ตัวร้าย
31
“กลัวขนาดนั้นเลยหรือไง”
บีสท์อมยิ้มมองผมด้วยความเอ็นดู แต่ผมไม่มีอารมณ์ยิ้มด้วยหรอกนะเหงื่อแตกจนชุ่มหลังแล้วมือเย็นไปหมดมองไปยังบ้านหลังใหญ่ตรงหน้าแล้วใจก็เต้นตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ ยิ่งระยะทางใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ผมยิ่งเครียด บีสท์เอื้อมมือมากุมมือผมไว้แล้วบีบให้กำลังใจ
“กูกลัวที่บ้านมึงจะไม่ชอบกู”
“ไม่คิดมากสิ แค่เป็นมึงอย่างทุกวันก็พอโอเคไหม มึงเคยบอกกูเองนะว่าเราจะผ่านมันไปด้วยกันตอนที่กูไปเจอตากับยายมึงไง จำได้หรือเปล่า”
“จำได้”
“ถ้ากลัวก็จับมือกูไว้แน่น ๆ นะ อย่าปล่อยมือล่ะ”
รอยยิ้มและสายตาของบีสท์ตรึงผมไว้ได้เสมอ ไม่ว่าเมื่อไหร่ผู้ชายคนนี้ก็ทำให้ผมรู้สึกโชคดีทุกครั้งที่ได้มาเจอเขา ผมหลับตาสูดลมหายใจลึกแล้วค่อย ๆ ผ่อนออกมาพร้อมกับลืมตาขึ้นส่งยิ้มให้บีสท์ที่มองมากระชับมือเขาให้แน่น
“ขอบคุณนะ ตอนนี้กูไม่กลัวอะไรแล้ว”
“เก่งมากครับแฟน”
ผมเอามืออีกข้างที่ว่างต่อยแขนบีสท์เบา ๆ เราทั้งสองคนยิ้มและหัวเราะให้กัน ผมชอบเวลาที่เขาเรียกผมว่าแฟนนะ ไม่รู้สิฟังทีไรก็หัวใจพองโตทุกที นี่ผมไม่ใช่คนเห่อแฟนมากไปใช่ไหมใครก็ได้บอกผมที
“พร้อมนะ”
“อื้อ”
“ป่ะ”
บีสท์ปลดล็อคประตูปลดสายเข็มขัดนิรภัยแล้วลงจากรถเดินอ้อมมารอผม ผมสูดลมหายใจอีกครั้งแล้วเปิดประตูลงไปยืนข้างเขา ผมไม่ได้จับมือบีสท์อย่างที่เขาบอกให้จับเพราะผมไม่รู้ว่าพ่อกับแม่เขาจะมองการกระทำของเราอย่างไร ผมจึงทำได้แค่เดินเคียงข้างเขาเข้าไปในบ้าน สองมือกอดตะกร้าผลไม้แน่น บีสท์เหลือบมามองแล้วก็อมยิ้มไม่หุบไม่รู้จะตลกอะไรผมนักหนา ผมเดินตามแผ่นหลังกว้างมาจนถึงห้องรับแขกและภายในนั้นครอบครัวของเขานั่งกันอยู่ครบเลย
“สวัสดีครับพ่อ สวัสดีครับแม่ แบทหวัดดี ทุกคนครับนี่ซันแฟนผม”
บีสท์ยกมือไหว้พ่อแม่ตัวเองแล้วยกมือทักทายพี่ชายของเขาก่อนจะผายมือมาที่ผมแนะนำด้วยน้ำเสียงสบายแต่ผมนี่สิไม่สบายด้วยเลย เกร็งจนจะเป็นตะคริวอยู่แล้วผมวางตะกร้าผลไม้ลงก่อนจะยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งหมดในห้องนี้
“สวัสดีครับ ซันครับ”
“ไหว้พระเถอะลูก ซันเข้ามาใกล้ ๆ แม่หน่อยลูก”
แม่บีสท์กวักมือเรียกผมด้วยรอยยิ้มกว้างทำให้ผมหายเกร็งไปได้เยอะ ผมเดินค้อมหลังเข้าไปหาท่านส่งตะกร้าผลไม้ให้และนั่งลงข้าง ๆ แม่ของบีสท์ ท่านเป็นผู้หญิงที่สวยคมเหมือนมีเชื้อแขกขาวริ้วรอยมีตามวัยเป็นผู้หญิงที่มีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าตลอดเวลา
“ตอบแม่มาตามตรงนะ”
“คะ...ครับ”
ผมตกใจเมื่อจู่ ๆ ท่านก็พูดขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง เหลือบไปมองบีสท์เขายักคิ้วส่งมาให้แล้วนั่งลงตรงโซฟาเดี่ยวไม่ห่างจากผม
“ไม่ได้ถูกบีสท์ล่อลวงมาใช่ไหมลูก”
“แม่!!!”
บีสท์ร้องโวยวายในขณะที่พ่อและพี่ชายเขาหัวเราะเสียงดัง แม่ของบีสท์ยิ้มกว้างแล้วลูบหัวผมอย่างเอ็นดูก่อนจะหันไปบอกลูกชายตัวเองที่นั่งหน้ามุ่ยงอนอยู่
“ก็จริงนี่ ดูสิซันน่ารักขนาดนี้แล้วดูเรา หน้าก็โหดตัวก็ใหญ่แม่ไม่ถามว่าไปฉุดเขามาก็ดีเท่าไหร่แล้ว”
“แม่อ่ะ ผมลูกแม่นะ”
“ก็ลูกไง ถึงพูดแบบนี้”
“พ่อดูแม่ดิ”
บีสท์ร้องหากำลังเสริมอย่างพ่อตัวเอง แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้ทุกคนจะอยู่ข้างนายหญิงของบ้านกันหมด พ่อเขายักไหล่ทำท่าไม่รู้ไม่ชี้แล้ววางแขนพาดไหล่แม่เหมือนบอกกลาย ๆ ว่าอยู่ฝั่งไหน
“ไม่ได้ถูกหลอกมาครับ ผมหนีตามบีสท์มาเอง”
พอผมตอบพ่อกับแม่ก็หัวเราะชอบใจใหญ่ ตอนนี้โล่งมากเลยจากที่เกร็งในคราวแรก พี่แบทหัวเราะเสียงดังแล้วยกนิ้วโป้งส่งมาให้ส่วนแฟนผมยืดอกภูมิใจยิ้มหน้าบานอยู่
“เห็นป่ะผมบอกแล้ว”
“ขี้อวดว่ะ ถ้ากูเจอซันก่อนนะไม่ถึงมือมึงหรอกไอ้น้องชาย”
บีสท์ชี้หน้าพี่ชายตัวเอง
“หยุดเลยแบท นี่แฟนกูห้ามอ่อยห้ามตอดห้ามเข้าใกล้กว่าสามเมตร”
“ห่า นั่นแฟนหรือวัตถุโบราณ ถ้ามึงจะหวงขนาดนี้”
พี่แบทว่ากลั้วหัวเราะ พ่อกับแม่เขาเองก็พยักหน้าเห็นด้วยกับลูกชายคนโต บีสท์ยักไหล่ไม่แคร์
“ก็หวงอ่ะทำไม”
“แฟนมึงเขินแล้วนั่น”
ผมก้มหน้าหนี อุตส่าห์เขินอยู่เงียบ ๆ ยังถูกลากเข้ามาร่วมวงอีกจนได้ ได้ยินเสียงหัวเราะอยู่รอบตัวแล้วผมเองก็รู้สึกมีความสุข สัมผัสอุ่นซ่านจากฝ่ามือแม่ของบีสท์ทำให้ผมคิดถึงแม่ของตัวเอง ถ้าแม่ยังอยู่ผมเชื่อว่าท่านก็จะต้องยินดีกับผมอย่างที่ครอบครัวบีสท์ทำอยู่ตอนนี้เช่นกัน
“ยินดีต้อนรับเข้าสู่ครอบครัวเรานะซัน ฝากดูแลลูกชายพ่อด้วยล่ะ ถ้ามันทำตัวเจ้าชู้พ่ออนุญาตให้เอาไม้หน้าสามฟาดหัวมันได้เลยนะ”
“พ่อ! ผมลูกพ่อนะ ทำไมไม่มีใครเข้าข้างผมเลยอ่ะ”
“ก็เราไม่น่ารักเหมือนซันนี่”
แม่เขาบอกแล้วกอดลูบหัวผมอวดลูกชายตัวเอง บีสท์ส่ายหัวด้วยความเซ็งแต่ใบหน้าเขาก็ยังมีรอยยิ้มกว้างปรากฏอยู่ พี่แบทแลบลิ้นปลิ้นตาใส่น้องชายตัวเอง
“ทำใจว่ะไอ้หมาหัวเน่า คุณสองคนเขาได้ลูกรักคนใหม่แล้วนั่น”
พี่แบทบอกแล้วบุ้ยหน้ามาที่ผม
“ถูก พ่อนะอยากมีลูกหน้าตาน่ารัก ๆ แบบนี้มานานแล้ว เห็นแกสองคนแล้วเซ็ง”
“เซ็งอะไรพ่อ เห็นพวกผมก็เหมือนพ่อเห็นหน้าตัวเองไหมล่ะ”
พี่แบทว่า บีสท์พยักหน้าเห็นด้วย
“ไม่จริง พ่อตอนหนุ่มหล่อกว่าพวกแกสองคนเยอะ”
“ขี้อวด”
“ตาแก่ขี้อวด”
“เอ๊ะไอ้พวกนี้ ให้ซันตัดสินเลย ซันใครหล่อสุดในนี้ลูกบอกพ่อมาให้ชัด ๆ เลย”
ผมอมยิ้มขำมองพวกเขาทีละคนก่อนจะหันไปยิ้มหวานบอกพ่อของบีสท์
“ต้องเป็นพ่ออยู่แล้วครับ”
พ่อบีสท์หัวเราะเสียงดัง พี่แบทกับบีสท์ส่ายหัวระอาพ่อตัวเอง
“แฟนมึงอยู่เป็นว่ะ”
“ก็ว่างั้น หายกลัวแล้วสิ”
บีสท์อมยิ้มหันมาพูดกับผม ผมพยักหน้าตอบเขา
“หืม? เกิดอะไรขึ้นซันกลัวอะไรลูก”
แม่ของบีสท์เอ่ยถาม แต่คนที่แย่งผมตอบก็คือคุณแฟนตัวดีของผมนี่เอง
“ก็ซันน่ะสิแม่ กลัวไปเรื่อย กลัวว่าพ่อกับแม่จะไม่ชอบมั่งล่ะ ไม่ปลื้มมั่งล่ะ ผมก็บอกแล้วนะว่าไม่ต้องคิดมาก แม่คิดดูนะก่อนลงจากรถนี่มันหน้าซีดเป็นไก่ต้มเลย เห็นแล้วก็อยากจะแกล้ง”
ผมถลึงตาใส่แฟนตัวเอง ทำไมวันนี้บีสท์พูดมากจังแถมยังยิ้มกว้างกว่าทุกวันด้วย แม่เขายิ้มหวานแล้วลูบหัวปลอบผม
“แล้วตอนนี้หายกลัวหรือยังจ๊ะ”
ผมยิ้มกว้าง
“หายแล้วครับ”
“ต้องอย่างนี้สิ ป่ะไปกินข้าวกันดีกว่าน่าจะตั้งโต๊ะเสร็จแล้ว”
การมาทำความรู้จักกับที่บ้านของบีสท์ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ผมคิดกลับกันคือทำให้ผมรู้สึกสบายใจและผ่อนคลายเหมือนอยู่บ้านตัวเองเลย พ่อแม่ของบีสท์ใจดีมากพี่แบทเหมือนจะดุแต่ก็ใจดีและก็ดูรักน้องชายตัวเองมาก ๆ ถึงจะชอบแกล้งบีสท์โดยการชอบเดินมาโฉบผมก็เถอะ แฟนผมก็บ้าจี้ตามพี่เขาไปด้วยกอดเอวผมไว้อย่างกับเด็กขี้หวงคนนึง จากตอนแรกที่ว่าจะมาทานข้าวเย็นแล้วกลับกลายเป็นว่าถูกแม่เขารั้งให้นอนที่บ้านหนึ่งคืนซึ่งผมเองก็ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว ดีเสียอีกผมชอบบรรยากาศของที่บ้านบีสท์ ครอบครัวที่แสนอบอุ่น ครอบครัวที่ผมคิดถึง
“โห...สวยมากเลย”
บีสท์พาผมเข้ามาในห้องนอนของเขา เห็นผ่านวีดีโอว่าสวยแล้วมาเจอของจริงสวยกว่าเป็นสิบเท่า ผมไม่ได้เวอร์นะแต่ผมชอบมากจริง ๆ ผมเดินขึ้นบันไดชั้นลอยมานั่งเล่นตรงโต๊ะทำงาน มองลงไปหาบีสท์ที่เดินเก็บของอยู่
“ไว้ว่าง ๆ เรารีโนเวทคอนโดมึงกันไหม”
เขาเอ่ยชวน ผมพยักหน้าตกลงในทันที ดีเหมือนกันอยากแต่งห้องใหม่ อยากได้ห้องเจ๋ง ๆ แบบห้องบีสท์ แฟนผมกวักมือเรียกให้ผมลงไปหา ผมจึงเดินลงบันไดมาหาเขาที่ยืนรออยู่ก่อนที่ผมจะถูกรวบเข้าไปกอดจนจมอก
“กูมีความสุขจังเลย”
ผมกอดบีสท์แน่นแล้วพยักหน้าอยู่ในอ้อมกอดของเขา
“กูด้วย”
“เราก้าวขึ้นมาอีกขั้นแล้วนะ”
“อื้อ”
“เหลืออยู่อีกหนึ่งอย่าง...”
เขาคลายอ้อมกอดดันตัวผมออกมาเล็กน้อย ประคองแก้มผมไว้ด้วยสองมืออย่างทะนุถนอมมองผมด้วยสายตาอ่อนโยน ปลายนิ้วเรียวเกลี่ยริมฝีปากผมแผ่วเบา
“พร้อมจะเป็นของกูหรือยัง”
ผมยกมือของตัวเองทาบมือของบีสท์ก่อนจะจับมือของเขามาจูบแล้วกอดเขาไว้อีกครั้ง
“ทั้งตัวและหัวใจของกูเป็นของมึงคนเดียว”
บีสท์กระชับอ้อมกอดแน่น ในตอนนี้ที่เสียงหัวใจของเราเต้นไปพร้อมกัน ทุกสัมผัสอุ่นซ่านของบีสท์ ปลายนิ้วที่ไล้ไปตามทุกส่วนของร่างกายผม ริมฝีปากร้อนที่ประทับความเป็นเจ้าของ รวมไปถึงทุกจังหวะการสอดใส่ของเขา ถึงแม้จะเป็นครั้งแรกแต่บีสท์ก็กระทำทุกอย่างด้วยความอ่อนโยน ทุกอย่างที่เขาทำให้แสดงถึงความรู้สึกที่มีต่อผมอย่างชัดเจน ผมปรือตามองคนที่ขยับกายอยู่ด้านบน โน้มตัวเขาลงมาจูบและกอดเขาเอาไว้อย่างแนบแน่น
“อึก...ซัน”
“บะ...บีสท์...มัน..ลึก”
“เจ็บไป...ไหม”
ผมส่ายหน้าเมื่อเห็นสีหน้าทรมานของคนรักที่พยายามผ่อนแรงลงเพราะกลัวว่าจะทำผมแรงไป
“ไม่ต้อง...ผ่อนแรง...ก็ได้”
“แต่...กึก...ซันมึง...”
ผมรวบรวมกำลังของตัวเองยันตัวขึ้นกลายเป็นตัวเองนั่งอยู่บนตัวของบีสท์และเริ่มขยับอีกครั้ง ผมกอดคอของบีสท์เอาไว้แน่นและครางไม่เป็นภาษาเพราะท่านี้ทุกส่วนของเราแนบแน่นกว่าเดิมและของเขาก็เข้ามาลึกกว่าเดิมด้วย บีสท์ขยำสะโพกและช่วยผมขยับ
“ขี้ยั่ว”
“อ๊ะ...ก็มึง...อื้อ...มัวแต่ห่วงกู”
“อึก...กูกลัวมึงลุกไม่ขึ้น”
ผมส่ายหน้ากอดคอบีสท์แน่นเมื่อเขาเป็นฝ่ายขยับเอง
“กูเต็มใจ”
“ถ้าอย่างนั้นกูไม่เกรงใจแล้วนะ”
“อื้อ...อ๊า...บีสท์”
ร่างกายของเราสองคนสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้งและอีกครั้งจนกระทั่งเขาปลดปล่อยความอุ่นร้อนเข้ามาในร่างกายผม บีสท์ทิ้งตัวลงกอดผมเอาไว้ในอ้อมแขน ท่ามกลางความเงียบมีเพียงเสียงหอบหายใจของเราสองคน
“ทำตัวให้น่าฟัดน้อยกว่านี้หน่อยได้ไหม หืม?”
บีสท์ว่าก่อนจะฟัดแก้มของผมไปหลายฟอด ผมหัวเราะกอดคอเขาเอาไว้หลวม ๆ
“กูทำอะไรที่ไหน มึงหื่นเองต่างหาก”
เขายันตัวขึ้นมาเท้าศอกกับที่นอนอีกมือบีบโยกจมูกผม
“หรือครับแฟนขี้ยั่ว”
“ยั่วตรงไหน”
ว่าผมยั่วดีนัก ได้ผมจะทำให้เขาอกแตกตายไปเลย ผมจับมือที่บีบจมูกผมมาจูบแล้วมองหน้าเขาไปด้วย ไล่จูบทีละนิ้วก่อนจะค่อย ๆ ใช้ลิ้นเลียนิ้วของเขาและอมเข้าไป บีสท์กัดฟันกรอด ผมรู้สึกว่าตรงส่วนนั้นที่ค้างอยู่ในตัวของผมตื่นขึ้นมาอีกครั้ง และเรื่องราวครั้งนี้สอนให้ผมรู้ว่า
ไม่ควรยั่วเขาเลยจริง ๆ
เพราะอีกวันถัดมาผมนอนไข้ขึ้นหน้าซีดเป็นผักอยู่บนเตียงของเขาน่ะสิ! บีสท์หัวเราะเยาะแล้วเอาโต๊ะเล็กมาวางตั้งพาดตัวผมและเอาชามข้าวต้มพร้อมกับแก้วน้ำมาวางให้
“หึหึหึ เป็นไงล่ะยั่วดีนัก”
“หยุดพูดไปเลย!”
ผมแหวเขาทั้งน้ำเสียงแหบแห้งแบบนี้แหละ เมื่อเช้าแม่เขาเข้ามาดูอาการผมทั้งเขินทั้งอายและก็เพิ่งได้รู้ว่าแม่ของบีสท์เป็นหมอ ดีที่ท่านไม่ได้ล้ออะไรผมแต่กลับไปตีลูกชายตัวเองบอกว่าบีสท์ทำรุนแรงกับผมจนเกินไป ฝ่ายลูกชายก็ไม่มีสำนึกผิดหรอกยิ้มร่าหน้าบานเป็นจานดาวเทียม แม่เขาบอกวิธีการดูแลแล้วก็ออกไปทำงาน บีสท์บอกว่าตอนนี้ทั้งบ้านเหลือแค่ผมกับเขาสองคนเพราะพ่อกับพี่แบทก็ออกไปบริษัทตั้งแต่เช้ามืดแล้ว
“กินข้าวกินยาแล้วนอนพักอีกนิดนะ ถ้าไม่ไหวตอนเย็นเดี๋ยวให้แม่ดูอีกรอบ”
คนตัวโตนั่งลงบนเตียงลูบหัวบอกด้วยเสียงนุ่มผิดกับเมื่อครู่ลิบลับ ผมพยักหน้าว่าง่ายก้มหน้าก้มตากินข้าว รับยามากินแล้วนอนพักต่อ ตื่นมาอีกทีเกือบเที่ยงเหมือนว่าไข้ยังไม่ค่อยลด ปวดทั้งหัวทั้งตัวอาการงี่เง่าเลยเกิดขึ้นเมื่อผมมองไม่เห็นแฟนตัวเอง
“บีสท์...ฮึก...ไปไหน”
“เฮ้ยซันร้องไห้ทำไม กูอยู่นี่”
เสียงตึงตังจากบนหัวเตียงทำให้ผมเงยหน้าขึ้นไปมอง บีสท์รีบวิ่งลงบันไดมาหาผมหน้าตาตื่นเมื่อเห็นผมร้องไห้ ผมส่ายหน้าจนผมปลิวแล้วโผกอดเขาไว้
“ปวดหัว ปวดทั้งตัวเลย”
“ไปโรงพยาบาลกันไหม”
ผมส่ายหน้าปฏิเสธ ผมไม่ชอบโรงพยาบาล
“ถ้าอย่างนั้นกูโทรหาแม่แปบจะถามว่าต้องทำไง”
เขาบอกก่อนจะเอื้อมไปคว้าโทรศัพท์มาโทรทั้งที่ยังกอดผมอยู่ ผมปวดหัวจนฟังที่บีสท์คุยกับแม่ไม่รู้เรื่องรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เขาประคองแก้มผมไว้
“แม่บอกให้กินข้าวแล้วกินยาถ้าตอนเย็นยังไม่ดีขึ้นเดี๋ยวแม่กลับมาดูให้นะ”
“อื้อ”
บีสท์ให้ผมกินข้าวกินยาแล้วหลับไปอีกครั้ง คราวนี้รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาตอนที่แม่เขากลับมาดูอาการให้
“ยังปวดหัวอยู่ไหมลูก”
“เบาแล้วครับ”
“ตรงนั้นเจ็บมากไหม”
“มะ...ไม่เท่าไหร่ครับ รู้สึกดีขึ้นมากแล้ว”
แม่เขายิ้มใจดีแล้วลูบหัวผมตรวจดูอาการอีกนิดหน่อยก็หันไปสั่งบีสท์คราวนี้แฟนผมยืนฟังอย่างตั้งใจใบหน้าจริงจังจนผมยิ้ม เมื่อบีสท์เดินไปส่งแม่กลับมาแล้วร่างสูงนั่งบนเตียงโน้มตัวลงมาจนหน้าผากเราสัมผัสกัน
“ตัวไม่ค่อยร้อนแล้ว”
“อื้อ”
“ขอโทษนะ”
ผมส่ายหน้า นี่คงกำลังโทษตัวเองอยู่แน่ ๆ
“กูยั่วมึงเองแล้วก็ดันอ่อนแอเองนี่นา ไม่เป็นไรหรอกอีกอย่าง...ครั้งแรก...ก็คงเป็นแบบนี้กันทุกคนมั้ง”
ผมหลบสายตาของบีสท์ที่มองมา รู้สึกตัวเองแก้มร้อนวูบวาบ จมูกโด่งหอมแก้มผมเบา ๆ แล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำออกมาพร้อมกะละมังและผ้าผืนเล็ก ผมขยับตัวนั่งให้บีสท์เช็ดตัวและ...เอ่อ...ทายาให้ ถึงจะเขินอายแต่สุดท้ายก็ผ่านไปได้ด้วยดี บีสท์ตัดสินใจนอนที่บ้านอีกหนึ่งคืนเพราะผมยังไม่ค่อยหายดี ตอนเย็นพ่อกับพี่แบทก็เข้ามาเยี่ยมและก็ทำให้ผมแทบจะมุดดินหนี
“หึหึหึ ต้องอย่างนี้สิไอ้เสือถึงจะสมกับเป็นลูกพ่อ”
“โอ้โหน้องชายมึงไปอดอยากจากไหนมา รอยเต็มตัวขนาดนี้ แต่ซันนี่ขนาดตอนป่วยยังน่ารักเลยนะ”
“มึงออกไปเลยแบท ไปไป๊ ชิ่ว ๆ”
บีสท์ทั้งโบกมือไล่ทั้งผลักพี่ชายตัวเองออกนอกห้อง พี่แบทก็ขี้แกล้งเหลือเกินก่อนพ้นประตูห้องยังเหลียวหลังกลับมาโบกมือบ๊ายบายให้ผมอีก ส่วนพ่อของบีสท์ก็ลูบหัวบอกให้ผมหายไว ๆ แล้วลุกตามลูกชายคนโตออกไป สัมผัสอุ่นจากฝ่ามือพ่อของบีสท์ยังไม่หายไปไหนและผมก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงต้องร้องไห้ออกมา
อาจเป็นเพราะผมคิดถึงสัมผัสนั้นมากก็เป็นได้
สัมผัสที่ผมโหยหาแต่ไม่คิดอยากได้จากคน ๆ เดิม
“ร้องไห้อีกแล้ว กูใจไม่ดีเลยเนี่ย เป็นอะไรหืม?”
บีสท์ขยับขึ้นมานั่งบนเตียงรวบตัวผมเข้าไปกอด
“คิดถึงความห่วงใยของครอบครัวมั้ง”
“คิดถึงพ่อหรือ”
ผมส่ายหน้าซุกตัวกอดเขา
“เปล่าหรอก ดีจังที่พ่อแม่มึงชอบกูรู้สึกเหมือนมีครอบครัวอีกครั้งเลย”
“กูจะเป็นทุกอย่างให้มึงเอง จะเป็นคนรัก เป็นเพื่อน เป็นคนในครอบครัวเป็นให้หมดเลยดีไหม”
“ดีที่สุดเลย”
บีสท์หัวเราะเบา ๆ เขาลูบหัวผมจนผมผล็อยหลับในอ้อมกอดเขาไปอีกครั้ง ในคืนนั้นผมฝันเห็นแม่ยืนส่งยิ้มมาให้ผมแม่เองก็กำลังมีความสุขอย่างที่ผมมีใช่ไหม
สรุปแล้ววันจันทร์เราก็พากันโดดเรียนทั้งคู่และกลับมาถึงบ้านในช่วงเย็นซึ่งผมอยากจะให้บีสท์หักพวงมาลัยรถกลับคอนโดหรือไม่ก็พุ่งชนสกายมันซะเลย
“รอยอะไรน้าเต็มตัวเลย”
“รอยรักชักกระดุ๊กชักกระดิ๊ก”
“ฮิ้ววววววว”
ผมเปลี่ยนใจแล้วชนมันให้หมดเลย ไอ้พวกบ้า ผมนั่งหน้างอปนอายอยู่ตรงโซฟาโดยมีพวกบ้าล้อมหน้าล้อมหลังแกนนำก็สกายไงจะใครล่ะและลูกคู่ตัวดีไอ้หมากที่คราวนี้มันดีใจกระโดดโลดเต้นที่ผลงานเพื่อนตัวเองสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
“เบาเสียงหน่อยได้ไหมกูปวดหัว”
“แน่ะมีสำออยอ้อนผัว”
สกายแซะ ผมถลึงตาใส่มันยกเท้าจะถีบแต่มันไวกระกระโดดหลบแถมยังเชิดหน้ายิ้มเย้ย
“ไม่เจียมนะมึง”
“ใช่ ๆ เดี้ยงแล้วไม่เจียมนะซัน”
“กูอยากเตะมึงแทนแล้วมาร์ค”
ผมส่ายหน้าบอกมาร์คปลง ๆ คนฟังแสร้งเอามือทาบอกตีหน้าเศร้า
“ทำไมร้าย น้องเสียใจไนติงเกลมาก”
“กูฟังแล้วรู้สึกเห็นใจไนโตรเจนเลย”
“ทำไมมึงขี้ลอกออกซิเจนแบบนี้ล่ะกาย”
“เพราะกูเป็นคนคูลฟลูออไรด์ไง”
“โอ่ยกูไหว้ล่ะพอเถอะคำสร้อยของพวกมึงเนี่ย”
ผมยกมือไหว้ท่วมหัวขอให้พวกมันหยุด สกายกับมาร์คหัวเราะชอบใจรวมทั้งพวกที่เหลือ บีสท์เดินกลับเข้ามาในห้องนั่งเล่นหรี่ตามองเพื่อนเขาเรียงคน
“ไม่ได้แกล้งอะไรซันใช่ไหมมันป่วยอยู่นะ”
พวกมันทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ตอบบีสท์อย่างพร้อมเพรียง
“หูย พวกกูดูแลแฟนมึงอย่างดี เนอะเชนเนอะ”
“ใช่เลยจ่ะมาร์คจ๋า เนอะเปาเนอะ”
“ถูกที่สุดเชนจ๋า ใช่ไหมจ๊ะกายจ๋า”
“ใช่จ่ะเปาจ๋า จริงไหมจ๊ะยูจ๋า”
“ตามนั้น”
“โห่!!! ยูแม่งไม่เฟี้ยว”
พวกเขาโห่ยูกันหมด คนถูกโห่ยิ้มขำแล้วดูโทรทัศน์ต่อ บีสท์ส่ายหัวระอาความเกรียนของเพื่อนตัวเองแล้วเดินมานั่งข้างผมแล้วมองหน้าเหมือนจะถามว่าจริงไหมที่พวกมันพูด ผมขี้เกียจต่อความยาวสาวความยืดเลยพยักหน้าเออออไปแล้วเอนตัวพิงไหล่บีสท์ ขืนบอกว่าพวกมันล้อคงจ๋ากันยาวถึงพรุ่งนี้
Because I can see us holding hands
Walking on the beach, our toes in the sand
I can see us on the countryside
Sitting on the grass, laying side by side
You could be my baby, let me make you my lady
Girl, you amaze me
Ain't gotta do nothing crazy
See, all I want you to do is be my love
My love – Justin Timberlake
tbc
talk.

ต้องทำบุญด้วยอะไรถึงจะได้บีสท์มาเป็นของตัวเองงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง เราจะไม่พูดอะไรหัวใจเราเจ็บบบ เจอกันตอนหน้าจ้า
#นิยายตัวร้าย
อ้อ เรื่องใกล้จบแล้วน้าาา ไม่น่าเกิน 40 ตอน แต่ถ้าเกินก็ไม่น่าถึง 45 ตอน แหะ ๆ ไม่รู้ว่ามีใครรอเล่มไม่แต่เราจะทำ ก๊ากกกกกกกก ไปจริง ๆ แล้ว รักคนอ่านทุกคนเลยค่าา บะบายย ฝนตกดูแลสุขภาพกันด้วยน้า