Penguin Pitch! ปฏิบัติการเปลี่ยน PIG ให้เป็น PENGUIN! - CH13 [18-07-17] END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Penguin Pitch! ปฏิบัติการเปลี่ยน PIG ให้เป็น PENGUIN! - CH13 [18-07-17] END  (อ่าน 12459 ครั้ง)

ออฟไลน์ meelhek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะ ครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรัก ชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้าม แจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะ ปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของ แต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้าม จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิด เดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การ พูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอม ให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้าม ลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อ ขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ด นิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยาย ที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยาย เรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใคร จะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-07-2017 00:08:44 โดย meelhek »

ออฟไลน์ meelhek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
INTRO

    ประตูเข้าฮอลล์การแสดงถูกเปิดขึ้นอย่างเงียบที่สุดพร้อมๆกับร่างใหญ่โตของ แดเนียล คาสทิลโล นักเรียนเกรด12ที่โผล่เข้ามา  เขามองไปที่ตั๋วของตัวเองและเดินลงไปตามบันไดกำมะหยี่ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ริมขวาสุดของแถวที่ห้าจากด้านบน  ด้วยรูปร่างที่ใหญ่โตเทอะทะทำให้บังเอิญไปสัมผัสตัวกับสุภาพสตรีข้างๆอย่างไม่ตั้งใจ  หล่อนทำหน้าแหยแล้วเขยิบถอยห่าง ให้เด็กหนุ่มยิ้มเจื่อนๆพลางกระเถิบตัวเองจนแทบจะตกจากที่นั่ง  เขาเข้าใจที่คนข้างๆแสดงอาการรังเกียจ  ก็ตัวเขานั้นสูงกว่า190เซนติเมตร แถมยังน้ำหนักร่วม200ปอนด์ ที่สำคัญเพิ่งวิ่งสุดแรงเพื่อมาเข้าชมการแสดงจนเหงื่อไหลโทรมกายและหอบหายใจหนัก ยังดีที่ยังแต่งตัวดีเหมาะสมกับสถานที่ ลองไปใส่ชุดลำลองอยู่ในรถไฟฟ้าสาธารณะมีหวังโดนเพ่งเล็งข้อหาโรคจิตเป็นแน่

    เด็กหนุ่มเปิดแผ่นพับการประกวดอะแคปเปลล่าระดับมหาวิทยาลัยพลางไล่สายตาไปตามรายชื่อ เพลงHero ของมารายห์ แครี ที่ถูกขับร้องไปครึ่งเพลงทำให้เขารู้ว่ามาทันโชว์แรกอย่างฉิวเฉียด  เขาผิวปากหวือกับความเก่งกาจของนักร้องนำสาวผู้มีเสียงทรงพลัง  และนึกชื่นชมนักร้องประสานที่ร้องคลอแบบที่ไม่กลบตัวหลักแต่ก็ไม่ถูกกลืนหาย  คนให้จังหวะรึก็ยอดเยี่ยม ไม่เร็วไม่ช้า  จนตัวเขาที่เป็นคนนักร้องคนหนึ่งของชมรมอะแคปเปลล่าในโรงเรียนมัธยมถึงกับคิดว่าต้องดูทุกการแสดงอย่างละเอียดถี่ถ้วนเพื่อพัฒนาทักษะ

    การแสดงเพลงแรกจบลงพร้อมเสียงปรบมือท่วมท้น เขาขนลุก สมกับเป็นระดับมหาวิทยาลัยจริงๆ นอกจากวงแรกที่จบไปแล้ว วงอื่นๆที่ขึ้นตามมาต่างก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน นั่น วงที่กำลังแสดงอยู่ใช้เพลงShake it offของเทย์เลอร์ สวิฟต์  ที่ผู้แสดงทั้งร้องทั้งเต้นอย่างดุดันแต่เสียงยังนิ่งคงที่ไม่มีสั่น  เขาแอบลูบพุงหมีๆของตัวเองพลางถอนหายใจ  ด้วยรูปร่างแบบนี้ตัวเขาไม่มีทางทำแบบนั้นได้เลย

    ถึงจะมีแรงบันดาลใจท่วมท้นจากการดูการแสดง แต่เขายอมรับว่าท้ออยู่พอตัว เมื่อนึกถึงองค์ประกอบการให้คะแนน ความซับซ้อนของการร้อง องค์ประกอบดนตรี และการเต้น สองหมวดหมู่แรกชมรมเขาถ้าคิดจะทำก็คงพอทำได้อยู่ แต่การเต้นนี่สิ…  เด็กหนุ่มถอนหายใจอีกครั้งในความมืดระหว่างเปลี่ยนการแสดง

    พิธีกรประกาศว่าเพลงต่อไปคือTake Me To Church ของ HOZIER เขาตื่นเต้นทันทีที่อ่านชื่อเพลง มันเป็นเพลงที่ยากและต้องใช้อารมณ์สูงลิ่ว  ผู้แสดงจะเรียบเรียงและตีความมันยังไงเขาอยากรู้จริงๆ 

    ขณะกำลังคิดอยู่นั้น แสงไฟได้ฉายขึ้นตรงกึ่งกลางของเวที  ร่างหนึ่งในชุดคลุมสีดำปรากฏขึ้นประสานมือกลางอก ด้วยชุดรุ่มร่ามทำให้เขาไม่รู้เพศของผู้แสดง แต่แววตาที่ส่งออกมาจากผ้าคลุมทำเอาเขาขนลุกซู่ ทันใดนั้นเสียงประสานก็ดังขึ้นจนก้องไปทั่วทั้งฮอลล์ราวกับเสียงสวดมนต์  ผู้แสดงในชุดคลุมจึงค่อยเปล่งเสียงเมื่อถึงท่อนร้องแรก

    My lover's got humour
    She's the giggle at a funeral
    Knows everybody's disapproval
    I should've worshipped her sooner

    เสียงทุ้มต่ำก้องกังวานอย่างทรงพลังจนเด็กหนุ่มกัดฟัน หัวใจในอกเต้นระรัว  เสียงที่ออกมาเป็นเสียงผู้ชายเหมือนกับต้นฉบับแต่ใสกว่า ถึงอย่างนั้นกลับรู้สึกถึงความลึกลับราวกับจะดูดผู้ชมลงไปในห้วงทะเลลึก การขับร้องยังดำเนินไปเรื่อยๆจนถึงก่อนเข้าท่อนฮุคที่เสียงประกอบหยุดลง  เหลือแต่เพียงนักร้องนำในชุดคลุมดำที่เปล่งเสียงสะกดคนดู

    I was born sick
    But I love it
    Command me to be well
    Aaay. Amen. Amen. Amen.

    พระเจ้า นั่นเป็นอาเมนที่ฟังแล้วขนลุกไปทั่วตัว เขาแทบอ้าปากค้าง กินลมแอร์จนลิ้นชาก็ยังไม่หายตะลึง จนกระทั่งที่เสียงประกอบดังขึ้นอีกครั้งพร้อมๆกับฮู้ดสีดำที่ถูกเลิกไปด้านหลัง  เผยให้เห็นใบหน้าของนักร้องนำ เขาแทบกัดลิ้นตัวเองเมื่อคิดว่านักร้องนำคงเป็นชายเชื้อสายละติน มีหนวดเคราและผมเผ้ายาวรุงรังเหมือนเจ้าลัทธิ แต่สิ่งที่เห็นกลับเป็นชายหนุ่มผู้ซึ่งมีดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลและเส้นผมสีทองกระจ่าง ยิ่งเมื่ออยู่ใต้สปอร์ตไลท์สีเหลืองนวลยิ่งขับผิวขาวกระจ่างให้โดดเด่น ทั้งหน้าตาและเสียงร้อง จะคิดว่าคนที่อยู่ตรงหน้านั้นเป็นเทพบุตรก็ดูจะไม่เกินจริงเลย

    เขาไม่เคยรู้สึกหลงใหลใคร แต่คิดว่าความรู้สึกหลงใหลมันต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ



    เด็กหนุ่มถอนหายใจหนักหลังจากการประกวดจบลงและย้ายตัวเองมาอยู่นอกฮอลล์  เพราะพี่เทพบุตรของเขาได้ที่สามในการประกวด น่าเสียดายที่แม้พี่เทพบุตรและนักร้องนำหญิงอีกคนจะแสดงร้องเพลงสื่ออารมณ์บนเวทีได้ตรึงใจ แต่เพราะนักร้องประสานส่วนใหญ่มีแต่เดินไปมา จึงถูกตัดคะแนนการเต้นไปอย่างน่าเสียดาย นี่สงสัยกรรมการอยากจะเห็นนักร้องประสานออกมาเต้นลีลาศพร้อมนักร้องนำล่ะมั้ง
     
    “เฮ้ แดน ไม่สนุกรึไงวะ” มือเล็กๆตบไหล่ปุพร้อมเสียงทักทายที่ออกมาจากเพื่อนตัวเล็กทำให้แดเนียลเหลียวหลังไปมอง เจ้าเพื่อนสนิท เรย์โนลด์ ฮา ส่งยิ้มให้พลางกินไอศกรีมรสวานิลลาไปด้วย เห็นดังนั้นมือใหญ่ๆจึงคว้าของในมือเด็กหนุ่มร่างเล็กเชื้อสายเวียดนามมางับไปทั้งคำก่อนจะส่งโคนจืดๆคืนให้ จนคนตัวเล็กมองตาค้าง

    “เฮ้ย หงุดหงิดอะไรก็อย่าพาลสิว้า” เด็กหนุ่มทุบรัวเข้าไปที่ท้องของเพื่อนสนิทจนพุงหมีสั่นกระเพื่อม แต่แดเนียลก็ไม่สะทกสะท้าน กลับกันยังส่งสายตาอาฆาตไปให้เสียอีก
   
    “เป็นค่าชดเชยที่แกเบี้ยวนัดแล้วกัน คนอุตส่าห์รออยู่ที่หน้าฮอลล์ใหญ่ ดันส่งข้อความมาบอกว่าจะไม่มาก่อนแค่สองนาที”
คนตัวเล็กทำหน้ายู่แล้วกัดโคนจืดกร้วมๆ “ก็แกดันจองที่นั่งฟันหลอที่ห่างกันตั้งสามแถวมานี่หว่า แกก็รู้ว่าฉันไม่ชอบอะแคปเปลล่าเพราะงั้นให้มานั่งคนเดียวนี่ โนเวย์! อุตส่าห์มารับหลังเลิกนี่ก็บุญโขละเฟ้ย แล้วนี่อะไร ฉันรู้ว่าแกไม่ได้โมโหเรื่องนั้น เพราะแค่เสียงเพลงเพราะๆลอยเข้าหูแกก็ลืมทุกสิ่งละ เอ้า เกิดไรขึ้น”

    “...แค่วงที่ชอบไม่ชนะน่ะ” ว่าแล้วก็คว้าโคนที่เหลือนิดเดียวจากมือเพื่อนเข้าปากอีก  เรย์โนลด์ถอนหายใจอย่างระอากับนิสัยเฉพาะตัวของเพื่อนสนิท ก่อนจะเอื้อมมือไปตบไหล่ปุแล้วชักชวนไปกินข้าวเย็นปลอบใจ

    “เดี๋ยวนะเรย์”

    แดเนียลดึงมือผอมบางของเพื่อนสนิทออกก่อนจะเดินตรงไปยังรถตู้สีดำคันหนึ่งซึ่งมีกลุ่มคนกำลังเดินจับกลุ่มคุยกันไปที่นั่น เรย์โนลด์เลิกคิ้ว มองตามสายตาของเพื่อนสนิทไปจนปะทะกับชายหนุ่มผมทองหน้าตางดงามราวกับเปล่งแสงแล้วเผลอหรี่ตาโดยอัตโนมัติ หนุ่มเอเชียผิวปากหวิวเมื่อเห็นความใจกล้าของเพื่อนหมูตอนของตนที่กำลังเดินเข้าหาเทพบุตรบนดิน

    “เอ่อ ขอโทษนะครับ”

    ชายหนุ่มสองคนที่กำลังคุยกันอย่างออกรสหันมามองแดเนียลผู้ยืนค้ำหัวโดยทันที คนข้างๆเทพบุตรผมทองหรี่ตาทองอย่างไม่ชอบใจนัก ซ้ำยังจงใจปล่อยควันบุหรี่ให้โดนหน้าจนแดเนียลแทบจะกลั้นจามไม่ไหว ทั้งอย่างนั้นเทพบุตรกลับมีสีหน้ายิ้มแย้มเป็นปกติและนั่นทำให้แดเนียลใจชื้นขึ้นมาบ้าง

    “มีอะไรเหรอ”

    “คือผม มีเรื่องจะคุยกับคุณสักหน่อย เอ่อ ถ้าคุณพอมีเวลา...”
   
    “อื้ม ได้สิ ไปคุยกันตรงโน้นนะ”

    เทพบุตรชี้ไปยังตรอกข้างหอประชุมที่เงียบเชียบ เพราะเป็นที่ทิ้งขยะจึงไม่มีใครเข้าใกล้ซ้ำยังดูอันตรายอยู่หน่อยๆ ถึงอย่างนั้นแดดนียลก็พยักหน้าหงึกหงักด้วยความดีใจแล้วเดินตามเขาไปต้อยๆ
   
    เรย์โนลด์ที่มองตามอยู่ตลอดแทบทำอมยิ้มที่เพิ่งหยิบขึ้นมาร่วงลงไปจากปากเมื่อเห็นนักศึกษารูปงามคนนั้นเดินตามเพื่อนตนไป  จากตรงนี้ก็ดูเหมือนแดเนียลเข้าไปจีบเขาแล้วทางนั้นเล่นด้วยเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรแปลกเลย ถ้าไม่ใช่ว่าตอนเผลอปรายตาไปทางเจ้าคนสูบบุหรี่เพื่อนของเทพบุตรนั่นแล้วเขาแสยะยิ้มล่ะก็…

    หรือว่าแดเนียลจะเป็นอันตราย!

    ขาผอมก้าวตามไปทันทีที่คิดอย่างนั้น ไม่เข้าไปใกล้แต่ก็ไม่ให้ห่างเกินไป และในจังหวะที่กำลังจะโผล่หัวไปสังเกตการณ์นั้นเอง

    “อื้อ!”
   
    “ชู่ว อย่างส่งเสียง”

    มือเย็นๆรวบจมูกและปากพร้อมๆกับกลิ่นบุหรี่ที่เจือมากับเสียงทุ้มๆข้างหูทำให้เรย์โนลด์ขนลุกซู่ และยิ่งไม่กล้าขยับเข้าไปใหญ่เมื่อรู้ตัวว่าที่ลำคอถูกจ่อด้วยโลหะสีเงินเย็นเฉียบ

    “ค่อยๆเดินออกมา ช้าๆ”
   
    ให้ตายเถอะ แดเนียล!



    เทพบุตรแห่งชมรมอะแคปเปลล่าของมหาวิทยาลัยงุนงงเล็กน้อยที่จู่ๆก็มีเด็กม.ปลายมาเรียกโดยไม่ทันตั้งตัว แต่ถึงอย่างนั้น เคเลป แฮมป์ตัน ก็รับมือได้อย่างรวดเร็วโดยการพาเด็กน้อยเข้าพื้นที่อโคจรทันที เขาไม่รู้หรอกว่าเด็กนี่จะมีอะไรอยากคุย แต่ดูจากสายตาแล้ว ก็ดูท่าจะหลงใหลเขาไม่น้อยเลยทีเดียว

    “เอ่อ คือว่าผม..”

    “คุกเข่าลงสิ” คำประกาศิตที่ออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัวทำให้แดเนียลคิ้วขมวด เขามองใบหน้างดงามของเคเลปที่เรียบเฉยแล้วค่อยๆคุกเข่าลง บอกได้เลยว่าตอนนี้เทพบุตรของเขาน่ากลัวเป็นบ้า และแดเนียลคิดว่าการทำตามคำสั่งที่.. ค่อนข้างไร้สาระเป็นเรื่องจำเป็น โดยเฉพาะกับตอนนี้เขากำลังขอร้องอีกฝ่าย

    “มีอะไรจะคุยล่ะ”
   
    “ผมเป็นหัวหน้าชมรมอแคปเปลล่าของไฮสคูลแกรนด์ฟิลด์ ชื่อ..”

    “ฉันจะฟังชื่อของนายหลังจากที่เรื่องราวของนายน่าสนใจพอ”

    แดเนียลหุบปากฉับ กลืนน้ำลายลงหนึ่งอึกก่อนจะพูดต่อเสียงเบา “เอาเป็นว่าตอนนี้ชมรมของเราเลวร้ายมาก พวกเราแพ้ลุ่ยในทุกเกม ทุกคนในโรงเรียนเรียกเราว่ากลุ่มหมูตอน” เด็กหนุ่มกัดฟันกรอดเมื่อนึกถึงสมญาอันเลวร้าย “เขาเรียกเวลาเราซ้อมว่าเข้าโรงเชือดและมันแย่มากๆ แต่เมื่อกี้ผมได้ยินเสียงคุณแล้วผมคิดว่า ผม.. ผมอยากให้คุณมากช่วยครับ”

    “หืม”

    เคเลปไม่ตอบอะไรมากกว่านั้นและมันทำให้แดเนียลใจเสีย เขารู้ตัวว่ามือสั่นอย่างหนัก กลัวปฏิเสธก็ส่วนหนึ่ง แต่ถ้าถูกหัวเราะเยาะเข้าคงเจ็บปวดถึงขั้นไม่อยากลุกขึ้นเป็นแน่ และสิ่งที่แดเนียลคิดนั้นผิดทั้งหมดเมื่อเคเลปค่อยๆไล้ปลายนิ้วเรียวมาเชยคางอวบอ้วนของเขาพลางหรี่ตาอย่างพิจารณา แดเนียลเหงื่อตก กระพริบตาถี่อย่างคุมสติไม่อยู่
   
    “อืม.. ใช้ได้นะ ฉันจะเป็นโค้ชให้พวกนายก็ได้”

    “จริงเหรอ! ขอบคุณมากครับ!” แดเนียลลุกพรวดขึ้นแต่โดนเคเลปดันให้นั่งลงตามเดิม เด็กหนุ่มจะไม่ตกใจเท่าไรหรอกถ้าคุณพี่เทพบุตรหน้าตาใจดีไม่ใช้เท้าขวากดไหล่ซ้ายของเขาลงมา

    “ใครให้ลุกกันล่ะ ฉันยังไม่ได้พูดถึงข้อแลกเปลี่ยนเลย”

    “ขะ.. ข้อแลกเปลี่ยนเหรอครับ” เด็กหนุ่มอ้อนวอนถึงพระเจ้าในใจไม่หยุดหย่อนเมื่อนึกถึงสภาพอันตรายที่อยู่กับตัว หวังว่าข้อแลกเปลี่ยนของเทพบุตรเคเลปคงไม่ใช่การเอาเลือดหัวเขาไปล้างรองเท้าอะไรแบบนั้น นี่ถ้ามีใครมาบอกกับเขาว่าเทพบุตรเคเลปเป็นพวกซาดิสอย่างเหลือเชื่อ เขาคงไม่มีวันเชื่อเลยถ้าไม่ได้มาเจอกับตัวอย่างนี้

    “ใช่ ลดความอ้วนซะ”

    “เอ๊ะ” แดเนียลเงยหน้าผู้ออกคำสั่งอย่างงงๆ เป็นเรื่องที่ยากสำหรับเขาแต่ก็เป็นเรื่องธรรมดากว่าที่คาด อันที่จริงเขาก็เคยผอมนะ แต่มันคือตอนที่เขาอายุสัก5-6ขวบ อืม.. แค่ประมาณสิบปีที่แล้วเท่านั้นเอง หวังว่าการลดน้ำหนักตอนอายุ18จะไม่ใช่เรื่องยากเท่าไร

    “แต่!”

    มาแล้วไง! สิ่งที่น่ากลัว!
 
    แดเนียลรู้สึกถึงแรงกดที่ไหล่ที่เพิ่มมากขึ้นจนหน้าเบ้ เคเลปเริ่มพูดต่อทั้งแสยะยิ้ม และแดเนียลสาบานเลยว่าเขายอมโดนมีดแทงเสียดีกว่าที่เงยหน้าไปดูสายตานั่น ดวงตาของเคเลปเป็นสีฟ้ากระจ่างน่าหลงใหล และมันก็ดึงดูดให้เขาจ้องมองต่อทั้งที่หวาดกลัว แม้กระทั่งตอนที่ใบหน้าของเคเลปขยับเข้ามาใกล้ก็ยังขยับเขยื้อนตัวไม่ได้

    “แล้วถ้าฉันทำให้ทีมของนายชนะการแข่งฤดูร้อนได้เมื่อไร นายต้องมาเป็นของเล่นให้ฉันหนึ่งเดือน”

    เด็กหนุ่มม.ปลายอ้าปากหวอกับคำขอร้องของพี่มหาวิทยาลัย ก่อนที่หน้าอวบๆจะขึ้นสีแดงเรื่อ ให้ตายเถอะ เขาไม่ได้ใสซื่อถึงขนาดที่ว่ารุ่นพี่ตรงหน้าหมายความถึงอะไร ก็ถ้าลองแลบลื้นเลียปากอย่างเจ้าเล่ห์แบบนั้นเขาก็คงคิดไม่ผิดนักหรอก
แต่ว่าเคเลปสั่งให้ตนลดความอ้วน แปลว่าถ้าลดไม่สำเร็จ คนตรงหน้าคงไม่ทำอะไร..

    “ข้อแม้แรกคือถ้านายไม่ลดน้ำหนักให้ได้20ปอนด์ก่อนปิดเทอมฉันจะไม่ไปสอน แล้วระหว่างเรียนก็ต้องลดเดือนละ10ปอนด์อย่างสม่ำเสมอ ไม่งั้นก็เลิกสอน”
 
     ถึงแม้จะไม่มีกระจกแต่แดเนียลรู้ตัวเลยว่าตัวเองหน้าซีดขนาดไหน ใครมันจะบ้าลดน้ำหนักได้ทีละ20ปอนด์กันเล่า!

    “ว่าไง จะตกลงมั้ย เริ่มจะหนาวแล้วฉันอยากรีบกลับน่ะ”

    ใครไม่ลังเลก็คงบ้าไปแล้วมั้ง เงื่อนไขที่ทั้งสุดโหดและโรคจิตแลกกับการที่ให้นักศึกษามหาวิทยาลัยที่เสียงร้องดีระดับเทพแต่ไม่เคยมีประสบการณ์การสอนมาเป็นโค้ช เอ่อ.. อาจจะเคยมีแต่เขาไม่รู้ก็ได้ เอาเป็นว่า มันจะดีแน่แล้วเหรอ การแลกตัวเองเพื่อชมรม

    และแดเนียลก็คิดว่าตัวเองบ้าพอดู ที่ดันสลัดเสียงร้องไพเราะและใบหน้างดงามบนเวทีนั่นไม่ได้ ถึงคนตรงหน้าจะน่ากลัวมากเพียงใดแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามีเสน่ห์เหลือหลาย เพราะอย่างนั้น คำตอบสั้นๆที่ออกจากปากของแดเนียลคือ…

    “ตกลงครับ”

    ดูเหมือนเคเลปจะอึ้งอยู่เล็กน้อย แต่ไม่นานก็ผลิยิ้มออกมา เขายกเท้าออกจากไหล่ของแดเนียล ก่อนจะหยิบกระดาษจดเนื้อเพลงในกระเป๋ากางเกงออกมาแล้วเริ่มเขียนอะไรบางอย่าง จากนั้นจึงส่งให้แดเนียลที่นั่งคุกเข่าอยู่อย่างเดิม

    “เฟซบุ๊คฉัน อย่าลืมอัพโหลดรูปตัวนายและรูปตาชั่งส่งมาอาทิตย์ละครั้ง ไปล่ะ” ว่าแล้วก็เดินออกไปจากตรอกแคบๆนั่นและสมทบกับเจ้าคนหนวดเฟิ้มสูบบุหรี่ อืม.. ตอนนี้แดเนียลเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมสองคนนั้นถึงเป็นเพื่อนกันได้

    เด็กหนุ่มอ่านชื่อบนกระดาษ ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมา เปิดเฟสบุ๊คแล้วกรอกชื่อผู้ใช้ในช่องค้นหา ก่อนจะอมยิ้มอย่างดีใจแล้วเดินออกจากตรอกแคบๆนั่น พลันสายตาของเขาก็สะดุดกับเรย์โนลด์ที่ยืนนิ่งห่างจากสองคนนั้นพอสมควร ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมเจ้านั่นถึงมีทีท่าตื่นกลัวนัก แต่ช่างมันเถอะ เพราะตอนนี้ ชมรมของเขากำลังจะมีทางรอดแล้วไงล่ะ!

_________________________________________________________________________________________

สวัสดีค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ!
เรื่องนี้มีแรงบันดาลใจจากรายการPitch Slapped หรือที่ช่องLifeTime Asiaใช้ชื่อว่า Pitch Battleค่ะ
http://pitch-slapped.wikia.com/wiki/Season_1

สำหรับเพลงTake Me To Churchในเรื่องนี้ แนะนำดูคลิปนี้ประกอบค่ะ เพราะไอเดียโชว์เอามาจากนี่ 5555
https://www.youtube.com/watch?v=5xvQdyjeedE
แต่จริงๆมีอีกเยอะแยะ รวมถึงเพลงอื่นๆด้วย เสิร์ชดูกันได้นะคะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

ออฟไลน์ zonpine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
น่าสนใจค่ะ หนุ่มอ้วนจะลดน้ำหนักได้หรือไม่ :hao7:
รีบมาต่อนะคะ :mew1:

ออฟไลน์ karamailpraleen

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เคะสายโหดหรือนี่ ติดตามค่ะ o13

ออฟไลน์ meelhek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
CH1

    แปดโมงเช้าของวันอาทิตย์ในฤดูใบไม้ร่วงนั้นเป็นเวลาที่เหมาะกับการนอนมากกว่าสิ่งอื่นใด ผ้าม่านที่ถูกเปิดให้แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดเข้ามาจากหน้าต่างที่แง้มไว้เพียงนิดทำให้คนที่อยู่บนเตียงห้าฟุตนอนกางแขนขาอย่างสบาย ถ้าไม่ใช่เพราะเสียงกรี๊ดของน้องสาวที่ดังขึ้นมาจนทะลวงหูทั้งสองข้างเข้าอย่างจังจนสะดุ้งพรวดขึ้นมา
   
    “พี่!! มาช่วยเร็วเข้า!”
   
    เรย์โนลด์ขยี้ตาอย่างแรงก่อนจะตบหน้าตัวเองเบาๆเพื่อเรียกสติ สบถว่าน้องสาวไปสองสามคำก่อนที่จะจำใจลุกขึ้นมา นี่ถ้าไม่ใช่เรื่องใหญ่จริงๆแล้วมาปลุกกันแต่เช้าแบบนี้มีหวังคงต้องไปหักลิปสติกของเธอสักแท่งสองแท่งให้หลาบจำ
   
    “มีอะไร เรย์นา”
   
    “ดูเพื่อนพี่สิ…” น้องสาววัยเกรด9ของเรย์โนลด์ทำหน้าขยะแขยงสุดขีดก่อนจะชี้นิ้วเล็กๆไปที่ร่างอ้วนใหญ่ของใครบางคนที่นอนฟุบคว่ำหน้าอยู่หน้าประตู ใต้ร่างมีของเหลวมากมายไหลท่วมพื้นกระเบื้องสีครีมของบ้าน ไม่ใช่อะไรน่ากลัวอย่างเลือดหรอกนะแต่เป็นเหงื่อของเจ้าหมูตอนตรงหน้านี่ทั้งนั้น เรย์โนลด์ทำหน้าอี๋ตามน้องสาวก่อนจะย่อตัวลงจิ้มแขนเพื่อนรักที่เด้งกลับสู้มือ
   
    “เฮ้ แดน ตายยังวะ…”

    แดเนียลในชุดออกกำลังกายไม่กระดิกเลยแม้แต่น้อย สองพี่น้องเชื้อสายเวียดนามมองหน้ากันแล้วกระพริบตาปริบๆ ราวกับจะถามกันว่าจะเอายังไงกับร่างตรงหน้านี้ดี

    “เฮ่อ!”

    “เฮ้ย!/ว้าย!” สองพี่น้องประสานเสียงสะดุ้งจนถอยหลังกันทั้งคู่เมื่อเจ้าตัวปัญหาจู่ๆก็เงยหน้าพรวดขึ้นมา ใบหน้าท่วมเหงื่อชุ่มโชกกับตาเหลือกๆแบบนี้ถ้าเห็นตอนกลางคืนคงหนีกันกระเจิงเป็นแน่

    “น้ำ….” เสียงแหบทุ้มเปล่งออกมาก่อนที่เจ้าของเสียงจะฟุบลงไปตามเดิม เรย์โนลด์จึงรีบสั่งน้องสาวให้วิ่งไปหาเฮลบลูบอยชงเข้มๆมาให้มันด่วน ในขณะที่ตัวเองพยายามลากร่างอันไร้สติให้นั่งพิงผนังบ้านเอาไว้ แล้วไปเอาพัดลมอันเล็กมาจ่อหน้าให้
คือจริงๆก็อยากจะพาไปนั่งโซฟาดีๆหรอกนะ แต่ก็กลัวเหงื่อจะท่วมจนซึมเข้าไปในผ้าและมีกลิ่น และประเด็นสำคัญคือแบกไม่ไหวนี่แหละ

    “เป็นไงบ้างแดน” เพื่อนสนิทโบกมือไปมาด้านหน้าคนเกือบหมดสติเพื่อสร้างอากาศเพิ่มแต่ก็ได้แค่เล็กน้อย จึงเดินเข้าไปหยิบสมุดเล่มนึงมาช่วยในการพัด พร้อมๆกับที่เรย์นาถือแก้วน้ำแดงเข้ามา เธอยื่นแก้วให้พี่ชายก่อนที่จะขอตัวไปทำอาหาร ไม่ลืมที่จะบอกพี่ชายว่าจะทำไว้ให้สามชุด เผื่อคนหมดสภาพตรงนี้ด้วย

    “เอา ดื่มเข้าไป”

    เพียงแค่หลอดจ่อปาก น้ำแดงในแก้วก็ถูกดูดเข้าไปอย่างรวดเร็ว แดเนียลถอนหายใจและพยายามขยับแขนขาที่ราวกับเป็นอัมพาตไปชั่วครู่ ซึ่งมันก็พอจะกลับมาทำงานได้บ้างแล้ว

    “ดีขึ้นยัง”

    “อืม.. ก็ดีแหละ ขอบใจนะ”
 
    “ลุกไหวมั้ย เรย์นาทำข้าวเช้าอยู่ มากินด้วยกันเร็ว”

    ความหิวที่จู่โจมทำให้แดเนียลนึกอะไรไม่ออกนอกจากพยักหน้า เขาพยายามยันตัวขึ้นโดยเกาะกำแพงไว้ ก่อนที่จะพาดท่อนแขนอวบอ้วนกับไหล่ผอมบางของเพื่อนสนิทที่เบ้หน้าเพราะกลิ่นเหงื่อ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้บ่นอะไรเพราะเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องช่วยคนข้างๆนี่อยู่แล้ว

    “เฮ้อ อย่างกับเกิดใหม่” แดเนียลว่าหลังจากซดเฮลบลูบอยไปอีกสามแก้วและดาร์กชอคโกแลตอีกแท่งเมื่อพาสังขารอันหนักอึ้งมานั่งที่โต๊ะกินข้าวได้สำเร็จ ดูท่าจะได้รับพลังงานกลับคืนมาจนเกือบเต็มแล้วถึงได้มีสีหน้าเริงร่าจนเรย์โนลด์เริ่มระอา เพื่อนสนิทร่างเล็กส่ายหน้าก่อนจะเริ่มตั้งคำถาม
   
    “ทำไมจู่ๆนายถึงมาล้มฟุบหน้าบ้านคนอื่นเขาวะ ออกกำลังกายหนักขนาดนั้นเลยรึไง” จากปริมาณเหงื่อทำให้เรย์โนลด์คะเนว่าเพื่อนของเขาน่าจะวิ่งมาไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมงแล้วจึงหมดเรี่ยวแรงขนาดนั้น นึกนับถือในใจอยู่หน่อยๆเหมือนกันว่าหลังจากที่คุณพี่เทพบุตร เคเลป แฮมป์ตัน ประกาศว่าจะมาเป็นโค้ชให้ก็ทำให้แดเนียลที่ไม่เคยลดน้ำหนักมาก่อนมีความตั้งใจมากเท่านี้
 
    “เปล่า คือฉันออกมาโดยไม่ได้กินอะไรเลยน่ะ ก็เห็นในอินเทอร์เน็ตบอกว่าถ้าไม่กินอะไรเลยจะได้ใช้ไขมันทันทีฉันก็เลย…”

    “งั้นพี่ก็ควรรู้ด้วยว่าควรจะกินกล้วย นม หรือธัญพืชง่ายๆที่ให้พลังงานก่อนจะออกมาวิ่ง ไม่งั้นก็ออกได้ไม่ทนหรอก เสี่ยงโรคกระเพาะอีกต่างหาก” เรย์นาเดินเข้ามาพร้อมไข่ดาวขอบเกรียมๆห้าฟองที่ส่งกลิ่นหอมฉุย ก่อนที่หล่อนจะเดินไปตัดครึ่งไปเบเกอร์และส่งมันเข้าเครื่องปิ้ง

    “นั่นสิเรย์นา พี่ไม่น่าหักโหมเลย…” แดเนียลกล่าวอย่างจ๋อยๆ

    “แล้วนี่นายวิ่งมานานเท่าไรล่ะเนี่ย ครึ่งชั่วโมง หรือชั่วโมง…”

    แดเนียลหน้าเจื่อนไปทันที หนุ่มร่างอ้วนเกาท้ายทอยไม่ยอมสบตาเพื่อนสนิทจนเรย์โนลด์ขมวดคิ้ว “คือฉันเพิ่งออกมาจากบ้านฉัน มาถึงบ้านนายนี่แหละ”

    เรย์โนลด์นิ่งคิด บ้านของเขากับแดเนียลอยู่ในพื้นที่เดียวกัน พูดให้เจาะจงคือห่างกันแค่ห้าบล็อคและใช้เวลาเดินสบายๆเพียงแค่สิบห้านาทีเท่านั้น และแดเนียลวิ่งมา จึงต้องเร็วกว่านั้น หมายความว่า..

    “นายล้มฟุบหลังจากวิ่งแค่10นาทีเนี่ยนะ!”
 
    “พูดให้ถูกคือประมาณเจ็ดหรือแปดน่ะนะ”

    หนุ่มน้อยเจ้าของบ้านตบหน้าผากตัวเอง แม้แต่น้องสาวของเขายังส่งสายตาเหลือเชื่อมาให้แล้วส่ายหน้า แดเนียลรู้ตัวทันทีว่าสร้างความผิดหวังและความน่าระอาให้กับคนทั้งสองเข้าจนได้ จึงได้พยายามจะเปลี่ยนเรื่องเพื่อสร้างบรรยากาศ

    “จะว่าไป พวกนายกินกันเยอะดีนะเนี่ย เรย์โนลด์กินสาม ส่วนเรย์นากินสองเหรอ” แดเนียลว่าแล้วชี้ไปยังไข่ดาวห้าฟองที่ทับซ้อนกันอยู่ในจาน เรย์นาเดินมาวางเบเกอร์สิบชิ้นตรงหน้าแล้วนั่งลงตรงที่นั่งว่าง เด็กสาวขมวดคิ้วถอนหายใจ ก่อนจะตักไข่ดาวใส่จานเล็กๆให้ทุกคน

    “พี่น่ะกินสาม ฉันกับพี่เรย์โนลด์กินคนละหนึ่งต่างหาก”

    เรย์โนลด์ก็พยักหน้ากับคำพูดนั้นและเสริมขึ้นว่า “นายไม่ได้ฟังรึไงตอนฉันบอกว่าเรย์นาจะทำเผื่อน่ะ แล้วปกตินายกินไข่มื้อละสามฟองนี่”

    แดเนียลทำหน้าเหมือนโลกจะแตกอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน มืออวบอูมดันจานของตัวเองออกไปก่อนจะพูดเสียงเอื่อย “พวกนายคงไม่ลืมนะว่าฉันกำลังลดน้ำหนัก…”

    “ช่าย กินเข้าไปซะแล้วออกไปวิ่ง นายไม่เคยได้ยินเหรอว่า เช้าให้กินอย่างราชา เย็นให้กินอย่างยาจก” เรย์โนลด์หันไปพยักเพยิดกับน้องสาว

    “พี่เพิ่งเริ่มได้อาทิตย์นึงไม่ใช่รึไง อย่าฝืนเลย กินๆเข้าไปเถอะ”

    เมื่อถูกพูดมาอย่างนั้นแดเนียลก็ไม่มีทางอื่นนอกจากกินเข้าไป รสชาติของไข่ดาวกรอบๆกับซอสปรุงรสก็อร่อยจนคนหิวโซอย่างเขาแทบน้ำตาไหล และสามารถกินหมดได้อย่างรวดเร็วก่อนที่สองพี่น้องจะกินได้ถึงครึ่งเสียอีก 

    พออาหารหมดแดเนียลก็ขอบอกขอบใจและออกจากบ้านไปทันที เรย์โนลด์ขมวดคิ้วน้อยๆด้วยความเป็นห่วงก่อนจะยักไหล่และก้มลงกินต่อ

    “อย่าทำหน้าแบบนั้นได้มั้ย ถ้าไม่รู้จักหนูคงนึกว่าพี่กับพี่แดนเป็นคู่เกย์”

    มีดที่ปาดเนยลงบนเบเกอร์แทบปาดมือตัวเอง เรย์โนลด์แหวลั่น “จะบ้าเรอะ! พี่แค่กลัวมันจะตายเร็วเท่านั้นล่ะเว้ย”
 
    “ค่า ค่า” เรย์นาไม่สนใจพี่ชายที่โวยวาย เธอเพียงแค่ยิ้มกรุ้มกริ่มขณะรับประทานอาหารตรงหน้าเท่านั้น ไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เรย์โนลด์ห่วงนอกจากกำลังกายของเพื่อนสนิทแล้ว ยังมีเรื่องอื่นอีกด้วย

    เขาไม่รู้จักเคเลป แฮมป์ตันก็จริงแต่หลังจากวันนั้นก็ไปดูการแสดงในยูทูปมาบ้างทำให้รู้ว่ามีทั้งฝีมือและเสน่ห์เหลือล้นจนไม่แปลกใจที่ว่าทำไมเพื่อนของเขาเอาจริงเอาจังได้ขนาดนี้กับการที่อยากได้คนๆนี้มาเป็นโค้ช เพียงแต่ยังมีเรื่องที่ไม่เข้าใจอยู่… อย่างเช่นที่เพื่อนของเคเลปเอามีดมาจ่อคอเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ ราวกับมีอะไรที่กำลังตั้งใจปิดบังอย่างนั้นแหละ

    เคเลป แฮมป์ตัน… ต้องมีอะไรไม่ธรรมดาแน่ๆ




    “ฮัดเช้ย!”

    “วิล น่าเกลียดจริง!” เพื่อนสาวที่นั่งด้านหน้าหันมาตวาดแหว เมื่อจู่ๆก็ได้ยินเสียงจามดังมาทางด้านหลัง ทำเอาวิล ฟอสเตอร์ เพื่อนสนิทของเทพบุตรเคเลปทำหน้าเหรอหราในขณะที่เพื่อนสนิทข้างๆกลั้นขำอย่างเอาเป็นเอาตาย ก็จะอะไรล่ะ เพราะเสียงจามเมื่อกี้มันไม่ได้มาจากเขา แต่มาจากคนข้างๆนี่ต่างหาก

    “เลิกขำได้แล้ว ไอ้บ้า” วิลเหยียบเท้าคนข้างๆไปเต็มแรงจนเคเลปหลุดเสียงร้องโอ๊ยออกมา เทพบุตรของสาวๆแสร้งทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ทำให้วิลได้แต่ส่ายหัวกับพฤติกรรม

    ใครๆก็บอกว่าเคเลปกับวิลไม่น่ามาเข้าคู่กันได้ คนหนึ่งทั้งหล่อทั้งดูดี แถมยังเข้ากับคนง่ายทำให้มีคนรักมากมาย ในขณะที่อีกคนมักชอบทำหน้าบึ้งตึง ไว้หนวดเครารุงรังจนแทบจะดูใบหน้าที่แท้จริงไม่ออก แต่ใครจะไปรู้ ว่าเจ้าเทพบุตรนี่มันหมาป่าสวมหนังแกะชัดๆ! ไหนจะซาดิส แถมยังเป็นจอมวางแผนอีกต่างหาก

    แต่ที่เรื่องแย่ๆที่เคเลปเคยทำมันไม่แดงขึ้นมาก็เพราะมีวิลนี่แหละคอยปกปิดให้เรื่อยๆ ไม่ใช่ว่ารักหลงอะไรจนยอมหรอกนะ แต่เพราะว่าถ้าภาพลักษณ์เทพบุตรเสียหาย แฟนคลับชมรมอะแคปเปลล่าของมหาวิทยาลัยคงได้หายเกลี้ยง และมันก็ส่งผลต่อการได้ไปแข่งขันรายการต่างๆด้วย เพราะลองพวกผู้ใหญ่รู้แล้วสั่งระงับ หรือทางงานประกวดเขาเห็นพฤติกรรมไม่เหมาะสมแล้วไม่ให้ร่วมแข่ง ประวัติอันสวยงามและยาวนานกว่า20ปีของชมรมคงได้ปิดตัวคงเป็นแน่

    จะยอมให้เป็นแบบนั้นไม่ได้ เพราะตัววิลเองรักการอะแคปเปลล่ายิ่งกว่าใคร แม้ฝืมือจะดีไม่เท่าเคเลปก็ตาม…

    “คิกๆๆ”

    ทั้งๆที่เหตุการณ์โดนสาวด่าผิดคนผ่านไปตั้งนานแล้วเคเลปก็ยังนั่งหัวเราะอยู่อีก ทำให้วิลอดสงสัยไม่ได้ว่าการนั่งฟังโค้ชของชมรมอะแคปเปลล่าแจกแจงตำแหน่งการร้องอย่างละเอียดยิบเพื่อการโชว์ในงานสองเดือนหน้านี่มันน่าสนุกตรงไหน โดยเฉพาะช่วงเช้าของวันอาทิตย์ที่ทุกคนอยากจะพักผ่อนกันแบบนี้

    “ดูอะไรอยู่น่ะ”

    เคเลปยื่นมือถือมาให้ดูแต่โดยดีก่อนจะอธิบาย “รูปแดเนียลที่เพื่อนเขาแท็กน่ะ เห็นว่าวิ่งอยู่แถวๆบ้าน ไม่รู้ถ่ายยังไงพุงกระเพื่อมเชียว” ว่าแล้วก็หัวเราะคิกคักต่อ

    ตัววิลเองไม่ได้สนใจเด็กนั่นแต่พอเห็นรูปก็อดขำไม่ได้เหมือนกัน แต่ยังดูได้ไม่เท่าไรเคเลปก็ชักมือถือกลับแถมยังกอดไว้ซะอย่างกับว่าหวงของเสียเต็มประดา

    “ไม่ให้ดูแล้ว หวง”

    วิลผลักหัวสีทองที่เซ็ตไว้อย่างดีไปเต็มแรงด้วยความหงุดหงิด

    ที่หงุดหงิดว่าก็หน้าตาระริกระรี้กับของเล่นใหม่ของเคเลปนั่นแหละ อยากให้พวกสาวๆมาเห็นชะมัด อีกอย่าง เขาสงสารน้องแดเนียลอะไรนั่นด้วย คนอะไรตัวใหญ่แต่หน้าตาใสซื่อ เคเลปยิ่งชอบพวกหลอกง่ายๆแบบนี้อยู่ ก็คงจะฟันแล้วทิ้งอีกตามเคย ไม่สิ ในกรณีของเคเลปคือให้ตัวเองถูกฟันแล้วทิ้งคนฟันเสียมากกว่า แต่จะยังไงก็ช่าง การเป็นเหยื่อของหมอนี่ก็น่าสงสารอยู่ดี ถึงเขาจะคิดว่าการที่บอกให้เด็กมันลดน้ำหนักจะเป็นเรื่องดีก็เถอะ

    “แล้วนี่ประชุมเสร็จไปไหนต่อ บ่ายไม่มีซ้อมนี่”

    เพราะชาวชมรมอะแคปเปลล่าผู้รักการนอนคุดคู้ในวันอาทิตย์และมาร่วมการประชุมกันสายโด่งทั้งๆที่นัดไว้ตั้งแต่แปดโมง แต่ขอโทษที เมื่อเวลานั้นมีแค่โค้ชและวิลเท่านั้นเองที่มาถึง ลูกศิษย์จึงจำต้องทนฟังเมดเลย์คำบ่นของอาจารย์สาวเสียงแหลมเป็นชั่วโมงๆ  เพราะกว่าจะมากันครบก็ปาเข้าไปเกือบสิบโมงครึ่งเข้าไปแล้ว ทำให้แผนการซ้อมตอนเช้าป่นปี้ไปหมด ครั้นจะเลื่อนไปซ้อมต่อตอนบ่าย โค้ชของชมรมก็ดันติดนัดกับแฟนเสียอีก เลยจำเป็นต้องยกเลิกไปโดยปริยาย แต่สำหรับวิลนั้นไม่มีอะไรแตกต่าง จะมีซ้อมหรือไม่มีเขาก็จะยังอยู่ห้องซ้อมเป็นประจำอยู่ดี มีแค่เทพบุตรคนนี้นี่แหละที่พอว่างทีไรก็ลอไปลอยมาไม่เคยติดที่เสียที

    “ว่าจะไปหา6”

    “โอเค” วิลพยักหน้าให้เพื่อนที่ยิ้มกรุ้มกริ่ม เขารู้ดีว่าหมายเลขพวกนั้นหมายความว่ายังไง ก็เด็กในสังกัดของเจ้าเคเลปนี่น่ะสิ! แล้วตอนนี้ตัวเลขก็อยู่ที่19 แต่ไม่ใช่ว่าพ่อเทพบุตรนี่คบทีเดียว19คนหรอกนะ ส่วนใหญ่เป็นพวกเอาไว้นัดอิ่มอร่อยกันเสียมากกว่า แต่ก็ไม่ใช่วันไนท์แสตนด์ซะทีเดียวถึงได้มีเบอร์ติดต่อเผื่อจะนัดกันใหม่ไว้ด้วย แล้วจากจำนวนนี้มีคนที่เคเลปเคยจริงจังด้วยแค่2คนเท่านั้น ไม่รู้ว่าเจ้าหนูแดเนียลจะเข้ามาอยู่ในซับเซ็ตคนที่เคเลปจริงจังด้วยเบอร์3 หรือเป็นแค่นัมเบอร์20กันแน่





    แดเนียลใช้เวลาสองชั่วโมงในช่วงบ่ายไปกันการนอน การออกกำลังกายอย่างหักโหมทำร้ายเขาอย่างจัง แม้จะรู้สึกว่าพลังงานถูกเผาผลาญแต่ก็รู้สึกอ่อนเปลี้ยไปอีกด้วย ดูท่าเขาควรจะเชื่อเรย์นาเรื่องการกินอาหาร เพราะหลังจากเขาออกจากบ้านพี่น้องฮาก็วิ่งโดยย่ามใจว่าตอนเช้ากินมาเยอะแยะแล้วข้ามมื้อเที่ยงไปคงไม่เป็นไร ที่ไหนได้ พออาบน้ำเสร็จเขาก็รู้สึกวูบๆจนร่วงหลับไปทันที แถมพอตื่นมายังหิวจนแทบทนไม่ไหว

    “มีอะไรให้กินบ้างเนี่ย”

    เด็กชายเปิดประตูตู้เย็นอย่างมีความหวังก่อนจะพบว่านอกจากน้ำเปล่าเรียงรายกันแล้วยังมีผักสลัดอัดแน่น เขาเบ้หน้า ปิดประตูตู้เย็นโดยทันที

    เห็นเขาอ้วนๆอย่างนี้ ใครก็คงคิดว่าที่บ้านจะเลี้ยงเขาได้ขาหมูชิ้นใหญ่กับอภิมหาของทอดของมัน  และคนที่บ้านเขาก็คงอ้วนพลีกันทุกคน บอกเลยว่าคิดผิด เพราะทั้งพ่อแม่ล้วนมีรูปร่างที่สมส่วนกันทั้งนั้น โดยเฉพาะเลียม ลูกพี่ลูกน้องของเขาที่รูปร่างดีสุดๆ จนเวลาที่หมอนั่นพาแฟนมาที่บ้านทีไร พวกเจ้าหล่อนต้องตกใจกับรูปร่างของเขาทั้งนั้น คำถามที่ว่า ไม่ใช่พี่น้องจริงๆใช่มั้ย ถูกถามมาให้ได้ยินบ่อยครั้งจนเขาชินชา จะเครียดทำไมในเมื่อความจริงก็ไม่ใช่พี่น้องแท้ๆอยู่แล้ว

    เพราะอย่างนั้น ปกติตู้เย็นบ้านเขาจะเต็มไปด้วยผักและเนื้อสัตว์ไม่ติดมันเป็นปกติ เขาเองก็กินของแบบนั้นแหละถ้าครอบครัวพร้อมหน้า แต่ส่วนใหญ่พ่อแม่และพี่เลียมจะไปทำงาน ทำให้เขามักจะสั่งฟาสฟู้ดมากินเสียมากกว่า แต่ว่าช่วงนี้เป็นช่วงลดน้ำหนัก เพราะงั้น…

    “ทนกินสลัดไปสักเทอมคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง” แดเนียลว่าแล้วหยิบผักในกล่องมาไว้ในจานก่อนจะราดน้ำสลัดไร้ไขมันลงไป แล้วเดินไปเปิดทีวีหารายการตลกๆอะไรสักอย่างดูฆ่าเวลา และเขาถึงเพิ่งจะรู้ตัวว่าคิดผิดสิ้นดีที่มาเปิดทีวีเอาในจังหวะแบบนี้!

    ‘สุดสัปดาห์นี้เท่านั้นกับชุดสุดคุ้ม! แฮมเบอร์เกอร์เนื้อสองชั้นชุ่มชีสฉ่ำเยิ้มกับบิ๊กเฟรนฟรายด์สำหรับคนรักเนื้อ! อย่าช้า! รีบมาที่WcDonald!’

    ให้ตายเถอะ น่ากินเป็นบ้า!

    ได้ยินเสียงปิศาจในตัวตะโกนขึ้นมาทันทีเลยว่ารีบออกจากบ้านไปกินซะ ในขณะที่เทวดาทำได้เพียงกระซิบว่ากำลังลดน้ำหนักอยู่นะ แต่เทวดาหรือจะสู้ปิศาจได้ ในเมื่อตอนนี้แดเนียลหยิบกระเป๋าตังค์และกุญแจบ้านเรียบร้อยแล้ว


ออฟไลน์ meelhek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
 ราวกับว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามีสีทองระยิบระยับพวยพุ่งออกมา น้ำตาของเขาแทบไหลเมื่อสูดกลิ่นหอมหวลของเนื้อวัวชั้นดีและชีสเข้มข้นเข้าไปเต็มปอด เขาเพิ่งคุมอาหารมาไม่กี่วันก็จริง และเมื่อเช้าก็เพิ่มกินไข่ดาวกับเบเกอร์ที่ให้พลังงานไป แต่กับเบอร์เกอร์เนื้ออันนี้มันคือสวรรค์ชัดๆ!

    แดเนียลมองซ้ายขวาเล็กน้อยเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่เจอคนรู้จักโดยเฉพาะเรย์โนลด์และน้องสาวเข้ามาในที่แห่งนี้ ไม่อย่างนั้นคงได้โดนเฉ่งเอาแหงๆ ถามว่าสั่งกลับบ้านไปจะไม่เสี่ยงน้อยกว่าหรือ? อันนี้ต้องบอกก่อนว่าถังขยะรวมของหมู่บ้านเขาอยู่ห่างจากบ้านไปสองช่วงตึก ไกลขนาดขี้เกียจจะเดินไปบ่อยๆ เพราะงั้นทำลายหลักฐานลำบากมาก แค่นึกภาพพี่เลียมที่ปรามาสเขาไว้แต่แรกมาเจอขยะเบอร์เกอร์อยู่ในบ้านก็ปวดหัวขึ้นมาแล้ว
 
    “กินละน้า~”

    “ฉันเอาชุดไก่ทอดนะ เรย์นาเอาน้ำไรเดี๋ยวไปกดให้”

    “เอาโค้กผสมน้ำแดง”

    “ยัยบ้านี่ ประหลาด”

    เสียงของเด็กสาวสองคนที่พูดคุยกันอย่างสนุกสนานทำเอาแดเนียลชะงักกึก เขาหันหน้าที่แก้มบวมตุ่ยด้วยชิ้นเบอร์เกอร์ไปยังต้นตอของเสียงนั้นก่อนจะรีบหันกลับมาอย่างรวดเร็ว ก็ว่าคนชื่อเรย์นามันจะมีซ้ำสักเท่าไรกันเชียว ดันมาเจอยัยเรย์นานี่จนได้!
แต่เด็กสาวสองคนที่แยกกันไปกดน้ำและสั่งของดูจะไม่ได้สนใจแดเนียลเลยสักนิด ถึงอย่างนั้น ร่างกายใหญ่โตเทอะทะนี่ก็เป็นที่สะดุดตา แล้วยิ่งคนที่เห็นกันมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกอย่างเรย์นา ยังไงก็คงรู้ตัวว่าเป็นเขาแน่ จะรีบออกไปจากร้านก็เหลืออีกเกินครึ่งชิ้น งั้นก็ต้องย้ายโต๊ะ…

    โชคดีเป็นบ้าที่โต๊ะริมสุดของร้านไม่ถูกใช้ ต้องขอบคุณคู่เกย์ที่กำลังนั่งสวีทหวานแหววกันเสียจนไม่มีใครกล้าเดินผ่าน ถึงจะมีคนมองไปที่ทั้งคู่อยู่บ้างแต่ก็รีบหลบสายตาด้วยความเขินอายทันที ถ้าเป็นปกติเขาคงก่นด่าที่มาทำอะไรประเจิดประเจ้อในที่แบบนี้ แต่ตอนนี้ทั้งสองคนเป็นผู้ช่วยชีวิตของเขาชัดๆ
 
    แดเนียลก้าวฉับๆผ่านคู่รักไปยังโต๊ะในสุดและนั่งหันหน้าเข้าหากำแพงทันที แล้วค่อยเอี้ยวตัวมาสังเกตที่นั่งของเรย์นากับเพื่อน สองคนนั้นไปนั่งติดหน้าต่างซึ่งห่างกับจุดที่เขานั่งเอาเสียมากๆทำให่โล่งใจ แต่เมื่อดึงสายตากับมาที่โต๊ะตัวเอง กลับเห็นเสี้ยวหน้าของหนึ่งในคู่รักที่นั่งอยู่ด้านหลังเสียได้

    คนผมทองก็มีเยอะแยะแต่… หน้าคุ้นชะมัด…

    ถ้าจะหันไปมองอีกครั้งมันก็เสี่ยงใช่ย่อย เพราะถ้าเรย์นาจับได้ก็จบเห่ ถึงจะรู้สึกค้างคาใจมากเพียงใด แดเนียลก็ทำแค่กัดเบอร์เกอร์เข้าปากไปคำโต ให้ความสุขเอ่อล้นกระจายไปทั่วโพรงปากและร่างกาย

    “นายกลับไปก่อนแล้วกัน”

    “อะไรน่ะ จู่ๆก็เรียกมาแล้วก็ไล่กลับเนี่ยนะ”

    บทสนทนาของโต๊ะด้านหลังดังขึ้นเรียกความสนใจจากแดเนียลไม่น้อย ก็ใครจะไม่สนใจเวลาคนทะเลาะกันล่ะ ความอยากรู้อยากเห็นของคนเรามันมีอยู่แล้ว แค่จะควบคุมได้มากแค่ไหนก็เท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าในสถานการณ์แบบนี้แดเนียลต้องคุมตัวเองอย่างสุดตัว แต่ในหัวก็แอบวิเคราะห์ความสัมพันธ์ทั้งคู่จากบทสนทนาไปด้วย

    ดูท่าคนที่นั่งหลังชนเขาจะโมโหไม่เบาเมื่ออีกฝ่ายพยายามบอกให้เขากลับไป ดูเสียงจะทุ้มและแหบกว่าอีกฝ่าย เดาเอาว่าน่าจะแก่กว่า สงสัยคู่ขาจะเบื่อเข้าแล้วเพราะเจอเป้าหมายใหม่ คนผมทองเสียงเพราะๆนั่นดูท่าจะเจ้าชู้น่าดู เพราะเวลาพูดตัดรอนเลือกใช้คำพูดได้ทำร้ายจิตใจสุดๆ
 
    “งั้นก็ไม่ต้องมาเจอกันอีกเลย!” เจ้าของเสียงกระแทกแก้วน้ำดังปึ้งจนทั้งร้านเงียบไปแวบหนึ่ง แถมยังลุกขึ้นเต็มแรงจนพนักพิงที่ใช้ร่วมกับแดเนียลถึงกับสะเทือนไปด้วย แต่ดูท่าอีกฝ่ายจะไปยี่หระเท่าไรเมื่อแดเนียลได้ยินเพียงแค่เสียงกดมือถือเบาๆเท่านั้น

    “เอ้า ลบเบอร์แล้วด้วย ตามนั้นก็แล้วกัน”

    แค่เป็นคนฟังยังคิดว่าโหดร้ายสิ้นดี แดเนียลถึงกับกลั้นหายใจกับเสียงเย็นๆนั่น เด็กหนุ่มได้ยินคนที่ลุกยืนกัดฟันกรอดก่อนจะเดินอย่างหุนหันออกไป ทำไมถึงรู้น่ะเหรอ ก็ที่นั่งมันสั่นเสียจนเบอร์เกอร์แทบร่วงอยู่แล้ว

    แดเนียลไม่รู้หรอกว่าคนผมทองทำอะไร หรือแค่นั่งอยู่เฉยๆ แต่เสียงในร้านก็กลับมาจอแจเหมือนเดิม เขาถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อสถานการณ์เลวร้ายผ่านพ้นไป พลางคิดในใจว่าถ้าในอนาคตเขามีคนรักสักคน ก็อย่าให้เลวร้ายเหมือนคนด้านหลังนี้เลย

    “นี่…”

    ทั้งๆที่คิดว่าสามารถกินเบอร์เกอร์ได้อย่างสบายใจแล้วแท้ๆ แต่ทำไมเสียงของคนผมทองถึงได้มาอยู่ข้างๆหู แถมยังรู้สึกถึงปลายนิ้วที่กดลงมาที่ไหล่อีก

    เด็กหนุ่มขยับตัวอย่างช้าๆเพื่อเอี้ยวมามองหน้าคนที่ทักเขา คิดในใจแล้วว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรจากเขา? ค่าปิดปากหรืออะไร แต่เขาก็ไม่ได้หันไปมอง ไม่รู้ไม่เห็นอะไรอยู่แล้วนี่นา?

    “อะ”  ความรู้สึกเมื่อตอนเล่นเป็นก้อนหินในละครเวทีเมื่อตอนอนุบาลแทบจะไหลย้อนกลับมาในทันที ครั้งนั้นเขายังมียุกยิกบ้าง แต่ครั้งนี้มันเหมือนชาไปทั้งตัวโดยอัตโนมัติ นี่ถ้าตัวเขาตอนนี้ย้อนกลับไปเมื่ออนุบาลคงได้รับคำชมอักโข

    แล้วถ้าจะถามว่าทำไมตัวเขาถึงได้เข้าถึงจิตวิญญาณของก้อนหินมากขนาดนี้น่ะเหรอ ก็พ่อหนุ่มผมทอง คนเจ้าชู้และร้ายกาจที่ไม่อยากหันไปมองได้มาหยุดยืนอยู่ข้างๆ แล้วเขาจะไม่อะไรเลยถ้าคนๆนี้เป็นแค่คนผมทองดาษดื่นทั่วไป แต่คนที่ยืนอยู่ตรงนี้กลับเป็นเคเลป แฮมป์ตัน! แถมยังเห็นเขาในสภาพเคี้ยวเบอร์เกอร์ตุ้ยๆเสียด้วย!

    “เอ่อ… คุณเคเลป…”

    “ไม่ใช่ว่านายต้องลดน้ำหนักอยู่เหรอ”

    นิ้วเรียวยาวจิกเข้าที่ไหล่จนรู้สึกเจ็บแสบ แดเนียลหัวหมุนติ้ว คำว่าน่ากลัวลอยล่องในสมองอย่างกับฟองสบู่ รู้สึกตัวอีกที สมองก็สั่งการให้กายหยาบผุดลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีทั้งที่ยังตื่นกลัวไปเสียอย่างนั้น

    “เดี๋ยวสิ!”

    ตอนนี้แดเนียลรู้แค่ว่าต้องพาตัวเองออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด โดยที่ยังไม่แน่ใจนักว่าจะตื่นกลัวคนตัวเล็กกว่าอย่างเคเลปทำไมนัก อาจเพราะอีกฝ่ายเป็นคนที่หลงใหลจึงไม่อยากทำให้ผิดหวัง? หรือกลัวว่าเคเลปอาจจะยกเลิกการเป็นโค้ช? หรือเพียงแค่อายสายตาคนรอบข้างที่มองมาเมื่อหนุ่มหล่ออย่างเคเลปที่เพิ่งสลัดรักผู้ชายที่ดูดีมาทักหมูอ้วนอย่างเขา?

    แต่ที่แน่ๆ เขาลืมอะไรไปอย่างหนึ่ง

    “ว้าย!”

    เสียงเด็กผู้หญิงกับแก้วพลาสติกที่กระทบลงกับพื้นทำให้แดเนียลหยุดชะงัก เขาทรุดตัวลงกับพื้นทันทีเพื่อช่วยเก็บของ นึกในใจว่าโชคดีที่ในแก้วมีแค่น้ำแข็งเล็กน้อย ไม่อย่างนั้นน้ำอัดลมคงกระจายเปื้อนตัวเด็กสาวไปหมด

    “ขอโทษครับ ขอโทษครับ”

    “พี่แดน?”

    เสียงหวานใสนี่ไม่ได้มาจากตรงหน้าเขาหรอก แต่มาจากเด็กสาวอีกคนที่กำลังจะเดินมาช่วยเพื่อน ให้ตายเถอะ เขาลืมเรย์นาไปซะสนิทเลย!

    “เอ่อ.. ไม่ใช่นะ.. คือนี่..”

    “อะไรของพี่เนี่ย ตอนเช้าล่ะบอกว่าจะลดๆ ไหงตอนนี้มาแอบกินเบอร์เกอร์แบบนี้ล่ะ นี่เหรอความตั้งใจของพี่น่ะ!”

    ถ้าคำพูดของเรย์นาเป็นกระสุน ตัวของแดเนียลก็คงพรุนไปหมดแล้ว เด็กหนุ่มพูดไม่ออกเลยสักคำ ทำไม่ได้แม้แต่เขยื้อนตัว จนเคเลปเดินเข้ามาประชิดตัวจนได้

    “อ๋อ.. อย่างนี้นี่เอง ขอบคุณมากนะที่ช่วยบอกให้ฟัง นี่นายไม่ได้คิดถึงชมรมขนาดนั้นสินะ ดูสิ เพิ่งผ่านไปแค่อาทิตย์เดียวเองก็หมดแรงซะแล้ว” เคเลปถอนหายใจแล้วหันไปส่งยิ้มให้เรย์นาที่ยังคงงงงวย ก่อนจะยักไหล่ ถอนหายใจออกมาแล้วเดินออกจากร้านไป วินาทีนั้นแดเนียลรู้ได้ทันทีว่า… มันจบแล้ว

    “จะไม่ตามเขาไปรึไง!” เด็กหนุ่มได้สติเมื่อน้องสาวเพื่อนสนิทเดินมาเขย่าตัว เธอคงรู้ได้ทันทีว่าคนที่คุยกับเขาอยู่เป็นใครจึงได้พูดแบบนั้นออกมา

    “แต่พี่ผิดสัญญา.. ต่อให้วันนี้เขาไม่มาเห็น พี่ก็คงลดน้ำหนักไม่สำเร็จแล้วเขาก็ไม่มาเป็นโค้ชให้อยู่ดี” แดเนียลพูดทั้งๆที่หน้าหงอย

    เรย์นาถอนหายใจ “ก็ตามใจ พวกเราก็ชินกับเสียงร้องของโรงเชือดหมูแล้วล่ะ อ๊ะ เดี๋ยวก็ยุบแล้วนี่”

    “เรย์นา!”

    “ทำไม”

    แดเนียลกำหมัดแน่นเมื่อน้องสาวเพื่อนสนิทเอ่ยคำถากถางออกมา ท่าทางเขาดูุโมโหมากเสียจนเพื่อนของเรย์นาต้องมาดึงเด็กสาวออกห่าง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้มีท่าทีเดือดเนื้อร้อนใจ ซ้ำยังคงตอบโต้กลับมาเสียอีก

    “ไม่ได้มีโอกาสนักหรอกนะที่คนเก่งๆจะยอมมาเป็นโค้ชให้พี่น่ะ”

    กระสุนอีกนัดปักเข้าร่างของแดเนียลอย่างจัง และมันก็ทำให้เท้าสองข้างที่แข็งค้างเริ่มขยับ แดเนียลตัดสินใจแล้ว อย่างที่เรย์นาว่า โค้ชเก่งๆคนไหนมาเห็นพวกเขาก็ส่ายหัวทั้งนั้น มีแค่เคเลปที่ยอมตกลงให้ตั้งแต่แรกทั้งที่ยังไม่รู้อะไรเลย ถึงแม้ข้อเสนอจะแปลกๆไปหน่อยก็เถอะ แต่อุตส่าห์ได้โอกาสทั้งที เพราะงั้น…

    “ขอบใจนะเรย์นา”

    เด็กหนุ่มร่างอ้วนออกจากประตูร้านไปทันที เรย์นากอดอกพึมพำ “ให้มันได้อย่างนี้สิ”

    “นี่ถ้าไม่รู้ ฉันคงนึกว่าเธอเป็นแฟนพี่เขา” เพื่อนสนิทที่ได้เอาแต่หลบหลังเอ่ยขึ้นมาลอยๆ ทำเอาเด็กสาวอ้าปากค้าง ตีแขนเพื่อนไปหนึ่งเผียะ

    “จะบ้ารึไงยะ!”





    เคเลปกำลังหงุดหงิด

    แน่นอนว่ากับเด็กแดเนียลนั่นก็เรื่องหนึ่ง จริงอยู่ว่าเขาค่อนข้างถูกใจพวกซื่อๆไร้เดียงสา แม้จะหุ่นไม่ตรงเสปคก็ยังหาหนทางให้ลดให้ได้ แต่เขาไม่ได้จริงจังขนาดนั้น ไม่อยากจะคุยเท่าไรแต่ความสามารถของเขานั้นเข้าขั้นอัจฉริยะ แค่ไปเป็นโค้ชสักเทอมและกับการได้เด็กหล่อๆมากิน อาจจะไม่ใช่แค่แดเนียล แต่หมายถึงเด็กในโรงเรียนนั้นที่เขาอาจตกได้เพิ่มเติมด้วย มันก็ดูคุ้มค่าอยู่ แต่ในทางกลับกัน ไม่ได้ทำก็ไม่ได้เสียหาย คนเสน่ห์แรงอย่างเขาจะหาเด็กใหม่ๆมาเมื่อไรก็ย่อมได้อยู่แล้ว

    แต่ที่หงุดหงิดมากกว่าก็เพราะเจ้าเด็กแดเนียลทำให้เขาพลาดการกระชับความสัมพันธ์ในค่ำคืนนี้ต่างหาก! ก็คู่เดทของเขาเมื่อกี้อายุมากกว่าร่วมสิบปีก็จริงแต่หุ่นยังดีอย่างกับนายแบบ แถมด้วยความที่อีกฝ่ายงานยุ่งเลยเป็นคู่ควงที่นานๆทีจะได้เจอ แต่เพราะแดเนียลที่นั่งอยู่ตรงนั้นทำให้ทุกอย่างพังไม่เป็นท่า อันที่จริงก็ต้องโทษนิสัยเสียของเขาด้วยแหละ ถ้าไม่เป็นพวกชอบเด็กจนยอมตัดผู้ใหญ่แซ่บๆแบบนี้ไป ป่านนี้เขาคงได้นั่งรถเล่นชมวิวสวยๆและจบที่โรงแรมดีๆสักที่ไปแล้ว

    ครั้นจะหาคู่ควงคนใหม่ก็ยังอารมณ์ไม่ดีอยู่เสียด้วย เลยทำได้แค่มานั่งแกร่วในสวนสาธารณะ คอยจ้องมองเหล่าเด็กๆที่วิ่งเล่นกันอย่างไร้เดียงสาพลางจินตนการถึงรูปร่างหน้าตาตอนโตของเด็กพวกนี้ ถึงได้พอจะสงบจิตสงบใจลงได้บ้าง

    “คุณเคเลปครับ!”

    เคเลปคิดในใจว่าเขาไม่เคยเห็นหายนะวันสิ้นโลกมาก่อน แต่เขามั่นใจว่าไม่ต่างจากภาพตรงหน้านี้แน่นอน!

    เด็กหนุ่มที่เขาคิดว่าสลัดออกไปจากชีวิตแล้ววิ่งตรงมาด้วยรูปร่างอ้วนท้วมใหญ่โตพร้อมกับตะโกนเสียงลั่น ใบหน้าเข้มตามเชื้อสายเม็กซิกันดูดุดันเมื่อทั้งหน้าและร่างกายเต็มไปด้วยเหงื่อ แดเนียลหอบหายใจหนักพร้อมสายตาที่จริงจังจนทำให้เทพบุตรผู้แทบไม่หวั่นไหวถึงกับแอบสะดุ้ง เพราะงั้นไม่ต้องถามถึงปฏิกิริยาของเด็กน้อยและเหล่าผู้ปกครองในสวนสาธารณะเลย แน่นอนว่าทุกคนรีบถอยห่างกระจัดกระจายไปหมด หลงเหลือเพียงแค่เสียงร้องไห้จากเด็กๆดังแว่วมาลิบๆจนหายลับไปเท่านั้น

    “มีอะไร” ผู้ชายเสียงโซปราโนอย่างเคเลปคิดว่าตัวเองกดเสียงลงต่ำสุดก็วันนี้ ไหนจะหงุดหงิดที่เหล่าอาหารตาอาหารใจทั้งหลายวิ่งกระเจิงไป ไหนจะต้องซ่อนความตกใจเล็กๆที่มีเสียอีก

    “คือว่าผม.. อยากจะขอโอกาส”

    หนุ่มนักศึกษาถอนหายใจ “ฉันว่าเราตกลงกันเรียบร้อยแล้วนะ อีกอย่าง ต่อให้ฉันไม่ไปก็ลองติดต่อคนอื่นดูสิ นักศึกษาในชมรมอะแคปเปลล่าของมหาวิทยาลัยแถบนี้มีตั้งเยอะ”

    “แต่ว่า..” แดเนียลกัดฟัน นึกถึงเวลาที่ผู้คนระดับอาจารย์มาฟังเสียงพวกเขาแล้วส่ายหัว แล้วถ้าเป็นแค่ระดับนักศึกษาคงมีหวังโดนหัวเราะเยาะและปฏิเสธแน่ บางทีแค่เห็นสมาชิกของชมรมก็คงวิ่งหนีแล้วด้วยซ้ำ

    “ยังไงก็ขอโอกาสให้ผมอีกสักครั้งเถอะครับ ผมสัญญาว่าจะทำตามสัญญาอย่างเคร่งครัด” เด็กหนุ่มก้มโค้งซะจนคางแทบแนบอยู่กับหน้าท้องที่ยื่นออกมาของตนเอง เคเลปถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนที่จะเหมือนรู้สึกมีหลอดไฟสว่างบนหัว เทพบุตรยิ้มแสยะ ก่อนจะออกคำสั่ง

    “งั้นลองร้องเพลงให้ฉันฟังหน่อยสิ”

    “เอ๊ะ..”

    “ฉันกำลังหงุดหงิดมากๆเลย เพราะงั้นถ้าไม่ทำให้รู้สึกดีขึ้นล่ะก็.. จบกันตรงนี้เลย”

    แดเนียลอ้าปากค้าง ถ้าส่งเสียงออกมาคงเป็นคำว่าเหวอที่ดังก้องไปทั่วสาธารณะ เคเลปยังคงยิ้มย่อง พลางคิดว่าเจ้าตัวเป็นคนบอกเองว่าชมรมของตนเสียงเหมือนโรงเชือดหมู เพราะฉะนั้นมันคงไม่มีทางออกมาดีแน่ๆ และเขาจะแอบอัดเสียงไว้ด้วย เผื่อถ้าคิดจะมาตามตื๊ออีกก็จะเปิดดังๆในผู้คนได้ยินจนเด็กหนุ่มอายไปเลย

    “งั้น.. จะเริ่มแล้วละครับ” แดเนียลสูดลมหายใจลึกก่อนจะนับจังหวะในใจแล้วเริ่มเปล่งเสียงร้องออกมา

    “You gotta go and get angry at all of my honesty
You know I try but I don't do too well with apologies
I hope I don't run out of time. Could someone call a referee?
'Cause I just need one more shot at forgiveness”

    กลายเป็นเคเลปที่ต้องอ้าปากค้างเสียเอง!

    เนื้อร้องท่อนแรกในเพลงSorryของJustin Bieberถูกเปล่งออกมาอย่างไพเราะ ถูกต้องทั้งระดับเสียงและทำนอง ซ้ำผู้ร้องยังแสดงออกทางสีหน้าและอารมณ์เด่นชัดถึงความต้องการขอโทษอย่างจริงใจ เป็นการแสดงที่ไม่ได้เตรียมตัวใดๆแต่เรียกได้ว่าดีกว่าที่คิดจนเคเลปไม่อยากจะยอมรับ

    “Is it too late now to say sorry?
'Cause I'm missing more than just your body, oh
Is it too late now to say sorry?
Yeah, I know-oh-oh, that I let you down
Is it too late to say I'm sorry now?”

    ฮุคแรกผ่านไปอย่างงดงามจนเข้าเวิร์สสองก็ยังดีอยู่ เคเลปเริ่มหวั่นใจว่าตัวเองอาจจะต้องไปเป็นโค้ชให้เด็กๆในชมรมนี้เข้าจริงๆ ทว่าเมื่อถึงฮุคที่สอง…

    เสียงที่ไพเราะเริ่มผิดคีย์จากการเปล่งเสียงคำว่าSorryในท่อนแรกของฮุคสองสูงเกินไปและขาดห้วงไปเสียเฉยๆ ไม่ลื่นไหลกับท่อนที่สอง และหลังจากนั้นก็เริ่มเพี้ยนมากขึ้นและมากขึ้น รวมทั้งการหายใจที่แรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดูออกชัดเลยว่าแดเนียลหมดแรงเสียแล้ว ช่วงท้ายของเพลงเละไม่เป็นท่าจนเด็กหนุ่มหน้าเสีย แต่ก็พยายามร้องออกมาจนจบ

    ไม่มีเสียงปรบมือ ไม่มีรอยยิ้มมอบให้ แดเนียลใจเสียเมื่อเห็นเคเลปส่ายหน้า ชายหนุ่มเก็บมือถือเข้ากระเป๋ากางเกงแล้วลุกขึ้นยืน หันไปประจันหน้ากับแดเนียลที่ยืนหน้าซีด

    “ขอโทษนะ”

    ร่างของชายหนุ่มผมทองไปจากตรงนั้นได้สักพักแล้ว แต่แดเนียลยังคงขยับไปไหนไม่ได้





    “เฮ้ วิล”

    ใบหน้าที่ถูกปกคลุมไปด้วยหนวดเคราหันมามองเพื่อนสนิทที่จู่ๆก็โผล่เข้ามาในห้องซ้อม คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเมื่อจำได้ว่าเจ้าเพื่อนคนนี้นัดคู่เดทไว้ แล้วทำไมถึงได้มาอยู่ที่นี่ในเวลาแบบนี้ได้

    “มาได้ไงน่ะ”

    “เกิดเรื่องนิดหน่อย เฮ้อ” เคเลปถอนหายใจแล้วเดินตัวปลิวไปห้องน้ำ

    วิลบิดขี้เกียจ เขาซ้อมคนเดียวมาหลายชั่วโมงแล้วจึงได้เวลาพักเสียที ชายหนุ่มกระดกน้ำเปล่าอึกใหญ่ก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ เปิดเกมเพลงสุดโปรดอย่างCytusขึ้นมาเพื่อพักผ่อน จึงได้เห็นว่าแบตเตอรี่ของโทรัพท์เหลือเพียงแค่สิบเปอร์เซ็นต์

    “ยืมมือถือเล่นเกมหน่อยสิ” วิลกล่าวกับเคเลปที่เดินออกมาพอดี เพื่อนสนิทจึงโยนของใช้ส่วนตัวไปให้ก่อนจะขอตัวไปซื้อขนมคลายเครียดแล้วออกจากห้องซ้อมไป

    วิลกรอกรหัสผ่านเข้าไปในโทรศัพท์มือถือของเพื่อนสนิทอย่างคล่องแคล่ว แต่แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อหน้าแรกที่แสดงขึ้นมาไม่ใช่หน้าเดสทอปตามปกติ กลับเป็นแอปพลิเคชั่นอัดเสียงที่เปิดค้างไว้ วิลแทบจะปิดหนีด้วยคิดว่าเคเลปคงอัดเสียงตัวเองกับคู่ขาตอนทำกิจกรรมกันไว้ ทั้งอย่างนั้นกลับพลาดไปกดปุ่มเพลย์เสียได้

    หนุ่มหนวดเฟิ้มหน้าเหวอ ลนลานจะปิดมันแต่กลับได้ยินเสียงๆหนึ่งเสียก่อน เสียงใครบางคนกำลังร้องเพลงSorryอย่างไพเราะ ถึงแม้จะไม่ได้ไพเราะระดับเคเลปหรือนักร้องนำของวงอะแคปเปลล่าชั้นนำในมหาวิทยาลัยต่างๆ แต่ก็เป็นเสียงที่ดีและสามารถพัฒนาได้อีก ถึงแม้ว่าช่วงท้ายคลิปจะทั้งสั่นและเพี้ยนสุดๆก็เถอะ ก็คงเป็นเพราะเจ้าของเสียงไม่ได้รับการฝึกซ้อมที่เหมาะสมนั่นเอง

    “หืม ใช้ได้เลยนี่นา…”

___________________________________________________________________________________________

สวัสดีค่ะ! ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ เป็นยังไงกันบ้างคะ? คิดว่าจะมีทางให้เคเลปมาเป็นโค้ชมั้ยเอ่ย?
ขอบคุณคุณzonpineและคุณkaramailpraleenมากๆนะคะที่อุตส่าห์เม้นให้ มีกำลังใจมากเลยค่ะ!
สำหรับตอนนี้ก็จะเป็นเพลง Sorrry-Justin Bieberลองกดฟังกันดูได้นะคะ แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ



ออฟไลน์ meelhek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
CH2

    ถึงจะยังเป็นช่วงเช้าตรู่แต่ห้องซ้อมของชมรมอะเคปเปลล่ามหาวิทยาลัยมิดเดิลตันก็ไม่เคยว่าง เสียงเทเนอร์ทุ้มต่ำยังคงก้องกังวาลเหมือนเคย  ฮันนาห์ โค้ชสาวชาวฟิลิปปินส์เบ้หน้าเมื่อเปิดประตูเข้ามา ไม่ใช่ว่าเสียงนั้นไม่เพราะ แต่เพราะเธอเพิ่งจัดตารางซ้อมสำหรับชมรมจนดึกดื่นและนอนไม่พอ แถมคนที่ร้องอยู่ยังมาเพิ่มงานให้เธออีก เวลาแบบนี้ถ้าเป็นเสียงสาวๆในเพลงป๊อบใสๆจะชื่นใจมากกว่าเสียงทุ้มๆที่ร้องเพลงอัลเทอเนทีพร็อคอยู่แบบนี้

    “เอาล่ะ วิล พอแค่นี้ก่อน”

    ชายหนุ่มหนวดเฟิ้มหยุดร้องทันทีและเดินลงจากเวทีมาตามที่โค้ชสาวกวักมือ และนั่งลงในแถวหน้าของที่นั่งผู้ชมทันทีเพื่อให้โค้ชไม่ต้องแหงนหน้ามาคุยกับเขาอย่างยากลำบาก

    “ฉันบอกให้ซ้อมMarvin Gayeนะ ไม่ใช่Radioactive”
วิลยักไหล่อย่างไม่สนใจนัก ก่อนที่จะถามถึงเรื่องที่ทำให้เขานัดโค้ชมาตั้งแต่เช้าแบบนี้ “แล้วเรื่องนั้น คุณว่ายังไงบ้างครับ”

    “ก็ดีนะ เอ้า นี่แผนงานทั้งหมด” กระดาษปึกหนึ่งถูกยื่นมาตรงหน้า ซึ่งวิลก็รับไว้แต่โดยดี โค้ชสาวบ่นต่อ “ทีหลังอย่าทำอะไรกระชั้นชิดแบบนี้อีกนะ ดีนะที่อย่างน้อยก็บอกกันก่อน ดูเจ้าเคเลปซิ ฉันนี่อยากเตะตูดมันให้เจ็บแบบไม่ต้องโดนใครแท..”

    “โค้ชครับ” วิลพูดขัดขึ้นเมื่อโค้ชสาววัยสามสิบกว่ากำลังจะพูดประโยคที่ไม่สวยงามนักออกมา หญิงสาวหุบปากฉับก่อนจะถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ซึ่งวิลก็เข้าใจความรู้สึกของโค้ชเป็นอย่างดีเมื่อต้องมาคอยคุมเพื่อนสนิทจอมแสบอย่างเคเลป อันที่จริงคนที่ให้เขาคอยคุม ไม่ให้เคเลปทำให้วงเสื่อมเสียชื่อเสียงก็โค้ชคนนี้นี่แหละ

    “แล้วนายจะเริ่มเมื่อไร”

    “คงจะเย็นนี้ครับ”

    “ดี อย่าให้มีอะไรผิดพลาดล่ะ”

    วิลพยักหน้ารับให้โค้ชที่กำลังเดินออกจากห้องซ้อมไป เขาเอากระดาษปึกนั้นมาลองอ่านอย่างละเอียดแล้วเผยยิ้มออกมาใต้หนวกเครารุงรัง พลางคิดว่ามันต้องไปได้สวยแน่ๆ





    ถึงอากาศช่วงนี้จะเริ่มเย็นแล้วแต่ท้องฟ้าก็ยังสดใส นักเรียนส่วนใหญ่ต่างรวมตัวกันทำกิจกรรมหลังเลิกเรียนจนมีแต่เสียงหัวเราะอยู่โดยรอบ จะมีก็แต่ข้างๆเรย์โนลด์นี่แหละที่มืดครึ้มชวนหดหู่

    ตั้งแต่เช้าแล้วที่แดเนียลทำตัวเป็นตุ๊กตาไขลาน คือถ้าไม่แตะก็จะไม่ขยับ ไม่บอกก็จะไม่หยิบสมุดดินสอขึ้นมาเตรียมตัวเรียน แถมถ้าไม่ป้อนก็ไม่กินข้าวอีกต่างหาก เขารู้เรื่องเมื่อวานจากน้องสาวแล้ว ยังนึกขำอยู่เลยว่าถ้าคุณเทพบุตรนั่นไม่มาเป็นโค้ชให้จะหัวเราะเยาะให้เต็มที่ แต่พอมาเห็นอาการเพื่อนแบบนี้ อย่ามาแต่หัวเราะเยาะเลย แค่ยิ้มให้ยังไม่กล้า

    “นี่จะกลับบ้านเลยรึเปล่า”

    “ต้องไปซ้อม…” ตอบเสียงเบาๆขณะพยายามหยิบสมุดที่ทำตกพื้นไปสองรอบแล้วขึ้นมาใส่กระเป๋า เรย์โนลด์ทนดูไม่ได้จึงเข้าไปแย่งสมุดจากมือและเก็บให้เสร็จสรรพ ซ้ำยังช่วยดึงร่างอ้วนๆขึ้นจากเก้าอี้อีกด้วย

    “งั้นก็ร่าเริงหน่อยสิ! ถ้าพวกนายพยายามเดี๋ยวก็หาโค้ชเก่งๆได้เองแหละน่า”

    แดเนียลพยักหน้าหงึกหงักแล้วค่อยๆเดินไปชนประตู จึงได้หันมาโบกมือให้เพื่อนสนิทและเดินออกไป เรย์โนลด์คิดอยากจะตามไปดู แต่พอนึกได้ว่าเรย์นาฝากซื้อเค้กเจ้าโปรดซึ่งสูตรพิเศษนี้ร้านจะทำแค่เดือนละครั้งเท่านั้น และวันนี้เธอต้องซ้อมเชียร์ลีดเดอร์ของงานกีฬาจึงไปซื้อเองไม่ได้ เขาจึงรีบออกไปซื้อให้ตามประสาพี่ชายที่แสนดี และเรย์โนลด์ก็คิดว่าจะซื้อเค้กไปสามชิ้นเผื่อสามคนคือแดเนียลด้วย เพราะเพิ่งเจอเรื่องแย่ๆแบบนั้นมาคงต้องหาอะไรปลอบใจให้เสียหน่อย

    “นี่”

    “เฮ้ย!”

    เด็กหนุ่มถอยกรูดทันทีที่มือสากๆสัมผัสเข้าที่หัวไหล่ เรย์โนลด์หน้าเหวอมองคนที่เข้ามาทักอย่างไม่ทันตั้งตัวพลางกอดกระเป๋าแน่นราวกับกำลังป้องกันตัว ชายหนุ่มหนวดเฟื้มเกาหัวแกรก ไม่เข้าใจว่าเด็กตรงหน้าจะกลัวอะไรตนนักหนา

    “อะ.. อะไร.. ต้องการอะไร..” ว่าแล้วก็ถอยหลังไปอีกสามเก้า ตระหนกซะจนใครผ่านไปมานึกว่าเจ้าเด็กหน้าตี๋นี่จะโดนคนทำร้าย วิลถอนหายใจก่อนจะกระชากแขนคนตรงหน้าเข้ามาแล้วกอดคอไว้

    “ตกใจอะไรนักหนา”

    “มีด..”

    เรย์โนลด์พูดเสียงสั่นและนั่นทำให้วิลถึงบางอ้อ ครั้งที่แล้วเขาขัดขวางเด็กนี่แรงไปหน่อยสินะ ส่วนตัววิลทำเรื่องพรรค์นั้นเป็นประจำอยู่แล้วจึงมองว่าเป็นปกติ แต่ดูท่าเด็กคนนี้จะไม่ได้คิดอย่างนั้น

    “ชู่ว ใจเย็น ไม่มีอะไรทั้งนั้น ฉันมาดีน่า”

    ถึงอย่างนั้นเรย์โนลด์ก็กลัวจนไม่กล้าพูดอะไร วิลจึงค่อยๆปล่อยแขนที่กอดคออยู่และยื่นปึกกระดาษให้ เรย์โนลด์ผงะไปนิดนึงแต่ก็รับมาอย่างกล้าๆกลัวๆ จะปฏิเสธก็ไม่กล้าเมื่อคนที่ส่งของมาหน้าดุเสียขนาดนั้น ถึงจะไม่รู้ว่าจุดประสงค์คืออะไรก็เถอะ

    “นั่นเป็นใบปลิวรับสมัครโชว์ของงานแสดงดนตรี กับเพลงแล้วก็ตารางฝึกซ้อม เอาไปให้เพื่อนนายซะ”

    “หมายถึงแดนเหรอ”

    “ถ้าหมอนั่นอยู่ชมรมอะแคปเปลล่าล่ะก็นะ”

    เรย์โนลด์ก้มลงมองเอกสารอย่างไม่เข้าใจนัก แต่เมื่อมองผ่านก็ดูจะเป็นอย่างที่เจ้าคนอันตรายนี่ว่าไว้จริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมถึงเอามาให้ ในเมื่อเพื่อนของคนๆนี้ปฏิเสธเพื่อนของเขาไปแล้ว หรือว่าจะยังมีใจคิดอยากมาเป็นโค้ชให้อยู่

    “เอ่อ.. นี่.. คุณเคเลปฝากมาให้เหรอครับ”

    “จะคิดงั้นก็ได้”

    “งั้น.. ขอบคุณครับ คุณ..”

    “วิล”

    “ขอบคุณครับคุณวิล ผมจะรีบเอาไปให้แดนนะครับ” เรย์โนลด์ว่าแล้ววิ่งออกไปทันที กลัวก็ส่วนหนึ่งแต่รีบเอาของไปให้เพื่อนก็ส่วนหนึ่ง ถึงอย่างนั้นก็ยังเอี้ยวตัวกลับมามองคนที่ให้ของเขามาเมื่อครู่ที่เดินไปเกือบจะลับหัวมุมโรงเรียนแล้ว ในหัวนึกสงสัยไม่หยุดหย่อนว่าคนๆนี้จะมาแนะนำงานแสดงให้เพื่อนเขาทำไม จะว่าอยากเห็นกลุ่มเพื่อนเขาล่มเล่นๆก็ไม่น่าจะมีแผนการซ้อมที่ดูจริงจังมาด้วยแบบนี้

    เป็นคนยังไงกันแน่นะ…





    เคเลปรู้สึกกระวนกระวายเมื่อในห้องซ้อมของชมรมไม่มีร่างของเพื่อนรักอย่างเคย วิลเป็นคนเงียบๆที่ไม่พูดอะไรเกินความจำเป็น เพราะงั้นเวลาป่วยหรือมีปัญหาก็มักจะอุบไว้คนเดียวเสมอ ยิ่งโค้ชฮันนาห์ไม่โวยวายตามหาแปลว่าต้องรู้ปัญหาของวิลแน่ๆถึงปล่อยให้ขาดซ้อมไป

    “นี่เคเลป ท่อนง่ายๆน่ะร้องให้มันดีหน่อยสิ นายต้องเข้าจังหวะกับทุกคนนะ ไม่ใช่ทุกคนต้องมาตามนาย วานยา เธอทำถูกแล้ว ไม่ต้องทำหน้ากังวลแบบนั้น เพลงนี้มันต้องมีความสุข เข้าใจมั้ย!”

    “ครับ/ค่ะ” เคเลปและวานยา หนึ่งในสมาชิกของชมรมตอบรับพร้อมกัน ชายหนุ่มหันไปเอ่ยคำขอโทษเบาๆแต่ก็ได้คำตอบเป็นการนับจังหวะและไล่เสียง ดูท่าเธอจะไม่ได้ฟังเขาด้วยซ้ำ แต่เขาก็เข้าใจความตื่นเต้นของเธอ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ออกมาร้องนำ ผิดกับเขาที่ร้องมาจนชินแล้ว และถ้ามันผิดพลาดเธอจะยิ่งโทษตัวเอง แม้ว่าความผิดจะมาจากเขาก็ตาม

    “วานยา ฉันให้เวลาเธอหนึ่งนาที สงบสติ!”

    “คะ.. ค่ะ”

    เคเลปถอนหายใจเบาๆเมื่อเห็นโค้ชสาวใช้วิธีตวาด ถ้าเขาเป็นวานยามีหวังสติแตกกว่าเดิมแน่ๆ “ว่าแต่โค้ชครับ วิลไปไหนเหรอครับ”

    “ฉันใช้ให้ไปธุระนิดหน่อยน่ะ เดี๋ยวก็มา อ๊ะ พอดีเลย ตายยากจริงๆ”

    ชายหนวดเฟิ้มพูดขออนุญาตเบาๆขณะผลักบานประตูเข้ามา โค้ชฮันนาห์หันไปพยักหน้ารับและบอกให้มายืนประจำตำแหน่งทันที ซึ่งวิลก็วางของอย่างรีบร้อนและวิ่งเหยาะๆเข้ามา และเนื่องจากตำแหน่งของวิลคือหนึ่งในเสียงอัลโตของคอรัส จึงไม่ได้เข้าใกล้เพื่อนสนิท เคเลปจึงทำได้แค่ขยับปากถามอย่างไร้เสียงว่าไปไหนมา ซึ่งวิลก็ขยับตอบกลับไปว่าเดี๋ยวบอกและหันไปคุยกับกลุ่มคอรัสของตัวเองทันที ทิ้งให้เคเลปที่เหมือนถูกเมินมองค้างอยู่อย่างนั้น

    “เอาล่ะ เริ่มซ้อมต่อเลยนะ จังหวะ พร้อม สาม สอง หนึ่ง”





    ภาพของใครบางคนที่วิ่งพล่านในรั้วโรงเรียนยามเย็นอาจจะเป็นเรื่องปกติราวกับพระอาทิตย์ที่ขึ้นลงตามเวลา แต่ไม่ปกติแน่หากเด็กหนุ่มเอเชียร่างเล็กที่มีกิตติศัพท์ในเรื่องความอ่อนด้อยในสมรรถภาพทางกีฬากำลังวิ่งหน้าตั้งอยู่แบบนี้ แถมทิศทางที่วิ่งไปยังเป็นชมรมโรงเชือดหมูที่ทุกคนขยาดกันอีกต่างหาก

    “โหว่ โว โว้วววววววววววว”

    “ลาาาา ล๊าาาาาา”
   
    ขนาดยังไม่เข้าใกล้ยังได้ยินเสียงโหยหวนขนาดนี้ ทุกคนที่เดินตามรายทางต่างพร้อมใจกันปิดหูกันชั่วครู่เมื่อเด็กหนุ่มผอมบางเปิดโรงเชือดหมูเข้าไป

    “เฮ้ ทุกคน ฉันมีอะไรมาให้ดูล่ะ!” เรย์โนลด์พูดทั้งๆที่ยังหอบ ทั้งอย่างนั้นก็ยังดังก้องห้องซ้อมแคบๆจนคนที่กำลังฝึกเสียงอยู่หยุดชะงักแล้วหันมามองกันเป็นตาเดียว

    “อะไรน่ะ ใบปลิวบุฟเฟต์ที่ไหนเหรอ”

    “ไม่ใช่ใบปลิวฟิตเนสหรอกเร้อ ไอ้หมูอลัน แค่กๆ” โจ เด็กหนุ่มชาวจีนตัวสูงโย่งผู้ไออยู่ตลอดเวลาพูดพลางตบเข้าที่พุงยื่นๆของอลัน สมาชิกที่อ้วนที่สุดของชมรมโดยไม่ปรานีจนมันสั่นกระเพื่อมอย่างแรง เรย์โนลด์รู้สึกกลัวเล็กน้อยเมื่อเห็นอวัยวะส่วนนั้นขยับราวกับสิ่งที่อยู่ข้างในจะแหวกออกมา เมื่อก่อนเขาคิดว่าแดเนียลคือคนที่อ้วนที่สุดที่เขาเห็นมาในชีวิตแล้ว แต่อลันนี่ยิ่งเหนือความคาดหมายเมื่อทั้งเนื้อทั้งตัวอัดกันจนเป็นปล้องไปหมด น่าเสียดายใบหน้าที่เขามองว่าหากผอมคงเหมือนโทมัส โบรดี แซงสเตอร์ นักแสดงหนุ่มชาวอังกฤษไม่มีผิด

    “ทำบ้าอะไรของแกวะ! มิงจียากอ!”

    “อั่ก! แค่กๆๆๆๆ” โจสำลักอย่างแรงเมื่ออลันเอาคืนโดยการโบกฝ่ามือใหญ่ๆเข้ากลางหลังอย่างเต็มแรงจนร่วงลงมากองกับพื้น เรย์โนลด์อยากสงสารผู้โดนกระทำอยู่เหมือนกัน แต่ขำมากกว่าเวลาอลันพยายามจะเรียกชื่อจริงของโจ ซึ่งคือหมิงเจี้ยงกั๋วและไม่เคยออกเสียงถูกเสียที
 
    “เลิกเล่นแล้วก็ฟังเรย์โนลด์สักทีได้มั้ย น่ารำคาญ” เด็กสาวผู้แต่งรอบตาด้วยสีดำสนิทกับลิปสติกสีม่วงแหวขึ้นมา แคลร์เป็นคนที่มีสติมากที่สุดและมีระเบียบวินัยมากที่สุดในชมรม เสียอย่างที่ชอบเพลงร็อคมากและไปกรีดร้องล่างเวทีจนเสียงแหบตลอดเวลา เรียกได้ว่าทำตัวเองโดยแท้จริง ผิดกับโจที่เป็นโรคเกี่ยวกับหลอดลมจนไอเรื้อรัง จริงๆก็เป็นโรคที่รักษาได้แต่เพราะหมอนี่ดันชอบแหกปาก อาการก็เลยยังทรงๆอยู่อย่างนี้

    “นายเอาอะไรมาน่ะ”

    “เอ้อ มีคนเขาฝากฉันมาน่ะ เหมือนจะเป็นงานแสดงดนตรีที่สวนสนุกเนเวอร์แลนด์ เนื่องในวันก่อตั้งครบ20ปี แล้วนี่ก็ตารางฝึกซ้อมของพวกนาย ว่าแต่แดนไปไหนล่ะเนี่ย”

    “ตั้งแต่มาก็เอาโต๊ะมาบังแล้วนอนกองอยู่หลังตรงนั้นน่ะ ไปดูมันสิ” เด็กสาวพูดพลางพลิกดูเอกสารในมือ แต่แล้วกลับส่งเสียงหืมออกอย่างอย่างดัง ก่อนจะเบิกตากว้างและอ่านมันอย่างละเอียด เสียงแหบๆตะโกนเรียกเด็กหนุ่มกำลังยกโต๊ะที่กีดขวางเพื่อนสนิทตัวเองออก

    “เรย์โนลด์! นายเป็นคนเขียนตารางฝึกซ้อมพวกนี้เหรอ นายไปรู้พวกระดับเสียงของเรา แล้วก็เทคนิคการร้องพวกนี้จากไหนน่ะ”

    เด็กหนุ่มเชื้อสายเวียดนามเอียงคอ ก่อนจะตอบออกมา “เปล่านะ มีคนให้ฉันมาที่หน้าโรงเรียนเมื่อกี้ต่างหาก เอ่อ.. เป็นคนของชมรมอะแคปเปลลามหาวิทยาลัยมิดเดิลตันน่ะ”

    “หะ คุณเคเลปเหรอ!” แดเนียลที่มีปฏิกิริยากับชื่อมหาวิทยาลัยลุกพรวดขึ้นมาจนโต๊ะที่บังอยู่กระแทกเข้ากับเรย์โนลด์อย่างจัง สีหน้าหมดอาลัยตายอยากเมื่อครู่อย่างกับฝันไปเมื่อวันมีชีวิตชีวาขึ้นในพริบตา

    เรย์โนลด์ที่แงะตัวเองออกจากโต๊ะแล้วกะพริบตาปริบๆ เขาเกาท้ายทอยอย่างใช้ความคิดเพียงชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “ก็.. ใช่”

    “เขายอมมาเป็นโค้ชให้เราแล้วเหรอ!”

    “อ่า… ก็.. ถ้าพวกนายเข้าร่วมงานแสดงแล้วทำให้เขาประทับใจได้ล่ะก็นะ”

    “จริงเหรอ เยส!”

    ดูท่าแดเนียลจะไม่รู้เลยว่าเรย์โนลด์กำลังแอบหลบตาและถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ไม่ถูกจับได้ว่าโกหก พลางคิดว่ามันน่าจะดีกว่าหากบอกแดเนียลไปอย่างนี้เพื่อที่เพื่อนจะได้มีกำลังใจมากขึ้น ต่อให้ถูกจับได้ว่าคนที่เอามาให้ไม่ใช่เคเลปก็ยังแถไปได้อยู่ดี ทั้งๆที่ความจริงแล้วเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่ารุ่นพี่เทพบุตรนั่นรู้เรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า

    “เดี๋ยวนะพวกนาย คุณเคเลปที่ว่าคือใคร? แล้ว.. โค้ชอะไร?” แคลร์ถามขึ้นมาอย่างสงสัย แกเนียลจึงต้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังตั้งแต่ที่ได้ไปดูงานแสดงของมิดเดิลตันและนักร้องนำเสียงทรงเสน่ห์ รวมถึงที่ว่าตัวเองเสียใจและเสียดายแค่ไหนที่ทำตามข้อตกลงไม่สำเร็จ

    “อ้อ นี่คือเหตุผลที่นายซึมไปสินะ เจ๋งดีนี่หว่านายเคเลปอะไรนั่น บอกเค้าให้หมูตรงนี้ลดน้ำหนักด้วยสิ”

    “ไอ้มิงจี..”

    “พูดไม่ได้ก็เรียกโจสิวะ”

    “โว้ย พวกแกนี่ หุบปาก!” เด็กสาวคนเดียวในห้องตวาดแหวขึ้นมาทันทีและนั่นทำให้ทุกคนหุบปากฉับ ก่อนที่เธอจะหันไปหาแดเนียลและเรย์โนลด์ “บอกตามตรงว่าฉันไม่มั่นใจกับศักยภาพของพวกเราแม้-แต่-นิด-เดียว แต่พอเห็นตารางการฝึกซ้อมที่ละเอียดยิบแบบนี้แล้วฉันก็.. คิดว่ามันอาจจะเป็นไปได้.. มั้ง”

    แดเนียลยิ้มกว้างทันที “ใช่มั้ย คุณเคเลปน่ะเค้าเก่งมากจริงเนอะ” ว่าแล้วก็หันมายอ้มให้เรย์โนลด์ที่สะอึกหนึ่งทีก่อนจะพยักหน้ารัวๆ

    “แต่ฉันมีเรื่องสงสัยอยู่อย่างนึง…” แคลร์ว่าพลางขมวดคิ้ว “เขารู้ได้ไงน่ะว่าพวกเรามีระดับเสียงเท่าไรแล้วมีปัญหาในการใช้เสียงยังไงบ้าง ฉันเสียงสูงแต่แหบจนขึ้นไฮโน้ตไม่ได้ อลันคุมเสียงไม่ค่อยดี ลมหายใจติดขัดแล้วหลุดเพี้ยน โจมีปัญหาไอเรื้อรัง แล้วแดเนียลก็เป็นพวกแผ่วปลาย.. แล้วก็มีอุปนิสัยเวลาซ้อม ลักษณะการพูด อาหารที่ชอบและควรเลิกกิน เอ่อ..  เขาเอาเวลาที่ไหนมาสำรวจพวกเราน่ะ อย่างกับติดกล้องไว้...”

    ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ...   

    “น่ากลัว” อลันว่าแล้วโจก็ขานรับทันที แม้แต่แดเนียลที่พอคิดถึงนิสัยเฉพาะของเคเลปแล้วก็อดพยักหน้าตามไม่ได้ เรย์โนลด์ก็เช่นกัน เพียงแต่เขาไม่ได้คิดถึงเคเลปก็เท่านั้น ในหัวมีแต่เจ้าคนหนวดครึ้มที่เพิ่งมองว่าเป็นคนดีไปหยกๆเมื่อครู่นี้ จะน่ากลัวเกินไปแล้ว!





    น้ำเย็นๆไหลผ่านลำคอลงไปด้วยความกระหาย เคเลปเช็ดปากก่อนจะหันไปตามเสียงเรียก และพบว่าโค้ชสาวของทีมกับเพื่อนสนิทกำลังยืนอยู่ด้วยกันอย่างมีพิรุธ

    “อย่าเพิ่งกลับนะเคเลป มีอะไรจะคุยด้วยหน่อย”

    ชายหนุ่มพยักหน้าหงึก แล้วค่อยทยอยร่ำลาเพื่อนร่วมทีมกว่าสิบชีวิต จนกระทั่งห้องซ้อมเหลือเพียงสามคนตามที่โค้ชเรียกไว้ เคเลปว่าเพื่อนๆเองก็คงสงสัยไม่น้อย แต่ไม่มีใครอยากยุ่งกับธุระของโค้ช เพราะด้วยวีกรรมการใช้เด็กไปทำเรื่องเพี้ยนๆของเธอเป็นที่โจษจันจากรุ่นสู่รุ่น เรื่องที่พีคที่สุดคงเป็นเมื่อสามปีก่อนเคยพาสมาชิกชมรมไปร้องเพลงแนวสาปแช่งในงานหนึ่ง ซึ่งเด็กก็วิ่งหนีแทบไม่ทัน เพราะโค้ชแกเล่นให้ไปใส่ชุดดำร้องเพลงในพิธีแต่งงานของแฟนเก่า! เด็กๆนี่เกือบโดยการ์ดไล่กระทืบ หลังจากนั้นพอโค้ชเรียกเด็กเป็นรายคนหรือให้ร้องเพลงแปลกๆทุกคนจะคัดค้าน แต่สำหรับคราวนี้ของเคเลป เพราะวิลที่มีมนุษยธรรมและคุณธรรมสูงยืนอยู่ตรงนั้น เขาเลยคิดว่าคงไม่ใช่เรื่องไม่ดีอะไร.. มั้ง…

    “มีอะไรรึเปล่าครับ ถ้าเป็นเรื่องแย่ๆล่ะก็ผมไม่เอาด้วยนะ”

    “ไม่ใช่เรื่องแย่หรอกย่ะ! เห็นฉันเป็นคนยังไง วิล เอานั่นมาซิ” นั่น ที่เธอพูดถูกส่งถึงมือเธอทันที ฮันนาห์ส่งต่อให้เคเลปที่ยืนงง แต่แล้วเทพบุตรหนุ่มก็ต้องผงะ เมื่อรูปภาพปึกหนึ่งที่เขาได้รับมา ต่างเป็นรูปที่เขากำลังสวีทอี๋อ๋อกับหนุ่มไม่ซ้ำหน้า บางรูปถ่ายตอนที่เขากำลังจะเข้าโรงแรมด้วยซ้ำ เป็นเซ็ตรูปภาพที่ถ้าถูกปล่อยไปคงเกิดความกระเทือนในหมู่แฟนคลับอย่างนึกภาพไม่ออกเลยทีเดียว

    “นี่มันอะไรเนี่ย ใคร.. ใครถ่ายไว้ ใครหน้าไหนมันจะแบล็คเมล์ผมเหรอ”

    “ไม่ใช่ ทั้งหมดเนี่ยวิลถ่ายต่างหาก”
 
    เคเลปหันขวับถลึงตามองหน้าเพื่อนสนิททันที ในขณะที่วิลยังคงนิ่งเหมือนเคย “นี่แกทำบ้าอะไรวะ!”

    “ใจเย็น ฉันไม่คิดจะเอามาขู่อะไรอยู่แล้ว แค่ถ่ายเก็บไว้ทำสถิติเฉยๆ แต่ที่ครั้งนี้ต้องเอาออกมาใช้ มันก็มีเหตุผลอยู่” วิลกล่าวก่อนจะส่งสายตาไปที่ฮันนาห์ โค้ชสาวจึงเอ่ยต่อทันที

    “นายรู้จักแดเนียล คาสทิลโลมั้ย”

    คำถามที่ดูไม่เกี่ยวอะไรกับหัวข้อสนทนาก่อนหน้าทำเอาเคเลปคิ้วขมวด เขาพยายามนึก คู่ขาของเขาก็มีชื่อว่าแดเนียลอยู่เหมือนกัน แต่ไม่แน่ใจว่าจะเกี่ยวข้องกับอะไรที่สมาชิกชมรมอะแคปเปลล่าต้องมาถามถึง นอกจากนั้นก็มีแค่…

    “หมายถึงเด็กโรงเรียนแกรนด์ฟิลด์รึเปล่า?”

    “ใช่ คนนั้นแหละ”

    เคเลปขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม “แล้วมีอะไรกับเด็กคนนั้นเหรอครับ”

    “คืออย่างนี้ นายก็รู้ใช่มั้ยว่าปีหน้าจะมีทั้งคนที่จบและคนที่ขอลาออกเพราะมีปัญหาเรื่องการเรียน ทำให้ชมรมเราจะเหลือคนแค่สิบ”

    “ครับ?”

    “ซึ่งมันไม่พอเลยสำหรับเวทีใหญ่ๆที่ต้องการความอลังการ เพราะงั้นสิ่งที่เราทำได้คือการรอโชคชะตาว่าปีหน้าจะมีเด็กใหม่อยากเข้าชมรมบ้างรึเปล่า ซึ่งไอ้ชมรมที่ใช้ทักษะแบบนี้ คนที่ไม่ได้ฝึกมาก่อนก็ไม่ค่อยกล้าเข้าอยู่แล้ว เพราะงั้นอีกวิธีที่จะหาเด็กเข้ามาคือ...”

    หญิงสาวเงียบไปเพื่อหวังที่จะให้เคเลปพูดต่อขึ้นมา แต่พ่อเทพบุตรที่มีดีแค่หน้าตากับเสียงร้องแต่ไม่เคยใส่ใจสภาพชมรมเลยก็ไม่สามารถพูดต่อออกมาได้ วิลจึงต้องอาสาพูดแทน

    “ทาบทามเด็กในชมรมอะแคปเปลล่าจากไฮสคูลในแถบนี้ โดยยื่นข้อเสนออย่างโควตามหาวิทยาลัยหรือทุนการศึกษาให้ ในกรณีของเราต่อรองได้แค่ให้โควตา แต่ไม่มีทุนการศึกษาให้ยกเว้นจะเข้ามาแล้วเป็นนักเรียนเรียนดีเอง”

    “แล้วมันเกี่ยวยังไงกับแดเนียล?”

    “โว้ย! เกี่ยวสิยะ! เพราะแกรนด์ฟิลด์ยังไม่มีใครไปทาบทามยังไงล่ะ! วิลฟังคลิปที่เธออัดเสียงของเด็กที่ชื่อแดเนียลไว้แล้วก็อปปี้มาให้ฉัน ฉันก็คิดว่าโอเค แล้วพอสืบประวัติเด็กคนอื่นในชมรมก็ดูท่าจะพัฒนาได้กันทั้งนั้น เพราะ-ฉะ-นั้น คำสั่งคือให้นายไปเป็นโค้ชให้เด็กพวกนี้ แล้วเรียกความมั่นใจของเด็กๆมาในงานเนเวอร์แลนด์นี่ไงล่ะ!”

    เคเลปอ้าปากค้าง จะเถียงก็เถียงไม่ออก ได้แต่มองใบปลิวงานครบรอบยี่สิบปีเนเวอร์แลนด์ที่โค้ชเพิ่งตบมันลงกับโต๊ะสลับกับหน้าที่เริ่มมีรอยตีนกาแล้วของเธอ ชายหนุ่มกุมหัว ค่อยๆสั่นมันเป็นเชิงปฏิเสธ

    “ไม่.. ผมเพิ่งปฏิเสธแดเนียลไปเมื่อวาน แล้วที่สำคัญ.. คือ.. ทำไมต้องเป็นผมด้วยล่ะ วิลก็อยู่ตรงนี้ คนอื่นอีก”

    “คนอื่นเขาทำงานพาร์ทไทม์กันมั้ยล่ะ วิลก็ทำ มีแค่นายแหละที่ลอยไปลอยมา โอเค ใช้ไม่ได้สินะ งั้นรูปพวกนี้…” ฮันนาห์ชูรูปฉาวของเคเลปขึ้นมาและทำให้ชายหนุ่มต้องรีบตะปบมันกลับคืนทันที จริงอยู่ว่าถ้าถูกปล่อยชมรมจะเสียชื่อ แต่ที่หนักสุดคือภาพลักษณ์ของตัวเขาเองนี่แหละ ไม่ใช่แค่ตอนนี้ แต่มันอาจมาหลอกหลอนตอนที่เขาหางานทำก็เป็นได้ เพราะงั้นการปกปิดเรื่องพวกนี้ไว้ถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด

    “ก็ได้ๆ แต่อย่างน้อยงานเนเวอร์แลนด์นี่นะ ถ้าผมขุนไม่ขึ้น คุณก็เลิกคิดจะทาบทามนะ ตกลงมั้ย”

    “แน่นอน เพราะถ้าเด็กมันแย่ขนาดที่ทำตามแผนการฝึกซ้อมของฉันไม่ได้ก็ไม่เอาอยู่แล้ว”

    “งั้นผมถามอีกอย่าง ทำไมเราต้องเจาะจงโรงเรียนนี้ด้วยล่ะ ถ้าในแถบนี้ที่เก่งอะแคปเปลลาก็เหมือนจะมีตั้งหลายโรงเรียนนี่นา”

    “ส่วนใหญ่ก็โดนทาบทามจากที่อื่นกันแล้วน่ะ” ฮันนาห์พูดแล้วถอนหายใจ รู้สึกเหมือนเส้นเลือดที่ขมับกระตุกจนต้องใช้มือกดไว้ ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่วแต่เกรี้ยวกราด “เพราะเจ้าบ้านั่น...”

    ดูฮันนาห์ที่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันแล้ว เด็กทั้งสองคนก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ถึงปกติเธอจะค่อนข้างเฮฮาบ้าบอ แต่ถ้าเครียดขึ้นมาก็เครียดอย่างจริงจังจนทุกคนรู้ว่าไม่ควรยุ่ง เคเลปจึงทำได้แค่รับปากเบาๆแล้วชวนวิลออกจากห้องซ้อม ซึ่งฮันนาห์ก็ไม่ได้รั้งไว้ คงเพราะเธอยังมีเรื่องต้องคิดในใจมากมายนั่นเอง

    “งั้นไปก่อนนะ จะสายแล้ว”

    “อืม”

    วิลเอ่ยแล้วแยกตัวออกไปทันทีเพราะจะได้เวลาเข้ากะของงานพาร์ทไทม์แล้ว บ้านของวิลพอมีเงิน แต่ด้วยความที่อยากให้ลูกรู้จักหาเงินจึงปล่อยให้ทำงาน และวิลก็เลือกที่จะทำงานในร้านสะดวกซื้อกะกลางคืน ไม่ใช่เพราะรายได้ดีนักหนา แต่เพราะเจ้าของร้านขอร้องให้อยู่ตอนกลางคืนเพื่อใช้หน้าขู่โจรต่างหาก ต่างกับเคเลปที่เอาแต่ลอยชายอย่างโค้ชว่า ตัวเขามีเวลาว่างเยอะแยะต่างกับวิลที่ยุ่งอยู่ตลอดเวลา

    “แต่เอ๊ะ” ชายหนุ่มคิดอะไรบางอย่างออก จึงหยุดเดินแล้วมองตามแผ่นหลังเพื่อนสนิทที่ห่างออกไป “เพิ่งอัดเสียงแดเนียลมาเมื่อวาน แล้วมันเอาเวลาตอนไหนไปหาข้อมูลเด็กทุกคนวะ?”

    คำถามที่ไม่มีคำตอบ วิลเดินออกไปจนลับสายตา ทิ้งให้เคเลปทำได้แค่เกาหัวแกรกอย่างุนงง

    “น่ากลัวชะมัด”





    สุดท้ายเรย์โนลด์ก็ต้องอยู่กับชมรมอะแคปเปลล่าจนถึงเย็น เขาถูกแคลร์บังคับให้อยู่ฟังการซ้อมเพลงAll About The Bassของ Meghan Traitor ที่สาวร็อคของวงต้องทำหน้าที่ร้องนำและต้องทำท่าเต้นแอ๊วแบ๊วขัดหูขัดตา แถมหนุ่มๆสามคนยังมีท่าเต้นโยกไปมาอีกต่างหาก แถมกลายเป็นว่าคนอ้วนๆอย่างอลันกลับดูน่ารักที่สุดซะงั้น คงเพราะว่าหน้าตาเจ้าตัวน่ารักอยู่แล้ว แดเนียลก็ดูโอเคเพราะเหมือนหมีตัวใหญ่ๆท่าทางใจดี กลายเป็นโจต่างหากที่แข็งทื่ออย่างกับหุ่นยนต์ ทั้งๆที่สูงและสมส่วนแท้ๆ ทำได้แย่และฮาพอๆกับแคลร์จนฟาดกันไปฟาดกันมา จริงๆที่พวกนั้นให้เขาอยู่ด้วยก็เอาไว้ห้ามทัพกับคอยหาน้ำให้เท่านั้นแหละ
แต่ถึงอย่างนั้น การได้เห็นพวกนั้นซ้อมกันอย่างจริงจังมันก็สนุกจนลืมเวลาไปเลย  และรู้สึกเหมือนจะลืมอะไรบางอย่างไปด้วย

    “กลับมาแล้วครับ”

    “กลับมาแล้วเหรอพี่”

    เสียงเย็นๆของเด็กสาวทำเอาเรย์โนลด์สะอึก เด็กหนุ่มค่อยๆเงยหน้ามองน้องสาวที่ยืนเท้าสะเอวอยู่หน้าประตู  ใบหน้าสีแดงที่บูดบึ้งและพราวไปด้วยหยดเหงื่อทำให้คนเป็นพี่ชายรู้ดีว่าน้องสาวคงเพิ่งกลับบ้านก่อนเขาไม่นาน และหงุดหงิดสุดขีดที่เขาลืมซื้อเค้กมาให้กิน

    “เฮ้ย เรย์นา พี่ขอโทษ…”

    “บ้าที่สุดเลย!!!”

    โดนฝ่ามืออรหันต์ของน้องสาวไปหนึ่งที ให้ตายเถอะ ชีวิตเรย์โนลด์นี่มันหนีเสือปะจระเข้จริงๆ

__________________________________________________________________________________________

สวัสดีค่ะ ขอบคุณเข้ามาอ่านกันนะคะ!
ในตอนนี้ขอนำเสนอเพลง All About That Bass - Maghan Trainor ค่ะ

ออฟไลน์ meelhek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
CH 3

    “คุณเคเลปจะมาช่วยซ้อมเมื่อไรเหรอครับ”
   
    เคเลปไม่ได้ตอบประโยคนี้ของแดเนียลทางกล่องแชทของเฟสบุ๊คโดยทันที เขากำลังงงอยู่เนื่องจากถึงโค้ชและเพื่อนสนิทจะบอกให้ไปเป็นโค้ชและส่งก็อปปี้แผนการฝึกซ้อมของเด็กๆให้เขาก็เถอะ แต่ไม่เห็นจะมีใครบอกเลยว่าต้องทำอะไรบ้าง บอกตามตรงว่าที่เอาแต่ลอยชายโดยใช้แค่หน้าตาและเสียงหากินน่ะ วางแผนการทำงานไม่เป็นหรอก

    งานจะมีในอีกสองอาทิตย์ เพราะงั้นถ้าตั้งแต่อาทิตย์หน้า…

    “ขอบคุณจริงๆนะครับที่กรุณาให้ความช่วยเหลือพวกเรา จริงๆผมหมดหวังไปแล้ว แต่เพราะคุณเคเลปมีน้ำใจ พวกเราถึงได้มีแรงฮึด พวกผมจะรอนะครับ”

    “งั้นฉันเข้าไปพรุ่งนี้ละกัน”

    ส่งตอบข้อความเหมือนการพิมพ์ไม่ได้ผ่านสมอง เคเลปยังตกใจกับตัวเองอยู่เลยที่ให้คำตอบเร็วไปขนาดนั้น แต่ถ้าลองมีเด็กมาพูดจาชื่นชมตัวเองแบบนี้ ใครจะไม่ใจอ่อนกันล่ะ ถึงเขาจะเคยหงุดหงิดเด็กนี่สุดๆก็เถอะ แต่พออารมณ์ตอนนั้นมันเย็นลงแล้ว แดเนียลก็เป็นเด็กไร้เดียงสาที่เขาคิดว่าก็น่ารักพอตัวคนนึงล่ะนะ วงเล็บไว้ว่าถ้าผอมล่ะก็จะดีกว่านี้มากเลย

    “ขอบคุณครับ”

    คำขอบคุณกับอีโมติค่อนรูปยิ้มตามหลังทำให้เคเลปอมยิ้ม แต่แล้วก็ต้องถอนหายใจเมื่อคิดถึงหน้าที่ที่ต้องทำ ไหนจะต้องวางแผนการโค้ชโดยที่สัญญาระหว่างเขาและแดเนียลเป็นโมฆะไปแล้ว ไหนจะต้องพยายามฝึกเด็กโดยคิดถึงอนาคตของชมรมตัวเองอีก

    คนที่ไม่เคยสนใจคนอื่นอย่างเขาจะทำได้มั้ยนะ หน้าที่แบบนี้….




    คนที่จะมาอยู่หน้าโรงเรียนมัธยมในเวลาเลิกเรียน ถ้าไม่ใช่เด็กโรงเรียนอื่นที่มาหาแฟน มีแค่ครูที่คอยตรวจดูพวกโรคจิตอยู่หน้าโรงเรียนเท่านั้น เพราะงั้น เคเลปที่ไม่ใช่ทั้งสองกรณี แถมยังเข้าข่ายโรคจิตด้วยเสื้อนอกสีดำกับแว่นตากันแดดอันใหญ่  แถมยังเดินวนไปวนมาอย่างกับหาเหยื่อ ทำให้ตกเป็นเป้าสายตาของทั้งเด็กและครูไปโดยปริยาย
ทำไงได้ เคเลปไม่ใช่ศิษย์เก่าของที่นี่เพราะงั้นจะให้เดินดุ่มๆเข้าไปก็ต้องไม่กล้าอยู่แล้ว ที่สำคัญคือเขาบอกแดเนียลไว้แล้วว่าจะมาเวลานี้ ทางนั้นต่างหากที่ต้องออกมารับแล้วแจ้งทางโรงเรียนเรื่องโค้ชพิเศษ ไม่อย่างนั้นเกิดกลายเป็นเรื่องที่ไม่ได้รับอนุญาตขึ้นมา เขาคงโดนโยนออกนอกโรงเรียนให้เป็นที่น่าอนาถใจแน่ๆ

    “เอ่อ นี่คุณ มีธุระอะไรกับเด็กของเราน่ะ”

    มือใหญ่ๆจับเข้าที่ไหล่พร้อมกับเสียงทุ้มๆที่มาจากด้านหลัง เคเลปหันไปมองโดยอัตโนมัติและพบว่าครูผู้ชายชาวแอฟริกันตัวล่ำบึ้กกำลังยืนจ้องหน้า เทพบุตรหนุ่มหน้าซีด เอ่ยเสียงตะกุกตะกัก “เอ่อ คือผมมาหาชมรมอะแคปเปลล่าของที่นี่น่ะครับ มาเป็นโค้ชพิเศษให้…”
 
    คุณครูร่างกำยำเลิกคิ้ว ก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมา “หาข้ออ้างที่ดีกว่านี้มั้ยไอ้หนู ชมรมนี้ของเราน่ะจะถูกยุบอยู่แล้ว ไม่มีทางจะหาโค้ชหรอก เอ้า ตกลงว่ามาทำไม มาล่อลวงนักเรียนหญิงใช่มั้ย?”

    “เฮ้ยคุณ ก็บอกว่าเปล่า”

    “คุณเคเลปครับ!”

   เคเลปคงต่อยหน้าเจ้าครูปากเสียแบบไม่ไว้หน้าแล้วถ้าไม่มีคนมาห้ามทัพ แดเนียลที่วิ่งหน้าตั้งออกมาตะโกนทำให้ศึกของชายหนุ่มกับครูต้องหยุดชะงัก เคเลปเดินไปอยู่แดเนียลก่อนจะปล่อยให้เด็กของโรงเรียนอธิบาย

    “นี่เป็นโค้ชของเราจริงๆครับครู  ให้เขาเข้าไปนะครับ”
ดวงตากลมโตของครูหนุ่มเบิกกว้าง แล้วจึงแค่นหัวเราะออกมา “อะไร นี่พวกเธอจ้างคนมากสอนจริงๆเหรอเนี่ย เฮ้ยไอ้หนุ่ม นายโดนเด็กพวกนี้หลอกละ หูนายอยู่ในนรกแล้วล่ะ โชคดี”

    แดเนียลทำแค่ยิ้มเจื่อนๆกับคำพูดถากถางที่เจอมาเป็นประจำ ในขณะที่คนที่ดูสุภาพอย่างเคเลปกลับทำท่าจะพุ่งไปต่อยจนคนเด็กกว่าต้องใช้แขนหมีๆของตัวล็อคตัวเอาไว้

    “อะไรวะแดเนียล ปล่อยสิ!”

    “อย่าทำเขาเลยครับ เดี๋ยวคุณจะลำบากเปล่า อีกอย่าง… ครูเขาก็พูดความจริง”

    “อย่าดูถูกตัวเองสิ! นี่เพราะพวกนายมีความสามารถพอจะปั้นได้นะเว้ย ฉันถึงได้มาอยู่ที่นี่น่ะ”

    แดเนียลกะพริบตาปริบ แล้วเอ่ยถึงสิ่งที่เคเลปเคยพูดไว้ครั้งที่แล้ว “เอ… แต่คุณเคยปฏิเสธเพราะผมร้องแย่นี่ครับ แล้วทำไม..”

    หนุ่มหน้าเทพบุตรแทบสะอึกกับคำถาม แต่ก็พูดจากลบเกลื่อน “เอาน่า! ฉันมาแล้วก็พอแล้วไม่ใช่รึไง เอ้า นำทางไปห้องชมรมสิ”

    “อ่า ครับๆ”

    ถึงเคเลปจะดูหงุดหงิดไปบ้างแต่แดเนียลก็ยังดีใจ เขาไม่รู้เหตุผลที่ว่าทำไมจู่ๆเคเลปก็กลับลำอยากจะมาช่วยพวกเขา แต่คนคิดน้อยอย่างเขา แค่ผลลัพธ์มันออกมาดีเขาก็ไม่อยากกังวลอะไรอีกแล้ว ที่เหลือก็มีแค่พยายามไม่ทำให้เคเลปหงุดหงิดจนทิ้งพวกเขาไปจริงๆเท่านั้นล่ะ





    “หืม ห้องนี้น่ะเหรอ” เคเลปพูดอย่างแปลกใจเมื่อห้องที่หยุดยืนเป็นเพียงห้องเล็กๆห้องหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นห้องเก็บของเสียด้วยซ้ำ แถมยังอยู่ซะหลังโรงเรียนที่แทบไม่มีใครผ่าน ไม่อยากจะเอาไปเทียบกับหอประชุมของมหาวิทยาลัยที่ชมรมเขาใช้เป็นที่ซ้อม แต่ถ้าเทียบกับโรงเรียนมัธยมที่เคเลปจบมาแล้ว มันก็ยังเล็กกว่าตั้งสามสี่เท่า

    “ครับ อาจจะรกหน่อยนะครับ”

    ชายหนุ่มพยักหน้าโดยไม่ได้ใส่ใจกับคำว่ารก เพราะห้องชมรมของเขาก็รก มันหลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อต้องวางไวท์บอร์ดขนาดใหญ่กับพวกเนื้อเพลงที่มีคีย์สำหรับแต่ละคนไว้ รวมถึงพวกเสื้อโค้ทและกระเป๋าที่แต่ละคนกองกันไว้อีก ยังดีที่ห้องเขากว้างและเก็บของพวกนี้เข้าห้องเก็บของอีกทีเมื่อใช้เสร็จ แต่สำหรับห้องของแดเนียลที่เล็กขนาดนี้ ถ้าจะมีกองโน้ตตั้งอยู่ไม่เป็นที่ เขาคิดว่าก็พอรับได้

    “อะ คุณเคเลปสวัสดีค่ะ”

    “สวัสดีครับ”

    เสียงแหบแห้งของเด็กสาวกับเสียงของเด็กชายอีกสองคนเอ่ยคำต้อนรับทันทีที่แดเนียลเปิดประตู เคเลปยิ้มให้ด้วยมารยาทและความจำเป็นที่ต้องผูกมิตร จากนั้นจึงเลื่อนสายตาไปมองส่วนประกอบอื่นๆในห้อง

    และเขาเข้าใจคำว่าล้มทั้งยืนมันเป็นแบบนี้นี่เอง…

    “นี่มันอะไรกันน่ะ!”

    คนเป็นระเบียบอย่างเคเลปไม่เคยเข้าใจความหมายที่แท้จริงของคำว่ารก ห้องนี้แคบมากจึงใช้กระจกติดผนังแทนกระดาน และจากที่ชมรมตกต่ำลงมันจึงไม่ได้ถูกเขียนมานาน ทิ้งไว้แต่คราบสีแดง ดำ น้ำเงิน ประปรายเกาะกันกับฝุ่นหนาตามขอบ ก็ดูแล้วคงจะเช็ดกันบ้างแต่ไม่ละเอียดนัก อีกฝั่งหนึ่งเป็นโต๊ะเรียนที่ไม่ได้ใช้ซึ่งวางซ้อนๆกันตามมีตามเกิด ตามซอกโต๊ะมีซองขนมถูกยัดไว้ประปราย ส่วนตรงกลางห้องเป็นโต๊ะเรียนสี่ตัวต่อกัน ปึกเอกสารวางซ้อนกันอยู่บนโตะตัวหนึ่ง ส่วนที่เหลือเป็นที่วางน้ำและขนม รวมถึงอุปกรณ์แต่งหน้าที่ดูน่าจะเป็นของเด็กผู้หญิงเพียงคนเดียวของชมรม แค่นั้นเคเลปก็ช็อคเข้าขั้นแล้ว ทั้งที่ยังไม่ทันพูดถึงกองฝุ่นที่ดูแล้วคงจะใช้ไม้ถูพื้นดันลวกๆให้ไปอยู่ตรงซอก ถ้าตาไม่ฝาดรู้สึกจะมีแมลงสาบวิ่งผ่านไปด้วย!

    ชายหนุ่มก้าวเท้าหลังพิงประตูโดยอัตโนมัติ สีหน้าซีดเผือด ซึ่งดูท่าตัวเด็กๆเองจะไม่รู้ว่าเคเลปทำท่ากลัวอะไร แดเนียลทำหน้าเลิกลั่กหันมองผู้ที่เป็นเหมือนหัวหน้าชมรมอย่างแคลร์ เด็กสาวจึงต้องเดินออกมารับหน้าอย่างเสียไม่ได้

    “เอ่อ คุณเคเลปคะ เชิญนั่งก่อนดีกว่ามั้ยคะ” เด็กสาวผายมือไปทางอลันที่ปัดเก้าอี้เตรียมให้เคเลปนั่ง โดยไม่ได้ดูเลยว่าในมืออวบอ้วนนั่นมีเศษขนมติดอยู่ ชายหนุ่มส่ายหน้า

    “พวกเธอ ช่วยแนะนำตัวก่อนได้มั้ย”

    “อ๊ะ  ขอโทษค่ะ ฉันชื่อแคลร์ ตาอ้วนตรงนั้นอลัน แล้วก็เจ้าตาตี่ชื่อโจ ส่วนแดเนียลคุณก็คงรู้จักอยู่แล้ว แล้ว.. เราควรจะฝึกอะไรกันก่อนเหรอคะ”

    “โอเค งั้นแคลร์ อลัน โจ แล้วก็แดเนียล งานแรกของพวกเธอคือ… เก็บห้องให้สะอาด เดี๋ยว-นี้!!”





    สวนสนุกในวันธรรมดาไม่คึกคักถึงขั้นค่อนไปทางเงียบ คือถ้าไม่ได้มีการประกาศรับสมัครวงดนตรีท้องถิ่นมาร่วมแสดงในงานครบรอบ ก็คงไม่ได้เห็นคนหลากหลายช่วงอายุทยอยมาทั้งลงทะเบียนและสำรวจสถานที่แบบนี้

    เรย์โนลด์กระชับเป้แน่น ด้วยความที่ดันเป็นเพื่อนสนิทกับแดเนียลและดันเป็นคนที่ว่างที่สุดในกลุ่มเพื่อน จึงได้ถูกขอร้องให้มาช่วยลงทะเบียนไปโดยปริยาย แล้วดูสิ รอบข้างมีแต่คนเค้ามากันเป็นคู่ เป็นทีม คนมาเดี่ยวก็มีแต่ก็คือเค้าถือกีต้าร์หรืออูคูเลเล่เท่ๆกันมาไงล่ะ ก็ไม่เข้าใจหรอกว่าจะเอาเครื่องดนตรีมาเป็นเครื่องประดับทำไม แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เท่จริงๆ แถมยังยกระดับความเป็นมืออาชีพได้อีกด้วย

    “เอาวะ มาถึงขั้นนี้แล้ว”

    ถึงจะกล้าๆกลัวๆแต่เด็กหนุ่มผอมบางก็ยังเดินตรงเข้าไปที่ซุ้มรับสมัคร รับใบสมัครมาหนึ่งใบและหาที่ว่างในโต๊ะลงทะเบียน มันไม่มีที่ว่าง แต่เมื่อเขาทำท่าเหรอหราอยู่ตรงนั้น ก็มีวัยรุ่นคนหนึ่งจากกลุ่มใหญ่กวักมือเรียก

    “เฮ้นาย มาตรงนี้ก็ได้”

    เรย์โนลด์พยักหน้าหงึกหงักและเดินเข้าไปกล่าวคำขอบคุณและนั่งแทนที่คนที่เสียสละ เด็กหนุ่มเหลือบมองกลุ่มนั้น เป็นวัยรุ่นชายหญิงคละกันมาสิบกว่าคน มีคนหนึ่งนั่งเขียนใบสมัครตรงกลางและมีสองสามคนนั่งรอบ ส่วนคนอื่นก็ยืนเป็นกระจุกอยู่ด้านหลัง ถึงเรย์โนลด์จะไม่ค่อยรู้จักชนิดของวงดนตรี แต่เท่าๆที่ฟังดูก็คงจะเป็นวงอะแคปเปลล่าเหมือนพวกแดเนียล และอาจเป็นวงจากโรงเรียนมัธยมเหมือนกันเสียด้วยซ้ำ

    “นายมาสมัครร้องเดี่ยวเหรอ”

    เรย์โนลด์สะดุ้งเมื่อคนที่เพิ่งสละที่นั่งให้ตัวเองหยกๆมายืนเท้าแขนค้ำหัวแถมยังยื่นหน้ามาดูใบสมัครเสียอย่างนั้น เขายิ้มแห้งก่อนจะหันไปตอบ “เปล่า มาสมัครให้เพื่อนน่ะ”

    เด็กหนุ่มหน้าตกกระเอียงคอด้วยความสงสัย “แล้วตัวเพื่อนนายไปไหนล่ะ?”

    “เขาซ้อมอยู่ที่โรงเรียนน่ะ มีอะไรรึเปล่า”

    “ก็…”

    “เอ้า เสร็จซะที ไปส่งกันเถอะ” เสียงจากคนที่เขียนใบสมัครอยู่ดังขึ้นเรียกจุดสนใจจากทุกคนในทีมรวมถึงสมาชิกที่มาคุยกับเรย์โนลด์ เด็กหนุ่มดูอยากจะพูดต่อแต่กลับถูกดึงแขนเรียกให้ออกห่าง เรย์โนลด์จึงทำได้เพียงโบกมือให้และก้มลงเขียนใบสมัครต่อ พลางคิดในใจว่ากับแค่ส่งใบสมัครทำไมต้องไปพร้อมกันเป็นกลุ่มแบบนั้นด้วยนะ?





    “เอาใหม่! แคลร์! กินน้ำเข้าไปอีก” เสียงออกคำสั่งจากเคเลปดังไปทั่วห้องซ้อมแคบๆ ทุกคนต่างกระดกน้ำเข้าไปเพื่อรักษาเสียง เพียงแต่แคลร์หนักกว่าเพราะเธอดื่มเป็นขวดที่สามเข้าไปแล้ว

    “คุณเคเลป.. นี่ฉันไปเข้าห้องน้ำมาห้ารอบแล้วนะคะ” เด็กสาวบ่นอุบด้วยเสียงแหบแห้งตามเคย เธอกำลังหงุดหงิดที่เคเลปให้เธอทำอะไรที่ฝืน ทั้งแนวเพลงที่ไม่ตรงกับความชอบ ทั้งการบังคับให้เธอกินน้ำมากกว่าที่เธอกินทั้งวันจนปวดท้องอยากถ่ายเบาตลอดเวลาจนไม่มีสมาธิ ที่สำคัญคือเอาแต่จ้ำจี้จ้ำไชเธออยู่คนเดียว ในเมื่อทีมยังมีโจที่ไอค่อกแค่กอยู่ตลอดเวลา แต่เพราะเด็กหนุ่มทำหน้าที่ให้จังหวะ และทุกครั้งสามารถหาช่องไอให้ตรงกับจังหวะได้เลยรอดตัว

    “งั้นก็ไปเข้ารอบที่หกซะแล้วกลับมาพักห้านาที ส่วนพวกนายก็พักกันไปได้เลย”

    “ครับ” เด็กหนุ่มสามคนกล่าวอย่างอิดโรยขณะที่แคลร์เดินออกไป นี่เพียงแค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้นหลังจากที่เก็บห้องจนสะอาดและเริ่มซ้อม ถ้าเป็นคนที่ซ้อมอย่างจริงจังสม่ำเสมอคงจะไม่มีปัญหา แต่กับกลุ่มที่ไม่เคยซ้อมกันจริงๆจังๆ วันนี้เรียกได้ว่านรกเลยทีเดียว

    “ไม่ไหวแล้ว” อลันว่าแล้วไถตัวลงแผ่กับพื้น หน้าท้องใหญ่โตกระเพื่อมขึ้นลงจนโจอดไม่ได้ต้องตีไปทีหนึ่งก่อนจะเริ่มไออย่างบ้าคลั่ง

    “วันนี้เราจะซ้อมถึงเมื่อไรกันครับ” แดเนียลเอ่ยถาม เขาเองก็เหนื่อยพอสมควร เสียงก็เริ่มหมด จากที่เขาสามารถควบคุมเสียงได้ถึงช่วงท้าย แต่ตอนนี้แค่ครึ่งเพลงก็เริ่มหลุดแล้ว จึงมองไม่เห็นว่าเป็นการดีตรงไหนกับการฝืนซ้อม ยิ่งแคลร์ยิ่งไปกันใหญ่ เสียงของเธอถึงกับขาดห้วงในบางท่อนร้องเสียด้วยซ้ำ

    “สักทุ่มนึงน่าจะโอเคนะ”

    เด็กสามคนเงยหน้ามองนาฬิกาโดยพร้อมเพรียงกันทันที แล้วความเหนื่อยหน่ายก็ยิ่งครอบงำจิตใจเข้าไปอีกเมื่อตอนนี้มันเพิ่งจะห้าโมงครึ่งเท่านั้น

    “สักหกโมงไม่ดีเหรอครับ” โจที่ยังไอเบาๆเป็นหน่วยกล้าตายถามแทรกขึ้นมา เคเลปหันขวับจ้องด้วยสายตาดุดันก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง

    “ทุ่มนึงนี่ยังน้อยแล้วด้วยซ้ำ ถ้าเป็นพวกฉันล่ะก็ก่อนการแสดงแค่สองอาทิตย์แบบนี้ได้อยู่กันสามสี่ทุ่ม พวกเธอไม่มีความอดทนกันเลยรึไง”

    เด็กๆต่างอยากจะเถียงพร้อมกันว่าพวกตนไม่ใช่ชมรมระดับมหาวิทยาลัยที่มีการซ้อมอยู่ตลอดเวลาเสียหน่อย แต่ถึงพูดไปเคเลปก็คงจะดื้อแพ่งไม่ฟังอะไรอยู่ดี

    “เอ้า ลุกขึ้นมา” เคเลปตีไปที่หน้าท้องของอลันที่ยังนอนแผ่และดึงแขนอ้วนๆให้ลุกขึ้น อลันอิดออดแต่ไม่ได้เถียงอะไรจึงได้แต่ลุกขึ้นมานั่งหน้าจ๋อย มองใบหน้าเหนื่อยจัดของโจทีของแดเนียลทีพลางถอนหายใจ

    “ทำไมแคลร์ไปช้านักนะ แดเนียล เธอช่วยไปดูหน่อยสิ”

    เด็กหนุ่มร่างหมียืนขึ้นขานรับทันที โจพูดกลั้วหัวเราะว่า “หนีไปแล้วมั้ง” แล้วก็โดนอลันกระทุ้งเข้าให้ และเป็นความโชคดีที่แคลร์เปิดประตูเข้ามาหลังโจพูดจบพอดีจึงไม่มีเหตุการณ์นองเลือดเกิดขึ้น เธอทำเพียงแค่ตวัดสายตามองเด็กหนุ่มทั้งสองด้วยความสงสัยระคนหงุดหงิดเท่านั้น

    “เอาล่ะ งั้นก็เริ่มซ้อมต่อกันได้แล้ว ประจำที่เลยแคลร์”

    “ค่ะ” เด็กสาวตอบรับด้วยความเหนื่อยหน่าย ถึงเธอจะว่าไหวแต่เสียงของเธอไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย หนำซ้ำดวงตายังดูหม่นหมองไร้ซึ่งประกายความร่าเริงตามปกติ

    แดเนียลที่จ้องมองอยู่เงียบๆด้วยความเป็นห่วงจึงอดที่จะสอดปากขึ้นมาไม่ได้ “คุณเคเลปครับ พักต่ออีกหน่อยดีมั้ยครับ ผมว่าแคลร์ไม่ไหว…”

    “แต่แคลร์เป็นคนพูดเองนี่ว่าไหว ใช่มั้ย?” เคเลปหันไปถามเด็กสาวคนเดียวในห้องแล้วเธอก็พยักหน้า “นั่นไง รีบซ้อมต่อได้แล้ว มันเสียเวลา”

    เคเลปเริ่มนับหนึ่งสองสาม แล้วทั้งสี่คนก็เริ่มต้นกับเพลงAll About That Bass แคลร์พยายามคุมเสียงตัวเองให้ตรงคีย์แม้ว่ามันจะเบาลงจนเคเลปขมวดคิ้ว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้สั่งหยุดเพราะเห็นว่ายังไม่เกิดความผิดพลาดใดๆ

    “Yeah, it's pretty clear, I ain't no size two
    But I can shake it, shake it, like I'm supposed to do แค่ก.. แค่กๆๆ”

    แต่เพียงแค่เข้าเวิร์สแรกมันก็ผิดพลาดจนได้เมื่อแคลร์ที่พยายามควบคุมมาตลอดหลุดไอออกมาเสียงดังจนทุกคนชะงัก โจได้โอกาสเนียนไอพร้อมกันไปด้วยในขณะที่แดเนียลปรี่เข้ามาประคองหลังแคลร์ที่ไอจนตัวงอ

    “แคลร์ เป็นอะไรรึเปล่า..”

    “ไม่…” คำว่าไม่ของแคลร์นั้นแหบแห้งและแผ่วเบาจนน่ากลัว แดเนียลเงยหน้าขึ้นมองเคเลปที่เริ่มถอนหายใจแล้วบอกให้แคลร์ไปกินน้ำอีกครั้ง เด็กสาวพยักหน้าแล้วเดินโซเซออกจากอ้อมแขนแดเนียลไป

    “ผมว่า.. เราน่าจะหยุดนะ” อลันที่ขี้กลัวยอมเสี่ยงเอ่ยปาก ตัวเขาเองถึงจะรู้สึกเสียงหมดแล้วก็ยังดูดีกว่าแคลร์ น่าเป็นห่วงเด็กสาวมากกว่าว่าถ้าวันนี้ฝืนมากไป จะมีแรงซ้อมในวันพรุ่งนี้รึเปล่า

    “ผมก็เห็นด้วยนะ อย่างน้อยให้แคลร์กลับไปก่อน…” โจเสริมขึ้นมา

    “ฉันไม่กลับ” เด็กสาวเพียงคนเดียวเอ่ยแทรกขึ้นมาแล้วมองหน้าเพื่อนสองคนอย่างหงุดหงิด “ฉันไม่อยากจะสบายอยู่คนเดียวตอนที่พวกนายลำบากนะ”

    ความหยิ่งของแคลร์ทำเอาแดเนียลกุมขมับ เขาคิดจะหาข้ออ้างอะไรก็ได้มาทำให้เธอพอ แต่เคเลปก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน “งั้นฉันให้แยกกันซ้อมครึ่งชั่วโมง แยก กัน ซ้อม นะ ไม่ใช่พัก แต่ใครจะแค่นั่งวอร์มเสียงหรือซ้อมในจินตนาการก็ตามใจพวกเธอ”
เด็กหนุ่มสามคนมองเคเลปอย่างไม่เชื่อสายตาก่อนจะรีบขอบคุณกันยกใหญ่ แคลร์ทำท่าจะบอกว่าให้รวมกันซ้อมแต่โจก็รีบปิดปากแล้วลากเธอออกจากห้องโดยใช้ข้ออ้างว่าให้ไปเป็นเพื่อนกินน้ำตู้กดเย็นๆข้างนอก อลันเองก็หันมาค้อมหัวให้แล้วออกตามไปในทันที จนตอนนี้ในห้องเหลือเพียงเคเลปกับแดเนียลแค่สองคน

    “ขอบคุณมากๆนะครับ”

    “เมื่อกี้เธอก็เพิ่งขอบคุณไป จะพูดอะไรนักหนา”

    “ฮ่ะๆ นั่นสินะครับ”

    ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบเมื่อไม่มีใครต่อบทสนทนา แดเนียลนั่งฮัมเพลงเป็นคีย์คอรัสของตัวเองในขณะที่เคเลปนั่งจดข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นในวันนี้ เขาเหลือบมองตารางของโค้ชฮันนาห์แล้ววางมันไว้ แต่เดิมเขาก็ไม่ได้ใช่มั้นอยู่แล้ว เพราะเห็นว่าวิธีฝึกตามเอกสารมันอ่อนเกินไป ถ้าจะเคี่ยวเข็ญเด็กๆภายในสองอาทิตย์ก็คงจะมีแต่ต้องเข้มให้มาก อย่างน้อยให้ได้ครึ่งที่โค้ชโหดกับทีมเขาเท่านั้น




    เรย์โนลด์ตรวจสอบใบสมัครอย่างถี่ถ้วน ตอนนี้กรอกทุกอย่างเรียบร้อยเหลือก็แต่ชื่อทีม เขาโทรไปหาแดเนียลครั้งหนึ่งเพราะจะสอบถามแต่ทางนั้นก็ไม่รับโทรศัพท์ ลองฝากข้อความในกล่องแชทของเฟสบุ๊คก็ไม่อ่าน และก็ส่งข้อความไปหาสมาชิกคนอื่นด้วยเช่นกัน แต่ผลลัพธ์ก็เหมือนกับแดเนียล

    “ใส่เป็นชื่อโรงเรียนนี่แหละวะ” เด็กหนุ่มกรอกในใบสมัครว่า Grandfield’s Acappella แล้วนำไปยื่นให้ที่โต๊ะ เจ้าหน้าที่ที่ประจำอยู่ขมวดคิ้ว ไล่สายตามองเรย์โนลด์อย่างสงสัย

    “ถ้าเป็นอะแคปเปลล่า ทำไมมีแค่เธอคนเดียวล่ะ”

    “พอดีเพื่อนๆในชมรมซ้อมอยู่น่ะครับ เลยให้ผมมาสมัครแทน”

    เจ้าหน้าที่ส่งเสียงครางอือออกมาในลำคอ แล้วยื่นใบสมัครคืนให้เรย์โนลด์ทั้งที่ยังขมวดคิ้ว “ดูเหมือนเธอจะยังไม่รู้ แต่ว่าในงานนี้ไม่ใช่ว่าเราจะรับทุกทีมที่สมัครนะ นี่เป็นงานเลี้ยงฉลองของสวนสนุกก็ต้องทำให้ผู้คนสนุกใช่มั้ย เพราะงั้นพอสมัครแล้วเราจะให้เข้าไปร้องให้กรรมการฟังน่ะ คือจริงๆกะว่าจะนัดวันมาทีหลังแต่แบบนั้นจะล่าช้าก็เลยให้ต่อคิวร้องหลังส่งใบสมัครเลย ดูสิ วงนั้นเพิ่งออกมาจากห้องพอดีเลย”

    เรย์โนลด์มองตามที่เจ้าหน้าที่ชี้ไปแล้วได้แต่ยืนตะลึงเมื่อเห็นเด็กวัยรุ่นสิบกว่าคนที่ยังนั่งร่วมโต๊ะกันอยู่เมื่อครู่ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว เด็กหนุ่มหน้าตกกระหันมาเห็นเรย์โนลด์จึงยิ้มให้แล้ววิ่งเข้ามาหาทันที

    “เป็นไงนาย เพื่อนมากันรึยัง”

    “เอ่อ…” ถึงกับใบ้ไปชั่วขณะเมื่อถูกถามจี้เข้าแบบนั้น จะให้บอกว่าไม่รู้ว่าคนร้องต้องมาด้วยก็น่าอายน่าดู เลยได้แต่ยิ้มแหะๆแล้วกุมใบสมัครไว้ในมือ

    “นี่นายมาจากโรงเรียนอะไรอ่ะ ขอดูหน่อยดิ”

    ไม่ทันจะส่งเสียงห้าม ใบสมัครก็ถูกดึงออกไปจากมือของเรย์โนลด์โดยไม่ได้รับอนุญาต เด็กหนุ่มหน้าเหวอเมื่อถูกแย่งของในมือไปซึ่งๆหน้า แต่กว่าจะได้สติหันไปห้ามก็ผ่านไปหลายวินาที มันไม่นานนักแต่ก็มากพอที่เด็กหนุ่มอีกคนจะอ่านชื่อชมรมในใบสมัครแล้วหัวเราะก๊ากออกมา

    “ฮ่าๆๆๆๆๆ นี่เพื่อนนายคือชมรมอะแคปเปลล่าเหรอเนี่ย โอ๊ย ขำจนปวดท้อง”

    เมื่อโดนพูดจาดูถูกจังๆ ถึงแม้เรย์โนลด์จะไม่ได้เป็นสมาชิกชมรมแต่ก็รู้สึกหน้าชาแทนเพื่อนๆที่ถูกดูถูกขนาดนี้ มือเล็กๆรีบคว้ากระดาษมาไว้กับตัว แต่ยังไม่ทันจะส่งเสียงว่าอะไร กลุ่มเพื่อนของเด็กหนุ่มหน้าตกกระก็มาสมทบเสียแล้ว

    “หัวเราะอะไรนักวะบรูโน่” เด็กหนุ่มคนหนึ่งถามขึ้น แล้วเจ้าบรูโน่หน้าตกกระก็หันไปตอบทั้งที่ยังหัวเราะไม่หยุด

    “เจ้าหมอนี่มาสมัครให้ชมรมอะแคปเปลล่าของแกรนด์ฟิลด์ว่ะ”

    แค่ประโยคสั้นๆก็ทำให้ทุกคนปล่อยหัวเราะกันออกมาเสียงดัง เรย์โนลด์โมโหจนใบหูและแก้มขาวๆแดงเถือก เขาพยายามตวาดเสียงดังให้หยุดแต่ก็ไม่มีผลเลย

    “พวกนั้นคิดได้ไงเนี่ย เป็นชมรมที่ไม่แม้แต่จะผ่านรอบคัดเลือกสักครั้งไม่ใช่รึไง”

    “คงอยากมาโฆษณาความเป็นหมูมั้ง เคยเห็นสมาชิกของพวกนั้นใช่มั้ย มีหมูยักษ์สีทองอยู่ด้วยนี่”

    “ใช่ๆ หมูสีทองที่เสียงแหลมๆ กับยัยปิศาจปากม่วงๆ”

    เสียงหัวเราะและคำดูถูกอย่างหยาบคาบยังคงถูกปล่อยออกมาไม่หยุดยั้ง น้ำตาเรย์โนลด์แทบรื้น ใบหน้าก็ขึ้นสีแดงเถือกไปหมด ถึงอย่างนั้นก็ยังพูดโต้

    “พูดจาแย่ๆกันอยู่ได้! หมูแล้วยังไง พวกนั้นนิสัยดีไม่เหมือนสกังค์โสโครกอย่างพวกนายหรอก!”

    เสียงหัวเราะเงียบลงทันทีเมื่อได้ยินคำต่อว่ารุนแรง เด็กหนุ่มใส่แว่นท่าทางสุภาพเดินก้าวออกมาจากกลุ่ม แต่ทว่าดวงตาของหมอนั่นกลับดุดันจนเรย์โนลด์เผลอก้าวถอยหลัง แต่ก็โดนกระชากคอเสื้อไว้จนสำลัก

    “จำใส่กระโหลกให้ดีเถอะพวกแกรนด์ฟิลด์กระจอก จะพูดยังไงพวกแกก็เป็นหมูอยู่วันยันค่ำ แต่พวกฉันน่ะเป็นเสือ เสือร้ายที่จะกินหมูอย่างพวกแกยังไงล่ะ” พูดไปแล้วก็จ้องลึกไปในดวงตาของเรย์โนลด์จนเด็กหนุ่มกลัวปากคอสั่น ไม่กล้าขยับตัวแม้แต่นิด

    “เฮ้ยพอได้แล้ว มันจะฉี่ราดแล้วน่ะ” เด็กหนุ่มอีกคนเอ่ยกลั้วหัวเราะ คนที่จับคอเสื้อเรย์โนลด์อยู่จึงยอมปล่อยแต่โดยไม่ดีเท่าไร เพราะผลักไปด้านหลังจนเรย์โนลด์เซเกือบล้ม

    “แล้วอย่าปากพล่อยอีกละ รู้สถานะของพวกแกด้วย หมูเอ๊ย”

    เรย์โนลด์กำมือแน่น กัดริมฝีปาก จะว่าความกล้าในสมองมันเพิ่งมาผนึกกับร่างกายเอาตอนโดนปล่อยตัวแล้วก็ว่าได้จึงคิดที่จะเถียงกลับไป แต่ด้วยความที่ประเมินขนาดร่างกายและจำนวนคนได้จึงถอยหลังออกไปอีกนิดหนึ่งก่อน จะเรียกว่าขี้ขลาดไม่ได้เชียวนะ เพราะสิ่งที่กำลังทำอยู่นี่เรียกว่าประเมินสถานการณ์ต่างหาก

    “จะว่าได้ก็แค่ตอนนี้แหละ เดี๋ยวเพื่อนฉันจะกลายร่างจากหมูเป็นหมีขาวมาขย้ำพวกแกแน่! ไอ้พวกสกังค์เหม็นเปรี้ยว! แบร่!!” ว่าแล้วก็วิ่งปรู๊ดไปในฝูงชนที่กำลังรอเข้าห้องร้อง คิดว่าถึงจะโดนตามมาก็คงหาเขาไม่ยากนักหรอก ปกติเรย์โนลด์จะมีความน้อยใจเสมอว่าตัวเองเป็นชาวเอเชียตัวเล็ก ตอนเด็กๆก็โดนแกล้งโดนล้อ แถมพอโตมานี่อย่าว่าแต่จะไปเทียบคอเคซอยด์เลย แค่กลุ่มมองโกลอยด์ของตัวเองก็รั้งตำแหน่งคนตัวเล็กมาได้ตลอด แต่ครั้งนี้เขากลับรู้สึกว่าความตัวเล็กของตัวเองช่างมีประโยชน์เสียจริง

    “เฮ้ย กลับได้แล้ว”

    และยิ่งโชคดีเข้าไปอีกเมื่อมีเสียงสวรรค์เอ่ยขึ้นมา พวกหัวโจกที่ทำท่าจะตามมาจึงต้องจิ๊ปากอย่างเจ็บใจและยอมกลับไปแต่โดยดี เรย์โนลด์ไม่ได้เห็นหน้าคนออกคำสั่ง แต่คิดว่าคงเป็นอาจารย์หรือโค้ชถึงได้ดูมีอำนาจ ว่าแล้วก็คิดว่าช่างมันเถอะก่อนที่จะเดินไปหามุมเงียบๆที่ห่างจากกลุ่มคน แล้วทำสิ่งสำคัญที่สุดอย่างการโทรตามเพื่อนของตน

___________________________________________________________________________________________

สวัสดีค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ
วันนี้ไม่มีเพลงในเรื่องเพิ่มเติม เลยจะขอแนะนำ Marvin Gaye - Charlie Puth (Feat. Maghan Trainor) ที่ชมรมของเคเลปได้เป็นโจทย์แสดงค่ะ หวังว่าจะชอบกันนะคะ

ออฟไลน์ fahtallll

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ชอบมากเลยค่ะ ตามฟังทุกเพลงเลย
มีความติดงอมแงม 5555
อยากเห็นตอนแดนผอมมากเลยค่ะ
มาอัพต่อไวๆนะคะ  :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ hibatsumoe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
กำลังสนุกเลย เอาใจช่วยเเดเนียล :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kaokorn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 903
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
เรื่องน่ารักมาก เขียนได้ดีเหมือนอ่านนิยายแปลเลยฮะ ชอบมาก
ยังไงมาอัพต่อบ่อยๆ และลงจนจบเลยนะคร้าบบบบ ขอบคุณฮะ

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ ชลอจ

  • ช ล อ จ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
แอร๊ยยยยย เรื่องใหม่ ติดตามนะคะ  :katai4:

ออฟไลน์ meelhek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
CH4

    พวกแคลร์ยังไม่กลับมา ในห้องยังมีเพียงแค่แดเนียลที่ซ้อมด้วยตัวเองแบบเบาๆกับเคเลปที่นั่งหน้ามุ่ยกับเอกสาร บางทีก็เงยหน้าขึ้นมาพูดงึมงำคนเดียว มันคงจะเป็นความสงบถ้าเสียงโทรศัพท์ของแดเนียลไม่แผดเสียงขึ้นมาทำลายความเงียบและสมาธิ เคเลปหันขวับจ้องแดเนียลตาเขียว คล้ายจะตำหนิว่าทำไมไม่ปิดเสียงโทรศัพท์ขณะซ้อม แดเนียลจึงทำได้แค่ค้อมหัวขอโทษและเดินออกจากห้องไปทันที

    “มีอะไรวะเรย์โนลด์ สมัครเรียบร้อยแล้วเหรอ”

    “ยัง ยังไม่เสร็จ ยังไม่ได้ส่งใบ”

    “อ้าว มีปัญหาอะไรล่ะ” แดเนียลขมวดคิ้ว เพื่อนสนิทที่อยู่ปลายสายเองก็ถอนหายใจ ความคิดของเด็กหนุ่มดิ่งไปในทางลบเรียบร้อยแล้วว่าทางเจ้าหน้าที่อาจเห็นว่าชื่อชมรมเขามีแต่ชื่อเสียจึงไม่ได้เข้าร่วมหรือเปล่า

    “เดี๋ยว อย่าเพิ่งคิดอะไร มันไม่ได้แย่ขนาดนั้น” แดเนียลสะอึกเมื่อเรย์โนลด์ทำเหมือนจะรู้ใจเขาทุกอย่าง เขาปล่อยให้เพื่อนที่อยู่ปลายสายพูดต่อ “คือคนมาสมัครมันเยอะเกินไปเขาเลยต้องคัด แล้วการคัดคือ ส่งใบปุ๊บ นั่งรอเรียกเตรียมออดิชั่นเลยล่ะเพื่อนรัก”

    “ห๊า!”

    ไม่ได้แย่ขนาดนั้นบ้าบออะไรล่ะ นี่มันแย่กว่าที่เขาคิดด้วยซ้ำ อย่างน้อยถ้าเรย์โนลด์บอกก่อนหน้านี้สักครึ่งชั่วโมงตอนที่ทุกคนไม่ย่ำแย่ขนาดนี้ซะก็ดี ถ้าเป็นตอนนี้พวกผู้ชายยังพอทำเนา แต่แคลร์จะมีแรงส่งเสียงรึเปล่านี่สิปัญหา

    “ทำไมต้องตกใจขนาดนั้น พวกนายได้ซ้อมกันแล้วไม่ใช่เรอะ”

    แดเนียลพยายามสูดหายใจเข้าลึก แล้วรวบรวมสติตอบปลายสายไป “โอเค เดี๋ยวพวกฉันจะรีบไป” เขากดวางสายไปในทันที และรีบทำในสิ่งที่ต้องทำมากที่สุดอย่างการบอกเคเลปให้รู้เรื่อง

    ประตูห้องซ้อมเปิดผางเสียงดัง เคเลปเกือบจะปล่อยคำด่าออกมาสักชุดแล้วถ้าแดเนียลไม่พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน “แย่แล้วครับคุณเคเลป! เมื่อกี้เรย์โนลด์บอกว่า..” เรื่องราวต่างๆพรั่งพรูออกมาจากปากสั่นๆของแดเนียล เด็กหนุ่มร่างหมีละล่ำละลั่กสิ่งที่เพื่อนสนิทบอกมาเมื่อครู่นี้ในขณะที่คนที่มีความั่นใจอยู่เสมออย่างเคเลปหน้าซีดลงเรื่อยๆ

    โค้ชหนุ่มกัดริมฝีปากด้วยความหงุดหงิด หงุดหงิดที่วิลไม่ได้ติดตามแผนการของทางสวนสนุก หงุดหงิดเด็กเรย์โนลด์ที่ไปที่สวนสนุกตั้งนานแล้วแต่เพิ่งมาบอกเอาป่านนี้ หงุดหงิดเด็กๆโดยเฉพาะแคลร์ที่วันนี้เรียกได้ว่าเสียงพังไปแล้ว อย่างนี้จะมีปัญญาไปออดิชั่นได้ยังไง

    “ทำไงดีครับคุณเคเลป” สายตาของแดเนียลแสดงความรู้สึกหลายอย่าง ทั้งตกใจ ท้อใจ และฝากความหวัง ทำเอาคนรสนิยมชอบเด็กอย่างตัวเคเลปแทบสะอึก แต่เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้แล้ว…

    “งานนี้.. ตัดใจเถอะ เดี๋ยวฉันจะลองหางานแสดงอื่นมาให้ วันนี้ยังไงก็ไม่มีทางทัน”

    “แต่ว่าคุณเคเลปอุตส่าห์หางานนี้มาให้ พวกผมน่ะไม่อยากจะทำให้คุณผิดหวัง…” เคเลปขมวดคิ้วกับสิ่งที่แดเนียลพูด เขาน่ะเหรอเป็นคนหางานนี้มาให้? โค้ชฮันนาห์กับวิลรวมหัวกันต่างหาก เขาอยากจะพูดผ่าไปเลยว่าตัวเขาไม่ได้ทำ แต่ก็นั่นแหละ พอเห็นสีหน้าฝากความหวังของแดเนียลแล้วมันก็พูดอะไรไม่ออก

    “ฉันไม่ได้ผิดหวังอะไรสักนิดเลยนะ เข้าใจหน่อยเถอะ ว่าถ้าตอนนี้ไป ยังไงก็ล่ม” แดเนียลแทบสะอึกกับคำปรามาส แต่ก็จริงอย่างที่เคเลปว่าว่าพวกตนในตอนนี้แย่มากจริงๆ  แล้วอย่างนี้ เขาจะบอกพวแเคลร์ว่ายังไง…

    “มีอะไรกันเหรอ” เด็กหนุ่มหน้าตี๋ถามอย่างระมัดระวังขณะเปิดประตูเข้ามา นี่ถ้าเปิดผางตามปกติคงได้โดนด่าเข้าแน่ๆ เพราะทั้งสองคนในห้องหน้าเครียดผิดกับตอนที่ทั้งสามคนออกไปกินน้ำกินขนมข้างนอกลิบลับ

    แดเนียลมองหน้าเพื่อนทั้งสามคนที่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราว ก่อนจะเริ่มออกปาก “คือว่า…”



   
    เรย์โนลด์มองนาฬิกาอย่างกระสับกระส่าย ตั้งแต่ที่โทรหาแดเนียลตอนนั้นก็ไม่มีสัญญาณตอบรับใดๆอีกเลย เมื่อห้านาทีที่แล้วเด็กหนุ่มตัดสินใจที่จะส่งใบสมัครไปก่อนเนื่องจากใกล้หมดเวลารับสมัคร หลังจากนั้นคือเวลารอเข้าออดิชั่น ซึ่งอีกแค่คิวเดียวก็จะถึงทีมแกรนด์ฟิลด์อะแคปเปลลาของพวกแดเนียลแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครมาเสียที โทรศัพท์ไปก็ไม่มีใครรับสาย

    “นี่เธอ ได้เวลาแสตนบายด์แล้วนะ” เรย์โนลด์หันขวับมองเจ้าหน้าที่หน้าเข้มเดินมาเช็คผู้สมัคร เด็กหนุ่มยิ้มเจื่อนๆแล้วค้อมหัวปลกๆบอกว่าเดี๋ยวเพื่อนๆก็มาถึงแล้ว ทั้งๆที่ยังไม่รู้อนาคตเลยสักนิดจนเจ้าหน้าที่ยอมล่าถอยกลับไป

    และดูเหมือนโชคจะเข้าข้างนิดหน่อยเมื่อโทรศัพท์มือถือของเด็กหนุ่มดังขึ้นมาพอดี ชื่อแดเนียลที่ขึ้นบนหน้าจอทำเอาเรย์โนลด์ใจชื้น เขารีบรับโทรศัพท์ทันทีและรีบเอามันออกห่างจากหูโดยไวเมื่อคนที่พูดสายไม่ใช่เพื่อนสนิทของตนอย่างที่คิดไว้

    “เรย์โนลด์!!”

    “เฮ้ย แคลร์.. เบาๆ..” เด็กหนุ่มร้องเตือนด้วยความหวังดี ไม่ใช่แค่เพราะหนวกหูแต่เพราะเสียงของแคลร์แหบบาดหูผิดปกตินั่นต่างหาก อย่างกับคนเป็นหวัดอย่างแรง

    “ส่งใบสมัครไปรึยัง”

    “แน่อยู่แล้ว ก็ตอนนี้เค้าปิดรับแล้วเนี่ย กำลังเข้าคิวรอออดิชั่นกันอยู่ พวกเธออยู่ไหนเนี่ย อีกคิวเดียวก็จะถึงคิวแล้วนะ”

    “จะถึงแล้ว แต่เอ่อ.. คิวเดียวคงไม่ทัน ยื้อเค้าให้นิดนึงได้มั้ย ขอเป็นคิวสุดท้ายก็ได้”

    เรย์โนลด์ขมวดคิ้วนิดๆที่ได้ยินน้ำเสียงขอร้องจากแคลร์ที่มักจะชอบออกคำสั่งและโวยวายอยู่เสมอ เขาไม่รู้ว่าทางนั้นมีปัญหาอะไรแต่มันคงจะแย่มากแคลร์ถึงต้องมาขอร้องเขาอย่างนี้

    “ได้สิ พวกเธอรีบมาแล้วกัน”

    “ขอบใจจ้ะ”

    แล้วสายก็ตัดไปแบบงงๆ เรย์โนลด์ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายแต่ก็ยังขยับเท้าไปทางห้องออดิชั่นเพื่อขอเลื่อนให้กลุ่มเพื่อน เกือบจะไม่ได้อยู่แล้วแต่ด้วยความที่ตัวเล็ก พอค้อมหัวให้เลยดูนอบน้อมมากผิดปกติ บวกกับความขาวของหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อทำให้ดูกระวนกระวายหน้าซีดจริงๆจนเจ้าหน้าที่ยอมอนุญาต เป็นอีกครั้งที่เรย์โนลด์คิดว่าความตัวเล็กนี่มันมีประโยชน์ซะจริง





    “แคลร์ แน่ใจแล้วนะ”

    “แน่นอนที่สุดค่ะ” เด็กสาวคนเดียวตอบโค้ชหนุ่มที่มีสีหน้าหนักใจอยู่เสมอขณะติดเครื่องรถยนต์
 
    เมื่อครู่แดเนียลบอกเธอและเพื่อนๆหมดแล้วว่าต้องไปออดิชั่นกันเดี๋ยวนี้เลยไม่งั้นจะถือว่าสละสิทธิ์ ซึ่งโค้ชเคเลปนั้นเห็นว่าเสียงของเธอไม่สามารถที่จะใช้ร้องเพลงในตอนนี้อย่างแน่นอนจึงคิดจะทิ้งงานนี้ไป แต่ถามว่าเด็กสาวผู้เด็ดเดี่ยวยอมมั้ย? บอกได้เลยว่าไม่มีทาง! ถึงจะดึงดันยังไงเธอก็อยากจะไปออดิชั่นในครั้งนี้ให้ได้ ไม่ใช่แค่เพื่อตัวเธอเอง แต่เพื่อเพื่อนๆ เพื่อแดเนียลที่อุตส่าห์ไปก้มหัวขอร้องให้เคเลปมาเป็นโค้ช และเพื่อให้ชมรมอะแคปเปลลากลับมามีชื่อเสียงในทางที่ดีเหมือนคราวรุ่นพี่ๆของพวกเธอเป็นเจ้าของ

    “จะซิ่งละนะ”

    อลันที่นั่งหน้าจับเข็มขัดรัดตัวไว้มั่น เช่นเดียวกันกับแดเนียลและโจที่รัดเข็มขัดที่นั่งด้านหลังเหมือนกัน ให้เคเลปที่นั่งกลางมองซ้ายขวาอย่างงงๆว่าทำไมเด็กพวกนี้ต้องรัดเข็มขัดทั้งที่นั่งหลังด้วย

    “คุณเคเลป รัดเข็มขัดด้วยครับ”

    “หือ ทำไมต้องรัดด้วยล่ะ”

    “เดี๋ยวคุณก็รอว่าแคลร์ขับรถยังไง” โจพูดเสริมเมื่อเคเลปไม่ฟังที่แดเนียลเตือนในตอนแรก ตัวเคเลปเมื่อเห็นเด็กหนุ่มหน้าตี๋ทำหน้าสยดสยองแล้วจึงยอมรัดเข็มขัดตามทุกคน

    แล้วเขาก็รู้ซึ้งแล้วว่า ถ้าคราวหน้าจะไปแสดงที่ไหนเขาจะยอมขอรถพ่อขับมารับมาส่งเด็กๆให้เลย เพราะถ้าปล่อยให้แคลร์มาเอารถที่บ้านซึ่งถึงแม้จะใกล้และประหยัดเวลามาก แต่มันอันตรายกับชีวิตพวกเขามาก

    “แคลร์ ช้าหน่อยก็ได้!”





    เจ้าหน้าที่มองเด็กหนุ่มเวียดนามที่ยืนกระสับกระส่ายพร้อมเคาะนาฬิกาข้อมือเป็นเชิงว่าได้เวลาแล้ว เมื่อกลุ่มที่เข้าออดิชั่นก่อนหน้าเข้าห้องไปกลุ่มของพวกแดเนียลก็ควรมานั่งรอได้แล้ว แต่ยังไม่มีวี่แววเลยว่าจะมาเมื่อไร

    “รออีกสักครู่นะครับ ได้โปรด รถคงจะติดน่ะครับ ฮ่ะๆๆ” เรย์โนลด์ชัดจะคิดแล้วสิว่าเป็นเพื่อนกับพวกนี้นี่มันเหนื่อยจริงๆ ธุระเขารึก็ไม่ใช่ ทำไมจะต้องมายืนรออย่างร้อนใจแบบนี้ด้วย ทั้งๆที่ตอนนี้เขาควรจะได้นอนกลิ้งอ่านการ์ตูนอยู่ที่บ้านรอแม่เรียกกินข้าวเย็นอร่อยๆแท้ๆ!

    “มาแล้ว!” คนที่หุ่นปกติที่สุดอย่างโจวิ่งนำหน้ามาพร้อมไอค่อกแค่กตามอาการ ตามมาติดๆด้วยแคลร์ที่วิ่งเร็วซะจนกระโปรงสั้นๆของเธอแทบจะเปิดขึ้นมา หลังถัดไปอีกเป็นแดเนียลที่ประคองอลันจอมอุ้ยอ้าย และสุดท้ายคือเคเลปที่ใช้การเดินเร็วแทนวิ่ง คงกลัวผมสีทองที่เซ็ตมาอย่างดีจะผิดทรง

    “เร็วเข้า แสตนบายด์ทางนี้!” เรย์โนลด์ผายมือไปทางที่นั่งหน้าห้องออดิชั่นแล้วโบกไปมาเหมือนกำลังต้อนแกะเข้ารั้ว เหล่าสมาชิกที่เหนื่อยหอบจึงค่อยทยอยเข้าไปนั่งตามที่และให้เจ้าหน้าที่เช็คชื่อเตรียมขึ้นแสดง

    “สวัสดีครับคุณเคเลป”
 
    “สวัสดี เธอ.. เรย์โนลด์สินะ” เด็กหนุ่มชาวเอเชียพยักหน้าแล้วยิ้มให้ ไม่ว่ายังไงก็มีลางสังหรณ์จริงๆนั่นแหละว่าเคเลปดูน่ากลัว ซึ่งจะว่าใช่ก็ใช่ เมื่อเคเลปจ้องเรย์โนลด์ที่เพิ่งเคยเจอจังๆตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความพิศวาสแปลกๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่านานนักเมื่อต้องสนใจสภาพเด็กในสังกัดมากกว่า

    “เอ้า กินน้ำเข้าไป ไม่ต้องฝืนซ้อมแล้ว” ทุกคนพยักหน้ารับทั้งที่ยังหอบแฮ่ก ทำเอาเรย์โนลด์ชักจะกังวลขึ้นมาอีกแล้วว่าอุตส่าห์มาถึงที่นี่แล้วจะร้องกันรอดรึเปล่า

    “เฮ้ ไหวนะแดน” เด็กหนุ่มกระทุ้งศอกใส่เพื่อนสนิทที่กำลังจิบน้ำ แดเนียลเงยหน้าขึ้นมาถอนหายใจนิดๆ

    “อืม ห่วงแต่แคลร์นี่แหละ”

    ทั้งสองคนมองไปทางเด็กสาวที่กำลังหลับตาฮัมเพลงอย่างมีสมาธิ เธอกระแอมไอขึ้นมาเป็นระยะจนทุกคนต่างหวั่นใจ แต่จะให้ถอยตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว เมื่อทีมก่อนหน้าเริ่มทยอยกันออกมาและเจ้าหน้าที่ก็ส่งสัญญาณให้พวกเขาลุกขึ้นรอหน้าห้อง แคลร์สูดหายใจลึกและเดินนำหน้าเข้าไป ตามด้วยอลัน โจ และแดเนียล

    “พยายามเข้านะ” เคเลปตบบ่าแดเนียลและเอ่ยเสียงเบา เด็กหนุ่มหันกลับมายิ้มให้ ซึ่งก็เป็นยิ้มที่เกร็งซะจนเคเลปเกือบหลุดขำ แต่สถานการณ์แบบนี้ถ้าลองขำออกก็ดูจะแย่ไปสักหน่อย

    “ครับ”

    แดเนียลเข้าไปเป็นคนสุดท้ายและปิดประตู เคเลปถอนกลับมายังที่นั่งรอและกอดอกอย่างหนักใจ ฝ่ายเรย์โนลด์เห็นอย่างนั้นก็อึดอัด ตัวเขากับเคเลปไม่ได้รู้จักอะไรกันเลย แถมเคเลปยังมีมาดคุณชายที่บวกกับรังสีน่ากลัวทำให้ดูเข้าถึงยาก แถมตอนนี้ที่ตึงเครียดขั้นสุดจะให้เรย์โนลด์เข้าไปตีหน้ายิ้มเล่นตลกตึ่งโป๊ะคลายเครียดก็กลัวจะโดนสายตาดุๆตอกกลับมาแทน แต่จะให้นั่งด้วยกันเงียบๆเฉยๆแบบนี้มันก็อึดอัดจนทนไม่ไหว

    “คุณเคเลปครับ เราเข้าไปดูด้วยดีมั้ยครับ”

    “ไม่ต้องหรอก ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกนั้นเขา..” ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ก็กระดิกเท้ากระสับกระส่าย เรย์โนลด์มองออกว่าเคเลปเองก็อยากเข้าไปดูด้วยเหมือนกัน แต่เหมือนจะกลัวอะไรบางอย่างจนไม่กล้าเข้าไป ก็พอจะเข้าใจอยู่หรอกว่าคนที่เป็นเพอร์เฟคชั่นนิสจะเป็นพวกรับความผิดพลาดไม่ได้ ไม่อยากจะเห็นทีมที่ตัวเองฝึกมาทำพลาด ถึงจะแค่วันเดียวก็เถอะ แต่อีกใจนึงก็อยากดูจนแทบทนไม่ไหว

    เอาวะไอ้เรย์โนลด์เอ๊ย หน้าด้านมาทั้งวันแล้ว อีกสักครั้งจะเป็นไร…

    “ขอโทษนะครับ ขอพวกเราเข้าไปดูด้วยได้มั้ยครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยกับเจ้าหน้าที่ที่ยืนอยู่ด้านหน้า คนๆนั้นขมวดคิ้วก่อนจะส่ายหน้า

    “ไม่ได้หรอก เข้าได้แค่กลุ่มที่จะแสดง”

    “แต่นี่เป็นการแสดงในนามชมรมของโรงเรียนนะครับ ผมเป็นผู้จัดการส่วนคนตรงนั้นก็เป็นโค้ช ผมว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องอยู่มากเลยนะครับ” ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยจะต้องโมเมขนาดนี้ เรย์โนลด์คิดในใจพลางไขว้นิ้วไว้ด้านหลัง ผู้จัดการอะไรกัน ตัวเขาถึงจะเป็นเพื่อนสนิทแต่ก็เป็นนักเรียนจิตอ่อนธรรมดาที่ไม่กล้าเข้าใกล้ชมรมนี้เวลาซ้อมเหมือนกันต่างหาก

    เจ้าหน้าที่ดูจะอึกอักเล็กน้อยก่อนจะเปิดประตูห้องออดิชั่นไปคุยอะไรสักอย่าง แล้วจึงหันมาพยักหน้าให้เรย์โนลด์ เด็กหนุ่มจึงเรียกเคเลปที่นั่งอยู่ให้ตามเข้ามาโดยทันที ซึ่งเคเลปก็ดูอิดออดเล็กน้อย แต่ก็ยอมตามไปแต่โดยดี





    กรรมการสี่คนนั่งเรียงแถวด้านหน้า สายตาจับจ้องไปยังทั้งสี่คนที่ยืนหลุกหลิกอยู่บนเวที ใบหน้าภายใต้เครื่องสำอางค์แน่นหนักของแคลร์ซีดเผือด เธอสูดหายใจเข้าออกอย่างแรงเพื่อรวบรวมสมาธิ แต่เธอก็ไม่ได้มีเวลามากนักเมื่อกรรมการคนหนึ่งสั่งออกมาว่าให้เริ่มได้

    เด็กสาวหันไปหาเพื่อนทั้งสามคนที่อยู่ด้านหลังแล้วพยักหน้า โจให้จังหวะนับสาม สอง หนึ่ง ก่อนที่ทั้งสี่คนจะขึ้นเพลงพร้อมๆกัน

    “Because you know
     I’m all about that bass
    ‘Bout that bass, no treble”

    จังหวะไม่ผิดเพี้ยน แต่เสียงของนักร้องนำทำเอากรรมการทุกคนพร้อมใจกันขมวดคิ้ว หนึ่งในนั้นหันไปซุบซิบกับคนข้างๆแล้วส่ายหน้า แคลร์หน้าเสีย พยายามดึงดันที่จะเปล่งเสียงร้องให้มากขึ้นจนเหมือนมันจะแย่มากกว่าเดิม คนที่อยู่ข้างหลังก็พลอยกังวลจนตอนนี้จังหวะเพี้ยนตามไปก้วยเหมือนกัน

    เคเลปกับเรย์โนลด์ที่เปิดประตูเข้ามาในจังหวะหายนะพอดีแทบจะอ้าปากค้าง เคเลปถึงจะตกใจแต่ก็ไม่แสดงอะไรที่เสียจริต ผิดกับเรย์โนลด์ที่แทบร้องเหวอพร้อมทึ้งหัวอย่างหมดหวัง เล่นเอาคนที่แสดงอยู่หน้าชา แคลร์หลบตาจากทั้งสองคนทันทีและนั่นยิ่งทำให้จังหวะผิดอย่างที่ทุกคนไม่สามารถดึงกลับมาได้

    “เอ้า พอได้แล้ว!”
 
    ทั้งสี่คนหยุดกึกทันทีที่ได้ยิน เห็นกรรมการถอนหายใจแล้วก็ยิ่งจะรู้สึกไม่สู้ดี อลันคอตกพึมพำเบาๆว่าจบสิ้นแล้ว อีกสามคนก็คิดเหมือนกันแต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา

    “ไม่ผ่านนะพวกเธอ ขอบคุณมาสมัครนะ”

    “เดี๋ยวก่อนสิคะ.. แค่กๆๆ” แคลร์พยายามเค้นเสียงออกมาคัดค้านแต่กลับทำให้เธอเจ็บหนักจนไอโขลก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ยอมลงจากเวที ซ้ำยังดึงอลันที่ใกล้มือที่สุดไม่ให้ลงด้วย

    “เสียงเธอแบบนั้นร้องให้ใครฟังไม่ได้หรอก รักษาให้ดีแล้วไปแสดงงานอื่นเถอะนะ”

    กรรมการพูดถูกจนหมดข้อจะโต้แย้ง แดเนียลกัดฟันอย่างเจ็บใจแต่ก็เดินเข้าไปรั้งไหล่แคลร์ให้เดินตามลงมา เด็กหนุ่มเหลือบมองหน้าโค้ชอย่างเคเลปที่ดูเหมือนจะหน้าซีดสนิทแล้วยิ่งใจเสีย ทั้งเสียใจที่ไม่ผ่านการคัดเลือก และเสียใจที่ทำให้เคเลปพอใจไม่ได้

    ฝั่งอัจฉริยะเคเลปทั้งชีวิตไม่เคยได้ยินคำว่าไม่ผ่าน ถึงคำกล่าวนั้นจะไม่ได้มีให้ตัวเอง แต่มีให้เด็กในการดูแลแบบนี้มันก็อดช็อคไม่ได้ เขาเองแม้จะมาดูแลเด็กพวกนี้แค่ไม่กี่ชั่วโมง แต่แผนการซ้อมอะไรทุกอย่างเขาเป็นคนจัดเตรียมทั้งหมด อย่างนี้จะว่าไม่ใช่ความผิดตัวเองก็พูดได้ไม่เต็มปาก

    “ทำอะไรสักอย่างสิ” เคเลปเอ่ยเสียงแผ่วให้เรย์โนลด์ที่ยืนอยู่ข้างๆ ทำเอาคนที่ตกกระไดพลอยโจนต้องเร่งเซลล์สมองให้ตื่นตัวอีกครั้ง แล้วรีบเอ่ยเสียงดังก่อนที่เพื่อนๆจะลงจากเวทีกันหมด

    “อย่าเพิ่งตัดสินแบบนั้นสิครับ! ตอนนี้เพื่อนผมไม่สบายนิดหน่อยเลยเป็นแบบนี้ แต่การแสดงมันอีกตั้งสองอาทิตย์นี่ครับ เธอต้องรักษาตัวให้ดีได้แน่ครับ เนอะแคลร์”

    เด็กสาวรีบพยักหน้าสนับสนุนพร้อมส่งสายตาอ้อนวอนให้กรรมการทันที แต่ดูท่าจะไม่ได้ผลเมื่อกรรมการที่พูดเมื่อครู่ส่ายหน้าแล้วผายมือให้ลงจากเวทีทันที

    “ขอใหม่อีกรอบ ให้อลันร้องนำ”

    เสียงของเคเลปดึงความสนใจจากทุกคนได้เป็นอย่างนี้ อลันทำหน้ามึนงงพร้อมชี้นิ้วเข้าหาตัวเองในขณะที่แคลร์ขมวดคิ้ว หัวของเธอคิดในแง่ไม่ดีไปแล้วว่าเคเลปจะให้เธอออกจากการแสดง โดยจะให้อลันทำหน้าที่แทนเธอโดยสมบูรณ์

    แดเนียลเองอ่านบรรยากาศตึงเครียดออกอย่างรวดเร็วจึงเอ่ยขัด “หมายถึงให้แคลร์มาร้องคอรัสแทนอลันใช่มั้ยครับ”

    “เปล่า ให้แคลร์มาดูกับพวกฉันตรงนี้ พวกเธอร้องกันไปแค่สามคน แบบนี้ไม่มีปัญหาใช่มั้ยครับ” ประโยคสุดท้ายเคเลปพูดกับกรรมการที่เกาหัวแกรก พวกเขาขอเวลาตัดสินใจเป็นการส่วนตัวอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะประกาศว่าเอาตามที่เคเลปว่า

    “เอาล่ะ พวกเธอสามคนขึ้นไปร้องเลย” กรรมการคนหนึ่งบอกเด็กๆที่กำลังยืนเก้ๆกังอยู่ข้างเวที ทุกคนมองไปที่เคเลปซึ่งโค้ชหนุ่มก็ส่งสายตาเป็นเชิงว่าให้เดินขึ้นเวทีไปซะ ถึงอย่างนั้นพอมองหน้าแคลร์ที่หน้าเสียไปแล้วก็ไม่มีใครสามารถก้าวขึ้นไปอีกได้

    “อยากแสดงมั้ย อยากพิสูจน์มั้ยว่าพวกเธอทำได้”

    เด็กหนุ่มสามคนฟังคำพูดของเคเลปแล้วมองหน้ากัน ก่อนที่โจจะเดินขึ้นไปเป็นคนแรกแม้จะกัดฟันกรอด จากนั้นอีกทั้งสองคนจึงเดินตามขึ้นไป ทิ้งแคลร์เอาไว้เบื้องล่างเพียงคนเดียว

    “เริ่มได้!”

    “Because you know
    I’m all about that bass
    ‘Bout that bass, no treble”

    เสียงที่ยังคงความใสของอลันกับแดเนียลทำให้การร้องเป็นไปได้ด้วยดี โจเองก็ยังคุมจังหวะของตนไม่ให้หลุดไอทำให้แม้การแสดงครั้งนี้จะห่างไกลกลับคำว่าเพอร์เฟคแต่ก็ไม่ใกล้เคียงกับคำว่าล่มจม แต่ถึงอย่างนั้นกรรมการก็ยังมีท่าทีนิ่งๆกันอยู่ คงเพราะทั้งสามคนทั้งเกร็งจากการแสดงที่เปลี่ยนตำแหน่งกะทันหันและทั้งห่วงแคลร์ที่ยืนเงียบๆอยู่ข้างเวทีแค่คนเดียว

    “เต้นสิ เต้น” เคเลปพยายามขยับปากพลางจ้องอลันที่ยืนอยู่ด้านหน้า หนุ่มร่างหมูดูอึกอักเล็กน้อยเพราะยังขัดเขินที่ต้องเต้นหนักๆต่อหน้ากรรมการ แต่พอเห็นทั้งสี่คนที่มีอำนาจตัดสินหน้านิ่งขนาดนั้น ถ้าอยากผ่านการคัดเลือกก็มีแต่ต้องทำเท่านั้น!
เรย์โนลด์แทบหัวเราะพรูดออกมาเมื่อเห็นอลันปลดล็อกตัวเอง เด็กหนุ่มขยับร่างเทอะทะของตนเข้ากับเนื้อเพลง แถมยังเล่นหูเล่นตาราวกับความเขินอายเมื่อครู่เป็นเรื่องโกหก ถึงขั้นสองคนที่ร้องคอรัสกับให้จังหวะอยู่ด้านหลังถึงกับเหวอ แต่เมื่ออลันหมุนตัวบิดก้นด้วยเสตปเดียวกับนิกกี้ มินาจแล้วหันไปส่งสัญญาณให้อีกสองคน ทั้งโจและแดเนียลจึงกล้าละความอายและออกท่าทางมากกว่าเดิม

    “นั่น อย่างนั้นแหละ” เคเลปถอนหายใจอย่าโล่งอกเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆของกรรมการลอยมาด้านหลัง และมันเป็นอย่างนั้นไปจนการแสดงจบลง กรรมการคนหนึ่งยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่เกิดจากการหัวเราะอละนั่นทำให้เด็กหนุ่มทั้งสามต่างหันมายิ้มให้กัน

    “โอเคๆ ถ้าอย่างนี้ล่ะก็ไม่มีปัญหา ไว้พวกเราจัดตารางการแสดงแล้วจะส่งกำหนดการไปให้ในอีเมล์ที่ลงไว้ในใบสมัครนะ”
พูดจบแล้วเด็กๆก็ร้องเฮทันที แม้กระทั่งเรย์โนลด์ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องยังเผลอกระโดดกอดคอเคเลปอย่าลืมตัว คงจะมีแต่อีกคนที่ยืนอยู่ข้างเวทีอย่างโดดเดี่ยว และปล่อยให้หยาดน้ำตาไหลอยู่อย่างเงียบๆเพียงลำพัง แคลร์ยังรู้สึกว่าตัวเองควรจะดีใจกับความสำเร็จของทีม แต่เมื่อมันเป็นความสำเสร็จที่เธอไม่ได้ร่วมด้วย เธอคงไม่มีสิทธ์อะไรจะพูดอีกแล้ว

    “แคลร์!” โจที่รู้สึกตัวเป็นคนแรกแทบกระโดดลงจากเวทีเมื่อแคลร์เดินออกจากห้องออดิชั่นไปโดยลำพัง มิหนำซ้ำเธอยังวิ่งเร็วมากจนโจคว้าไม่ทันแม้แต่ประตูรถยามเมื่อเธอสตาร์ทมันและขับออกไป

    ไม่นานนักคนอื่นๆก็ตามมาจนทัน สีหน้ายิ้มแย้มเมื่อกี้กลับกลายเป็นเศร้าสร้อยไปในทันตาเมื่อทุกคนต่างรู้สึกตัวแล้วว่าได้ทิ้งเพื่อนคนหนึ่งไว้ข้างหลังโดยไม่ได้ตั้งใจ

    “เดี๋ยวฉันไปดูแคลร์หน่อยแล้วกัน” โจพูดออกมา ทุกคนพยักหน้า ไม่มีใครดึงดันจะไปด้วยสักคน เพราะรู้ดีว่าในเวลาแบบนี้ควรให้เวลาแคลร์สักหน่อยจะดีกว่า

    “งั้นพวกเราต้องรอรถบัสสินะ”

    “อืม แต่ฉันว่าจะวิ่งกลับน่ะ” ทุกคนหันขวับมามองแดเนียลเป็นตาเดียวเมื่อเด็กหนุ่มหุ่นหมีประกาศแบบนั้นออกมา เรย์โนลด์ถึงกับเปิดแอพแผนที่ในโทรศัพท์เพื่อดูว่าจากบ้านพวกเขามาสวนสนุกนี่มันระยะทางเท่าไร ถึงเมืองจะไม่ได้ใหญ่แต่ก็ไม่ได้เล็กขนาดจะคิดจะวิ่งก็วิ่งแบบนั้น

    “จะบ้ารึไง อยากฆ่าตัวตายเรอะ 30กิโลนี่พวกนักมาราธอนวิ่งกันนะเว้ย”

    แดเนียลยิ้มขื่นแล้วพูดเบาๆ “ก็มันหงุดหงิดนี่นา คิดว่าถ้าได้เสียเหงื่อคงจะดี อ้อ จะได้รักษาสัญญากับคุณเคเลปด้วย”

    เด็กหนุ่มว่าแล้วหันไปทางเคเลปที่อยู่นอกบทสนทนามาโดยตลอด โค้ชหนุ่มขมวดคิ้ว “เราไม่มีสัญญาอะไรกันแล้วนี่”

    “ก็กลัวนี่ครับ ว่าถ้าไม่ลดน้ำหนักตามที่พูดไว้ คุณจะไม่ยอมสอนพวกเราต่อ”

    เคเลปถอนหายใจแล้วเขกหัวเจ้าเด็กหุ่นหมีเบา “ถ้าจะวิ่งเพราะสุขภาพมันก็ดีอ่านะ แต่อย่างที่เรย์โนลด์ว่า นายไม่ไหวหรอก ถ้าจะเอาจริงลงป้ายมหาลัยฉันมั้ยล่ะ ถ้าแค่นั้นก็เหลือไม่ถึงสิบกิโลแล้ว”

    “ก็ได้ครับ”

    ห้าชีวิตยืนรอรสบัสอย่างเงียบๆจนเคเลปสงสัย ดูท่าแดเนียลไม่ใช่คนข่างพูดก็จริง แต่อยู่กลับเพื่อนสนิทอย่างเรย์โนลด์แล้วไม่พูดสิแปลก ฝั่งอลันกับโจดูเป็นพวกช่างคุยทั้งคู่ แต่ตอนนี้กลับยืนหงอยกันเสียอย่างงั้น ทั้งๆที่การแสดงก็ผ่านการคัดเลือกและจะได้โชว์ชื่อชมรมต่อผู้คนแล้วแท้ๆ หรือจะเรื่องแคลร์ แต่เด็กคนนั้นก็ไม่ดูแลรักษาตัวเองจนเสียโอกาสไปเองไม่ใช่เหรอ โจเองก็อาสาไปดูแล้ว ไม่น่ามีอะไรต้องห่วง

    “แดเนียล” เด็กหนุ่มหันมาตามเสียงเรียก เคเลปพูดต่อ “นาย.. ไม่ดีใจเหรอ ผ่านออดิชั่นน่ะ”

    เด็กหนุ่มก้มหน้านิ่ง ดวงตาเศร้าสร้อย มีแค่ริมฝีปากที่พยายามจะสร้างรอยยิ้มบางๆมาทางเคเลปแต่เพียงเท่านั้น “แต่เราผ่านไปไม่ครบทีมนี่ครับ เราทำให้เพื่อนคนสำคัญเสียใจ…”

    ตอบแค่นั้นแล้วก็เงียบไปอีก เคเลปไม่เข้าใจ คนที่เสียใจเพราะทำไม่ได้ก็เป็นเรื่องปกติ คนที่ความสามารถไม่พอจะถูกคัดออกจากทีมก็ไม่แปลก มันเป็นโลกที่ใช้ฝีมือเป็นหลัก เพราะงั้นตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาเห็นคนร้องไห้เพราะโดนคัดออกไปไม่รู้กี่คนแล้ว และเขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไรไปกว่า อย่ามาเป็นตัวถ่วงได้เสียก็ดี
   
    คนที่อยู่รอดดีใจ คนที่ตกไปเสียใจเป็นปกติ แต่คนอยู่รอดที่เสียใจแบบนี้เขาเพิ่งได้เห็นเป็นครั้งแรก และไม่รู้ทำไม ถึงรู้สึกเจ็บปวดไปด้วยอย่างบอกไม่ถูก

__________________________________________________________________________________________

สวัสดีค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ!
ตอนที่เห็นว่ามีคอมเม้นนี่ถึงกับกระโดดเลยค่ะ ดีใจมากๆ ขอบคุณทุกคนมากๆนะคะ(ตัวอีโมมีกราบมั้ย อยากใช้ค่ะ)
แต่ยังไงก็จะลงจนจบแน่นอนค่ะ สู้!!!
ตอนนี้ยังไม่มีเพลงใหม่ ถ้ายังไงขอแนะนำเพลงที่เราชอบแทนแล้วกันค่ะ Sia - The Greatest
แล้วสำหรับเพลงนี้เราชอบตัวMVด้วยค่ะ ขออนุญาตแปะMVด้วยแล้วกันนะคะ Sia - The Greatest MV
เจอกันตอนหน้านะคะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ!

ออฟไลน์ kaokorn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 903
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2

ออฟไลน์ meelhek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
CH5

    ไม่รู้ว่านั่งอยู่ตรงนี้มานานแค่ไหนแล้ว เปิดอ่านการ์ตูนในมือถือจนตาล้า ฟ้าก็มืดสนิท อากาศก็เริ่มหนาวจนโรคไอเรื้อรังมันแทบหลอมรวมกับหวัดจนสามารถไอออกมาพร้อมเสลดขนาดเท่ากำปั้นได้แล้ว

    “เมื่อไรจะยอมให้เขาไปนะแคลร์” โจพูดพลางลูบแขนที่ค่อยๆเย็นลงพลางมองขึ้นไปยังหน้าต่างบานหนึ่งที่ถูกปิดผ้าม่านไว้แต่ยังมีแสงสว่างลอดออกมา ห้องของแคลร์

    ตั้งแต่โจมาถึงที่นี่ก็กดออดเรียกเจอกับแม่แคลร์ได้แล้ว แต่สาวเจ้าดันตะโกนด้วยเสียงแหบๆนั่นออกมาว่าห้ามให้เขาเข้าบ้านเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะทำลายเครื่องประดับแสนแพงของแม่ที่ยึดไว้เป็นตัวประกันให้หมด จนแม่เองก็ต้องยอมใจร้ายกับเด็กหนุ่มเพื่อความอยู่รอดเช่นกัน

    “หนาวโว้ยแคลร์! แค่กๆๆๆ” ตะโกนไปก็ไอไป แต่ถึงอย่างนั้นผ้าม่านผืนข้างบนกลับไม่กระดิกเสียอย่างนั้น พอดีกับที่โทรศัพท์สั่นบอกถึงข้อความจากที่บ้านเข้ามาว่าให้กลับได้แล้ว โจถอนหายใจแล้วแบกกระเป๋าสะพายขึ้นไหล่ ตะโกนบอกคนที่ไม่รู้ว่าฟังอยู่รึเปล่าอีกรอบ

    “กลับแล้วนะ เจอกันที่โรงเรียน” แล้วเด็กหนุ่มก็เดินไปโดยไม่ได้หันมามองเลยว่าผ้าม่านถูกแง้มออกนิดหนึ่งให้เห็นใบหน้าไร้การแต่งเติมที่เปื้อนคราบน้ำตาจนแดงเถือก




    หมอนถูกฟาดเข้าที่ใบหน้าจนเคเลปสะดุ้งตื่น เขาเกาหัวแกรกๆอย่างงัวเงียและหงุดหงิดเมื่อถูกขัดจังหวะจากการนอน และยิ่งหงุดหงิดไปอีกเมื่อเห็นคนไม่ได้รับเชิญอยู่ในบ้านเขาโดยไม่ได้รับอนุญาต

    “มาทำไมวะวิล”

    ชายหนุ่มหนวดเฟิ้มคิ้วกระตุกกับคำถาม ใช่ว่าเขาอยากจะมาเสียเมื่อไร ยิ่งถ้ารู้ว่าต้องมาเห็นเพื่อนสนิทนอนกอดก่ายกับเด็กหนุ่มอีกคนที่เขาไม่รู้จักชื่อในสภาพเปลือยเปล่าด้วยแล้ว ต่อให้ใครจ้างเขาก็จะไม่โผล่หัวมาเด็ดขาด

    “แล้วเมื่อคืนใครวะที่โทรมาบอกว่ามีเรื่องด่วน อย่าบอกนะว่าโทรมาเรียกให้นอนด้วย” หมอนใบโตถูกขว้างมากะให้กระแทกหน้าซึ่งวิลก็รับมันได้ทันที พลางคิดว่าคนอะไรไม่รู้นอนเปลือยกับผู้ชายให้เพื่อนเห็นไม่อาย แต่แซวเรื่องจะมานอนด้วยดันอายขึ้นมาเสียอย่างนั้น

    “ไม่ใช่เว้ย แค่มีเรื่องจะปรึกษา แล้วก็ไม่ต้องการแล้วด้วย” เคเลปพูดพลางไล้ไปที่ใบหน้าของหนุ่มหน้าคมข้างๆที่ตื่นขึ้นมาพอดี คนแปลกหน้าเห็นเพื่อนของเคเลปมายืนหน้าดุอยู่ข้างเตียงจึงควานหากางเกงของตัวเองแล้วขอตัวกลับก่อนจะเดินออกไป ทิ้งให้เพื่อนสนิทสองคนเคลียร์ปัญหากันตามลำพัง

    “ไม่ใช่เรื่องใหญ่สินะ”

    “อืม ก็แค่เด็กพวกนั้นผ่านรอบคัดเลือกน่ะ”

    “แล้วทำไมไม่รีบบอก” วิลขมวดคิ้วกับความเอื่อยเฉื่อยของเพื่อนสนิท ซึ่งเคเลปก็ทำแค่ยักไหล่เหมือนกับจะบอกว่า เอาน่า ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย

    “ก็เห็นอยู่ว่าติดธุระอื่น” ว่าแล้วก็ชูผ้าปูที่เปื้อนคราบสีขาวให้ดูจนวิลแทบจะถอยกรูด แล้วรีบไล่ให้คนที่ยังนอนตัวเปล่าเปลือยมีเพียงรอยแดงปกคลุมเป็นระยะๆให้ไปอาบน้ำแต่งตัวซะ

    ถึงแม้จะยังสงสัยว่าเรื่องที่เคเลปกังวลจนถึงกับต้องเรียกมาหานั่นมันคือเรื่องอะไร ไม่ใช่แค่เด็กๆออดิชั่นผ่านอย่างที่ว่าแน่ๆ แต่ถ้าตอนนี้เพื่อนสนิทสบายใจขึ้นมาแล้ว เขาเองก็ไม่อยากจะไปคาดคั้นเอาอะไร

    “งั้นตอนนี้ทุกคนก็ดีใจกันแย่แล้วสิ” วิลพูดขณะที่เคเลปกำลังเตรียมเสื้อผ้าใหม่สำหรับวันนี้ ชายหนุ่มคิดว่าจะได้เห็นเพื่อนสนิทยิ้มร่าและโอ้อวดตามแบบฉบับคนมั่นใจเกินเหตุอยู่เสมอ แต่เคเลปกลับหยุดชะงักแล้วเอาหัวพิงตู้เสื้อผ้านิ่ง

    “อ้าว เป็นอะไร”

    “ไม่ได้ดีใจน่ะสิ.. ทุกคนน่ะ…”




    เคเลปเรียกได้ว่าเป็นคนที่คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด นอกจากจะไม่เคยลำบากเรื่องอาหารการกินและการเงินแล้ว ในครอบครัวก็ถือว่าน่าอบอุ่นจนเป็นที่น่าอิจฉาแก่คนรอบข้าง เพราะฉะนั้นการถูกทำร้ายร่างกายเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับชายหนุ่มเลยสักครั้ง ถ้าไม่ใช่เพราะฝีมือของยัยโค้ชโหดที่กล้าแตะต้องเทพบุตรอันล้ำค่าอย่างโหดร้ายได้ถึงเพียงนี้

    “จะตีไปถึงเมื่อไรเนี่ย เจ็บ!” เคเลปร้องโอดโอยเมื่อโค้ชฮันนาห์ทุบหลังเขารัวในท่าที่เขานั่งคุดคู้หันหน้าเข้ามุมอยู่ ไม่รู้เหมือนกันว่ามาลงเอยในท่าทางแบบนี้ได้ยังไง จำได้แค่ว่าพอโค้ชรู้เรื่องที่เขาแยกเด็กคนหนึ่งออกจากวงจนสร้างความเสียใจให้ทุกคน กับเรื่องที่เขาฝึกเด็กโดยไม่ใช้แผนที่โค้ชวางไว้ให้ โค้ชสาวก็กระหน่ำหมัดบนร่างกายจนเขาปกป้องตัวเองไม่ทัน รู้ตัวอีกทีก็อยู่ในท่านั่งคุดคู้นี่ซะแล้ว

    “ดีสิ เจ็บจะได้สำนึก!

    “ผมไม่ใช่เด็กอนุบาลนะ จะได้มารู้สึกผิดเวลาโดนตีเพี๊ยะๆน่ะ”

    “อ้อ นี่แปลว่ายังไม่รู้สึกผิดงั้นเหรอยะ!”

    การทำร้ายร่างกายบานปลายเสียจนคนที่ยืนดูอยู่ตลอดอย่างวิลถึงกับทนเห็นสภาพเพื่อนไม่ได้ จึงเข้ามาดึงให้โค้ชออกห่างเสียที เคเลปที่ร้องโอดโอยยันตัวเองขึ้นจากพื้นแล้วไปนั่งตรงที่นั่งคนดูของห้องซ้อมซึ่งเป็นหอประชุมเล็กสำหรับเวทีแสดง

    “ฟังนะเคเลป หนึ่ง เด็กพวกนั้นไม่ใช่เธอที่จะซ้อมร้องเพลงมาตลอดแทบทุกวัน สอง เสียงของเด็กพวกนั้นขาดพลังและไม่คงที่ ต้องกาศัยการซ้อมแบบค่อยเป็นค่อยไป จะซ้อมจัดหนักเหมือนพวกเธอไม่ได้ สาม นี่เป็นงานแรกในรอบปีหลังจากที่รุ่นพี่ของเด็กพวกนั้นจบไป ทีมของพวกเขาเหลือแค่สี่คน เพราะฉะนั้นการที่ให้แสดงแค่สามคนมันจะเป็นการบั่นทอนกำลังใจของทุกคนในทีม โดยเฉพาะแคลร์ที่อาจจะเสียความมั่นใจจนไม่กลับมาซ้อมแล้วก็ได้” พูดไปก็จิบน้ำไป ถึงจะเป็นโค้ชแต่ฮันนาห์ไม่ได้พูดยาวๆอย่างนี้บ่อยนัก ยกเว้นเวลาดุคนที่ทำได้ไม่ดีจริงๆ ซึ่งทุกคนก็กลัวเสียจนตั้งใจทำให้มันดีก่อนที่จะโดนดุทุกครั้งไป

    “แต่ถ้าผมไม่เอาแคลร์ออกตอนนั้น วงก็ไม่ผ่านแน่ๆอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ อย่างน้อยผมก็ต้องได้เครดิตเรื่องการปรับตัวตามสถานการณ์หน่อยสิ”

    “ฉันกำลังบอกว่าแกผิดตั้งแต่ปรับแผนของฉันแล้วย่ะ!”

    ถึงจะพูดไปขนาดนั้นแต่ก็ดูท่าว่าคำพูดของโค้ชฮันนาห์จะยังไม่เข้าหูสักเท่าไร เพราะว่าแค่ดูตอนนี้ก็รู้แล้วว่าเคเลปยังนั่งเต๊ะท่าเหมือนตัวเองไม่ผิดสักนิด จนโค้ชเองก็ไม่รู้จะทำยังไง จริงๆที่ดึงดันขนาดนี้ก็ไม่ใช่เพราะเรื่องที่ต้องหาเด็กมาเพิ่มให้ของวงมหาวิทยาลัยในอนาคตอย่างเดียว แต่มันเป็นเรื่องของมนุษยธรรมด้วย โค้ชฮันนาห์เองก่อนจะได้มาเป็นถึงโค้ชของวงอะแคปเปลลา ก็เคยเป็นแค่เด็กผู้หญิงที่ร้องเพลงไม่เป็นมาก่อน เพราะงั้นถึงเข้าใจดีว่าการที่คนไม่ให้โอกาสทั้งที่พยายามแล้วนั้นมันรู้สึกยังไง

    “วันนี้แคลร์ก็ไม่มาใช่มั้ย”

    เคเลปพยักหน้าหลังจากโค้ชถาม “อืม ผมก็เลยให้ร้องแบบสามคนไปแล้ว พวกนั้นก็ดูทำได้ดีนะ”

    “อย่าบอกนะว่าใช้แผนของแกสอน”

    ชายหนุ่มแทบสะอึกเมื่อโดนถามจี้ จะบอกได้ไงว่าดึงดันสอนจนโจไอโขลกๆแทบแย่  ร้ายกว่านั้นคือบอกให้เด็กๆไม่ต้องซึมแล้วก็ไม่ต้องไปตามแคลร์อีกต่างหาก ไม่อย่างนั้นคงได้โดนกำปั้นตามมารัวๆอีก

    “เดี๋ยวตั้งแต่พรุ่งนี้จะใช้แผนของโค้ชแล้วกันน่า” พูดแบบขอไปทีจนโดนเขกหัวไปอีกที




    ผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้วแคลร์ก็ยังไม่มาโรงเรียน แต่การซ้อมของสมาชิกที่เหลือทั้งสามคนก็ยังดำเนินต่อไปเหมือนปกติ แม้ว่าจะยังแอบซ้อมร้องแบบเก่าเมื่อตอนมีแคลร์อยู่ก็ตามเพื่อให้เธอสามารถเข้ามาได้ทันทีเมื่อต้องการ
และเมื่อผ่านมาถึงตอนนี้ แดเนียลก็เริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง จากที่แค่ชั่วโมงแรกพวกเขาทุกคนก็หอบกันแทบสิ้นลม แต่ตอนนี้ผ่านชั่วโมงแรกไปแล้วยังสบายๆ หรือว่านี่จะเป็นผลพวงจากการออกกำลังกายที่ทำให้มีแรงและควบคุมการหายใจได้ดีขึ้น? แต่ก็ไม่น่า เพราะทั้งอลันและโจก็ดูไม่เหนื่อยและสนุกสนานเหมือนกัน

    “เอ้า ไปพักกันได้แล้ว”

    อลันและโจวิ่งออกไปซื้อขนมข้างนอกกันทันที ถึงอย่างนั้นเคเลปก็ยังย้ำว่าให้ซื้อของที่ไม่เป็นผลเสียต่อเสียงได้ทัน เพราะอลันชอบกินของกรุบกรอบเสียจนแม้แต่เคเลปที่รู้จักกันไม่นานก็รู้กันดี

    “นายไม่ไปกินขนมเหรอ” เคเลปถามเมื่อเห็นแดเนียลยังคงไม่ออกไปไหน ซึ่งเด็กหนุ่มร่างหมีก็ยิ้มแล้วส่ายหน้าให้เหมือนเคย ดูเหมือนจะตั้งใจลดน้ำหนักอยู่จริงๆ

    “เดี๋ยวก็ผอมแย่”

    “ไม่หรอกครับ เนี่ยพุงยังเท่าเดิมอยู่เลย” ว่าแล้วก็เขย่าพุงหมีๆของตัวเองให้กระเพื่อมขึ้นลงทำเอาเคเลปหัวเราะออกมาเบาๆ

    “ขอเล่นมั่งได้มั้ยเนี่ย” โค้ชหนุ่มแกล้งแหย่ๆเล่นๆแต่เจ้าตัวกลับตกใจจนหน้าแดง ท่าทางเลิ่กลั่กของหมีตัวโตๆนี่มันก็น่าเอ็นดูดีเหมือนกัน แล้วก็ไม่แปลกหรอกที่แดเนียลจะตกใจ หมอนี่รู้นี่นาว่าเขาชอบผู้ชาย ถึงเมื่อกี้แค่อยากหยอกเล่นไม่ได้คิดจะลวนลามเลยก็เถอะ

    “อะเอ่อ.. เชิญครับ…” คราวนี้เป็นฝ่ายเคเลปที่ต้องตกใจบ้างแล้วเมื่อทางนั้นเอาจริง แดเนียลคงกลัวที่จะขัดใจเขาแล้วเขาจะพาลไม่มาสอนเอาล่ะสิ บางทีก็อยากบอกออกไปเลยว่าไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น เพราะยังไงเขาก็โดนโค้ชกับวิลแบล็คเมล์ให้มาสอนหาเด็กเข้าชมรมอยู่แล้ว

    แดเนียลเดินเข้ามาใกล้นำพุงโตๆนิ่มๆมาหยุดอยู่ตรงหน้า ถึงตอนแรกจะแค่แกล้งเล่นแต่ด้วยสัญชาติญาณทำให้เคเลปไม่ลังเลที่จะใช้สองมือคว้าเข้าที่เนื้อนิ่ม จับบีบคลายราวกับเป็นลูกบอลยางชั้นดี

    ด้วยความที่คู่ขาของเคเลปส่วนใหญ่เป็นเด็กหนุ่มอายุน้อยรูปร่างผอมบาง หรือไม่ก็มีกล้ามแน่นๆให้นวดคลึง สำหรับก้อนเนื้อเด้งดึ๋งตรงหน้านี่เพิ่งเคยได้สัมผัสและก็รู้สึกว่ามันก็ไม่เลว ทั้งความนุ่มพอดีบวกกับความหมั่นเขี้ยวทำให้รู้สึกเพลินจนถอนมือออกมาไม่ได้

    “จั๊กจี๋นะครับ…”

    “แล้วใครเสนอมาเองเล่า”

    เด็กหนุ่มถอนหายใจเมื่อหยุดเคเลปที่กำลังสนุกไม่ได้ เลยต้องยืนอยู่นิ่งๆปล่อยเลยตามเลยให้คนโตกว่าเล่นอะไรเหมือนเด็กๆไป สายตาที่ไม่รู้จะไปหยุดตรงไหนได้แต่จับจ้องไปที่คนตรงหน้า ไม่ว่ากี่ครั้งที่ได้มอง ก็ยังคิดอยู่เสมอว่าคนๆนี้งดงามไปหมดเสียจริง

    “มองอะไรน่ะ”

    แดเนียลแทบสะดุ้งเมื่อจู่ๆอีกฝ่ายก็เงยหน้าขึ้นมา ดวงตาสีน้ำเงินเป็นประกายอยู่ใกล้เสียจนเผลอประสานสายตาไปเต็มๆ เลือดสูบฉีดขึ้นสู่ใบหน้าคนเด็กกว่าจนเผลอพูดอึกอักให้เป็นที่น่าขบขัน

    “ปะ.. เปล่าครับ.. อ๊ะ โทรศัพท์” โชคดีที่การสั่นของเครื่องมือสื่อสารช่วยชีวิต แดเนียลจึงมีข้ออ้างที่จะละสายตาอย่างชายหนุ่มที่มีเสน่ห์ล้นเหลือ สิ่งที่เข้ามาเป็นฟอร์เวิร์ดเมล์จากเพื่อนสนิทที่เขาก็งงอยู่เหมือนกันว่าสมัยนี้แล้วเรย์โนลด์ยังเล่นอะไรไร้สาระอย่างเมล์ลูกโซ่นี่อยู่อีก แต่เมื่อเปิดเนื้อหาเมล์ดูแล้ว ความคิดลบที่มีต่อเพื่อนเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นความตกใจจนกระเด้งถอยหลังจากเคเลปโดยความไม่กล้าขัดใจเมื่อครู่หายวับไปกับตา

    “อะไร เกิดอะไรขึ้น”
   
    “คุณเคเลป แย่แล้วครับ! ตารางการแสดงของพวกเราประกาศแล้ว”

    เคเลปขมวดคิ้วมุ่น ตารางการแสดงมาต้องเป็นเรื่องน่ายินดีสิ “แล้วนายตกใจอะไรล่ะ”

    แดเนียลขยับเข้ามาใกล้แล้วยื่นหน้าจอมือให้เคเลปที่ลุกขึ้นยืนแล้วดู คราวนี้เขาเข้าใจแล้วว่าแดเนียลตกใจอะไร แต่แทนที่จะตื่นตระหนกเขากลับรู้สึกตลกจนต้องกลั้นขำขณะอ่านข้อความออกเสียง

    “ชมรมได้ขึ้นแสดงในเวทีC..  เวทีรวมการแสดงตลกเนี่ยนะ!” เคเลปหัวเราะอย่างไม่ปิดบังโดยไม่ทันสังเกตสีหน้าของแดเนียลเอาเสียเลย จนเสียงหัวเราะหยุดลงนั่นแหละ แดเนียลถึงได้กล้าพูดสิ่งที่คิดออกมา

    “พวกเรา.. ตั้งใจแสดงอะแคปเปลล่าแท้ๆ เวทีนักร้องก็มีตั้งสองเวที แต่กลับไปอยู่บนเวทีตลก…”

    โค้ชหนุ่มหน้าเหวอนิดๆเมื่อเห็นปฏิกิริยา เด็กพวกนี้เข้าใจยากเสียจริง ตอนจะไม่รอดก็ยอมเล่นทุกอย่างให้ได้ขึ้นเวที แต่พอได้ขึ้นแล้วกลับไม่พอใจเสียอย่างนั้น การแสดงที่โชว์ให้กรรมการดูวันนั้นมันก็ตลกจริงๆ จะว่าผลออกมาแบบนี้คนสอนยังไม่คิดว่าแปลกสักนิด

    แต่ในเวลาแบบนี้ ที่ทำได้ก็มีแค่ปลอบใจล่ะสินะ…

    “เอาน่า ตอนนี้แค่ได้ขึ้นเวทีก็น่าจะดีแล้วไม่ใช่รึไง วันจริงก็ตั้งใจร้องตั้งใจเล่นให้เต็มที่ ทำให้ผู้คนชอบใจ ต่อไปพวกนายจะได้ไม่โดนดูถูกไงล่ะ มันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ นี่เป็นข่าวดี เป็นก้าวแรกที่ดีนะ เดี๋ยวพออลันกับโจกลับมา ต้องดีใจแน่ๆเลยว่ามั้ย”

    “...ครับ”




    เสียงรอสายอันสม่ำเสมอของโทรศัพท์เป็นสิ่งที่ได้ยินอย่างยาวนานอยู่เสมอ และไม่เคยมีสักครั้งที่เจ้าของเครื่องจะตัดมันให้สั้นลงและส่งเสียงจริงๆมาพูดเสียที โจรอจนมันเงียบไปและเสียงบอกให้ฝากข้อความก็ดังขึ้นต่อมา เขาโทรหาแคลร์แบบนี้ทุกวัน เล่าเรื่องการซ้อมให้ฟัง และหวังว่าวันนี้จะเป็นเรื่องดีพอที่ทำให้แคลร์ยอมกลับมาซ้อมเสียที

    “แคลร์ นี่โจนะ วันนี้ตารางแสดงออกมาแล้วแหละ เพราะเจ้าอลันคนเดียวเลยที่ทำให้เราต้องไปอยู่เวทีตลก ฮ่าๆๆ แต่มันก็สนุกดีนะ คุณเคเลปก็ตั้งใจเรื่องเต้นเพิ่มขึ้นด้วย กะจะทำให้คนดูจำพวกเราได้เต็มที่ น่าอายนิดๆเหมือนกันนะ แต่มันก็.. สนุก มาก พวกเราหัวเราะกันใหญ่เลย นี่ ช่วงนี้คุณเคเลปปรับการสอนให้เบาลงด้วยนะ ฉันไม่ไอจนแทบขาดใจเหมือนเดิมแล้ว เธอที่แกร่งกว่าคงจะสบายแน่ๆ รีบๆกลับมาซ้อมด้วยกันนะ พวกเราอยากขึ้นเวทีเดียวกับเธอ”




    เด็กสาวที่นั่งฟังเสียงจากปลายสายยิ้มบางๆ หลายครั้งหลายคราวที่เธออยากจะรับมันและพูดคุยกับเพื่อนสนิทโดยตรงมากกว่าแต่ก็ทำไม่ได้ แคลร์อ้าปาก เปล่งเสียงที่แทบไม่มีใครได้ยิน

    “ฉันจะพยายาม…”





    “เวทีC สี่โมงเย็น ต้องไปแสตนบานด์ตอนบ่ายสามสินะ หวา พวกTiger Blastมันได้เวทีAตอนสองทุ่ม น่าหมั่นไส้ชะมัด” แดเนียล   ขมวดคิ้วกับคำพูดของผู้จัดการชมรมจำเป็นอย่างเรย์โนลด์ เวทีAเป็นที่ของการแสดงเพลงเพราะฟังสบาย นักร้องเดี่ยวกลุ่มเก่งๆ มักจะอยู่เวทีนี้ รวมถึงTiger Blastที่เป็นชมรมอะแคปเปลล่าชั้นแนวหน้า จะได้ไปอยู่เวทีเก่งๆก็ไม่แปลก แต่เขาสงสัยมากกว่าว่าทำไมเพื่อนที่แทบไม่เคยพูดจาให้ร้ายใครถึงว่ากล่าวชมรมที่ไม่น่าจะรู้จักอย่างนั้น

    “นายไปหมั่นไส้อะไรเขาเนี่ย เขาเก่งได้อยู่Aก็ถูกแล้ว พวกเราก็กำลังพยายามอยู่นี่ไง”

    เรย์โนลด์กลอกตาให้เพื่อนที่ไม่รู้ความแค้นส่วนตัว “ไม่ใช่เรื่องนี้ แต่เออช่างเถอะ” เด็กหนุ่มบอกปัดขณะเปิดดูตารางการแสดงแบบผ่านๆ  ก่อนที่จะเงี่ยหูฟังเพราะได้ยินเสียงประหลาดลอยมาจากที่ใกล้ๆ เขาหันมองหน้าแดเนียล ซึ่งอีกฝ่ายก็ยิ้มแหยๆมาให้

    “โทษที หิวมากไปหน่อย”

    “ไหวมั้ยเนี่ยแดน เดี๋ยวนายต้องขึ้นแสดงแล้วนะ เอางี้ นายไปรอพวกคุณเคเลปที่ห้องแสตนบายด์ละกัน เดี๋ยวฉันไปซื้อขนมมาให้”

    แดเนียลเลิกคิ้ว น่าแปลกที่เรย์โนลด์เสนอตัวเพราะทุกวันนี้ที่สร้างความลำบากให้ก็โดนบ่นจะแย่ แต่ถึงอย่างไรซะก็เพื่อนสนิทกัน เรย์โนลด์ยอมช่วยเหลือแดเนียลในขณะที่แดเนียลเองก็เข้าใจเพื่อนรักตัวเองเป็นอย่างดี

    “ไม่ใช่ว่าจะไปดูชมรมเชียร์ลีดเดอร์ของที่อื่นรึไง เดี๋ยวเรย์นาก็โกรธเอาหรอก” แดเนียลพูดพลางนึกเวลาที่ตัวเองกับคนข้างๆต้องไปดูการแข่งของชมรมเชียร์ลีดเดอร์ของโรงเรียนที่เรย์นาสังกัดอยู่บ่อยๆ และทุกครั้งเรย์โนลด์ก็จะชอบเผลอพูดเชียร์ทีมอื่นบ้างล่ะ เผลอมองตามทีมอื่นบ้างล่ะจนโดนเรย์นาบ่นอยู่ตลอดว่าไม่รักโรงเรียน

    “เค้าเรียกว่าประเมินคู่ต่อสู้ต่างหาก งั้นตามนี้นะ”
   
    แดเนียลถอนใจให้คนที่วิ่งจนเห็นหลังไวๆอย่างอ่อนใจ แต่ยังไงซะตอนนี้คงจะมามัวสนเพื่อนสนิทไม่ได้ เพราะแค่มาเที่ยวงานก่อนนี่ ถ้าทุกคนรู้คงจะโดนต่อว่าอย่างหนัก โดยเฉพาะเคเลปที่ห้ามทุกคนมาเถลไถล เพราะกลัวไปเชียร์เวทีอื่นซะจนเสียงเสีย อืม บางทีเขาคงต้องแวะซื้อน้ำดื่มสักหน่อย ไม่งั้นความคงแตกแน่





    ถ้าจะมีใครเดินคอตกในงานครบรอบสวนสนุกที่มีแต่กิจกรรมบันเทิง ก็คงหนีไม่พ้นเด็กหนุ่มเชื้อสายเวียดนามที่ประคองร่างอย่างกับไร้วิญญาณ โธ่เอ๊ย อุตส่าห์กล่อมแดเนียลแทบตายว่าให้มาดูลาดเลาก่อนเวลา เพื่อจะหาข้ออ้างไปดูเชียร์ลีดเดอร์แจ่มๆจากโรงเรียนอื่น ตัวเขานี่ไม่มีความรอบคอบเอาเสียเลย ก็ว่าอยู่ว่าทำไมไม่คุ้นชื่อโรงเรียนที่แสดงในเวลานี้เลย ก็ใครจะไปสนใจโรงเรียนชายล้วนกันล่ะ!

    เพราะฉะนั้น แม้สมาชิกชมรมเชียร์ลีดเดอร์ชายล้วนนั้นจะเต้นได้แข็งแกร่งและงดงามเพียงใด แต่ก็ขอไม่ดูต่อเสียดีกว่า

    “อ้าว นึกว่าใคร ที่ไหนได้น้องซีดนี่เอง”

    เรย์โนลด์หันขวับตามคำนินทาที่ได้ยินตามปกติ และมันก็ไม่ใช่จากใครที่ไหน เจ้าหนุ่มหน้าตกกระสมาชิกTiger Blastที่จำได้ลางๆว่าชื่อบรูโน่นั่นเอง

    เด็กหนุ่มหันกลับ ขี้เกียจต่อปากต่อคำ แต่ถึงอย่างนั้นแขนของอีกคนก็พาดอยู่บนคอโดยที่ยังไม่ได้อนุญาต “เฮ้ย จะเมินไปไหนล่ะ แล้วนี่ทำไมมาเร็วจัง อ๋อออ ลืมไปวงนายขึ้นเร็วนี่เนอะ คนจัดเค้ารู้เนอะว่าหมูนอนเร็ว”

    เส้นเลือดในขมับกระตุกดังตุบๆ เรย์โนลด์ปัดแขนอีกฝ่ายทันที จ้องมองใบหน้ายียวนอย่างไม่สบอารมณ์ คนบ้าอะไร ตอนไม่รู้จักกันก็คุยซะดี พอรู้ว่าเป็นใครดันเหยียดหยามไม่มีชิ้นดี

    “จะไปไหนล่ะ ยังไม่ถึงเวลาเ….”

    “พอได้แล้วมั้งไอ้หนู”

    แรงกระชากจากด้านหลังทำเอาบรูโน่เซถลา เสื้อที่รั้งคอไว้ทำให้เสียงที่คอไม่สามารถออกมาได้ ซ้ำยังรู้สึกขาดอากาศหายใจจนต้องโยนขนมที่ซื้อมาลงกับพื้นแล้วเอามือทั้งสองข้างกุมคอเอาไว้

    “อึก.. ปล่อ..”

    “คุณวิล!” เรย์โนลด์ร้องอย่างดีใจเมื่อเห็นคนที่เข้ามาช่วยตน เด็กหนุ่มวิ่งไปหาวิลทันที พอดีกับจังหวะที่ชายหนุ่มหนวดเฟิ้มเหวี่ยงบรูโน่ให้พ้นตัว

    “นี่แก.. อึก..” หน้าของเด็กหนุ่มหน้าตกกระดูซีดลงไปอีกเมื่อพยายามจะเปล่งเสียงด่าทอแต่กลับเกิดกลัวในใบหน้าและดวงตาของคนที่เหวี่ยงตนออกมาเสียก่อน

    วิลสูง หุ่นสมส่วน ถ้าบรูโน่ที่ตัวเล็กกว่าไม่เท่าไรคิดจะเอาจริงด้านกำลังคงสู้ไหว แต่เพราะดวงตาดุนั่นทำให้ไม่กล้าเข้าใกล้ ที่สำคัญคือคนเริ่มมองพวกเขาแล้ว สำหรับวิลที่บรูโน่ไม่รู้จักกับเรย์โนลด์ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกชมรม ต่อให้มีเรื่องวิวาทเล็กน้อยคงไม่มีปัญหา แต่ถ้าเป็นตัวเขาเองที่สังกัดในTiger Blastมีปัญหา การแสดงวันนี้อาจจะมีปัญหาไปด้วยก็ได้

    “ฝากไว้ก่อนเถอะ” พูดจบแล้วก็หันหลังวิ่งไป เรย์โนลด์เด็กแสบแลบลิ้นไล่หลังจนโดนวิลกระแอมใส่เป็นเชิงตักเตือน
แต่ไม่ทันที่พวกเขาจะออกจากจุดนั้น ก็เห็นใครบางคนมาจับไหล่บรูโน่ไว้ เจ้าเด็กนั่นหน้าเสียพลางชี้โบ๊ชี้เบ๊มาทางพวกเขา ไม่นานนัก คนที่แฝงตัวในฝูงชนเมื่อครู่ก็ออกมาให้เห็นเต็มตา  เรย์โนลด์สะดุ้งเล็กๆเมื่อเห็นคนที่ปกครองบรูโน่ คิดว่าเขาจะมาหาเรื่องที่เราไปสู้คนของเขา

    กลับกัน.. วิลที่ยังตีหน้าเคร่งขรึมเมื่อครู่ก็หลุดตกใจออกมาเช่นกัน แต่ไม่ใช่ในความหมายเดียวกับเรย์โนลด์ เขาเพียงแค่ตกใจ ที่เห็นศัตรูที่ไม่อาจให้อภัยได้มาอยู่ตรงหน้านี่เอง

    “ไม่เจอกันนานเลยนะวิล เมื่อกี้ดูแลเด็กของฉันให้เหรอ”

    “มาร์โค…”

    เด็กหนุ่มที่ไม่รู้เรื่องอะไรในสถานการณ์นี้มองหน้าสองคนสลับไปมาอย่างงงงวย จะให้ไปดึงบรูโน่มาถามก็ไม่ได้เพราะมันเดินไปทางอื่นแล้ว ก็ได้แต่ยืนหลบหลังมองดูว่าใครจะพูดอะไรที่ทำให้เขามีส่วนร่วมมากขึ้นอีกมั้ย

    “อ้อ จะว่าไปเมื่อกี้บรูโน่มันบอกว่าหยอกกับเด็กแกรนด์ฟิลด์อยู่ มันขำใหญ่เลยล่ะตอนวันสมัคร ใครจะไปคิดว่ากลุ่มหมูจะกล้าสมัครอ่ะเนอะ”

    ชายคนนั้นพูดไปหัวเราะไปอย่างน่าขยะแขยง เรย์โนลด์กำหมัดแน่น จะใครต่อใครจะอะไรกับชมรมของเพื่อนเขากันนักหนา คนเรานี่มันไม่มีทางพัฒนากันเลยรึไง

    “แล้วนี่อย่าบอกนะว่านายเป็นโค้ชให้พวกนั้น? เฮ้ ถึงจะเป็นนายก็เถอะ ขนาดชมรมตัวเองเก่งๆยังแพ้เลย นี่จะไปช่วยชมรมห่วยๆพรรค์นั้น ไม่ไหวหรอกน่า”

    “นี่แก!” เรย์โนลด์ง้างหมัดสูงกะจะพุ่งมันเข้าใส่หน้าตายียวนของคนตรงหน้าเสียหน่อย วิลกลับดึงมันไว้และจับให้เด็กหนุ่มไปยืนด้านหลังเหมือนเดิม เรย์โนลด์คิดจะโวยวายอยู่แล้ว แต่แรงบีบข้อมือที่ส่งมากับแววตาดุดันกว่าที่เคยทำให้พูดอะไรไม่ออก

    “หึ ก็ดีกว่าคนที่ชอบใช้แผนชั่วล่ะนะ ที่เด็กๆพวกนั้นชนะ คงไม่ใช่เพราะแกโกงเขาเหมือนที่เคยทำกับชมรมหรอกนะ”
คราวนี้เป็นอีกฝ่ายที่มีสีหน้าบึ้งตึงขึ้นมาเสียแล้ว ดูท่าที่พูดไปเมื่อครู่จะสะกิดบาดแผลใหญ่ไม่น้อยทีเดียว สองคนนี้เคยมีเรื่องอะไรกันนะ?

    “เด็กพวกนั้นมันเก่ง.. ยิ่งมีฉันที่ฉลาดยิ่งเก่ง ไม่ใช่พวกหมูที่มีโค้ชโง่ๆอย่างแก”

    “แกนี่มัน…”

    “จะพูดมากเกินไปแล้ว!”

    วิลถึงกับเหวอเมื่อตั้งท่าจะว่าเขา แต่คนที่แทรกขึ้นมากลับเป็นเรย์โนลด์ที่ยืนอยู่เงียบๆ เขายังจับแขนเด็กนี่ไว้อยู่เพราะฉะนั้นคงออกไปพะบู๊ไม่ได้ แต่อย่างน้อยแค่เสียงก็ขอเถียงสินะ

    “ที่พูดๆน่ะรู้จักพวกเราเหรอ! เคยเห็นพวกเราตอนนี้ที่กำลังตั้งใจซ้อมเหรอ! ดีแต่ดูถูกคนอยู่ได้ มีปมด้อยรึไง มีปัญหามากนักก็ไปดูวงพวกผมแสดงซะสิ จะได้หุบปากเน่าๆได้บ้าง! แล้วนี่รู้จักคุณวิลคนเดียวรึไง ผมก็รู้จักเว้ย! รู้ว่าเค้าใจดีขนาดไหนด้วย! ถ้าเค้าเคยทำไม่ดีกับแกก็เพราะแกเคยชั่วกับเขานั่นแหละ! ไอ้.. อุ๊บ!”

    ปากถูกปิดพร้อมๆกับร่างกายที่ถูกดึงให้เดินตาม ถอยห่างจากจุดที่เจ้ามาร์โคยืนกัดฟันเพราะเถียงไม่ทัน การหนีมันเสียศักดิ์ศรีและเรย์โนลไม่เชื่อว่าคนกล้าอย่างวิลจะเลือกทางนี้ แต่พอมองไปรอบๆ… คนมุงมากหน้าหลายตารวมถึงเจ้าหน้าที่สวนสนุกที่เข้ามาใกล้เป็นกลุ่มๆ คงกะจะมาคุมไม่ให้เกิดการทะเลาะวิวาท น่าเสียดายที่มันจบลงพอดี

    “โธ่ คุณวิลนี่ ผมกำลังสนุกปากเชียว” เรย์โนลด์บ่นขึ้นมาทันทีเมื่อถูกลากมาถึงโซนให้อาหารสัตว์พร้อมแครอทสองหัวในมือที่วิลเอามายัดใส่ให้พลางดันให้ไปนั่งในรั้วกระต่าย คงจะให้เขามาสงบจิตสงบใจ โดยที่ตัวเองนั่งสบายอยู่ข้างนอกอย่างขี้โกง

    “ถ้าสนุกกว่านี้ก็โดนเจ้าหน้าที่หิ้วไปแล้วนะ เดี๋ยวก็อดดูเพื่อนเธอขึ้นแสดงหรอก”

    เด็กหนุ่มหน้ามุ่ย ไม่ได้สังเกตเลยว่าวิลกำลังหัวเราะน้อยๆอย่างอารมณ์ดีทั้งที่ไม่เคยแม้แต่จะยิ้มให้เห็นมาก่อน ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน ยื่นแครอทที่มีในมืออีกสองสามหัวให้เรย์โนลด์

    “อะ.. อ้าว คุณวิลจะไปไหน”

    “ไปซื้อขนมน่ะสิ เธอยังไม่ได้ซื้อให้พวกเพื่อนๆใช่มั้ยล่ะ”

    “งั้นๆ.. เดี๋ยวผมหยิบเงินให้…”

    “ไม่ต้อง ฉันเลี้ยงเอง เอ้อ.. แล้วก็เลิกเรียกคุณได้แล้ว ห่างเหินยังไงพิกล พี่ก็พอ โอเคนะ”

    “อ่า… ครับ พี่วิล…”

    “ดีมาก” มือแข็งแกร่งตรงเข้าขยี้กลุ่มผมนุ่มอย่างหมั่นเขี้ยว เรย์โนลด์หดคอเพื่อลดแรงกด แล้วค่อยเงยหน้าขึ้นมาหน้ามุ่ยเมื่อรู้ตัวว่าโดนแกล้ง แต่หน้ามุ่ยๆบวกผมยุ่งๆมันไม่ได้น่ากลัวเลย น่ารักจนวิลเผลอหลุดหัวเราะออกมาให้เรย์โนลด์ที่เพิ่งสังเกตมองตาค้างแม้ว่าอีกฝ่ายจะเดินห่างออกไป ไม่รู้ตัวแม้ว่าแครอทในมือหมดไป จนกระต่ายน้อยที่หิวโหยเริ่มแทะมือของเขาเป็นการประท้วงว่าให้รีบส่งอันใหม่มาได้แล้ว

ออฟไลน์ meelhek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0


    เสียงสัญญาณรอสายดังขึ้นและจบลงด้วยเสียงฝากข้อความเหมือนเคย โจส่ายหน้าให้กับเพื่อนอีกสองคนที่รออย่างมีความหวังว่าอย่างน้อยก็อยากจะชวนแคลร์มาดูการแสดงให้ได้ แต่ก็ดูท่าจะหมดหวังเพราะนี่ก็ใกล้จะได้เวลาขึ้นแสดงอยู่แล้ว
การแสดงบนเวทีที่ทำให้ทุกคนปล่อยเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานไม่ได้ช่วยลดระดับความตึงเครียดของเด็กๆทั้งสามเลยแม้แต่นิด แม้ว่าการแต่งตัวของพวกเขาจะไม่เหมาะกับการมายืนซึมอยู่อย่างนี้เลยก็ตาม อย่างชุดอลันที่แต่งเลียนแบบมาริลีน มอนโรกระโปรงพริ้ว ถ้าแค่ส่งยิ้มคนก็คงหัวเราะกันแล้ว

    “นี่พวกนาย จะได้เวลาแล้วนะ ร่าเริงกันหน่อยสิ” เคเลปพูดขึ้นเมื่อทนมองสภาพตรงหน้าไม่ไหว มาริลีน มอนโร กับอีกสองคนในชุดช็อคโกแลตแท่งแต่ติดที่คาดผมเป็นโดนัทกำลังซังกะตาย ถ้าเขาเป็นเด็กๆมาเห็นเข้าคงร้องไห้แน่ ขนาดตอนนี้ยังรู้สึกแย่เลย ตัวเองเป็นโค้ชแท้ๆแต่กลับดึงอารมณ์ของทีมไม่ได้ จะเรียกตัวโจ๊กของทีมมาก็ไม่รู้ไปซื้อขนมถึงไหน แดเนียลบอกว่าแยกกันเป็นชั่วโมงแล้วแท้ๆ

    “ก็ขอเวลาทำใจหน่อยนะครับ เรื่องแคลร์ก็ด้วย แล้วเรื่องแสดงด้วย.. ทำไมคนนี้ถึงได้เล่นดีอย่างนั้นน้า” อีกสองคนพยักหน้าให้กับคำพูดของแดเนียลทันที แค่พวกเขามองไปบนเวทีก็ท้อแท้แล้ว คนหัวเราะเสียขนาดนั้น แล้วคนยิ่งมีความคิดที่ว่าวงที่ออกทีหลังจะยิ่งต้องสนุกมากขึ้นเสียอีก แล้วพวกเขาที่เป็นชมรมอะแคปเปลล่ามือสมัครเล่นจะไปสู้กับนักพูดระดับมหาวิทยาลัยได้ยังไง

    “ทำไมเป็นอย่างนี้กันล่ะ?” เสียงเล็กๆที่ดังขึ้นทำให้เคเลปหันขวับไปมองแล้วถอนหายใจอย่างโล่กอกเมื่อเจ้าเด็กเรย์โนลด์กลับมาแล้ว แต่ก็แปลกใจไม่น้อยว่าทำไมถึงได้มากับเพื่อนสนิทของเขาอย่างวิลได้ ไปรู้จักกันตอนไหนกัน?

    “นี่มาก็ดี เรย์โนลด์ไปคุยกะพวกนี้หน่อยเร็ว แล้วนี่วิล ทำไมมาด้วยกันได้ล่ะ”

    หนุ่มหนวดเฟิ้มยักไหล่ “เรื่องมันยาว”

    “ก็บอกมาดีๆสิ” เคเลปถามด้วยความหงุดหงิด แต่วิลไม่ตอบ กลับพยักเพยิดให้มองเรย์โนลด์ที่วิ่งเข้าไปหาเด็กซึมทั้งสาม

    “แต่งตัวอะไรของพวกนายเนี่ย ตลกชะมัด!” เพราะความเป็นเพื่อนทำให้เรย์โนลด์หัวเราะออกมาอย่างไม่เกรงใจ  พลางเข้าไปลูบคลำหน้าอกและหน้าท้องของอลันอย่างสนุกสนาน

    เฮ้ย จั๊กจี๊” อลันปัดมือออก แค่ต้องแต่งตัวอย่างนี้ก็อายจะแย่ ยังมาถูกเล่นแบบนี้อีก

    แต่ถึงอย่างนั้นเรย์โนลด์ก็ยังยิ้ม “ก็นมกับพุงนายมันสมจริงแบบนี้ใครก็อยากเล่นแหละ เข้ากับเพลงดีออก All About That Bassนะเว้ย ภูมิใจในความอ้วนอ่ะ อย่างนี้แหละคนดูอิน น่ารักจะตาย ไหนหมุนตัวๆ เออๆ ก้นมันต้องเด้งงี้แหละ รับรองคนดูฮาตรึม มั่นใจหน่อยสิ”

    ว่าแล้วก็ตบก้นอลันไปป้าบนึงจนมันเด้งขึ้นลงน่าขบขัน แกเนียลกับโจที่ยืนซึมๆอยู่เมื่อครู่พอเห็นอย่างนั้นแล้วยังเผลอหลุดยิ้มออกมา เรย์โนลด์จับอลันหมุนตัวอีกรอบ และทั้งสะโพกและหน้าท้องที่กระเพื่อมกับหน้าเหรอหราของอลันยิ่งทำให้ทั้งสองคนหัวเราะเข้าไปใหญ่ และพอเพื่อนหัวเราะออก อลันเองก็พอจะยิ้มออกได้แล้ว เด็กหนุ่มได้ใจใหญ่ ทำท่านั้นนี้ไม่หยุดจนบรรยากาศของทีมกลายเป็นร่าเริงสนุกสนาน

    “เฮ้อ ไม่มีเรย์โนลด์อยู่ด้วยนี่แย่แฮะ” เคเลปพูดพลางถอนหายใจ รู้สึกดีที่เด็กๆเริ่มหัวเราะกันได้

    “จริงๆคนที่ทำแบบนี้ต้องเป็นนายนะ” วิลเอ่ยขึ้น เคเลปหันขวับ ขมวดคิ้ว “เรย์โนลด์ไม่ได้เป็นสมาชิก วันที่พวกนายซ้อมกันน้องมันก็ไม่ได้อยู่ด้วยตลอด แล้วถ้าบรรยากาศไม่ดีก็ต้องเรียกมาทุกทีเหรอ? เพราะงั้นคนที่ต้องทำความเข้าใจและให้กำลังใจกับพวกเด็กๆได้ ก็มีแค่นายคนเดียวนะ”

    เคเลปนิ่งฟัง ไม่ตอบโต้ เขาเป็นคนดื้อ คิดว่าอะไรทำไม่ได้ก็จะไม่ทำเด็ดขาด และไม่ชอบฟังคำวิจารณ์จากคนอื่นด้วย แต่พอมองเด็กพวกนั้นที่ตัวเองควรจะเข้าไปอยู่ในวงกับพวกเขาในตอนนี้ ก็รู้สึกว่าสิ่งที่วิลพูดมามันมีเหตุผลอยู่บ้างเหมือนกัน

 “เอาล่ะนะครับจบไปแล้วเดี่ยวไมโครโฟนของคุณชาร์ล สมิธ จากมหาวิทยาลัยมิดเดิลตันนะครับ”

    “อ้าว ม.เดียวกันแฮะ” เคเลปเอ่ยขึ้นพลางชี้ชวนให้วิลดูนักพูดหนุ่มที่เพิ่งลงจากเวทีมา เขาคนนั้นมองหน้าพวกเด็กๆที่ยืนอย่างตื่นเต้นแล้วส่งยิ้มให้ รวมถึงพวกเคเลปด้วย แต่เคเลปรู้ดี ว่ารอยยิ้มที่ส่งให้เขามันดูแตกต่างจากคนอื่นๆ

    ใช่สินะ….

    “ยินดีที่ได้รู้จักครับ เคเลป แฮมป์ตัน ชมรมอะแคปเปลล่าจากม.เดียวกับคุณครับ” เคเลปยื่นมือออกไปพร้อมส่งยิ้ม ซึ่งอีกฝ่ายก็จับตอบแทบจะในทันที

    “ก็ถึงว่าหน้าคุ้นๆ ชาร์ล สมิธครับ น่าเสียดายจังที่ผมนัดครอบครัวเอาไว้ งั้นเดี๋ยวผมขอเบอร์คุณเอาไว้ แล้วเราเจอกันวันหลังนะครับ”

    “ยินดีครับ”

    การแลกเปลี่ยนเบอร์ยังอยู่อย่างนั้นไปอีกพักหนึ่งจนเสียงประกาศให้ชมรมอะแคปเปลล่าของแกรนด์ฟิลด์ขึ้นแสดงดังขึ้น  วิลส่ายหัวให้กับความเฟรนลี่อย่างไม่รู้กาลเทศะของเพื่อนตัวเองที่ไม่มาคอยยืนส่งและให้กำลังใจคนที่กำลังจะขึ้นแสดง ขนาดเรย์โนลด์ยังเหวอ ไม่ต้องพูดถึงแดเนียลที่ยืนมองตาละห้อย จนวิลที่ต้องกลายเป็นคนให้กำลังใจเด็กๆที่ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน

    “อ้าว ขึ้นกันไปแล้วเหรอ”

    “ตั้งแต่ตอนที่นายแลกเบอร์กับเจ้านั่นน่ะนะ เอ้า ไปกับเถอะเรย์โนลด์ ไปยืนเชียร์ข้างหน้า”

    “ครับ”

    เด็กน้อยตามคนออกคำสั่งต้อยๆอย่างว่าง่าย โดยที่เคเลปได้แต่มองตามอย่างอึ้งๆเพราะไม่คิดว่าทั้งสองคนจะเมินตัวเอง แต่ถึงจะโมโหก็โวยวายไม่ได้ เพราะต้องรีบตามออกไปเพื่อเชียร์เด็กๆ และไม่ให้ใครมาว่าเอาได้ว่าบกพร่องในหน้าที่





    ด้วยอานิสงค์จากเดี่ยวไมโครโฟนก่อนหน้านี้ทำให้หน้าเวทีมีคนดูแน่นขนัดจนเด็กๆสามคนหน้าเหวอ อลันที่เมื่อกี้ยังดีๆเริ่มหน้าซีดและหันมามองข้างหลัง จนแดเนียลต้องจับให้เด็กหนุ่มตัวกลมยืนดีๆ

    “จะ.. จะเริ่มแล้วนะ” อลันพูดแบบไม่ใส่ไมค์ และนั่นทำให้แดเนียลต้องขัดขึ้นมาทันที

    “ไม่ใช่ แนะนำตัวก่อน”

    “นายก็ทำสิ”

    แดเนียลถอนหายใจ ตัวเอกไม่ใช่เขาแท้ๆแต่ก็ช่วยไม่ได้ จึงยกไมค์ของตัวเองขึ้นจรดปากและส่งยิ้มพร้อมสบตาผู้ชมด้านหน้า

    “สวัสดีครับ พวกเรามาจากชมรมอะแคปเปลล่าโรงเรียนแกรนด์ฟิลด์ พวกเราไม่ค่อยได้ออกงานนัก คนที่รู้จักก็อาจจะรู้จักเพราะเป็นหมู ก็จริงนะครับ” ว่าแล้วก็ตบก้นอลันหนึ่งทีจนสะดุ้ง พุงย้อยๆกระเพื่อมให้ผ้าเนื้อลื่นปลิวไสว ผู้ชมส่งเสียงหัวเราะคึกคัก “แต่ถึงจะเป็นหมูที่เสียงไม่ค่อยดี แต่พวกเราก็มีความพริ้วเกินใคร เชิญรับชมได้เลยครับ All About That Bass”
แดเนียลลดไมค์ลง ให้จังหวะสามสองหนึ่งแล้วทุกคนก็เริ่มร้อง

    “Because you know I'm all about that bass
    'Bout that bass, no treble
    I'm all about that bass
    'Bout that bass, no treble”

    ท่าทางดุ๊กดิ๊กของอลันดูน่าขบขันจนมีเสียงหัวเราะระลอกใหญ่ โดยเฉพาะพวกเด็กๆที่ดูท่าจะสนุกกันใหญ่ ถึงอย่างนั้นเสียงก็ไม่ได้ไพเราะระดับเทพ คนร้องนำก็มีเสียงหายใจแทรกตลอดเพราะต้องออกแรง จนคนดูบางส่วนที่เห็นว่าไม่ได้สนุกสนานเท่าเดี่ยวไมโครโฟนเมื่อครู่เริ่มเดินออกไป เด็กทั้งสามหน้าเสีย แต่ก็พยายามฉีกยิ้มต่อไป

    “I see the magazine workin' that Photoshop
    We know that shit ain't real, come on now, make it stop”

    แต่พอถึงท่อนนี้เท่านั้น จู่ๆก็มีนิตยสารจากไหนไม่รู้ลอยละลิ่วเข้ามาตรงทางเดินที่อยู่กึ่งกลางระหว่างที่นั่งสองฝั่ง พร้อมกับมาสคอตหมูตัวกลมที่ตามเข้ามาติดๆแล้วเหยียบนิตยสารหน้าปกสาวสวยเสียจนบูบี้ พร้อมกับเต้นต่อไปด้วยท่าทางที่ตลกจนทุกคนหัวเราะ แถมทั้งที่เป็นหมูแต่กลับมีกระเป๋าหน้าท้องที่ดึงอมยิ้มขึ้นมามากมาย เดินเต้นไปแจกไปอย่างสนุกสนานอีกต่างหาก
สำหรับคนดูคงเป็นการเซอร์ไพรส์ แต่สำหรับคนแสดงแล้วเป็นสิ่งที่อยู่นอกแผน แดเนียลเหลือบมองเคเลปที่ยืนอึ้งอยู่เหมือนกัน เทพบุตรหนุ่มส่ายหน้าและขยับปากว่าฉันไม่เกี่ยว แล้วจึงไปซักไซ้กับวิลที่ตกใจอยู่เหมือนกันและได้รู้ว่าไม่ใช่การจัดการใดๆของวิลทั้งนั้น แล้วหมูตัวนั้นเป็นใครกันล่ะ?

    “พวกบรูโน่รึเปล่าพี่วิล”

    “แต่ถ้าเป็นพวกนั้นก็ไม่น่าลงทุนอย่างนี้นะ อมยิ้มก็ดูอร่อยซะด้วย” วิลพูดพลางมองเด็กๆที่เอร็ดอร่อยกับอมยิ้ม พลางคิดในใจว่าคนที่มาต้องเป็นพวกเดียวกัน แต่เด็กๆพวกนี้ก็ไม่มีใครที่จะคอยเข้าข้างอีกแล้ว

    “เดี๋ยวสิ พวกบรูโน่เป็นใครน่ะ” เคเลปแว้ดขึ้นมาอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่าตัวเองอยู่วงนอก เรย์โนลด์อึกอัก เพราะถ้าเล่าตอนนี้มีหวังไม่ได้ดูเพื่อนแสดง วิลจึงต้องช่วยตัดบทว่าเรื่องมันยาวอีกรอบ สร้างความเคืองขุ่นหนักกว่าเดิม แต่พอหันมาดูเด็กๆเต้นเต็มที่มันก็พอสนุกขึ้นมาได้บ้าง

    “Yeah my mama she told me, "don't worry about your size"
    (Shoo wop wop, sha-ooh wop wop)
    She says, "Boys like a little more booty to hold at night"
    (That booty booty, uh, that booty booty)”

    มาจนถึงท่อนฮุคสุดท้ายที่เด็กๆต่างเด้งก้นไม่มีใครยอมใคร และเพราะเต้นหนักกว่าตอนซ้อม อลันที่เคยคงเสียงได้ในระดับดีก็เริ่มตก ยังไม่เพี้ยนก็จริงแต่ก็แย่ลงจนถ้าถึงท่อนสุดท้ายคงหลุดหมด

    เคเลปกุมอก เฝ้าภาวนาอยู่ในใจว่าขอให้ทนได้และผ่านไปได้ด้วยดี แต่อลันก็ดูแย่กว่าที่คิด จนวินาทีที่แทบจะโยนเรย์โนลด์ขึ้นไปร้องแทนอยู่แล้ว มาสคอตหมูปริศนาก็บุกขึ้นบนเวทีจนทั้งสามคนหน้าเหวอ หมูตัวนั้นเดินเข้าประชิดอลัน แย่งไมค์และใช้ก้นหนักๆของชุดมาสคอตดันอลันจนกระโดดเด้งดึ๋งออกไป คนดูหน้าเวทีหัวเราะไม่หยุด แต่ทั้งแดเนียล โจ และพวกเคเลปที่อยู่ข้างล่างหน้าซีดกันไปหมดแล้ว

    “Because you know I'm all about that bass
    'Bout that bass, no treble
    I'm all about that bass
    'Bout that bass, no treble”

    หมูปริศนาเริ่มร้องเพลง เสียงผู้หญิงที่คุมจังหวะได้ตรงเป๊ะแม้จะยังติดแหบอยู่เล็กน้อยทำเอาผู้เกี่ยวข้องทุกคนหูผึ่งขึ้นมาทันที แดเนียลได้สติก่อนจึงรีบเดินไปเต้นไปเข้าไปดึงอลันที่ยืนเหวอให้มาออกสเตปข้างๆหมู

    แล้วการแสดงก็จบลงด้วยเสียงปรบมือของผู้คนมากมาย เด็กสามคนมองหน้ากันแล้วยิ้ม แล้วจึงหันไปมองหน้าหมูที่แม้จะไม่เห็นหน้าแต่ก็รับรู้ได้ว่ายิ้มอยู่เหมือนกัน ทั้งสี่คนจึงเรียงแถวหน้ากระดาน โค้งให้ผู้ชมจนสุดครั้งหนึ่งแล้วกอดกันกลม จนพิธีกรประกาศขอบคุณให้ลงจากเวที

    “แคลร์!!” โจกระโดดเข้าใส่หมูปริศนาที่ถอดหน้ากากออกมาเป็นเพื่อนสาวทันทีแต่ก็ถูกต่อยออกไปเพราะแคลร์ร้อนเกินกว่าที่จะมีปฏิสัมพันธ์ทางกายใดๆ

    “โอ๊ยร้อนชะมัด!”

    “นี่เธอมาได้ไงเนี่ย ไม่ได้แต่งหน้าด้วย..” แดเนียลพูดพลางมองหน้าสดของเพื่อนสาว ตลอดเวลาที่คบกันมาแคลร์มักจะแต่งหน้าตามแนวเมทัลร็อคด้วยเครื่องสำอางค์สีเข้มเสมอ ทำให้ไม่เคยเห็นใบหน้ายามไร้การแต่งแต้มแม้แต่ครั้งเดียว

    “จะแต่งได้ไงล่ะ ใส่ชุดนี้อยู่ตั้งนาน”

    “เราร้องเพลงกันสี่นาทีเองนะ” อลันพูดกลั้วหัวเราะ ทำเอาแคลร์ตวัดสายตากลับมามองด้วยความขุ่นเคือง

    “สี่นาทีที่ไหนล่ะ ฉันน่ะใส่ชุดนี้ไปแจกขนมกับประกาศเรื่องการแสดงตั้งแต่เที่ยง ร้อนจนไม่รู้จะร้อนยังไงแล้ว”

    “โธ่แคลร์...”

    ทั้งสามคนที่ได้ยินต่างก็พูดไม่ถูก ได้แต่เดินมากอดเพื่อนสาวพร้อมๆกัน ถึงแม้ว่าเธอจะพูดปาวๆว่าร้อน แต่ก็ยอมให้กอดแต่โดยดี น้ำตาใสๆที่อดกลั้นมานานเริ่มไหลลงตามใบหน้า

    “ฉัน.. ฉันน่ะ… นึกว่าจะไม่ทันซะแล้ว.. รีบรักษาเสียง.. ขอโทษนะที่ทำให้เป็นห่วง”

    “เธอสุดยอดมากเลยแคลร์ หลังจากนี้กลับมาซ้อมด้วยกันนะ” โจว่าพลางกระชับอ้อมกอด อลันกับแดเนียลก็เช่นกัน

    “เอ้าๆ ฉากซึ้งน่ะพอแค่นั้นแหละ นี่ตอนนี้ข้างนอกมีคนบอกว่าอยากถ่ายรูปน่ะ พวกนายไม่ต้องเปลี่ยนชุดแล้วออกไปทั้งๆอย่างนี้ได้มั้ย แคลร์ด้วยนะ”

    “ครับ”

    เด็กชายสามคนตอบรับแข็งขัน มีแต่แคลร์เท่านั้นที่หน้าเสียลงนิดๆ เธอเป็นคนที่ทนไม่ไหวจนหนีการซ้อมออกมา ถึงแม้ว่าเคเลปจะซ้อมหนักจนเธอแย่แต่การทิ้งทีมก็ไม่ใช่เรื่องดี ทำให้เธอไม่รู้จะเข้าหน้ากับเคเลปยังไง

    “คุณเคเลป.. หนูขอโ…”

    “ฉันต่างหากล่ะที่ต้องขอโทษ ขอโทษที่เคี่ยวเข็ญโดยไม่ดูกำลังเธอเลย วันนี้ฉันตกใจมาก เธอทำได้ดีมากจริงๆแคลร์”

    “ขอบคุณค่ะ”

    “อืม ไปหาเพื่อนๆเถอะ”

    เด็กสาวสวมหัวหมูแล้ววิ่งออกไปทันทีที่ได้รับอนุญาต เด็กๆห้าคนกอดคอกันออกจากห้องหลังเวทีไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม หัวใจเคเลปเต้นตึกตักด้วยความรู้สึกที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาไม่เคยรู้สึกถึงความยินดีในการที่มีผู้คนมาชื่นชมในงานแสดงเล็กๆเพราะมันเป็นเรื่องธรรมดา และไม่เคยรู้สึกถึงความพยายามของคนที่อยากเข้าร่วมวงอย่างสุดฤทธิ์ รวมถึงความรู้สึกยินดีที่เพื่อนร่วมทีมอยู่กันพร้อมหน้าด้วย แต่ความรู้สึกของเด็กๆพวกนี้ กำลังสั่นคลอนความรู้สึกของเขาอย่างน่าประหลาด

    “ตื้นตันล่ะสิ” เพื่อนสนิทที่ไม่รู้ว่ามาอยู่ข้างๆตั้งแต่เมื่อไรกล่าวอย่างรู้ทันพร้อมหัวเราะในลำคอน้อยๆ เคเลปลืมนึกไปเสียสนิทว่าถ้าเด็กๆห้าคนออกไปพร้อมกันแล้วตัวเขายังอยู่กับใคร

    “ยุ่งน่า” ชายหนุ่มกล่าวเสียงขุ่น แต่คนข้างๆก็ดูจะไม่ได้สนใจอาการไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก

    “ถ้าไปถึงงานใหญ่ๆนายจะยิ่งดีใจมากกว่านี้อีกนะ”

    “บอกว่ายุ่งไง!”

    เคเลปถองศอกใส่เพื่อนสนิทเข้าเต็มแรงก่อนจะเดินออกไปทั้งที่ใบหูยังขึ้นสีแดงเถือก คงจะเขินไม่เบาที่ตัวเองรู้สึกถึงความตื้นตันของทีมและการแสดงผ่านพวกเด็กๆ

    ความตั้งใจของพวกวิลที่จับเคเลปมาเป็นโค้ชในครั้งนี้หวังผลสองอย่าง คือการหาเด็กที่สมควรให้โควต้ามหาวิทยาลัยและชักชวนมาเข้าชมรมที่ปีหน้าจะมีคนทยอยออกกันหลายคน กับการดึงไม่ให้เคเลปไปสำมะเลเทเมาที่ไหนเพื่อป้องกันข่าวเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตและส่งผลกับชมรม แต่ถ้าจะมีผลลัพธ์ที่สาม อย่างการที่เคเลปเป็นคนที่ดีขึ้น และสนใจคนอื่นมากขึ้นได้ คนริเริ่มแผนการอย่างเขาก็พอใจไม่น้อยเลยทีเดียว





    ทั้งๆที่เป็นวันที่น่ายินดีที่ทุกคนต่างประสบความสำเร็จกับการแสดงและกำลังถ่ายรูปพร้อมโฆษณาชมรมด้วยความสนุกสนานแท้ๆ วิลไม่รู้เลยว่าหลังจากที่เดินออกมาจากห้องหลังเวทีแล้วจะต้องเผชิญกับอะไร จนกระทั่งได้เห็นคนหน้าคุ้นตากับเด็กมัธยมอีกกลุ่มหนึ่งที่ยืนวางท่าอยู่นั่นแหละ

    “ว่าไง มาดูตามที่เจ้าเด็กซีดนั่นชวนแล้วนะ อะไรของพวกนาย แค่โชว์ธรรมดายังกล้าชวนคนอื่นมาดูอีก” มาร์โคว่าแล้วหันไปพยักเพยิดกับเด็กๆที่อยู่ด้านหลัง คำพูดดูถูกลอยเข้าหูนับไม่ถ้วนจนโต้ตอบไม่ทัน วิลนิ่ง และปล่อยให้พวกนั้นพูดไปจนพอใจ และมันก็ไม่ได้ยาวนานอย่างที่คาด เมื่อผ่านไปพักนึงพวกเด็กๆก็เริ่มหยุดปากแล้วมองหน้า ว่าทำไมเขาไม่โมโหหรือพูดอะไรเสียที

    “คนดูสนุกขนาดนั้นก็กำไรแล้ว พวกนายไม่เคยแสดงอะไรที่คนดูหัวเราะอย่างมีความสุขออกมาขนาดนั้นล่ะสิ”

    วิลแค่พูดไปเรียบๆเท่านั้น แต่พวกเด็กๆกลับรู้สึกว่าโดนดูถูกจนต้องตอบโต้ “ก็นี่มันแสดงตลกนี่หว่า! ใครมันจะบ้าดูอะแคปเปลล่าแล้วนั่งขำ คนปกติเค้าแค่ยิ้มแล้วก็ปรบมือกันเว้ย!”

    “ตอบตรงๆก็ได้ ว่าไม่เคยทำให้คนดูหัวเราะ”

    “เฮ้ย!” เด็กคนหนึ่งปรี่ไปกระชากคอเสื้อพร้อมสบถเสียงดังจนคนใกล้ๆเริ่มมอง เรย์โนลด์ที่รับหน้าที่เป็นตากล้องจำเป็นเองก็หันมาดูเหมือนกัน เด็กหนุ่มสะดุ้งและทำท่าจะวิ่งเข้าไป แต่วิลที่หันมามองพอดีก็ยกมือเป็นเชิงว่าไม่ต้องเข้ามา แล้วค่อยชี้ไปทางใครคนหนึ่งที่เดินอยู่ห่างๆ เรย์โนลด์ที่จับสัญญาณได้ทันทีจึงวิ่งออกไป

    “พูดไม่รู้เรื่องรึไง! บอกว่าการแสดงของพวกแกมันห่วยถึงขั้นต้องทำให้คนดูหัวเราะด้วยมุขต่ำๆพวกนั้นไง! ถ้าเป็นพวกเราแค่เสียงร้องอย่างเดียวก็…”

    “ทีมTiger Blastนี่มีแต่นักเลงหรือไง” วิลแสร้งพูดดังๆจนมาร์โครู้สึกตัว เขารีบบอกให้เด็กคนนั้นปล่อยมือแล้วถอยออกมาแต่เด็กที่เลือดร้อนไม่คิดจะฟังอะไร กลับชกหน้าวิลเข้าไปเต็มแรงจนหนุ่มหนวดเฟิ้มฟุบลงกับพื้น

    โชคดีที่มันเป็นจังหวะพอดีกับที่เรย์โนลด์วิ่งพาใครบางคนเข้ามา “คุณเจ้าหน้าที่ครับ เค้ายกพวกมาตีพี่ผมครับ!”

    “ฉิบหาย…” มาร์โคสบถเมื่อเห็นเรย์โนลด์หรือเจ้าซีดที่พวกตัวเองเรียกกันวิ่งพาเจ้าหน้าที่สามสี่คนเข้ามา ตัวเด็กวิ่งเข้ามาประคองวิลที่เลือดออก ยิ่งทำให้เจ้าหน้าที่มองตาเขียว แล้วออกคำสั่งเด็ดขาดให้ทุกคนตามไปที่ห้องพัก มาร์โคจึงต้องล่าถอยอย่างเสียไม่ได้ ได้แต่มองวิลที่นั่งทำท่าเจ็บปวดอย่างโกรธแค้น

    คนที่เหลือไม่ได้รู้เรื่องราว แต่พอเห็นคนที่กำลังชมเวทีตลกมองมาทางที่เกิดเรื่องกันหลายคนจึงรีบไปช่วยดึงอารมณ์ผู้คนให้สนใจที่เวทีกันต่อ มีเพียงเคเลปเท่านั้นที่เดินเข้ามาหาเพื่อนสนิทที่ลุกขึ้นยืนแล้วอย่างไม่เข้าใจ

    “คนเมื่อกี้เป็นใครน่ะ พวกนายมีเรื่องอะไรกัน”

    เรย์โนลด์มองหน้าวิลสื่อว่าพูดดีหรือเปล่า แต่เห็นวิลไม่พูดอะไรก็เลยบอกแค่ส่วนของตัวเองออกไป “พวกทีมTiger Blastน่ะครับ เค้ามาดูถูกทีมเราตั้งแต่ตอนที่ผมมาสมัครแล้ว ตอนนั้นผมก็ตอบโต้ไปนิดหน่อยก็เลยมีเรื่องกัน วันนี้ตอนไปซื้อขนมก็ดันเจออีก มาพูดอยู่ได้มาวงเราห่วยก็เลยมีเรื่องอีกน่ะครับ ดีที่ได้พี่วิลมาช่วยไว้ ส่วนคนที่ดูเหมือนโค้ชของพวกนั้น ที่ชื่อมาร์โค…” เรย์โนลด์เสมองไปที่วิลเพราะมันนอกเหนือจากเรื่องที่เขารู้แล้ว แต่วิลก็ยังนิ่งและถอนหายใจออกมา แล้วพูดประโยคเดิมๆทุกที

    “เคยอยู่ชมรมเดียวกันตอนมัธยม เรื่องมันยาวน่ะ…”

    ว่าแล้วก็อ้างว่าต้องไปทำแผลและเดินออกไป ทิ้งให้เคเลปมองเรย์โนลด์ที่ยืนส่ายหน้าบอกว่าตัวเองก็ไม่รู้เหมือนกัน นี่เพื่อนสนิทของเขามีเรื่องอะไรที่บอกไม่ได้กันนะ?

___________________________________________________________________________________________

สวัสดีค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ!
ในที่สุดเวทีแรกก็จบลงไปแล้ว ต่อไปจะเป็นการแข่งขันของจริงล่ะค่ะ เด็กๆจะเป็นยังไงกันบ้างน้าาา
จนถึงตอนนี้ก็ยังวนเวียนอยู่กับAll About That Bass งั้นขอแนะนำเพลงที่เราชอบเพลงอื่นแล้วกันค่ะ
วันนี้ขอนำเสนอ Geronimo - Sheppard ค่ะ

ออฟไลน์ meelhek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
CH6

    บรรยากาศของชมรมกลับมาดีอย่างเก่าเมื่อแคลร์กลับมา แผนการซ้อมของเคเลปเองก็ไม่หนักหนาเหมือนเก่า ซ้ำยังเน้นไปที่การรักษาและถนอมเสียงของคนที่มีปัญหาอย่างโจและแคลร์ ส่วนตัวแดเนียลกับอลันจะเน้นไปที่การคุมเสียงและลมหายใจเพื่อให้แข็งแรงขึ้น
   
    ทั้งๆที่เด็กๆหัวเราะไปซ้อมไปแต่เคเลปกลับทำหน้าบูดอยู่คนเดียวจนแดเนียลชักเป็นห่วง เมื่อตอนวันงาน เด็กหนุ่มมองตารางดูแล้วเห็นว่ามีขบวนพาเหรดกับพลุตอนช่วงสามทุ่ม ว่าจะชวนเคเลปไปดูเสียหน่อย แต่เจ้าตัวกลับขอตัวกลับตั้งแต่หลังทานข้าวเย็น อ้างว่าเหนื่อย แต่เท่าที่ดูแล้วเหมือนจะมีอะไรมึนตึงกับเพื่อนสนิทที่ชื่อวิลเสียมากกว่า แดเนียลลองไปถามเรย์โนลด์ที่ไม่รู้ว่าไปสนิทกับวิลได้ยังไงก็ไม่ได้ความ เลยได้แต่มองเคเลปโดยไม่รู้จะช่วยยังไง

    “คุณเคเลปครับ เย็นนี้ว่างรึเปล่าครับ” แดเนียลเอ่ยถามเคเลปที่นั่งเหม่อในช่วงพัก ชายหนุ่มหันมอง ทำท่าครุ่นคิด

    “ก็ว่างอยู่นะ มีอะไรรึเปล่า”

    “ว่าจะชวนทานข้าวน่ะครับ พอดีวันนี้ผมอยู่คนเดียว ก็เลย…” แดเนียลไม่อยากพูดตรงๆว่าอยากทำให้เคเลปร่าเริงขึ้น แต่พอนึกขึ้นได้ว่าข้ออ้างที่ใช้มันดูเชิญชวนแปลกๆก็รู้สึกเขินขึ้นมา โชคดีที่เคเลปไม่ได้รู้สึกตัวถึงเรื่องนั้น แค่ติดว่าแดเนียลตะกุกตะกักเพราะตื่นเต้นที่กำลังชวนคนอายุมากกว่าแถมยังเป็นโค้ชอย่างตัวเองมากกว่า

    “ไม่ไปกินกับเพื่อนๆล่ะ”

    แดเนียลสะอึกเล็กน้อยเมื่อโดนโต้กลับ แต่ก็ตอบกลับไปได้ทันที “พวกนี้ชอบทานฟาสฟู้ดกันน่ะครับ คุณเคเลปก็รู้ว่าผมลดน้ำหนัก…”

    “บ้านเรย์โนลด์ล่ะ”

    “น้องสาวมันชอบกินคลีนน่ะครับ” เด็กหนุ่มตอบตามความจริงไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันคิด แล้วก็ต้องปิดปากฉับเมื่อเคเลปหัวเราะออกมา

    “อะไรของนาย ลดน้ำหนักกินคลีนก็ดีไม่ใช่เหรอ”

    “ก็ผม.. ก็ผม…” ดูเหมือนจะคิดข้ออ้างอะไรไม่ออกเสียแล้ว จะให้บอกว่าอยากไปกับคุณก็คงจะดูน่าอายไปหน่อยเลยไม่พูดจะดีกว่า โชคดีที่เคเลปคิดว่าตอนอารมณ์ไม่ค่อยดีแบบนี้หาเพื่อนไปกินข้าวด้วยก็ดีเหมือนกันเลยคิดจะเลิกแกล้งดีกว่า

    “ได้สิ ไปด้วยกันนะ”





    ถึงจะได้มานั่งตรงหน้ากันสองต่อสองแล้วก็ไม่รู้จะพูดอะไรอยู่ดี แรกเริ่มเดินทีแดเนียลไม่ได้สนิทสนมอะไรกับคนตรงหน้าอยู่แล้ว แค่หลงใหลได้ปลื้มเขาในงานประกวดครั้งเดียวและจับพลัดจับผลูได้เขามาเป็นโค้ชเท่านั้น บางทีเคเลปอาจจะอึดอัดที่ต้องมานั่งกับเขาแค่สองคนแบบนี้ก็ได้

    “นี่ ของนายมาแล้วน่ะ ไม่กินเหรอ”

    “เอ้อ ครับๆ” แดเนียลหยิบช้อนส้อมอย่างตะกุกตะกักแล้วจ้วงเข้าไปในชามสลัดที่สั่งมา กะจะกินๆไปซะจะได้รีบจบ แต่ก็ต้องสะดุดเมื่อดวงตาสีน้ำเงินตรงหน้ากลับจ้องแป๋วไม่วางตา

    “มีอะไรรึเปล่าครับ คุณเคเลป”

    เคเลปไม่ตอบในทันที เขายิ้มและถอนหายใจ “แค่คิดว่านายนี่พยายามดีจังนะ” คำพูดนั้นทำให้แดเนียลขมวดคิ้ว เขาจึงต้องขยายความ “ฉันเคยบอกว่าไม่ต้องลดก็ได้เพราะมันไม่เกี่ยวกับที่เคยสัญญากันไว้ นายก็ยังทำ”

    “เอ่อ ยังไงก็ได้สุขภาพด้วย ผมเลยว่าทำต่อน่าจะดีกว่า คือว่า.. คุณเคเลปไม่อยากให้ผมลดเหรอครับ”

    “โอ๊ยไม่ใช่ ลดมันก็ต้องดีกว่าอยู่แล้วล่ะ เพื่อสุขภาพอ่ะนะ แต่ถ้าเรื่องการร้อง อย่างอลันเองก็ไม่ได้ลดน้ำหนักอะไร แต่ก็ฝึกควบคุมเสียงได้ดีขึ้นเรื่อยๆ โจเองตอนนี้ก็ทานยากับอาหารดีๆมากขึ้น ดูแลตัวเองที่เป็นโรคเกี่ยวกับหลอดลม ยิ่งแคลร์… เฮ้อ ฉันไม่เคยเห็นใครใจสู้เท่าเธอมาก่อนเลยจริงๆ”

    แดเนียลนั่งมองเคเลปพูดยาวเหยียดตาปริบๆจนผักสลัดที่ตักไว้ร่วงลงจากช้อนสู่จาน “ไม่ค่อยเข้าใจหรอกนะครับ แต่คุณกำลังชมพวกผมอยู่เหรอ?”

    “ไม่ชมแล้วเรียกว่าอะไรล่ะ” เคเลปหัวเราะเบาๆกับความใสซื่อของเด็กหนุ่มตรงหน้า ไม่รู้เลยว่ารอยยิ้มเล็กๆที่ไม่ค่อยมีใครเห็นได้เข้าสู่ใจแดเนียลจังๆ

    “ทีแรกฉันนึกว่าพวกนายจะไม่รอดซะแล้ว เสียงพวกนายอยู่ในระดับดีก็จริง แต่เทคนิคไม่มีเลย แถมยังทำลายเสียงตัวเองกันซะขนาดนั้น”

    แดเนียลหัวเราะขื่นๆเมื่อฟังคำพูดนั้น พลางคิดว่าพวกตัวเองก่อนหน้านั้นเป็นอย่างนั้นกันจริงๆ แต่ก็ยังโชคดีที่เคเลปใจดีอาสามาเป็นโค้ชให้ ไม่งั้นตอนนี้คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

    “ต้องขอบคุณคุณเคเลปนะครับ ที่อุตส่าห์มาช่วยทั้งๆที่ผมผิดสัญญา ผมกับเพื่อนๆซาบซึ้งใจกันจริงๆนะครับ”
ส้อมที่จิ้มสเต็กแทบร่วงลงจากมือเมื่อแดเนียลใช้ศัพท์ที่แสดงความขอบคุณอย่างสุดซึ้ง เคเลปขมวดคิ้ว เขาไม่ได้เป็นคนอาสาจะมาเสียหน่อย เรื่องแผนการฝึกอะไรก็วิลเป็นคนเอามาส่งให้ แล้วทำไมเด็กพวกนี้ถึงคิดว่าเขาอาสามาเองด้วยความใจดีกัน?

    นึกไปนึกมาก็เหมือนมีหลอดไฟสว่างวาบอยู่ในหัว ถ้าไม่ใช่วิลบอกว่าเขาเป็นคนต้นเรื่องเพื่อสร้างกำลังใจให้แดเนียล ก็คงเป็นเรย์โนลด์ที่วิลเล่าให้ฟังเล็กน้อยว่าเจอกันที่หน้าโรงเรียนแน่ๆ มิน่าล่ะ แดเนียลถึงได้ดูเทินทูนเขาเสียขนาดนั้น
แล้วพอมาถึงตอนนี้ เขาควรจะเล่าความจริงให้ฟังมั้ย…?

    “แดเนียล ฉันมีอะไรจะบอก” สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาหลายเท่าตัวจนแดเนียลยังรู้สึก เด็กหนุ่มรีบพยักหน้ารัว จะด้วยอะไรก็ตามแต่การที่เคเลปจู่ๆก็ตัดสินใจเล่าความเครียดให้เขาฟัง นับว่าเขาสร้างความเชื่อใจให้ชายหนุ่มได้บ้างแล้ว

    “จริงๆแล้วฉัน... ไม่ได้มาเป็นโค้ชให้พวกนายเพราะตัวเองอยากจะมาหรอกนะ”

    แดเนียลนิ่งค้าง แม้เป็นประโยคสั้นๆแต่ก็ทำให้เขาช็อคมากพอสมควร เด็กหนุ่มวางช้อนส้อมลง ตั้งใจฟังประโยคถัดไป

    “ชมรมของฉันน่ะ พอขึ้นปีหน้าแล้วจะมีคนออกประมาณ5-6คนได้ รู้ใช่มั้ยว่ามิดเดิลตันเน้นทางวิชาการ เรียนหนักมาก บางคณะขึ้นปีสองก็ไม่มีเวลากับชมรมแล้ว ถึงฉันกับวิลจะโชคดีที่อยู่ได้ถึงปีสี่ก็เถอะ แต่ยังไงคนของเราก็ไม่พอ ก็เลย…”

    “ยอมมาเป็นโค้ชเพื่อหวังให้พวกผมยอมเข้ามหาลัยคุณ?”

    “ใช่” เคเลปยอมรับโดยไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองคู่สนทนา เขาไม่ใช่คนที่แคร์คนอื่นก็จริง แต่กับเด็กที่โค้ชตั้งความหวังให้มาเข้าชมรม นี่ถ้าโดนโกรธขึ้นมา คนที่ซวยที่สุดก็ตัวเขาเองนี่แหละ

    “งั้นก็ดีแล้วนี่ครับ”

    “เอ๋” เคเลปแทบไม่เชื่อสายตาเมื่อแดเนียลยังมองเขายิ้มๆ ซ้ำยังตักสลัดกินไปด้วยอีกต่างหาก

    “แบบนี้ก็แปลว่าพวกเราได้เข้ามหาลัยแน่ๆสินะครับ อย่าบอกนะว่ามีเป็นโควตาให้เลยน่ะ”

    “เห็นว่ามีสิบที่ แต่พวกนายต้องพัฒนาตัวเองด้วยนะ”

    “โอ้โห แล้วอย่างนี้มีอะไรแย่เหรอครับ! ถ้าพวกผมทำดี ก็ได้โควต้ามหาลัย ได้เข้าชมรมด้วย พวกผมวินกว่าชัดๆเลยนะ” แดเนียลพูดกลั้วหัวเราะไปกินข้าวไป แถมยังบอกอีกว่าพรุ่งนี้ต้องรีบเอาข่าวดีไปบอกเพื่อนๆเสียแล้ว เคเลปถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วทานอาหารในจานบ้าง

    “อย่าบอกนะครับว่าที่ดูเครียดๆมาตลอดเพราะเรื่องนี้?”

    เคเลปสะดุดกึก เพิ่งรู้สึกสบายใจอยู่หยกๆเริ่มเครียดอีกครั้งเสียแล้ว เกือบลืมไปเลยว่าตัวเองเครียดอยู่ “ก็ใช่…”

    ตั้งใจจะกลบเกลื่อนกับคนตรงหน้า แต่ดูท่าแดเนียลจะจับสังเกตได้ เด็กหนุ่มถามขึ้นทันที “ถ้ามีอะไรอีกก็บอกมาเถอะครับ พวกเราเป็นพวกเดียวกันนะ”

    “ก็.. เรื่องวิลน่ะ” เคเลปยอมบอกอย่างยอมแพ้ ไม่รู้ทำไมถึงบอกออกไปทั้งๆที่ไม่อยากพึ่งพา สงสัยจะได้รับพลังด้านบวกจากเด็กพวกนี้มากไป

    “อย่าบอกนะครับว่าคุณชอบคุณวิล!”

    “ไม่ใช่โว้ย!” ถ้านี่เป็นรายการตลกเคเลปคงเอาอะไรฟาดหัวเด็กหนุ่มตรงหน้าไปแล้ว คิดได้ยังไงว่าเขาชอบวิล หนวดเฟิ้มรุงรังขนาดนั้น แถมแดเนียลยังทำหน้าสยองอย่างกับการไปชอบวิลมันเป็นเรื่องร้ายแรงนักหนา ถึงตัวเองจะเพิ่งว่าถึงรูปลักษณ์ของเพื่อนสนิทไปเมื่อครู่แต่ก็นึกโมโหอยู่เหมือนกัน

    “ไม่ใช่ เอ่อ.. เอาเป็นว่าก็มีเรื่องนิดหน่อยประสาเพื่อนล่ะนะ นี่ เวลานายมีปัญหากับเพื่อนจะทำไงเหรอ”

    แดเนียลนิ่งคิด พอจะเดาออกอยู่ว่าเกี่ยวกับเรื่องที่เจอที่สวนสนุกและวิลไม่ได้เล่าอะไรให้เคเลปฟัง ถึงได้ร้อนใจซะขนาดนี้ แต่ถ้าเคเลปไม่บอกออกมาตรงๆเขาก็จะไม่คาดคั้น แล้วมาช่วยในส่วนที่เคเลปตั้งใจถามตนดีกว่า

    “อ่า.. ถ้าเป็นพวกผมน่ะเหรอ เวลาเรย์โนลด์มันโดนแกล้งหรืออะไรแล้วท่าทีแปลกๆไป ผมจะเข้าไปเขย่าไหล่มันให้คายทุกอย่างออกมาน่ะครับ” แดเนียลพูดกลั้วหัวเราะเมื่อนึกภาพตัวที่ตัวสูงใหญ่และหนักขนาดนี้ไปเขย่าเรย์โนลด์ที่ตัวเล็กอย่างกับชิสุ บางทีเพื่อนสนิทก็ลอยหวือขึ้นมาจากพื้นเลยด้วยซ้ำ

    ฝั่งเคเลปก็พอเดาความคิดแดเนียลออกเลยเผลอหัวเราะไปด้วย เพราะต่อให้คนที่โดนเป็นตัวเขาที่เตี้ยกว่าแดเนียลไม่เท่าไร โดนอย่างนั้นไปลำไส้คงพันกันแน่

    ถึงจะไม่รู้ว่าวิธีที่ว่านี่จะดีต่อการไปเค้นความลับวิลรึเปล่า แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่ามันทำให้อารมณ์ขุ่นเคืองของตัวเคเลปหายไปได้เยอะทีเดียว

    “ขอบคุณนะ”





    เขย่าตัวให้คายความลับออกมางั้นเหรอ เคเลปคิดภาพตามอยู่ตลอดขณะที่เดินทางมายังอพาร์ตเมนต์ของวิล แม้จะคุยอะไรเรื่อยเปื่อยกับแดเนียลนานไปหน่อยจนกว่าจะได้ออกมาก็สามทุ่มเข้าไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ถือว่าดึกเกินไปสำหรับเด็กมหาวิทยาลัยที่อายุเข้าเกณฑ์ผู้ใหญ่แล้ว ที่จะมาเตร่เที่ยวหาเพื่อนยามวิกาล

    พูดถึงแดเนียลแล้วก็ว่าน่าประหลาด เดิมทีเขาถูกใจเจ้าหนูนี่ก็จริงแต่เพราะหวังผลเมื่อเด็กมันผอม แต่ตอนนี้กลับคุยกับเด็กอ้วนๆนี่ได้อย่างไหลลื่น ไม่รู้ว่าปล่อยวางเรื่องทางเพศไปแล้วหรือเพราะแดเนียลช่างคุยและมีบรรยากาศสบายใจกันแน่

    เพราะมัวแต่วกไปคิดเรื่องแดเนียล เลยสร้างจินตนาการที่ว่าตัวเองจะเขย่าไหล่วิลไม่ออกเสียที รู้ตัวอีกทีก็มายืนอยู่หน้าห้องของเพื่อนสนิท ซ้ำยังเคาะประตูไปแล้วอีกต่างหาก

    “มีอะไร?”

    “ขอเข้าไปก่อนได้มั้ยล่ะ”

    วิลเปิดประตูให้เข้าไปโดยไม่ถามอะไร ปกติแล้วเคเลปชอบวิลที่เป็นแบบนี้ แต่ตอนนี้กลับรู้สึกฉุนขึ้นมาเสียอย่างนั้น เขาเดินตามวิลไปนั่งลงที่เตียง เพราะวิลอยู่ในอพาร์ตเมนต์เล็กๆจึงไม่มีเครื่องใช้มากนัก เก้าอี้ก็มีแค่ตัวเดียว พอมีคนมาเพิ่มจึงต้องนั่งเตียงอย่างเสียไม่ได้

    “เบียร์มั้ย?”

    “ไม่เป็นไร” เคเลปปฏิเสธแล้วลอบมองวิลที่เดินไปหยิบเบียร์ให้ตัวเอง วิลตัวสูงกว่าพอๆกับแดเนียล ถึงจะผอมกว่ามากแต่ด้วยหนวดเคราทำให้ดูน่าเกรงขาม หรือเรียกว่าน่ากลัวเลยก็ได้ ถ้าเป็นคนอื่นมาโดนจ้องคงวิ่งหนีแทบไม่ทัน แต่เขาเป็นเพื่อนสนิทที่ทุกอย่างเท่าเทียมกัน ถึงจะคิดว่าวิธีของแดเนียลไม่เหมาะกับเขา แต่ยังไงก็จะเค้นคอเจ้าคนตรงหน้านี่ให้ได้

    “แล้วสรุปว่ามีอะไรล่ะ ไม่มีคู่ขาแล้วเลยมาหาฉัน..”

    “จะบ้าเรอะ!” หมอนบนหัวนอนถูกปาใส่เพื่อนอย่างแรงจนเบียร์เกือบกระฉอก วิลหัวเราะเบาๆกับท่าทีนั้นแล้วจึงถามย้ำอีกที
“งั้นจะมีเรื่องอะไรล่ะ”

    “ฉันอยากรู้เรื่องมาร์โค กับชมรมของนายตอนมัธยม” เคเลปตัดสินใจที่จะไม่ใช้วิธีเด็กๆแบบแดเนียล และเลือกที่จะถามตรงออกมาแล้วจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างจริงจัง ทั้งอย่างนั้นวิลก็ยังทำแค่ขมวดคิ้วแล้วกระดกเบียร์

    “ทำไมล่ะ ปกตินายไม่เห็นจะสนใจเรื่องของฉันเลยนี่ แล้วเรื่องมันก็ผ่านมานานแล้วด้วย”

    “ก็มันอยากรู้นี่นา!” โวยวายเมื่อถูกจี้ใจดำ มันก็ผิดปกติจริงอย่างที่ว่านั่นแหละ

    วิลหัวเราะเบาๆกับท่าทีเอาแต่ใจ “ติดพลังมิตรภาพของพวกเด็กๆมาเหรอ”

    “อะ.. เรื่องนั้น…” เคเลปเสมองไปทางอื่น พูดตะกุกตะกัก ถือว่าเป็นท่าทีที่เปลี่ยนไปในทางที่ดี เพราะงั้นวิลจะไม่ไล่ต้อนให้ยอมรับหรอก เดี๋ยวจะทำตัวประชดไปอีกทางให้มันเสียเรื่อง

    แถมยังไงเรื่องนั้นก็เกี่ยวข้องกับเด็กๆด้วย บอกไปก็ไม่เสียหาย

    “เล่าให้ฟังก็ได้”

    เคเลปเกือบถามออกมาแล้วว่าจู่ๆทำไมถึงจะเล่า แต่ก็หุบปากไว้ บางทีการปล่อยให้อีกฝ่ายทำอะไรตามที่ต้องการโดยไม่ถามไถ่ คงจะเป็นวิถีเพื่อนสนิทของพวกเขาล่ะมั้ง





    โรงเรียนมัธยมของวิลไม่ใช่โรงเรียนดีเด่นอะไรนักของเมือง ไม่ว่าจะเป็นวิชาการหรือกีฬา เพราะอย่างนั้นเองพวกเด็กๆจึงก่อตั้งชมรมสายศิลป์ขึ้นมามากมายและพยายามสร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียน หนึ่งในนั้นคือชมรมอะแคปเปลล่าที่ประสบความสำเร็จที่เรียกได้ว่าสูงที่สุดในหมู่ชมรมต่างๆ พวกเขาเข้าประกวดทุกงาน ล่าทุกรางวัล งานแสดงเล็กๆก็ไป ถือเป็นความภาคภูมิใจหนึ่งของโรงเรียนเลยก็ว่าได้

    และในการแข่งขันสุดท้ายในฐานะนักเรียนของวิล…

    “มาร์โคร้องนำนะ” เสียงประกาศจากโค้ชมาอย่างนั้นทำให้ทุกคนปรบมือให้กับเด็กหนุ่มผมหยักศกที่นั่งอยู่ตรงกลาง มาร์โคเป็นคนเก่ง แต่เพราะในชมรมเองก็มีคนเก่งหลายคนจึงไม่ค่อยได้โอกาสรับเลือกเท่าไรนัก และมันทำให้หมอนั่นดีใจมาก

    “ครั้งสุดท้ายแล้ว มาชนะด้วยกันเถอะนะ” วิลบีบไหล่มาร์โคแน่น ยินดี และเชื่อใจในฐานะเพื่อนร่วมทีมและเพื่อนสนิทคนหนึ่ง
ทุกคนซ้อมกับแทบเป็นแทบตายในระยะเวลาหนึ่งเดือนที่เหลือ รุ่นพี่ก็เต็มที่กับครั้งสุดท้าย รุ่นน้องก็เต็มที่เพื่อแสดงให้เห็นว่าแม้รุ่นพี่จากไป แต่พวกเขาก็จะสามารถประคองวงต่อไปได้

    ในหนึ่งเดือนนั้นมีความกดดันมากมาย แต่ทั้งอย่างนั้นก็มีความสุข โดยเฉพาะมาร์โคที่ได้ร้องนำในครั้งนี้ หมอนั่นยิ้มทุกวันราวกับคนบ้า แต่ก็ไม่มีใครซักถามหรือเข้าไปขัด เพราะต่างก็รู้กันว่ามันมีความสุขขนาดไหน

    “มาร์โค” วิลเอ่ยเรียกแล้วโยนกระป๋องน้ำผลไม้ไปให้มาร์โคที่นั่งอย่างหมดแรงอยู่ตรงบันไดเวที

    “พักสักหน่อยมั้ย”

    เด็กหนุ่มส่ายหน้า “ไม่เป็นไร”

    “นี่มาร์โค”

    “หืม”

    “เรื่องมหาวิทยาลัย นายจะเข้าที่ไหนน่ะ” ทั้งที่เป็นคำถามธรรมดาแต่มาร์โคกลับสำลักน้ำที่ส่งให้ไปในทันที วิลคิดว่าคงผิดจังหวะเองจึงไม่ได้ใส่ใจอะไรนอกจากหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นน้ำหกเลอะเสื้อผ้าหลายจุด เขารอคำตอบหลังจากที่เหตุการณ์สงบลง แต่มาร์โคก็ไม่ตอบ ซ้ำยังมีสีหน้าเปลี่ยนไป วิลจึงคิดว่าบางที หมอนี่อาจจะยังไม่มีมหาวิทยาลัยรึเปล่า?

    “นี่มาร์โค ถ้านายมีปัญหาอะไร…”

    “ไม่มีอะไรเลย” เด็กหนุ่มพูดขัดขึ้นมาแล้วจ้องตาคนถามนิ่ง “ฉันมีมหาวิทยาลัยเข้าแล้วล่ะ ไม่ต้องห่วงนะ”

    วิลไม่ใช่คนช่างถาม แต่ครั้งนั้นเป็นครั้งเดียวในชีวิตที่ตัดสินใจผิดที่จะไม่ถาม…





    ในวันแข่งขัน ทุกคนต่างตื่นเต้นกับทุกๆอย่าง รวมถึงคำว่าครั้งสุดท้ายที่มันค้ำคออยู่ทำให้ความรู้สึกมุ่งมั่นอยากเอาชนะมันปะทุออกมาจากตัวของทุกคน

    ทั้งอย่างนั้น กลับมีคนหนึ่งที่หน้าซีดตลอดเวลา มาร์โค…

    “เฮ้ย ใจเย็นๆ ก็ร้องเหมือนทุกทีแหละน่า”

    “ใช่ๆ ไม่ต้องเครียดนะ พวกเราก็อยู่ด้วย”

    เพื่อนหลายคนต่างเข้าไปปลอบมาร์โคที่นั่งตัวสั่นด้วยเข้าใจว่ามันคงตื่นเต้น มาร์โคเงยหน้ามายิ้มรับแหยๆอย่างคนไม่มั่นใจ หน้าซีดเซียว

    ถ้าเป็นเด็กใหม่มาอยู่ตรงนี้จะมีอาการอย่างนี้ก็ไม่แปลก แต่นี่คือมาร์โค ชั้นปีสุดท้ายที่ผ่านสนามมาแล้วอย่างโชกโชน มาร์โคไม่เคยมีอาการเครียดเกิดกว่าเหตุ ถึงมีมันก็แค่ความตื่นเต้นที่ปะทุอยู่ในใจ และไม่ทำให้ใครเป็นห่วง

    “คิดว่ามาร์โคมันแปลกๆมั้ย” วิลถามกับนักร้องหญิงคนหนึ่งในวง เธอเสมองไปที่มาร์โคแล้วพยักหน้า

    “ก็แปลก แต่ฉันก็เคยเป็นแบบนั้น เลยคิดว่ามันปกติล่ะมั้ง”

    “นั่นมันตอนที่เธอเข้าใหม่รึเปล่า”

    “ใช่แหละ แต่เอาเถอะ นายอย่าเครียดตามไปด้วยเลยวิล” เธอตบบ่าเขาแล้วเดินหายเข้าไปในห้องแต่งตัว ก็อาจจะเป็นอย่างที่ว่า บางทีมาร์โคอาจแค่ตื่นเต้นนิดหน่อยเท่านั้น

    แต่มันก็ไม่ใช่…

    เพราะเมื่อถึงเวลาขึ้นเวทีเข้าจริงๆ แม้ว่าช่วงแรกมาร์โคจะแสดงได้อย่างงดงามหมดจดราวกับไม่เคยเครียดมาก่อนและทำให้ทุกคนโล่งใจ ทว่าในครึ่งหลัง เสียงของมาร์โคกลับเพี้ยนไปทีละนิดๆอย่างน่าตกใจ และในท่อนไฮโน้ตนั่นเอง…

    ทุกอย่างในหอประชุมนิ่งสนิท แม้กระทั่งทุกคนที่กำลังร้องคอรัสอยู่ต่างหยุดชะงัก ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เสียงของมาร์โคหวีดสูงกังวาน แต่กลับหลุดคีย์กระเจิดกระเจิง

    และทุกคนรู้ดี ว่านั่นเป็นความผิดพลาดที่แย่ที่สุดในการแข่งขัน

    ชื่อของวงถูกประกาศในที่สุดท้ายของการแข่งขัน ด้วยคะแนนการร้องที่ต่ำที่สุดในประวัติการณ์ ชนิดที่ว่าแม้แต่คู่แข่งยังเข้ามาปลอบที่หลังเวที ทุกคนต่างส่งเสียงร้องไห้กันระงม เวทีที่ควรเป็นการแข่งที่สนุกสนานกลับมีแต่ความเศร้าสร้อยปกคลุม

    ทุกคนเสียใจแต่ไม่มีใครกล่าวโทษมาร์โค ด้วยความที่เป็นทีมเดียวกัน เชื่อสนิทใจว่าความผิดพลาดเป็นเหตุที่อยู่นอกเหนือการควบคุม และไม่มีใครรู้สึกตัวเลย ว่ามาร์โคหายจากห้องนี้ไปอย่างเงียบเชียบ


ออฟไลน์ meelhek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
    ทุกคนนัดกันกลับมาที่โรงเรียนในอีกหนึ่งเทอมให้หลัง ไม่มีแม้แต่เงาของมาร์โคเช่นเคย

    พวกรุ่นน้องต่างพูดถึงทีมTiger Blastที่ทวีความแข็งแกร่ง พวกเขารู้จักทีมนี้ดี เพราะเข้าแข่งขันในรายการเดียวกันมาบ่อยๆ ปกติมักจะได้ที่สองหรือสามอยู่เสมอ และการที่ทีมๆหนึ่งจะพุ่งขึ้นแรงไม่ใช่เรื่องแปลก สมาชิก โค้ช ทุกอย่างเกี่ยวข้องกันทั้งนั้น และพวกตนทำได้แค่ให้พวกรุ่นน้องสู้ต่อไป

    แต่เรื่องที่พวกรุ่นน้องตั้งใจจะพูดกลับไม่ใช่แค่ความแข็งแกร่งของTiger Blast แต่กลับเป็นเรื่องที่โรงเรียนของทีมนี้ กับมหาวิทยาลัยเซนต์เมลลีที่โด่งดังในด้านดนตรีได้จับมือเป็นพันธมิตรกัน  เพราะหัวหน้าวิชาดนตรีของพวกTiger Blastไปติดสินบนที่เซนต์เมลลีไว้ คือมันก็เป็นความลับอยู่หรอก แต่เรื่องไม่ดีแบบนี้ยังไงก็กระจายออกมาสักวัน

    ซึ่งที่น่าหงุดหงิดสุดๆสำหรับน้องๆของวิลนี้คือเซนต์เมลลีผูกขาดทุนดนตรีเกือบทั้งหมดไว้กับโรงเรียนของTiger Blast ทำให้เด็กๆจากที่อื่นแทบไม่มีสิทธ์เหยียบย่างเข้าไปในชมรมดนตรีของที่นั่น ไม่ใช่ว่ากันสิทธิ์ไม่ให้เด็กเข้าไปเรียนและเข้าชมรมแบบปกติไม่ได้ แต่การให้เข้าไปอยู่ในที่ๆมีแต่อดีตTiger Blastที่เป็นศัตรูทำให้ทุกคนไม่อยากเข้าไปเช่นกัน

    “น่าเสียดายชะมัด ฉันอยากจะเข้าอะแคปเปลล่าต่อแท้ๆ”
 
    “เธอยังดีเบี่ยงไปชมรมอื่นได้ ฉันนี่ต้องไปเข้าม.อื่นเลย”

    พวกรุ่นน้องต่างบ่นให้ฟังเรื่องนั้นซึ่งวิลก็พอจะเข้าใจ เพราะตัวเองก็ได้รับผลกระทบในเรื่องนี้เช่นกัน ทีแรกเขาขอทุนดนตรีของเซนต์เมลลีไปแต่ไม่ได้รับการตอบรับ แต่ได้รับทุนของมิดเดิลตันที่ชื่อเสียงอะแคปเปลล่าอยู่กลางๆ แต่เด่นดังทางวิชาการแทน ซึ่งเขาก็ค่อนข้างพอใจกับมหาวิทยาลัยและทีมปัจจุบันไม่น้อยเลยทีเดียว

    “ว่าแต่มีใครเจอมาร์โคบ้างรึเปล่า ติดต่อไม่ได้เลย”

    “นั่นสิ คงรู้สึกผิดอยู่มั้ง”
 
    “อ๊ะ เหมือนฉันเคยเห็นหมอนั่นที่เซนต์เมลลีแฮะ”

    เพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้นและมันทำให้ทุกคนหันขวับ หนึ่งในนั้นพูดต่อ “แล้วไม่ได้คุยกันเหรอ”

    “ไม่เลย พอทักไปหมอนั่นก็เหมือนไม่ได้ยินไงไม่รู้ เลยปล่อยเลยตามเลย”

    “แล้วตอนนี้มันเรียนอะไรอยู่ล่ะ เกรดของมาร์โคปกติเข้าเซนต์เมลลีไม่ได้หรอกนะ เว้นแต่จะได้ทุน ซึ่งก็เป็นไปไม่ได้อีก เนอะวิล” เพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้นแล้วหันมาทางวิล ซึ่งชายหนุ่มก็พยักหน้า และเกิดความสงสัยเช่นเดียวกัน

    “คนอะไร ได้เจอแท้ๆกลับไม่มีข้อมูลอะไรเลย ใช้ไม่ได้จริงๆ”

    เพื่อนคนที่ไปเจอมาร์โคขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด โวยวาย “ก็ไม่ได้มีเวลาขนาดนั้นนี่หว่า ไอ้ฉันก็ไม่ใช่นักศึกษาที่นั่นซะด้วย แค่ไปหาแฟนเท่านั้นเอง”

    “งั้นทำไมไม่ให้แฟนนายสืบให้หน่อยล่ะ”

    ทุกคนหันมามองผู้พูดเป็นทางเดียวกัน ถึงจะอยากรู้เรื่องของเพื่อนก็เถอะ แต่แบบนี้มันล้ำเส้นเกินไปหน่อยรึเปล่า? แต่ถึงอย่างนั้นทุกคนก็สรุปว่าให้เอาตามนั้น ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนและอยากติดตามให้กลับมานั่งร่วมวงกันได้ดังเดิมโดยเร็ว

    ไม่ได้รู้เลยว่าเรื่องนี้มันจะทำให้ความสัมพันธ์พังทลาย…

    วิลได้รับอีเมล์จากเพื่อนคนนั้นในคืนหนึ่ง เขาเปิดมันอ่านหลังจากทำงานพิเศษเสร็จสิ้น ได้ความว่า

    “สวัสดีทุกคน
    ขอโทษทีนะที่เลือกวิธีส่งอีเมล์แทนที่จะนัดทุกคนรวมถึงมามาร์ดคออกมารวมกัน เพราะว่ามันเป็นไปไม่ได้แล้วไงล่ะ ทำไมน่ะเหรอ?
    ฉันเอารูปมาร์โคให้แฟนดูและให้เธอช่วยเข้าหา สิ่งแรกที่เธอรู้คือมาร์โคได้รับทุนด้านดนตรีและตอนนี้กำลังอยู่ในชมรมอะแคปเปลล่า! นี่มันเรื่องบ้าชัดๆ พวกนายก็รู้ว่าวิลเป็นยังไงตอนขอทุนที่นั่นไป มันเป็นไปไม่ได้เลย แล้วทำไมมาร์โคถึงเข้าไปได้ล่ะ?
    เพื่อนของแฟนฉันมาจากโรงเรียนเดียวกับพวกอดีตTiger Blast ก็เลยให้เธอคนนั้นเข้าไปถาม อย่างเช่นว่า หมอนั่นเป็นใคร อยู่โรงเรียนเราด้วยเหรอ มาจากที่ไหน ไม่เคยเห็นหน้า ไอ้คนที่ตอบก็พาซื่อ ตอบไปตรงๆว่ามาจากโรงเรียนของพวกเรา แล้วบอกว่าเพราะมาร์โคทำให้พวกมันชนะโรงเรียนเราได้ ชนะได้ไงน่ะเหรอ พวกนายได้ยินจากรุ่นน้องแล้วใช่มั้ยว่าหัวหน้าวิชาดนตรีของโรงเรียนนั้นฮั้วกะเซนต์เมลลี แต่ทางมหาลัยก็ไม่ได้คิดจะให้ทุนผูกขาดง่ายๆหรอกนะ เพราะถ้าได้เด็กไม่เจ๋งจริงขึ้นมาชมรมของมหาลัยก็แย่ เพราะงั้นหลักฐานที่จะแสดงให้เห็นว่าTiger Blastมันเจ๋งคือต้องเอาชนะคู่แข่งที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างพวกเราให้ได้อย่างต่อเนื่อง แล้วมันเคยทำได้มั้ยล่ะ? ไม่! ทางโรงเรียนนั้นก็เลยหาวิธีทุเรศๆขึ้นมาเพื่อสกัดขาคู่แข่ง โดยประเดิมที่งานนั้นของพวกเราเป็นครั้งแรก
    ฉันว่าพวกนายคงเริ่มเดาวิธีการออกแล้วนะ พวกนั้นเอาทุนดนตรีของเซนต์เมลลีมาเป็นเครื่องมือให้มาร์โคล้มงานของพวกเรา หมอนั่นที่เกรดไม่ดีนักและเข้ามหาลัยได้แค่ทุนเท่านั้นตอบตกลงอย่างไม่คิดชีวิต มันจงใจทำเป็นตื่นเต้นให้เราเห็นว่ามันเครียด พวกเราจะได้ไม่โทษว่ามันทำพลาด แล้วเป็นไงล่ะ!
    ตอนนี้ฉันโกรธมันจนพูดไม่ถูกเลย และฉันคิดว่าพวกนายก็เหมือนกัน แต่จะให้ไปแก้แค้น พวกเราที่รักสงบก็คงไม่ทำกันใช่มั้ย ฉันบอกตรงนี้เลยนะว่าขอตัดเพื่อนกับมันตลอดกาล ส่วนพวกนายจะคิดยังไงกับเรื่องนี้ก็แล้วแต่เลย”

    เนื้อหาจบลงแค่นั้น วิลเห็นเพื่อนหลายคนใช้การตอบกลับแบบตอบกลับทุกคนทำให้เพื่อนๆต่างเห็นเมล์ว่าทุกคนจะขอตัดเพื่อนกับมาร์โค และนั่นเป็นการตัดสินใจที่เจ็บปวดขนาดไหน

    วิลไม่ได้ส่งอะไรตอบกลับไป เขาโยนมือถือลงกับเตียง นั่งจมจ่อมอยู่กับความเสียใจ ความโกรธแค้น ทุกอย่างมันกลั่นออกมาเป็นน้ำตาแห่งความผิดหวังที่มีต่อคนที่เรียกว่าเพื่อนคนหนึ่งอย่างสุดซึ้ง และเขาเชื่อว่าเบื้องหลังอีเมล์รุนแรงนั้น ทุกคนต่างก็เศร้าเสียใจไม่ต่างกัน





    “เป็นแบบนี้เองเหรอเนี่ย” เด็กๆแทบจะประสานเสียงกันเมื่อเคเลปเอาความทั้งหมดมาถ่ายทอด

    หลังจากที่เพื่อนสนิทเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง วันต่อมาเคเลปก็เรียกรวมทุกคนและเล่าทั้งเรื่องทุน รวมถึงเรื่องราวของวิลให้เด็กๆฟังทันที จุดประสงค์ไม่ใช่เพื่อความเกลียดชัง แต่เป็นความระมัดระวัง เพราะวิลเองก็เล่าต่ออีกนิดหน่อยว่าหลังจากนั้นก็มีบางทีมที่ถอนตัวหรือแพ้ไปเพราะเหตุการณ์ประหลาดๆ จริงอยู่ว่าระดับของทีมแกรนด์ฟิลด์ไม่ได้แข็งแกร่งขนาดที่วงระดับนั้นจะมาทำอะไร แต่รู้ไว้ก็ไม่เสียหาย

    “แล้วถ้าพวกเค้าแกล้งเราจริงๆจะเป็นไงล่ะ” อลันที่ขี้กลัวถามขึ้นด้วยสีหน้ากังวล จึงโดนแคลร์ตีพุงเข้าไปป้าบหนึ่งเต็มๆ

    “ไม่โดนหรอกน่า อย่างเรื่องทุนเงี้ย พวกเราก็มีของมิดเดิลตันอยู่แล้วไม่ใช่รึไง จำไว้นะว่าจุดประสงค์ของเราคือทำให้ดีที่สุด ยังไงเราก็ได้ แพ้ชนะไม่สำคัญหรอก”

    “แต่ถ้าชนะก็ดีกว่าไม่ใช่เหรอ…” โจว่าแล้วไอแค่กๆตบท้าย แคลร์ตวัดสายตามามองทันที แต่ก็ไม่ได้เถียงอะไร เพราะพวกเธอร้างลาการแข่งขันมานาน คำว่าชนะยิ่งอยู่ห่างไกล การได้ชนะสักครั้งมันต้องดีกว่าอยู่แล้ว

    “งั้นพวกเราก็มาพยายามเพื่อครั้งต่อไปกันเถอะนะ เราอาจจะชนะพวกนั้นจริงๆก็ได้” ทุกคนต่างตอบรับคำพูดของแดเนียล ท่าทีฮึกเหิมนั้นทำให้กระทั่งเคเลปยังยิ้มออกมา แม้จะไม่อยากยอมรับ แต่เด็กพวกนี้ก็ทำให้เขาเข้าใกล้คำว่าโค้ชที่ใส่ใจเข้าไปทุกที

    “เอาล่ะ จบเรื่องของวิลแล้วก็เข้าเรื่องของเราสักที เดี๋ยวเดือนหน้าจะมีงานแข่งรอบคัดเลือกระดับเขตของ High School Acappella Cup Contest ที่อยากให้พวกนายเข้าร่วม โรงเรียนในเขตนี้มีหกโรงเรียน ถ้าเข้าร่วมหมดพวกนายก็จะต้องแข่งกับอีกห้าโรงเรียนที่ให้คิดไว้ก่อนว่าเขาเก่งกว่าพวกนาย และทีมที่จะได้ไปแข่งระดับจังหวัดมีแค่สามทีมเท่านั้น”

    “ต้องได้ที่สามเลยงั้นเหรอ” อลันพูดอย่างหวาดๆ ซึ่งเคเลปก็พยักหน้า

    “เพราะงั้นวันนี้ฉันจะขอกำหนดเพลงที่ใช้ในการแข่ง เนื่องจากพวกนายทำให้ภาพลักษณ์ของทีมตลกโปกฮาไปแล้ว ฉันคิดว่ารอบนี้น่าจะยังคงเอกลักษณ์ไว้ก่อน มีใครคัดค้านอะไรมั้ย” ทุกคนส่ายหน้าหวือ คิดเหมือนกันว่าถ้าอยากผ่านควรเพลย์เซฟไว้ก่อนดีกว่า เลือกเพลงที่ง่ายหน่อยแต่ได้ใส่ท่าทางเต็มที่ดีกว่าเลือกเพลงโหดๆแล้วเสียงหมดตอนหลัง

    “รอบนี้ฉันจะให้พวกนายร้องCan’t Stop The Feeling ของJustin Timberlake”

    “นั่นมันยากไม่ใช่เหรอ!!” ทั้งสี่คนประสานเสียงกันอีกครั้ง แถมยังเสียงดังจนเคเลปต้องอุดหู

    “ก็ยากน่ะสิ นี่เป็นการแข่งขันนะไม่ใช่แค่แสดงโชว์”

    ทุกคนต่างคอตกกับเพลงที่ต้องร้อง จริงอยู่ว่ามันทำให้พวกเขายังคงความสนุกสนาน ตลกโปกฮาได้ แต่เสียงที่ใช้ในเพลงนี้ทั้งยาก ทำคอรัสก็ยาก จังหวะก็ละเอียด มีเวลาแค่เดือนเดียวจะห้ทั้งสี่คนแค่ร้องเฉยๆให้ไหลลื่นยังยากเลย นี่ยังต้องเต้น เอนเตอร์เทนคนดูอีก

    “นี่คงไม่ได้เป็นข่าวร้ายขนาดนั้นหรอกนะ เพราะฉันเชื่อว่าพวกนายทำได้ แต่ว่า…” เด็กๆต่างเงยหน้าขึ้นมาฟัง แค่เพลงก็แย่แล้ว ยังจะมีแต่ว่าอะไรอีก “คราวนี้ ทีมต้องประกอบด้วย5คนขึ้นไป พวกนายต้องหาคนเพิ่ม”

    “หา!!”

__________________________________________________________________________________________

สวัสดีค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ!
ในที่สุดก็มีเพลงใหม่โผล่มาสักที จึงขอแนะนำเลยก็แล้วกันค่ะ Can't Stop The Feeling - Justin Timberlake หรือใครอาจรู้จักในฐานะเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องTrollsค่ะ
แล้วเจอกันใหม่ในวันจันทร์หน้านะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ iaum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ติดตามๆ เป็นกำลังใจให้แดเนียล  :call:

ออฟไลน์ fahtallll

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อยากรู้แล้วว่าสมาชิกใหม่จะเป็นใคร
รอๆๆๆ  :mew1:

ออฟไลน์ meelhek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
CH7

    หลายวันแล้วหลังจากมีประกาศิตจากโค้ชว่าให้หาคน และมันยากกว่าการร้องCan’t Stop The Feelingประมาณ10เท่าได้ เพราะทุกคนในโรงเรียนต่างก็รู้กิตติศัพท์พวกเขาดี ถึงแม้ว่าการแสดงล่าสุดจะไม่ได้เป็นหมูถูกเชือดอีกต่อไปแต่หลายคนก็ยังมองว่าเป็นกลุ่มตัวตลกอยู่ดี ซึ่ง… ทำให้ไม่มีใครมาร่วมกับพวกเขาเลย

    “ตกลงว่าเรย์โนลด์ก็ไม่ได้เหรอแดเนียล” แคลร์ถามอย่างสิ้นหวัง เธอเองก็พยายามชวนเพื่อนสนิทของเธอหลายคนแล้ว แต่สาวๆพวกนั้นต่างก็บอกว่าติดธุระช่วงเย็นซ้อมไม่ได้กันทั้งนั้น แต่จริงๆแล้วเธอรู้ดีว่าเป็นแค่ข้ออ้าง เพื่อนๆเธอเคยมีธุระกันซะที่ไหน เมื่อไม่รู้จะไปหาใครก็เหลือแค่คนใกล้ตัว ซึ่งแดเนียลก็ส่ายหัวเป็นเชิงว่าไม่มีหวัง

    “มันติดแข่งเลขอยู่น่ะสิ นี่บางทีฉันก็ลืมไปนะว่ามันเรียนเก่ง” แดเนียลพูดพลางถอนหายใจ ก็ว่าช่วงนี้มันไม่ค่อยเข้ามากวนอะไรเท่าไร จนไปถามให้มาช่วยชมรมทางนี้นี่แหละถึงได้รู้ว่ามันต้องไปแข่งคณิตระดับประเทศ ซึ่งแข่งก่อนงานแข่งพวกเขานิดเดียว

    “เอเชียก็เรียนเก่งทุกคน ยกเว้น...” แคลร์ว่าแล้วเสมองไปทางโจที่นั่งซ้อมให้จังหวะอยู่คนเดียว แดเนียลพยักหน้ากับคำกล่าวนั้น เพราะว่าชาวเอเชียในโรงเรียนเขามีน้อยและมักโดนแกล้ง จึงต้องถีบตัวเองให้เด่นทางใดทางหนึ่ง จะมีก็แต่โจนี่แหละ การเรียนไม่เอาไหน มายึดเอาแต่เรื่องร้องเพลงอย่างเดียว ซึ่งก็คงไม่ดีกว่านี้หรอกถ้าไม่กินยาให้สม่ำเสมอ

    “นินทาอะไรน่ะพวกนาย ฉันก็เก่งอยู่นะ สุขศึกษาไรงี้” เด็กหนุ่มชาวจีนว่าแล้วหัวเราะกลั้วเสียงไอ ทั้งสองคนส่ายหัว

    “แล้วอลันมันหายไปไหนเนี่ย” แคลร์ถามขึ้นมาซึ่งแดเนียลก็ทำได้แค่ส่ายหัว ถึงวันนี้เคเลปจะบอกว่าติดธุระเลยไม่เข้ามาและให้พวกเขาซ้อมกันเอง แต่อลันก็ไม่น่าจะเป็นคนที่โดดซ้อมไปเถลไถลที่ไหน

    “เอ่อ.. ทุกคน” พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มาพอดี อลันอ้วนกลมเดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าที่อธิบายไม่ถูก เหมือนจะมีเรื่องอะไรหนักใจอยู่สักอย่าง

    “มีอะไรรึเปล่า” แดเนียลชิงถามขึ้นมาก่อน รู้ว่าถ้าเป็นตัวเองถามขึ้นมาอลันน่าจะกล้าตอบมากกว่าแคลร์ที่มักกระโชกโฮกฮาก
“ฉันหาสมาชิกใหม่ได้แล้วนะ”

    ทุกคนต่างลุกพรวดแล้วกรูเข้ามาทันที คำถามมากมายถูกส่งออกมาไม่ว่าจะเป็นหาได้กี่คน? เป็นใคร? อยู่ที่ไหน? รัวเข้ามาจนหนุ่มอ้วนต้องเอาแขนอันใหญ่โตดันทุกคนออกให้พ้นทาง

    “ใจเย็นสิ กำลังจะแนะนำอยู่นี่ไง” อลันว่าแล้วถอนหายใจ แต่พอพูดมาแบบนั้นก็แปลว่าสมาชิกใหม่ที่ว่าต้องมาแล้วด้วยแน่นอน แต่ว่า อยู่ไหนกันล่ะ?

    “เอ้า ออกมาสิ” เนื่องจากพื้นที่คับแคบ อลันจึงต้องค่อยๆเบี่ยงตัวเองให้คนที่เอาแต่หลบอยู่ด้านหลังออกมาเสียที ทุกคนที่มองร่างที่เดินดุ๊กๆออกมาอย่างเขินอายแล้วถึงกับผงะไปด้านหลัง เพราะคนที่ออกมามีสภาพที่ต่างกับทุกคนในชมรมโดยสิ้นเชิง
อลันที่อ้วนจนตัวปริ แดเนียลตัวสูงใหญ่หุ่นหมี แคลร์ก็หุ่นสะบึมและเจ้าเนื้อ โจเองถึงจะผอมกว่าทุกคนแต่ก็ตัวสูงและโครงใหญ่ แต่คนที่เดินเข้ามากลับเป็นเด็กผู้ชายผมทองใส่แว่นใส่ชุดเอี๊ยมอย่างกับเด็กประถม ที่สำคัญตัวเตี้ยกว่าไหล่เรย์โนลด์และผอมกว่าเสียอีก

    “นี่กี่ขวบเนี่ย?” โจว่าแล้วเอามือวัดความสูงระหว่างเขากับเด็กตรงหน้า ดูยังไงก็12-13

    “เด็กกว่าเราสองปีเอง” อลันว่าขำๆ ตอนแรกที่เด็กคนนี้เข้ามาคุยกับเขาบอกว่าอยากมาเข้าชมรม เขายังคิดเหมือนกันว่าเป็นเด็กเกรด6รึเปล่า ใครจะไปคิดว่าเป็นเด็กเกรด10

    “จริงเหรอเนี่ย อายุ15-16แล้วยังน่ารักขนาดนี้อีกเหรอ” แคลร์ว่าแล้วดึงเด็กน้อยมาหมุนตัวไปมาแล้วดึงเข้ามากอด เธอก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ชอบอะไรน่ารักๆ จนไม่ทันดูเลยว่าน้องมันหน้าแดงหูแดงขนาดไหนเมื่อใบหน้าตรงกับหน้าอกมหึมาของหญิงสาวพอดิบพอดี

    “เฮ้ยเอาออกมา น้องจะขาดอากาศแล้ว” โจว่าแล้วลากเด็กน้อยออกมา เจ้าหนูถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วจับๆจมูกดูว่าไม่มีอะไรออกมา

    “เอ้าๆ เราว่ามาแนะนำตัวกันก่อนดีว่า แดเนียล คาสทิลโล” แดเนียลว่าแล้วชี้เข้าตัวเอง สีหน้าใจดีทำให้เด็กน้อยยิ้มออกมาแล้วผงกหัว

    “หมิงเจี้ยงกั๋ว เรียกโจก็ได้”

    “อลัน เอลลิส”

    “แคลร์ เพอราเลส”

    ทั้งสี่คนต่างแนะนำตัวในขณะที่หนูน้อยพยักหน้าหงึกๆ เขาหันมองสี่คนที่พยักเพยิดให้เขารู้ตัวว่าได้เวลาที่ควรแนะนำตัวเองบ้างได้แล้ว เด็กหนุ่มตัวเล็กจึงค่อยเปิดปากตัวเองออกมาบ้าง

    “สวัสดีฮะ อีวาน วาเลซ ฮะ”

    “หือ?” แคลร์ที่ได้ยินเสียงเบาขนาดนั้นก็เริ่มที่จะคิ้วกระตุกจนแดเนียลต้องเอามือจับไหล่ไว้เพราะกลัวจะไปเค้นถามอะไรน้องมันมาอีก จะทำให้เด็กกลัวเสียเปล่าๆ แคลร์ก็อย่างนี้ เห็นหน้าน่ารักก็ว่าน่ารัก แต่พอฟังเสียงแล้วควบคุมความไม่พอใจไม่ได้
 
    “ก็นี่แหละ น้องมันเสียงเบาสุดๆเลย ตอนแรกก็เลยลังเลว่าจะพามาดีรึเปล่า แต่อีวานมุ่งมั่นมากเลยนะ” อลันว่าแล้วชี้ให้ทุกคนดูแววตาที่เป็นประกายของเด็กน้อย แล้วจึงกระทุ้งให้น้องพูดสิ่งที่น้องบอกกับตนก่อนที่จะเข้ามาในชมรมนี้

    “ผม.. ผมได้ดูพวกพี่ร้องเพลงที่สวนสนุกฮะ สนุกมากๆเลย ผมน่ะตัวเล็ก… โดนแกล้งก็บ่อย เลยไม่ค่อยกล้าแสดงออก แต่ว่า.. ผมคิดว่าถ้ามาอยู่ที่นี่ ผมจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นได้ฮะ”

    ทั้งๆที่เสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่คำพูดและแววตาก็ทำให้ต่อมรักเด็กของแคลร์กระตุกขึ้นมาอีกครั้ง เธอเข้าไปจับไหล่เด็กน้อย

    “พวกเรายินดีต้อนรับเธอจ้ะ แต่ว่าถ้าจะร้องเพลงก็ต้องพูดดังๆนะ พูดดังกว่านี้ได้มั้ย”

    “ได้ฮะ!” อีวานตะโกนขึ้นมาแล้วแต่น้ำเสียงก็ยังไม่ต่างกับลูกแมวขู่ฟ่ออยู่ดี แดเนียลเห็นอย่างนั้นจึงเข้ามาช่วยเหลือ

    “เอาน่าแคลร์ ไม่ต้องรีบก็ได้ ขึ้นเวทีก็มีไมค์นะ ตอนนี้ฝึกน้องให้ร้องเพลงก่อนดีกว่า เนอะ”

    อีวานเงยหน้ามองคนที่ลูบหัวด้วยตาเป็นประกาย ความเป็นเด็กทำให้มีความรู้สึกรับรู้อย่างง่ายๆว่าคนๆนี้ใจดี น่าอยู่ด้วย จึงค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าหาพี่ชายร่างหมีทันที ซึ่งแดเนียลก็ดูจะเอ็นดูเสียด้วย

    “งั้นเรามาเริ่มฝึกกันเถอะนะ”

    “อื้ม!”





    ทุกครั้งการซ้อมก็จะมีถึงค่ำๆอยู่แล้ว และทุกคนก็จะแยกย้ายกันไปตามทางของแต่ละคน แต่สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปในวันนี้ เมื่อมีอีวานที่ตัวเล็กน่ารักเข้ามา ถึงแม้จะเป็นผู้ชาย แต่ทุกคนต่างก็ลงความเห็นว่าการให้เด็กตัวแค่นี้กลับบ้านคนเดียวคงจะไม่ดีแน่ แม้ว่าอีวานจะบอกว่าไม่เป็นไรยังไงก็เถอะ แต่ทุกคนก็ยังส่งแดเนียลที่บ้านใกล้กันมากที่สุดให้ไปส่งน้องอยู่ดี

    “เอ่อ.. จริงๆพี่แดเนียลไม่ต้องมาส่งก็ได้นะฮะ”

    “จะถึงบ้านอยู่แล้วเนี่ยนะ” แดเนียลพูดกลั้วหัวเราะ เพราะความขี้เกรงใจของน้องทำให้พอบทสนทนาเรื่องอื่นหยุดลงเมื่อไร ก็จะวกกลับมาเรื่องนี้ทุกที

    “ผมก็โตแล้วนี่นา…” อีวานพูดเสียงอ่อน มันเป็นปมด้อยของเขาอยู่เหมือนกันที่ทั้งตัวเล็กอ่อนแอจนคนต้องมาดูแลอย่างนี้ แดเนียลก็พอเข้าใจอยู่ เพราะเรย์โนลด์เองก็เคยมีปัญหานี้เหมือนกัน แต่เพราะการที่มาคบกับคนตัวใหญ่อย่างเขาบวกกับความก๋ากั่นของเจ้าตัวทำให้ก้าวข้ามปัญหานี้มาได้เร็ว

    “เดี๋ยวถ้าเสียงดังกว่านี้จะปล่อยกลับบ้านคนเดียวนะ”

    “สะ.. สัญญานะฮะ..”

    แดเนียลพยักหน้าก่อนจะส่งให้เด็กน้อยเข้าบ้านไป แล้วเขาจึงค่อยเดินออกมาจากตรงนั้น





    พอมาถึงด้านหน้าของเขตบ้านเรือนก็พบกับร้านอาหารเล็กๆที่อัดกันอยู่ในย่านร้านอาหาร พอดีกับที่ท้องส่งเสียงร้องจ็อกๆออกมาเลยคิดจะกินอะไรสักหน่อยแล้วค่อยกลับไปออกกำลังกายต่อที่บ้าน เขาเลือกร้านเฝอที่เป็นอาหารของเวียดนามและบ้านเรย์โนลด์มักจะทำให้ทานอยู่เป็นประจำ จริงอยู่ว่าเฝอของบ้านเรย์โนลด์อร่อยมากจนไม่อยากเสี่ยงไปกินที่อื่นให้ผิดหวัง แต่ควันที่ลอยขึ้นมาจากชามของผู้คนที่กินในร้านทำเอาเขาน้ำลายสอ จนอดที่จะเปิดประตูร้านเขาไปไม่ได้

    “ยินดีต้อนรับค่ะ” พนักงานหญิงชาวเอเชียตอบรับเขาอย่างคล่องแคล่วก่อนจะวางเมนูให้ เขาเลือกอันที่เน้นผักเพราะว่าเป็นมื้อเย็น ก่อนจะออกบรรยากาศโดยรอบร้าน ที่เขาเลือกที่นี่ส่วนหนึ่งก็เพราะสว่างไสวกว่าที่อื่นนั่นแหละ ไม่รู้ใครออกกฏว่าร้านอาหารจะต้องเปิดไฟเหลืองนวลสลัวจนมองอะไรแทบไม่เห็น

    “ที่นี่เป็นร้านโปรดผมเลยนะ”

    “เอ๋ จริงเหรอครับ”

    เพราะควันที่ลอยฉุยอยู่ตรงหน้าทำให้แดเนียลมองอะไรไม่ค่อยชัดก็จริง แต่เสียงของหนึ่งในคนที่พูดเมื่อครู่กระแทกหูเขาเข้าอย่างจัง และคราวนี้เขามั่นใจว่าไม่ผิดตัวแน่

    คุณเคเลป!

    มันคงจะแปลกน่าดูถ้าเขาเปลี่ยนที่นั่งตัวเอง จากที่นั่งมองด้านนอกเป็นนั่งหันหน้าเข้าในร้าน แต่เขาไม่สน ทำทีไปหยิบกล่องทิชชู่กล่องใหม่ที่เคาเตอร์แล้วจึงเดินอย่างระมัดระวังมานั่งหันหลังให้ทั้งสองคน คนหนึ่งคือเคเลปที่อ้างว่ามีธุระจึงขอไม่มาสอนในวันนี้ไม่ผิดแน่ แต่อีกคนหนึ่งถ้าจำไม่ผิด นั่นมันคนที่เดี่ยวไมโครโฟนก่อนเขาในสวนสนุกวันนั้น ชาร์ล สมิธ

    “น่าอร่อยจริงด้วยนะเนี่ย”

    “ใช่มั้ยล่ะ บ้านผมมากินกันประจำ”

    “แหม เป็นเกีรยติจริงๆที่ได้มา”

    ทั้งสองคนนั่งหัวเราะคิกคักขณะสั่งอาหาร นี่ตัวแดเนียลเองก็เพิ่งรู้ว่าบ้านเคเลปอยู่แถวนี้ ทั้งๆที่เขารู้จักอีกฝ่ายมาเป็นเดือนๆแล้วแท้ๆ แต่ทำไมหมอนี่ที่เพิ่งจะรู้จักกันถึงได้มาไกลขนาดนี้

    จะว่าไปนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจอเคเลปกับผู้ชายที่ร้านอาหาร แต่ครั้งที่แล้วมันเป็นแค่WcDonald แถมยังอยู่ใกล้บ้านเขาอีกต่างหาก แต่ครั้งนี้เป็นถึงร้านประจำของครอบครัว ในแถวบ้านของเคเลป แปลว่าความสัมพันธ์ต้องไม่ธรรมดา หรือว่าเคเลปจะชอบมัน? แดเนียลเหลือบมอง ชาร์ลเป็นคนรูปร่างหน้าตาดี ตอนยิ้มก็ดูดี คนหน้าตาดีจะชอบกับคนหน้าตาดีก็ไม่แปลกสินะ
แต่ว่านี่เป็นสิ่งที่เขาควรคิดงั้นเหรอ? นั่งน้อยใจเหมือนกับสาวน้อยเห็นคนที่แอบรักอยู่กับสาวที่สวยกว่า ไม่ใช่อย่างนั้นสิ ความรู้สึกแย่ๆที่เกิดขึ้นมันควรเป็นเพราะว่าเคเลปอ้างธุระเพื่อมาจู๋จี๋กับผู้ชายแทนที่จะมาสอนพวกเขาต่างหาก





    แดเนียลกินเสร็จตั้งนานแล้วแต่ไม่ขยับตัว นั่งมองน้ำซุปก้นชามเย็นชืดขณะฟังบทสนทนาแสนหวานของทั้งสองฝ่าย ความรู้สึกเจ็บปวดแล่นริ้วมาถึงสมอง ขนาดที่ว่าถ้าใช้แค่สัญชาติญาณตัวเองคงจะไปจับแยกคนสองคนออกจากกันแล้ว

    “งั้น เดี๋ยวผมกลับบ้านก่อนนะ ขอบคุณมากที่มาส่ง”

    “อะไรกัน ผมมาถึงนี่แล้วให้ผมไปส่งคุณถึงบ้านสิ”

    “เอ่อ.. เรื่องนั้น”

    ได้ยินคำว่าไปส่งถึงบ้านแล้วใจมันกระตุกอย่างน่าประหลาด แดเนียลคิดว่าคงนั่งเฉยๆต่อไปไม่ได้แล้ว จึงลุกพรวดขึ้นมาแล้วเดินฉับๆไปจับไหล่ของเคเลปไว้ทันที

    “คุณเคเลป บังเอิญจังนะครับ”

    คนถูกทักหน้าเหวอ ไม่คิดว่าแดเนียลจะมาอยู่แถวนี้ “แดเนียล นายมาได้ไง…”

    “ผมก็มากินข้าวสิครับ นี่ผมก็กำลังจะกลับพอดี กลับพร้อมกันเลยก็ดีนะครับ”

    แดเนียลพูดแล้วหันไปส่งยิ้มที่ตัวเองยังคิดว่าไม่จริงใจที่สุดให้ชาร์ล เคเลปเองก็เพิ่งจะเห็นแดเนียลโหมดนี้ ยอมรับว่าตกใจอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน แต่ด้วยความที่ตัวเคเลปเองก็อยากจะปฏิเสธชาร์ลอยู่พอดี จึงคิดว่าเนียนไปตามแดเนียลจะดีกว่า

    “งั้นผมกลับกับน้องละกัน ขอบคุณมากครับชาร์ล”

    “ฮ่ะๆ ด้วยความยินดี” พูดอย่างนั้นแต่แดเนียลเห็นชัดเลยว่าชาร์ลมีสีหน้าไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะคงกลัวว่าเคเลปจะว่าพิรี้พิไรจึงยอมจากไปเสียแต่โดยดี แดเนียลถอนหายใจอย่างโล่งอก ตั้งใจจะหันมาถามอะไรขากเคเลป แต่กลับเห็นหน้ามุ่ยๆของคนข้างๆซะแทน

    “นายตามฉันมาเหรอ”

    “เปล่าครับ ผมมานั่งร้านนี้ก่อนคุณซะอีก นี่ผมมาส่งเด็กใหม่ของชมรม บ้านเขาอยู่แถวนี้ นี่ผมก็รู้นะครับว่าบ้านคุณอยู่แถวนี้ ทำไมถึงไม่เคยบอกกัน”

    “เดี๋ยวนะ ฉันขอสนใจเรื่องเด็กใหม่ของชมรมก่อน พวกเธอหามาได้แล้วเหรอ เป็นเด็กผู้หญิงเหรอ?” เคเลปมีสีหน้าดีขึ้นเมื่อได้ยินว่าพวกเด็กๆหาสมาชิกใหม่ได้ และที่นึกว่าเป็นเด็กผู้หญิงเพราะแดเนียลมาส่งถึงบ้าน ถ้าเป็นผู้ชายคงไม่ต้องทำอะไรแบบนี้ และถ้าเป็นเด็กผู้หญิงก็ดี เพราะชมรมมีผู้หญิงแค่คนเดียว มีเพิ่มอีกคนจะได้หลากหลายขึ้นมาหน่อย

    “เปล่าครับ เด็กผู้ชาย แต่ตัวเล็กกว่าเรย์โนลด์แถมยังหน้าซื่อๆอีก ทุกคนเลยลงความเห็นว่าให้มาส่งน่ะครับ”

    เคเลปพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ถึงจะเสียดายไปบ้างแต่แค่ได้สมาชิกใหม่มาก็น่าพอใจแล้ว “โอเค เดี๋ยวฉันค่อยไปเจอเขาพรุ่งนี้ กลับก่อนนะ”

    “เดี๋ยวสิครับ” เห็นเคเลปทำมึนจะเปลี่ยนเรื่องแล้วเดินหนีไปอย่างนั้น แดเนียลจึงต้องเดินตามออกมาหน้าร้านแล้วคว้าแขนไว้ แค่ออกแรงนิดหน่อยเคเลปก็หนีไม่ได้แล้ว พละกำลังแดเนียลเยอะกว่าอย่างเห็นได้ชัดอยู่แล้ว

    “ยังไม่เคลียร์เลยนะครับ ทำไมหมอนั่นถึงได้มาบ้านคุณล่ะครับ นี่เหรอธุระที่คุณบอก”

    เคเลปถอนหายใจ “วันนี้ฉันมีซ้อมของชมรม นายคงยังไม่ลืมนะว่าชมรมฉันก็ต้องไปประกวดนู่นนี่เหมือนกัน ที่เจอหมอนั่นก็แค่บังเอิญเจอกันหน้ามหาลัยเท่านั้นเอง”

    “แล้วคุณก็ยอมให้เขามาถึงบ้านเหรอครับ ถ้าผมไม่มาตอนนี้คุณก็จะนอนกับเขาเหรอครับ”

    “แดเนียล!” เคเลปตวาดขึ้นเมื่อแดเนียลชักจะล้ำเส้นมากเกินไปแล้ว สีหน้าของชายหนุ่มเกรี้ยวกราดแบบที่แดเนียลไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเถียงต่อไปอยู่ดี

    “แล้วมันจริงมั้ยล่ะครับ”

    “นี่เธอเห็นฉันเป็นคนยังไงนะ แล้วต่อให้ฉันจะนอนกับเขาจริงเธอจะเกี่ยวอะไรด้วย”

    แดเนียลสะอึก จริงอยู่ว่าเขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเคเลปเลย แต่การที่รับรู้ว่าเคเลปกำลังจะไปนอนกับคนอื่นทำเอาเขาปวดหนึบข้างในอกอย่างพูดไม่ถูก

    “ก็ผม.. ไม่อยากให้คุณทำอย่างนั้น…”

    “นั่นมันไม่มีเหตุผลเลยนะ”

    “งั้นเอางี้มั้ยล่ะครับ” แดเนียลคิดอะไรบางอย่างออกในทันที “ผมสัญญาจะลดน้ำหนักให้ได้ตามที่คุณเคยบอก แล้วจะยอมไปเป็นของเล่นให้คุณเดือนหนึ่งด้วย แลกกับการที่คุณ..” เด็กหนุ่มกลืนคำว่าไม่ไปนอนกับใครลงคอแล้วเอ่ยคำที่เข้าท่ากว่านั้นแทน
“ช่วยให้ความสำคัญกับพวกเราเป็นที่หนึ่งจะได้มั้ยครับ”

    พูดจบแล้วก็จ้องเข้าไปในดวงตาของเคเลปที่ยังนิ่งเงียบ แดเนียลรู้ดีว่ามันเป็นข้อเสนอที่เคเลปแทบไม่ได้อะไรเลยเสียด้วยซ้ำ จะไม่ตอบตกลงเลยก็ไม่แปลก และเมื่อผ่านไปสักพักชายหนุ่มตรงหน้าก็ถอนหายใจ ราวกับคิดอะไรตกเรียบร้อยแล้ว แดเนียลกลืนน้ำลายดังเอื้อก

    “ตกลง แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรกับสถานการณ์เมื่อกี้นี้ไม่ใช่เหรอ สมมติว่าหลังจากเลิกซ้อมมีใครมาคุยกับฉัน บังเอิญว่าคุยกันถูกคอ บังเอิญว่าอยากจะไปทางเดียวกัน เธอจะทำยังไง”

    แดเนียลลืมคิดถึงเรื่องนี้เสียสนิท รู้งี้น่าจะพูดว่าไม่ให้ไปนอนกับใครแทนเสียดีกว่า ถ้ารู้ว่าเคเลปจะตอกกลับมาแบบนี้

    “งั้น.. ผมจะขอมาส่งคุณเคเลปที่บ้านทุกวันครับ”

    “วันที่ฉันติดซ้อมที่มหาลัยจนเลิกดึกดื่น?”

    “ผมก็จะไปรับคุณครับ”

    สายตาที่ส่งออกมาจริงจังเกินกว่าที่จะหลบและปฏิเสธ หัวใจเคเลปเต้นตึกตัก เขาไม่เคยถูกผูดมัดและเกลียดมันเป็นที่สุด แต่พอมาเห็นสีหน้าและดวงตาที่จริงจังและจริงใจแบบนี้ คำพูดต่อต้านมันก็หายไปหมด

    “ถ้างั้นก็.. ตกลง”

    และเขาก็เพิ่งเห็นว่ารอยยิ้มอย่างมีควาสุขของแดเนียลช่างงดงามเหลือเกิน





    อีวานนั่งนิ่งแข็งเกร็ง เด็กน้อยกระดกน้ำขวดที่สองเข้าไปจนจุกและกระแอมไอเพื่อเคลียร์เสียงของตนเอง เบื้องหน้านั้นมีเคเลปที่นั่งจ้องนิ่งจนอีวานแทบจะเกร็งไปทั่วทั้งตัว เขาพยายามมองซ้ายขวา แต่แดเนียลที่คิดว่าใจดีก็ทำแค่ยิ้มแหยๆให้แล้วหันไปซ้อมกับคนอื่นต่อ

    ขนาดแคลร์ที่ว่าดูน่ากลัวก็ยังใจดี แต่เคเลปเป็นคนแรกที่อีวานคิดว่าน่ากลัวจากก้นบึ้งของหัวใจ

    “แบบนี้ไม่ไหวนะ ถึงบนเวทีจะใช้ไมค์แต่เสียงมันส่งผลต่อบุคลิกเธอด้วย อีกสี่คนเค้าแข็งแกร่งมั่นใจ แล้วเธอจะไปยืนสั่นอยู่กับพวกเขารึไง”

    “ขอโทษครับ..”

    “เริ่มใหม่”

    ทั้งสี่คนขนลุกกับคำชมที่แทบไม่ได้ยิน ถึงจะไม่แน่ใจว่าเคเลปพูดไปงั้นเพื่อผลักดันให้อีวานพยายามรึเปล่า แต่ถึงอย่างนั้นก็น่าดีใจเสียจนต้องนึกขอโทษอีวานอยู่ในใจที่น้องต้องมาโดนคำว่าแลกกับคำชมของพวกรุ่นพี่

    เคเลปปล่อยเด็กน้อยให้พักหลังจากนั้นสิบนาที ซึ่งอีวานก็หมดเรี่ยวแรงเสียจนทำได้แค่นั่งดูดน้ำหวานอยู่ริมห้อง เฝ้ามองพี่ๆทั้งสี่คนกำลังซักซ้อมประสานเสียง เขาไม่รู้หรอกว่าระดับนี้มันคือเพราะหรือไม่เพราะ ตรงไหนต้องแก้ไขยังไง แต่เขาก็รับรู้ได้ว่าทั้งสี่คนรักการร้องเพลงมากแค่ไหน และทุ่มเทมากเพียงใด

    ยิ่งเห็นก็ยิ่งท้อแท้ อีวานก้มมองตัวเอง เขาทั้งตัวเล็กและขี้อาย วันจริงเขาอาจจะมีไมค์ทำให้มีระดับเสียงเท่ากับพี่ๆ แต่การเต้นนี่สิ ถ้าเขาตื่นเต้นจนเต้นไม่ออกจะทำยังไง ทุกคนต้องมาเดือดร้อนเพราะเขาเหรอ

    หรือว่าเขาจะไม่เหมาะกับที่นี่กันนะ…

    “ขอโทษค่า” ประตูห้องถูกเปิดออกพร้อมๆกับเสียงใสๆของเด็กสาว ทั้งห้าคนที่ซ้อมกันอยู่หันพร้อมกันรวมทั้งอีวานที่นั่งมุมห้องด้วย คนที่เปิดเข้ามาเป็นเด็กสาวในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นกับรองเท้าผ้าใบ เธอรวบผมขึ้นแต่ก็ยังมีเหงื่อไหลลงมาตามซอกคอ แสดงให้เห็นว่าคงจะกำลังออกกำลังกายบางอย่างก่อนจะมาที่นี่ และเสียงใสๆกับใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มของเธอช่างติดใจอีวานเสียเหลือเกิน

    “อ้าว เรย์นา” ทุกคนต่างเอ่ยทักเด็กสาวอย่างสนิทสนมจนมีแต่อีวานที่ทำหน้าเหรอหรา

    “นี่ค่ะคุณเคเลป ที่วานพี่เค้าช่วยหามาให้”

    “โอ้ ขอบคุณมากเลยนะ ฝากขอโทษเรย์โนลด์ด้วย ทั้งๆที่ต้องเตรียมแข่งเหมือนกันแท้ๆ นี่ถ้าวิลมันว่างล่ะก็…” เคเลปพูดอย่างสำนึกผิดจากใจจริง จริงๆเขาอยากให้วิลช่วยเตรียมข้อมูลของทีมที่เข้าแข่งคราวนี้มาให้หน่อย แต่เจ้าตัวกลับติดสอบซะนี่ เออ จริงๆเคเลปก็ต้องสอบเหมือนกัน แต่ไม่ได้ยุ่งเท่ากับคนที่เป็นที่พึ่งของรุ่นที่ต้องจัดติวให้เพื่อนอย่างวิล หวยเลยไปตกที่เรย์โนลด์ เพราะนอกจากนี้เคเลปก็ไม่ได้รู้จักใครที่พอจะไหว้วานได้อีกแล้ว
 
    และเพราะอย่างนั้นทำให้เขารู้จักกับเรย์นาไปด้วย จริงอยู่เขาเคยเจอเรย์นาครั้งหนึ่งที่ร้านฟาสฟู้ด แต่พอได้ลองมาคุยกันจริงๆแล้วถึงได้รู้ว่าเธอเป็นเด็กสาวที่ทั้งสวยเก่งและมั่นใจ ชนิดที่ว่าแค่ยืนเฉยๆออร่าก็พุ่งออกมาระยิบระยับ ซึ่งพอเคเลปเห็นก็อยากได้เข้ามาในชมรมทันทีแต่ติดที่ว่าเธอดันเป็นดาวเด่นของเชียร์ลีดเดอร์อย่างน่าเสียดาย

    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พี่เขาก็ว่าคลายเครียดดี นี่เพิ่งส่งเมล์ให้หนูเอาไปปริ้นท์เมื่อกี้”

    “แล้วนี่เธอต้องโดดซ้อมมารึเปล่า” เพราะเรย์นาก็ถือเป็นหน้าตาของชมรมเชียร์ลีดเดอร์ ลองขากซ้อมสักหน่อยคงได้วุ่นวายน่าดู

    “พักพอดีเลยค่ะ ไม่งั้นหนูก็ไม่กล้าหรอก อ้าว แล้วนี่ใครคะ เด็กใหม่เหรอ?” ว่าแล้วเรย์นาก็เดินเข้าไปหาอีวานที่นั่งอยู่คนเดียวทันที เด็กหนุ่มหน้าแดงแปร๊ด แค่เห็นเด็กสาวยิ้มสวยเดินเข้าใกล้ก็นั่งไม่ติดที่เสียแล้ว

    “น่ารักจัง อายุเท่าไรคะ 13? 14?” เด็กสาววางมือลงตรงหัวทุยของอีวานและลูบเบาๆอย่างเอ็นดู นั่นทำให้ทุกคนหน้าเหวอและโจพ่นหัวเราะออกมาทันที

    “นี่เรย์นา เจ้านั่นน่ะอยู่เกรดสิบ แก่กว่าเธออีก”

    “หา!” เรย์นาผงะชักมือออก มองคนที่นั่งนิ่งอย่างไม่เชื่อสายตา อีวานพยักหน้ารับ ทั้งๆที่ในใจก็ตกใจอยู่เหมือนกันที่เด็กสาวคนนี้เด็กกว่า นึกว่าเป็นพี่สาวเสียอีก

    “ไม่อยากเชื่อเลย เมื่อกี้ขอโทษนะคะ”

    “อ่า… ไม่เป็นไรครับ” อีวานตอบรับอย่างยอมรับชะตากรรม เขาไล่ดูร่างกายของเด็กสาวที่สูงสมส่วน ทั้งๆที่เป็นเด็กสาวชาวเอเชียแท้ๆแต่ดูเหมือนจะสูงกว่าตัวเขาเองเสียอีก เด็กน้อยถอนหายใจอย่างหมดหวัง ถ้าเป็นพี่สาวยังพอว่า แต่นี่เป็นน้องที่ทั้งสูงและสวยแบบนี้ เห็นทีจะแย่ซะแล้ว

    เคเลปเห็นอีวานถอนหายใจท่าทางแบบนั้นเลยนึกอะไรออกทันที เขาเดินเข้าไปจับไหล่เรย์นา “นี่อีวานเพิ่งเข้ามาใหม่ ยังทำอะไรไม่ค่อยเก่งเลย เธอช่วยให้กำลังใจหน่อยสิ”

    เด็กสาวดูจะงงนิดๆแต่ก็พยักหน้าโดยไม่ได้ถามอะไรต่อ “เอ่อ.. พี่อีวานคะ พยายามเข้านะคะ แล้ววันจริงจะไปเชียร์ค่ะ”

    “ครับ ขอบคุณครับ..” อีวานตอบรับอย่างเลื่อนลอยหลังจากเห็นเด็กผู้หญิงตรงหน้า แม้เรย์นาจะเดินออกไปแล้วก็ยังมองตามตาค้าง แคลร์เห็นอย่างนั้นจึงรีบเข้ามาสมทบ หรืออาจจะเรียกอีกอย่างว่าเติมเชื้อไฟ

    “เรย์นาเป็นเด็กดีนะ สวยขนาดนั้นแต่ไม่ได้ชอบคนหล่อ ไม่ได้ชอบคนเด่ง แต่คนที่พยายามน่ะ ได้ใจไปเต็มๆเลยล่ะ”

    อีวานที่เหมือนมีสภาพเป็นน้ำเหลวเป๋วเมื่อสักครู่กลับมีไฟลุกพรึ่บ เด็กน้อยลุกขึ้นทันที เอ่ยกับเคเลปเสียงดังฟังชัด

    “คุณเคเลปช่วยผมซ้อมอีกหน่อยได้มั้ยครับ”

    “ยินดีเลยล่ะ” เคเลปพูดกลั้วหัวเราะแล้วหันไปขยิบตากับแคลร์อย่างรู้กัน เล่นเอาหนุ่มๆที่เหลือทั้งกลัวทั้งชื่นชมกับมารยาหลอกล่อไปพร้อมๆกัน

    ดูท่าอีวานจะตั้งใจขึ้นอีกเยอะเลยล่ะ…

__________________________________________________________________________________________

สวัสดีค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ!
นี่ตกลงเค้าชอบกันยังเนี่ย ดูท่าเด็กใหม่จะคืบหน้ากว่าคู่พระนายซะแล้วนะคะ 55555
วันนี้ขอแนะนำ Colbie Caillat - Try ค่ะ เป็นเพลงที่ความหมายดีมากๆ ในคลิปคือทีมStay Tuneที่เข้าร่วมในรายการPitch Slappedค่ะ สื่อออกมาได้ซึ้งมากเลย แต่ในเอ็มวีซึ้งมากกว่านี้อีกค่ะ แปะซะเลย Colbie Caillat - Try MV
ทีแรกจะให้แคลร์ร้องในรอบถัดไป แต่เนื่องจากอยากใช้อีกหนึ่งเพลงโปรดเรา เพลงนี้จึงตกไปค่ะ ขอให้มีความสุขกับการรับฟังนะคะ

ออฟไลน์ kaokorn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 903
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
สนุกมากฮะ ขอบคุณที่แต่งเรื่องสนุกๆให้ได้อ่าน และแนะนำเพลงเพราะๆให้ฟังนะฮะ
สุขสันต์วันสงกรานต์ ขอให้มีความสุข สนุกกับเทศกาลนะคร้าบบบบบ

ออฟไลน์ meelhek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
CH8

    จากข้อมูลของคู่แข่งทั้งห้าทีมที่เรย์โนลด์หามาพบว่าทั้งมีสี่ทีมที่เป็นขาประจำของการแข่งขันมาร่วมสิบปี ยกเว้นอีกทีมหนึ่งที่เพิ่งมาร่วมเมื่อสองสามปีให้หลัง แต่ก็ไม่ธรรมดา เนื่องจากสามารถฝ่าทีมเก่าเข้าไปแข่งระดับรัฐได้ และในหมู่ทีมเหล่านั้น มีทีมหนึ่งที่ได้ที่หนึ่งแทบทุกครั้งในการแข่ง เคเลปจึงให้เด็กๆตั้งใจดูการแสดงเก่าๆและปลูกฝังความมุ่งมั่นไว้
 
    “ต้องเอาชนะทีมนี้ให้ได้” เคเลปประกาศออกมาหลังจากที่ทุกคนนั่งดูคลิปเก่าๆของทีมและเห็นว่ามันเจ๋งแค่ไหน จนเด็กๆห้าคนถึงกับหน้าเหวอ บ่งบอกได้จากสีหน้าเลยว่าไม่ไหว

    “เค้าเอาสามทีมไม่ใช่เหรอ” อลันถามเสียงแผ่ว ซึ่งเคเลปก็ตอกกลับมาทันที

    “แล้วคิดจะว่าได้ที่สามก็พอเหรอ ถ้ามันไม่ได้จะทำไง ตั้งเป้าสูงๆไว้หน่อยสิ”

    ทุกคนขานรับทันทีด้วยสีหน้ากังวล แต่ถึงอย่างนั้นก็จะพยายามซ้อมให้ดีเพื่อเอาชนะ อย่างที่เคเลปบอกให้จงได้ แต่ทันใดนั้นแคลร์ก็มองเห็นสิ่งผิดปกติบางอย่างขึ้นมา เด็กสาวเปิดเอกสารรายชื่อทีมที่เข้าแข่งขันแล้วเอ่ยถาม

    “ไม่เห็นมีTiger Blastเลยนี่คะ”

    “อ้อ แน่ล่ะ เค้าอยู่คนละเขตกับเรานี่ จะได้แข่งกันก็ตอนพวกเธอผ่านรอบนี้ไปแล้วนั่นแหละ”

    “อ้าว” เด็กๆต่างประสานเสียงกัน ดูท่าจะผิดหวังกันน่าดู เคเลปเห็นช่องตรงนี้จึงได้โอกาสปลุกใจอีกรอบ

    “เพราะงั้นต้องชนะให้ได้ เข้าใจมั้ย!”

    “ครับ/ค่ะ!”





    วันแข่งมาถึงเร็วกว่าที่คิด ทั้งสี่คนตื่นเต้นจนใจเต้นดังโครมคราม พวกเขาเคยเข้าแข่งมาบ้างช่วงที่ยังมีสมาชิกรุ่นพี่อยู่ แต่พอเหลือกันเองมันก็เละเทะจนไม่ได้เข้าร่วมอะไรอีก เกือบสองปีแล้วที่ไม่ได้เดินเข้าฮอลล์ในฐานะผู้เข้าแข่งขัน

    “หวา.. หวา…” และดูท่าจะมีคนตื่นเต้นกว่าพวกเขาเสียอีก เมื่ออีวานที่ลงจากรถมาทั้งเดินเซชนนู่นชนนี่ไม่ได้หยุดหย่อน แถมยังตัวสั่นตลอดเวลาอีกด้วย

    “ไม่ต้องเกร็งนะ” แดเนียลเอื้อมมือจับไหล่เด็กน้อยไว้ ซึ่งอีวานก็พยักหน้าหงึกหงักแต่ก็ยังตัวสั่นอยู่ดี แดเนียลเห็นอย่างนั้นจึงต้องใช่วิธีแบบแคลร์เข้าช่วยบ้าง

    “เดี๋ยวเรย์นาจะมาดูด้วยนะ”

    “จริงเหรอฮะ..” มันได้ผลจริงๆด้วย! อีวานเริ่มที่จะหยุดสั่นแม้จะน้ำตาคลอเบ้าแต่ก็รีบปาดออก ที่เขาว่าผู้หญิงนี่เป้นแรงผลักดันชั้นดีของผู้ชายนี่เป็นจริงไม่ผิดเพี้ยน แต่สำหรับแดเนียลแล้วนั้น…

    “คุณเคเลปครับ ช่วยให้กำลังใจบ้างได้มั้ยครับ”

    “หือ อ้อ พยายามเข้านะ” ถึงจะเป็นคำพูดที่ดูเหมือนพูดไปงั้นๆแต่แค่นี้แดเนียลก็ดีใจแล้ว สำหรับคนบ้าอะแคปเปลล่าอย่างเขาแรงผลักดันที่ดีที่สุดก็คือคนที่หลงใหลนั่นแหละนะ

    “เอาล่ะ..” เคเลปพูดเบาๆก่อนจะเปิดประตูพาพวกเขาสู้ห้องหลังเวทีที่เต็มไปด้วยผู้เข้าแข่งขัน เด็กๆหน้าเหวอกันทันทีเมื่อเห็นผู้คนประมาณ30-40ชีวิตอยู่ในนั้น

    “เยอะชะมัด” อลันว่าอย่างหวั่นๆ ถึงตอนนี้คนที่ชอบกวนส้นเท้าอย่างโจเองก็สงบปาก เพราะความหวั่นใจมันเข้าครอบคลุมอย่างกะทันหัน

    “พวกคุณทีม…” เจ้าหน้าที่เดินตรงเข้ามาหาทันทีเมื่อเดินเข้าถึงข้างใน เขาเดินมาพร้อมกับใบรายชื่อและคำถามนำร่อง ซึ่งแคลร์เกือบตอบไปว่าโรงเรียนแกรนด์ฟิลด์

    “Penguin Pitchครับ” ฟังเคเลปที่ตอบเจ้าหน้าที่อย่างฉะฉานแล้วเด็กทุกคนถึงกับหันขวับ นี่มันชื่อทีมบ้าบออะไร ตัวสมาชิกไม่มีใครรู้มาก่อนเลย

    “ฉันรู้ว่าพวกเธอสงสัย” เคเลปว่าแล้วมองหน้าทุกคนที่มองเขาแทบจะทะลุ “เรย์โนลด์เป็นคนสมัครใช่มั้ยล่ะงานนี้ ทีนี้เจ้านั่นเห็นแต่ละทีมก็มีชื่อแปลกๆทั้งนั้น เลยโทรมาปรึกษาฉัน เล่าว่าตอนมีเรื่องกับTiger Blastเคยพูดเอาไว้ว่าเดี๋ยวพวกนายจะเปลี่ยนจากหมูเป็นหมีขาวไปขย้ำพวกนั้นแล้วทีนี้…” ชายหนุ่มถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ “ก็เลยถามว่า จะให้พวกนายชื่อ Pig Evolutionหรือ Polar Attackดี”

    เด็กๆส่ายหน้าหวือทันทีที่ได้ยิน จะชื่อไหนก็ดูเห่ยแปลกๆพอกัน ชื่อหลังพอว่า แต่ชื่อแรกนี่สิ แค่ฟังก็เห็นภาพทีมเลย จะหลุดจากภาพลักษณ์ตลกโปกฮายิ่งยากเข้าไปใหญ่

    “แล้วPenguin Pitchมาได้ไงเหรอฮะ” เด็กน้อยอีวานถามตาแป๋ว เขาเข้ามาทีหลังเลยไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย ไม่เคยเจอคนชื่อเรย์โนลด์ด้วยซ้ำ แต่ก็คิดว่าชื่อพวกนั้นก็น่ารักดี หยิบมาสักอันก็ไม่น่ามีปัญหา

    “ฉันคิดเองแหละ ก็เพนกวินมันเดินเตาะแตะใช่มั้ยล่ะ อืม.. มันก็ดูสื่อถึงพัฒนาการดี.. มั้งนะ แบบว่าอยู่ตรงกลางระหว่างหมูกับ
หมีขาวไง ไม่เป็นไรใช่มั้ย” เคเลปเองก็หวั่นๆกับผลตอบรับของชื่อที่ตัวเองตั้งอยู่เหมือนกัน ก็เรย์โนลด์เล่นถามเอาซะชั่วโมงสุดท้ายก่อนหมดเขตสมัคร ก็เลยคิดได้แค่เท่านี้

    มีแค่อีวานเอานั้นที่ดูจะชอบชื่อนี้แบบไม่มีข้อกังขา คนอื่นนี่สิที่มองหน้ากันไปมาแล้วก็พยักหน้าอย่างปลงๆเพราะทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้มีเสียงต่อต้าน เคเลปจึงคิดว่าคงไม่เป็นไร

    “ผมว่า.. มันก็ดูน่ารักดีนะครับ” แดเนียลเอ่ยขึ้น และมันทำให้ชายหนุ่มยิ้มออก ไม่รู้หรอกว่าแดเนียลจะพูดจากใจหรือแค่ปลอบ
ใจ แต่มันก็เพียงพอให้คนตั้งมีกำลังใจขึ้นมาหน่อย

    “เฮ้ เคเลป!” เสียงหญิงสาววัยกลางคนดังขึ้นเรียกความสนใจจากทุกคน ไม่มีใครเคยเห็นโค้ชฮันนาห์มาก่อนเลยทำสีหน้างงๆว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร เคเลปจึงต้องรีบแนะนำ

    “ทุกคน นี่โค้ชฮันนาห์ โค้ชที่ชมรมมหาลัยน่ะ โค้ชนี่ แดเนียล แคลร์ อลัน โจ แล้วก็อีวาน”

    “สวัสดีจ้ะ”

    “สวัสดีค่ะ/ครับ” พวกเด็กๆต่างทักทายเมื่อรู้กันแล้วว่าใครเป็นใคร จากนั้นโค้ชฮันนาห์จึงเรียกคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาหา มีทั้งเด็กไฮสคูลเหมือนพวกแดเนียล แล้วก็ผู้ใหญ่อีกหนึ่งคน เคเลปที่ยังไม่ทันจะถามเลยว่าโค้ชมาอยู่นี่ได้ยังไงจึงต้องหุบปากไว้ก่อน

    “นี่ลีออน ลูกศิษย์ของฉันเอง กับทีม Eminent ที่เค้าเป็นโค้ชให้อยู่”

    เด็กๆที่เดินเข้ามาต่างมีสีหน้ายิ้มแย้ม จะมีแต่พวกเพนกวินนี่ละที่มองใครก็เป็นศัตรูไปหมด มีแต่น้องอีวานที่เดินไปจับมือกับคนอื่นอย่างเป็นธรรมชาติ ส่วนคนอื่นต้องให้เคเลปกระทุ้งว่าให้ไปทักทายคนอื่นเขาดีๆ เพราะคนที่ฮันนาห์ไว้ใจก็คือคนที่เชื่อใจได้เหมือนกัน

    “เอาขนมหน่อยมั้ยคะ”

    “โอ้ ขอบคุณครับ” อีวานหยิบขนมที่หนึ่งในทีมนั้นยื่นให้ทันที แคลร์ซึ่งกังวลจะยืนมือไปขัดแต่ก็โดนเคเลปดึงไว้แล้วบอกไม่เป็นไร แต่ถึงอย่างนั้นทางEminentก็จับสังเกตได้ว่าพวกแดเนียลระแวงพวกเขาแค่ไหน

    “นี่ ไม่ต้องกลัวพวกเราก็ได้น่า” คริส สมาชิกคนหนึ่งเอ่ยขึ้น ก่อนจะอธิบายเสริม “พวกเราก็เป็นศัตรูของTiger Blastเหมือนกันนั่นแหละ ไม่เห็นเหรอว่าโค้ชของเราเป็นเพื่อนกัน”

    แคลร์พยักหน้า “ก็จริงนะ” แล้วหยิบขนมที่เด็กสาวคนหนึ่งหยิบยื่นให้เธอพลางขอโทษ

    ฮันนาห์เห็นเด็กๆระแวงแบบนี้จึงต้องรีบอธิบาย เพราะจากทั้งหมดที่แข่งกัน มีเพียงสองทีมนี้เท่านั้นที่เป็นเพื่อนกันจริงๆได้ และการผูกมิตรก็ส่งผลต่ออนาคต เช่นการซ้อมรวมกันหรืออะไรต่างๆ

    “คืออย่างนี้นะ ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าทางEminentเป็นอีกทีมที่ได้ทุนของมิดเดิลตัน หรือก็คือทุนที่ให้เพนกวินนั่นแหละ”

    “ไม่ใช่ว่าทุกโรงเรียนโดนล็อบบี้จากเซนต์เมลลีหมดแล้วเลยให้ผมมาฝึกเพนกวินเหรอครับ?” เคเลปถามขึ้นด้วยความสงสัย ก็เงื่อนไขทีแรกมันเป็นแบบนั้นจริงๆ ถ้ามีโรงเรียนอื่นที่เก่งๆอยู่แล้วจะให้เขามาเป็นโค้ชอีกทำไมกัน

    “เพื่อลดการเถลไถลของเธอไง ต่อนะ คือเซนต์เมลลีน่ะให้ทุนแค่พวกTiger Blastจริง แต่ก็มีการติดต่อกับม.อื่นๆ ส่งเอกสารรายละเอียดนักเรียนเก่งๆ แล้วยุให้ที่อื่นรีบติดต่อเด็ก เพื่อที่มิดเดิลตันของฉันจะไม่ได้เด็กเก่งๆไปไงล่ะ ที่สำคัญ เด็กๆที่ได้ทุนแล้วก็โดนเหมือนขู่ว่าถ้าแข่งกับTiger Blastก็ให้ผ่อนลง ไม่งั้นจะหลุดทุน พวกนั้นมันเลยชนะตลอดๆ ส่วนใครที่ไม่ได้เป็นพวกนั้นแล้วเก่งหน่อยก็จะโดนแกล้ง”

    “ปีที่แล้วตอนไปถึงรอบแข่งระดับรัฐก็โดนแกล้งไปสองทีม แต่ปีที่แล้วพวกฉันยังไม่ค่อยเก่งก็เลยไม่โดน” คริสพูดด้วยท่าทางขมขื่น และนั่นทำให้ทุกคนโมโหขึ้นไปใหญ่ แปลว่าถ้าปีนี้ทีมEminentได้ไปแข่งกับTiger Blastล่ะก็ โอกาสที่จะโดนแกล้งก็มีเหมือนกัน

    “ทำไมมันถึงทำขนาดนี้ ทำไมเซนต์เมลลีต้องจงเกลียดจงชังมิดเดิลตันด้วย แถมยังทำให้อะแคปเปลล่าไฮสคูลสกปรกอีก” เคเลปถามอย่างเหลืออด ฮันนาห์ถอนหายใจก่อนจะเริ่มตอบคำถาม

    “เรื่องนั้น…”

    “Penguin Pitch แสตนบายด์ได้เลยครับ” เสียงเรียกจากเจ้าหน้าที่ทำให้เด็กๆต้องเดินไปสแตนด์บายอย่างเสียไม่ได้ เคเลปเองก็หงุดหงิดที่ถูกขัดจังหวะแต่เวลานี้ควรจะให้คำแนะนำและร่วมเชียร์พวกเด็กๆก่อนจะดีกว่า ถึงคิดว่าเรื่องบาดหมางพวกนี้เอาไว้ทีหลัง ยังไงเขาก็เจอกับโค้ชฮันนาห์ตลอดอยู่แล้ว

    “อยากฟังต่อชะมัด” โจพูดขึ้นมาอย่างหงุดหงิด เคเลปส่ายหน้า

    “ทำตรงนี้ให้เต็มที่ก่อน เอาให้ได้ไปแข่งกับTiger Blastเลยนะ”

    “ครับ!/ค่ะ!”





    เสียงพิธีกรประกาศทีมแรกที่จะได้ถึงแสดง นั่นทำให้เรย์โนลด์ เรย์นา และเพื่อนที่ตามมาเชียร์อีกหลายชีวิตต่างช่วยกันส่งเสียงเชียร์ แม้พวกเขาจะเป็นกลุ่มที่เล็กที่สุดในฮอลล์ แต่อย่างน้อยก็จะทำให้เต็มที่ เพื่อส่งพลังไปให้คนแสดงด้วย

    พวกแดเนียลเดินขึ้นเวทีด้วยชุดสีสันสดใส สมกับที่จะร้องเพลงที่ประกอบภาพยนตร์น่ารักอย่างTrolls เรย์โนลด์เพิ่งเห็นสมาชิกใหม่ของชมรมอย่างอีวาน ก็น่ารักอย่างที่น้องสาวคาบข่าวมาบอกจริงๆ มีเด็กอย่างนี้คงทำให้เวทีสดใสขึ้นเยอะ

    “I got this feeling, inside my bones
    It goes electric, wavey when I turn it on
    All through my city, all through my home
    We’re flying up, no ceiling, when we in our zone”

    เสียงของอลันดูมั่นคงกว่าเดิมมาก สีหน้าท่าทางอะไรก็ดูมั่นใจ ทั้งๆที่น่าจะกดดันเพราะเป็นการแข่งขันที่ไม่ได้มีมานาน แต่การที่ไปแสดงที่สวนสนุกคงจะทำให้พวกนั้นมีความเคยชินเพิ่มขึ้น มีแต่อีวานนั่นล่ะที่ยังดูตื่นๆ จนเสียงหลุดไปเมื่อครู่ แม้จะได้แดเนียลกับแคลร์ที่ร้องประสานเหมือนกันช่วยกลบเกลื่อน แต่ก็ทำเอาความมั่นใจของหนูน้อยร่อยหรอ

    “แย่แล้ว..” เรย์โนลด์ที่เห็นเด็กใหม่หลุดเอ่ยออกมาเบาๆ อีวานทำหน้าเหมือนจะร้องไห้จนน่าเป็นห่วง คนอื่นๆบนเวทีก็คงกังวลแต่ต้องทำหน้าที่ของตัวเอง และสิ่งที่ไม่น่าเชื่อคือ น้องสาวที่นั่งข้างๆกลับลุกขึ้นยืนอย่างไม่กลัวเลยว่าจะบังใครด้านหลัง

    “เฮ้ย เสียมารยาท”

    “แปปนึงนะพี่” เรย์นากล่าวปัดแล้วจ้องหน้าอีวานนิ่ง เพียงไม่กี่วินาทีเด็กน้อยก็หันมาสบตา เธอจึงได้โอกาสพูดโดยไม่ออกเสียงว่าพยายามเข้าตามด้วยส่งจูบลอยลม

    การกระทำนั้นทำให้เรย์โนลด์แทบกระชากคอน้องสาวลงมาถามว่าทำอะไรลงไป เด็กสาวชาวเอเชียถูกสอนเสมอว่าให้รักนวลสงวนตัว แต่สิ่งที่เรย์นาทำคือการอ่อยผู้ชายท่ามกลางผู้คนนับร้อย และพี่ชายอย่างเขารับไม่ได้

    แต่ขณะที่ดึงเรย์นาให้นั่งลง เรย์โนลด์จึงได้เห็นว่าเสียงบนเวทีกลับมารื่นหูขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าเจ้าหนูอีวานเองก็ดูเปล่งปลั่งสดใสเปลี่ยนไปจากเมื่อกี้ลิบลับ

    “ดีเลยนะพี่” เรย์นาหันมากระซิบ ซึ่งเรย์โนลด์ก็พยักหน้าตาม แม้จะยังคิดว่าต้องจับเด็กทั้งสองคนมาคุยกันซะแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในขณะที่เขาไปเป็นตัวแทนแข่งคณิต

    “I can’t stop the feeling
    So just dance, dance, dance
    I can’t stop the feeling
    So just dance, dance, dance, come on”

    เสียงสูงที่แน่นและคงที่ของอลันทำให้พวกเรย์โนลด์ขนลุก และความสนุกที่มาพร้อมท่าเต้นก็ทำเอาคนทั้งฮอลล์ปรบมือพร้อมกันเป็นจังหวะ งานนี้ทีมเพนกวินทำได้ดีกว่าคราวสนุกมากจนเคเลปเผลอยิ้มกว้าง ภูมิใจกับเด็กๆที่ตัวเองปั้นมากับมือ
ซึ่งฮันนาห์เองก็ยิ้มอย่างพอใจไม่แพ้กัน เมื่อเห็นเคเลปที่ไม่เคยเอาการเอางานทุ่มเทให้เด็กๆได้มากขนาดนี้ ก็คิดว่าตัวเองตัดสินใจไม่ผิดที่ส่งเคเลปไปเป็นโค้ช

    “คุณฮันนาห์” เสียงกระซิบดึงความสนใจจากบนเวทีให้ฮันนาห์กลับไปมอง เป็นลีออนที่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

    “ทุนของมิดเดิลตันน่ะ จะให้เด็กๆของผม5ทุนใช่มั้ย”

    “ใช่สิ” ฮันนาห์ตอบกลับอย่างมั่นใจ ตั้งแต่ที่เธอรู้ว่าลูกศิษย์ของเธอไม่ทำตามข้อเสนอของม.ใดที่อยู่ใต้เซนต์เมลลี เธอจึงดีใจที่สุดที่ยังมีเด็กๆหลงเหลือให้เธอได้ชักชวนเข้าชมรมอีก และพอได้รู้ความสามารถของเด็กๆพวกนี้จึงให้ทุนกับเด็กเกรด12ทั้ง5คนของEminentไปในทันที

    “แต่ทุนมันมีแค่8ทุนไม่ใช่เหรอ คุณให้เด็กของผมมา5 แล้วพวกเพนกวินล่ะ”

    ฮันนาห์สะดุ้งกับสิ่งที่เธอแทบจะลืมไปแล้ว เรื่องที่ทุนของชมรมที่เคยขอมาได้ถึง10ทุนกลับถูกเบื้องบนลดลงเหลือ8เนื่องจากจะนำไปเพิ่มให้เด็กๆทางนิติศาสตร์ที่มีเยอะและสร้างชื่อเสียงให้กับมหาวิทยาลัยที่สุด ไม่ใช่แค่ของเธอ แต่พวกสายศิลปะก็โดนลดทุนด้วยกันหมด จริงๆเธอก็กลุ้มเรื่องนี้อยู่ แต่พอมาพูดถึงTiger Blastเอย ได้เห็นการแสดงของเพนกวินเอย สิ่งที่เคยกลุ้มก็หายไปหมด ลืมไปเลยว่าเด็กๆของPenguin Pitchมีกัน4คน อย่างนี้ก็แปลกว่าจะมีคนหนึ่งที่ไม่ได้รับทุนน่ะสิ!

    ฮันนาห์มองเคเลปที่กำลังดูเด็กๆด้วยสายตาชื่นชมแล้วกลืนน้ำลายดังอึก กระซิบตอบกลับลีออน “อย่าเพิ่งให้พวกเคเลปรู้นะ เดี๋ยวฉันจัดการเอง”





    การแสดงจบลงด้วยเสียงปรบมืออันกึกก้องของผู้ชม ทั้งห้าคนบนเวทีถึงกับน้ำตาซึมที่เห็นผู้คนพากันชื่นชอบการแสดง พวกเขารู้ตัวดีว่ายังไม่ดีที่สุด แต่ก็หวังว่าคงจะดีพอที่จะเป็นท็อป3

    “พวกนายทำได้ดีมาก” เคเลปปรี่เข้ามากอดแดเนียลที่เดินเข้ามาเป็นคนแรก ทำเอาคนถูกกอดสะดุ้งตัวแข็ง ไม่กล้าแตะต้องตัวตอบ กว่าจะรู้ตัว เคเลปก็เดินไปกอดคนอื่นๆต่อเสียแล้ว

    “อย่างนี้คงได้ทุนแน่ๆใช่มั้ยครับโค้ช”

    ฮันนาห์ถึงกับทำมือถือร่วงเมื่อจู่ๆเคเลปก็เรียกตัวเองขึ้นมา แต่ก็รีบเก็บแล้วยิ้มกลบเกลื่อน ทั้งๆที่ในใจร้อนรนจะแย่แล้ว “ใช่จ้ะ รอข่าวดีได้เลยนะ”

    เด็กๆจับกลุ่มคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการแสดงเมื่อครู่กับEminentกันอย่างออกรส ทั้งเพื่อที่เพนกวินจะได้รู้ข้อผิดพลาดและปรับปรุง และทั้งเพื่อลดความตึงเครียดของทางEminentด้วย

    “Eminentเตรียมตัวได้เลยครับ” เสียงเจ้าหน้าที่ประกาศเรียกทำให้ทีมเพนกวินต้องแยกตัวออกมา แล้วมองชุดสีดำที่ดูเข้มแข็งของEminentที่กำลังก้าวเข้าสู่แสงสปอร์ตไลท์ ถึงแม้ว่าจากหลังเวทีจะมองได้จำกัด แต่ก็เห็นชัดเลยว่าคริส นักร้องนำที่เมื่อครู่ยังดูขี้เล่นมีแววตาที่แข็งกร้าวและดุดันขนาดไหนเมื่อยืนอยู่บนเวที

    “Here we are.
    Don't turn away now
    We are the warriors that built this town”

    เสียงของนักร้องนำที่ขึ้นต้นเพลงWarriorของImagine Dragonsด้วยท่อนฮุคดึงบรรยากาศสบายๆจากโชว์ก่อนหน้าให้กลายเป็นดุดันจนผู้ชมแทบหยุดหายใจ อลันขนลุก และมั่นใจว่าไม่ใช่เพราะความหนาวแน่ๆเพราะมันไม่เคยทำอะไรคนที่มีพื้นที่ไขมันเยอะอย่างเด็กหนุ่มได้ ในฐานะนักร้องนำของงานเดียวกัน อลันยังตามคริสอยู่หลายขุม และการได้เห็นการแสดงนี้ก็เป็นการจุดไฟได้อย่างดี

    ท่าเต้นของเพลงนี้ไม่โดดเด่น คงเพราะทั้งตัวเพลงและผู้แสดงจัดธีมให้มันลึกลับ แต่ถึงอย่างนั้นทุกคนก็ยังขยับร่างกายได้พร้อมกันอย่างไม่มีที่ติ ยิ่งเมื่อถึงท่อนที่คนให้จังหวะออกมาโซโล่พร้อมๆกับการเต้นเบรกแดนซ์เล็กน้อยของนักร้องนำ คนดูทั้งฮอลล์ต่างส่งเสียงกรี๊ด ไม่เว้นแม้แต่แคลร์ที่ชื่นชอบเพลงแนวนี้ จนโดนโจที่อยู่ข้างๆตีไปหนึ่งทีขอหาใช้เสียงสิ้นเปลือง

    “แบบนี้คงชนะแน่เลยนะครับ” แดเนียลกระซิบกับเคเลปที่ดูท่าทางกังวล ชายหนุ่มพยักหน้าเบาๆ

    “ถึงจะโดนหักเรื่องเต้น แต่อย่างอื่นก็สุดยอดอยู่ดีนะ เธอก็ดูการแสดงนี้ให้ดี ปีหน้าพวกเธอกับพวกนี้ห้าคนจะต้องมาเป็นทีมเดียวกัน”

    “ครับ”





    การประกาศรางวัลเริ่มขึ้นทันทีที่การแข่งขันจบลง ทุกทีมถูกบอกให้ขึ้นไปยืนอยู่บนเวที ซึ่งก็คับแคบมากเพราะทั้งหกทีมรวมกันก็30-40คน ทีมPenguin Pitchที่มีกันแค่ห้าคนเลยถูกดันไปข้างหลังจนแทบจะกลายร่างเป็นผนัง แดเนียลมองอีวานที่ดูจะหายใจไม่ค่อยออกพลางคิดว่าจับมาขี่คอซะดีมั้ย แต่ถ้าทำอย่างนั้นจริงตัวเขานี่แหละจะตาย เพราะว่าโดนเบียดมาเหมือนๆกัน

    “อันดับที่สาม…”

    เสียงทุ้มต่ำของผู้ประกาศทำเอาใจของทุกคนแทบหยุดเต้น แดเนียลยกมือขึ้นมากุม อธิษฐานขอให้เป็นชื่อทีมของพวกเขา จริงอยู่ว่าอยากได้ที่สูงกว่านี้ แต่เท่าที่ดูผู้แข่งขันมีแต่ทีมเก่งๆ แค่Eminentนี่ก็ไม่ต้องหวังว่าจะชนะได้แล้ว เพราะฉะนั้น.. ถ้าเป็นอันดับที่สามารถเข้าไปแข่งกับTiger Blastได้ล่ะก็..

    “Penguin Pitch!!”

    “เฮ้ยสุดยอด!!!” เรย์โนลด์ลุกขึ้นมาตะโกนลั่นทันทีที่ได้ยินชื่อทีมจากโรงเรียนตัวเอง ทำเอาผู้ชมที่กำลังจะปรบมือกลับมาหัวเราะเสียงดังกันแทนเสียอย่างนั้น จนเรย์นาต้องรีบดึงแขนพี่ชายให้นั่งลงด้วยความอับอาย

    แดเนียลที่อยู่บนเวทีก็นึกขำปฏิกิริยาของเพื่อนเหมือนกัน แต่ความตื้นตันมันจุกอกมากจนหัวเราะไม่ออก ได้แต่ค่อยๆขอทางคนต่างทีมที่รายล้อมให้ถอยห่าง จนทีมที่เล็กที่สุดได้มายืนอยู่ด้านหน้าจนได้

    แคลร์ที่เป็นหัวหน้าทีมเป็นคนเดินไปรับรางวัลจากคณะกรรมการ เธอกอดถ้วยรางวัลแน่นและยิ้มไม่หุบ มันเป็นสิ่งที่ทั้งเธอและเพื่อนๆร่วมทีมไม่เคยได้รับกันมาก่อน จริงอยู่ว่าเมื่อก่อนทางชมรมก้เคยได้ถ้วยจากงานเล็กๆประดับห้องบ้าง แต่ก็มีเพียงแค่ครั้งนี้ที่เป็นการแข่งขันอย่างเป็นทางการ และเป็นหลักฐานที่เติบโตว่าทีมหมูที่ทุกคนต่างดูถูกได้เติบโตไปอีกขั้นหนึ่ง

    “ฉันภูมิใจกับพวกเธอจริงๆ” เคเลปเดินเข้ามากอดเด็กสาวที่น้ำตาปริ่มหลังลงจากเวที ก่อนจะหันไปแสดงความยินดีกับทุกคน ตัวเขาเองไม่ได้เป็นคนร่วมแข่งด้วยก็จริง แต่ก็มีความตื้นตันและดีใจไม่แพ้พวกเด็กๆ เขาหันไปมองโค้ชที่มองมาด้วยแววตาแสดงความยินดีทั้งๆที่ติดคุยธุระกับลีออนอยู่และเอ่ยขอบคุณในใจ เขาว่าเขาพอจะเข้าใจความรู้สึกของโค้ชบ้างแล้ว ว่าทำไมต้องเคี่ยวเข็ญให้เด็กๆทำให้ดีที่สุด เพราะผลตอบแทนที่ได้รับมันทำให้สุขใจได้อย่างนี้เอง

    “แล้วคุณเคเลปจะฉลองให้เราหน่อยมั้ยครับ” แดเนียลกระซิบ ตั้งใจจะสื่อความหมายว่าไปหาอะไรกินกันสองต่อสอง แต่โจที่บังเอิญได้ยินพอดีเอ่ยแทรกขึ้นมาทันที

    “เบียร์! เบียร์!”

    “อายุก็ไม่ถึง แถมยังมีความเสี่ยงที่จะทำให้พวกเธอเสียงดังโวยวายจนเสียงเสียอีก ไม่เด็ดขาด!” เคเลปหันไปดุทันทีจนโจหูลู่หางตก แต่อลันก็เข้ามาใช้แขนอ้วนๆกอดคอโดยทันทีแล้วเสนอว่าแค่ซื้อขนมมากินกันในห้องชมรมก็พอ แต่ขอแค่เป็นขนมที่อาจจะฝืดคอบ้างนิดหน่อย ถือว่านานๆทีกินครั้ง และเคเลปก็ตกลง

    “เอ้าๆ ยินดีด้วยนะพวกเธอ แล้วเดี๋ยวงานต่อจากนี้…” โค้ชฮันนาห์ที่จบธุระแล้วเดินเข้ามาหาเด็กๆก่อนจะหันไปพูดกับเคเลป ชายหนุ่มจึงเสริมขึ้นมาทันที เพื่อให้โค้ชของตนเห็นว่าตนก็เป็นโค้ชที่ดีได้เหมือนกัน

    “ครั้งหน้าผมว่าจะลองฉีกแนวดู อาจจะเป็นแคลร์ร้องนำหรือดูเอ็ทกับแดเนียลหรือโจ ให้อลันร้องฝึกคอรัสบ้าง ส่วนเพลงนี่ถ้าเป็นบัลลาด…”

    “หยุด เคเลปหยุด” ฮันนาห์แทบจะยกมือปิดปากเคเลปที่ปล่อยแผนการพรั่งพรู เธอถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมา “จำได้แต่เด็กๆ ลืมแล้วเหรอว่าพวกเธอจะมีงานแสดงที่มหาลัยน่ะ”

    เคเลปแทบอ้าปากค้าง เขาเกือบลืมไปแล้วจริงๆ ทั้งๆที่ตัวเขาก็ซ้อมอยู่แทบทุกครั้ง แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่ความคิดในหัวมีเด็กๆพวกนี้มาแทนที่ พอได้ยินอย่างนั้นแล้ว เขาจึงเรียกทีมมารวมตัวกัน

    “นี่ เดี๋ยวเสาร์หน้าที่มหาลัยฉันจะจัดงานแสดง ฉันขอสั่งพวกเธอ..”

    “ไปครับไป!” แดเนียลเอ่ยเสียงดังกว่าเพื่อนทันที ท่าทางตื่นเต้นเกินกว่าเหตุทำให้เคเลปนึกขำ แต่ก็คิดว่าน่ารักอยู่ไม่น้อย ยิ่งตอนนี้แดเนียลอดทนลดอาหารออกกำลังกายจนร่างกายมีขนาดเล็กลงนิดนึงแล้วยิ่งดูน่ารักเข้าไปใหญ่ในสายตาเคเลป

    “ฉันสั่งให้พวกเธอไปอยู่แล้ว คนอื่นว่าไง”

    ทั้งสี่คนตอบรับกลับมาโดยทันที โอกาสที่จะได้เห็นฝีมือของทีมในอนาคตทั้งที จะไม่ไปดูได้อย่างไรกัน แถมEminentที่เพิ่งได้รับรางวัลที่1มาหมาดๆก็จะไปดูพร้อมกันด้วย ถือเป็นการกระชับมิตรของทั้งสองทีมได้เป็นอย่างดี ยิ่งโดยเฉพาะสำหรับคนที่จะเป็นทีมเดียวกันในปีหน้าด้วย





    “ครับ เอ๊ะ..” มาร์โคนั่งฟังปลายสายนิ่ง เสียงของทางนั้นดูมีความสะใจอยู่เปี่ยมล้น แต่มาร์โคไม่ได้ตื่นเต้นอะไรกันมันหรอก ก็คำสั่งที่ได้รับมันฟังดูไร้สาระสิ้นดี

    “แต่แกรนด์ฟิลด์ไม่ได้เก่งเท่าไรนะครับ ครับ เคยมีเรื่องกันจริงอยู่ครับ” แต่ถึงอย่างนั้นปลายสายก็ยังยัดเยียดงานบางอย่าง มาร์โคถอนหายใจก่อนจะตอบรับอย่างเสียไม่ได้

    “เข้าใจแล้วครับ ผมจะทำลายแกรนด์ฟิลด์ให้เอง” 

___________________________________________________________________________________________

สวัสดีย้อนหลังวันสงกรานต์ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ!
ก่อนอื่นต้องขอบคุณคุณkaokornด้วยนะคะที่มาอวยพร เราไม่แน่ใจว่าที่นี่ตอบเม้นได้มั้ยเลยไม่กล้าตอบน่ะค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ
ยังไงก็ขอให้มีความสุขเช่นกันนะคะ ถึงจะเลยปีใหม่ไทยไป ก็ขอให้มีความสุขในทุกๆวันค่ะ^^

และสำหรับเพลงของตอนนี้ก็คือ Warrior - Imagine Dragons ค่ะ ในคลิปคือทีมVocal Forteที่แข่งในรายการPitch Slappedค่ะ นี่เป็นการแสดงที่เราชอบที่สุดในรายการค่ะ เลยหาช่องมาใส่ในเรื่องด้วยความไบแอสส่วนตัว หุหุ
แล้วเจอกันในตอนหน้านะคะ ขอบคุณอีกครั้งค่า!


ออฟไลน์ fahtallll

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ชอบมากกก ก ติดงอมแงม
รอให้ถึงวันจันทร์เร็วๆ

ออฟไลน์ meelhek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
CH9

    เสียงเคาะประตูดังลั่นทำเอาคนที่กำลังนอนหลับอย่างสบายในวันหยุดสะดุ้งตื่น ชายหนุ่มเกาหัวแกรกๆก้วยความหงุดหงิดก่อนจะเดินไปเปิดประตู

    “อะไรวะแดน”

    “พี่เลียม ผมยืมชุดหน่อย”

    “เฮ้ย” แดเนียลไม่ฟังคำทัดทานใดๆ กลับพุ่งเข้าไปที่ตู้เสื้อผ้าของลูกพี่ลูกน้องที่อาศัยในบ้านเดียวกันอย่างเลียม เลียมเป็นผู้ชายวัยทำงานที่แต่งตัวดูดีเสมอ ถ้าไม่นับเสื้อยืดเก่าๆกับบ๊อกเซอร์ที่ใส่นอนอยู่ล่ะก็ ตู้เสื้อผ้าของเลียมนี่เป็นขุนทรัพย์ดีๆนี่เอง

    “เดี๋ยวเว้ยแดน อยู่ๆจะมาปล้นอะไร” เลียมเข้าไปจับไหล่น้องชายที่ยืนบังตู้จนมิด จะดึงออกมาก็ไม่ได้เมื่อเทียบกันแล้วแดเนียลก็ตัวใหญ่กว่าอยู่โข

    “วันนี้จะไปงานของมหาลัยมิดเดิลตัน ขอชุดดีๆใส่หน่อยนะ”

    “ถึงจะพูดแบบนั้น แต่แกอ้วนกว่าฉันเยอะเลยนะเว้ย อ๊ะ จะว่าไปนี่ผอมลงหน่อยเปล่าวะ” เลียมพูดแล้วเลื่อนมือวางตรงเอวของน้องชาย ถึงจะไม่มากแต่ก็รับรู้ได้ว่ามันลดลงไปบ้างจริงๆ เลียมไม่ได้น้องชายเท่าไรเพราะงานที่ยุ่งจนแทบไม่ได้มีเวลากลับบ้าน ก็พอรู้มาบ้างว่าชมรมของแดเนียลมีเริ่มดีขึ้นเพราะมีโค้ชดีๆ แต่นั่นมันเกี่ยวกับที่เด็กอ้วนตลอดกาลอย่างแดเนียลจะลดน้ำหนักตรงไหน

    “ผอมลงน่ะสิ แต่ว่า ก็ใส่ของพี่ไม่ได้อยู่ดีแฮะ..” แดเนียลหยิบเสื้อเท่ๆที่มีแต่ไซส์Mของเลียมมาเทียบตัวแล้วถอนหายใจ มีไซส์Lอยู่บ้างแต่ก็ดูจะรัดตัวเปรี๊ยะจนนมปลิ้น กลายเป็นว่าจากเสื้อสวยๆมาอยู่บนตัวเขาแล้วจะดูทุเรศทุรังแทน

    “แล้วแกจะแต่งตัวดีๆไปทำไม กับอีแค่ไปงานมหาลัย ถ้าแต่งไม่เรียบร้อยแล้วเค้าจะไม่ให้เข้าเรียนรึไง”

    “ไม่ใช่แบบนั้น แต่ว่า..” ถ้าเอาหน้าแดงๆของแดเนียลมารวมกับความอยากใส่ชุดดีๆอย่างรุนแรง ใครก็คงเดาได้ไม่ยากแล้วว่าที่แดเนียลกะไปหาน่ะไม่ใช่มหาลัย แต่เป็นคนต่างหาก

    “แหมไอ้น้องชาย มีหญิงแล้วเหรอวะเดี๋ยวนี้”

    “มะ.. ไม่ใช่!” แดเนียลตอบกลับเสียงแข็ง จะให้บอกว่าจริงๆแล้วเป็นผู้ชายต่างหากก็ทำไม่ได้ เลยได้แต่หน้าแดงอยู่นิ่งๆให้เลียมแซวไปเรื่อยๆ

    “เอาเถอะ จะยังไงก็ช่าง งั้นฉันไปดูชุดห้องแกดีกว่า เดี๋ยวเลือกให้”

    “แต่ของผมไม่มีเสื้อผ้าสวยๆหรอกนะ”

    “เออน่า เชื่อมือสิ”





    “ดูนั่นว่าใครมา”  โจชี้ให้ทุกคนหันไปมองแดเนียลที่กำลังวิ่งอย่างสุดแรงเนื่องจากเลยเวลานัดมาร่วมยี่สิบนาที เพราะห้องแดเนียลไม่มีอะไรจริงๆ เลียมเลยต้องใช้เวลาและสมองหนักมากที่จะทำยังไงให้น้องชายแต่งตัวออกมาดูดีที่สุด ซึ่งก็ได้แค่เสื้อยืดกับกางเกงยีนเหมือนเดิมนั่นแหละ ถึงจะเป็นตัวที่ดีที่สุดที่มี แต่พอต้องมาวิ่งจนเหงื่อออกมันก็ดูโทรมไปเลย

    “ช้า” แคลร์ต่อว่าทันที เธอคงจะหงุดหงิดไม่น้อยที่ทำให้เสียเวลา การแสดงของเคเลปยังอีกนานกว่าจะเริ่มก็จริง แต่ยังมีงานอื่นๆของมหาวิทยาลัยให้ได้เที่ยวชม รวมถึงการไปทักทายและฝากตัวกับสมาชิกชมรมอะแคปเปลล่าด้วย

    “ขอโทษจริงๆนะ ว่าแต่อีวานทำไมหน้าเป็นแบบนั้น” แดเนียลเอ่ยขอโทษสมาชิกรอบวง แต่มาสะดุดที่น้องเล็กของกลุ่ม ซึ่งดูเหมือนวิญญาณหลุดลอยไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย จะว่าไปวันนี้อีวานก็แต่งตัวมาดีมากๆ จะว่าเรียบร้อยเหมาะกันสถานที่ก็ใช่หรอก แต่มันก็ยังมีอะไรแปลกๆ

    เรย์โนลด์ดึงเพื่อนสนิทมาใกล้ๆแล้วกระซิบ “เพราะเรย์นาไม่มาน่ะ”

    แดเนียลพยักหน้าอย่างเข้าอกเข้าใจ แต่ก็ไม่รู้ทำไมเรย์โนลด์ต้องทำท่าดีใจเมื่อเห็นอีวานหงอยไปขนาดนี้ สงสัยถึงจะทะเลาะกับน้องตลอด แต่เรย์โนลด์ก็คงรักและห่วงเรย์นาน่าดู

    “แกอยากเรียนอะไรนะ” แดเนียลถามเรย์โนลด์ พวกชมรมเขาสี่คนอยากเข้าคณะทางดนตรีอยู่แล้ว มีแค่เรย์โนลด์เท่านั้นที่ตามมาเพราะอยากมาดูมหาวิทยาลัย

    “นิติมั้ง ไม่รู้สิ”

    “ทั้งๆที่เก่งเลขขนาดนั้นเนี่ยนะ” แคลร์เอ่ยถาม ก็เรย์โนลด์เพิ่งไปชนะการแข่งขันคณิตศาสตร์มา จะไม่ไปเรียนทางนั้นก็น่าเสียดาย

    “แต่มิดเดิลตันเด่นนิติที่สุดนี่นา ใกล้บ้านที่สุดด้วย ยังไงก็ไม่อยากให้เรย์นาอยู่คนเดียวอ่านะ” เรย์โนลก์ว่าแล้วเหลือบมองไปทางอีวานที่สะดุ้ง เด็กหนุ่มเดินไปโอบคออีวานทันที

    “จะว่าไปนายเพิ่งเกรด10นี่เนอะ ถ้ายังไงไปเดินงานกับฉันละกัน เรามีเรื่องต้องคุยกันเยอะเลยนะ” ว่าแล้วก็ลากคออีวานที่ดิ้นอย่างแรงไปทันที โบกมือลาเพื่อนๆที่เหลือ เพราะยังไงคณะที่อยากเข้าก็คนละด้าน ถ้าทั้งสี่คนต้องตามมาช่วยเรย์โนลด์มันก็เสียเวลา เด็กหนุ่มเลยเลือกที่จะเดินออกมาจะดีกว่า แต่จะให้ไปคนเดียวก็ยังไงๆอยู่ มีอีวานก็ช่วยได้เยอะ อยากมีเพื่อนไปด้วยน่ะเรื่องจริง แต่ที่อยากซักเรื่องเรย์นาก็เป็นผลพลอยได้

    “คุณเคเลปแสดงบ่ายสามนะ” แดเนียลตะโกนไล่หลังไป ซึ่งเรย์โนลด์ก็ชูนิ้วขึ้นมาว่าโอเคแล้วเดินต่อ แดเนียลส่ายหัวให้กับเพื่อนตัวเล็ก ก่อนที่จะหันมาหาคนอื่น

    “งั้นเราไปหาอะไรกินก่อนดีมั้ย”

    “ไป” สามคนประสานเสียงกันทันที





    เบอร์เกอร์แห้งๆอยู่ในมืออีวานที่ถูกบังคับให้ซื้อแล้วเดินกินไป เพราะเรย์โนลด์ยังหาคณะที่ถูกใจไม่ได้ ถึงแม้อีวานจะเห็นว่าเมื่อกี้เรย์โนลด์ก็ดูถูกคอกับนักศึกษาในคณะวิศวะดี และดูท่าจะถูกใจสาขาหนึ่งในคณะวิศวะแล้วด้วย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังโดนลากให้เดินตามมาเป็นเพื่อนเรื่อยๆ ทั้งๆที่ดูเรย์โนลด์ก็ท่าจะเหนื่อยเหมือนกัน แต่ความอยากแกล้งอีวานคงมีมากกว่า

    อีวานตัดสินใจแล้วว่า จะนี้จะกินแต่อาหารที่มีประโยชน์แล้วออกกำลังกายเยอะๆ วันนึงจะได้สูงกว่าเรย์โนลด์ สูงเท่าโจเลยยิ่งดี นอกจากจะเพิ่มความต้านทานการโดนแกล้งแล้ว ยังเพิ่มความน่าไว้วางใจที่เรย์โนลด์จะมอบน้องสาวให้อีกด้วย

    “ถึงแล้ว นิติ”

    “แต่พี่ดูจะชอบวิศวะนี่ฮะ”

    “ก็อยากมาเดินดู จะทำไม”

    เด็กน้อยเดินคอตกเข้าไปในตัวตึกที่มีบอร์ดจัดแสดงเกียรติประวัติอันหรูหรา อย่างอีวานที่ไม่ได้มีเป้าหมายอะไรเป็นพิเศษ แค่เห็นก็ถึงกับเคลิ้มเสียแล้ว

    “น้องสองคนตรงนั้น สนใจมาฟังรายละเอียดคณะมั้ยครับ” เสียงชายหนุ่มทุ้มนุ่มน่าฟังทำเอาทั้งสองคนหันไปมอง เรย์โนลด์ขมวดคิ้ว เหมือนคุ้นหน้าชายหนุ่มหน้าตาดีตรงหน้า อย่างกับเคยเจอกันที่ไหน

    “อ๊ะ ชาร์ล สมิธ” เด็กหนุ่มโพล่งออกมาเมื่อจู่ๆก็นึกขึ้นได้ คนที่เดี่ยวไมโครโฟนก่อนหน้าทีมของแดเนียลที่งานสวนสนุกนั่นเอง ไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่เอนเตอร์เทนเก่งอย่างนั้นจะเรียนกฏหมาย

    “ใครเหรอครับ” อีวานเอ่ยถามพลางดึงนิ้วของเรย์โนลด์ที่กำลังชี้หน้าชายหนุ่มอย่างเสียมารยาทลง ชาร์ลยิ้มรับ แล้วเดินเข้ามาหา

    “ก็ว่าคุ้นๆอยู่ เด็กที่อยู่กับเคเลปตอนงานสวนสนุกใช่มั้ย”

    “ใช่ครับ เอ่อ คุณรู้จักคุณเคเลปด้วยเหรอครับ” เรย์โนลด์รู้อยู่ว่าทั้งสองคนแนะนำตัวกับอีกฝ่าย แต่ท่าทางการพูดอย่างสนิทสนมทำเอาเรย์โนลด์ตงิดใจอยู่ไม่น้อย อย่างกับว่าหลังจากนั้นทั้งสองคนมาเกี่ยวข้องกันอีกอย่างนั้นแหละ

    “ก็นะ เคยเกือบไปถึงบ้านเลยล่ะ” ชาร์ลพูดออกมาอย่างภูมิใจ และมันทำให้เรย์โนลด์ตาเบิกกว้าง เขาไม่รู้ว่าแดเนียลรู้เรื่องนี้รึเปล่า แต่คนที่หลงเคเลปเข้าขั้นอย่างเจ้านั่นคงตกใจมากแน่ๆ

    “นี่พวกเธอก็มาดูเคเลปสินะ ฉันเตรียมดอกกุหลาบช่อใหญ่ไปเซอร์ไพรส์ด้วย เขาต้องดีใจมากแน่ๆ ว่าแต่พวกเธอรีบมาฟังแนะนำเถอะ คนรอแล้ว…”

    ทั้งสองคนพยักหน้ารับ แล้วเข้าร่วมกลุ่มโดยทันที ถึงแม้อีวานจะดูไม่ค่อยอยากฟังสักเท่าไร แต่ยังไงก็เพื่อรักษามารยาทอันดี




    ทั้งสองคนกลับมายังจุดรวมตัวได้ตอนบ่ายสองโมงครึ่ง เรย์โนลด์โทรให้แดเนียลเดินออกมารับก่อนที่จะพากันเข้าไปยังด้านหลังของเวที เด็กหนุ่มกระซิบบอกสิ่งที่ตนเจอกับเพื่อนสนิท

    “นี่ เมื่อกี้ฉันเจอ ชาร์ล สมิธที่นิติ นายจำได้เปล่า คนที่เดี่ยวไมโครโฟนก่อนทีมนายอ่ะ”

    แดเนียลคิ้วกระตุกทันที ด้วยความไม่ชอบชายหนุ่มคนนี้เป็นทุนเดิม “แล้วยังไงต่อ”

    “เค้าบอกว่าเคยไปถึงบ้านคุณเคเลปด้วย”

    “อืม รู้แล้ว”

    กลายเป็นเรย์โนลด์ที่ตกใจเสียเอง เด็กหนุ่มเค้นถามเพื่อนสนิททันที “เฮ้ย ไปรู้ได้ไง คุณเคเลปเล่าให้ฟังเหรอ”

    “เปล่า ฉันไปเจอเอง วันแรกที่ไปส่งอีวานที่บ้านเลย เจออยู่ที่ร้านอาหารก่อนถึงเขตที่พัก”

    “ว้าว แล้วเกิดอะไรขึ้น”

    “ฉันอาสาไปส่งคุณเคเลปที่บ้าน หมอนั่นเลยไม่ได้ไป”

    เรย์โนลด์ดีดนิ้วดังเป๊าะด้วยความถูกใจ “ต้องอย่างนี้สิเพื่อน”

    “เอ่อ…” อีวานที่เหมือนเป็นตัวประกอบค่อยๆยกมือพลางส่งเสียงเล็กน้อยอย่างขออนุญาต พี่ๆสองคนจึงหันมามอง “เค้าดูชอบคุณเคเลปมากเลยนะครับ แต่ผมว่าเค้าดู.. ล้นๆยังไงไม่รู้ แบบไม่น่าไว้ใจน่ะครับ เลยรู้สึกไม่ค่อยอยากเข้าใกล้สักเท่าไร”

    เด็กหนุ่มเอเชียคว้าคออีวานมาล็อคไว้ ก่อนจะขยี้หัวอย่างหมั่นเขี้ยว “นายเนี่ยดูคนเป็นด้วยเหรอ ฉันยังไม่เห็นว่าเค้าจะน่าสงสัยตรงไหน หรือว่านายหึงคุณเคเลป?”

    “ไม่ใช่นะครับ!” เด็กหนุ่มเถียงกลับหน้าแดง “ผมชอบเรย์นาต่างหาก อุ๊บ” อีวานปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน เรย์โนลด์หัวเราะก๊ากเมื่อได้ฟังคำพูดหลุดปาก แดเนียลก็พลอยหัวเราะไปด้วย แต่ก็ยังคงความรู้สึกไม่สบายใจเอาไว้ อย่างที่อีวานว่า คนๆนี้ดูไม่น่าไว้ใจสักเท่าไร 





    “อ้าว มากันแล้วเหรอ” เคเลปเอ่ยทักเด็กสองคนที่เพิ่งเข้ามาและยืนอ้าปากค้าง ตกตะลึงกับเทพบุตรตรงหน้าเสียจนพูดไม่ออก ชายหนุ่มในชุดสูทสีฟ้าอ่อน กับผมสีทองที่เซ็ตมาอย่างดีอย่างกับเจ้าชายในเทพนิยาย เคเลปในเวลาปกติก็หล่อมากมายอยู่แล้ว ยิ่งเป็นการแสดงแล้วยิ่งงดงามเข้าไปใหญ่

    “โอ้โห คุณเคเลปหล่อสุดๆไปเลย” เรย์โนลด์เอ่ยชมอย่างจริงใจ อีวานเองก็พยักหน้าหงึกหงัก

    “มาด้วยเหรอเรย์โนลด์” เสียงทุ้มต่ำกับมือที่วางบนบ่าทำให้เรย์โนลด์ต้องหันกลับไปมอง ชายหนุ่มที่ยืนด้านหลังใส่สุดสีขาว ผมสีดำตัดสั้นถูกเซ็ตไว้กับใบหน้าเกลี้ยงเกลา เป็นใบหน้าที่ไม่คุ้นเอาเสียเลย

    “เอ่อ.. คุณ…”

    เคเลปเห็นเรย์โนลด์หน้าเหวอจึงเผลอหลุดขำออกมา เขาเดินไปกอดคอชายหนุ่มสูทขาว “จำไม่ได้เหรอ นี่วิลไง”

    เรย์โนลด์คิดว่าตัวเองไม่เคยอ้าปากกว้างขนาดนี้ เด็กหนุ่มชี้นิ้วมืออันสั่นเทาไปยังชายหนุ่มตรงหน้า “พี่วิลเหรอ”

    “ใช่สิ”

    “ทำไมหล่อแบบนี้!” ราวกับความเคารพเหือดหาย เรย์โนลด์พุ่งตัวจับใบหน้าเกลี้ยงเกลาพลิกไปมา สัมผัสที่มือนุ่มจนไม่น่าเชื่อว่านี่คือคนที่เคยไว้ผมยาวและหนวดเครารุงรัง พออะไรๆที่เกะกะหายไปก็หน้าตาดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ

    วิลจับมือเด็กหนุ่มออก ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายปนขำ “อะไรจะตื่นเต้นขนาดนั้น”

    “ไม่ให้ตื่นเต้นได้ไงล่ะ พวกนายก็ตื่นเต้นใช่มั้ย เนอะ” เรย์โนลด์หาพวก แต่อีวานที่เพิ่งเคยเจอวิลครั้งแรกก็ส่ายหัว แดเนียลเองก็ส่ายหัวเช่นกันเพราะไม่ได้แปลกใจขนาดนั้น คงเพราะตกตะลึงกับเคเลปเสียมากกว่า

    “พวกนายนี่.. แล้วทำไมพี่ถึงโกนออกหมดล่ะครับ”

    “เพลงนี้มันโรแมนติกน่ะสิ โค้ชเลยอยากให้ทำตัวดูดี ก็เอาเถอะ เดี๋ยวมันก็ยาวขึ้นมา”

    “เอ๋ น่าเสียดายออก”

    “ไม่เห็นจะน่าเสียดายตรงไหน”

    เรย์โนลด์เถียงง้องแง้งกับคนขรึมประจำชมรมอย่างวิลจนคนรอบๆต่างหันมามอง หลายคนไม่เคยเห็นวิลยิ้มหรือเล่นหัวอะไรกับใครเสียด้วยซ้ำ เรียกได้ว่าเป็นสถานการณ์ที่แปลกประหลาดจนบางคนอยากจะยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปเก็บไว้

    “เอาล่ะทุกคน มาซ้อมรอบสุดท้ายกันได้แล้ว เด็กๆไปรอด้านนอกได้เลยนะ นี่ตั๋วจ้ะ” โค้ชฮันนาห์เดินเข้ามาพร้อมตั๋วระบุที่นั่งหกใบ จริงๆการแสดงนี้เปิดให้คนทั่วไปเข้าชม แต่มีแค่ที่นั่งด้านหน้าเท่านั้นที่กั๊กไว้ให้กับทั้งชมรมเพนกวินและEminentและแขกคนสำคัญคนอื่นๆ

    เด็กๆต่างแยกตัวจากสมาชิกชมรมที่กำลังคุยกันอย่างออกรส อ้อยอิ่งเล็กน้อยเพื่อลอบมองการซ้อมของวง เคเลปที่ยืนตรงกลางให้เสียงหลักคู่กับผู้หญิงอีกคนช่างงดงามราวกับเจ้าชายจนแดเนียลก้าวเท้าไม่ออก

    “เดินเว้ย แดน” เรย์โนลด์เอาเท้าเตะเข้าที่น่องจนแดเนียลรู้สึกตัว เด็กหนุ่มหน้าหงอยลงนิดหนึ่งที่ไม่ได้ดู แม้ว่าถ้าดูรอบจริงเคเลปจะยิ่งงดงามกว่านี้เสียอีก

    น่าประหลาด เขาอยากหยุดดูเคเลปตรงนี้แค่เพียงคนเดียว ไม่อยากให้ใครมามองเทพบุตรของเขาเลย…


ออฟไลน์ meelhek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0

    เด็กๆต่างมานั่งเรียงกันในหอประชุมที่ตอนนี้เปิดไฟสลัว มีคนทยอยเดินเข้ามาไม่ขาดสาย แม้มิดเดิลตันจะไม่ใช่มหาวิทยาลัยที่เน้นกิจกรรมเท่าไรนัก แต่เพราะความสม่ำเสมอของการเดินสายประกวดและการโปรโมตในโซเชียลมีเดียก็ทำให้มีคนต้องการมาดูการแสดงสดอยู่มาก และแน่นอนว่ากว่าครึ่งเป็นแฟนคลับของเทพบุตรเคเลป

    “ว้าว คุณเคเลปมีป้ายเชียร์ด้วย” อลันหันขึ้นไปมองแล้วบอกเพื่อนๆทุกคนให้ดู จริงๆก็ไม่ใช่แค่เคเลปที่มีคนมาเชียร์โดยเฉพาะ แต่สัดส่วนมันมากกว่าคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด ก็ทั้งหน้าตาและน้ำเสียงอยู่ในระดับสุดยอดเสียขนาดนั้น ก็ต้องดึงดูดผู้คนมากมายเป็นธรรมดา

    แดเนียลจับใบหน้าของตน แล้วเลื่อนมาที่หน้าท้องอวบตึง ถอนหายใจ นอกจากจะไม่มีอะไรจะไปเทียบเคเลปได้แล้ว ยังไม่มีอะไรคู่ควรอีกด้วย

    “อ๊ะ เริ่มแล้วๆ”

    อีวานเอ่ยขึ้นเมื่อแสงในหอประชุมเริ่มดับลง ในขณะที่สปอร์ตไลท์ที่ฉายบนเวทีสว่างขึ้น ม่านเปิดออกพร้อมสมาชิกชมรมอะแคปเปลล่าที่ยืนอยู่ประจำตำแหน่ง เรียกเสียงฮือฮาจากผู้ชมได้เป็นอย่างดี

    “Let’s Marvin Gaye and get it on
    You got the healing that I want
    Just like they say it in the song
    Until the dawn, let’s Marvin Gaye and get it on”

    เคเลปร้องท่อนแรกของเพลงMarvin Gayeพร้อมๆกับคอรัสที่อยู่ด้านหลัง เสียงหวานๆและรอยยิ้มสดใสช่างดึงดูดใจผู้คนให้ไม่อาจละสายตา เหมือนมีออร่าบางอย่างออกมาจากตัวเคเลปที่มากกว่าคนอื่น แต่มันก็คงจะเป็นเพราะชุด สูทสีฟ้าอ่อนที่กระทบกับแสงของสปอร์ตไลท์ทำให้กลายเป็นขาวกระจ่าง ในขณะที่สูทขาวของคนอื่นกลายเป็นสูทสีออกครีมไป

    แดเนียลนึกทึ่ง ทั้งตัวผู้แสดงทั้งการจัดชุดให้เหมาะสมกับเวที ไม่ใช่แค่เคเลป แต่ทุกคนต่างก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยม ทำเอาตื่นเต้นไม่น้อยที่รู้ว่าปีหน้าตัวเองจะได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมนี้

    เพลงแรกจบลง นักร้องหญิงทั้งหมดเดินลงจากเวที ในขณะที่นักร้องชายถอดเสื้อสูทสีขาวให้เห็นเสื้อเชิ้ตสีสันสดใสด้านใน เป็นที่น่าแปลกใจเมื่อคนที่ร้องหลัก ซึ่งเป็นคนร้องเปิดท่อนแรกของเพลง Shut Up and Dance เป็นวิล แถมยังร้องด้วยรอยยิ้มสดใสเข้ากับเพลง แบบที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อนอีกด้วย

    “Oh don’t you dare look back
    Just keep your eyes on me
    I said “You’re holding back”
    She said “Shut up and dance with me”
    This woman is my destiny
    She said “Oooooh, shut up and dance with me”

    ไม่รู้ว่าเหล่านักร้องหญิงทำได้ยังไง แต่พวกเธอก็เปลี่ยนชุดด้วยความเร็วเหลือเชื่อ จากเดรสยาวสีขาวเป็นชุดเดรสสบายๆสีสันสดใส ขึ้นมาเต้นรำไปกับพวกหนุ่มๆ คนดูทั้งฮอลต่างปรบมือเป็นจังหวะเดียวกันให้เข้ากับความสนุกสนานของเพลง แถมเรย์โนลด์ยังได้ยินเสียงสาวๆแถวหลังแว่วมาด้วยมานักร้องนำเพลงนี้ก็หล่อ เด็กหนุ่มแค่นหัวเราะ อยากจะให้พวกผู้หญิงเห็นตัวจริงของนักร้องนำแสนสดใสนี่เหลือเกิน

    หลังการแสดงชุดนี้จบลง การแสดงก็ยังดำเนินไปโดยสลับนักร้องชายหญิงรอบละเพลง ก่อนจะมาร้องรวมกันในเพลงสุดท้าย พอรวมกับการพูดคุยแนะนำชมรมและคณะดนตรีแล้ว ทั้งหมดก็จบลงในเวลาครึ่งชั่วโมงพอดี ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่จะประกาศพักเวทีอีก15นาที ก่อนที่ทางชมรมไวโอลินจะขึ้นแสดงต่อ

    “สุดยอดไปเลยแฮะ”

    “เห็นมั้ยล่ะ ฉันชวนตั้งหลายรอบละไม่ยอมมา”

    เรย์โนลด์พยักหน้าหงึกหงักกับคำพูดของแดเนียล ไม่เคยรู้เลยว่าอะแคปเปลล่าเต็มรูปแบบแบบนี้ก็สนุกเหมือนกัน เพราะว่าชมรมของโรงเรียนเป็นชมรมเล็กๆ แถมพอเหลือแต่พวกแดเนียลมันยิ่งเลวร้าย เรย์โนลด์เลยค่อนข้างอคติพอสมควร พอเจอแบบนี้ก็ได้แต่บอกกับตัวเองว่าถ้ามีโอกาสคราวหน้าก็อยากมาลองดูอีกสักที

    “แล้วจากนี้เอาไง กลับเลยมั้ย” เรย์โนลด์ว่าพลางดูนาฬิกา เพิ่งจะบ่ายสามครึ่งเท่านั้น เรียกได้ว่าเร็วไปมากสำหรับการมาเยี่ยมชมงานที่จะปิดในช่วงค่ำ

    “เห็นว่าเขาจะมีปาร์ตี้กัน โค้ชฮันนาห์บอกให้พวกเราร่วมได้ ถือว่ากระชับความสัมพันธ์” แดเนียลอธิบาย และนั่นทำให้เรย์โนลด์ขมวดคิ้ว

    “งั้นฉันก็ไม่เกี่ยวป่ะ?”

    “มาๆด้วยกันเถอะน่า” แดเนียลเอ่ยชวนในขณะที่คนอื่นๆเองก็หันมาพยักหน้า เรย์โนลด์จึงต้องตอบรับคำชวนอย่างเสียไม่ได้ จะว่าไปมางานOpen Dayครั้งนี้ก็ดี ได้มีคณะที่อยากเข้าแถมยังได้กินฟรีอีกต่างหาก





    เด็กๆที่ต่างหยิบขนมกันไปคุยกันไปอย่างออกรสทำเอาโค้ชอย่างฮันนาห์โล่งใจ เพราะการที่มีเด็กใหม่เข้าชมรมแต่ละปีมีความเสี่ยงของการเข้ากันไม่ได้อยู่เสมอ บางครั้งก็จบลงด้วยการลาออกซึ่งถือว่าดี เพราะบางทีกลั่นแกล้งกันไปมาจนงานเกือบล่มก็มี แต่ปีนี้ อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่าเด็กใหม่เก้าคนจะไม่มีปัญหา

    ถ้าจะมีปัญหาอะไร ก็คงมีแต่เรื่องที่ฮันนาห์ยังไม่กล้าพอที่จะบอกทีมเพนกวินได้ว่าทุนที่ได้ลดลงไปหนึ่งทุน นี่ถ้ามีใครที่ผลการเรียนดีๆก็คงเสนอทุนเรียนดีให้แทนได้ แต่เด็กพวกนี้อยู่ที่ระดับกลางๆกันทุกคน เพราะงั้นความเหลื่อมล้ำระหว่างคนได้ทุนกับคนที่ไม่ได้ต้องเกิดขึ้นแน่ๆ

    “เคเลป มีคนมาหา” สมาชิกคนหนึ่งเรียกเคเลปที่กำลังพูดคุยกับคนอื่นๆอย่างสนุกสนาน เทพบุตรหนุ่มขมวดคิ้ว ตัวเขาไม่ได้มีเพื่อนมากนัก พ่อแม่ก็ไม่ได้มาดูงานในวันนี้ แฟนคลับรึก็โดนสั่งให้ฝากของไว้ด้านนอก แล้วใครจะสามารถมาหาเขาได้ถึงห้องแต่งตัวของสมาชิกอะแคปเปลล่าแบบนี้

    “เซอร์ไพรส์”

    ดอกกุหลาบช่อใหญ่ถูกยื่นมาให้ตรงหน้าจนเคเลปต้องถอยหลัง เขากระพริบตาปริบๆแล้วรับมันอย่างงๆ ก่อนจะมองหน้าคนให้ที่กำลังยิ้มแฉ่ง

    “ขอบคุณนะชาร์ล”

    “ไม่เป็นไร เรายินดี น่าเสียดายที่ไม่ได้ให้บนเวที”

    “แบบนี้ดีแล้ว อย่างนั้นน่าอายจะตาย” เคเลปหัวเราะเบาๆ ไม่ทันได้ระวังตัวว่าชาร์ลยกมือข้างหนึ่งของตนขึ้นไปจุมพิต

    “ไม่ดีตรงไหน เขาจะได้รู้ว่าเราเป็นอะไรกัน” ชาร์ลพูดด้วยแววตากรุ้มกริ่ม เคเลปชักมือกลับ เขาที่มักทะนงตนและมองตัวเองเหนือกว่าคนอื่นไม่ชอบใครให้มารุกไล่ตนเอง ถามว่าถูกใจรูปร่างหน้าตาชาร์ลมั้ย มาก แต่การกระทำหลายๆอย่างที่ทำให้เคเลปอยากเลี่ยงคนๆนี้อยู่พอสมควร

    “คืนนี้ไปดื่มกันมั้ย ฉลองที่นายแสดงได้อย่างประสบความสำเร็จไง”

    “อืม.. คืนนี้คงไม่สะดวก” เคเลปรีบพูดออกไปก่อนเพราะอยากจะปฏิเสธ แต่ก็ไม่ทันคิดเหตุผล จนกระทั่งเห็นแดเนียลเดินออกมาจากห้อง ในหัวเลยปิ๊งขึ้นมาทันทีว่าเอาแดเนียลเป็นข้ออ้างนี่แหละ “พอดีจะไปค้างบ้านน้องน่ะ” ไม่ว่าเปล่า ซ้ำยังเข้าไปเกาะแขนแดเนียลอีกต่างหาก แดเนียลเกือบจะหน้าเหวออยู่แล้ว แต่พอเห็นชาร์ลจึงรีบพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง ด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่เชื่อ

    “เด็กคนนี้ตลอดเลยนะ คบกันอยู่รึไง” ชาร์ลดูจะหงุดหงิดที่แดเนียลเข้ามาแทรกเป็นรอบที่สอง แต่แดเนียลไม่สนใจ กลับกระชับแขนของเคเลปให้เข้าใกล้ตัวมากขึ้นไปอีก

    “แล้วเกี่ยวอะไรกับคุณล่ะครับ”

    “นี่นาย…” ชาร์ลยิ่งหงุดหงิดเข้าไปอีกเมื่อแดเนียลมองกดลงมาราวกับกำลังดูถูก เคเลปรึก็นิ่งเงียบอยู่อย่างนั้น ไม่มีห้ามหรืออะไร จนคนที่อุตส่าห์หอบดอกไม้ช่อใหญ่มาให้ยิ่งโมโหหนักเข้าไปใหญ่

    “มีอะไรกัน”
 
    โค้ชฮันนาห์เปิดประตูออกมาพอดี ตามด้วยเด็กๆที่ได้ยินเสียงจากด้านนอก พอเห็นคนมองเยอะชาร์ลจึงได้แค่จิ๊ปากแล้วบอกเคเลปมาจะติดต่อมาใหม่ ชายหนุ่มมองตามอย่างแปลกใจว่าเจออะไรแบบนี้แล้วจะมาหาต่ออีกเหรอ ทั้งๆที่เจ้าตัวก็ดูจะไม่ได้ชอบเขาเท่าไร ไม่ปฏิเสธหรอกว่าสปาร์คกันจริงในวันแรกที่เจอ แต่หลังจากนั้นให้ความรู้สึกเหมือนชาร์ลกำลังแข่งอะไรอยู่และพยายามจะเอาชนะยังไงอย่างนั้น

    “ไม่มีครับโค้ช แค่มีหนุ่มมาตื๊อน่ะ” เคเลปหันไปตอบโค้ชฮันนาห์หลังจากที่เธอบอกให้เด็กๆกลับเข้าห้องไป แล้วเธอจึงหันมาเขกหัวเด็กหนุ่มจอมเซี้ยวนี่ไปหนึ่งที

    “ก็อย่าให้เลยเถิดจนงานเสียแล้วกัน”

    “คร้าบ” เคเลปตอบอย่างกวนๆไล่หลังโค้ชที่เดินกลับไป ก่อนจะสังเกตว่าแดเนียลยังยืนนิ่งไม่ขยับไปไหน โดยที่ยังควงแขนเขาอยู่แนบลำตัว

    “อ่า.. แดเนียล ขอโทษนะ แล้วก็ขอบคุณมาก” ชายหนุ่มกล่าวขณะค่อยๆถอนแขนออกมา

    “ไม่เป็นไรครับ แต่เอ่อ..” แดเนียลดูจะหน้าแดงแปลกๆแถมยังหลุกหลิก ทำเอาเคเลปมองอย่าสงสัย จนในที่สุดแดเนียลก็ยอมปล่อยคำพูดอึกอักๆออกมา “ที่ว่าจะไปบ้านผมนี่…ผมเอาจริงนะ”

    “เอ๊ะ..” เคเลปถึงกับอึ้งไปเลยเมื่อแดเนียลพูดมันออกมาอย่างตรงๆ ไม่มีคำถาม ไม่มีการชักชวน แต่เป็นการหยิบคำพูดของตัวเขามาบังคับอีกต่างหาก มิหนำซ้ำมือที่คลายไปแล้วยังเลื่อนมากุมมือเขาแน่นจนร้อนไปหมด

    “ไม่งั้นผมไม่ปล่อยมือนะครับ”

    ความซื่อตรงของเด็กหนุ่มเป็นสิ่งที่เคเลปแทบไม่ได้เจอ พอเห็นแดเนียลหน้าแดงหูแดงแบบนี้ก็อดรู้สึกเขินขึ้นมาหน่อยๆไม่ได้ จากท่าทางแบบนี้ดูอย่างกับแดเนียลชอบเขาอย่างรุนแรง แต่ไม่รู้ทำไมแค่จะแกล้งถามยังไม่กล้า เลยได้แต่หัวเราะเบาๆกลบเกลื่อน

    “ก็… ก็ได้นะ”

    เหมือนจะเห็นหูและหางกำลังกระดิกไปมาจากตัวแดเนียล แม้เด็กหนุ่มจะตอบว่าครับเพียงคำเดียวก็เห็นได้ชัดเลยว่าดีใจมากขนาดไหน เคเลปถอนหายใจหลังจากเด็กหนุ่มขอตัวเข้าห้องไป เขาไม่เคยถูกชักชวนด้วยความรู้สึกอันใสซื่อบริสุทธิ์มาก่อน และคิดว่ามันเป็นเหตุผลที่ทำให้หัวใจเต้นระรัวจนควบคุมไม่ได้





    การเรอในที่สาธารณะอาจเป็นสิ่งที่น่าประนามอย่างถึงที่สุดหากทำมันในขณะที่มีผู้คนเดินขวักไขว่ แต่ถ้าทำในถนนแคบๆอันเงียบสงบในช่วงค่ำๆแบบนี้ โจคิดว่ามันไม่ผิดอะไร เพราะเหตุผลที่ต้องปล่อยลมตามรายทางขนาดนี้ก็เพราะพวกพี่ๆที่มิดเดิลตันเอาแต่กรอกน้ำอัดลมให้เขาไม่ขาดสายนี่แหละ

    “หืม ใครมาอยู่ตรงนั้น” โจเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเงาตะคุ่มๆอยู่ข้างเสาไฟ  แล้วไม่เลือกจุดที่ไฟส่องด้วยนะ กลับไปยืนอยู่ในซอกมืดๆแทน ดูไม่น่าไว้ใจเสียจนวัยรุ่นหุ่นสมส่วนอย่างโจต้องกระชับกระเป๋าแน่นและรีบสาวเท้าให้เร็วเพื่อความปลอดภัย

    “นี่ จะรีบเดินไปไหน”

    โจคงจะไม่ฟังและตั้งหน้าตั้งตาเดินต่อไป แต่เจ้านั่นกลับกระชากไหล่ให้โจหันกลับมามอง เด็กหนุ่มรู้สึกคุ้นหน้าคนที่ยืนอยู่ ถึงเมื่อครั้งสวนสนุกเขาจะอยู่ในระยะที่ค่อนข้างไกล แต่เสียงดังอันเกิดจากการวิวาททำให้เขาได้หันมามองคนตรงหน้าอยู่เหมือนกัน
และยิ่งประกอบกับเรื่องที่เคเลปมาเล่าให้พวกตนฟังในวันนั้น คงไม่มีใครลืมหน้ามาร์โค คนที่ทรยศชมรมอะแคปเปลล่าของวิลได้ลง

    “มาร์โค?”

    “เรียกชื่อเฉยๆเลยเหรอ แต่เอาเถอะ ฉันไม่ถือ” โจใช้เวลาที่มาร์โคพูดอยู่สะบัดตัวและทำท่าจะเดินหนี แต่มาร์โคกลับใช้คำพูดฉุดรั้งให้โจขยับไปไหนไม่ได้

    “ทุนของมิดเดิลตันมีแค่8ทุน”

    แค่คำพูดเรียบง่ายแต่ทำให้โจที่ยังเดินต่อไปอีกสองก้าวหยุดชะงักเมื่อคิดอะไรขึ้นมาได้ เมื่อทุนมี8ทุนและอยู่กับEminentไปแล้ว5ทุน เท่ากับว่ามีพวกเขาคนหนึ่งที่จะไม่ได้ทุนแน่ๆ

    “โกหก!” โจพูดทั้งยังหันหลัง มาร์โคส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยหน่าย ก่อนจะเริ่มพูดต่อ

    “ไม่เชื่อก็ไปถามโค้ชนาย.. ไม่สิ โค้ชของโค้ชนายเถอะ แต่จะบอกอะไรให้นะ ทุนที่เหลือ3ทุนนั่นน่ะ เจ้าคนอ้วนๆที่ร้องหลักคงได้อยู่แล้ว กับยัยผู้หญิงที่ฮึดสู้สุดๆคนนั้น ส่วนอีกทุน.. อืม ดูท่าเจ้าหมีอีกคนมีภาษีดีกว่านายนะ อย่างน้อยก็ดูเป็นลูกรักของโค้ช เฮ้อ มิดเดิลตันนี่ถ้าไม่ได้ทุนดนตรี ด้วยผลการเรียนของพวกนายคงไม่มีใครเข้าได้อยู่แล้วล่ะนะ”

    “ตั้งใจจะพูดอะไรกันแน่” โจหันกลับมาจ้องหน้าคนที่ยืนยิ้มยียวนด้วยแววตาโกรธขึ้ง ทั้งสับสนกับเรื่องที่ได้ฟัง ทั้งโมโหที่ถูกเหยียดหยาม แม้มันจะเป็นความจริงทั้งเรื่องที่เขาแย่สุดในกลุ่ม ทั้งเรื่องที่พวกเขาไม่สามารถเข้ามิดเดิลตันได้เลยหากไม่พึ่งทุนดนตรี

    “อยากได้ทุนของเซนต์เมลลีมั้ยล่ะ”

____________________________________________________________________________________________

สวัสดีค่า ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ! ขอบคุณคุณfahtallllด้วยค่ะที่มาเม้นต์ให้กัน ดีใจมากๆเลย!
มีเรื่องจะสารภาพค่ะ ว่าอาทิตย์ที่แล้วลืมเปลี่ยนตอนล่ะ คือลงตอนที่8 แต่ลืมแก้จาก7เป็น8น่ะค่ะ แล้วเพิ่งมาเห็นวันนี้ โอ๊ยยย
วันนี้ในตอนมีสองเพลงเชียวค่ะ แต่เนื่องจากเคยแนะนำMarvin Gayeไปแล้ว ครั้งนี้จึงขอแนะนำ Shut Up and Dance - WALK THE MOON ค่ะ
แล้วเจอกันจันทร์หน้านะคะ จริงๆนอกจากวันลงฟิคแล้วยังเป็นวันไฟนอลพรีเซนต์ของเราด้วยค่ะ ใครอ่านถึงตรงนี้อวยพรให้เราในใจด้วยนะ 5555

ออฟไลน์ meelhek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
CH10

    แดเนียลรู้สึกเลยว่าหัวใจตัวเองแทบจะทะลุออกมาด้านนอก เมื่อไม่เคยคิดว่าจะได้มีโอกาสเดินเคียงกับเคเลปในถนนมืดๆทางเข้าบ้านตัวเอง

    เด็กหนุ่มไม่ได้เช็คว่าตอนที่ใครอยู่หรือไม่อยู่บ้าน เพราะไม่ว่าผลจะออกมายังไงก็น่าหวั่นใจไม่แพ้กัน ถ้าพ่อแม่อยู่บ้านก็กลัวเคเลปจะเกร็ง แต่ถ้าไม่มีใครอยู่… ตัวแดเนียลนี่แหละจะเกร็งเสียเอง

    “อ่า บ้านหลังนี้แหละครับ” แดเนียลพาเคเลปมาหยุดที่บ้านหลังเล็กสีขาวซึ่งด้านหน้ามีแปลงดอกไม้หลากสีประดับอยู่ ชายหนุ่มมองไปที่ตัวบ้าน การตกแต่งที่น่ารักเรียบง่ายทำให้รู้สึกว่าสมกับเป็นแดเนียลดี และการที่บ้านทั้งหลังให้บรรยากาศแบบนี้ ครอบครัวของแดเนียลคงจะมีบรรยากาศน่าเข้าหาเหมือนตัวลูกชายไม่ผิดแน่

    “พ่อแม่นายคงจะอยู่บ้านสินะ” เคเลปเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นแสงไฟสว่างไสวลอดออกมาจากหน้าต่างชั้นล่าง แดเนียลพยักหน้าเบาๆแม้จะมองไปที่ลานจอดรถรวมแล้วไม่เห็นรถของครอบครัวจอดอยู่ก็ตาม บ้านของเขาเป็นบ้านเดี่ยวหลังเล็กที่ปลูกไว้ติดกับบ้านอื่นในโครงการเป็นแถบ ทำให้ไม่มีที่จอดรถในตัวบ้าน บางครั้งลานจอดรถหน้าแถบบ้านเขาก็เต็ม จึงต้องไปจอดไว้ที่อื่นแล้วเสียเวลาเดินเอา เพราะงั้นแดเนียลจึงไม่แปลกใจเท่าไรหากพ่อแม่เขากลับมาแย่งที่จอดรถไม่ทัน

    “คุณเคเลปคงไม่ว่าอะไรใช่มั้ยครับ”

    เคเลปเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ไม่ว่าอะไรอยู่แล้วสิ หรือว่านายอยากอยู่กับฉันสองต่อสอง”

    “มะ.. ไม่ใช่นะครับ!” แดเนียลปฏิเสธเลิกลั่กเสียจนเคเลปหลุดหัวเราะ เด็กหนุ่มจึงต้องแก้เก้อด้วยการไขประตูเข้าบ้านเสียแทน

    “กลับมาแล้ว” แดเนียลตะโกนออกไปแล้วพาเคเลปเดินไปยังห้องนั่งเล่นเพื่อทักทายพ่อแม่ ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนขึ้นห้องส่วนตัวเพราะไม่ได้มีจุดประสงค์ในแง่นั้นอยู่แล้ว ซ้ำการที่เคเลปได้แนะนำตัวกับพ่อแม่เขาอาจเป็นเรื่องที่ดี เพราะครอบครัวจะได้รู้เสียทีว่าตัวเขาไม่ได้เป็นสมาชิกของชมรมหมูถูกเชือดอีกแล้ว แต่ยกระดับมาเป็นเพนกวินที่แข็งแกร่งได้อีกต่างหาก

    “อ้าว กลับมาแล้วเรอะ”

    แดเนียลแทบจะยืนตัวแข็งเมื่อคนที่เอ่ยทักขึ้นมาไม่ใช่พ่อแม่ แต่กลับเป็นเลียม ลูกพี่ลูกน้องหนุ่มที่เปลือยท่อนบนนอนแผ่หราอยู่บนโซฟา ชายหนุ่มขยับตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะส่งยิ้มให้เคเลป ซึ่งเคเลปก็ยิ้มตอบกลับไปพร้อมเอ่ยทักทาย โดยเก็บอาการใจสั่นเมื่อเห็นซิกแพคของชายหนุ่มตรงหน้าเอาไว้

    “ทำไมเป็นพี่ที่อยู่บ้านล่ะ” แดเนียลถามเพราะเมื่อเช้าเลียมยังบอกอยู่ว่าหลังจากที่เขาออกไปแล้วจะไปค้างบ้านแฟนเสียหน่อย แต่ไหงกลับมาลอยหน้าลอยตาอยู่อย่างนี้ได้ กลับกัน พ่อแม่ที่หยุดงานกลับไม่เห็นแม้แต่เงา

    “พวกคุณอาไปกินข้าวกับเพื่อน ส่วนฉัน แฟนไม่ว่างว่ะ เห็นว่าจู่ๆบริษัทก็บอกให้เข้าไปทำงานด่วน นี่ยังทำไม่เสร็จเลยมั้ง” เลียมถอนหายใจพร้อมส่ายหน้า แล้วจึงค่อยมองหน้าผู้มาเยือนอีกครั้ง “ไหนพาใครมา แนะนำหน่อยสิ”

    แดเนียลสะดุ้งเล็กน้อยก่อนที่จะผายมือไปที่เคเลป “นี่คุณเคเลป โค้ชของชมรมผม คุณเคเลปครับ นี่พี่เลียม ลูกพี่ลูกน้องผมเอง”

    เลียมลุกขึ้นมาจับมือทักทายกับเคเลปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แต่ยังไม่วายเอ่ยเหน็บแนมน้องชาย “นี่คุณเป็นโค้ชให้พวกมันจริงๆเหรอเนี่ย ปวดหูบ้างมั้ย”

    “พี่เลียม!” แดเนียลตวาดขึ้นมาเมื่อถูกล้อ แต่ไม่ได้จริงจังมากนัก เคเลปหัวเราะเบาๆกับภาพตรงหน้าก่อนจะตอบอย่างจริงใจ แม้สายตาจะไม่วายต้องไล่ไปตามกล้ามแขนกำยำและหน้าท้องแน่นของคนตรงหน้า

    “จริงๆเด็กๆใช้ได้เลยนะครับ แค่ตอนที่รุ่นพี่จบไป พวกเขาละเลยวิธีการซ้อมที่ถูกวิธีก็เท่านั้น แต่ตอนนี้ก็ดีขึ้นมากแล้วครับ นี่คุณเลียมรู้รึเปล่าครับว่าพวกเขาเพิ่งได้ที่สามในการประกวดมา”

    “อ้อ รู้สิรู้ เจ้าเด็กนั่นอวดทั้งบ้านเลยล่ะ” คำพูดพาดพิงทำเอาแดเนียลที่กำลังหาน้ำและขนมมารับแขกมองค้อน แต่เลียมก็ไม่ได้สนใจอะไร

    “นี่ผมต้องขอบคุณคุณจริงๆสินะเนี่ย”

    แดเนียลแทบจะทำขนมในมือร่วง เมื่อจู่ๆพี่ชายก็แสดงการขอบคุณโดยการดึงร่างของเคเลปเข้ามากอด และเพราะเคเลปหันหน้ามาทางเขา แดเนียลจึงได้เห็นสีหน้าตกใจระคนเขินอาย ซึ่งมันทำให้เขาไม่พอใจอยู่หน่อย ไม่สิ ก็มากเอาเรื่องอยู่ ถึงแม้ว่าจะรู้ดีว่าถ้าเทียบหุ่นหมีไซส์Lของเขากับซิกแพคของเลียมแล้วเขาจะแพ้หลุดลุ่ยเลยก็ตาม

    “มาๆ มานั่งนี่ดีกว่า เฮ้ยแดนไปเอาเบียร์มาซิ”

    “นี่ผมเป็นคนใช้พี่เรอะ!” ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ก็ยอมกระทืบเท้าปึงปังไปที่ตู้เย็นในห้องครัว ทิ้งให้เคเลปนั่งหัวร่อต่อกระซิกกับเลียมกันเพียงสองคน นี่ถ้ารู้ว่าเลียมอยู่คงไม่ชวนเคเลปมาตั้งแต่แรก น่าจะรู้ว่าหน้าตาและหุ่นของพี่ชายอันตรายขนาดไหน และมันทำให้เขากลายเป็นหมาหัวเน่าได้ในพริบตา





    “วันนี้ขอบคุณมากนะ ฉันต้องอ้วนขึ้นแน่เลยกินทั้งวันขนาดนี้” เคเลปพูดแล้วดึงมือแดเนียลมาจับหน้าท้องของตัวเองขณะเดินเคียงกันไปยังป้ายรถเมล์

    เด็กหนุ่มชักมือกลับทันทีด้วยความตกใจ เพราะแม้จะสัมผัสเพียงแค่เนื้อผ้าก็ยังรู้สึกว่าได้ล่วงละเมิดอีกฝ่ายอยู่ดี “คุณเคเลป.. อย่าทำอย่างนี้เลยนะครับ” หมายถึงทั้งให้ความหวังเขาและการไปออเซาะกับเลียม เป็นภาพที่เขาไม่อยากเห็นเอาเสียเลย

    “ผู้ชายด้วยกันไม่เห็นต้องอายเลยนี่นา” เคเลปหัวเราะออกมาเบาๆ และนั่นทำให้แดเนียลยิ่งหงุดหงิด เพราะมันหมายความว่าเคเลปมองเขาเป็นเด็กคนหนึ่งและไม่รู้สึกอะไร ผิดกับพี่ชายของเขาที่เคเลปเขินอย่างเห็นได้ชัด

    “คุณเคเลป..”

    “หืม” แดเนียลเรียกค้างโดยไม่พูดอะไรต่อจนเคเลปต้องหันไปหา เลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย

    “เปล่าครับ..” คำว่าชอบพี่ชายผมเหรอถูกกลืนลงไปในลำคอ เพราะแดเนียลรู้ดีว่าหัวใจของชายคนข้างๆนี้ไม่เคยได้ตกถึงใคร กลับฝักใฝ่ในความรักสนุกแต่ไม่ผูกพันธ์กันต่างหาก

    “เอ้า ถึงแล้ว ขอบคุณที่มาส่งนะ” เคเลปเอ่ยกระชากสติแดเนียลที่ยืนเหม่อ เด็กชายสะดุ้งเล็กน้อยที่ถูกทักซ้ำยังละล่ำละลั่กขอโทษที่เหม่อ และนั่นช่างดูน่ารักในสายตาเคเลปเหลือเกิน

    ไม่ทันรู้ตัว เคเลปก็ดึงให้อีกฝ่ายเข้ามาใกล้แล้วกดจมูกลงไปที่ข้างแก้มอย่างแรง จะด้วยความมันเขี้ยว ความเมาหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่มันทำให้เคเลปที่ได้สติรีบดึงตัวเองออกมา ถึงได้เห็นว่าแดเนียลหน้าแดงไปถึงใบหูและแข็งค้างไปแล้ว

    “ขอโทษ” เคเลปเอ่ยเสียงเบาเมื่อเห็นเด็กหนุ่มยังตกอยู่ในห้วงช็อค แดเนียลกลบเกลื่อนหัวใจที่เต้นรัวด้วยการหัวเราะเบาๆ บอกลา และหันหลังกลับไปทันที เด็กหนุ่มที่ไร้สติเดินโซเซเตะถังขยะจนเซไปที ทำเอาเคเลปชักเป็นห่วงแล้วสิว่าจะกลับถึงบ้านได้รึเปล่า





    กว่าที่นิ้วเท้าจะรู้สึกเจ็บก็ตอนย่ำเข้ามาในบ้านแล้ว แดเนียลสะบัดหัวแรงๆและตบแก้มข้างที่โดนเคเลปขโมยหอมไปหลายที ใจรู้ดีว่าเคเลปแค่เมาและมันไม่มีความหมายอะไร และสมองกลับส่งเสียงทักท้วงด้วยความไม่พอใจออกไปไม่ได้

    “เป็นบ้าอะไรของแก” เลียมที่อยู่ในเสื้อยืดกางเกงขาสั้นสำหรับนอนแล้วทักขึ้น น้องชายออกไปนานผิดปกติจนเขาอาบน้ำเสร็จนี่ก็น่าเป็นห่วงแล้ว กลับมายังมาทำท่าอะไรบ้าๆอีก

    “ยุ่งน่า..” แดเนียลบอกปัดแล้วพาหน้าแดงๆของตัวเองไปที่หน้าทีวี หารายการตลกดูเผื่อเสียงหัวเราะจะช่วยหยุดยั้งความตื่นเต้นนี้ได้

    “เออนี่” เลียมเอ่ยทักแล้วเดินมานั่งข้างๆ แถมยังจ้องหน้าแดเนียลเสียจนน้องชายขนลุก รายการตลกก็ฉายอยู่จะมามองหน้าเขาทำไม แถมยังทำสีหน้าจริงจังขนาดนั้น

    “เคเลปนี่... คือคนที่แกชอบเหรอ”

    คำถามที่เหมือนลูกดอกนั้นทำเอากายละเอียดของแดเนียลกรีดร้อง แต่กายหยาบยังคงนั่งกระพริบตาปริบ ทำสีหน้างงงวยเล็กน้อยราวกับจะสื่อว่าพี่กำลังถามอะไร แต่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าใบหน้ากลายเป็นสีแดงจัดขนาดไหน เป็นใครก็ดูออกในพริบตา

    “เฮ้ย ไม่ได้จะว่าอะไรเรื่องชอบผู้ชายหรอกนะ สมัยนี้เปิดกว้างจะตาย แต่ติดนิดเดียวตรงที่เขามองกล้ามพี่ตาเยิ้มนี่แหละว่ะ แล้วก็ดู.. จะตาเยิ้มกับทุกคนที่หุ่นดีๆด้วย เข้าใจใช่มั้ยว่าคนที่แบบ.. ไปเรื่อยแบบนั้นน่ะ พี่ว่าไม่โอเคว่ะ” เลียมเคยเป็นคนเจ้าชู้มาก่อน เรื่องเกย์น่ะมองแวบเดียวก็รู้แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ความรู้สึกต่อเพศที่ชอบนี่แหละ กว่าเขาจะมาลงเอยกับแฟนคนนี้ก็ผ่านอุปสรรคมาหลายอย่าง แถมตอนนี้ถึงใจจะอยู่ที่คนนี้ แต่ถ้าใครมายั่ว กายก็พร้อมจะไป มันชั่วเขารู้ดี เพราะงั้นเขาถึงได้รู้ว่าคนที่เป็นแบบนี้มันเลิกยากแค่ไหน และไม่อยากจะเห็นน้องชายต้องมาเสียใจ

    “ผมรู้.. ผมรู้..”

    “ทั้งๆที่รู้แต่แกก็ยังยอมลดน้ำหนักเพื่อเขาเนี่ยนะ? เฮ้ยแดน กับคนแบบนี้แกก็เป้นแค่หมากตัวหนึ่งเท่านั้นแหละ พอเขาเบื่อแกก็ทิ้ง”

    แดเนียลถอนหายใจแรง ปิดทีวีแล้วลุกขึ้นยืน หันหน้ามองพี่ชายด้วยแววตาเจ็บปวด “แต่ก็ชอบไปแล้วนี่นา”

    “แดน!” เลียมตะโกนตามหลังแต่แดเนียลไม่หันกลับ ซ้ำยังปิดประตูห้องจนดังมาถึงด้านล่าง เลียมส่ายหัว บางทีเรื่องแบบนี้ต้องลองให้เจ็บปวดเจียนตายถึงจะรู้สึก แต่จะปล่อยเรื้อรังก็ไม่ดี มีวิธีที่จะกระชากหน้ากากนายเคเลปอะไรนี่ในเร็ววันมั้ยนะ





    ถ้าเสียงหัวใจมันดังจนทะลุออกมานอกตัวได้ ป่านนี้ทุกคนที่นั่งในห้องแคบๆคงต้องอุดหูกันจ้าละหวั่น เวลาอีกสองอาทิตย์ กับเพลงที่เคเลปคิดจะประกาศ เด็กๆต่างเตรียมใจกันไว้ว่าคงจะไม่ใช่เพลงที่ง่าย แต่คงไม่ยากเกินไปสำหรับเวลาที่กระชั้นชิด เคเลปกวาดตามองสีหน้าเด็กแต่ละคนที่ดูจะแข็งเกร็ง ไม่รู้ว่าหลังจากบอกชื่อเพลงไปแล้วสีหน้าจะผ่อนคลายลงบ้างรึเปล่า

    “คราวนี้จะให้แคลร์ร้องนำ” เด็กสาวหน้าเสียทันทีที่เคเลปประกาศออกมา ความทรงจำที่เธอเคยพลาดในครั้งก่อนยังคอยหลอกหลอน และมันทำให้เธอได้รับแรงกดดันหนักจนแทบทนไม่ไหว

    “ยินดีด้วยนะ” แคลร์เงยหน้าเครียดขึงขึ้นมาสบตากับหนุ่มตี๋ข้างๆที่เริ่มปรบมือด้วยสีหน้าร่าเริง รวมถึงคนอื่นๆด้วย มือที่ยื่นมากุมมันทำให้เธอใจชื้นขึ้นมา จนกล้าสบตากับเคเลปและพยักหน้าลงได้

   “ในเพลงLittle Meของ Little Mix” เคเลปคาดหวังว่าจะได้ยินเสียงร้องอย่างตกใจประสานเสียงกัน แต่กลายเป็นฝ่ายตกใจเสียเองเมื่อเด็กๆต่างทำหน้างงๆ ดูเหมือนจะไม่รู้จักกันเสียอย่างนั้น

    “เฮ้ๆ นี่พวกเธอไม่รู้จักเพลงนี้เหรอ”

    “Little Mixน่ะรู้จักครับ Shout Out to My Exก็กำลังดังอยู่ แต่เพลงนี้มัน..” อลันว่าพลางเกาหัว เขาว่าตัวเองก็ฟังเพลงเยอะพอควร ถึงจะเป็นพวกเพลงฮิตเสียส่วนมากก็เถอะ นึกสงสัยอยู่นิดหน่อยว่าทำไมเคเลปถึงเลือกเพลงนี้ ทั้งๆที่ตัววงก็มีเพลงดังๆหลายเพลง

    “ฉันว่ามันเป็นเพลงที่เหมาะกับแคลร์มากเลยนะ ลองฟังกันดูสิ” ฟังอย่างนั้นแล้วแคลร์จึงรีบหยิบมือถือมาเปิดเสียยกใหญ่ เด็กๆสี่คนต่างเข้าไปยืนมุง มีแต่แดเนียลนี่แหละที่นั่งนิ่งอยู่กับที่ แล้วดูเหมือนจะเป็นคนเดียวที่ดูเหม่อๆมาตลอดด้วยสิ

    “แดเนียล ไม่ไปดูกับเพื่อนเหรอ”

    “เอ้อ คะ..ครับ” แดเนียลว่าแล้วลุกไป ไม่ใช่ว่าเคเลปไม่ได้สังเกตหรอกนะว่าจงใจหลบตา ไม่รู้หรอกว่ามีเรื่องอะไร แต่ถ้ากระทบกับการซ้อมก็คงต้องเรียกมาคุยหน่อย

    “คุณเคเลปๆ” เสียงเรียกของเด็กสาวดึงสติของเคเลปกลับมา เธอกวักมือเรียกให้เขาเข้ามาในวงที่กำลังนั่งดูเอ็มวีLittle Meกันอยู่ ทั้งๆนี้เนื้อหาเอ็มวีและเนื้อเพลงพูดถึงความเชื่อมั่นในตนเอง แต่เด็กสาวที่ต้องสื่อารมณ์เพลงนี้ออกมากลับทำหน้าราวกับดื่มยาขม

    “มันยากอ่ะ” เด็กสาวเงยหน้ามองโค้ชหนุ่มด้วยสีหน้าลำบากใจ คนอื่นๆที่ร้องคอรัสก็เหมือนกัน แค่จะเค้นพลังให้สื่อเพลงได้เท่าตัวนักร้องต้นฉบับก็ว่ายากแล้ว นี่ยังมีเรื่องอารมณ์อีก ทีมเพนกวินที่ไม่เคยทำเพลงแนวนี้มาก่อนไม่มั่นใจเลยว่าจะทำได้

    “เพราะยากน่ะสิ พวกเธอถึงจะได้เติบโตขึ้น คิดจะใช้เพลงสนุกๆทุกรอบมันไม่ได้หรอกนะ ต้องสร้างความแปลกใหม่ ให้คนดูเห็นพัฒนาการด้วย” เด็กๆมองหน้ากันแล้วพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้ เคเลปจึงกล่าวต่อ “งั้นมาเริ่มซ้อมกันเลย”





    ครั้งที่แล้วยังบอกให้สนุกสนานกับเพลงจนแทบกลายเป็นคนบ้า แต่ครั้งนี้กลับมาให้ทำท่าขึงขังเข้มแข็งแต่แฝงไปด้วยความเจ็บปวด บางทีอีวานก็สงสัยว่าตัวเองเข้ามาอยู่ในชมรมอะแคปเปลล่าหรือชมรมละครเวทีกันแน่

    น้องเล็กของกลุ่มนิ่งคิดระหว่างรอคิดเงิน เขาไม่ได้โดนใช้ออกมาซื้อของ แต่เลือกที่จะมาขนเหล่าน้ำผลไม้หอมหวานชื่นใจจากมินิมาร์ทไปเองเนื่องจากเห็นทุกคนอยู่ในสภาวะที่เหนื่อยกว่าปกติ ถึงแม้ร้านจะห่างกว่าตึกเรียนอยุ่พอสมควรก็ตาม แต่ถ้าไม่มา ก็คงไม่เห็นว่าหนึ่งในรุ่นพี่กำลังทำท่าลับๆล่อๆอยู่ระหว่างซอกตึกไร้ผู้คน

    “พี่โจทำอะไรน่ะ” เขาเห็นรุ่นพี่ที่มักจะมีสีหน้ายียวนเสมอยืนกดโทรศัพท์สีหน้าเคร่งเครียด ทั้งๆที่ดูน่าจะเป็นธุระส่วนตัวซึ่งอีวานไม่ควรข้องเกี่ยว แต่เด็กหนุ่มก็ระงับความอยากรู้อยากเห็นไม่ได้จนต้องไปยืนหลบมุมและยืนฟังบทสนทนา

    “จะโทรมาทำไม ผมกำลังซ้อม เดี๋ยวพวกนั้นก็รู้หรอก… เออ ผมเมมชื่อคุณเป็นคนอื่นก็จริงอยู่”

    อีวานขมวดคิ้วแล้วยิ่งเพ่งสมาธิในการฟัง รุ่นพี่ที่แสนกวนคนนั้นมีอะไรปิดบังพวกตนอย่างนั้นหรือ

    “ผมบอกคุณว่าตกลงก็คือตกลง อย่าโทรมาไม่รู้เวลาแบบนี้อีก เข้าใจแล้วนะมาร์โค” โทรศัพท์ถูกตัดออกไปทันที พร้อมๆกับ
โจที่กำลังเดินหน้าเครียดออกมาจากตรอกนั่น ภายในหัวของอีวานมีแต่คำว่าซวยแล้วลอยฟ่องเต็มสมอง ที่ๆเขายืนไม่มีที่ให้หลบ โจที่ขายาวขนาดนั้นอีกแค่นิดเนียวก็จะออกมาเห็นแล้วว่าเขาแอบฟัง

    แต่เหมือนมีแสงไฟจุดขึ้นกลางสมอง เพียงแวบหนึ่งของความคิดก็สั่งการให้อีวานเหวี่ยงถุงที่ใส่น้ำผลไม้กระป๋องไปยังทางที่เดินจากมินิมาร์ท แล้วรีบไถลตัวเองเป็นท่าล้ม ไม่ลืมที่จะส่งเสียงร้องโอดโอย

    “เฮ้ย อีวาน” โจที่เดินออกมาพอดีถึงกับตกตะลึงเมื่อเห็นภาพตรงหน้า กระป๋องน้ำผลไม้กระจัดกระจายพร้อมกับร่างกายเล็กๆที่เปรอะเปื้อนของรุ่นน้อง ทำเอาเด็กหนุ่มต้องรีบวิ่งเข้าไปพยุงโดยทันที

    “โอ๊ย เจ็บๆๆๆ” อีวานเหมือนจะแสร้งแต่ก็ไม่ได้แสร้ง เมื่อหัวเข่ามันครูดกับพื้นปูนอยู่ข้างหนึ่งและเหมือนจะถลอกอยู่พอดี เรียกได้ว่าสีหน้าท่าทางการจงใจซุ่มซ่ามนั้นหลอกโจได้เต็มเปา

    “มาๆ ค่อยๆลุก ทำอีท่าไหนถึงได้หกล้มเนี่ย”

    “ผมเพิ่งซื้อน้ำออกมาแล้วสะดุดน่ะฮะ” อีวานบอกพลางลูบขาตัวเองป้อยๆ แล้วปัดเศษฝุ่นที่เกาะตามตัว

    โจมองไปทางร้านมินิมาร์ทแล้วนึกถึงสภาพอีวานเมื่อครู่ “แต่ขานายอยู่คนละฟากกับร้านเลยนะ”

    “ก็.. ก็ผมตีลังกามานี่ฮะ” อีวานสะดุ้งน้อยๆขณะตอบ แล้วจึงนึกว่าโชคดีจริงๆที่โจเป็นพวกไม่ช่างสงสัย รุ่นพี่จึงแค่พยักหน้าและช่วยเดินไปเก็บกระป๋องน้ำผลไม้มาถือไว้เท่านั้น

    “ละ.. แล้วพี่โจมาทำอะไรแถวนี้เหรอฮะ” เด็กน้อยลองเสี่ยงถาม จึงได้เห็นสีหน้าสบายๆของรุ่นพี่กลับมาตึงเครียดอีกครั้ง

    “ไม่ใช่เรื่องของนายน่า”

    “ผู้หญิงเหรอฮะ”

    “ไม่ใช่” กำปั้นเคาะลงที่หัวทุยๆของเด็กน้อยจนร้องโอดโอย ก่อนจะเดินนำหน้าโดยถือถุงน้ำผลไม้ไปโดยไม่เปิดโอกาสให้อีวานถามอะไรอีกเลย

    จริงๆอีวานก็ไม่ใช่คนช่างสงสัยนะ แต่มาแบบนี้.. เห็นทีควรจะต้องบอกแคลร์ไว้หน่อยเสียแล้ว





    แดเนียลถูกเคเลปสั่งให้รออยู่ในทันทีที่จบการซ้อม สร้างความงุนงงให้สมาชิกคนอื่นไม่น้อย แต่ก็ไม่มีใครกล้าขัด จึงได้แต่ออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ

    “เรียกผมไว้มีอะไรเหรอครับ”

    “รู้ตัวรึเปล่าว่าวันนี้ทำได้ไม่ดีเลย เหม่อลอยตลอดเวลา เธอไม่เคยทำผิดพลาดขนาดนี้นี่ เกิดอะไรขึ้น”

    แดเนียลก้มหน้า ไม่ตอบความ เหมือนกำลังปิดบังอะไรบางอย่าง เคเลปถอนหายใจ นึกถึงวิธีที่เด็กหนุ่มเคยบอกเมื่ออยากเค้นความลับ แต่ด้วยขนาดร่างกายของเขากับแดเนียลแล้ว ไม่มีทางที่จะจับเด็กหนุ่มเขย่าตัวได้หรอก

    เพราะอย่างนั้น เคเลปจึงเลือกที่จะเดินเข้าไปยึดไหล่ทั้งสองข้างแล้วจ้องเข้าไปในดวงตาอันตื่นตระหนกของแดเนียล เด็กหนุ่มจะสลัดให้หลุด แต่เล็บที่จิกไหล่ทั้งสองข้างก็ยิ่งแน่นจนรู้สึกเจ็บ

    “บอกมา เราจะได้ช่วยกันแก้ไข ถ้ามันเรื้อรังไปจนถึงวันแข่งจะทำให้ทุกคนลำบาก”

    แดเนียลแค่นยิ้ม “คุณนี่.. เป็นโค้ชที่ดีจริงๆนะครับ”

    เล็บที่จิกไหล่ผ่อนลงในทันที ความร้อนแล่นปรี่ขึ้นสองข้างแก้ม เคเลปได้รับคำชมเสมอในเรื่องหน้าตาและเสียงร้อง แต่เรื่องความรับผิดชอบอะไรนี่ไม่เคยได้ยินใครพูดถึงมาก่อน แล้วก็ไม่คิดด้วยว่าตัวเองจะสามารถทำอะไรเพื่อคนอื่นจนเป็นที่น่าชื่นชมได้ พอได้รับคำชมตรงๆก็เลยรู้สึกหน้าร้อนอย่างนี้

    “อะ.. อะไรเล่า จู่ๆก็…”

    “ผมน่ะ หลงใหลในเสียงร้องของคุณตั้งแต่แรกเห็น และคิดว่าไม่ว่ายังไงก็ต้องขอให้คุณมาเป็นโค้ชให้ได้ แล้วคุณก็ไม่เคยทำให้ผมผิดหวังเลย คุณใส่ใจพวกเรา ตั้งใจพัฒนาพวกเราอย่างเต็มที่ ผมทั้งรู้สึกขอบคุณ ทั้งซาบซึ้งใจ แต่ไม่รู้เมื่อไร ที่ผมกลับไม่ได้มองคุณเป็นแค่เพียงโค้ช” แดเนียลจับมือทั้งสองข้างของเคเลปที่วางอยู่บนไหล่ตน แล้วกุมไว้ตรงหน้าแน่น จ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำเงิน

    “อยู่ๆผมก็ไม่อยากให้คุณไปไหนกับใคร ไม่อยากให้คุณยิ้มให้ใคร แม้แต่กับพี่เลียมผมก็ไม่พอใจ ผมอยากให้คุณอยู่กับผม ยิ้มให้ผม หัวเราะกับผม ถึงอย่างนั้นผมก็รู้ว่าคุณไม่ได้ชอบผม และมันเป็นไปไม่ได้ ผมอยากจะตัดใจแต่ว่า.. ผม.. ยังไงผมก็ชอบคุณจริงๆครับ!”

    คำสารภาพอย่างกะทันหันทำให้เคเลปนิ่งงัน ทั้งตกใจทั้งงุนงงจนไม่สามารถเอ่ยคำพูดอะไรออกมาได้

    “คุณเคเลปครับ..” แดเนียลเอ่ยทักเมื่อเห็นคนตรงหน้านิ่งเงียบ ใจเขาร่วงไปถึงตาตุ่มแล้ว และถ้าจะแตกสลายไปก็ขอให้เป็นไปตั้งแต่ตอนนี้ ไม่อยากได้รับความหวังใดๆที่จะทำให้ใจเจ็บซ้ำไปซ้ำมาได้อีกแล้ว

    “ขอบคุณนะ.. แต่ว่า.. ขอโทษ.. ฉันไม่คู่ควรกับเธอเลย” เคเลปยิ้มเฝื่อน ก่อนจะค่อยๆถอนมือออกมาจากแดเนียล เห็นเด็กหนุ่มตรงหน้าน้ำตาปริ่ม ตัวเขาเองก็รู้สึกแย่ไม่แพ้กัน

    “ฉันมันก็เป็นแบบนี้ เป็นคนแบบ.. ไปทั่วน่ะนะ ฉันไม่เคยคบใครเลย และไม่เคยคิดว่าจะคบใครยาวๆรอดด้วย”

    “เพราะผมอ้วนรึเปล่าครับ” แดเนียลว่าขณะที่ปล่อยน้ำตาให้ไหลอาบสองแก้ม

    “ไม่เลย ไม่ใช่เลย กระทั่งคนที่หุ่นดีกว่าเธอร้อยเท่าฉันก็คบไม่ได้ ไม่รู้สิ.. ฉันก็เป็นคนแบบนี้แหละนะ ไม่อยากให้เธอมาร้องไห้ให้คนอย่างฉันเลย” เคเลปยื่นผ้าเช็ดหน้าไปให้แต่แดเนียลไม่รับ เพียงแค่ใช้สองมืออวบอูมของตนปาดมันออกลวกๆ

    “ยังไงผมก็ชอบคุณอยู่ดี”

    “อะ แดเนียล” เคเลปเรียกรั้งไว้เมื่อเห็นเด็กหนุ่มกำลังจะเดินออกประตูไปทั้งที่น้ำตายังไม่หยุดไหลลงเลย

    “ขอเวลาผมสักพัก”

    ประตูปิดลง ทิ้งให้เคเลปยังคงอยู่คนเดียวในห้องอันเงียบเชียบ เขาคว้าเก้าอี้และทรุดลงนั่ง ปล่อยลมหายใจพรั่งพรู ก่อนจะยกมือขึ้นมากุมไว้ยังอกข้างซ้ายของตน

    ทำไมถึงได้เจ็บไปด้วยขนาดนี้นะ..?





    “พี่แคลร์ๆ” เด็กหนุ่มตัวเล็กตะโกนไปพลางวิ่งเหยาะๆไปพลางขณะเอ่ยเรียกพี่สาวคนเดียวของชมรมที่กำลังจะเข้าบ้าน เขาแอบอยู่ห่างๆมาสักพัก รอดูว่าเมื่อไรโจที่เดินมาส่งแคลร์นั้นจะกลับไป จึงได้โอกาสออกมา

    “อีวาน มาได้ไงล่ะเนี่ย”

    “ผมมีเรื่องจะถามพี่ครับ” สีหน้าจริงจังของอีวานทำให้แคลร์ขมวดคิ้ว เธอมองเด็กน้อยเป็นเหมือนแฮมสเตอร์ตัวเล็กๆเสมอ จึงไม่คิดว่าจะมีมุมจริงจังแบบนี้ด้วย

    “อะไรเหรอ”

    “รู้จักคนชื่อมาร์โคมั้ยครับ”

    แคลร์ร้องอ๋อเบาๆก่อนจะเอ่ยถาม “ได้ยินชื่อนี้มาจากไหนเหรอ”

    “เอ่อ” อีวานค่อยๆเอ่ยอย่างตะกุกตะกัก ดูท่าสมมติฐานว่าชื่อนี้เป็นสาวอีกคนที่โจซุกไว้ดูจะเข้าเค้า เมื่อแคลร์ทำสีหน้าเหี้ยมเกรียมขึ้นมาขนาดนี้ “จากพี่เรย์โนลด์น่ะครับ”

    อีวานอ้างชื่อว่าที่พี่เขยเพราะยังไงกลุ่มนี้เขาก็เพื่อนกัน ยิ่งเรย์โนลด์เป็นพวกมนุษยสัมพันธ์ดีจนเกินเหตุอยู่แล้ว การที่จะเอาชื่อมาอ้างว่าเป็นคนปล่อยความลับก็ดูจะเข้าท่า แต่อีวานก็ต้องรับความเสี่ยงไว้อย่าง เพราะถ้าแคลร์ไปไล่บี้กับเรย์โนลด์เอาล่ะก็เขาซวยแน่ๆ

    “แล้วไม่ถามรายละเอียดกับเรย์โนลด์ล่ะ”

    “ก็.. พี่เค้าทำหน้ากวนๆแล้วบอก ไม่บอกหรอก นี่ครับ ผมก็เลย..”

    แคลร์ปล่อยหัวเราะออกมาเสียงดังเมื่อถึงนึกถึงผู้จัดการชมรมปลอมๆคนนั้น พลางคิดว่าเรย์โนลด์นี่กีดกันอีวานทุกทางเสียจริง ถ้าเป็นอย่างนั้นเธอจะเล่าทุกอย่างให้ฟังเองก็ได้

    “เข้าใจแล้วๆ บอกก็ได้ คนชื่อมาร์โคน่ะนะ คือโค้ชของทีมTiger Blast แล้วเดิมทีมาร์โคเนี่ยเป็นเพื่อนกับคุณวิลตอนมัธยม จำได้มั้ยเพื่อนคุณเคเลปน่ะ”

    “เอ๊ะ?” อีวานเอ่ยขึ้นมาอย่างงงวย มาร์โคเป็นชื่อ ไม่ใช่นามสกุล ซ้ำยังไม่ใช่ชื่อของผู้หญิง แล้วดูท่าจะไม่ได้เกี่ยวข้องเป็นการส่วนตัวกับโจเลยแม้แต่น้อย

    “เมื่อก่อนเขาหักหลังทีมคุณวิลจนแพ้ แถมยังเคยพาลูกทีมเขาเคยมาเยาะเย้ยพวกเราจนเกือบต่อยกับเรย์โนลด์ไปแล้ว”

    แคลร์อธิบายอีกนิดหน่อยซึ่งอีวานก็พยักหน้าหงึกหงักไปตามเรื่องตามราว จนกระทั่งเอ่ยลากัน แต่ในหัวของอีวานมีเพียงความคิดที่ว่า ถ้าอย่างนั้นโจมีธุระอะไรที่จะต้องไปคุยโทรศัพท์กับคนๆนั้นกัน

    แม้ไม่อยากจะคิด แต่คำว่าหนอนบ่อนไส้ก็ผุดขึ้นมาในหัว

    หรือว่าทางนั้นจะเสนอทุนจากเซนต์เมลลี ที่ได้ยินโจบอกว่าตกลงนั่น…

    อีวานสะบัดความคิดไม่ดีที่ฟุ้งขึ้นมาเต็มหัว ไม่อยากจะเชื่อว่ารุ่นพี่ที่ดูสบายๆและเต็มที่กับชมรมมากมายคนนั้นจะกล้าทรยศกันได้ ตอนนี้มีแค่เขาที่ได้ยินบทสนทนา และไม่มีหลักฐานใดๆ ถ้าบอกแคลร์ไปแล้วไม่ใช่เรื่องจริงคงไม่ดี

    ต้องหาหลักฐานเสียก่อน แม้จะภาวนาว่าไม่ให้มีอะไรก็ตามที





    เพราะการกลับบ้านไปอยู่คนเดียวมันฟุ้งซ่านจนแทบทนไม่ไหว เคเลปจึงต้องแบกร่างของตัวเองกลับมาที่มหาวิทยาลัยอีกครั้ง อย่างน้อยมานั่งฟังวิลซ้อมร้องเพลงก็น่าจะสบายใจมากกว่า

    “อ้าว” เคเลปเอ่ยขึ้นเมื่อในห้องซ้อมว่างเปล่า ดูท่าวิลจะไปทำงานพิเศษเสียแล้ว แต่ไฟกลับยังเปิดอยู่เต็มห้อง แถมยังมีเอกสารอะไรไม่รู้วางไว้ตรงขอบเวทีอีก

    และเอกสารที่จะมาอยู่ในห้องซ้อมได้ จะมีอะไรถ้าไม่ใช่รายละเอียดของเพลงที่ต้องแสดงในงานหน้า นี่ก็ใกล้จะถึงพิธีจบการศึกษาแล้ว โค้ชฮันนาห์คงมาซุ่มจัดการรายละเอียดอยู่คนเดียว

    ความคิดของเคเลปไม่ผิด เพียงแต่ว่าไม่ครบ เมื่อเอกสารที่อยู่ในนั้นกลับมีเนื้อหาที่ไม่เข้าพวกอยู่ชุดหนึ่ง

    “อะไรเนี่ย การแจกแจงทุนของแต่ละสาขา…” เคเลปไล่สายตาจนมาถึงในส่วนของทุนดนตรีสาขาการขับร้อง แล้วจึงแทบจะทำเอกสารร่วงลงกับพื้น

    “แก้ไข จาก10ทุนเหลือ8ทุนงั้นเหรอ!”

    เสียงเปิดประตูทำให้เคเลปหันไปมอง โค้ชฮันนาห์ทำท่าจะทักขึ้นมาตามปกติ แต่เมื่อเห็นเคเลปชูเอกสารบางอย่างที่แม้ว่าเธอจะอยู่ไกลแต่ก็สามารถเดาได้ว่ามันคืออะไร สีหน้าของเธอจึงเปลี่ยนไปเป็นตกใจภายในพริบตา

    “นี่่มันเรื่องบ้าอะไรกันครับ!”

___________________________________________________________________________________________

สวัสดีค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ!
ในที่สุดวันนี้ก็จะได้ลงเพลงของนักร้องสากลที่เราชอบที่สุดเสียที แถ่นแทนแท๊น Little Mix นั่นเองค่ะ และเพลงLittle Meที่ปรากฏในตอนนี้เป็นเพลงที่เราชอบที่สุดเลย อยากให้ลองฟังกันนะคะ มันดีมากกกกจริงๆ คลิปที่แปะไปก็เป็นตัวสาวๆร้องกันเองค่ะ  ไบแอสขั้นสุด 5555
แล้วเจอกันจันทร์หน้านะคะ^^


ออฟไลน์ meelhek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
CH11

    เคเลปไม่สามารถปลุกใจเด็กๆในวันแข่งจริงได้ ไม่สามารถกระทั่งจะปลุกใจตัวเองให้ร่าเริงได้ด้วยซ้ำ ตั้งแต่ได้รับรู้เรื่องทุนที่ขาดหายไป เขาก็รู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถมองหน้าเด็กๆติดได้เลย รู้ทั้งรู้ว่าควรจะบอกออกไปเสียแต่เนิ่นๆ แต่ยิ่งเห็นเด็กๆมีแววตาสดใสและตั้งใจขนาดนั้นยิ่งพูดไม่ออกว่าจะมีใครคนหนึ่งไม่ได้รับทุน นี่ถ้ามีใครสักคนผลการเรียนดีก็จะบอกให้ไปยื่นเรื่องขอทุนเรียนดีแทนได้ แต่ในชมรมไม่มีใครดีพอเลย เพราะงั้นการที่จะไปบอกว่าต้องมีใครสักคนเสียสละเป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่ายาก ถึงตอนนี้ก็พอจะเข้าใจโค้ชฮันนาห์อยู่ล่ะว่าทำไมไม่ยอมบอกเขาเสียที
   
    “คุณเคเลป น้ำครับ”

    “อ๊ะ ขอบใจ” เคเลปเอ่ยกับแดเนียลที่เดินเอาน้ำมาให้แล้วเดินกลับเข้ากลุ่มเพื่อนไป ดูท่าว่าจะดูออกว่าเขากำลังกลุ้มๆถึงได้ยื่นมือเข้ามาช่วย แดเนียลแสนดีขนาดนี้ แต่หลังจากรู้เรื่องทุนเขาก็แทบจะไม่ได้สนใจเรื่องของเด็กคนนี้อีกเลย แดเนียลเองก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังคงมาซ้อมตามปกติ จนคนทางนี้เป็นฝ่ายมองแล้วเจ็บแทน

    “เอ้า ทุกคน พร้อมกันรึยัง” เห็นอย่างนั้นเคเลปจึงคิดว่าตัวเองควรจะลุกขึ้นและทำตัวมีชีวิตชีวาบ้างได้แล้ว ตอนนั้นเองเคเลปถึงเพิ่งจะสังเกตแคลร์ที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อย เดรสชุดขาวกับการแต่งหน้าสีสันสดใส ทำให้เด็กสาวดูสวยกว่าวันปกติที่ทาตาดำปากม่วงเป็นสิบเท่า แต่เคเลปไม่พูดออกไป เพราะการพูดถึงรสนิยมของใครในทางไม่ดีจะทำให้คนๆนั้นรู้สึกแย่ ตอนนี้แคลร์ก็ตื่นเต้นจนขาสั่นอยู่แล้ว พูดอะไรให้กำลังใจอย่างเดียวน่าจะดีกว่า

    “โหแคลร์ สวยชะมัด พวกเธอก็หล่อกันทุกคนเลย” เคเลปพูดพลางกวาดตามองหนุ่มๆในชุดสูทแบบไม่เป็นทางการ เพราะเพลงเป็นแนวให้กำลังใจเลยแต่งตัวเรียบร้อยกันหน่อย จนดูดีขึ้นมาทุกคนแม้กระทั่งอลันที่มีขนาดตัวเทียบเท่าคนสองคน
เคเลปเหลือบมองแดเนียล เสื้อขอแดเนียลเป็นไซส์Lแต่ดูไม่คับ สงสัยสัดส่วนของแดเนียลค่อยๆลงลดทีละนิดอีกแล้ว เขาอยากไปพูดชื่นชม แต่ตอนนี้กลับพูดอะไรไม่ออก

    “ไม่มั่นใจเลย…” แคลร์ว่าขณะที่ฟันยังกระทบกัน ตื่นเต้นเสียจนกระทั่งให้อลันมาเต้นตลกให้ดูก็ไม่ไหว

    “นี่ วันนี้เพื่อนๆมาดูเยอะนะ”

    “ฉันถึงได้ตื่นเต้นมากไงล่ะ!” แคลร์ว่าแล้วทรุดลงนั่งกับเก้าอี้ ร้องโวยวาย

    ก่อนหน้านี้เรย์โนลด์ถ่ายรูปผองเพื่อนจากที่นั่งคนดูส่งมาให้และนั่นทำให้พวกเด็กๆนั่งไม่ติดที่ เมื่อเพื่อนร่วมห้องของแต่ละคนต่างมาจนเกือบครบ กินที่ไปเกือบร้อยที่นั่ง ถึงมันจะไม่ใช่จำนวนที่มากเลยเมื่อฮอลล์จุได้กว่า1000คน แต่เด็กๆที่ไม่เคยมีคนมาเชียร์เยอะแยะขนาดนี้ย่อมประหม่าเป็นธรรมดา

    “Eminentก็ไม่อยู่ อย่างน้อยถ้าคริสมาช่วยปลอบใจ..”

    “ฉันก็อยู่นี่ไงยัยบ้า” โจว่าแล้วเขกหัวแคลร์เบาๆไปหนึ่งที โทษฐานที่พูดถึงนักร้องนำสุดเท่ของEminentต่อหน้า

    เพราะการแข่งขันในรอบนี้เป็นการจัดกลุ่มแบบแรนดอม ทำให้กลุ่มเพนกวินไม่ได้แข่งรอบเดียวกับEminent จะว่าดีก็ดีเพราะไม่ต้องแข่งกันเอง จะว่าแย่ก็แย่เพราะไม่มีคนคุ้นเคยมาช่วยทลายความตื่นเต้น ฮันนาห์เองก็ไม่ได้มาชมในรอบนี้ เพราะงั้นตัวเคเลปเองก็ถ่ายเทความเครียดไม่ได้ไปด้วย จะเรียกให้วิลมาช่วย เจ้าหมอนั่นก็นั่งอยู่ข้างๆเรย์โนลด์ไปแล้วเรียบร้อย แถมยังให้ข้ออ้างอีกว่าออกมาไม่ได้เพราะคนเยอะ

    “เฮ้อ..”

    “พวกเราจะพยายามเต็มที่ ไม่ต้องห่วงนะครับ”

    แดเนียลเดินเข้ามายืนข้างๆและเอ่ยขึ้น แม้ไม่ได้มองหน้าแต่ก็รู้สึกอบอุ่นจนเหมือนจะสบายใจขึ้นมานิดหน่อย เคเลปพยักหน้า ก่อนจะตบหลังแดเนียลเบาๆ

    “พยายามเข้านะ”

    “ครับ”





    การแสดงของทีมที่5จบลง ปละนั่นทำให้เด็กๆยิ่งขนลุกขนชัน การได้แสดงเป็นทีมสุดท้ายเท่ากับว่าต้องรับแรงกดดันที่หนักหนาสาหัส เพราะต้องถูกนำไปเปรียบเทียบกับทีมก่อนหน้าที่ทำโชว์ได้ออกมาน่าประทับใจ

    “พร้อม..” แคลร์กล่าวขณะก้าวสั่นๆไปบนเวที แสงสปอร์ตไลท์ที่สาดเข้ามาทำให้ไม่เห็นหน้าผู้คน แต่รับรู้ได้ว่ามีเสียงเชียร์ดังออกมาจากจุดๆหนึ่งอย่างผิดปกติ และนั่นน่าจะเป็นกลุ่มเพื่อน ยิ่งทำให้แคลร์สั่นเข้าไปใหญ่

    “จะเริ่มแล้วนะ” โจกล่าวแล้วแตะใหญ่แคลร์เบาๆก่อนจะถอนมือออก เธอสูดลมหายใจเข้าลึกอีกครั้งแล้วหันไปมองที่มุมเวที ซึ่งมีเคเลปพยักหน้าให้

    พร้อมก็พร้อม!

    “She lives in the shadow of a lonely girl
    Voice so quiet you don’t hear a word,
    Always talking but she can’t be heard,”

    แคลร์เริ่มต้นด้วยเสียงที่สั่นเล็กน้อย แม้คนดูอาจจะไม่รู้ แต่เคเลปกลับแทบจะทึ้งหัวตัวเองไปแล้ว แต่เพราะตอนนี้ไม่ใช่ตอนซ้อมที่จะสั่งให้หยุดและเริ่มใหม่ได้ จึงทำได้แค่ส่งกำลังใจให้จากข้างเวที และให้ที่เหลือเป็นหน้าที่ของเด็กๆที่อยู่บนเวที

    “I’d tell her to speak up, tell her to shout out,
    Talk a bit louder, be a bit prouder,
    Tell her she’s beautiful, wonderful,
    Everything she doesn’t see,”

    แต่เมื่อถึงท่อนฮุคก็ดูเหมือนแคลร์จะดึงจังหวะกลับมา และใส่อารมณ์เข้าไปเต็มที่ได้ เมื่อเนื้อร้องนั้นกล่าวถึงว่าเธอที่เป็นผู้ใหญ่อยากจะบอกเธอตอนยังเด็กว่าเธอนั้นสุดยอดแค่ไหน แม้เคเลปไม่สามารถมองสีหน้าผู้ชมได้ แต่ก็มั่นใจว่าท่อนร้องนั้นกระแทกใจเหล่าเด็กสาวในฮอลล์ไม่น้อยเลยทีเดียว

    ในที่สุดแคลร์ก็สามารถประคองเพลงจนจบได้อย่างงดงาม รวมถึงเด็กผู้ชายอีกสี่คนด้วย เด็กสาวน้ำตารื้นและนั่นทำให้โจเอามือมาเกลี่ยให้เบาๆ ท่าทีหยอกล้อราวกับคนรักกันทำเอาอีวานที่แม้จะกำลังประทับใจกับการแสดงอยู่ได้แต่เหลือบมองอย่างคลางแคลง แต่ก็ไม่ได้มองอะไรมากนักเมื่อถูกแดเนียลดึงไปยืนข้างหลังเวที เพื่อเปิดพื้นที่ให้ทีมอื่นๆขึ้นมา





    ไม่เคยเลยที่เพื่อนๆจะโห่ร้องแสดงความยินดีให้กับพวกเขา ไม่เคยเลยจริงๆ…

    “เฮ้ย สุดยอดไปเลยว่ะ” ใครคนหนึ่งตบไหล่แดเนียลเต็มแรง แต่เด็กหนุ่มก็ไม่ถือโกรธเมื่อเห็นสีหน้าแสดงความยินดีอย่างจริงใจของคนๆนั้น ซึ่งพอมองไปรอบๆ พวกกลุ่มเพื่อนในห้องต่างก็จับกลุ่มแสดงความยินดีกับเหล่าสมาชิกกันอย่างเต็มที่จนทุกคนยิ้มแก้มปริ

    ถึงแม้จะได้แค่รางวัลที่3 ไม่ต่างอะไรกับการแข่งขันในรอบที่แล้ว แต่มันก้เป็นรางวัลที่ทำให้พวกเขาเข้าไปสู่รอบถัดไปได้ เป็นรางวัลที่จะทำให้พวกเขาไปสู้กับTiger Blastได้ เท่านี้ก็มากเกินพอแล้ว

    “เฮ้ย มีใครโทรบอกพวกEminentยัง” เรย์โนลด์เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นทุกคนต่างกำลังวุ่นวายกับการรับคำยินดี เคเลปเห็นอย่างนั้นจึงอาสาจะติดต่อโค้ชของทางนั้นให้เอง เนื่องจากไม่อยากขัดจังหวะพวกเด็กๆ

    “ฮัลโหลครับ เคเลปของทีมโค้ชฮันนาห์นะครับ นั่นโค้ชลีออนรึเปล่าครับ” พวกเด็กๆกำลังจับกลุ่มคุยอยู่ เพราะงั้นคนที่เดินมาคุยโทรศัพท์ในที่ที่ห่างออกไปเล็กน้อยมีเพียงเคเลป วิล และเรย์โนลด์เท่านั้น ซึ่งเรย์โนลด์ที่ตื่นเต้นแทนแทบจะยืนตัวขึ้นไปแนบหูกับโทรศัพท์อยู่แล้ว วิลจึงต้องกดหัวและดึงมาล็อคคอไว้ราวกับจะบอกให้ใจเย็น

    ‘เคเลปเหรอ..’ มีความเหนื่อยใจแฝงอยู่ในเสียงจากปลายสายและนั่นทำให้เคเลปรู้สึกไม่สบายใจ หรือว่าEminentจะแพ้?

    “เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ”

    ‘พวกTiger Blastมันเล่นเราแล้ว..’ โค้ชได้พูดเพียงแค่นั้น เคเลปก็ได้ยินเสียงเหมือนโทรศัพท์ถูกกระชาก และคนที่มาแทนที่ก็คือคริส นักร้องนำของวง ถึงตอนนี้เคเลปเปิดลำโพงให้ได้ยินทั่วกันแล้ว

    ‘คุณเคเลป.. ฮึก..’

    “คริส? นี่เธอเป็นอะไรน่ะ” เคเลปถามออกไปอย่างตกใจ ซึ่งคนฟังอย่างวิลและเรย์โนลด์เองก็ตกใจตามไปด้วย และดูท่าปฏิกิริยาของวิลจะมีมากที่สุด เมื่อเขาเริ่มกำมือและกัดฟันกรอด

    ‘เราได้รับขนมก่อนแข่ง มันเขียนว่าถูกส่งมาจากเพื่อนสนิทของพวกเราคนนึง พวกเราก็กินกัน แต่ว่า… พอจะโทรไปขอบคุณเพื่อนคนนั้น มันบอกว่าไม่รู้เรื่อง รู้สึกตัวอีกทีพวกเราก็ท้องร่วงกันหมด… ไม่ได้.. แข่งด้วยซ้ำ...’

    โทรศัพท์มือถือแทบจะร่วงจากมือของเคเลป ได้ยินเสียงวิลสบถออกมาเบาๆว่าฉันจะฆ่ามันก่อนที่เรย์โนลด์จะกุมมือปลอบประโลม เคเลปตั้งสติถามเรื่องราวก่อนที่จะรู้ว่ามี3คนของทีมนั้นท้องร่วงหนักจนต้องไปรับเกลือแร่จากโรงพยาบาล นอกนั้นก็ยังอยู่ในระดับที่ไม่ร้ายแรงนัก ด้วยน้ำใจ เคเลปจึงรีบถามชื่อโรงพยาบาล และเรียกเด็กๆทุกคนไปพร้อมกันในทันที





    ห้อง3เตียงของโรงพยาบาลแคบลงไปถนัดตาเมื่อมีทั้งทีมEminentกว่าสิบคน กลุ่มเพนกวินอีก8คน และโค้ชฮันนาห์รวมกันอยู่ด้านใน

    แต่ถึงจะถ่อมาถึงโรงพยาบาล กลุ่มเพนกวินที่เพิ่งได้รับรางวัลมาก็ไม่สามารถสรรหาอะไรมาปลอบใจเหล่าเพื่อนพ้องที่กำลังเศร้าซึมและเจ็บแค้นอย่างสุดขีดได้ มีเพียงของเยี่ยมที่ซื้อติดมือมาเท่านั้นที่พอจะให้ได้ นอกจากนั้นก็ได้แต่ยืนเฉยๆ ฟังโค้ชเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นโดยละเอียด

    “ต่อไปพวกเธอก็ต้องเจอTiger Blastแล้ว ถึงไม่คิดว่าพวกนั้นจะทำอะไรก็เถอะ แต่ให้ระวังมากๆ ของกินต้องเปิดด้วยตัวเอง เครื่องแต่งกายก็ต้องตรวจดูแล้วก็สะบัดทุกชิ้น” โค้ชฮันนาห์ร่ายยาวและนั่นทำให้เด็กๆหน้าซีด คนเรามันจะร้ายขนาดไหนกันถึงต้องมีข้อควรระวังมากขนาดนี้

    “นี่เรากำลังจะไปร้องเพลงหรือออกรบเนี่ย” อลันบ่นขึ้นมาเบาๆ ทุกคนต่างพยักหน้าลงพร้อมกัน แต่ยังไงก็รู้ดีว่าจะประมาทไม่ได้ เพราะทั้งชื่อเสียงชมรมที่ต้องการกู้คืน ทั้งทุนที่จะได้รับมันขึ้นอยู่กับฝีมือของพวกเขา

    เสียงเคาะประตูที่จู่ๆก็ดังขึ้นดึงความสนใจจากทุกคนในทันที คงจะเป็นพยาบาลที่จะเข้ามาดูอาการตามเวลา โค้ชฮันนาห์ที่ยืนอยู่ใกล้ประตูที่สุดอาสาไปเปิดให้ แต่ภาพที่เห็นกลับทำให้เธอต้องผงะ

    “ไม่ได้เจอกันนนานนะฮันนาห์”

    “แมตต์…”

    มีเพียงลีออนเท่านั้นที่แสดงทีท่าตกใจ แต่เด็กๆคนอื่นกลับมีสีหน้างุนงง กระทั่งตอนที่ลีออนที่ดูไม่ใช่คนเกรี้ยวกราดเดินเข้าไปปัดดอกไม้จากมือของคนที่ชื่อแมตต์จนมันร่วงลงกับพื้น

    “ไอ้ทุเรศ ยังกล้าโผล่หน้ามาที่นี่อีกเรอะ!” เด็กๆทุกคนต่างสะดุ้งโหยง โดยเฉพาะทีมEminentที่ไม่เคยเห็นโค้ชตัวเองเป็นแบบนี้มาก่อน แต่ทั้งที่เด็กๆตกใจกันขนาดนั้น ผู้ชายที่แมตต์ก็ยังยืนยิ้มกวนประสาทไม่เปลี่ยนแปลง

    “อะไร มีน้ำใจมาเยี่ยมทีมที่แพ้ก็ว่ากันอีก นายนี่มันไม่มีน้ำใจนักกีฬาเลยนะลีออน”

    “คนอย่างแกกล้าพูดแบบนี้ด้วยเรอะ!” โค้ชลีออนแทบจะเข้าไปต่อยคนตรงหน้าอยู่แล้วถ้าฮันนาห์ไม่รีบเรียกวิลมาห้ามไว้ ส่วนตัวเองค่อยหันไปประจันหน้ากับแมตต์ ก่อนจะวาดฝ่ามือลงบนข้างแก้มชายตรงหน้าไปหนึ่งที

    “ไสหัวกลับไปเลยนะ”

    “ก็ได้ๆ แต่ก่อนกลับ ฉันมีอะไรจะบอกพวกเด็กๆอย่างหนึ่ง” แมตต์ที่ลูบแก้มป้อยๆใช้มืออีกข้างดันฮันนาห์ออกห่าง ก่อนเข้าไปเผชิญหน้ากับเด็กๆ เขากวาดตามองไปรอบห้องก่อนแสยะยิ้ม แล้วเอ่ยคำที่ทำให้ฮันนาห์แทบล้มทั้งยืนออกมา

    “ขอให้คนที่ได้ทุนของมิดเดิลตันทั้ง8คนโชคดี”

    เคเลปหันขวับไปมองฮันนาห์ที่ยังนิ่งค้างแม้ว่านายแมตต์นั่นจะเดินออกไปแล้ว แล้วกลับมามองเด็กๆที่ยังทำหน้างงกันอยู่ ดูจะไม่มีใครสนใจนักว่าจำนวน8ทุนที่ว่านั่นผิดพลาดตรงไหน มีแต่เรย์โนลด์ที่หัวไวและคิดเลขเร็วเท่านั้นที่โพล่งออกมา

    “เกรด12ของEminentมี5 ทีมของเรามี4 แปลว่าเพื่อนเราคนนึงจะไม่ได้รับทุนเหรอครับคุณเคเลป โค้ชฮันนาห์”

    ทุกคนต่างนิ่งอึ้งเมื่อประมวลผลคำพูดของเรย์โนลด์เสร็จ มีเพียงเด็กๆของEminentที่ส่งเสียงเซ็งแซ่ว่าพวกเขาไม่เห็นจะรู้เรื่องทุนที่หายไปนี่เลย ซ้ำยังไปไล่บี้โค้ชของตนอีกต่างหากว่ารู้เรื่องนี้มาก่อนรึเปล่า อย่างนี้คนที่มีโอกาสถูกตัดทุนก็เป็นหนึ่งในพวกเขาใช่รึไม่

    “คุณเคเลป..” แดเนียลเอ่ยทักและนั่นทำให้เคเลปหลบตา อยากจะต่อว่าแต่สีหน้าเจ็บปวกของเคเลปก็ทำให้เด็กหนุ่มรู้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังเลย และพอจะเข้าใจว่าทำไมช่วงนี้เคเลปถึงเครียดผิดปกติ

    “ฉันผิดเอง..” โค้ชฮันนาห์เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าสำนึกผิด ทุกคนจึงเงียบลงและหันไปมองเธอแค่เพียงผู้เดียว

    “เดือนที่แล้ว มีประกาศว่าทุนสายศิลป์ต่างๆถูกตัดลดลง ฉันส่งชื่อของEminentไป5ที่แล้วเลยไม่มีปัญหาแต่ว่า.. ของเพนกวินน่ะ… ขอโทษจริงๆนะ”

    เด็กEminentดูจะโล่งใจแต่ไม่ได้แสดงออกอะไร เพื่อรักษาสภาพจิตใจของทีมเพนกวินที่ตั้งใจทำมาขนาดนี้ด้วย เด็กน้อยอีวานมองหน้าพี่ๆของตนเหรอหรา อลันหน้าจ๋อยในขณะที่แคลร์กับแดเนียลขมวดคิ้ว แต่ในสถานการณ์ตึงเครียดแบบนี้กลับมีใครคนหนึ่งปรบมือขึ้นมา

    “เอาล่ะทุกคน ไม่ต้องเครียด! ฉันไม่เอาหรอกทุนน่ะ” เพราะโจพูดออกมาเสียงดังมั่นใจ ทำให้เหล่าคนที่เป็นห่วงในอนาคตของเพื่อนทีไม่เก่งอะไรเลยคนนี้ตกใจกันไปหมด โดยเฉพาะแคลร์ที่กระชากคอเสื้อมาแล้วตะโกนใส่หน้า

    “จะบ้าเหรอ! ถ้านายไม่เอาทุนนี่ก็สอบที่ไหนไม่ติดแล้ว! โค้ชฮันนาห์คะ ฉันไม่เอาทุนค่ะ ส่งชื่อหมอนี่ไปเลย”

    “เฮ้ยแคลร์” โจดึงเด็กสาวที่จะไปหาโค้ชให้หันมาทางตน “เชื่อใจฉันสักครั้งเถอะน่า ฉันเอาตัวรอดได้จริงๆ ถ้าเธอไม่ได้ทุนนี่ก็ต้องอ่านหนังสือหนักมากเลยนี่นา”

    “แต่ว่า...”

    “ไม่แต่ๆ” โจเอื้อมมืออุดปากเด็กสาวไว้ “ส่งชื่อทุกคนไปเลยครับ”

    “แน่ใจแล้วเหรอ” แดเนียลถามขึ้นอย่างเป็นกังวล เข้าใจที่แคลร์เป็นห่วงโจเป็นอย่างดี เพราะทั้งตัวเขาและอลันก็เป็นห่วงโจไม่แพ้กัน มีแต่โจนั่นแหละที่ยังหัวเราะออกอยู่ได้ ทำตัวเหมือนกับไม่สนใจอนาคตตัวเองแบบนั้น

    “ขนาดอีวานยังเป็นห่วง ฉันนี่คงดูแย่จริงๆสินะ แต่ไม่เป็นไร เชื่อเถอะๆๆๆ ว่าแต่ เราควรถามโค้ชฮันนาห์กันก่อนมั้ยว่าคนเมื่อกี้คือใคร เกี่ยวข้องกับโค้ชยังไง” ถึงโจจะไม่ค่อยได้เรื่องได้ราว แต่การหาเรื่องเฉไฉนี่ทำได้ดีที่หนึ่ง ตอนนี้กระแสในห้องจึงไปตกที่โค้ชฮันนาห์เรียบร้อย

    “เอ่อ.. เรื่องยาวหน่อยนะ จะหมดเวลาเยี่ยม…”

    “เล่ามาเลยโค้ช” เคเลปกล่าวเสียงเข้ม เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าฮันนาห์เคยเล่าเรื่องของเซนต์เมลลีค้างเอาไว้ และเพราะเกิดเรื่องอะไรหลายๆอย่างจึงไม่ได้เล่าต่อ และมันถึงเวลาเสียที

    “แมตต์เป็นแฟนเก่าฉันเอง..” ฮันนาห์เล่าเสียงอ่อยอย่างหมดแรง ซึ่งทุกคนต่างตกใจไปตามๆกัน ไม่รู้เกิดอะไร ทำไมคนที่เคยมีใจให้กันถึงกลายเป็นศัตรูที่ดูท่าจะร้ายแรงขนาดนี้

    “คนที่คุณเคยบุกไปทำลายงานแต่งงานเขารึเปล่า” วิลเอ่ยขึ้นเมื่อนึกถึงสิ่งที่พวกรุ่นพี่เคยเล่าให้ฟังออก โค้ชสาวพยักหน้า

    “ใช่ ฉันกับเขาคบกันมาตั้งแต่สมัยมหาลัย เกือบจะสิบปีได้มั้ง.. หมอนั่นเคยทำงานที่มิดเดิลตันถึงเมื่อห้าปีก่อนนะ แต่มันถูกเซนต์เมลลีดึงตัวไป ไม่นานก็บอกเลิกฉันแล้วไปคบกับลูกสาวอธิการ ถ้าแค่นั้นฉันคงไม่ช้ำใจเท่าไร แต่เพราะมันโกงฉันโดยการแอบถ่ายรูปของเด็กคนหนึ่งในทีมกำลังจูงผู้หญิงเข้าโรงแรม ทั้งๆที่ผู้หญิงคนนั้นมันจ้างมา และเด็กของฉันเห็นว่าเธอเมาเลยเข้าไปช่วยเท่านั้น!” โค้ชฮันนาห์พูดออกมาอย่างโกรธแค้นและนั่นทำให้ทุกคนเงียบกริบ และตั้งใจฟังเธอกล่าวต่อ

    “จริงๆการพาใครเข้าโรงแรมก็ไม่ผิดอ่ะนะ” ฮันนาห์เคลือบไปที่เคเลปซึ่งสะดุ้งเบาๆ เธอแค่นหัวเราะ “แต่พ่อของเด็กคนนั้นเป็นสมาชิกสภา.. อะไรสักอย่างของเขตนั้น ที่สำคัญเธออายุแค่15 เพราะอย่างนั้นหมอนั่นถึงถูกทั้งพักการเรียน แถมทีมของเรายังถูกห้ามลงแข่งในปีนั้นอีกต่างหาก”

    หญิงสาวเริ่มน้ำตารื้นเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในคราวนั้น “ทีมของพวกเราอันดับตกฮวบ แถมยังถูกมองไม่ดี เพราะงั้นฉันถึงได้แก้แค้นโดยการพาเด็กๆไปล่มงานแต่งมันไงล่ะ! ถึงจะล่มไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็เป็นอะไรที่ทำให้หมอนั่นและเมียของมันเจ็บช้ำไปตลอดชีวิตแล้ว!”

    เริ่มต้นมาเสียซึ้งแต่จบลงที่ความสะใจจนแต่ละคนปรับอารมณ์ไม่ทัน วิลยกมืออย่างเงียบๆ “หลังจากนั้นเขาเลยแค้นคุณ จนเริ่มแผนการกวาดต้อนเด็กเก่งๆไปเข้าม.นั้นสินะ มีเหตุผลอะไรมั้ยที่Tiger Blastถูกเลือกให้เป็นที่หนึ่ง”

    “ยัยผู้หญิงที่จ้างมาคนนั้นเป็นเด็กของTiger Blastน่ะสิ หมอนั่นเห็นเด็กคนนั้มีแบ็คอัพดีที่จะใช้เป็นเครื่องมือทำให้ทีมฉันแย่ได้เลยติดต่อไป แลกกับการที่หล่อนขอทุนให้เพื่อนๆสมาชิก แถมยังใช้อำนาจของพ่อผูกขาดทุนให้รุ่นน้องอีก แต่เดิมTiger Blastไม่ได้ถึงขนาดทีมระดับท็อป ถึงยังใช้วิธีโกงเรื่อยๆ ถึงรุ่นหลังๆจะเก่งขึ้นก็ยังใช้ เพือเป็นหลักประกันให้ตัวเองยังไงล่ะ”

    ทุกคนต่างพยักหน้าลงพร้อมๆกัน และตอนนั้นเองที่เคเลปแทรกขึ้นมา “ดูเขาแค้นคุณมาก ทีมเพนกวินมีโอกาสที่จะโดนกลั่นแกล้งรึเปล่า”

    ฮันนาห์กระพริบตาปริบๆกับคำถาม ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ “ไม่มีทาง ฉันไม่ได้ว่านะ แต่ทีมพวกเธอไม่ได้เก่งขนาดที่หมอนั่นจะมาทำอะไรหรอก”

    เคเลปดูจะสบายใจขึ้นแต่ก็ไม่ได้วางใจทั้งหมด ถึงอย่างนั้นเขาก็พยักหน้ารับอย่างเงียบๆ แล้วมองไปยังเด็กๆที่มีทีท่าตื่นกลัว ก่อนจะลูบหัวอีวานที่ยืนอยู่ใกล้ๆเบาๆเพื่อเป็นการปลอบ

    “เอ่อ ผมขอถามอะไรอีกอย่าง” วิลยกมือขึ้น “คนที่โดนใส่ร้ายคราวนั้นเขาเป็นยังไงบ้างครับ” เขาถามเพราะตัวเองเคยมีความเจ็บปวดจากการแข่งมาแล้ว และดูท่าว่าคนๆนั้นจะมีบาดแผลมากกว่าเขาหลายเท่าตัว

    “ก็เรียนจบ แล้วไปเป็นโค้ชที่ไฮสคูลแห่งหนึ่งอ่ะนะ ถ้าให้เจาะจงก็... นี่แหละ”

    ฮันนาห์ชี้นิ้วไปยังผู้ใหญ่อีกหนึ่งคนที่อยู่ในห้องนี้ ลีออนยกมือแล้วยิ้มบางๆ ที่คนเห็นก็รับรู้ที่ความรู้สึกขมขื่นที่อยู่ใต้รอยยิ้มนั้น ทั้งพวกเคเลปและเด็กๆว่าตกใจแล้ว แต่ดูท่าEminentจะตกใจมากกว่าหลายเท่าตัว

    “โธ่ โค้ช” คริสที่นั่งซึมมาตลอดเพราะยังไม่หายจากปัญหาสุขภาพเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแสดงความเห็นใจจนโดนขยี้หัวไปอย่างแรง ลีออนที่เป็นผู้ใหญ่คงจะรู้สึกแปลกๆถ้ามีเด็กมาทำท่าเหมือนสงสาร แต่ถึงแม้จะห้ามคริสได้ ก็ห้ามเด็กคนอื่นไม่ได้ เพราะพวกที่โทรมๆจากการท้องร่วงพยายามจะลุกขึ้นมากอดเขายกใหญ่

    “เฮ้ย ไม่เอาน่า กลับไปนอนไป” ลีออนเอ่ยไล่คนที่จะลงมาจากเตียง หัวเราะขื่นๆ “มันผ่านไปตั้งนานแล้ว ฉันไม่เป็นอะไรหรอก อย่างน้อยก็มีงานทำแล้วก็อยู่กับพวกนายไง”

    ถึงจะพูดเป็นเข้มแข็งแต่เด็กๆก็รู้ดีว่าโค้ชคนนี้ยังเจ็บปวด จากท่าทีที่มีต่อแมตต์แล้วเชื่อได้เลยว่าให้ตายก็ไม่มีวันให้อภัย แต่ถ้าลีออนพูดอย่างนั้นก็ไม่มีใครจะทักท้วง





    หลังหมดเวลาเยี่ยม ทุกคนออกจากห้องพักของโรงพยาบาลด้วยสีหน้าเศร้าซึม โดยเฉพาะEminentที่แย่ทั้งสภาพจิตใจและร่างกาย แต่ก็ยังให้กำลังใจพวกเพนกวินไม่ขาด จนทำให้ทั้งรู้สึกเศร้าตาม และรู้สึกว่าต้องพยายามมากยิ่งขึ้นไปอีกด้วย

    “เป็นอะไรรึเปล่าอีวาน” เรย์โนลด์ถามขึ้นขณะที่ทุกคนต่างแยกกัน มีเพียงเขา แดเนียล และอีวานเท่านั้นที่กลับไปทางเดียวกัน แม้ว่าบ้านของอีวานจะอยู่ค่อนข้างห่างจากรุ่นพี่ทั้งสอง แต่เย็นนี้อีวานถูกเรย์นาชวนมาฉลองรางวัลที่บ้าน เนื่องจากเธอไม่ได้ไปเชียร์ในวันนี้ จริงๆเด็กสาวก็ชวนทุกคน แต่เพราะเกิดเหตุการณ์แย่ๆขึ้นต่างคนจึงต่างปฏิเสธ มีเพียงแต่อีวานที่ไม่อยากทำให้เรย์นาเสียน้ำใจ

    “เปล่าฮะ” เด็กหนุ่มปฏิเสธทั้งรอยยิ้ม แต่เพราะว่าเก็บสีหน้าไม่เก่ง ทำให้พวกพี่ๆต่างก็รู้อยู่ดีว่าเด็กน้อยมีเรื่องกังวลใจ

    “เฮ้ย จะปิดทำไมเนี่ย”

    “นั่นสิ บอกมาเลยก็ได้นะ”

    อีวานทำท่าครุ่นคิดนิดหนึ่ง ก่อนจะตอบออกไปอย่างตะกุกตะกัก “ก็.. ไปบ้านพี่เรย์โนลด์ มันตื่นเต้นนี่นา..”

    ดูท่าว่าท่าทีเมื่อครู่จะเนียนตาไม่น้อยจนเรย์โนลด์หัวเราะและเอ่ยแซว ไม่ได้สังเกตอีกเลยว่าเด็กน้อยทำท่าโล่งใจ และเริ่มที่จะคิดอะไรบางอย่างอีกครั้ง

    เมื่อชื่อมาร์โคออกจากปากของโจเมื่อวันก่อน และโจยังออกปากอีกว่าไม่ต้องการทุนในวันนี้ บางทีอะไรๆมันออกจะบังเอิญเกินไปรึเปล่า

    ไม่อยากจะคิดหรอกนะ ว่าโจกำลังจะทรยศทีมเข้าจริงๆ....

___________________________________________________________________________________________

สวัสดีค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ!
หายไปสองอาทิตย์เลย สารภาพว่าเขียนไม่ทันค่ะ พรุ่งนี้จะสอบแล้ว ใครหลงเข้ามาอ่านให้กำลังใจเราด้วยนะคะ^^

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด