- ไปค่ายตอนที่แปด : ทีมเมียพี่ปืน -
“ปืน”
“อ้าวเปรี้ยว”
“ปืนไปไหนมาเราตามหาตั้งนาน”
“เปรี้ยวมีอะไรให้ปืนช่วยรึเปล่า”
หือ?
แทนตัวเองว่า ‘ปืน’ กับสาวซะด้วย ผมทำเนียนยืนฟังไม่ยอมไปไหนเพราะรู้สึกไม่ชินหูที่ได้ยินไอ้พี่ปืนมันพูดจารื่นหูขนาดนี้ สงสัยว่าสีหน้าแสดงออกว่าสอดรู้สอดเห็นมากเกินไปพี่เปรี้ยวถึงมองแปลกๆ จนรู้สึกเก้อกระดาก ผมเลยรีบผละออกมาทันทีแต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังได้ยินภาษาดอกไม้ของคนทั้งคู่
“เปรี้ยวมีเอกสารเกี่ยวกับสปอนเซอร์ให้ปืนช่วยดูหน่อย ปืนพอจะว่างมั้ย”
“เอาสิเดี๋ยวปืนช่วยดู”
เหอะ!
เดินออกมาไกลแล้วผมถึงได้ทำหน้าพะอืดพะอมเต็มแก่ จริงๆ ไม่ใช่อะไรหรอกแค่รู้สึกหมั่นไส้ที่เวลาพี่ปืนมันพูดกับสาวโคตรสุภาพต่างกับตอนที่พูดกับผมแม่งหลุดมาแต่ละคำยิ่งกว่าฝูงหมาไล่ฟัด ให้ตายเถอะทำไมผมต้องรู้สึกนอยๆ เวลาที่พี่ปืนพูดภาษาดอกไม้กับพี่เปรี้ยวด้วยวะ
ผมสะบัดหน้าแรงๆ เพื่อให้ความคิดประหลาดนั้นหลุดลอยไป ผมว่าตัวเองชักแปลกๆ ทั้งที่ควรเสียใจมากกว่านี้เพราะต้องตัดใจจากเขมจริงๆ เสียที น่าแปลกที่ไม่เจ็บปวดอย่างที่คิด ซ้ำตอนนี้ผมยังรู้สึกแปลกๆ กับพี่ปืนไปอีก ผมทึ้งหัวตัวเองเพราะยิ่งคิดยิ่งปวดหัว
โว้ย ผมเตะฝุ่นระบายความรู้สึกที่อึดอัดในใจ ก่อนจะมุ่งหน้าไปทางโรงครัวพอดีเห็นพี่กลมกำลังปีนป่ายบันไดอยู่
“พี่กลมสู้ๆ”
หือ...อะไรวะ
“พี่กลมโคตรเท่ห์”
“ครับ เฮ้ย”
จังหวะที่พี่แกเอี้ยวตัวมายิ้มให้แก๊งดอกไม้ ทำให้บันไดสเตนเลสที่พี่กลมกำลังปีนป่ายขึ้นไปเปลี่ยนปลอดไฟในห้องครัว ถึงกับเอี้ยงกระเท่เร่จนสาวๆ หวีดร้องโวยวายทะยานไปจับคว้าไว้ด้วยท่าทางอกสั่นขวัญหาย ไม่ต่างจากคนที่ปีนบันไดอยู่ถึงกับตบอกตัวเองแรงๆ
“เกือบไปแล้ว”
“พี่ทำอะไรครับนั่น”
ผมตะโกนถามตอนที่พี่แกเห็นมาทางนี้พอดี
“เปลี่ยนหลอดไฟ”
หา?
ท่าทางทะมัดทะแมงซะด้วยสิ ไม่น่าเชื่อว่าพี่กลมคนนี้คือเดียวกับที่ชอบไปขายขนมจีบให้พี่ไกด์ เอาจริงๆ นะผมว่ารูปร่างกะทัดรัดแบบนี้ถึงบางมุมจะเท่ห์ก็เหอะแต่ดูยังไงก็สำอางบอบบางอยู่ดีไม่น่าเชื่อว่าจะคล่องแคล่วขนาดปีนบันไดขึ้นไปเปลี่ยนหลอดไฟได้
“คล่องแคล่วขนาดนี้เปลี่ยนหลอดไฟบ่อยเหรอพี่”
“อืม ที่บ้านพี่มีแต่ผู้หญิง งานพวกนี้ถึงทำไม่เป็นก็ต้องหัด”
เสียงฮือฮาจากแก๊งสามสาวที่จับบันไดอยู่ พอจะเดาได้ว่าพี่กลมคงจะกลายเป็นขวัญใจของไอ้พวกนี้แล้วล่ะ
“พระเอกว่ะพี่”
“มันแน่นอนอยู่แล้ว อย่าว่าแต่เปลี่ยนหลอดไฟเลย เปลี่ยนยางรถ เดินสายไฟพี่ก็ทำมาหมดแล้วเว้ย”
“เทพไปเปล่าเนี่ยพี่”
พี่กลมหัวเราะมือก็จับหลอดไฟขยับไปมา ท่าทางอย่างโปรสมราคาคุยจริงๆ ผมแหงนหน้ามองพี่กลมทำทุกอย่างเสร็จสรรพในเวลาไม่นาน ขณะที่มือทั้งสองข้างก็จับบันไดช่วยเพราะผมให้แก๊งดอกไม้ไปช่วยพวกเจ่ๆ ในครัวเตรียมอาหารมือถัดไป ดังนั้นตรงนี้เลยเหรอแค่ผมกับพีกลมเท่านั้น
“เออพี่เก่งไงไอ้น้อง”
“ครับผมรู้ ไม่งั้นพี่จะตามตื้อพี่ไกด์ได้ขนาดนั้นเหรอวะ”
พี่กลมชะงักมือไปชั่วครู่ก่อนหลุดยิ้มออกมา
“เรารู้ด้วยงั้นเหรอ?”
“แหมพี่”
“มึงพูดถูก กูชอบ”
ผมแอบพ่นลมหายใจกลัวว่าพี่แกจะนึกโกรธเคืองที่ไปแซวซะอีก
“เออว่าแต่พี่แทนตัวเองว่ามึงกูกับเราได้ป่ะ”
“ตามสบายเลยพี่”
“ดีมากไอ้แรกน้องรัก”
เพราะมัวแต่ขำกัน มือที่จับบันไดเลยสั่นและนั่นเป็นจังหวะที่พี่กลมมันค่อยปีนบันไดลงมา มันเลยทำให้ศูนย์ถ่วงเสีย ขาบันไดด้านหนึ่งลอยขึ้นไม่ติดพื้นเลยทำให้ตัวบันได้เอนไปด้านหลัง
..เชี่ย..
“ฉิบหาย”
“เฮ้ย ระวังพี่”
“โอ้ย”
...โครม...
เจ็บข้อศอกสัด!
ผมทำหน้าเหยเกตอนที่ทับอยู่บนอกพี่กลม ขณะที่ฮีโร่ที่ช่วยไม่ให้ผมต้องเจ็บไปทั้งตัวดันนอนแผ่ไปกับพื้น มือข้างหนึ่งประคองหลังผมไว้อย่างดีเลย
“เป็นไงบ้างวะพี่ เจ็บตรงไหนมั้ย”
“จุกๆ”
“ตรงไหนพี่”
“เข่ามึงกระแทกเป้ากู”
ฉิบหาย
ผมรีบผุดลุกขึ้นขยับตัวทันที ก่อนจะช่วยขยับตัวพี่ประคองพี่แกให้ลุกขึ้นตาม
“เป็นไงพี่ โอเคมั้ยต้องไปหาหมอป่ะเนี่ย”
“.......”
“ตอบผมดิพี่”
“โอ้ย ให้กูหายใจก่อนไอ้ห่าแรก”
ผมเผลอหัวเราะออกมาอย่างขบขัน สายตาก็สอดส่ายไปทั่วร่างกายพี่กลมเพื่อหาบาดแผลที่อาจเป็นสาเหตุพี่แกเจ็บตัว พอเห็นว่าไม่มีเลือดที่ไหนก็ให้สบายใจ เพราะเห็นก็แต่แผลเล็กๆ ตรงแขนนิดหน่อย
“ลุกไหวรึเปล่าวะพี่”
“พยุงกูที”
“ทำอะไรกัน!”
หืม
ผมชะงักมือที่รวบเอวพี่กลมทันที พี่มันเลยเซมาให้ผมประคองแทบไม่ทัน ทำเอาแก๊งสี่โจรที่ขาดก็แต่หัวหน้าแก๊งทำตาโต โดยเฉพาะเจ้าของคำถามก่อนหน้านี้ที่จ้องพี่กลมตาเขม่ง
“เอ่อ”
“ไอ้กลมเป็นอะไรวะ”
พี่เม่นกับพี่นะโมถลามาดูแทบจะทันที
“ตกบันไดพี่”
บันไดสแตนเลสนอนแอ้งแม้งเป็นหลักฐานอยู่ใกล้ๆ กัน
“แล้วมึงขึ้นไปทำห่าอะไรวะ”
“ซ่อมไฟพี่ซ่อมไฟ”
“แล้วมึงอ่ะไอ้แรก เป็นอะไรมั้ย”
ผมส่ายหน้าปฏิเสธหลังจากนิ่งฟังพวกพี่เขาคุยกัน
“เจ็บ”
พี่กลมทำเหมือนคนไม่มีแรงเซไปมาเซมาจนพี่ไกด์ที่ยืนนิ่งอยู่ถึงกับขยับตัวมาดูใกล้ๆ อะไรวะเนี่ย เมื่อกี้ยังทำท่าเหมือนจะเดินได้อยู่เลย ผ่านไปไม่ถึงนาทีอ่อนเปลี้ยขึ้นมาทันทีจนผมชักงง
“เจ็บมากเหรอ”
“อือ”
“ถามก็ตอบ”
“เจ็บครับ”
“เอ่อ”
“......”
ผม พี่หนวด และพี่นะโมสบตากันปริบๆ เมื่อรู้สึกว่าพวกเราชักจะเป็นส่วนเกิน
“กลมเดินไม่ไหว”
“แล้วจะให้ทำยังไง”
“พี่ไกด์ก็มาประคองดิ”
“มึงเจ็บจริงหรือแกล้งตอแหล”
โอ้โห! ปากพี่ไกด์นี่ไม่ต่างจากหัวหน้าแก๊งเลยนะครับ ผมแอบสะดุ้งแทนตอนที่พี่ไกด์หรี่ตามองคนเจ็บที่โอดโอยชวนหมั่นไส้
“เจ็บจริงดิ” มีโชว์หลักฐานที่แขนถลอกให้ฝ่ายนั้นดูด้วยใบหน้าบู้บี้ แต่ผมชักเห็นด้วยแล้วว่าพี่กลมแม่งชักจะแดกสะตอล่ะ
“กูเห็นแล้ว”
“เห็นแล้วก็มาประคองกลมดิ”
พี่ไกด์ขยี้ศีรษะตัวเองแรงๆ
“มึงก็ดูไม่เจ็บมาก”
“ป้าไก่แม่พี่ไกด์บอกว่าให้ดูแลกลมดีๆ” พี่กลมพูดเสียงหงอยแต่แววตาโคตรเจ้าเล่ห์ “และพี่ไกด์รับปากกับแม่กลมแล้วด้วยว่าจะ..”
“เออ”
พี่ไกด์สบถเดินตึงตังมาประคอง ด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ
“เบาๆ ดิกลมเจ็บนะโว้ย”
“เมื่อกี้มึงเจ็บอีกข้างไม่ใช่เหรอ”
“มันลามไปข้างนี้แล้วไง”
“ไอ้ตอแหล”
“ทำไมชอบพูดไม่เพราะกับกลมวะ”
“เหมาะกับมึงแล้ว”
“ไอ้ห่าพี่ไกด์”
ผมกับเพื่อนสนิทพี่ไกด์กลั้นขำแทบไม่ไหว ตอนที่เห็นพี่ไกด์กรอกตามองบนท่าทางระอาแต่ไม่จริงจังนัก ผมส่ายหน้ามองตามแผ่นหลังของคนทั้งคู่ไป ทันได้เห็นพี่กลมหันมาขยิบตาให้ผมท่าทางดูไม่เจ็บไม่ปวดกับอุบัติเหตุเมื่อกี้เลยด้วยซ้ำ
โอ้ย โคตรร้ายกาจ!
ใครบอกว่ามารยามีเฉพาะแค่ในผู้หญิง ดูพี่กลมเป็นตัวอย่างเอาเถอะ
ผมหัวเราะออกมาอีกครั้งตอนที่พี่ไกด์แกล้งพาคนป่วยเดินมาตกหลุมแถวสนามหญ้า จนคนป่วยโวยวายเสียงดังลั่น
“ก็มึงเดินไม่ดูทางเอง”
“พี่ไกด์แม่ง”
ขนาดอยู่ตั้งไกลยังอุตส่าห์ได้ยินเสียงสองคนนั้นแหย่กันดังลั่น
“ไอ้กลมนี่มันโคตรร้าย”
ผมเห็นด้วยกับคำพูดพี่หนวดเลย
“แหม ก็มันรักของมัน”
“เออกูเห็นมันตามเฝ้ามาตั้งแต่มัธยม”
อะไรนะ!
ผมเนียนทำไมสนใจทั้งที่จริงหูผึ่งรอฟังอยู่เงียบๆ ท่าทางความสัมพันธ์ของคู่นั้นคงต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังอย่างแน่นอน จริงๆ ผมก็ไม่อยากเผือกหรอก แต่เล่นมาทำให้สงสัยจะไม่ให้เผือกยังไงไหววะ
“หูกางเชียวนะไอ้แรก”
“โอ้ย”
พี่เม่นสะกิดหัวผมไม่เบานัก ผมยิ้มแหยเมื่อเห็นสีหน้ารู้ทันของรุ่นพี่ทั้งสองตรงหน้า
“ผมบังเอิญได้ยินหรอก”
“เหรอ”
“พูดขนาดนี้ไม่ด่าผมเสือกเลยล่ะครับ”
พี่มันขำผมจนน้ำตาไหล ทำเอาผมขำตามด้วย
“กูมีอะไรจะบอก”
“ครับ?”
“ถ้ามึงอยากรู้เรื่องสองคนนั้นไปถามเจ้าตัวเอา พวกกูไม่ยุ่ง” พี่มันทำหน้าจริงจัง “แต่ถ้ามึงมีอะไรมาเซ่นค่อยว่ากันอีกที”
โธ่เอ้ย!
“ผมไม่อยากรู้ก็ได้”
“เออนี่ บัดดี้มึงฝากมาให้”
เออว่ะ ลืมไปเลยว่าตลอดเวลาที่อยู่ค่ายมีเล่นบัดดี้บัดด๊อกกันนี่หว่า ผมยื่นมือไปรับช็อกโกแลตแท่งสองอัน
“บัดดี้มึงฝากมาบอกว่ากินแล้วจะอารมณ์ดี”
โอ้โห ผมนี่รักบัดดี้ขึ้นมาเป็นกองเลย
“พี่รู้จักบัดดี้ผมด้วยเหรอ”
“เออ”
“แล้ว?”
“ไม่ต้องถามว่าใครเพราะพวกกูไม่บอก”
“แล้วถ้ามีของมาเซ่น”
“ไม่บอกโว้ย”
“เบอร์สาวอ่ะ”
พี่หนวดทำหน้าลังเลแต่โดนพี่มหาโบกหัวให้เลยทำขึงขังส่ายหน้าปฏิเสธผมทันที
“ตุ๊กตาหมีพูร์ 44 นิ้ว ลิขสิทธิ์แท้อ่ะ”
คราวนี้พี่มหากลืนน้ำลายดังเอื๊อก ท่าทางเสียใจก่อนจะปฏิเสธเสียงแผ่ว “มะ ไม่เอาโว้ย”
“จริงเหรอพี่”
“เออ”
ผมทำท่าขบขัน
“ขำอะไรไอ้แรก” พี่หนวดทำหน้าเซ็งๆ ก่อนจะหันไปสะกิดเจ้าของย่ามสีเหลืองอ๋อย “จัดอะไรคมๆ ให้เด็กน้อยมันฟังหน่อยดิ”
“จัดไป”
พี่นะโมพูดยิ้มๆ เอาจริงๆ นะผมว่าหน้าตาอย่างพี่แกไม่เข้ากับมุกห้าบาทสิบบาทนี่หรอก
“มึงนี่เป็นคนจันป่ะ”
“จันทรบุรี?”
“จัญไรนี่แหละ”
“พวกพี่อ่ะเหรอ ฮ่าๆๆๆ”
“ไอ้ห่าแรก”
ใครจะอยู่ล่ะพวกพี่มันเล่นยกเท้าใส่ขนาดนั้น ผมใส่เกียร์หมาวิ่งหนีทันที วิ่งโดยไม่ดูทิศทางด้วยซ้ำ พอออกตัวได้ถึงได้เบรกตัวแทบไม่ทันตอนประตูห้องพัสดุเปิดออกมา
..ผลั๊วะ...
โอ้ย! วันนี้วันอะไรกันวะเจ็บตัวทั้งวัน
ผมหลับตาปี๋นึกว่าต้องกระเด็นแน่เพราะชนเข้ากับอะไรไม่รู้อย่างแรง แต่ดีว่ามีใครสักคนคว้าเอวผมเอาไว้ไม่อย่างนั้นผมคงล้มกลิ้งแน่ หัวใจผมเต้นระรัวตอนที่ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของน้ำหอมกลิ่นผู้ชายใกล้ๆ จมูก ด้วยความสงสัยจึงลืมตาขึ้นมาดูนั่นแหละเลยเห็นว่าตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของไอ้พี่ปืน
“เป็นอะไรรึเปล่า”
กลิ่นตัวหอมมาก เฮ้ย ไม่ใช่ ผมตาเหลือกรีบดิ้นออกจากอ้อมแขนมันทันที ผมรู้สึกร้อนวูบวาบไปหมดยิ่งเห็นสายตาของพี่เปรี้ยวที่ออกมาพร้อมกับพี่ปืนมองผมอย่างฉงนใจ และบังเอิญว่าแก๊งดอกไม้มันเดินมาทางนี้พอดี ไม่ต้องพูดถึงพี่เม่นกับพี่นะโมวิ่งตามมาติดๆ ถึงกับอ้าปากค้าง
“น้องเป็นอะไรรึเปล่า” พี่เปรี้ยวถาม
“เอ่อ ไม่เป็นไรครับ”
ผมปฏิเสธจนลิ้นแทบพันก่อนจะหลับหูหลับตาเดินหนีออกมาจากสถานการณ์กระอักกระอ่วนใจนั้น แต่ผมคงลืมไปว่าแก๊งดอกไม้มันเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด มันถึงพากันร้องเพลงปีนคีย์เสียงสูงวายป่วงใกล้ๆ หูผม ตอนที่ผมหลบมาอยู่ในครัวได้สักพักหนึ่งแล้ว
“~ได้ชิดเพียงลมหายใจ...แค่ได้ใช้เวลาร่วมกัน~” “หุบปากเลย”
“ถามจริงพี่ปืนตัวหอมป่ะ?”
“ไม่รู้โว้ย”
“เอาดีๆ”
“ไม่”
“จริงเร้อ”
“เออหอม หอมมากพอใจยัง”
ไอ้สามสาวขำก๊าก ขณะที่ผมกุมหัวใจของตัวเองที่ยังเต้นไม่หยุด
ฉิบหายแล้ว ผมเห็นลางฉิบหายมาแต่ไกล
***************************************************
พระอาทิตย์บนฟ้ากำลังเคลื่อนต่ำลงพาให้บรรยากาศยามโพล้เพล้ดูเย็นสบายขึ้นทันตา ตอนนี้สนามฟุตบอลหน้าอาคารเรียนกลายเป็นที่ออกกำลังกายยามเย็นของชาวค่ายไปแล้ว เพราะรุ่นพี่ผู้ชายส่วนใหญ่นำทีมโดยแก๊งสี่โจรกำลังเตะฟุตบอลกับเด็กๆ อย่างสนุกสนาน ได้ยินหัวเราะชอบใจของเด็กน้อยลูกหลานชาวบ้านที่ตอนเย็นๆ มักแวะเวียนมาเล่นกับชาวค่ายเป็นประจำ
หลังจากผมขึ้นไปดูเขมอีกครั้งที่ห้องพักเพราะมันกลับมาจากโรงพยาบาลแล้วตั้งแต่บ่ายแก่ๆ อาการเขมปลอดภัยไม่น่าห่วงพี่ปิงปองเลยให้มันพักผ่อนโดยมีพี่เก้าคอยดูแลอยู่ ผมกับไอ้เบิร์ดเลยเดินลัดเลาะมาตามขอบสนามที่พวกกลุ่มเจ่กับแก๊งดอกไม้จับกลุ่มนั่งเชียร์บอลกันหน้าสลอน แต่ที่แปลกๆ คือพากันยิ้มจนตาเยิ้มทุกคนเลยนี่สิ
เป็นอะไรกันวะ!
“ยิ้มอะไรกันขนาดนั้น”
สะกิดถามไอ้หมวย แต่มันดันหน้าแดงท่าทางเหมือนกำลังจะเสียสติในไม่ช้า มันไม่ตอบแต่ปลายนิ้วชี้ไปที่พี่ปืนแล้วทำเขินบิดไปมา อะไรของมันวะ
“เหมือนมีกระดาษแผ่นหนึ่งติดหลังพี่ปืนอยู่”
“เออใช่”
ผมมองตามนิ้วไอ้เบิร์ดสลับกับมองกลุ่มกองเชียร์ที่นั่งยิ้มตาเยิ้มเชียว
“คำว่าอะไรวะ”
“กูมองไม่ถนัด”
“นั่นๆ พี่ปืนวิ่งมาใกล้ๆ แล้ว”
“อ่านว่าอะไรวะ”
เชี่ยยยยยยยยยย
ผมอ้าปากค้างก่อนจะปล่อยเสียงหัวเราะดังลั่นเมื่อเห็นข้อความที่ติดอยู่บนแผ่นหลังพี่ปืน ซึ่งดูท่าแล้วพี่มันคงจะไม่รู้ตัวเลย
ถ้าไม่อยากเจ็บJim อย่ามานั่งยิ้มให้พี่
...จากบัดด๊อก...
“ถึงว่า”
ผมหลุดขำทันที
“นั่งยิ้มกันหน้าสลอนเชียว คงอยากจะเจ็บกันถ้วนสินะ”
กร้ากกกกกก
กลุ่มเจ่ทำหน้าเขินแบบตลกๆ เล่นเอาผมกับไอ้เบิร์ดขำก๊าก ให้ตายเถอะไอ้บัดด๊อกพี่ปืนแม่งคงจะร้ายพอตัวเล่นเอามาแปะโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวขนาดนั้น ไอ้กลุ่มรุ่นพี่ที่เล่นบอลอยู่นั่นก็เหมือนกัน ไม่มีใครสะกิดบอกพี่มันสักคน ผมแอบเห็นหรอกว่ามีบางจังหวะพวกพี่มันแอบหลุดขำอดีตหัวหน้าแก๊งโจรอยู่
สมน้ำหน้า ปากนรกดีนัก!
ผมกลั้นขำแต่แววตายังวนเวียนอยู่ที่ไอ้พี่ปืนที่ทำตัวกลมกลืนกับเด็กชายชาวบ้าน พากันวิ่งไล่ลูกบอลที่ผลัดกันเตะไปมาก่อนที่ลูกกลมๆ นั่นจะหลุดเข้าไปในประตูฝั่งตรงข้าม ผมถึงเผลอยิ้มเมื่อพี่ปืนทำท่ากระโดดดีใจไม่ต่างจากเด็กน้อยพวกนั้น ซ้ำยังทำท่าดีใจใส่ฝ่ายตรงข้ามท่าทางโคตรกวนตีนจนพี่เม่นที่อยู่อีกทีมยกเท้าใส่
“ว้ายยยยยยยย”
“กรี๊ดดดดดดด”
“ฮือ กูอยู่ทีมเมียพี่ปืน กูจะอยู่ทีมนี้ กูรักเขา”
“ผัวเลยยยยยยย”
“ผัวขาๆๆๆๆๆๆๆ”
“โฮ กล้ามแน่นมาก”
ผมมองแก๊งดอกไม้ทำเสียงกรี๊ดกร๊าดแล้วอ้าปากค้างเมื่อพี่ปืนขยับชายเสื้อยืดขึ้นแล้วพัดไปมาเหมือนคล้ายกับจะคลายร้อนให้ตัวเอง แต่บังเอิญว่าชายเสื้อที่เลิกขึ้นนั่นมันเผยให้เห็นกล้ามเนื้อตรงท้องที่เด่นกระแทกตาทั้งหกลูกเต็มๆ
“เช็ดน้ำลายหน่อย”
“หยี”
ไอ้สามสาวสะบัดหน้าพรืดใส่ผมที่แกล้งเอานิ้วชี้ไปรูดแถวปากพวกมัน
“อีเจส” เจ่เบอร์หนึ่งสะกิดเจ่เบอร์สองแล้วยื่นเป๊ปซี่ให้กระป๋องหนึ่ง “บัดด๊อกมึงฝากมาให้ค่ะ”
พี่เจสเจ่เบอร์สองรับมาโดยไม่ได้ทันสนใจอะไร แต่ผมเริ่มเอะใจจังหวะที่ขยับตัวหนีพอดีกับที่พี่เจสเปิดฝากระป๋องแป๊ปซี่เตรียมยกขึ้นดื่ม แต่แรงอัดที่ทำปฏิกิริยาอยู่ด้านในดันประทุออกพอเปิดปุ๊บ น้ำสีน้ำตาลอัดแก๊สนั่นถึงพุ่งปั๊บ เรียกได้ว่ากลุ่มเจ่โดนพิษน้ำอัดลมกันทั่วหน้า ซ้ำยังกระเด็นไปโดนแก๊งดอกไม้กันคนละนิดละหน่อย
“กรี๊ดดดดดดดดดด”
“อ้ายยยย เปื้อนหมดเลย”
“อีบัดด๊อก อีสารเลว”
พี่เจสดิ้นแด่วๆ ทำเอาคนอื่นพากันขบขันไปทั่วแต่เสียงกรี๊ดของพี่ๆ ทำเอากลุ่มที่เล่นบอลอยู่กลางสนามถึงกับถลาวิ่งมาดู
“เกิดอะไรขึ้นวะ”
ไอ้เบิร์ดที่ลงไปเล่นได้สักพักแล้ววิ่งกลับมาถามคนแรก ตามมาด้วยแก๊งสี่โจรและกลุ่มผู้ชายปีสาม
“มีอะไรเหรอครับพี่”
“ไม่มีจ๊ะน้องปืน”
จากกรี๊ดๆ เมื่อกี้พอไอ้พี่ปืนเอ่ยถามเลยกลับสวมบทเรียบร้อยกันอย่างพร้อมหน้า ซ้ำยังทำตาเล็กตาน้อย กระมิดกระเมี้ยนใส่อีกต่างหาก
“ผมได้ยินเสียงกรี๊ด”
“พวกพี่ถูกบัดด๊อกแกล้งนิดหน่อยจ๊ะ”
“แล้วเป็นอะไรมากรึเปล่าครับ”
“นิดหน่อยจ๊ะ ยังไงพวกพี่ขอตัวไปล้างเนื้อล้างตัวก่อนนะ”
ไม่นิดแล้วมั้งเลอะหน้าขนาดนั้น ว่าพี่กลุ่มพี่แกพร้อมกับแก๊งดอกไม้ก็ผละออกไปล้างตัว
“ยิ้มอะไรของมึง”
“ผมเปล่า”
“เปล่าห่าอะไร มองหลังกูแล้วก็ยิ้มเนี่ย”
“ไม่มีอะไรนี่พี่”
ผมกลั้นขำตาก็มองเหลือบมองแผ่นหลังพี่ปืนที่โดนบัดด๊อกตัวเองแกล้งอยู่แต่ยังไม่รู้ตัว พี่ปืนหันมามองหน้าผมแล้วหรี่ตามองอย่างสงสัยผมเลยรีบหยุดขำแต่ดูจะไม่ทันเสียแล้วเพราะพี่แกเอี้ยวมองข้างหลังตัวเองทันที
“เชี่ย”
เสียงพี่ปืนสบถแรงๆ มือก็พยายามดึงไอ้กระดาษแผ่นนั้นทิ้ง พี่ปืนมองผมตาขุ่นที่ไม่ยอมช่วยมันดึงไอ้แผ่นนั่นทิ้ง สุดท้ายพี่แกเลยถอดเสื้อออกแล้วเปลือยท่อนบนซะเลยเพราะดึงเท่าไหร่ไอ้กระดาษนั่นก็ไม่หลุดสักที
...เชร้ดดดดด...
ผมทำหน้าเลิ่กลั่กเพราะกลุ่มเล่นบอลแม่งกลับไปเล่นต่อแล้ว ตรงนั้นเลยมีแค่ผมกับพี่มัน
“ฝากที”
อะไรนะ
อยู่ๆ เสื้อยืดที่ถูกถอดออกก็โยนมาคลุมหัวผมจนสะบัดหน้าแทบไม่ทัน ก่อนจะปัดเสื้อยืดสีดำให้พ้นจากหน้าแรงๆ
“ทำอะไรของพี่เนี่ย”
“ฝากเสื้อไง”
“โคตรสกปรก”
ซกมกขนาดนี้ไอ้พวกแก๊งดอกไม้เสือกร่ำร้องว่าจะอยู่ทีมเมียไอ้พี่ปืน ให้ตายเถอะ
“ขำอะไรอีก”
“พี่รู้ป่ะ?”
พี่ปืนทำท่าสนใจขณะที่ยกขวดน้ำขึ้นดื่มไปด้วย ผมแทบสำลึกจังหวะที่พี่ปืนกลืนน้ำแล้วมีน้ำที่กระฉอกจากขวดไหล่ลงมาตามลำคอจนถึงหน้าอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ
“พูดสิรอฟังอยู่”
ผมกลืนน้ำลายตัวเองแทบไม่ทัน
“ว่าไง”
“คือ”
พี่ปืนกระตุกยิ้มมุมปาก แต่จังหวะนั้นแหละทำเอาผมถึงกับมึนเบลอไปชั่วคราว
“กูรอฟังอยู่”
“เพื่อนผม เอ่อ มันบอกว่าอยากอยู่ทีม เอ่อ ทีมเมียพี่ปืน”
“หือว่าไงนะ?”
“ไม่ได้ยินก็แล้วไป”
ผมพูดรัวๆ แล้วหันหลังตามเดินหนีแต่เสียงที่ดังตามหลังมาให้ได้ยินนั่นทำเอาฝ่าเท้าผมชะงักกึก
“แล้วมึงไม่อยากอยู่ทีมนี้กับเขาบ้างรึไง” .
.
.
สัดเอ้ย แล้วมึงจะยิ้มทำไมเนี่ยไอ้ห่าแรก
.
.
บึ้ม!
เหมือนหัวใจจะระเบิดเปิดตัวคู่รอง + ฮืออพี่ปืนผัวขา ไหนๆใครอยู่ทีมเมียพี่ปืนแสดงตัวด่วนๆ 
เม้นท์หน่อยนะพวกเราชาวทีมเมียพี่ปืน
หวีดในทวิตติด #ค่ายสร้างรัก และ #ทีมเมียพี่ปืน