Penguin Pitch! ปฏิบัติการเปลี่ยน PIG ให้เป็น PENGUIN! - CH13 [18-07-17] END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Penguin Pitch! ปฏิบัติการเปลี่ยน PIG ให้เป็น PENGUIN! - CH13 [18-07-17] END  (อ่าน 12469 ครั้ง)

ออฟไลน์ fahtallll

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
แปะไว้ก่อนนะคะ เข้ามาส่อง 5555
สอบสู้ๆนะคะ เอาให้ได้เต็มเลยนะ สู้ๆ
 :mc4: :mc4: :mc4:  :L2: :กอด1:

ออฟไลน์ meelhek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
CH12


    “ครั้งนี้ขอให้ผมเป็นนักร้องนำได้มั้ยครับ” โจประกาศขึ้นมาเสียงดังขณะที่กำลังประชุมเพื่อเลือกเพลงในรอบถัดไป ทุกคนต่างพากันหน้าเหวอ เมื่อคนที่ไม่เคยโลภกับตำแหน่งในวงอย่างโจเสนอตัวขึ้นมา เคเลปกระพริบตาปริบ อ้าปากค้างอย่างหาเสียงไม่เจอ

    “ทำไมนิ่งกันไปหมดงี้ล่ะ” โจว่าพลางหัวเราะแห้งๆ ก็รู้ตัวอยู่หรอกว่าตัวเองฝีมือไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่แค่จะขอทำตัวเด่นในงานสุดท้ายของการเป็นนักเรียนมัธยมปลายเท่านั้นเอง

    “ก็มัน.. เหลือเชื่อนี่นา” เคเลปเอ่ยขึ้น “นายพูดจริงใช่มั้ย”

    โจพยักหน้าอย่างมั่นใจ “ครับ”

    เคเลปพยักหน้าตอบ แล้วหันไปวุ่นวายกับเอกสารในมือ ดูท่าจะต้องคิดใหม่เรื่องเพลงและตำแหน่งอื่นๆ เพราะโจเป็นคนให้จังหวะหลักของวง การเปลี่ยนมาร้องนับเป็นเรื่องใหญ่ เพราะหมายความว่าใครบางคนหรือหลายคนต้องไปทำหน้าที่ให้จังหวะแทน

    “ตรงนี้มีใครให้จังหวะเป็นบ้าง” ทุกคนส่ายหน้ากับคำถามของเคเลป แถมยังพากันหลบตาเสียอีก คงกลัวว่าจะโดนโบ้ยหน้าที่มาให้

    “ยากแล้วล่ะ โจ ฉันว่าเธอ…”

    “นะครับคุณเคเลป!” ไม่ทันที่เคเลปจะพูดจบ โจก็พุ่งตัวเข้ามาเกาะแข้งเกาะขา พูดคำว่านะๆๆ นับครั้งไม่ถ้วน มีความมุ่งมั่นนับว่าดี แต่ความมุ่งมั่นแปลกๆแบบนี้ทำเอาแคลร์ทนดูไม่ได้ ต้องไปกระชากโจออกจากขาของเคเลปทันที

    “ทำอะไรน่ะ ทุเรศจริง”

    “ก็ฉันอยากร้องนำบ้างนี่นา เธอก็เคยร้อง อลันก็เคยร้อง แต่ฉันยังไม่เคยเลย”

    “แดเนียลก็ไม่เคย ยังไม่เห็นมาตีโพยตีพายอะไรเลย” แคลร์โยนไปที่แดเนียลที่นั่งเฉยๆทำเอาเด็กหนุ่มสะดุ้ง ถ้าถามแดเนียลว่าอยากร้องนำมั้ยแน่นอนว่าอยาก แต่ด้วยฝีมือที่ยอมรับว่าไม่ได้เก่งเท่าอลันหรือแคลร์ ทำให้ไม่กล้าพูดอะไรไป ที่สำคัญ ช่วงนี้ยังเข้าหน้าเคเลปไม่ค่อยติดเสียด้วย

    “เอาล่ะ” เคเลปหันหน้ากลับมาหาเด็กๆหลังจากเดินไปหลบมุมประชุมกับตัวเอง ทุกคนต่างหันมาให้ความสนใจ โดยเฉพาะโจที่หวั่นใจว่าเคเลปจะยอมทำตามที่ขอรึเปล่า

    “ยังไงรอบนี้ก็สุดท้ายแล้ว เสี่ยงให้มันเต็มที่เลยแล้วกัน โจ แดเนียล ครั้งนี้พวกเธอร้องนำ ส่วนอีกสามคนเป็นคนคอรัสกับให้จังหวะ แต่จะเป็นเพลงอะไร.. พรุ่งนี้ฉันจะบอกอีกที”

    “หา!” ทุกคนต่างประสานเสียงด้วยความเหลือเชื่อ แต่ไม่มีใครกล้าแย้งเมื่อเคเลปทำสีหน้าเหมือนจะบอกว่า ฉันตัดสินใจแล้ว ทุกคนต้องทำตาม

    “งั้นวันนี้พอแค่นี้ โจไปเตรียมสอนเพื่อนๆด้วย แล้วพรุ่งนี้เรามาเจอกัน”

    “ครับ/ค่ะ”

    ต่างคนต่างพากันเก็บกระเป๋าเมื่อเคเลปประกาศกร้าว มีแค่อีวานนี่แหละที่ค่อยๆเดินตัวเล็กลีบเข้าไปใกล้ๆโค้ช

    “คุณเคเลปครับ” เด็กน้อยกล่าวเสียงกระซิบ

    “ว่าไงอีวาน” อีวานยกมือขึ้นมาจุ๊ที่ปากเมื่อเห็นเคเลปใช้เสียงปกติในการคุยกับเขา โค้ชหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วเคลื่อนหน้าลงไปใกล้เด็กน้อย เพราะดูจากท่าทางแล้วคงมีอะไรที่อยากคุยเป็นการส่วนตัวอยู่แน่

    “คือเรื่องนักร้องนำ..”

    “เฮ้ยอีวานมาเร็ว อลันจะเลี้ยงไอติม!”

    “ฉันยังไม่ได้พูดงั้นซะหน่อย!”

    เสียงโวยวายของอลันและโจทำเอาอีวานสะดุ้ง เขาถูกแขนของโจพาดคอแล้วลากออกไปทันที ถึงจะดูเหมือนว่าโจไม่รู้ว่าตัวอีวานจะพูดอะไร แต่เด็กน้อยก็อดเสียวสันหลังไม่ได้

    “มีเรื่องอะไรนะ?” เคเลปขมวดคิ้วขณะมองอีวานถูกลากออกไป แต่แล้วเขาก็ยังไหล่อย่างไม่สนใจมากนัก เพราะหากเป็นเรื่องสำคัญ อีวานจะติดต่อเขามาทีหลังก็ยังไม่สาย

    “คุณเคเลปครับ”

    เคเลปที่กำลังก้มเก็บของเงยหน้าขึ้นทันที มองแดเนียลที่เข้ามาคุย ยอมรับว่าตกใจนิดหน่อยเพราะคิดว่าจะหมางเมินกับเด็กคนนี้ไปเสียแล้ว เขาจึงต้องรีบปั้นหน้าเป็นปกติอย่างรวดเร็ว

    “มีอะไรเหรอ”

    “เรื่องนักร้องนำ.. ผมไม่เอาก็ได้นะครับ” แดเนียลว่าแล้วหลุบตาลง เด็กหนุ่มยังคงไม่มั่นใจกับหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย

    คนเป็นโค้ชมองแค่นั้นก็รู้ทันทีว่าแดเนียลคิดอะไรอยู่ เขาจ้องหน้าเด็กหนุ่มและตอบอย่างแน่วแน่ “นายทำได้อยู่แล้วแดเนียล
มั่นใจในตัวเองหน่อย” ไม่ว่าเปล่ากลับวางมือไปที่ไหล่ของคนตรงหน้าอย่างลืมตัว เคเลปคิดแค่ว่าจะให้กำลังใจ แต่สำหรับแดเนียลแล้ว มันคือการให้ความหวัง…

    เด็กหนุ่มเดินถอยออกมาให้มือของเคเลปร่วงลงไปเอง ก่อนจะขอตัวออกจากห้องไป
 




    เคเลปเบ้หน้าเมื่อก้าวเข้ามาในห้องชมรมของเด็กๆ เขาตัวลีบอยู่หน้าประตูอย่างไม่รู้จะเดินไปอยู่จุดไหน ก็ดูสิ ละอองน้ำลายที่ออกมาจากปากของเด็กๆที่พ่นไปพ่นมาในห้องแคบๆนี่ จะบอกว่าไม่รังเกียจก็คงโกหก

    “อ้าว คุณเคเลป” อีวานเอ่ยทักเป็นคนแรก เด็กน้อยเช็ดปากด้วยผ้าเช็ดหน้าที่เริ่มชื้น คนอื่นๆก็เช่นกัน ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าเด็กพวกนี้พยายามฝึกให้จังหวะกันขนาดไหน

    “เริ่มสอนแล้วเหรอ โจ” เคเลปเอ่ยถาม คุณครูจำเป็นพยักหน้าหงึกหงัก

    “ครับ แต่เจ้าพวกนี้มันไม่เคย เสียงเลยออกมาอย่างที่ต้องการไม่ได้สักที มีแต่น้ำลาย” โจพูดไปหัวเราะไป จนโดนแคลร์โบกฝ่ามือเข้าใส่หัว พวกเธอรู้ตัวดีว่ายังทำได้ไม่ดีจนมีแต่น้ำลายกระจายฟุ้งเต็มห้อง แต่มันก็น่าอายที่มีคนพูดถึงเรื่องนี้ออกมาตรงๆ ยังไงเธอก็เป็นผู้หญิง และมันดูไม่งานเอาเสียเลย

    “เอาเถอะๆ ยังพอมีเวลา ยังไงก็เดี๋ยวบอกเพลงเลยแล้วกันนะ รอบสุดท้ายนี้..” เด็กทุกคนต่างจ้องมาที่เคเลปเป็นตาเดียวกัน ตั้งใจฟังอย่างใจจดใจจ่อ และดูเหมือนชายหนุ่มจะรู้สึกถึงความตื่นเต้นของเด็กๆ ถึงได้ดึงไว้ช้าขนาดนี้

    “คือ…. Writing’s On The Wall ของ Sam Smith!”

    “เฮ้ย!!!” เด็กต่างประสานเสียงกันด้วยความตกใจ มีเพียงเคเลปที่ยังคงยิ้มกว้าง ดูจะภาคภูมิใจกับการเลือกเพลงของตัวเองเสียเหลือเกิน

    “ตกใจอะไรกัน นี่มันมาสเตอร์พีซเลยนะ ถ้าร้องดีๆชื่อเสียงของพวกนายขจรขจายไปไกลแน่”

    “ถ้าร้องดีๆ.. เหรอครับ” โจเหงื่อตก เขาอยากเป็นนักร้องนำในครั้งนี้มากจริงๆ แต่ก็ไม่คิดว่าเคเลปจะบรรจงจัดเพลงหฤโหดมาให้ เผลอคิดไปแวบหนึ่งเลยว่ายกให้อลันทำแทนเสียดีมั้ย

    “คุณเคเลปครับ ผมว่ามันยากไป” แดเนียลยกมือก่อนจะเสนอออกไป เพลงนี้นอกจากนักร้องนำจะต้องมีพลังเสียงมากแล้ว คอรัสเองก็ต้องแข็งแกร่งพอๆกัน พวกเขาที่ยังอยู่ในขั้นลุ่มๆดอนๆไม่มีทางที่จะร้องเพลงระดับนี้ออกมาได้

    “แต่รอบนี้เราจะร้องนำกันสองคนนี่นา ฉันจัดแบ่งท่อนมาแล้ว เสียงพวกนายไม่น่าหมดง่ายๆ” เคเลปว่าพลางแจกกระดาษเอกสารที่เตรียมไว้ให้กับทุกคน

    “อื้อหือ ร้องนำควบคอรัส” อลันว่าแล้วตบบ่าแดเนียลที่ยืนอึ้ง จริงๆมันก็เป็นเรื่องที่ควรจะรู้อยู่แล้วว่าต้องทำ เพราะจำนวนคนในทีมน้อยเสียขนาดนั้น แดเนียลเริ่มวอร์มเสียงตัวเองโดยอัตโนมัติ หวังว่าจะทำให้ตัวเองทำได้ดีขึ้นแม้เพียงสักเล็กน้อย

    “ผมต้องให้จังหวะคนเดียวเหรอเนี่ย…” อีวานพูดเสียงสั่น แค่เมื่อกี้โจมาสอนให้ยังทำได้ไม่เท่าไรเลย น่ากังวลว่าวันจริงจะรอดมั้ย ใจหนึ่งก็คิดว่าอยากไปร้องด้วย แต่พอเห็นคีย์แล้วคิดว่าถ้าไปร้องด้วยจะฉุดอลันกับแคลร์ลงมามากกว่า

    “สู้หน่อยนะอีวาน” เคเลปพูดพลางยิ้มอย่างให้กำลังใจ อีวานจึงต้องพยักหน้าหงึกหงักอย่างเสียไม่ได้ แล้วก็โดนโจล็อกคอลากไปซ้อมส่วนตัวอีกครั้ง ทำเอาเคเลปเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้เหมือนอีวานตั้งใจจะบอกอะไร แต่ก็ได้แต่ปล่อยผ่านไปอีกครั้ง

    “งั้น.. เดี๋ยวพวกเรามาซ้อมด้วยกันก่อน” เคเลปเรียกแดเนียล อลันและแคลร์มารวมตัวกัน ซึ่งเด็กๆก็มาอย่างว่าง่าย เขาเหลือบมองแดเนียลเป็นระยะ ซึ่งเด็กหนุ่มก็ดูจะจัดการความรู้สึกตัวเองได้แล้ว ทำให้การซ้อมเป็นไปได้ด้วยดี

    พอเริ่มซ้อมรวมไปได้สักพักจนทุกคนรู้จุดที่ควรแก้ไข เคเลปจึงสั่งให้ซ้อมแยกเพราะต้องการฝึกเทคนิคให้แดเนียล เพราะตอนร้องรวมกันแล้วนักร้องนำอย่างแดเนียลยังโดนคอรัสอย่างอีกสองคนกลบอยู่ ต้องยอมรับว่าถึงแดเนียลจะทำได้ดีแต่ไม่ได้มีความอลังการเท่าอลัน เพราะงั้นจึงต้องฝึกให้หนักมากขึ้น แน่นอนว่าโจก็เช่นกัน ที่สำคัญคือโจต้องฝึกมากกว่าแดเนียลสองสามเท่าได้ เขาจึงอยากดูว่าการฝึกแดเนียลจะไปประยุกต์กับการฝึกให้โจยังไง

    แต่แดเนียลกลับไม่ร่วมมือเอาเสียเลย…

    “ทำไมเสียงเบาจัง เมื่อกี้ยังออกเสียงได้ดีกว่านี้เลยนี่”

    “ขอโทษครับ” แดเนียลที่ตอบกลับมาห้วนๆทำเอาเคเลปหงุดหงิด เมื่อกี้ยังดีๆจนน่าชมอยู่เลยแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับเอื่อยเฉื่อยขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

    “เริ่มท่อนนี้ใหม่นะ I’m prepared for this..”

    “ครับ” แดเนียลเริ่มร้องท่อนนี้อีกครั้ง แต่เมื่อถึงจุดที่ต้องขึ้นเสียงสูงกลับเสียงหายไปเสียดื้อๆ เคเลปขมวดคิ้ว ปกติมันเป็นสิ่งที่แดเนียลควรทำได้สบายๆเสียด้วยซ้ำ

    เคเลปขยับเก้าอี้เข้าใกล้แดเนียลมากขึ้นเพราะต้องการฟังเสียงชัดๆ แต่แดเนียลกลับขยับออกไปในทันที เคเลปแทบกุมขมับ เขารู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับแดเนียล การที่ต้องมาอยู่กับคนที่ปฏิเสธตัวเองสองต่อสองคงเพิ่มความเครียดและกดดันขึ้นมาอย่าง
กะทันหัน

    “แดเนียล นี่เป็นงานนะ” เคเลปเอ่ยเสียงนิ่ง จ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็ง ซึ่งแดเนียลก็ถอนหายใจออกมา

    “ผมรู้”

    “รู้แล้วทำไมทำแบบนี้ล่ะ เหลือเวลาไม่มากแล้วนะ อย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับงานสิ”

    “ก็ใครมันจะไปนิ่งได้แบบคุณล่ะ!” แดเนียลพูดเสียงดังแล้วลุกพรวด ทำเอาคนอื่นๆในห้องต่างหันมามองด้วยความสงสัย เคเลปกุมขมับ เอ่ยเสียงเข้ม

    “แดเนียล นั่งลง”

    “ผมจะกลับแล้ว”

    “แดเนียล!”

    คนอายุน้อยกว่าไม่ฟังคำ ซ้ำยังสะพายกระเป๋าขึ้นบ่าแล้วเดินออกไปซะเฉยๆ เคเลปลุกตามไปที่ประตูแต่ไม่ได้เดินออกไปมากกว่านั้น คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นอย่างใช้ความคิด เขาไม่อยากให้แดเนียลเจ็บปวด แต่จะให้ไปคบก็คิดว่าทำไม่ได้ แล้วจะมีวิธีไหนทำให้เด็กคนนั้นกลับมาตั้งใจกับการซ้อมมากขึ้นนะ



 
   
    บรรยากาศมึนตึงยังมาคุเสมอสำหรับคนสองคนจนคนอื่นๆพลอยรับรู้ไปด้วย สิ่งที่เคเลปทำได้ก็มีแค่ไกด์สิ่งที่อยากสอนให้ไปในแชท แล้วถ้ามีอะไรเพิ่มก็จะบอกโจไปบอกแดเนียลอีกที

    ในฐานะโค้ชแล้วการทำแบบนี้มันนับว่าเป็นความล้มเหลวอย่างเห็นได้ชัด แต่กับแดเนียลที่แสดงอาการอย่างชัดเจนว่า ถ้าไม่คบ ก็ไม่ต้องมาคุยกัน นั้น ทำให้เขาคิดว่าการซ้อมด้วยวิธีนี้มันก็ดูจะดีที่สุดแล้ว

    “เฮ้อ” ชายหนุ่มถอนหายใจพลางยกแก้วที่ใส่น้ำสีอำพันขึ้นดื่ม อีกหนึ่งวันก็ได้เวลาแข่งแล้ว ในความเป็นจริงเคเลปควรจะรีบนอนให้เต็มที่แล้วรีบตื่นแต่เช้าเพื่อไปดูแลเด็กๆ แต่เพราะความเครียดทำให้ชายหนุ่มต้องการแอลกอฮอล์เข้าสู่ร่างกายก่อนนอน

    “สีหน้าดูไม่ดีเลยนะครับ” เสียงทุ้มของใครบางคนดังขึ้นทำให้เคเลปต้องเงยหน้าขึ้นมอง เป็นชาร์ลที่เดินเข้ามาด้วยสีหน้ายิ้มๆแล้วถือวิสาสะนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม เคเลปนึกในใจว่าน่าจะซื้อเหล้าซื้อเบียร์ไปกินที่บ้านเสียก็ดี จะได้ไม่ต้องเจอคนที่ไม่อยากจะเจอ

    “เปล่านี่ครับ” เคเลปตอบพร้อมส่งยิ้มกลับไป แม้ในใจจะรู้สึกหงุดหงิดมากมายก็ตามที

    “ให้ผมนั่งเป็นเพื่อนนะ”

    “นี่คุณตามผมมาเหรอ” เคเลปถามขึ้น ร้านที่เขามาเป็นร้านอาหารใกล้บ้านธรรมดาที่ไม่ใช่ที่สังสรรค์ของวัยรุ่น ซ้ำในร้านก็เปิดไฟสีเหลืองสลัว ขนาดที่ว่าถ้ามองจากนอกร้านเข้ามาไม่มีทางรู้ว่าเขาอยู่ในนี้ แล้วชาร์ลเข้ามาหาถึงที่ได้อย่างไร?

    “เปล่าซะหน่อย พอดีแม่ผมเขาชอบร้านนี้เลยขอให้ซื้ออาหารกลับไปฝากน่ะ”

    เคเลปพยักหน้าหงึกหงักกับข้ออ้างนั้น จะจริงหรือไม่จริงก็ไม่ใช่เรื่องของเขาอยู่ดี และตอนนี้ก็ได้เวลากลับบ้านแล้วด้วย
ชายหนุ่มจะยกมือเรียกพนักงานแต่ชาร์ลกลับดึงมือนั้นลง เคเลปมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าที่ติดจะไม่พอใจขึ้นมานิดๆ แต่ชาร์ลก็ยังยิ้มได้อยู่

    “รออาหารผมด้วยกันหน่อยได้มั้ยครับ ผมดีมือถือผมแบตหมดเลยไม่รู้จะทำอะไร” ชาร์ลว่าพลางดึงมือเคเลปให้มาใกล้ตัว ซึ่งชายหนุ่มก็สะบัดมันออก

    “งั้นเดี๋ยวผมไปเข้าห้องน้ำหน่อย”

    “ตามสบายครับ”

    คนที่โต๊ะมองอีกฝ่ายที่ลุกออกไปจนหายลับเข้าไปในห้องน้ำ ใบหน้าอารมณ์ดีเผยรอยยิ้มแสยะ พลางหยิบของบางอย่างขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง




 
    “ร้านนี้เหรอ” หญิงสาวคนหนึ่งที่ควงแขนมากับแฟนหนุ่มเอ่ยถามคนข้างกาย ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้ารับ

    “ใช่” เลียมว่าพลางเปิดประตูให้แฟนสาวเดินนำเข้าไปก่อน ชายหนุ่มไม่เคยมาร้านนี้แต่เคยอ่านรีวิวในอินเทอร์เน็ตว่าอาหารอร่อยบรรยากาศดีจึงอยากพาแฟนสาวของตนมาบ้าง แต่ไม่ได้คิดเลยว่าจะเจอกับใครบางคน..

    “นี่ มานั่งตรงนี้ดีกว่า” เขาฉุดมือแฟนสาวและพาเธอพายังโต๊ะตัวหนึ่งซึ่งตั้งอยู่กลางร้าน

    “ฉันอยากนั่งติดกระจกนี่นา มีที่ว่างอยู่”

    “มาตรงนี้เถอะ เดี๋ยวมีอะไรสนุกๆเล่าให้ฟัง”

    เธอขมวดคิ้วอย่างสงสัยแต่ก็เดินตามชายหนุ่มไปโดยดี หลังจากนั่งลงและสั่งอาหารกับเรียบร้อย จึงค่อยเอ่ยถามว่าเรื่องสนุกๆที่ว่านั้นคืออะไร

    “เธอเห็นคนที่โต๊ะเล็กด้านซ้ายมั้ย ที่อยู่ใกล้ๆห้องน้ำน่ะ ผู้ชายสองคน”

    หญิงสาวมองตาม เห็นชายคนหนึ่งที่ดูจะอารมณ์ดีกับอีกคนที่ผงกหัวอยู่ตลอดเวลา คงกำลังเมามาก เพราะเห็นเหล้าตั้งอยู่บนโต๊ะ

    “เห็น ใครเหรอ”

    “คนที่แดนมันชอบ” หญิงสาวตาเบิกกว้าง เล่นเอาเลียมหัวเราะคิกคักกับท่าทางนั้น ใครๆก็มีปฏิกิริยาแบบนี้ทั้งนั้นเมื่อรู้ว่าเจ้าน้องตุ้ยนุ้ยของเขามันชอบผู้ชาย

    “จริงเหรอ นั่นผู้ชายนะ โกหกกันรึไง ว่าแต่คนไหนน่ะ”

    “คนผมทอง”

    “โอ้โห ตาถึงเหมือนกันนะน้องนาย” เธอเอ่ยพลางชื่นชม ก็ดูคนผมทองนั้นทั้งหน้าตาดีทั้งสูงสง่า ถ้าไม่ติดว่าเมาอยู่คงจะงดงามไร้ที่ติ

    “แต่ว่า…” เลียมพูดขึ้นมาแล้วแค่นหัวเราะ ทำเอาหญิงสาวสงสัยว่าต้องการจะพูดอะไร เธอถูกเลียมกวักมือให้ยื่นหน้ามาใกล้ๆเพื่อที่เขาจะได้กระซิบ

    “หมอนั่นน่ะเป็นพวกคั่วผู้ชายไปทั่วเลยล่ะ ขนาดฉันแค่แกล้งกอดยังมองตาเยิ้มเลย แต่เจ้าแดนมันก็ชอบของมันน่ะ เห็นว่าสารภาพรักมาแล้วแต่ชวด นี่ก็ซึมไปตั้งหลายวัน”

    แฟนสาวพยักหน้า แต่ก็อดไม่ได้ที่จะตั้งคำถาม “ถ้าเป็นคนแบบนั้น… ทำไมถึงรู้จักกับแดเนียลได้ล่ะ”

    “เป็นนักร้องอะแคปเปลล่าที่เก่งมากน่ะสิ เจ้าแดนมันไปดูการแข่งเลยขอให้เขาเป็นโค้ช แล้วเธอก็รู้ใช่มั้ยว่าพรุ่งนี้พวกแดนมันจะแข่งแล้ว แต่กลับมานั่งกินเหล้าอยู่กับผู้ชาย เหอะ…” เลียมแสดงออกว่าไม่ชอบอย่างไม่ปิดบัง ถ้าแค่หักอกน้องหรือคั่วผู้ชายยังเป็นปัญหาในระดับที่ว่าไม่อยากให้น้องได้เป็นแฟนเฉยๆแต่ไม่ได้เกลียดอะไร แต่เมื่อเห็นบกพร่องในหน้าที่การงานแบบนี้ก็รู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมาอย่างมาก

    “อ๊ะ ฟุบไปแล้ว” แฟนสาวของเลียมสะกิดคนตรงข้ามให้ดูเคเลปที่ฟุบกับโต๊ะไปต่อหน้าต่อตา เห็นชายหนุ่มอีกคนเรียกพนักงานมาคิดเงินแล้วหิ้วปีกออกไป แน่นอนว่าเลียมไม่พลาดภาพพวกนั้น เขาหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรัวไปสิบกว่ารูป

    “ถ่ายไว้ทำไมเนี่ย”

    “จะเอาให้แดนมันดู จะได้ตัดใจสักที”

    “ก่อนแข่งรอบชิงเนี่ยนะ?”

    เลียมชะงักนิ้วที่กำลังจะกดส่ง แล้วจึงออกจากหน้าส่งข้อความไป “เออ เอาไว้หลังแข่งก็ได้”
 




    แต่งหน้าแต่งตัวพร้อม เช็กไมค์ก็พร้อม แต่โค้ชของทีมกลับไม่พร้อม ตั้งแต่เช้าที่นัดกันที่หน้าโรงเรียนก็ไม่มีใครสามารถโทรหาเคเลปได้เลย ได้ยินแต่เสียงตอบรับที่แสดงให้เห็นว่าปิดเครื่อง ทำเอากระวนกระวายกันยกใหญ่ จนต้องยอมมาถึงสถานที่แข่งแบบไม่มีโค้ช

    “หรือว่าจะถูกTiger Blastทำอะไร” อลันที่ขี้วิตกเอ่ยขึ้นมา ซึ่งทุกคนต่างก็นิ่งเพราะคิดว่าอาจจะเป็นไปได้ ถึงแม้ว่าการยึดตัวเคเลปไปจะไม่ส่งผลอะไรต่อการแข่ง แต่อาจตัดกำลังใจของผู้เข้าแข่งขันได้ โดยเฉพาะแดเนียลที่แทบยืนไม่ติดที่ ถึงจะโดนปฏิเสธยังไงความชอบใจในก็ไม่จางหาย พอเคเลปหายตัวไปอย่างไร้สาเหตุยิ่งกระวนกระวาย

    “ไม่น่ามั้งฮะ คุณเคเลปไม่ได้เป็นคนแข่งซะหน่อย” อีวานเอ่ยขึ้นพลางมองหน้าโจที่ไม่มีปฏิกิริยาอะไรมากไปกว่าความวิตกกังวลในระดับเดียวกับคนอื่น เด็กน้อยยังสงสัยโจอยู่ และคิดว่าถ้าทางTiger Blastมามีข้อตกลงกับโจแล้ว ก็ไม่น่ายุ่งอะไรกับเคเลป

    “โทรหาเรย์โนลด์อีกทีซิแดเนียล” แคลร์เอ่ยขึ้น ที่ให้โทรหาเรย์โนลด์เพราะเพื่อนตัวเล็กที่ควรจะมาเชียร์ในตอนนี้ก็กำลังประสายงานกับวิลอยู่ เพื่อนสนิทของเคเลปเองก็ร้อนใจไม่แพ้กันที่เพื่อนของตนหายไป

    “ยังไม่เจอ” แดเนียลบอกเพื่อนสาวที่มีสีหน้ากังวลหลังจากวางสาย “แต่เดี๋ยวโค้ชฮันนาห์จะมา”

    “อืม” เด็กสาวพูดเสียงหงอย

    “อะไรเนี่ย ทีมนี้ไม่มีโค้ชเหรอ” เสียงเย้ยหยันจากด้านหลังทำให้ทั้งกลุ่มหันไปมอง เจ้าเด็กหน้าตกกระที่ชื่อบรูโน่พูดพลางทำสีหน้าเยาะเย้ย จริงๆก็ไม่ใช่แค่มัน แต่เป็นTiger Blastทั้งทีมที่หัวเราะเหยียดๆ

    “สงสัยสิ้นหวังกับพวกนายมั้งถึงได้หนีไป” บรูโน่พูดแล้วหัวเราะออกมาอีกครั้ง

    แดเนียลคิ้วกระตุก ก้าวเท้าไปยืนประจันหน้ากับกลุ่มนั้น “รู้ได้ยังไงว่าเค้าหนี หรือว่าพวกนายทำอะไร”

    เด็กหนุ่มกำหมัดแน่น แต่อีกฝั่งก็ทำเพียงยักไหล่ราวกับจะบอกว่าไม่มีส่วนรู้เห็น แดเนียลเกือบกระชากเจ้าเด็กหน้ากวนมาเค้นคอถามแล้ว ถ้าโค้ชของฝั่งนั้นไม่เดินออกมาเสียก่อน

    “จะมีเรื่องเหรอเพนกวิน อยากให้เราแจ้งเจ้าหน้าที่มั้ย” มาร์โคเอ่ยพลางแสยะยิ้ม เจออย่างนี้เป็นใครก็เชื่อว่าคนพวกนี้เกี่ยวข้องกับที่เคเลปหายไป

    “มาร์โค…” แดเนียลเรียกชื่ออีกฝ่ายลอดไรฟันแต่ฝั่งนั้นกลับไม่สนใจ มาร์โคเพียงแค่ปรายตากลับมามองเหมือนดูถูกแวบหนึ่งแล้วหันกลับไป

    คงมีแค่โจกับอีวานที่รู้สึกได้ว่า เมื่อกี้มาร์โคส่งยิ้มให้โจอยู่ชัดๆ….
 

ออฟไลน์ meelhek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0

    “โอ๊ยยยยย เหนื่อยโว้ย” เรย์โนลด์ว่าแล้วจอดจักรยานที่หน้าร้านมินิมาร์ทก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปซื้อน้ำมาดื่มดับกระหาย เกือบชั่วโมงแล้วที่พวกแดเนียลโทรมาบอกว่าเคเลปหายตัวไป ช่วยถามวิลให้ที ซึ่งวิลเองก็ไม่รู้เหมือนกัน สองหน่อจึงต้องระดมกำลังกันค้นหา

    แต่คนที่ลงแรงมีแค่เรย์โนลด์คนเดียว เพราะได้รับมอบหมายให้ไปตามสถานที่ที่เคเลปชอบไป ส่วนวิลนั้นนั่งค้นคอมพิวเตอร์ของตนเองหาข้อมูลของอดีตคู่นอนของเคเลปแล้วติดต่อไปทีละคน ซึ่งก็ยังไม่ได้เรื่องได้ราว

    เด็กหนุ่มนั่งลงกับเก้าอี้ยาวหน้ามินิมาร์ทแล้วนวดน่องของตัวเอง สาบานเลยว่ากลับบ้านไปจะขอพ่อแม่ให้ซื้อมอเตอร์ไซค์ มาขี่จักรยานตามหาคนแบบนี้เหนื่อยแทบขาดใจ

    “เรย์โนลด์ มาทำอะไรตรงนี้” เด็กหนุ่มหันไปตามเสียงเรียก พอเห็นว่าเป็นใครจึงค่อยๆเดินไปเกาะกระจกรถยนต์แล้วยื่นหน้าเข้าไปรับแอร์อย่างชื่นใจ

    “เหม็นมากไอ้น้อง เอ้า มาทำอะไรเนี่ย ไม่ไปเชียร์แดนมันเหรอ” เลียมถามอย่างสงสัยเมื่อกำลังจะขับรถไปทำงานแต่กลับเจอเพื่อนสนิทน้องชายนั่งหน้าเมื่อยหน้ามินิมาร์ทที่ตั้งอยู่คนละทิศกับสถานที่แข่ง

    “โค้ชของทีมหายไปว่ะพี่ โค้ชเคเลปอ่ะ นี่พวกเราเลยสงสัยกันว่าทีมTiger Blastที่เป็นศัตรูกันอ่ะทำไรโค้ชเปล่า ผมเลยต้องมาตามหาอยู่เนี่ย”

    “เห… ฮ่าๆๆๆๆๆ” จู่ๆเลียมก็ระเบิดหัวเราะจนตัวงอ ทำเอาเรย์โนลด์มองตามอย่างสงสัยและติดจะหงุดหงิด คนอะไร คนเขากำลังเครียดกลับมาหัวเราะซะได้

    “หัวเราะไรวะพี่”

    “โอ๊ย ไอ้หนูเอ๊ย มาดูๆ” เรย์โนลด์ชะโงกหน้าเข้าไปตามที่บอก ขณะที่เลียมเปิดรูปถ่ายในโทรศัพท์มือถือให้ดู

    “เนี่ย เมื่อคืนพี่เห็นเขาเมาอยู่กับผู้ชายเนี่ย ป่านนี้คงหลับปุ๋ยอยู่ล่ะมั้ง” เลียมพูดอย่างขบขัน หวังจะเห็นเพื่อนสนิทน้องชายกระทืบเท้าปึงปังแล้วบ่นว่าไม่น่าตามหาให้เสียเวลา แต่กลับไม่ใช่แบบนั้น เรย์โนลด์ดึงโทรศัพท์ของเลียมมาซูมรูปแล้วจ้องด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เด็กหนุ่มหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาแล้วต่อสายหาวิลทันที

    “เจอแล้วพี่วิล คุณเคเลปอยู่กับชาร์ล สมิธ!”

    ‘โอเค เดี๋ยวพี่ส่งข้อมูลที่อยู่ไปให้’ วิลพูดแค่นั้นแล้วตัดสาย เรย์โนลด์ไม่รู้หรอกว่าอีกฝ่ายจะหาข้อมูลของชาร์ลยังไง แต่มันไม่สำคัญเท่ากับว่าพวกเขาหาตัวเคเลปเจอแล้ว เรย์โนลด์ติดต่อแดเนียลทันที คุยกันแค่ได้ความว่าโค้ชฮันนาห์ไปดูแลพวกแดเนียลแล้ว และเจอเคเลปแล้วจึงวางสาย ก่อนจะยื่นโทรศัพท์คืนให้เลียมที่งงเป็นไก่ตาแตก

    “เดี๋ยวๆ ทำไมจริงจังกันขนาดนั้น ก็แค่ผู้ชายคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ ว่าทำไมนายรู้จักด้วย แล้ววิลคือใคร”

    “ชาร์ล สมิธ เป็นคนที่มาจีบคุณเคเลปอ่ะพี่ ส่วนพี่วิลเป็นเพื่อนสนิทคุณเคเลปเขา”

    “โอเค แล้วทำไมต้องตกใจด้วย เคเลปจะปลงใจไปกับผู้ชายที่มาจีบแล้วมันแปลกตรงไหน”

    “แปลกตรงที่ไปด้วยกันคืนก่อนแข่งน่ะสิพี่ เห็นอย่างนั้นคุณเคเลปเค้าทุ่มเทมากเลยนะ แล้วอีกอย่าง ที่พี่ถ่ายรูปมาน่ะ บนโต๊ะมีเหล้าที่พร่องไปแค่ไม่ถึงครึ่ง คุณเคเลปไม่น่าคออ่อนขนาดหลับไปเลยแบบนั้นนะ”

    เลียมขมวดคิ้วแล้วลองหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาซูมรูปดูบ้าง เป็นอย่างที่เรย์โนลด์ว่าและเขาไม่ได้สังเกตเลย นึกย้อนกลับไปครั้งที่เคเลปมาบ้าน เคเลปดื่มไปเยอะและยังเดินตัวตรงอยู่ แปลว่าคอแข็งมาก นี่ถ้าไม่ได้เจ้าเด็กฉลาดไม่สมกับหน้าอย่างเรย์โนลด์มาสังเกต เขาคงจะไม่เห็นความผิดปกตินี้แน่ๆ

    “นี่แปลว่า…”

    “เจ้านั่นมันต้องทำอะไรสักอย่างกับคุณเคเลปแน่ อ๊ะ พี่วิลส่งโลเคชั่นมาละ เจอกันพี่เลียม” เจ้าเด็กน้อยวิ่งตื๋อไปควบจักรยานแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว ฝ่ายเลียมจึงค่อยขยับรถของตัวเองบ้าง พลางคิดว่าความสอดรู้สอดเห็นของตนเองนี่ก็เป็นประโยชน์กับเขาเหมือนกัน




 
    เพียงแค่รู้สึกตัวก็รู้สึกเหมือนหัวจะแตกเป็นเสี่ยงๆ เคเลปยกมือสองข้างกุมหัวเพื่อหวังว่ามันจะช่วยบรรเทาอาการแต่ก็ไม่ได้ผลสักเท่าไร ชายหนุ่มพยายามฝืนลืมตาแล้วคว้าหาโทรศัพท์มือถือ ซึ่งก็พบว่ามันถูกปิดเอาไว้ เขาจึงกดเปิดมันซะ และคิดว่าโชคดีที่แบตยังมีอยู่

    เคเลปสบถอย่างหงุดหงิด จำได้ว่าเมื่อคืนก็ไม่ได้ดื่มไปมากมาย แต่ทำไมถึงปวดหัวได้ขนาดนี้ มิหนำซ้ำเตียงที่นอนอยู่รึก็แปลกๆ พอลืมตาขึ้นมาได้เต็มตาจึงค่อยกวาดตามองไปรอบห้อง

    นี่มัน.. ไม่ใช่ห้องของเขา…

    “ตื่นแล้วเหรอ”

    เคเลปหันมองตามน้ำเสียงที่คุ้นเคย ชาร์ลที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะทำงานหันมามองเขาพร้อมรอยยิ้ม ที่เคเลปคิดว่ามันน่าสงสัยที่สุด

    “นาย.. ทำอะไร…”

    “แค่ให้นายกินยานอนหลับเยอะหน่อย จะได้ตื่นไม่ทันไปดูการแข่งไงล่ะ”

    “การแข่ง.. นี่กี่โมง..” เคเลปพูดไปก็กดโทรศัพท์ดูเวลาไป ตัวเลข11ที่เด่นหราขึ้นมาทำให้ตกใจหน้าถอดสี

    “ป่านนี้แข่งกันไปแล้วมั้ง ตัดใจซะเถอะ”

    ชายหนุ่มสบถออกมาไม่เป็นคำ อยากจะเดินไปต่อยคนในห้องแต่ติดที่หัวที่ปวดตึ้บกับร่างกายที่ไม่มีเรี่ยวแรงทำให้ทำแบบนั้นไม่ได้ ในหัวของเขาคิดอยู่อย่างเดียวว่าแล้วที่ชาร์ลทำแบบนี้จะได้ประโยชน์อะไร เพราะรู้สึกได้ว่าร่างกายของเขาไม่ถูกแตะต้องแม้แต่นิด

    “ทำไม…”

    “อ้อ จริงด้วย นายยังไม่รู้นี่นา จริงๆก็คงไม่มีใครรู้หรอกนะ รู้จักคนที่ชื่อมาร์โคใช่มั้ย อืม.. เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องกับฉันเองล่ะ” ชาร์ลว่าแล้วชี้นิ้วเข้าตัวอย่างอารมณ์ดี ผิดกับเคเลปที่เบิกตากว้าง ทั้งตกใจทั้งโกรธที่โดนหลอกมาตลอด

    “แปลว่า.. ที่เข้าหาฉัน..”

    “อันนี้โดนนายใหญ่สั่งมา โค้ชแมตต์น่ะ ขอให้ช่วยเข้าหาแล้วทำให้เด็กของโค้ชฮันนาห์พังไปหน่อย เหมือนคนที่ชื่อลีออนน่ะ อ้อ แล้วฉันอยู่นิติใช่ม้า ก็เลยรู้เรื่องทุนดีเลยล่ะว่าเค้าเอามาโปะของฉันเพิ่มทำให้ของพวกนายโดนตัด” ชาร์ลหัวเราะออกมาเบาๆหลังจากพูดจบ

    จนตอนนี้เคเลปก็ได้รู้แล้วว่าที่ศัตรูของโค้ชฮันนาห์โผล่มาพูดเรื่องทุนของมหาวิทยาลัยได้ ใครเป็นคนไปบอก ไม่อยากจะเชื่อว่าคนเรียนที่เดียวกันจะทำกันได้ขนาดนี้ ก็ว่าอยู่ว่าชาร์ลช่างตื๊อและมีวิธีจีบที่แปลก แต่ไม่คิดว่าเบื้องหลังจะเป็นแบบนี้

    “เจ็บใจเหรอ” ชาร์ลพูดพลางมองเคเลปที่กำหมัดแน่น “มีเรื่องน่าเจ็บใจกว่านี้อีก นี่ รู้อะไรมั้ย เมื่อไม่นานมานี้พี่มาร์โคเค้าไปคุยกับเด็กที่ชื่อโจของทีมนาย เรื่องทุน…”

    เคเลปแทบจะกลั้นหายใจ อย่าบอกนะว่าที่โจขอเสนอเป็นนักร้องนำก็เพราะ…

    “เด็กนั่นตกลงด้วยล่ะ”

    “ไม่จริง..” เคเลปอยากจะตะโกนให้สุดเสียงแต่ก็มีแรงทำได้แค่เปล่งเสียงเบาๆออกไป ชายหนุ่มจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเด็กสักคนแต่ชาร์ลก็มายึดไว้ ซ้ำยังผลักเคเลปให้จมลงไปกับเตียง

    “นอนอยู่เฉยๆจนกว่าจะแข่งเสร็จแล้วกันนะ” ประตูถูกปิดลงหลังจากสิ้นเสียงคนพูด เคเลปพยายามฝืนจากความปวดหัวแล้วประคองตัวเองไปที่ประตูทว่ามันถูกล็อกจากด้านนอกเสียแล้ว

    “ไม่นะ…”
 




    ‘เฮ้ย อะไรวะ!’ เสียงของชาร์ลดังขึ้นหลังจากออกจากห้องไปไม่นาน ฟังแล้วคงจะมาจากด้านล่าง เคเลปได้ยินเสียงตึงตังทำให้เดาว่าน่าจะมีใครบางคนกำลังมา

    เคเลปยันตัวเองออกจากประตูพร้อมๆกับที่มีเสียงฝีเท้าขึ้นมาข้างบน ประตูห้องนอนถูกเปิดผาง ปรากฏวิลและเรย์โนลด์อยู่ตรงหน้า

    “ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย” วิลถามขณะที่เรย์โนลด์ถลาเข้ามาประคองเคเลปให้ลุกขึ้น แต่เพราะส่วนสูงที่ต่างกันมากทำให้ทุลักทุเลจนวิลต้องเข้ามาช่วยอีกแรง

    “ไม่เป็นไร.. รีบไปหาพวกเด็กๆกันเถอะ” เคเลปพูดด้วยสีหน้าร้อนรน จนคนที่คอยประคองต้องบอกให้ใจเย็น

    “เดี๋ยวผมโทรบอกพวกนั้นให้ว่าเจอแล้ว คุณเคเลปพักเถอะครับ” หลังจากเรย์โนลด์พูดจบ วิลเองก็พยักหน้าตามเช่นกัน สภาพเคเลปในตอนนี้ควรจะได้นอนต่อเสียมากกว่า

    “ไม่ได้นะ.. โจน่ะ..” เคเลปเอื้อนเอ่ยออกมาอย่างยากลำบาก เพราะยังเพลียอยู่ก็ใช่ แต่ประเด็นสำคัญคือไม่อยากเชื่อเสียมากกว่า

    “ชาร์ลบอกว่า.. โจจะรับทุนของเซนต์เมลลี”

    “หา!” ทั้งสองคนโพล่งออกาอย่างตกใจ โดยเฉพาะเรย์โนลด์ที่ไม่อยากจะเชื่อว่าเพื่อนที่บ้าๆบอๆแต่จริงใจคนนั้นจะยอมรับข้อเสนอของฝ่ายตรงข้าม

    “รีบโทรบอกโค้ชฮันนาห์เร็ว” วิลออกคำสั่ง ทำให้เรย์โนลด์ที่ยังอยู่ในอาการช็อกรีบละล่ำละลั่กควานหาโทรศัพท์และกดโทรออกมือสั่น

    ‘เป็นไงบ้างเรย์โนลด์’ โค้ชฮันนาห์ถามทันทีที่รับสาย น้ำเสียงฟังดูร้อนรน แต่ยังน้อยกว่าคนทางนี้หลายเท่านี้

    “เจอตัวคุณเคเลปแล้วครับ เขาปลอดภัยดี” เรยโนลด์ได้ยินเสียงโค้ชฮันนาห์บอกว่าโล่งอกและกำลังขอบคุณพระเจ้า เขาไม่อยากขัดความดีใจของหญิงสาว แต่มีความจริงที่จำเป็นต้องพูด

    “โค้ชครับ ผมมีเหตุผลบางอย่างที่ต้องบอกเรื่องนี้ แต่คุณช่วยอย่าเพิ่งให้ทีมขึ้นแสดงจะได้มั้ยครับ”

    “มีอะไรเหรอ? แต่ไม่ทันแล้วล่ะ ทีมขึ้นเวที กำลังจะแสดงแล้ว”

___________________________________________________________________________________________

สวัสดีค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ!
อัพห่างออกไปเรื่อยๆ ขอโทษค่า ธีสีสก็ต้องปั่น นิยายก็อยากแต่ง แต่ธีสิสต้องมาก่อนสิเนอะT^T
ในที่สุดตอนนี้ก็ได้มีโอกาสห้เพลงนี้สักที แถ่นแท้น Writing's on the Wall - Sam Smith นั่นเอง ชอบที่สุดเลยค่ะการแสดงเพลงนี้ แต่ไม่รู้ว่าพวกเด็กๆจะทำได้ดีรึเปล่านะ 5555
อ้อ ตอนหน้าจบละนะคะ^^

ออฟไลน์ kaokorn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 903
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
แต่งได้ดีมากเลย สนุกมว้ากกกก เสียดายอ่ะจะจบแล้ว  :mew6:

ออฟไลน์ kaokorn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 903
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
รออยู่นะฮะ

ออฟไลน์ meelhek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
CH13

    กว่าที่โค้ชฮันนาห์จะมาถึงทีมที่สองก็เริ่มการแสดงไปแล้ว ทีมPenguin Pitchขึ้นเป็นทีมที่สาม ที่จะต้องแสดงในอีกห้านาทีข้างหน้า แต่ไม่มีใครรวบรวมสมาธิได้เลย โดยเฉพาะแดเนียลที่นั่งกัดเล็บจนสภาพออกมาไม่สู้ดี

    “แดเนียลหยุดได้แล้ว” โค้ชสาวกระชากมือที่นิ้วโป้งถูกกัดจนเล็บไม่เป็นรูปออกจากปากเด็กชายที่วิตกกังวลจนหน้าซีด แดเนียลชอบเคเลปมากเธอรู้ แต่ไม่อยากให้คิดกันในแง่ร้ายแบบนี้

    “ฟังนะทุกคน” ฮันนาห์ว่าพลางดึงเด็กๆให้มารวมตัวกัน “นี่เป็นรอบสุดท้ายแล้ว อย่าลืมสิเป้าหมายของพวกเธอคืออะไร ถ้าเธอพลาดครั้งนี้ สิ่งที่พวกเธอพยายามสร้างมามันจะพังทลายลงทั้งหมดเลยนะ ส่วนเรื่องเคเลป พวกเธอไม่เชื่อใจวิลกับเรย์โนลด์รึไง”

    “ก็เชื่อ.. ค่ะ” แคลร์พูดเสียงแผ่ว เธอไม่ได้สนิทอะไรกับวิลแต่ก็รู้ว่าเป็นคนเก่ง บวกกับเรย์โนลด์ที่เป็นคนฉลาดระดับท็อปของรุ่น ยังไงก็คงหาทางช่วยโค้ชของพวกเธอกลับมาได้แน่ แต่การที่ไม่ได้ยินข่าวคราวก็ยังน่าหวั่นใจอยู่ดี
 
    “ถ้าเชื่อ ก็ต้องทำให้เต็มที่เผื่อเคเลปด้วย หมอนั่นคงดีใจหรอกที่ทุกคนนั่งซึมกันแบบนี้”
ยังไม่ทันที่กำลังใจจะกลับคืนมา เด็กๆก็ถูกเรียกให้ขึ้นไปยังเวทีเสียแล้ว ทั้งห้าคนต่างตัวสั่นอย่างไม่มั่นใจ ซึ่งตอนนี้โค้ชฮันนาห์ก็ทำได้แค่ตบบ่าให้กำลังใจ และคาดหวังว่าพวกเขาจะเจิดจรัสบนเวทีได้

    “เอ่อ.. โค้ชฮันนาห์ครับ” เสียงเล็กๆเรียกเธอให้หันไปมอง เป็นอีวานเด็กน้อยที่ยืนตัวสั่น เธอจึงดึงเด็กหนุ่มมากอดให้กำลังใจ

    “ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องกังวลเลย เคเลปไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว”

    “เปล่าครับ ไม่ใช่เรื่องนั้น” อีวานผลักโค้ชสาวออกเบาๆ แววตาสั่นระริก “คือว่า…”

    “ทำอะไรอยู่น่ะอีวาน มาได้แล้ว” เสาหลักสาวของวงรีบเดินกลับมาดึงรุ่นน้องที่ยังโอ้เอ้ อีวานจึงไม่มีโอกาสเอ่ยอะไรไปมากกว่านั้น เพราะเพียงแวบเดียวก็ถูกดึงให้มายืนใต้แสงสปอตไลต์แล้ว

    เด็กน้อยเหลือบมองโจที่ยืนหน้านิ่ง ภาวนาไม่ให้มีเรื่องร้ายเกิดขึ้น…

    หลังจากที่เด็กๆเดินขึ้นเวทีไปไม่ถึงนาที โทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงของโค้ชฮันนาห์ก็สั่นขึ้น เธอรีบหยิบมันขึ้นมาทันที และแทบกรีดร้องออกมาเมื่อคนที่โทรเข้ามาคือคนที่เธอรอคอย ในที่สุดก็ได้รับรู้ข่าวว่าเคเลปปลอดภัยดี แต่สิ่งที่พวกเด็กๆขอให้เธอทำนั้น… หรือว่าบนเวทีนั่นจะมีอะไรเกิดขึ้นกันนะ?





    “เรย์โนลด์ ขี่มอเตอร์ไซด์เป็นใช่มั้ย?”

    เด็กหนุ่มพยักหน้ารับ แต่ก็ยังงงๆว่าวิลจะถามทำไมกัน จนกระทั่งคนตัวโตโยนกุญแจรถให้ก็ยังงงอยู่ดี

    “ขับพาเคเลปไป ฉันจะเรียกตำรวจมาจัดการไอ้คนที่นอนอยู่ในบ้านนี้”

    “หา เรียกตำรวจเลยเหรอ!” เรย์โนลด์ถามอย่างตกใจ เขารู้ว่าเรื่องครั้งนี้มันร้ายแรงแต่ไม่คิดว่าจะถึงขั้นนั้น ถ้าตำรวจรู้เรื่อง อนาคตของชาร์ลอาจไม่เหลือ…

    “จะเห็นใจคนที่ทำแบบนี้เหรอ ไปได้แล้ว เดี๋ยวไม่ทันการพอดี” พอโดนเร่งมาอย่างนั้นเรย์โนลด์ก็ทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่พยุงเคเลปให้ขึ้นมอเตอร์ไซด์ก่อนที่ตัวเองจะขึ้นไปเป็นคนขับ เขากระชับแขนเคเลปไว้ที่เอวอย่างดีเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายตก

    “ไปแล้วนะครับ” เรย์โนลด์บอกลาวิลแล้วบึ่งรถออกมาทันที เคเลปที่ไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงซบลงกับหลังเด็กหนุ่มคล้าย ดวงตาใกล้ปิดลงเต็มทีเพราะแสบตากับแรงลมเนื่องจากวิลไม่ได้พกหมวกกันน็อกมาเผื่อคนซ้อน พอหลับตาลงก็คล้ายสติจะหลุดลอย มีเพียงคำพูดเบาๆที่เอ่ยออกมาด้วยความเป็นห่วงเด็กๆจับใจ

    “ทุกคน…”
    “แดเนียล…”





    โค้ชฮันนาห์ยืนมองเด็กๆบนเวทีอย่างหวั่นใจ เธอสังหรณ์ใจไม่ดีเลยเมื่อพวกเด็กๆพูดกันแบบนั้น เธอมองเด็กๆในชุดสูทที่ก้มหน้านิ่งรอการเริ่มต้นจากอีวาน ที่เธอรู้สึกว่าเด็กน้อยดูเป็นกังวลอย่างไรชอบกล ถึงได้ไม่ยอมขึ้นต้นสักที

    “อีวาน” แคลร์ที่ยืนอยู่ข้างๆดึงไมค์ออกห่างจากปากแล้วพูดเสียงเบาๆให้พอแค่อีวานได้ยิน เด็กน้อยมองหน้าพี่สาวอย่างชั่งใจ เขารู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นจึงไม่อยากร้องออกไป

    คนดูในงานเริ่มสงสัย พอๆกับโค้ชฮันนาห์ที่เริ่มกระสับกระส่าย เธอจ้องไปที่อีวาน ส่งสายตากดดันให้เด็กหนุ่มร้องออกมา เพราะหากไม่ทำอะไรตอนนี้ ทางงานอาจจะตัดสินใจตัดสิทธิ์ของทีมได้

    อีวานกลืนน้ำลาย เขามองไปที่โจที่ก็ส่งสายตามาว่าให้รีบๆร้องเสียที เด็กหนุ่มยกไมค์ขึ้นจรดปาก ก่อนจะเริ่มให้จังหวะอย่างไม่ผิดเพี้ยน

    พี่ๆทั้งสี่คนต่างลอบถอนหายใจ แดเนียลที่ต้องร้องคนแรกมองตรงไปข้างหน้า พยายามข่มความเป็นห่วงโค้ชของทีมและตั้งใจทำโชว์ให้ดี ใช่แล้ว เขาต้องเชื่อใจวิลและเรย์โนลด์ และทำสิ่งที่เคเลปจะดีใจมากที่สุด

    “I’ve been here before
    But always hit the floor…”

    ช่วงของแดเนียลก็ดีเป็นปกติอยู่หรอก ถึงแม้จะกังวลแต่ก็กลบมันมิดมากจนอดที่จะชื่นชมไม่ได้ ห่วงแต่ท่อนต่อไปที่เป็นของโจ อีวานให้จังหวะไปกังวลไป ถึงแม้ตอนนี้ที่โจทำคอรัสให้อยู่จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ในท่อนโซโล่… อาจจะทำให้พังก็เป็นได้
แต่มันกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย…

    อีวานตกใจจนลมหายใจเกือบสะดุดไปแล้วหลายครั้ง เริ่มหวั่นว่าตัวเองนี่แหละจะเป็นคนทำให้โชว์ล่มเสียเองหรือเปล่า พอมองไปที่โจ อีกฝ่ายก็ดูจะอินกับเพลงและทุ่มเทดี นี่มันยังไงกันนะ?





    “ฉันจะออกไปเดี๋ยวนี้” โค้ชฮันนาห์ว่าแล้ววางสายโทรศัพท์ เรย์โนลด์เพิ่งโทรเข้ามาบอกว่ามาถึงแล้ว ไม่รู้เหยียบไปเท่าไรถึงได้มาเร็วขนาดนี้ ถึงเด็กหนุ่มจะบอกว่าจากบ้านชาร์ลมันใกล้ แต่คนโตกว่าก็หวั่นใจอยู่ดีว่าหลังจากนี้จะได้รับใบสั่งอะไรให้เดือดร้อนหรือเปล่า

    “เป็นไงบ้าง” หญิงสาวเห็นเคเลปยืนโดยมีเรย์โนลด์พยุงอยู่ก็แทบลมจับ เทพบุตรของชมรมที่มักดูดีเสมอครั้งนี้กลับเสื้อผ้าหลุดลุ่ยผมเผ้ายุ่งเหยิงแถมหน้ายังโทรมสุดๆ เรียกได้ว่าถ้าแฟนคลับของหมอนี่มาเห็นคงใจสลายกันหมด

    “เกิดอะไรขึ้นเนี่ย เคเลป ทำไม…”

    “ยานอนหลับ ไอ้บ้าชาร์ลมันมอมผมจนมึน”

    “ไปโรงพยาบาลก่อนดีมั้ย” โค้ชสาวถามด้วยความเป็นห่วง แต่เคเลปกลับเอาแต่ส่ายหน้า แถมเพราะส่ายหน้าจนปวดหัวจนต้องกุมหัวอีกต่างหาก

    “ผมไม่เป็นไร พวกเด็กๆเป็นไงบ้าง”

    “กำลังแสดงอยู่ นี่.. มันมีอะไรงั้นเหรอ ทำไมพวกเธอต้องบอกให้ฉันรั้งพวกเขาไว้ด้วย” โค้ชฮันนาห์ถามอย่างไม่เข้าใจ แต่เคเลปไม่ตอบในทันที กลับพยายามลากตัวเองและเรย์โนลด์ให้เดินหน้า รวมถึงดึงโค้ชฮันนาห์ให้ตามมาด้วยกันอีกด้วย เขาดูร้อนรนจนหญิงสาวต้องช่วยหิ้วปีกอีกข้าง

    “ไอ้ชาร์ลบอกว่า.. โจจะรับทุนของเซนต์เมลลี..”

    “หา!” หญิงสาวหยุดเดินกะทันหัน อ้าปากค้าง เธอมองหน้าเคเลปทีและมองเรย์โนลด์ที่พยักหน้าซ้ำที นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!

    “รีบเถอะครับ…”





    พวกเขามาที่หลังเวทีกันอย่างร้อนรน เดินผ่านกลุ่มTiger Blastที่ดูจะมีสีหน้าตกใจ เรย์โนลด์หันไปมองพวกนั้นแวบนึงซึ่งทั้งกลุ่มต่างก็มองเมินไปอีกทาง ทั้งๆที่ปกติจะต้องพูดจาแย่ๆหาเรื่องกันแท้ๆ แต่ที่ไม่ทำแบบนั้นคงเพราะกำลังตกใจที่เคเลปมาที่นี่กันอย่างนั้นสินะ

    “พวกนั้นดูจะตกใจกันนะครับ” เรย์โนลด์กระซิบที่ข้างหูของเคเลป ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้า จากที่มองโลกในแง่ดีนิดหน่อยว่าพวกนั้นก็อาจจะแค่ใช้ชื่อโจหลอกเขา แต่ตอนนี้กลับคิดว่ามันต้องเป็นจริงแน่ๆ

    “แสดงถึงไหนกันแล้ว…”

    “กำลังจะถึงท่อนบริดจ์” โค้ชฮันนาห์ตอบเคเลปขณะที่กำลังจะเดินไปหยุดดูที่ข้างเวที เคเลปเดินไปหยุดด้วยความกังวล แดเนียลกำลังจะร้อง ต่อด้วยโจ…

    “If I risk it all
    Could you break my fall?”

    เคเลปที่ประสานมือไว้ที่หน้าอกคลายมือออกเมื่อแดเนียลร้องท่อนสำคัญผ่านไปด้วยดี เด็กชายกำลังจะหันหลัง หมุนให้โจออกมายืนเบื้องหน้าแทน ตอนนั้นเองที่สายตาของสองคนประสานกัน

    แดเนียลตาเบิกกว้างเมื่อเห็นเคเลปยืนอยู่ตรงนั้น เด็กหนุ่มเกือบยิ้มออกมากว้างแต่ก็หุบไว้ทันเมื่อเจอสายตาดุๆของโค้ชฮันนาห์ เคเลปเองก็เกือบเผลอหลุดยิ้มออกมาเหมือนกัน มันเป็นความรู้สึกที่สบายใจและรู้สึกดี ที่เห็นแววตาของแดเนียลเป็นห่วงเขาถึงขนาดนั้น

    แต่ตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาที่จะสนใจแดเนียล เพราะปัญหากำลังจะเกิดขึ้นแล้ว โจกำลังร้องท่อนถัดไปอย่างจริงจังและไม่ผิดเพี้ยน แต่มันก็ยังวางใจไม่ได้ เพราะโจอาจจะตั้งใจทำให้ผิดพลาดในคำสุดท้ายเลยก็ได้

    เคเลปกวาดตามองไปทั่วเวที อลันกับแคลร์อยู่ไกลหน่อยเลยมองเห็นไม่ชัดนัก แต่เขาเห็นอีวานกำลังมองมา เด็กนั่นไม่ได้มีความดีใจที่เขาโผล่มาเลยสักนิด กลับกัน เด็กน้อยกลับมีสีหน้าตื่นตระหนก เห็นได้ชัดเลยว่าแววตากำลังหวาดหวั่น ถึงแม้ปากจะขยับให้จังหวะแต่กลับกังวลอย่างเห็นได้ชัด

    เขานึกถึงตอนที่อีวานที่เดินมาหาแล้วพูดเสียงกระซิบราวกับมีอะไรในใจ จากนั้นก็โดนโจลากคอออกไป แปลว่าเด็กคนนั้นรู้อยู่แล้วสินะว่าต้องเป็นแบบนี้! เคเลปกัดฟันกรอด โมโหตัวเองที่มองอะไรไม่ออก จนปล่อยให้มาถึงวันนี้

    “For you I have to risk it all
    Cause the writing’s on the wall”

    สามคนที่ยืนอยู่ข้างเวทีหลับตาปี๋ด้วยความลุ้น แต่ท่อนร้องไฮไลต์ท่อนนั้นกลับจบลงอย่างงดงามเสียอย่างนั้น น่าตกใจถึงขนาดที่ว่าอีวานเผลอหยุดทำการแสดงไปสองวินาที และไม่ใช่แค่พวกเคเลปหรอกที่ตกใจ เพราะว่าพวกTiger Balstเองก็ดูท่าจะตกใจไม่แพ้กัน

    “เฮ้ย ทำไมวะ”

    “นี่มันบ้าอะไรเนี่ย”

    เสียงซุบซิบแบบตื่นๆของหลายคนตรงนั้นทำให้เรย์โนลด์รีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอัดวิดิโอ เขาไม่รู้หรอกว่ามันจะเอาไปใช้อะไรได้รึเปล่า แต่มีไว้กันเหนียวก็ดีกว่า

    การแสดงจบลงหลังจากนั้นไม่นาน เสียงปรบมือดังกึกก้องพร้อมๆกับเด็กทั้งห้าคนที่ฉีกยิ้มกว้าง โค้งให้ผู้ชมอย่างยินดี ก่อนจะพากันลงมาจากเวที

    “อ๊ะ คุณเคเลป” อลันทักขึ้นอย่างดีใจ จะเดินเข้าไปหาแล้วแต่ก็ไม่ไวเท่าแดเนียลที่จ้ำเข้ามาคว้าชายหนุ่มเข้าไปกอดเสียอย่างนั้น

    “ผมเป็นห่วงคุณมากเลยรู้มั้ย” ว่าแล้วก็ซบหน้าลงกับลาดไหล่พร้อมกระชับอ้อมกอดให้แน่นกว่าเดิม หัวใจเคเลปกระตุก มันเริ่มเต้นดังโครมครามหลังจากอีกฝ่ายสวมกอด ชายหนุ่มยกมือขึ้นกอดตอบ

    “ขอบคุณนะ ฉันไม่เป็นไรแล้ว” เคเลปดันตัวอีกฝ่ายออกห่างแล้วก้มหน้า รู้ตัวว่าถ้ามองหน้าจะมีสีหน้าแบบไหนออกมา ถึงได้เฉไฉเดินไปกอดคนอื่นๆเสียอย่างนั้น
   
    “เกิดอะไรขึ้นครับเนี่ย จู่ๆก็หายไปแบบนั้น”

    “เป็นเพราะคนแถวนี้รึเปล่าคะ” อลันถามด้วยสีหน้าเป็นห่วงก่อนที่แคลร์จะถามซ้ำพลางปรายตาไปยังทีมTiger Blastที่เริ่มอยู่ไม่สุข

    “กลับห้องพักกันก่อนเถอะ เดี๋ยวเล่าให้ฟัง” เคเลปจะดันตัวแคลร์ที่โอบเมื่อครู่ให้เดินหน้า แต่จู่ๆโจที่กำลังหอบแฮ่กกลับมายืนขวางทางอย่างน่าแปลกใจ จะว่าไป เมื่อกี้พอลงเวทีมาโจก็หายไปเลย ถึงจะแค่แป๊บเดียวแต่ก็น่าสงสัย

    “มีอะไร ไปคุยกันข้างในมั้ย ฉันรู้เรื่องหมดแล้วนะ”

    เคเลปว่าพลางพยายามถลึงตา เขารู้มาว่าโจจะทรยศก็จริงแต่ครั้งนี้ก็ไม่ได้ทำให้โชว์เสีย ความรู้สึกจึงค่อนข้างครึ่งๆกลางๆจนไม่สามารถทำตาดุเชิงข่มขู่ได้ดั่งใจ

    “ผมก็ว่างั้นแหละ เพราะงั้นถึงให้รออยู่ตรงนี้กันก่อนไง”

    โค้ชหนุ่มหรี่ตาอย่างจับผิด ก่อนจะยอมพยักหน้า เชื่อเด็กนี่สักครั้ง แม้ว่าเรย์โนลด์กับอีวานจะคอยกระตุกเสื้ออยู่ด้านหลังว่าทำแบบนี้ดีแล้วแน่เหรอ แต่เคเลปก็ยังยืนอยู่กับที่ไม่เปลี่ยน สร้างความงงงวยให้กับคนที่ไม่เข้าใจสถานการณ์อย่างแดเนียล อลัน และแคลร์เป็นอย่างยิ่ง

    “มีเรื่องอะไรกันน่ะ” แคลร์ถามเมื่อรู้สึกไม่สบายใจ ทั้งๆที่เมื่อครู่ยังยินดีร่วมกันอยู่แท้ๆ แต่ทำไมเคเลปถึงทำกับโจเหมือนเป็นศัตรู คนอื่นๆก็ด้วย เธอหันหน้ามองแดเนียลที่ส่ายหน้าอย่างไม่รู้เรื่องเช่นกัน
 
    เสียงประกาศเรียกทีมTiger Blastขึ้นแสดงเรียกความสนใจจากทุกคนได้เป็นอย่างดี ทีมเพนกวินทุกคนต่างหันขวับไปมองกลุ่มคนที่กำลังเดินผ่าน และดูเหมือนทุกคนจะรู้สึกตัว ว่าสายตาพวกนั้นมันมองมาที่โจอย่างอาฆาต แต่คนถูกจ้องกลับเพียงแค่ยิ้มกลับไปเท่านั้น

    “อะไรกันน่ะ ทำไมพวกนั้นต้องมองนายด้วย” อลันถามขึ้นมา ซึ่งโจก็ทำแค่ยักไหล่

    “เดี๋ยวก็รู้” โจว่าแล้วเสมองทีมTiger Blastที่ยืนประจำตำแหน่งกันเรียบร้อยแล้ว ทว่าก่อนที่จะได้เริ่มร้อง กลับมีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบร้อนเดินขึ้นเวที สร้างความงงงวยและความตกตะลึงแก่ทีมบนเวที รวมถึงกลุ่มเพนกวินที่อยู่ด้านล่างด้วย

    “ต้องขออภัยแขกผู้มีเกียรติทุกท่านนะคะ แต่ทางเราต้องขอระงับการแสดงของทีมTiger Blastก่อนนะครับ เนื่องจากตรวจพบการทุจริตของทีม สมาชิกทุกคน โปรดตามผมลงไปด้วยครับ”

    สมาชิกทีมเริ่มอยู่ไม่สุข ยึกยักไม่กล้าลงจากเวทีจนผิดสังเกต เจ้าหน้าที่อีกสองสามคนจึงต้องขึ้นมาช่วยมาต้อนไป หลังจากเจ้าหน้าที่คนแรกกล่าวขอโทษแขกในฮอลล์เสร็จก็เดินมาหากลุ่มเพนกวินที่ยังงงอยู่ และหยุดที่โจ

    “เธอตามมาด้วยนะ เพื่อนๆเธอด้วย”

    “คร้าบ”

    ถึงจะยังงงๆแต่ทุกคนก็ยอมเดินตามเจ้าหน้าที่ไปยังห้องๆหนึ่งในฮอลล์ที่มีคอมพิวเตอร์กับจอโปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่ ทีมTiger Blastถูกบอกให้นั่งด้านหน้า ขณะที่โจถูกเรียกให้ไปยืนข้างเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่นั่งอยู่ที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ด้านหน้า ส่วนทีมเพนกวินที่เหลือถูกบอกให้นั่งด้านหลัง

    “นี่มันอะไรกันเนี่ย…” แดเนียลเอ่ยขึ้นอย่างงงวย รวมถึงทุกคนที่ต่างก็แสดงปฏิกิริยาเดียวกัน ในขณะที่โจยิ้มออกมาน้อยๆขณะยืนเคียงข้างเจ้าหน้าที่ที่ตรงคอมพิวเตอร์ เจ้าหน้าที่หนุ่มจ้องมองไปเบื้องหน้าก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ

    “เราได้รับแจ้งมาว่าทางทีมTiger Blastทำการทุจริตในการแข่งขันนี้ โดยการเสนอให้คนของทีมPenguin Pitchกระทำการหักหลังเพื่อนร่วมทีม”

    “เดี๋ยวนะ เดี๋ยวๆ” เจ้าหน้าตกกระบรูโน่เอ่ยขึ้นเมื่อได้ยินข้อกล่าวหา “ใครจะหักหลังอะไรมันก็เรื่องของทีมนั้น จะมากล่าวหาพวกผมไม่ได้ ที่สำคัญหมอนั่นยังไม่ได้ทำอะไรด้วย”

    ด้วยความใจร้อนทำให้เผลอพลั้งปากและชี้หน้า‘หมอนั่น’ที่ว่าไป มาร์โคกัดริมฝีปากอย่างเจ็บใจที่เอ่ยห้ามเด็กในทีมของตนไม่ทัน สมาชิกคนอื่นเองก็รู้ตัวถึงสิ่งที่บรูโน่พูดแล้ว

    “คุณเจ้าหน้าที่ยังไม่ทันบอกเลยว่าเป็นโจที่จะหักหลังพวกเรา” เรย์โนลด์เอ่ยขึ้นและนั่นทำให้บรูโน่หน้าซีด ทันใดนั้น โจยิ่งซ้ำไปด้วยการเปิดคลิปเสียงที่ตนอัดไว้ยามคุยกับมาร์โคให้ดังออกลำโพง แม้ยังไม่ได้มีการตรวจสอบ แต่แค่ฟังก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าโจกำลังคุยกับใคร

    อีวานเอ่ยเบาว่าเป็นแบบนี้เองงั้นหรือ ให้พี่ๆในทีมต่างรุมล้อมถามว่ารู้ได้ยังไง ตั้งแต่เมื่อไร แต่อีวานก็จนใจจะตอบคำถาม เพราะเขารู้แค่ว่าโจตกลงจะรับทุนทางนั้น ไม่ได้รู้เรื่องที่โจทำในวันนี้ เพราะงั้นเด็กน้อยจึงได้หันหน้าไปทางโจ ให้รุ่นพี่ที่ยืนจ้องทีมTiger Blastด้วยแววตาสะใจอธิบายแทน

    “ตามที่ทุกคนได้ยินนั่นล่ะครับ คุณมาร์โค โค้ชของทีมTiger Blastเข้าหาผมโดยใช้ทุนมาล่อให้ผมทำทีมแพ้ อย่างนี้แล้วมันไม่ใช่เรื่องของผมที่คิดจะหักหลังทีม แต่เป็นทีมนั้นสั่งมา อย่างนี้นับว่ามีความผิดได้ใช่มั้ยครับ?” โจถามเจ้าหน้าที่ที่พยักหน้า แล้วจึงกล่าวต่อ “น่าเสียดายที่ผมไม่คิดหักหลังทีมผม แล้วก็ไม่ต้องการทุนของคุณด้วย”

    มาร์โคที่นั่งฟังกัดฟันกรอด สมาชิกในทีมคนอื่นเริ่มลุกลี้ลุกลน ความกลัวความผิดเริ่มครอบงำในสมองโดยที่ไม่รู้จะแก้ต่างยังไง ทั้งยังนึกไปถึงบทลงโทษที่ทีมอาจจะได้รับด้วย

    “แล้วยังเรื่องมอมยาโค้ชของPenguin Pitch...” เสียงทุ้มจากทางประตูเอ่ยขึ้นทำให้ทุกคนหันไปมอง เป็นวิลที่เดินเข้ามาพร้อมกับตำรวจสามนาย “ชาร์ล สมิธ รับสารภาพหมดแล้ว”

    เสียงอื้ออึงของเด็กในทีมดังขึ้นจนมาร์โคแทบประสาทกิน เขาจะกดมือถือหาแมตต์ ผู้เป็นนาย แต่โค้ชฮันนาห์ที่ไปยืนอยู่ข้างๆตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ได้ยั้งมือนั้นไว้

    “จะโทรหาแมตต์เหรอ ให้เขาได้ข่าวจากตำรวจดีกว่า”

    เจ้าหน้าที่ที่เงียบมานานแล้วสบโอกาสจึงได้พูดขึ้น “จากตอนนี้ทีมTiger Blastคงได้รับทราบความผิดของตัวเองแล้ว ทางเราจะขอประกาศบทลงโทษโดยการตัดสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งทั้งหมดสามปีรวมปีนี้ ส่วนเรื่องที่เป็นคดีความนอกเหนือจากนี้ ทางกองประกวดจะไม่ขอยุ่งเกี่ยว”

    สิ้นคำนั้นๆ เด็กทุกคนของTiger Blastต่างจำยอมก้มหน้า มีเสียงสบถลอยมาเป็นระยะแต่ก็ยอมเดินออกจากฮอลล์ตามที่เจ้าหน้าที่คนอื่นนำทาง ส่วนมาร์โคถูกตำรวจพาตัวไปในฐานะผู้เกี่ยวข้อง ซ้ำจะยังติดต่อแมตต์ผู้ซึ่งเป็นคนต้นคิดในภายหลัง ทำเอาโค้ชฮันนาห์ยิ้มร่าเมื่อเสี้ยนหนามของการแข่งถูกกำจัดโดยใสสะอาด แม้จะสงสารเด็กอยู่บ้าง แต่สิ่งที่ทั้งแมตต์ทั้งมาร์โคเคยทำไว้มันสมควรได้รับผลตอบแทนเช่นนี้จริงๆ

    “ไชโย!” จู่ๆร่างอ้วนๆของอลันที่นั่งเงียบมาตลอดก็ยกมือขึ้นกู่ร้องท่ามกลางความตกใจของทุกคน แต่เพียงพริบตามันก็กลายมาเป็นเสียงหัวเราะด้วยความยินดี

    “ทางเราขอเชิญตัวคุณเคเลปด้วยนะครับ” นายตำรวจนายหนึ่งเดินเข้ามาหาเคเลปพร้อมกับวิลขณะที่ทุกคนกำลังเฮฮา เคเลปพยักหน้ารับ รู้ตัวว่าตัวเองเป็นหนึ่งในพยานเนื่องจากเป็นผู้ถูกกระทำ จึงคิดจะเดินตามนายตำรวจหนุ่มผู้นั้นไป แต่กลับมีแรงบรบที่แขนมายั้งไว้เสียก่อน

    “คุณเคเลป.. ผม..” แดเนียลเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เขาเป็นห่วงเคเลปมากที่สุดและยังไม่มีโอกาสได้แสดงความจริงใจนั้นเลย แต่เคเลปก็ทำแค่แตะแขนเบาๆแล้วบอกว่าเดี๋ยวเจอกันเท่านั้น ทิ้งให้แดเนียลยังจมจ่อมกับความรู้สึกภายในใจ

    “ว่าแต่… ที่ว่าไม่รับทุนของที่นั่นแล้วนายจะเข้าเรียนอะไรน่ะ” แคลร์ที่เพิ่งนึกขึ้นมาได้ถามโจอย่างสงสัย พวกเธอสามคนถูกส่งชื่อในโควตาทุนของมิดเดิลตันไปแล้ว แล้วโจที่ไม่ได้รับทุนนั้น รวมถึงทุนของเซนต์เมลลีจะมีอนาคตอย่างไร

    “อ่า.. ถึงเวลาต้องบอกจนได้สินะ.. คือ” โจนิ่งเงียบไปอย่างรู้สึกอึดอัด ก่อนจะถอนหายใจแล้วตัดสินใจพูดออกมา “ครอบครัวฉันต้องย้ายกลับไปอยู่จีนน่ะ ไม่ยอมให้ฉันอยู่ที่นี่คนเดียว เพราะงั้นก็เลยจะต้องไปเรียนที่นั่น.. น่ะ…”

    ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบหลังพูดจบ ไม่มีใครรู้มาก่อน ไม่มีใครคาดคิดว่าเพื่อนคนนี้จะต้องจากกับทุกคนไป โดยเฉพาะแคลร์ที่นิ่งอึ้งไปก่อนจะตรงเข้ากระชากไหล่ทั้งสองข้างของคนตรงหน้า

    “แล้วทำไมไม่เคยบอกฉัน!” เธอตะคอกแต่น้ำเสียงกลับสั่นเครือ เพื่อนๆต่างรู้กันดีว่าสองคนนี้รู้สึกต่อกันเช่นไรแต่ไม่มีใครเคยพูดอะไรออกมา แม้แต่เจ้าตัวเอง เพราะฉะนั้นจะเรียกว่ามารู้ตัวเอาตอนที่สายไปก็ไม่ผิด

    โจลูบหัวอีกฝ่ายแผ่วเบา ก่อนจะเอ่ย “ขอแค่สี่ปีนะแคลร์ แล้วฉันจะกลับมาทำงานที่นี่ รอฉันได้ใช่มั้ย”

    “แล้วฉันมีทางเลือกเหรอ..” หญิงสาวตอบเสียงแผ่ว ยังไม่ยอมปล่อยมือที่กำเสื้ออีกฝ่ายไว้แน่น โจหันไปมองคนอื่นๆ

    “แล้วจะรีบกลับมานะเว้ย”

    “อืม..” อลันกับแดเนียลตอบรับเสียงเบา พวกเขาเดินตรงเข้าไปกอดคนทั้งคู่ นิ่งกันอยู่อย่างนั้น จนได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่มาตาม

    “จะได้เวลาประกาศผลแล้วครับ”

    ทุกคนจึงต้องจำใจออกจากห้องนั้นไป


ออฟไลน์ meelhek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
   
    เพราะเรื่องของTiger Blastทำให้ทุกคนลืมเรื่องการแข่งขันไปชั่วขณะ ยิ่งถูกซ้ำด้วยเรื่องของโจยิ่งทำให้สติของทุกคนหลุดลอย ตอนนี้เด็กทั้งห้าเหลือเหมือนมีแค่ตัวเปล่าๆมารอฟังประกาศผลเท่านั้น ไม่ได้มีความคาดหวังใดๆเกิดขึ้นในจิตใจแม้แต่นิด
และยิ่งปลงไปกันใหญ่ เมื่อเสียงประกาศผู้ที่ได้อันดับสาม ไม่ใช่ทีมของพวกเขา

    “หมดหวังแล้วล่ะมั้ง…” โจพูดขึ้นซึ่งนั่นทำให้แคลร์ถองศอกใส่ทันควัน เพราะถึงการได้อับดับสูงกว่านี้นั้นเป็นไปได้ยาก แต่เธอก็ไม่อยากหมดหวัง

     “อันดับสอง…”

    ทีมเพนกวินยืนอย่างสบายๆ เพราะจะประกาศใครก็มีหน้าที่แค่เตรียมปรบมือเท่านั้น ดูท่าจะมีแค่แคลร์ที่ยังคาดหวังว่าจะได้อันดับดีๆ

    “Penguin Pitch!”

    “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”

    มือที่คิดจะปรบชะงักค้างกันไปทุกคน มีเพียงแคลร์ที่กรี๊ดลั่นออกมาอย่างดีใจ ผ่านไปอีกหลายวินาทีกว่าที่โค้ชฮันนาห์และเรย์โนลด์ที่อยู่ข้างเวทีจะตะโกนขึ้นมาว่า พวกนายนั่นแหละได้! ถึงตอนนั้นที่พวกหนุ่มๆถึงได้รู้ตัวและเฮกัน

    “ฝันไปรึเปล่าครับเนี่ย” อีวานแทบน้ำตาปริ่ม เด็กน้อยไม่เคยผ่านการแข่งอื่นใดและไม่เคยได้รางวัลที่สูงขนาดนี้ในการแข่งอะแคปเปลลา จากจุดหมายที่เข้าชมรมมาเพราะแค่อยากกล้าแสดงออกมันไปไกลกว่าที่คิดมาก
 
    แดเนียลดึงเด็กน้อยมากอดรัดแน่นก่อนจะชูนิ้วโป้งให้เรย์โนลด์ ถึงแม้ว่าในความดีใจจะมีความเศร้าสร้อยอยู่บ้างเนื่องจากคนที่สำคัญที่สุดไม่ได้ยืนอยู่ในวินาทีสำคัญ

    “จองร้าน โทรบอกคุณวิลจองร้าน” แคลร์แทบจะเขย่าคอเรย์โนลด์หลังจากที่ลงจากเวที เด็กหนุ่มหัวสั่นคลอนไปตามแรงโยกจนต้องขอให้หยุด

    “โอ๊ย รู้แล้วๆ ฉันจะตายแล้วแคลร์ ว่าแต่ทำไมต้องบอกพี่วิลอ่ะ โทรหาคุณเคเลปไม่ดีกว่าเหรอ”

    “ก็คุณเคเลปอาจจะกำลังยุ่งอยู่กะตำรวจก็ได้นี่ยะ โทรเร็วเข้า”

    เรย์โนลด์พยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนที่จะกดมือถือโทรออกตามที่สั่ง วิลรับปากว่าจะจัดการให้และนั่นทำให้เด็กๆยิ้มแป้น ก่อนจะพากันออกมาถ่ายรูปกับถ้วยรางวัลแล้วอัพลงเว็บบอร์ดโรงเรียน

    “คนที่เคยด่าพวกเราคงดิ้นตายละตอนนี้” โจว่าพลางหัวเราะคิกคักคู่กับอลันที่ถึงแม้จะไม่ได้เอ่ยอะไรแต่ก็เห็นด้วย

    “อย่างนี้ปีหน้าคงไม่ต้องห่วงแล้วเนอะ” แดเนียลว่าพลางตบหลังอีวานอย่างให้กำลังใจเมื่อเห็นแต่คอมเม้นต์ดีๆหลั่งไหลเข้า
มาในเว็บบอร์ดแทบจะทันที จริงๆตั้งแต่รอบที่ผ่านมาเพื่อนของพวกเขาก็หันมาชื่นชมรมกันแล้ว เพียงแต่ครั้งนี้มันเป็นชื่อเสียงระดับโรงเรียนที่คนจะรู้วงกว้างกว่านั้นเยอะ และคนที่รับภาระหลังจากนี้ก็ไม่ใช่ใคร แต่เป็นว่าที่หัวหน้าชมรมอย่างอีวาน
 
    “ผมจะดูแลรุ่นน้องเต็มที่เลยครับ” อีวานพูดด้วยประกายตาสดใส

    “คนที่เข้ามาอาจจะเป็นพี่นายก็ได้นะ จะดุเค้าเป็นเหรอไอ้ตัวเล็ก” พี่ชายหุ่นหมีว่าพลางขยี้หัวน้องเล็กประจำชมรม ทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นหัวเราะร่า

    “คอยดูนะ ผมจะทำให้ชมรมได้ที่หนึ่งในปีหน้าให้ได้เล้ย!!”





    งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกราฉันท์ใด ชีวิตในรั้วโรงเรียนก็ต้องจากไกลฉันน์นั้น

    งานปัจฉิมนิเทศและงานเลี้ยงส่งท้ายเป็นไปอย่างสนุกสนานจนน่าใจหาย เพียงแค่คิดว่าจะต้องจากเพื่อนๆไปคนละทิศโดยที่จะหาโอกาสมาเจอกันยากแสนเข็ญแล้วก็ทำใจลำบาก โดยเฉพาะคนที่ต้องจากลาที่แห่งนี้กลับบ้านเดิมไประยะหนึ่งอย่างน่าเสียดาย
 
    “นี่ของขวัญจากพวกเรานะเว้ย” สมุดเล่มหนึ่งถูกส่งให้โจที่ยังยืนหัวเราะราวกับคนบ้าอยู่กลางงาน สำหรับโจไม่มีหรอกของขวัญแพงๆสั่งลา เพราะเซอร์ไพรส์สุดท้ายที่เพื่อนให้คือการแข่งกันปาครีมพายจนเละเทะไปทั้งตัว ตบท้ายด้วยเฟรนด์ชิพที่ทุกคนตั้งใจเขียนก็เท่านั้น

    “ขอบใจมากนะ ฮ่ะๆๆ”

    “แล้วเจอกัน”

    ไหล่ของโจถูกตบดังปุไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบจนชาไปหมด แต่ถึงอย่างนั้นโจก็ยังยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เด็กหนุ่มเก็บเฟรนด์ชิพใส่ในกระเป๋าที่ตั้งไว้อีกมุมหนึ่งของงาน พอลับตาคน ร่างนั้นก็ถอนหายใจ น้ำตาใสๆค่อยไหลลงมา

    “ดีจังเลยเนอะโจ” เสียงใสๆดังขึ้นด้านหลังทำให้คนที่นั่งยองๆอยู่ต้องสูดขี้มูกแล้วหันไปเผชิญหน้ากับเธอ

    “มานี่หน่อย…” โจเรียกทั้งที่ก้มหน้า หญิงสาวที่ตัวเลอะครีมเช่นกันเดินมาอย่างงงๆ ก่อนจะนั่งขัดสมาธิลงอย่างที่คนตรงหน้าบอก ไม่ทันตั้งตัว ใบหน้าเหยเกของอีกคนก็ซุกเข้ามาตรงบ่า รู้สึกถึงความเปียกชื้นที่ไหลลงมากระทบผิวหนัง

    “ไม่อยากจากเธอไปเลย”

    “ฉันก็เหมือนกัน…”





    แดเนียลที่กำลังเดินเข้ามาหยุดชะงักทันทีที่เห็นภาพตรงหน้า เขารีบบอกอลันที่ถือพายเต็มสองมือให้หยุดก่อน แล้วพากันเดินไปจากตรงนั้น

    “จริงๆมันก็เศร้าสินะ โจน่ะ” อลันพูดขึ้นอย่างหงอยๆ ทั้งๆที่คิดว่าครั้งนี้จะสนุกสุดเหวี่ยงให้ลืมเรื่องที่โจจะไปแท้ๆ แต่พอเห็นภาพแบบนั้นมันก็อดเศร้าตามไม่ได้

    “ก็ต้องงั้นอยู่แล้ว”

    “แล้วนายล่ะแดน เอายังไง”

    แดเนียลชี้เข้าหาตัวเองอย่างงุนงง “ฉัน?”

    “เรื่องคุณเคเลป”

    เด็กหนุ่มสะดุ้งถอยหลังทันทีที่ได้ยินเพื่อนข้างตัวพูดอย่างนั้น เขาไม่เคยบอกใครมาก่อน คิดว่าเต็มที่คือเรย์โนลด์ที่รู้ความรู้สึกของเขา แต่ไม่คิดว่าจะมีคนอื่นรู้ด้วย

    “นะ.. นายรู้..”

    “ไม่รู้ก็แย่ เราเห็นตลอดแหละนายมองคุณเคเลปยังไง”

    “เรา.. หมายถึง…”

    “ช่ายยย ทุกคนในทีมเลย” อลันพูดพลางยิ้มกรุ้มกริ่ม ทำเอาแดเนียลหน้าแดง

    “แล้วนายไม่ตกใจเหรอ แบบว่า.. ผู้ชายกับผู้ชาย..”

    “ไม่นะ คงจะชินแล้วล่ะมั้ง แบบว่าอยู่วันหนึ่งก็ โอ้.. นายเป็นแบบนี้นี่เอง แล้วก็แค่นั้นแหละ”

    แดเนียลถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะว่าถ้ารู้กันอยู่แล้ว อีกหนึ่งปีที่เขาจะอยู่มหาวิทยาลัยเดียว ชมรมเดียวกับแดเนียลคงไม่ต้องถูกมองอย่างแปลกๆมากนัก เพราะถึงใครจะมองยังไง แต่ถ้าเพื่อนที่สนิทที่สุดเข้าใจมันก็ไม่มีปัญหาแล้ว

    “ว่าแต่ สรุปว่าเอายังไง ถึงไหนแล้ว” อลันถามจี้ และนั่นทำให้แดเนียลคอตก

    “ไม่.. ไม่ถึงไหนเลย” ตั้งแต่ที่บอกออกไปคราวนั้นและถูกปฏิเสธ แรงฮึดมันก็หาย เล่นเอาเศร้าซึมไปตั้งนาน กว่าจะทำใจได้ก็ช่วงแข่งรอบสุดท้ายเมื่อสองอาทิตย์ก่อน และหลังจากที่ไปฉลองกันธรรมดา กอดกันเป็นการบอกลาก่อนกลับบ้านแล้ว ก็ไม่มีอะไรคืบหน้าอีกเลย ไม่ได้เจอกันอีกด้วย เพราะทางชมรมของมหาวิทยาลัยเองก็จะเตรียมงานประกวด จนทั้งเคเลปและวิลยุ่งกันหัวปั่น

    “อยู่อีกตั้งปีก่อนเขาจะเรียนจบ พยายามเข้านะเพื่อน” อลันตบไหล่ของอีกฝ่ายก่อนที่จะโดนเพื่อนคนอื่นเรียกให้ไปสนุกกันในงานต่อ แดเนียลจะเข้าไปอยู่แล้วติดที่มีสายมาสายเรย์โนลด์เข้ามาพอดี เด็กหนุ่มงุนงงเพราะคิดว่าจะโทรมาตามทำไมเพราะก็อยู่กันแค่นี้ แต่ก็กดรับโดยดี

    “มีอะไร”

    ‘ออกมาข้างหน้าหน่อย’ แดเนียลขมวดคิ้วเมื่อเสียงที่ได้ยินไม่ใช่ของเพื่อนตนดั้งเคย ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้เสียงนี้หรอก แต่แค่ไม่เข้าใจว่าคนๆนี้มาใช้โทรศัพท์ของเรย์โนลด์ได้ยังไงมากกว่า

    “ได้ครับคุณวิล”

    เด็กหนุ่มเดินออกจากงานไปด้านหน้าอย่างที่ว่า ก่อนจะเห็นเพื่อนตัวเองยืนโซเซอยู่ในอ้อมแขนของคนที่คุยโทรศัพท์ด้วยเมื่อครู่ แถมข้างๆยังมีเคเลปยืนอยู่ด้วยอีกต่างหาก

    “ฉันไม่คิดว่าจะมีการเสิร์ฟเครื่องดื่มมึนเมาในงานของนักเรียนไฮสคูลนะ” วิลพูดเสียงดุพลางจับคนที่อยู่ข้างๆให้นิ่ง แดเนียลก้มหน้าอัตโนมัติ จริงงานนี้ก็ไม่ควรมีแอลกอฮอลล์อย่างวิลว่า แต่เพื่อนบางกลุ่มมันก็แอบเอาเข้ามากินกัน ยังไงวัยรุ่นกับเรื่องแบบนี้ก็เลี่ยงไม่ได้ แต่แดเนียลไม่ได้ไปกินกับเขาเพราะมัวแต่เล่นมาครีมพาย ไม่ได้รู้เลยว่าเพื่อนสนิทตัวเองกินไปจนเมาแอ๋ขนาดนี้

    “แล้ว.. ทั้งสองคนมากันได้ยังไงครับ”

    “กะจะมาส่งโจน่ะ เพราะว่าถ้าหลังจากวันนี้คงนัดเจอกันยาก พอมาถึงจะเรียกเรย์โนลด์ให้มาพาเข้าไปแต่ก็..” เคเลปเป็นคนตอบ ชายหนุ่มทำสีหน้าเหนื่อยหน่ายเมื่อเห็นสภาพของเด็กที่เพื่อนประคองไว้ แค่เดินออกมาถึงข้างหน้านี่ก็ปาฏิหารย์แล้ว

    “ก็เลยจะพาไปส่งบ้าน บอกที่อยู่หมอนี่มาได้มั้ย”

    “ดะ.. ได้ครับ” แดเนียลรับโทรศัพท์ของอีกฝ่ายมาแล้วกรอกที่อยู่ของเรย์โนลด์ใส่จีพีเอสไปให้ แล้วอีกฝ่ายก็ขับมอเตอร์ไซด์ออกไปโดยวางเรย์โนลด์ซ้อนอยู่ด้านหน้า แดเนียลมองตามอย่างเป็นห่วงว่าเพื่อนของตนจะร่วงลงมาหรือเปล่าจนลับสายตา เป็นเคเลปที่ส่งเสียงเรียก

    “พาฉันเข้าไปหน่อยสิ”

    “ครับ..” พอมาเจอหน้าอีกครั้งก็กระอั่กกระอ่วนจนไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่เดินเข้ามาตามทางเดินเงียบๆ เลี่ยงไม่ให้ไปเจอสงครามปาพาย

    “นี่..” เป็นเคเลปที่เอ่ยทำลายความเงียบออกมาเสียก่อน แดเนียลหันไปมองอย่างงุนงง

    “นาย.. ยังชอบฉันอยู่หรือเปล่า” คนถามถามเสียงเรียบ แต่แดเนียลแข็งค้างไปแล้ว พวกเขาสองคนหยุดเดินชั่วขณะ เด็กหนุ่มเกาท้ายทอยแล้วพยักหน้า

    “ครับ..”

    “ฉันน่ะ.. อยากให้เรากลับมาคุยกันเหมือนเดิมนะ”

    หมายความว่าจะให้เขารีบๆตัดใจอย่างนั้นเหรอ เด็กหนุ่มคิดในใจ คนข้างๆนี่จะโหดร้ายไปถึงไหนกันนะ

    “ก็อยากให้เป็นแบบนั้นเหมือนกันครับ”

    “ฉันน่ะ.. ตั้งแต่มาเป็นโค้ชให้พวกนาย ก็เริ่มรู้จักรับผิดชอบ รู้ว่าการเอาใจใส่คนอื่นเป็นยังไง..”

    แดเนียลมองเคเลปที่พูดอยู่แล้วขมวดคิ้ว ไอ้บทสนทนาที่ดูไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องก่อนหน้านี้มันมาได้ไงนะ?

    “ไอ้เรื่องผู้ชายก็เพลาไปจนตัวเองงงเลยนะ ทั้งๆที่เมื่อก่อนไม่ใช่แบบนี้แท้ๆ.. แล้วก็.. พอโดนหลอกเข้าไปครั้งหนึ่ง มันก็เริ่มคิดเหมือนกันนะว่าควรจะหาคนดีๆมาอยู่ข้างๆได้แล้ว” พูดจบแล้วก็หันหน้ามามองเด็กหนุ่มข้างที่เบิกตาค้างไปแล้ว

    “ฉันยอมรับนะว่ายังไม่ได้ชอบนาย.. แต่ว่า.. นายจะช่วยชอบฉันต่อไปได้ไหม เผื่อว่าสักวัน…”

    “อะ เอ่อ.. ผม..” แดเนียลหน้าแดงถึงใบหู จู่ๆคนที่ชอบมาบอกให้พยายามต่อแบบนี้ ถึงจะฟังดูโหดร้าย แต่ใครล่ะที่จะไม่กระโดดลงหลุมกับดักไปน่ะ

    “ก็เข้าใจว่าขอแบบนี้มันเห็นแก่ตัวไปสักหน่อย..”

    “มะ ไม่เลยครับ.. ผม.. ผมยินดีครับ” เด็กหนุ่มคว้ามืออีกคนมากุมไว้แน่นแล้วจ้องเข้าไปที่ดวงตา เคเลปยกยิ้มบางๆก่อนจะเคลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ แดเนียลหลับตาปี๋ คิดเข้าข้างตัวว่าสถานการณ์แบบนี้สิ่งที่อีกฝ่ายจะทำก็มีแค่อย่างเดียว

    “ถ้าผอมกว่านี้สักห้าโลจะจูบนะ” ว่าแล้วอีกฝ่ายก็ใช้ริมฝีปากฉกเข้ามาที่ข้างแก้ม ขณะที่มือข้างหนึ่งจับหมับเข้าไปยังหน้าท้องเต่งตึงที่ยังกลมๆอยู่ แล้วผละออกไปด้วยความรวดเร็ว เคเลปยืนยิ้มก่อนที่จะออกเดินต่อโดยที่ไม่รออีกฝ่ายที่ยืนตัวแข็งอยู่

    “ดะ.. เดี๋ยวสิครับ” แดเนียลออกเดินตามทันทีทั้งๆที่แข้งขาแทบจะอ่อนแรงไปหมด เคเลปก็ยังคงเป็นเคเลป โหดร้าย ช่างรังแก ชอบเด็ก แต่ก็ไม่ชอบคนหุ่นไม่ดี แล้วอย่างนี้แดเนียลจะมีข้อแม้อะไรนอกจากทำตามที่อีกฝ่ายต้องการ

    อีกหนึ่งปีที่อยู่ด้วยกัน และหลังจากนั้น มีเวลาอีกเยอะแยะ เวลาของเขาต้องมาถึงสักวันแหละน่า…



END




___________________________________________________________________________________________

จบแล้วววววววว!!!
ขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและเม้นต์ให้กำลังใจมากๆนะคะ ในที่สุดก็จบจนได้ค่ะ //ปาดน้ำตา
ตกใจมากเลยค่ะที่เข้ามาเห็นวันที่ที่อัพล่าสุด ไม่อยากเชื่อว่าเราทิ้งนิยายเรื่องนี้ไว้นานขนาดนั้น เพราะตอนที่ตัดสินใจลงนิยายเรื่องนี้ในเล้าเราแต่งไปได้ประมาณ6-7ตอนแล้วค่ะ และคิดว่าระหว่างลงเรื่องในสต็อกยังไงก็เขียนจนจบทันแน่ ไม่คิดว่าหลังๆจะลากยาวจนกลายเป็นสองสัปดาห์ครั้ง สามสัปดาห์ครั้ง และเลยมาร่วมเดือน ต้องขอโทษจริงๆนะคะ
จริงๆไม่อยากโยน แต่ต้องโทษรายการProduce101ค่ะ(รายการค้นหาบอยแบนด์ของเกาหลี) พอดูแล้วก็หนีไปแต่งฟิคของทางนั้นอยู่ค่ะ รู้ตัวอีกทีเรื่องนี้ก็ไม่ขยับซะแล้ว กว่าจะเข็นให้จบได้ ฮือ
ไม่รู้ว่าจะพอใจกับนิยายเรียบๆเรื่องนี้มั้ยนะคะ จริงๆก็มีเรื่องที่อยากเขียนหลายอย่างแต่ไม่ได้เขียนลงไป อย่างฉากเปิดโปงTiger Blastนี่ตอนแรกกะให้โจเปิดคลิปเข้าลำโพงแล้วแฉกลางเวที จะดูน่าสะใจ แต่คิดถึงความเป็นจริงแล้ว เรียกไปบอกโทษแบบนี้น่าจะเหมาะกว่า แล้วยังมีเรื่องที่ตอนแรกวางไว้ว่าจะเกี่ยวกับการลดน้ำหนัก แต่กลายเป็นแนะนำเพลงอย่างเดียวซะนี่ ตอนสุดท้ายแดเนียลก็ยังไม่ผอม โธ่ชีวิต มิหนำซ้ำความสัมพันธ์ยังไม่กระเตื้องอีก แง แล้วจะปรับปรุงในอนาคตนะคะ เราก็อยากแต่งนิยายแซ่บๆกับเขาเหมือนกัน แล้วพบกันใหม่นะคะ ขอไปแต่งฟิคPD101ก่อนค่ะ ชะแว้บบบบ
ปล ทอล์กยาวไปมั้ยเนี่ย=.=

ออฟไลน์ oujoong

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ขอบคุณนะคะ สนุกมากเลยค่ะ o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13

ออฟไลน์ kaokorn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 903
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
ขอบคุณฮะ สนุกมาก ดีใจที่ได้อ่านจนจบ
จะคอยติดตามผลงานนะฮะ  :L2:

ออฟไลน์ Sohso

  • You are my precious thing And I will always love you.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1372
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-3

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ ตีสี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-5
    • 61'
สนุกค่ะ ให้ความรู้สึกถึงมิตรภาพและความมุ่งมั่นของวัยรุ่นดีอ่ะ

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ลุ้นกับโจมากกกก ดีใจที่จบแบบนี้ค่ะ

ออฟไลน์ บีเวอร์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
จบงี้เลยหรอ??? 55555555 เอางี้สินะ

ดีค่ะ ชอบบบบบบบบ  :hao7:

ออฟไลน์ Bb nale

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
อ่านๆอยู่ อ้าว จบ นึกว่าจะมีภาคมหาลัย คิดๆอยู่เหมือนกันว่าโจจะไม่หักหลังแต่จะเรียนไหน ทุกอย่างก็ราบรื่นดี ขอบคุณคนแต่งมาก เรื่องน่ารักสุดๆ

ออฟไลน์ MIwEMInE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อยากรู้ว่าเรย์โนลด์กับวิลจะได้คู่กันไหมอะ
ขอบคุณนะคะ

ออฟไลน์ Petit.K

  • Petit parapluie
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
อบอุ่นมากกก ชอบในมิตรภาพของแต่ละคน แต่ละทีม แบลุ้นอยู่ว่าจะลดน้ำหนักได้ไหม จะคบกันรึเปล่ส :hao5:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด