เฮ้ย ! มันไม่ใช่ลูกกู
ตอนที่ 45
“ เอาเป็นว่า ไม่ต้องแคร์กันก็ได้มึง ตามสบาย " เดินไปนั่งข้างหัวหอมตอนที่พูดคำพูดนั้นจบ ผมใส่หน้ากากอนามัยปิดปากตอนที่ก้มลงหอมแก้มมัน เจ้าตัวเล็กก็เงยหน้าขึ้นมอง
“ อาขม เดี๋ยวอามีนาจะบ้านเราเหรอ "
“ ช่ายยย " ผมลากเสียงบอก อีกคนก็พยักหน้ารับ " แล้วหัวหอมดูการ์ตูนเรื่องอะไรอยู่ "
“ ดูโปเกม่อน แต่จะจบแล้ว " มันชี้ไปที่ทีวี ไอ้ภาพก็เดินมา
“ ขม มาคุยกันหน่อย "
“ คุยอะไร " ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้ามัน อีกคนก็ขมวดคิ้ว ใบหน้าคมที่ไม่รู้ว่าตอนนี้รู้สึกอะไรอยู่ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ที่รู้คือ ภาพมันรู้แน่นอนอยู่แล้วว่าผมไม่ชอบใจเรื่องของมีนา รู้อยู่แล้วว่าผมหึงมัน แต่ที่ผมไม่รู้เลยคือ ในเมื่อรู้ว่ากูไม่ชอบ แล้วทำไมต้องไปใกล้เค้าวะ
“ เรื่องมีนา ลุกขึ้นมานี่ก่อน " มือหนาจับมือผมให้ลุกขึ้น แล้วตอนนั้นหัวหอมก็ดึงมือของไอ้ภาพไว้ มันถาม
“ ป๊าจะพาอาขมไปไหน "
“ ไปคุยในห้อง " ภาพบอกอีกคนด้วยเสียงทุ้มๆแบบกำลังหาเรื่อง มันที่มองผมแบบไม่วางตา หัวหอมที่เห็นท่าทางแบบนั้นของมันเจ้าตัวเล็กก็ลุกขึ้นยืนบนโซฟาก่อนจะโบกมือไปมาแล้วบอก
“ ไม่ทะเลาะกันนะรู้เปล่า แค่คุยกันนะ "
“ ครับผม ไม่ทะเลาะครับ คุยเฉยๆ " ร่างสูงหันไปย้ำกับลูกชายตัวเองแบบนั้นก่อนจะยิ้ม หัวหอมก็ปล่อยมือมัน “ ไปคุยกัน "
เดินเข้ามาในห้องของผมที่ดึงมือตัวเองออกก่อนจะมองหน้ามันที่ก็มองหน้าผมเหมือนกัน " มีอะไร ว่ามาเลย เดี๋ยวน้องมีนามาจะเสียเวลาติวหนังสือนะ "
“ ไม่ต้องประชด " เผลอแบะปากตอนมันพูดออกมาแบบนั้น " แล้วก็ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นด้วย "
“ นี่มันเรื่องของกูปะ แบะปากก็ไม่ได้ พูดอะไรก็ไม่ได้ มึงบ้าปะเนี้ย "
“ มึงเป็นอะไร ถามหน่อยเถอะ นี่กูงงนะ " ภาพถามผมก็สวนกลับ
“ ทางนี้มากกว่าที่ต้องถามว่ามึงอะเป็นอะไร " ผมบอก " มึงรู้อยู่แล้วว่ากูรู้สึกยังไงกับมึง มึงรู้ว่ากูหึงมึงเรื่องมีนา แล้วทำไมมึงต้องทำเป็นไม่รู้วะ ทำไมมึงยังไปตอบตกลงจะติวหนังสือให้เค้า ทั้งๆที่มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบให้มึงไปใกล้กับเค้า หรือว่ามึงกำลังจะทำให้กูทนไม่ไหว แล้วก็ตอบตกลงเป็นแฟนกันมึง อย่างงั้นเหรอวะ "
" ไม่ใช่ " ร่างสูงบอกก่อนจะส่ายหน้า มันที่จ้องหน้าผม " กูไม่เคยคิดจะบีบบังคับให้มึงตอบรับความรู้สึกของกู ด้วยการมานั่งอี๋อ๋อกับน้องเค้าหรอก กูไม่ได้ปัญญาอ่อนขนาดนั้น แล้วมึงที่มองตากูอยู่ตอนนี้ มึงคงรู้ว่ากูไม่ได้โกหกจริงมั้ยละ " ผมเงียบก็เป็นอย่างที่มันพูดนั่นแหละ ภาพไม่ได้โกหก
“ แล้วอย่างงั้น ทำไมมึงต้องไปสอนเค้าด้วยวะ “
" กูแค่สอนเพราะเห็นว่าเค้าอยากจะให้สอน ถ้าเค้าไม่อยากจะให้สอนเค้าไม่ทำสปาเก็ตตี้มาให้เพื่อแลกกับการสอนหรอกจริงมั้ยละ "
" นี่มึงเชื่ออย่างงั้นจริงๆเหรอ " ผมถามมัน " มึงเชื่อว่า น้องมันทำสปาเก็ตตี้มาให้มึงเพื่อแลกกับการสอน กูโง่ขนาดที่ดูไม่ออกเลยเหรอวะ ว่ามันไม่ใช่ สมองมึงโดนกระแทกรึเปล่า ? มึงแยกผู้หญิงไม่ออกแล้วเหรอ ว่าคนไหนเค้าอ่อย คนไหนเค้าจริงจัง " มันเงียบไปผมก็ถอนหายใจออกมา " กูไม่คิดว่านางจะไม่รู้เรื่องหรอก แค่หาเรื่องมาอยู่ใกล้มึงมากกว่า "
หันมองไปทางอื่น ไม่ชอบใจเลยจริงๆ หงุดหงิด งุ่นง่าน เบื่อ เซ็ง ถ้าทำได้อีกเดี๋ยวถ้าเห็นเธอเดินเข้ามาผมก็อยากจะตะโกนออกไปเสียงดังๆว่า ' ออกไปจากห้องกูนะเว้ย! อย่าเข้ามายุ่ง ไปเลยไป ' แต่ความจริงแม่งก็ทำอะไรแบบนั้นไม่ได้ ได้แต่อดทน อดทน แล้วก็อดทน ไอ้ภาพไม่คิดอะไรกับเธอก็จริงผมรู้ แต่เธอนั่นแหละ ที่คิดอะไรกับมัน แล้วก็คิดจริงจังมากซะด้วย ก็ขนาดรู้แล้วว่าหัวหอมเป็นลูกยังเดินหน้าอ่อยไม่ถอยเลยนี่หว่า
“ คิดมากไปได้ ไม่ต้องคิดมากหรอก " ภาพจับไหล่ผมก่อนจะก้มหน้าลงมาสบตากัน " กูไม่ได้คิดอะไรกับน้องเค้า แค่อยากจะติวหนังสือให้มันจบๆเรื่องบุญคุณสปาเก็ตตี้กันไปก็เท่านั้น ทีหลังเราเองจะได้ไม่ต้องเกรงใจอะไรเค้าอีก "
" กู.. ไม่ได้คิดมาก " ผมบอก อีกคนก็หัวเราะ
" ตอแหลอีกละ "
" กูไม่ได้คิดมาก กูแค่หึงมึง " ภาพหยุดหัวเราะทันทีตอนที่ผมพูดคำนั้นออกมา ผมก้มหน้าลงถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกยอมแพ้ ผมยอมแพ้แล้วกับความรู้สึกของผมที่ระเบิดออกมาในตอนนี้ " กูไม่มีอะไรพูดอีกแล้ววะ กูไม่มีข้ออ้าง ไม่มีเหี้ยอะไรทั้งนั้น ยกเว้นกูหึงมึง หึงมากๆ หึงจนจะระเบิดอารมณ์ออกไปอยู่แล้ว มันหงุดหงิด หายใจก็ไม่ออก กูไม่อยากให้เธอยิ้มให้มึง ไม่อยากเห็นมึงยิ้มให้เธอ แต่พูดไปก็เท่านั้น เพราะกูเป็นแค่เพื่อน เพื่อนรู้สึกหึงไม่ได้สินะ มึงบอกแบบนั้นนี่ "
“ ขม "
“ งั้นกูยอมก็ได้ " เงยหน้าขึ้นบอกมัน ก่อนจะยกยิ้มแบบแพ้ๆให้ไอ้ภาพ " กูยอมแพ้แล้ว ยอมแล้วจริงๆ กูยอมเป็นแฟนมึงก็ได้ เพราะกูหึงมึงมากจนไม่ไหวกับความรู้สึกตอนนี้แล้ว ถ้ากูไม่ทำอะไรสักอย่างกูต้องระเบิดตายแน่ เพราะกูไม่ชอบมากๆ ไม่อยากให้มึงใกล้ใคร กูยอมมึงเป็นแฟนมึงแล้ว ยอมแล้วจริงๆวะ " ยอมโดยไม่มีการบังคับจากใคร แต่เป็นการยอมด้วยความรู้สึกของตัวผมเอง ท่ีสุดท้ายก็ทนไม่ไหวมันซะเอง " ไม่ติวหนังสือให้เค้าได้มั้ยวะ " ผมถามก่อนจะเงยหน้าบอก " ถือว่าแฟนมึงขอร้อง "
มือหนาดึงผมเข้าไปใกล้ไม่มีคำพูดอะไรโต้ตอบกลับมา ภาพไม่ได้บอกว่า ได้ หรือ ไม่ได้ สำหรับเรื่องที่ผมขอ แต่ภาพกลับโน้มใบหน้าลงมาใกล้แล้วจูบลงริมฝีปากของผมด้วยความนุ่มนวล จูบที่ไม่ใช่ครั้งแรกแต่หนนี้มันกลับต่างออกไปจากทุกที แววตาสั่นๆของผมที่หลับตาลงช้าๆ ในวินาทีนั้นราวกับร่างกายจะหลุดลอยออกไปไกล มันเหมือนไม่มีความรู้สึก ตัวมันเบา มือหนาที่จับเอวผมไว้ภาพกอดมันไว้แน่น
ยามริมฝีปากกดย้ำลงมา ลิ้นชื้นแทรกตัวเข้ามาในปากผม สองลิ้นที่กอดเกี่ยวกันและกันดื่มด่ำจนทำให้เราลืมทุกอย่าง ริมฝีปากหนาผละออก ภาพจูบลงไปที่สันคอ ความอบอุ่นที่ประทับลงไปจนถึงไหปลาร้าทำให้ผมอ้าปากค้างด้วยความรู้สึกที่ปะทะเข้ามา ก่อนจะกัดริมฝีปากไว้แน่นตอนที่มันสอดมือเข้ามาในเสื้อ เป็นครั้งแรกเลยที่รู้สึกแบบนั้น .. รู้สึกต้องการ แล้วรู้สึกว่าอยากจะได้มากกว่านี้
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ ป๊าา อาขม มีคนมาหา " เสียงของหัวหอมดังออกมาจากหน้าห้อง เราผละตัวเองออกจากกันทันทีราวกับโดนของร้อน เบือนหน้าหนีกันและกันไม่มีใครพูดอะไรทั้งนั้น ความรู้สึกแปลกๆตีเข้าใส่หน้าราวกับว่าเพื่อนที่คบกันมานานตรงหน้าเป็นคนแปลกหน้าที่เพิ่งจะรู้จักกัน " ป๊าาาา อาขม ป๊าาาา อาขมมม "
“ ครับๆ ออกไปเดี๋ยวนี้แหละ " ผมเอ่ยตอบกลับไปก่อนจะเปิดประตูห้อง ก้มมองเด็กน้อยที่ชี้ไปที่ประตู
“ มีคนมา ใครก็ไม่รู้ครับอาขม "
“ อามีนาน่ะ " ภาพเดินตามออกมามันเอ่ยบอก ก่อนจะก้มลงกระซิบผม " มึงพากาลิคเข้าไปในห้องมึงก่อน "
" อื้ม " ผมพยักหน้ารับมันตอนที่พากาลิคเข้าไปในห้องนอนตัวเอง ผมเหลือบมองภาพแล้วสิ่งที่เห็นคือมันเดินตรงไปที่ประตูนั้นก่อนจะเปิดออกให้ผู้หญิงที่กำลังยิ้มกว้างคนนั้นเดินเข้ามา
“ อาขม " หัวหอมเงยหน้าขึ้นเรียกผม ที่ก็ก้มลงไปมองมัน
“ ครับผมว่าไง "
“ ทำไมกาลิคต้องเข้ามาข้างในด้วยละ ป๊าไม่อยากจะให้เราสองคนอยู่ด้วยเหรอ "
“ ไม่ใช่อย่างงั้นหรอก " เอ่ยบอกอีกคนก่อนจะนั่งลงบนเตียง พร้อมกับดึงเจ้าตัวเล็กที่กำลังสงสัยให้นั่งลงข้างกัน " แต่เรื่องบางเรื่องเค้าก็ไม่อยากจะให้เราได้ยินไง อื้มมม ก็เหมือนหัวหอมที่ไม่อยากจะให้ป๊าได้ยินอะไร เราก็เลยกระซิบกันไง "
“ อ๋อออ "
“ ก็ไม่ใช่ว่าไม่อยากจะให้ป๊าอยู่ตรงนั้น แต่เขินที่จะพูดออกไปตรงๆให้ป๊าได้ยินเท่านี้เอง ใช่มั้ยละ "
“ ใช่!” มือเล็กเอื้อมมือเข้ามากอดผมไว้ก่อนจะเงยหน้าขึ้นบอก " อาขมกาลิคยังอยากจะดูการ์ตูนอีก ขอดูอีกได้มั้ย "
“ ได้สิ " เดินไปเปิดทีวีในห้องให้อีกคน กดช่องการ์ตูนอีกคนก็นั่งดูต่อ ผมผ่อนลมหายใจออกมาตอนที่เหลือบไปมองประตูของตัวเอง อยากจะรู้ชะมัดว่าข้างนอกนั่นเกิดอะไรบ้าง เป็นความอยากรู้ที่ผสมปนเปกับความไม่อยากรู้นั่นแหละ
ผมถอนหายใจออกมาตอนที่คิดถึงภาพสุดท้ายมันคงตัดสินใจสอนเธอ ผมรู้สึกอย่างงั้น เพราะไม่ว่าจะรั้งเท่าไหร่ สุดท้ายภาพมันก็เป็นมัน คือมันจะทำตามสิ่งที่มันพูดแต่กับผมที่ขอร้องไป ต่อให้พูดความจริงออกไปแต่ถ้ามันไม่ตอบตกลงก็ไม่มีทางรู้หรอก ว่ามันจะทำให้หรือไม่ทำ
“ อาขม กาลิคอยากจะกินขนม " เอียงหน้ามองไอ้ตัวเล็กที่เอ่ยพูดออกมาสั้นๆ " กาลิคอยากจะกินขนมกับนมที่อยู่ข้างนอก กาลิคออกไปเอาได้มั้ย "
“ งั้นอาขมออกไปเอาให้ดีกว่า รออยู่นี่นะ " ผมบอกก่อนจะลุกขึ้นยืนทันที เปิดประตูห้องออกไปช้าๆ ภาพที่ผมเห็นคือมีนาที่กำลังยืนคุยกับไอ้ภาพอยู่กลางห้อง มือหนาถือหนังสือนี่น่าจะเป็นของเธอไว้ในมือ ปิดประตูลงเสียงดังแกร๊ก. ก็ชวนให้คนที่ยืนอยู่หันมามอง " คือ พอดีออกมาเอาขนมให้หัวหอมน่ะ ตามสบายเลยนะทั้งคู่ "
“ ค่ะ พี่ขม " มีนารับคำผมก็เดินผ่านเธอเข้าไปในครัว หยิบแก้วของกาลิคขึ้นมาก่อนจะเปิดตู้เย็นแล้วหยิบขวดนมไมโลที่ชงไว้รินใส่แก้ว
" แล้วมีนาจะให้พี่สอนเรื่องอะไรเหรอ "
“ เรื่องนี้ค่ะ " เธอชี้ไปที่หน้าหนังสือ ไอ้ภาพก้มอ่านอยู่สักพักก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหน้าหญิงสาวตรงหน้าด้วยรอยยิ้มแห้งๆ
“ เรื่องนี้พี่เองก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกันน่ะ สอบผ่านมาแบบเฉียดๆ " มันว่ามีนาก็นิ่งไปทันที " ถ้าเป็นเรื่องนี้มีนาพึ่งดวงตัวเองน่าจะดีกว่า พี่สอนไม่ได้หรอก พี่ไม่ได้เก่งขนาดสอนใครด้วย "
“ งั้นเหรอคะ งั้นเรื่องนี้ก็ได้คะ " เธอเปิดหน้าหนังสือไปที่ด้านหน้า
“ แต่เรื่องนี้น่าจะสอบไปแล้วนะ มันเรียนตั้งแต่ต้นเทอมแล้วไม่ใช่เหรอ " คำถามของร่างสูงทำให้เธอนิ่งไป
ภาพที่ใครๆรู้จักมันเป็นผู้ชายที่อยู่ในเพจคนหน้าดีของมหาลัย โปรไฟล์ที่คนทั่วไปรู้คือ มันคือหนุ่มหล่อที่ไม่โซเซียล ไม่ชอบถ่ายภาพ เลยไม่ค่อยมีภาพถ่ายลงเพจแม้จะเป็นคนที่ใครๆอยากจะเห็นหน้าตาของมันก็ตาม และถ้ามีคือเป็นภาพที่แอบถ่ายทีเผลอซะมากกว่า ส่วนการเรียนจากคำบอกเล่าของเพื่อนร่วมคณะ มันเป็นคนเรียนเก่ง เคยสอบได้ท๊อปของคราสเรียนในวิชาที่ยากสุดๆ ก็จัดว่าเป็นคนที่เฟอร์เฟ็คอยู่ในสายตาของใครๆ และมีนาเองก็คงรู้ประวัติมันพอควรจากในเพจนั้นอยู่แล้ว ก็เลยหยิบยกเรื่องเรียนมาขอความช่วยเหลือจากมัน
เพราะงั้นตอนนี้มีนาเองก็คงงงๆอยู่เหมือนกันว่าทำไมเรื่องที่จะให้ภาพสอน มันกลับสอนเธอไม่ได้ และผมก็เดาว่าเรื่องที่ให้สอนเธอคงคิดมาอย่างดีแล้ว ว่ามันไม่ใช่เรื่องยากอะไร ภาพก็คงสอนเธอได้แน่นอน
“ โทษทีนะ พี่คงสอนเราไม่ได้หรอก " ภาพปิดหนังสือก่อนจะยื่นคืนเธอที่ก็รับมาอย่างช่วยไม่ได้ มีนาหยุดนิ่งอยู่แบบนั้นสักพักก่อนจะพูดออกมาเสียงเบาๆ
“ พี่ภาพ คือ.. มีนา คือว่า คือ.. " เสียงตกประหม่าและตื่นเต้นของหญิงสาวที่เงยหน้ามองร่างสูงตรงหน้าเธอก่อนจะเหลือบมองผมเล็กน้อยแล้วถอนหายใจออกมา " คือจริงๆมีนามีเรื่องอยากจะบอกพี่ภาพเรื่องนึง "
“ จะบอกพี่ว่าชอบพี่ใช่มั้ย " มันชิงถามเธอก่อนหญิงสาวตรงหน้าก็เบิกตากว้างขึ้นมา ใบหน้าขาวขึ้นสีแดงทันทีก่อนจะก้มหน้าลงต่ำ
“ ค่ะ พี่รู้ได้ยังไงเหรอคะ "
“ เจ้ากาลิคบอกน่ะ " มันว่าก่อนจะยิ้มออกมา " กาลิคบอกพี่ว่า ถ้ามีคนมาถามเราว่า เราชอบคนแบบไหน คนนั้นกำลังชอบเราอยู่ "
“ อย่างงั้นเหรอคะ " มีนายิ้มจางๆออกมาก่อนจะยกมือขึ้นทัดผมตัวเอง แล้วเงยหน้ามองอีกฝ่าย " แล้วพี่ภาพ..” คำถามที่ทำให้ร่างสูงยิ้มก่อนจะก้มลงไปบอกหญิงสาวตรงหน้า
“ พี่มีแฟนแล้วน่ะ แล้วแฟนพี่เค้าก็ไม่ค่อยชอบที่พี่จะมาใกล้ชิดกับคนที่แอบชอบพี่ด้วย " ภาพถอนหายใจออกมา " โทษทีนะมีนา แต่พี่คงช่วยติวหนังสือให้เราไม่ได้หรอก " มันว่าก่อนจะยกนิ้วโป้งชี้มาทางผม " พี่ขมเค้าขี้หึงน่ะ " เธออ้าปากค้างตอนที่ได้ฟังก่อนจะหัวเราะออกมา
" ดะ เดี๋ยวนะคะ พี่ภาพหมายความว่าไงน่ะ " เธอถามก่อนจะเหลือบมองผมแล้วหันมองภาพ " พี่กำลังจะบอกมีนาว่า พี่ขมเป็นแฟนพี่ แล้วพี่ขมก็หึงมีนาที่มาขอให้พี่ภาพช่วยติวหนังสือให้ อย่างงั้นเหรอคะ " ร่างสูงยิ้มก่อนจะพยักหน้ารับ
มีนามองหน้าภาพสลับกับหน้าผมด้วยสายตาที่ไม่เชื่อเท่าไหร่ เธอถอยหลังออกห่างจากภาพไปก่อนจะถามเบาๆ " นี่อำกันเล่นรึเปล่าคะ อย่าล้อเล่นแบบนี้น้า มันไม่ตลกเลยนะ ฮ่าๆ "
" พี่ไม่ได้ล้อเล่น "
" คือพี่ภาพ " หญิงสาวตั้งท่าอธิบาย " ถ้าพี่ภาพไม่ชอบมีนาก็บอกมีนาตรงๆก็ได้นะคะ ไม่ต้องปั้นเรื่องอะไรแบบนั้นหรอก มีนาเข้าใจ คนไม่ชอบคือไม่ชอบ บอกตรงๆเลยก็ได้ค่ะ ไม่เห็นต้องโกหก.."
“ พี่ไม่ได้โกหก " ภาพย้ำ " เรื่องนี้แค่นี้พี่ไม่ปั้นเรื่องโกหกหรอก แล้วถ้าจะปั้นก็ไม่ปั้นเรื่องสิ้นคิดแบบนั้นหรอกจริงมั้ย พี่แค่รู้สึกว่า พี่ไม่อยากจะโกหกเรา เพราะว่าเราก็ดีกับพี่มาตลอด วันก่อนก็มาสอนขมมันทำอาหาร วันนี้ก็เอาอาหารมาให้ " มันเชิดหน้ามาทางกล่องสปาเก็ตตี้ที่ตั้งอยู่ " เพราะงั้นถ้าเป็นมีนา พี่ก็ไม่อยากจะโกหกเพื่อทำร้ายเรา เลือกพูดความจริงดีกว่า มีนาจะได้ตัดใจไปเลย "
“ อย่างงั้นสินะคะ " นั่นเป็นคำที่พูดออกมาสั้นๆในตอนที่ภาพพูดจบ ใบหน้าที่กำลังช็อคอยู่นั้นเธอทำได้แค่ยิ้มแห้งๆก่อนจะเดินถอยหลังไปเรื่อยๆ มือบางเกาหัวตัวเองเบาๆ ก่อนจะเหลือบมองผมที มองภาพที ริมฝีปากที่เม้มเข้าหากัน สิ่งที่เธอได้ยินเธอคงช็อคจนพูดไม่ออก ทั้งๆที่ตัดสินใจสารภาพรักแท้ๆ แต่กลับได้ฟังคำสารภาพที่ช๊อคยิ่งกว่าจากปากของคนที่เธอชอบ ก็แน่นอน คนที่ชอบมาตลอดเป็นชอบผู้ชายด้วยกันเอง ใครจะไม่ช็อควะ " งั้นมีนา มีนาขอตัวกลับก่อนนะคะ มีนาไม่รบกวนพี่ภาพแล้วก็พี่ขมแล้วดีกว่า ขอตัวก่อนนะคะ ขอบคุณมากคะ "
“ ดะ เดี๋ยวก่อนสิ " พยายามเรียกอีกคนไว้แม้จะไม่รู้ว่าเลยว่า ถ้าเธอหยุดแล้วผมจะพูดอะไร เสียงประตูห้องถูกเปิดและปิดลงผมผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะหันมามองภาพ " มึง..."
" อะไร ? "
" ดีแล้วเหรอวะ ที่เราทำแบบนั้น "
“ แล้วอะไรที่มึงคิดว่ามันไม่ดี " ร่างสูงถามก่อนจะหันมามองผม
“ เราเหมือน.. ทำร้ายจิตใจเค้าเลย " ผมพูดเสียงเบาๆตรงท้ายประโยคไอ้ภาพก็หลุดยิ้มออกมา
“ หรือมึงจะเลือกทรมานตัวเองแล้วรักษาน้ำใจเค้าไว้ " ส่ายหน้าไปมาตอนที่อีกคนถาม ถ้าให้เธอมานั่งติวกับไอ้ภาพสองคนเพื่อรักษาน้ำใจเธอแล้วกลายเป็นผมที่แบกรับความรู้สึกอึดอัดแล้วหงุดหงิดพวกนั้นไว้ก็คงไม่เอาด้วยหรอก แต่ว่าการทำร้ายความรู้สึกน้องเค้าด้วยการบอกความจริงแบบนั้นมันก็... ผ่อนลมหายใจออกมากรอกตามองบนก่อนจะยกมือขยี้หัวตัวเองด้วยความหงุดหงิด นู้นก็ไม่ดี นี่ก็ไม่เอา โอ๊ยอีเหี้ยยยย เอ้ย! ความรักแม่ง!!! “ มึงเชื่อกูเถอะน่า ว่าทำแบบนี้ดีแล้ว การพูดความจริงน่ะมันดีที่สุดแล้ว "
“ ก็คงอย่างงั้น “ อย่างตัวผมที่พูดความจริงออกไป ทุกอย่างนับจากวินาทีนั้นก็คงจะเปลี่ยนไปแล้ว มีนาเองแม้จะช็อค เสียใจ แต่มันก็จะเป็นความเสียใจที่เกิดขึ้นครั้งเดียวแล้วจบไปเลย ไม่ใช่การเสียใจซ้ำซาก
ความจริงเป็นสิ่งที่ไม่ตาย จะช้าจะเร็วยังไงก็ต้องรับรู้ และ ยอมรับกับมันอยู่ดี