ตัวร้าย
24
“เหยบ้านน่ารักอ่ะ”
สาว ๆ ทำเสียงตื่นเต้นเดินเข้ามาสำรวจในบ้าน สงครามปาหมอนจบลงก่อนหน้าพวกเธอเข้ามาไม่กี่นาที พวกเพื่อนบ้านอนตายเปิดพุงหอบหายใจกันอยู่ เมื่อพวกเธอเดินชมกันจนพอใจแล้วแพรวจึงเดินมาเอาเท้าสะกิดพวกที่นอนตายกันอยู่ ตอนนี้ใกล้จะสิบโมงแล้วพวกเราควรจะออกจากบ้านได้สักที
ที่หมายแรกของพวกเราวันนี้คือเดินทางไปสักการะขอพรจากพระธาตุดอยสุเทพ ผมว่าวันนี้อากาศดีนะแดดไม่จ้าเหมือนฝนจะตกแต่ก็ยังไม่ตก ฟ้าครึ้ม ๆ ผมชอบอากาศแบบนี้บวกกับใกล้เข้าหน้าหนาวแล้วอากาศที่นี่เย็นลงนิดหน่อย พวกเราแวะสักการะครูบาศรีวิชัยก่อนจะเดินทางต่อไปยังดอยสุเทพ
ด้วยความเฟี้ยวเงาะของพวกบ้าทั้งหลายจึงไม่ยอมขึ้นกระเช้ากัน แกนนำคือมาร์คที่ท้าพนันว่าใครขึ้นคนสุดท้ายต้องจ่ายค่าข้าวเย็นวันนี้และรองสุดท้ายจ่ายค่าข้าวกลางวัน โดยต่อให้พวกผู้หญิงขึ้นนำไปก่อนห้านาที พอครบเวลาปุ๊บสงครามก็เริ่มขึ้นทันทีโดยเฉพาะแก๊งสี่กุมารผมเห็นพวกเขาวิ่งแล้วก็กลัวว่าข้อเข่าจะเสื่อม ผม บีสท์ ยู ใช้การเดินเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็ถึงเพราะผมรู้ดีว่าเดี๋ยวอีกสักพักสี่กุมารมันต้องนั่งหอบลิ้นห้อยตรงขั้นบันไดไหนสักขั้น
และก็จริงอย่างที่ผมคาดเดา ศพแรกที่ผมสามคนพบคือมาร์คเกาะราวบันไดพญานาคหอบแฮ่ก ยูหัวเราะขำเดินเข้าไปหายื่นขวดน้ำให้
“ขอบพระทัยมากพะยะค่ะท่านชายยู”
“เหนื่อยจนประสาทหลอนรึไง”
“เออเหนื่อยชิบเป๋งแม่งเอ๊ย ไม่ได้ ๆ กูจิยอมแพ้ไม่ได้!”
มาร์คชูมือมาดมั่นแต่ขาก็ไม่ได้ก้าวเดิน ผมกับบีสท์เลยโบกมือให้ด้วยท่าทางกวนตีนแล้วเดินผ่านมาร์คมา ยูยืนดูเพื่อนอยู่สักครู่แล้วก็ทิ้งมาร์คมาอีกคนได้ยินเสียงร้องแง๊ว ๆ เหมือนแมวดังตามหลังมา
“ไอ้แมวมาร์คเอ๊ย”
“มันน่ารักดีนะ”
บีสท์อมยิ้มบ่นเพื่อนตัวเอง ผมหันหลังกลับไปมองแมวขี้บ่นแล้วหันกลับมาคุยกับบีสท์ ถ้าตัดความเกรียนที่สูสีกับสกายมาร์คมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารักมากเลยนะ เคยเจอใครแล้วรู้สึกว่ามันน่ารักแล้วอยากคว้ามากอดมาจับปั่นไหม มาร์คนี่แหละสิ่งมีชีวิตประเภทนั้นแต่เพราะความเกรียนของมันบดบังความน่ารักไปจนหมดสิ้น
“ภาพมายา”
ผมหัวเราะคำจิกกัดเพื่อนของบีสท์ พวกเราเดินขึ้นบันไดมาเรื่อย ๆ โบกมือทักทายสาว ๆ ที่แวะถ่ายรูปซึ่งผมว่าจริง ๆ แล้วพวกเธอเหนื่อยจึงแวะพักนั่นแหละ
“ที่เหลือล่ะ”
บีสท์เดินเข้ามาหาแพรวกับแจม สองสาวบุ้ยหน้าขึ้นไปผมสองคนมองตามเห็นหลังเมกับนาฟอยู่ไม่ไกลแต่แตงกวากับเจนนี่อยู่ลิบ ๆ เลย สงสัยจะไม่ยอมแพ้แก๊งสี่กุมารแน่ ๆ
“ถ่ายรูปกัน”
แพรวกวักมือเรียกพวกผมให้เข้ามาใกล้ ๆ ยูเดินตามมาสมทบด้านหลัง แพรวกับแจมยืนอยู่ด้านหน้าข้างหลังเป็นบีสท์ ผมและยูตามลำดับ แจมยื่นไม้เซลฟ์ฟี่ไปด้านหน้านับหนึ่งถึงสามแล้วกด เราถ่ายกันอยู่สองสามรูปเช็ครูปถ่ายเสร็จกำลังจะเดินขึ้นพระธาตุต่อก็มีสิ่งที่ทำให้ผมแปลกใจ
“ทำไมไม่เอาหมวกมา”
“ลืมไว้บนรถอ่ะ”
“ใส่ไว้หน้าแดงหมดแล้ว”
“อือร้อนอ่ะ”
ผมมองสองคนตรงหน้าด้วยความสงสัย คือก็เข้าใจนะว่าพวกเขาสนิทกันมากถึงเนื้อถึงตัวกันเป็นเรื่องปกติแต่ผมกลับสะกิดใจการกระทำของยูกับแจมแปลก ๆ คือยูก็ห่วงทุกคนแบบนี้อยู่แล้วแต่ว่าน้ำเสียงที่เขาคุยกับแจมเมื่อสักครู่มันเหมือน....เอ่อ...เหมือนที่บีสท์คุยกับผม แล้วยังท่าทางอ้อนหน่อย ๆ ที่ไม่เคยเห็นจากแจมอีก ผมขมวดคิ้วสงสัย แพรวหลุดหัวเราะท่าทางของผม
“เฮ่อ รู้สึกเป็นส่วนเกินกูไปหาไส้ติ่งที่เหลือดีกว่า”
ว่าแล้วแพรวก็วิ่งขึ้นบันไดไปโดยทิ้งระเบิดเอาไว้ ผมยิ่งงงเข้าไปใหญ่จนบีสท์ขยี้ผมของผมจนยุ่งนั่นแหละหันไปมองรอบข้างก็เหลือแค่บีสท์ยืนอยู่แจมกับยูเดินตามหลังแพรวไปแล้ว
“
มันเป็นแฟนกัน”
“ห๊ะ?”
บีสท์ยิ้มจิ้มหน้าผากผมแล้วพูดต่อ
“ก็สงสัยยูกับแจมอยู่ไม่ใช่หรือไง มันสองคนเป็นแฟนกัน คบกันมาหลายปีแล้ว”
“จริงดิ คือกูความรู้สึกช้าหรือสองคนนั้นดูไม่เหมือนแฟนวะ”
ผมเกาหัวงง จริง ๆ นะ ตลอดเวลาที่ผมอยู่ที่บ้านผมไม่เคยสะกิดใจกับความสัมพันธ์ของเขาสองคนเลยเวลารวมตัวกันก็ไม่เห็นมีท่าทีต่างจากเพื่อนสนิทกันตรงไหน
“ไม่แปลกหรอกที่มึงจะไม่รู้ สองคนนั้นก็แบบนี้แหละแต่ก็จะมีโมเม้นแฟนอย่างเมื่อกี้นาน ๆ ทีให้ได้เห็น”
“คือถ้าไม่เห็นเมื่อกี้กูก็คงไม่รู้ไปอีกนานว่าเขาคบกัน”
“ฮ่า ๆ อือสองคนนั้นคบกับมานานด้วยแหละมั้งแต่ตอนมันคบกันแรก ๆ ก็แบบนี้นะคือไม่มีอะไรเปลี่ยน อืม..เห็นแบบนั้นมันรักกันมากกว่าที่เราเห็นนะ ไม่เคยทะเลาะกันเลยเชื่อป่ะ”
ผมเลิกคิ้วไม่ค่อยเชื่อ จะว่าอย่างไรดี คือเขาทั้งสองคนทั้งสวยทั้งหล่อแล้วยูนี่คือแบบผู้ชายที่ผู้หญิงใฝ่ฝันเลย สุภาพ หล่อ รวย นิสัยดีถึงความกวนตีนจะมีแต่ก็ไม่มากเท่าสี่กุมาร เรียกว่าสมบูรณ์แบบเลยก็ว่าได้ ส่วนแจมนั้นก็สวยแบบผู้ชายเหลียวหลังยิ่งถ้าได้รู้จักผมว่าผู้ชายต้องชอบเธอเยอะมากแน่ ๆ ซึ่งผมว่านี่น่าจะเป็นปัญหาหลักของทั้งสองคนเลยนะ คนเข้ามาหาพวกเขาน่าจะเยอะ
“เป็นไปได้หรือ”
“เป็นไปได้สิ
มันเชื่อใจกันมากเลย”
ผมมองบีสท์นิ่งอยู่สักครู่ก่อนจะยื่นมือไปจับมือเขา บีสท์เลิกคิ้วถาม ผมยิ้มกว้างกระชับฝ่ามือของเรา
“
ถ้าอย่างนั้นเราอย่ายอมแพ้คู่นั้นนะ”
เขาหัวเราะแล้วเอามือข้างที่ไม่ได้จับกันมาจิ้มหน้าผากผม
“มันแน่อยู่แล้ว”
ผมหุบยิ้มไม่ได้เลย เราสองคนเดินแกว่งมือกันขึ้นบันไดมาเรื่อย ๆ ผ่านศพที่สองอย่างเปา ศพที่สามคือสกายที่กำลังโวยวายใส่โทรศัพท์เพราะคนที่โทรมาทำให้เขาเสียพลังงานในการเดินขึ้นบันได และก็มาถึงผู้นำของสี่กุมาร เชนนั่งลิ้นห้อยถอดหมวกมาพัดโดยมีแตงกวากับเจนยืนถ่ายรูปเยาะเย้ยอยู่ไม่ไกล
ในที่สุดเราก็ได้ผู้ชนะ เป็นไปตามที่ผมคาดการณ์แตงกวากับเจนขึ้นมาถึงเป็นคู่แรก แจมยูผมบีสท์แพรวเป็นพวกถัดมา อีกพักหนึ่งเมเปิ้ลกับนาฟก็มาถึงพ่วงมาด้วยเชนผู้ไม่ยอมแพ้ สามคนสุดท้ายรีบวิ่งแข่งกันขึ้นมายื้อยุดกันอยู่สักพักก็ได้สองคนสุดท้ายคือมาร์คและสกาย เปานั้นชนะอย่างหวุดหวิดชนิดที่กางเกงเกือบหลุดตูดจากการดึงของมาร์คและสกาย
คนตั้งกฎการแข่งขันขึ้นมาแทบร้องไห้เพราะตัวเองเข้าที่สุดท้าย มาร์คร้องแง้วบ่นไม่หยุดจนสกายต้องเอาน้ำมาอุดปากเพื่อนไว้พักกันสักครู่ก็พากันไปสักการะพระธาตุ ถ่ายรูปที่จุดชมวิวพักใหญ่แล้วก็นั่งกระเช้าลงมาเพราะขาอ่อนเปลี้ยกันเป็นทิวแถว จากนั้นพวกเราก็มุ่งหน้ากันสู่ดอยปุย
ทางขึ้นดอยปุยค่อนข้างน่ากลัวเพราะเป็นถนนเลนเดียวถ้าไม่ชำนาญทางจริง ๆ ขับสวนกันลำบากมาก มาร์คกับสกายนอนซบกันหลับคอพับคออ่อนตลอดทางแต่พอมาถึงที่หมายเหมือนผีบ้าเข้าสิงกระโดดโลดเต้นกันลงมาจากรถและที่ทำให้พวกผมปวดหัวกันตอนนี้ก็คือ
“นะ ๆ ใส่ด้วยกันดิจะได้เป็นยูนิตี้”
“ตี้พ่อง ใส่ไปกันสองคนเถอะ”
“พวกมึงแม่งไม่ใจเห็นป่ะผู้หญิงยังใส่กันเลย”
มาร์คหน้างอบุ้ยปากไปทางพวกผู้หญิงที่กำลังใส่ชุดชาวเขากันอยู่ เรื่องของเรื่องคือที่นี่มีบริการเช่าชุดชาวเขาให้นักท่องเที่ยวใส่ถ่ายรูปกันในราคาที่ไม่แพงและก็ตามคาด มาร์คมันต้องการให้เราทุกคนใส่ชุดชาวเขาถ่ายรูปกันแน่นอนว่าผมคนนึงแหละที่ไม่ยอมใส่ บีสท์ และเปาเองก็ไม่ยอม ฝั่งผู้หญิงก็มีแพรวคนเดียวที่ไม่ยอมใส่แถมยังใจแข็งไม่ไหวเอนกับคำอ้อนวอนใดใดของเพื่อนทั้งสิ้น
“มึงก็ใส่กันไปเซ่ แพรวยังไม่ใส่เลยเห็นป่ะ พวกกูส่งชายยูเป็นตัวแทนแล้วไง”
เปาว่าแล้วก็ผลักยูไปทางด้านหน้า คนถูกผลักมองหน้าเพื่อนเหรอหรา มาร์คกับเชนไม่ยอมพลาดนาทีทองล็อคแขนยูไว้คนละข้างแล้วลากกันไปใส่ชุดโดยมีเชนเดินผิวปากตามหลังไปติด ๆ
“เดี๋ยวมานะ”
“จะไปไหน”
บีสท์รั้งมือผมไว้ ผมเลยชี้ร้านขายสตรอเบอร์รี่ให้เขาดู
“อยากกิน ไปซื้อแปบ”
เขายอมปล่อยผมไปแต่โดยดี เดินมาซื้อสตรอเบอร์รี่สดคลายร้อนถุงใหญ่แม่ค้าก็ใจดีให้มาเยอะกว่าปริมาณปกติด้วยเดินกลับมาหาพวกเพื่อนก็เปลี่ยนชุดกันเรียบร้อยถ่ายรูปกันสนุกสนาน เดินมาได้สักครู่ก็มาถึงทางเข้าไปชมสวนดอกไม้จ่ายเงินค่าเข้าเสร็จคราวนี้มหกรรมถ่ายรูปกับชาวเขาก็เกิดขึ้น เดี๋ยวคนโน้นเรียกคนนี้เรียกพวกผมที่ไม่ได้ใส่ชุดกับพวกเขาต้องทำหน้าที่ตากล้องจำเป็นวิ่งกันหัวหมุน ผมยกมือยอมแพ้ลากสังขารตัวเองเข้ามานั่งในร่มบีสท์เดินหัวเราะตามหลังมา
“ไหวป่าว”
“ไหวแต่ขอพักแปบ”
“พวกนั้นคึกกันใหญ่”
เขาว่าแล้วบุ้ยปากไปที่พวกเพื่อน ผมยิ้มกว้างพยักหน้า
“อืม”
“สนุกไหม”
“มากเลย ไม่เคยสนุกแบบนี้มาก่อนเลย”
บีสท์ยิ้มแล้วลูบหัวผมเบา ๆ ผมเอนตัวพิงไหล่เขามองเพื่อน ๆ ที่ถ่ายรูปท่าแปลกประหลาดกันอยู่แต่ละคนภาพพจน์ไม่เหลือกันเลยทีเดียว สงสารสุดก็เปานั่นแหละที่มีหน้าที่เป็นตากล้องมือหนึ่งเพราะมันถ่ายรูปสวยสุดแต่มันก็ดูมีความสุขดีสังเกตได้จากรอยยิ้มบาง ๆ บนหน้าของหนุ่มแว่น
“กินข้าวไหนกันดี”
เมเปิ้ลถามขึ้นเมื่อพวกเขาทั้งหมดเข้ามานั่งพักเหนื่อยกันในเพิงที่สร้างไว้ให้นักท่องเที่ยวเข้ามานั่งพัก
“ไปกินในตัวเมืองกันป่ะ แล้วไปไหนกันต่อดี”
เจนเสนอความคิด
“อยากกินอาหารเหนือ จริง ๆ แอบอยากไปเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีด้วยแต่สาว ๆ อยากไปเดินถนนคนเดินกันใช่ป่ะ”
สกายพูดขึ้น พวกสาว ๆ จึงพากันโบกมือปฏิเสธ
“กายอยากไปใช่ป่าว ไปได้นะคือที่ชวนเดินถนนคนเดินก็เพราะไม่รู้ว่าจะไปไหนนั่นแหละแล้วก็เผื่อพวกแกอยากเที่ยวกลางคืนกันด้วยไง”
แพรวบอก พวกเพื่อนที่เหลือก็พยักหน้าเห็นด้วยกับแพรวพอได้ยินดังนั้นสกายก็ยิ้มกว้างเหมือนเด็ก
“งั้นขอไปไนท์ซาฟารีนะ นะ ๆ”
หนุ่มตัวขาวผู้มีรอยสักมากมายกระโดดโหยงเหยงดีใจเมื่อเพื่อนทั้งหมดตกลงไปเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ผมหัวเราะสกายในมุมนี้ผมไม่เคยเห็นมาก่อนเขาเหมือนเด็กดีใจตอนพ่อแม่ยอมตามใจซื้อของเล่นให้เลย
“กายมันชอบสัตว์ ชอบเด็ก”
“ไม่น่าเชื่อ”
ผมเปรยกับบีสท์เบา ๆ เขาหัวเราะแต่ก็พยักหน้าเห็นด้วยกับผม
“จริง ๆ มันควรไปประกวดนางงาม”
เปาบอก สกายที่ได้ยินเพื่อนพูดเกี่ยวกับตัวเองก็ทำท่าทีสะดีดสะดิ้งได้น่าถีบเป็นที่สุด ทำตัวน่ารักอยู่ได้แปบเดียวเท่านั้นกลับมากวนตีนเหมือนเดิม
“แล้วบ่ายนี้เที่ยวไหนดี”
แจมเรียกเพื่อนให้กลับสู่โปรแกรมท่องเที่ยวอีกรอบ แพลนของเราวางกันไว้แบบหลวมสามารถปรับเปลี่ยนยืดหยุ่นได้ คือเอาจริงที่หมายถัดไปเรายังไม่ได้คิดช่วงนี้ระหว่างทางเดินกลับมาเปลี่ยนชุดเตรียมเข้าเมืองไปกินข้าวเราจึงวางแผนสู่ที่ถัดไปกัน
“ให้พวกผู้ชายเลือก”
นาฟโบ้ยจุดหมายถัดไปมาให้พวกผม พวกเราเหล่าชายหนุ่มมองหน้าปรึกษากัน ผมไม่ขอออกความเห็นเพราะไปที่ไหนก็ได้เช่นเดียวกับบีสท์ เปาขอที่ธรรมชาติ ๆ
“อยากขี่ช้าง // อยากขี่ช้าง”
เชนกับยูพูดออกมาพร้อมกัน ทั้งคู่มองกันอึ้ง ๆ แล้วแปะมือหัวเราะใส่กัน ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าสถานที่ถัดไปหลังจากกินข้าวกลางวันกันเสร็จคือไปขี่ช้างกัน ผมนั่งฟังพวกเขาคุยกันแล้วก็อมยิ้ม พวกนี้ดีอยู่อย่างคือพวกเขาจะให้สิทธิ์ผู้หญิงเลือกก่อนแล้วพอพวกเธอยกการตัดสินใจให้ผู้ชายพวกนี้ก็จะเสนอกันคนละอย่างสองอย่างเน้นเสียงส่วนมากเป็นหลัก ผมสังเกตนะว่าถึงแม้จะให้สิทธิ์ผู้หญิงเลือกก่อนแต่พวกเธอมักจะเลือกที่ ๆ พวกผู้ชายสามารถไปได้โดยไม่เบื่อหรือทำอะไรที่พวกเขาสามารถทำร่วมกันได้ทั้งหมด การไปเที่ยวด้วยกันจึงสนุกสนานเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะอยู่ตลอดเวลา
“กูสงสารเจ้ามือ”
ผมหัวเราะขำปนสงสารสกายเจ้ามืออาหารกลางวันมื้อนี้เมื่อมองไปยังอาหารเหนือตรงหน้า พวกเราสิบสามคนแน่นอนว่าสั่งมาไม่น้อยกันอยู่แล้วแต่เมื่อมีสายแข็งแล้วนั้น อย่าเรียกว่าอาหารเต็มโต๊ะเลยเรียกว่าล้นโต๊ะจะถูกกว่า สั่งกันอย่างละสี่จานแต่ก็แปลกเพราะเจ้ามือนั้นยังมีท่าทางสบายจนน่าถีบ
“ไม่ต้องห่วงมันหรอกมันเป็นเจ้ามือแต่บัตรที่มันจ่ายไม่ใช่ของมัน”
เชนว่าแล้วเบะปากใส่สกายที่ถลึงตาใส่ คำพูดของเชนทำให้ทุกคนหันมาเค้นถามคุณหมอผู้มากด้วยรอยสักกันยกใหญ่
“อะไรยังไงสกาย”
“อะไรเล่าไอ้เชนมันก็พูดไปเรื่อย”
“น่ะ ๆ ไม่มีมูลหมามันไม่ขี้หรอก”
“ทำไมเค้ารู้สึกเหมือนตัวเองถูกด่าเป็นหมาเลยอ่ะนาฟ”
เชนเกาหัวหันไปถามนาฟคนพูด หญิงสาวตัวเล็กหัวเราะเสียงดังตบไหล่เพื่อนปุ ๆ
“มึงจะคิดมากทำไมเชน หมาก็คือหมา”
“อือเนอะ”
เชนพยักหน้าเออออไปกับนาฟ ทุกคนหัวเราะชอบใจเมื่อสุดท้ายเชนก็โวยวายว่าไม่ใช่หมา
“อย่าคิดว่ารอดนะกาย หึหึหึ ถ้าไม่บอกกูจักหาด้วยตัวเองและถ้ากูรู้แล้วโลกต้องรู้นะบอกไว้ก่อน”
แตงกวาขู่ด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์เป็นที่สุด ผมแอบเห็นสกายยกมือปาดเหงื่อแต่ว่าที่คุณหมอก็ยังคงปากแข็งไม่ยอมบอกอะไร พอแตงกวาหันไปเค้นเชนพ่อหนุ่มขี้เล่นก็ดันไม่ยอมบอกอะไรเหมือนกันทำให้หญิงสาวหงุดหงิดลงกับของกินสั่งเพิ่มไม่หยุด
“มึงเจอกูแน่สกาย หึ!”
จนกินอิ่มและสกายควักบัตรจ่ายเงินเรียบร้อยแตงกวายังไม่หยุดขู่คนโดนขู่ก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ กอดคอมาร์คออกไปนอกร้าน สถานที่ถัดไปของพวกเราก็คือปางช้างแม่สาขับออกมาจากตัวเมืองเชียงใหม่ไม่ไกลเท่าไหร่มาถึงตอนบ่ายโมงพอดีทันดูการแสดงโชว์ช้างวาดรูปและซื้อแพ็คเกจขี่ช้างตอนบ่ายสองครึ่ง
“น่ารักมาก”
“น่ารัก ๆ”
เสียงชมการแสดงดังไม่ขาดปากจากเพื่อน ๆ ของบีสท์ พวกเขาตั้งใจดูโชว์กันเป็นอย่างมากพวกผู้หญิงไม่ต้องพูดถึงแจมถึงกับไลฟ์สดผ่านเฟสบุ๊ค ตอนนี้ผมรู้แล้วนะว่ามันคืออะไรแต่ที่เห็นแล้วอดอมยิ้มไม่ได้คือสกายต่างหาก ไม่เคยเห็นหมอนี่มุมนี้จริง ๆ เขาดูชอบมากยิ้มกว้างดีใจตอนช้างเตะบอลเข้าประตู กระโดดปรบมือตอนลูกช้างวาดภาพเสร็จเห็นแล้วก็ตลกปนน่ารักดีไม่คิดว่าผู้ชายดิบ ๆ แบบสกายจะมีมุมอ่อนโยนแบบนี้
“มึงดู ๆ โคตรเจ๋ง โอ๊ยแม่งโคตรน่ารักแสนรู้จังเลยวะ ดูดิ ๆ นั่นตัวนั้นวาดเป็นรูปช้างใช่ป่าว”
สกายกระตุกชายเสื้อมาร์คแล้วชี้ให้ดูช้างตัวใหญ่สุดที่ใช้งวงโบกสะบัดพู่กันวาดออกมาเป็นรูปด้านหลังของช้าง ผมเองก็อดทึ่งไม่ได้ ไม่คิดว่าสัตว์จะสามารถทำอะไรแบบนี้ได้
“ช่วงคืนความสุขให้คุณเท่าฟ้า”
ยูบอกขำ ๆ มองสกายด้วยสายตาเอ็นดู พวกผู้หญิงก็ถ่ายรูปสกายไว้ได้หลายช๊อตหัวเราะกันคิกคัก บีสท์ยิ้มกว้างหันมามองหน้าผมแล้วเกลี่ยแก้มให้เบา ๆ
“ไปเล่นซนอะไรมาทำไมแก้มเปื้อน”
ผมเอียงคองงแล้วก้มลงมองอ้อยในมือตัวเองจึงชูให้บีสท์ดู
“น่าจะมาจากพวกนี้แต่กูไม่ซนเท่าสกายนะดูโน่น”
ผมบุ้ยปากให้เขามองไปทางเพื่อนตัวดีที่วิ่งไปเกาะขอบรั้วให้อาหารช้างด้วยรอยยิ้มกว้าง
“หึหึ ให้มันวันนึง”
“ขี่ช้าง ๆ ไปขี่ช้างงงงงงง”
เชนกระโดดโลดเต้นกอดคอมาร์คไปขึ้นช้างเป็นคู่แรก ยูกับแจมตามไปเป็นคู่ที่สอง สกายกับแพรว เมเปิ้ลกับนาฟ แตงกวากับเจน ผมกับบีสท์ส่วนเปานั้นปิดท้ายเป็นคนสุดท้ายโดยให้เหตุผลว่าตากล้องต้องเก็บทุกช๊อตของทุกคน ขี่ช้างชมธรรมชาติกันจนพอใจ เปาได้รูปฮา ๆ มาเป็นกระบุง ช๊อตที่ฮาคือตอนที่นั่งโคลงแล้วมาร์คร้องกรี๊ดดังมาก พวกผมหัวเราะกันจนท้องแข็งเสียงมันกรี๊ดเหมือนพี่ฟรอยที่เป็นดาราเลย
พวกเราเดินทางกันต่อไปยังเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีระยะทางไกลนิดหน่อยพวกเราทั้งคันรถเลยหลับเอาแรงพอมาถึงสวนสัตว์ทุกคนก็เหมือนได้ชาร์ตพลังจากการนอนอย่างเต็มที่ เฮฮากันได้อีกครั้งพวกเรานั่งรถรางชมสัตว์แบบโคลสอัพ หน้าสกายโคตรตลกเหมือนเด็กเพิ่งเคยมาสวนสัตว์ สกายตั้งใจฟังพี่วิทยากรบรรยายเกี่ยวกับสัตว์ชนิดต่าง ๆ อย่างตั้งใจในขณะที่คนอื่นฟังบ้างไม่ฟังบ้างเน้นถ่ายรูปกันเสียส่วนใหญ่ ผมหันไปมองเชนที่หัวเราะคิกคักอยู่คนเดียวกับโทรศัพท์
“เป็นบ้าหรือไง”
“ตลกไอ้กาย”
เชนว่าแล้วก็ยื่นโทรศัพท์มาให้ผมดู รูปสกายอ้าปากหวอตาเป็นประกายมองเสือเบงกอลอยู่ทั้งตลกทั้งน่าเอ็นดูในคราวเดียวกัน บีสท์ที่มองข้ามไหล่ผมมาหัวเราะน้อย ๆ แต่ที่ผมเห็นมากกว่านั้นคือรูปสกายที่เชนถ่ายถูกส่งต่อไปให้ใครบางคนผมทันเห็นข้อความ กับชื่อคน ๆ นั้นด้วยสิ
‘น่ารักจัง เชนถ่ายฟ้ามาให้พี่อีกเยอะ ๆ นะ'และชื่อคนที่บอกข้อความนั้นกับเชนคือ
พี่คุณ ดูท่าว่าเชนคงจะรับส่วยมาจากคน ๆ นี้ให้รายงานความประพฤติของสกายแน่ ๆ และคน ๆ นั้นอาจเป็นคนเดียวกับที่สกายมันไปขอเขาแต่งงานก็เป็นได้
หึหึหึ น่าสนุกจัง
“กำลังคิดอะไรอยู่ทำไมหน้าเจ้าเล่ห์”
บีสท์บีบจมูกผมเบา ๆ หรี่ตามองอย่างไม่ไว้ใจ ผมหัวเราะกลบเกลื่อนแล้วยักไหล่
“อะไรเล่า เปล่าซักหน่อย ปรักปรำอ่ะ”
“งอแง ๆ”
บีสท์ล้อผมให้ได้ยินกันสองคนผมยื่นปากใส่เขาเลยโดนดีเข้าให้
“อื้อ!”
บีสท์ดูดปากผมเบา ๆ แต่ทำให้ผมตกใจมากคือเขาไม่เคยทำอะไรแบบนี้ในที่สาธารณะเลยและอีกอย่างเพื่อนเขาก็อยู่กันเต็มไปหมด
“เอากูออกไปจากตรงนี้ที”
“คิดว่ากูเป็นเห็บหมาก็ได้เว่ย เอาเลยพวกมึงตามสบาย”
ผมก้มหน้างุดร้อนหน้าไปหมด ส่วนตัวคนทำหัวเราะชอบใจโอบกอดผมไว้หลวม ๆ เชนกับเปากลอกตาระอากับผมสองคนและเสียงพวกข้างหน้าเอ่ยถามว่าเมื่อสักครู่เกิดอะไรขึ้น ผลลัพธ์ก็คือผมถูกล้อตั้งแต่ไนท์ซาฟารี กินข้าวเย็น ยันกลับมาถึงบ้านส่วนคุณแฟนคนดีของผมน่ะหรือ
ยิ้มหน้าบานเป็นจานดาวเทียมอย่างเดียว
นิสัย!!!!
จับมือไว้ แล้วไปด้วยกัน
เหมือนว่าไม่มีวัน จะพรากไป
ทำอะไร ได้ดังฝันใฝ่ ถ้าเราร่วมใจ
จุดหมายที่ฝันกันไว้ ก็คงไม่เกินมือเรา
จับมือกันไว้ - เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์
Tbc.
talk. ช้อยว่าช้อยต้องเป็นมาโซแน่ ๆ เลยค่ะคุณขา ไม่!!!!! ชั้นไม่ให้!!! ชายยูเป็นของชั้นนนนนนนนน ฮืออออออ ในที่สุดตัวจริงของเขาก็ปรากฏ อย่าว่าแต่ซันงงเลยอีนี่ก็งง?? 5555555555555555 แต่เราได้ให้ความน่ารักน่าเอ็นดูของสกายไปแทนนะทุกคน ใครที่อยากได้ชายยู มีทางเดียวก็ต้องทำของแล้วล่ะค่ะ กระซิก ปาดหนั่มตา

พาร์ทนี้เน้นเฮฮาปาจิงโกะที่นังคู่หลักยังหวานไม่แคร์สื่อและเริ่มโคตรจะไม่แคร์สื่อขึ้นมาเรื่อย ๆ ฮ่าาาา
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นมาก ๆ ค่า โดยเฉพาะคอมเม้นที่ติชมเข้ามา เราได้อ่านแล้วและได้รู้ถึงจุดบกพร่องของนิยายเราแล้วน้าขอบคุณมาก ๆ เลย เราจะเอาไปปรับใช้แก้ไขในเรื่องหน้านะคะ เพราะเรื่องนี้ไม่ทันแล้ว 55555 ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ ขอบคุณจริง ๆ ที่ชอบในงานเขียนของเรา รักคนอ่านทุกคนเลยน้า แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ #นิยายตัวร้าย
เราจะใจสลายไปด้วยกัน FCชายยู