“ สายแล้ว สายแล้ว สายแน่แล้ว เชี้ยขมมมมม " ผมลุกขึ้นจากเตียงวิ่งวุ่นเข้ามาในครัวเป็นอย่างแรก จัดการกดปุ่มอุ่นข้าว เอาไก่เทริยากิที่ซื้อได้จากร้านสะดวกซื้อเข้าไปอุ่นในไมโครเวฟ ก่อนจะวิ่งเข้าไปล้างหน้าแปรงฟัน จัดการแต่งตัวไปเรียนแบบไม่อาบน้ำ แล้วก็เข้ามาในครัวต่อ
“ ไอ้ขมเสร็จยังอะ " ไอ้ภาพเดินออกมาจากในห้องนอน ผ่อนลมหายใจมองผมที่ยังวิ่งวุ่นไม่เลิก " นี่มึงเพิ่งตื่นเหรอวะ "
“ เอออะดิ เมื่อคืนกูทำงานเพลินอะ จะเสร็จแม่งก็ตีสองแล้ว " หยิบไก่ออกจากไมโครเวฟ " โอ๊ย ร้อนๆ เชี้ย ร้อน " เปิดซองพลาสติกแล้วราดมันลงบนข้าวที่ตักใส่กล่องเก็บความร้อน แพ็คในกล่องเปิดฝาเรียบร้อยผมก้บอกไอ้ภาพที่เหมือนไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีให้ช่วย " ภาพมึงมาช่วยทำอาหารเช้าให้ไอ้หัวหอมก่อนเร็ว กูจะไปปลุกมันมาอาบน้ำ กินข้าว "
“ แล้วจะให้ทำอะไรวะ "
“ ก็ทาช็อคโกเล็ตลงบนขนมปัง แล้วก็รินนมแค่นั้นพอ กูจะไปอาบน้ำให้หัวหอมก่อน มึงทำด้วยนะ " ผมวิ่งเข้ามาในห้องจัดกระเป๋าเรียนตัวเองก่อนจะเดินไปปลุกอีกคนที่ยังคงงัวเงีย " หัวหอม ตื่น ตื่นได้แล้ว สายแล้วนะ วันนี้ก็อาขมสายแล้ว ตื่นเดี่ยวนี้เลยมึงงง "
“ อาขม~ กาลิคยังง่วงอยู่เลย " เสียงงอแงว่าพลางขยี้ตาตัวเองแต่ผมก็ไม่มีเวลาจะมาปลอบหรือเชื่องช้าอะไรทั้งนั้น ต้องอุ้มมันเข้าไปในห้องน้ำทันทีจัดการแปรงฟันทั้งๆที่มันกำลังหลับอยู่แบบนั้น อาบน้ำรียบร้อย แต่งตัว ก่อนจะอุ้มมานั่งที่เก้าอี้ตรงโต๊ะกินข้าว
“ เชี้ยย โคตรเร็ว " ไอ้ภาพบอกก่อนจะวางขนมปังกับนมลงตรงหน้าหัวหอมที่ดูเหมือนจะยังไม่ตื่นเต็มตาเท่าไหร่แม้จะอาบน้ำแล้ว " กาลิคอะ ขนมกับนมนะ " มันว่าก่อนจะก้มลงเช็ดปากที่ยังมีคราบยาสีฟันติดอยู่ " มึงให้มันนอนต่ออีกหน่อยก็ได้ กาลิคมันก็อาบน้ำเองได้ "
“ ไม่ได้หรอก ถ้ากินข้าวไม่ตรงเวลา เดี๋ยวจะเป็นกระเพาะ " ปากที่บอกมือก็จัดการเรื่องของของกินตอนเที่ยงไว้ให้บนโต๊ะ ผมก้มลงบอกมัน “ หัวหอมครับ อาขมกับอาภาพไปเรียนก่อนนะ เดี๋ยวเจอกันนะ อาหารตั้งไว้ที่เดิม อย่าลืมกินให้หมดนะ "
“ บ๊ายบาย " เสียงเนือยๆของมันบอกเรา แต่ตอนนั้นผมก็ไม่มีเวลาจะทำให้มันร่าเริงอะไรทั้งนั้นแล้ว ทำได้แค่จูบที่หัวมันแล้วคว้ามือไอ้ภาพออกมาจากห้องให้เร็วที่สุด
" ไปกันเถอะ เร็ว กูสายแล้ว สายแน่แล้ว สายแน่ๆ " ผมวิ่งไปกดลิฟต์แบบเร่งๆ อีกคนที่เดินตามมา ก็คว้ามือให้ออกห่างจากปุ่มทีผม่กดย้ำอยู่แบบนั้น
" มึงจะรีบไปไหนของมึง กดทีเดียวมันก็มา "
" ก็กูรีบ มึงแหกขี้ตาดู เราสายไปยี่สิบนาทีแล้ว " เวลาที่ตอนนี้เราควรอยู่ในรถและเดินทางไปได้เกือบจะครึ่งทางแล้ว " สายแน่แล้ว เชี้ยเอ้ย "
“ มันไม่ได้ทำให้มึงถึงเร็วมากขึ้นหรอก " ไอ้ภาพบอกก่อนจะยกข้อมือขึ้นดู " มันก็ยังไม่ได้สายมาก ถ้ารถไม่ติดก็คงทัน "
“ รถไม่ติด..” ผมทวนคำพูด " มึงพูดว่า รถไม่ติดทั้งๆที่มึงอยู่กรุงเทพอะนะ "
“ ถ้ารถไม่ติดมากไง " เดินเข้าไปในลิฟต์ที่เปิดออกตรงหน้า ลงไปที่ลานจอดรถก่อนจะขับรถออกไปด้วยความเร็วปกติ แต่วันนี้เหมือนจะโชคดีอยู่หน่อยตรงที่ รถไม่ได้ติดเหมือนทุกวัน ไอ้ภาพจอดรถที่หน้าคณะผมที่ก็เปิดประตูลงไปทันทีด้วยความรวดเร็ว วิ่งขึ้นบันไดแทนที่จะยืนรอลิฟต์ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องเรียนหอบหายใจแรงๆตอนที่หย่อนตัวเองนั่งลงที่เก้าอี้ข้างไอ้โม
“ อ้าว เอางานมาส่ง " เสียงของอาจารย์ที่ดังขึ้นทันที ตั้งแต่ที่เปิดประตูเข้ามาในห้อง ผมกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะเปิดกระเป๋าออกแล้วพบว่า งานที่ต้องส่งวันนี้.. ผมไม่ได้เอามา
“ ไอ้เชี้ย อยู่ไหนวะ " ผมพูดกับตัวเองตอนที่เปิดหาแบบรนๆไอ้โมก็เอียงหน้าถาม
“ งานมึงละ ไอ้ขม "
“ หาอยู่นี่ไง " เทของในกระเป๋าเป้ออกมาทั้งหมด กระดาษที่กระจัดกระจายออกไป แต่ไม่มีแผ่นไหนเลยที่เป็นงาน จริงๆเมื่อวานหลังจากทำเสร็จก็ปริ้นงานเย็บแม็คใส่แฟ้มไว้เรียบร้อยแล้วนี่หว่า แต่สงสัยจะไม่ได้เอาแฟ้มนั้นมา ผมทรุดลงที่เก้าอี้ตัวเอง
“ มึงลืมเอามาเหรอวะ "
“ อื้ม " พยักหน้ารับอีกคนสั้นๆ " ไปดร็อปเลยดีมั้ย "
“ เชี้ย เร็วไป ไปบอกอาจารย์ดิวะ ว่าลืม เอามา "
“ ตลก มึงคิดว่าเค้าจะเชื่อรึไง " อาจารย์ที่สอนเราเป็นอาจารย์ที่เคี่ยวที่สุดในคณะแล้ว เข้าสายไม่ได้ถ้าเข้าสายหลังเค้า จะถูกไล่กลับไปทันที ถ้าขาดเรียนต้องมีใบลาจากแพทย์เท่านั้นไม่งั้นจะถูกเช็คว่า ขาดเรียน ซึ่งการขาดเรียน ไม่ว่าจะสายหรือป่วย ถ้าเกินสามครั้งก็จะไม่สิทธิส่งงานใดๆ และต้องดรอปวิชานี้ เพื่อเข้าเรียนใหม่ในปีหน้า
“ ก็ลองไปคุยกับเค้าก่อน " โมบอก ผมก็ผ่อนตัวเองลงนั่งที่เก้าอี้ในห้องเรียน นักศึกษาหลายคนที่กำลังต่อแถวให้อาจารย์ส่งงาน ผมกดโทรศัพท์ออกไปหาไอ้ภาพ แต่ก็ไม่มีใครรับสาย มันคงเข้าเรียนอยู่
“ มึงคิดว่ากลับไปเอาตอนนี้ทันมั้ยวะ "
“ ตอนนี้อะนะ " เหลือบมองนาฬิกาในห้องเรียนไอ้โมส่ายหน้า " กูคิดว่าไม่ทันวะ กูว่าลองคุยกับเค้าก่อน บอกเค้าว่าเราทำแล้วแต่ลืมเอามาขอกลับไปเอาได้มั้ย หรือว่ายังไง มึงจะทำใหม่เลยก็ได้ กูเอาคอมมาอยู่ในรถ "
ตัดสินใจทำตามคำแนะนำของไอ้โมผมยืนรออาจารย์เป็นคนสุดท้ายรอให้เค้าตรวจงานทั้งหมด เพื่อบอกจุดแก้ไขแล้วให้เอาไปแก้และนำมาส่งใหม่ ไอ้โมเป็นคนที่ส่งงานเกือบคนสุดท้าย งานของมันไม่มีอะไรต้องแก้เหมือนเค้าจะถูกใจอยู่แล้วเป็นหนึ่งในไม่กี่ชิ้นที่เค้ารับไว้ โดยไม่ส่งกลับ
“ อาจารย์ครับ " ผมเรียกเค้าเสียงอ่อนก่อนจะนั่งคุกเข่าลงตรงหน้า
“ งานเธอละ นรภัทร “
“ ผมลืมเอามาครับ เมื่อเช้าผมสาย เลยรีบจนลืมงานของอาจารย์ครับ " บอกเค้าไปตามตรง อีกฝ่ายก็เงียบก่อนจะถอนหายใจออกมา
“ แล้วจะให้ฉันทำยังไง "
“ ถ้าเกิดว่าอาจารย์ช่วยต่อเวลาไปสักหน่อยได้มั้ยครับ ผมจะกลับไปเอางานที่บ้าน แล้วกลับมาส่งอาจารย์ "
“ ในความเป็นจริงนะ นรภัทร ตอนที่เธอออกไปทำงาน เธอจะไม่ได้โอกาสในการแก้ตัวเวลาที่เธอลืมงานของลูกค้า หรือว่าหัวหน้าหรอก ที่บอกว่า ตื่นสายเลยลืม ฉันมองว่านั่นเป็นเรื่องส่วนตัวของเธอ ที่ทำให้ขาดความรับผิดชอบต่องานมากกว่า มันไม่ใช่ข้อแก้ตัวที่ไม่มีงานมาส่ง อย่าเอาต้องเข้าเวลาเรียนให้ทันมาอ้างว่าทำให้สาย เรื่องของการตรงต่อเวลามันสำคัญนะ คนทุกคนก็ควรตรงต่อเวลาที่นัดหมายไว้ในเรื่องต้องรับผิดชอบ เธอคือนักศึกษา หน้าที่ก็คือการมาเรียน เธอก็ต้องมาตรงเวลา นั่นมันไม่ถูกเหรอ "
" ถูกครับ อาจารย์ " พยักหน้ารับอีกคน ผมที่ได้แต่ก้มหน้าลงจะทำยังไงได้วะ ก็มันจริงของเค้า เราลืมงานเอง งานที่เราต้องรับผิดชอบ
“ ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไง นายอยากจะให้ฉันทำยังไงดีละ " เค้าถาม " นายคิดว่า ฉันควรทำยังไงกับนายดี "
“ แต่ผมทำงานเสร็จจริงๆนะครับ แต่ลืมหยิบแฟ้มที่ใส่งานมา "
“ ฉันรู้ว่านายทำงานเสร็จแล้ว แต่ที่จะถามคือ นายจะให้ฉันทำยังไง กับงานที่นายลืมแล้วมันไม่ได้ส่ง ตอนนี้ "
“ ขอผมทำส่งใหม่ได้มั้ยครับ "
“ โดยใช้โจทย์เดิมกับเพื่อนๆ ที่ส่งกันหมดแล้วอย่างงั้นเหรอ " อาจารย์ถามผมก็นิ่ง " เอาแบบนั้นมั้ย เพิ่มสเป็คงานเข้าไป ทำเสร็จก่อนบ่ายสี่โมงวันนี้ ส่งที่ห้องพักอจารย์ ถ้าเสร็จทันจะรับงานไว้แล้วกัน "
“ ได้ครับ " ไม่มีสิทธิ์จะบอกว่า ไม่ได้หรอก ถ้าไม่มีคะแนนก็ต้องดรอปวิชานี้ ซึ่งผมไม่อยากจะทำแบบนั้นเลย รับโจทย์งานใหม่มาจากอาจารย์ มันเป้นโจทย์งานเก่านั้นแหละแค่เพิ่มรายละเอียดเข้าไปเยอะมากๆ ผมยกมือไหว้อีกคนที่ยังให้โอกาสได้แก้ตัว เค้าที่เดินออกไปไอ้โมที่ยืนข้างๆก็ก้มหน้าลงอ่านโจทย์งานของผม
“ โคตรยาก " มันว่าก่อนจะเอื้อมมือตบไหล่ " แต่ไม่เป็นไรมึง เดี๋ยวกูอยู่ช่วยมึงเองยังไงวันนี้กูก็ไม่ได้รีบไปไหนอยู่แล้ว เอาคอมกูทำก็ได้ กูเอาคอมมา "
“ ขอบใจนะมึง "
ผ่อนลมหายใจออกมาผมเดินไปเอาคอมกับไอ้โมที่รถก่อนจะเดินขึ้นไปทำงานที่หอสมุดหลังจากกินข้าวเสร็จ มองดูเวลาที่ปกติวันนี้ จะได้กลับไปหาหัวหอมก่อนไอ้ภาพ คงต้องกลับพร้อมมันไม่ก็หลังมันแล้วแหละ
' ภาพ วันนี้กูต้องอยู่ทำงานคงกลับบ้านเร็วไม่ได้ ยังไงถ้ามึงเลิกเรียนแล้วกลับไปหาไอ้หัวหอมก่อนเลยนะ กูจะกลับกับไอ้โมเอง ' ผมส่งข้อความไลน์ไปหามัน แต่ไม่นานอีกฝ่ายก้ส่งกลับ
' รายงานกูก็มีปัญหาเหมือนกัน ยังไงกูจะกลับแล้วจะบอก ' อ่านข้อความของไอ้ภาพที่ส่งมาก็ได้แต่ขมวดคิ้ว งานมีปัญหาเหมือนกันเหรอวะ แต่จะว่าไปเมื่อวานมันก็นั่งทำรายงานอยู่
' รายงานมีปัญหาไรวะ '
' ก็เมื่อวานกูรีบทำเพราะจะไปเล่นกับกาลิค เลยลืมดูว่าอาจารย์เค้าสั่งให้ทำแบบไหน กูเลยต้องมานั่งแก้งานเนี้ย กูทำผิดหมดเลย ' เออ เจริญ สภาพไม่ต่างกันนี่ก็ลืมหยิบงานมาเพราะมัวแต่ยุ่งวุ่นวายกับมันตั้งแต่เช้า ส่งสติกเกอร์ไลน์หน้าเศร้าไปให้เป็นอันเข้าใจมันอย่างที่สุด ผมเปิดคอมพิวเตอร์ของไอ้โม ก่อนจะเริ่มทำงานของอาจารย์ทันที โดยมีไอ้โมนั่งช่วยให้กำลังใจอยู่ข้างๆ ด้วยการคุยไลน์กับไอ้ชัดแบบมีความสุข
จัดการร่างงานที่อาจารย์ให้มาผมยื่นให้ไอ้โมดูเป็นระยะ ขัดขวางทางรักของมันที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้คนในหน้าจอ " โม ดูอันนี้ให้หน่อย มึงว่าโอเคยัง "
" ไหน " พูดออกมาแบบนั้นแต่ตาก็ยังจ้องอยู่ที่โทรศัพท์ มันหันมามอง " อื้ม กูว่าก็ได้แล้วนะ เจ๋งดีอะ "
" โอเค ขอบใจมาก มึงกลับไปคุยกับไอ้ชัดต่อเถอะไป "
" กูไม่ได้คุยกับไอ้ชัด "
" แล้วคุยกับใคร "
“ เพื่อนนนน " มันลากเสียงก่อนจะคว่ำหน้ามือถือลง ผมก็แอบเหล่
" นี่ถามจริงๆ กับไอ้ชัดนี่ไปถึงไหนแล้ว "
“ อะไรถึงไหนวะ " มันมองไปทางอื่นตอนที่ผมถาม
“ อย่าทำเป็นไม่รู้เรื่อง นี่กูถามจริงๆ กูอยากรู้ ว่าไง ถึงไหนแล้ว เป็นแฟนกัน "
“ แค่เพื่อน ไอ้เหี้ย " ก็ยังคงตอบออกมาแบบนั้น ผมก็เหล่มองมัน " ก็คุยๆกันแต่ไม่ได้คุยกันแบบ เชิงชู้สาวอะไร มึงเข้ามั้ย เหมือนกูคุยกับมึงอะ กูก็คุยกับไอ้ชัดแบบนั้น ก็เท่านั้นเอง ไม่ได้แบบ คิดถึงจังเลยทำอะไรอยู่ ไม่ได้อี๋อ๋อเป็นแฟนอะไรกันสักหน่อย "
“ แล้วมึงว่ามันเป็นไง "
“ อะไรเป็นยังไง " ยังมาทำเป็นไม่รู้เรื่องอีกคนเรา นิสัย
“ ถ้าไอ้ชัดจีบมึง มึงจะตกลงแบบ ถ้าไอ้ขัดว่า โมมาเป็นแฟนกันมั้ย มึงจะตอบว่าไง "
“ ถ้ากูบอกว่าตกลง นั่น หมายความว่า กูต้องยอมรับว่ากูเป็นเกย์ใช่มั้ย " มันถามผมด้วยแววตาที่เศร้าลงถนัดตา ผมไม่รู้ความรู้สึกลึกๆของมันหรอก ว่ามันรู้สึกยังไง แต่ท่าทางมันคงสับสนน่าดู " กูไม่รู้จะบอกมึงยังไงวะ กูก็ไม่เคยรู้แบบนี้มาก่อนเหมือนกัน "
“ ยังไง ? “ ผมวางงานที่ตัวเองกำลังทำ แล้วหันไปสนใจมันเต็มที่
“ ไม่รีบทำงานเหรอ " โมถามยิ้มๆ ผมก็บอกปัด
" เอาเรื่องมึงก่อน ต้องเสือกก่อน เดี๋ยวทำงานไม่ราบรื่น " มันยิ้มก่อนจะส่ายหน้าไปมา
“ กูก็ยังรู้สึกชอบผู้หญิงอยู่นะ เวลาเจอคนสวยๆก็ยังชอบมองอยู่ แต่ว่ากูก็มีความสุขเวลาที่ได้คุยกับไอ้ชัด มันบอกไม่ถูกอะไร กูก็รู้นะ ว่ามันกำลังจีบกูอยู่ ถ้าใจไม่ชอบก็ต้องถอยห่างออกไปแล้ว แต่ตอนนี้กูรู้สึกว่ามันเหมือนเฟิร์สเลิฟอะมึงจากเมื่อก่อนเราเป็นคนที่คิดคำให้ผู้หญิงเค้ามีความสุข ตอนนี้เราก็ได้รับความสุขนั่นเอง " ผมยิ้มแซวมันตอนที่มันพูดแบบนั้น " แต่ชัดมันไม่ใช่คนหวาน ไม่ใช่คนที่เอาใจ ช่างพูด แต่มันเป็นอะไรที่แบบ ก็มันเป็นมันอะ กูก็บอกไม่ถูก ถามว่าชอบมั้ย ไม่กล้าพูดออกไปหรอกวะ เหมือนยังไม่อยากจะยอมรับว่า ตัวกูเองจะชอบผู้ชายด้วยกัน มันก็รู้สึกแปลกๆ "
“ ในความคิดของกู ถ้าตัดเรื่องเพศออกไป กูว่ามันก็ไม่แปลกนะ " ผมบอก " จะว่ายังไงดีละมึง ถ้ามึงรู้สึกดีกับมัน กูว่ามันก็แค่ความรักนะ แต่คนทั่วไปกลับใส่ชื่อ ความรักของคนเพศเดียวกันว่า เกย์ เลสเปี้ยน ก็เท่านั้นแหละ ทั้งๆที่มันก็เป็นความรักเหมือนกัน เหมือนกับทั่วๆไปที่มี มึงก็แค่ชอบเค้าไม่ใช่เหรอวะ ถ้าใช่ ก็รออะไรละ เป็นแฟนกันเลย "
“ มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกมึง " โมบอก
“ แล้วอะไรที่ยาก ความคิดมึงรึเปล่าที่ยากกอะ " สบตามันที่ถอนหายใจออกมา ผมไม่รู้คำตอบของมัน แต่คิดว่า โมมันคงมีคำตอบในใจของมันอยู่แล้ว
“ มันแปลกนะมึง กูไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครเลย ตอนอยู่ม.ปลายอยู่ ชายล้วนก็ไม่เคยรู้สึก เรียนมหาลัยก็ไม่เคยรู้สึก แต่พอว่ามันเข้ามาสนิทด้วย กลับรู้สึก กูรู้สึกใจเต้นแรงเวลาที่มันทำอะไรให้ ทั้งๆที่เมื่อก่อนก็กลัวมันจนไม่อยากจะมองหน้า "
“ แต่ตอนนี้กลับคิดถึงจนอยากจะเห็นหน้าตลอดเวลา " ผมแซว อีกคนก็หันมายิ้มเขินก่อนจะบอกปัดตามปกติ
“ ไอ้เชี้ย ไม่ใช่เว้ย กูไม่ได้คิดถึงมันตลอดเวลาสักหน่อย "
“ หน้าแดงอะมึง " ยื่มมือไปเขี่ยแก้มอีกคนก็ปัด
“ ไอ้เชี่ยขม มึงนี่ยังไงวะ "
“ ทำงานดีกว่า ไม่อยากจะใส่ใจคนมีความรัก ว๊ายยย " ผมเอ่ยแซวก่อนจะหันมาสนใจทำงานของตัวเอง หลังจากที่เสือกเรื่องของเพื่อนเสร็จเรียบร้อย
ร่างงานในแผนงานทำทุกอย่างอย่างบรรจง อยากจะทำให้สวยที่สุดเพราะอาจารย์อุตส่าห์ให้โอกาสในการแก้ตัว ผมจดจ่ออยู่กับงานจนคนที่นั่งอยู่ข้างๆหลับไปแล้ว ความเหนื่อย และเมื่อยล้าที่ก่อตัวผมบิดหลังเล็กน้อยก่อนจะทำงานต่อไปเรื่อยๆ พยายามฝืนทำจนเสร็จเรียบก่อนจะปริ้นงานที่จะส่งนั่นออกมา
“ โม " ผมสะกิดเรียกอีกคนที่สะลืมสะลือตื่นขึ้นมา " ไปส่งงานกัน "
“ เสร็จแล้วเหรอ "
“ อื้ม เสร็จแล้ว " บอกแบบนั้นมันก็ยกมือขึ้นบิดขี้เกีียจก่อนจะยืนขึ้นเต็มความสูง
“ ไหนของดูงานหน่อย " ยื่นงานไปให้มันดูอีกคนก็พยักหน้ารับตอนที่เห็น " สวยวะ เอาไปส่งกัน " ผมพยักหน้ารับก่อนจะปิดคอมทุกอย่างของไอ้โมเรียบร้อยแล้วเดินเอางานไปส่งอาจารย์ที่คณะ มองเวลาที่ใกล้เดทไลน์ แต่ก้โชคดีที่ยังทัน อาจารย์รับงานของผมไว้ ได้รับคอมเม้นท์นิดหน่อย แต่โชคดีที่ไม่ต้องแก้ไขงานอะไรแล้ว
“ แล้วคราวหลัง อย่าลืมงานอีกละ " อาจารย์บอกแบบนั้น ผมก็หน้าลงก่อนจะยกมือขอบคุณแล้วออกมาจากห้องพักอาจารย์
“ เป็นไงบ้าง " ไอ้โมเอ่ยถามผมก็พยักหน้ารับ
“ ผ่านไปได้ด้วยดีวะ "
“ โชคดีไปนะมึง " ผมพยักหน้ารับก่อนจะทรุดลงนั่งที่หน้าคณะ หลับตาลงอยู่นานอีกคนก็ลูบหลังถาม " โอเคมั้ยวะมึง "
“ โคตรเพลียเลยวะ กูแม่ง เหมือนจะอ้วกเลย "
“ สงสัยเพราะจ้องหน้าคอมมากไป ช็อคโกเล็ตมั้ย หรือว่าน้ำ กูไปซื้อให้ "
“ ไม่เป็นไรอะมึง เรากลับบ้านกันเถอะ " ผมบอกโมอีกคนก็พยักหน้ารับแม้จะมีสีหน้าเป็นห่วงอยู่ แต่ผมก็ขี้เกียจอธิบายอะไรมันมากกว่านี้แล้ว ตอนนี้มีเด็กคนนึงรอเรากลับไปที่บ้าน เมื่อเช้ารีบออกมา เลยไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นยังไงบ้าง
รถจอดลงที่หน้าคอนโด ผมปลดสายเข็มขัดนิรภัย ตอนที่ผ่อนลมหายใจออกมา ยังรู้สึกปวดหัวแล้วอยากจะอ้วกอยู่เลย สงสัยเพราะจ้องคอมพิวเตอร์มากเกินไป
“ ขอบคุณที่มาส่งนะมึง แล้วก็ขอบคุณมากที่อยู่เป็นเพื่อนกูทำงาน "
“ เรื่องเล็กน้อย ไม่เป็นไรหรอก มึงอะ ขึ้นไปก็อาบน้ำแล้วพักผ่อนซะ หน้ามึงแม่งไม่ไหวแล้วอะ "
“ อื้ม " ผมพยักหน้ารับ ตอนที่ลงจากรถแล้วเดินขึ้นไปบนตึก กดลิฟต์ขึ้นไปชั้นบนของห้องล้วงกุญแจในกระเป๋าออกมา ผมสูดลมหายใจเข้าปอดไปลึกๆ ผ่อนคลายอารมณ์ให้สดใสก่อนจะไขกุญแจเข้าไป ก่อนจะทำได้แต่ยืนอึ้งอยู่ตรงนั้นอย่างพูดอะไรไม่ออกสำหรับสภาพห้องที่ได้เย็นอยู่ตอนนี้
ห้องที่เคยสะอาดเละเทะไปด้วยคราบช็อคโกเล็ต และของเล่นที่กระจัดกระจายเต็มห้องไปหมด สีเทียนถูกละเลงไปตามผนังของห้อง ก่อนที่เจ้าตัวเล็กที่เละไปด้วยช็อคโกเล็ตทั้งตัวจะวิ่งเข้ามากอดผม
“ อาขมกลับมาแล้วววววว "
“ หัวหอม.. นี่มัน เกิดอะไรขึ้นวะ " ผมเอ่ยถามมันก่อนจะทรุดลงนั่งบนพื้นด้วยความเหนื่อยใจอย่างที่สุด ก้มหน้าลงพูดอะไรไม่ออกแค่เห็นของเล่นมากกว่าและความเละเทะของห้องก็อยากจะร้องไห้แล้ว ทั้งๆที่อยากจะกลับมานอนพักสักหน่อยแต่นี่คืออะไรวะ " หัวหอมมึง..”
“ อาขมมมม " เสียงเล็กออดอ้อนมันนั่งลงบนตัก ผมก็ซบลงบนตัวมัน ก่อนจะมองไปในครัวที่ก็ดูเละเทะไม่แพ้กัน ข้าวที่กินไม่หมดกองอยู่บนซิงค์น้ำ ไม่ต้องไปมองก็รู้ว่า ตอนนี้คงมีมดมหาศาลบุกเข้ามากินเศษอาหารเยอะขนาดไหน
“ ทำไมมึงทำแบบนี้วะ " ผมเอ่ยถามมันอีกคนก็เงียบ " ช็อคโกเล็ตพวกนี้มาจากไหน แล้วทำไมกินข้าวไม่หมด "
“ ก็มันไม่อร่อย มันไม่อร่อยเลย มันยังเป็นน้ำแข็งอยู่ข้างในด้วย " อีกคนบอก " แล้วกาลิคก็หิวก็เลยกินช็อคโกเล็ต ช็อคโกเล็ตที่ตั้งอยู่บนโต๊ะมันอร่อย "
“ ไอ้เชี้ยภาพ " ผมสบถออกมาเบาๆในใจ เพราะเมื่อเช้าผมให้มันจัดการทำอาหารเช้าแต่มันคงไม่ได้เก็บเอาไว้ให้ถูกที่ อีกคนก็เลยเอามากินได้ หรือเพราะกูเองที่รีบจนลืมเก็บไปหมดวะ
“ อาขม อาขมโกรธกาลิคเหรอ กาลิคขอโทษนะ แต่กาลิคหิวแล้วก็ไม่มีอะไรกิน ก็เลยไปกินช็อคโกเล็ต " มันบอกเสียงอ่อน ผมก็ถอนหายใจออกมา
“ จะโกรธมึงได้ไง กูไม่โกรธหรอก กูผิดเองแหละ ที่เลี้ยงดูมึงไม่ดี " ผ่อมลมหายใจออกมาตอนที่อีกคนกอดผมไว้ หรือว่าว่าจริงๆ เราสองคนจะไม่เหมาะกับการเลี้ยงเด็กจริงๆวะ
..........................................................
หัวหอมลูก สงสารเด็กก็สงสาร
สงสารภาพขมก็สงสาร เรียนก็ต้องเรียน หน้าที่เด็กรับผิดชอบ ก็ต้องมี
อ่านเรื่องนี้ โปรดอย่าคิดกับว่า เราแต่งให้คนที่มีรักในวัยเรียน มีลูกไป เรียนไปไม่ได้นะคะ
แต่เรามองว่า เด็กน่ะ ปล่อยให้อยู่คนเดียวไม่ได้หรอก มันต้องมีคนดูแล
ก็แก้ไขปัญหากันไปนะ ว่าที่คุณพ่อมือใหม่
แล้วปัญหาที่เกิดขึ้นเรื่อยๆ แบบนี้ ภาพขมจะจัดการยังไง โปรดติดตามอ่านตอนต่อไป นะคะ ฮ่าๆๆๆ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์
ฝากแท็ก #มมชลก ด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่า