ตัวร้าย
30
จากวันที่มาร์คทะเล่อทะล่าเข้ามาในห้องชีวิตผมสองคนก็ยุ่งจนหัวฟู บีสท์งานที่คณะเต็มไปหมดผมเองก็เช่นกันรายงานอะไรไม่รู้เยอะแยะแทบจะไม่มีเวลาคุยกันเลย เวลาของบีสท์ส่วนมากจะอยู่ที่สตูมหาวิทยาลัยผมเองไม่ที่คอนโดก็ที่บ้านแต่ช่วงนี้จะนอนที่คอนโดบ่อยกว่า อินเงียบหายไปจนผมรู้สึกกลัวแปลก ๆ อ้อแล้วก็อีกเรื่องหนึ่ง ทริปเกาหลีปลายปีของพวกเราต้องเลื่อนออกไปก่อนเพราะว่าหลาย ๆ คนงานเข้ากลัวจะเคลียร์ไม่ทันแพลนของผมกับบีสท์ก็เลยเปลี่ยนนิดหน่อย
“แม่อยากไปเที่ยวเชียงใหม่”
“หือ?”
ผมละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์ที่กำลังพิมพ์งานอยู่หันไปมองบีสท์ที่นอนแผ่อยู่บนเตียงภายในคอนโดของผม
“แบทก็อยากไป”
“อ่าฮะ”
“พ่อด้วย”
“อื้อ”
ผมอมยิ้มรอดูว่าเขาจะพูดอะไรต่อ บีสท์ขยับตัวนอนหงายเอาหมอนใบโตมากอดไว้ระหว่างอก คนตัวใหญ่ส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอแล้วพูดต่อ
“เดี๋ยวเตะ”
“นี่กูแฟนมึงนะ”
“ก็กวนตีนเหลือเกิน”
“หึหึ อื้อก็ไปสิเดี๋ยวบอกตากับยายไว้ให้นะ ดีเหมือนกันปีนี้ญาติ ๆ พากันไปเที่ยวทางใต้แต่ตากับยายขี้เกียจเลยจะอยู่บ้านกันสองคนไปอยู่ปีใหม่กับพวกท่านก็ดีเหมือนกัน”
“แต่ก่อนอื่นสุดสัปดาห์หน้าไปบ้านกูกันก่อนนะ”
ผมเลิกคิ้วพลางคิดย้อนกลับไปตั้งแต่วันที่กลับมาจากเชียงใหม่ก็ร่วมสองอาทิตย์แล้วที่เราสองคนยุ่ง ๆ จนลืมไปเลยว่าที่บ้านบีสท์อยากเจอและเมื่ออาทิตย์ก่อนพี่ชายของเขาก็เดินทางกลับมาถึงไทยเรียบร้อยแล้วด้วยวันนั้นผมก็ว่าจะไปด้วยแต่บีสท์ไม่ยอม เขาบอกว่าเขายังไม่พร้อมจะต่อปากต่อคำกับพี่ชายตัวเอง สภาพร่างกายไม่ค่อยพร้อมรอพร้อมก่อนแล้วจะพาผมไปด้วย ฟังแล้วก็ขำนี่ไปเจอพี่ชายนะไม่ได้ไปรบทำไมต้องพร้อมขนาดนั้นด้วยก็ไม่รู้
“โอเค”
“วันนี้นอนที่สตูนะ”
“อื้อ ดึก ๆ เดี๋ยวเอากาแฟไปส่งนะ”
ได้ยินเสียงเขาหัวเราะก่อนอ้อมแขนแข็งแรงจะโอบกอดผมจากด้านหลัง ผมเอี้ยวหน้าไปมองบีสท์ที่ยิ้มมองผมอยู่ เขาจูบขมับผมแล้ววางคางบนหัวผมมองงานในจอคอม
“ระดับพวกกูต้องกระทิงแดงเท่านั้น กาแฟเอาไม่อยู่หรอก”
“กินมาก ๆ มันไม่ค่อยดีนะ”
“ก็...นะ ไม่กินก็ง่วงตายห่างานไม่เดินกันล่ะทีนี้”
“แล้วทำไมมาทำตอนใกล้ส่งล่ะ”
ผมอดไม่ได้ที่จะต่อว่าบีสท์ไป คนตัวใหญ่หัวเราะหึหึเอาคางคลึงหัวผมไปมากอดโยกผมเหมือนกำลังโอ๋เด็ก
“มึงก็เห็นว่างานกูเสร็จแล้วที่ไปน่ะช่วยเพื่อนทั้งนั้น”
“งั้นกูควรว่าเพื่อนมึงหรือไง จริง ๆ เลยพวกนี้”
ผมบ่นไปเรื่อยระบายความเครียดของตัวเอง ก็แค่ห่วงเขาเฉย ๆ โต้รุ่งกันมาสามสี่วันแล้ววันนั้นที่ผมเอาข้าวเอาขนมไปส่งตอนตีหนึ่ง สภาพเพื่อนของบีสท์ที่ชื่อฟี่เหมือนซอมบี้จนผมตกใจ เกือบวิ่งหนีแล้วเดินสะโหลสะเหลไร้เรี่ยวแรงตามหลังบีสท์มาแถมไฟตรงนั้นก็ไม่ค่อยสว่างด้วย ทำเอาผมใจหายใจคว่ำ
“ทำไมขี้บ่น”
“กูเครียดงานอ่ะ”
“หึหึหึ พักก่อนสิไปหาไรทำค่อยกลับมาทำต่อ”
ผมพยักหน้าเออออกับความคิดของเขายกมือขึ้นบิดขี้เกียจเงยหน้าหลับตายืดเส้นยืดสายแล้วก็เหมือนจะเข้าทางอีกคนล่ะ บีสท์ก้มลงมาจูบผม มือหนาล็อคหน้าผมเอาไว้แน่นผมเลยต้องจำใจจูบแบบนั้นทั้ง ๆ ที่เมื่อยมาก
“ชาร์ตพลัง?”
ผมแกล้งถามหลังจากที่เขาละริมฝีปากออกมา เขาอมยิ้มเกลี่ยริมฝีปากของผมเบา ๆ
“แล้วโอเคขึ้นไหมล่ะ”
ผมเอียงคอทำท่าคิดแล้วก็พยักหน้า
“ก็ได้อยู่นะแต่เมื่อยไปนิด”
“หึหึ ไปดูโทรทัศน์กัน”
ว่าแล้วเขาก็จูงมือผมไปนอนดูโทรทัศน์ตรงโซฟาจนเย็นกินข้าวด้วยกันเสร็จเขาก็หอบข้าวหอบของกลับเข้าไปในมหาลัย ผมก็ทำงานต่อแต่ติดอยู่ช่วงหนึ่งจนทนไม่ไหวเลยหอบงานมาทำที่คอนโดของคริษฐ์ที่อาศัยอยู่กับณินและไม่ใช่ผมคนเดียวที่มาซานกับคิงมาอยู่ก่อนผมเสียอีก
“น้องซันมาซะดึกเลย”
ณินยิ้มกว้างเดินมาเปิดประตูให้ผมด้วยตัวเอง คนตัวสูงชะลูดอยู่ในชุดอยู่บ้านเสื้อกล้ามสีดำตัวใหญ่ที่คว้านลึกจนผมคิดว่าไม่ต้องใส่ก็ได้กับกางเกงยางยืดที่แทบจะต้องหาหนังยางมารัดหัวฟูฟ่องใส่แว่นทรงกลมเห็นแล้วนึกถึงแฮรี่พอตเตอร์ หมดกันภาพลักษณ์ภาณินที่ทรงเสน่ห์
“งานติดอ่ะเลยมารวมหัวกับพวกที่เหลือดีกว่า”
“มา ๆ เข้ามาเลยดีนะพี่ณินซื้อขนมมาไว้เพียบ”
ณินยิ้มกว้างสดใสคว้าของผมไปช่วยถือปิดประตูแล้วดันหลังผมให้เดินไปข้างหน้า พวกเพื่อนผมนั่งกองกันอยู่ตรงโซฟาหน้าทีวีซานนอนราบไปกับพื้นพรม คริษฐ์กับคิงนั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยวคนละฝั่งส่วนโซฟาตัวยาวตรงหน้ามีโน๊ตบุ๊คเปิดทิ้งไว้ซึ่งผมเดาว่าน่าจะเป็นของณิน
“มาดึกเลยนะมึง”
คิงเอ่ยทัก ผมยักไหล่แล้วหันไปมองนาฬิกาตรงผนังสี่ทุ่มแล้วหรือนี่ บีสท์หลังจากส่งข้อความมาบอกว่าถึงมหาลัยแล้วตอนสองทุ่มก็เงียบหายไปเลยสงสัยเข้าสู่โลกของพวกเขาไปแล้วล่ะ ผมเรียนรู้มาอย่างหนึ่งว่านอกจากตัวเองแล้วถ้ามีใครไปขัดระหว่างที่เขาทำงานบีสท์จะอารมณ์เสียมาก รู้สึกเป็นบุญของตัวเองที่เป็นข้อยกเว้นของเขาแต่ก็มีหงุดหงิดใส่บ้างนะผมจึงพยายามหลีกเลี่ยงเวลาเขาทำงาน ผมจะไปอยู่ที่ห้องหนังสือหรือไม่ก็นั่งอ่านหนังสือเงียบ ๆ ไปเลย ไม่ได้รู้สึกโกรธอะไรเพราะเข้าใจว่างานพวกนี้ต้องใช้สมาธิ
เพิ่มเติมอีกเรื่องคือบีสท์ไม่เคยลืมล็อคประตูห้องอีกเลยหลังจากเหตุการณ์ที่มาร์คบุกเข้ามาในห้องตอนที่ผมสองคนกำลัง...เอ่อ...นั่นแหละ แต่ถึงจะไม่เคยลืมล็อคห้องหรือมาอยู่ที่คอนโดกันบ่อยขึ้นพวกผมก็ไม่ได้ทำอะไรเกินเลยกว่าคำว่ากอดจูบหรอกนะ อย่างที่บอกไปแล้วว่าช่วงนี้พวกเรายุ่งมาก ไฟนอลใกล้เข้ามารายงานก็เยอะ เวลาอยู่ด้วยกันแทบจะไม่มีแถมซานยังเกือบรู้ความจริงอีกดีที่ผมแก้ตัวทันว่าโดนบีสท์แกล้งเพื่อนจึงไม่ได้ติดใจอะไร
ตอนนี้ผมก็กำลังหาทางบอกเรื่องของผมกับคิงซานอยู่แต่ไม่รู้จะเริ่มออกไปอย่างไรเพราะเพื่อนสองคนก็ดูไม่ได้ซักไซ้อะไรเรื่องของผม คริษฐ์บอกว่าให้ปล่อยไปก่อนผมจึงทำตามคำแนะนำของมัน อย่างน้อยก็ให้ผ่านช่วงไฟนอลไปก่อนแล้วกันไม่อยากโดนเพื่อนโกรธข้ามปี
“ตอนแรกว่าจะไม่มาแล้วแต่กูไปต่อไม่ได้ว่ะ ช่วยดูหน่อยสิ”
ผมยื่นโน๊ตบุ๊คตัวเองไปให้คิงดูและก็คิดถูกจริง ๆ ที่มาหาพวกมันงานผมเสร็จในไม่กี่ชั่วโมงถัดมา กะว่าเดี๋ยวสักตีสองค่อยกลับจะซื้อพวกของกินเล่นไปให้บีสท์ด้วย
“ช่วงนี้พี่มึงเป็นไงบ้าง”
ผมเดินออกมาหาคริษฐ์ตรงระเบียงถามไถ่อาการพี่สาวของมัน คริษฐ์พ่นควันบุหรี่ออกมาแล้วส่ายหัวเป็นคำตอบ
“มันลามไปหมดแล้วว่ะ พี่ณิไม่ต้องการผ่าตัดด้วยเขาบอกว่าเขาทรมาน”
“ต้องทำใจอย่างเดียวหรือวะ”
ผมรู้สึกเศร้าตามเพื่อนไปด้วย เข้าใจดีว่าการสูญเสียเป็นเช่นไรและถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากให้ใครมาเจอเหมือนผม คริษฐ์ยิ้มเศร้าร่างสูงของเพื่อนหันมาบีบไหล่ผมเบา ๆ รู้สึกว่าผิดตำแหน่งไปนิดหน่อยผมควรจะเป็นฝ่ายปลอบมันไม่ใช่หรือไง
“พวกกูทุกคนทำใจกันหมดแล้ว พี่คินก็ด้วยจะสงสารก็แต่เด็ก ๆ แต่พวกกูก็มั่นใจนะว่าจะทำให้เขาโตมาได้โดยไม่มีปมอะไรเรื่องแม่”
“สู้นะมึง มีอะไรที่กูพอจะช่วยได้ก็บอก”
“อืมขอบใจว่ะ แล้วช่วงนี้มึงเป็นไงบ้างว่าจะถามนานแล้วเห็นรูปที่แพรวเอาลงแล้วเฮฮากันมากเลยนี่ กลุ่มใหญ่ชิป”
“อือ ก็สนุกดีแต่เรื่องไม่สนุกก็มี”
“ทำไมวะพี่อินตามไปหรือไง”
คริษฐ์ขมวดคิ้วถาม ผมยิ้มบางส่ายหน้าตอบแล้วเล่าเรื่องของมีนให้คริษฐ์ฟัง
“ณินเคยเล่าให้ฟังเหมือนกันเรื่องเพื่อนพวกนั้นที่ชื่อไทน์น่ะ กูไม่แปลกใจนะทำไมพวกมันถึงรักกันขนาดนั้นเป็นกูนี่อาจต่อยผู้หญิงเลยก็ได้”
ผมหลุดหัวเราะเหลือบตามองเพื่อนด้วยความหมั่นไส้
“อย่างมึงเนี่ยนะจะต่อยผู้หญิง ต่อยท้องแล้วลากเข้าห้องล่ะสิไม่ว่า”
อีกฝ่ายหัวเราะส่ายหน้าปฏิเสธ
“ระดับกูแค่กวักมือเรียกก็ตามมาแล้วว่ะ”
“เออไอ้หล่อเหี้ย ๆ ไอ้หล่อบรรลัย”
“ทำไมเดี๋ยวนี้มึงด่าเจ็บจังวะ”
คริษฐ์หัวเราะขำผม จะว่าไปแล้วผมก็รู้สึกได้ว่าตัวเองพูดมากขึ้นและปากร้ายขึ้นสงสัยติดสกายมาแน่ ๆ หึหึหึ
“สงสัยติดสกายมา”
“ไปพาดพิงเขาอีกแน่ะ มึงเป็นที่ตัวมึงเองหรือเปล่าซันแต่ก็ดีแล้ว กูชอบมึงแบบนี้มากกว่า”
คริษฐ์ยิ้มกว้างตบไหล่ผมเบา ๆ ผมยิ้มตามมัน ไม่ใช่แค่มันหรอกที่ชอบผมเองก็ชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้เหมือนกัน
“เออมึงเมื่อวานก่อนป้าน้อมโทรมาหากูบอกว่าช่วงนี้พี่อินเข้าออกบ้านพ่อมึงบ่อยมาก”
จู่ ๆ คริษฐ์ก็เปลี่ยนเป็นโหมดจริงจังจนผมตามแทบไม่ทัน ผมเลิกคิ้วยักไหล่ไม่ใส่ใจ
“เขาเข้าออกบ้านนั้นก็ไม่เห็นมีอะไรแปลก
บ้านคู่หมั้นเขานี่”
ผมตอบมันเรียบเรื่อยไม่ได้ใส่ใจ คู่หมั้นของอินก็คือลูกติดของนายหญิงคนใหม่ของบ้านหลังนั้นไง ก็คู่ควรกันดีผู้หญิงสวยผู้ชายหล่อฐานะก็เท่าเทียมไม่มีอะไรคู่ควรกว่านั้นแล้ว...เป็นคู่ที่ไม่ยอมรับความจริงทั้งคู่ ผู้หญิงรู้ว่าเขาไม่รักก็ทำเป็นมองไม่เห็น ส่วนอินก็อย่างที่เห็น บอกจนปากจะฉีกถึงรูหูแล้วก็ยังไม่ยอมฟัง พอกันทั้งคู่ อ้อ...แล้วเธอคนนั้นก็ไม่ค่อยจะชอบผมเสียเท่าไหร่ด้วยแต่ถามว่าผมแคร์ไหม ไม่เลยสักนิด
“กูว่าไม่น่าเกี่ยวกับพี่แอร์เพราะที่ป้าน้อมบอกทุกครั้งที่เขาเข้าไปเขาจะเลือกเฉพาะช่วงเวลาที่พ่อมึงอยู่บ้านเท่านั้น กูว่ามันแปลก ๆ นะซันและมันอาจจะเกี่ยวกับมึงก็ได้”
คราวนี้เป็นผมที่ตบไหล่คริษฐ์
“คิดมากน่ามึง ไม่มีอะไรหรอกกูไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคนบ้านนั้นแล้ว และเขาก็ไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวกูด้วยกูบรรลุนิติภาวะแล้วนะ”
“เออกูรู้แต่ยังไงก็อยากให้ระวังตัว พอรู้เรื่องที่พี่อินทำกูไม่ไว้ใจอะไรเกี่ยวกับพี่เขาทั้งนั้นแล้วเนี่ย นี่ก็ให้พี่มินช่วยดูให้อยู่”
“ขอบคุณมากนะมึง กูจะระวังตัว”
“อืม”
ผมสองคนเดินกลับเข้ามาภายในห้องที่บัดนี้เปลี่ยนเป็นสนามประลองเกมกันเป็นที่เรียบร้อยเมื่องานเสร็จกันหมด คิงกับณินนั่งจ๋องกันอยู่หน้าทีวีในมือมีจอยคนละอันกดกันอย่างเมามันมีซานนั่งเชียร์อยู่ไม่ไกล คริษฐ์เดินมากระซิบผมก่อนที่แผ่นหลังกว้างจะเดินหายเข้าห้องนอนไป
“แต่ก่อนอื่นมึงควรเริ่มหาทางแก้ปัญหาไอ้สองตัวนี้ด้วยล่ะ ดีไม่ดีไอ้ตัวยุ่งนั่นอีกคน”
ผมกุมขมับทันทีเมื่อเพื่อนหย่อนระเบิดแล้วหนีเข้าห้องไป คิงไม่เท่าไหร่มันมีเหตุผลพอสมควร ซานถ้าค่อย ๆ อธิบายมันก็น่าจะเข้าใจแต่ถ้ามันแท็กทีมกับณินแล้วนรกแน่ ๆ เขา
“มึงกูกลับก่อนนะ”
ผมเดินไปสะกิดซานที่นั่งเชียร์อยู่บนโซฟามันหันกลับมาเลิกคิ้วถาม
“ไม่นอนนี่หรือวะ”
ผมส่ายหัวปฏิเสธ
“ไม่ล่ะ”
“เอองั้นกลับดี ๆ นะมึงขับรถระวัง ๆ ถึงห้องแล้วก็ส่งข้อความมาบอกกูด้วย”
“โอเค ไปนะ กูไปก่อนนะคิง ณินเรากลับก่อนนะ”
“บาย”
“ขับรถกลับดี ๆ นะน้องซัน”
ผมสะพายเป้ลงมาล่างคอนโดของคริษฐ์แสกนบัตรออกมาด้านนอกแวะเข้ามินิมาร์ทซื้อขนมไปให้บีสท์ ซื้อไปเยอะหน่อยเผื่อเพื่อน ๆ ของเขาด้วยซื้อเสร็จก็ขับรถตรงไปยังมหาลัยส่งข้อความบอกบีสท์อีกฝ่ายตอบกลับมาเรียบร้อยไม่กี่นาทีถัดมารถของผมก็จอดเทียบหน้าตึกสถาปัตย์
“หวัดดีเพื่อนสะใภ้”
“หวัดดีฟี่”
ผมยิ้มทักทายฟี่เพื่อนในคณะของบีสท์เห็นแฟนผมบอกว่าเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวในคณะ ไม่แปลกใจสักเท่าไหร่ที่ใคร ๆ ต่างก็คิดว่าแฟนผมทำตัวลึกลับ เขาแค่ไม่ชอบความวุ่นวายเท่านั้นเองแค่พวกที่บ้านก็ปวดหัวจะแย่แล้ว
“ซื้อมาทำไมเยอะแยะ”
บีสท์บ่นผมเท้าเอวมองขนมสองถุงใหญ่ฟี่ทำเสียงจิ๊จ๊ะแล้วเบียดตัวมาคว้าถุงขนมจากมือผมไป
“คนเขามีน้ำใจมึงนี่ก็ชอบขัดศรัทธา”
บีสท์หันไปตบหัวเพื่อนตัวเองแล้วส่ายหน้าระอา
“สบายท้องพวกมึงแต่ลำบากแฟนกูไง”
“กูหมั่นไส้ความห่วงแฟนเวอร์ของมึงจริง ๆ ไปดีกว่าขอบคุณมากนะซัน”
ฟี่เดินผิวปากหอบหิ้วถุงขนมเดินขึ้นตึกไป บีสท์อมยิ้มส่ายหัวมองตามแล้วหันกลับมาหาผมที่ยืนพิงรถอยู่
“งานเสร็จหรือยัง”
เขาเอ่ยถามพลางลูบหน้าลูบตาผมไปด้วย ผมโน้มตัวมาซบไหล่เขาบีสท์คล้องเอวผมไว้หลวม ๆ
“เสร็จแล้ว งานเพื่อนมึงล่ะ”
“วันนี้น่าจะเสร็จล่ะ ส่วนของกูทำเสร็จหมดแล้วพรุ่งนี้กลับไปนอนบ้านกันไหม”
“อื้อเอาสิ แต่กูเลิกเย็นเลยนะ”
“กี่โมง”
“น่าจะหกโมง”
“เดี๋ยวกูรออยู่คณะ เรียนเสร็จแล้วก็โทรมาหานะ”
“อื้อ ไปทำงานต่อเถอะ”
ผมกอดเขาแน่น ๆ หนึ่งทีแล้วผละออกมายิ้มให้ บีสท์ยิ้มแล้วขยี้หัวผมยืนมองจนรถผมลับสายตาจึงกลับขึ้นไปทำงานต่อ กว่าจะกลับถึงคอนโดอาบน้ำทำธุระส่วนตัวเสร็จได้นอนก็ปาไปเกือบตีสี่ รู้สึกตัวตื่นอีกทีก็ตอนที่อ้อมกอดแข็งแรงโอบกอดในตอนสายหรี่ตามองเวลาเกือบ ๆ เจ็ดโมงเช้าผมมีเรียนตอนสิบโมงเก้าโมงค่อยตื่นก็ยังทัน ผมพลิกตัวเข้าหาอ้อมกอดของบีสท์แล้วหลับไปอีกครั้ง
“คริษฐ์”
ผมเอ่ยเรียกชื่อเพื่อนสนิทที่กำลังก้มตอบแชทสาว ๆ อยู่ ตอนนี้เรานั่งกันอยู่ใต้ตึกคณะรอเรียนวิชาสุดท้ายของวันที่มีแค่ผมกับคริษฐ์ลงเรียนกันสองคน
“มึงเคยคบใครจริงจังไหมอ่ะ”
“จริงจังขนาดไหนล่ะ”
“แบบไปทำความรู้จักที่บ้านเขาอะไรแบบนี้”
“ทั้งชีวิตกูถ้าเข้านอกออกในบ้านคนอื่นประหนึ่งบ้านตัวเองก็มีแค่บ้านณินเท่านั้นแหละ กับผู้หญิงไม่เคยหรอกพอจะจริงจังพวกเธอดันไม่จริงใจเสียก่อน”
มันตอบติดตลกผมได้แต่กลอกตาเหม็นเบื่อ ไม่ใช่พวกเธอไม่จริงใจหรอก ไอ้เพื่อนผมนี่แหละที่ไม่จริงจัง น่าถีบให้หน้าคว่ำจริง ๆ พวกหล่อเลือกได้เนี่ย คริษฐ์วางมือถือลงแล้วหรี่ตามองผมด้วยแววตาเจ้าเล่ห์
“ถามแบบนี้แสดงว่าบีสท์มันจะพามึงไปเปิดตัวที่บ้านว่างั้นสิ”
ผมเคยบอกแล้วว่าผมเกลียดที่มันรู้ทันตลอดเวลา
“อือ”
“ว่ะ! จริงจังเว้ย”
“กูเครียดนะมึง ทำไงดีอ่ะ”
คริษฐ์หุบยิ้มเปลี่ยนเป็นสีหน้าจริงจังแต่ก็ยังคงมีรอยยิ้มเจืออยู่บนใบหน้า มันผลักหัวผมจนแทบหงายหลัง
“เครียดทำไม เป็นมึงคนนี้นี่แหละทำตัวสบาย ๆ”
ผมโขกหัวกับโต๊ะเบา ๆ เข้าใจความเครียดของบีสท์ตอนไปเจอตายายแล้ว ถึงเขาจะบอกว่าที่บ้านจะชอบผมแต่นั่นก็เป็นแค่สิ่งที่บีสท์บอกเล่าผ่านความรู้สึกของเขา ผมเกรงว่าถ้าที่บ้านเขาเจอผมจริง ๆ แล้วจะผิดหวังน่ะสิ
“ไม่ต้องกลัวน่า มึงไม่ใช่เด็กไม่ดีเสียหน่อยมึงแค่เอ๋อ”
“สัด”
คริษฐ์หัวเราะชอบใจแล้วตบไหล่ให้กำลังใจผม ไม่ทันได้ปรึกษาอะไรต่อก็ได้เวลาขึ้นเรียน เลิกเรียนบีสท์ก็มารอรับพอดีเลยกลายเป็นว่าไม่ได้คุยอะไรต่อเลย
“นี่”
“หืม?”
“มึงว่ากูไปตัดผมดีไหม”
ผมเอ่ยถามบีสท์ เขาหันหน้าจากถนนมามองหน้าผมส่วนมือก็ละจากเกียร์มาจับปอยผมที่เริ่มยาวจนประบ่าของผมเล่น
“อืมจะว่าไปก็เริ่มจะยาวแล้วนะ ตัดสักนิดก็ดี”
“สกินเฮดดีป่ะ โอ๊ย! เจ็บนะ!”
ผมร้องแหวเมื่อบีสท์แกล้งดึงผมของผมแรง ๆ คนขับรถหัวเราะชอบใจแล้วเปลี่ยนมาลูบหัวโอ๋แต่ผมตีมือมันแล้วเบี่ยงตัวหนีเจ้าตัวเลยเปลี่ยนมาคว้ามือผมไปกุมแทน
“อะไรเข้าฝันหรือไง อย่าเชียวนะแค่ตัดให้สั้นลงก็พอแล้ว”
“ทำไมกูตัดสกินเฮดแล้วมึงจะไม่รักหรือไง”
ผมเชิดหน้าถาม รู้สึกโมโหขึ้นมาหน่อย ๆ แต่อีกคนกลับหัวเราะชอบใจ บีสท์คลึงมือผมแล้วส่ายหน้า
“เปล่าแต่หน้ามึงเล็กยาวด้วยตัดสกินเฮดกูว่าไม่เหมาะมันจะเหมือนเอเลี่ยนนะกูว่า”
ผมนึกภาพตามถึงตัวเอเลี่ยนตาโต ๆ หัวโล้น ๆ แล้วคิดภาพตัวเองตาม จะว่าไปก็...เหมือนหน่อย ๆ นะ โอเคผมยอมก็ได้ไม่ตัดสกินเฮดก็ได้
“งั้นเล็มออกนิด ๆ ก็ได้”
“กูตัดให้ไหม”
ผมมองแฟนตัวเองอย่างไม่ไว้ใจเหมือนเขาจะรู้ตัวเลยบีบจมูกผมเบา ๆ
“อย่ามามองแบบนี้ แค่ตัดผมน่า กูตัดกระดาษตรงนะ”
ผมคว้ามือเขามากัดจนเป็นรอยฟันด้วยความหมั่นไส้เพราะเขาว่ากระทบผม เออผมตัดกระดาษไม่ตรงแล้วทำไมอ่ะก็มันยากนี่! คนโดนกัดหัวเราะชอบใจ
“นิสัยไม่ดี”
“อ่าวกูแค่ล้อแค่นี้กลายเป็นคนนิสัยไม่ดีเลยหรือ”
บีสท์พูดกลั้วหัวเราะผมหมั่นไส้เลยกัดมือไปอีกที
“กูจะกลับไปฝึก!”
“ครับ ๆ พยายามเข้านะครับแฟน”
“นิสัย!!!”
“หึหึหึ”
สรุปคือผมก็ให้แฟนคนดีตัดผมให้นี่แหละ ก็ตัดดีสมราคาคุยเขาล่ะ ชิ! รู้สึกหมั่นไส้เบา ๆ ตัดผมเสร็จผมก็ลงมาเล่นเกมกับเปากับเชน
“ตัดผม?”
เปาถาม ผมพยักหน้าตอบแล้วนั่งลงข้าง ๆ เชน
“คิดไงตัด”
“กลัวยาวกว่านี้แล้วคนคิดว่ากูเป็นน้าแอ๊ดคาราบาว”
“ห่า”
เปาหัวเราะส่ายหัว เชนอมยิ้มขำ
“กูนึกว่ามึงจะไว้ยาวแล้วไปโฆษณาซันซิล”
“ไม่ผ่านหรอกเชน ห่าซันมันเคยหวีผมที่ไหน ยุ่งอย่างกับหมออ้อย”
“เออว่ะ ฮ่า ๆ”
สองคนหัวเราะแปะมือกันชื่นมื่น ผมได้แต่ส่งเสียงจิ๊จ๊ะไม่ได้เถียงเพราะที่พวกเขาพูดเป็นความจริง หวีแทบไม่เคยได้สัมผัสหัวผมหรอก ตื่นเช้ามาก็ขยี้ ๆ เสร็จ จบออกไปข้างนอกได้ รำคาญมาก ๆ ก็มัดรวบเอาแต่ตอนนี้สั้นเกินรวบไม่ได้แล้ว
“เออได้ข่าวว่าอาทิตย์หน้าจะไปบ้านบีสท์มันใช่ป่ะ”
“อืม พวกมึงเคยไปไหม”
เหมือนผมจะถามคำถามโง่ ๆ ออกไปเลยโดนเปาตบหัวไปหนึ่งที
“เคยสิวะถามได้ ทำไมกลัวรึไง”
“อือ นิดหน่อย”
“ไม่ต้องไปกลัวหรอก พ่อแม่มันใจดีจะตายห่าไม่งั้นบีสท์มันจะโตมาเป็นผัวที่ดีของมึงขนาดนี้ได้ไง โว๊ะมึงนี่นะกังวลเรี่ยราดน่าตบให้หายเอ๋อ”
เชนหัวเราะก๊าก เปาบ่นเสร็จก็ส่ายหน้าปลง ๆ ส่วนผมนั้นได้แต่เกาหัวงง คือกูแค่กังวลเฉย ๆ เองนะเปา คือกูไม่เคยเจอบ้านแฟนมาก่อนไหมล่ะจะกังวลก็ไม่แปลกเล่นด่ากลับมาซะรู้สึกผิดที่กังวลเลย
Oh baby it’s you
이제 시작이야 무한의 나 동의 처음과 서의 끝 쪽부터
นี่คือจุดเริ่มต้นที่ไร้ขีดจำกัดของผม จากตะวันออกสู่ตะวันตก
빛은 암흑 속 퍼질 수록 강해져 가 눈을 떠 봐 오
ราวกับความมืดมิดที่แผ่ขยาย ผมจะแข็งแกร่งขึ้น ลองลืมตาดูสิ
점점 커져가 나의 노래가
โลกที่เหมือนกับเพลงของผมจะระเบิด
봤니 뜨겁고 터질듯한 세계
สดใสและร้อนแรง ขยายขึ้นเรื่อยๆ
들리니 우리는 하나가 돼
คุณได้ยินไหม? เราจะกลายเป็นหนึ่งเดียว
Limitless – NCT 127
tbc
talk. อยากได้พี่บีสท์อ่ะ แงงงงงงงงงง จะเอาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา มาตัดผมให้เค้าหน่อย
#นิยายตัวร้าย
ตอนหน้าตอนพีคนะ สปอย ๆ 55555555555555555 ไปแว๊วววว
