ตอนที่ 10 หนีเช้าวันจันทร์วนเวียนมาอีกครั้ง อาทิตย์ที่สองในสถาบันต่างถิ่นดูเหมือนจะเป็นการเริ่มต้นใหม่สำหรับใครบางคน
ธันตื่นมาด้วยความรู้สึกโล่งอย่างบอกไม่ถูก ทุกทีหลายๆเรื่องที่ติดค้างอยู่ในใจจะทำให้ทุกเช้าที่ตื่นมามักหม่นหมอง แล้วมันจะเป็นแบบนั้นไปทั้งวัน วันนี้มาแปลก เขารู้สึกโล่งแบบที่ไม่ได้โล่งมานาน แม้ยังจะรู้สึกปวดหัว มีอาการแฮงค์บ้าง แต่รู้สึกสบายใจยังไงก็ไม่รู้แฮะ
ไอ้ติวก็ยังหลับเหมือนหมีจำศีลเหมือนหลายวันที่ผ่านมาจนเขาคิดว่าทำไมมันไม่ตายไปจริงๆ ซะเลยวะ อยู่ๆก็หมั่นไส้มันอยากจะทำเสียงโครมครามอยู่เหมือนกัน แต่คิดดูอีกทีแล้ว ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวจะเสียอิสระซะเปล่าๆ ว่าแล้วก็รีบลุกอาบน้ำแต่งตัวทันที
คนบนเตียงหรี่ตาก่อนจะแน่ใจว่ามันหายเข้าไปในห้องน้ำแล้ว ติวตื่นเต็มตามองค้างที่ประตูห้องน้ำแล้วอมยิ้มอย่างไม่รู้ตัว
เขาตื่นก่อนนานแล้ว และบวกกับเมื่อคืนแค่ดมๆ ไม่ได้ซัดเป็นกลมๆเหมือนไอ้จงอาง แถมเมื่อคืนยังหลับสบายแบบสุดๆ เลยทำให้เช้าวันนี้รู้สึกสดใสเป็นพิเศษ ตอนที่ติวตื่นก็รีบชิงคลายกอดก่อนที่เจ้าตัวจะตื่นขึ้นมาต่อยเขา นี่ไม่ได้กลัวนะ แค่ไม่อยากให้ไก่ตื่น
หึหึหึหึ..ไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไงเหมือนกัน จะสงสัยแต่ก็ให้คำตอบตัวเองไม่ได้เลยปล่อยตัวทำตามใจบ้างอะไรบ้าง ติวพลิกตัวกลิ้งไปมาบนที่นอนแล้วหัวเราะคนเดียวในลำคอก่อนจะดีดตัวเองไปป่วนอีกคนในห้องน้ำตอนเสียงภายในนั้นเงียบไป
ธันน้อยในมือแทบหดกลับเข้าปลอกหลังได้ยินเสียงไอ้เหี้ยติวโวยวายอยู่ข้างนอกราวกับจงใจแกล้ง
ไอ้เหี้ยเอ้ย.. เขาหมดอารมณ์ไปในทันที เอาขันจ้วงตักน้ำอย่างหงุดหงิด พอมันเคาะอีกทีธันเขวี้ยงขันใส่ประตูไปที แมร่งจะเร่งอะไรกันนักกันหนาวะ
ติวหัวเราะตัวงอหลังได้ยินเสียงขันกระทบประตู แมร่งฮาฉิบหาย ทำไมน้าทำไม พอมันทำอะไรแบบนี้แล้วรู้สึกดีไปอีกแบบ ไม่น่าเชื่อที่เรื่องแค่นี้ก็ทำให้ตัวเองหัวเราะขนาดนี้ ครั้งแรกน่าจะเป็นตอนแกล้งขับมอเตอร์ไซค์ช้าๆ แต่นั่นก็ยังไม่ทำให้ขำขนาดนี้ เออว่ะ ตลกดี
"มึงจะอาบเสร็จรึยัง กูปวดขี้เนี่ย ถ้ามึงยังไม่ออกกูจะขี้ใส่ล็อกเกอร์มึงนะโอเคมั้ย" ตัวกลั้นขำระหว่างที่เร่ง ไม่ทันไรไอ้งูจงอางก็หน้านิ่วคิ้วขมวดหลังประตูห้องน้ำเปิดออก แมร่งแทบหุบยิ้มไม่ทัน
หน้าของมันหลังชำระจนสะอาดนี่ใสยิ่งกว่าปกติ หยดน้ำที่เกาะอยู่บนกล้ามเนื้อได้สัดส่วนขับออร่ามันได้ดีมาก นมสีน้ำตาลอ่อนแอบเห็นนะว่าปลายมันแอบอมชมพูด้วย ไม่ได้ตั้งใจมองลงไปต่ำนักหรอก ไอ้ผ้าขนหนูสีแดงผืนเล็กที่เกาะเกี่ยวสะโพกสอบไม่หนาไม่บางเผยวีเชฟช่วงล่างโคตรจะเรียกเลือดกำเดา ต่ำลง.. แล้วในนั้นมันก็ .. น่า ...
"ไม่กวนกูซักวันมันจะตายมั้ยไอ้เหี้ยนี่" มันพูดกระแทกหน้าเขาตอนเดินสวนออกมาจากห้องน้ำ คำพูดนั้นเรียกสติติวกลับมา เขาถึงกับสะดุ้งเฮือกตกใจ พอรู้ตัวก็รีบพุ่งเข้าห้องน้ำปิดประตูอย่างเร็วราวกลับกลัวว่ามันจะเห็นอะไรที่ไม่อยากให้เห็น ภายใต้ใบหน้าตื่นตระหนกนั้นเอง..
...
ฉิบแล้วไงนี่กูมองอะไรวะน่ะ แล้วกูคิดอะไรอยู่เนี่ย!!!เหงื่อเม็ดเป้งผุดขึ้นเต็มหน้าที่ซีดเผือด พอนึกย้อนไปว่าเมื่อครู่ตัวเองกำลังคิดอะไรแล้วก็เหมือนถูกไฟช็อต ขนหัวลุกพรึบจนรู้สึกชาวาบ เขารีบจ้วงตักน้ำราดหัวตัวเองทั้งที่ยังไม่ได้ถอดบ็อกเซอร์ไล่ความคิดบ้าๆ ออกจากสมอง
บ้าไปแล้ว!! เมื่อกี้เขากำลังคิดว่ามันน่าเอาเนี่ยนะ!!?!
ไม่อยากยอมรับเลยจริงๆ ที่เผลอมองไอ้ธันแล้วคิด..อะไรที่มันไม่เข้าท่า ถึงจะเผลอแต่นั่นก็เป็นสัญญาณที่ไม่ดีแล้วล่ะ
คือเขาเป็นผู้ชาย หอยสตรีมีมากฟาดมาเป็นร้อย แล้วนั่นก็ทำให้เขารู้สึกมีอารมณ์ได้เสมอ หน้าอกขนาดที่พอจะกดหน้าลงไปแล้วจมยังคงปลุกเร้าอารมณ์เขาได้ดีไม่มีปัญหา แล้วพอมานึกถึงหุ่นผู้ชาย ..มันไม่ใช่ว่ะ ยังไงก็ไม่ใช่!
แล้วไอ้เมื่อกี้มันคืออะไร!!!
เขารู้สึกตัวว่าเริ่มมีปัญหาแล้ว..
ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งกระวนกระวายไป ติวพยายามตั้งสติใหม่ ไม่มีอะไรหรอกน่า ไม่มีอะไร...
ภาพหนอนรถด่วนขาวเป็นหยวกลอยขึ้นมาหลอกหลอนให้สติแตกกระเจิงอีกครั้ง ติวกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบากแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
.......
"เห้ย พวกวิดคอมตีกัน!!"เสียงตะโกนตังมาจากนอกห้อง ติวที่กำลังหลับตาฟุบหน้าอยู่บนโต๊ะรีบตะครุบมือไอ้ธันเหมือนเป็นสันชาตญาณ เขาหลับไม่ลง ความกังวลไม่หายไปจากสมอง ถึงไม่อยากจะคิดแต่มันก็ยังติดสมองหนึบเป็นตีนตุ๊กแก และการกังวลนั้นทำให้เขาเผลอจับมือไอ้ธันโดยไม่ได้ตั้งใจเพราะกลัวว่าคู่กรณีจะเป็นคนที่นั่งข้างๆ
เอาตรงๆ คือกลัวมันจะหายไป เมื่อรู้สึกอุ่นๆในสัมผัสก็วางใจ อย่างน้อยๆมันก็ยังอยู่ตรงนี้
ธันชักมือออก มองไอ้คนที่กำลังฟุบอย่างเหนื่อยหน่าย ..อะไรของมันวะ ขนาดตอนหลับยังทำหน้าที่เป็นผู้คุมได้อย่างดีจนน่ารำคาญ
ติวลอบถอนหายใจเบาๆก่อนจะเปลี่ยนท่าหันตะแคงออกไปนอกหน้าต่าง เขาลืมตามองปลายไม้ที่กำลังพริ้วลู่ไปตามลม สายตานั้นแสดงความกังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัด ติวกลอกตามองคนข้างหลังแม้จะไม่เห็นมันในสายตาแล้วก็ตามก่อนจะถอนหายใจออกมาอีกที
ออดดังส่งสัญญาณท้ายคาบในเวลาบ่ายสอง คนในห้องแยกย้ายกันไปคนละทาง บ้างก็ไปกันเป็นกลุ่มจนในห้องเหลือแค่เขากับไอ้ติวสองคน ธันหยิบมือถือของไอ้เติร์กขึ้นมาดูอยากจะกดโทรหาแม่แต่ไม่มีเบอร์ในนั้น เขาเลยเก็บมันสอดเข้ากระเป๋ากางเกงอย่างเดิมอย่างเหนื่อยหน่าย ไม่รู้แม่จะเป็นไงบ้าง ส่วนเพื่อน..ไม่จำเป็นยังไม่อยากโทรเท่าไหร่ ไอ้พวกนี้ขืนโทรไปมันได้แห่กันมาที่นี่ทันทีที่เห็นเบอร์แน่ๆ
อยู่ๆไอ้ติวก็ลุกขึ้น มันหยิบปากกาสอดกระเป๋าเสื้อช็อปแล้วเดินไปเลย
เห้ย.. มันลืมอะไรปะวะ
ปกตินี่แมร่งตามคุมทุกฝีก้าว นอยด์ห่าอะไรขึ้นมาอีก เออแต่ก็ดีละ เขาจะได้ไปทำอะไรตามใจโดยที่ไม่มีเห็บหมัดคอยเกะกะ
ติวเดินออกมานอกประตูสถานบันแล้วตรงดิ่งเลี้ยวเข้าซอยประจำ สถานที่ซ่องซุมแก๊งค์ของเขา ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาราวกับไม่ได้เข้าเรียนตั้งแต่เที่ยงอย่างไม่ต้องสงสัย ติวเดินไปคีบบุหรี่ในมือไอ้หินมาดูดเต็มปอด เขาปล่อยควันออกมาพร้อมกับถอนหายใจ โดยทั้งหมดอยู่ในการสังเกตุของไอ้ดำ
ดำมองเพื่อนแล้วพาลคิดไปถึงเหตุการณ์ที่สระว่ายน้ำ แล้วก็ตามด้วยเหตุการณ์สดๆร้อนๆเมื่อคืนนี้ ..มันต้องมีอะไรทะแม้งๆแน่ๆ ดำยังคงสังเกตุต่อ แต่ที่แน่ๆคนอย่างเขาไม่สอดตีนเข้าไปยุ่งกับเรื่องของชาวบ้านหรอก แต่ไอ้เพื่อนตัวดีนี่แสดงออกมาชัดขนาดนี้ไม่คิดก็บ้า
"ไอ้ดำกูยืมรถหน่อย"
"อ่าวไอ้เชี่ยนี่แล้วรถมึงไม่มีรึไง" ดำสวนกลับทันควัน รถใคร ใครก็หวง ไอ้เหี้ยนี่ก็ยืมจังเลย ลูกชายสุดรักสุดหวงเขาเนี่ย
เจ้าของยังไม่ทันอนุญาต ไอ้ติวก็ถอดช็อปโยนใส่หัวเจ้าของรถแล้วหยิบแจ็กเก็ตหนังที่ไหล่ไอ้ดำไปใส่แทน ตามด้วยหมวกขึ้นคร่อมแล้วชิ่งบิดทันทีที่สตาร์ทมือ ดำวิ่งจะไปกระชากมันกลับแต่ฉวยไม่ทันแม้แต่ฝุ่น ไอ้เหี้ยนี่ก็ไวฉิบหาย
"เออ..แล้วไอ้สวะนิมิตรมันไปไหนวะ ปกติเห็นตูดติดกัน"
...
.............
ในความเร็วที่อยู่ในระดับกำลังจะบินได้ ภายใต้หมวกกันน็อกซ่อนใบหน้าเรียบเฉยอย่างมิดชิด ดวงตาคมจิกมองไปยังเบื้องหน้าด้วยความเร็วระดับนี้ต้องใช้สมาธิพอสมควรเลยล่ะ
ก่อนจะออกจากสถาบันเขาโทรเรียกเด็กออกมาเจอกันที่เดิมพร้อมกับสั่งหล่อนซื้อคอนด้อมมาด้วยสองกล่อง
ถ้าเกิดไม่สบายใจ หงุดหงิด หรือว่าโมโหอะไรมา การลงกับเซ็กซ์มันก็พอจะช่วยให้มันคลายลงได้เหมือนกับได้ปลดปล่อย อย่างน้อยๆ มันก็ไม่ใช่การใช้แรงไปในทางที่สิ้นเปลืองเปล่าๆ เพื่อแค่ระบายอารมณ์ แต่ดูเหมือนเซ็กซ์จะเป็นทางออกที่ดีกับทั้งสองฝ่าย หลังเสร็จกิจเรื่องที่กังวลหรือเครียดมันก็คงคลายลงไปได้บ้าง
เมื่อเช้ายังมีความสุขดีๆอยู่เลย แต่ไหงเป็นแบบนี้ซะได้
ความรู้สึกบางอย่าง ที่ไม่อยากยอมรับ ไม่อยากด่วนสรุป ไม่อยากคิดแต่สลัดมันไม่ออก
มันเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เริ่มจากอะไร มันไม่มีความรู้สึกไหนที่ทำให้วาบหวามชวนให้นึกถึง ผ่านมาแค่อาทิตย์เดียว มันจะเกิดขึ้นได้ง่ายอะไรขนาดนั้นเลยเหรอวะ?
ติวจอดรถข้างทางอย่างกะทันหันทันทีที่รู้ว่าตัวเองเสียสมาธิเกินไปแล้ว เขามองออกไปไกลสุดตาอย่างเหม่อลอย เฝ้าถามตัวเองว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่? แล้วมันคืออะไร?
ยังพอเหลือทางที่เขาจะพิสูจน์กับตัวเองอยู่.....
คำถามถูกทิ้งไว้ตรงนั้น ก่อนที่เสียงคำรามของคาวาซากินินจาสีดำจะจากไป
...
ในวันรุ่งขึ้น ธันตื่นมาเจอเรื่องให้แปลกใจแต่เช้า ...มันหายไปไหน
หรือว่ามันไม่ได้กลับตั้งแต่เมื่อคืน...?
หายไปตั้งแต่เมื่อวาน เขาลอบนอนฟังอยู่เกือบเที่ยงคืนก็ไม่ได้ยินเสียงเปิดประตูจนในที่สุดเขาก็หลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ พอดูนาฬิกาเพิ่งจะหกโมงครึ่ง ถ้าเกิดเมื่อคืนมันกลับมาก็ไม่น่าจะตื่นเช้าแล้วอาบน้ำไปเรียนเร็วขนาดนี้
แต่ช่างมันเถอะ จะไปตายที่ไหนก็ไปเถอะ ทำไมต้องถามหามันด้วยวะเนี่ย ธันเคาะกะโหลกหนาๆตัวเองก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำเตรียมตัวไปเรียน
ถ้านับตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเข้ามาเหยียบที่นี่ ถือว่าวันนี้เป็นวันที่สองที่เขาเดินไปไหนมาไหนในโรงเรียนได้อย่างอิสระ หลังจากวันที่ซัดไอ้กานเข้าโรงบาลก็ยังไม่มีใครมายุ่งกับเขา หวังว่าคงจะทิ้งช่วงไว้ได้ซักพัก ก่อนที่จะมีคนกล้ามาท้าตีเหมือนอยากลองของ มันก็ไม่ต่างจากสถาบันเขาหรอก มักจะมีพวกที่อยู่ดีๆก็มาชวนตีทั้งที่ไม่เคยไปทำอะไรบุพการีมันเลยก็ตาม พอชนะก็ท้ากันเข้ามาเรื่อยๆจนถึงจุดอิ่มตัวแล้วถึงไม่มีใครเข้ามายุ่งอีก รู้สึกตัวอีกทีคนเขาก็รู้จักไปทั่วทั้งสถาบันแล้ว
จู่ๆ ไอ้ทัดก็เดินขนาบเข้ามาข้าง มันไม่ได้พูดอะไรแต่เดินตามเงียบๆ จนกระทั่งถึงห้องที่เขาเรียนมันก็เดินแยกออกไปก่อนที่จะสลับหน้ากับไอ้เต้อที่เดินเข้ามานั่งเรียนในห้องด้วย ทั้งที่ปกติไม่เคยเห็นมันเรียนห้องนี้ ยาวจนพักเที่ยง คนที่แวะเวียนมาต่อก็คือไอ้เสก มันก็ชวนคุยสัพเพเหระ จนรู้สึกว่ามันก็ดูไม่ได้อคติอะไรกับเขาเหมือนอย่างที่คิดไว้ เลยพอคุยกับมันได้อย่างไม่ลำบากใจเท่าไหร่
คาบบ่ายก็ไม่เห็นเงาไอ้เต้อแล้ว แต่คนที่เวียนกันมาเฝ้าเขาต่อก็คือไอ้เก้า ซึ่งนั่งอยู่ไกลจากเขามาก ไอ้พวกนี้มันอะไรกันวะ พลัดเวรกันมาคุมไม่เว้นช่วงให้หายใจคนเดียวเลยเว้ย แต่ก็รู้สึกดีไปอีกแบบ เพราะเขารู้สึกไม่อึดอัดเลยที่ไอ้พวกนี้มาคุมแบบห่างๆ จนเผลอคิดว่าทำไมไอ้ติวไม่ทำแบบนี้บ้างวะ ไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายอะไรกันมาก มีหน้าที่เฝ้าก็เฝ้า ไม่เห็นจำเป็นต้องทำอะไรเว่อๆ แล้วกวนตีนนี่อีกล่ะ จะอะไรกันนักกันหนา
จะบอกว่ามันน่ารำคาญ .. ก็คงจะไม่ใช่ซะทีเดียวหรอกมั้ง
วันนี้เรียนเสร็จบ่ายสาม ไอ้เก้าหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่พอเดินออกมาเขาก็เจอไอ้หินยืนรออยู่แล้ว พอเดินอกมามันก็ทักแล้วก็ชวนเขาคุยไปตลอดทาง จากที่คุยกันเขารู้สึกได้ว่าไอ้หินเป็นคนที่น่าคบคนนึงเลย มันดูจริงใจถ้าฟังจากการพูดของมันที่ดูโผงผาง ในบางทีก็มีเหตุผล แถมยังเผาเพื่อนๆ มันให้เขาฟังจนบางทีเขาก็เผลอขำกับมันไปด้วย
ทำไมอากาศมันร้อนนักวะวันนี้ ธันหรี่ตามองเปลวความร้อนบนพื้นคอนกรีต ไอ้หินชวนคุยต่อจนพอให้ลืมเรื่องร้อนไปได้บ้าง
"ไอ้ติวอ่ะ มันก็อย่างงั้นๆแหละ มันเคยต่อยกับพวกกูทุกคนในกลุ่มตอนที่มันโมโห"
"..."
"ไอ้เหี้ยนี่บ้าเลือด เวลาธาตุไฟแตกนี่ต่อยกันเละ แต่พอตกเย็นนะ กอดคอกันไปแดกเหล้าเฉ๊ย ฮ่าๆๆๆๆๆ"
ก็พอจะดูออกอยู่หรอกนะว่ามันเป็นคนแบบนั้น"แต่ว่านะ ในกลุ่มพวกกู กูว่ามันแมร่งชีวิตพังสุดละ"
"...อะไรพังนะ?"
"ก็ทำนองว่าเด็กบ้านแตกอ่ะ เก็ทปะ"
ระหว่างที่เดินไปตึกเก่าหลังสถาบันอันเป็นที่พักของเขา มันก็เล่าเรื่องของไอ้ติวให้ฟังคร่าวๆ ถึงจะไม่ค่อยละเอียดแต่ก็พอจับใจความได้ว่าพ่อมันดุ แล้วก็เกลียดที่มันเรียนสายอาชีพทำตัวเกเร คบแต่เพื่อนเลวๆ ไร้สาระไปวันๆ ซึ่งความเชื่อพวกนั้นมักจะฝังหัวคนทั่วไปอยู่แล้ว เขาเลยไม่แปลกใจเท่าไหร่ และเข้าใจในสิ่งที่ไอ้ติวเจออย่างดี
แต่เรื่องที่ทำให้ผงะคงไม่พ้น
เรื่องแม่ของมัน...พอได้ยินแล้วเขาไม่แปลกใจเลยที่มันทำตัวเป็นหมาวัดตอนอยู่กับแม่ของเขาราวกับอยากให้รับเป็นลูกอีกคนอย่างนั้นแหละ
เล่าไปเล่ามาก็เดินมาถึงห้องพอดี การสนทนาซึ่งส่วนใหญ่ไอ้หินจะเป็นคนพูดพักช่วงไป ไอ้หินเดินนำเข้ามาในห้องพักของเขา ไอ้ธันหงุดหงิดนิดๆที่ถูกรุกล้ำเข้าพื้นที่ส่วนตัว แต่ก็ลืมไปว่านี่ไม่ใช่ห้องของเขา แต่เป็นห้องของไอ้ติวที่หายหัวไปไหนไม่รู้ ไอ้หินนี่ก็เพื่อน คงจะมาห้องนี่บ่อยๆ เป็นปกติ
ธันถอดเสื้อช็อปตามด้วยเสื้อยืดข้างในใส่ตะกร้า แล้วลงไปนั่งคุยกันต่อที่เตียงข้างๆไอ้หินในสภาพเปลือยท่อนบน
จู่ๆ ไอ้ติวก็โผล่หัวเข้ามาในห้อง ธันหันไปมองมันยังไม่ทันจะทำอะไรต่อจากนั้นไอ้ติวพุ่งพรวดเข้ากระชากคอเสื้อไอ้หินไปเหวี่ยงใส่ล็อกเกอร์อย่างไม่มีเหตุผล
ไอ้ติวกดไอ้หินกับล็อกเกอร์แล้วจ้องอย่างเอาเรื่อง หรือมันจะได้ยินที่ไอ้หินนินทามันให้เขาฟังวะ
มันจ้องหน้าไอ้หินสลับกับหน้าเขา ซักพักมันก็ปล่อยแล้วเดินหัวเสียออกไป
...เห้ย อะไรของมันวะ เลือดลมเดินไม่ปกติ หรือเมนส์ไม่มากันแน่วะ มันเดินออกไปทั้งๆทีไม่ได้พูดอะไรซักคำ ไอ้หินยังงงๆอยู่ว่าตัวมันทำอะไรผิด อยู่ๆก็เข้ามาหาเรื่อง แล้วก็เดินออกไป ทำตัวแปลกๆ
"ฮ่าๆ มันก็แบบนี้แหละๆ" ไอ้หินหันมาพูดกับเขา แต่มองก็รู้ว่าแมร่งหน้าซีดไปเลย
ฝั่งไอ้ติว เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองทำไมถึงทำแบบนั้น อยู่ๆ ตอนที่เห็นมันก็เกิดอยากจะชกหน้าไอ้หินขึ้นมา แม้จะไม่ได้ยินว่าคุยอะไรกัน แต่ทำไมสัญชาตญาณถึงได้สั่งให้ทำแบบนั้น คล้ายกับตอนที่เผลอจับมือมันโดยไม่รู้ตัว แต่คราวนี้มันรู้สึกเดือด ไม่พอใจไอ้หินโดยไม่มีเหตุผล
หรืออาจจะเป็นเพราะอารมณ์กันแน่ ?
ติวเดินจ้ำออกมาอย่างเร็วราวกับต้องการจะหนี.. นั่นอาจจะหมายถึงเขากำลังหนีความรู้สึกตัวเองอยู่ก็ได้
ตอนนี้เขารู้สึกสับสนไปหมด เมื่อคืนเขานอนที่ม่านรูดหลังเสร็จกิจสาวคนที่สอง ทุกอย่างปกติราบรื่นดีไม่มีปัญหา แต่นั่นก็ยังไม่สามารถคลายความกังวลของเขาเลยซักนิด แต่กลับยิ่งคิดมาก
มันทำอะไรอยู่..
มันนอนรึยัง
มันแอบชักว่าวอยู่มั้ย
หรือไม่ก็.. มันยังคอยเค้ารึเปล่า
ซึ่งไอ้ข้อหลังนี่ไม่มีความเป็นไปได้เลย แต่ทำไมถึงคิดก็ไม่รู้ พอนึกได้แบบนั้นก็นอยด์ มันเรียกว่ายังไงนะ.. มันใช่น้อยใจรึเปล่า
บางทีอะไรซักอย่างมันก็เกิดกับความรู้สึกอย่างรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ติด คืนนั้นยังคงคิดถึงแต่เรื่องของคนๆ เดียวตลอดทั้งคนจนกระทั่งวันนี้ พอเห็นมันอยู่กับคนอื่นเหมือนระเบิดอารมณ์ออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ทั้งที่มัน...โคตรไร้สาระ
ที่รู้สึกตอนนี้คือ ไม่อยากให้มันอยู่กับใคร อยู่ใกล้ใคร สนิทกับใคร แล้วก็..อ่อนแอกับใคร
..เหมือนเมื่อคืน
อยากเป็นคนเดียวที่เห็นด้านนั้น อยากเป็นคนเดียวที่อยู่ใกล้ที่สุด อยากเป็นคนเดียวที่รู้จักมันดีกว่าใครทั้งหมด.. ถ้าเป็นไปได้
เขาก็อยากจะโลภมาก เป็นคนๆเดียวในชีวิตของมัน ไม่อยากเฝ้าถามตัวเองแล้วว่าทำไม แต่อยากจะทำในสิ่งที่อยากทำมากกว่า
...
ถ้าหนีความจริงไม่พ้น ก็คงต้องยอมรับ..
..
ธันพลิกตัวอีกครั้งบนเตียง เขาตะแคงหันหลังให้ประตูก่อนจะหลับตาลง ในใจก็ยังอดสงสัยปฏิกริยาแปลกๆของมันเมื่อสองวันที่ผ่านมาไม่หาย ไม่ได้อยากรู้มากนักหรอก มันแค่สงสัย ถ้าจะบอกว่าเป็นเพราะเขาก็ไม่น่าจะใช่ ปกติก็พูดกันแบบนี้อยู่แล้วคงไม่ใช่สาเหตุนี้หรอก
ช่างมันเถอะ เรื่องปัญญาอ่อน
แอ๊ดดเสียงประตูเปิดก่อนจะปิดลงอย่างเบาที่สุด ก่อนที่เขาจะรู้สึกยวบที่เตียงตรงด้านหลัง เขาเพิ่งรู้ว่าตัวเองเป็นคนขวัญอ่อนก็วันนี้เอง เพราะตอนที่เขานอนนิ่งให้เหมือนว่าหลับลึกอยู่นั่นเอง เขาใจกระตุกวาบเกือบสะดุ้งตอนที่มันวางมือบนแขนเขา กว่าจะรู้สึกว่าตัวเองเสียการควบคุมไปแล้วเมื่อมันค่อยจับตัวเขาพลิกให้นอนหงายอย่างทะนุถนอมและไม่ต้องการรบกวนให้เขาตื่น
กลิ่นเหล้าบางๆโชยแตะจมูกอย่างไม่ต้องบอกก็รู้ของใคร กลิ่นนั้นยังลอยวนเวียนไม่หายไปไหน ไม่รู้ว่าเขาเผลอข่มตาแน่นหรือเปล่า มันรู้สึกแปลกอย่างบอกไม่ถูก ..แปลกมาก มันกำลังจะทำอะไรกันแน่?
ซักพักก็รู้สึกยวบที่ใกล้ๆหัวจนคิดว่ามันคงวางหัวบนหมอนลงนอนแล้ว ..แต่ทำไมมันยังรู้สึกแปลกๆ มันแปลกจนเขาอดลืมตามองไม่ได้
...
"!!!"นั่นทำให้ธันถึงกับนอนนิ่ง
ไอ้ติวกำลังเท้าแขนทั้งสองข้างระหว่างตัวเขา และจ้องลึกลงมาด้วยสายตาที่ทำให้เขาเริ่มกลัวเหมือนตอนที่ไปม่านรูดครั้งนั้น
..รู้สึกแบบที่ตั้งการ์ดพร้อมปล่อยหมัดยังไงก็ป้องกันตัวไม่ได้แตกต่างตรงที่ เขาไม่ได้รู้สึกอันตรายเหมือนครั้งนั้น ในสายตานั้น..มันผสมปนเประหว่างความสับสน ว้าวุ่นใจ แล้วก็ต้องการอะไรซักอย่าง อย่างบอกไม่ถูก แต่ยิ่งมองใจยิ่งเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ อย่างเลี่ยงไม่ได้
มองระยะนี้ทำให้เขาสังเกตุหน้าติวอย่างละเอียด ไรผมที่หลุดจากหางม้าที่มัดข้างหลังตกลงมาปรกใบหน้ายาวคมเข้ม ดวงตาคมมองลงมาฉายแววประหลาด จมูกโด่งจัดตั้งแต่หว่างคิ้วหนาจรดปลาย ปากสีเข้มไม่หนาและไม่บางจนเกินไปกำลังเผยอเหมือนกำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมาอยู่ตลอดเวลา
นั่นเป็นสายตาที่ทำให้คนอย่างธัน พูดอะไรไม่ออก ทำอะไรไม่ถูก ตลอดชีวิตไม่เคยถูกจ้องแล้วรู้สึกอะไรแบบนี้ ..ไม่มี มันไม่เคยเกิดขึ้นตลอดชีวิตของเขา และเหตุการณ์นี้มันช่างคุ้นเคยซะเหลือเกิน เหมือนกับเดจาวู
ถ้าหากร่างกายนี้ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา มีเหรอที่ศัตรูตัวร้ายมันจะยังทำแบบนี้ได้ เผลอลงไปกองตั้งแต่มันจับแขนเขาแล้ว ถึงแบบนั้นธันก็ยังปล่อย ปล่อยให้มันจับ ปล่อยให้มันพลิกตัว ..กระทั่งปล่อยให้มันคร่อมแล้วจ้องเขาอยู่ระยะประชิดแบบนี้
ติวกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง เขาก้มมองดวงตาคนเบื้องล่างอย่างพยายามที่จะค้นหาคำตอบภายในนั้น ดวงตาที่เฉยชา มองลึกลงไปในนั้นเผื่อจะเจอคำตอบที่เขาอยากรู้ แต่ยิ่งมองมันยิ่งรู้สึก
..รู้สึกว่าใช่ลูกผู้ชายก็แค่ยอมรับ ยอมรับอย่างลูกผู้ชาย
"มึง..ทำอะไรกับกู"
"...?"
ติวพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาจนธันไม่แน่ใจว่าตัวเองได้ยินถูกหรือเปล่า
"มึง.." ติวกลืนน้ำลายอีกครั้ง เขายังคงจ้องลึกลงไปในดวงตาคู่นั้น ธันมองหน้ามัน และเขาก็ใจเย็นพอที่จะรอฟังสาเหตุนั้น ถ้าหากว่าเขาเป็นต้นเหตุจริงก็พร้อมจะขอโทษอยู่แล้ว
ริมฝีปากสีเข้มเม้มอย่างชั่งใจ ดวงตาไม่ได้คลายความกังวลแม้แต่นิดแต่ดูกลับยิ่งแย่ลง ธันหลบตามองไปที่อื่นก่อนจะหันกลับมาสบตาด้วยอีกครั้ง
"ถ้ามึงยังพูดไม่ออกก็อย่าเค้นมันออกมาเลย"
เขาไม่รู้ว่าไอ้ติวกำลังจะพยายามพูดอะไรกันแน่ แต่การเค้นสิ่งที่ไม่อยากพูดออกมาในเวลาที่มันไม่ใช่ ก็ไม่ใช่วิธีที่น่าทำเท่าไหร่ ถึงมันจะอึดอัด แต่เมื่อเวลานั้นมาถึง เรื่องที่อยากจะพูดก็คงไม่ใช่เรื่องยากเหมือนตอนนี้
"ไม่ กูต้องพูด"
"..."
"ก่อนที่กูจะบอกอะไรออกไป มึงช่วยลืมไปก่อนได้มั้ยว่ากูเป็นเดน'บดินทร์ในสายตามึง""...?"
ธันขมวดคิด คราวนี้เขาเริ่มอยากรู้ขึ้นมาจริงๆแล้ว ว่าสิ่งที่มันกำลังจะบอก มันหมายความว่าไงกันแน่
"กูรู้สึกเหี้ยมากๆ ที่รู้สึกแบบนี้"
.
..
ทันทีที่ไอ้ติวพูดจบ มันโน้มหน้าลงมาฉวยคาบริมฝีปากคนเบื้องล่างที่กำลังเผลออย่างรวดเร็ว ลิ้นชื้นจาบจ้วงบุกรุกอย่างถือวิสาสะเข้าไปรุกไล่ต้อนลิ้นแข็งทื่อของคนกำลังตกใจ ธันเบิกตากว้างตกใจสุดขีดไม่คิดว่ามันจะทำแบบนี้ แต่ที่น่าตกใจกว่าคือร่างกายเขาไม่มีท่าทีต่อต้านรสสัมผัสนั่นเลยแม้แต่นิด
ธันเผลอตัวเสียท่ากับจูบมากชั้นเชิงของไอ้คนข้างบนอย่างราบคาบ ลิ้นชื้นไล่ต้อนลิ้นของเขาอย่างอุกอาจก่อนจะล่อลวงให้เขาเผลอยื่นมันออกไปเยี่ยมภายในโพรงปากของผู้บุกรุกบ้าง เรียวปากสีเข้มคาบส่วนไร้กระดูกสีชมพูก่อนจะดูดดุนเหมือนกำลังกินไอศกรีมรสเลิศ เจ้าของลิ้นผู้อยู่เบื้องล่างเปล่งเสียงอื้ออึงในคออยู่ตลอดเวลา ..ธันที่เฉยชาคนนั้นหายไปไหนแล้ว
กว่าจะรู้ตัวอีกที ..ศัตรูก็จัดการกำจัดจุดอ่อนจนหมดทางสู้
ติวแนบลำตัวลงบนตัวเขา ก่อนจะถ่ายน้ำหนักไปที่สะโพกแล้วกดมันเบียดลงที่กลางลำตัวแล้วแทรกขากดมันลงซ้ำเป็นจังหวะ ธันเริ่มอยู่ไม่สุข ปล่อยร่างกายทำตามความต้องการจนลืมไปหมดทุกอย่างว่าควรจะต่อต้านมากกว่านอนครางแล้วปล่อยให้มันทำตามใจตัวเองแบบนี้
"อ.. อย่า"
ความหนักแน่นในเสียงมันหายไปไหนหมด ธันเริ่มหอบโกยอากาศหายใจ ตอนนี้สมองมันเบลอไปหมด ร้อนวูบวาบ ติวปลดกางเกงออกแค่ถึงเข่า ก่อนจะกดสะโพกเบียดชนลำตัวเขาอีกครั้ง แต่คราวนี้เขารู้สึกมากกว่าเดิม เนื้ออุ่นๆ ผ่านบ็อกเซอร์บางๆ เสียดสีกันจนเริ่มพองตัวขึ้นเป็นลำขนาดเขื่องใต้ร่มผ้า ติวกดเอวแนบแน่นราวกับอยากจะรวมเป็นของกันและกัน แขนที่ตั้งชันลดตัวลงมาโอบกอดคนเบื้องล่างอย่างโหยหาความอบอุ่น
ใบหน้าคนเบื้องล่างพยายามข่มตาเม้มปากสนิทไม่ให้เสียงเล็ดลอด ยิ่งไม่อยากให้มันรู้สึก มันยิ่งรู้สึกมาก และมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงกระเซ่าทุ้มต่ำข้างหูของคนข้างบนยิ่งปลุกเร้าอารมณ์กระสันต์ของเขาให้พุ่งขึ้นอย่างเหลือเชื่อ ติวสอดมือผ่านขอบยางบ็อกเซอร์ก่อนจะกดมันลงต่ำ ท่อนเนื้อลู่ลงก่อนจะดีดขึ้นตามที่มันควรจะเป็น ธันกระตุกวูบท้องตรงท้องน้อยเมื่อรู้สึกถึงเนื้ออุ่นๆกับอุ้งมือที่ไม่คุ้นเคยกำลังรูดร่วมกับของๆเขา ธันกัดริมฝีปากตัวเองแน่นลิ้มรสประสบการณ์แปลกใหม่ที่ทำให้รู้สึกมากยิ่งกว่าที่เขาเคยมอบให้กับตัวเอง นี่เขากำลังอาศัยอุ้งมือของคนอื่น อาศัยพาตัวเองสำเร็จความใคร่ไปพร้อมกับเจ้าของท่อนเอ็นที่กำลังถูกรูดไปพร้อมๆกัน
เมื่อขีดจำกัดใกล้เข้ามาเกินกว่าที่ทนไหว ธันเผยหน้าขาโผเกาะหัวไหล่ติวแน่นก่อนอารมณ์ที่สะกดกลั้นจะระเบิดออก เสียงครางแหบพร่าโพร่งออกมาจนสุดเสียงพร้อมกับกระตุกจนตัวโยน ธันเด้งเอวสวนขึ้นผวากอดร่างข้างบนแน่น เมื่ออารมณ์ตัณหาสิ้นสุดลง ธันกลับมาควบคุมตัวเองได้อีกครั้งถึงแม้จะไม่เต็มร้อย และเริ่มแผลงฤทธิ์ใส่ไอ้ติว เขาพลักอกไอ้ติวทันที แต่ด้วยแรงที่อ่อนปวกเปียกมันเลยดูคล้ายนางเอกละครที่พยายามทุบอกพระเอกอย่างดัดจริต และแน่นอนว่าตามพล็อตเรื่องแล้วพระเอกจะล็อกมือนางเอกด้วยมืดเขาเพียงข้างเดียว และมันก็เป็นไปตามนั้น
คนข้างล่างยังไม่สิ้นฤทธิ์ และติวยังไม่เสร็จสมอารมณ์หมาย เขาเลยจัดการเบิ้ลอีกต่ออีกยก..
ได้ผลชะงัด จากงูที่เริ่มแผ่แม่เบี้ย กลายเป็นปลาไหลเชื่องๆ ไปเลย หึหึ..
TBC.
************
ติว และ ภารกิจเสี่ยงตีน
ใจเย็นนะ ตอนเดินที่เคยลงกำลังจะหมดสต๊อคแล้ว ช่วงนี้งานเข้าด้วย ยุ่งโพ้ดดดดดดด
โปรดรอตอนต่อไปด้วยความสงบนะ
เจอกันตอนหน้า บายแจ้