ตัวร้าย
29
“หึหึหึ”
นาฟมองมือถือสกายในมือตัวเองแล้วหัวเราะแบบโคตรมีเลศนัย ฝ่ายเจ้าของมือถือที่ดูเหมือนจะไม่สนใจแต่จริง ๆ แล้วผมเห็นมันเหลือบมามองแล้วกลืนน้ำลายบ่อยมาก ตอนนี้พวกเรามาถึงสนามบินหลังจากซื้อของฝากกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“เล่ามาเถอะนาฟกูโคตรอยากรู้เลยเนี่ย”
เจนพูดขึ้น เธอพยายามแอบมองโทรศัพท์ที่อยู่ในมือนาฟหลายครั้งแต่หญิงสาวตัวเล็กเบี่ยงหนี เห็นแสงสว่างปรากฏขึ้นเสมอกระทั่งมีคนโทรเข้าก็มีจนสุดท้ายก็เงียบหายไปเมื่อเชนกลับมาจากคุยโทรศัพท์
“เออน่าเดี๋ยวให้เจ้าตัวมันบอกเองดีกว่าไหม”
“ว่าไงกายจะบอกพวกกูได้หรือยัง”
แตงกวาหันมาใช้น้ำเสียงกดดัน สกายหันไปขอความช่วยเหลือจากบีสท์และยูซึ่งทั้งสองก็ช่วยต่อชีวิตมันได้อีกครั้ง
“เดี๋ยวถ้ามันมั่นใจมันคงบอกพวกเราเองนั่นแหละ อย่าไปคาดคั้นอะไรมันมากนักเลย”
ผมเชื่อว่าถ้าคนพูดคำนี้ไม่ใช่ยูทุกคนคงไม่ยอมหยุดง่าย ๆ แน่ ๆ สกายที่รู้วิธีเอาตัวรอดรีบพูดเรื่องอื่นขึ้นมากลบเกลื่อนจนถึงเวลาเรียกขึ้นเครื่อง บอกลาเชียงใหม่ด้วยรอยยิ้มและน้ำตาแต่พวกเราจะกลับมากันอีกครั้งอย่างแน่นอน อ้อ...แล้วก็ก่อนกลับยายให้เงินผมเพื่อไปเที่ยวเกาหลีกับพวกบีสท์ตอนปลายปีด้วย ยายบอกว่าสาว ๆ แอบกระซิบบอกมา
“โคตรขี้เกียจไปเรียนเลย”
ผมทิ้งตัวลงนอนแผ่บนเตียงกว้าง ตอนนี้เรากลับกันมาถึงที่บ้านกันแล้วหลายคนพอกลับมาถึงบ้านก็ขับรถกลับคอนโดกันไปทันที
“ไปอาบน้ำไปจะได้มานอน”
บีสท์นั่งลงบนที่นอนตบก้นผมเบา ๆ ให้ลุกไปอาบน้ำ ผมส่ายหัวแล้วขยับตัวไปนอนตักเขา
“ยายบอกว่าจริง ๆ แล้วอินจะไปเชียงใหม่ตอนที่พวกเราไปกันด้วยแหละ”
“มาให้พวกกูรุมกระทืบหรือไง”
ผมหัวเราะแล้วนึกภาพตาม คงจะเป็นอย่างที่บีสท์บอก ถ้ามานะคงโดนรุมกระทืบแน่ ๆ ผมขยับตัวนอนหงายมองหน้าเขา บีสท์มองออกไปที่หน้าต่าง ข้างนอกมืดหมดแล้วมีเพียงแสงไฟสาดส่องเข้ามาเท่านั้นผมจับมือของเขามาแนบแก้ม บีสท์ละสายตาจากหน้าต่างกลับมามองผม
“มีอะไรหรือเปล่า”
เขาเอ่ยถาม
“มึงเหม่อ”
“คิดอะไรนิดหน่อย”
“อยากบอกกูไหม”
ดวงตาคู่คมหยีขึ้นเพราะเขายกยิ้ม บีสท์ก้มตัวลงจูบหน้าผากผมแช่ค้างไว้
“ไปหาไทน์กันไหม”
ผมพยักหน้าตกลง ตอนนี้ทุก ๆ เรื่องที่เกี่ยวกับบีสท์ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ผมอยากรู้ไปหมดและผมเองก็เต็มใจที่จะบอกให้เขารับรู้เรื่องของผมด้วยเช่นกัน มันเหมือนกับว่าเราได้ก้าวเข้าไปในโลกของอีกคนทีละนิดและโลกของเราจะหมุนไปพร้อมกันในที่สุด
ผมลุกขึ้นเดินตามแรงจูงของบีสท์ออกมาด้านนอก บีสท์พาผมเดินมายังห้อง ๆ หนึ่งที่อยู่ฝั่งซ้ายของบ้านติดกับห้องของมาร์ค เขาเคาะประตูแล้วเปิดเข้าไป ไฟในห้องสว่างขึ้นทำให้ผมได้เห็นบรรยากาศภายในห้องนี้ ห้องนอนโทนสีน้ำตาลมีโคมไฟห้อยลงมาตรงกลางห้อง หน้าต่างบานใหญ่เปิดม่านเอาไว้ตั้งอยู่พอดีกับหัวเตียง ตรงมุมมีโต๊ะหนังสือและ...รูปของไทน์ตั้งอยู่ข้างกันนั้นมีโกศฐ์อัฐิด้านหน้ามีกระถางธูปเทียนตั้งเอาไว้
“กลัวหรือเปล่า”
บีสท์หันกลับมาถามผมด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล ผมยิ้มบางแล้วเดินเข้าไปกอดเขาเอาไว้
“ทำไมต้องกลัว ไทน์เป็นเพื่อนพวกมึงนะ เพื่อนพวกมึงก็เหมือนเพื่อนกู”
“กูกังวลมากเลยเพราะรู้ว่ามันก็ดูไม่ปกติเท่าไหร่ที่ทำแบบนี้ แต่พวกกูทำใจไม่ได้จริง ๆ ขอโทษนะถ้าทำให้มึงกลัว”
ผมส่ายหน้าอยู่ในอ้อมกอดของบีสท์ นี่เขากังวลในเรื่องแค่นี้เองหรือ ผมไม่คิดมากหรอกเพราะที่บ้านยายนอกจากจะทำโกศฐ์ไว้ให้แม่นอกบ้าน ในห้องพระก็มีรูปและโกศฐ์อัฐิเล็กของแม่ตั้งไว้อยู่เช่นกัน
“ไม่ได้กลัวหรอก อย่ากังวลไปเลยนะ นี่ไหน ๆ ก็เจอกันแล้วแนะนำให้รู้จักหน่อยสิ”
บีสท์ละอ้อมกอดออกมายิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน มือใหญ่เกลี่ยแก้มของผม สายตามองตรงมาด้วยความรักใคร่ทำเอาผมเขินขึ้นมาจนต้องกระแอมไอแก้เก้อ เขายิ้มกว้างขึ้นแล้วขยี้หัวผมเบา ๆ จูงมือผมให้มาหยุดตรงหน้ารูปของไทน์
“ไทน์กูพาคนสำคัญของกูมาให้มึงรู้จักนะ มึงน่าจะรู้จักเขาอยู่แล้ว ใช่...นี่ซันคนที่กูชอบมาเล่าให้มึงฟังบ่อย ๆ ไง วันนี้กูพาตัวจริงมาให้มึงดูแล้วนะ อ้อ...แล้วกูก็เป็นแฟนกับเขาแล้วด้วย เป็นไงกูเก่งใช่ป่ะจีบเขาติดด้วยนะเว่ย”
ผมหลุดหัวเราะมองบีสท์คุยกับรูปของไทน์ เหมือนผมเลยตอนอยู่เชียงใหม่ผมก็ชอบไปนั่งที่โกศฐ์ของแม่แล้วเล่าเรื่องอะไรต่อมิอะไรให้แม่ฟังไปเรื่อย ๆ
“สวัสดีไทน์ กูซันนะ ยินดีที่ได้รู้จัก”
ผมยิ้มบอกกับรูปภาพของไทน์ ไทน์เป็นผู้ชายที่มีใบหน้าคมคายผิวสีแทนดวงตาหวานรับกับคิ้วเข้มเรียงตัวสวย รอยยิ้มสดใสชวนให้น่าเข้าใกล้นึกเสียดายอยู่เหมือนกันที่ผมไม่มีโอกาสได้เจอตัวจริง
“กูคิดมาตลอดว่าถ้าวันนั้นคนที่จากไปเป็นกูก็คงดี แต่ความคิดนั้นก็หมดลง...เมื่อกูเจอมึง”
บีสท์บอกกับผมโดยที่สายตาเขายังคงมองรูปไทน์อยู่ ผมสอดมือประสานกับมือของเขา บีสท์หลับตาผ่อนลมหายใจยาวกระชับตอบมือผม
“นี่”
ผมกระตุกแขนร้องเรียกบีสท์แผ่วเบา
“หืม?”
“เล่าเรื่องที่มึงเจอกูให้ฟังบ้างสิ”
“ก็เคยบอกไปแล้วนี่”
เขายิ้มบอกแต่ผมส่ายหน้า
“อยากฟังแบบละเอียด”
เขาเดาะลิ้นยักคิ้วกวนใส่
“ไม่ บอก”
“ไอ้!”
บีสท์ผิวปากล้วงกระเป๋าเดินออกจากห้องไทน์ไป แฟนบ้านี่บทจะกวนตีนก็โคตรน่าถีบ ผมหันมายิ้มกับรูปของไทน์บอกลาเขาปิดไฟและออกจากห้องตามบีสท์มา พอมาถึงห้องนอนบีสท์ก็หนีผมไปอาบน้ำ คิดว่าผมจะยอมแพ้หรือไงไม่มีทางถ้าคืนนี้ไม่ได้รู้ผมไม่ยอมให้เขานอนแน่
ผมเดินมานั่งลงตรงหน้าคือกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่เราเอาไปเชียงใหม่มา ผมเปิดกระเป๋าจัดการแยกเสื้อผ้าที่ใส่แล้วไปไว้ในตะกร้า พวกของฝากก็เอาไปวางไว้อีกที่ใกล้กระเป๋ากันลืม นึกได้ว่าลืมโทรบอกตายายว่าถึงบ้านแล้วจึงคลานไปหยิบโทรศัพท์ที่ซุกอยู่ตรงไหนซักแห่งในเป้
ควานหาอยู่นานสุดท้ายก็พบ หยิบออกมาดูสรุปว่าตัวเองไม่ได้เปิดเครื่องเลยด้วยซ้ำมานั่งนึกดูตั้งแต่วันที่ไปเชียงใหม่ผมจับมือถือแทบนับครั้งได้หรือเอาจริง ๆ คือผมใช้มือถือแค่ตอนโทรหาคนขับรถเท่านั้น อินเตอร์เน็ตไม่เคยเปิดเลยไม่ได้รับรู้ข่าวสารในโลกโซเชียลเลยแม้แต่น้อย
แล้วก็คิดผิดจริง ๆ ที่เปิดเครื่องและเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต เพราะสารพัดข้อความการแจ้งเตือนและอะไรต่าง ๆ ผุดขึ้นอย่างกับดอกเห็ดยังไม่ทันจะโทรกลับหายายเสียงเรียกเข้าจากเพื่อนบังเกิดเกล้าก็ดังขึ้นเสียก่อน ผมถอนหายใจหนึ่งเฮือกแล้วกดรับ
“ว่า”
‘ไปเที่ยวไม่เคยจะชวน’นั่นไงน้ำเสียงน้อยอกน้อยใจมาเต็มมาก
“มึงไปภูเก็ตกับที่บ้านอย่ามาสตอ”
‘ใช่ซี่ หึ!’“มีแคปหมูกับน้ำพริกหนุ่มมาให้ด้วยนะ”
ผมลองพูดแย็ปใส่และดูเหมือนจะได้ผลเมื่อปลายสายตอบกลับมา
‘ไส้อั่วล่ะ’“เอามาให้คนละโล”
‘โอเคกูหายงอนก็ได้’ผมอมยิ้มตั้งแต่วันที่บีสท์ไปต่อยอินที่คณะผมก็ไม่ได้เจอหรือคุยกับเพื่อนจริง ๆ จัง ๆ เลย แต่คริษฐ์บอกว่าคิงกับซานเหมือนจะเข้าใจอะไรมากขึ้นหลังจากที่ผมพูดใส่อินแบบนั้นไป ข้อความจากอินก็มีส่งมาอยู่นะแต่ผมไม่เคยเปิดอ่านเลย
“แล้วมีอะไรมาฝากกูมั่ง”
‘แดกยากแดกเย็นอย่างมึงกูไม่ซื้อขนมมาฝากให้เปลืองหรอก’“อ้าว”
‘แต่ก็มีแล้วกันน่า’“นึกว่าไม่มี แล้วคิงมันกลับมาหรือยัง”
ผมถามถึงเพื่อนอีกคนในกลุ่ม ซานไปเที่ยวภูเก็ตกับที่บ้านคิงเองก็ไปเที่ยวเหมือนกันแต่รายนั้นไปเที่ยวกาญจนบุรีกับแฟนสาวส่วนคริษฐ์ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ไปไหนเพราะพี่สาวมันป่วยช่วงนี้เลยวนเวียนเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น
‘ถึงแล้วแต่วันนี้มันนอนหอน้ำ’น้ำที่ซานว่าคือแฟนสาวของคิง ซานกับคิงมันแชร์คอนโดอยู่ด้วยกัน
“อ่าฮะ”
‘แล้วไปเที่ยวเป็นไงบ้าง กูเห็นรูปที่แพรวอัพกลุ่มใหญ่เหี้ย ๆ คัดหน้าตาเข้ากลุ่มด้วยใช่ไหมวะมีแต่คนหน้าดีทั้งนั้น แน่ะ! แล้วกูเห็นนะซันแทบจะทุกรูปมึงอยู่ข้างยูตลอดเลย คบกันยังวะ ไม่สิบอกพี่อินไปขนาดนั้นกูต้องถามใหม่ ได้กันยัง?’ผมเลิกคิ้วแปลกใจไม่รู้หรอกว่ารูปที่ซานมันพูดถึงคือรูปไหนบ้างแต่ผมก็มั่นใจนะว่าทุกรูปผมยืนข้างบีสท์แต่อีกข้างผมไม่เคยสังเกตเลยว่าเป็นยูหรือใคร
“ไอ้บ้า ยังไม่ถึงขั้นนั้น!”
ซานมันหัวเราะชอบใจเมื่อได้ยินคำตอบของผม แต่ผมสิหนักใจมันยังไม่รู้เรื่องของผมกับบีสท์เลย จะบอกอย่างไรดี
‘เออได้กันแล้วบอกด้วย แล้วก็นะอยู่ห่าง ๆ ไอ้บีสท์หน่อยก็ดีกูไม่ชอบมันเลยว่ะ’“ทะ...ทำไมวะ บีสท์มันนิสัยดีนะ”
‘ดีกับผีสิ ต่อยพี่อินยับขนาดนั้นกูไม่ไหวว่ะ’“ก็อินไปทำเพื่อนเขาก่อน”
ผมแย้งสุดชีวิต ไม่รู้ล่ะถ้าจะมาตัดสินบีสท์เพราะเรื่องนี้ผมไม่ยอมนะ อินเป็นคนผิดที่บีสท์ทำไปเพราะเขาทำยูก่อนทั้งนั้น
‘แล้วมันเพราะอะไรล่ะ บอกกูได้ป่ะ คริษฐ์มันก็ไม่พูดกูรู้นะว่ามันรู้ส่วนพี่อินไม่ต้องพูดถึงตั้งแต่ที่มึงพูดใส่เขาไปวันนั้นไม่รู้ตอนนี้เขาเปิดปากพูดกับใครหรือยัง’ผมเม้มปากใช้ความคิดพอดีกับบีสท์เดินเช็ดหัวออกมาจากห้องน้ำผมขยับปากแบบไม่มีเสียงว่าซานโทรมาเขาก็พยักหน้าเข้าใจไม่ได้พูดอะไรเดินไปนั่งดูทีวีที่โซฟา ผมลุกขึ้นเดินไปแทรกตัวนั่งระหว่างขาของเขาเปิดสปีกเกอร์โฟนให้บีสท์ฟัง บีสท์จึงกดปิดเสียงโทรทัศน์
“อินให้คนไปตัดสายเบรกรถยู”
‘อะไรนะ!’“อืมก็นั่นแหละบีสท์ถึงโกรธมาก”
ผมบอกกับปลายสายแล้วทิ้งตัวพิงอกบีสท์ คนตัวใหญ่ลูบหัวผมเล่นในมือของเขาก็กดโทรศัพท์ดูอะไรไปเรื่อย
‘กูไม่เคยรู้เลยว่าพี่อินทำแบบนั้น’“กูว่าเพื่อนเขาเองก็ไม่รู้”
‘เฮ่อ~ กูไม่รู้จะพูดไงเลยว่ะ’“กูแค่อยากให้มึงเข้าใจว่าเพื่อนใคร ใครก็รัก”
‘อืม กูเข้าใจ พอมารู้แบบนี้กูชักกลัวพี่อินแล้วเนี่ย’“เอาจริงตอนนี้เขาเหมือนเป็นอีกคนที่กูไม่รู้จักเลย”
‘นั่นสิ เดี๋ยวกูจะคอย ๆ ดูให้แล้วกันนะ’“ขอบใจนะ”
‘มาขอบใจทำไม มึงเพื่อนกูนะ’“อ้อเหรอ ปกติกูเห็นอะไรก็เข้าข้างแต่อิน”
ผมเหน็บแนมมันพอเป็นกะสัย จริง ๆ ก็น้อยใจมันนั่นแหละที่อะไร ๆ ก็เข้าข้างอินตลอด ปลายสายส่งเสียงจิ๊จ๊ะ
‘เดี๋ยวนี้มีกัด ๆ เออกูขอโทษก็คิดว่าเขาเป็นคนดีนี่หว่า ตลอดมาพี่เขาก็เป็นอย่างนั้น’“มึงอาจลืมไปว่าเขาเองก็มีคู่หมั้นแล้ว”
ผมย้ำบอกเพื่อนถึงความเป็นจริง บีสท์พ่นลมหายใจหึ ผมเงยหน้าขึ้นไปมองสีหน้าของเขาเหมือนกำลังไม่พอใจอยู่ ผมอมยิ้มแล้วบีบปากเขาเบา ๆ
‘กูรู้แต่เขาบอกพวกกูว่าเขาจะแก้ปัญหาได้’คราวนี้คนพ่นลมหายใจกลับเป็นผมแทน ผมเผยรอยยิ้มเยาะกับโทรศัพท์ เพราะแบบนี้สินะเพื่อนผมถึงเชียร์เขาจัง หลอกขายฝันไปวัน ๆ ไม่มีทางที่อินจะแก้ปัญหานี้ได้และไม่มีทางที่ผมจะกลับไป
“อย่าไปเชื่อ เขาทำไม่ได้หรอกและตอนนี้กูก็ไม่ได้ต้องการอะไรจากเขาแล้ว”
‘อืม กูรู้ ก็ดีแล้วมึงตลอดเวลาที่ผ่านมากูไม่เห็นว่ามึงจะสนใจใครเป็นพิเศษเลยยังช่วยพี่อินอยู่แต่ตอนนี้มึงมีคนที่อยากอยู่ข้าง ๆ แล้วใช่ไหมล่ะ’บีสท์เลิกสนใจโทรศัพท์ เขาวางโทรศัพท์ของเขาลงเปลี่ยนมากอดผมแทน เขาวางคางบนไหล่อมยิ้มเอียงคอมองหน้าผมรอฟังคำตอบ
“ใช่ กูอยากอยู่ข้าง ๆ เขา อยากอยู่กับเขาในทุก ๆ วัน”
ริมฝีปากร้อนกดลงตรงซอกคอผมทันทีที่ผมพูดจบประโยคแรงกอดรัดตรงช่วงเอวแน่นขึ้นทำให้ร่างกายของผมแนบชิดติดกับบีสท์จนรู้สึกถึงแรงเต้นของหัวใจอีกคน
‘ขออ้วกที หมั่นไส้เหลือเกิน เออแค่นี้แหละว่าง ๆ ก็พามาให้รู้จักบ้างแล้วกัน’“อือ”
ผมตอบรับไม่เต็มเสียงนักเพราะคนด้านหลังผมเริ่มซนไม่หยุดแค่จูบตรงต้นคอ มือใหญ่เลื้อยเข้ามาลูบไล้ภายในเสื้อของผมจนต้องเม้มปากไม่เผลอครางออกมา
‘บาย’“บะ...บาย อื้อออ บีสท์”
ผมรีบกดตัดสายและคว้าสองมือซุกซนเอาไว้ทันที ใบหน้าหล่อละจากซอกคอผมขึ้นมาเลิกคิ้วมองผมตาแป๋วอยากจะดุอยู่หรอกแต่ไม่ทันได้พูดอะไรริมฝีปากร้อนของอีกคนก็ปิดปากผมเป็นที่เรียบร้อย
จูบครั้งนี้มันร้อนแรงและวาบหวามกว่าทุกครั้งที่บีสท์จูบผม จูบที่แสดงความต้องการออกมาอย่างชัดเจนและผมเองก็ไม่คิดจะขัดอีกคน เรียวลิ้นร้อนหยอกเย้าไล่ต้อนอย่างชำนาญและกว่าจะรู้สึกตัวเสื้อผมก็หลุดหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบได้
“อือ...”
บีสท์ผละริมฝีปากออกมาจูบทั่วทั้งใบหน้าของผมด้วยความอ่อนโยนก่อนจะไล่ลงมากดจูบตามแนวไหปลาร้า สองมือใหญ่จับเอวผมให้หันหน้ามาหาเขากลายเป็นว่าตอนนี้ผมนั่งคร่อมตักของบีสท์ที่ใส่แค่กางเกงผ้าบาง ๆ กั้นอยู่ มือใหญ่ขยำสะโพกผมเบา ๆ ริมฝีปากยังคงทำหน้าที่ต่อไปไม่ลดละซึ่งผมคาดการณ์ว่ารอยคงเต็มทุกตารางนิ้วบนตัวผมอย่างแน่นอน
“จะให้หยุดไหม...ตอนนี้ยังทันนะ”
ใบหน้าหล่อเงยขึ้นมาถามผม คำว่ายังทันของเขามันฟังดูอ้อนอย่างไรไม่รู้สิอีกทั้งส่วนนั้นที่ตื่นขึ้นมาจนผมรู้สึกได้แล้ว ตัวเองต้องการขนาดนี้ยังจะมาถามผมอีก
“ไหวหรือไงเป็นขนาดนี้แล้วนะ”
“ก็...ถ้ามึงไม่พร้อมกูไปห้องน้ำก็ได้”
ผมอมยิ้ม เขาตามใจผมจนผมจะนิสัยเสียแล้วจริง ๆ นะ สองแขนผมเลื่อนไปคล้องคอเขาแล้วรั้งคอบีสท์มาจูบเบา ๆ
“เอาแต่ใจตัวเองบ้างก็ได้นะ”
บีสท์ยิ้มหวานหอมแก้มผมแรง ๆ
“ขี้ยั่ว”
“เอ้า หรือจะไม่ทำ”
ผมแกล้งจะขยับตัวออกแต่บีสท์รั้งเอวผมเอาไว้แล้วหัวเราะก้มฟัดแก้มผมอีกทีจมูกโด่งซุกไซร้ไปทั่วจนเริ่มจั๊กจี้
“เรื่องอะไรล่ะ บอกให้กูเอาแต่ใจบ้างไม่ใช่หรือจะทำจนลุกไม่ขึ้นเลย”
ผมไม่รู้ว่าเขาแกล้งขู่หรือเอาจริงเพราะสีหน้าตอนนี้ของบีสท์เจ้าเล่ห์มากรอยยิ้มมุมปากของเขาให้ลุคแบดบอยอย่างแท้จริง
“พรุ่งนี้มีเรียนนะ วิชานี้ขาดไม่ได้ด้วย”
ถึงจะแค่แกล้งเล่นแต่ผมควรบอกไว้ก่อน เขาหัวเราะขำดูดปากผมแล้วผละออก
“ล้อเล่น วันหยุดค่อยจัดหนักเนอะ”
ผมเม้มปากหันหน้าหนีเพราะเขินกับสายตาร้อนแรงที่มองมา จนกระทั่งริมฝีปากร้อนของเขาเริ่มทำหน้าที่อีกครั้ง
“ดีใจมากเลยรู้ไหมที่บอกเพื่อนไปแบบนั้น”
เสียงทุ้มแหบพร่ากระซิบบอกแนบใบหูของผม
“ก็...รู้สึกแบบนั้นจริง ๆ”
พูดเองก็เขินเอง ผมขยับกอดคอเขาซบหน้าลงกับบ่าของบีสท์หนีรอยยิ้มชวนใจสั่น
“น่ารัก”
“ไอ้บ้า”
เขาหัวเราะในลำคอก่อนที่ผมจะสะดุ้งเมื่อฝ่ามือร้อนเลื้อยเข้ามาในกางเกงแล้วบีบบั้นท้ายผมอย่างแรงริมฝีปากของเขาก็พรมจูบไปทั่ว ผมหอบหายใจแรงด้วยความเสียวซ่าน ตอนนี้บนตัวของผมเหลือแค่ชั้นในตัวบางในขณะที่บีสท์ยังเหลืออยู่ครบคือกางเกงนอนหนึ่งตัวที่ภายในไม่ใส่อะไรเป็นปกติของเขา
“อ่ะ...”
ผมหอบหายใจแรงเมื่อบีสท์กอบกุมส่วนอ่อนไหวของผมเอาไว้มือร้อนรูดรั้งเป็นจังหวะและเริ่มเร็วขึ้นจนผมครางไม่เป็นภาษาสองมือกอดคอเขาเอาไว้แน่นและก่อนที่ผมจะถึงฝั่งฝัน
ปัง!
“เฮ้เพื่อนไปกินหนม....กัน”
“เฮ้ย!”
ปรึ่บ!
บีสท์ร้องเสียงดังมือเขาคว้าเสื้อมาคลุมตัวของผมไว้อย่างรวดเร็วส่วนผมนั้นสะดุ้งเฮือกกอดคอของเขาแน่นเกิดเดดแอร์ขึ้นชั่วขณะก่อนคนมาถึงจะพูดตะกุกตะกัก
“ขะ...ขอโทษ ๆ กู กู กูไม่เห็นอะไรเลย เชิญต่อเลยเพื่อน แหะ ๆ เดี๋ยวกูล็อคห้องให้นะ”
บีสท์พ่นลมหายใจแรงเสยผมด้วยความหงุดหงิดก่อนจะโบกมือไล่มาร์ค ผมไม่เห็นสีหน้าอีกคนเพราะก้มหน้าอยู่กระทั่งเสียงประตูปิดลง
“บะ..บีสท์”
“หืม?”
“คะ...คราวหน้าแล้วกันนะ กู...ขอไปอาบน้ำ”
“อืม”
ฟอด~
“ไปอาบน้ำเถอะ กูเองก็ต่อไม่ได้เหมือนกัน ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้หมาก ฮึ่ย!”
บีสท์หอมแก้มผมเสร็จก็หันไปเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันมองไปยังประตูที่มาร์คเคยยืนอยู่ ผมรีบวิ่งคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำด้วยความรวดเร็ว เป็นไงล่ะไปคอนโดผมตั้งแต่แรกก็จบแล้ว?
How can you see into my eyes like open doors?
Leading you down into my core where I’ve become so numb
Without a soul my spirit’s sleeping somewhere cold
Until you find it there and lead it back home
Bring Me To Life - Evanescence
tbc
talk. น้องมาร์คลูก หาหมวกกันน็อคใส่แล้ววิ่งให้เร็วที่สุดเลยนะคะ 555555555555555555555555555555555555 สงสารทั้งพี่บีสท์และคนอ่าน ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกก ไปดีกั่วววว เจอกันตอนหน้าจ้า

#นิยายตัวร้าย