันไม่สมควรแต่เขาอยากได้ไออุ่นจากคนๆนี้ช่วยให้จิตใจที่กำลังหวาดกลัวและสับสนได้สงบลง 
 
โลกภายนอกที่เคยวาดภาพไว้ว่าสวยงามน่าหลงใหลแท้จริงกลับอันตรายถึงเพียงนี้เชียว…

หรือจิตใจคนเรากันแน่ที่แปดเปื้อนสกปรกเสียจนทำลายความฝันของคนๆหนึ่งให้พังทลายย่อยยับได้อย่างง่ายดาย



หลังจากกลับถึงบ้าน ลาซารัสก็ขอตัวไปพักผ่อนทันทีและยังพาพวกก้อนขนเข้าไปนอนในห้องด้วยเกือบทั้งหมด และริชาร์ดที่ติดต่อมาทันทีที่พวกเขากลับถึงบ้านเพื่อถามถึงการเปิดตัวในงานแต่งวันนี้ว่าเป็นอย่างไรบ้างราวกับซีอีโอหนุ่มคำนวนเวลาไว้แล้ว แต่กลับกลายเป็นว่าโดนเซอร์ไพรซ์ด้วยเรื่องที่อัยการหน้าเลือดคนนั้นดันโผล่หน้ามาแจม แถมยังทำเรื่องงามหน้าต่อหน้าเจ้าของโอเมก้าอย่างคาเล็มอีก

เรียกว่าหยามน้ำหน้ากันสุดๆก็ไม่เกินไปเลยสักนิด

“แกปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นได้ยังไงวะคาเล็ม!” ริชาร์ดตะโกนใส่หน้าจอด่าเพื่อนรักที่ตอนนี้ชักจะไม่รักเหมือนทุกที โทรศัพท์ของคุณหมออัลฟ่าสั่นสะเทือนราวกับคนที่พูดผ่านวีดีโอคอลกำลังจะมุดตัวทะลุออกมากระชากคอเสื้อตนให้ได้อย่างไรอย่างนั้น

“ถ้าฉันรู้ว่าจะเจอหน้ามันด้วยฉันจะไม่โผล่หน้าไปที่งานเด็ดขาดเหมือนกันนั่นแหละ” คาเล็มถอดชุดสูทไปพลางโต้ตอบกับเพื่อน น้ำเสียงของคนที่มักเฉยชากับปัญหาเกือบทุกอย่างแม้จะฟังผ่านอุปกรณ์ก็ยังรับรู้ได้ว่ามีน้ำโหสุดๆเช่นกัน “แกเองก็ไม่รู้เหมือนกันไม่ใช่เรอะ ไม่งั้นคงไม่พลาดที่จะไปโต้วาทีกับเจ้านั่นหรอก”

“แกมั่นใจนะว่าไม่มีเหตุการณ์อะไรก่อนหน้านั้น”

“...ตอนเจอหน้าก็ยังดีๆอยู่..คิดว่าไม่มีอะไร” พอนึกถึงคนอ่านง่ายคนนั้นขึ้นมาก็ปวดใจที่ต้องเห็นโอเมก้าของตนโดนคนอื่นล่วงเกิน แม้จะเพียงแค่จูบ แต่ตัวเขาที่ทำอะไรไม่ได้เลยในตอนนั้นยิ่งตอกย้ำให้เขานึกถึงเหตุการณ์ที่สูญเสียคนรักคนก่อนไป…

'ไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยก็ตัดใจตีตราเจ้าหนูนี่ซะนะ'

คาเล็มนิ่งไปนานจนริชาร์ดต้องร้องทักเพื่อน “หือ? อะไรเหรอ?”

“แล้วลาซัสล่ะ?”

“ไปพักแล้ว ...ฉันควรไปดูซักหน่อยมั้ย?” คุณหมอหันไปถามเพื่อนรักอย่างไม่แน่ใจว่าควรทำตัวยังไง

“...ปกติฉันคงจะบอกให้นายรีบไปนะ..” ริชาร์ดยกมือขึ้นเกาหัวและลูบใบหน้าของตน “แต่ตอนนี้ ฉันว่า… เออๆ ไปหาหน่อยก็ดี... แล้วทำไมแกมาขอความเห็นคนไม่เคยมีคู่อย่างฉันฟะ”


คาเล็มยืนลังเลอยู่หน้าประตูห้องของโอเมก้าหนุ่มสักพักก่อนจะเคาะขออนุญาตเข้าไป เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเสียงคุ้นเคยจะตอบรับให้เข้ามาได้ มือหนาเปิดประตูและเข้าไปข้างใน

ลาซารัสนั่งอยู่บนโซฟากลางห้องพร้อมด้วยสุนัขน้อยใหญ่ที่รายล้อมทั้งบนโซฟาเหมือนกันและที่พื้น แต่ละตัวครางหงิงเสียงอ่อนแล้วคอยเลียปลอบร่างโปร่งไปทั่วตัว

“ขอบใจนะ ดีขึ้นแล้วล่ะ” ลาซารัสยิ้มเศร้าส่งให้เจ้าตัวน้อยทั้งหลายก่อนจะอุ้มบางตัวลงจากโซฟาเพื่อให้คุณหมอได้นั่งข้างๆ

“ไม่นอนอีกเหรอ เริ่มดึกแล้วนะ”

“ผมคงนอนไม่หลับหรอกครับ” โอเมก้าหนุ่มยิ้มเหนื่อยๆให้เจ้านายของตน “แต่เดี๋ยวเหนื่อยก็หลับไปเองมั้ง”

มือหนายกขึ้นลูบหัวคนข้างๆ เขารู้สึกแย่เหลือเกินที่ปล่อยให้ลาซารัสต้องไปเจออะไรเพียงคนเดียว “ขอโทษทีนะ ถ้ารู้ว่าหมอนั่นไปด้วยคงไม่ไปแต่แรกน่ะ”

“หมายถึงคุณเออร์แฟนเหรอครับ?” ร่างโปร่งมองถามอย่างสงสัย

“อือ”

“...คือ...เรื่องคุณเออร์แฟน...ผมช็อคที่โดน….ไปก็จริง… แต่… มีอีกเรื่องที่มันไม่ยอมหลุดออกจากหัวไปสักที”

“หือ?” คาเล็มเลิกคิ้ว ความหวั่นใจที่แล่นเข้ามาเกาะกุมจิตใจเริ่มทำเขาใจไม่ดี “เกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านั้นเหรอ”

“...มีคนสองคนพยายามจะพาผมไปทำ….เรื่องแบบนั้น” เสียงนุ่มเริ่มสั่นอีกครั้ง ถึงเออร์แฟนจะทำเรื่องแย่ๆเหมือนกันแต่เทียบกับสองคนนั้น… “คุณเออร์แฟนเค้ามาช่วยผมทันพอดี ไม่งั้น…”

“.......” คาเล็มมองลาซารัสที่เอามือกอดตัวเองแน่นพร้อมกับจิกนิ้วลงไปที่แขนโดยไม่รู้ตัว เขาเองก็ช็อคจนพูดอะไรไม่ออกเช่นกันที่เกิดเรื่องพรรค์นั้นขึ้นในงานแต่งงานท่ามกลางสายตาคนมากมาย

ทว่าแม้จะโกรธพวกที่มารังแกโอเมก้าของตนแค่ไหน คาเล็มก็นึกโมโหตัวเองยิ่งกว่าที่ประมาทเลินเล่อคิดว่าลาซารัสจะสามารถเอาตัวรอดเองได้

“ผมกลัว...กลัวมากๆ...ในใจพยายามเรียกให้ใครสักคนมาช่วย...แต่...ไม่มีเลย…” สายตาของคนที่อยู่ในงานเลี้ยงที่แสร้งทำเป็นเมินเฉยต่อการกระทำหยาบคาย ในบรรดาคนเหล่านั้นมีแค่อัยการหนุ่มคนนั้นที่เข้ามาจัดการทุกอย่างได้อยู่หมัด “ดังนั้น...ที่โดนคุณเออร์แฟนทำ...ผมจะคิดซะว่านั่นเป็นการตอบแทนก็ได้ครับ”

“นายไม่ควรคิดแบบนี้ลาซารัส ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิมาทำเหมือนกับนายเป็นของเล่นของคนพวกนั้น” อัลฟ่าสูงวัยแตะที่มือของร่างโปร่งและพยายามแกะมือที่จิกแขนตัวเองจนเป็นรอยให้คลายออก “มันมีวิธีที่จะช่วยป้องกันไม่ให้เรื่องนี้เกิดขึ้นกับนายอีก แต่...ฉันไม่อยากทำ”

ลาซารัสเงยหน้าขึ้น เขารู้ดีว่าวิธีที่หมอคาเล็มพูดนั้นหมายถึงอะไร “ทำไมล่ะครับ เพราะอะไร...ผมก็เคยบอกไปแล้วว่าผมไม่รังเกียจคุณหมอเลย…”

“เพราะฉัน...ตั้งใจไว้แต่แรกว่าเสร็จจากงานวิจัยนี้ ฉันจะยกนายให้อัลฟ่าคนอื่น” เสียงทุ้มบอกความจริงถึงเหตุผลที่เขาไม่ต้องการจะครอบครองโอเมก้าหนุ่มคนนี้ และคอยหลบเลี่ยงทุกครั้งที่เกือบจะพลั้งมือกระทำการล่วงเกินอีกฝ่าย

ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้คาเล็มตั้งใจจะเริ่มต้นใหม่กับโอเมก้าคนนี้ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็ทำให้เขาตระหนักรู้ได้อีกครั้งว่าเขาไม่มีอำนาจพอที่จะปกป้องลาซารัสได้เลย

“ฟังนะลาซารัส ฉันอายุตั้ง 46 เข้าไปแล้ว ถึงนายจะมาเป็นคู่ให้ฉันแต่ฉันก็คงจะอยู่กับนายได้อีกไม่นานหรอก หากฉันตีตรานายในตอนนี้ก็เท่ากับว่าตัวนายมีเจ้าของเป็นอัลฟ่าแก่ๆคนหนึ่ง และถ้าเกิดว่าฉันเป็นอะไรขึ้นมาจะมีใครมาดูแลนายในวันที่ฉันไม่อยู่อีกแล้ว”

“แต่ผม…” ริมฝีปากถูกหยุดไว้ด้วยปลายนิ้วมืออย่างไม่ต้องการให้โต้แย้งสิ่งที่ตนกำลังพูด

“เชื่อฉันเถอะ นี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่ฉันจะให้ได้” คาเล็มยกปลายนิ้วขึ้นเช็ดน้ำตาที่ปริ่มรอบดวงตาสีฟ้า “ขอบใจนะที่มีความรู้สึกดีๆให้ฉัน แต่ฉันคงรับไว้ไม่ได้”


“ฉันบอกให้ไปปลอบไม่ใช่ไปทำเขาร้องไห้อีกรอบโว้ยย!!” ริชาร์ดแผดเสียงใส่โทรศัพท์เสียลั่นจนคนฟังต้องเลื่อนมือถือห่างจากหู ไม่งั้นเขาคงได้หูดับแน่ๆ

“ขอโทษที…” คาเล็มคอตกและลูบหน้าตัวเองอย่างไม่เข้าใจว่าทำอะไรลงไป

“อย่างน้อยๆถ้าจะปฎิเสธต้องไม่ใช่เมื่อกี้..” เพื่อนที่ยกสายอยู่อีกด้านก็กุมขมับไม่แพ้กัน “เอาจริงดิ ฉันไม่เข้าใจจริงๆว่ะ”

“ฉันเป็นห่วงลาซารัสนี่ อนาคตกับตาแก่ไม่ใกล้ฝั่งแบบนี้จะมีความสุขได้อีกกี่ปีกัน” คาเล็มล้มตัวลงนอนบนเตียงช้าๆเพราะขาและหลังที่ยังไม่ค่อยดีนัก “ให้ไปใช้ชีวิตสบายๆกับใครสักคนน่าจะดีกว่า..”

“หยุด.. ฉันรู้ว่าแกเล็งจะยกให้ฉันล่ะสิ” ริชาร์ดดักคอเพื่อนของตนอย่างรู้ทัน “เห็นผลักไสมาหาเหลือเกิน ฉันไม่เอาหรอกว้อย หมอนั่นเฉาตายพอดี”

“ฉัน...คิดว่าเค้าคงแค่หลงเพราะไม่เคยอยู่กับอัลฟ่ามาก่อนเลย..มากกว่า” คาเล็มพยายามให้เหตุผล..เพื่อให้ตัวเองตัดใจ เขาไม่ควรคิดอะไรเข้าข้างตัวเองต่อ “ถ้าให้อยู่กับแกนานเข้า บางทีเขาอาจจะตัดใจจากฉันได้สักวันมั้ง…”

ริชาร์ดที่ปลายสายเงียบไปเพราะอึ้งกิมกี่จนคนรอฟังที่อีกด้านต้องเรียกเพื่อให้มั่นใจว่าสายไม่ได้หลุด “แก...โทษว่ะ แต่ขอหน่อยเหอะ แกคิดแบบนี้ออกมาได้ยังไงวะ”

“ก็…”

“แกบอกให้ฉันหยุดฉีดน้ำหอมกลบกลิ่นฟีโรโมน ฉันก็ทำ ขนาดทำตัวสนิทสนมแถมให้ด้วยฉันก็ทำ เอ่อ..แต่นี่คงเกินหน้าที่..”

“ก็เห็นสนิทกันดีนี่ ก็แชทกันทุกวันไม่ใช่เหรอ”

“ใช่! แชทกันทุกวัน ลาซัสถามแต่เรื่องนายทุกวันเลยไง!” ซีอีโอหนุ่มแว้ดเสียงใส่โทรศัพท์เผื่อว่ามันจะได้ทะลุแก้วหูเข้าไปถึงสมองของคุณหมออัลฟ่าอัจฉริยะแต่ดันโง่เรื่องหัวใจคนนั้นสักที “ฉันอุตส่าห์บอกถึงขนาดนี้แล้วนะ ถ้าขืนยังมัวแต่ลังเลสับสนอยู่แบบนี้ล่ะก็แกเองนั่นแหละที่จะเสียใจทีหลัง แล้วอย่าหาว่าฉันไม่เตือนล่ะไอ้คุณคาเล็ม!”

ริชาร์ดกล่าวทิ้งท้ายพร้อมกับตัดสายทิ้งแถมปิดเครื่องหนีไม่ให้โอกาสคุณหมออัลฟ่าได้มีโอกาสโต้แย้งใดๆกลับไป คาเล็มถอนหายใจพร้อมกับส่ายหน้าอย่างปวดหัว ก่อนจะวางมือถือไว้ที่โต๊ะข้างเตียงและไม่ลืมที่จะชาร์จแบต เขาล้มตัวลงนอนเอามือก่ายหน้าผากอย่างกลัดกลุ้มว่าจากนี้จะเอายังไงต่อดี

ระหว่างทำในสิ่งที่ใจปรารถนาแต่ทุกอย่างอาจพังทลาย หรือ สิ่งที่ดีต่อทุกฝ่ายแม้ว่ามันจะต้องฝืนความรู้สึกที่แท้จริงก็ตาม



(ยังมีต่อ)

ออฟไลน์ pichi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • PICHI Otakura

นอนไม่หลับ…

หลายเหตุการณ์ที่เจอในวันเดียวกันทำให้ร่างโปร่งต้องลุกขึ้นมานั่งกอดเข่าบนเตียง ทั้งๆที่ร่างกายควรจะอ่อนเพลียจนผล็อยหลับ แต่ที่เป็นแบบนี้คงเพราะเจอแต่เรื่องสะเทือนใจจนสมองสั่งให้หลับไม่ลงเป็นแน่

ลงไปหาอะไรอุ่นๆ ดื่มดีกว่า…

ลาซารัสค่อยๆ ลุกจากที่นอนเพื่อไม่ให้พวกปุกปุยที่กำลังหลับสะดุ้งตื่นขึ้นมา ขาค่อยๆก้าวข้ามที่ละตัวจนถึงประตูและเดินลงบันไดไปยังห้องครัว ทว่าแสงไฟจากชั้นล่างกลับสว่างผิดปกติ ร่างโปร่งชะโงกหน้าออกไปดูแล้วก็พบว่าคุณหมอคาเล็มลงมาหากาแฟดื่มเช่นกัน

“..........” เกิดความเงียบน่าอึดอัดขณะที่ทั้งคู่มองหน้ากัน และหมอคาเล็มเป็นฝ่ายหันหน้าหนีไปก่อน ทำเอาร่างโปร่งหน้าซีดเพราะว่าโดนอีกฝ่ายหลบหน้า

“ยังไม่นอนเหรอครับคุณหมอ…”

“อืม…” ตอบรับเพียงแค่นั้นแล้วทำท่าจะเดินออกไป

ลาซารัสเดินคอตกก่อนไปเปิดตู้หาถุงชา แต่ของอยู่สูงเกินไปจึงต้องเขย่งปลายเท้าควานหา ก่อนที่มือหนาของคนที่คิดว่าออกไปแล้วจะเอื้อมมาหยิบให้อย่างรู้ทันด้วยว่าเขากำลังจะหยิบถุงชาที่ดื่มเป็นประจำ

“หานี่อยู่เหรอ?”

“...ขอบคุณครับ” มือยื่นไปรับของจากร่างสูง แต่คาเล็มกลับไม่ปล่อยมือจากมันจนลาซารัสต้องเงยหน้าขึ้นจ้องคล้ายจะถามคุณหมอว่ามีอะไรรึเปล่า

“นาฬิกาที่เคยให้ไป พรุ่งนี้ช่วยเอามาคืนฉันด้วย” ดวงตาสีฟ้าอึ้งไป ทั้งๆที่เคยคิดว่าได้รับมาเป็นของขวัญ แต่แล้วคนๆนี้ก็มาทวงมันคืนไป “อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ เดี๋ยวฉันจะซื้อให้ใหม่เอง”

“ไม่เอา…”

“เฮ้...อย่าดื้อสิ เรือนนั้นมันเก่าแล้ว เดี๋ยวฉันพานายไปเลือกซื้อด้วยก็ได้” คาเล็มพูดหว่านล้อมก็เพื่อให้โอเมก้าตัดใจคืนนาฬิกากลับมา

“ผม...ไม่อยากได้เรือนใหม่หรอกครับ ถึงแม้ว่ามันจะสวยกว่าหรือแพงกว่าเรือนที่คุณหมอให้มาก็ตาม”

คุณหมอยืนมองร่างเล็กกว่าที่จับข้อมือข้างที่ใส่อยู่ไว้แน่นราวกับไม่ยอมให้มันหายไปไหน “ลาซารัส คือว่าอันนั้นน่ะ..”

“ผมขอได้มั้ยครับ..” คนตัวเล็กกว่ามองช้อนขึ้นมา “มัน..เป็นของชิ้นแรกที่คุณหมอให้มาโดยที่ผมไม่ได้ร้องขอ.. ผมก็เลยดีใจมากๆ”

คาเล็มจุกกับคำพูดนั้น เขากลืนความจริงเรื่องที่มันเป็นตัววัดอะไรๆลงคอไป ความรู้สึกผิดเกาะกุมหัวใจ ตอนนั้นเขาไม่ได้คิดว่าอีกฝ่ายจะรับมันไปด้วยความรู้สึกไหน จะว่าไปมาขอคืนแบบนี้ บวกกับเพิ่งโดนเขาปฎิเสธอีก มันคงรู้สึกแย่มากแน่ๆ

“ผมอยู่ด้วยไม่ได้จริงๆเหรอครับ” ลาซารัสยังคงตื้ออีกฝ่าย รู้อยู่ว่าไม่สมควรเพราะอัลฟ่าของเขาตัดสินใจไปแล้ว..

ร่างสูงมองหน้ากับดวงตาหม่นหมองที่แดงก่ำเพราะเสียน้ำตามาตลอดตั้งแต่หัวค่ำ ไม่มีคำตอบรับหรือปฎิเสธใดๆออกมาจากปาก ความเงียบโรยตัวลงมาระหว่างเขาทั้งคู่

“ผมขอตัวก่อนนะครับ..” ลาซารัสวางถุงชาลงกับส่วนเคาท์เตอร์แล้วโค้งให้เจ้านายของตนอีกทีเพื่อลากลับห้อง คาเล็มมองตามหลังเล็กที่เริ่มสั่น เขาลังเลอยู่ระหว่างว่าจะรั้งไว้หรือปล่อยเขาไป ...แต่ถ้ารั้งไว้แล้วเขาตอบว่าอะไรดี?

สุดท้ายลาซารัสก็เดินหายกลับขึ้นไปชั้นบน ทิ้งอัลฟ่าสูงวัยไว้ลำพังที่ห้องครัว

“มีอะไรเหรอครับนายน้อย” เสียงของพ่อบ้านทำเอาคาเล็มสะดุ้งเบาๆ ไม่นึกว่าเขาจะตื่นลงมาดู.. “อ่ะ กินกาแฟกลางดึกอีกแล้วเหรอ มันไม่ดีนะครับ”

คาเล็มมองแก้วกาแฟในมือแล้ววางมันลงเพราะเขาไม่อยากจะกินมันแล้ว “ขออะไรอุ่นๆสักแก้วสิ..”

“ได้ครับ” แม้จะเป็นช่วงเวลาพักผ่อนแต่เรนเดลก็เดินมาชงอะไรให้หมอดื่มโดยไม่อิดออด ดีด้วยซ้ำที่นายจ้างตนจะได้ไม่กระดกกาแฟเอากลางค่ำกลางคืน มีหวังตาสว่างจนเวลานอนผิดเพี้ยนอีก


“...สรุปว่าก็บอกความจริงไปสินะครับ” เรนเดลวางถ้วยน้ำขิงลงบนโต๊ะทานข้าวเยื้องตัวคาเล็มไปเล็กน้อย

“อืม..” ร่างสูงยกขึ้นเป่าแล้วจิบช้าๆเหมือนใช้ความคิดอย่างหนัก “ความจริงควรบอกไปตั้งนานแล้ว ก่อนที่มันจะเลยเถิดขนาดนี้”

“มันเป็นการตัดสินใจของนายน้อย กระผมพูดอะไรไม่ได้หรอกครับ” เรนเดลนั่งลงตรงเก้าอี้ข้างๆเขา

คาเล็มนั่งเงียบอยู่สักพักโดยไม่ได้บอกให้พ่อบ้านกลับไปพักผ่อนต่อเพราะเขายังต้องการคนปรึกษาหลังจากที่ไม่ได้คิดจะทำมานาน “ถึงจะบอกว่าอยากจะเริ่มต้นใหม่ แต่แบบนั้นมันดีจริงๆแล้วเหรอ”

เรนเดลไม่ตอบอะไร นั่งรอให้คนตรงหน้าพูดสิ่งที่คิดออกมาให้หมด

“เรนเดล...ถ้าขอถามความเห็นแบบไม่ต้องเกรงใจฉัน นายคิดว่าฉันควรทำยังไงดี” ท่าทางจะตันจริงๆจนต้องหวังพึ่งความเห็นคนที่ดูสงบนิ่งกว่าเขาตอนนี้

“งั้นนายน้อยครับ.. งานที่นายน้อยกำลังทำอยู่คือช่วยเหลือให้โอเมก้าใช้ชีวิตได้อย่างปกติเหมือนคนอื่นใช่มั้ยครับ”

“อืม..”

“นายน้อยต้องการให้พวกเขาได้มีสิทธิในการใช้ชีวิตอย่างปกติชนใช่มั้ยครับ?”

“อ่าฮะ” คาเล็มยกมือขึ้นเกาหัวอย่างงุนงงเล็กน้อย

“งั้น...กระผมจะขอให้นายน้อยลองเริ่มก้าวแรกเล็กๆนี้ ด้วยการเคารพการตัดสินใจของคุณแมทเวย์ด้วยนะครับ” เรนเดลพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนิ่งน่าฟังและไม่ใช่เชิงต่อว่า แต่เป็นการชี้อีกมุมมองให้คุณหมอได้ฉุกคิด “พวกเขาเองก็มีสิทธิที่จะเลือกรักคนที่เขารัก ไม่ใช่ให้อัลฟ่ามาตัดสินว่าอะไรคือสิ่งที่พวกเขาควรได้รับ ถูกต้องมั้ยครับ”

คาเล็มมองหน้าคนสูงวัยกว่าอย่างไม่เคยจะนึกถึงเรื่องนี้มาก่อน สิ่งที่เรียกว่าความเคยชินมันนช่างน่ากลัว เขาลืมกระทั่งหนึ่งในจุดประสงค์ใหญ่ที่เขาต่อสู้เพื่อมันมาตลอดไปได้ไง

“อย่างน้อยๆก็บอกความจริงเรื่องนาฬิกาไปเถอะครับ คุณแมทเวย์ไม่โกรธรอก” คาเล็มที่พยักหน้ารับมาตลอดจนกระทั่งถึงประโยคนี้ทำเอาเกือบสำลักน้ำขิงในมือ

“จะดีเหรอ…” ดวงตาหลังแว่นชำเลืองมองชายชราผู้ผ่านโลกมามากและมีมุมมองกว้างกว่าเขา

“ก็ดีกว่าปล่อยให้เขาเข้าใจผิดอยู่แบบนั้นนะครับ” เรนเดลลุกขึ้นและขอตัวไปพักผ่อนเพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นมาทำงานแต่เช้า “อย่านอนดึกมากนะครับนายน้อย เดี๋ยวจะเสียสุขภาพ”

หลังพ่อบ้านไปเข้านอนแล้ว คุณหมออัลฟ่าเจ้าบ้านก็นั่งครุ่นคิดอยู่อีกพักหนึ่ง ก่อนจะดื่มน้ำขิงจนหมดถ้วยแล้วเดินกลับขึ้นชั้นบน ทว่าด้วยขาที่ยังเจ็บอยู่ทำให้การก้าวขึ้นบันไดเป็นไปอย่างเชื่องช้า

รู้งี้บอกให้เรนเดลช่วยพยุงขึ้นไปซะก็ดี...

คาเล็มเดินหอบขึ้นบันไดมาถึงชั้นบนได้ก็ลากขาเดินต่อไปจนถึงหน้าห้องของลาซารัส เขาไม่รู้ว่าเวลานี้โอเมก้าหนุ่มคนนั้นจะหลับไปแล้วหรือยัง แต่มือก็ลองเคาะประตูห้องไปก่อนแล้ว

ไร้เสียงใดๆตอบกลับ แสดงว่าคงหลับไปแล้ว…

ร่างสูงยืนถอนหายใจและถอดใจเดินกลับไปที่ห้องนอนของตน ค่อยๆนั่งลงบนที่นอนช้าๆ มือเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มาพิมพ์ข้อความก่อนกดส่งให้ลาซารัส การบอกเรื่องสำคัญผ่านอุปกรณ์สื่อสารมันอาจดูมักง่ายไปหน่อย แต่เขาก็คิดว่าวิธีนี้คงทำให้คุยกันง่ายกว่ามานั่งปรับความเข้าใจกันตรงๆ

อีกอย่าง...พอเห็นใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตานั้นแล้วเขาก็กลัวว่าตัวเองจะขี้ขลาดไม่กล้าบอกความจริงไปอีก การสารภาพผ่านหน้าจอสี่เหลี่ยมเล็กๆนี่จึงเป็นทางออกเดียวสำหรับคนปากหนักเช่นเขา

‘ขอโทษนะลาซารัสที่ฉันทวงของคืนโดยไม่ได้คิดถึงความรู้สึกของนาย’

‘ที่จริงแล้วฉันมีเรื่องจะสารภาพ...นาฬิกาเรือนนั้นน่ะมันติดตั้งอุปกรณ์พิเศษเอาไว้ จะว่าไงดี...คือว่าไอ้นั่นน่ะมันก็เป็นอุปกรณ์ทดสอบอีกอย่างของฉันเองอีกนั่นแหละ’

‘ขอโทษด้วยที่ไม่ได้บอกเรื่องนี้ แต่ตอนนี้ฉันไม่อยากจะทดสอบอะไรนายอีกแล้ว ฉันเลยอยากขอคืนเพราะไม่อยากละเมิดความเป็นส่วนตัวของนายไปมากกว่านี้แล้ว’

‘นี่ลาซารัส...นายจะยกโทษให้ฉันได้มั้ย?’

‘ฉันรู้ว่ามันยาก แต่ว่า...ให้โอกาสฉันได้แก้ตัวสักครั้งจะได้ไหม?’

‘แล้วก็...ต้องขอโทษนะที่ส่งมาเวลานี้ นายคงจะหลับไปแล้ว ไว้เจอกันพรุ่งนี้ตอนเช้านะ ราตรีสวัสดิ์’


ข้อความที่พิมพ์ส่งไปหาผู้รับทั้งหมดขึ้นคำว่าอ่านแล้ว แต่รอเท่าไหร่ไม่มีสิ่งใดตอบกลับมา คาเล็มจึงทำได้เพียงกดปิดเครื่องแล้ววางมันลงข้างโต๊ะก่อนจะเอนตัวลงนอนและพยายามข่มตาให้กลับในคืนนี้ 


เสียงแหลมเล็กของฝูงสุนัขจากด้านนอกปลุกคาเล็มให้ตื่นขึ้นมาแม้จะยังนอนไม่อิ่มดีก็ตาม ร่างสูงปวดหัวจนต้องนั่งค้างไว้เพื่อปรับตัวก่อน มือหนาควานหาแว่นที่โต๊ะข้างเตียงแล้วหยิบมาใส่...ก่อนจะนึกได้ว่าพิมพ์ข้อความทิ้งไว้ จึงรีบเอามือถือมาเปิดดู..และลาซารัสทิ้งข้อความไว้ตั้งแต่เช้าจริงๆด้วย

‘มันเอาไว้ทำอะไรเหรอครับ?’

ประโยคเดียวสั้นๆของคนที่ปกติจะระรัวข้อความมาทำเอาเขาลังเลที่จะบอก...แต่เดินหน้ามาขนาดนี้แล้วก็ต้องทำให้สุดสิ..

‘ตรวจชีพจรกับความดัน ฉันเอาไว้เช็คว่านายจะฮีทเมื่อไหร่ สุ่มเสี่ยงว่าจะฮีทหรือเปล่าแล้วก็เป็นเครื่องติดตามตัวด้วย’

คาเล็มกดส่งไปหา ในใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายขึ้นว่า อ่านแล้ว แทบจะทันที ข้อความหยุดนิ่งไปนานจนคุณหมอหวั่นใจจะลุกออกไปหา แต่ก็มีข้อความพิมพ์มารั้งเขาไม่ให้ลุกจากเตียงง่ายๆ

‘ตั้งแต่ผมได้นาฬิกามาผมช่วยตัวเองไปกี่ครั้งครับ’

ร่างสูงเลิกคิ้วแปลกใจกับความกล้าถามของอีกฝ่าย...จริงๆเขาไม่ควรตะตกใจขนาดนี้เพราะเมื่อคืนก็เห็นๆอยู่ว่ากล้าไปท้าทายอัลฟ่าที่เขาแสนเกลียดคนนั้นขนาดไหน

‘สองครั้ง ครั้งแรกเป็นวันถัดมาหลังจากที่นายฮีทตอนวัดตัวให้ฉัน อีกครั้งก็ตอนที่โดนฉันทดลองยา เช้าวันถัดมานายก็ทำเลย’

กล้าถามก็กล้าตอบ.. แต่พิมพ์ไปคาเล็มก็แอบละอายใจที่ทำตัวเหมือนสต็อกเกอร์ขนาดนี้ เมื่อเขาตอบไปก็ไม่มีข้อความใดๆตอบมาอีก กระทั่งมีเสียงเคาะที่หน้าประตู คาเล็มเดินไปเปิดประตูอย่างยากลำบาก และพบกับลาซารัสที่ยื่นนาฬิกาใส่หน้าแทบจะทันทีที่เขาโผล่หน้ามาให้เห็น ใบหน้าของโอเมก้าขึ้นสีแดงจัดจนทั่ว

“คุณหมอโรคจิตอ่ะ…”

“หา!? ก็นายถามนี่ ฉันก็ตอบตามตรง” ร่างสูงหยิบนาฬิกาคืนจากมืออีกฝ่าย

“ก็ไม่เห็นต้องพิมพ์ละเอียดขนาดนั้นเลย” สองมือว่างยกปิดหน้าตัวเองอย่างอับอายที่โดนล่วงรู้เรื่องส่วนตัว

“กลัวนายไม่เชื่อนี่นา” ใช่ว่าคนพิมพ์จะไม่รู้สึกอะไร เขากระดากนิ้วละอายใจแทบตายอยู่เหมือนกัน อีกมือหนึ่งยกขึ้นลูบผมของอีกคนเบาๆ “เมื่อคืนขอโทษนะ… นายเจอเรื่องแย่ๆมาทั้งวันแล้วแท้ๆ”

“ช่างเถอะครับ เรื่องมันผ่านไปแล้วนี่” เสียงอู้อี้ตอบทั้งที่มือยังปิดหน้าอยู่

“นายหายโกรธแล้วใช่มั้ย” มือหนาผละออกพร้อมๆกับที่ดวงตาสีฟ้าส่งสายตาดุและคิ้วขมวดมุ่นมาให้...แต่ไม่ได้ทำให้ดูน่ากลัวเลยสักนิดเดียว

“อย่าเข้าใจผิดสิครับ ที่เอานาฬิกามาคืนให้นี่ไม่ได้แปลว่าผมยกโทษให้คุณหมอสักหน่อย” ลาซารัสกอดอกแล้วยังหันหลังให้คุณหมออัลฟ่า ร่างสูงเอามือเท้าขอบประตูยืนจ้องคนที่ดูออกง่ายดายว่าหายโกรธไปตั้งนานแล้ว

“แล้ว...ต้องทำยังไงถึงจะยกโทษให้ล่ะ” คาเล็มลองง้อคนโมโหไม่จริงดู ร่างโปร่งนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะหันมาจ้องเพราะคิดวิธีบางอย่างออก

“ถ้าอย่างนั้น…” โอเมก้าหนุ่มหันตัวกลับมา “คุณหมอช่วยหลับตาแป๊บนึงสิครับ”

“หือ?”

“ไม่ทำอะไรแผลงๆหรอกครับ” พออีกฝ่ายยืนยันแบบนี้แล้วคุณหมอก็ยอมหลับตาให้ตามคำขอ คาเล็มรู้สึกได้ว่าลาซารัสเอาอะไรสักอย่างมาติดไว้ที่หัวของตน ก่อนจะได้ยินเสียงกดถ่ายรูปของโทรศัพท์มือถือ สักพักก็ลืมตาขึ้นแล้วจ้องโอเมก้าหนุ่มที่กำลังอมยิ้มจนแก้มปริ

“ถ่ายรูปอะไรไปน่ะ?” ถามพลางยกมือขึ้นแตะสิ่งที่ติดอยู่บนหัวและหยิบมาดู มันเป็นที่คาดผมสีดำกับอะไรสักอย่างที่ดูเหมือนกับ...หูแมว

“ลา - ซา - รัส!”

ร่างโปร่งวิ่งหนีคุณหมอไปพร้อมกับกองทัพปุกปุย คาเล็มคิดจะวิ่งตามไปไล่เตะก้นแต่ทั้งขาและหลังก็พร้อมใจกันเจ็บจี๊ดขึ้นสมองจนต้องเกาะผนังเป็นจิ้งจก อัลฟ่าสูงวัยซึ่งเสียท่าทำได้แค่ตะโกนไล่หลังจนเสียงดังลั่นบ้านว่า “ลบเดี๋ยวนี้เลยนะ!!” 

ไม่ถึงห้านาทีต่อมา ริชาร์ดก็โทรเข้าเครื่องของคาเล็มพร้อมกับแนบรูปที่ลาซารัสเพิ่งถ่ายส่งไปให้ดู ตอนนี้คุณหมออัลฟ่าเดาได้เลยว่าเพื่อนรักเพื่อนทรยศของตนต้องกำลังหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็งอยู่แน่ๆ แล้วคนที่เป็นเจ้าของหูแมวอันนั้นก็คงไม่ใช่ใครอื่นหรอก

“รอให้ฉันขาหายเจ็บซะก่อนเถอะ จะตามไปเตะก้นแกถึงบริษัทเลย ไอ้ริชาร์ด!!”

“ไม่ต้องไปถึงนั่นก็ได้ม้าง” จู่ๆเสียงของคนที่เพิ่งสาปส่งไปก็ดังขึ้นข้างๆ คาเล็มหันไปเจอริชาร์ดที่อุ้มสก็อตยืนมองเขาทั้งรอยยิ้มอยู่ ทีแรกเขานึกว่าตัวเองหลอนไปเองกระทั่งต้องหยิกแก้มตนเพื่อพิสูจน์

“มาทำอะไรแต่เช้า…”

“วันนี้วันฉีดวัคซีนเจ้าตัวเล็กนี่ไง ลาซารัสไม่ได้บอกเหรอ” ริชาร์ดยื่นสก็อตใส่หน้าหมอให้มันเลียทักทาย

“..อ้อ… บอกวันก่อนโน้น.. ลืมไปสนิทเลย” หมอยกมือขึ้นเกาหัวแก้เก้อ มีเรื่องให้คิดมากเกินไปจนลืมอะไรๆไปหมดแล้ว

“ไปกินข้าวกัน เดี๋ยวสักพักหมอก็มาละ” เพื่อนรักปล่อยสก็อตลงเดินแล้วเข้ามาพยุงหมอเพื่อให้ลงไปกินข้าวพร้อมๆกันได้ เมื่อมาถึงครัว ลาซารัสกับเรนเดลก็เตรียมอาหารไว้รอเรียบร้อย


“โฮววววววววว ลาซัสที่น่าสงสาร โชคดีเหลือเกินที่นายไม่เป็นอะไรมาก” ริชาร์ดพุ่งเข้าไปกอดโอเมก้าข้างๆหลังจากถามไถ่สิ่งที่เกิดขึ้น ลาซารัสเองก็เริ่มทำใจได้นิดหน่อยจึงยอมเล่ารายละเอียดให้ผู้ร่วมโต๊ะทั้งสามฟังแต่โดยดี

“เวอร์ไปแล้ว..” คาเล็มเอามีดมาจ่อหน้าเพื่อนเพื่อไล่อีกฝ่ายให้ปล่อยมือออกจากร่างโปร่งที่นั่งตัวลีบให้เขากอดอยู่เฉยๆ

“นายอิจฉาก็มากอดเขาบ้างสิ” ริชาร์ดเอาส้อมของตัวเองมาปัดมีดของหมอไปมาจนเหมือนสองหนุ่มสูงวัยกว่ากำลังสู้รบปรบมือกันอยู่ยังไงยังงั้น

“อย่าเอาส้อมมีดมาเล่นกันสิครับ” เรนเดลเอ็ดทั้งสองคนเสียงเบา

“ไม่เป็นไรจริงๆเรอะ ไหวแล้วแน่นะ” ริชาร์ดเปลี่ยนมานั่งจ้องอีกคนเขม็งไปทั่วทุกอนูเพื่อสำรวจหารอยตำหนิ

“ไม่ครับ ไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ” ลาซารัสยิ้มเหนื่อยๆให้ เมื่อวานร้องไห้ไปเยอะ แถมนอนดึก ตื่นก็เช้า ไม่ล้าก็ให้มันรู้ไป แต่มีความจำเป็นที่จะต้องรอฉีดวัคซีนให้เจ้าพวกตัวเล็กจึงต้องยอมตื่นมา เรนเดลคนเดียวคงดูแลไม่ทั่วถึงแหงๆ “ผมจะรีบตัดสูทให้ของคุณริชาร์ดให้นะครับ”

“ไม่ต้องรีบก็ได้ พักสักวันสองวันงานมันคงไม่ช้าลงไปเท่าไหร่หรอก”

คาเล็มแอบเหล่มองคนสองคนที่คุยกันลื่นไหลเป็นธรรมชาติ เริ่มยอมรับเสียทีว่าเขาอิจฉาริชาร์ดที่คุยกับโอเมก้าของเขาได้อย่างปกติ เทียบกับเขาแล้ว… จะคุยอะไรแต่ละทีเขาแทบต้องเค้นสมองอย่างหนัก อีกฝ่ายก็ดูเกร็งๆ ...น่าอิจฉาจริงๆน้า…

“คุณหมอเป็นอะไรเหรอครับ”

“หือ? เอ้อ...เปล่า…” จู่ๆลาซารัสก็หันกลับมาแล้วเห็นหน้าคาเล็มที่กำลังเหม่อพอดีจึงลองถามดู คนถูกถามก็แค่หันกลับมาทานอาหารต่อ ก่อนจะถูกมือเล็กยื่นมาแตะเข้าที่ข้างลำคอ..

“มีไข้รึเปล่าครับ..” น้ำเสียงเป็นห่วงอย่างซื่อบริสุทธิ์เอ่ยถาม ริชาร์ดนั่งกลั้นขำตัวสั่นมองคุณหมอที่ตัวแข็งทื่อไปแล้วอย่างสนุกสนาน

“...ไม่มี ฉันไม่เป็นไร” คาเล็มค่อยๆดันมือของโอเมก้าของตัวเองออก “รีบกินเถอะ จะได้รีบไปเตรียมตัวรอสัตวแพทย์...เค้าจะมากี่โมงนะ”

“สิบโมงครับ” ลาซารัสก็หันกลับไปจัดการข้าวเช้าในจานต่อรวดเร็ว เรนเดลที่นั่งเงียบมองเหตุการณ์แสนอบอุ่นที่กลับมาได้ดังเดิมอย่างโล่งใจ นึกว่าเรื่องเมื่อวานจะทำให้เด็กหนุ่มเปลี่ยนไปเสียแล้ว แต่ท่าทางเขาจะประเมินความเข้มแข็งของลาซารัสต่ำไปหน่อย

“แล้วจูเลียตล่ะต้องฉีดวัคซีนด้วยมั้ย?” ซีอีโอหนุ่มถามพลางหันไปมองเจ้าตัวใหญ่ประจำบ้านที่กำลังคุมพวกตัวเล็กเล่นไม่ให้ซนมากไป

“ไม่ล่ะ จูเลียตไม่ถูกโรคกับคนแปลกหน้ามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เดี๋ยวถ้าสัตวแพทย์มาฉีดยาให้พวกตัวเล็กคงต้องเอาไปขังไว้ในกรงก่อนไม่งั้นอาละวาดแน่” คาเล็มบอกเพื่อนรักและอาจจะต้องไหว้วานให้ริชาร์ดช่วยพาจูเลียตไปเข้ากรงด้วย

“เอ๋? แปลว่าไม่เคยพาจูเลียตไปฉีดวัคซีนเลยงั้นเหรอครับ” ลาซารัสแอบเป็นกังวล แม้จะเคยได้ยินมาว่าสุนัขบางตัวต่อให้ไม่เคยฉีดวัคซีนก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้จนแก่ตายเลยก็ตาม

“เปล่าครับ ปกติวัคซีนของจูเลียตนายน้อยจะเป็นคนไปรับมาจากคลีนิคและฉีดให้เอง” เรนเดลอธิบาย

“แบบนั้นจะไม่เป็นอะไรเหรอ ให้ผู้เชี่ยวชาญจัดการให้จะปลอดภัยกว่ารึเปล่า เกิดพลาดขึ้นมาเดี๋ยวมันจะเป็นอะไรไปซะก่อน” แม้ว่าริชาร์ดจะไม่เคยเลี้ยงสัตว์มาก่อน แต่พอมีเจ้าสก็อตเขาก็คอยหาเวลาว่างไปศึกษาเรื่องพวกนี้เพิ่มเติมจนพอจะทำความเข้าใจได้บ้างแล้ว

จูเลียตหันไปมองเจ้านายและผองเพื่อนที่กำลังถกเถียงเรื่องของตัวมันเองด้วยความสงสัยว่าจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ไปทำไม...

 
เมื่อถึงเวลาตามนัด สัตวแพทย์ชายและหญิงผู้ช่วยได้มาทำการฉีดวัคซีนให้พวกสก็อต ซึ่งก็วุ่นวายอยู่บ้าง บางตัวก็ยอมนอนหมอบให้ฉีดแต่โดยดี บางตัวก็ดื้อคอยเห่าด้วยเสียงเล็กแหลม พอจัดการฉีดให้เสร็จทุกตัวก็ลงไปนอนครางหงิงกันถ้วนหน้าเป็นที่น่าสงสาร

“เรียบร้อยแล้วครับ จากนี้ก็ขอให้งดอาบน้ำพวกตัวเล็กสักเจ็ดวัน แล้วก็ช่วงนี้อาจจะมีไข้อ่อนๆ กินอาหารน้อยลง หรือเจ็บปวดบริเวณที่โดนฉีด ขอให้เจ้าของคอยหมั่นสังเกตและดูแลอย่างใกล้ชิดนะครับ ถ้ามีอะไรผิดปกติล่ะก็ให้รีบพาไปที่คลีนิคทันทีเพราะอาจจะเกิดจากการแพ้วัคซีนก็ได้”

“ขนาดนั้นเลยเหรอครับ” ลาซารัสรู้สึกเป็นห่วงพวกตัวเล็กขึ้นมากลัวว่าจะเป็นอะไรไป

“ก็มีบ้างแหละครับโดยเฉพาะพวกสัตว์เลี้ยงที่ซื้อมาจากร้านขายสัตว์ ถ้าโชคร้ายไปเจอร้านของคนขายมักง่ายเอาลูกสัตว์ตัวเล็กๆมาปล่อยขายทั้งๆที่ยังไม่ทันหย่านมจากแม่เลยก็จะทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำ แต่คิดว่าเจ้าตัวเล็กพวกนี้คงไม่เป็นอะไร แต่ก็อย่าประมาทแล้วกันครับ ถ้ามีอะไรก็โทรมาปรึกษาที่คลีนิคเราได้ตลอดเวลา”

หลังจากคุยและให้คำแนะนำที่จำเป็นสำหรับพวกสก็อตและเพื่อนๆไปอีกพักใหญ่ สัตวแพทย์หนุ่มกับผู้ช่วยก็ขอให้ลาซารัสพาไปดูจูเลียตที่อยู่ในกรงขัง โดยมีคาเล็มและริชาร์ดตามไปช่วยดูด้วย และให้เรนเดลคอยเฝ้าดูอาการของเจ้าพวกตัวเล็กไป

สัตว์แพทย์หนุ่มถึงกับร้องว้าวและหัวเราะชอบใจที่ได้เห็นเจ้าสี่ขาขนฟูตัวใหญ่ แถมยังเดินวนไปรอบๆกรงขังอย่างไม่เกรงกลัวเสียงเห่านั้นเลยแม้แต่น้อย ลาซารัสอดหวาดเสียวไม่ได้ว่าถ้าประตูเกิดหลุดขึ้นมามีหวังสัตวแพทย์คนนั้นคงโดนจูเลียตขย้ำเป็นแน่

“ดูจากสภาพแล้วคงไม่จำเป็นต้องฉีดอะไร แต่ผมจะให้ยากำจัดเชื้อราไว้ทาแทนนะครับ” หมอยื่นยาให้ลาซารัสแล้วอธิบายวิธีใช้ให้อย่างละเอียด จนสองอัลฟ่ารู้สึกแหม่งๆแยกตัวออกมากระซิบกันสองคน

“ไอ้หมอคนนั้นมันคุยแต่กับลาซัสตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ..” ริชาร์ดมองสัตวแพทย์ตาขวาง

“เห็นว่าดูสนิทกับพวกขนฟูสุดล่ะมั้ง แต่ก็ไม่ชอบใจอยู่ดี” รังสีที่แผ่ออกมาอย่างไม่เป็นมิตรของทั้งสองคนทำเอาคุณหมอเบต้าเสียวสันหลังวูบวาบแต่ก็ยังไม่รู้ตัวว่าบรรยากาศเย็นยะเยือกนี่มาจากไหน

สัตวแพทย์และผู้ช่วยขอตัวกลับหลังจากหมดธุระ โดยมีริชาร์ดกับคาเล็มเดินออกไปส่งเพียงสองคน เพราะลาซารัสโดนบอกให้อยู่ดูแลเจ้าตัวเล็กที่นอนซึมกันอยู่ที่ห้องทำงานชั่วคราวของโอเมก้าหนุ่ม

“นอนนิ่งกันหมดเลย ปกติออกจะดื้อแท้ๆ” ร่างโปร่งอุ้มตัวน้อยให้ไปนอนที่มุมห้องที่เขากั้นรั้วขึ้นมาสำหรับแยกพวกมันไว้ตอนเขาทำงาน

“เอาไว้ในนี้คุณแมทเวย์จะมีสมาธิทำงานเหรอครับ” เรนเดลช่วยอุ้มตัวเล็กๆบางตัวไปวางในรั้วพอไหวก็ช่วยผ่อนแรงคนเพิ่งเจอเรื่องร้ายๆได้บ้าง

“ไหวครับ พอเห็นพวกมันอยู่ข้างๆแล้วก็ชื่นใจน่ะครับ พักนี้ก็เอาไปนอนด้วยเพราะพวกมันเริ่มไม่ค่อยเห่าตอนกลางคืนแล้ว”

“ระวังเป็นภูมิแพ้เอาสักวันนะครับ”

“จะระวังครับ ฮะๆ….เอ๋?” ลาซารัสรู้สึกแปลกๆเหมือนอุณหภูมิร่างกายมันสูงขึ้นเล็กน้อย เพราะทำงานหนักไปหรือ? ก็ไม่นี่ นอกจากวิ่งจับพวกตัวเล็กแล้วเขาแทบไม่ได้ทำงานบ้านช่วยคุณพ่อบ้านเลยแท้ๆ

“งั้นเดี๋ยวผมจะไปทำอาหารว่างให้นะครับ...คุณแมทเวย์?” เรนเดลที่กำลังจะเดินออกจากห้องไปหันมาเห็นว่าร่างโปร่งหอบหายใจผิดปกติ พอเห็นลาซารัสทรุดลงต่อหน้าจึงรีบวิ่งเข้ามาหา “คุณแมทเวย์!?”

โอเมก้าหนุ่มหน้าแดงจัดและใจเต้นระรัว ช่วงล่างตนร้อนวูบวาบอย่างคุ้นเคยทำให้ลาซารัสยกมือขึ้นห้ามไม่ให้เรนเดลเข้าพยุง “ไม่เป็นไรครับ..”

อาการฮีทที่จู่ๆก็พุ่งขึ้นกะทันหันทำให้ร่างโปร่งเพิ่งระลึกได้ว่าตัวเขาเข้าช่วงฮีทของปีแล้วนี่หว่า…

“รอเดี๋ยวนะครับ กระผมจะไปตามคนมาช่วย!” พ่อบ้านผละออกจากร่างโปร่งเพื่อไปตามอัลฟ่าทั้งสองคนมาช่วย ลาซารัสรีบหยิบขวดยาในเสื้อเอามากินสองเม็ดหวังจะให้มันช่วยระงับอาการฮีทลงได้บ้าง

ริชาร์ดที่เข้ามาในบ้านก่อนได้กลิ่นฟีโรโมนจากตัวลาซารัสแม้ว่าตนจะยืนอยู่ที่หน้าประตูบ้านซึ่งอยู่ห่างจากตัวโอเมก้าหนุ่มมากแต่ก็รับรู้กลิ่นได้ทันที เขารีบถอยหลังแล้ววิ่งออกไปบอกคาเล็มด้วยสภาพที่ไม่สู้ดีนัก

“ลาซัสแย่แล้ว…นายรีบไปดูเร็ว” เพราะต้องพยายามอดกลั้นต่อการถูกกลิ่นกระตุ้นอย่างรุนแรง ตอนนี้ริชาร์ดเลยแทบไม่มีสติจะพูดอธิบาย ขนาดว่าเขากินยาเพื่อเซฟตัวเองไว้แล้วแต่ฟีโรโมนโอเมก้าของลาซารัสมันดันมีผลกับตัวเขาเองมากกว่าที่คิด 

คาเล็มพอจะเดาจากสภาพของเพื่อนรักได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น และปล่อยริชาร์ดไว้ตรงนั้นแล้วพยายามเดินกลับเข้าบ้านให้เร็วที่สุด เขาบีบจมูกตัวเองแล้วใช้วิธีหายใจทางปากเพื่อลดโอกาสการรับกลิ่นฟีโรโมนของโอเมก้าเข้ามาโดยตรง แต่มันก็ยังมีโอกาสส่งผลต่อร่างกายของอัลฟ่าอยู่ดี ดวงตาหลังแว่นมองหาร่างโปร่งที่นอนทรุดอยู่ที่พื้นห้องทำงานด้วยความทรมาน

“ลาซารัส!” คาเล็มรีบเข้าไปดูใกล้ๆ อาการแบบนี้แสดงว่าเข้าช่วงฮีทของปีแล้วแน่ๆ เขาพยุงร่างโปร่งโดยข่มความเจ็บปวดที่ขาไว้อย่างสุดความสามารถ

“คุณหมอ…” ลาซารัสเงยหน้าขึ้นมองคาเล็ม ใบหน้าแดงซ่านและเหงื่อออกมากราวกับไปออกกำลังกายมาอย่างหนัก ยาต้านอาการฮีทที่กินไปนั้นออกฤทธิ์แล้วแต่เขาก็ยังคงมีความต้องการอยู่แถมยังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆด้วย “ผม...ขอโทษ”

ลาซารัสดึงตัวคาเล็มลงมาทาบทับกับตัวเองจนแนบชิดและสวมกอดไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ร่างสูงพยายามเอามือยันพื้นเอาไว้สุดแรงที่มี “ลาซารัส ปล่อย!”

“ผม…” ขอบตารื้นด้วยน้ำตาแห่งความทรมาน เขาแทบจะทนความต้องการที่พุ่งพล่านราวกับภูเขาไฟที่กำลังปะทุใกล้ระเบิดนี้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว

“อดทนไว้ ฉันจะช่วยนายเอง!” แม้จะพูดเช่นนั้นแต่คาเล็มเองก็จวนเจียนทนต่อไปจะไม่ไหวเช่นกัน เมื่อครู่เขาเองก็เผลอสูดกลิ่นฟีโรโมนของลาซารัสเข้าไปและมันก็กระตุ้นให้สัญชาตญาณดิบจนตื่นตัวเต็มที่

“ช่วยผมที” แขนทั้งสองโอบท้ายทอยกว้างให้ใบหน้าคมโน้มลงมาและตัวเขาก็ยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้จนริมฝีปากทั้งคู่อยู่ห่างกันเพียงไม่กี่เซนฯ “ช่วย...ปลดปล่อยผมที คุณคาเล็ม”



TBC.





*****************************************************************************************

 ไม่มีอะไรจะพูดนอกจาก... โชคดีนะคะหมอ //ยิ้มชั่ว o18

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
ติดตามน้า :katai2-1:

ออฟไลน์ neverland

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 653
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
อัพเร็วทันใจฉับไวมากค่ะ
รำคาณหมอเหมือนกันนะคะ อ่านมาจนถึงตอนนี้แล้วแต่ก็ยังไม่รู้ตัวว่าควรทำอะไร

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด