ตัวร้าย
23
“มากันแล้วหรือลูก”
ยายยิ้มกว้างกล่าวต้อนรับทันทีที่พวกผมลงจากรถ แอบแปลกใจเล็กน้อยเพราะไม่ได้มีเพียงตากับยายเท่านั้นที่ยืนต้อนรับอยู่กระทั่งลุงกับป้าและพี่ชายอีกคนก็ยืนอยู่ด้วยเช่นกัน
“สวัสดีครับตา สวัสดีครับยาย ลุงป้าสวัสดีครับพี่ดอยสวัสดีครับ”
ผมเดินเข้าไปกอดยายที่อ้าแขนรอรับอยู่จากนั้นก็ตาแล้วก็ทุก ๆ คน พวกบีสท์และเพื่อน ๆ ต่างพากันยกมือไหว้ผู้ใหญ่ด้วยความนอบน้อม ญาติ ๆ ผมยิ้มกว้างทักทายพวกเขาแล้วยายก็เชื้อเชิญทุกคนเข้ามาในบ้าน ผมหันไปยิ้มบางให้บีสท์แล้วกวักมือเรียกเขาให้เดินมาข้าง ๆ
“กูว่าค่อยบอกตอนเรากลับกันดีไหม”
บีสท์ก้มตัวมากระซิบบอกให้ได้ยินกันสองคน ผมหันไปเลิกคิ้วถามเขาจึงรีบอธิบาย
“กูไม่อยากให้มันกร่อยน่ะ อย่างน้อยก็อยากให้เพื่อนเที่ยวกันอย่างสบายใจ”
ผมเกือบคล้อยตามคำพูดของบีสท์แล้วเพราะจริงอย่างที่เขาพูดนี่มันเรื่องของเราสองคนจึงไม่อยากให้เพื่อนมากังวลไปด้วยแต่เสียงของพวกที่อยู่ข้างหลังดังขัดขึ้นเสียก่อน
“บอกไปเลยเถอะ จะช้าจะเร็วยังไงก็ต้องพูดไม่ใช่หรือไง ถ้าจบดีก็แฮปปี้ไม่โอเคก็หาที่อยู่ใหม่แต่ก็เที่ยวกันเหมือนเดิมไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย”
เสียงของเปาพูดขึ้นเนิบ ๆ พี่ยอดชะงักเท้าที่กำลังจะเดินเข้าบ้านหันกลับมามองเมื่อเห็นว่าพวกผมไม่ได้เดินตามเข้าไปผมจึงหันไปพูดกับพี่เขาก่อน
“เดี๋ยวขอพวกผมคุยกันแปบนึงนะครับเดี๋ยวตามเข้าไป”
“อ่า โอเค ๆ รีบเข้ามานะแดดมันร้อน”
คล้อยหลังพี่ยอดไปแล้วพวกเราก็ล้อมวงมองหน้ากันไปมา นาฟยิ้มกว้างจนตาหยีคว้ามือผมไปบีบเบา ๆ
“ไม่ต้องห่วงนะซันเอาตามที่ทั้งสองคนสบายใจเถอะ พวกเราโอเคหมดแหละ”
ผมหันไปหาบีสท์เห็นท่าทีลังเลของเขาก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ผมเองก็กลัวเหมือนกันว่าที่บ้านจะรับเรื่องของผมกับบีสท์ไม่ได้แต่ถึงอย่างไรผมก็จะไม่ยอมแพ้เรื่องของเรา ผมจะทำจนกว่าทุกคนจะยอมรับ
“ถ้าไม่พูดจะอึดอัดไหม”
บีสท์ถามผมเสียงนุ่ม ผมเม้มริมฝีปากอยากจะบอกว่าไม่เป็นอะไรแต่ก็เลือกที่จะตอบความจริงออกไป ผมพยักหน้าให้เขาแทนการตอบรับ บีสท์ยิ้มบางมือใหญ่ยกขึ้นมาลูบหัวผมแผ่วเบาแล้วหันไปมองเพื่อนเขาทุกคน
“เป็นกำลังใจให้กูสองคนด้วยนะ”
“โอเค!! // อยู่แล้วน่า!!”
พวกเขาทุกคนยกนิ้วโป้งมาให้ บีสท์สูดลมหายใจลึกแล้วผ่อนออกมาตาคมมองตรงมาที่ผมแล้วพยักหน้า ผมยื่นมือไปหาเขา ยามที่มือของเราทั้งสองคนสัมผัสกันมันทำให้ความมั่นใจของผมเพิ่มมากขึ้นและไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นสำหรับผมแล้วไม่มีทางที่จะเลือกปล่อยมือคู่นี้ไป
พวกเราทั้งสิบสามคนเดินก้าวเข้ามาภายในห้องนั่งเล่นที่ญาติผมทุกคนอยู่กันครบ พวกท่านใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มยินดีจนใจผมฝ่อ แต่เมื่อหันไปมองบีสท์แล้วเห็นรอยยิ้มบางของเขาความกลัวของผมก็หายไป ผมย่อตัวลงค่อย ๆ คลานเข่าเข้าไปหาตากับยาย ทุกคนต่างงงงวยกับการกระทำของผม ผมกราบเท้าตากับยายก่อนจะนั่งพับเพียบตรงหน้าท่านทั้งสอง
“มีอะไรหรือเปล่าซัน”
ตาถามขึ้นมาด้วยความแปลกใจ ผมพยักหน้าเม้มปากแน่น ยายเอื้อมมือมาลูบหัวผมเบา ๆ
“ผมมีเรื่องสำคัญมากที่ต้องบอกทุกคนครับ”
“ไหนมีอะไรลองบอกตากับยายมาซิ”
ยายยังคงรอยยิ้มไว้บนใบหน้าไม่จางหายผมหันหลังไปหาบีสท์ เขาพยักหน้าให้ผมแล้วค่อย ๆ คลานเข่าเข้ามาอยู่ข้างผมและกราบเท้าตากับยายอย่างที่ผมทำ ตากับยายและญาติทุกคนมองการกระทำของบีสท์ด้วยความงงงวยแต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาจนกระทั่งเสียงทุ้มของบีสท์เปล่งออกมา
“ผมชื่อบีสท์ครับ
เป็นคนรักของซันครับ”
ทุกคนนิ่งเงียบ มือของยายชะงักค้างอยู่กลางอากาศรวมทั้งรอยยิ้มที่ค้างอยู่บนใบหน้าของยายค่อย ๆ จางลง ผมเริ่มเป็นกังวลเมื่อความเงียบครอบงำพวกเราทั้งหมดมือใหญ่เลื่อนมากอบกุมมือของผมไว้แล้วบีบให้กำลังใจเบา ๆ
“คิดอย่างไรถึงมาบอกพวกเรา”
ในที่สุดเสียงทุ้มนิ่งน่าเกรงขามของตาก็ทำลายความเงียบขึ้นมา ผมเม้มปากบีบมือบีสท์แน่นมองร่างสูงข้างกายผมด้วยสายตาเป็นกังวลแต่บีสท์ยังคงความนิ่งไว้ได้อย่างดี ใบหน้าหล่อคมมองตรงไปยังตาและยาย ท่าทางองอาจแต่ไม่ได้แข็งกร้าวแต่อย่างใด เขากระชับฝ่ามือของผมไว้ก่อนรอยยิ้มบางจะปรากฏบนใบหน้าหล่อ
“เพราะว่าเป็นความต้องการของซันครับ”
“หมายความว่าถ้าซันไม่ต้องการเธอก็จะไม่บอกพวกเราอย่างนั้นหรือ”
บีสท์พยักหน้า
“ครับ ผมทำทุกอย่างที่ซันสบายใจ”
“แล้วการทำแบบนี้เธอสบายใจไหม มันไม่ใช่ความรักตามธรรมชาติหรอกนะ แล้วถ้าพวกเราตอบว่ารับไม่ได้ล่ะเธอจะทำอย่างไร”
“ทุกอย่างที่ซันต้องการมันคือความสบายใจของเราทั้งคู่ครับ ผมรู้ว่าไม่ใช่ทุกคนจะรับได้กับความรักของเราแต่พ่อแม่ของผมบอกเสมอว่าให้ซื่อสัตย์กับตัวเองและในเมื่อตอนนี้
คนที่ผมรักคือซันผมก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องกลัวกับสายตาคนรอบข้างครับแต่ผมแคร์ความรู้สึกของคนสำคัญของซันมากกว่า"
“...”
“เพราะพวกท่านสำคัญกับซันการบอกเรื่องของเราสองคนจึงเป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน แต่ถ้าพวกท่านไม่อาจเข้าใจความรู้สึกของเราสองคนได้นั้น...”
“เธอจะทำอย่างไรล่ะ”
“
ผมจะพิสูจน์จนกว่าพวกท่านจะเข้าใจเราครับ แต่ผมต้องกราบขอโทษที่ผมไม่สามารถปล่อยมือคู่นี้ไปได้จริง ๆ”
“คิดว่าจะไปได้สักกี่น้ำกัน”
“ผมไม่ทราบครับแต่ตอนนี้ผมมีความสุขที่ได้อยู่ด้วยกันได้ทำให้เขายิ้ม วันข้างหน้าผมไม่สามารถตอบได้จริง ๆ ว่าจะเป็นอย่างไรเราอาจจะเลิกกันหรือเราจะยังรักกันผมไม่รู้ผมรู้แค่ว่าตอนนี้เรามีความสุข เราได้ทำสิ่งที่เราอยากทำสำหรับผมเท่านี้ก็เพียงพอครับ”
“ซันล่ะว่าไง”
ตาหันมาถามผมเสียงนิ่ง ผมกระตุกเล็กน้อยบีบมือบีสท์ไว้แน่น
“ครับอย่างที่บีสท์พูด ผมไม่สนว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรผมรู้แค่ว่าวันนี้ผมมีความสุขมากกว่าเมื่อก่อน บีสท์...และเพื่อน ๆ ถึงจะเป็นเวลาไม่นานที่ได้รู้จักกันแต่มันก็เป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขมาก ผมมีความสุขมากจริง ๆ ครับถึงพรุ่งนี้จะต้องเสียใจก็ไม่เป็นไรแต่ขอร้อง...ให้เราได้พิสูจน์ก่อนได้ไหมครับ”
“...”
“ขอร้อง...อย่าเพิ่งให้เราต้องเลิกกันเลยนะครับ”
ผมพยายามควบคุมเสียงตัวเองไม่ให้สั่นแต่ก็ทำได้ยากเหลือเกินผมก้มหน้านิ่งเพราะไม่อาจสู้สายตาของญาติ ๆ ได้ ไม่อยากเห็นว่าพวกเขามองผมด้วยสายตาแบบไหน
“เขาทำให้ซันเปลี่ยนไปใช่ไหม”
ผมก้มหน้าเม้มปากแน่น มันเป็นคำถามที่ผมคิดไว้อยู่แล้วว่าจะต้องได้ยินอะไรแบบนี้ไหล่ของผมเริ่มสั่นขอบตาร้อนผ่าวมือสองข้างบีบมือบีสท์ไว้เขาเองก็กระชับตอบกลับมาเช่นกัน
“ครับ บีสท์ทำให้ผมเปลี่ยนไป เขาทำให้ผมรู้จักความสุข มิตรภาพ ความอบอุ่นที่ผมขาดหายไปได้ทำให้ผมรู้...ว่าอย่างน้อยผมก็มีที่ให้กลับ ที่ ๆ เป็นของผม ความสุขของคำว่า
บ้าน การได้เจอและได้อยู่กับพวกเขาทำให้ผมเปลี่ยนไปหลายอย่างครับและแน่นอน อึก...มันทำให้ผมเป็นคนที่ดีขึ้น”
ผมพรั่งพรูคำพูดทั้งหมดออกมาในคราวเดียวพยายามแล้วที่จะกลั้นสะอื้นแต่ทำไม่ได้จริง ๆ ผมยังคงก้มหน้าปล่อยให้น้ำตาไหลหยดบนตัก ถ้าคำตอบของตากับยายคือให้เราเลิกกัน...ผมตอบได้เลยว่าผมไม่รู้จริง ๆ ว่าจะแก้ไขปัญหาได้อย่างไร ถ้าพรุ่งนี้ไม่มีบีสท์ผมจะเป็นอย่างไรผมไม่ได้คิดเอาไว้เลย
“แล้วอยู่กับตากับยายซันไม่มีความสุขเลยหรือลูก”
ยายถามเสียงสั่น ผมรีบส่ายหัวจนผมสะบัด
“ไม่ใช่ครับ อยู่บ้านนี้ผมมีความสุขเสมอแต่ภาพที่มีแม่อยู่ด้วยมักจะสะท้อนเข้ามาให้ผมคิดถึงและมันทำให้ผมเจ็บ เจ็บที่เสียแม่ไป เจ็บกับคำหลอกลวงของผู้ชายคนนั้น มันเจ็บไปหมดเลยยาย ฮึก...ผมถึงเลือกจะแยกไปอยู่บ้านเล็กเพราะอย่างน้อยที่ตรงนั้นก็ไม่มีความทรงจำของแม่หรือของเขา ขอโทษนะครับ”
“ซันคิดแบบนั้นมาตลอดเลยหรือ”
แทนคำถามของตาผมพยักหน้าทั้งน้ำตาเป็นคำตอบ บีสท์เปลี่ยนจากจับมือมาเป็นโอบไหล่ผมไว้
“ข...ขอโทษครับ ถ้าการที่ผมเป็นแบบนี้ทำให้ตากับยายผิดหวัง แต่...ขอโอกาสให้เราหน่อยได้ไหมครับ”
“เธอน่ะ ชื่อบีสท์ใช่ไหม”
ตาไม่ตอบคำถามของผมแต่กลับเรียกบีสท์แทน
“ครับ”
“รู้จักซันได้ไง”
“เราเรียนที่มหาวิทยาลัยเดียวกันครับแต่คนละคณะ ผมเห็นซันโดยบังเอิญแต่สิ่งที่ทำให้ผมสนใจในตัวเขาคือเขายิ้มทั้งที่สายตาว่างเปล่าได้อย่างไร มันเลยทำให้ผมคอยสังเกตเขามาตลอด เขามีคนเข้าหามากมายแต่ผมไม่เห็นสักครั้งที่เขาจะยิ้มอย่างมีความสุข นานวันเข้าก็กลายเป็นว่าผมไม่สามารถละสายตาจากซันได้ครับแล้วก็ทำให้ผมคิดว่าพอจะมีวิธีไหนที่จะทำให้เขายิ้มได้จากใจบ้าง นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมเข้าไปทักซันครับ”
“...”
“...”
“ซันมาหาตากับยายหน่อย”
ผมหันไปถามความเห็นบีสท์ คนตัวโตกว่ายิ้มบางยกมือเช็ดน้ำตาให้แล้วพยักหน้าให้ผมเป็นคำตอบ ผมสูดลมหายใจแล้วค่อย ๆ ขยับตัวเข้าไปใกล้ตากับยาย ยายเชยคางผมขึ้นแล้วบรรจงเช็ดน้ำตาให้อีกรอบอย่างเบามือตาลูบหัวของผมเบา ๆ
“เขาทำให้ซันมีความสุขไหม”
“ครับ”
“แล้วถ้าเขาทำให้ซันเสียใจล่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ เพราะอย่างน้อยก่อนหน้านั้นผมก็มีความสุขมาก ๆ แล้ว”
“เปลี่ยนไปจริง ๆ ด้วยสินะ”
ผมหลุบตาก้มหน้าลง น้ำตาตั้งท่าจะไหลออกมาอีกรอบ
“
ถ้าอย่างนั้นตาฝากดูแลซันด้วยนะบีสท์”
ผมเงยหน้าขึ้นทันทีที่ตาพูดจบประโยค ตาก้มลงสบมองผมแล้วยิ้มอ่อนโยนมาให้ยายเองก็เช่นกัน ยายประคองแก้มผมแล้วลูบเบา ๆ
“อะไรที่เป็นความสุขของซันตากับยายไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องขัดขวางหรอกนะ ขอแค่เป็นสิ่งที่หลานทำแล้วมีความสุขต่อให้คนอื่นจะว่าอย่างไรตากับยายก็จะอยู่ข้าง ๆ หลานเอง”
“พวกเราด้วยต่างหาก”
ผมหันไปตามเสียง คนที่พูดขึ้นมาคือลุงโดยมีป้ากับพี่ชายทั้งสองยิ้มและพยักหน้าส่งมาให้ ผมยิ้มทั้งน้ำตาแล้วก้มกราบที่ตักตากับยายแล้วหันไปไหว้ขอบคุณลุงป้าและพี่ ๆ
“ขอบคุณครับ ขอบคุณจริง ๆ ฮึก...ขอบคุณมาก ๆ ครับ”
ผมพูดขอบคุณซ้ำ ๆ ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่คุ้นเคยบนศีรษะ บีสท์ขยับมาอยู่ข้าง ๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ใบหน้าหล่อของเขาเจือรอยยิ้มของความยินดี เขากราบเท้าตากับยายแล้วหันไปไหว้ครอบครัวของผมทุกคน
“ขอบคุณมากครับที่เข้าใจเรา ผมจะดูแลซันให้ดีที่สุดครับ”
“ดีมากไอ้น้อง แต่ถ้าทำน้องพี่เสียใจเมื่อไหร่ตัว ๆ กันได้นะบอกเลย”
พี่ยอดกำหมัดส่งมาให้บีสท์ คนหน้าหล่อยิ้มแล้วพยักหน้ารับด้วยความยินดี
“ผมจะยืนให้พี่ต่อยโดยไม่โต้ตอบเลยครับถ้ามีวันนั้น”
“ไอ้หมอนี่ถูกใจตาจริง ๆ”
ตาพูดกลั้วหัวเราะแล้วหันไปกวักมือเรียกพวกเพื่อน ๆ บีสท์เข้ามานั่งกันดี ๆ ในห้องรับแขก ผมหันหลังไปมองพวกเพื่อนปรากฏว่าพวกผู้หญิงปาดน้ำตากันป้อย ๆ อ้อรวมมาร์คเข้าไปอีกคน สกายแอบตาแดงนะผมเห็นส่วนพวกผู้ชายที่เหลือยิ้มกว้างด้วยความยินดี พวกเขาทั้งหมดยกมือไหว้ขอบคุณครอบครัวของผมกันเสียยกใหญ่
“น่ารักจริง ๆ เด็กพวกนี้ ไป ๆ ไม่เศร้ากันแล้วนะยายทำกับข้าวไว้รอเต็มเลยไปกินข้าวกันดีกว่าแล้ววันนี้จะไปเที่ยวที่ไหนกันจ๊ะเด็ก ๆ”
ยายเอ่ยเปลี่ยนบรรยากาศด้วยรอยยิ้มแล้วเดินนำพวกเราไปยังโต๊ะกินข้าวตัวยาวที่นาน ๆ ทีคนจะเต็มโต๊ะแบบนี้
“วันนี้สายบุญค่ะ พวกเราจะไปทำบุญฉลองให้ความรักที่สมหวังของเพื่อน ว่าจะไปไหว้พระธาตุดอยสุเทพค่ะ แล้วก็จะไปดอยปุยแวะหาอะไรกินในเมืองกันอีกนิดหน่อยแล้วคงเดินถนนคนเดินตอนเย็นเลยค่ะเพราะวันที่เหลือพวกหนูว่าจะไม่เข้าในตัวเมืองกันแล้ว”
แจมตอบยายด้วยน้ำเสียงร่าเริง สาว ๆ พอจบเรื่องของผมกับบีสท์ก็ชวนป้ากับยายคุยโน่นคุยนี่เช่นเดียวกับพวกเพื่อนผู้ชายที่จับเข่าคุยกับตาลุงและพี่ชายของผมอย่างถูกคอ อาหารเช้าวันนี้ดีกว่าวันไหน ๆ ผมรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก หันไปมองบีสท์เขาก็มองมาที่ผมเช่นกัน เราสองคนยิ้มกว้างให้กัน
นี่สินะความสุขของการได้รักและถูกรัก
ความเข้าใจของคนในครอบครัวมันทำให้ผมยิ้มกว้างกว่าวันไหน ๆ
ขอบคุณครับทุกคน แม่ครับ...ซันมีความสุขมากเลย
“บ้านสวยกันจังเลยจ๊ะ”
เสียงของยายดังขึ้นหลังจากที่พวกเราช่วยกันขนข้าวของพวกผู้หญิงขึ้นไปเก็บที่ชั้นสองและชั้นสาม บ้านหลังนี้มีครอบครัวของลุงอาศัยอยู่กับตายายด้วย ห้องรับแขกจึงสร้างไว้หลายห้องเพราะญาติทางฝั่งแม่ของผมเยอะ รวมญาติทีต้องพากันไปเบียดเบียนบ้านพักของรีสอร์ตประจำเพราะพักกันไม่พอ หน้าที่ขนของพวกผู้ชายเป็นคนรับผิดชอบส่วนพวกสาว ๆ นั่งคุยเล่นกับยายอยู่ด้านล่าง
“สวยใช่ไหมคะพวกเราช่วยกันออกแบบค่ะ”
“สวยมากเลยจ้ะแล้วอยู่ด้วยกันทั้งหมดเลยหรือลูก”
“ใช่ค่ะตอนนี้มีซันเป็นสมาชิกใหม่ด้วย”
เมเปิ้ลตอบแล้วหันมายิ้มกว้างใส่ผม ยายเงยหน้าจากจอโทรศัพท์มามองแล้วยิ้ม
“ขอบคุณพวกหนู ๆ มากเลยนะยายไม่ได้เห็นซันมีความสุขแบบนี้มานานแล้ว”
“ไม่เป็นไรเลยค่ะยาย ซันก็เป็นเพื่อนเราคนนึงอีกอย่างเพื่อนรักใครเราก็รักด้วยค่ะ”
เจนยิ้มหวานกอดเอวอ้อนยาย ยายผมดูจะชื่นชอบพวกสาว ๆ เหลือเกินอาจเป็นเพราะหลาน ๆ ที่มีเป็นผู้ชายกันหมดเลยไม่มีใครมาอ้อนยายแบบนี้
“ซันพาพวกเพื่อน ๆ ไปเก็บของที่บ้านเล็กเถอะลูก เดี๋ยวสายกว่านี้ขึ้นดอยสุเทพจะร้อน”
“ครับ ตามมาพรรคพวก”
ผมหันไปกวักมือเรียกพวกเพื่อน บีสท์อมยิ้มผลักหัวผมเบา ๆ แล้วเดินตามมากับพวกผู้ชายที่เหลือ ผมพาพวกเขาเดินลัดเลาะมาทางหลังบ้านใหญ่ผ่านสวนที่ตาเอาต้นไม้มาลงไว้จนเขียวครึ้มทำให้ทางไปบ้านเล็กของผมเหมือนเดินเข้ามาในป่าต้องห้ามในแฮรี่พอตเตอร์อย่างไรอย่างนั้น พอมาถึงมาร์คก็ร้องออกมาเสียงดัง
“โอ้โห บ้านน่ารักอ่ะชอบ!!!!!”
“เออสวย”
เสียงนี้เป็นของเปาและพวกที่เหลือต่างเออออตอบรับไปในทางเดียวกัน บ้านเล็กของผมสร้างขึ้นมาหลังจากแม่เสียและผมย้ายมาอยู่เชียงใหม่กับตายายชั่วคราว อย่างที่เคยบอกไปว่าอยู่บ้านใหญ่แล้วความทรงจำเกี่ยวกับแม่มีมากเหลือเกิน ผมจึงขอตากับยายแยกออกมาสร้างบ้าน อืม...เรียกว่ากระท่อมก็ได้ หลังเล็ก ๆ ชั้นครึ่งบ้านผมเป็นบ้านไม้สร้างจากไม้สัก ในบ้านก็คล้าย ๆ คอนโด ชั้นล่างเป็นโซฟามีโทรทัศน์ถัดไปเป็นโซนครัวเล็ก ๆ ไว้ทำอะไรกิน ห้องน้ำ ส่วนชั้นลอยมีบันไดปีนขึ้นไปเป็นที่นอน แค่นี้แหละบ้านเล็กของผม
“เดี๋ยวแบ่งกันนอนข้างบนกับข้างล่างนะ”
ผมบอกพวกเขาหลังจากที่พวกเราเดินข้ามสะพานไม้มายังตัวบ้าน ดีที่บอกยายไว้ก่อนท่านเลยให้คนมาเคลียร์และทำความสะอาดบ้านไว้ให้ โซฟาที่เคยอยู่กลางบ้านถูกย้ายให้ชิดริมผนังแล้วเอาที่นอนมาปูไว้ให้เรียบร้อย
“พวกกูนอนข้างล่างกันก็ได้ เชิญมึงสองคนนอนข้างบนกันไปเถอะ แต่อย่าทำไรเสียงดังกันนะมันโอเพ่น ฮิฮิ”
มาร์คบอกกลั้วหัวเราะแล้วหันไปหัวเราะท่าทางประหลาดกับสกายเปาและเชน
“แล้วจะนอนเบียดกันข้างล่างตั้งห้าคนทำไม ข้างบนก็นอนกันได้ตั้งสามสี่คน”
บีสท์บอกแล้วยกเท้าถีบตูดเพื่อนเบา ๆ สกายเบ้ปากสั่นหัว
“กูคนนึงแหละที่ไม่อยากเป็นเห็บหมาส่วนเกินของพวกมึง”
“กูด้วย กูจองข้างล่าง”
ว่าแล้วเปากับสกายก็เข้าสู่สภาวะทิ้งตัวล้มตัวลงนอนฉี่จองที่กันเป็นที่เรียบร้อย เชนกับมาร์คเห็นดังนั้นจึงรีบทิ้งตัวลงนอนตามเพื่อนเหลือยูยืนเกาหัวอยู่คนเดียว ชายยูหันมายิ้มแห้งมองผมกับบีสท์
“กูสินะเห็บหมาของทริปนี้”
“ฮ่า ๆ ๆ อัญเชิญหน้าที่ ก ข ค ง จ ฉ ให้มึงเลยชายยูหลังจากที่กูเคยเป็นมาแล้ว”
เปาชูไม้ชูมือยกนิ้วโป้งให้ยู คุณชายยิ้มขำแล้วหันมาพยักหน้าให้บีสท์
“จะทำอะไรกันก็เกรงใจกูที่นอนข้าง ๆ ด้วยแล้วกันนะ”
“ยู!!!!!!!”
ผมแหวเขาเสียงดัง แม่งเห็นเงียบ ๆ แบบนี้ยูเป็นคนที่ล้อแล้วผมรู้สึกเขินมากที่สุดในบ้านเลย พวกเพื่อนที่เหลือรวมทั้งบีสท์หัวเราะชอบใจ บีสท์กอดคอผมแล้วหันไปยักคิ้วใส่ยู
“จะพยายามนะ”
“บีสท์!!!!!”
แต่เขินกว่ายูล้อก็แฟนตัวเองเวลาที่เขาเล่นไปกับเพื่อนเขานี่แหละ!!!
“เออแต่จะว่าไป ครอบครัวมึงใจดีมากเลยว่ะ ตอนที่มึงบอกพวกเขานะ กูลุ้นเยี่ยวแทบราด”
เชนที่นอนกลิ้งทับพุงเปาไปมาผงกหัวขึ้นมาพูด พวกที่เหลือพยักหน้าเห็นด้วย
“เออ กูร้องไห้เลย”
มาร์คบอกเลยโดนเปาผลักหัว
“แหมอินอย่างกับเรื่องตัวเอง”
“เล่นใหญ่รัชดาลัยเทียร์เตอร์มากไอ้มาร์ค”
คนถูกหาว่าเล่นใหญ่ปรายตามองเหยียดคนว่า
“แหมมมมมมมมมมไอ้หมอสกายยยยยยยย แล้วใครที่มันแอบหันไปปาดน้ำตาตอนยายอนุญาตให้มันสองคนคบกันวะ”
สกายลอยหน้าลอยตายักไหล่เป็นคนอินเดีย
“ไหน ใครร้อง ไม่มี๊ กูคนคูล ๆ”
“ใช่ ๆ สกายคนคูล ถ้ามึงอยากคูลเหมือนสกายมึงต้องขอผู้ชายแต่งงานนะมาร์ค”
“ไอ้สัดเชนไม่จบนะมึง!”
แล้วก็เกิดสงครามปาหมอนขึ้นเหตุจากเชนรื้อฟื้นเรื่องที่สกายเคยไปขอเพื่อนพี่สาวของมันแต่งงานตอนเด็ก ๆ เรื่องนี้ถือเป็นไม้เด็ดของทุกคนเวลาเอาคืนสกายมันไม่ได้ พูดเรื่องนี้ทีไรมันจะแพ้ทุกที คิดแล้วก็ขำแล้วก็อยากเห็นหน้าพี่ที่มันไปขอเขาแต่งงานด้วยเลย แต่เห็นเชนบอกว่าหล่อและสกายน่าจะไม่ได้เป็นผัว หึหึ สมน้ำหน้า!
เธอทำให้ฉันรู้และเข้าใจคำว่าสองเรา ไม่ว่าจะร้อนหรือว่าจะหนาวก็ไม่กลัว
มีเธอที่รักข้างในจิตใจ ให้ฉันก้าวเดินต่อไป ต่อจากนี้
เธอและฉัน จับมือเคียงกันนับจากนี้ ผ่านความเดียวดายที่สองเรานั้นเคยมี
เมื่อมีเธอคนที่แสนดีอยู่ตรงนี้
มากกว่านั้น ยิ่งมีกันและกันมากแค่ไหน มีเพียงคำว่ารักที่สองเรานั้นเข้าใจ
รักเพียงเธอและตลอดไป แค่เธอกับฉัน
ของขวัญ- Musketeers
tbc
talk. ซันนางทำบุญมาด้วยอะไรหรอคะ ทำไมผู้นางดี๊ดีขนาดเนร้!!!! ไม่ให้บีสท์แล้วได้ป่าว ฮึ่ยยยย แล้วก็ดีใจจังมีแต่คนถามหาพี่อิน สงสัยจะคิดถึงนางกันมากใช่มั้ยจ๊ะ ฮ่าาาาาาาาา ไม่มาหรอกน่าเอามาทำไมเสียรมเนอะ บอกแล้วว่านิยายเราใส ๆ ดราม่านิ๊ดดเดียวเท่านั้นแหละ โดยส่วนตัวแล้วเรื่องนี้เราต้องการให้คนอ่านอินกับผองเพื่อนพวกนางเหมือนเรานี่แหละ ฮ่าๆ จะบอกว่าเวลาแต่งพวกนางอยู่ด้วยกันทีไรแล้วเรามีความสุข เพื่อนบ้าพวกนี้เวลาจริงจังมันก็จริงจังกันนะเออ
มาต่อให้แล้วน้า ดีใจมาก ๆ ที่มีคนชอบเรานะนั่งอ่านคอมเม้นวน ๆ จะร้อยรอบแล้วมั้ง มีความสุขอ่ะทั้งในนี้ในเฟสในทวิตเราอ่านหมดขนาดตัวอีโมเรายังยิ้มอ่ะคิดดู เราไม่ได้สูบกัญชานะเฮ้ย ก๊ากก พอ ๆ พล่ามเยอะตลอด ถ้าใครนึกบ้านเล็กของซันไม่ออกก็จะประมาณนี้นะคะ แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ ไปเที่ยวจริง ๆ สนุกสนานเฮฮามากบอกเลอออออออ
ขอบคุณรูปภาพจาก pinterest #นิยายตัวร้าย
