ตัวร้าย
32
อะไรคือการจะสอบอีกแล้ว ชีวิตมหาวิทยาลัยวนเวียนอยู่แค่เท่านี้สินะ วันนี้ผมมานั่งอ่านหนังสือกับพวกคริษฐ์ที่ร้านกาแฟแถว ๆ ท่ามหาราช ส่วนบีสท์ไม่ต้องพูดถึง กินนอนอยู่ที่สตูดิโอมหาวิทยาลัย ผ่านมาเดือนกว่าแล้วหลังจากที่เรามีอะไรลึกซึ้งกันพวกที่บ้านยังไม่เลิกล้อเลยให้ตายเถอะ อย่าว่าแต่พวกที่บ้านเลยไอ้คนที่นั่งตรงข้ามผมก็ตัวดีเผลอสบตามันทีไรต้องยิ้มกริ่มกลับมาทุกรอบ ดีที่ซานกับคิงไม่รู้เรื่องวันที่ผมกลับไปเรียนพวกมันสองคนก็ไม่ได้มามหาลัยเพราะวิชาเรียนเริ่มไม่ตรงกันแล้ว พอเข้าวันที่สามรอยก็เริ่มจางการเดินของผมก็กลับมาเป็นปกติ
“เป็นอะไรวะคริษฐ์ ทำจมูกฟุดฟิตอยู่ได้”
ผมถามมันเพราะเห็นมันทำไม่หยุดคิงกับซานออกไปสูบบุหรี่ ช่วงนี้คริษฐ์สูบน้อยลงแล้วเห็นว่าพี่สาวมันขอให้เลิกมันเลยจะทำให้มันบอกว่าณินยิ้มหน้าบานดีใจกว่าทุกคนในบ้าน แน่สิก็มันตัวติดกันตลอดเวลาและณินก็ไม่ค่อยชอบกลิ่นบุหรี่ที่ติดตัวเพื่อนที่น่าเคารพของผมด้วย
“เหม็นคนมีความรัก”
ไม่น่าถามให้เสียปาก เกลียดมันเหลือเกินถ้าที่บ้านมีพวกเพื่อนบ้าคอยล้อที่นี่ก็มีไอ้คุณคริษฐ์นี่แหละที่ยังล้อไม่เลิก ผมถีบขามันอย่างแรงแบบไม่เกรงใจนอกจากจะไม่ว่ามันยังหัวเราะขำอีก ไม่รู้จะขำอะไรนักหนา
“เกลียดมึง”
“เขินแรงตลอด”
“เลิกล้อกูซักทีเถอะ กูก็อายเป็นนะ”
“ทำใจให้ชินสิ”
“มึงเลิกพูดถึงจะง่ายกว่า”
“ไม่เอาล่ะแกล้งมึงสนุกดี”
ผมถีบมันอีกรัว ๆ หมั่นไส้ เกลียดมัน ทำไมใคร ๆ ก็ชอบแกล้งผมกันนักนะแม้กระทั่งแฟนคนดีของผมเขายังชอบแกล้งผมเลย คริษฐ์หัวเราะชอบใจจนพวกที่เหลือกลับเข้ามาสงครามถีบของผมจึงจำต้องสงบลงเราเริ่มอ่านหนังสือกันจริงจังอีกครั้ง
“ปีใหม่ไปไหนวะ”
ซานถามทุกคนในวง คริษฐ์ตอบโดยไม่เงยหน้าจากชีทในมือ
“เฝ้าพี่ณิแต่ที่เหลือพาพวกเด็ก ๆ ไปเที่ยวเขาค้อ”
“กูอยู่เชียงใหม่กับตายาย” (ครอบครัวของบีสท์ด้วยแต่ไม่ได้พูดออกไป)
“อ่อเหมือนเดิมสินะ ของกูเห็นแม่บอกจะไปญี่ปุ่นคิงไปไหน”
“ไปอังกฤษ”
“หูยยยยยย”
ผมสามคนส่งเสียงโห่ร้องเบา ๆ เมื่อคิงบอกที่หมายของบ้านตัวเอง แอบอิจฉามันนิดหน่อยความฝันของผมเลยนะอังกฤษน่ะ อยากจะไปตามรอยแฮรี่ พอตเตอร์กับเชอร์ล็อค โฮล์มส์ที่ตอนนี้กำลังติดงอมแงมเพราะสกายคนเดียว แล้วมันนะชอบชวนมาดูอะไรช่วงสอบแบบนี้ทำให้ผมโดนบีสท์ดุไปตั้งหลายรอบ ส่วนตัวมันยิ้มเยาะลอยหน้าลอยตาเพราะมันจัดการชีวิตตัวเองได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ
รู้สึกเกลียดมันแรง ๆ เพราะมันเก่ง
“กูงงสำเนียงอาจารย์คริสตอฟมากเลยมึง”
ซานวกกลับมายังเรื่องเรียนอีกครั้งอาจารย์คริสตอฟคืออาจารย์สอนภาษาอังกฤษ 4 ที่พวกผมต้องลงเรียนเป็นเนทีฟชาวอังกฤษสำเนียงบริทิชแท้ ๆ มาเองช่วงแรกก็ฟังยากอยู่แต่อย่างที่บอกไปว่าถูกสกายลากมาดูซีรีย์อังกฤษด้วยบ่อย ๆ ผมก็ชินสำเนียงไปเองและมันก็ทำให้ผมกลายเป็น
“ลูกรักเขาก็คุณดารินทร์คนนี้ไงที่ไม่รู้ไปอัพสกิลมาจากไหนสงสัยติวเตอร์ดี”
ซานมันยักคิ้วหลิ่วตาล้อผมที่ได้แต่ยิ้มส่ายหัวแล้วพาลไปนึกถึงหน้าสกายที่ชอบมองเหยียดเวลาผมฟังไม่ออก ดีกับผีอ่ะสิไอ้ติวเตอร์รอยสักนั่น มันไม่สมควรมาเป็นครูให้ใครเลยจริง ๆ นะ แล้วนี่อนาคตต้องเป็นหมอรักษาคนถึงมันจะอยากเป็นศัลยแพทย์ก็เถอะผมคิดภาพไม่ออกเลยแค่คิดก็ฮาแล้วถ้าสมมติญาติคนไข้หน้าห้องผ่าตัดโวยวายมันคงด่าเขากราดจนเขากลัวไม่กล้าแย้ง โรงพยาบาลน่าจะหรรษา
“แน่ะ เดี๋ยวนี้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เว้ย หมั่นไส้คนมีความรักจริง ๆ เมื่อไหร่จะพามาเปิดตัวสักที”
“เดี๋ยวหลังปีใหม่พามา”
พวกมันทำหน้าตื่นเต้นรวมทั้งคริษฐ์ด้วย ผมตัดสินใจแล้วว่าเมื่อกลับมาจากบ้านยายผมจะบอกเพื่อนทุกเรื่องเกี่ยวกับผมและบีสท์ จะถูกต่อว่าหรือโกรธก็ไม่เป็นไรผมจะอธิบายจนกว่าพวกมันจะเข้าใจและผมเชื่อว่าเพื่อนผมจะเข้าใจและชอบเขาอย่างที่ผมรัก
“ตื่นเต้นว่ะ”
คิงยิ้มบอก ผมหันไปยิ้มให้มันแล้วหันไปมองคริษฐ์ที่เลิกคิ้วถามประมาณว่าคิดดีแล้วใช่ไหมพอมันเห็นผมพยักหน้าให้มันก็พยักหน้าตอบถือว่าเข้าใจกันหมดครบถ้วนแล้วนะ นั่งอ่านกันจนตะวันตกดินโทรศัพท์ผมก็สั่นเป็นสกายที่โทรเข้ามา
“ว่า”
‘ผัวมึงบอกให้กูแวะรับมึงกลับบ้าน’“มึงมาทำไมแถวนี้”
ผมถามเพราะว่ามันไม่ได้ใกล้มหาลัยของเขาเลย ได้ยินเสียงคนขี้รำคาญจิ๊จ๊ะมาจากปลายสาย
‘กูแวะเอาของมาให้นาฟ ถามมากจริงสรุปจะกลับกับกูไหม’ผมเหลือบตาไปมองพวกเพื่อนและกองหนังสือตรงหน้าเหลืออีกไม่มากนักที่ต้องอ่านกลับไปอ่านที่บ้านกับพวกยูก็ได้เพราะผมกับยูเราเรียนสาขาเดียวกันถึงจะคนละมหาลัยก็เถอะ
“กลับ ๆ มึงจะมากี่โมง”
‘ราว ๆ ทุ่มนึงน่าจะถึงมึงจะไปไหนป่าว’“เดี๋ยวกูรอมึงที่นี่แหละ”
‘เค เจอกัน’สกายวางสายไปแล้วผมมองมือถือแล้วก็ได้แต่อมยิ้มให้กับความสกายมาไวไปไวแบบนี้ตลอดเวลา ผมล่ะรู้สึกสงสารแฟนมันจริง ๆ (ที่ไม่รู้ว่ามีหรือเปล่า) เพราะบีสท์บอกว่าบางทีมันก็หายไปติดต่อไม่ได้พวกเขาเป็นห่วงจนเกือบจะไปแจ้งความสุดท้ายโทรกลับมาว่าอยู่ที่ไหนสักที่รู้สึกอยากพักผ่อนก็เลยจองตั๋วไปเลยเดี๋ยวนั้น พวกเพื่อนผู้หญิงด่ากราดด้วยความเป็นห่วงจนมันต้องบินกลับมาวันนั้นทั้งที่เพิ่งไปถึง ทั้งสงสารทั้งสมน้ำหน้าดีที่ว่ามันสัญญาว่าจะบอกกล่าวทุกครั้งถ้ามันจะไปไหน
อ้อบีสท์บอกว่ามันโดนแพรวโกรธไปเป็นอาทิตย์
“น่ะ! ยิ้มอีกแล้ว เอาจริงนะซันบางทีกูก็รู้สึกกลัวมึง”
ผมเลิกคิ้วมองซาน
“อะไรกูยิ้มก็กลัว”
มันยักไหล่
“มึงเหมือนคนเมาความรักอ่ะ หมั่นไส้เว้ย”
ผมหัวเราะส่ายหัว คิงคว้าหัวซานให้ก้มไปอ่านหนังสืออีกรอบ
“แล้วเราจะไปกินข้าวที่ไหนกันดีเย็นนี้”
คริษฐ์เป็นคนถามขึ้นมา ซานยักไหล่นั่นแปลว่าแล้วแต่คนอื่นมันได้หมดคิงเองก็เช่นกันทุกคนจึงหันหน้ามาทางผมอย่างพร้อมเพรียงหวังจะให้ผมเลือกแต่เสียใจด้วยครับเพื่อน
“กูกลับบ้าน”
บ้านที่ผมหมายถึงคือบ้านของยูตามความเข้าใจผิดของพวกมัน ซานเบะปากหมั่นไส้
“ตลอด บ้านก็อย่างไกลแล้วมึงจะกลับไงวันนี้มึงมากับคริษฐ์นะอย่าลืม”
“เดี๋ยวสกายมารับ”
“สกาย?”
“เพื่อนในกลุ่ม”
“คนไหน”
“คนที่สักเยอะ ๆ หน้ากวน ๆ ตัวขาว ๆ ที่เคยมาตอนบีสท์ต่อยอิน”
“อ๋อ กูนึกหน้าออกละ หน้าโคตรกวนปากร้ายชิปหายตอนที่มันด่าไทยมุงแถวนั้นนะหน้าชากันเป็นแถบ”
ผมหัวเราะขำแถมยังพยักหน้าเห็นด้วยไม่เถียงเพื่อนสักคำจริงอย่างที่พวกมันว่ามา สกายทั้งกวนตีนทั้งปากร้ายวันนั้นผมไม่ได้ใส่ใจว่ามันพูดอะไรแต่คริษฐ์โทรมาเล่าให้ฟังแล้วก็ขำ ก็นะ...สมเป็นมันล่ะ
“เรียนอยู่แถวนี้หรือไง”
คริษฐ์ถาม ผมส่ายหน้าก่อนจะตอบ
“เปล่าเห็นว่าแวะเอาของมาให้เพื่อนอีกคนเลยโทรมาถามกูว่าจะกลับบ้านด้วยกันป่าว”
“ที่โทรมาเมื่อกี้อ่ะนะ”
“อือ”
คริษฐ์เลิกถามแล้วพวกมันสามคนก็หันไปคุยกันเองว่าวันนี้จะกินอะไรกันดีโดยตัดผมออกจากวง ผมอมยิ้มแล้วเริ่มเก็บของเพราะใกล้เวลาที่สกายจะมารับแล้ว ไม่กี่นาทีถัดมาโทรศัพท์ผมก็ดังแต่ยังไม่ทันได้กดรับสายก็ตัดไปเสียก่อนพร้อมกับคนที่โทรมาเดินมาหยุดข้างโต๊ะผม เพื่อนผมมองมัน มันยักคิ้วกวนให้ทุกคนเล็กน้อยแล้วหันมาหาผม
“ไปยัง”
“อือ กูไปก่อนนะพวกมึง เจอกันพรุ่งนี้”
“บาย//บาย//เจอกัน”
“เดี๋ยวกูขอดูขนมแปบ”
สกายเดินไปหยุดตรงตู้กระจกชี้นิ้วสั่งขนมสองสามอย่างทิ้งท้ายด้วยกาแฟที่ทำผมแปลกใจเพราะปกติมันไม่กินเข้มขนาดนี้
“มึงเปลี่ยนมากินอเมริกาโน่แล้วหรือวะ”
“เปล่าไม่ใช่ของกู”
ผมยักไหล่ไม่ได้ถามอะไรต่อแต่พอเดินมาขึ้นรถก็รู้ว่ามันซื้อมาให้ใคร มีคนขับรถให้นี่เองผมยิ้มล้อมันแล้ววิ่งไปขึ้นรถด้านหลังทันทีเพราะสกายมันยกเท้าจะถีบ เข้ามานั่งกันเรียบร้อยทั้งรถเงียบฉี่ก่อนคนขับรถให้สกายจะพูดขึ้นมา
“แล้วฟ้าจะนอนที่บ้านนั้นกี่วันครับ”
“ยังไม่รู้เลยพี่”
“พี่ให้แค่สองวัน”
“ไม่!”
สกายมันสวนเสียงแข็งทันควัน คนที่ขับรถอยู่นิ่งมากผมไม่รู้ว่าเขานิ่งเพราะเป็นคนใจเย็นหรือว่านิ่งเพราะกำลังข่มอารมณ์อยู่กันแน่ แต่ประโยคถัดมาทำให้ผมเข้าใจไปเองว่าเขาเป็นคนใจเย็น
“ของสดพี่ซื้อมาเก็บไว้เยอะเลยนะ ถ้าฟ้าไม่กลับมากินด้วยกันก็คงจะต้องทิ้ง”
แถมยังขี้อ้อนด้วยและเหมือนว่าสกายจะแพ้ทาง
“ถ้าผมอ่านติดตรงไหนจะกลับมาให้พี่ติวให้แล้วกันนะครับ”
“ครับผม ว่าแต่จะไม่แนะนำเพื่อนให้พี่รู้จักหรือครับ”
ในที่สุดทั้งสองคนก็สนใจผมเสียที พี่คนขับรถ? ผมขอเรียกแบบนี้แล้วกันเพราะไม่รู้จักเขายิ้มมองผมผ่านกระจกมองหลังผมจึงยกมือไหว้เขา
“พี่คุณนั่นซันแฟนบีสท์ ส่วนซันนี่พี่คุณเพื่อนพี่สาวกู”
อ้อ....พี่คุณคนนี้นี่เองที่เชนมันเป็นสปายให้
“สวัสดีครับพี่คุณ”
“สวัสดีครับซัน ฝากดูฟ้าด้วยนะถ้าไม่กินข้าวมื้อไหนมาฟ้องพี่ได้เลย”
“ได้ครับ”
“พี่ผมไม่ใช่เด็กแปดขวบนะ!”
สกายร้องโวยวายนิดหน่อยแต่พอพี่คุณยิ้มแล้วลูบหัวมันไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าจากเสือจะกลายเป็นแมวภายในเสี้ยววินาทีแต่ก็ใช่ว่ามันจะยอมหยุด มันทำอะไรพี่คุณไม่ได้มันก็หันมาเล่นผมแทนไงล่ะ สกายเอี้ยวตัวมาทางด้านหลังแล้วขยับปากแบบไม่มีเสียงว่า
ถ้าฟ้องมึงตาย พร้อมกับทำท่าเชือดคอ ผมลอยหน้าลอยตาใส่มันแบบที่มันชอบทำใส่ผม ไม่รู้เว้ยทีใครทีมันแล้วกันมึงทำกูไว้เยอะนะสกาย
การสอบผ่านพ้นไปแบบงง ๆ การทำข้อสอบของผมก็งง ๆ เช่นกันเบลอจนกลับมาถึงบ้านนอนสลบไปตั้งแต่เย็นยันเช้าอีกวันตื่นมาก็เห็นบีสท์นั่งผึ่งพุงดูโทรทัศน์อยู่ผมคลานลงเตียงเดินโซเซไปหาแฟนตัวเองที่เหลือบตาอมยิ้มมองผมอยู่ บีสท์กางแขนรอให้ผมทิ้งตัวลงนอนทับเขาที่นั่งอยู่
“ง่วง”
คนที่กอดผมอยู่หัวเราะเบา ๆ แล้วขยี้หัวผมเล่น
“อะไรกันเพิ่งตื่นนะง่วงอีกแล้ว? เมื่อวานก็นอนตั้งเยอะ”
ผมส่ายหัวแล้วขยับตัวนั่งคร่อมตักเขากอดคอบีสท์ไว้หลวม ๆ เขาเลื่อนมือมากอดเอวของผมไว้
“ก็มันง่วง”
“เลิกนอนได้แล้วสล็อต”
ผมหัวเราะแล้วงับจมูกเขาบีสท์เองก็ไม่ยอมเขาจี้เอวผมดิ้นพล่านเหมือนไส้เดือนโดนน้ำร้อนลวกอยู่ภายในอ้อมกอดของเขา
“พอ...ฮ่า ๆ พอแล้ว...หายใจไม่ทัน ฮ่า ๆ”
“ยอมแพ้หรือยัง”
เขากลั้นยิ้มถาม ผมพยักหน้ารัวใส่ แฟนผมถึงยอมหยุด ผมทิ้งตัวซบไหล่เขาหอบหายใจเหนื่อยโดยมีเจ้าแฟนจอมขี้แกล้งคอยลูบหลังให้อยู่
“สอบเป็นไงบ้างทำได้หรือเปล่า”
“ก็พอถูไถ งานมึงเป็นไงบ้าง”
“แน่นอนว่าเอ”
ผมหยิกพุงเขาเบา ๆ ด้วยความหมั่นไส้ บีสท์หัวเราะชอบใจจับผมมากอดโยก ผมไม่ใช่ผู้ชายตัวเล็กแต่บีสท์สามารถกอดผมจนจมอก ผมชอบอยู่ในอ้อมกอดของบีสท์มันทั้งอบอุ่นและปลอดภัย มือใหญ่เริ่มซุกซนล้วงเข้ามาภายในเสื้อผม
“เดี๋ยวนะ”
“หืม? กูไม่ลืมล็อคห้องหรอก”
จมูกโด่งซุกไซร้อยู่ตามลำคอผมเอ่ยถามน้ำเสียงทะเล้น ผมตีแขนเขาเบา ๆ ไอ้บ้านี่ไม่ได้จะถามอย่างนั้นสักหน่อย แล้วทั้งเช้าเราสองคนก็ใช้เวลาด้วยกันในห้องจนผมผล็อยหลับไปอีกรอบ
“มึงท่าจะสะสมความคิดถึงไว้นานนะบีสท์ ไอ้ห่ารอยเต็มตัวอีกละ”
เปาแดกดันบีสท์ที่เดินยิ้มตามหลังผมเข้ามาในห้องนั่งเล่นในตอนบ่าย บีสท์ผิวปากลอยหน้าลอยตาใส่เพื่อนไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไรกลับเป็นผมเสียเองที่หน้าบางก้มหน้างุดซบกับหมอนรอข้าวต้มที่ยูเป็นฝ่ายเสนอว่าจะเข้าครัวทำให้
“คิดถึงมากก็ทำมาก”
“ไอ้สัดมึงห่างกันเกินยี่สิบสี่ชั่วโมงสักวันหรือยังทำมาพูด”
“เกินหกชั่วโมงก็ถือว่านานแล้วเว้ย”
เปาส่ายหัวปลงโดยมีสกายกลอกตารำคาญมาร์คสะบัดหน้าเบะปากใส่ส่วนเชนทำหูทวนลมในสิ่งที่เพื่อนตัวเองพูดซึ่งก็ดีแล้วเพราะแค่นี้ผมก็ไม่รู้ว่าต้องหาอะไรมาเสริมหน้าแทนคอนกรีตแล้วเนี่ย บีสท์หัวเราะพวกเพื่อนเขาแล้วหันกลับมาโอบไหล่ลูบหัวผมเล่น วันนี้อยู่กันครบแต่พวกผู้หญิงเห็นว่าขาดแจม เมเปิ้ล นาฟ ที่ยังสอบไม่เสร็จ พรุ่งนี้เราจะไปหาซื้ออะไรมาทำกินกันก่อนปีใหม่ปีนี้จะแยกย้ายไปตามครอบครัวแต่ละคน
“คนอวดเมียที่แท้ทรู”
“ไอ้ขี้อวด”
“มึงก็เอาผัวมาอวดบ้างสิกาย”
“ไอ้สัดเชนเงียบปากไป กูไม่มีผัวเว้ย”
“อ๋อเหรอออออออออออออออออออออออออ”
สกายขว้างหมอนใส่เชนที่หัวเราะคิกคักโดยมีเปากับมาร์คเป็นลูกคู่ สักพักยูก็ยกข้าวยกน้ำมาเสิร์ฟรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคุณชายอย่างไรก็ไม่รู้คุณชายยูเขาบริการให้ทุกอย่าง
“นี่ถ้ายูมันไม่ใช่แฟนแจมกูหึงแทนไอ้บีสท์ไปแล้วนะเนี่ย แต่พอดีห่านี่ทำงี้กับทุกคน ยอมใจแจมมันจริง ๆ ที่ไม่หึงมึงเรี่ยราด”
เปานั่งเคี้ยวถั่วแล้วพูดไปด้วย ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยกับหนุ่มแว่น คนถูกกล่าวถึงยักไหล่แล้วยิ้มบาง
“กูโชคดีที่มีแจม”
“กูเหม็นความรัก!!!”
มาร์คกับเชนตะโกนออกมาพร้อมกัน พวกผมหัวเราะครืน พอดีกับพวกผู้หญิงทยอยกันเดินเข้ามามาร์คกับเชนเลยรีบฟ้องและพวกเธอก็ช่วยสองคนนั้นรุมกัดยูที่ยิ้มรับไม่หือไม่อือ
อยากจะเหม็นความรักด้วยคนแต่ก็ทำไม่ได้เพราะสำหรับผมความรักนี้มันช่างหอมหวานจนอยากให้มันอยู่กับผมตลอดไป
เพียงเธอบอกว่ารักฉัน
ว่ารักฉัน...แล้วลืมทุกสิ่ง
จับมือฉันไว้ เชื่อในฉัน
ว่ารักนั้น...จะไม่ทำร้ายเธอ
อีกต่อไป...
ด้วยไอรัก – เจมส์ เรื่องศักดิ์
tbc
talk. ซันคนขี้อ้อย!!! เหม็นความรัก!!!! ชิชะให้หวานกันไปก่อนเถอะ อย่าให้ขมนะบอระเพ็ดยังเรียกแม่เลยฮึ!
แล้วเจอกันตอนหน้านะคะ อาจลงได้ไม่บ่อยเท่าเดิมน้าแต่ก็ไม่เกินอาทิตย์ละตอนแน่ ช่วงนี้ร่างกายเราทรุดโทรมมากค่ะ ดูแลสุขภาพกันด้วยน้า
#นิยายตัวร้าย