ตัวร้าย
28
“เล่นซนกันเป็นเด็ก ๆ เลย รีบไปอาบน้ำอาบท่ากันเร็วเดี๋ยวจะไม่สบายเอา น่าตีกันจริง ๆ”
พวกผมยืนเรียงหน้ากระดานก้มหน้าหงอยกันเป็นแถบ เรื่องของเรื่องก็คือยายให้สาว ๆ มาตามเราไปกินข้าวแต่จนแล้วจนรอดทั้งคนให้มาตามทั้งคนถูกตามหายจ๋อมไม่มีใครไปบ้านใหญ่สักคนยายเลยมาตามด้วยตนเอง แล้วก็อย่างที่เห็นพวกผมถูกดุไปตามระเบียบและคนโดนมากสุดคือผมเอง
อะไรอ่ะ สกายเป็นคนเริ่มนะ
ผมยู่ปากหลังจากที่ยายเดินตีหน้าดุออกไปโดยมีสาว ๆ วิ่งตามกลับบ้านใหญ่ บีสท์เดินเอาผ้าเช็ดตัวมาให้ในมือมีขวดแชมพูและสบู่ ด้วยความที่บ้านเล็กมีห้องน้ำอยู่ห้องเดียวมัวรอกันคงได้ปอดบวมตายเลยให้มาร์คอาบในห้องน้ำส่วนพวกผมที่เหลือก็มาอาบที่ลำธารนี่แหละ
“ไม่อยากกลับเลยแม่ง ขี้เกียจอ่านหนังสือ”
สกายตีน้ำบ่นกระปอดกระแปด เห็นมันแล้วก็สงสารนะสอบอะไรไม่รู้เยอะแยะ แปบ ๆ สอบ แปบ ๆ สอบ สอบอยู่นั่น แถมมันยังไปช่วยงานที่ผับของพี่สาวมันอีก นับถือจริง ๆ คนหรือยอดมนุษย์ก็ไม่รู้
“มึงจะอ่านได้เท่าไหร่เชียวไอ้กาย กูเห็นแปบ ๆ เดี๋ยวมึงก็หลับแล้ว”
เชนตีน้ำใส่หน้าสกายด้วยความหมั่นไส้ เปาก็เหมือนจะเห็นด้วยมันเลยช่วยเชนกลายเป็นสงครามอีกรอบแต่รอบนี้สั้น ๆ เพราะถูกยูดุ
“เด็กอย่างที่ยายซันว่าไหมล่ะ เร็ว ๆ กูหิว”
อ่า...ผมว่าจริง ๆ แล้วชายยูเขาโมโหหิวล่ะ บีสท์หัวเราะขำสี่กุมารที่ตอนนี้เหลือแค่สามหน้าหงอยกันเป็นแถบท่าทางเหมือนตอนโดนยายว่าไม่มีผิด เราอาบกันไม่นานก็เสร็จเปลี่ยนเสื้อผ้าเดินเข้ามาในบ้านก็เห็นมาร์คนอนดูทีวีรออยู่แล้ว เมื่อครบองค์ประชุมก็พากันไปกินข้าวที่บ้านใหญ่
“แล้วพรุ่งนี้พาเพื่อนไปเที่ยวไหนกันล่ะซัน”
ตาเอ่ยถามขณะที่พวกเรากินข้าวกันอยู่ ผมเลิกคิ้วถามพวกเขาเพราะผมเองก็ยังไม่รู้กำหนดการของพรุ่งนี้เช่นกันและหน้าที่ตอบคำถามจึงกลายเป็นของชายยูไปโดยปริยาย
“พรุ่งนี้ฟรีครับ ใครอยากไปไหนก็ไปแต่ผมว่าส่วนใหญ่คงตื่นกันทีก็เที่ยงแหละครับตา”
“อ้อ คืนนี้โต้รุ่งกันสินะ”
ตาผมพูดกลั้วหัวเราะ พวกผมยิ้มแผล่พยักหน้าด้วยความพร้อมเพรียง ยายหรี่ตาดุ ๆ กวาดมองพวกผมแล้วมาหยุดที่บีสท์
“ยายไม่ว่าอะไรหรอกถ้าจะดื่มกันแต่อย่าลืมว่าพวกเรามีผู้หญิงด้วย ดูแลกันดี ๆ ยังไงก็ตั้งวงหลังบ้านไม่ก็ที่ห้องนั่งเล่นดีไหม”
“จะไม่รบกวนตายายหรือครับ ผมกลัวพวกเราเสียงดัง”
ตายายส่ายหน้า
“ที่นี่ดีแล้วตากับยายไม่ว่าอะไรหรอก”
บีสท์หันไปถามความเห็นพวกเพื่อนพอทุกคนพยักหน้าตอบรับเขาจึงหันกลับมาตอบตากับยาย
“ถ้าอย่างนั้นขอรบกวนด้วยครับ”
“ทำเป็นคนอื่นคนไกลไปได้นะเรา”
ยายว่าเสียงเย้า บีสท์ได้แต่พยักหน้ายิ้มเขินสองวันที่ผ่านมานี้ดูแล้วตากับยายจะชอบบีสท์ดี ส่วนแฟนผมเองถึงจะพูดไม่เก่งเป็นทุนเดิมของเขาอยู่แล้วแต่ท่าทีนอบน้อมของเขาก็เอาใจผู้ใหญ่ไปได้เยอะ ยิ่งมีพวกเพื่อนเป็นกองกำลังสนับสนุนอีก ผ่านฉลุยผมไม่ต้องห่วงอะไรแล้วมั้งเนี่ย
“พวกมึงตั้งวงกันไปก่อนเลยนะ กูขอขึ้นไปหาตายายแปบ”
ผมบอกกับบีสท์หลังจากที่พวกผู้ใหญ่แยกย้ายเข้านอนกันไปหมดแล้วเหลือก็แต่พี่ยอดกับพี่ดอยที่อยู่ร่วมวงด้วย วงเหล้าผสมวงไพ่เริ่มขึ้นโดยมีพี่ชายคนโตของผมเป็นเจ้ามือ บีสท์หันมาพยักหน้าให้ผมจึงแยกตัวเดินขึ้นมาบนบ้าน
ก๊อก ก๊อก
“ตายายซันเองครับ”
แกร็ก
“เข้ามา ๆ ไม่ได้สนุกกับเพื่อนหรือไงเรา”
ตานั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียงเอ่ยถาม ผมยิ้มเดินเข้าไปนอนแทรกตัวระหว่างตากับยายโดยตัวเองนอนหนุนตักยาย
“จะอ้อนเอาอะไรฮึ”
ตาว่ากลั้วหัวเราะ ผมยู่ปากส่ายหน้า
“ไม่ได้จะเอาอะไรครับ แค่อยากมาหาตากับยายเฉย ๆ”
“หึหึหึ ให้มันจริงเถอะตัวแสบ”
“โถ่ยายอ่ะ”
ผมกระเง้ากระงอดซุกหัวกับตักยาย ญาติผู้ใหญ่ทั้งสองหัวเราะออกมาเบา ๆ ยายลูบหัวผมสัมผัสอุ่นของยายชวนให้ผมนึกถึงแม่
“ตากับยายคิดถึงแม่บ้างไหมครับ”
“คิดถึงทุกวัน ไม่มีวันไหนที่ไม่คิดถึง”
น้ำเสียงทุ่มนุ่มของตาเอ่ยขึ้น ท่านปิดหนังสือวางไว้บนตักแล้วส่งมือมาลูบหัวผมเบา ๆ
“ซันคิดถึงแม่มากล่ะสิ”
ผมพยักหน้าแรง ๆ ถอนหายใจแล้วยิ้มกว้าง
“คิดถึงครับตอนนี้ผมคิดถึงมาก ๆ อยากบอกแม่ว่าผมมีความสุขมากแค่ไหน”
“มีความสุขดีใช่ไหมลูก”
“ครับยาย ผมมีความสุขมากเวลาที่อยู่กับบีสท์กับพวกเพื่อน ๆ ของเขา พวกนั้นอยู่ด้วยแล้วตลกดี”
ตากับยายหัวเราะแล้วพยักหน้าเห็นด้วย
“ตาก็ว่าอย่างนั้น แต่ละคนทะเล้นน้อยเสียเมื่อไหร่ แต่ตาก็ดีใจที่เห็นซันมีความสุข เพราะอย่างนี้ไงตากับยายถึงไม่ห้ามเรื่องที่คบกับบีสท์ ตัวจริงดูดีกว่ารูปที่คริษฐ์ส่งมาให้ดูอีกเนอะยายเนอะ”
“หา! อะไรนะครับ”
ผมผุดลุกนั่งมองตากับยายสลับไปมาส่วนท่านทั้งสองมองหน้ากันแล้วหัวเราะชอบใจ
“ตากับยายรู้เรื่องบีสท์มานานแล้ว คริษฐ์บอกน่ะตอนแรกก็ตกใจนะนึกว่าเราจะชอบพอกับอินเสียอีก”
ผมแอบสาปแช่งไอ้คริษฐ์เพื่อนบ้าในใจนี่มันเอาเรื่องผมมาบอกตากับยายนานเท่าไหนแล้วเนี่ย ยายยิ้มใจดีแล้วลูบหัวผมเบา ๆ
“อย่าโกรธคริษฐ์เลยซัน คริษฐ์บอกเราแค่ว่ามีคนเข้ามาจีบเราชื่อบีสท์และดูท่าเราเองก็จะชอบเขาเหมือนกันแถมยังดูมีความสุขมีชีวิตชีวา ตากับยายเลยอยากเห็นหน้าคนที่ทำให้ซันยิ้มได้ ตอนแรกคริษฐ์ก็ไม่ยอมให้ดูหรอกบังคับขู่เข็ญอยู่ตั้งนานกว่าจะยอม”
ยายบอกผมอย่างใจเย็น ผมล้มตัวลงนอนตักยายอีกครั้ง ไม่ได้โกรธคริษฐ์มันหรอกแต่รู้สึกโล่งมาก ๆ เลยก็เท่านั้น
“
ผมไม่ได้รักอิน”
“ดีแล้ว บ้านเขาเคร่งครัด หัวโบราณ ตากับยายว่าเขารับเรื่องที่ลูกชายหลานชายคนเดียวของเขาชอบผู้ชายไม่ได้หรอก”
ขนาดตายังรู้เลยแล้วทำไมอินถึงยังไม่ยอมรับความจริงสักที ว่าต่อให้พยายามเท่าไหร่เรื่องของเราก็ไม่มีวันมาบรรจบกันได้
“ครับ ผมก็คิดแบบตานั่นแหละ”
“นี่เขาก็บอกยายนะว่าจะขึ้นมาตอนที่พวกเรามากัน แต่ยายไม่ให้มา ถึงยายจะชอบอินมากแต่ความสุขของซันต้องมาก่อนอยู่แล้ว ขืนยายยอมให้มาหลานไม่หนีตากับยายไปนอนที่อื่นเลยหรือไง”
ผมหลุดหัวเราะ จริงอย่างที่ยายว่ามา ทุกครั้งที่ผมอยู่ที่นี่แล้วอินขึ้นมาหาผมจะหาเรื่องไปที่อื่น เชียงรายบ้าง ลำปางบ้าง บ่อยสุดก็ไปปาย นี่คงเป็นเรื่องเดียวที่ตากับยายไม่ค่อยพอใจในตัวอินเพราะท่านทั้งสองชอบให้ผมอยู่ที่ไร่มากกว่า
“ก็ผมขี้เกียจเจอเขานี่ครับ แค่ที่มหาลัยก็เบื่อจะแย่”
“ไม่ชอบเขายายไม่ว่าแต่อย่าทำตัวไร้กาลเทศะรู้ไหมซัน ถึงอย่างไรเราก็เด็กกว่าเขา”
“ครับ”
ผมตอบรับยายเสียงแผ่วและแอบไขว้นิ้วใต้ผ้าห่ม ผมพยายามแล้วนะแต่บางทีผมก็เบื่อเกินกว่าจะทำตัวดี ๆ ใส่อิน เขาช่างดื้อด้านเหลือเกิน
“แล้วเคยไปเจอที่บ้านของบีสท์หรือยัง”
“ยังเลยครับ แต่บ้านเขารู้เรื่องผมแล้ว”
“ตาคุยกับบีสท์แล้วล่ะ แฟนเราวีดีโอคอลหาพ่อแม่เขาให้คุยกับตายายเลยด้วย”
ผมตกใจรอบสอง เบิกตากว้างมองตากับยายปริบ ๆ
“เมื่อไหร่ครับ”
“เมื่อวานตอนเย็นไงที่ซันเล่นบิงโกกับเพื่อนอยู่”
ผมหวนไปคิดถึงเมื่อวาน หลังจากที่เรากลับมาจากข้างนอกกันแล้วพี่ดอยก็ชวนเล่นบิงโกกินเงินกัน ผมนั่งเล่นเพลินไม่รู้ว่าบีสท์หายไปตั้งแต่ตอนไหนถามใครก็ไม่มีใครรู้มีแค่ยูที่บอกผมว่าเขาไปเข้าห้องน้ำ
“พ่อแม่เขาน่ารักดี หน้าตาแฟนเราได้พ่อเขามาเต็ม ๆ เลย เขาขอโทษตากับยายที่ไม่ได้มาขอขมาด้วยตัวเองแล้วก็ขอให้ลูกชายเขาได้ดูแลหลานของตากับยาย จะคบกันตากับยายไม่ว่าหรอก ขอแค่เขาไม่ทำให้ซันเสียใจก็พอ”
“ขอบคุณครับ”
ผมนอนคุยเล่นกับตายายอยู่อีกซักพักจึงขอตัวออกมา บีสท์นะบีสท์ทำอะไรไม่เคยบอกกันเลย น่าเตะสักที ลงมาด้านล่างวงไพ่เปลี่ยนเจ้ามือเป็นเปาสอบถามสาเหตุก็ได้ความว่าพี่ชายของผมเข้าใกล้คำว่าล้มละลายมากแล้วจึงรีบเปลี่ยนมือ ผมนั่งลงข้างบีสท์อีกข้างเป็นเชนที่กำลังหรี่ตาค่อย ๆ เปิดไพ่ทีละสองมิลฯ คือมึงจะลุ้นไปไหน
“ใครเรียกมั่ง ๆ”
เสียงเจ้ามือร้องเรียก เปามันเอาเงินตบไพ่ตัวเองแล้วหยิบขึ้นมาท่าเปิดนั้นก๊อปปี้วางจากเชนเปี๊ยบ ไม่ใช่แค่เขาสองคนนะ พี่ชายผมทั้งคู่ก็เป็น ฝั่งสาว ๆ แตงกวากับนาฟและเมเปิ้ลก็เป็นไปกับเขาด้วย ผมได้แต่หัวเราะท่าทางพวกเขา ถ้ามีให้คะแนนท่าทางพวกนี้ได้คะแนนกันจนล้นแน่ ๆ
“พี่อยู่ ๆ”
พี่ยอดถอนหายใจแล้วตบไพ่ตัวเองเบา ๆ ต่างกับพี่ดอยที่จิ๊จ๊ะ ๆ แล้วขอเรียกเพิ่ม พีคสุดคือเจนที่บีสท์บอกว่าป๊อกบ่อยอย่างกับหวยล็อค รอบนี้เธอก็ป๊อกอีกแล้วแถมยังสองเด้งอีกถูกพวกเพื่อน ๆ ไล่ให้เลิกเล่นจนเธอสะบัดหน้างอนใส่แต่ก็ยังคงปักหลักไม่ยอมขยับไปไหนเพราะเธอบอกนี่คือทำเลทอง
“ใครตัดไพ่วะ!!!!! ไม่เล่นเล่า!”
มาร์คร้องโวยวายขึ้นมาเมื่อเห็นไพ่ตัวเอง แจมยื่นหน้าไปดูก็หัวเราะขำเสียงดัง พอเจ้าสั่งให้เปิดก็ฮากันรอบวง คนบ้าอะไรจะซวยขนาดนั้น บอดซ้ำบอดซ้อนมันเลยขอพักเบรคตานี้มานั่งดูเฉย ๆ ผมมองกองเงินของบีสท์ตรงหน้าก็ถือว่าไม่แย่ ได้บ้างเสียบ้างเป็นธรรมดาเล่นไพ่จนเกือบเที่ยงคืนหลายคนก็เริ่มกรึ่ม พี่ผมสองคนโบกมือยอมแพ้ขึ้นไปนอนกันก่อน วงไพ่ถูกยุบพวกเราหันไปเล่นเกมอื่นกันแทน
และที่เล่นกันอยู่ตอนนี้ก็คือเกมทายคำ ที่คนทายชูมือถือที่เปิดคำตอบไว้เหนือหัวให้เพื่อนใบ้ เล่นกันตอนสติครบถ้วนก็ว่าวุ่นวายแล้ว นี่บางคนเริ่มพูดไม่รู้เรื่องแล้วยังจะพยายามเล่นกันอีก เราแบ่งกันเป็นสองทีมชายกับหญิง ให้คนทายสองคนคนใบ้สี่คน ผมเป็นกรรมการเพราะลงมาช้าและสติครบถ้วนที่สุด แต่ผมว่าจริง ๆ แล้วยู บีสท์ แพรว เจนก็ดูไม่ค่อยเมาเท่าไหร่นะ คนอื่นอย่าให้พูด ไปดูกันเองดีกว่า
“ฝั่งไหนเริ่มก่อน”
“ผมคนแมนคับ ให้ผู้หญิงเริ่มก่อนนนนนนนนนน”
เปาเสียงยานคางมาแต่ไกล เป็นอันว่าผู้หญิงต้องเริ่มก่อน แจมกับแพรวเป็นคนทาย เจน แตงกวา เมเปิ้ล นาฟเป็นคนใบ้โหมดที่พวกเธอเลือกคือผลไม้
“3 2 1 เริ่ม!”
“เนี่ย ๆ ๆ ๆ”
แตงกวาชี้ไปที่แก้วตรงหน้า
“แก้วมังกร!”
“กรี๊ดถูก ๆ”
แพรวตอบด้วยความว่องไว
“ศพแรกผ่านไป ศพสองศพสาม”
“ทุเรียน!!!!!”
“ไอ้เชี่ยโคตรเทพ”
ข้อสองตอบถูกด้วยความเร็วจนพวกผู้ชายมองตากันปริบ ๆ
“เจี๊ยก ๆ ๆ”
อยู่ ๆ แตงกวาก็ลุกขึ้นมาทำท่าลิงปีนอะไรสักอย่าง หมดกันภาพพจน์หญิงสาวแสนน่ารักแทบไม่เหลือ พวกผมหัวเราะขำมีแต่แพรวกับแจมที่ดูจริงจังกับการทายเหลือเกิน
“กล้วย”
แพรวตอบ แต่สาว ๆ ที่เหลือส่ายหน้า
“มันปีนต้นอะไรอยู่ ๆ”
เมเปิ้ลใบ้โดยการชี้ไปที่แตงกวา
“งิ้ว!”
“งิ้วพ่อง!”
สาวแว่นสวนกลับมาทันควันแล้วหันกลับไปแสดงท่าทางต่อ คนถูกด่าอย่างแจมหัวเราะขำแล้วตอบใหม่
“ปีนต้นไรวะ มะพร้าว?”
“เออ ๆ มะพร้าวอะไรเนี่ย ๆ”
นาฟบอกแล้วยื่นหน้าไปดมตัวเจน แจมตบมือแล้วตอบเสียงดัง
“มะพร้าวน้ำหอม!!!”
“ถูก ๆ ข้อต่อไป ๆ”
“อีแจม!!! ผงกลงเว้ยยย นั่นมันข้าม! โอ๊ยอีห่าน”
“อ้าวโทษทีกูเมา แพรวมึงถือ”
คนทำเพื่อนเสียคะแนนยิ้มแหยแล้วส่งโทรศัพท์ให้แพรวถือแทน ข้อต่อไปก็ทายถูกไปอย่างรวดเร็วเช่นกันเพราะได้โจทย์ง่ายอย่างมะละกอ แต่พอมาโจทย์ถัดไปนี่สิ ผมเห็นแล้วยังงงเลยว่าจะใบ้ว่าอะไร
“กินกับข้าวเหนียว”
“มะม่วง ๆ”
“เออเนี่ย ๆ มะม่วงอะไร”
แล้วแตงกวาก็ทำท่าพนมมือหลับตาแบบเจ้าแม่กวนอิมแถมยังท่องบทสวดอะไรก็ไม่รู้ แพรวยกมือชี้หน้าแตงกวาตอบทันควัน
“มะม่วงหิมพานต์”
“เชี่ยยยยยยยยยย”
“เชรดดดด กูยอมแพ้ แม่งหิมพานต์ตรงไหนวะยังทายถูกอีก”
พวกผู้ชายหัวเราะขำเสียงดัง ฝั่งผู้หญิงทั้งคนใบ้คนทายพากันขำไปหมด
“เป็นพวง ๆ”
“ไข่!!!!”
“หมดเวลา!”
ผมตะโกนบอกพวกเธอที่กำลังเมามันกับการทายกันอยู่ มาร์คเชนสกายหัวเราะจนน้ำตาไหลกับคำตอบสุดท้ายของสาว ๆ
“ไข่ไม่ใช่ผลไม้นะแจม”
สกายปาดน้ำตาที่ไหลจากการหัวเราะมากเกินไปบอก หญิงสาวแสร้งทำหน้าตกใจ
“อุ้ยโทษทีลืมตัว”
“ยูเอามันไปเก็บ!”
คนถูกพาดพิงยิ้มขำ สาว ๆ ได้ไปทั้งหมดห้าคะแนนเพราะแจมร้องจะเอาข้อที่เธอผงกหัวผิดด้วย ต่อไปเป็นตาของพวกผู้ชายกันบ้างในหมวดเดิม เปากับเชนเป็นคนทายพวกที่เหลือเป็นคนใบ้
“เอานะ 3 2 1 เริ่ม!”
“เจี๊ยบ! ตัดยางเราทำไม!”
“น้อยหน่า!!!!!”
“ไอ้พวกห่าแค่เริ่มก็ฮาแล้ว”
แพรวหัวเราะคุยกับพวกเพื่อน คนสวมบทเป็นน้อยหน่าก็ไม่ใช่ใครอื่น ไอ้มาร์คนั่นเอง
“ไอ้สัดยาก ข้าม!”
สกายร้องโวยวายโบกมือผ่าน พอมาถึงข้อถัดมาพวกที่ใบ้เบิกตากว้างชะโงกหน้ามองจอมือถือแล้วมองหน้ากัน
“มันคืออะไรวะ”
ยูถามบีสท์ คนถูกถามส่ายหัวไม่รู้เช่นเดียวกัน มาร์คไม่ต้องพูดถึงทำหน้าหมางงอยู่ ส่วนสกายนั้น...
“ข้าม!”
ก็ตามนั้นแหละครับ ผมงงพวกเขานะทำไมถึงไม่รู้จัก ลูกหว้า หรือที่กรุงเทพฯ จะไม่มี? พอมาข้อถัดไปอย่าง ตะขบ พวกที่ใบ้ก็ร้องโวยวายว่าโปรแกรมมันโกงให้แต่คำยาก ๆ มา พวกผู้หญิงหัวเราะสะใจ จนเวลาหมดนั่นแหละ ถูกไปข้อเดียว เล่นวนกันไปเรื่อย ๆ จนเริ่มพูดกันไม่รู้เรื่องและใกล้เช้าแล้วจึงตัดสินใจสลายวง ผม บีสท์ เชน ยู ช่วยกันหามศพที่เหลือกลับมาที่บ้านเล็กกว่าจะได้เข้านอนก็ตะวันเกือบโผล่พ้นขอบฟ้า
วันสุดท้ายของการเที่ยวเชียงใหม่นั้น แต่ละคนแยกย้ายไปตามที่ใจปรารถนา ผมตื่นขึ้นมาในตอนสายประมาณสิบโมงบีสท์ยังหลับอยู่แต่ตรงที่นอนของยูไม่มีใครแล้ว ผมค่อย ๆ แกะแขนบีสท์ออกปีนลงบันไดมาด้านล่าง มาร์ค เปา สกายยังนอนอยู่นั่นก็แสดงว่าเชนน่าจะตื่นแล้วเช่นกัน ล้างหน้าแปรงฟันเสร็จเดินออกมาหน้าบ้านก็เห็นพวกเขาสองคนนั่งกันอยู่ เชนสังเกตเห็นผมก่อนจึงยกมือทักทาย
“ตื่นกันกี่โมงวะ”
ผมถามพวกเขาและนั่งลงตรงเก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่
“ไม่รู้เหมือนกันแต่ตื่นสักพักแล้ว กาแฟไหมมึง”
เชนชี้ไปที่โต๊ะกาแฟตรงมุมไม่ไกลนักเดาว่ายายคงให้คนมาตั้งไว้ให้เพราะมีทั้งกาแฟ ขนม รวมไปถึงอาหาร
“เอาก่อนเลย กูขอนั่งแปบ”
เชนพยักหน้าแล้วลุกไปตักข้าวต้มมานั่งกิน ฝั่งยูเขามีแค่กาแฟดำแก้วเดียว
“วันนี้จะไปไหนกัน”
ยูยักไหล่
“ว่าจะพาแจมไปทัวร์ไร่มึงทำวีดีโอลงบล็อกเขาน่ะ”
“อ้อทำหน้าที่แฟนที่ดีสินะ”
ผมยิ้มล้อแต่เขาไม่มีท่าทีเขินแถมยังยิ้มรับอีกต่างหาก
“ดีตลอดอยู่แล้วขอโทษที”
“มึงติดนิสัยสกายมาใช่ไหม”
ผมชี้หน้าถามยู คุณชายหัวเราะแล้วพยักหน้า ผมอมยิ้มส่ายหัวให้ตายเถอะ จะว่าขำก็ขำแต่พอยูทำอะไรหรือพูดอะไรในแบบที่ไม่คิดว่าเขาจะเป็นทุกคนจะไม่โทษเขาแต่จะโทษว่าอยู่กับสกายมากไปบ้างล่ะ ติดจากเชนมาบ้างล่ะ ไม่มีใครว่าว่าเป็นเพราะเขาสักคน ขนาดผมยังไม่ว่าเขาเลย
นี่สินะอภิสิทธิ์ชนของจริง
“แล้วมึงจะไปไหน”
ยูถามผมกลับ
“จะพาบีสท์ไปไหว้แม่”
“อ่าฮะ”
แล้วเราก็เปลี่ยนบทสนทนากันไปที่เรื่องอื่นจนกระทั่งทุกคนในบ้านตื่นกันครบกินข้าวกันเสร็จเรียบร้อย ยูขอตัวไปหาแจม พวกผู้หญิงเห็นว่าจะไปเก็บสตรอเบอร์รี่เป็นของฝากกันเพราะเมื่อวานที่เก็บไปนั้นกินกันไปหมดแล้ว พวกผู้ชายคนอื่นก็นอนเอกเขนกชิว ๆ กันอยู่ที่บ้านไม่ทำอะไร
บ่ายคล้อยก่อนเราจะกลับผมจึงชวนบีสท์ปั่นจักรยานไปทางท้ายไร่ ตรงนั้นมีโกศฐ์ของแม่ตั้งเด่นอยู่ ผมกับบีสท์จอดจักรยานไว้ใต้ร่มไม้ ผมถือถังกับไม้กวาดไว้คนละมือ
“ก๊อกน้ำอยู่ตรงไหนเดี๋ยวกูไปตักน้ำมาให้ มึงกวาดไปก่อน”
บีสท์เอ่ยถาม ผมชี้ไปยังก๊อกน้ำที่อยู่ไม่ไกล บีสท์พยักหน้าเข้าใจและเดินถือถังออกไป ส่วนผมก็ปัดกวาดรอบโกศฐ์ของแม่ไปพลาง ๆ เพราะเมื่อวานผมก็แวะมาทำความสะอาดไปแล้ว แต่วันนี้ว่าจะถูรอบ ๆ เสียหน่อยแล้วก็เอาดอกไม้มาให้แม่เยอะแยะเลย
“มึงไปรดน้ำต้นไม้ก็ได้เดี๋ยวกูถูเอง”
บีสท์เดินกลับมาพร้อมถังเปล่าแต่ลากสายยางยาวมาด้วยเขาเปิดน้ำใส่ถัง เอาผ้าลงไปชุบน้ำบิดหมาดแล้วเริ่มถู ผมจึงแยกตัวลากสายยางมารถน้ำดอกไม้ที่ตากับยายปลูกไว้รอบ ๆ โกศฐ์ของแม่
“รู้แล้วว่ามึงสวยเหมือนใคร”
เสียงบีสท์ดังขึ้น ผมหันไปมองเขานั่งทับส้นเท้าตัวเองอยู่ มองป้ายหินอ่อนที่มีรูปแม่อยู่แล้วหันมายิ้มให้ผม ผมยิ้มพยักหน้าแล้วหันกลับมารดน้ำต้นไม้ต่อ
“ใคร ๆ ก็พูดอย่างนั้น”
“เหมือนกันเปี๊ยบ”
“มึงกับพ่อก็เหมือนกันไม่ใช่หรือไง”
ผมได้ยินเสียงหัวเราะของบีสท์ดังขึ้น
“ยายบอกใช่ป่ะ เออกูหน้าเหมือนพ่อแต่แบทเหมือนกว่า”
“อ่าฮะ เสร็จยังกูรถน้ำเสร็จแล้วนะ”
ผมเดินไปปิดน้ำแล้วเดินกลับมา บีสท์พยักหน้าเป็นสัญญาณว่าเสร็จพอดี เขาเดินกลับไปที่จักรยานหอบเอาดอกไม้และพวงมาลัยมา เราสองคนนั่งพับเพียบลงตรงหน้าป้ายของแม่
“แม่ครับ ซันพาคนสำคัญของซันมาให้แม่รู้จักนะ เขาชื่อบีสท์ เขาดูแลซันดีมากเลยแม่มากจนซันจะกลายเป็นคนเสียนิสัยอยู่แล้ว ซันมีความสุขมากเลยแม่ อยากให้แม่ได้รู้จักกับบีสท์เลยพามาหาครับ”
ผมยิ้มบอกกับแม่เสร็จแล้วจึงหันไปพยักหน้าให้บีสท์พูดบ้าง เขายกมือขึ้นพนม ในมือของเขามีพวงมาลัยพวงใหญ่อยู่
“สวัสดีครับคุณแม่ของซัน ผมชื่อบีสท์ เป็นคนรักของซัน วันนี้ผมมากราบขออนุญาตจากคุณแม่เพื่อที่จะขอดูแลซันครับและผมอยากจะขอบคุณคุณแม่ที่ทำให้ซันได้เกิดมาให้ผมได้รัก ผมจะไม่สัญญาว่าจะรักซันตลอดไปเพราะผมไม่เคยเชื่อว่าตลอดไปมันมีจริง แต่ผมขอสาบานว่าผมจะทำให้ซันมีความสุขในทุก ๆ วันที่เรารักกันครับ”
เขาพูดจบก็ก้มลงกราบ สายลมอ่อน ๆ พัดผ่านเราทั้งคู่ ผมยิ้มแล้วมองไปที่ป้ายหลุมศพของแม่ ผมว่าแม่รับรู้แล้ว
“แม่ไม่ต้องห่วงซันนะ แค่มองซันจากบนฟ้าก็พอ”
Say, go through the darkest of days
Heaven’s a heartbreak away
Never let you go, never let me down
Oh, it’s been a hell of a ride
Driving the edge of a knife
Never let you go, never let me down
Let me love you – DJ Snake
tbc
talk. สาระจากพาร์ทนี้นั้น....ไม่มี 55555555555555555555

พาร์ทหน้ากลับกทมฯกันแล้วนะจ๊ะทุกคนนนนนนน

เตรียมตัวเตรียมใจกันหรือยังจ๊ะ ไปแว๊วว เจอกันตอนหน้านะ
#นิยายตัวร้าย