11
“หลีดขึ้นมือ”
“ระวังนับ หนึ่งสองสาม!!”
“อู้การ์ดตก!!”
โอ๊ย! ให้กูตกเถอะ ฟันการ์ดมาเป็นพันรอบ แขนกูไม่ไหวแล้วโว้ยยยยยย
ผมได้แต่ด่าไอ้พี่ภูมิในใจ ไอ้เสียงขึ้นมืออะไรนี่คุ้นๆใช่มั้ยครับ เหมือนเพิ่งได้ยินกันไป ก็ถูกต้องแล้วครับ กรรมที่ไปนั่งดูนมสาวมันย้อนกลับมาไวยิ่งกว่าวัดของพี่สี่จี
ตอนนี้ผม เติ้ล พี ปัน กำลังต้องมาชดใช้กรรมโดยการยืนค้างการ์ดอยู่
การ์ดอาจจะไม่สั่นแต่หน้ากูเนี่ยสั่นแล้วครับ!!
โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ อยากร้องงงงงงงงงงงงงงงง
“ไอ้อู้!!!”
โว้ย!! กูอีกแล้วหรอ!!
ไอ้พี่ภูมินี่มันคืออดีตพี่ว้ากหน้าโหด ปัจจุบันถอนหนวดออก เหลือแต่ความเป็นพี่ว้ากหน้าใสหัวใจสี่ดวง แต่พอกลับเข้าสู่โหมดพี่สอนลีดก็กลายเป็นพี่ว้ากหน้าใสแต่ใจหมามากๆ โหดนรก แขนตกไปสามเซ็นยังมีมิติรับรู้ได้ มันจะเกินคนไปแล้วแหล่ะ!
“ไอ้ปัน มึงใส่แรงหน่อยดิวะใส่แรง”
“เติ้ลมึงเต้นหรือมึงรำดี๋”
“ไอ้พี!!! ใครอนุญาตให้มึงแดกน้ำ”
โง้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ซ้อมลีดหรือฝึกค่ายทหารรรรรรรรรรร
“ไอ้อู้เกร็งการ์ด!!!”
กูอีกแล้ว!!
“พอ พักกินข้าวสิบห้านาทีรวมย่อย”
ฮืออออออออออออ ผมได้แต่น้ำตาตกอยู่ในใจ ร้องออกมาไม่ได้เดี๋ยวไม่คูล อาหารที่ว่าคือข้าวกล่องโง่ๆที่ฝ่ายสวัสฯซื้อมาให้ครับ ข้าวมันไก่มาแบบวิญญาณไก่ที่ถูกต้มมานานนับสิบปี อีกนิดก็สร้างพิพิธภัณฑ์ซากไก่ให้ได้แล้ว สภาพไม่น่ากินแต่ก็กินเพื่อความอยู่รอด
“ไงไอ้ลูกหมา หน้าโทรมเชียว” พี่โยเดินถือถุงมาหาผม ตอนนี้พวกเรายู่กันที่แสตนเชียร์ของมหาลัยครับ บนแสตนก็กำลังยกมือฮู่ฮ่าฝึกโค้ดกันเต็มที่ พวกผมชาวลีดก็ขึ้นการ์ดฟันการ์ดกันไปเถอะ
“ไม่ไหวแล้วพี่โยยยย พี่ภูมิโหดสัสๆ”
“นินทาอะไรกูไอ้อู้!!”
“ปะ เปล่าจ้า” นี่ไงหูทิพย์ ไปออกรายการมะ!
“อ่ะ กูซื้อนมขาวๆเย็นๆอะไรของมึงมาให้”
อะโห นี่ถ้ามีตำแหน่งพี่รหัสดีเด่น กูมอบถ้วยให้แล้วเนี่ย ผมงี้ซึ้งน้ำตาไหลแต่จริงๆไม่ใช่ มันคือเหงื่อที่ไหลมาจากหน้าผาก ณ เวลานี้ น้ำหวานๆถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หน้าพี่โยนี่เหมือนมีแสงลอดออกมาแบบพระอาทิตย์ในเทเลทับบี้ เอ้า พนมมือ!
เซ้นต์โย!! พ่อพระมาโปรดดด!!
ปั้ก!
พลั่ก!
“เฮ้ยยยยยยยยยยยยย” แล้วก็เหมือนเดิมๆครับ ทุกครั้งที่มีโชคจะต้องมีตัวมาร ปัจจุบันนมขาวเย็นๆปั่นของผมได้เผละอยู่บนพื้นแล้วเรียบร้อย
ฮืออออ แต้มบุญไม่พอหรอลูก อยู่ในมือได้ไม่ถึงสี่วิ!
ผมรับหันไปหาไอ้ตัวการเจ้าของไอ้ลูกบอลโง่ๆดาวขำที่กระเด็นมาโดนทันที ซึ่งไม่ต้องรีบหา ผู้ต้องหาก็มอบตัวเรียบร้อย
“โทษทีๆไม่ได้ตั้งใจ” ไอ้พี่หมออยู่ในชุดบอลเปียกไปทั้งหน้าทั้งตัว วิ่งเข้ามาหยิบลูกบอลพร้อมกล่าวขอโทษด้วยหน้าขอโทษอย่างจริงใจ
จริงใจพ่อง กูเห็นโว้ยว่าแอบยิ้ม!!
“ไอ้พี่หมอ นมผมหกเนี่ยเห็นมั้ย”
“ไหนๆ” มันดึงคอเสื้อผมแล้วยื่นหน้าเข้ามาดู
“ไอ้สัดๆ กูหมายถึงแก้วนม” โว้ยยย นี่ก็ไม่ได้เลย มุขทุเรศแบบนี้นี่ถนัดเหลือเกิน ผมยังไม่ทันดันพี่มันออกพี่รหัสผมก็เอามือกันไว้อย่างรวดเร็ว
“เล่นบอลระวังหน่อย มึงไม่เห็นหรอว่ามันโดนน้อง”
“กูไม่ได้ตั้งใจ ตีนมันลั่น”
“สนามตั้งกว้างมึงเสือกลั่นอะไรตรงที่กูนั่ง”
“ก็เพราะมึงนั่งอยู่ตรงนี้ไงตีนกูถึงลั่น”
“ไอ้หมอ!!!”
“จะ ใจเย็นๆนะพี่” นี่ก็เปิดโอกาสอยู่ด้วยกันไม่ได้เล้ยยยยย ฮือๆ ผมมองน้องนมขาวเย็นๆปั่นที่เจิ่งนองพื้นด้วยความอาลัย
“เดี๋ยวกูไปซื้อมาให้ใหม่ มึงรีบกินข้าวไปละกันอู้” ผมพยักหน้าให้พี่โยที่ลุกขึ้นกระแทกไหล่พี่หมอดังปั้กก่อนเดินออกไปนอกสนาม
“มึงนี่แม่ง” พี่หมอทำท่าจะเดินไปกระชากไหล่พี่โย ผมเลยกระชากพี่มันไว้ก่อน
“ไม่ต้องไปเลย ขอโทษผมมาเลยเนี่ย นมผมหกหมดแล้ว”
“เห้อ โทษ” พี่หมอยกมือขึ้นปาดผมที่ปรกตา ท่าประจำที่ชอบทำเวลาหงุดหงิด
“พี่ลงแข่งบอลหรอ”
“กูเตะบอลอยู่ สงสัยกูลงแข่งโดดยาง” ต้องให้ได้กวนตีน
“เออ งั้นมึงไปโดดยางต่อไปพี่ เซ็งเลย ไม่มีน้ำหวานกิน ห้ามเตะมาโดนอีกนะ” ผมเอาตีนเขี่ยนมขาวเย็นๆปั่นอย่างเสียดาย ถ้าเอาลิ้นลงไปเลียได้เลียไปแล้วเนี่ย
ปั้ก!
“โอ๊ยๆ อะไรของพี่วะ” ผมลูบหัวตัวเองพร้อมชายตามองกระติกน้ำเล็กๆที่กลิ้งอยู่ตรงพื้น ดีที่เป็นพลาสติกมันเลยไม่แตกแต่ที่อาจจะแตกคือหัวกูครับ ฝีมือใครไม่ใกล้ไม่ไกล ยืนกระดกคิ้วที่แหว่งตรงปลายแบบไม่รู้ไม่ชี้ ผมหยิบขึ้นมาก่อนจะรู้ว่ามันน่าจะเป็นสปอนเซอร์แช่เย็นเพราะสีเหลืองหรือคือถ้าม่ใช่ก็น่าจะเป็นเยี่ยวแทนแล้วแหล่ะ
“ออกกำลังกาย ใครเค้าแดกอะไรแบบนั้น กินนี่แหล่ะ ทดแทนเหงื่อ”
“ให้ผมหรอ?”
“ให้ไอ้ฮวยมั้ง” พี่มันยื่นปากไปทางหมาหมูที่นอนอยู่บนแสตน คือเกาหลีมีหมูกระต่ายน่ารักๆ นี่ครับมหาลัยผมก็มีหมาหมู ตัวอย่างกับพยูน งานอดิเรกคือตากแอร์เซเว่น งานประจำคือนอนขวางทางเดินโรงอาหาร งานพิเศษคือแกล้งทำตัวเหมือนพิการเวลาสาวมาเล่นด้วย พอผู้ชายมาเล่นเสือกแข็งแรงเดินสะบัดตูดไปอย่างไว
“แล้วพี่จะกินอะไรอ่ะ”
“ห่วงตัวมึงเถอะ ยืนซ้อมอยู่เหมือนตัวจะหัก” พี่หมอนั่งลงข้างๆผม หยิบน้ำที่ให้ผมไปกระดกแล้วก็ส่งคืนมาให้
“แมทช์แรกเจอคณะไหนเนี่ย”
“เสดสาด”
โอ้โห ไม่ต้องเดาชื่อนักกีฬาตัวเต็งเลยทีเดียว
น่าจะเป็นไอ้ตัวหมีๆที่ยืนคุมพี่หญิงผู้เป็นพี่สอนลีดอยู่
“แพ้แหง”
“ปากหรอมึง” ไอ้พี่ยกมือมาขยี้หัวผม
“โห่ยยยยย เจอพี่พี่นี่ไม่ต้องนึกภาพเลยอ่ะ” คือเอาจริงพี่หมอสำหรับก็ว่าสูงแล้วนะครับ น่าจะร้อยแปดสิบปลายๆติดที่ตัวจะบางกว่าพี่พี่ พี่พี่นี่น่าจะสูงเลยร้อยเก้าสิบไปอีก คือสูงมากจริงๆครับ แถมตัวหนาด้วย เห็นว่าสนิทกับพวกแก็งค์พละเลยชวนกันไปเล่นยิมเล่นฟิสเนททุกวัน ถ้าให้มาชนกันจริงๆพี่พี่ก็ชนะขาดลอยครับ
“หึ พี่มันไม่ได้ขี้โกง เห็นงั้นมันไม่เล่นผิดกติกาหรอก”
“ใช่อ่อ”
“ยกเว้นแต่หญิงลงสนามด้วยนั่นก็อีกเรื่อง”
“อ้าว แต่พี่หญิงไม่ได้ซ้อมบอลเลยนี่”
“เออ แต่พวกกูจับหญิงมันลงทุกแมตช์ที่แข่งกับเสดสาดนั่นแหล่ะ เหตุผลที่วิศวะไม่เคยแพ้เสดสาดไง”
ไอ้เวร ฉลาดแกมโกงนี่หว่า นึกภาพเอาพี่หญิงลงไปแข่งงี้ ตัวน้อยๆบางๆให้คนยักษ์ชนเล่น ไอ้พี่พี่คงมัวแต่มาดูพี่หญิงจนไม่มีสมาธิแข่งแน่นอน โคตรร้าย
“พี่หญิงจะยอมเร้อออ”
“ยอมดิ ปีที่แล้วกูก็เอาหญิงลงแข่งบอล แค่ตีนหญิงแตะโดนบอลครั้งเดียว แม่งยืนตบมือชมหญิงอยู่เป็นนาที โคตรปัญญาอ่อน” แค่พูดก็ภาพมาเลย ไอ้พี่พี่นี่แม่งโคตรสปอยล์พี่หญิง
“แล้วถ้าพี่หญิงล้มขึ้นมาอ่ะ”
“เออ นั่นแผนพวกกูเวลาเสดสาดนำ พวกกูก็สกัดขาหญิงนี่แหล่ะ เดี๋ยวไอ้พี่ก็อาละวาดออกจากเกมเอง”
โห..
มึงเรียนวิศวะ ภาคนรก กันป่ะเนี่ย เรื่องชั่วไว้ใจพวกพี่มันจริงๆ
“ไอ้อู้ แดกไวๆจะได้เวลาซ้อมแล้ว!!” เวลาสนุกจบลงแล้วครับ ผมเบะปากเล็กน้อย งอแงอ่ะ อะไรวะ สิบห้านาทีผ่านไปไวอย่างกับห้านาที ยังไม่ทันหายเหนื่อยเลยเนี่ย พี่หมอมันหัวเราะในลำคอแบบที่ชอบทำแล้วยกมือมาขยี้หัวผมจนฟู
“ตั้งใจซ้อมไอ้ลูกหมา”
โฮ่ง!
เอ้ย!
ได้!
.
.
.
“แค่กๆ” งือ ผมขดตัวอยู่ในโปรงผ้าห่มโดเรมี ที่ปัจจุบันกลายสภาพมาเป็นโปงผ้าฤดูร้อนไปแล้วเรียบร้อย ผมนอนอยู่เตียงกลางตรงที่แอร์ตกลงหัวพอดี แต่ไอ้จะปิดแอร์ก็ร้อนเกิน ไม่สบายนี่มันโคตรน่าเบื่อเลยจริงๆ
สาเหตุที่ผมนอนซมเป็นลูกหมาป่วยอยู่นี่เป็นเพราะเมื่อวานหลังจากซ้อมลีดเสร็จฝนก็ตกลงมาแบบฟ้าถล่ม พวกเราชาวคนคูลๆ เลยพร้อมใจตกลงกันว่าจะทำเป็นเดินตากฝนเยี่ยงเอ็มวี ไม่ลืมร้องเพลงอกหักของบอดี้แสลมไปด้วยเดี๋ยวไม่อิน วันนี้ตอนเช้าก็ว่าเจ็บคอหน่อยๆ แต่ก็ยังลากตัวเองไปตากแดดซ้อมลีดโชว์ความคูล
เห็นไงหล่ะมึง
หายซ่าเลย..
แอ๊ด..
ผมโผล่หัวออกจากโปง ลืมตาข้างนึงมองเสียงประตู ปรากฏเป็นไอ้พี่หมอนั่นเองครับ ช่วงนี้พี่มันก็ไม่ค่อยกลับห้อง เพราะต้องทำฉาก ทำพร๊อบ ช่วยงานคณะ ปกติก็นอนชอปไม่ก็หอนอก จะได้ไม่ต้องเซ็นสาย วันนี้คงเลิกเร็วครับ
“นอนไวจังวะ”
“...” อยากจะตอบว่าไม่ได้นอน แต่น่าจะตาย ทว่าคอแห้งเป็นผงเลย ผมเลยส่ายหน้าไปมาแทนเป็นคำตอบ พี่หมอมันขมวดคิ้วเล็กน้อย สาวเท้าเดินเข้ามาชิดที่ขอบเตียงผม
“อู้”
“หื้อ?”
“เป็นอะไร” พี่มันนั่งลงข้างๆเตียง พยายามรั้งผ้าห่มออกครับ โว้ย ไอ้พี่นี่ กูหนาวโว้ย ยิ่งไม่ค่อยมีแรงอยู่ อย่าดึงโปรงผ้าฤดูร้อนกู!
“ไม่สบาย”
ยัง
ยังไม่หยุดดึงผ้าห่มอีก
“กินยารึยัง”
ผมหยักหน้าเล็กๆ กินไปเมื่อตอนเที่ยง
...แต่ตอนนี้ห้าทุ่มแล้ว
มือหนาที่ใหญ่เท่าหน้าผมทาบลงมาบนหน้าผากก่อนจะยกออก หน้าพี่หมอขมวดอย่างกังวล ตลกดี ไม่เคยเห็นไอ้พี่มันมุมนี้เลย
“ไข้มึงสูงมาก อู้” พี่มันเด้งตัวลุกออกจากเตียงเปิดประตูห้องแล้วเดินไปห้องข้างๆ ตามด้วยเสียงเคาะประตูที่ดังลั่นชั้น ใจเย็นๆนะพี่มึงนะ ประตูห้อง ไม่ใช่ระฆังวัด
“อะไรวะหมอ คนจะนอน”
“อู้ไข้ขึ้น มึงเอาไอ้แผ่นเจลแปะหน้าผากมาดิ๊” เดาเอาว่าน่าจะเป็นห้องพี่ภูมิครับ เพราะห้องพี่ภูมิมีตู้เย็น ซักพักพี่หมอก็กลับมาพร้อมกับเจลลดไข้ อ้อ มีพี่ภูมิเดินตามมาด้วย
“ไอ้ลูกหมา กูว่าแล้ววันนี้หน้ามึงซีดๆ ไม่ไหวแล้วฝืนไมวะ” ผมยิ้มแหะๆให้พี่ภูมิ เลยโดนดีดหน้าผากปั้กมาหนึ่งที หูวิ้งเลยกู นี่มือคนหรือกีบตีนวัว
พี่หมอแกะซองไม่ออกเลยต้องเดินไปเอากรรไกรมาตัด ก่อนจะเอาแผ่นเจลแปะหน้าผากผม
บรื๋อ เย็นมาก หนาวจนต้องขดตัวเลย
“เดี๋ยวกูมานะมึง” พี่ภูมิแว่บกลับไปที่ห้องก่อนจะกลับมาพร้อมผ้ากับกะละมัง
เอาจริงนี่แม่งคือบรรยากาศหอพักในแบบแท้ทรูครับ ช่วยเหลือกันข้ามห้อง ผมนี่โคตรประทับใจ ฮึกๆ อยากจะขอบคุณพี่ดังๆ ติดที่ตอนนี้เวียนหัวมาก อยากอ้วกด้วย ปวดหัว ร้อนตาจนน้ำตาไหล
พี่ภูมิดึงโปงผ้าฤดูร้อนของผมออก แอบเห็นพี่มันด่าแม่มดน้อยโดเรมีของผมด้วย มือพี่ภูมิเอื้อมือถกเสื้อยืดผมออก ซึ่งผมก็ยอมแต่โดยดีครับ ไม่มีแรงจะขัดขืนแล้ว ไหนๆก็ผู้ชายด้วยกัน
“เห้ยๆ มึงทำไรวะภูมิ” พี่หมอที่เพิ่งเปิดประตูระเบียงเข้าห้องมาโวยวายลั่นห้องเหมือนพี่ภูมิกำลังจะข่มขืนผม (ซึ่งก็สมยอมนะ.. ยกมือไชโยให้ถอดเสื้อออกด้วย)
“เช็ดตัวไง”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวกูเช็ดเอง”
“อ้อ โอเคๆ งั้นกูกลับห้องนะ มีอะไรก็เรียกละกัน มึงก็อย่าดื้อให้มันมากนักนะไอ้ลูกหมา รีบหายจะได้มาซ้อม” พี่ภูมิไม่ลืมหันมาขยี้หัวผมก่อนเดินออกไป จะป่วยแค่ไหนก็ยังต้องทิ้งท้ายให้มาซ้อม ใจคนเรา
ทั้งห้องเลยตกอยู่ในความเงียบและเสียงแอร์เบาๆ พี่หมอเดินมานั่งข้างๆเตียงผม ถอนหายใจยาวเป็นกิโล แขนที่ผมอิจฉาขนาดมันมาตลอดเอื้อมมือดึงเริกเสื้อผมขึ้น ตอนเป็นพี่ภูมิผมนี่ไชโยให้พี่มันถอดได้ง่ายๆ แต่พอมันมาเป็นพี่หมอแล้วมันเขินๆจังวะ
“อู้ ยกตัวขึ้นหน่อย”
ไข้ชักขึ้นมากแล้วเนี่ย หน้าร้อนไปหมด
“อื้อ..” ผมดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัวเองที่เสื้อหลุดออกไป ไม่ใช่ว่าอายหัวนมชมพู แต่มันหนาวมาก ซึ่งมือพี่หมอก็กระตุกผ้าออกไปอย่างรวดเร็วอยู่ดี
โถ่ น้องโดเรมี!!
ผ้าเย็นๆค่อยแนบมาตามผิวระอุของผม ซึ่งผมก็สะดุ้งมันแม่งทุกจุดที่ผ้าลูบผ่าน ไม่ได้อยากจะครางอ่อนๆแต่ว่ามันปวดไปทั้งตัวจริงๆ ร้อนตาจนน้ำตาไหลออกมาไม่หยุด
“อู้ มึงอย่าครางได้มั้ยวะ”
“...” ผมลืมตาค้อนกลับไปทั้งน้ำตา กูตั้งใจมั้ยหล่ะ ปวดไปหมดยันส้นตีนเลยเนี่ย
“เฮ้อ กูให้เวลาถึงเที่ยงคืน ถ้าไข้ไม่ลงกูจะพามึงไปศูนย์แพทย์ โอเคนะ” ผมพยักหน้า ศูนย์แพทย์ที่ว่าคือคณะแพทย์ของมหาลัยผมครับ เพราะว่ามหาลัยมีคณะแพทย์ก็เลยทำเป็นโรงพยาบาลขึ้นมาเลย อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากหอพักมากนัก
พี่หมอค่อยเช็ดตามแขน คอ ตัวผม ไล้ลงต่ำไปเรื่อยๆ เอาจริงๆก็เขินเหมือนกันนะครับ ปกติแม่เป็นคนดูแลมาตลอด พอมาคิดว่าเป็นผู้ชายร่างยักษ์กำลังดูแลเรามือเบาเหมือนแม่ก็อดจะจั๊กจี้หัวใจหน่อยๆไม่ได้ พี่หมอไม่ได้บุกรุกกางเกงผมแต่มันข้ามไปเช็ดขาย้อนขึ้นมาตรงต้นขาแล้วก็หยุดแค่นั้นแทน
“อู้”
“อื้อ”
“กินยาล่าสุดกี่โมง”
“เที่ยง”
“ไอ้สัส” อ้าว ด่าอีก
“แค่กๆ” พูดไรมากไม่ได้ครับ เจ็บคอ ได้แต่ไอออกมา พี่หมอเดินไปที่ตูเสื้อผ้า เปิดตู้ขยับอะไรก่อกแก่กแล้วก็เดินถือยากับน้ำมาให้
“ลุกมากินยา ไหวมั้ย” ผมส่ายหัว ไม่ได้จริตอะไร แต่ผมขยับตัวไม่ไหวแล้วจริงๆ มันปวดไปหมดทั้งตัวเลย ปวดจนร้องไห้ออกมา พี่หมอวางยาไว้ที่โต๊ะข้างเตียง พยุงผมขึ้นมานั่งแล้วหยิบยามาให้กิน
“มึงไม่ไหวแล้วเนี่ยอู้”
“ไหว แค่กๆ แค่ แค่กๆๆ ไม่สบาย” อื้อหือ เสียงทุ้มหล่อกำลังดีเลยเนี่ย พี่หมอส่ายหัว เดินไปหยิบเสื้อยืดของพี่มันในตู้มาสะบัดๆแล้วก็เอามาสวมให้ผม ปิดยาวคลุมกางเกงอีกแล้ว พี่หมอจับผมนอนลงตามเดิม เดินไปเบาแอร์ ไม่ลืมเสียสละผ้าห่มขนเป็ดหนาๆของมันมาทับผมแทนแม่มดน้อยโดเรมีอีกด้วย โปงผ้าฤดูร้อนเลยอัพเกรดเป็นโปงผ้าฤดูร้อนชิบหายไอ้สัสมันร้อนเกินไปแล้วแทน
พี่หมอเอามือทาบหน้าผากผมอีกรอบหนึ่งก่อนจะตัดสินใจเดินไปอาบน้ำแล้วก็กลับมานั่งทำงานต่อที่โต๊ะ มีแวะเอามือมาวัดไข้ผมเป็นระยะ ส่วนผมก็หลับตาลง ร้อนไปทั่วกระบอกตา ทรมาณจริงๆ
ผมลืมตาขึ้นมาอีกครั้งหลังจากหลับไปตอนไหนไม่รู้ แต่ดันต้องสะดุ้งตื่นเมื่อรู้สึกร้อนไปทั่วหน้าและตัว ปวดหัวมากๆ ตอนนี้ห้องทั้งห้องมืดแล้ว เดาว่าพี่หมอคงหลับแล้วถึงปิดไฟขนาดนี้ พิษไข้ลามมาทั่วตัว หัวปวดจนแทบจะเบิด ปวดจนต้องร้องไห้ออกมา เสียเชิงชายแต่มันไม่ไหวจะทนจริงๆแล้ว
“ฮึก”
“อู้..” ผมหยีตาเมื่อจู่ๆไฟทั้งห้องก็สว่างวาบขึ้น ลืมมาอีกรอบก็เจอหน้าพี่หมอละลายอยู่ในน้ำตา
“แค่กๆ”
“ไม่ไหวแล้ว มึงไม่ไหวแล้ว” ได้ยินเสียงพี่หมอเปิดประตูออกไป ตามด้วยเสียงเคาะแบบกระแทกห้องดังลั่นโถง
“ภูมิ!! กูจะเอาอู้ไปศูนย์แพทย์!!” ซักพักพี่หมอก็กลับมา พี่มันเดินไปหยิบเสื้อกันหนาวมาให้ผมใส่พร้อมกับรวบผมขึ้นอุ้ม ท่าแบบอุ้มเจ้าสาวชัดๆ กูนี่เป็นเจ้าสาวแบบเต็มตัวเลยหล่ะสิแบบนี้ อยากจะกวนตีนพี่เค้าครับ แต่ไม่มีแรงแล้ว ปวดหัวจนไม่อยากจะลืมตา
“เห้ย มันเป็นหนักหรอวะ”
“มึงไปหยิบกุญแจรถกู ตรงใต้เก๊ะมา” เสียงพี่หมอสั่งดังอยู่ข้างหู
อ้าว.. มีรถแล้วปล่อยกูนั่งถึกทึนทำไมอยู่ตั้งนาน
เออ จะว่าไป ตอนแรกที่เจอมันร้านเหล้าก็นั่งรถมันกลับนี่หว่า
“อู้ๆ ได้ยินกูมั้ยอู้” ผมหยักหน้าทั้งน้ำตา
“หมอ! บัตรน้องมันอยู่ไหนวะ”
“มึงหยิบกระเป๋ามันมา เดี๋ยวค่อยรื้อเอา” จากนั้นร่างผมก็สะเทือนไปหมด เดาเอาว่าคงเพราะอุ้มผมลงบันได ซักพักก็ได้ยินเป็นเสียงยามครับ ป้ายามก็ตกใจน่าดู ไม่นานผมก็ถูกย้ายเข้ามาในรถทั้งๆที่พี่หมอก็ยังอุ้มอยู่ท่าเดิม
“ฮึก แค่กๆ”
“หมอเดี๋ยวมึงลงไปก่อนแล้วกูวนกลับมาใหม่ กูใส่บ๊อกเซอร์มาตัวเดียว” เสียงไอ้พี่ภูมิซึ่งขับรถอยู่ดังมา คิดสภาพแล้วต่องแต่งดูไม่จืดเลยทีเดียว
“เออ”
ประตูถูกเปิดอีกครั้งตามด้วยร่างผมถูกวางลงกับเตียงนุ่มๆ
“หมอครับ น้องผมไม่สบายหนัก!”
...แล้วผมก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย
.
.
.
ผมตื่นขึ้นมาพบกับหลอดไฟนีออนสีขาว มองไปรอบๆก็เจอเตียงคนไข้อยู่ข้างๆ อยากลองอุทานที่นี่ที่ไหนแบบในละครดูบ้างแต่เสือกตื่นมาก็รู้เลยว่าอยู่โรงพยาบาล แรงตึงๆแถวแขนก็ทำให้อีกว่าโดนเจาะน้ำเกลือเป็นที่เรียบร้อย อนาถไรเบอร์นี้
“เป็นไงบ้างครับ” ผมหมุนคอไปหาต้นเสียง นั่นก็คือคุณหมอแว่นหน้าจิ้มลิ้มนั่นเอง
“ที่นี่ที่ไหนครับหมอ”
ไหนๆก็ไหนๆ ขอเล่นหน่อยเถอะวะ!!
“มองรอบๆหมอว่าน่าจะตลาดน้ำอยุธยา คนไข้อยากกินโรตีสายไหมรึเปล่าครับ ชุดเล็กสามสิบห้า ชุดใหญ่ห้าสิบ” เออ หมอก็เล่นว่ะ ผมหัวเราะแหะๆหลังจากที่ได้เล่นมุขที่อยากเล่น ก่อนจะนึกขึ้นได้
“อ้าวแล้วพี่หมอไปไหนเนี่ย”
“ผมก็ยืนอยู่นี่ไงครับ”
“อ๋อ ไม่ใช่ครับ ผมหมายถึงพี่หมอ”
“ผมก็พี่คุณนะครับ ปีนี้ปีห้าแล้ว”
“ไม่ใช่ครับหมายถึง พี่ หมอ”
“เห้ย ผมลูกคนเดียวครับ”
เวรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร
กูปวดหัว โบกหมอแว่นหลุดมันบาปมั้ยหล่ะถามใจดู
“ตื่นแล้วหรออู้” มาพอดีครับ พี่หมอที่แท้ทรู หน้ามาแบบง่วง หัวฟู ในมือถือแก้วกาแฟร้อนเซเว่นอยู่ พี่หมอปลายตามองพี่หมอแว่นแบบงงๆ
“อ้อ เพื่อนหรอครับ”
“นี่พี่หมอนี่หมอ”
งงเด้ งงเด้
ชะงักกึ้กมันทั้งพี่หมอกับหมอ ไม่พอหันมามองหน้าผมเหมือนพูดอะไรผิด หมอในหมอ หมอซ้อนหมอ งงไปเด่ะ
“อ่อเออหมอ ผมหมอ” ไอ้พี่หมอดูเบลอๆครับ มันทักทายแบบงงๆ แล้วก็เดินไปนั่งเก้าอี้ข้างเตียง
“อะ อ๋อ เป็นหมอเหมือนกันหรอครับ”
“เปล่า อยู่วิศวะ”
“อ้าว”
“ทำไม มีอะไร” อูย เสียงงี้เย็นเลยครับ ดูท่าทางจะไม่ได้นอนแล้วหงุดหงิด ดูจากชุดพี่หมอยังคงเป็นชุดนอนชุดเดียวกับเมื่อวาน
“มะ มะ ไม่ได้อะไรครับ คือจะ จะมาบอกอาการว่า น้องปฏิหาริย์ เป็นไข้หวัดใหญ่นะครับ เดี๋ยวรอน้ำเกลือหมดก็กลับหอได้ คะ ควรหยุดเรียนไปก่อนซักสองสามวัน นี่ใบสำหรับรับยาครับ เอ่อ ถ้า ถ้า กลับไปแล้วมีไข้ก็เช็ดตัวนะครับ” อู้ย พี่หมอแว่นล่กจนแร๊ปอิสนาวฟังไม่ทัน น้ำตาคลอ เหมือนกระต่ายตกใจเลย บ่นพรวดเดียวจบแล้วก็วิ่งหนีไปเลย โถ่
ผมหันกลับมาที่พี่หมอที่ไม่ใช่หมอ มันขมวดคิ้วมองหน้าผมนิ่งๆ ซึ่งผมก็จ้องกลับไม่ได้หลบตาอะไร
“มองอะไร”
“มองหมาป่วย เสียงแหบไม่ต้องห้าวหาเรื่องกู” พี่มันยื่นมาโยกหัวผม
“ไม่มีเรียนหรอ”
“มี”
“อ้าว”
“รู้สึกผิดก็รีบๆหาย กูคงมีอารมณ์ไปเรียนหรอก เมทเกือบตายคาห้อง” พี่มันว่าพรางยกแก้วกระดกเยี่ยงพรีเซนเตอร์กาแฟ พูดจาไม่เป็นมงคลที่เก่งจริงจริ๊งคนเรา
“พี่นอนเฝ้าผมอ่อ”
“นอนบ้านมึงหรอ เห็นกาแฟในมือกูมั้ย หวัดแดกลูกตาดำรึไง”
โอ้โหคนเรา ทำไมวะ ฮวยมันไปคลอดลูกทิ้งไว้ในปากรึไง ผมได้แต่กรอกตาบนสามสี่รอบ ระงับจิตใจไม่ได้ด่าพี่มันกลับ เพราะนอกจากจะไม่มีเสียงด่าแล้วยังติดหนี้บุญคุณพี่มันไว้อีกด้วย ผมมองหน้าไอ้พี่หมอที่ดูอิดโรย ง่วงนอนอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้ก็คงเช้าแล้ว เป็นครั้งแรกเลยที่มีใครมาอดหลับอดนอนเฝ้าไข้ผมขนาดนี้นอกจากแม่
“ยิ้มอะไรไอ้ลูกหมา”
“ขอบคุณ”
“ห๊ะ?”
“ขอบคุณครับ”
หน้าพี่หมออึ้งไปเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเพราะพิษไข้รึเปล่า ทำให้ผมเห็นไอ้พี่หมอหูแดงแปลกพิกล พี่หมอไม่ได้ตอบอะไรมาครับ แค่ยกแก้วกาแฟร้อนขึ้นซดดังฮวบ ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเพราะลวกลิ้น แต่พี่แกก็ยังฟอร์มเหมือนไม่เป็นอะไร เอาจริงนี่ท่าทางจะอัมพาดแดกไปยันโคนลิ้นละ โถ่ ชาววิศวะเรานี่ชอบคีพลุคความคูลจริงๆ ผมหัวเราะแล้วล้มตัวนอนต่อ น้ำเกลือยังเหลืออีกตั้งครึ่งถุง
ทรมาณไอ้พี่หมอให้แหกตาเฝ้าต่อไปอีกนาน มีความสุขจัง ไหลช้าๆนะไอ้เกลือ!
----------
ขอบคุณทุกเม้นต์ทุกวิวอีกเหมือนเดิม
5555555555555555555 เริ่มมีแววเป็นนิยายรักขึ้นมาบ้างแล้ว ตื่นเต้นๆ
ตอนหน้าว่าจะจ่ายตังค์พาพี่หมอออกมาบ้าง 555555555555
สำหรับอิมเมจก็ไปดูในแทค #เด็กหอหมออู้ ได้นะคะ กลัวเอาลงในนี้แล้วมันไม่ตรงกับอิมเมจิ้นของใครหลายๆคน
หากใครมีคำถาม คำติชม คอมเม้นต์ได้ทั้งในนี้และในแทคนะคะ
ขอบคุณอีกครั้งที่เข้ามาอ่าน และหวังว่าจะเป็นส่วนนึงที่ทำให้ หึหึ ในวันนี้ได้ค่ะ
